GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิว Detroit: Become Human
ลงวันที่ 24/05/2018

Detroit ถือเป็นเกมลำดับที่สี่จากค่าย Quantic Dream ที่เป็นแนว Interactive Drama-Action Adventure คือเป็นเกมที่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อเรื่องและการนำเสนอด้านภาพยนตร์เป็นหลัก โดยเราจะต้องคอยกดปุ่มเพื่อเลือกการกระทำของตัวละคร คล้ายๆ กับเรากำลังดูหนังแล้วเราสามารถมีส่วนร่วมในการกำกับฉากที่เกิดขึ้นต่อไปได้ โดยไม่ว่าเราจะตัดสินใจแบบไหนก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิด ทุกๆ การตัดสินใจของเราจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ทำให้เกิดฉากจบได้หลายแบบ และเมื่อรวมกับผลลัพธ์ยิบย่อยตลอดทั้งเกมแล้ว ก็สามารถพูดได้อีกอย่างว่าการเล่นเกมของค่ายนี้เปรียบได้กับการดูหนังที่มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นในโลก เพราะผู้เล่นคนอื่นๆ ย่อมมีวิธีเล่นที่ไม่เหมือนกับเรา โดยเกมก่อนหน้านี้ของค่ายก็มีเกมที่ทำได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักอย่าง Beyond: Two Souls มีเกมที่ทำได้ดีมากอย่าง Farenheit และเกมที่กลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดในชีวิตของใครหลายคนอย่าง Heavy Rain จึงน่าสนใจว่าหลังจากหายไปนานหลายปี Detroit จะกลายเป็นหนึ่งในเกมชั้นเยี่ยมอีกเกมหนึ่งหรือไม่



เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องของเกม Detroit เกิดขึ้นในยุคอนาคต ในโลกที่หุ่นยนต์แอนดรอยด์ได้รับการพัฒนาจนมีลักษณะที่เหมือนกับมนุษย์ทุกประการ แต่มีความสามารถที่เหนือกว่ามนุษย์ในทุกๆ ด้าน แต่ถึงอย่างนั้นแอนดรอยด์เหล่านี้ก็เป็นเพียงหุ่นยนต์ ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง เป็นได้เพียงทาสรับใช้ของมนุษย์เท่านั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันดีคืนดีแอนดรอยด์เหล่านี้เกิดมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ต้องการเป็นทาสรับใช้ของมนุษย์อีกต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทาสรับใช้ที่มนุษย์สร้างขึ้นมานี้ต้องการเรียกร้องอิสรภาพของตัวเอง มนุษย์จะยอมรับให้แอนดรอยด์เหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับตนหรือไม่ และแอนดรอยด์เหล่านี้จะมีวิธีการเช่นไรในการเรียกร้องอิสรภาพให้ตัวเอง ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และแอนดรอยด์คือประเด็นหลักของเกมนี้

ในเกมเราจะได้เล่นสลับเป็นตัวละครแอนดรอยด์สามตัว ได้แก่ Connor แอนดรอยด์ฝั่งตำรวจที่มีหน้าที่สืบและจัดการกับเหตุการณ์แอนดรอยด์ที่ผิดปกติ ซึ่งมีปัญหาเข้ากันไม่ได้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เห็น Connor เป็นเพียงเครื่องจักร แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัญหากับแอนดรอยด์พวกเดียวกันที่กล่าวโทษว่า Connor ทรยศพวกพ้องตนเอง Markus ผู้นำการปฏิวัติเรียกร้องอิสรภาพของแอนดรอยด์ ซึ่งต้องเลือกระหว่างการเรียกร้องสันติภาพอย่างสันติที่ดูไร้หนทาง กับการใช้กำลังที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ที่กดขี่และใช้ความรุนแรงกับเหล่าแอนดรอยด์ และ Kara แอนดรอยด์สาวที่พาเด็กสาวหลบหนีจากพ่อผู้มีปมปัญหาในชีวิตและใช้ความรุนแรงกับลูกสาวตนเอง ซึ่งต้องคอยรอนแรมหาที่พักพิงและปกปิดความเป็นแอนดรอยด์เพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางเหตุการณ์ความวุ่นวายที่มนุษย์ส่วนใหญ่ดูจะเป็นปฏิปักษ์กับแอนดรอยด์อย่างไม่เลือกหน้า



เกมเพลย์

วิธีการเล่นของเกมจากค่ายนี้หลักๆ แล้วคือการกดปุ่มเพื่อตัดสินใจ เป็นการเลือกคำพูดหรือการกระทำของตัวละคร ซึ่งสิ่งที่เราเลือกแน่นอนว่าจะมีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เราอาจเลือกวิธีพูดอย่างนุ่มนวลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อาจเลือกโกหก หรือใช้กำลัง แต่ละวิธีก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป และหลายๆ ครั้งเราจะมีเวลาให้ตัดสินใจไม่นาน ไม่เช่นนั้นตัวละครจะเลือกตัดสินใจโดยอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มความลุ้นระทึกและทำให้การตัดสินใจของผู้เล่นมาจากสัญชาตญาณมากกว่าที่จะมาจากการคิดมากเพื่อเลือกตำตอบที่ดีที่สุด นอกจากการกดปุ่มแบบที่เราตัดสินใจแล้วก็ยังมีแบบที่ไม่ต้องตัดสินใจด้วย เช่นให้ตัวละครเดิน หยิบจับสิ่งของ มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว และแบบที่ลุ้นระทึกขึ้นมาหน่อยก็เป็นในฉากต่อสู้ต่างๆ ที่เราต้องกดปุ่มที่ปรากฏให้ทันเพื่อให้ตัวละครหลบการโจมตีให้พ้น นอกจากนั้นวิธีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเกมนี้คือการกดปุ่มให้ตัวละครแอนดรอยด์ที่เราบังคับใช้ความสามารถของแอนดรอยด์เพื่อสำรวจฉาก โดยเราจะเห็นว่ามีสิ่งไหนที่เราสำรวจได้บ้าง นอกจากนี้ตัวละคร Connor ที่ทำงานกับตำรวจจะมีวิธีการเล่นที่เพิ่มขึ้นมาคือการสำรวจเพื่อหาเบาะแส ซึ่งเมื่อเราหาได้ครบเราจะสามารถจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อหาหลักฐานสำคัญเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่ตัวละครนักปฏิวัติอย่าง Marcus จะมีความสามารถในการคำนวณความเป็นไปได้ของการตัดสินใจเพื่อเลือกเส้นทางที่ทำแล้วมีโอกาสสำเร็จแน่นอน

วิธีการเล่นของเกมนี้น่าสนใจอยู่ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อยๆ การเล่นแบบนี้ก็กลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ แม้จะมีช่วงที่ตื่นเต้นหน่อยอย่างเวลาที่ต้องกดปุ่มให้ทันในฉากที่มีแอคชั่นเยอะๆ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วการกดปุ่มของเกมนี้ก็เหมือนเป็นการกดปุ่มดูหนังที่มีความเป็นไปได้หลายอย่างเท่านั้นเอง เพราะแบบนี้ความสนุกของเกมเลยไปขึ้นอยู่กับว่าหนังที่ว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน ซึ่ง Detroit ก็ทำออกมาได้ดีพอใช้แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น 

กราฟิก

ในด้านของกราฟิกของเกมนี้มีทั้งส่วนที่ทำได้ดีมากและส่วนที่ดูธรรมดา สภาพแวดล้อมในเกมไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ฉากต่างๆ และตัวละครทำได้ตามมาตรฐานของเกมในยุคนี้ แต่เกมมีจุดเด่นที่ฉากโคลสอัพของบรรดาตัวละครสำคัญที่ทำออกมาได้ดีจนรู้สึกราวกับว่าภาพที่ปรากฏเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ภาพกราฟิกที่สร้างขึ้นมา



การตัดสินใจ

จุดขายเลยของเกมนี้ก็คือการที่เกมเคารพการตัดสินใจของผู้เล่น เกมมีผลลัพธ์หลากหลายแบบไว้รองรับการตัดสินใจที่ต่างกันของผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งเกมทำออกมาได้ละเอียดอ่อนมาก ถึงขั้นว่าวิธีที่เราปฏิบัติกับตัวละครบางตัวในฉากแรกๆ ไปส่งผลต่อวิธีที่ตัวละครตัวนั้นพูดกับเราในฉากหลังๆ และส่งผลต่อการได้รับความช่วยเหลือจากตัวละครนั้น เงื่อนงำที่เราคลี่คลายได้ในฉากก่อนหน้ามีผลต่อจำนวนตัวเลือกที่เรามีในฉากถัดๆ ไปหลังจากนั้น



ถึงแม้ในส่วนนี้เกมจะทำได้ดีตามที่สัญญาไว้แต่จุดอ่อนอย่างหนึ่งก็คือเกมให้เราสลับไปเล่นระหว่างตัวละครสามตัว และตัวละครทั้งสามก็ไม่ได้มีเสน่ห์ให้เราอยากเอาใจช่วยหรือน่าติดตามขนาดนั้น ทำให้เราไม่ค่อยผูกพันกับตัวละครแต่ละตัวเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้ทำให้ความรู้สึกร่วมที่เรามีต่อการตัดสินใจต่างๆ ลดลงไปเยอะ เลยทำให้แม้ว่าเราจะสามารถกลับมาเล่นเกมอีกหลายๆ ครั้งเพื่อดูผลลัพธ์ของการตัดสินใจต่างๆ ให้ครบ ซึ่งอาจใช้เวลาได้ถึง 40 ชั่วโมง ก็กลับกลายเป็นว่าเล่นจบเพียงรอบเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้มีแรงจูงใจให้เล่นต่อ แต่ทั่งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้เล่นด้วย สำหรับผมที่ไม่ได้ชอบเนื้อเรื่องเกมนี้เป็นพิเศษ รู้สึกว่าเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนเรื่องการเหยียดชาติหรือเผ่าพันธ์ุมาปรับใช้กับแอนดรอยด์ เล่นเพียงรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่กับคนที่ติดใจเรื่องราวของเกมนี้ก็อาจใช้เวลาไปกับเกมนี้ได้อีกนาน

สรุปคะแนน: (7.5/10)

Detroit พัฒนารูปแบบการเล่นที่มีเอกลักษณ์ของค่าย Quantic Dream ได้อย่างที่ต้องเรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาแล้ว แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เกมก่อนหน้าของค่ายออกมาสนุกมากๆ อย่างเนื้อเรื่องนั้นเกมนี้ทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักสำหรับผม เลยทำให้ต้องหักไปหลายคะแนน โดยเฉพาะเมื่อคุ้นเคยกับการเล่นเกมของค่ายนี้อยู่แล้ว แต่กับคนที่ไม่เคยเล่นเกมของค่ายนี้มาก่อนน่าจะสนุกกับการเล่นเกมรูปแบบนี้เป็นครั้งแรก และเกมยังมีฉากที่น่าประทับใจบางฉากที่ทำได้ดีจริงๆ และหาจากเกมอื่นไม่ได้ด้วย ถ้าไม่ได้ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องหรือเกมของค่ายนี้เป็นพิเศษก็อาจผ่านๆ ไป แต่กับคนที่ไม่เคยเล่นเกมของค่ายนี้ก็น่าลองหามาเล่นดู เพราะถ้าชอบเนื้อเรื่องของเกมนี้ขึ้นมาด้วยแล้วก็น่าจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยาก

ดูรีวิวตัวเต็มแบบวิดีโอได้ที่นี่เลย


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิว Detroit: Become Human
24/05/2018

Detroit ถือเป็นเกมลำดับที่สี่จากค่าย Quantic Dream ที่เป็นแนว Interactive Drama-Action Adventure คือเป็นเกมที่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อเรื่องและการนำเสนอด้านภาพยนตร์เป็นหลัก โดยเราจะต้องคอยกดปุ่มเพื่อเลือกการกระทำของตัวละคร คล้ายๆ กับเรากำลังดูหนังแล้วเราสามารถมีส่วนร่วมในการกำกับฉากที่เกิดขึ้นต่อไปได้ โดยไม่ว่าเราจะตัดสินใจแบบไหนก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิด ทุกๆ การตัดสินใจของเราจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ทำให้เกิดฉากจบได้หลายแบบ และเมื่อรวมกับผลลัพธ์ยิบย่อยตลอดทั้งเกมแล้ว ก็สามารถพูดได้อีกอย่างว่าการเล่นเกมของค่ายนี้เปรียบได้กับการดูหนังที่มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นในโลก เพราะผู้เล่นคนอื่นๆ ย่อมมีวิธีเล่นที่ไม่เหมือนกับเรา โดยเกมก่อนหน้านี้ของค่ายก็มีเกมที่ทำได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักอย่าง Beyond: Two Souls มีเกมที่ทำได้ดีมากอย่าง Farenheit และเกมที่กลายเป็นหนึ่งในประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดในชีวิตของใครหลายคนอย่าง Heavy Rain จึงน่าสนใจว่าหลังจากหายไปนานหลายปี Detroit จะกลายเป็นหนึ่งในเกมชั้นเยี่ยมอีกเกมหนึ่งหรือไม่



เนื้อเรื่อง

เนื้อเรื่องของเกม Detroit เกิดขึ้นในยุคอนาคต ในโลกที่หุ่นยนต์แอนดรอยด์ได้รับการพัฒนาจนมีลักษณะที่เหมือนกับมนุษย์ทุกประการ แต่มีความสามารถที่เหนือกว่ามนุษย์ในทุกๆ ด้าน แต่ถึงอย่างนั้นแอนดรอยด์เหล่านี้ก็เป็นเพียงหุ่นยนต์ ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง เป็นได้เพียงทาสรับใช้ของมนุษย์เท่านั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันดีคืนดีแอนดรอยด์เหล่านี้เกิดมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ต้องการเป็นทาสรับใช้ของมนุษย์อีกต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทาสรับใช้ที่มนุษย์สร้างขึ้นมานี้ต้องการเรียกร้องอิสรภาพของตัวเอง มนุษย์จะยอมรับให้แอนดรอยด์เหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับตนหรือไม่ และแอนดรอยด์เหล่านี้จะมีวิธีการเช่นไรในการเรียกร้องอิสรภาพให้ตัวเอง ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และแอนดรอยด์คือประเด็นหลักของเกมนี้

ในเกมเราจะได้เล่นสลับเป็นตัวละครแอนดรอยด์สามตัว ได้แก่ Connor แอนดรอยด์ฝั่งตำรวจที่มีหน้าที่สืบและจัดการกับเหตุการณ์แอนดรอยด์ที่ผิดปกติ ซึ่งมีปัญหาเข้ากันไม่ได้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เห็น Connor เป็นเพียงเครื่องจักร แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัญหากับแอนดรอยด์พวกเดียวกันที่กล่าวโทษว่า Connor ทรยศพวกพ้องตนเอง Markus ผู้นำการปฏิวัติเรียกร้องอิสรภาพของแอนดรอยด์ ซึ่งต้องเลือกระหว่างการเรียกร้องสันติภาพอย่างสันติที่ดูไร้หนทาง กับการใช้กำลังที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ที่กดขี่และใช้ความรุนแรงกับเหล่าแอนดรอยด์ และ Kara แอนดรอยด์สาวที่พาเด็กสาวหลบหนีจากพ่อผู้มีปมปัญหาในชีวิตและใช้ความรุนแรงกับลูกสาวตนเอง ซึ่งต้องคอยรอนแรมหาที่พักพิงและปกปิดความเป็นแอนดรอยด์เพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางเหตุการณ์ความวุ่นวายที่มนุษย์ส่วนใหญ่ดูจะเป็นปฏิปักษ์กับแอนดรอยด์อย่างไม่เลือกหน้า



เกมเพลย์

วิธีการเล่นของเกมจากค่ายนี้หลักๆ แล้วคือการกดปุ่มเพื่อตัดสินใจ เป็นการเลือกคำพูดหรือการกระทำของตัวละคร ซึ่งสิ่งที่เราเลือกแน่นอนว่าจะมีผลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เราอาจเลือกวิธีพูดอย่างนุ่มนวลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ อาจเลือกโกหก หรือใช้กำลัง แต่ละวิธีก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป และหลายๆ ครั้งเราจะมีเวลาให้ตัดสินใจไม่นาน ไม่เช่นนั้นตัวละครจะเลือกตัดสินใจโดยอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มความลุ้นระทึกและทำให้การตัดสินใจของผู้เล่นมาจากสัญชาตญาณมากกว่าที่จะมาจากการคิดมากเพื่อเลือกตำตอบที่ดีที่สุด นอกจากการกดปุ่มแบบที่เราตัดสินใจแล้วก็ยังมีแบบที่ไม่ต้องตัดสินใจด้วย เช่นให้ตัวละครเดิน หยิบจับสิ่งของ มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว และแบบที่ลุ้นระทึกขึ้นมาหน่อยก็เป็นในฉากต่อสู้ต่างๆ ที่เราต้องกดปุ่มที่ปรากฏให้ทันเพื่อให้ตัวละครหลบการโจมตีให้พ้น นอกจากนั้นวิธีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเกมนี้คือการกดปุ่มให้ตัวละครแอนดรอยด์ที่เราบังคับใช้ความสามารถของแอนดรอยด์เพื่อสำรวจฉาก โดยเราจะเห็นว่ามีสิ่งไหนที่เราสำรวจได้บ้าง นอกจากนี้ตัวละคร Connor ที่ทำงานกับตำรวจจะมีวิธีการเล่นที่เพิ่มขึ้นมาคือการสำรวจเพื่อหาเบาะแส ซึ่งเมื่อเราหาได้ครบเราจะสามารถจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อหาหลักฐานสำคัญเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่ตัวละครนักปฏิวัติอย่าง Marcus จะมีความสามารถในการคำนวณความเป็นไปได้ของการตัดสินใจเพื่อเลือกเส้นทางที่ทำแล้วมีโอกาสสำเร็จแน่นอน

วิธีการเล่นของเกมนี้น่าสนใจอยู่ในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเกมดำเนินไปเรื่อยๆ การเล่นแบบนี้ก็กลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ แม้จะมีช่วงที่ตื่นเต้นหน่อยอย่างเวลาที่ต้องกดปุ่มให้ทันในฉากที่มีแอคชั่นเยอะๆ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วการกดปุ่มของเกมนี้ก็เหมือนเป็นการกดปุ่มดูหนังที่มีความเป็นไปได้หลายอย่างเท่านั้นเอง เพราะแบบนี้ความสนุกของเกมเลยไปขึ้นอยู่กับว่าหนังที่ว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน ซึ่ง Detroit ก็ทำออกมาได้ดีพอใช้แต่ไม่ได้ดีขนาดนั้น 

กราฟิก

ในด้านของกราฟิกของเกมนี้มีทั้งส่วนที่ทำได้ดีมากและส่วนที่ดูธรรมดา สภาพแวดล้อมในเกมไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ ฉากต่างๆ และตัวละครทำได้ตามมาตรฐานของเกมในยุคนี้ แต่เกมมีจุดเด่นที่ฉากโคลสอัพของบรรดาตัวละครสำคัญที่ทำออกมาได้ดีจนรู้สึกราวกับว่าภาพที่ปรากฏเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ภาพกราฟิกที่สร้างขึ้นมา



การตัดสินใจ

จุดขายเลยของเกมนี้ก็คือการที่เกมเคารพการตัดสินใจของผู้เล่น เกมมีผลลัพธ์หลากหลายแบบไว้รองรับการตัดสินใจที่ต่างกันของผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งเกมทำออกมาได้ละเอียดอ่อนมาก ถึงขั้นว่าวิธีที่เราปฏิบัติกับตัวละครบางตัวในฉากแรกๆ ไปส่งผลต่อวิธีที่ตัวละครตัวนั้นพูดกับเราในฉากหลังๆ และส่งผลต่อการได้รับความช่วยเหลือจากตัวละครนั้น เงื่อนงำที่เราคลี่คลายได้ในฉากก่อนหน้ามีผลต่อจำนวนตัวเลือกที่เรามีในฉากถัดๆ ไปหลังจากนั้น



ถึงแม้ในส่วนนี้เกมจะทำได้ดีตามที่สัญญาไว้แต่จุดอ่อนอย่างหนึ่งก็คือเกมให้เราสลับไปเล่นระหว่างตัวละครสามตัว และตัวละครทั้งสามก็ไม่ได้มีเสน่ห์ให้เราอยากเอาใจช่วยหรือน่าติดตามขนาดนั้น ทำให้เราไม่ค่อยผูกพันกับตัวละครแต่ละตัวเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้ทำให้ความรู้สึกร่วมที่เรามีต่อการตัดสินใจต่างๆ ลดลงไปเยอะ เลยทำให้แม้ว่าเราจะสามารถกลับมาเล่นเกมอีกหลายๆ ครั้งเพื่อดูผลลัพธ์ของการตัดสินใจต่างๆ ให้ครบ ซึ่งอาจใช้เวลาได้ถึง 40 ชั่วโมง ก็กลับกลายเป็นว่าเล่นจบเพียงรอบเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้มีแรงจูงใจให้เล่นต่อ แต่ทั่งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้เล่นด้วย สำหรับผมที่ไม่ได้ชอบเนื้อเรื่องเกมนี้เป็นพิเศษ รู้สึกว่าเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนเรื่องการเหยียดชาติหรือเผ่าพันธ์ุมาปรับใช้กับแอนดรอยด์ เล่นเพียงรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่กับคนที่ติดใจเรื่องราวของเกมนี้ก็อาจใช้เวลาไปกับเกมนี้ได้อีกนาน

สรุปคะแนน: (7.5/10)

Detroit พัฒนารูปแบบการเล่นที่มีเอกลักษณ์ของค่าย Quantic Dream ได้อย่างที่ต้องเรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาแล้ว แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เกมก่อนหน้าของค่ายออกมาสนุกมากๆ อย่างเนื้อเรื่องนั้นเกมนี้ทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักสำหรับผม เลยทำให้ต้องหักไปหลายคะแนน โดยเฉพาะเมื่อคุ้นเคยกับการเล่นเกมของค่ายนี้อยู่แล้ว แต่กับคนที่ไม่เคยเล่นเกมของค่ายนี้มาก่อนน่าจะสนุกกับการเล่นเกมรูปแบบนี้เป็นครั้งแรก และเกมยังมีฉากที่น่าประทับใจบางฉากที่ทำได้ดีจริงๆ และหาจากเกมอื่นไม่ได้ด้วย ถ้าไม่ได้ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องหรือเกมของค่ายนี้เป็นพิเศษก็อาจผ่านๆ ไป แต่กับคนที่ไม่เคยเล่นเกมของค่ายนี้ก็น่าลองหามาเล่นดู เพราะถ้าชอบเนื้อเรื่องของเกมนี้ขึ้นมาด้วยแล้วก็น่าจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยาก

ดูรีวิวตัวเต็มแบบวิดีโอได้ที่นี่เลย


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header