เกิดอะไรขึ้นกับ Blizzard !! ค่ายเกมยักษ์ที่ประสบปัญหาด้านการเงินในปี 2019
Blizzard เป็นค่ายเกมยักษณ์ใหญ่เจ้าของผลงานดังอย่าง World of Warcraft, Overwatch , Starcraft และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นค่ายเกมคุณภาพที่มีฐานแฟนคลับของตัวเองมากมาย แต่ในปี 2019 นี้ทางบริษัทกลับประสบปัญหาทางด้านการเงินอย่างหนัก เกี่ยวกับประเด็นเรื่องหุ้นตกดิ่งลงเหวจนทำให้การแข่งขัน Overwatch World Cup 2019 ทางผู้พัฒนาไม่ได้สนับสนุนทีมที่จะลงแข่งในแต่ละประเทศจนส่งผลทำให้หลายๆ ทีมถึงแม้จะเข้ารอบแต่ก็ต่างพากันถอนตัวออกไปมากมายเนื่องจากปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือสปอนเซอร์ที่มีข้อจำกัด
ถึงเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมาทาง Activision Blizzard ได้ปล่อยเกม Call of Duty Mobile ให้เล่นพร้อมกันทั่วโลก ส่งผลให้หุ้นของทางค่ายเพิ่มขึ้นมากถึง 10% ที่ 55.44$ แต่อย่างไรตามมูลค่าหุ้นของบริษัทในตอนนี้มีมูลค่าเพียง 65% เมื่อเทียบกับปลายปี 2018 จากค่ายเกมที่หลาย ๆ คนมองว่าอนาคตไกล สู่หนึ่งในค่ายเกมที่หลาย ๆ คนเริ่มออกห่าง วันนี้เราจะคุยเรื่องนี้กัน
แผลแรก Diablo Immortal
Blizzard ถือว่าเป็นหนึ่งในค่ายเกมที่มีเหล่าแฟนคลับเดนตายมากที่สุดค่ายหนึ่งในโลก พวกเขาพร้อมที่จะซื้อเกมต่าง ๆ ของค่ายอย่างไม่มีข้อแม้ ซึ่งทาง Blizzard เองก็ถือว่าเป็นค่ายเกมคุณภาพเยี่ยมที่สร้างเกมออกมาล้วนแต่โดนใจเหล่าเกมเมอร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Hearthstone , Diablo 3 , Starcraft 2 , World of Warcraft ที่ล้วนแต่กลายเป็นผลงานระดับขึ้นหิ้ง โดยเฉพาะ Overwatch ที่หลาย ๆ คนคาดว่าจะกลายเป็นเกม Esports แห่งยุค
แล้ว Diablo Immortal เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ อย่างที่ได้กล่าวไว้ด้านต้นทางค่าย Blizzard พัฒนาเกมคุณภาพเยี่ยมตลอด ทำให้แฟน ๆ หลายคนเกิดความคาดหวังและตั้งความหวังไว้อย่างสูง Diablo คือหนึ่งเกมในนั้น เพราะเนื่องด้วยซีรีส์นี้มีอายุมากกว่า 20 ปี เมื่อทีมงานประกาศว่างาน Blizzcon งานประจำปีของทางค่ายจะมีประกาศสำคัญของเกมนี้ ทำให้ไฟแห่งความคาดหวังโหมรุนแรงขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อทางทีมงานประกาศว่า Diablo ภาคใหม่จะเป็นเกมมือถือ เสียงโกรธแค้นของเหล่าผู้ร่วมงานผิดหวังกับการกระทำครั้งนี้ ยิ่งทางผู้พัฒนาเกมตอกย้ำว่า "พวกนายไม่มีมือถือหรอ" (Do you guys not have phones ?) ยิ่งตอกย้ำเรื่องราวให้เลวร้ายลงไปอีกหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาหุ้นของทาง Blizzard ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
https://www.youtube.com/watch?v=lUkPkOq4BdY
แผลที่สองนโยบายด้านการเงินของบริษัท
Activision Blizzard คือสองบริษัทที่ได้รวมตัวกันเป็นบริษัทเดียว แม้ว่าโดยนัยแล้วการทำงานของพวกเขาจะแยกออกเป็นสามส่วนคือ King , Activision และ Blizzard แต่ในทางปฏิบัติเมื่อนโยบายต่าง ๆ ออกมาทั้งสามบริษัทก็ต้องปฏิบัติตาม โดยหนึ่งในนโยบายของทางบริษัทที่ดำเนินงานมานับตั้งแต่ปี 2018 คือการพยายามลดต้นทุนต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
ซึ่งผลกรรมก็ตกไปอยู่กับพนักงานของบริษัทเองที่ต่างถูก Lay-off กันอย่างมากมาย นอกจากนี้คนที่เหลืออยู่ในบริษัทต่างถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนักจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตมากมายในปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งเกม Call of Duty : Black ops 4 ที่สามารถสร้างเงินให้กับบริษัทมากถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา ก็ต้องแลกมากับการทำงานที่หนักมากจนทำให้ทีมงานหลาย ๆ คนเมื่อเกมวางจำหน่ายแล้วจึงประกาศลาออกจากบริษัททันที
นอกจากนี้พวกเขายังทำการปิดบังเรื่องของการแยกตัวกับ Bungie ทีมพัฒนาเกม Destiny โดยไม่แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ทำให้พวกเขาถูกฟ้องจาก Rosen Law Firm และ Schall Law Firm สองตัวแทนด้านกฎหมายของผู้ถือหุ้น Blizzard เนื่องจากพวกเขาเคยสัญญาว่ามีแผนที่จะสนับสนุนเกม Destiny ในระยะยาว
สองสิ่งนี้ส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อใจระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้น ทำให้ค่าย Blizzard หุ้นร่วงไปอีก 10% หลังจากเหตุการณ์นี้
แผลที่สามเกมเริ่มขาด Content สำหรับการดึงผู้เล่นใหม่และรักษาผู้เล่นเก่า
ในปี 2016 ค่ายเกม Blizzard ถือว่าเป็นหนึ่งในค่ายที่กำลังมาแรงด้วยการที่พวกเขาได้ปล่อยเกม Overwatch จนได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลก จนเกิดกระแส Play of the Games กันทั่วบ้านทั่วเมือง นักวิเคราะห์หลาย ๆ คนต่างมองว่าเกมจะมีอนาคตที่ยาวไกลในฐานะของเกมแห่งกีฬา Esports
ภาพตัดมาในอีก 2 ปี ถัดมา Overwatch กลับไม่สามารถที่จะรักษากระแสของเกมเอาไว้ได้ โดยตัวเกมไม่เป็นมิตรสำหรับมือใหม่มากนัก อีกทั้ง Community ยังเต็มไปด้วย Toxic มากมาย ทำให้เหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ต่างไม่อยากที่จะเล่นเกมนี้ นอกจากนี้ในมุมมองทางด้าน Esports แม้ Overwatch League จะได้รับการยกย่องว่าเป็นลีกส์เกี่ยวกับ Esports ที่มีมาตรฐานที่สูงที่สุดในโลก แต่จำนวนยอดผู้ชมลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งเรื่องนี้หลาย ๆ คนมองว่าด้วยการที่เกม Overwatch มีการเล่นที่รวดเร็ว ฉับไวรวมถึงมีการปะทะกันตลอดเวลา ทำให้ผู้เล่นใหม่ไม่เข้าใจว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ ในขณะที่ผู้เล่นเก่าก็เริ่มที่ดูการแข่งน้อยลงเนื่องจากรูปแบบการเล่นแบบเดิมที่ทาง Blizzard ปรับเมต้าได้ช้า โดยหนึ่งในระบบที่หลาย ๆ คนต้องการอย่างการเลือก Role พึ่งจะได้รับการอัปเดตเข้ามาในเกมหลังจากเกมวางจำหน่ายไปถึงสามปี
https://www.youtube.com/watch?v=CUKPx7zPKYs
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องของ Meta หรือแพตช์นั้น หนึ่งในเกมที่เกมเมอร์น่าจะเจอกับการเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดคือ Hearthstone ที่เมื่อ Blizzard ออกการ์ดชุดใหม่มา เพียงไม่นานก็ต้องมีแพตช์เนิร์ฟตามมา ทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่าทำไมไม่วางแผนกับเรื่องเหล่านี้มาก่อน ซึ่งสิ่งที่ทาง Blizzard พยายามทำมาตลอดคือการพยายามรักษาสมดุลระหว่าง Causal Player กับ Pro Player มาโดยตลอด สองเกมนี้สะท้อนให้เราเห็นถึงภาพรวมของ Blizzard ว่าพวกเขาพยายามที่จะเน้นการรักษาฐานผู้เล่นเก่า มากกว่าการขยายฐานผู้เล่นใหม่ให้กว้างขึ้น
Blizzard กับทิศทางแห่งอนาคต
หลังจากเปลี่ยน CEO คนใหม่ทาง Activision Blizzard ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น พวกเขาเริ่มฟัง Community ของเกมต่าง ๆ อย่างมากในการพัฒนาเกม รวมถึงพยายามที่จะพัฒนา Esports ของเกมให้ดีขึ้นและเหมาะสมมากขึ้นตามลำดับ ทำให้สายตาของแฟน ๆ จับจ้องไปยังงาน Blizzcon 2019 ที่กำลังจะถึงนี้ว่าพวกเขาจะแก้ตัวจากข้อผิดพลาดได้หรือไม่ รวมถึงจะรักษาสามบาดแผลที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
ก่อนปิดท้ายคุยกันสักนิดว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีค่าย Blizzard หรือว่าจะพยายามหาจุดบกพร่องของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตัวผู้เขียนเองก็เล่นเกมของค่ายนี้มานานหลายปี เพียงแต่ว่าเราอยากที่จะติเพื่อก่อเพราะเราทุกคนอยากที่จะเห็นค่าย Blizzard กลับมาเป็นขวัญใจของเหล่าเกมเมอร์เหมือนเดิม แล้วเพื่อน ๆ ละคิดอย่างไรกับค่าย Blizzard บอกพวกเรามาได้เลย
อ้างอิง
kotaku.com
gamespot
screenrant
kotaku.com(2)
esports.net
dexerto.com
polygon.com
forbes.com