เรื่องราวของ Cyberpunk 2077 นั้นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักเล่นเกมด้วยกันว่าเรื่องราวของมันเป็นอย่างไร และตอนนี้ทางผู้กำกับที่คอยดูแลเควสท์ในเกมก็ได้ออกมาถามความเห็นของผู้เล่นว่ารู้สึกกับเควสท์ในเกมยังไงบ้างเพื่อนำไปปรับใช้และพัฒนาให้ดีขึ้น บน Twitter ของ Pawel Saskohas ผู้กำกับเควสท์เกม  Cyberpunk 2077 ได้โพสต์ถามว่าผู้เล่นคิดยังไงกับเควสท์ในเกมบ้างและอยากจะได้ความคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงในอนาคต ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะทำให้ตัวเกมมีความเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนแต่ก็น่าจะมีผลกับกับ DLC ของเกมและเกมต่อๆ ไปของค่ายCyberpunk 2077 ตอนนี้กำลังวางจำหน่ายบน PS4, Xbox One, PC และ Google StadiaCredit: Gamingbolt

จากข่าวเรื่องที่ว่า Titanfall 3 จะไม่มาในเร็วๆ นี้จะทำให้แฟนๆ รู้สึกผิดหวังกันไปบ้างแต่ล่าสุดทาง Respawn Entertainment ก็ได้โพสต์บน Twitter ว่า "Titanfall มันอยู่ในสายเลือด" พร้อมกับประโยคตบท้ายที่บอกว่า "ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง" ถึงจะไม่ได้เป็นการยืนยันว่า Titanfall 3 จะมาในอนาคตแน่ๆ แต่ก็มีความเป็นได้มากพอที่เราจะได้สัมผัสเกม Titanfall 3 ในอนาคต ไม่ว่าแผนในอนาคตจะเป็นอย่างไรแต่ตอนนี้ทาง Respawn ก็กำลังยุ่งกับโปรเจกต์อื่นที่มีชื่อว่า Apex Legends อยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะนั่นเป็นเกมที่มีจำนวนผู้เล่นทั่วโลกเยอะมากๆ นั่นเอง นอกจากนี้ก็มีเรื่องของเกมภาคต่อของ Star Wars Jedi: Fallen Order อยู่ด้วย ฉะนั้นความฝันที่ Titanfall 3 จะมาก็คงจะอีกนานพอตัวCredit: Gamingbolt

หลังจากที่ทางค่ายได้รับเสียงตอบรับต่างๆ เกี่ยวกับเกม Saints Row 4 และ Gat Out of Hell ทำให้ทาง Volition ต้องพยายามหาทางกู้ชื่อเสียงให้กับซีรีส์เกมให้กลับมาเหมือนแต่ก่อนให้ได้ จนในช่วงที่ผ่านมาทางค่ายก็ได้ตัดสินใจรีบูทซีรีส์เกมนี้เพื่อทำเกมในรูปแบบที่ควรจะเป็นแต่ถึงอย่างนั้นเสียงตอบรับที่ได้มาก็ไม่ได้ดีมากนักแต่ทางค่ายก็ยืนยันว่าพวกเขาจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจนี้เด็ดขาดในคอมเม้นต์ของแฟนๆ ที่เสียความมั่นใจกับซีรีส์นี้ไปแล้ว พร้อมกับบอกว่าพวกเขาเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ดีแต่ยังไงซะ "พวกเขาก็จะไม่ยอมถอยออกจากเกมนี้" Saints Row เวอร์ชันรีบูทจะเปิดให้เล่นบน PS5, Xbox Series X/S, PS4 และ PC ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2022Credit: Gamingbolt

เกม Back 4 Blood ได้เปิด Open Beta ให้กับผู้เล่นทุกคนได้ลองเล่นกันแล้ว ซึ่งในขณะเดียวกันทางผู้จัดจำหน่ายอย่าง Warner Bros. Games ก็ได้ออกมายืนยันบน Twitter ว่าเกม Back 4 Blood นั้น Gone Gold (เกมพัฒนาเสร็จสมบูรณ์) แล้ว นั่นหมายความว่าตัวเกมพร้อมที่จะเปิดให้เล่นทันทีที่ถึงวันขายและจะไม่เลื่อนอีก เกมที่ลือกันปากต่อปากว่าจะเป็นภาคต่อของ Left 4 Dead อย่าง Back 4 Blood นั้นจะเป็นเกมแนวยิวซอมบี้คล้ายๆ กัน โดยที่เราจะได้เล่นฝั่งมนุษย์ที่เรียกว่า the Cleaner เข้าต่อสู้กับมนุษย์ติดเชื่อปรสิตที่เรียกว่า the Ridden เป้าหมายในการเล่นคือการฝ่าฝูงซอมบี้ไปยังจุดที่กำหนดเอาไว้ พร้อมกับระบบความสามารถต่างๆ ที่จะทำให้ผู้เล่นมีวิธีการเล่นที่แตกต่างกันไปBack 4 Blood เปิดให้เล่น Open Beta ในตอนนี้และจะเปิดให้เล่นตัวเต็มในวันที่ 12 ตุลาคม บนเครื่อง Xbox One, Xbox Series X/S, PS4, PS5 และ PC นอกจากนี้ก็เปิดให้เล่นบน Xbox Game Pass ในวันเปิดตัววันแรกด้วยCredit: Gamingbolt

เมื่อไม่นานมานี้ทาง Sony ได้มีการประกาศเรื่องของ SSD ของ PS5 ออกมา ทำให้หลายค่ายๆ ออกมาบอกว่า SSD ของตัวเองก็สามารถใช้งานบนเครื่อง PS5 ได้เช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Gigabyte นั่นเองจากโพสต์ของ Twitter นั้นได้มีการยืนยันว่า Aorus Gen 4 7000 series SSD นั้นสามารถใช้งานบน PS5 ได้ ซึ่งนี่นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทีเหมาะกับผู้ใช้งานที่อยากจะประหยัดเงินและแน่นอนว่า SSD ตัวนี้มีราคาที่ถูกกว่าตัวที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยตัวความจุ 1 TB นั้นจะมีราคาอยู่ที่ 7,000~ บาท  และความจุขนาด 2 TB จะอยู่ที่ 13,000~ บาท ถ้าหากคุณต้องการเลือกใช้แบรนด์อื่นก็มี WD_BLACK SN850 NVMe SSD ของ Western Digital ที่สามารถใช้บน PS5 ได้เช่นกันCredit: Gamingbolt

Horizon Forbidden West เกม Action RPG ในโลกที่เต็มไปด้วยมนุษย์และสัตว์จักรกล เป็นเกมภาคต่อจาก Horizon Zero Dawn โดยมีกำหนดการปล่อยตัวปลายปีนี้ แต่ล่าสุด Jason Schreier นักเขียนของ Bloomberg ได้ทำการโพสต์ว่าตัวเกมจะมีการเลื่อนวันวางจำหน่ายไป โดยจะเปิดอีกทีในช่วง Q1 ปี 2022 แทน ถึงอย่างนั้นทาง Sony ก็ยังไม่ได้มีการประกาศอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จากข้อมูลของ Schreier ที่กล่าวเอาไว้บน Twitter บอกว่าข่าวลือนี้เกิดจากการที่ทางผู้จัดจำหน่ายตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลื่อนดีหรือไม่ “จากความเข้าใจของผมก็คือตัวเกมโดนเลื่อนมาซักพักแล้ว"นอกจากนี้ Jeff Grubb จาก GamesBeat ก็ได้กล่าวอีกว่าตัวเกมน่าจะมีการประกาศวันเลื่อนในงาน State of Play ที่จะจัดในเดือนกันยายนนี้Horizon Forbidden West จะวางขายให้กับเครื่อง PS4 และ PS5Credit: Gamingbolt

ในช่วงที่ผ่านมา Hideo Kojima ได้ออกมาเล่าเรื่องราวใน Twitter เกี่ยวกับอดีตที่ยากลำบากในช่วงการขายเกม Metal Gear ภาคแรกที่เขาจะต้องเป็นคนแจกใบปลิวเองหรือซื้อเกมของตัวเอง ในตอนนั้นที่ญี่ปุ่นมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันเป็นประจำอย่าง MSX และ MSX2 ซึ่ง Metal Gear ภาคแรกเองก็วางขายครั้งแรกให้เล่นบนเครื่อง MSX เช่นกันและได้รับความนิยมที่น้อยมากก่อนที่จะพอร์ตลงให้กับเครื่อง Famicom “ในฤดูร้อนตอนผมอายุ 23 ปี เกมแรกที่ผมทำ [Metal Gear] ได้ออกวางจำหน่าย แต่เพราะมันไม่ใช่ของ NES ก็เลยทำให้ไม่มีโฆษณาบนทีวี แถมยังไม่มีขายในโซนของเล่นที่ตอนนั้นมีผู้คนพลุกพล่านอยู่มากด้วย แต่ได้ไปอยู่โซนเงียบๆ อย่างซอฟต์แวร์ PC แทน”“ถึงอย่างนั้นผมก็ไปที่ร้านทุกวันและเอาไบปลิวไปแจกให้คนแถวนั้นเสมอ ผมถึงกับซื้อเกมของตัวเองถึงสามชุดเลยล่ะ”ที่น่าแปลกใจก็คือการที่เรื่องราวต่อมาก็มีเนื้อหาคล้ายๆ กัน ถึงแม้จะผ่านไปเป็นปีแล้วก็ตาม “ในฤดูหนาวตอนผมอายุ 25 ปี เกมที่ผมสร้างเกมที่สอง (ADV) ได้มีการวางจำหน่าย แต่เพราะมันไม่ใช่ของ NES ก็เลยทำให้ไม่มีโฆษณาบนทีวี แถมยังไม่ได้ถูกนำไปวางขายบนร้านขายของเล่นชื่อดังและร้านค้าอื่นๆ อีกด้วย”“มันถูกตั้งเอาไว้ในโซนซอฟต์แวร์ PC เพราะมันเป็นเกมของเครื่อง PC-88 และ MSX ถึงแบบนั้นผมก็แอบไปดูที่โซนนั้นทุกวันและแอบไปเพิ่มความดังเสียงให้กับตัว Demo ที่กำลังฉายบนหน้าจอ PC ด้วย”ถ้าลองนึกภาพ Kojima ย่องเข้าไปปรับเสียงเกมให้ดังขึ้นเพื่อให้คนที่เดินผ่านหันมามองเกมของเขาดูสิ แทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนระดับนั้นจะเคยทำอะไรแบบนี้ด้วย แต่นี่ก็อีกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชายคนนี้ได้รับมาจากความพยายามจากช่วงเวลาที่ผ่านมาCredit: Kotaku

ด้วยการเปิดเผยวิดีโอของเกม Battlefield 6 พร้อมกับข้อความปริศนาที่ปล่อยมาเป็นช่วงๆ ทำให้กลุ่มของ Battlefield รวมไปถึง Twitter ของ EA และ นักพัฒนาหลายๆ คน มีแต่การพูดถึงเรื่องนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากการที่ทาง Battlefield ได้มีการปล่อยตัววิดีโอเล็กๆ โดยภาพที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยสีต่างๆ ทำให้หลายๆ คนคิดว่าเป็นภาพธีมของข้อความคำสั่งทำลายตัวเอง แต่ก็ไม่มีข้อมูลมายืนยันเรื่องนี้แฟนๆ เกม Battlefield เองก็สังเกตเห็น เอฟเฟกต์คล้ายกับวิดีโอที่ปล่อยตัวไปบนหน้า Battlefield ในแพลตฟอร์มของ Xbox และ PlayStation โดยที่มีคนพยายามนำตัวอักษรต่างๆ ที่ซ่อนอยู่มาเรียบเรียงเพื่อที่จะหาความจริงในเรื่องนี้ทั้งหมดนี้จะมีการเปิดเผยในการสตรีมที่จะถึงนี้ เชิญรับชมได้ที่ลิ้งค์นี้ https://www.youtube.com/watch?v=HP3wxNFnNbA<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>ALL SYSTEMS OFFLINE <br>&gt; &gt; System Rebooting<br>&gt; &gt; Loading 10%<a href='https://t.co/vHt6alrCfN'>https://t.co/vHt6alrCfN</a> <a href='https://t.co/sR3FSCBNUw'>pic.twitter.com/sR3FSCBNUw</a></p>&mdash; Battlefield (@Battlefield) <a href='https://twitter.com/Battlefield/status/1401915648071159810?ref_src=twsrc%5Etfw'>June 7, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>เครดิต : https://www.vg247.com/2021/06/08/battlefield-6-takeover-distorted-visuals-social-media/

กลายเป็นดราม่าใหญ่โตระหว่างผู้เล่นด้วยกันเองภายในเวลาแค่ 1 คืน สำหรับ แฮชแท็ก BoycottGenshin ใน Twitter ต่างประเทศ โดยประเด็นดราม่าที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดมีอยู่มากมายหลายอย่าง แต่สามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 4 เรื่อง คือ ขาดการตรวจสอบความปลอดภัยบัญชีผู้เล่น, แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกัน, แฝงการเหยียดคนผิวสี และแฝงการสนับสนุนการทำอนาจารเด็กประเด็นแรกเกิดจากความไม่พอใจของกลุ่มผู้เล่นที่ถูกแฮ็ก ID ไป และไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก MiHoYo ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือเรื่องของผู้ใช้งาน Reddit คนหนึ่งที่โพสต์วิดีโอขอความช่วยเหลือจากบริษัท แต่กลับได้รับคำตอบว่า 'เราไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้' ซึ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อมีการหยิบเหตุการณ์ข้อมูลหลุดของแพตช์ 1.5 ที่บริษัทขอให้แฟนๆ อย่าแชร์ข้อมูลดังกล่าวออกไป ส่งผลให้หลายคนตั้งคำถามว่า 'ที่ความปลอดภัยข้อมูล ID ของพวกเขายังไม่ได้รับการดูแลเลย ทำไมพวกเขาต้องสนใจความปลอดภัยข้อมูลของ MiHoYo ด้วย?'ประเด็นที่สองเกิดจากการที่มีคนสังเกตว่าถ้าเต้นของ Hilichurls ศัตรูประเภทหนึ่งภายในเกมดันไปเหมือนกับ ท่าเต้นของชาวพื้นเมืองอเมริกันกลุ่มหนึ่ง และด้วยความที่คำอธิบายของเผ่า Hilichurls ถูกเขียนว่า 'ไร้ภูมิปัญญา และยากที่จะทำความเข้าใจ' จึงทำให้หลายคนคิดว่า MiHoYo แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกันไว้ในเกมครับ ประเด็นที่สามเกิดจากคำอธิบายตัวละคร Xinyan กับ Kaeya ที่เป็นตัวละครผิวสีสองตัวที่เล่นได้ตอนนี้ มีการเขียนคำอธิบายโดยใช้คำว่า Exotic (แปลก), Fierce (ดุร้าย), Scary (น่ากลัว) ทำให้เกิดคำถามว่า 'ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกถึงความเหยียดคนผิวสีรึเปล่า?' ครับประเด็นสุดท้ายเกิดจากการสังเกตคำพูดของ NPC สองตัว Ulfr กับ Albert ที่แสดงความสนใจในตัวละคร  Flora กับ Barbara ที่เป็นตัวละครหญิงอายุน้อยภายในเกม นำไปสู่การกล่าวหา MiHoYo ว่าสนับสนุนการทำอนาจารเด็ก มาถึงจุดนี้มันคงเป็นเรื่องยากแล้วที่จะตามหาว่าใครคือจุดเริ่มต้นของ #BoycottGenshin ผู้ใช้งาน Twitter หลายคนเชื่อว่า MiHoYo เองนั่นแหละคือเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ เนื่องจากต่อให้ดีหรือร้าย กระแสเกี่ยวกับเกม ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของเกมโด่งดังมากขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบยังไง คงต้องติดตามกันต่อไปครับCredit: https://www.inverse.com/gaming/boycott-genshin-impact-explained-mihoyo