GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
Review - รีวิวเกม Judgment (PS4): เกมนักสืบกระทืบยากูซ่า
ลงวันที่ 09/07/2019

ข้อดี


  • เนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม ไม่แพ้ซีรี่ส์ฝรั่งทุนสร้างสูงๆ เลย

  • เกมเพลย์มีความเรียบง่าย เข้าถึงได้ไม่ยาก เหมาะกับผู้เล่นหลากหลายแบบ

  • กราฟิคบางส่วนทำออกมาดีมาก

  • มินิเกมหลากหลาย มีอะไรให้ทำเยอะมาก เล่นคุ้มแน่นอน


ข้อเสีย

  • มีองค์ประกอบเรื่องกราฟิคที่พัฒนาได้อีกมาก

  • เกมเพลย์ยังสามารถทำให้แปลกใหม่ได้มากกว่านี้ (แต่ไม่ได้ถึงกับไม่ดี)

  • ภารกิจเสริมมักมีเนื้อหาที่ขัดกับความจริงจังของเนื้อเรื่อง




แนวเกม: แอคชั่น

ผู้พัฒนา: Ryu Ga Gotoku Studios

จัดจำหน่าย: SEGA

เวลาเล่น: ราวๆ 35 ชั่วโมง (จบเนื้อเรื่องโดยเล่นภารกิจเสริมไปเล็กน้อย)

แพลตฟอร์ม: PlayStation 4 (รีวิวใน PS4 Pro)



หลังจากที่ง่วนผลิตเกมนักเลงในซีรี่ส์ Yakuza มาเนิ่นนาน ถึงเวลาแล้วที่ค่ายพัฒนามือฉมังของ Sony อย่าง Ryu Ga Gotoku Studio ก็ได้ฤกษ์โชว์ผลงานใหม่กับเค้าซะทีกับเกม Judgment (หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า Judge Eyes) เกมแอคชั่นผจญภัยใหม่ล่าสุด ที่ให้ผู้เล่นรับบทเป็นนักสืบอิสระ เพื่อสืบสวนเงื่อนงำเบื้องหลังคดีฆาตกรรมโหดในเมืองคามูโระโจ

แต่อาจจะด้วยความคุ้นเคยของทีมพัฒนาเอง บวกกับระยะเวลาการพัฒนาที่ค่อนข้างสั้น ทำให้เกม Judgment ยังคงมีความคล้ายคลึงกับเกมซีรี่ส์รุ่นพี่อย่าง Yakuza อยู่ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ในเรื่องของกราฟิค การนำเสนอเนื้อเรื่อง ไปจนถึงเกมเพลย์ที่เรียกว่ายกเครื่องมาจาก Yakuza แทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีซะทีเดียว เพราะซีรี่ส์ Yakuza เองก็มีมาตรฐานเกมเพลย์และเนื้อเรื่องอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์ผู้เล่นที่เป็นแฟนๆ เกม Yakuza อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่คาดหวังจะได้รับประสบการณ์เกมเพลย์ที่แปลกใหม่ หรือคนที่ต้องการเล่นเป็นนักสืบแบบลึกซึ้งเข้มข้นแล้ว Judgment อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คุณเท่าที่คาดหวังไว้ก็เป็นได้




เนื้อเรื่อง


สำหรับเนื้อเรื่องของเกม Judgment นั้นจะให้ผู้เล่นรับบทเป็น Takayuki Yagami อดีตทนายที่ผันตัวมาเปิดสำนักงานนักสืบอิสระ หลังจากที่เค้าได้ช่วยว่าความให้กับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมอันโด่งดังจนหลุดพ้นจากความผิดได้ แต่พ้นผิดได้ไม่ทันไร ผู้ต้องหาคนนั้นกลับก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการแทงแฟนสาวของตนเองพร้อมจุดไฟเผาเธอทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ Yagami รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในฐานะทนายจนต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักสืบนั่นเอง

เนื้อเรื่องของเกมจะเริ่มขึ้นสามปีให้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อวันหนึ่ง Yagami ได้รับจ้างให้ช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับรองหัวหน้าแก๊งยากูซ่าตระกูลหนึ่ง หลังจากที่เค้าตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง จนทำให้ Yagami ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวเบื้องหลังที่ใหญ่โตกว่าที่ใครๆ คาดคิดเอาไว้



เช่นเดียวกับเกมพี่น้องร่วมค่ายอย่าง Yakuza เนื้อเรื่องของเกม Judgment อาจจะถือเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดตายของเกมเลยก็ว่าได้ เพราะแม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมจะทำออกมาได้อย่างดี มีคุณภาพการเขียนบทและดำเนินเรื่องระดับเดียวกับซีรี่ส์ยาวทางทีวีที่เข้มข้น แต่เมื่อมาอยู่ในเกม การค่อยๆ เล่าเรื่องช้าๆ ผ่านฉากคัตซีนที่มีบทพูดเยอะๆ ก็อาจจะพาลทำให้ผู้เล่นเกมหลายๆ คนเบื่อไปได้เหมือนกัน ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเกมมีฉากคัตซีนเยอะมากๆ ในบางช่วงแทบจะเป็นคัตซีนติดๆ กันเป็นครึ่งชั่วโมงเลยก็มี ฉะนั้นคนที่ไม่ได้ชอบเสพเนื้อเรื่อง หรือไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องของเกม อาจจะหมดความอดทนกับเกมไปซะก่อน (แต่ก็กดข้ามได้นะถ้าต้องการ)

และอาจจะด้วยความที่เนื้อเรื่องเป็นแนวสืบสวนคดีฆาตกรรมแบบนี้ด้วยแล้ว ทำให้เนื้อเรื่องของ Judgment มักจะมีความมืดมนมากกว่าเกมรุ่นพี่อย่าง Yakuza อยู่ประมาณนึง ซึ่งเมื่อนำมารวมกับเนื้อเรื่องเสริมกวนๆ แปลกๆ อันเป็นลายเซ็นของเกม Yakuza แล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโดนขัดอารมณ์ หรือบางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นคนละเกมกันไปเลย



ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับคนที่ชอบเกมที่มีเนื้อเรื่องให้ติดตามเยอะๆ หรือชอบดูซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว เกม Judgment อาจจะเป็นเกมที่คุณมองหามาตลอดเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณไม่ชอบนั่งดูคัตซีนทีละนานๆ จะข้ามเกมนี้ไปก่อนก็ไม่เสียหาย


เกมเพลย์


ถ้าจะให้พูดถึงเกมเพลย์ของ Judgment อย่างสั้นๆ คงจะบรรยายง่ายๆ เลยว่ามันก็คือเกม Yakuza ที่แปลงกายมาเท่านั้นแหละ! เพราะตั้งแต่ระบบต่อสู้ ระบบการพัฒนาตัวละคร ไปจนถึงระบบเสริมต่างๆ อย่างระบบชื่อเสียงนั้นแทบจะถอดแบบมาจาก Yakuza เกือบทั้งสิ้นเลย



สำหรับระบบต่อสู้ของเกมนั้นจะเป็นแนวแอคชั่นเต็มตัว โดยผู้เล่นจะสามารถกดปุ่นสี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมสลับกันเพื่อสร้างเป็นคอมโบต่างๆ ได้ (นึกภาพเกมแนว Musou) และสามารถเก็บสิ่งของตามฉากมาใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย โดยในภาคนี้จะมีจุดเด่นที่รูปแบบการต่อสู้ของตัวละคร Yagami ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนได้สองแบบคือ Crane (นกกระเรียน) ซึ่งเน้นการโจมตีเป็งวงกว้างด้วยลูกเตะ และ Tiger (เสือ) ที่เน้นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั่นเอง ซึ่งระบบนี้ก็คล้ายๆ กับระบบการเปลี่ยน Style ของเกม Yakuza 0 นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีท่าพิเศษที่เรียกว่า EX Action (หรือก็คือ Heat Action จากเกม Yakuza) ที่ให้เราสามารถเผด็จศึกศัตรูด้วยท่าโจมตีพิเศษต่างๆ อีกด้วย



แม้ว่าระบบต่อสู้ของเกมจะค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีพื้นที่ให้ผู้เล่นพลิกแพลงอะไรได้มากมายนัก แต่ก็ทำออกมาได้อย่างลื่นไหลกว่าเกม Yakuza ทุกภาคที่ผ่านมา ซึ่งก็น่าจะถูกใจคนที่ชอบเล่นเกมแนวแอคชั่นเตะ-ต่อยที่ให้ความรู้สึกเกมยุคเก่าๆ เหมือนกัน

เช่นเดียวกับระบบต่อสุ้ ระบบการพัฒนาตัวละคร/อัพสกิลก็เรียกว่ายกมาจากเกม Yakuza ทั้งดุ้นเลย โดยผู้เล่นจะได้รับแต้มสกิลที่เรียกว่า SP จากการต่อสู้และการทำกิจกรรมต่างๆ ในเมืองด้วย เพื่อนำมาแลกกับสกิลใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นท่า EX Action ใหม่ๆ ไปจนถึงการเพิ่มเลือด/พลังโจมตี/ความเร็วของตัวละครเป็นต้น ซึ่งระบบก็ค่อนข้างเรียบๆ ไม่ได้มีอะไรให้พลิกแพลงหรือทดลองอะไรมากนัก นอกซะจากสกิลจำนวนน้อยที่ต้องใช้วิธีหา QR Code หรือตำราสกิลตามเมืองเอาเอง จึงไม่ได้มีอะไรจะวิจารณ์นักกับระบบการพัฒนาตัวละครของเกม เพราะมันก็ต้อบโจทย์ของมันได้พอดี แม้จะไม่ได้มีอะไรใหม่หรือน่าสนใจเป็นพิเศษก็ตาม



นอกเหนือจากการต่อสู้และการผ่านภารกิจเนื้อเรื่องนั้น ผู้เล่นเกม Judgment จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย ตั้งแต่การทำภารกิจย่อยไปจนถึงกิจกรรมเสริมอย่างการเล่นตู้เกมหรือการหวดเบสบอลนั่นเอง ซึ่งจุดนี้ถือว่ารักษามาตรฐานจากเกม Yakuza มาได้เป็นอย่างดี ทุกกิจกรรมและภารกิจเสริมออกแบบมาได้ค่อนข้างสนุก มีเรื่องราวของตัวเองให้ติดตาม (แม้ว่าบางครั้งจะกระชากอารมณ์ไปนิดเมื่อเทียบกับความจริงจังของเนื้อเรื่องหลัก) ซึ่งนอกจากจะช่วยทำหน้าที่คั่นเวลาระหว่างภารกิจเนื้อเรื่องแล้ว ยังช่วยยืดเวลาการเล่นของเกมขึ้นไปได้อีกเยอะมากๆ เลยทีเดียว เอาใจคนที่ชอบเล่นเกมแบบยาวๆ คุ้มๆ แน่นอน



องค์ประกอบเกมเพลย์เพียงอย่างเดียวที่น่าตำหนิก็คือมินิเกมที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีทั้งหลาย ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าเบื่อหรือน่ารำคาญอยู่พอสมควร อย่างมินิเกมการสอบปากคำที่ให้เราเลือกหลักฐานต่างๆ ที่พบมาใช้มัดตัวโจทย์ ที่ไม่ว่าจะเลือกผิดกี่ครั้งก็สามารถกลับไปเลือกใหม่ได้โดยไม่มีผลเสียใดๆ ต่อเราเลย หรือมินิเกมการสะกดรอยตาม ที่ไม่สนุก แถมบางครั้งยังน่ารำคาญด้วยเพราะโจทย์ที่ถูกเราสะกดรอยมักจะชอบหันหลังมามองบ่อยๆ (เซนส์แรงกันเหลือเกิน...) ทำให้เราต้องหลบเข้าที่กำบังและรอจนกว่าโจทย์จะหันหลังกลับไป ซึ่งบางครั้งก็ทำให้รู้สึกเสียเวลาเหมือนกัน ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เกมไม่สามารถทำให้ระบบเกมเพลย์ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนมีความเข้มข้นหรือท้าทายกว่านี้ ทั้งๆ ที่เป็นจุดขายหลักของเกมอย่างนึง



กราฟิค/การนำเสนอ


ถ้าจะให้พูดในแง่ภาพรวมโดยกว้างแล้ว คงต้องยอมรับว่ากราฟิคและการนำเสนอของเกม Judgment ยังสามารถทำให้หน้าสนใจได้มากกว่านี้อีกมาก มีองค์ประกอบด้านการนำเสนออย่างกราฟิคพื้นผิวสิ่งของ (Texture) หรืออนิเมชั่นการขยับตัวของตัวละคร ซึ่งยังคงทำออกมาได้แข็งๆ ทื่อๆ เหมือนเกมสมัย PS3 อยู่ในบางจุด แถมกราฟิค U.I. หรือหน้าเมนูต่างๆ ก็ทำออกมาเรียบๆ ไม่ค่อยน่าสนใจนัก เหล่า NPC ตามถนนในเมืองก็หน้าซ้ำกันเยอะแยะมากมาย พูดง่ายๆ คือเกมยังสามารถปรับปรุงเรื่องของกราฟิคได้อีกมากโขเลยถ้าอยากจะเทียบเท่าเกมอันดับต้นๆ ในตลาดตอนนี้



แต่ในขณะเดียวกัน (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน) ความแข็งๆ ทื่อๆ ของเกม Judgment เองก็อาจจะถือเป็นเสน่ห์หรือลายเซ็นของเกมอย่างนึงที่คงมาจากซีรี่ส์ Yakuza ก็ได้ เพราะทั้งสองเกมเป็นเกมที่มีเนื้อหาค่อนข้าง ติดดิน ในแง่ที่ว่าทั้งสองเกมเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีอยู่จริง (ย่าน Kamurocho ของเกมออกแบบมาจากย่าน Kabukicho ซึ่งมีอยู่จริง) และทั้งสองเกมก็มีเนื้อหาที่อิงโลกจริงๆ ซึ่งพอมารวมกับกราฟิคที่ดูดาษๆ เรียบๆ แล้วก็ให้ความรู้สึก จริง ที่ช่วยเสริมบรรยากาศของเกมขึ้นมาได้อย่างดีทีเดียว

ใช่ว่าเกมจะมีแต่ข้อเสียซะทีเดียว ยังมีองค์ประกอบด้านการนำเสนอหลายอย่างที่เกมทำได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของเมือง Kamurocho ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด ไปจนถึงหน้าตาของตัวละครหลักทุกตัว ที่แสดงรายละเอียดสีหน้าได้ดีเยี่ยม แถมยังมีเรื่องเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ ที่แม้จะเป็นครั้งแรกที่เกมของค่าย Ryu Ga Gotoku Studio จะมีเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ แต่ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ คุณภาพเสียงพากย์ทุกตัวไม่ต่างจากเสียงนักแสดงในซีรี่ส์ฝรั่งเลยทีเดียว



ทั้งนี้ เกมยังมีปัญหาในเรื่องของการโหลดเข้า-ออกคัตซีนอยู่บ้าง โดยเกมมักจะเกิดอาการค้างไปชั่วขณะ หรือไม่ก็กระตุกๆ แปลกๆ บ่อยครั้ง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เสียอารมณ์การเล่นไปมากมายนัก แต่ถ้าปรับปรุงได้ก็จะยกระดับเกมขึ้นมาได้อีกนิดหน่อยสำหรับผู้เขียน


สรุป




แม้จะไม่ได้พลิกแพลงสูตรไปจากเกมรุ่นพี่อย่าง Yakuza ไปเท่าไหร่นัก แต่เกม Judgment ก็ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีสำหรับค่าย Ryu Ga Gotoku Studio และเป็นข้อพิสูจน์ว่าค่ายสามารถรักษามาตรฐานของเกมที่ปล่อยออกมาได้แน่นอน ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม ไปจนถึงเกมเพลย์ที่แม้จะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ก็ตอบโจทย์ในสิ่งที่พยายามจะทำได้อย่างน่าพอใจ ใครที่หาเกมเล่นยาวๆ คุ้มๆ ในช่วงเกมออกน้อยอย่างช่วงนี้ควรจะพิจารณาเกมนี้ดูนะ!

[penci_review id="24251"]

 

7
ข้อดี
ข้อเสีย
8
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
Review - รีวิวเกม Judgment (PS4): เกมนักสืบกระทืบยากูซ่า
09/07/2019

ข้อดี


  • เนื้อเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม ไม่แพ้ซีรี่ส์ฝรั่งทุนสร้างสูงๆ เลย

  • เกมเพลย์มีความเรียบง่าย เข้าถึงได้ไม่ยาก เหมาะกับผู้เล่นหลากหลายแบบ

  • กราฟิคบางส่วนทำออกมาดีมาก

  • มินิเกมหลากหลาย มีอะไรให้ทำเยอะมาก เล่นคุ้มแน่นอน


ข้อเสีย

  • มีองค์ประกอบเรื่องกราฟิคที่พัฒนาได้อีกมาก

  • เกมเพลย์ยังสามารถทำให้แปลกใหม่ได้มากกว่านี้ (แต่ไม่ได้ถึงกับไม่ดี)

  • ภารกิจเสริมมักมีเนื้อหาที่ขัดกับความจริงจังของเนื้อเรื่อง




แนวเกม: แอคชั่น

ผู้พัฒนา: Ryu Ga Gotoku Studios

จัดจำหน่าย: SEGA

เวลาเล่น: ราวๆ 35 ชั่วโมง (จบเนื้อเรื่องโดยเล่นภารกิจเสริมไปเล็กน้อย)

แพลตฟอร์ม: PlayStation 4 (รีวิวใน PS4 Pro)



หลังจากที่ง่วนผลิตเกมนักเลงในซีรี่ส์ Yakuza มาเนิ่นนาน ถึงเวลาแล้วที่ค่ายพัฒนามือฉมังของ Sony อย่าง Ryu Ga Gotoku Studio ก็ได้ฤกษ์โชว์ผลงานใหม่กับเค้าซะทีกับเกม Judgment (หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า Judge Eyes) เกมแอคชั่นผจญภัยใหม่ล่าสุด ที่ให้ผู้เล่นรับบทเป็นนักสืบอิสระ เพื่อสืบสวนเงื่อนงำเบื้องหลังคดีฆาตกรรมโหดในเมืองคามูโระโจ

แต่อาจจะด้วยความคุ้นเคยของทีมพัฒนาเอง บวกกับระยะเวลาการพัฒนาที่ค่อนข้างสั้น ทำให้เกม Judgment ยังคงมีความคล้ายคลึงกับเกมซีรี่ส์รุ่นพี่อย่าง Yakuza อยู่ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ในเรื่องของกราฟิค การนำเสนอเนื้อเรื่อง ไปจนถึงเกมเพลย์ที่เรียกว่ายกเครื่องมาจาก Yakuza แทบจะทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีซะทีเดียว เพราะซีรี่ส์ Yakuza เองก็มีมาตรฐานเกมเพลย์และเนื้อเรื่องอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ซึ่งก็น่าจะตอบโจทย์ผู้เล่นที่เป็นแฟนๆ เกม Yakuza อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่คาดหวังจะได้รับประสบการณ์เกมเพลย์ที่แปลกใหม่ หรือคนที่ต้องการเล่นเป็นนักสืบแบบลึกซึ้งเข้มข้นแล้ว Judgment อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์คุณเท่าที่คาดหวังไว้ก็เป็นได้




เนื้อเรื่อง


สำหรับเนื้อเรื่องของเกม Judgment นั้นจะให้ผู้เล่นรับบทเป็น Takayuki Yagami อดีตทนายที่ผันตัวมาเปิดสำนักงานนักสืบอิสระ หลังจากที่เค้าได้ช่วยว่าความให้กับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมอันโด่งดังจนหลุดพ้นจากความผิดได้ แต่พ้นผิดได้ไม่ทันไร ผู้ต้องหาคนนั้นกลับก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการแทงแฟนสาวของตนเองพร้อมจุดไฟเผาเธอทั้งเป็นอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ Yagami รู้สึกสูญเสียความมั่นใจในฐานะทนายจนต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักสืบนั่นเอง

เนื้อเรื่องของเกมจะเริ่มขึ้นสามปีให้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อวันหนึ่ง Yagami ได้รับจ้างให้ช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับรองหัวหน้าแก๊งยากูซ่าตระกูลหนึ่ง หลังจากที่เค้าตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง จนทำให้ Yagami ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวเบื้องหลังที่ใหญ่โตกว่าที่ใครๆ คาดคิดเอาไว้



เช่นเดียวกับเกมพี่น้องร่วมค่ายอย่าง Yakuza เนื้อเรื่องของเกม Judgment อาจจะถือเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดตายของเกมเลยก็ว่าได้ เพราะแม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมจะทำออกมาได้อย่างดี มีคุณภาพการเขียนบทและดำเนินเรื่องระดับเดียวกับซีรี่ส์ยาวทางทีวีที่เข้มข้น แต่เมื่อมาอยู่ในเกม การค่อยๆ เล่าเรื่องช้าๆ ผ่านฉากคัตซีนที่มีบทพูดเยอะๆ ก็อาจจะพาลทำให้ผู้เล่นเกมหลายๆ คนเบื่อไปได้เหมือนกัน ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าเกมมีฉากคัตซีนเยอะมากๆ ในบางช่วงแทบจะเป็นคัตซีนติดๆ กันเป็นครึ่งชั่วโมงเลยก็มี ฉะนั้นคนที่ไม่ได้ชอบเสพเนื้อเรื่อง หรือไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องของเกม อาจจะหมดความอดทนกับเกมไปซะก่อน (แต่ก็กดข้ามได้นะถ้าต้องการ)

และอาจจะด้วยความที่เนื้อเรื่องเป็นแนวสืบสวนคดีฆาตกรรมแบบนี้ด้วยแล้ว ทำให้เนื้อเรื่องของ Judgment มักจะมีความมืดมนมากกว่าเกมรุ่นพี่อย่าง Yakuza อยู่ประมาณนึง ซึ่งเมื่อนำมารวมกับเนื้อเรื่องเสริมกวนๆ แปลกๆ อันเป็นลายเซ็นของเกม Yakuza แล้วก็ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโดนขัดอารมณ์ หรือบางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นคนละเกมกันไปเลย



ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับคนที่ชอบเกมที่มีเนื้อเรื่องให้ติดตามเยอะๆ หรือชอบดูซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว เกม Judgment อาจจะเป็นเกมที่คุณมองหามาตลอดเลยก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณไม่ชอบนั่งดูคัตซีนทีละนานๆ จะข้ามเกมนี้ไปก่อนก็ไม่เสียหาย


เกมเพลย์


ถ้าจะให้พูดถึงเกมเพลย์ของ Judgment อย่างสั้นๆ คงจะบรรยายง่ายๆ เลยว่ามันก็คือเกม Yakuza ที่แปลงกายมาเท่านั้นแหละ! เพราะตั้งแต่ระบบต่อสู้ ระบบการพัฒนาตัวละคร ไปจนถึงระบบเสริมต่างๆ อย่างระบบชื่อเสียงนั้นแทบจะถอดแบบมาจาก Yakuza เกือบทั้งสิ้นเลย



สำหรับระบบต่อสู้ของเกมนั้นจะเป็นแนวแอคชั่นเต็มตัว โดยผู้เล่นจะสามารถกดปุ่นสี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมสลับกันเพื่อสร้างเป็นคอมโบต่างๆ ได้ (นึกภาพเกมแนว Musou) และสามารถเก็บสิ่งของตามฉากมาใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย โดยในภาคนี้จะมีจุดเด่นที่รูปแบบการต่อสู้ของตัวละคร Yagami ที่สามารถสลับสับเปลี่ยนได้สองแบบคือ Crane (นกกระเรียน) ซึ่งเน้นการโจมตีเป็งวงกว้างด้วยลูกเตะ และ Tiger (เสือ) ที่เน้นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั่นเอง ซึ่งระบบนี้ก็คล้ายๆ กับระบบการเปลี่ยน Style ของเกม Yakuza 0 นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีท่าพิเศษที่เรียกว่า EX Action (หรือก็คือ Heat Action จากเกม Yakuza) ที่ให้เราสามารถเผด็จศึกศัตรูด้วยท่าโจมตีพิเศษต่างๆ อีกด้วย



แม้ว่าระบบต่อสู้ของเกมจะค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีพื้นที่ให้ผู้เล่นพลิกแพลงอะไรได้มากมายนัก แต่ก็ทำออกมาได้อย่างลื่นไหลกว่าเกม Yakuza ทุกภาคที่ผ่านมา ซึ่งก็น่าจะถูกใจคนที่ชอบเล่นเกมแนวแอคชั่นเตะ-ต่อยที่ให้ความรู้สึกเกมยุคเก่าๆ เหมือนกัน

เช่นเดียวกับระบบต่อสุ้ ระบบการพัฒนาตัวละคร/อัพสกิลก็เรียกว่ายกมาจากเกม Yakuza ทั้งดุ้นเลย โดยผู้เล่นจะได้รับแต้มสกิลที่เรียกว่า SP จากการต่อสู้และการทำกิจกรรมต่างๆ ในเมืองด้วย เพื่อนำมาแลกกับสกิลใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นท่า EX Action ใหม่ๆ ไปจนถึงการเพิ่มเลือด/พลังโจมตี/ความเร็วของตัวละครเป็นต้น ซึ่งระบบก็ค่อนข้างเรียบๆ ไม่ได้มีอะไรให้พลิกแพลงหรือทดลองอะไรมากนัก นอกซะจากสกิลจำนวนน้อยที่ต้องใช้วิธีหา QR Code หรือตำราสกิลตามเมืองเอาเอง จึงไม่ได้มีอะไรจะวิจารณ์นักกับระบบการพัฒนาตัวละครของเกม เพราะมันก็ต้อบโจทย์ของมันได้พอดี แม้จะไม่ได้มีอะไรใหม่หรือน่าสนใจเป็นพิเศษก็ตาม



นอกเหนือจากการต่อสู้และการผ่านภารกิจเนื้อเรื่องนั้น ผู้เล่นเกม Judgment จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย ตั้งแต่การทำภารกิจย่อยไปจนถึงกิจกรรมเสริมอย่างการเล่นตู้เกมหรือการหวดเบสบอลนั่นเอง ซึ่งจุดนี้ถือว่ารักษามาตรฐานจากเกม Yakuza มาได้เป็นอย่างดี ทุกกิจกรรมและภารกิจเสริมออกแบบมาได้ค่อนข้างสนุก มีเรื่องราวของตัวเองให้ติดตาม (แม้ว่าบางครั้งจะกระชากอารมณ์ไปนิดเมื่อเทียบกับความจริงจังของเนื้อเรื่องหลัก) ซึ่งนอกจากจะช่วยทำหน้าที่คั่นเวลาระหว่างภารกิจเนื้อเรื่องแล้ว ยังช่วยยืดเวลาการเล่นของเกมขึ้นไปได้อีกเยอะมากๆ เลยทีเดียว เอาใจคนที่ชอบเล่นเกมแบบยาวๆ คุ้มๆ แน่นอน



องค์ประกอบเกมเพลย์เพียงอย่างเดียวที่น่าตำหนิก็คือมินิเกมที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีทั้งหลาย ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าเบื่อหรือน่ารำคาญอยู่พอสมควร อย่างมินิเกมการสอบปากคำที่ให้เราเลือกหลักฐานต่างๆ ที่พบมาใช้มัดตัวโจทย์ ที่ไม่ว่าจะเลือกผิดกี่ครั้งก็สามารถกลับไปเลือกใหม่ได้โดยไม่มีผลเสียใดๆ ต่อเราเลย หรือมินิเกมการสะกดรอยตาม ที่ไม่สนุก แถมบางครั้งยังน่ารำคาญด้วยเพราะโจทย์ที่ถูกเราสะกดรอยมักจะชอบหันหลังมามองบ่อยๆ (เซนส์แรงกันเหลือเกิน...) ทำให้เราต้องหลบเข้าที่กำบังและรอจนกว่าโจทย์จะหันหลังกลับไป ซึ่งบางครั้งก็ทำให้รู้สึกเสียเวลาเหมือนกัน ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เกมไม่สามารถทำให้ระบบเกมเพลย์ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนมีความเข้มข้นหรือท้าทายกว่านี้ ทั้งๆ ที่เป็นจุดขายหลักของเกมอย่างนึง



กราฟิค/การนำเสนอ


ถ้าจะให้พูดในแง่ภาพรวมโดยกว้างแล้ว คงต้องยอมรับว่ากราฟิคและการนำเสนอของเกม Judgment ยังสามารถทำให้หน้าสนใจได้มากกว่านี้อีกมาก มีองค์ประกอบด้านการนำเสนออย่างกราฟิคพื้นผิวสิ่งของ (Texture) หรืออนิเมชั่นการขยับตัวของตัวละคร ซึ่งยังคงทำออกมาได้แข็งๆ ทื่อๆ เหมือนเกมสมัย PS3 อยู่ในบางจุด แถมกราฟิค U.I. หรือหน้าเมนูต่างๆ ก็ทำออกมาเรียบๆ ไม่ค่อยน่าสนใจนัก เหล่า NPC ตามถนนในเมืองก็หน้าซ้ำกันเยอะแยะมากมาย พูดง่ายๆ คือเกมยังสามารถปรับปรุงเรื่องของกราฟิคได้อีกมากโขเลยถ้าอยากจะเทียบเท่าเกมอันดับต้นๆ ในตลาดตอนนี้



แต่ในขณะเดียวกัน (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียน) ความแข็งๆ ทื่อๆ ของเกม Judgment เองก็อาจจะถือเป็นเสน่ห์หรือลายเซ็นของเกมอย่างนึงที่คงมาจากซีรี่ส์ Yakuza ก็ได้ เพราะทั้งสองเกมเป็นเกมที่มีเนื้อหาค่อนข้าง ติดดิน ในแง่ที่ว่าทั้งสองเกมเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีอยู่จริง (ย่าน Kamurocho ของเกมออกแบบมาจากย่าน Kabukicho ซึ่งมีอยู่จริง) และทั้งสองเกมก็มีเนื้อหาที่อิงโลกจริงๆ ซึ่งพอมารวมกับกราฟิคที่ดูดาษๆ เรียบๆ แล้วก็ให้ความรู้สึก จริง ที่ช่วยเสริมบรรยากาศของเกมขึ้นมาได้อย่างดีทีเดียว

ใช่ว่าเกมจะมีแต่ข้อเสียซะทีเดียว ยังมีองค์ประกอบด้านการนำเสนอหลายอย่างที่เกมทำได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของเมือง Kamurocho ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด ไปจนถึงหน้าตาของตัวละครหลักทุกตัว ที่แสดงรายละเอียดสีหน้าได้ดีเยี่ยม แถมยังมีเรื่องเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ ที่แม้จะเป็นครั้งแรกที่เกมของค่าย Ryu Ga Gotoku Studio จะมีเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ แต่ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ คุณภาพเสียงพากย์ทุกตัวไม่ต่างจากเสียงนักแสดงในซีรี่ส์ฝรั่งเลยทีเดียว



ทั้งนี้ เกมยังมีปัญหาในเรื่องของการโหลดเข้า-ออกคัตซีนอยู่บ้าง โดยเกมมักจะเกิดอาการค้างไปชั่วขณะ หรือไม่ก็กระตุกๆ แปลกๆ บ่อยครั้ง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เสียอารมณ์การเล่นไปมากมายนัก แต่ถ้าปรับปรุงได้ก็จะยกระดับเกมขึ้นมาได้อีกนิดหน่อยสำหรับผู้เขียน


สรุป




แม้จะไม่ได้พลิกแพลงสูตรไปจากเกมรุ่นพี่อย่าง Yakuza ไปเท่าไหร่นัก แต่เกม Judgment ก็ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีสำหรับค่าย Ryu Ga Gotoku Studio และเป็นข้อพิสูจน์ว่าค่ายสามารถรักษามาตรฐานของเกมที่ปล่อยออกมาได้แน่นอน ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม ไปจนถึงเกมเพลย์ที่แม้จะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ก็ตอบโจทย์ในสิ่งที่พยายามจะทำได้อย่างน่าพอใจ ใครที่หาเกมเล่นยาวๆ คุ้มๆ ในช่วงเกมออกน้อยอย่างช่วงนี้ควรจะพิจารณาเกมนี้ดูนะ!

[penci_review id="24251"]

 


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header