GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
รีวิวเกม Anthem - โครงเกมที่ดี...ถ้ามีเวลาอีกซัก 6 เดือน
ลงวันที่ 28/02/2019

ข้อดี


  • เกมเพลย์สนุกมาก ระบบต่อสู้เล่นได้เรื่อยๆ

  • กราฟิคสวยมาก ละเอียดกว่าเกมคู่แข่งแนวเดียวกันทุกเกมที่ผ่านมา


ข้อเสีย

  • เกมบังคับให้ต้องนั่งรอหน้าจอโหลดเกมบ่อยและนานมาก

  • ปัญหาด้านเทคนิคและการออกแบบระบบปลีกย่อยยังเยอะมาก

  • ระบบสกิลมีความจำกัดแปลกๆ ไม่สามารถเลือกได้เท่าที่ควร

  • เนื้อหาน้อย พอจบเนื้อเรื่องแล้วไม่ค่อยรู้สึกอยากเล่นต่อ




แนวเกม: Shooter-Looter RPG

ผู้พัฒนา: Bioware

จัดจำหน่าย: Electronic Arts (EA)

เวลาเล่น: 50 ชั่วโมง (จบเนื้อเรื่อง และ Endgame ประมาณหนึ่ง)

แพลตฟอร์ม: PlayStation 4, Xbox One, PC (รีวิวในทั้ง PS4, PC)

(ขอบคุณโค้ดรีวิวเกมจาก EA)



เพื่อนๆ บางคนอาจจะเคยได้อ่านบทความ พรีวิว Anthem - เล่าความรู้สึกจากเดโมครั้งล่าสุด ที่ทาง GameFever ปล่อยออกมาช่วงที่เกมเปิด Open Demo ระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาจจะพอจำกันได้ว่าผู้เขียนถือเป็นแฟนเกมแนว Shooter-Looter อยู่พอสมควร และ Anthem ก็เป็นหนึ่งในเกมที่ผู้เขียนคาดหวังเป็นอันดับต้นๆ ของช่วงต้นปี 2019 นี้เลยทีเดียว และแม้ว่าประสบการณ์ช่วงเดโมจะทำให้หวั่นๆ ใจไปบ้างว่าเกมอาจจะไม่ได้มีเนื้อหามากพอจะดึงความสนใจของผู้เล่นได้นานนัก ผู้เขียนก็ยังคงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ลองเข้าไปเล่นเกมตัวเต็มจริงๆ

แต่หลังจากที่ได้เล่นเกมตัวเต็มแล้ว ก็พบว่าปัญหาต่างๆ ที่ผู้เขียนเคยประสบในช่วงเดโมนั้นไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรเลย หน้าจอโหลดเกมที่รอนานจนหลับคาจอย (เกิดขึ้นจริงมาแล้ว) ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ควรแม้จะมี Day-One Patch มาช่วยก็ตาม (โดยเฉพาะใน PC) ปัญหาการหลุดจากเกมก็ยังคงมีอยู่บ่อยมาก และที่สำคัญที่สุด เนื้อหาที่เกมตัวเต็มมีให้สำหรับคนที่เล่นจนจบเนื้อเรื่องแล้วก็มีอยู่น้อยมากๆ แถมยังไม่ได้แตกต่างจากเกมเพลย์ช่วงต้นหรือกลางเกมเท่าไหร่เลยด้วย ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนถึงตายของเกมแนวนี้เลยทีเดียว

[caption id="attachment_19821" align="aligncenter" width="1920"] Roadmap อัพเดทของเกม หวังว่าผู้เล่นจะไม่เลิกกันไปก่อนนะ[/caption]

แม้ว่าระบบเกมเพลย์ (การยิงปืน การใช้สกิล การบิน) จะยังคงสนุกอยู่มาก แต่ปัญหาแวดล้อมต่างๆ ของเกมกลับทำให้ประสบการณ์การเล่น Anthem นั้นเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดจากการหลุด และความเบื่อจากการรอหน้าจอโหลดเกม มากกว่าความสนุกที่ได้รับจากการตะลุยภารกิจซะอีกในหลายๆ ช่วง

ถ้าจะให้กล่าวโดยสรุป Anthem เป็นเกมที่มีโครงเกมเพลย์ที่ดีมากๆ และเกมน่าจะสามารถกลายเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอนถ้าได้รับการแก้ไขปัญหาและเพิ่มเนื้อหามากกว่านี้ แต่แค่ไม่ใช่ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้เท่านั้นเอง




กราฟิค/การนำเสนอ


ดังที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ กราฟิคของเกม Anthem อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเกมเลยก็ว่าได้ ด้วยแผนที่ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและละเอียด มีสภาพแวดล้อมอันหลากหลายตั้งแต่ป่าทึบ น้ำตก ทะเลสาป ไปจนถึงซากปรักหักพังและถ้ำใต้ดิน ที่ทำให้การบินสำรวจโลกของเกมกลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ เพราะมีสภาพแวดล้อมและรายละเอียดในฉากให้ชื่นชมและค้นหาแทบจะตลอดทางเลยทีเดียว แถมการเพิ่มระบบการบินอย่างอิสระยังทำให้ผู้พัฒนาสามารถซ่อนความลับและ/หรือสมบัติไว้ตามมุมต่างๆ ได้มากกว่าเกมอื่นๆ ซึ่งก็ทำให้การสำรวจโลกของเกม Anthem เป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าค้นหาอยู่ตลอด



คุณภาพของกราฟิคยังครอบคลุมไปถึงชุด Javelin ที่มีรายละเอียดบนชุดเยอะมากๆ แถมรายละเอียดเหล่านี้ยังมีการขยับเขยื้อนไปมาตามการเคลื่อนไหวของเราตลอดเวลาอีกด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่เกมมีตัวเลือกชิ้นส่วนในการตกแต่งชุด Javelin น้อยเหลือเกิน มีตัวเลือกเพิ่มมาเพียงไม่กี่เซ็ตต่อชุดเท่านั้น แถมแต่ละชุดยังต้องใช้เงิน Coin ในเกม (หรือเติมเงิน Premium เอา) เพื่อซื้อ ฃซึ่งการมีตัวเลือกชุดเกราะเยอะๆ ถือเป็นสิ่งง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้เล่นได้อย่างมากมาย แทนที่ทุกคนจะสวมใส่ชุดหน้าตาเหมือนๆ กันหมดทั้งเซิฟเวอร์เหมือนในปัจจุบัน

[caption id="attachment_19829" align="aligncenter" width="1920"] ฉากใส่ชุด Javelin ที่ดูสิบครั้งก็เท่สิบครั้ง[/caption]

แต่ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ผู้เขียนชอบที่สุดเกี่ยวกับการนำเสนอของเกม คงเป็นการที่เกมใช้ระบบการสั่นของจอยได้ดีมากๆ โดยจอยของเราจะสั่นเป็นจังหวะตามที่หุ่นก้าวเท้าเดิน หรือสั่นตามจังหวะการยิงของปืนเป็นต้น ซึ่งก็ช่วยเสริมความ Immersive หรือความสมจริงของการเล่นขึ้นไปอีกระดับ เหมือนดูหนัง 4D เลยทีเดียว ซึ่งนี่อาจจะเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะไม่สังเกติด้วยซ้ำในระหว่างที่เล่น แต่สำหรับผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่เสริมประสบการณ์เกมได้ดีเลยทีเดียว

อีกหนึ่งองค์ประกอบการนำเสนอที่เกมทำได้ดีคือกราฟิคหน้าตาตัวละครต่างๆ ในเกม โดยเฉพาะเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ที่ทำสีหน้าออกมาได้ละเอียด แสดงออกความรู้สึกชัดเจนทั้งทางสีหน้าและภาษากาย ทำให้รู้สึกจริงๆ ว่าตัวละครเหล่านี้มีชีวิตชีวา โดยคุณภาพของการพากย์เสียงก็ช่วยเสริมตรงนี้ได้ดี แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ทำให้สิ่งที่พูดน่าสนใจขนาดนั้นก็ตาม (อ่านต่อได้ในหมวดเนื้อเรื่อง)

[caption id="attachment_19785" align="aligncenter" width="1920"] หน้าตาตัวละครมีชีวิตชีวาใช้ได้[/caption]

ในแง่ของความลื่นในการรันเกมนั้น ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผู้เขียนเป็นคนที่เล่นเกมใน PS4 เป็นหลัก และเล่นเกมใน PC น้อยมากๆ จึงอาจจะไม่สามารถออกความเห็นได้ว่าเกม Anthem ถือเป็นเกมที่กิน spec เครื่องหนักมากน้อยกว่าเกมอื่นๆ ในตลาดหรือไม่ แต่ในกรณีของ Anthem ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มี spec ดังนี้: Intel Core i7-7th Gen, GTX 1060ti, 8GB RAM สามารถปรับกราฟิคระดับ High ได้ (เกมปรับเองอัตโนมัติ) และสามารถรันเกมได้ที่เฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 30-40 FPS ซะส่วนใหญ่ และมีจังหวะที่เฟรมเรตตกไปถึง 20 นิดๆ ด้วยในบางสถานการณ์ แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่ายอมรับได้ ความกระตุกหรืออืดอาดที่พบดูเหมือนจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตซะมากกว่า

ในส่วนของ PS4 นั้น แม้ว่ากราฟิคจะสู้ใน PC ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเสถียรของตัวเกม โดยผู้เขียนพบว่าการเล่นเกมใน PS4 นั้นทั้งโหลดเร็วกว่า หลุดน้อยกว่า (แต่ใช่ว่าไม่หลุดเลย) และแม้ว่าเฟรมเรตจะไม่ได้สูงเท่ากับใน PC แต่ก็มีความนิ่งมากกว่า ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการกระตุกหรือหน่วงเท่าใน PC

[caption id="attachment_19781" align="aligncenter" width="1920"] หน้าจอที่คุณจะได้เห็นบ่อยที่สุดในเกม[/caption]

โดยรวมๆ นั้นการนำเสนอของ Anthem ถือว่าทำออกมาได้ในระดับที่พอใช้ แม้ว่ากราฟิคจะสวยและละเอียดขนาดไหนก็ตาม แต่ปัญหาเรื่องความเสถียรก็ทำให้ไม่สามารถชมการนำเสนอของเกมโดยรวมได้อย่างเต็มปากนัก ที่สำคัญคือเกมพลาดโอกาสง่ายๆ ในการทำให้เกมเล่นสนุกขึ้นสำหรับผู้เล่น อย่างการเพิ่มตัวเลือกชิ้นส่วนชุดเกราะให้เยอะขึ้น หรือการเพิ่มโมเดลปืนไม่ให้ซ้ำกันไปหมดเป็นต้น


เนื้อเรื่อง


หนึ่งในสิ่งที่หลายคนคาดหวังจากเกม Anthem มากกว่าเกมคู่แข่งแนวเดียวกันน่าจะเป็นส่วนของเนื้อเรื่อง ที่เป็นจุดอ่อนของเกมคู่แข่งอย่าง Destiny และ The Division มาตลอด ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของค่ายผู้พัฒนาเกม RPG ที่โด่งดังมาแล้วมากมายอย่าง Bioware ด้วย จึงทำให้หลายคน (รวมถึงผู้เขียนด้วย) มีความคาดหวังต่อเนื้อเรื่องของเกมมากกว่าเกมอื่นๆ



จึงเป็นความหนักใจของผู้เขียนที่ต้องพบว่าเนื้อเรื่องของ Anthem นั้นทำออกมาได้แย่มากๆ ถึงขนาดที่แทบจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลยทีเดียว เกมพยายามจะนำเสนอโลกไซไฟ-แฟนตาซีอันลึกซึ้ง มีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง แต่กลับไม่สามารถเล่าเรื่องราวนั้นออกมาให้น่าติดตามได้ แถมเกมยังพยายามแนะนำตัวละครสำคัญใหม่ๆ เข้ามาอีกเรื่อยๆ โดยที่แทบจะไม่มีคำอธิบายเลยว่าตัวละครตัวนั้นๆ คือใคร มาจากไหน ในขณะที่กลุ่มตัวละครเสริมรอบๆ ตัวพระเอกกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จนสุดท้ายทำให้ผู้เขียนไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมในเนื้อเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว

เนื้อเรื่องหลักของเกมจะให้เรารับบทเป็น Freelancer (นักบินที่ใส่ชุด Javelin) นิรนาม ที่ต้องเข้าไปพัวพันกับแผนการของกองทัพ The Dominion อันชั่วร้าย ที่ต้องการควบคุมวัตถุลึกลับที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเหล่าเทพผู้สร้างโลก (Shapers) เพื่อจะสามารถควบคุมพลังงานปริศนาที่มีชื่อว่า The Anthem of Creation (บทเพลงแห่งการสรรค์สร้าง) เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

[caption id="attachment_19831" align="aligncenter" width="1212"] ตัวร้ายที่โผล่มาซัก 5 ครั้งตลอดเกม[/caption]

อาจจะด้วยรูปแบบของเกมที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นภารกิจชัดเจนด้วยแล้ว ทำให้ Anthem ไม่สามารถใช้เวลากับการปูเรื่องราวของโลกและเกมได้เท่าที่ควร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ กับเกมไซไฟจ๋าๆ ขนาดนี้ในการปูพื้นเรื่องราวของโลกให้ผู้เล่นรู้สึกเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไปในเนื้อเรื่องมีความสำคัญอย่างไรกันแน่ เมื่อเกมพลาดองค์ประกอบนี้ไป ก็ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ที่ตามมาในเนื้อเรื่องแลดูขาดเหตุผลไปได้เหมือนกัน ซึ่งก็ส่งผลให้ยิ่งเกมดำเนินไปไกลเท่าไหร่ ความสนใจในเนื้อเรื่องมีแต่จะลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะไม่รู้เรื่องแล้วว่ามันคุยอะไรกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่องโหว่และปัญหาในเนื้อเรื่องหลายๆ จุดอาจจะสามารถแก้ได้ถ้าเกิดผู้เล่นเลือกที่จะหาข้อมูลเอาเองจากการคุยกับ NPC ทั้งหลายในเมือง Fort Tarsis ของเกม แต่สำหรับผู้เขียนบทสนทนาเหล่านี้ก็ประสบปัญหาไม่ต่างกับเนื้อเรื่อง นั่นก็คือการขาดอารมณ์ร่วมจากการที่เกมปูพื้นเนื้อเรื่องมาไม่ดีนั่นเอง ซ้ำร้าย ระบบตัวเลือกบทสนทนาของเกมก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเล่นเกมของผู้เล่นโดยตรงแต่อย่างใด จะมีก็เพียงท่าทีของตัวละครบางตัวที่อาจจะเปลี่ยนไปตามทางเลือกของผู้เล่น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีผลเสียอะไรกับเรา ถ้าไม่นับการปลดล๊อคตัวเลือกในการปรับแต่งหุ่นหรือ Blueprint (พิมพ์เขียว) สำหรับการสร้างอาวุธ/ไอเทม ซึ่งไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ดูเหมือนจะปลดล๊อคได้อยู่ดี จนทำให้ผู้เขียนเลือกที่จะกดข้ามบทสนทนาเหล่านี้ไปเลยเพื่อจะได้ไปลุยภารกิจต่อได้เร็วๆ



กล่าวโดยสรุป คนที่คาดหวังว่า Anthem จะมีเนื้อเรื่องน่าติดตามในแบบฉบับเกม Bioware อื่นๆ นั้นอาจจะต้องปรับความคาดหวังกันใหม่ทั้งหมดเลย เพราะ Anthem ไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งหรือน่าสนใจใกล้เคียงกับเกมอย่าง Dragon Age และ Mass Effect เลยซักนิด อาจจะดีกว่า Destiny ภาคแรกในช่วงที่วางจำหน่ายใหม่ๆ อยู่หน่อยนึง แต่ก็ยังถือว่าไม่ผ่านในความเห็นของผู้เขียน ไม่ได้ช่วยเสริมประสบการณ์ของเกมแต่อย่างใด กลับทำให้เกมแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะต้องบังคับให้ผู้เล่นกลับเมืองเพื่อดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ตลอด เป็นการขัดจังหวะการเล่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงความนานในการโหลดของเกม


เกมเพลย์


สำหรับผู้เขียนที่ยอมรับตรงๆ ว่าเป็นแฟนเกมแนวนี้อยู่แล้ว เกมเพลย์ของ Anthem ถือเป็นองค์ประกอบที่ทำออกมาได้ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ การเหาะไปในอากาศและการต่อสู้ของเกมยังคงสนุกอยู่แม้ว่าผู้เขียนจะเล่นเกมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมงก็ตาม ด้วยระบบหลายๆ อย่างรวมกันที่ทำให้การเล่นมีมิติมากกว่าแค่เกม Third-Person Shooter (เกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม) ทั่วไป

ในส่วนของระบบต่อสู้นั้น แม้ว่าการยิงปืนในตัวของมันเองอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ Anthem สามารถสร้างควา่มแตกต่างให้ตัวเองด้วยระบบคอมโบของเกม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมรุ่นพี่ค่ายเดียวกันอย่าง Mass Effect นั่นเอง โดยหุ่นแต่ละชนิดในเกม Anthem จะสามารถใส่ความสามารถพิเศษไปใช้ในการต่อสู้ได้สามชนิดด้วยกัน คือสกิลธรรมดา สกิล Primer และสกิล Detonator นั่นเอง โดยสกิลธรรมดานั้นจะเน้นไปที่การสร้างความเสียหายตรงๆ อย่างเดียว ในขณะที่สกิล Primer จะทำให้ศัตรูติดสถานะผิดปกติ และเมื่อโจมตีศัตรูตัวนั้นซ้ำด้วยสกิล Detonator ก็จะทำให้เกิดคอมโบ ซึ่งจะส่งผลแตกต่างกันไปตามชนิดของหุ่นที่เป็นคนปิดคอมโบอีกด้วย

[caption id="attachment_19784" align="aligncenter" width="1920"] ระบบคอมโบถือเป็นจุดแข็งของเกมอย่างหนึ่ง[/caption]

ในเบื้องต้นนั้น ระบบคอมโบสามารถทำให้การเล่นเกมมีความหลากหลาย มีมิติมากขึ้นตามสกิลที่ผู้เล่นแต่ละคนเลือกใช้ แต่ในเบื้องลึกขึ้นนั้น ระบบคอมโบสามารถเปิดช่องให้ผู้เล่นสามารถวางแผนร่วมกันเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ต่างๆ ก็ได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกพิเศษจากการปิดคอมโบของหุ่นแต่ละชนิด เช่นเมื่อโดนรุมหนักๆ ก็สามารถให้หุ่น Colossus ปิดคอมโบเพื่อสร้างความเสียหายต่อศัตรูเป็นวงกว้างได้ หรือถ้ามีศัตรูระดับบอสที่หนังเหนียวเอาไม่ลง ก็ให้หุ่น Ranger ข่วยปิดคอมโบเพื่อสร้างความเสียหายต่อบอสมากขึ้นก็ได้เป็นต้น

นอกจากนี้ หุ่นแต่ละตัวยังมีแนวทางการเล่นที่แตกต่างกันอย่างมาก ยกตัวอย่างหุ่น Storm ที่มีความสามารถเหมือนอาชีพนักเวทย์ มีสกิลที่สร้างความเสียหายสูงในวงกว้างเยอะ แต่ก็เปราะบางมากๆ เช่นกัน แต่หุ่นจะได้รับเกราะป้องกันเพิ่มขึ้นเมื่อบินอยู่กลางอากาศ ทำให้ผู้เล่นหุ่น Storm ต้องพยายามหาวิธีต่อสู้กลางอากาศตลอดเวลาเป็นวิธีเอาตัวรอด ในขณะที่หุ่น Colossus นั้นจะเน้นที่พลังล้วนๆ ทั้งสำหรับการโจมตีและป้องกัน สามารถใช้อาวุธหนักอย่างปืน Autocannon และ Grenade Launcher ได้ สามารถดึงโล่ห์ออกมาใช้กันการโจมตีได้ แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่มีเกราะบาเรียเหมือนหุ่นตัวอื่นๆ (ต้องดึงโล่ห์ออกมากันเท่านั้น) แถมยังอืดอาดกว่า บินนานไม่เท่าหุ่นตัวอื่นๆ และที่สำคัญคือไม่สามารถพุ่งหลบเหมือนหุ่นตัวอื่นๆ ได้เป็นต้น

[caption id="attachment_19832" align="aligncenter" width="1920"] หุ่น Storm ที่ต้องเอาตัวรอดด้วยการลอยตัวตลอดเวลา[/caption]

อย่างที่เห็นว่าหุ่นทั้งสองตัวก็มีวิธีเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งลึกกว่าความแตกต่างในเรื่องของสกิลหรือค่าสถานะเท่านั้น แถมผู้เล่นคนหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนหุ่นได้ตลอดก่อนเริ่มภารกิจ ซึ่งก็ช่วยเสริมให้เกมเพลย์มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ถ้าจะต้องตำหนิก็คงเป็นระบบช่องสกิล ที่ทำให้เราไม่สามารถเลือกผสมคอมโบสกิลได้ตามใจเท่าที่ควร โดยหุ่นแต่ละชุดจะมีช่องสกิลอยู่สองช่อง และแต่ละช่องจะมีรายชื่อสกิลที่สวมใส่ได้ตายตัว ยกตัวอย่างเช่นสกิล Burning Orb ของหุ่น Storm ที่ต้องใส่ช่องเดียวกับสกิล Frost Shards ทำให้ผู้เล่นที่อยากจะใช้สกิลสองสกิลนี้คอมโบกันไม่สามารถทำได้เป็นต้น อาจจะไม่ใช่จุดบกพร่องที่สลักสำคัญมากนัก แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ถ้ามีน่าจะทำให้เกมมีความสนุกมากกว่านี้

[caption id="attachment_19826" align="aligncenter" width="3840"] ของในร้านค้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่น่าจะมีตัวเลือกเยอะกว่านี้[/caption]

แต่แม้ว่า Anthem จะสนุกขนาดไหนในระหว่างที่ได้ต่อสู้ องค์ประกอบเกมเพลย์อื่นๆ นอกเหนือไปจากการต่อสู้กลับทำได้ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่เกมเพลย์ส่วนเมือง Fort Tarsis ที่เชื่องช้าและน่าเบื่อ ไปจนถึงระบบการสนทนากับ NPC ที่ก็น่าเบื่อไม่แพ้กัน แต่เกมกลับบังคับให้ผู้เล่นต้องกลับไปที่เมือง Fort Tarsis ทุกครั้งหลังจบภารกิจเพื่อรับเควสและปรับเปลี่ยนอาวุธ/สกิลของหุ่น ทำให้การเล่นเกม Anthem เหมือนขัดจังหวะตัวเองอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ เนื้อหาที่เกมมีในขนาดนี้ยังถือว่าน้อยมากๆ เช่นจำนวนดันเจี้ยน (หรือที่เกมเรียกว่า Stronghold) ที่มีเพียง 3 ที่เท่านั้น ไปจนถึงไอเทมในเกมที่มีอยู่น้อย และหาได้ไม่ยาก (โดยเฉพาะในระดับเลเวลสูงๆ) ทำให้การเล่นเกมรู้สึกตันเร็ว เล่นไม่นานก็ผ่าน/เก็บหมดทุกอย่างแล้ว (ผู้เขียนใช้เวลาเล่นราว 50 ชั่วโมง ใส่ของระดับ Masterwork เกือบทั้งตัว) ซึ่งสำหรับเกมแนวนี้ ที่ผู้พัฒนาคาดหวังให้ผู้เล่นกลับมาเล่นเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาหลายเดือน/ปี ถือเป็นจุดอ่อนที่อาจจะทำให้เกมต้องตายไปก่อนเวลาอันควรได้เลย แม้ว่าผู้พัฒนาจะออกมาพูดถึงเนื้อหาที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้แล้ว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เช่นกันว่ากว่าอัพเดทเหล่านี้จะออกมา ผู้เล่นหลายๆ คนอาจจะบอกลาเกมโดยไม่หันหลังกลับไปซะแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะผู้เขียนเชื่อจริงๆ ว่า Anthem จะสามารถกลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ถ้าเกมมีเวลาพัฒนาเนื้อหาไปอีกซักระยะหนึ่ง

[caption id="attachment_19815" align="aligncenter" width="2549"] การสู้บอสตัวยักษ์สนุกดี แต่ดันมีน้อย[/caption]


สรุป


ถ้าถามผู้เขียนว่า Anthem เป็นเกมที่ สนุก หรือไม่ ผู้เขียนก็คงได้แต่ตอบตามความเห็นตัวเองว่าเกมยัง สนุก อยู่แน่นอนในเรื่องของการต่อสู้ ที่แม้จะเล่นมาแล้วเกิน 50 ชั่วโมงก็ยังไม่รู้สึกเบื่อเลย

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าถามผู้เขียนว่า Anthem เป็นเกมที่ ดี หรือไม่ ผู้เขียนคงตอบได้ไม่เต็มปากนัก เพราะแม้เกมจะมีโครงสร้างเกมเพลย์ที่ดีอยู่ แต่ปัญหาด้านอื่นๆ ทั้งในเรื่องของปริมาณเนื้อหาไปจนถึงปัญหาเรื่องหน้าจอโหลดเกมและความเสถียร ก็อยู่ในระดับที่สามารถทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมเสียไปเลยได้เหมือนกันสำหรับหลายๆ คน

สำหรับคนที่รู้สึกว่าอาจจะมองข้ามข้อบกพร่องต่างๆ ของเกมไปได้ Anthem น่าจะเป็นเกมที่มอบความเพลิดเพลินให้คุณและเพื่อนๆ ได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะต้องแนะนำจริงๆ อยากจะแนะนำให้รอไปก่อนซัก 3-6 เดือน เพื่อให้ผู้พัฒนาได้ปรับปรุงปัญหาต่างๆ และเพิ่มเนื้อหาเข้าไปมากกว่านี้ซะก่อน เพราะผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าเกมสามารถอยู่รอดไปได้จนถึงตอนนั้น (คือผู้เล่นไม่พากันเบื่อหน่ายหายตัวไปซะก่อน) Anthem ก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเกมฮิตได้ไม่ต่างจาก Destiny หรือ The Division เลยเช่นกัน

[caption id="attachment_19813" align="aligncenter" width="1454"] อนาคตที่สดใส(อาจจะ)รอเราอยู่...[/caption]

[penci_review id="19319"]

7
ข้อดี
ข้อเสีย
7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิวเกม Anthem - โครงเกมที่ดี...ถ้ามีเวลาอีกซัก 6 เดือน
28/02/2019

ข้อดี


  • เกมเพลย์สนุกมาก ระบบต่อสู้เล่นได้เรื่อยๆ

  • กราฟิคสวยมาก ละเอียดกว่าเกมคู่แข่งแนวเดียวกันทุกเกมที่ผ่านมา


ข้อเสีย

  • เกมบังคับให้ต้องนั่งรอหน้าจอโหลดเกมบ่อยและนานมาก

  • ปัญหาด้านเทคนิคและการออกแบบระบบปลีกย่อยยังเยอะมาก

  • ระบบสกิลมีความจำกัดแปลกๆ ไม่สามารถเลือกได้เท่าที่ควร

  • เนื้อหาน้อย พอจบเนื้อเรื่องแล้วไม่ค่อยรู้สึกอยากเล่นต่อ




แนวเกม: Shooter-Looter RPG

ผู้พัฒนา: Bioware

จัดจำหน่าย: Electronic Arts (EA)

เวลาเล่น: 50 ชั่วโมง (จบเนื้อเรื่อง และ Endgame ประมาณหนึ่ง)

แพลตฟอร์ม: PlayStation 4, Xbox One, PC (รีวิวในทั้ง PS4, PC)

(ขอบคุณโค้ดรีวิวเกมจาก EA)



เพื่อนๆ บางคนอาจจะเคยได้อ่านบทความ พรีวิว Anthem - เล่าความรู้สึกจากเดโมครั้งล่าสุด ที่ทาง GameFever ปล่อยออกมาช่วงที่เกมเปิด Open Demo ระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาจจะพอจำกันได้ว่าผู้เขียนถือเป็นแฟนเกมแนว Shooter-Looter อยู่พอสมควร และ Anthem ก็เป็นหนึ่งในเกมที่ผู้เขียนคาดหวังเป็นอันดับต้นๆ ของช่วงต้นปี 2019 นี้เลยทีเดียว และแม้ว่าประสบการณ์ช่วงเดโมจะทำให้หวั่นๆ ใจไปบ้างว่าเกมอาจจะไม่ได้มีเนื้อหามากพอจะดึงความสนใจของผู้เล่นได้นานนัก ผู้เขียนก็ยังคงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ลองเข้าไปเล่นเกมตัวเต็มจริงๆ

แต่หลังจากที่ได้เล่นเกมตัวเต็มแล้ว ก็พบว่าปัญหาต่างๆ ที่ผู้เขียนเคยประสบในช่วงเดโมนั้นไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควรเลย หน้าจอโหลดเกมที่รอนานจนหลับคาจอย (เกิดขึ้นจริงมาแล้ว) ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ควรแม้จะมี Day-One Patch มาช่วยก็ตาม (โดยเฉพาะใน PC) ปัญหาการหลุดจากเกมก็ยังคงมีอยู่บ่อยมาก และที่สำคัญที่สุด เนื้อหาที่เกมตัวเต็มมีให้สำหรับคนที่เล่นจนจบเนื้อเรื่องแล้วก็มีอยู่น้อยมากๆ แถมยังไม่ได้แตกต่างจากเกมเพลย์ช่วงต้นหรือกลางเกมเท่าไหร่เลยด้วย ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนถึงตายของเกมแนวนี้เลยทีเดียว

[caption id="attachment_19821" align="aligncenter" width="1920"] Roadmap อัพเดทของเกม หวังว่าผู้เล่นจะไม่เลิกกันไปก่อนนะ[/caption]

แม้ว่าระบบเกมเพลย์ (การยิงปืน การใช้สกิล การบิน) จะยังคงสนุกอยู่มาก แต่ปัญหาแวดล้อมต่างๆ ของเกมกลับทำให้ประสบการณ์การเล่น Anthem นั้นเปี่ยมไปด้วยความหงุดหงิดจากการหลุด และความเบื่อจากการรอหน้าจอโหลดเกม มากกว่าความสนุกที่ได้รับจากการตะลุยภารกิจซะอีกในหลายๆ ช่วง

ถ้าจะให้กล่าวโดยสรุป Anthem เป็นเกมที่มีโครงเกมเพลย์ที่ดีมากๆ และเกมน่าจะสามารถกลายเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอนถ้าได้รับการแก้ไขปัญหาและเพิ่มเนื้อหามากกว่านี้ แต่แค่ไม่ใช่ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้เท่านั้นเอง




กราฟิค/การนำเสนอ


ดังที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ กราฟิคของเกม Anthem อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเกมเลยก็ว่าได้ ด้วยแผนที่ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและละเอียด มีสภาพแวดล้อมอันหลากหลายตั้งแต่ป่าทึบ น้ำตก ทะเลสาป ไปจนถึงซากปรักหักพังและถ้ำใต้ดิน ที่ทำให้การบินสำรวจโลกของเกมกลายเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ เพราะมีสภาพแวดล้อมและรายละเอียดในฉากให้ชื่นชมและค้นหาแทบจะตลอดทางเลยทีเดียว แถมการเพิ่มระบบการบินอย่างอิสระยังทำให้ผู้พัฒนาสามารถซ่อนความลับและ/หรือสมบัติไว้ตามมุมต่างๆ ได้มากกว่าเกมอื่นๆ ซึ่งก็ทำให้การสำรวจโลกของเกม Anthem เป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าค้นหาอยู่ตลอด



คุณภาพของกราฟิคยังครอบคลุมไปถึงชุด Javelin ที่มีรายละเอียดบนชุดเยอะมากๆ แถมรายละเอียดเหล่านี้ยังมีการขยับเขยื้อนไปมาตามการเคลื่อนไหวของเราตลอดเวลาอีกด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่เกมมีตัวเลือกชิ้นส่วนในการตกแต่งชุด Javelin น้อยเหลือเกิน มีตัวเลือกเพิ่มมาเพียงไม่กี่เซ็ตต่อชุดเท่านั้น แถมแต่ละชุดยังต้องใช้เงิน Coin ในเกม (หรือเติมเงิน Premium เอา) เพื่อซื้อ ฃซึ่งการมีตัวเลือกชุดเกราะเยอะๆ ถือเป็นสิ่งง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้เล่นได้อย่างมากมาย แทนที่ทุกคนจะสวมใส่ชุดหน้าตาเหมือนๆ กันหมดทั้งเซิฟเวอร์เหมือนในปัจจุบัน

[caption id="attachment_19829" align="aligncenter" width="1920"] ฉากใส่ชุด Javelin ที่ดูสิบครั้งก็เท่สิบครั้ง[/caption]

แต่ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ผู้เขียนชอบที่สุดเกี่ยวกับการนำเสนอของเกม คงเป็นการที่เกมใช้ระบบการสั่นของจอยได้ดีมากๆ โดยจอยของเราจะสั่นเป็นจังหวะตามที่หุ่นก้าวเท้าเดิน หรือสั่นตามจังหวะการยิงของปืนเป็นต้น ซึ่งก็ช่วยเสริมความ Immersive หรือความสมจริงของการเล่นขึ้นไปอีกระดับ เหมือนดูหนัง 4D เลยทีเดียว ซึ่งนี่อาจจะเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่หลายคนอาจจะไม่สังเกติด้วยซ้ำในระหว่างที่เล่น แต่สำหรับผู้เขียนรู้สึกว่าเป็นองค์ประกอบเล็กๆ ที่เสริมประสบการณ์เกมได้ดีเลยทีเดียว

อีกหนึ่งองค์ประกอบการนำเสนอที่เกมทำได้ดีคือกราฟิคหน้าตาตัวละครต่างๆ ในเกม โดยเฉพาะเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ที่ทำสีหน้าออกมาได้ละเอียด แสดงออกความรู้สึกชัดเจนทั้งทางสีหน้าและภาษากาย ทำให้รู้สึกจริงๆ ว่าตัวละครเหล่านี้มีชีวิตชีวา โดยคุณภาพของการพากย์เสียงก็ช่วยเสริมตรงนี้ได้ดี แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ทำให้สิ่งที่พูดน่าสนใจขนาดนั้นก็ตาม (อ่านต่อได้ในหมวดเนื้อเรื่อง)

[caption id="attachment_19785" align="aligncenter" width="1920"] หน้าตาตัวละครมีชีวิตชีวาใช้ได้[/caption]

ในแง่ของความลื่นในการรันเกมนั้น ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผู้เขียนเป็นคนที่เล่นเกมใน PS4 เป็นหลัก และเล่นเกมใน PC น้อยมากๆ จึงอาจจะไม่สามารถออกความเห็นได้ว่าเกม Anthem ถือเป็นเกมที่กิน spec เครื่องหนักมากน้อยกว่าเกมอื่นๆ ในตลาดหรือไม่ แต่ในกรณีของ Anthem ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มี spec ดังนี้: Intel Core i7-7th Gen, GTX 1060ti, 8GB RAM สามารถปรับกราฟิคระดับ High ได้ (เกมปรับเองอัตโนมัติ) และสามารถรันเกมได้ที่เฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 30-40 FPS ซะส่วนใหญ่ และมีจังหวะที่เฟรมเรตตกไปถึง 20 นิดๆ ด้วยในบางสถานการณ์ แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่ายอมรับได้ ความกระตุกหรืออืดอาดที่พบดูเหมือนจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตซะมากกว่า

ในส่วนของ PS4 นั้น แม้ว่ากราฟิคจะสู้ใน PC ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเสถียรของตัวเกม โดยผู้เขียนพบว่าการเล่นเกมใน PS4 นั้นทั้งโหลดเร็วกว่า หลุดน้อยกว่า (แต่ใช่ว่าไม่หลุดเลย) และแม้ว่าเฟรมเรตจะไม่ได้สูงเท่ากับใน PC แต่ก็มีความนิ่งมากกว่า ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการกระตุกหรือหน่วงเท่าใน PC

[caption id="attachment_19781" align="aligncenter" width="1920"] หน้าจอที่คุณจะได้เห็นบ่อยที่สุดในเกม[/caption]

โดยรวมๆ นั้นการนำเสนอของ Anthem ถือว่าทำออกมาได้ในระดับที่พอใช้ แม้ว่ากราฟิคจะสวยและละเอียดขนาดไหนก็ตาม แต่ปัญหาเรื่องความเสถียรก็ทำให้ไม่สามารถชมการนำเสนอของเกมโดยรวมได้อย่างเต็มปากนัก ที่สำคัญคือเกมพลาดโอกาสง่ายๆ ในการทำให้เกมเล่นสนุกขึ้นสำหรับผู้เล่น อย่างการเพิ่มตัวเลือกชิ้นส่วนชุดเกราะให้เยอะขึ้น หรือการเพิ่มโมเดลปืนไม่ให้ซ้ำกันไปหมดเป็นต้น


เนื้อเรื่อง


หนึ่งในสิ่งที่หลายคนคาดหวังจากเกม Anthem มากกว่าเกมคู่แข่งแนวเดียวกันน่าจะเป็นส่วนของเนื้อเรื่อง ที่เป็นจุดอ่อนของเกมคู่แข่งอย่าง Destiny และ The Division มาตลอด ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของค่ายผู้พัฒนาเกม RPG ที่โด่งดังมาแล้วมากมายอย่าง Bioware ด้วย จึงทำให้หลายคน (รวมถึงผู้เขียนด้วย) มีความคาดหวังต่อเนื้อเรื่องของเกมมากกว่าเกมอื่นๆ



จึงเป็นความหนักใจของผู้เขียนที่ต้องพบว่าเนื้อเรื่องของ Anthem นั้นทำออกมาได้แย่มากๆ ถึงขนาดที่แทบจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลยทีเดียว เกมพยายามจะนำเสนอโลกไซไฟ-แฟนตาซีอันลึกซึ้ง มีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง แต่กลับไม่สามารถเล่าเรื่องราวนั้นออกมาให้น่าติดตามได้ แถมเกมยังพยายามแนะนำตัวละครสำคัญใหม่ๆ เข้ามาอีกเรื่อยๆ โดยที่แทบจะไม่มีคำอธิบายเลยว่าตัวละครตัวนั้นๆ คือใคร มาจากไหน ในขณะที่กลุ่มตัวละครเสริมรอบๆ ตัวพระเอกกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จนสุดท้ายทำให้ผู้เขียนไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมในเนื้อเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว

เนื้อเรื่องหลักของเกมจะให้เรารับบทเป็น Freelancer (นักบินที่ใส่ชุด Javelin) นิรนาม ที่ต้องเข้าไปพัวพันกับแผนการของกองทัพ The Dominion อันชั่วร้าย ที่ต้องการควบคุมวัตถุลึกลับที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเหล่าเทพผู้สร้างโลก (Shapers) เพื่อจะสามารถควบคุมพลังงานปริศนาที่มีชื่อว่า The Anthem of Creation (บทเพลงแห่งการสรรค์สร้าง) เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

[caption id="attachment_19831" align="aligncenter" width="1212"] ตัวร้ายที่โผล่มาซัก 5 ครั้งตลอดเกม[/caption]

อาจจะด้วยรูปแบบของเกมที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นภารกิจชัดเจนด้วยแล้ว ทำให้ Anthem ไม่สามารถใช้เวลากับการปูเรื่องราวของโลกและเกมได้เท่าที่ควร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ กับเกมไซไฟจ๋าๆ ขนาดนี้ในการปูพื้นเรื่องราวของโลกให้ผู้เล่นรู้สึกเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำไปในเนื้อเรื่องมีความสำคัญอย่างไรกันแน่ เมื่อเกมพลาดองค์ประกอบนี้ไป ก็ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ที่ตามมาในเนื้อเรื่องแลดูขาดเหตุผลไปได้เหมือนกัน ซึ่งก็ส่งผลให้ยิ่งเกมดำเนินไปไกลเท่าไหร่ ความสนใจในเนื้อเรื่องมีแต่จะลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะไม่รู้เรื่องแล้วว่ามันคุยอะไรกัน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่องโหว่และปัญหาในเนื้อเรื่องหลายๆ จุดอาจจะสามารถแก้ได้ถ้าเกิดผู้เล่นเลือกที่จะหาข้อมูลเอาเองจากการคุยกับ NPC ทั้งหลายในเมือง Fort Tarsis ของเกม แต่สำหรับผู้เขียนบทสนทนาเหล่านี้ก็ประสบปัญหาไม่ต่างกับเนื้อเรื่อง นั่นก็คือการขาดอารมณ์ร่วมจากการที่เกมปูพื้นเนื้อเรื่องมาไม่ดีนั่นเอง ซ้ำร้าย ระบบตัวเลือกบทสนทนาของเกมก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเล่นเกมของผู้เล่นโดยตรงแต่อย่างใด จะมีก็เพียงท่าทีของตัวละครบางตัวที่อาจจะเปลี่ยนไปตามทางเลือกของผู้เล่น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลดีผลเสียอะไรกับเรา ถ้าไม่นับการปลดล๊อคตัวเลือกในการปรับแต่งหุ่นหรือ Blueprint (พิมพ์เขียว) สำหรับการสร้างอาวุธ/ไอเทม ซึ่งไม่ว่าจะตอบอย่างไรก็ดูเหมือนจะปลดล๊อคได้อยู่ดี จนทำให้ผู้เขียนเลือกที่จะกดข้ามบทสนทนาเหล่านี้ไปเลยเพื่อจะได้ไปลุยภารกิจต่อได้เร็วๆ



กล่าวโดยสรุป คนที่คาดหวังว่า Anthem จะมีเนื้อเรื่องน่าติดตามในแบบฉบับเกม Bioware อื่นๆ นั้นอาจจะต้องปรับความคาดหวังกันใหม่ทั้งหมดเลย เพราะ Anthem ไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้งหรือน่าสนใจใกล้เคียงกับเกมอย่าง Dragon Age และ Mass Effect เลยซักนิด อาจจะดีกว่า Destiny ภาคแรกในช่วงที่วางจำหน่ายใหม่ๆ อยู่หน่อยนึง แต่ก็ยังถือว่าไม่ผ่านในความเห็นของผู้เขียน ไม่ได้ช่วยเสริมประสบการณ์ของเกมแต่อย่างใด กลับทำให้เกมแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะต้องบังคับให้ผู้เล่นกลับเมืองเพื่อดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ตลอด เป็นการขัดจังหวะการเล่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงความนานในการโหลดของเกม


เกมเพลย์


สำหรับผู้เขียนที่ยอมรับตรงๆ ว่าเป็นแฟนเกมแนวนี้อยู่แล้ว เกมเพลย์ของ Anthem ถือเป็นองค์ประกอบที่ทำออกมาได้ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ การเหาะไปในอากาศและการต่อสู้ของเกมยังคงสนุกอยู่แม้ว่าผู้เขียนจะเล่นเกมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมงก็ตาม ด้วยระบบหลายๆ อย่างรวมกันที่ทำให้การเล่นมีมิติมากกว่าแค่เกม Third-Person Shooter (เกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม) ทั่วไป

ในส่วนของระบบต่อสู้นั้น แม้ว่าการยิงปืนในตัวของมันเองอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ Anthem สามารถสร้างควา่มแตกต่างให้ตัวเองด้วยระบบคอมโบของเกม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมรุ่นพี่ค่ายเดียวกันอย่าง Mass Effect นั่นเอง โดยหุ่นแต่ละชนิดในเกม Anthem จะสามารถใส่ความสามารถพิเศษไปใช้ในการต่อสู้ได้สามชนิดด้วยกัน คือสกิลธรรมดา สกิล Primer และสกิล Detonator นั่นเอง โดยสกิลธรรมดานั้นจะเน้นไปที่การสร้างความเสียหายตรงๆ อย่างเดียว ในขณะที่สกิล Primer จะทำให้ศัตรูติดสถานะผิดปกติ และเมื่อโจมตีศัตรูตัวนั้นซ้ำด้วยสกิล Detonator ก็จะทำให้เกิดคอมโบ ซึ่งจะส่งผลแตกต่างกันไปตามชนิดของหุ่นที่เป็นคนปิดคอมโบอีกด้วย

[caption id="attachment_19784" align="aligncenter" width="1920"] ระบบคอมโบถือเป็นจุดแข็งของเกมอย่างหนึ่ง[/caption]

ในเบื้องต้นนั้น ระบบคอมโบสามารถทำให้การเล่นเกมมีความหลากหลาย มีมิติมากขึ้นตามสกิลที่ผู้เล่นแต่ละคนเลือกใช้ แต่ในเบื้องลึกขึ้นนั้น ระบบคอมโบสามารถเปิดช่องให้ผู้เล่นสามารถวางแผนร่วมกันเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ต่างๆ ก็ได้ด้วยการใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกพิเศษจากการปิดคอมโบของหุ่นแต่ละชนิด เช่นเมื่อโดนรุมหนักๆ ก็สามารถให้หุ่น Colossus ปิดคอมโบเพื่อสร้างความเสียหายต่อศัตรูเป็นวงกว้างได้ หรือถ้ามีศัตรูระดับบอสที่หนังเหนียวเอาไม่ลง ก็ให้หุ่น Ranger ข่วยปิดคอมโบเพื่อสร้างความเสียหายต่อบอสมากขึ้นก็ได้เป็นต้น

นอกจากนี้ หุ่นแต่ละตัวยังมีแนวทางการเล่นที่แตกต่างกันอย่างมาก ยกตัวอย่างหุ่น Storm ที่มีความสามารถเหมือนอาชีพนักเวทย์ มีสกิลที่สร้างความเสียหายสูงในวงกว้างเยอะ แต่ก็เปราะบางมากๆ เช่นกัน แต่หุ่นจะได้รับเกราะป้องกันเพิ่มขึ้นเมื่อบินอยู่กลางอากาศ ทำให้ผู้เล่นหุ่น Storm ต้องพยายามหาวิธีต่อสู้กลางอากาศตลอดเวลาเป็นวิธีเอาตัวรอด ในขณะที่หุ่น Colossus นั้นจะเน้นที่พลังล้วนๆ ทั้งสำหรับการโจมตีและป้องกัน สามารถใช้อาวุธหนักอย่างปืน Autocannon และ Grenade Launcher ได้ สามารถดึงโล่ห์ออกมาใช้กันการโจมตีได้ แต่ในขณะเดียวกันก็จะไม่มีเกราะบาเรียเหมือนหุ่นตัวอื่นๆ (ต้องดึงโล่ห์ออกมากันเท่านั้น) แถมยังอืดอาดกว่า บินนานไม่เท่าหุ่นตัวอื่นๆ และที่สำคัญคือไม่สามารถพุ่งหลบเหมือนหุ่นตัวอื่นๆ ได้เป็นต้น

[caption id="attachment_19832" align="aligncenter" width="1920"] หุ่น Storm ที่ต้องเอาตัวรอดด้วยการลอยตัวตลอดเวลา[/caption]

อย่างที่เห็นว่าหุ่นทั้งสองตัวก็มีวิธีเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งลึกกว่าความแตกต่างในเรื่องของสกิลหรือค่าสถานะเท่านั้น แถมผู้เล่นคนหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนหุ่นได้ตลอดก่อนเริ่มภารกิจ ซึ่งก็ช่วยเสริมให้เกมเพลย์มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ถ้าจะต้องตำหนิก็คงเป็นระบบช่องสกิล ที่ทำให้เราไม่สามารถเลือกผสมคอมโบสกิลได้ตามใจเท่าที่ควร โดยหุ่นแต่ละชุดจะมีช่องสกิลอยู่สองช่อง และแต่ละช่องจะมีรายชื่อสกิลที่สวมใส่ได้ตายตัว ยกตัวอย่างเช่นสกิล Burning Orb ของหุ่น Storm ที่ต้องใส่ช่องเดียวกับสกิล Frost Shards ทำให้ผู้เล่นที่อยากจะใช้สกิลสองสกิลนี้คอมโบกันไม่สามารถทำได้เป็นต้น อาจจะไม่ใช่จุดบกพร่องที่สลักสำคัญมากนัก แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ถ้ามีน่าจะทำให้เกมมีความสนุกมากกว่านี้

[caption id="attachment_19826" align="aligncenter" width="3840"] ของในร้านค้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่น่าจะมีตัวเลือกเยอะกว่านี้[/caption]

แต่แม้ว่า Anthem จะสนุกขนาดไหนในระหว่างที่ได้ต่อสู้ องค์ประกอบเกมเพลย์อื่นๆ นอกเหนือไปจากการต่อสู้กลับทำได้ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่เกมเพลย์ส่วนเมือง Fort Tarsis ที่เชื่องช้าและน่าเบื่อ ไปจนถึงระบบการสนทนากับ NPC ที่ก็น่าเบื่อไม่แพ้กัน แต่เกมกลับบังคับให้ผู้เล่นต้องกลับไปที่เมือง Fort Tarsis ทุกครั้งหลังจบภารกิจเพื่อรับเควสและปรับเปลี่ยนอาวุธ/สกิลของหุ่น ทำให้การเล่นเกม Anthem เหมือนขัดจังหวะตัวเองอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ เนื้อหาที่เกมมีในขนาดนี้ยังถือว่าน้อยมากๆ เช่นจำนวนดันเจี้ยน (หรือที่เกมเรียกว่า Stronghold) ที่มีเพียง 3 ที่เท่านั้น ไปจนถึงไอเทมในเกมที่มีอยู่น้อย และหาได้ไม่ยาก (โดยเฉพาะในระดับเลเวลสูงๆ) ทำให้การเล่นเกมรู้สึกตันเร็ว เล่นไม่นานก็ผ่าน/เก็บหมดทุกอย่างแล้ว (ผู้เขียนใช้เวลาเล่นราว 50 ชั่วโมง ใส่ของระดับ Masterwork เกือบทั้งตัว) ซึ่งสำหรับเกมแนวนี้ ที่ผู้พัฒนาคาดหวังให้ผู้เล่นกลับมาเล่นเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาหลายเดือน/ปี ถือเป็นจุดอ่อนที่อาจจะทำให้เกมต้องตายไปก่อนเวลาอันควรได้เลย แม้ว่าผู้พัฒนาจะออกมาพูดถึงเนื้อหาที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้แล้ว แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เช่นกันว่ากว่าอัพเดทเหล่านี้จะออกมา ผู้เล่นหลายๆ คนอาจจะบอกลาเกมโดยไม่หันหลังกลับไปซะแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะผู้เขียนเชื่อจริงๆ ว่า Anthem จะสามารถกลายเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ถ้าเกมมีเวลาพัฒนาเนื้อหาไปอีกซักระยะหนึ่ง

[caption id="attachment_19815" align="aligncenter" width="2549"] การสู้บอสตัวยักษ์สนุกดี แต่ดันมีน้อย[/caption]


สรุป


ถ้าถามผู้เขียนว่า Anthem เป็นเกมที่ สนุก หรือไม่ ผู้เขียนก็คงได้แต่ตอบตามความเห็นตัวเองว่าเกมยัง สนุก อยู่แน่นอนในเรื่องของการต่อสู้ ที่แม้จะเล่นมาแล้วเกิน 50 ชั่วโมงก็ยังไม่รู้สึกเบื่อเลย

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าถามผู้เขียนว่า Anthem เป็นเกมที่ ดี หรือไม่ ผู้เขียนคงตอบได้ไม่เต็มปากนัก เพราะแม้เกมจะมีโครงสร้างเกมเพลย์ที่ดีอยู่ แต่ปัญหาด้านอื่นๆ ทั้งในเรื่องของปริมาณเนื้อหาไปจนถึงปัญหาเรื่องหน้าจอโหลดเกมและความเสถียร ก็อยู่ในระดับที่สามารถทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมเสียไปเลยได้เหมือนกันสำหรับหลายๆ คน

สำหรับคนที่รู้สึกว่าอาจจะมองข้ามข้อบกพร่องต่างๆ ของเกมไปได้ Anthem น่าจะเป็นเกมที่มอบความเพลิดเพลินให้คุณและเพื่อนๆ ได้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะต้องแนะนำจริงๆ อยากจะแนะนำให้รอไปก่อนซัก 3-6 เดือน เพื่อให้ผู้พัฒนาได้ปรับปรุงปัญหาต่างๆ และเพิ่มเนื้อหาเข้าไปมากกว่านี้ซะก่อน เพราะผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าถ้าเกมสามารถอยู่รอดไปได้จนถึงตอนนั้น (คือผู้เล่นไม่พากันเบื่อหน่ายหายตัวไปซะก่อน) Anthem ก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเกมฮิตได้ไม่ต่างจาก Destiny หรือ The Division เลยเช่นกัน

[caption id="attachment_19813" align="aligncenter" width="1454"] อนาคตที่สดใส(อาจจะ)รอเราอยู่...[/caption]

[penci_review id="19319"]


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header