GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[บทความ] ย้อนเส้นทางเกม The Evil Within 2 เกมผีคุณภาพดีที่โลกเกือบเมิน
ลงวันที่ 25/08/2022

Survival Horror แนวเกมที่หลายคนชื่นชอบ แต่น่าจะหาเล่นได้ยากพอสมควรในสมัยนี้ นอกจาก The Callisto Protocol ในช่วงสิ้นปีที่เรากำลังจะได้เล่นกันนี้แล้ว หลายคนก็คงหวนนึกถึงเกมต่าง ๆ ในอดีต โดยเฉพาะเกมอย่าง Resident Evil ที่แม้ว่าภาคหลัง ๆ จะทำออกมาได้ดี แต่กลิ่นอายความเป็น Survival Horror ก็หายไปพอสมควร แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่ต้องบอกว่า มันเป็นเกมดี แต่ดันมีคนรักมันผิดเวลาเสียเหลือเกิน ทำให้จนถึงตอนนี้ เรายังไม่ได้เห็นผลงานภาคต่อของเกมนี้กันเลย และวันนี้เราจะพาทุกคนย้อนไปทำความรู้จักกันกับเกม The Evil Within 2


The Evil Within 2 เป็นการดำเนินเรื่องราวแบบสานต่อจากภาคแรก (นับรวม DLC) ที่เล่าเรื่องราวของยอดนักสืบ Sebastian Castellanos ที่ต้องกลับเข้าสู่ฝันร้ายแห่ง STEM อีกครั้ง คราวนี้เพื่อตามหาลูกสาวที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว แต่ความจริงยังมีชีวิตอยู่ภายใน STEM และคราวนี้ เขาต้องพบเจอกับศัตรูใหม่สุดอันตรายที่พร้อมจะทำให้โลกแห่งนี้กลายเป็นฝันร้าย 

The Evil Within 2 เริ่มต้นการพัฒนาภายในปี 2015 หลังจากที่ทำตัวเกมภาคแรกเสร็จแล้ว และภาคนี้ Shinji Mikami (หนึ่งในผู้ให้กำเนิดซีรีส์ Resident Evil) ได้ถอยจากตำแหน่งผู้กำกับ และลงไปช่วยอำนวยการสร้างแทน และส่งไม้ต่อให้กับ John Johannas แทน โดย Shinji เชื่อว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถอย่างมาก เป้าหมายของตัวเกมภาคนี้คือการทำให้ตัวเกมเข้าถึงผู้เล่นได้ง่ายมากขึ้น (ในแง่ของเนื้อเรื่อง) เพราะตัวเกมภาคแรกได้รับคำวิจารณ์ว่าเนื้อหามันซับซ้อนจนเกินไป แต่จะยังคงความสยองขวัญเลือดสาดแบบภาคแรกเอาไว้ และมือเขียนบทก็ยังคงพยายามสอดแทรกความสยองขวัญเชิงจิตวิทยาเอาไว้เช่นเดิม


ในตอนที่เกมภาคนี้ออก ไม่มีใครคาดหวัง หรือคาดคิดด้วยซ้ำว่าตัวเกมจะเป็นหนึ่งใน Survivor Horror อันยอดเยี่ยม เพราะตัวเกมภาคแรกมีประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไรนัก การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกของเกมนี้เลยคือ โลกภายในเกมนั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงจากเกมเส้นตรงให้กลายเป็นกึ่งโลกเปิดที่เราสามารถออกสำรวจได้แทบจะทุกซอกทุกมุม และข้อดีของการออกสำรวจคือ เราจะได้รับของรางวัลในการออกสำรวจนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระสุน ยา วัตถุดิบต่าง ๆ เชื้อเชิญให้ผู้เล่นออกสำรวจมากขึ้น แต่ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย เพราะยิ่งสำรวจเยอะ ยิ่งเจออุปสรรคเยอะ แต่ความตายของเกมนี้อย่างมากก็แค่กลับไปจุด Checkpoint ล่าสุดเท่านั้น 


ที่ทำให้การออกสำรวจของเกมภาคนี้มันสนุก สิ่งที่เข้ามาเสริมอย่างมากคือเรื่องของบรรยากาศและเหล่า A.I. ที่ถึงแม้มันจะไม่ได้ชาญฉลาดจนเราต้องยกนิ้วให้ แต่เมื่อผสมผสานกับดีไซน์การออกแบบที่บอกได้เลยว่าโคตรน่ากลัว จึงทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เราออกสำรวจ การลอบเร้นจะเป็นทางออกที่ดี เพราะต่อให้ในมือมีปืนที่กระสุนพร้อม เราก็ยังอดสะดุ้ง อดผวาไม่ได้ เวลามันหันมาเตรียมจะเล่นงานเรา  แต่ในเมื่อเราอยากได้รางวัลจากโลกภายในเกม มีหรือที่เราจะยอมพลาด ทำให้เกมนี้ผู้เล่นอาจจะเสียเวลาไปกับการออกสำรวจโลกภายในเกมอยู่สักพัก การผสมผสานการออกสำรวจเข้ากับความสยองขวัญ ทำให้เกมนี้เป็นหนึ่งในเกม Survival Horror ที่ดีมาก ๆ ในยุคหลังมานี้เลย 

ระบบการอัปเกรด และการ Craft ของ ที่ทำให้ผู้เล่นต้องบริหารจัดการ


นอกจากความสยองขวัญและการเอาตัวรอดแล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในเกมนี้คือการแบ่งวัตถุดิบออกเป็นประเภทต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้งานและคราฟท์สิ่งของได้ เช่น การนำดินปืนมาทำกระสุนปืน ทั้งปืนสั้น ปืนลูกซอง หรือสไนเปอร์ไรเฟิล การนำเศษเหล็ก หรือดินระเบิดมาทำเป็นปืนยิงฉมวก หรือลูกศรหน้าไม้ ซึ่งอาวุธแต่ละประเภทนั้นจะมีความสามารถในการกำจัดศัตรู หรือชะงักศัตรูที่ต่างกันออกไป และเมื่อเกมมีทั้งการแอ็คชั่นและการลอบเร้น ทำให้ทุกครั้งที่เราได้วัตถุดิบมา เราจะต้องมานั่งคิดกันให้ดีว่า จะนำเอาวัตถุดิบที่ได้มาไปอัปเกรดปืนอะไร และอัปเกรดด้านใดก่อนดี เพราะอาวุธแต่ละประเภทก็จะมีชนิดการอัปเกรด การลั่นกระสุน ความเสียหาย จำนวนกระสุนที่บรรจุได้ หากเลือกอัปเกรดได้ดี อาจจะทำให้เกมช่วงนั้นสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


และระบบที่ตามมาจากเกมภาคแรกคือ Green Gel และ Red Gel ที่เป็นอีกทรัพยากรจำเป็นที่ทำให้เราต้องการจะจัดการศัตรูทุกตัวที่พบเจอ แม้ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม เพราะเจลสองสีนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการอัปเกรดตัวละครโดยตรงนั้นเอง จริงอยู่ว่าแม้บางครั้ง บางสถานการณ์ กระสุนและอาวุธเราอาจจะไม่พร้อมเอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ แต่เราก็อยากจะจัดการให้ได้ เพื่อเอ่า่เจลเหล่านี้ ด้วยระบบการอัปเกรดและการคราฟต์ที่ยกระดับมาของภาคนี้ จึงทำให้เกมนี้มีอะไรให้เราทำมากกว่าเดินหน้าไปท้าทายประสาทสัมผัสและความสยองของเกมนี้

บรรยากาศที่ต้องยกนิ้วให้ การออกแบบศัตรูที่น่าขนลุก แม้ว่าบางช่วงจะยืดจนน่าเบื่อ


จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง The Evil Within 2 ถือเป็นอีกเกมที่นำเสนอความสยองขวัญได้แบบถึงพริกถึงขิงมาก ๆ แม้ว่ามันจะเปลี่ยนโทนจากภาคแรกไปมากพอสมควรเลยก็ตาม ในขณะที่ภาคแรกเน้นความสยองที่ไปทางความแหวะชวนคลื่นไส้ แต่ภาคนี้จะเน้นความน่ากลัวเชิงจิตวิทยามาก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอ ภาพหลอน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราเจอ มันล้วนเป็นอีกอารมณ์หนึ่งแต่ก็สร้างความกดดันให้ตัวเราและผู้เล่นเป็นอย่างมาก 


ในช่วงของการต่อสู้ บางคนอาจจะไม่กลัวเพราะนี่คือ Survival Horror ถ้าในมือเรามีปืน ยังไงก็ไม่กลัว เพราะสิ่งที่กำลังโดนโจมตีคือตัวละครในเกม แต่บางฉาก บางสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่นใน Chapter 5 ที่เราต้องวิ่งวนไปเวียนมาในฉาก City Hall พร้อมบรรยากาศอันกดดัน มีแต่สิ่งของและสถานการณ์สุดแปลกประหลาด สำหรับคนที่ไม่ค่อยกลัว ก็อาจจะแค่เบื่อไปบ้าง แต่กับคนกลัว เชื่อว่าทนเล่นฉากนี้ได้ไม่นานแน่ ๆ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบและการออกแบบที่ยอดเยี่ยมพอจะทำให้ผู้เล่นกลัว แม้จะมีอาวุธติดมือพร้อมสู้ก็ตาม


ดีไซน์ฉาก กับเสียงว่าสุดยอดแล้ว แต่ในภาคนี้การออกแบบศัตรู ที่แค่เห็นภายนอกก็ทำให้เราขวัญผวา และไม่แน่ใจว่าปืนในมือที่มีอยู่จะเอาลงหรือไม่ บางตัวไม่ใช่ศัตรูแต่ก็ออกแบบมาซะน่ากลัว ยกตัวอย่างเช่น Aperture ดวงตาที่เหมือนเลนส์กล้องที่ออกมาในภาค 2 หรือ Lament ที่มาพร้อมเสียงร้องสุดโหยหวนจนเราไม่อยากเข้าใกล้ หรือกระทั่งเจ้า Obscura หนึ่งในบอสไฟท์ที่เราต้องอดทนแข่งกับเวลา และที่สุดของความน่าขนลุกกับ Anima กล่าวโดยรวมคือ The Evil Within 2 ได้ออกแบบศัตรูมาได้น่าจดจำเหลือเกิน ชนิดที่คนขวัญอ่อนอย่าได้แม้แต่จะลองเล่น ถ้าจิตใจยังไม่แข็งกล้าพอ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปัญหาของมันคือ ความยืดเยื้อของบางฉากที่อาจจะทำให้เกมน่าเบื่อจนทำให้เล่นไม่จบ หรือบางคนที่ขี้กลัวก็เลิกเล่นกันไปก่อนเลย บางฉากเน้นการวนไปเวียนมาอยู่กับที่มากจนเกินไป และกดดันผู้เล่นด้วยความน่าสะพรึงกลัว หากใครที่เป็นเกม Survival Horror หรือเกม Horror ก็อาจจะชื่นชอบแต่กับคนที่ไม่ชอบ รับรองว่านี่คือฝันร้ายและเป็นหนึ่งในเกมที่อาจจะต้องยอมยกธงขาวจริง ๆ แต่ใครที่จิตแข็ง ใจถึงพอ ทางเราแนะนำว่า ลองสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าเกมนี้มันมีดีอะไร คนถึงชมกันนักหนา


อีกข้อที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือระบบมินิเกมของภาคนี้ ที่ดีขึ้นกว่าภาคแรกแบบผิดหูผิดตา โดยนอกจากมันจะสนุกแล้ว มันยังให้ของรางวัลที่คุ้มค่าในการเล่นด้วย มินิเกมในภาคนี้ คือการเข้าไปยิงปืนใน Firing Range หรือสนามซ้อมนั่นเอง

เกมดีที่โลกไม่รัก (ในตอนแรก)


แม้ว่ากระแสและคำวิจารณ์จะดีมาก แต่ด้วยวีรกรรมของตัวเกมภาคแรก จึงทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ไม่ค่อยได้ยอดขายนัก รายงานยอดขายสัปดาห์แรกในญี่ปุ่นของเกม กลับขายไปได้เพียง 42,941 ชุดเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าภาคแรกนัก แถมคะแนนรีวิวของสื่อส่วนใหญ่ก็ออกมาในรูปแบบกลาง ๆ ไม่ต่ำไม่สูงจนเป็นเกมที่ต้องห้ามพลาด และอีกอย่าง ในปีนั้นช่วงต้นปี Resident Evil 7 ก็กอบโกยคะแนนและความนิยมไปแบบเต็มตัวเลยทีเดียว จึงทำให้เกมนี้มีกระแสที่ไม่ค่อยจะดีนัก

แต่เมื่อเกมเริ่มปล่อยออกมาสักระยะ กระแสคนเล่นก็เริ่มไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ มันยอดเยี่ยมมาก ผู้เล่นหลายคนลงความเห็นเป็นเกม Survival Horror ที่สนุกและยอดเยี่ยม มีเนื้อเรื่องที่แข็งแรง เกมเพลย์ที่สนุก และบรรยากาศที่เต็มอิ่มมาก ๆ และเกมนี้ก็เริ่มกลายเป็นที่พูดถึง จนกระแสปากต่อปากเริ่มไปเข้าหูแฟนคลับภาคแรกที่ไม่ได้สนใจภาคนี้แต่แรก และเกมก็ค่อย ๆ ขยายตัวจนกลายเป็นหนึ่งในเกมฮิตยอดนิยมในที่สุด


แต่น่าเสียดายที่คนมารู้จักและรักมันช้าจนเกินไปมาก ทำให้ทางทีมงานไม่ได้รับไฟเขียวให้สร้างภาค 3 ทั้ง ๆ ที่ก็มีไอเดียที่จะนำไปใช้ในการสานต่ออยู่แล้ว ไอเดียการสร้างภาค 3 บางอย่าง เลยถูกทาง Tango Gameworks นำไปต่อยอดเป็นเกมใหม่ในชื่อ Ghostwire Tokyo ที่เพิ่งออกไปในปีนี้ และไม่แน่ใจเหมือนกันว่า พวกเขามีแผนจะกลับมาทำเกมภาคที่ 3 หรือไม่ น่าเสียดายที่เกมนี้มันเป็นเกมที่ถูกรักแบบผิดเวลาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะได้เห็นการต่อยอดแฟรนไชส์ที่น่าสนใจไม่แพ้ Resident Evil เลยก็เป็นได้ 

สำหรับใครที่อยากเล่น The Evil Within 2 ตอนนี้ ก็สามารถหามาเล่นกันได้บน Steam แล้วคุณจะรู้ว่า Survival Horror ที่ยอดเยี่ยมนั้น เป็นยังไง


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] ย้อนเส้นทางเกม The Evil Within 2 เกมผีคุณภาพดีที่โลกเกือบเมิน
25/08/2022

Survival Horror แนวเกมที่หลายคนชื่นชอบ แต่น่าจะหาเล่นได้ยากพอสมควรในสมัยนี้ นอกจาก The Callisto Protocol ในช่วงสิ้นปีที่เรากำลังจะได้เล่นกันนี้แล้ว หลายคนก็คงหวนนึกถึงเกมต่าง ๆ ในอดีต โดยเฉพาะเกมอย่าง Resident Evil ที่แม้ว่าภาคหลัง ๆ จะทำออกมาได้ดี แต่กลิ่นอายความเป็น Survival Horror ก็หายไปพอสมควร แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่ต้องบอกว่า มันเป็นเกมดี แต่ดันมีคนรักมันผิดเวลาเสียเหลือเกิน ทำให้จนถึงตอนนี้ เรายังไม่ได้เห็นผลงานภาคต่อของเกมนี้กันเลย และวันนี้เราจะพาทุกคนย้อนไปทำความรู้จักกันกับเกม The Evil Within 2


The Evil Within 2 เป็นการดำเนินเรื่องราวแบบสานต่อจากภาคแรก (นับรวม DLC) ที่เล่าเรื่องราวของยอดนักสืบ Sebastian Castellanos ที่ต้องกลับเข้าสู่ฝันร้ายแห่ง STEM อีกครั้ง คราวนี้เพื่อตามหาลูกสาวที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว แต่ความจริงยังมีชีวิตอยู่ภายใน STEM และคราวนี้ เขาต้องพบเจอกับศัตรูใหม่สุดอันตรายที่พร้อมจะทำให้โลกแห่งนี้กลายเป็นฝันร้าย 

The Evil Within 2 เริ่มต้นการพัฒนาภายในปี 2015 หลังจากที่ทำตัวเกมภาคแรกเสร็จแล้ว และภาคนี้ Shinji Mikami (หนึ่งในผู้ให้กำเนิดซีรีส์ Resident Evil) ได้ถอยจากตำแหน่งผู้กำกับ และลงไปช่วยอำนวยการสร้างแทน และส่งไม้ต่อให้กับ John Johannas แทน โดย Shinji เชื่อว่าเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถอย่างมาก เป้าหมายของตัวเกมภาคนี้คือการทำให้ตัวเกมเข้าถึงผู้เล่นได้ง่ายมากขึ้น (ในแง่ของเนื้อเรื่อง) เพราะตัวเกมภาคแรกได้รับคำวิจารณ์ว่าเนื้อหามันซับซ้อนจนเกินไป แต่จะยังคงความสยองขวัญเลือดสาดแบบภาคแรกเอาไว้ และมือเขียนบทก็ยังคงพยายามสอดแทรกความสยองขวัญเชิงจิตวิทยาเอาไว้เช่นเดิม


ในตอนที่เกมภาคนี้ออก ไม่มีใครคาดหวัง หรือคาดคิดด้วยซ้ำว่าตัวเกมจะเป็นหนึ่งใน Survivor Horror อันยอดเยี่ยม เพราะตัวเกมภาคแรกมีประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไรนัก การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกของเกมนี้เลยคือ โลกภายในเกมนั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงจากเกมเส้นตรงให้กลายเป็นกึ่งโลกเปิดที่เราสามารถออกสำรวจได้แทบจะทุกซอกทุกมุม และข้อดีของการออกสำรวจคือ เราจะได้รับของรางวัลในการออกสำรวจนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระสุน ยา วัตถุดิบต่าง ๆ เชื้อเชิญให้ผู้เล่นออกสำรวจมากขึ้น แต่ก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย เพราะยิ่งสำรวจเยอะ ยิ่งเจออุปสรรคเยอะ แต่ความตายของเกมนี้อย่างมากก็แค่กลับไปจุด Checkpoint ล่าสุดเท่านั้น 


ที่ทำให้การออกสำรวจของเกมภาคนี้มันสนุก สิ่งที่เข้ามาเสริมอย่างมากคือเรื่องของบรรยากาศและเหล่า A.I. ที่ถึงแม้มันจะไม่ได้ชาญฉลาดจนเราต้องยกนิ้วให้ แต่เมื่อผสมผสานกับดีไซน์การออกแบบที่บอกได้เลยว่าโคตรน่ากลัว จึงทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เราออกสำรวจ การลอบเร้นจะเป็นทางออกที่ดี เพราะต่อให้ในมือมีปืนที่กระสุนพร้อม เราก็ยังอดสะดุ้ง อดผวาไม่ได้ เวลามันหันมาเตรียมจะเล่นงานเรา  แต่ในเมื่อเราอยากได้รางวัลจากโลกภายในเกม มีหรือที่เราจะยอมพลาด ทำให้เกมนี้ผู้เล่นอาจจะเสียเวลาไปกับการออกสำรวจโลกภายในเกมอยู่สักพัก การผสมผสานการออกสำรวจเข้ากับความสยองขวัญ ทำให้เกมนี้เป็นหนึ่งในเกม Survival Horror ที่ดีมาก ๆ ในยุคหลังมานี้เลย 

ระบบการอัปเกรด และการ Craft ของ ที่ทำให้ผู้เล่นต้องบริหารจัดการ


นอกจากความสยองขวัญและการเอาตัวรอดแล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในเกมนี้คือการแบ่งวัตถุดิบออกเป็นประเภทต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้งานและคราฟท์สิ่งของได้ เช่น การนำดินปืนมาทำกระสุนปืน ทั้งปืนสั้น ปืนลูกซอง หรือสไนเปอร์ไรเฟิล การนำเศษเหล็ก หรือดินระเบิดมาทำเป็นปืนยิงฉมวก หรือลูกศรหน้าไม้ ซึ่งอาวุธแต่ละประเภทนั้นจะมีความสามารถในการกำจัดศัตรู หรือชะงักศัตรูที่ต่างกันออกไป และเมื่อเกมมีทั้งการแอ็คชั่นและการลอบเร้น ทำให้ทุกครั้งที่เราได้วัตถุดิบมา เราจะต้องมานั่งคิดกันให้ดีว่า จะนำเอาวัตถุดิบที่ได้มาไปอัปเกรดปืนอะไร และอัปเกรดด้านใดก่อนดี เพราะอาวุธแต่ละประเภทก็จะมีชนิดการอัปเกรด การลั่นกระสุน ความเสียหาย จำนวนกระสุนที่บรรจุได้ หากเลือกอัปเกรดได้ดี อาจจะทำให้เกมช่วงนั้นสบายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


และระบบที่ตามมาจากเกมภาคแรกคือ Green Gel และ Red Gel ที่เป็นอีกทรัพยากรจำเป็นที่ทำให้เราต้องการจะจัดการศัตรูทุกตัวที่พบเจอ แม้ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม เพราะเจลสองสีนี้เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการอัปเกรดตัวละครโดยตรงนั้นเอง จริงอยู่ว่าแม้บางครั้ง บางสถานการณ์ กระสุนและอาวุธเราอาจจะไม่พร้อมเอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ แต่เราก็อยากจะจัดการให้ได้ เพื่อเอ่า่เจลเหล่านี้ ด้วยระบบการอัปเกรดและการคราฟต์ที่ยกระดับมาของภาคนี้ จึงทำให้เกมนี้มีอะไรให้เราทำมากกว่าเดินหน้าไปท้าทายประสาทสัมผัสและความสยองของเกมนี้

บรรยากาศที่ต้องยกนิ้วให้ การออกแบบศัตรูที่น่าขนลุก แม้ว่าบางช่วงจะยืดจนน่าเบื่อ


จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง The Evil Within 2 ถือเป็นอีกเกมที่นำเสนอความสยองขวัญได้แบบถึงพริกถึงขิงมาก ๆ แม้ว่ามันจะเปลี่ยนโทนจากภาคแรกไปมากพอสมควรเลยก็ตาม ในขณะที่ภาคแรกเน้นความสยองที่ไปทางความแหวะชวนคลื่นไส้ แต่ภาคนี้จะเน้นความน่ากลัวเชิงจิตวิทยามาก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอ ภาพหลอน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราเจอ มันล้วนเป็นอีกอารมณ์หนึ่งแต่ก็สร้างความกดดันให้ตัวเราและผู้เล่นเป็นอย่างมาก 


ในช่วงของการต่อสู้ บางคนอาจจะไม่กลัวเพราะนี่คือ Survival Horror ถ้าในมือเรามีปืน ยังไงก็ไม่กลัว เพราะสิ่งที่กำลังโดนโจมตีคือตัวละครในเกม แต่บางฉาก บางสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่นใน Chapter 5 ที่เราต้องวิ่งวนไปเวียนมาในฉาก City Hall พร้อมบรรยากาศอันกดดัน มีแต่สิ่งของและสถานการณ์สุดแปลกประหลาด สำหรับคนที่ไม่ค่อยกลัว ก็อาจจะแค่เบื่อไปบ้าง แต่กับคนกลัว เชื่อว่าทนเล่นฉากนี้ได้ไม่นานแน่ ๆ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบและการออกแบบที่ยอดเยี่ยมพอจะทำให้ผู้เล่นกลัว แม้จะมีอาวุธติดมือพร้อมสู้ก็ตาม


ดีไซน์ฉาก กับเสียงว่าสุดยอดแล้ว แต่ในภาคนี้การออกแบบศัตรู ที่แค่เห็นภายนอกก็ทำให้เราขวัญผวา และไม่แน่ใจว่าปืนในมือที่มีอยู่จะเอาลงหรือไม่ บางตัวไม่ใช่ศัตรูแต่ก็ออกแบบมาซะน่ากลัว ยกตัวอย่างเช่น Aperture ดวงตาที่เหมือนเลนส์กล้องที่ออกมาในภาค 2 หรือ Lament ที่มาพร้อมเสียงร้องสุดโหยหวนจนเราไม่อยากเข้าใกล้ หรือกระทั่งเจ้า Obscura หนึ่งในบอสไฟท์ที่เราต้องอดทนแข่งกับเวลา และที่สุดของความน่าขนลุกกับ Anima กล่าวโดยรวมคือ The Evil Within 2 ได้ออกแบบศัตรูมาได้น่าจดจำเหลือเกิน ชนิดที่คนขวัญอ่อนอย่าได้แม้แต่จะลองเล่น ถ้าจิตใจยังไม่แข็งกล้าพอ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปัญหาของมันคือ ความยืดเยื้อของบางฉากที่อาจจะทำให้เกมน่าเบื่อจนทำให้เล่นไม่จบ หรือบางคนที่ขี้กลัวก็เลิกเล่นกันไปก่อนเลย บางฉากเน้นการวนไปเวียนมาอยู่กับที่มากจนเกินไป และกดดันผู้เล่นด้วยความน่าสะพรึงกลัว หากใครที่เป็นเกม Survival Horror หรือเกม Horror ก็อาจจะชื่นชอบแต่กับคนที่ไม่ชอบ รับรองว่านี่คือฝันร้ายและเป็นหนึ่งในเกมที่อาจจะต้องยอมยกธงขาวจริง ๆ แต่ใครที่จิตแข็ง ใจถึงพอ ทางเราแนะนำว่า ลองสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าเกมนี้มันมีดีอะไร คนถึงชมกันนักหนา


อีกข้อที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือระบบมินิเกมของภาคนี้ ที่ดีขึ้นกว่าภาคแรกแบบผิดหูผิดตา โดยนอกจากมันจะสนุกแล้ว มันยังให้ของรางวัลที่คุ้มค่าในการเล่นด้วย มินิเกมในภาคนี้ คือการเข้าไปยิงปืนใน Firing Range หรือสนามซ้อมนั่นเอง

เกมดีที่โลกไม่รัก (ในตอนแรก)


แม้ว่ากระแสและคำวิจารณ์จะดีมาก แต่ด้วยวีรกรรมของตัวเกมภาคแรก จึงทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ไม่ค่อยได้ยอดขายนัก รายงานยอดขายสัปดาห์แรกในญี่ปุ่นของเกม กลับขายไปได้เพียง 42,941 ชุดเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าภาคแรกนัก แถมคะแนนรีวิวของสื่อส่วนใหญ่ก็ออกมาในรูปแบบกลาง ๆ ไม่ต่ำไม่สูงจนเป็นเกมที่ต้องห้ามพลาด และอีกอย่าง ในปีนั้นช่วงต้นปี Resident Evil 7 ก็กอบโกยคะแนนและความนิยมไปแบบเต็มตัวเลยทีเดียว จึงทำให้เกมนี้มีกระแสที่ไม่ค่อยจะดีนัก

แต่เมื่อเกมเริ่มปล่อยออกมาสักระยะ กระแสคนเล่นก็เริ่มไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ มันยอดเยี่ยมมาก ผู้เล่นหลายคนลงความเห็นเป็นเกม Survival Horror ที่สนุกและยอดเยี่ยม มีเนื้อเรื่องที่แข็งแรง เกมเพลย์ที่สนุก และบรรยากาศที่เต็มอิ่มมาก ๆ และเกมนี้ก็เริ่มกลายเป็นที่พูดถึง จนกระแสปากต่อปากเริ่มไปเข้าหูแฟนคลับภาคแรกที่ไม่ได้สนใจภาคนี้แต่แรก และเกมก็ค่อย ๆ ขยายตัวจนกลายเป็นหนึ่งในเกมฮิตยอดนิยมในที่สุด


แต่น่าเสียดายที่คนมารู้จักและรักมันช้าจนเกินไปมาก ทำให้ทางทีมงานไม่ได้รับไฟเขียวให้สร้างภาค 3 ทั้ง ๆ ที่ก็มีไอเดียที่จะนำไปใช้ในการสานต่ออยู่แล้ว ไอเดียการสร้างภาค 3 บางอย่าง เลยถูกทาง Tango Gameworks นำไปต่อยอดเป็นเกมใหม่ในชื่อ Ghostwire Tokyo ที่เพิ่งออกไปในปีนี้ และไม่แน่ใจเหมือนกันว่า พวกเขามีแผนจะกลับมาทำเกมภาคที่ 3 หรือไม่ น่าเสียดายที่เกมนี้มันเป็นเกมที่ถูกรักแบบผิดเวลาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะได้เห็นการต่อยอดแฟรนไชส์ที่น่าสนใจไม่แพ้ Resident Evil เลยก็เป็นได้ 

สำหรับใครที่อยากเล่น The Evil Within 2 ตอนนี้ ก็สามารถหามาเล่นกันได้บน Steam แล้วคุณจะรู้ว่า Survival Horror ที่ยอดเยี่ยมนั้น เป็นยังไง


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header