GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Like a Dragon: Ishin! เกมยากูซ่าสวมสกินซามูไร เลือดสาดสะใจในแบบที่คุณคุ้นเคย
ลงวันที่ 17/02/2023

สำหรับแฟนๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza หลายคน อาจจะเคยได้ยินชื่อเกม Yakuza: Ishin! มาก่อน ในฐานะเกมภาคสปินออฟที่นำสูตรเกมเพลย์เฉพาะตัวของซีรีส์มาคู่กับฉากหลังญี่ปุ่นโบราณ ให้ผู้เล่นได้จับดาบคาตานะฟาดฟันกับศัตรูแทนการต่อสู้ด้วยกำปั้น แต่น่าเสียดายที่เกมวางจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และไม่เคยได้รับการแปลภาษาเพื่อวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้แฟนเกมนอกประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถสัมผัสเกมได้จนถึงบัดนี้ เมื่อเกมได้รับการรีเมคภายใต้ชื่อใหม่อย่าง Like a Dragon: Ishin! นั่นเอง

หลังจากที่ได้เล่นเกมมาเป็นระยะเวลาราวๆ 35 ชั่วโมง (ยังไม่จบเนื้อเรื่อง) บอกได้ว่าเกม Like a Dragon: Ishin! ยังคงสามารถมอบประสบการณ์แอคชัน RPG ที่เพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ด้วยระบบต่อสู้อันเรียบง่ายแต่เร้าใจ เนื้อเรื่องอันเข้มข้นน่าติดตาม รวมไปถึงกิจกรรมเสริมและไซด์เควสจำนวนมาก แม้ว่าเกมจะยังมีองค์ประกอบที่น่าขัดใจหลายอย่างที่ทำให้เกมรู้สึกเก่ากว่าที่ควร

เปลี่ยนสกินซามูไร แต่ยังไม่ทิ้งลายดราม่าสืบสวน

ในเกม Like a Dragon: Ishin! ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Sakamoto Ryoma (ซากาโมโตะ เรียวมะ) ซามูไรหนุ่มผู้แทรกซึมเข้าสู่องค์กรซามูไร Shinsengumi เพื่อตามหานักดาบปริศนาผู้ปลิดชีพพ่อบุญธรรมของเขา ส่งผลให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวการปฏิวัติทางการเมืองครั้งใหญ่อีกด้วย

เอาเข้าจริงแล้ว เนื้อเรื่องของเกมภาค Ishin! ก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อเรื่องของเกม Yakuza ภาคอื่นๆ ที่ผ่านมานัก กล่าวคือเป็นเนื้อเรื่องดราม่าแนวสืบสวนสอบสวนคล้ายๆ กัน เพียงแต่เปลี่ยนฉากหลังหรือธีมจากยากูซ่า/นักเลง มาเป็นซามูไรเท่านั้นเอง ซึ่งเกมก็ยังคงรักษามาตรฐานเนื้อเรื่องอันเข้มข้นของซีรีส์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงมาพร้อมกับจุดอ่อนใหญ่ๆ ที่อยู่คู่กับซีรีส์มาตลอดเช่นเดียวกัน เช่นการที่เกมมักจะเล่าเรื่องผ่านคัตซีนบทสนทนาทีละ 5-10 นาทีโดยกดข้ามไม่ได้ ซึ่งนานๆ เข้าก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเบื้อไปก่อนได้

แต่เนื้อเรื่องหลักของเกมซีรีส์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของเกมเท่านั้น โดยเนื้อเรื่องเสริมมากมายที่พบในไซด์เควสก็ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของซีรีส์เช่นกัน และ Ishin! ก็รักษามตารฐานในจุดนี้เอาไว้ได้ โดยแม้ว่าเนื้อเรื่องเสริมที่ผู้เขียนพบ (จากที่เล่นมาเพิ่งพบไปราว 50% เท่านั้น) จะไม่ได้มีเควสที่กาวสุดทางเหมือนในเกมซีรีส์หลักมากนัก แต่ก็ยังมีหลายเควสที่ทำให้ขำออกเสียงออกมา ไปจนถึงเควสที่ทำเอาซึ้งน้ำตาซึมก็มี บอกตามตรงว่าสำหรับผู้เขียนแล้ว การวิ่งเก็บไซด์เควสในเกมยังเพลินกว่าเล่นเควสหลักเสียอีก

ปัญหาอีกอย่างที่ผู้เล่นชาวไทยหลายคนอาจจะพบเมื่อเล่นเกมนี้ คือการที่เกมมักใช้ภาษาอังกฤษแบบติดสำเนียงหรือใช้คำภาษาถิ่นอันหลากหลาย เพื่อสื่อถึงพื้นเพที่แตกต่างกันของตัวละคร ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำให้คนที่ไม่เป๊ะภาษาอังกฤษจริงๆ อาจจะเจอคำพูดหรือประโยคภาษาถิ่นที่ชวนงงได้ ยังไม่นับรวมศัพท์เฉพาะทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจำนวนมากมายที่ถูกใช้อยู่ตลอดเวลา

เกมเพลย์ที่ไม่ได้ไม่สนุก แต่ให้ความรู้สึกย้อนยุคสมธีมเกม

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น จะบอกว่าเกมเพลย์ของ Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเกม Yakuza ภาคก่อนๆ มาสวมสกินซามูไรก็คงไม่เกินจริงไปนัก โดยผู้เล่นจะได้เดินสำรวจเมือง Kyo ของเกมอย่างอิสระเพื่อพูดคุยกับชาวเมือง กินอาหาร ซื้อขายของ หรือเล่นมินิเกม และในระหว่างสำรวจเมืองก็จะมีกลุ่มศัตรูเดินเข้ามาหาเรื่องเราอยู่เป็นระยะ เช่นเดียวกับเกม Yakuza เป๊ะๆ

สำหรับการต่อสู้ในเกม Ishin! จะใช้ระบบแอคชันอันเรียบง่ายที่เน้นการโจมตีหนัก-เบาเป็นคอมโบ ควบคู่ไปกับการหลบหลีกและป้องกันการโจมตีของศัตรู รวมไปถึงการหาโอกาสในการใช้ท่าพิเศษ Heat Action เพื่อสร้างความเสียหายทีละมากๆ ใส่ศัตรู โดยใน Ishin! ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ 4 แบบคือ Brawler (กำปั้น) Swordsman (ดาบ) Gunman (ปืน) และ Wild Dancer (ดาบ+ปืน) ซึ่งล้วนมีความสามารถและจุดเด่นในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป โดยการสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ทั้ง 4 ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน

นอกจากเกมเพลย์ต่อสู้ขั้นพื้นฐานตามสูตร Yakuza แล้ว ระบบที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษในเกมภาค Ishin! ก็คือระบบ Trooper Card ที่ให้เราเลือกสวมใส่ “การ์ดทหาร” เพื่อรับความสามารถพิเศษต่างๆ เช่นบัฟเพิ่มพลังโจมตี บัฟฟื้นฟู HP ไปจนถึงท่าโจมตีพิศตารๆ ปั่นๆ อีกจำนวนมาก ตั้งแต่การปล่อยสายฟ้าจากมือไปช๊อตศัตรู ไปจนถึงการปล่อยพลังคลื่นเต่า โดยเหล่าทหาร Trooper Card เหล่านี้ยังมีแขกรับเชิญสนุกๆ อย่างนักมวยปล้ำ Kenny Omega หรือ VTuber Nyatasha Nyanners ให้สะสมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปด้วยสำหรับผู้เขียน เพราะอยากจะปลดล๊อค Trooper Card แปลกๆ มาลองใช้อยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ แม้ว่าระบบต่อสู้ในเกม Ishin! จะสนุกตามมาตรฐาน แต่เกมกลับมีระบบเล็กน้อยหลายๆ อย่างที่ออกแบบมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งพอรวมกันมากๆ เข้าก็ส่งผลให้การเล่นเกมในบางแง่บางมุมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเกมยุคเก่าที่มาพร้อมปัญหาจุกจิกติดขัดจำนวนมาก โดยปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เขียนคือการที่เกมดูจะเลือกแสดงตำแหน่งของไซด์เควสบางเควส แต่กลับไม่แสดงตำแหน่งของเควสอื่นๆ ซึ่งในหลายกรณีเป็นเควสที่ต้องวนกลับมาหา NPC ตัวเดิมหลายครั้ง ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องคอยจำตำแหน่งของ NPC หลายๆ ตัวเอาเอง ไม่งั้นก็ต้องวิ่งหาทั่วเมือง เมื่อรวมกับระบบวาร์ปที่จำกัดมากๆ ของเกม ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องวิ่งไปมาทั่วเมืองตลอดเวลาเพื่อเก็บเควสเสริม เสียเวลาโดยใช่เหตุกันไป

ยิ่งไปกว่านั้น เกม Like a Dragon: Ishin! ยังมีระบบ RPG ที่ให้ผู้เล่นต้องคอยพัฒนาอาวุธ ชุดเกราะ และสกิลของตัวละครอยู่เสมอ โดยเกมจะคอยเพิ่มเลเวลของศัตรูที่พบเจอได้ทั่วไปในตามการดำเนินเรื่องของผู้เล่น ยิ่งเล่นไปไกลก็ยิ่งเวลสูง แต่ปัญหาคือเกมกลับไม่บอกผู้เล่นเลยว่าควรจะมีเลเวลเท่าไหร่ก่อนที่จะเล่นภารกิจเนื้อเรื่อง ส่งผลให้ผู้เขียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลหรือไอเทมตามเกมไม่ทันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะภารกิจที่ให้เราต่อสู้กับบอสระดับสูงโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อนเลยว่าเลเวลของเราถึงหรือยัง

กราฟิกไม่น่าประทับใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้คอมแรง…

แม้ว่าเมือง Kyo ของเกมภาค Ishin! จะมีรายละเอียดและชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณภาพกราฟิกของเกมยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเกมระดับ AAA ทั่วไปได้ โดยรายละเอียดพื้นผิว (Texture) ต่างๆ ในเกมยังมีความหยาบอยู่มาก แถมอนิเมชันตัวละครส่วนใหญ่ก็ยังมีความติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ราวกับว่าหลุดออกมาจากยุค PS3 อย่างไงอย่างงั้น ซึ่งหลายคนก็ยกให้เป็นเสน่ห์แปลกๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza ไปแล้วในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การเปลี่ยนสถานที่ตั้งจากเมืองยุคปัจจุบันอย่าง Kamurocho มาสู่เมืองญี่ปุ่นโบราณอย่าง Kyo ทำให้เกมสูญเสียแสงสีย่านกลางคืนอันเป็นจุดเด่นของซีรีส์ Yakuza ไป แถมอาคารและบ้านช่องสไตล์ญี่ปุ่นโบราณเหล่านี้ยังแอบมีความคล้ายกันไปหมด ทำให้ในบางครั้งก็จำสถานที่ผิดๆ ถูกๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งนำมารวมกับระบบแผนที่ของเกมที่เลือกแสดงตำแหน่งของเควสแค่บางเควส ยิ่งทำให้การเดินทางในเมืองลำบากเข้าไปใหญ่

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนมาสู่ธีมซามูไรที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธอย่างดาบหรือปืน ก็ทำให้การต่อสู้ของเกมรู้สึกดุเดือด เลือดสาด โดยเฉพาะเมื่อนำมารวมกับระบบท่าปลิดชีพ Heat Action ซึ่งก็เสริมความสนุกให้เกมได้ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับเกมซีรีส์ Yakuza ที่ผ่านๆ มา และแม้ว่าเกมอาจจะเสียคะแนนไปบ้างในส่วนของภาพ แต่เกมก็ทำได้ดีมากในส่วนของเสียง ตั้งแต่เสียงพากย์ เสียงดนตรี ไปจนถึงซาวด์เอฟเฟกต์ประกอบทั้งหลาย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเกมได้มาก

อีกข้อดีหนึ่งของภาพกราฟิกที่เรียบง่ายของเกมก็คือการที่เกมสามารถทำงานได้ดีมากบน PC โดยผู้เขียนได้เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์แลปทอปที่มาพร้อมการ์ดจอ RTX 3060 / CPU i7-11370H / RAM 12GB ซึ่งก็เพียงพอจะปรับกราฟิกระดับสูงสุดได้โดยยังคงเฟรมเรต 60FPS เอาไว้ได้ในระหว่างเกมเพลย์ ในขณะที่ฉากคัตซีนทั้งหมดของเกมจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 30FPS เท่านั้น

กล่าวโดยสรุป เกม Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเสนอสูตรเกมเพลย์ของซีรีส์ Yakuza ภายใต้ “ลุค” ใหม่ โดยแม้ว่าระบบและโครงสร้างเกมหลายๆ จุดจะเริ่มรู้สึกล้าสมัยอยู่ไม่น้อย แต่ตัวตนของซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชอบอย่างเนื้อเรื่องดราม่าอันเข้มข้น หรือการต่อสู้สไตล์แอคชันอันตรงไปตรงมา ก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างครบถ้วน น่าเสียดายที่ผู้พัฒนาไม่สามารถขัดเกลาข้อด้อยต่างๆ ของซีรีส์ไปด้วยได้ ส่งผลให้ Like a Dragon: Ishin! รู้สึกเหมือนเป็นการย่ำอยู่กับที่ของซีรีส์นี้ มากกว่าจะเป็นก้าวต่อไปที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง

7
ข้อดี

เกมเพลย์แอคชันสนุกแบบเรียบง่าย

เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนติดตาม

มีอะไรให้ทำเยอะ ทั้งเนื้อเรื่อง เควสเสริม มินิเกม


ข้อเสีย

คัตซีนคุยกันยาวมากกก

ภาษาที่ใช้อาจเข้าใจยาก

ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

มีปัญหาจุกจิกน่ารำคาญเยอะ

7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Like a Dragon: Ishin! เกมยากูซ่าสวมสกินซามูไร เลือดสาดสะใจในแบบที่คุณคุ้นเคย
17/02/2023

สำหรับแฟนๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza หลายคน อาจจะเคยได้ยินชื่อเกม Yakuza: Ishin! มาก่อน ในฐานะเกมภาคสปินออฟที่นำสูตรเกมเพลย์เฉพาะตัวของซีรีส์มาคู่กับฉากหลังญี่ปุ่นโบราณ ให้ผู้เล่นได้จับดาบคาตานะฟาดฟันกับศัตรูแทนการต่อสู้ด้วยกำปั้น แต่น่าเสียดายที่เกมวางจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และไม่เคยได้รับการแปลภาษาเพื่อวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้แฟนเกมนอกประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถสัมผัสเกมได้จนถึงบัดนี้ เมื่อเกมได้รับการรีเมคภายใต้ชื่อใหม่อย่าง Like a Dragon: Ishin! นั่นเอง

หลังจากที่ได้เล่นเกมมาเป็นระยะเวลาราวๆ 35 ชั่วโมง (ยังไม่จบเนื้อเรื่อง) บอกได้ว่าเกม Like a Dragon: Ishin! ยังคงสามารถมอบประสบการณ์แอคชัน RPG ที่เพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ด้วยระบบต่อสู้อันเรียบง่ายแต่เร้าใจ เนื้อเรื่องอันเข้มข้นน่าติดตาม รวมไปถึงกิจกรรมเสริมและไซด์เควสจำนวนมาก แม้ว่าเกมจะยังมีองค์ประกอบที่น่าขัดใจหลายอย่างที่ทำให้เกมรู้สึกเก่ากว่าที่ควร

เปลี่ยนสกินซามูไร แต่ยังไม่ทิ้งลายดราม่าสืบสวน

ในเกม Like a Dragon: Ishin! ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Sakamoto Ryoma (ซากาโมโตะ เรียวมะ) ซามูไรหนุ่มผู้แทรกซึมเข้าสู่องค์กรซามูไร Shinsengumi เพื่อตามหานักดาบปริศนาผู้ปลิดชีพพ่อบุญธรรมของเขา ส่งผลให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวการปฏิวัติทางการเมืองครั้งใหญ่อีกด้วย

เอาเข้าจริงแล้ว เนื้อเรื่องของเกมภาค Ishin! ก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อเรื่องของเกม Yakuza ภาคอื่นๆ ที่ผ่านมานัก กล่าวคือเป็นเนื้อเรื่องดราม่าแนวสืบสวนสอบสวนคล้ายๆ กัน เพียงแต่เปลี่ยนฉากหลังหรือธีมจากยากูซ่า/นักเลง มาเป็นซามูไรเท่านั้นเอง ซึ่งเกมก็ยังคงรักษามาตรฐานเนื้อเรื่องอันเข้มข้นของซีรีส์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงมาพร้อมกับจุดอ่อนใหญ่ๆ ที่อยู่คู่กับซีรีส์มาตลอดเช่นเดียวกัน เช่นการที่เกมมักจะเล่าเรื่องผ่านคัตซีนบทสนทนาทีละ 5-10 นาทีโดยกดข้ามไม่ได้ ซึ่งนานๆ เข้าก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเบื้อไปก่อนได้

แต่เนื้อเรื่องหลักของเกมซีรีส์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของเกมเท่านั้น โดยเนื้อเรื่องเสริมมากมายที่พบในไซด์เควสก็ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของซีรีส์เช่นกัน และ Ishin! ก็รักษามตารฐานในจุดนี้เอาไว้ได้ โดยแม้ว่าเนื้อเรื่องเสริมที่ผู้เขียนพบ (จากที่เล่นมาเพิ่งพบไปราว 50% เท่านั้น) จะไม่ได้มีเควสที่กาวสุดทางเหมือนในเกมซีรีส์หลักมากนัก แต่ก็ยังมีหลายเควสที่ทำให้ขำออกเสียงออกมา ไปจนถึงเควสที่ทำเอาซึ้งน้ำตาซึมก็มี บอกตามตรงว่าสำหรับผู้เขียนแล้ว การวิ่งเก็บไซด์เควสในเกมยังเพลินกว่าเล่นเควสหลักเสียอีก

ปัญหาอีกอย่างที่ผู้เล่นชาวไทยหลายคนอาจจะพบเมื่อเล่นเกมนี้ คือการที่เกมมักใช้ภาษาอังกฤษแบบติดสำเนียงหรือใช้คำภาษาถิ่นอันหลากหลาย เพื่อสื่อถึงพื้นเพที่แตกต่างกันของตัวละคร ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำให้คนที่ไม่เป๊ะภาษาอังกฤษจริงๆ อาจจะเจอคำพูดหรือประโยคภาษาถิ่นที่ชวนงงได้ ยังไม่นับรวมศัพท์เฉพาะทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจำนวนมากมายที่ถูกใช้อยู่ตลอดเวลา

เกมเพลย์ที่ไม่ได้ไม่สนุก แต่ให้ความรู้สึกย้อนยุคสมธีมเกม

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น จะบอกว่าเกมเพลย์ของ Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเกม Yakuza ภาคก่อนๆ มาสวมสกินซามูไรก็คงไม่เกินจริงไปนัก โดยผู้เล่นจะได้เดินสำรวจเมือง Kyo ของเกมอย่างอิสระเพื่อพูดคุยกับชาวเมือง กินอาหาร ซื้อขายของ หรือเล่นมินิเกม และในระหว่างสำรวจเมืองก็จะมีกลุ่มศัตรูเดินเข้ามาหาเรื่องเราอยู่เป็นระยะ เช่นเดียวกับเกม Yakuza เป๊ะๆ

สำหรับการต่อสู้ในเกม Ishin! จะใช้ระบบแอคชันอันเรียบง่ายที่เน้นการโจมตีหนัก-เบาเป็นคอมโบ ควบคู่ไปกับการหลบหลีกและป้องกันการโจมตีของศัตรู รวมไปถึงการหาโอกาสในการใช้ท่าพิเศษ Heat Action เพื่อสร้างความเสียหายทีละมากๆ ใส่ศัตรู โดยใน Ishin! ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ 4 แบบคือ Brawler (กำปั้น) Swordsman (ดาบ) Gunman (ปืน) และ Wild Dancer (ดาบ+ปืน) ซึ่งล้วนมีความสามารถและจุดเด่นในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป โดยการสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ทั้ง 4 ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน

นอกจากเกมเพลย์ต่อสู้ขั้นพื้นฐานตามสูตร Yakuza แล้ว ระบบที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษในเกมภาค Ishin! ก็คือระบบ Trooper Card ที่ให้เราเลือกสวมใส่ “การ์ดทหาร” เพื่อรับความสามารถพิเศษต่างๆ เช่นบัฟเพิ่มพลังโจมตี บัฟฟื้นฟู HP ไปจนถึงท่าโจมตีพิศตารๆ ปั่นๆ อีกจำนวนมาก ตั้งแต่การปล่อยสายฟ้าจากมือไปช๊อตศัตรู ไปจนถึงการปล่อยพลังคลื่นเต่า โดยเหล่าทหาร Trooper Card เหล่านี้ยังมีแขกรับเชิญสนุกๆ อย่างนักมวยปล้ำ Kenny Omega หรือ VTuber Nyatasha Nyanners ให้สะสมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปด้วยสำหรับผู้เขียน เพราะอยากจะปลดล๊อค Trooper Card แปลกๆ มาลองใช้อยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ แม้ว่าระบบต่อสู้ในเกม Ishin! จะสนุกตามมาตรฐาน แต่เกมกลับมีระบบเล็กน้อยหลายๆ อย่างที่ออกแบบมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งพอรวมกันมากๆ เข้าก็ส่งผลให้การเล่นเกมในบางแง่บางมุมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเกมยุคเก่าที่มาพร้อมปัญหาจุกจิกติดขัดจำนวนมาก โดยปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เขียนคือการที่เกมดูจะเลือกแสดงตำแหน่งของไซด์เควสบางเควส แต่กลับไม่แสดงตำแหน่งของเควสอื่นๆ ซึ่งในหลายกรณีเป็นเควสที่ต้องวนกลับมาหา NPC ตัวเดิมหลายครั้ง ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องคอยจำตำแหน่งของ NPC หลายๆ ตัวเอาเอง ไม่งั้นก็ต้องวิ่งหาทั่วเมือง เมื่อรวมกับระบบวาร์ปที่จำกัดมากๆ ของเกม ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องวิ่งไปมาทั่วเมืองตลอดเวลาเพื่อเก็บเควสเสริม เสียเวลาโดยใช่เหตุกันไป

ยิ่งไปกว่านั้น เกม Like a Dragon: Ishin! ยังมีระบบ RPG ที่ให้ผู้เล่นต้องคอยพัฒนาอาวุธ ชุดเกราะ และสกิลของตัวละครอยู่เสมอ โดยเกมจะคอยเพิ่มเลเวลของศัตรูที่พบเจอได้ทั่วไปในตามการดำเนินเรื่องของผู้เล่น ยิ่งเล่นไปไกลก็ยิ่งเวลสูง แต่ปัญหาคือเกมกลับไม่บอกผู้เล่นเลยว่าควรจะมีเลเวลเท่าไหร่ก่อนที่จะเล่นภารกิจเนื้อเรื่อง ส่งผลให้ผู้เขียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลหรือไอเทมตามเกมไม่ทันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะภารกิจที่ให้เราต่อสู้กับบอสระดับสูงโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อนเลยว่าเลเวลของเราถึงหรือยัง

กราฟิกไม่น่าประทับใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้คอมแรง…

แม้ว่าเมือง Kyo ของเกมภาค Ishin! จะมีรายละเอียดและชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณภาพกราฟิกของเกมยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเกมระดับ AAA ทั่วไปได้ โดยรายละเอียดพื้นผิว (Texture) ต่างๆ ในเกมยังมีความหยาบอยู่มาก แถมอนิเมชันตัวละครส่วนใหญ่ก็ยังมีความติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ราวกับว่าหลุดออกมาจากยุค PS3 อย่างไงอย่างงั้น ซึ่งหลายคนก็ยกให้เป็นเสน่ห์แปลกๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza ไปแล้วในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การเปลี่ยนสถานที่ตั้งจากเมืองยุคปัจจุบันอย่าง Kamurocho มาสู่เมืองญี่ปุ่นโบราณอย่าง Kyo ทำให้เกมสูญเสียแสงสีย่านกลางคืนอันเป็นจุดเด่นของซีรีส์ Yakuza ไป แถมอาคารและบ้านช่องสไตล์ญี่ปุ่นโบราณเหล่านี้ยังแอบมีความคล้ายกันไปหมด ทำให้ในบางครั้งก็จำสถานที่ผิดๆ ถูกๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งนำมารวมกับระบบแผนที่ของเกมที่เลือกแสดงตำแหน่งของเควสแค่บางเควส ยิ่งทำให้การเดินทางในเมืองลำบากเข้าไปใหญ่

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนมาสู่ธีมซามูไรที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธอย่างดาบหรือปืน ก็ทำให้การต่อสู้ของเกมรู้สึกดุเดือด เลือดสาด โดยเฉพาะเมื่อนำมารวมกับระบบท่าปลิดชีพ Heat Action ซึ่งก็เสริมความสนุกให้เกมได้ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับเกมซีรีส์ Yakuza ที่ผ่านๆ มา และแม้ว่าเกมอาจจะเสียคะแนนไปบ้างในส่วนของภาพ แต่เกมก็ทำได้ดีมากในส่วนของเสียง ตั้งแต่เสียงพากย์ เสียงดนตรี ไปจนถึงซาวด์เอฟเฟกต์ประกอบทั้งหลาย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเกมได้มาก

อีกข้อดีหนึ่งของภาพกราฟิกที่เรียบง่ายของเกมก็คือการที่เกมสามารถทำงานได้ดีมากบน PC โดยผู้เขียนได้เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์แลปทอปที่มาพร้อมการ์ดจอ RTX 3060 / CPU i7-11370H / RAM 12GB ซึ่งก็เพียงพอจะปรับกราฟิกระดับสูงสุดได้โดยยังคงเฟรมเรต 60FPS เอาไว้ได้ในระหว่างเกมเพลย์ ในขณะที่ฉากคัตซีนทั้งหมดของเกมจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 30FPS เท่านั้น

กล่าวโดยสรุป เกม Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเสนอสูตรเกมเพลย์ของซีรีส์ Yakuza ภายใต้ “ลุค” ใหม่ โดยแม้ว่าระบบและโครงสร้างเกมหลายๆ จุดจะเริ่มรู้สึกล้าสมัยอยู่ไม่น้อย แต่ตัวตนของซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชอบอย่างเนื้อเรื่องดราม่าอันเข้มข้น หรือการต่อสู้สไตล์แอคชันอันตรงไปตรงมา ก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างครบถ้วน น่าเสียดายที่ผู้พัฒนาไม่สามารถขัดเกลาข้อด้อยต่างๆ ของซีรีส์ไปด้วยได้ ส่งผลให้ Like a Dragon: Ishin! รู้สึกเหมือนเป็นการย่ำอยู่กับที่ของซีรีส์นี้ มากกว่าจะเป็นก้าวต่อไปที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header