ในเกม Genshin Impact มีการแบ่งตัวละคร รวมถึงการโจมตี และป้องกันออกเป็นธาตุต่างๆ ประกอบด้วย หิน, น้ำ, ไฟ, สายฟ้า, น้ำแข็ง, ลม, ไม้ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวจะมีธาตุประจำตัวเป็นของตัวเอง และโจมตีได้แต่เพียงดาเมจธาตุนั้น ซึ่งในการโจมตีผู้เล่นสามารถใช้ธาตุที่แตกต่างกัน 2 ธาตุโจมตีไปที่เป้าหมายเดียวกันเพื่อสร้าง Elemental Reaction ทำดาเมจเสริมให้การโจมตีนั้นรุนแรงมากขึ้น หรือสร้างบัฟที่เป็นผลดีต่อตัวละครของเราเองได้
อย่างไรก็ตามการจะโจมตีเพื่อให้เกิด Elemental Reaction ไม่ใช่ว่าอยากทำเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้เลย เมื่อตัวละครในเกมนี้หลายๆ ตัวมี Cooldown ที่มองไม่เห็นในการระหว่างการโจมตีเพื่อแปะธาตุไว้ที่มอนสเตอร์อยู่ เรียกกันง่ายๆ ว่า Internal Cooldown (ICD) โดยวันนี้จะขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า ICD นี้กัน และขอออกตัวก่อนเลยว่าการเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจวิธีการทำดาเมจยังไงให้แรงๆ ในเกมนี้ได้มากขึ้นเยอะเลย แต่ก่อนจะไปเริ่มกันต้องขออธิบายการทำงานของ Elemental Reaction ในเกมนี้เสียก่อน!
Elemental Reaction คืออะไร มีผลดียังไง?
การคำนวณดาเมจของ Melt และ Vaporize ให้เข้าใจว่าเป็นการคูณดาเมจอีกครั้งในตอนท้ายก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นหาก ศัตรูติดสถานะน้ำแข็งอยู่ แล้วเราใช้ตัวละครธาตุไฟโจมตีด้วยดาเมจ 4,000 หน่วย ดาเมจนั้นจะถูกเอาไปคูณด้วย 2.0 ก่อนแสดงผล เป็น 8,000 หน่วย และทำให้สถานะธาตุบนตัวมอนสเตอร์หายไป ซึ่งถ้าหากดาเมจปิดเป็นการโจมตีที่ติด Critical ดาเมจก็จะทวีคูณแรงยิ่งขึ้นไปอีกนั้นเอง
Crystallize Reactions
แม้จะเรียกว่า Elemental Reaction รูปแบบที่ 3 แต่จริงๆ แล้วรูปแบบนี้สามารถเกิดได้เมื่อเกิด Reaction ระหว่างธาตุอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ ลม หรือ ไม้ เข้ากับธาตุ ดิน ซึ่งผลลัพธ์ของ Reaction นี้จะสร้างผลึกเกราะ ที่เมื่อไปเก็บแล้วจะได้โล่ป้องกันความเสียหายมา และจะสามารถป้องกันดาเมจจากธาตุที่ตรงกับสีของโล่ได้มากถึง 250% และสาเหตุที่ต้องแยกออกมาเป็นรูปแบบที่ 3 ก็เป็นเพราะใช้สูตรการคำนวณที่แตกต่างกันตามรูปด้านบนนั้นเอง
(ภาพสรุป รูปแบบการเกิด Reaction ต่างๆ ขอบคุณ Sunmilk)
กลับมาที่ ICD
จากข้างบนจะสังเกตได้ว่า Damage จาก Elemental Reaction นั้นมีความสำคัญต่อภาพรวมดาเมจที่ทำได้มากๆ โดยเฉพาะทีมที่เน้นการ Melt และ Vaporize อย่างไรก็ตามการทำให้เกิด Reaction นั้นไม่ใช่ว่าตีสลับธาตุกัน 7 ครั้งแล้ว จะเกิด Reaction ทั้ง 7 ครั้งเลย เนื่องจาก Genshin Impact มี Cooldown ระหว่างการแปะธาตุแต่ละครั้งด้วย โดยตัวละครเกือบทั้งหมดในเกมจะมี Cooldown ในการแปะธาตุในแต่ละครั้งที่ประมาณทุกๆ 2.5 วินาที หรือการโจมตีด้วยรูปแบบการโจมตีเดียวกัน 3 ครั้ง
ยกตัวอย่างง่ายที่สุดคือตัวละคร Yomiya ที่สามารถทำให้การโจมตีปกติของเธอติดธาตุไฟได้ และการโจมตีของเธอจะเป็นการยิงธนูต่อเนื่อง 7 ครั้ง ในการโจมตีครั้งที่ 1 จะแปะไฟไวที่ศัตรูได้ แต่ครั้งที่ 2 กับ 3 จะไม่สามารถแปะไฟที่ศัตรูได้เนื่องด้วยติด ICD อยู่ 2.5 วินาที แต่ในการโจมตีครั้งที่ 4 จะสามารถแปะไฟได้เนื่องจากเป็นการโจมตีครบครั้งที่ 3 ตามกฏของ ICD ซึ่งส่งผลให้ครั้งที่ 7 สามารถตีติดไฟได้จากกฎข้อเดียวกัน
ที่นี่ผู้เขียนกล่าวแล้วว่าแค่ "ตัวละครเกือบทั้งหมด" เท่านั้นที่อยู่ภายใต้กฏ 2.5 วินาที และทุกๆ การโจมตี 3 ครั้ง เนื่องจากตัวละครบางตัวจะมีค่า ICD ที่สั้นกว่านั้นมากๆ โดยตัวละครเหล่านี้ก็คือตัวที่เพื่อนๆ เห็นคนมักหยิบมาใช้กันบ่อยๆ นั่นแหละโดยสามารถดูรายชื่อตัวที่มี ICD ไม่ปกติได้ข้างล่างนี้
ที่นี่คำถามต่อมาคือข้อมูลชุดนี้มีประโยชน์ยังไง? คำตอบคือหากเพื่อนๆ ใส่ตัวละครที่มี ICD ต่ำๆ ไว้ในทีม ตัวละครเหล่านั้นจะช่วยทำให้เราสามารถทำ Elemental Reaction ได้แบบรัวๆ และได้ผลลัพธ์เป็นดาเมจที่มากขึ้น ยกตัวอย่างทีมเก่งๆ เช่น
คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าการทำ Elemental Reaction แบบต่อเนื่องมีผลทำให้เพื่อนๆ ได้สร้างโบนัสความเสียหายได้เยอะมาก รูปแบบการจัดทีมให้ตีได้แรง แน่นอนว่าไม่ได้จำกัดแค่ที่ผู้เขียนกล่าวมาข้างบนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวมาเช่น Kaeya + Xiangling, Kokomi + ตัวสายฟ้า, Yomiya + Fischl C6 หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เลือกตัวมาใส่ทีมกันได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
ในเกม Genshin Impact มีการแบ่งตัวละคร รวมถึงการโจมตี และป้องกันออกเป็นธาตุต่างๆ ประกอบด้วย หิน, น้ำ, ไฟ, สายฟ้า, น้ำแข็ง, ลม, ไม้ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวจะมีธาตุประจำตัวเป็นของตัวเอง และโจมตีได้แต่เพียงดาเมจธาตุนั้น ซึ่งในการโจมตีผู้เล่นสามารถใช้ธาตุที่แตกต่างกัน 2 ธาตุโจมตีไปที่เป้าหมายเดียวกันเพื่อสร้าง Elemental Reaction ทำดาเมจเสริมให้การโจมตีนั้นรุนแรงมากขึ้น หรือสร้างบัฟที่เป็นผลดีต่อตัวละครของเราเองได้
อย่างไรก็ตามการจะโจมตีเพื่อให้เกิด Elemental Reaction ไม่ใช่ว่าอยากทำเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้เลย เมื่อตัวละครในเกมนี้หลายๆ ตัวมี Cooldown ที่มองไม่เห็นในการระหว่างการโจมตีเพื่อแปะธาตุไว้ที่มอนสเตอร์อยู่ เรียกกันง่ายๆ ว่า Internal Cooldown (ICD) โดยวันนี้จะขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า ICD นี้กัน และขอออกตัวก่อนเลยว่าการเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจวิธีการทำดาเมจยังไงให้แรงๆ ในเกมนี้ได้มากขึ้นเยอะเลย แต่ก่อนจะไปเริ่มกันต้องขออธิบายการทำงานของ Elemental Reaction ในเกมนี้เสียก่อน!
Elemental Reaction คืออะไร มีผลดียังไง?
การคำนวณดาเมจของ Melt และ Vaporize ให้เข้าใจว่าเป็นการคูณดาเมจอีกครั้งในตอนท้ายก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นหาก ศัตรูติดสถานะน้ำแข็งอยู่ แล้วเราใช้ตัวละครธาตุไฟโจมตีด้วยดาเมจ 4,000 หน่วย ดาเมจนั้นจะถูกเอาไปคูณด้วย 2.0 ก่อนแสดงผล เป็น 8,000 หน่วย และทำให้สถานะธาตุบนตัวมอนสเตอร์หายไป ซึ่งถ้าหากดาเมจปิดเป็นการโจมตีที่ติด Critical ดาเมจก็จะทวีคูณแรงยิ่งขึ้นไปอีกนั้นเอง
Crystallize Reactions
แม้จะเรียกว่า Elemental Reaction รูปแบบที่ 3 แต่จริงๆ แล้วรูปแบบนี้สามารถเกิดได้เมื่อเกิด Reaction ระหว่างธาตุอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ ลม หรือ ไม้ เข้ากับธาตุ ดิน ซึ่งผลลัพธ์ของ Reaction นี้จะสร้างผลึกเกราะ ที่เมื่อไปเก็บแล้วจะได้โล่ป้องกันความเสียหายมา และจะสามารถป้องกันดาเมจจากธาตุที่ตรงกับสีของโล่ได้มากถึง 250% และสาเหตุที่ต้องแยกออกมาเป็นรูปแบบที่ 3 ก็เป็นเพราะใช้สูตรการคำนวณที่แตกต่างกันตามรูปด้านบนนั้นเอง
(ภาพสรุป รูปแบบการเกิด Reaction ต่างๆ ขอบคุณ Sunmilk)
กลับมาที่ ICD
จากข้างบนจะสังเกตได้ว่า Damage จาก Elemental Reaction นั้นมีความสำคัญต่อภาพรวมดาเมจที่ทำได้มากๆ โดยเฉพาะทีมที่เน้นการ Melt และ Vaporize อย่างไรก็ตามการทำให้เกิด Reaction นั้นไม่ใช่ว่าตีสลับธาตุกัน 7 ครั้งแล้ว จะเกิด Reaction ทั้ง 7 ครั้งเลย เนื่องจาก Genshin Impact มี Cooldown ระหว่างการแปะธาตุแต่ละครั้งด้วย โดยตัวละครเกือบทั้งหมดในเกมจะมี Cooldown ในการแปะธาตุในแต่ละครั้งที่ประมาณทุกๆ 2.5 วินาที หรือการโจมตีด้วยรูปแบบการโจมตีเดียวกัน 3 ครั้ง
ยกตัวอย่างง่ายที่สุดคือตัวละคร Yomiya ที่สามารถทำให้การโจมตีปกติของเธอติดธาตุไฟได้ และการโจมตีของเธอจะเป็นการยิงธนูต่อเนื่อง 7 ครั้ง ในการโจมตีครั้งที่ 1 จะแปะไฟไวที่ศัตรูได้ แต่ครั้งที่ 2 กับ 3 จะไม่สามารถแปะไฟที่ศัตรูได้เนื่องด้วยติด ICD อยู่ 2.5 วินาที แต่ในการโจมตีครั้งที่ 4 จะสามารถแปะไฟได้เนื่องจากเป็นการโจมตีครบครั้งที่ 3 ตามกฏของ ICD ซึ่งส่งผลให้ครั้งที่ 7 สามารถตีติดไฟได้จากกฎข้อเดียวกัน
ที่นี่ผู้เขียนกล่าวแล้วว่าแค่ "ตัวละครเกือบทั้งหมด" เท่านั้นที่อยู่ภายใต้กฏ 2.5 วินาที และทุกๆ การโจมตี 3 ครั้ง เนื่องจากตัวละครบางตัวจะมีค่า ICD ที่สั้นกว่านั้นมากๆ โดยตัวละครเหล่านี้ก็คือตัวที่เพื่อนๆ เห็นคนมักหยิบมาใช้กันบ่อยๆ นั่นแหละโดยสามารถดูรายชื่อตัวที่มี ICD ไม่ปกติได้ข้างล่างนี้
ที่นี่คำถามต่อมาคือข้อมูลชุดนี้มีประโยชน์ยังไง? คำตอบคือหากเพื่อนๆ ใส่ตัวละครที่มี ICD ต่ำๆ ไว้ในทีม ตัวละครเหล่านั้นจะช่วยทำให้เราสามารถทำ Elemental Reaction ได้แบบรัวๆ และได้ผลลัพธ์เป็นดาเมจที่มากขึ้น ยกตัวอย่างทีมเก่งๆ เช่น
คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าการทำ Elemental Reaction แบบต่อเนื่องมีผลทำให้เพื่อนๆ ได้สร้างโบนัสความเสียหายได้เยอะมาก รูปแบบการจัดทีมให้ตีได้แรง แน่นอนว่าไม่ได้จำกัดแค่ที่ผู้เขียนกล่าวมาข้างบนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายรูปแบบที่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวมาเช่น Kaeya + Xiangling, Kokomi + ตัวสายฟ้า, Yomiya + Fischl C6 หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เลือกตัวมาใส่ทีมกันได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ