Warframe เป็นเกม Action ในมุมมองบุคคลที่สาม จากค่าย Digital Extremes ผู้พัฒนาเกมมากผลงานที่สร้างเกมดังๆ มาแล้วมากมายอย่าง Dark Sector,The Darkness  และ BioShock ถึงแม้ตัวเกมจะถูกปล่อยออกมานานมากแล้ว แต่ Game Fever ก็อยากจะมาแชร์เหตุผลที่เพื่อนๆ ควรลองเล่น Warframe ดูกันสักครั้ง!

1. นินจาอวกาศ สุด Cool!
 

ถึงแม้ว่าในวงการเกมช่วงหลังมานี้จะมีเกมที่มีเซ็ตติ้งแบบ Sci-fi ออกมาเสียเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เกมแนวผจญภัยที่มีหุ่นยนต์เป็นตัวดำเนินเรื่อง อย่าง Detroit: Become Human , เกม FPS อย่าง DOOM, เกม Action อย่าง NieR: Automata หรือแม้กระทั่งเกมแนวขบขันที่เล่นได้เพลินๆ อย่าง Portal2 แต่ Warframe ที่เป็นแนว Sci-fi เหมือนกันนั้น ก็ทำเกมได้ออกมามีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างจากเกมอื่น

เริ่มตั้งแต่ตัวละครหลักอย่าง Tenno นินจาไซเบอร์ที่ต้องต่อสู้กับเหล่าร้ายและเดินทางไปทำภารกิจทั่วจักรวาลด้วยอาวุธยุทธโทปกรที่ทันสมัย มียานอวกาศและปีกช่วยบินเป็นพาหนะ สวมใส่ชุดนักรบวอร์เฟรมล้ำๆ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเหล่านินจา พร้อมต่อสู้กับศัตรูจากทั้งฝ่ายหุ่นยนต์และเอเลี่ยนกลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยงหน้าตาแปลกประหลาดมาเป็นคู่หูอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ทำออกมาได้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนจริงๆ

 

2. เนื้อเรื่องสนุก เข้มข้น

สำหรับเกมออนไลน์แนว Action แล้ว Warframe ถือเป็นเกมที่ทำเนื้อเรื่องออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจ และแฟนเกมที่ชื่นชอบการเล่นเกมแนวเนื้อเรื่องก็น่าจะถูกอกถูกใจไม่น้อย โดยเรื่องราวของเกมจะถูกเล่าผ่านการทำภารกิจหลักต่างๆ

เริ่มแรกผู้เล่นจะถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหลอันยาวนานที่ใช้เทคโนโลยีแช่แข็งร่างกายเพื่อรักษาสภาพ (อย่างที่ปรากฎในหนัง Sci-fi หลายๆ เรื่อง เช่น Passengers) พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรบนโลก โดยมีผู้หญิงใส่หน้ากากชื่อ "โลตัส" มาเล่าให้เราฟังว่าแท้จริงแล้วชาติพันธุ์ของเราก็คือ Tenno นักรบนินจาที่ใช้ดาบและปืนเป็นอาวุธ เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม ต่อสู้กับเหล่าร้าย และเป็นเจ้าของของชุดนักรบวอร์เฟรม นอกจากนี้ยังมี Ordis ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอยดูแลยานของเรา (ให้อารมณ์คล้ายกับ Jarvis ของ Tony Stark) จากนั้น ก็จะได้เริ่มออกผจญภัยสำรวจระบบสุริยะจักรวาล

ฟังเผินๆ ก็เหมือนจะเป็นเนื้อเรื่องธรรมดา ทว่ายิ่งเราทำเควสหลักไปเรื่อยๆ ความลับต่างๆ ก็จะถูกเปิดเผยออกมา ทั้งเรื่องราวการล่มสลายของ Orokin อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ที่มาของเผ่า Tenno ของเรา และชุดเกราะวอร์เฟรมที่เราเป็นเจ้าของ บอกได้เลยว่าคอเกมสายเสพเนื้อเรื่องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องจะชวนให้เราตั้งคำถาม พร้อมทยอยหาคำตอบ ทั้งจากฉากคัทซีน  ภารกิจและคำพูดของโลตัสหรือตัวละคนอื่นๆ จังหวะและอารมณ์ของเนื้อเรื่องก็ดีเยี่ยม แถมมีการหักมุมอีกด้วย ทำเอาผู้เล่นอินกับเกมได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

 

3. เกมเพลย์ที่เหมาะกับทุกคน

Warframe เป็นเกมแบบ Player Versus Environtment (PvE) ดังนั้นภารกิจหลักก็คือการตีมอนสเตอร์หรือศัตรูที่ไม่ใช่ผู้เล่นด้วยกัน และทยอยตะลุยผ่านด่านต่างๆ ในดาว ที่มีภารกิจต่างกันเพื่อฝ่าฟันไปให้ถึง Junction เปิดดาวต่อไปนั่นเอง ซึ่งภารกิจส่วนใหญ่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเข้าร่วมปาร์ตี้ได้ไม่เกิน 4 คน หากผู้เล่นไม่ได้ชวนเพื่อนก่อนลงด่าน ทางเกมจะสุ่มผู้เล่นที่ต้องการลงด่านเดียวกัน ณ เวลาเดียวกับเรามาให้แทน

ประเภทของภาจกิจก็มีหลายแบบ เช่น การช่วยตัวประกัน การกำจัดศัตรูให้ครบจำนวนที่กำหนด การปกป้องสิ่งของและการเอาชีวิตรอดแบบ Survival ให้ครบตามเวลาที่กำหนด ไปจนถึงภารกิจสปายที่ต้องฝ่ากับดักและ Hack เข้าไปในระบบเพื่อเอาข้อมูลโดยไม่ให้ศัตรูรู้ตัวเป็นต้น

ทั้งนี้ผู้เล่นจะได้เลือกชุดวอร์เฟรมตัวแรกตอนเริ่มเกม ซึ่งจะมีสามตัวให้เลือกด้วยกัน แต่ละตัวจะมีสกิลและวิธีการเล่นไม่เหมือนกัน หลังจากที่ทยอยผ่านด่านต่างๆ และเคลียร์บอสแล้วก็จะมี Blueprint (พิมพ์เขียวในการคราฟท์ของ) ดรอปมาด้วย ซึ่งบอสแต่ละตัวก็จะดรอป Blueprint ของชุดวอร์เฟรมคนละชุดกัน

ระบบการคราฟท์ของก็เหมือนเกมอื่นๆ ที่ผู้เล่นจะต้องเก็บของที่ดรอปจากมอนสเตอร์หรือบอสต่างๆ สิ่งที่สำคัญและเป็นกุญแจหลักของการคราฟท์ก็คือ Blueprint อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วนั่นเอง เพราะ Blueprint จะมีรายละเอียดคอยบอกว่าอาวุธชิ้นไหนจะต้องใช้ของอะไรบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และคราฟท์นานหรือไม่ ซึ่งแต่ละดาวก็จะดรอปของที่ใช้คราฟท์แตกต่างกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้เล่นทุกคนก็คือการเก็บ Rank ซึ่งเป็นตัวการันตีถึงฝีมือการเล่นของเรา ยิ่ง Rank สูง เราก็จะสามารถปลดล็อกภารกิจหรืออาวุธใหม่ๆ ได้ โดยเลเวลของชุดวอร์เฟรม คู่หู และอาวุธต่างๆ จะกลายมาเป็น EXP ของ Rank ซึ่งหาก EXP เต็มหลอดแล้วผู้เล่นจะต้องเข้าสอบฝีมือและเทคนิคการต่อสู้เพื่อจะได้ขึ้นสู่ Rank ถัดไป

ถึงแม้การเล่นส่วนใหญ่จะเป็น PvE ทว่าเมื่อปีที่แล้ว Warframe ก็ได้อัพเดทและเพิ่มการเล่นแบบ Open World เข้ามาด้วย ซึ่งจะมีประตูเข้าไปสู่โหมดนี้โดยเฉพาะ ถือเป็นการเพิ่มรูปแบบเกมให้มีกลิ่นอายของเกม MMO เข้ามาบ้าง ทั้งนี้ผู้เล่นก็สามารถ PvP กับผู้เล่นคนอื่นได้ในห้องเฉพาะที่อยู่ใน Clan Dojo (ยานหลักของแต่ละแคลน)

 

4. ระบบการต่อสู้มันสะใจ

สำหรับเกมแนว Action แล้ว ระบบการต่อสู้ถือไฮไลท์หลักของเกมเลยทีเดียว ซึ่ง Warframe ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ให้กับแฟนเกมสายบู๊ได้เป็นอย่างดี โดยในการต่อสู้ทั่วไป ผู้เล่นจะมีอาวุธสามชนิดติดตัวไปในการทำภารกิจด้วย ซึ่งได้แก่ อาวุธหลัก อาวุธรอง และอาวุธโจมตีระยะใกล้

ในแต่ละหมวดหมู่ ก็มีอาวุธหลายชนิดให้ผู้เล่นได้เลือกตามสไตล์ของแต่ละคน อย่าง อาวุธหลักก็มีตั้งแต่ปืนไรเฟิล ปืนกล ปืนลูกซอง หรือธนู เป็นต้น หากเป็นอาวุธรองก็มีปืนพก ปืนพกคู่ หรือแม้กระทั่งดาวกระจาย หมวดอาวุธโจมตีระยะใกล้ ก็เช่น ดาบสั้น ดาบยาว มีด ทวน

และด้วยความหลากหลายนี้เอง ทำให้การต่อสู้ไม่น่าเบื่อ เหล่า Tenno สามารถปรับเปลี่ยนอาวุธให้เหมาะกับสไตล์การเล่นของตนเองและชุดวอร์เฟรมได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีทั้งการโจมตีระหว่างสไลด์ไปกับพื้น ท่าโจมตีหลังจากกระโดดลงมา และท่าแอบลอบโจมตี

เหนือไปกว่านั้นคือการใช้สกิลของตัวละครแต่ละตัวที่ทำออกมาได้มีเอกลักษณ์ต่างกัน เอ็ฟเฟ็กต์ตอนใช้ท่าก็สวยงามตระการตา เพิ่มอารมณ์ร่วมระหว่างบู๊ให้กับผู้เล่นได้ ราวกับว่ากำลังเล่นเกมและดูภาพยนตร์มันๆ ไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือหากเพื่อนๆ ไม่ได้ชอบเล่นสายเนื้อเรื่องเท่าไหร่นัก ระบบการต่อสู้นี่แหละที่ถือว่าเป็นตัวมัดใจผู้เล่นสายบู๊ได้เป็นอย่างดี

 

5. ตัวละครดี มีความหลากหลาย

ชุดวอร์เฟรมถือเป็นหัวใจสำคัญหลักของเกม Warframe (แค่ดูจากชื่อก็รู้แล้ว) แต่ละชุดก็จะมีรูปลักษณ์ ค่าสเตตัสและการใช้สกิลไม่เหมือนกัน โดยจะแบ่งเป็นสกิลติดตัว สกิลหนึ่ง สกิลสอง สกิลสาม และสกิลอัลติ ทั้งนี้วอร์เฟรมแต่ละตัวยังมีสไตล์การเล่นไม่เหมือนกัน มีทั้งสายแท้งค์ที่คอยรับดาเมจด้วยเกราะหนาๆ สายซัพพอร์ทที่มีสกิลเพิ่มเลือด เพิ่มค่ามานา สายดาเมจใช้ธาตุในการต่อสู้ สายบู๊ระยะใกล้ หรือสายลอบฆ่าที่มาพร้อมสกิลล่องหน เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีชุดวอร์เฟรมให้เราเลือกเล่นกันถึง 35 ตัว และได้ข่าวว่ากำลังจะมาใหม่อีก 2 ตัว

แน่นอนว่าด้วยจำนวนชุดตัวละครที่มากมายขนาดนี้ ทำให้สามารถรองรับความต้องการของผู้เล่นที่มีสไตล์การต่อสู้และการเล่นเกมที่แตกต่างกัน อีกทั้งเหมาะสำหรับการทำภารกิจที่แตกต่างกัน นอกจากชุดหลักของวอร์เฟรมกว่า 30 ตัวแล้ว ส่วนใหญ่วอร์เฟรมเหล่านี้จะมีชุด Prime ประจำของแต่ละตัว ซึ่งเจ้าชุดที่ว่านี้จะมีค่าสเตตัสที่ดีกว่า และสามารถใส่ Mod ซึ่งเป็นการ์ดเพิ่มความสามารถของตัวละครได้มากกว่าอีกด้วย เรียกได้ว่าแค่ตามล่าเก็บชุดวอร์เฟรมให้ครบ และลองเล่นวอร์เฟรมหลายๆ ตัวก็สนุกแล้ว

 

6. กราฟิกอลังการ เล่นลื่นไม่มีสะดุด

Warframe ถือเป็นอีกเกมหนึ่งที่มีภาพกราฟิกที่สวยงามมาก พอมาประกอบกับการออกแบบตัวละคร ยาน สัตว์เลี้ยง ปืน หรือสถานที่ต่างๆ ในเกมแล้ว ทำให้ผู้เล่นรู้สึกหลงใหลไปกับจักรวาลของนินจาไซเบอร์ไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะหลายด่านที่มักจะมีฉากที่อลังการตระการตาจนผู้เล่นบางคนถึงกับต้องหยุดทำภารกิจและพักชื่นชมความสวยงามกันเลยทีเดียว

ทั้งนี้แม้จะมีกราฟิกระดับ HD และจำนวนมอนสเตอร์ที่ถาโถมเข้ามากันมากมาย หรือแม้กระทั่งด่านจะกว้างใหญ่แค่ไหน แต่ตัวเกมกลับไม่แสดงอาการกระตุกให้เห็นเลย ทำให้การต่อสู้ไหลลื่นสุดๆ ถือว่าเป็นเกมที่กินทรัพยากรของเครื่องน้อยมาก พอเข้าไปส่องในสเปคขั้นต่ำของ Warframe เวอร์ชั่น PC ก็พบว่าแม้แต่ PC ที่เก่าหน่อยก็ยังเล่นได้แบบสบายๆ



 

7. เกมอัพเดทตลอด ไม่ทอดทิ้งผู้เล่น

มีผู้เล่นหลายคนที่เคยโหลด Warframe มาเล่นตั้งแต่เกมออกใหม่ๆ  ในปี 2013 แล้วเลิกเล่นไป เนื่องจากตอนนั้นระบบยังทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เนื้อหาก็ยังมีไม่เยอะเท่าไหร่ อีกทั้งยังไม่มีความต่อเนื่องกันอีกด้วย ที่สำคัญคือยังมีคนเล่นไม่เยอะทำให้พอเวลาจะลงด่านแต่ละครั้ง ไม่สามารถหาเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้

ทว่าในปัจจุบัน Warframe ได้เปลี่ยนไปมาก ตัวเกมมีการอัพเดทอยู่ตลอด เนื้อหาก็สนุกมากขึ้น หากเพื่อนๆ ที่เคยเลิกเล่นมาแล้วกลับมาเล่นใหม่จะพบว่าแตกต่างกันราวกับคนละเกม ทั้งนี้ทาง Digital Extremes ผู้พัฒนาก็ยังทำการอัพเดทแพทช์อยู่ทุกสัปดาห์

ในปี 2017 ทางผู้พัฒนาก็ได้เพิ่ม Plains of Eidolon ที่มีลักษณะเป็นแผนที่แบบ Open World เป็นครั้งแรกในเกม และล่าสุดเพิ่งประกาศปล่อย Open World ใหม่คือ Fortuna ที่จะตั้งอยู่ในดาว Venus โดยมีการเพิ่มฝ่ายใหม่อย่าง Solaris United เข้ามาด้วย แถมฉากยังมีลักษณะแปลกตา ไม่เหมือนที่เคยมีในเกมมาก่อน

นอกจากนี้ยังเพิ่ม Codename: Raijack ที่มีลักษณะให้ผู้เล่นขับยานอวกาศ ไล่ยิงศัตรูนั่นเอง ด้วยความพยายามในการพัฒนาเกมตลอดเวลา ทำให้ Warframe เป็นเกมที่ทั้งผู้เล่นใหม่และผู้ที่เคยเล่นเกมมาก่อนควรจะเล่น อีกทั้งการอัพเดทเกมอยู่ตลอดเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ถึงแม้ตัวเกมจะถูกปล่อยออกมาเป็นเวลากว่า 6 ปี แต่เกมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตายและยังคงสดใหม่อยู่เสมอ

 

8. เล่นคนเดียวก็ได้ เล่นกับเพื่อนก็ยิ่งดี!

เนื่องจาก Warframe ถือเป็นเกมแบบ Cooperative  ที่ต้องอาศัยการร่วมมือของผู้เล่น อย่างการ เคลียร์ด่านต่างๆ กอปรกับการที่มีตัวละครหลากหลายให้เลือกเล่นได้หลายสไตล์ ทำให้การเล่น Warframe กับเพื่อน กลายเป็นเรื่องที่สนุกสนานขึ้นมาทันตา คล้ายกับเกม MOBA ที่ต้องมีการแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะเป็นตัวทำดาเมจ ใครจะเป็นคนซัพพอร์ททีม เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้น การเลือกเล่นตัวละครที่เหมาะสมกับรูปแบบของภารกิจ มีส่วนสำคัญมากกว่า ดังนั้นในกรณีที่เราสุ่มปาร์ตี้เล่นกับผู้เล่นคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเรา แล้วต่างคนต่างเล่นตัวละครที่ตนเองชอบ ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่ติดขัดอะไรนัก

ทั้งนี้เกมก็ไม่ได้ปิดโอกาสสำหรับผู้เล่นที่ชอบลุยเดี่ยว เพราะภารกิจส่วนใหญ่ก็สามารถเล่นคนเดียวได้เหมือนกัน ถือเป็นเกมที่ครบครัน เหมาะกับทั้งคอเกมสายเล่นเป็นทีมและสายโซโล่

 

9. Community ดีเลิศ

เพื่อนๆ อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะพอรู้แล้วว่า Warframe เป็นเกมที่มีส่วนซับซ้อนเยอะอยู่เหมือนกัน ทั้งในส่วนเนื้อเรื่อง การฟาร์มของ การตามล่าหาชุดวอร์เฟรม หรือแม้กระทั่งเรื่องของการใช้อาวุธ ทุกอย่างมีรายละเอียดเยอะอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีหลายส่วนของเกมให้เล่น ซึ่งนั่นรวมถึงระบบ Open World ด้วย ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่สับสนเอาได้ไม่ยาก

แต่ทั้งนี้เพื่อนๆ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะระบบ Community ทั้งในเกมและนอกเกมของ Warframe ถือว่าเข้มแข็งมาก หากเป็นในเกมมีข้อสงสัย สามารถพิมพ์ถามผู้เล่นคนอื่นๆ ที่อยู่ในแชทได้ รวมถึงหากเคลียร์ด่านไหนไม่ผ่านขอสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นคนอื่นได้เช่นกัน

นอกจากนี้สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ยังงงกับระบบในเกมอยู่ บนเฟสบุ๊คของไทยเองก็มีกลุ่ม Community คอยช่วยซัพพอร์ท เปิดพื้นที่ให้ผู้เล่นได้ถามคำถาม พร้อมมีผู้เล่นคนอื่นมาช่วยหาคำตอบด้วย

 

10. เกมฟรีและดีมีอยู่จริง!  

นอกเหนือจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว เหตุผลที่เพื่อนๆ ไม่ควรจะพลาด Warframe ด้วยประการทั้งปวง คือ...มันฟรี! แน่นอนว่ามีหลายเกมที่เปิดให้เล่นฟรี แต่ผู้เล่นจะต้องเสียตังค์ซื้อไอเทมในเกมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่น ถึงแม้ Warframe จะมีระบบการเติมเงินในเกมที่เรียกว่า แพลตตินัม (Platinum) ทว่าเกมกลับไม่ได้มีลักษณะ Pay to win เพราะแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไอเทม อาวุธ หรือชุดวอร์เฟรม สามารถฟาร์มได้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่สตางค์เดียว

แม้ทาง Warframe จะมี Skin พิเศษขาย แต่เกมมักจะมีภารกิจประจำวันที่คอยแจกของเหล่านี้อยู่ประจำ โดยสามารถติดตามภารกิจ (Alert mission) เหล่านี้ได้แบบ Real time ผ่านแอพพลิเคชั่น Warframe ที่มีให้โหลดทั้งในระบบ Andriod และ iOS

ทั้งนี้เพื่อนๆ ยังสามารถหาแพลตตินัมได้จากในเกมด้วยการขายของ อย่าง  Mod (การ์ดเพิ่มค่าสเตตัส) อาวุธและชุดวอร์เฟรม Prime ที่ได้มาฟรีๆ จากการฟาร์ม ซึ่งตลาดแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Warframe Market นั่นเอง

ยังไงหากเพื่อนๆ สนใจก็ลองไปโหลดกันได้ ตอนนี้มีให้เล่นทั้งใน PC, PS4 และ Xbox One รวมถึงมีแผนจะลง Nintendo Switch เร็วๆ นี้อีกด้วย