GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
สัมภาษณ์ผู้กำกับเกม Mafia: Definitive Edition "จุดเริ่มต้นใหม่ของเกมเจ้าพ่อรุ่นเก๋า"
ลงวันที่ 24/07/2020

แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายในระดับเดียวกับเกมโลกเปิดหลายๆ เกมที่เกิดในยุคเดียวกัน โดยเฉพาะหลังการวางจำหน่ายของเกมภาคล่าสุดอย่าง Mafia III ที่ได้รับเสียงตอบรับไม่ดีนักทั้งจากนักวิจารณ์และผู้เล่น แต่เกม Mafia ภาคแรกก็ยังถือเป็นหนึ่งในเกมโลกเปิดรุ่นเก๋า ที่ยังคงมีกลุ่มแฟนที่เหนียวแน่นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของสื่อแนวมาเฟียไม่แพ้ผลงานในตำนานอย่าง The Godfather เลยทีเดียว

 

 

เกือบ 20 ปีหลังจากที่เกม Mafia ภาคแรกวางจำหน่ายไปในปี 2002 ล่าสุดทางผู้พัฒนา Hangar 13 ก็ได้คืนชีพเกม Mafia ภาคแรกขึ้นมากอีกครั้งในฐานะเกม Mafia: Definitive Edition ที่นำเอาเกมเจ้าพ่อยุคเก๋ามาเล่าใหม่ด้วยเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน พร้อมกับระบบเกมเพลย์ กราฟิก และบททีเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อเล่าเนื้อเรื่องของมาเฟียจำเป็น Tommy Angelo และการเอาตัวรอดบนหนทางมาเฟียของเขา

 

 

ก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายนนี้ ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งค่ายพัฒนา Hangar 13 และผู้กำกับเกม Mafia: Definitive Edition คุณ Haden Blackman เพื่อพูดถึงรายละเอียดใหม่ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในเกม พร้อมกับทิศทางในอนาคตของซีรีส์ Mafia ในยุคคอนโซลใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามานี้






ถือว่าห่างหายกันไปนานพอควรกับซีรีส์ Mafia ตั้งแต่ที่ภาค 3 วางจำหน่ายไปเมื่อปี 2016 ทำไมพวกคุณถึงคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหวนคืนสู่ซีรีส์นี้

 

 

HB: หลังจากที่เราพัฒนาเนื้อหา DLC ทั้งหมดของเกม Mafia III เสร็จหมดแล้ว ทางทีมก็เริ่มต้นกระบวนการพัฒนาเกมสำหรับเกม IP ใหม่ที่เราอยากจะสร้างต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ว่ากว่าที่ไอเดียพื้นฐานของ IP ใหม่ที่ว่านั้นจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมาก็คงใช้เวลาอีกซักพัก และเราก็มีสมาชิกทีมพัฒนาฝ่ายออกแบบศิลป์และฝ่ายออกแบบคัตซีนที่จะไม่มีอะไรทำกันไปอีกพักใหญ่ๆ เราเลยเริ่มมานั่งคิดกันว่าจะสามารถทำอะไรไปพลางๆ ในขณะที่กำลังพัฒนาไอเดียของ IP ใหม่ และหนึ่งในข้อเสนอของสมาชิกในทีมหลายคนก็คือการรีเมคเกม Mafia ภาคแรก เพราะเทคโนดลยีในการสร้างเกมก็เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ที่เกมดั้งเดิมวางจำหน่ายไป ซึ่งก็เปิดโอกาสให้เราสามารถเล่าเรื่องของเกมภาคแรกได้ในวิธีที่ดีขึ้น และทำให้โลกของเกมมีชีวิตมากขึ้น รวมไปถึงทำใหัการต่อสู้สนุกขึ้นด้วย เป็นความต้องการของสมาชิกทีมหลายคนที่อยู่กับซีรีส์นี้มาตั้งแต่ภาคแรก ที่อยากจะยกระดับเกมขึ้นมาให้เทียบเท่ามาตรฐานของเกมปัจจุบัน 

 

 

นอกจากกราฟิกของเกม ที่ทำออกมาได้สวยงามวมมาตรฐานของเกมยุคใหม่ มีองค์ประกอบใดอีกบ้างที่คุณมองว่าถูกปรับปรุงมากที่สุดในเกมภาครีเมค

 

 

HB: สำหรับผมมันคงมีสองข้อหลักๆ อย่างแรกคือเรื่องของเกมเพลย์ ในเกม Mafia ดั้งเดิม ภารกิจทุกด่านในเกมจะมีเกมเพลย์เฉพาะของตัวเอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่เราพยายามเก็บรักษาเอาไว้ในภาคใหม่ และยังมีระบบเกมเพลย์แปลกๆ ให้ลองสัมผัสมากมายตามเนื้อเรื่อง แต่เราก็พัฒนาระบบการยิงปืนอันเป็นแก่นของเกมเพลย์ด้วย ให้มันสามารถสื่อความรู้สึกของการเป็นคนขับแท๊กซี่ที่ต้องผันตัวเป็นนักเลงจำเป็น เราใช้ฐานเกมเพลย์แบบ Cover Based (เกมยิงปืนที่เน้นการใช้ที่กำบัง) มาจาก Mafia III และปรับให้มันเข้ากับตัวละครหลักมากขึ้น คุณไม่ได้เป็นทหารผ่านศึกเหมือน Lincoln ในเกมภาค 3 แล้ว ฉะนั้นเราจึงอยากให้คุณจำเป็นต้องใจเย็นและวางแผนมากขึ้นว่าเมื่อไหร่ควรหลบเข้าที่กำบัง หรือเมื่อไหร่ควรโผล่ขึ้นมายิง เป็นองค์ประกอบที่ทีมพัฒนาใส่ใจมากๆ แน่นอนว่าด้วยยุคสมัยที่ต่างกัน อาวุธที่คุณใช้ก็จะต่างจาก Mafia III ด้วย ซึ่งก็เป็นรายละเอียดที่เราให้ความสำคัญ เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างเกม D.E. และ Mafia III

 

 

 



อีกข้อปรับปรุงใหญ่ในภาครีเมคคือด้านการเล่าเรื่อง และการแสดงโดยรวม เนื้อเรื่องของเกมในภาพกว้างจะยังเหมือนเดิม ภารกิจที่คุณเล่นและเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในเนื้อเรื่องก็จะยังเหมือนภาคดั้งเดิม แต่เราก็อยากจะใช้เวลาไปกับการพัฒนาตัวละครอื่นๆ รอบตัวพระเอกด้วย เพื่อทำให้ผู้เล่นเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของตัวเอก Tommy รวมไปถึงตัวละครรอบๆ ตัวเขาก็ถูกสำรวจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้การเล่าเรื่องโดยรวมถูกยกระดับขึ้นมาทัดเทียบกับมาตรฐานของเกมปัจจุบัน

 

 

พูดกันตามตรง ผมยังคงเชื่อว่าเกม Mafia ภาคดั้งเดิมถือเป็นเกมชั้นนำในแง่ของการเล่าเรื่องในยุคที่วางจำหน่าย แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมา วงการเกมโดยรวมก็เปลี่ยนไปมาก และเราในฐานะผู้พัฒนาก็มีฝีมือในการเล่าเรื่องได้ดีกว่าสมัยก่อนเยอะ เราให้ความสำคัญกับการแสกนหน้านักแสดงและการ Motion Capture มาก ซึ่งทั้งหมดทำโดยเทคโนโลยีที่เราพัฒนาเองภายในค่าย รวมไปถึงระบบแสงสีใหม่ ที่พัฒนายิ่งกว่าในเกม Mafia III อีกด้วย

 

 

เกมภาครีเมคนี้จะมีความใกล้เคียงกับภาคดั้งเดิมแค่ไหน ผู้เล่นจะยังต้องระวังตำรวจจราจรอยู่หรือเปล่า

 

 

HB: ระบบตำรวจจราจรจะยังอยู่ในเกมแน่นอน ความตั้งใจอย่างหนึ่งของเราในการสร้างเกมนี้ คือการพยายามคงจิตวิญญาณของเกมภาคดั้งเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด หากมันมีอะไรที่เรารู้สึกว่าเราปรับปรุงให้ดีขึ้นไม่ได้ เราก็เลือกจะปล่อยให้มันเป็นเหมือนเดิมดีแล้ว ไม่งั้นก็ยกให้ผู้เล่นเป็นคนตัดสินใจว่าอยากให้มีระบบนั้นๆ ไหม เช่นถ้าคุณเล่นเกมด้วยค่าพื้นฐาน การต่อสู้ก็อาจจะท้าทายขึ้นมาหน่อย และบังคับให้คุณต้องใช้ความคิด แต่ถ้าคุณแค่อยากจะสัมผัสเนื้อเรื่อง มันก็มีระดับความยากที่สามารถปรับให้คุณผ่านการต่อสู้เหล่านั้นไปได้ง่ายๆ หรือถ้ากลับกัน คุณอยากให้เกมเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายมากๆ ก็สามารถปรับได้เช่นเดียวกัน

 

 

ระบบตำรวจจราจรในเกมก็เช่นกัน ตำรวจอาจจะสามารถไล่จับคุณด้วยข้อหาทางจราจรได้ เช่นการขับเกินกำหนดความเร็ว หรือการไม่สนใจป้ายจราจร ซึ่งทั้งหมดนั้นยังมีอยู่ในเกม แต่จะเปิดหรือปิดก็ได้ตามใจผู้เล่น เพราะเราอยากให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ Mafia ที่เขาต้องการมากกว่า

 

 

เกม Mafia ภาคดั้งเดิมมักจะถูกจดจำในฐานะเกมเน้นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดำเนินไปเป็นเส้นตรง แม้ว่าตัวเกมเองจะเป็นแนว Open World ก็ตาม คุณได้ทำอะไรเพื่อกลบจุดอ่อนตรงนี้บ้างไหม หรือคุณไม่ได้มองว่ามันเป็นจุดอ่อนตั้งแต่ต้น

 

 

HB: ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นจุดอ่อนที่ต้องกลบนะ เพราะความตั้งใจของเราตั้งแต่ต้นก็คือการคงไว้ซึ่งตัวตนของเกมดั้งเดิม ที่ก็มีลักษณะเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเป็นเส้นตรงตามที่ว่า และเกม Definitive Edition ก็ยังเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าคุณก็ยังสามารถสำรวจเมืองของเกมแบบโลกเปิดได้ถ้าคุณต้องการ แต่ทีมพัฒนาเลือกที่จะทุ่มเวลาและความตั้งใจลงไปกับการเล่าเนื้อเรื่องของเกมให้ดีที่สุดที่จะทำได้ และทำให้ภารกิจต่างๆ ของเกมมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ภารกิจทั้งหมดในเกมได้ถูกปรับปรุงไปอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่อยากสำรวจก็ยังสามารถทำได้ และมีความลับรอให้คุณค้นพบมากมายแน่นอน

 

คุณได้ใช้เกม Open World เกมอื่นๆ ที่วางจำหน่ายออกมาในช่วงไม่กี่ปีนี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเกมภาค D.E. บ้างไหม นอกจากพื้นฐานเกมเพลย์ของ Mafia III ที่กล่าวมา

 

 

HB: สิ่งแรกที่เราทำในการหาแรงบันดาลใจสำหรับเกมภาค D.E. คือการมองกลับไปที่ข้อดีและข้อด้อยของเกมภาคก่อนๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และแน่นอนว่าเราก็พยายามจะทำให้ข้อดีมันดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และพยายามกลบข้อด้อยจากเกมภาคก่อนๆ ไปด้วย แล้วเราก็ย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในยุคนั้น หรือที่นำเสนอภาพของยุคนั้นได้ดี แน่นอนว่าเรื่อง The Godfather ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจดั้งเดิมของเกมภาคแรกก็รวมอยู่ในนั้น เราต้องศึกษาว่าผู้คนในยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร ใช้ภาษาอย่างไร เพราะเราอยากจะทำให้ทุกอย่างมันสมจริงตามยุคสมัยนั้นให้ได้มากที่สุด

 

 



แต่นอกเหนือไปจากแรงบันดาลใจจากสื่อแนวมาเฟียตรงๆ เราในฐานะเกมเมอร์ก็มองหาแรงบันดาลใจจากเกมที่เราเล่นเองด้วยเช่นกัน อย่างผมเป็นคนที่ชอบเกม Assassin’s Creed มากๆ ผมก็มักจะคอยสังเกติว่าพวกเขาใส่องค์ประกอบอะไรลงไปในเกมบ้าง ที่ทำให้เกมของพวกเขารู้สึกสมจริงตามยุคสมัยนั้นๆ หรือเกมอื่นๆ ทั้ง Bioshock และ Skyrim ที่ต่างก็เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมในแบบของตัวเอง ที่เราใช้เป็นต้นแบบสำหรับองค์ประกอบใดองค์ปะกอบหนึ่งในเกม แม้ว่าตัวเกมเหล่านี้จะไม่เหมือนเกมที่เราพยายามจะสร้างกันอยู่เลยก็ตาม

 

 

ในเกมภาค 2 และ 3 มีการสอดใส่ Easter Egg จากเกมภาคแรกเข้าไปให้แฟนๆ ได้ค้นหากันมากมาย แล้วในเกมภาค D.E. จะยังมี Easter Egg จากเกมเหล่านี้อยู่ด้วยไหม แม้ว่าตามหลักแล้วจะเกิดขึ้นก่อนหน้าภาค 2 และ 3

 

 

HB: แน่นอนอยู่แล้ว จริงๆ แล้วข้อดีอย่างหนึ่งของการสร้างเกมนี้ คือการที่เราสามารถนำเกมทั้งสามภาคมาต่อเรียงเป็นไทม์ไลน์เดียวกันได้ ในเกมภาค D.E. จะมีการเอ่ยถึงทั้งตัวละครและตระกูลมาเฟียจากเกมภาค 2 และ 3 ให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ผมไม่อยากสปอยอะไรมาก แต่ตอนจบของเกมภาค D.E. ก็จะสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาค 2 ด้วย ซึ่งผมคิดว่าแฟนๆ ของเกมภาค 2 น่าจะเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร เราอยากจะสร้างความรู้สึกว่าเรื่องราวของเกมทั้งสามภาคมันอยู่ในจักรวาลเดียวกัน ตระกูลมาเฟียจากเกมทั้งสามภาคต่างมีตัวตนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ฉะนั้นเกมภาค D.E. จึงจะมีรายละเอียดเหล่านี้เยอะมากๆ และจะมี Easter Egg อื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้อิงช่วงเวลาของเกมมากนัก เช่นเหล่าการ์ดบุหรี่ (Cigarette Card) ลายเจ้าพ่อมาเฟียชื่อดัง ไปจนถึงปกหนังสือการ์ตูนที่อาจจะแสเง Easter Egg ที่ไม่ได้อิงไทม์ไลน์ของเกม เช่นปกหนังสือการ์ตูนอันโปรดของผม ที่เป็นภาพตัวเอกของเกมทั้งสามภาค (Tommy, Vito, Lincoln) ออกบู๊พร้อมๆ กัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในโลกของเกม แต่เราก็เชื่อว่าแฟนๆ น่าจะชอบกัน

 

 

เมือง Lost Heaven ของเกมสร้างมาอย่างสวมงามมากๆ แต่ผู้เล่นจะสามารถคาดหวังให้เมืองมีชีวิตชีวาได้แค่ไหน เหล่าผู้คนในเกมจะมีชีวิตประจำวันของตัวเองเหมือนในเกมอย่าง Red Dead Redemption 2 หรือไม่ 

 

 

HB: ต้องบอกว่าทีมของเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างเกมเนื้อเรื่องในแบบเดียวกับเกมดั้งเดิมมากกว่า ซึ่งเรามองว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากกว่าสำหรับเกม Mafia แต่เราก็ยังพอมีระบบต่างๆ ในเกมที่อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์เจ๋งๆ ที่ผู้เล่นไม่คาดฝันได้ อย่างเช่นระบบตำรวจ ที่ผู้เล่นอาจจะสามารถเล่นกับมันได้หลากหลายวิธี จนทำให้เกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นโดยไม่ตั้งใจได้ เรายังคงอยากจะให้เมืองของเกมมันมีชีวิตชีวา และสื่อถึงยุคสมัยของเกมได้จริงๆ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่อง Tommy (ตัวเอก) ก็ไม่ได้มีเวลามากพอจะมาทำตามคำขอของชาวเมืองงทั่วไปเช่นเดียวกัน เพราะเขาและแก๊งกำลังทำสงครามกับแก๊งคู่แข่งอยู่

 



ด้วยการมาถึงของยุคคอนโซลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนนี้ ทางค่าย Hangar 13 มีแผนสำหรับอนาคตเตรียมไว้บ้างหรือยัง แล้วซีรีส์ Mafia จะมีภาคต่อไปให้เราเห็นอีกไหม

 

 

HB: เราตื่นเต้นเสมอเวลาที่มีคอนโซลใหม่ๆ ให้เราได้พัฒนาเกม เพราะฉะนั้นเราจึงรอไม่ไหวที่จะได้สัมผัสกับคอนโซลเหล่านี้ด้วยตัวเองเช่นกัน ทุกวันนี้ทีมพัฒนาของเราก็นั่งคุยเรื่องความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะมาพร้อมกับคอนโซลรุ่นใหม่เหล่านี้กันตลอดเวลา ในส่วนของค่าย Hangar 13 เรากำลังมุ่งมั่นกับการพัฒนาเกม Definitive Edition ให้เสร็จ เพื่อที่จะได้หันไปพัฒนาเกม IP ใหม่ที่เรากล่าวถึงไปอย่างเต็มที่ ซึ่งเราจะขอประกาศในภายหลัง 

 

 

สำหรับเกมภาค D.E. นี้ ผมหวังว่าจะเป็นโอกาสให้แฟนๆ ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกสามารถสัมผัสกับซีรีส์ Mafia ได้ และอาจจะทำให้พวกเขาสนใจจะกลับไปเล่นเกมภาค 3 ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากจาก DLC ต่างๆ ที่เพิ่มเข้าไปหลังจากที่เกมวางจำหน่าย สำหรับอนาคตของซีรีส์ Mafia เรามีทีมพัฒนาหลายคนที่อยู่กับซีรีส์มาตั้งแต่เกมภาคแรก มั่นใจได้ว่าพวกเรากำลังมองหาเวลาเหมาะๆ ที่จะหวนสู่เนื้อเรื่องแนวมาเฟียที่เรารักอีกแน่นอน




Mafia: Definitive Edition จะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายนนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
สัมภาษณ์ผู้กำกับเกม Mafia: Definitive Edition "จุดเริ่มต้นใหม่ของเกมเจ้าพ่อรุ่นเก๋า"
24/07/2020

แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายในระดับเดียวกับเกมโลกเปิดหลายๆ เกมที่เกิดในยุคเดียวกัน โดยเฉพาะหลังการวางจำหน่ายของเกมภาคล่าสุดอย่าง Mafia III ที่ได้รับเสียงตอบรับไม่ดีนักทั้งจากนักวิจารณ์และผู้เล่น แต่เกม Mafia ภาคแรกก็ยังถือเป็นหนึ่งในเกมโลกเปิดรุ่นเก๋า ที่ยังคงมีกลุ่มแฟนที่เหนียวแน่นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของสื่อแนวมาเฟียไม่แพ้ผลงานในตำนานอย่าง The Godfather เลยทีเดียว

 

 

เกือบ 20 ปีหลังจากที่เกม Mafia ภาคแรกวางจำหน่ายไปในปี 2002 ล่าสุดทางผู้พัฒนา Hangar 13 ก็ได้คืนชีพเกม Mafia ภาคแรกขึ้นมากอีกครั้งในฐานะเกม Mafia: Definitive Edition ที่นำเอาเกมเจ้าพ่อยุคเก๋ามาเล่าใหม่ด้วยเทคโนโลยีของยุคปัจจุบัน พร้อมกับระบบเกมเพลย์ กราฟิก และบททีเขียนขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อเล่าเนื้อเรื่องของมาเฟียจำเป็น Tommy Angelo และการเอาตัวรอดบนหนทางมาเฟียของเขา

 

 

ก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายนนี้ ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้งค่ายพัฒนา Hangar 13 และผู้กำกับเกม Mafia: Definitive Edition คุณ Haden Blackman เพื่อพูดถึงรายละเอียดใหม่ๆ ที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในเกม พร้อมกับทิศทางในอนาคตของซีรีส์ Mafia ในยุคคอนโซลใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามานี้






ถือว่าห่างหายกันไปนานพอควรกับซีรีส์ Mafia ตั้งแต่ที่ภาค 3 วางจำหน่ายไปเมื่อปี 2016 ทำไมพวกคุณถึงคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะหวนคืนสู่ซีรีส์นี้

 

 

HB: หลังจากที่เราพัฒนาเนื้อหา DLC ทั้งหมดของเกม Mafia III เสร็จหมดแล้ว ทางทีมก็เริ่มต้นกระบวนการพัฒนาเกมสำหรับเกม IP ใหม่ที่เราอยากจะสร้างต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ว่ากว่าที่ไอเดียพื้นฐานของ IP ใหม่ที่ว่านั้นจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นมาก็คงใช้เวลาอีกซักพัก และเราก็มีสมาชิกทีมพัฒนาฝ่ายออกแบบศิลป์และฝ่ายออกแบบคัตซีนที่จะไม่มีอะไรทำกันไปอีกพักใหญ่ๆ เราเลยเริ่มมานั่งคิดกันว่าจะสามารถทำอะไรไปพลางๆ ในขณะที่กำลังพัฒนาไอเดียของ IP ใหม่ และหนึ่งในข้อเสนอของสมาชิกในทีมหลายคนก็คือการรีเมคเกม Mafia ภาคแรก เพราะเทคโนดลยีในการสร้างเกมก็เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ที่เกมดั้งเดิมวางจำหน่ายไป ซึ่งก็เปิดโอกาสให้เราสามารถเล่าเรื่องของเกมภาคแรกได้ในวิธีที่ดีขึ้น และทำให้โลกของเกมมีชีวิตมากขึ้น รวมไปถึงทำใหัการต่อสู้สนุกขึ้นด้วย เป็นความต้องการของสมาชิกทีมหลายคนที่อยู่กับซีรีส์นี้มาตั้งแต่ภาคแรก ที่อยากจะยกระดับเกมขึ้นมาให้เทียบเท่ามาตรฐานของเกมปัจจุบัน 

 

 

นอกจากกราฟิกของเกม ที่ทำออกมาได้สวยงามวมมาตรฐานของเกมยุคใหม่ มีองค์ประกอบใดอีกบ้างที่คุณมองว่าถูกปรับปรุงมากที่สุดในเกมภาครีเมค

 

 

HB: สำหรับผมมันคงมีสองข้อหลักๆ อย่างแรกคือเรื่องของเกมเพลย์ ในเกม Mafia ดั้งเดิม ภารกิจทุกด่านในเกมจะมีเกมเพลย์เฉพาะของตัวเอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่เราพยายามเก็บรักษาเอาไว้ในภาคใหม่ และยังมีระบบเกมเพลย์แปลกๆ ให้ลองสัมผัสมากมายตามเนื้อเรื่อง แต่เราก็พัฒนาระบบการยิงปืนอันเป็นแก่นของเกมเพลย์ด้วย ให้มันสามารถสื่อความรู้สึกของการเป็นคนขับแท๊กซี่ที่ต้องผันตัวเป็นนักเลงจำเป็น เราใช้ฐานเกมเพลย์แบบ Cover Based (เกมยิงปืนที่เน้นการใช้ที่กำบัง) มาจาก Mafia III และปรับให้มันเข้ากับตัวละครหลักมากขึ้น คุณไม่ได้เป็นทหารผ่านศึกเหมือน Lincoln ในเกมภาค 3 แล้ว ฉะนั้นเราจึงอยากให้คุณจำเป็นต้องใจเย็นและวางแผนมากขึ้นว่าเมื่อไหร่ควรหลบเข้าที่กำบัง หรือเมื่อไหร่ควรโผล่ขึ้นมายิง เป็นองค์ประกอบที่ทีมพัฒนาใส่ใจมากๆ แน่นอนว่าด้วยยุคสมัยที่ต่างกัน อาวุธที่คุณใช้ก็จะต่างจาก Mafia III ด้วย ซึ่งก็เป็นรายละเอียดที่เราให้ความสำคัญ เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างเกม D.E. และ Mafia III

 

 

 



อีกข้อปรับปรุงใหญ่ในภาครีเมคคือด้านการเล่าเรื่อง และการแสดงโดยรวม เนื้อเรื่องของเกมในภาพกว้างจะยังเหมือนเดิม ภารกิจที่คุณเล่นและเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในเนื้อเรื่องก็จะยังเหมือนภาคดั้งเดิม แต่เราก็อยากจะใช้เวลาไปกับการพัฒนาตัวละครอื่นๆ รอบตัวพระเอกด้วย เพื่อทำให้ผู้เล่นเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของตัวเอก Tommy รวมไปถึงตัวละครรอบๆ ตัวเขาก็ถูกสำรวจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้การเล่าเรื่องโดยรวมถูกยกระดับขึ้นมาทัดเทียบกับมาตรฐานของเกมปัจจุบัน

 

 

พูดกันตามตรง ผมยังคงเชื่อว่าเกม Mafia ภาคดั้งเดิมถือเป็นเกมชั้นนำในแง่ของการเล่าเรื่องในยุคที่วางจำหน่าย แต่ตั้งแต่ตอนนั้นมา วงการเกมโดยรวมก็เปลี่ยนไปมาก และเราในฐานะผู้พัฒนาก็มีฝีมือในการเล่าเรื่องได้ดีกว่าสมัยก่อนเยอะ เราให้ความสำคัญกับการแสกนหน้านักแสดงและการ Motion Capture มาก ซึ่งทั้งหมดทำโดยเทคโนโลยีที่เราพัฒนาเองภายในค่าย รวมไปถึงระบบแสงสีใหม่ ที่พัฒนายิ่งกว่าในเกม Mafia III อีกด้วย

 

 

เกมภาครีเมคนี้จะมีความใกล้เคียงกับภาคดั้งเดิมแค่ไหน ผู้เล่นจะยังต้องระวังตำรวจจราจรอยู่หรือเปล่า

 

 

HB: ระบบตำรวจจราจรจะยังอยู่ในเกมแน่นอน ความตั้งใจอย่างหนึ่งของเราในการสร้างเกมนี้ คือการพยายามคงจิตวิญญาณของเกมภาคดั้งเดิมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด หากมันมีอะไรที่เรารู้สึกว่าเราปรับปรุงให้ดีขึ้นไม่ได้ เราก็เลือกจะปล่อยให้มันเป็นเหมือนเดิมดีแล้ว ไม่งั้นก็ยกให้ผู้เล่นเป็นคนตัดสินใจว่าอยากให้มีระบบนั้นๆ ไหม เช่นถ้าคุณเล่นเกมด้วยค่าพื้นฐาน การต่อสู้ก็อาจจะท้าทายขึ้นมาหน่อย และบังคับให้คุณต้องใช้ความคิด แต่ถ้าคุณแค่อยากจะสัมผัสเนื้อเรื่อง มันก็มีระดับความยากที่สามารถปรับให้คุณผ่านการต่อสู้เหล่านั้นไปได้ง่ายๆ หรือถ้ากลับกัน คุณอยากให้เกมเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายมากๆ ก็สามารถปรับได้เช่นเดียวกัน

 

 

ระบบตำรวจจราจรในเกมก็เช่นกัน ตำรวจอาจจะสามารถไล่จับคุณด้วยข้อหาทางจราจรได้ เช่นการขับเกินกำหนดความเร็ว หรือการไม่สนใจป้ายจราจร ซึ่งทั้งหมดนั้นยังมีอยู่ในเกม แต่จะเปิดหรือปิดก็ได้ตามใจผู้เล่น เพราะเราอยากให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ Mafia ที่เขาต้องการมากกว่า

 

 

เกม Mafia ภาคดั้งเดิมมักจะถูกจดจำในฐานะเกมเน้นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดำเนินไปเป็นเส้นตรง แม้ว่าตัวเกมเองจะเป็นแนว Open World ก็ตาม คุณได้ทำอะไรเพื่อกลบจุดอ่อนตรงนี้บ้างไหม หรือคุณไม่ได้มองว่ามันเป็นจุดอ่อนตั้งแต่ต้น

 

 

HB: ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นจุดอ่อนที่ต้องกลบนะ เพราะความตั้งใจของเราตั้งแต่ต้นก็คือการคงไว้ซึ่งตัวตนของเกมดั้งเดิม ที่ก็มีลักษณะเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปเป็นเส้นตรงตามที่ว่า และเกม Definitive Edition ก็ยังเป็นแบบนั้น แน่นอนว่าคุณก็ยังสามารถสำรวจเมืองของเกมแบบโลกเปิดได้ถ้าคุณต้องการ แต่ทีมพัฒนาเลือกที่จะทุ่มเวลาและความตั้งใจลงไปกับการเล่าเนื้อเรื่องของเกมให้ดีที่สุดที่จะทำได้ และทำให้ภารกิจต่างๆ ของเกมมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ภารกิจทั้งหมดในเกมได้ถูกปรับปรุงไปอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่อยากสำรวจก็ยังสามารถทำได้ และมีความลับรอให้คุณค้นพบมากมายแน่นอน

 

คุณได้ใช้เกม Open World เกมอื่นๆ ที่วางจำหน่ายออกมาในช่วงไม่กี่ปีนี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเกมภาค D.E. บ้างไหม นอกจากพื้นฐานเกมเพลย์ของ Mafia III ที่กล่าวมา

 

 

HB: สิ่งแรกที่เราทำในการหาแรงบันดาลใจสำหรับเกมภาค D.E. คือการมองกลับไปที่ข้อดีและข้อด้อยของเกมภาคก่อนๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และแน่นอนว่าเราก็พยายามจะทำให้ข้อดีมันดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และพยายามกลบข้อด้อยจากเกมภาคก่อนๆ ไปด้วย แล้วเราก็ย้อนกลับไปดูภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในยุคนั้น หรือที่นำเสนอภาพของยุคนั้นได้ดี แน่นอนว่าเรื่อง The Godfather ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจดั้งเดิมของเกมภาคแรกก็รวมอยู่ในนั้น เราต้องศึกษาว่าผู้คนในยุคนั้นแต่งตัวอย่างไร ใช้ภาษาอย่างไร เพราะเราอยากจะทำให้ทุกอย่างมันสมจริงตามยุคสมัยนั้นให้ได้มากที่สุด

 

 



แต่นอกเหนือไปจากแรงบันดาลใจจากสื่อแนวมาเฟียตรงๆ เราในฐานะเกมเมอร์ก็มองหาแรงบันดาลใจจากเกมที่เราเล่นเองด้วยเช่นกัน อย่างผมเป็นคนที่ชอบเกม Assassin’s Creed มากๆ ผมก็มักจะคอยสังเกติว่าพวกเขาใส่องค์ประกอบอะไรลงไปในเกมบ้าง ที่ทำให้เกมของพวกเขารู้สึกสมจริงตามยุคสมัยนั้นๆ หรือเกมอื่นๆ ทั้ง Bioshock และ Skyrim ที่ต่างก็เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมในแบบของตัวเอง ที่เราใช้เป็นต้นแบบสำหรับองค์ประกอบใดองค์ปะกอบหนึ่งในเกม แม้ว่าตัวเกมเหล่านี้จะไม่เหมือนเกมที่เราพยายามจะสร้างกันอยู่เลยก็ตาม

 

 

ในเกมภาค 2 และ 3 มีการสอดใส่ Easter Egg จากเกมภาคแรกเข้าไปให้แฟนๆ ได้ค้นหากันมากมาย แล้วในเกมภาค D.E. จะยังมี Easter Egg จากเกมเหล่านี้อยู่ด้วยไหม แม้ว่าตามหลักแล้วจะเกิดขึ้นก่อนหน้าภาค 2 และ 3

 

 

HB: แน่นอนอยู่แล้ว จริงๆ แล้วข้อดีอย่างหนึ่งของการสร้างเกมนี้ คือการที่เราสามารถนำเกมทั้งสามภาคมาต่อเรียงเป็นไทม์ไลน์เดียวกันได้ ในเกมภาค D.E. จะมีการเอ่ยถึงทั้งตัวละครและตระกูลมาเฟียจากเกมภาค 2 และ 3 ให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ผมไม่อยากสปอยอะไรมาก แต่ตอนจบของเกมภาค D.E. ก็จะสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาค 2 ด้วย ซึ่งผมคิดว่าแฟนๆ ของเกมภาค 2 น่าจะเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร เราอยากจะสร้างความรู้สึกว่าเรื่องราวของเกมทั้งสามภาคมันอยู่ในจักรวาลเดียวกัน ตระกูลมาเฟียจากเกมทั้งสามภาคต่างมีตัวตนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ฉะนั้นเกมภาค D.E. จึงจะมีรายละเอียดเหล่านี้เยอะมากๆ และจะมี Easter Egg อื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้อิงช่วงเวลาของเกมมากนัก เช่นเหล่าการ์ดบุหรี่ (Cigarette Card) ลายเจ้าพ่อมาเฟียชื่อดัง ไปจนถึงปกหนังสือการ์ตูนที่อาจจะแสเง Easter Egg ที่ไม่ได้อิงไทม์ไลน์ของเกม เช่นปกหนังสือการ์ตูนอันโปรดของผม ที่เป็นภาพตัวเอกของเกมทั้งสามภาค (Tommy, Vito, Lincoln) ออกบู๊พร้อมๆ กัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในโลกของเกม แต่เราก็เชื่อว่าแฟนๆ น่าจะชอบกัน

 

 

เมือง Lost Heaven ของเกมสร้างมาอย่างสวมงามมากๆ แต่ผู้เล่นจะสามารถคาดหวังให้เมืองมีชีวิตชีวาได้แค่ไหน เหล่าผู้คนในเกมจะมีชีวิตประจำวันของตัวเองเหมือนในเกมอย่าง Red Dead Redemption 2 หรือไม่ 

 

 

HB: ต้องบอกว่าทีมของเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างเกมเนื้อเรื่องในแบบเดียวกับเกมดั้งเดิมมากกว่า ซึ่งเรามองว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากกว่าสำหรับเกม Mafia แต่เราก็ยังพอมีระบบต่างๆ ในเกมที่อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์เจ๋งๆ ที่ผู้เล่นไม่คาดฝันได้ อย่างเช่นระบบตำรวจ ที่ผู้เล่นอาจจะสามารถเล่นกับมันได้หลากหลายวิธี จนทำให้เกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นโดยไม่ตั้งใจได้ เรายังคงอยากจะให้เมืองของเกมมันมีชีวิตชีวา และสื่อถึงยุคสมัยของเกมได้จริงๆ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าว่ากันตามเนื้อเรื่อง Tommy (ตัวเอก) ก็ไม่ได้มีเวลามากพอจะมาทำตามคำขอของชาวเมืองงทั่วไปเช่นเดียวกัน เพราะเขาและแก๊งกำลังทำสงครามกับแก๊งคู่แข่งอยู่

 



ด้วยการมาถึงของยุคคอนโซลใหม่ในอีกไม่กี่เดือนนี้ ทางค่าย Hangar 13 มีแผนสำหรับอนาคตเตรียมไว้บ้างหรือยัง แล้วซีรีส์ Mafia จะมีภาคต่อไปให้เราเห็นอีกไหม

 

 

HB: เราตื่นเต้นเสมอเวลาที่มีคอนโซลใหม่ๆ ให้เราได้พัฒนาเกม เพราะฉะนั้นเราจึงรอไม่ไหวที่จะได้สัมผัสกับคอนโซลเหล่านี้ด้วยตัวเองเช่นกัน ทุกวันนี้ทีมพัฒนาของเราก็นั่งคุยเรื่องความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะมาพร้อมกับคอนโซลรุ่นใหม่เหล่านี้กันตลอดเวลา ในส่วนของค่าย Hangar 13 เรากำลังมุ่งมั่นกับการพัฒนาเกม Definitive Edition ให้เสร็จ เพื่อที่จะได้หันไปพัฒนาเกม IP ใหม่ที่เรากล่าวถึงไปอย่างเต็มที่ ซึ่งเราจะขอประกาศในภายหลัง 

 

 

สำหรับเกมภาค D.E. นี้ ผมหวังว่าจะเป็นโอกาสให้แฟนๆ ที่ไม่เคยเล่นภาคแรกสามารถสัมผัสกับซีรีส์ Mafia ได้ และอาจจะทำให้พวกเขาสนใจจะกลับไปเล่นเกมภาค 3 ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากจาก DLC ต่างๆ ที่เพิ่มเข้าไปหลังจากที่เกมวางจำหน่าย สำหรับอนาคตของซีรีส์ Mafia เรามีทีมพัฒนาหลายคนที่อยู่กับซีรีส์มาตั้งแต่เกมภาคแรก มั่นใจได้ว่าพวกเรากำลังมองหาเวลาเหมาะๆ ที่จะหวนสู่เนื้อเรื่องแนวมาเฟียที่เรารักอีกแน่นอน




Mafia: Definitive Edition จะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายนนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header