GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
รีวิว Control เกม Action ไซไฟพลังจิต กับเนื้อเรื่องที่ติสแตก
ลงวันที่ 05/09/2019

ออกมาแล้วหลังจากห่างหายไปนานกว่า 3 ปีกับค่ายเกมชื่อกระฉ่อนอย่าง Remedy Entertainment ค่ายที่เคยฝากฝังเกมชื่อมาแล้วอย่าง Max Payne 1 - 2, Alan Wake และ Quantum Break โดยครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับเกมใหม่ Control ภายใต้ผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่าง 505 Games หลังจากที่จากลากับทาง Microsoft ไป ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ในทุกท่านได้ทราบกันครับว่า Control จะยอดเยี่ยมเท่ากับเกมรุ่นพี่ที่เคยออกมาได้หรือไม่ ?

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Control




เนื้อเรื่อง


Control จะเล่าเรื่องราวของสาวแกร่งคนหนึ่งนามว่า Jesse Faden ที่ได้รับตำแหน่งให้มาเป็น Director ขององค์กร Federal Bureau of Control (FBC) หน่วยงานลับของรัฐบาลที่คอยจัดการเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่บังเอิญภายในหน่วยงานนี้เองก็ถูกศัตรูลึกลับนามว่า The Hiss เข้าโจมตีในอาคาร จึงทำให้วันแรกที่ทำงานเรานั้นจะต้องแก้ไขสถานการณ์เพื่อฟื้นฟูองค์กรให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง, หาสาเหตุปริศนาของพลังเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น รวมถึงเสาะหาน้องชายของเขาที่สมัยเด็กได้ถูกพาเข้ามาในนี้แล้วหายตัวไป



โดยสไตล์การเล่าเรื่องของเกมนี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันมีความแปลกใหม่ในการนำเสนอมากๆ ตัวเนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน รวมถึงในช่วงเริ่มต้นเองเราอาจจะยังไม่สามารถจับต้นชนปลายถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องหาตามหาอ่านเรื่องราวตามเอกสาร รวมถึงภายในเรื่องถ้าเล่นไปเรื่อยๆ มันก็จะค่อยๆ เผยรายละเอียดทีละนิด โดยในช่วงแรกๆ ตัวเกมมีปริศนาเยอะมาก เนื่องจากการเล่าเรื่องที่ต้องใช้การตีความ มีกลิ่นอายในความติสแตกเหมือนหนังของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนยุคแรกๆ ยังไงอย่างงั้น แต่ข้อดีคือพอถึงบทสรุปตัวเกมก็เฉลยปมต่างๆ ได้และเคลียดี



แต่ข้อเสียของการดำเนินเรื่องแนวนี้คือ ถ้าคนที่ชอบก็คือชอบไปเลย แต่ถ้าคนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย เพราะการเล่าเรื่องมันไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่กินง่ายเหมือนเกมอื่น ยิ่งตัวเกมเป็นแนวไซ-ไฟ ที่จะมีศัพท์เทคนิคเข้าใจยากอยู่แล้ว ไหนจะมีปมต่างๆ อีกหลายทบ ไอ้ความติสนี่แหละมันทำให้บางครั้งเราอาจจะตามเนื้อเรื่องไม่ทัน ผิดกับเกมก่อนหน้าอย่าง Quantum Break ที่ต่อให้เป็นแนวไซ-ไฟเหมือนกัน มีศัพท์เทคนิคคล้ายกัน แต่ตัวเนื้อเรื่องเองก็ดำเนินได้ไม่ซับซ้อน มีความซื่อตรงกว่าทำให้เข้าใจง่ายมากกว่า






กราฟิก


กราฟิกของ Control นั้นต้องชมในเรื่องของแสงเงาที่ผู้พัฒนาใส่ใจรายละเอียดตรงนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากในเวอร์ชั่น PC ของเกมนี้รองรับระบบ Ray Tracing อีกด้วย ตัวกราฟิกเอกก็สวยตามยุคสมัย แต่ธีมของเกมนี้จะเน้นความลึกลับมากกว่าหลายๆ เกม มันจะมีกลิ่นอายความเป็น Psycho อยู่หน่อยๆ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลย



แต่สิ่งที่รู้สึกผิดหวังก็อาจจะเป็นโมเดลของตัวละครที่รู้สึกว่าจะดรอปกว่าเกมก่อนหน้าอย่าง Quantum Break เป็นอย่างมาก มีความรู้สึกว่าคุณภาพของ Motion Capture ของ Control จะดูด้อยกว่าหน่อยๆ รวมถึงฉากคัทซีนต่างๆ ของเกมนี้ก็จะดูน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และจะเน้นเพียงแค่การที่ NPC ยืนคุยกับเราง่อยๆ เท่านั้น ซึ่งเดาได้ว่างบในการสร้างอาจจะไม่เยอะเท่ากับ Quantum Break ก็เป็นได้เพราะ Microsoft น่าจะมีทุนที่เยอะกว่า 505 Games

รวมถึงสิ่งที่ไม่ชอบเลยก็คือ Performance ของเกมทำออกมาได้ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไร ในเวอร์ชั่น PC เพราะคอมพิวเตอร์ที่ผู้เขียนเล่นนั้นก็แรงในระดับหนึ่ง i7 Gen 8 + 1070 แต่จะต้องปรับ Low หรือเรนเดอร์โมเดลให้ถึง 1080p ไม่ค่อยจะได้ เพราะมันจะเกิดอาการหน่วงๆ เฟรมดรอปลงมาจนน่ารำคาญหลายครั้ง






เกมเพลย์


ตัวเกมเพลย์ของ Control เองก็ต้องบอกเลยว่ามันก็จะยังคงความเป็นเกมค่าย Remedy อยู่ ที่จะเป็นเกมแนวเดินหน้ายิง บวกกับความสามารถของตัวละครต่างๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มความสนุกให้มากยิ่งขึ้น แต่ความสามารถของตัวละครเอกก็จะแตกต่างตามธีมของเกมไป ซึ่งเกมนี้มีธีมเกี่ยวกับปรากฏการลึกลับเหนือธรรมชาติ มีความเป็นไซ-ไฟบวกอารมณ์ผีสางอยู่หน่อยๆ จึงทำให้ Jesse มีความสามารถในการใช้พลังจิตเป็นหลัก สามารถลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างอิสระ มีพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุเพื่อใช้โจมตีศัตรูต่างๆ นาๆ



ปืนที่เราใช้ก็จะเป็น Service Weapon ปืนมีชีวิตที่จะ Reload กระสุนให้เอง ซึ่งเราสามารถเก็บวัตถุดิบต่างๆ เพื่อหาของมาอัพเกรดเปลี่ยนสไตล์ของปืนได้ให้เป็นปืนกล หรือปืนชาร์จยิงบลาๆ รวมถึงเรายังสามารถที่ใส่ MOD เพื่อเพิ่ม Passive ให้กับปืนของเราได้อีกด้วย แต่วัตถุดิบที่มีให้ไม่เยอะ เราก็อาจจะเลือกใช้และเลือกอัพเกรดว่าเราอยากจะเล่นสไตล์ไหน เพราะว่าต่อให้ปืนมีรูปแบบเยอะยังไง เราก็ใส่ได้เพียงแค่ 2 แบบ



สไตล์เพลย์เกมนี้จะมีความ Run and Gun มากพอสมควร ที่จะทำให้สปีดของเกมมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และจุดเด่นของ Control ที่ไม่เหมือนเกมอื่นๆ ก็น่าจะเป็นความยากของเกมที่ศัตรูมีความโหดเหียมกว่าหลายๆ เกมที่ผ่านมา ความยากระดับพอๆ กับเกม Max Payne เลยก็ว่าได้ ที่เราอาจจะโดนศัตรูยิงไม่กี่ทีก็ลงไปกอง รวมถึงเหล่าศัตรูเองก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่ภาคพื้นดิน มันจะมีบางตัวที่ลอยได้วนเวียนไล่ฆ่าเราทุกทิศทาง



ถึงอย่างนั้นใช่ว่าตัวเกมจะไม่มีข้อเสีย เพราะต่อให้เกมนี้จะมีระบบความสามารถที่แปลกใหม่ให้เราได้เล่น แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกตัวผู้เขียนกลับคิดว่ามันมีความหลากหลาย และความว้าวน้อยกว่าเกมก่อนหน้า Quantum Break อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าเกมนี้จะมีจุดเด่นในเรื่องของการเปลี่ยนสไตล์ปืนหรือการใส่ Passive ถึงอย่างนั้นแรงจูงใจของมันก็ไม่เร้าใจพอ เพราะว่าสิ่งที่มันจะมาเพิ่มความว้าวของเราก็คือสกิลใหม่ๆ ที่ได้ลองเล่น และมีผลต่อเกมการต่อสู้มากๆ ซึ่งเกมนี้ต่อให้มีสกิลใหม่ๆ มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบในการผ่านด่านแต่นั้น อย่างเช่นระบบการบินที่เราไม่สามารถจะไปบินยิงซึ่งๆ หน้ากับศัตรูได้เลย เพราะดาเมจที่ได้รับมันหนักหนาเกินไป ผิดกับ Quantum Break ที่จะมีสกิลสโลว์เวลาให้เราวิ่งเข้าถึงศัตรูอย่างรวดเร็วและ Takedown ศัตรูเป็นต้น



พร้อมทั้งการโจมตีบางอย่างมันก็จะดู Over Power เกินไปหน่อย อย่างสกิลพลังจิตที่เราจะสามารถยกของไปโจมตีศัตรูได้ ซึ่งแรกๆ มันก็ท้าทายเพราะสกิลเราไม่แรงเท่าไร แต่พออัพเกรดไประดับสูง ตัว Service Weapon ก็กลายเป็นอาวุธรองไปเลย เพราะเราสามารถใช้พลังจิตโจมตีศัตรูไม่กี่ทีก็ลงไปนอนแล้ว ตัวปืนเป็นส่วนประกอบที่จะทำเพียงแค่ลดดาเมจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรอคูลดาวน์พลังจิตเท่านั้น






สรุป


Control ก็ยังเป็นเกมที่มีสูตรสำเร็จและแนวเกมที่ถนัดของค่าย Remedy เช่นเดิม แต่ก็ปรับเปลี่ยนในเรื่องของธีมเกมและการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง และซับซ้อนขึ้นไปอีก เหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อเรื่องที่ต้องใช้การตีความต่างๆ นาๆ มีปริศนาและปมให้เราติดตาม และมาตบเนื้อเรื่องสุดเซอร์ไพร์สในตอนท้าย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เหมือนดาบสองคมที่ตัวเกมอาจจะต้องใช้ความสามารถในการอ่านและตีความเยอะๆ เพื่อที่จะได้ตามและเข้าใจในการนำเสนอของเกมที่มีการเล่าเรื่องแบบติสๆ งานอาร์ทเยอะๆ แบบนี้



ส่วนในเรื่องของเกมเพลย์ก็ยังทำออกมาได้ดีถ้าหากใครที่ไม่คิดมากในเรื่องนีก็อาจจะเล่นได้เพลินจนจบเกม แต่เสียดายที่ส่วนตัวอยากให้เกมมีความหลากหลายมากกว่านี้ รวมถึงตัวเกมมีการลดสเกลการสร้างในหลายๆ ส่วน (หรืออาจจะเป็นการจงใจก็ได้)  จึงทำให้เกมนี้อาจจะมีติดๆ ขัดๆ ในเรื่องความคิดสำหรับผู้เขียนที่เล่นเกมของค่ายนี้เป็นประจำ และเกม Quantum Break ทำเอาไว้ดีมาก แต่ Control ยังไม่สามารถที่จะก้าวผ่านความยอดเยี่ยมนี้ไปได้ซักเท่าไร อาจจะเป็นในเรื่องปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่เอื้ออำนวยก็เป็นได้



 

แต่ถามว่ามันแย่ขนาดนั้นไหมก็ไม่ใช่ เพราะยังไงนี่มันก็เป็นเกมที่ดีและอยู๋ในเกณฑ์ของความสนุกเหมือนเดิม ยังสามารถเล่นได้เพลินๆ และติดพันกับมันจนจบเกมได้อย่างสบายๆ เหมาะสมกับราคาของเกมที่สบายประเป๋า ที่ตัวเกมวางจำหน่ายเพียงแค่ 699 บาทเท่านั้น ซึ่งคุณจะสามารถเต็มอิ่มกับเกมได้มากกว่า 8-10 ชั่วโมง อย่างสบายๆ

[penci_review id="27913"]

7
ข้อดี
ข้อเสีย
7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิว Control เกม Action ไซไฟพลังจิต กับเนื้อเรื่องที่ติสแตก
05/09/2019

ออกมาแล้วหลังจากห่างหายไปนานกว่า 3 ปีกับค่ายเกมชื่อกระฉ่อนอย่าง Remedy Entertainment ค่ายที่เคยฝากฝังเกมชื่อมาแล้วอย่าง Max Payne 1 - 2, Alan Wake และ Quantum Break โดยครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับเกมใหม่ Control ภายใต้ผู้จัดจำหน่ายรายใหม่อย่าง 505 Games หลังจากที่จากลากับทาง Microsoft ไป ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ในทุกท่านได้ทราบกันครับว่า Control จะยอดเยี่ยมเท่ากับเกมรุ่นพี่ที่เคยออกมาได้หรือไม่ ?

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Control




เนื้อเรื่อง


Control จะเล่าเรื่องราวของสาวแกร่งคนหนึ่งนามว่า Jesse Faden ที่ได้รับตำแหน่งให้มาเป็น Director ขององค์กร Federal Bureau of Control (FBC) หน่วยงานลับของรัฐบาลที่คอยจัดการเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่บังเอิญภายในหน่วยงานนี้เองก็ถูกศัตรูลึกลับนามว่า The Hiss เข้าโจมตีในอาคาร จึงทำให้วันแรกที่ทำงานเรานั้นจะต้องแก้ไขสถานการณ์เพื่อฟื้นฟูองค์กรให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง, หาสาเหตุปริศนาของพลังเหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น รวมถึงเสาะหาน้องชายของเขาที่สมัยเด็กได้ถูกพาเข้ามาในนี้แล้วหายตัวไป



โดยสไตล์การเล่าเรื่องของเกมนี้ก็ต้องบอกเลยว่ามันมีความแปลกใหม่ในการนำเสนอมากๆ ตัวเนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน รวมถึงในช่วงเริ่มต้นเองเราอาจจะยังไม่สามารถจับต้นชนปลายถูกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องหาตามหาอ่านเรื่องราวตามเอกสาร รวมถึงภายในเรื่องถ้าเล่นไปเรื่อยๆ มันก็จะค่อยๆ เผยรายละเอียดทีละนิด โดยในช่วงแรกๆ ตัวเกมมีปริศนาเยอะมาก เนื่องจากการเล่าเรื่องที่ต้องใช้การตีความ มีกลิ่นอายในความติสแตกเหมือนหนังของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนยุคแรกๆ ยังไงอย่างงั้น แต่ข้อดีคือพอถึงบทสรุปตัวเกมก็เฉลยปมต่างๆ ได้และเคลียดี



แต่ข้อเสียของการดำเนินเรื่องแนวนี้คือ ถ้าคนที่ชอบก็คือชอบไปเลย แต่ถ้าคนไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย เพราะการเล่าเรื่องมันไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่กินง่ายเหมือนเกมอื่น ยิ่งตัวเกมเป็นแนวไซ-ไฟ ที่จะมีศัพท์เทคนิคเข้าใจยากอยู่แล้ว ไหนจะมีปมต่างๆ อีกหลายทบ ไอ้ความติสนี่แหละมันทำให้บางครั้งเราอาจจะตามเนื้อเรื่องไม่ทัน ผิดกับเกมก่อนหน้าอย่าง Quantum Break ที่ต่อให้เป็นแนวไซ-ไฟเหมือนกัน มีศัพท์เทคนิคคล้ายกัน แต่ตัวเนื้อเรื่องเองก็ดำเนินได้ไม่ซับซ้อน มีความซื่อตรงกว่าทำให้เข้าใจง่ายมากกว่า






กราฟิก


กราฟิกของ Control นั้นต้องชมในเรื่องของแสงเงาที่ผู้พัฒนาใส่ใจรายละเอียดตรงนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากในเวอร์ชั่น PC ของเกมนี้รองรับระบบ Ray Tracing อีกด้วย ตัวกราฟิกเอกก็สวยตามยุคสมัย แต่ธีมของเกมนี้จะเน้นความลึกลับมากกว่าหลายๆ เกม มันจะมีกลิ่นอายความเป็น Psycho อยู่หน่อยๆ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลย



แต่สิ่งที่รู้สึกผิดหวังก็อาจจะเป็นโมเดลของตัวละครที่รู้สึกว่าจะดรอปกว่าเกมก่อนหน้าอย่าง Quantum Break เป็นอย่างมาก มีความรู้สึกว่าคุณภาพของ Motion Capture ของ Control จะดูด้อยกว่าหน่อยๆ รวมถึงฉากคัทซีนต่างๆ ของเกมนี้ก็จะดูน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และจะเน้นเพียงแค่การที่ NPC ยืนคุยกับเราง่อยๆ เท่านั้น ซึ่งเดาได้ว่างบในการสร้างอาจจะไม่เยอะเท่ากับ Quantum Break ก็เป็นได้เพราะ Microsoft น่าจะมีทุนที่เยอะกว่า 505 Games

รวมถึงสิ่งที่ไม่ชอบเลยก็คือ Performance ของเกมทำออกมาได้ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไร ในเวอร์ชั่น PC เพราะคอมพิวเตอร์ที่ผู้เขียนเล่นนั้นก็แรงในระดับหนึ่ง i7 Gen 8 + 1070 แต่จะต้องปรับ Low หรือเรนเดอร์โมเดลให้ถึง 1080p ไม่ค่อยจะได้ เพราะมันจะเกิดอาการหน่วงๆ เฟรมดรอปลงมาจนน่ารำคาญหลายครั้ง






เกมเพลย์


ตัวเกมเพลย์ของ Control เองก็ต้องบอกเลยว่ามันก็จะยังคงความเป็นเกมค่าย Remedy อยู่ ที่จะเป็นเกมแนวเดินหน้ายิง บวกกับความสามารถของตัวละครต่างๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มความสนุกให้มากยิ่งขึ้น แต่ความสามารถของตัวละครเอกก็จะแตกต่างตามธีมของเกมไป ซึ่งเกมนี้มีธีมเกี่ยวกับปรากฏการลึกลับเหนือธรรมชาติ มีความเป็นไซ-ไฟบวกอารมณ์ผีสางอยู่หน่อยๆ จึงทำให้ Jesse มีความสามารถในการใช้พลังจิตเป็นหลัก สามารถลอยขึ้นไปในอากาศได้อย่างอิสระ มีพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุเพื่อใช้โจมตีศัตรูต่างๆ นาๆ



ปืนที่เราใช้ก็จะเป็น Service Weapon ปืนมีชีวิตที่จะ Reload กระสุนให้เอง ซึ่งเราสามารถเก็บวัตถุดิบต่างๆ เพื่อหาของมาอัพเกรดเปลี่ยนสไตล์ของปืนได้ให้เป็นปืนกล หรือปืนชาร์จยิงบลาๆ รวมถึงเรายังสามารถที่ใส่ MOD เพื่อเพิ่ม Passive ให้กับปืนของเราได้อีกด้วย แต่วัตถุดิบที่มีให้ไม่เยอะ เราก็อาจจะเลือกใช้และเลือกอัพเกรดว่าเราอยากจะเล่นสไตล์ไหน เพราะว่าต่อให้ปืนมีรูปแบบเยอะยังไง เราก็ใส่ได้เพียงแค่ 2 แบบ



สไตล์เพลย์เกมนี้จะมีความ Run and Gun มากพอสมควร ที่จะทำให้สปีดของเกมมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และจุดเด่นของ Control ที่ไม่เหมือนเกมอื่นๆ ก็น่าจะเป็นความยากของเกมที่ศัตรูมีความโหดเหียมกว่าหลายๆ เกมที่ผ่านมา ความยากระดับพอๆ กับเกม Max Payne เลยก็ว่าได้ ที่เราอาจจะโดนศัตรูยิงไม่กี่ทีก็ลงไปกอง รวมถึงเหล่าศัตรูเองก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่ภาคพื้นดิน มันจะมีบางตัวที่ลอยได้วนเวียนไล่ฆ่าเราทุกทิศทาง



ถึงอย่างนั้นใช่ว่าตัวเกมจะไม่มีข้อเสีย เพราะต่อให้เกมนี้จะมีระบบความสามารถที่แปลกใหม่ให้เราได้เล่น แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกตัวผู้เขียนกลับคิดว่ามันมีความหลากหลาย และความว้าวน้อยกว่าเกมก่อนหน้า Quantum Break อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าเกมนี้จะมีจุดเด่นในเรื่องของการเปลี่ยนสไตล์ปืนหรือการใส่ Passive ถึงอย่างนั้นแรงจูงใจของมันก็ไม่เร้าใจพอ เพราะว่าสิ่งที่มันจะมาเพิ่มความว้าวของเราก็คือสกิลใหม่ๆ ที่ได้ลองเล่น และมีผลต่อเกมการต่อสู้มากๆ ซึ่งเกมนี้ต่อให้มีสกิลใหม่ๆ มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบในการผ่านด่านแต่นั้น อย่างเช่นระบบการบินที่เราไม่สามารถจะไปบินยิงซึ่งๆ หน้ากับศัตรูได้เลย เพราะดาเมจที่ได้รับมันหนักหนาเกินไป ผิดกับ Quantum Break ที่จะมีสกิลสโลว์เวลาให้เราวิ่งเข้าถึงศัตรูอย่างรวดเร็วและ Takedown ศัตรูเป็นต้น



พร้อมทั้งการโจมตีบางอย่างมันก็จะดู Over Power เกินไปหน่อย อย่างสกิลพลังจิตที่เราจะสามารถยกของไปโจมตีศัตรูได้ ซึ่งแรกๆ มันก็ท้าทายเพราะสกิลเราไม่แรงเท่าไร แต่พออัพเกรดไประดับสูง ตัว Service Weapon ก็กลายเป็นอาวุธรองไปเลย เพราะเราสามารถใช้พลังจิตโจมตีศัตรูไม่กี่ทีก็ลงไปนอนแล้ว ตัวปืนเป็นส่วนประกอบที่จะทำเพียงแค่ลดดาเมจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อรอคูลดาวน์พลังจิตเท่านั้น






สรุป


Control ก็ยังเป็นเกมที่มีสูตรสำเร็จและแนวเกมที่ถนัดของค่าย Remedy เช่นเดิม แต่ก็ปรับเปลี่ยนในเรื่องของธีมเกมและการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง และซับซ้อนขึ้นไปอีก เหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อเรื่องที่ต้องใช้การตีความต่างๆ นาๆ มีปริศนาและปมให้เราติดตาม และมาตบเนื้อเรื่องสุดเซอร์ไพร์สในตอนท้าย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เหมือนดาบสองคมที่ตัวเกมอาจจะต้องใช้ความสามารถในการอ่านและตีความเยอะๆ เพื่อที่จะได้ตามและเข้าใจในการนำเสนอของเกมที่มีการเล่าเรื่องแบบติสๆ งานอาร์ทเยอะๆ แบบนี้



ส่วนในเรื่องของเกมเพลย์ก็ยังทำออกมาได้ดีถ้าหากใครที่ไม่คิดมากในเรื่องนีก็อาจจะเล่นได้เพลินจนจบเกม แต่เสียดายที่ส่วนตัวอยากให้เกมมีความหลากหลายมากกว่านี้ รวมถึงตัวเกมมีการลดสเกลการสร้างในหลายๆ ส่วน (หรืออาจจะเป็นการจงใจก็ได้)  จึงทำให้เกมนี้อาจจะมีติดๆ ขัดๆ ในเรื่องความคิดสำหรับผู้เขียนที่เล่นเกมของค่ายนี้เป็นประจำ และเกม Quantum Break ทำเอาไว้ดีมาก แต่ Control ยังไม่สามารถที่จะก้าวผ่านความยอดเยี่ยมนี้ไปได้ซักเท่าไร อาจจะเป็นในเรื่องปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่เอื้ออำนวยก็เป็นได้



 

แต่ถามว่ามันแย่ขนาดนั้นไหมก็ไม่ใช่ เพราะยังไงนี่มันก็เป็นเกมที่ดีและอยู๋ในเกณฑ์ของความสนุกเหมือนเดิม ยังสามารถเล่นได้เพลินๆ และติดพันกับมันจนจบเกมได้อย่างสบายๆ เหมาะสมกับราคาของเกมที่สบายประเป๋า ที่ตัวเกมวางจำหน่ายเพียงแค่ 699 บาทเท่านั้น ซึ่งคุณจะสามารถเต็มอิ่มกับเกมได้มากกว่า 8-10 ชั่วโมง อย่างสบายๆ

[penci_review id="27913"]


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header