GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
พรีวิว Mafia: Definitive Edition ยกเครื่องดีไซน์ใหม่ด้วยงานที่ละเมียดขึ้น
ลงวันที่ 26/08/2020

Mafia คือหนึ่งในซีรีส์ที่รู้ตัวอีกทีก็อยู่กับเรามาก็ราวๆ 18 ปีแล้วนะครับตั้งแต่เกม Mafia: The City of Lost Heaven วางจำหน่ายออกมาในปี 2002 ซึ่งสิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลาก็คงจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของโลกมาเฟีย การแก้แค้น การหักหลังที่สร้างออกมาได้อย่างลงตัว แต่เนื่องจากยุคสมัยนี้มันก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ได้เข้าไปสัมผัสเกมภาคแรกที่ทางทีมพัฒนา Illusion Softworks สร้าง เนื่องจากที่เกมเพลย์หรือกราฟิกมันค่อนข้างตกยุคไปแล้ว

โดยทางต้นสังกัดอย่าง 2K Games เองก็น่าจะเล็งเห็นในจุดนี้ และมองว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้วที่เหล่าแฟนๆ เกมซีรีส์ Mafia จะได้เข้าไปสัมผัสมันอีกครั้ง ด้วยการ Remake เกมนี้โดยทีม Hanger 13 (ทีมที่สร้าง Mafia III) จนกลายมาเป็น Mafia: Definitive Edition ที่ทำการยกเครื่องระบบการเล่นใหม่ทั้งหมด ทั้งกราฟิกที่ใช้ขุมพลังเดียวจากเกม Mafia III ซึ่งใครที่เคยเล่นก็น่าจะรู้ถึงความสวยงามของมัน บวกกับการแก้ปัญหาระบบขับรถที่น่าขัดใจของเกมภาคก่อนๆ อีกด้วย โดย Mafia: Definitive Edition มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน 2020 นี้ บนเครื่อง PC, PS4 และ Xbox One  แต่พวกเรา GameFever TH เองได้มีโอกาสเข้าไปทดลองเล่นเกมนี้ในช่วง 5 Chapter แรกและจะมาพรีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับตัวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันว่า Mafia: Definitive Edition มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจบ้าง

Mafia: Definitive Edition - โบนัสสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้า

ดำดิ่งในเมือง Lost Heaven ด้วยกราฟิกใหม่ทั้งหมด


ในด้านของกราฟิกอย่างที่กล่าวไปว่า Mafia: Definitive Edition ได้นำเอา Engine ในภาค Mafia III มาใช้ ผู้พัฒนาได้ออกแบบโครงสร้างของเมือง Lost Heaven ใหม่ให้ดูสวยงามตามยุคสมัยนี้ ถึงแม้ว่ารูปแบบผังเมืองจะมีโครงสร้างที่เหมือนกัน แต่ผู้พัฒนาได้สร้างโลกของมันได้มีชีวิตชีวามากขึ้น มีรถและคนสัญจรตามท้องถนนจำนวนพอๆ กับเกม Mafia III เลยทีเดียว บวกกับรถใหม่ๆ อย่างรถมอเตอร์ไซต์ที่ถูกนำเข้ามาในภาคนี้เป็นภาคแรกของซีรีส์เลยทีเดียว



การดีไซน์ Cutscene เองก็ทำออกมาได้ค่อนข้างละเมียดละไมกว่า Mafia III อยู่พอสมควร จากที่ได้ทดลองเล่นไปทั้งหมด 5 Chapter ส่วนตัวไม่เคยเห็นงานเผาของผู้พัฒนาเหมือนที่เคยทำในภาคก่อนหน้าเลย ใครที่เคยเล่น Mafia III ก็น่าจะเคยเห็นฉากรับภารกิจที่ตัวละครเรายืนคุยกับ NPC นิ่งๆ ที่ทำให้รู้สึกนึกว่านี่มันเกมสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วหรือเปล่า แต่สำหรับ Mafia: Definitive Edition ตัดปัญหาได้หมด ทั้งการปั้นโมเดลและท่าทางของตัวละครที่สมจริงเป็นอย่างมาก



บวกกับโหมดภารกิจที่ถึงแม้ว่าเค้าโครงการเล่าจะยังเหมือนกับเกมต้นฉบับ แต่ทว่าระบบการเล่นภายในนั้นผู้พัฒนาก็ได้ใส่รายละเอียดของเกมเพลย์ให้มากขึ้น ยกตัวอย่างในภารกิจที่ชื่อว่า Running Man ที่เราจะต้องหนีจากการตามล่าโดยเหล่าคู่อริ ซึ่งในเวอร์ชั่นปัจจุบันก็ยังเป็นเหมือนกันเพียงแต่ว่าในระหว่างการหนี ตัวเกมจะมีลูกเล่นให้เราได้เล่นมากขึ้นเช่นการปีนป่ายกำแพงตามบ้านต่างๆ ที่ในเวอร์ชั่นปกติไม่มีให้เล่น หรือจะเป็นการเล่าเรื่องภายในที่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

และอีกหนึ่งสิ่งที่มันขาดไม่ได้สำหรับ Mafia ก็คงจะเป็นเพลงบรรเลงที่สอดคล้องตามยุคสมัยนั้น ซึ่งโลกของ Mafia: Definitive Edition จะดำเนินอยู่ในยุคปี 30s ที่เพลงแนว Jazz เริ่มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งผู้พัฒนาเองก็ได้ทำการเรียบเรียงดนตรีใหม่ ที่ถึงแม้ว่าซาวด์ดนตรีจะยังคงแนว Jazz ไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้มันก็ได้กลิ่นอายความทันสมัยจากเทคโนโลยีห้องอัดในสมัยนี้ได้มากขึ้น


ระบบขับรถ


หนึ่งในปัญหาที่หลายๆ คนน่าจะปวดขมับกับเกมซีรีส์ Mafia ก็คงจะหนีไม่พ้นการบังคับรถที่ค่อนข้างบังคับพวงมาลัยได้ยาก ซึ่งเอาจริงๆ มันก็สมเหตุสมผลนะเพราะดีไซน์ของยานพาหนะในสมัยนั้นจะค่อนข้างใหญ่และน่าจะมีน้ำหนักที่มากกว่าสมัยนี้มาก การตีโค้งรถต่างๆ ก็คงจะไม่ต่างกับการบังคับรถบรรทุกเสียเท่าไร

แต่ในเกม Mafia: Definitive Edition ก็ได้แก้ปัญหาตรงนี้ได้ในระดับหนึ่ง นั่นคือการดีไซน์โลกของเมือง Lost Heaven ที่ทำให้เลนบนท้องถนนมีความกว่างมากกว่าเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับ และเกมภาคอื่นๆ มากอยู่พอสมควร ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นนั้นมีพื้นที่ในการตีโค้งเลี้ยวรถได้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เราสามารถเลี้ยงความเร็วรถในระดับหนึ่งและทำการตีโค้งโดยไม่ชนได้อย่างสบายๆ (แต่ถ้าความเร็วรถมันเร็วเกินไป ก็ยังชนอยู๋ดี) แต่ถ้าใครยังคิดว่าการเลี้ยวรถมันยังยากอยู่ ผู้พัฒนาก็ยังใส่โหมดการขับรถที่ชื่อว่า Regular ที่มันจะทำให้พวงมาลัยของเราบังคับง่ายขึ้น รถที่หนักก็จะตีวงได้ง่ายกว่าเดิม หรือรถบางคันที่น้ำหนักเบาตีโค้งเกินไปรถจะพลิก ตัวเกมก็จะคำนวนไม่ให้มันเลี้ยวง่ายจนตูดรถสะบัดสามตลบแน่นอน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าใครที่เล่นเกมภาคนี้ท่านน่าจะชอบระบบการขับรถเป็นแน่ !!


เกมเพลย์การต่อสู้ และโหมด Classic


หลายๆ ท่านก็อาจจะเคยเห็นตัวอย่างเกมเพลย์ที่ผู้พัฒนาเคยปล่อยออกมาบ้างแล้ว (ไม่เคยดู คลิ๊ก) ตัวเกมมีระบบหลบตามกำแพงเพื่อบังกระสุน ซึ่งมันก็เหมือนๆ กับเกม Openworld ทั่วไป แต่ผู้พัฒนาก็ยังใส่รายละเอียดของความเป็นเกมต้นฉบับเข้ามาดั่งเดิม อย่างเช่นระบบเลือดของเกมที่จะ Regen เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เราจะต้องเก็บ Health Pack เพื่อเติมเลือดเอง เป็นการผสมผสานเกมเพลย์รูปแบบเก่ากับใหม่ได้ดี



รวมถึงตัวเกมก็ยังมีระบบที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับ Mafia: Definitive Edition มากขึ้นและทำให้มันดูน่าสนใจขึ้นเป็นกอง นั่นก็คือโหมดที่ชื่อว่า Classic ซึ่งถือว่าเป็นโหมดยากสุดของเกมก็ว่าได้ และค่อนข้างท้าทายต่อผู้เล่นในทุกภารกิจเลยทีเดียว เพราะว่านอกจากที่เราจะโดนศัตรูยิงเจ็บได้ง่ายแล้วนั้น จุด Mark ของศัตรูสีแดงในแผนที่ก็จะถูกลบออก เราจะต้องสังเกตุเองว่าศัตรูอยู่ตรงไหน ระบบช่วยขับรถต่างๆ ก็จะถูกปิดทำให้เราบังคับรถได้ยากขึ้น การ Regen เลือดก็จะน้อยลง หรือการเก็บ Health Pack ก็จะฟื้นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น



และนอกจากความท้าทายในเรื่องของข้อจำกัดแล้ว การดีไซน์โหมด Classic ผู้เล่นอาจจะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะผ่านภารกิจหนึ่งภารกิจเลยทีเดียว ยกตัวอย่างในภารกิจที่ชื่อว่า Fair Play ที่เรานั้นจะต้องขโมยรถสุดแรงของคู่แข่งไปทำการปรับแต่งให้เครื่องยนต์พัง และเราจะต้องขับรถข้ามเมืองด้วยเวลาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น (ถ้าเป็นโหมดอื่นเวลาจะนานขึ้น)

ซึ่งถ้าหากเราจะขับรถไปให้ถึงทางที่กำหนดผู้เล่นจะต้องเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ บวกกับการที่เราห้ามชนหรือรถพลิกแม้แต่ครั้งเดียว (ไม่งั้นเวลาไม่พอ) และอย่างที่กล่าวไปว่าในโหมดนี้ผู้เล่นจะไม่มีระบบช่วยการควบคุมแต่อย่างใด การขับรถสุดแรงพอเลี้ยวนิดเดียวรถก็สะบัดพลิก 3 ตลบแล้ว !! ผู้เล่นจะต้องใช้ความฝึกฝนการในขับรถนั้นให้ชำนาน อาจจะต้อง Game Over ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อผ่านมันไปให้ได้ แต่จากที่ได้ลองมาก็ต้องบอกว่าภารกิจมันยากก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เพราะส่วนตัวก็ผ่านมันมาได้ (แต่อย่างทุลักทุเล)



Mafia: Definitive Edition เป็นเกมฉบับ Remake ที่ต่อยอดและแก้ไขจุดด้อยจากเกมภาคก่อนๆ หน้าเป็นอย่างดี งานด้านดีไซน์ทั้งเกมเพลย์และกราฟิกก็ค่อนข้างทำได้ละเมียดละมัยมากขึ้น บวกกับราคาของเกมเพียงแค่ 959 บาท (ราคาบน Steam) ซึ่งถือว่าถูกมากๆ ถ้าให้เปรียบเทียบกับเกมในสมัยนี้ และมันน่าจะเป็นซีรีส์ที่กลับมาเรียกกระแสของเกม Mafia อีกครั้ง


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
พรีวิว Mafia: Definitive Edition ยกเครื่องดีไซน์ใหม่ด้วยงานที่ละเมียดขึ้น
26/08/2020

Mafia คือหนึ่งในซีรีส์ที่รู้ตัวอีกทีก็อยู่กับเรามาก็ราวๆ 18 ปีแล้วนะครับตั้งแต่เกม Mafia: The City of Lost Heaven วางจำหน่ายออกมาในปี 2002 ซึ่งสิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลาก็คงจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวของโลกมาเฟีย การแก้แค้น การหักหลังที่สร้างออกมาได้อย่างลงตัว แต่เนื่องจากยุคสมัยนี้มันก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ได้เข้าไปสัมผัสเกมภาคแรกที่ทางทีมพัฒนา Illusion Softworks สร้าง เนื่องจากที่เกมเพลย์หรือกราฟิกมันค่อนข้างตกยุคไปแล้ว

โดยทางต้นสังกัดอย่าง 2K Games เองก็น่าจะเล็งเห็นในจุดนี้ และมองว่ามันน่าจะถึงเวลาแล้วที่เหล่าแฟนๆ เกมซีรีส์ Mafia จะได้เข้าไปสัมผัสมันอีกครั้ง ด้วยการ Remake เกมนี้โดยทีม Hanger 13 (ทีมที่สร้าง Mafia III) จนกลายมาเป็น Mafia: Definitive Edition ที่ทำการยกเครื่องระบบการเล่นใหม่ทั้งหมด ทั้งกราฟิกที่ใช้ขุมพลังเดียวจากเกม Mafia III ซึ่งใครที่เคยเล่นก็น่าจะรู้ถึงความสวยงามของมัน บวกกับการแก้ปัญหาระบบขับรถที่น่าขัดใจของเกมภาคก่อนๆ อีกด้วย โดย Mafia: Definitive Edition มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน 2020 นี้ บนเครื่อง PC, PS4 และ Xbox One  แต่พวกเรา GameFever TH เองได้มีโอกาสเข้าไปทดลองเล่นเกมนี้ในช่วง 5 Chapter แรกและจะมาพรีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับตัวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันว่า Mafia: Definitive Edition มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจบ้าง

Mafia: Definitive Edition - โบนัสสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้า

ดำดิ่งในเมือง Lost Heaven ด้วยกราฟิกใหม่ทั้งหมด


ในด้านของกราฟิกอย่างที่กล่าวไปว่า Mafia: Definitive Edition ได้นำเอา Engine ในภาค Mafia III มาใช้ ผู้พัฒนาได้ออกแบบโครงสร้างของเมือง Lost Heaven ใหม่ให้ดูสวยงามตามยุคสมัยนี้ ถึงแม้ว่ารูปแบบผังเมืองจะมีโครงสร้างที่เหมือนกัน แต่ผู้พัฒนาได้สร้างโลกของมันได้มีชีวิตชีวามากขึ้น มีรถและคนสัญจรตามท้องถนนจำนวนพอๆ กับเกม Mafia III เลยทีเดียว บวกกับรถใหม่ๆ อย่างรถมอเตอร์ไซต์ที่ถูกนำเข้ามาในภาคนี้เป็นภาคแรกของซีรีส์เลยทีเดียว



การดีไซน์ Cutscene เองก็ทำออกมาได้ค่อนข้างละเมียดละไมกว่า Mafia III อยู่พอสมควร จากที่ได้ทดลองเล่นไปทั้งหมด 5 Chapter ส่วนตัวไม่เคยเห็นงานเผาของผู้พัฒนาเหมือนที่เคยทำในภาคก่อนหน้าเลย ใครที่เคยเล่น Mafia III ก็น่าจะเคยเห็นฉากรับภารกิจที่ตัวละครเรายืนคุยกับ NPC นิ่งๆ ที่ทำให้รู้สึกนึกว่านี่มันเกมสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วหรือเปล่า แต่สำหรับ Mafia: Definitive Edition ตัดปัญหาได้หมด ทั้งการปั้นโมเดลและท่าทางของตัวละครที่สมจริงเป็นอย่างมาก



บวกกับโหมดภารกิจที่ถึงแม้ว่าเค้าโครงการเล่าจะยังเหมือนกับเกมต้นฉบับ แต่ทว่าระบบการเล่นภายในนั้นผู้พัฒนาก็ได้ใส่รายละเอียดของเกมเพลย์ให้มากขึ้น ยกตัวอย่างในภารกิจที่ชื่อว่า Running Man ที่เราจะต้องหนีจากการตามล่าโดยเหล่าคู่อริ ซึ่งในเวอร์ชั่นปัจจุบันก็ยังเป็นเหมือนกันเพียงแต่ว่าในระหว่างการหนี ตัวเกมจะมีลูกเล่นให้เราได้เล่นมากขึ้นเช่นการปีนป่ายกำแพงตามบ้านต่างๆ ที่ในเวอร์ชั่นปกติไม่มีให้เล่น หรือจะเป็นการเล่าเรื่องภายในที่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

และอีกหนึ่งสิ่งที่มันขาดไม่ได้สำหรับ Mafia ก็คงจะเป็นเพลงบรรเลงที่สอดคล้องตามยุคสมัยนั้น ซึ่งโลกของ Mafia: Definitive Edition จะดำเนินอยู่ในยุคปี 30s ที่เพลงแนว Jazz เริ่มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งผู้พัฒนาเองก็ได้ทำการเรียบเรียงดนตรีใหม่ ที่ถึงแม้ว่าซาวด์ดนตรีจะยังคงแนว Jazz ไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้มันก็ได้กลิ่นอายความทันสมัยจากเทคโนโลยีห้องอัดในสมัยนี้ได้มากขึ้น


ระบบขับรถ


หนึ่งในปัญหาที่หลายๆ คนน่าจะปวดขมับกับเกมซีรีส์ Mafia ก็คงจะหนีไม่พ้นการบังคับรถที่ค่อนข้างบังคับพวงมาลัยได้ยาก ซึ่งเอาจริงๆ มันก็สมเหตุสมผลนะเพราะดีไซน์ของยานพาหนะในสมัยนั้นจะค่อนข้างใหญ่และน่าจะมีน้ำหนักที่มากกว่าสมัยนี้มาก การตีโค้งรถต่างๆ ก็คงจะไม่ต่างกับการบังคับรถบรรทุกเสียเท่าไร

แต่ในเกม Mafia: Definitive Edition ก็ได้แก้ปัญหาตรงนี้ได้ในระดับหนึ่ง นั่นคือการดีไซน์โลกของเมือง Lost Heaven ที่ทำให้เลนบนท้องถนนมีความกว่างมากกว่าเกมเวอร์ชั่นต้นฉบับ และเกมภาคอื่นๆ มากอยู่พอสมควร ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นนั้นมีพื้นที่ในการตีโค้งเลี้ยวรถได้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เราสามารถเลี้ยงความเร็วรถในระดับหนึ่งและทำการตีโค้งโดยไม่ชนได้อย่างสบายๆ (แต่ถ้าความเร็วรถมันเร็วเกินไป ก็ยังชนอยู๋ดี) แต่ถ้าใครยังคิดว่าการเลี้ยวรถมันยังยากอยู่ ผู้พัฒนาก็ยังใส่โหมดการขับรถที่ชื่อว่า Regular ที่มันจะทำให้พวงมาลัยของเราบังคับง่ายขึ้น รถที่หนักก็จะตีวงได้ง่ายกว่าเดิม หรือรถบางคันที่น้ำหนักเบาตีโค้งเกินไปรถจะพลิก ตัวเกมก็จะคำนวนไม่ให้มันเลี้ยวง่ายจนตูดรถสะบัดสามตลบแน่นอน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าใครที่เล่นเกมภาคนี้ท่านน่าจะชอบระบบการขับรถเป็นแน่ !!


เกมเพลย์การต่อสู้ และโหมด Classic


หลายๆ ท่านก็อาจจะเคยเห็นตัวอย่างเกมเพลย์ที่ผู้พัฒนาเคยปล่อยออกมาบ้างแล้ว (ไม่เคยดู คลิ๊ก) ตัวเกมมีระบบหลบตามกำแพงเพื่อบังกระสุน ซึ่งมันก็เหมือนๆ กับเกม Openworld ทั่วไป แต่ผู้พัฒนาก็ยังใส่รายละเอียดของความเป็นเกมต้นฉบับเข้ามาดั่งเดิม อย่างเช่นระบบเลือดของเกมที่จะ Regen เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เราจะต้องเก็บ Health Pack เพื่อเติมเลือดเอง เป็นการผสมผสานเกมเพลย์รูปแบบเก่ากับใหม่ได้ดี



รวมถึงตัวเกมก็ยังมีระบบที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับ Mafia: Definitive Edition มากขึ้นและทำให้มันดูน่าสนใจขึ้นเป็นกอง นั่นก็คือโหมดที่ชื่อว่า Classic ซึ่งถือว่าเป็นโหมดยากสุดของเกมก็ว่าได้ และค่อนข้างท้าทายต่อผู้เล่นในทุกภารกิจเลยทีเดียว เพราะว่านอกจากที่เราจะโดนศัตรูยิงเจ็บได้ง่ายแล้วนั้น จุด Mark ของศัตรูสีแดงในแผนที่ก็จะถูกลบออก เราจะต้องสังเกตุเองว่าศัตรูอยู่ตรงไหน ระบบช่วยขับรถต่างๆ ก็จะถูกปิดทำให้เราบังคับรถได้ยากขึ้น การ Regen เลือดก็จะน้อยลง หรือการเก็บ Health Pack ก็จะฟื้นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น



และนอกจากความท้าทายในเรื่องของข้อจำกัดแล้ว การดีไซน์โหมด Classic ผู้เล่นอาจจะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะผ่านภารกิจหนึ่งภารกิจเลยทีเดียว ยกตัวอย่างในภารกิจที่ชื่อว่า Fair Play ที่เรานั้นจะต้องขโมยรถสุดแรงของคู่แข่งไปทำการปรับแต่งให้เครื่องยนต์พัง และเราจะต้องขับรถข้ามเมืองด้วยเวลาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น (ถ้าเป็นโหมดอื่นเวลาจะนานขึ้น)

ซึ่งถ้าหากเราจะขับรถไปให้ถึงทางที่กำหนดผู้เล่นจะต้องเหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ บวกกับการที่เราห้ามชนหรือรถพลิกแม้แต่ครั้งเดียว (ไม่งั้นเวลาไม่พอ) และอย่างที่กล่าวไปว่าในโหมดนี้ผู้เล่นจะไม่มีระบบช่วยการควบคุมแต่อย่างใด การขับรถสุดแรงพอเลี้ยวนิดเดียวรถก็สะบัดพลิก 3 ตลบแล้ว !! ผู้เล่นจะต้องใช้ความฝึกฝนการในขับรถนั้นให้ชำนาน อาจจะต้อง Game Over ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อผ่านมันไปให้ได้ แต่จากที่ได้ลองมาก็ต้องบอกว่าภารกิจมันยากก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เพราะส่วนตัวก็ผ่านมันมาได้ (แต่อย่างทุลักทุเล)



Mafia: Definitive Edition เป็นเกมฉบับ Remake ที่ต่อยอดและแก้ไขจุดด้อยจากเกมภาคก่อนๆ หน้าเป็นอย่างดี งานด้านดีไซน์ทั้งเกมเพลย์และกราฟิกก็ค่อนข้างทำได้ละเมียดละมัยมากขึ้น บวกกับราคาของเกมเพียงแค่ 959 บาท (ราคาบน Steam) ซึ่งถือว่าถูกมากๆ ถ้าให้เปรียบเทียบกับเกมในสมัยนี้ และมันน่าจะเป็นซีรีส์ที่กลับมาเรียกกระแสของเกม Mafia อีกครั้ง


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header