GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
ประวัติ Hideo Kojima บิดาผู้สร้าง Metal Gear อัจฉริยะของวงการเกม
ลงวันที่ 17/08/2020

เหล่าเกมเมอร์เองก็น่ารู้จักนักพัฒนาในอุตสาหกรรมเกมโลกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก กับบิดาผู้สร้างเกมซีรีส์ Metal Gear อย่างคุณ Hideo Kojima (ฮิเดโอะ โคจิมะ) กับการยกย่องให้เขาคือคนที่สร้างเกมที่เต็มไปด้วยคุณภาพคับแก้ว ที่แต่ละเกมที่สร้างไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะความเป็น Perfectionist และความอยากที่จะผลักดันอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเกมนั่นเอง ซึ่งในวันนี้เรา GameFever TH ได้เอาประวัติของชายคนนี้มาฝากกันครับ ว่าความเป็นมาของเขาเป็นอย่างไร กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เราต้องพบเจออะไรมาบ้าง เราไปชมกันเลย !!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Hideo Kojima




ฮิเดโอะ โคจิมะ เปิดคนสัญชาติญี่ปุ่นเกิดเมื่อปี 1963 ณ แขวงเซตากายะ จังหวัดโตเกียว แต่เมื่อตอนที่เขาอายุ 4 ปีครอบครัวของเขาได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่โอซาก้า โดยตัวโคจิมะนั้นมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งครอบครัวของเขานั้นมักจะมีกิจกรรมยามว่างกันทุกๆ คืนคือการดูภาพยนต์ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขนาดที่ว่าถ้าหนังไม่จบเขาห้ามไปนอนเลยทีเดียว

พอโตมาหน่อยครอบครัวของโคจิมะได้ย้ายบ้านอีกครั้งมาอยู่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองชิราซากิ แต่ไม่นานเขาก็ย้ายอีกครั้ง ไปที่เมืองคาวานิชิเฮียวโกในภูมิภาคคันไซ ซึ่งชีวิตเขาก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงตอนอายุ 13 ปี ทำให้ครอบครัวของเขานั้นยากจนลง เขาเลยต้องกลายเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองมากขึ้น และจะต้องดูแลเรื่องของตัวเองหลังกลับจากโรงเรียนทุกวัน นิยามที่เรียกโคจิมะในวัยเด็กนั้นคือเด็กกุญแจบ้าน ที่ครอบครัวไม่มีใครอยู่จะต้องไขประตูบ้านด้วยตัวเอง ต้องดูแลตัวเองนั่นเอง พอโตมามันเลยทำให้เขานั้นเวลาไปพักโรงแรมไหนๆ หรือไปเที่ยว เขาจะต้องเปิดทีวีทันทีเพื่อแก้ปมอาการเหงาตั้งแต่เด็ก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

แรกเริ่มตัวเขานั้นมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นศิลปินคนสร้างภาพยนต์ หรือผู้วาดภาพประกอบ แต่เขารู้สึกท้อแท้จากแรงกดดันของบรรทัดฐานทางสังคมที่นิยมความมั่นคง ทำงานมีเงินเดือนมากกว่าการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ เพราะลุงของเขาเองก็เป็นศิลปินที่พยายามหาเงินเลี้ยงชีพแบบนี้นั่นเอง

ในวัยเด็กเขาเริ่มเรียนเศรษฐศาสตร์ ขณะเดียวกันก็เขียนเรื่องสั้นในเวลาว่างอีกด้วย โดยตัวเขานั้นก็ส่งเรื่องสั้นไปยังนิตยสารต่างๆ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ถูกตีพิมพ์ ซึ่งภายหลังโคจิมะอ้างว่าเรื่องสั้นของเขามักจะยาวกว่า 400 หน้า ในขณะที่เรื่องสั้นทั่วไปมักจะยาวแค่ 100 หน้าเท่านั้น ซึ่งในที่สุดเขาก็เปลี่ยนความคิดมาสร้างภาพยนต์กับเพื่อนที่มีเพียงแค่กล้อง 8มม. ตัวเดียว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

จุดเปลี่ยน


โคจิม่าเปิดเผยว่าขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาพบว่าตัวเองเล่นวิดีโอเกมในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเมื่อก่อนก็มักจะเป็นเกม Famicom ของทาง Nintendo ซึ่งนี่แหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาชอบเกมขึ้นมา เพราะพอทางโคจิมะเรียนถึงปีที่ 4 ตัวเขาประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาเองมีความฝันอยากเป็นผู้กับภาพยนตร์นั่นเอง เพราะเขารู้สึกว่าวิดีโอเกมจะทำให้เขาสมปราถนามากกว่า

และเป็นไปตามคาดที่ว่าเหล่าเพื่อนๆ ของเขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะก้าวมาทำงานสายนี้ เนื่องจากวิดีโอเกมมันเป็นสื่อใหม่ที่ยังไม่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของการหารายได้ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของเขาก็ยังสนับสนุนเขาเต็มที่และทำให้ทางโคจิมะมั่นใจกับการก้าวไปในสู่เส้นทางอาชีพของเขา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

รวมถึงโคจิมะเล่าว่าอุตสาหกรรมนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกจากโรงเรียนมา และรู้สึกว่าเกมจะเสนอโอกาสให้เขาอีกครั้ง ซึ่งโคจิม่าพบคนจำนวนมากที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันเลยทำให้พวกเขานั้นมีการผูกพันธ์กันในแง่หนึ่ง โคจิมะอ้างว่าเกมที่ทำให้เขาตัดสินใจอยากจะเป็นผู้พัฒนาเกมก็คือ Super Mario Bros. ของคุณชิเงรุ มิยาโมโต้ และ The Portopia Serial Murder Case ของคุณ ยูจิ โฮริอิ รวมถึงการดีไซน์เกม Openworld ที่มีอิทธิพลสำหรับเขาคือเกม Hydlide รวมถึงได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมต่างๆ มากมายด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima




เข้าสู่ Konami


โคจิมะได้เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตเกมให้กับบริษัท Konami ในปี 1986 ในฐานะนักออกแบบและวางแผน ซึ่งตัวเขานั้นรู้สึกผิดหวังกับงานที่ได้รับมอบหมาย เพราะจริงๆ แล้วเขาต้องการที่จะทำงานกับทาง Nintendo หรือเกมอาร์เคตมากกว่า แต่ว่าโคจิมะรู้สึกว่าระบบต่างๆ ของ Nintendo ดูเข้มงวดจนเกินไป

ในตอนแรกเริ่ม แนวคิดไอเดียสร้างเกมของโคจิมะนั้นมักจะถูกทาง Konami ปัดตกไปช่วงแรกๆ เพราะเขานั้นไม่ชำนาญทักษะในการเขียนโปรแกรม ซึ่งทำให้ในปีแรกๆ เขาล้มเหลวถึงขนาดที่อยากจะออกจากบริษัท แต่เขาก็ยังอดทนอยู่ต่อ โดยเกมแรกที่เขาทำก็คือเกม Penguin Adventure ภาคต่อของ Antarctic Adventure ที่เขาได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในเวลานั้น แต่เกมแรกที่เขาพัฒนานั้นชื่อว่า Lost Warld ที่จะลงให้กับเครื่อง MSX ในปี 1986 แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ถูกหัวหน้าเขาปัดตกไป




ต่อมาทาง Kojima ได้ถูกขอให้รับช่วงต่อโครงการ Metal Gear จากซีเนียร์ระดับสูง โดยเกมนี้ตั้งใจที่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ของทหารในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยองค์ประกอบด้านฮาร์ดแวร์เครื่องที่จะลงนั้นมีจำกัด เพราะ มันอาจจะทำได้ยากถ้าหากจะให้เกมๆ หนึ่งมีกระสุนยิงสาด หรือศัตรูแห่เข้ามามากมาย เขาจึงได้คิดไอเดียในการทำให้เกมกลายเป็นแนวต่อสู้กับศัตรูเพื่อหลบเลี่ยงจากการถูกจับแทน หรือเกมแนวลอบเร้นอย่างที่เรารู้จักกัน โดยมันได้รับแรงบรรดาลใจมาจากหนังเรื่อง The Great Escape นั่นเอง

ในช่วงแรกๆ โปรเจกต์นี้ใช้ชื่อว่า Intruder ตอนพัฒนา และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Metal Gear นั่นเอง โดยตัวเกมถูกปล่อยลงบนเครื่อง MSX2 ในญี่ปุ่นและยุโรป และเกม Metal Gear นี้ภายหลังได้ถูกนำไปลงเครื่อง NES ของทาง Nintendo แต่ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำโปรเจกต์นี้และเขาเองก็แสดงออกถึงความไม่ชอบใจและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเกม มีการแปลที่ไม่ค่อยดี และไม่มีการต่อสู้กับ Boss ด้วยอาวุธพิเศษ




โปรเจกต์ต่อไปของเขาที่ทำคือเกมแนว Graphic Adventure อย่าง Snatcher เกมได้รับอิทธิพลจากนิยายวิทยาศาสตร์ไซเบอร์พังค์เช่น Akira, Blade Runner, The Terminator และ Bubblegum Crisis ที่เนื้อเรื่องจะตั้งอยู่ในช่วงหลังการล่มสลายของโลก ดำเนินเรื่องโดยนักสืบความจำเสื่อมที่จะต้องเผชิญกับเผ่าพันธ์ Cyborgs โดยทางโคจิม่าและทีมเป็นฝ่ายที่เขียนเรื่องราวทั้งหมดของเกม แต่พวกเขานั้นถูกบังคับให้ออกจากโปรเจกต์ในข่วงขั้นตอนสุดท้ายเนื้อจากข้อจำกัดด้านเวลา แต่ตัวเกมดังกล่าวนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ในการผลักดันเกี่ยวกับการเล่าเรื่องวิดีโอเกมมีการตัดต่อฉากภาพยนตร์และเนื้อเรื่องสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงยังได้รับการยกย่องในด้านกราฟิก และเสียงประกอบที่มีคุณภาพสูงเทียบเท่านวนิยาย ภาพยนตร์ หรือวิทยุเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องยอดขายของเกมนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า เพราะว่าตัวเกมถูกจำกัดการเข้าถึงด้านอายุ เลยขายได้เพียงแค่ 2-3000 ชุดเท่านั้น





ในปี 1990 โคจิมะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตสองเกมคือ SD Snatcher ที่เป็นเกมภาค Spinoff ของภาคก่อนหน้า และเกมภาคต่อของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Metal Gear 2: Solid Snake ที่ได้ทำการพัฒนารูปแบบของเกมให้ก้าวขึ้นไปกว่าภาคที่แล้วอย่างการที่ผู้เล่นมีความสามารถมากขึ้นอย่างการหมอบคลานเข้าไปในจุดซ่อนเร้น หรือท่อระบายอากาศ รวมถึงด้าน AI ศัตรูเองก็มีความฉลาดมากขึ้นที่สามารถมองเห็นได้ถึง 45 องศา มีการตรวจจับเสียงต่างๆ นาๆ มากมาย




จริงๆ แล้วเกม Metal Gear ภาคสอง แรกเริ่มจะใช้ชื่อว่า Snakes Revenge ที่ทางโคนามิเองกะจะสร้างโดยที่ไม่ได้คิดจะให้โคจิมะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ทางโคจิมะเองก็ได้สอบถามกับทีมงานที่ทำเกมนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งพอได้คำตอบว่าเป็นเรื่องจริงเขาจึงได้ทำแผนสร้าง Metal Gear 2: Solid ขึ้นมา และลงให้กับเครื่อง MSX2 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งยุโรปกว่าจะได้เล่นเกมนี้ก็ปาเข้าไปปี 2006 เลยทีเดียว

หลังจากที่โคจิมะเองได้ทำเกมอื่นๆ ประปรายอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันในปี 1994 เขาเองก็กำลังซุ่มพัมนาเกม 3D ตัวแรกที่เป็นภาคต่อของเกม Metal Gear 2: Solid Snake ซึ่งนั่นก็คือเกม Metal Gear Solid อันเลื่องลือที่เรารู้จักกัน โดยตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Game Show และ E3 1997 จนสุดท้ายได้ปล่อยตัวเกมจริงออกมาให้เราเล่นในปี 1998 บนเครื่อง PlayStation 1





หลังจากปล่อยเกมภาคนี้ออกมา ทำให้ทางโคจิมะได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านของวิดีโอเกม เพราะ Metal Gear Solid เป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้กราฟิก 3D และการแสดงด้วยเสียงที่มันให้ประสบการณ์การรับชมคล้ายๆ กับภาพยนตร์มากกว่าเกมเลยทีเดียว รวมถึงยังได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเกมการเล่นที่ออกแบบมาได้อย่างดี รวมถึงเนื้อเรื่องของเกมที่เป็นจุดเด่น

ซึ่งทางโคจิมะเองก็ได้ทำการสร้างภาคต่อของเกมซีรีส์นี้ออกมามากมาย ขนาดเคยได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายๆ สื่อมาแล้ว รวมถึงเกม Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots ยังได้รับรางวัล Game of the Year จากทาง Japan Game Awards รวมถึงโคจิมะเองยังได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับการสร้างเกมที่เน้นความ Perfectionist แต่ละเกมที่ทำมักจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกมมากมาย




การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการออกจาก Konami


ในปี 2012 ทางโคจิมะได้ทำการพัฒนา Fox Engine ของตัวเองเสร็จสิ้น รวมถึงเขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขานั้นอยากจะสร้างเกม Silent Hill ด้วย Engine ตัวนี้เหลือเกิน เพราะมันน่าจะสามารถมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของกราฟิกและศัตรูที่โดดเด่นได้ ซึ่งทางประธานของ Konami เองก็เห็นด้วยและประกาศให้ทางโคจิมะสร้างเกมนี้

ในปี 2014 เดโมของเกม Silent Hill ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ลองเล่นโดยใช้ชื่อว่า P.T. ซึ่งมันได้รับการกล่าวขานถึงความน่ากลัวเป็นอย่างมาก กับการที่เราจะได้เข้าไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงัดและวังเวง พร้อมกับฉากตกใจที่ทำมันเป็นกระแสไวรัลอย่างมากในสมัยนั้น และเดโมตัวเล็กๆ อย่าง P.T. นี้ทำให้กระแสเกมแนว Horror กลับมาบูม รวมถึงยังมีเกมอินดี้มากมายที่สร้างเกมแนวนี้ออกมาอย่างล้นหลาม และใช้แบบพิมพ์ของ P.T. มาพัฒนาต่อ รวมถึงในตัวอย่างของเกมยังได้ Norman Reedus นักแสดงจากเรื่อง The Walking Dead มาร่วมแสดงด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=Ay_RAkE7bUY
คลิปเกมเพลย์ P.T. (เตือน !! น่ากลัวมาก)

https://www.youtube.com/watch?v=r6NCC-nnvMU

แต่ในขณะเดียวกัน !! ทางโคจิมะก็กำลังติดกับโปรเจกต์ภาคต่ออย่าง Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ที่จะเป็นภาคจบและสรุปทุกสิ่งทุกอย่างของเกม แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายมีข่าวว่าเขาได้หยุดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานนี้ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งมีคนกังวลว่าเขานั้นจะออกจากบริษัท และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะรายงานของค่ายได้ออกมาบอกว่าโคจิมะจะไม่อยู่กับ Konami แล้วหลังจากที่เกมนี้วางจำหน่าย

ซึ่งหลายๆ คนเองก็ต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เพราะทางโคจิมะเองก็เป็นคนที่อยู่กับ Konami มาตั้งแต่เขาทำงานใหม่ๆ แต่เหมือนว่าความจริงก็เปิดเผยว่าพวกเขานั้นมีปัญหากันเนื่องจากที่เกม Metal Gear Solid V: The Phatom Pain ได้รับรางวัลเกม Action ยอดเยี่ยมในงาน The Game Awards 2015 แต่ทางโคจิมะไม่สามารถมาเข้าร่วมได้เนื่องจากทาง Konami ผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมนี้ได้สังห้ามนั่นเอง ในขณะเดียวกัน Kojima Production ที่เป็นสตูของเจ้าตัวก็ได้ปิดตัวลงไปด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=Krc1t4HU8GI

แต่ในเดือนเดียวกัน !! ทางบริษัท Kojima Production ได้ทำการรับสมัครพนักงานอีกครั้ง ในฐานะสตูดิโออิสระที่จะทำงานร่วมกับทาง Sony Computer Entertainment และได้เปิดตัวโปรเจกต์เกมใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Death Stranding ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกบนงาน E3 2016 รวมถึงยังได้ Norman Reedus กลับมาร่วมงานอีกครั้ง รวมถึงยังมีนักแสดงอื่นๆ อย่าง Mads Mikkelsen, Margaret Qualley หรือผู้กำกับหนัง Pacific Rim ภาคแรกอย่าง Guillermo del Toro ก็ร่วมแสดงในเกมนี้เช่นกัน





ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ hideo kojima norman reedus

ทุกวันนี้เกม Death Stranding ก็ได้วางจำหน่ายออกมาเป็นปีแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเกมอาจจะเข้าถึงยากไปนิด แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องของความแปลกใหม่ของเกม และเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างดีงามมากๆ และได้คะแนนจากนักวิจารณ์ไปมากถึง 83/100 คะแนนเลยทีเดียว (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Metacritic)


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ประวัติ Hideo Kojima บิดาผู้สร้าง Metal Gear อัจฉริยะของวงการเกม
17/08/2020

เหล่าเกมเมอร์เองก็น่ารู้จักนักพัฒนาในอุตสาหกรรมเกมโลกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก กับบิดาผู้สร้างเกมซีรีส์ Metal Gear อย่างคุณ Hideo Kojima (ฮิเดโอะ โคจิมะ) กับการยกย่องให้เขาคือคนที่สร้างเกมที่เต็มไปด้วยคุณภาพคับแก้ว ที่แต่ละเกมที่สร้างไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะความเป็น Perfectionist และความอยากที่จะผลักดันอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเกมนั่นเอง ซึ่งในวันนี้เรา GameFever TH ได้เอาประวัติของชายคนนี้มาฝากกันครับ ว่าความเป็นมาของเขาเป็นอย่างไร กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้เราต้องพบเจออะไรมาบ้าง เราไปชมกันเลย !!

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Hideo Kojima




ฮิเดโอะ โคจิมะ เปิดคนสัญชาติญี่ปุ่นเกิดเมื่อปี 1963 ณ แขวงเซตากายะ จังหวัดโตเกียว แต่เมื่อตอนที่เขาอายุ 4 ปีครอบครัวของเขาได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่โอซาก้า โดยตัวโคจิมะนั้นมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งครอบครัวของเขานั้นมักจะมีกิจกรรมยามว่างกันทุกๆ คืนคือการดูภาพยนต์ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขนาดที่ว่าถ้าหนังไม่จบเขาห้ามไปนอนเลยทีเดียว

พอโตมาหน่อยครอบครัวของโคจิมะได้ย้ายบ้านอีกครั้งมาอยู่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองชิราซากิ แต่ไม่นานเขาก็ย้ายอีกครั้ง ไปที่เมืองคาวานิชิเฮียวโกในภูมิภาคคันไซ ซึ่งชีวิตเขาก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงตอนอายุ 13 ปี ทำให้ครอบครัวของเขานั้นยากจนลง เขาเลยต้องกลายเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองมากขึ้น และจะต้องดูแลเรื่องของตัวเองหลังกลับจากโรงเรียนทุกวัน นิยามที่เรียกโคจิมะในวัยเด็กนั้นคือเด็กกุญแจบ้าน ที่ครอบครัวไม่มีใครอยู่จะต้องไขประตูบ้านด้วยตัวเอง ต้องดูแลตัวเองนั่นเอง พอโตมามันเลยทำให้เขานั้นเวลาไปพักโรงแรมไหนๆ หรือไปเที่ยว เขาจะต้องเปิดทีวีทันทีเพื่อแก้ปมอาการเหงาตั้งแต่เด็ก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

แรกเริ่มตัวเขานั้นมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นศิลปินคนสร้างภาพยนต์ หรือผู้วาดภาพประกอบ แต่เขารู้สึกท้อแท้จากแรงกดดันของบรรทัดฐานทางสังคมที่นิยมความมั่นคง ทำงานมีเงินเดือนมากกว่าการแสวงหาความคิดสร้างสรรค์ เพราะลุงของเขาเองก็เป็นศิลปินที่พยายามหาเงินเลี้ยงชีพแบบนี้นั่นเอง

ในวัยเด็กเขาเริ่มเรียนเศรษฐศาสตร์ ขณะเดียวกันก็เขียนเรื่องสั้นในเวลาว่างอีกด้วย โดยตัวเขานั้นก็ส่งเรื่องสั้นไปยังนิตยสารต่างๆ แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ถูกตีพิมพ์ ซึ่งภายหลังโคจิมะอ้างว่าเรื่องสั้นของเขามักจะยาวกว่า 400 หน้า ในขณะที่เรื่องสั้นทั่วไปมักจะยาวแค่ 100 หน้าเท่านั้น ซึ่งในที่สุดเขาก็เปลี่ยนความคิดมาสร้างภาพยนต์กับเพื่อนที่มีเพียงแค่กล้อง 8มม. ตัวเดียว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

จุดเปลี่ยน


โคจิม่าเปิดเผยว่าขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาพบว่าตัวเองเล่นวิดีโอเกมในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเมื่อก่อนก็มักจะเป็นเกม Famicom ของทาง Nintendo ซึ่งนี่แหละอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาชอบเกมขึ้นมา เพราะพอทางโคจิมะเรียนถึงปีที่ 4 ตัวเขาประกาศให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำงานในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาเองมีความฝันอยากเป็นผู้กับภาพยนตร์นั่นเอง เพราะเขารู้สึกว่าวิดีโอเกมจะทำให้เขาสมปราถนามากกว่า

และเป็นไปตามคาดที่ว่าเหล่าเพื่อนๆ ของเขาไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะก้าวมาทำงานสายนี้ เนื่องจากวิดีโอเกมมันเป็นสื่อใหม่ที่ยังไม่มีความน่าเชื่อถือในเรื่องของการหารายได้ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของเขาก็ยังสนับสนุนเขาเต็มที่และทำให้ทางโคจิมะมั่นใจกับการก้าวไปในสู่เส้นทางอาชีพของเขา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima

รวมถึงโคจิมะเล่าว่าอุตสาหกรรมนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกจากโรงเรียนมา และรู้สึกว่าเกมจะเสนอโอกาสให้เขาอีกครั้ง ซึ่งโคจิม่าพบคนจำนวนมากที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันเลยทำให้พวกเขานั้นมีการผูกพันธ์กันในแง่หนึ่ง โคจิมะอ้างว่าเกมที่ทำให้เขาตัดสินใจอยากจะเป็นผู้พัฒนาเกมก็คือ Super Mario Bros. ของคุณชิเงรุ มิยาโมโต้ และ The Portopia Serial Murder Case ของคุณ ยูจิ โฮริอิ รวมถึงการดีไซน์เกม Openworld ที่มีอิทธิพลสำหรับเขาคือเกม Hydlide รวมถึงได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมต่างๆ มากมายด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Young Hideo Kojima




เข้าสู่ Konami


โคจิมะได้เข้าร่วมเป็นผู้ผลิตเกมให้กับบริษัท Konami ในปี 1986 ในฐานะนักออกแบบและวางแผน ซึ่งตัวเขานั้นรู้สึกผิดหวังกับงานที่ได้รับมอบหมาย เพราะจริงๆ แล้วเขาต้องการที่จะทำงานกับทาง Nintendo หรือเกมอาร์เคตมากกว่า แต่ว่าโคจิมะรู้สึกว่าระบบต่างๆ ของ Nintendo ดูเข้มงวดจนเกินไป

ในตอนแรกเริ่ม แนวคิดไอเดียสร้างเกมของโคจิมะนั้นมักจะถูกทาง Konami ปัดตกไปช่วงแรกๆ เพราะเขานั้นไม่ชำนาญทักษะในการเขียนโปรแกรม ซึ่งทำให้ในปีแรกๆ เขาล้มเหลวถึงขนาดที่อยากจะออกจากบริษัท แต่เขาก็ยังอดทนอยู่ต่อ โดยเกมแรกที่เขาทำก็คือเกม Penguin Adventure ภาคต่อของ Antarctic Adventure ที่เขาได้ไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในเวลานั้น แต่เกมแรกที่เขาพัฒนานั้นชื่อว่า Lost Warld ที่จะลงให้กับเครื่อง MSX ในปี 1986 แต่อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ถูกหัวหน้าเขาปัดตกไป




ต่อมาทาง Kojima ได้ถูกขอให้รับช่วงต่อโครงการ Metal Gear จากซีเนียร์ระดับสูง โดยเกมนี้ตั้งใจที่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ของทหารในยุคปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นด้วยองค์ประกอบด้านฮาร์ดแวร์เครื่องที่จะลงนั้นมีจำกัด เพราะ มันอาจจะทำได้ยากถ้าหากจะให้เกมๆ หนึ่งมีกระสุนยิงสาด หรือศัตรูแห่เข้ามามากมาย เขาจึงได้คิดไอเดียในการทำให้เกมกลายเป็นแนวต่อสู้กับศัตรูเพื่อหลบเลี่ยงจากการถูกจับแทน หรือเกมแนวลอบเร้นอย่างที่เรารู้จักกัน โดยมันได้รับแรงบรรดาลใจมาจากหนังเรื่อง The Great Escape นั่นเอง

ในช่วงแรกๆ โปรเจกต์นี้ใช้ชื่อว่า Intruder ตอนพัฒนา และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Metal Gear นั่นเอง โดยตัวเกมถูกปล่อยลงบนเครื่อง MSX2 ในญี่ปุ่นและยุโรป และเกม Metal Gear นี้ภายหลังได้ถูกนำไปลงเครื่อง NES ของทาง Nintendo แต่ตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำโปรเจกต์นี้และเขาเองก็แสดงออกถึงความไม่ชอบใจและวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของเกม มีการแปลที่ไม่ค่อยดี และไม่มีการต่อสู้กับ Boss ด้วยอาวุธพิเศษ




โปรเจกต์ต่อไปของเขาที่ทำคือเกมแนว Graphic Adventure อย่าง Snatcher เกมได้รับอิทธิพลจากนิยายวิทยาศาสตร์ไซเบอร์พังค์เช่น Akira, Blade Runner, The Terminator และ Bubblegum Crisis ที่เนื้อเรื่องจะตั้งอยู่ในช่วงหลังการล่มสลายของโลก ดำเนินเรื่องโดยนักสืบความจำเสื่อมที่จะต้องเผชิญกับเผ่าพันธ์ Cyborgs โดยทางโคจิม่าและทีมเป็นฝ่ายที่เขียนเรื่องราวทั้งหมดของเกม แต่พวกเขานั้นถูกบังคับให้ออกจากโปรเจกต์ในข่วงขั้นตอนสุดท้ายเนื้อจากข้อจำกัดด้านเวลา แต่ตัวเกมดังกล่าวนั้นก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ในการผลักดันเกี่ยวกับการเล่าเรื่องวิดีโอเกมมีการตัดต่อฉากภาพยนตร์และเนื้อเรื่องสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงยังได้รับการยกย่องในด้านกราฟิก และเสียงประกอบที่มีคุณภาพสูงเทียบเท่านวนิยาย ภาพยนตร์ หรือวิทยุเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องยอดขายของเกมนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้า เพราะว่าตัวเกมถูกจำกัดการเข้าถึงด้านอายุ เลยขายได้เพียงแค่ 2-3000 ชุดเท่านั้น





ในปี 1990 โคจิมะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิตสองเกมคือ SD Snatcher ที่เป็นเกมภาค Spinoff ของภาคก่อนหน้า และเกมภาคต่อของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Metal Gear 2: Solid Snake ที่ได้ทำการพัฒนารูปแบบของเกมให้ก้าวขึ้นไปกว่าภาคที่แล้วอย่างการที่ผู้เล่นมีความสามารถมากขึ้นอย่างการหมอบคลานเข้าไปในจุดซ่อนเร้น หรือท่อระบายอากาศ รวมถึงด้าน AI ศัตรูเองก็มีความฉลาดมากขึ้นที่สามารถมองเห็นได้ถึง 45 องศา มีการตรวจจับเสียงต่างๆ นาๆ มากมาย




จริงๆ แล้วเกม Metal Gear ภาคสอง แรกเริ่มจะใช้ชื่อว่า Snakes Revenge ที่ทางโคนามิเองกะจะสร้างโดยที่ไม่ได้คิดจะให้โคจิมะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ทางโคจิมะเองก็ได้สอบถามกับทีมงานที่ทำเกมนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ซึ่งพอได้คำตอบว่าเป็นเรื่องจริงเขาจึงได้ทำแผนสร้าง Metal Gear 2: Solid ขึ้นมา และลงให้กับเครื่อง MSX2 ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางฝั่งยุโรปกว่าจะได้เล่นเกมนี้ก็ปาเข้าไปปี 2006 เลยทีเดียว

หลังจากที่โคจิมะเองได้ทำเกมอื่นๆ ประปรายอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันในปี 1994 เขาเองก็กำลังซุ่มพัมนาเกม 3D ตัวแรกที่เป็นภาคต่อของเกม Metal Gear 2: Solid Snake ซึ่งนั่นก็คือเกม Metal Gear Solid อันเลื่องลือที่เรารู้จักกัน โดยตัวเกมได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Tokyo Game Show และ E3 1997 จนสุดท้ายได้ปล่อยตัวเกมจริงออกมาให้เราเล่นในปี 1998 บนเครื่อง PlayStation 1





หลังจากปล่อยเกมภาคนี้ออกมา ทำให้ทางโคจิมะได้กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในด้านของวิดีโอเกม เพราะ Metal Gear Solid เป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้กราฟิก 3D และการแสดงด้วยเสียงที่มันให้ประสบการณ์การรับชมคล้ายๆ กับภาพยนตร์มากกว่าเกมเลยทีเดียว รวมถึงยังได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเกมการเล่นที่ออกแบบมาได้อย่างดี รวมถึงเนื้อเรื่องของเกมที่เป็นจุดเด่น

ซึ่งทางโคจิมะเองก็ได้ทำการสร้างภาคต่อของเกมซีรีส์นี้ออกมามากมาย ขนาดเคยได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายๆ สื่อมาแล้ว รวมถึงเกม Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots ยังได้รับรางวัล Game of the Year จากทาง Japan Game Awards รวมถึงโคจิมะเองยังได้รับการกล่าวขานเกี่ยวกับการสร้างเกมที่เน้นความ Perfectionist แต่ละเกมที่ทำมักจะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกมมากมาย




การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการออกจาก Konami


ในปี 2012 ทางโคจิมะได้ทำการพัฒนา Fox Engine ของตัวเองเสร็จสิ้น รวมถึงเขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขานั้นอยากจะสร้างเกม Silent Hill ด้วย Engine ตัวนี้เหลือเกิน เพราะมันน่าจะสามารถมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของกราฟิกและศัตรูที่โดดเด่นได้ ซึ่งทางประธานของ Konami เองก็เห็นด้วยและประกาศให้ทางโคจิมะสร้างเกมนี้

ในปี 2014 เดโมของเกม Silent Hill ก็ได้ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้ลองเล่นโดยใช้ชื่อว่า P.T. ซึ่งมันได้รับการกล่าวขานถึงความน่ากลัวเป็นอย่างมาก กับการที่เราจะได้เข้าไปอยู่บ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงัดและวังเวง พร้อมกับฉากตกใจที่ทำมันเป็นกระแสไวรัลอย่างมากในสมัยนั้น และเดโมตัวเล็กๆ อย่าง P.T. นี้ทำให้กระแสเกมแนว Horror กลับมาบูม รวมถึงยังมีเกมอินดี้มากมายที่สร้างเกมแนวนี้ออกมาอย่างล้นหลาม และใช้แบบพิมพ์ของ P.T. มาพัฒนาต่อ รวมถึงในตัวอย่างของเกมยังได้ Norman Reedus นักแสดงจากเรื่อง The Walking Dead มาร่วมแสดงด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=Ay_RAkE7bUY
คลิปเกมเพลย์ P.T. (เตือน !! น่ากลัวมาก)

https://www.youtube.com/watch?v=r6NCC-nnvMU

แต่ในขณะเดียวกัน !! ทางโคจิมะก็กำลังติดกับโปรเจกต์ภาคต่ออย่าง Metal Gear Solid V: The Phantom Pain ที่จะเป็นภาคจบและสรุปทุกสิ่งทุกอย่างของเกม แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายมีข่าวว่าเขาได้หยุดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับงานนี้ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งมีคนกังวลว่าเขานั้นจะออกจากบริษัท และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะรายงานของค่ายได้ออกมาบอกว่าโคจิมะจะไม่อยู่กับ Konami แล้วหลังจากที่เกมนี้วางจำหน่าย

ซึ่งหลายๆ คนเองก็ต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เพราะทางโคจิมะเองก็เป็นคนที่อยู่กับ Konami มาตั้งแต่เขาทำงานใหม่ๆ แต่เหมือนว่าความจริงก็เปิดเผยว่าพวกเขานั้นมีปัญหากันเนื่องจากที่เกม Metal Gear Solid V: The Phatom Pain ได้รับรางวัลเกม Action ยอดเยี่ยมในงาน The Game Awards 2015 แต่ทางโคจิมะไม่สามารถมาเข้าร่วมได้เนื่องจากทาง Konami ผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกมนี้ได้สังห้ามนั่นเอง ในขณะเดียวกัน Kojima Production ที่เป็นสตูของเจ้าตัวก็ได้ปิดตัวลงไปด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=Krc1t4HU8GI

แต่ในเดือนเดียวกัน !! ทางบริษัท Kojima Production ได้ทำการรับสมัครพนักงานอีกครั้ง ในฐานะสตูดิโออิสระที่จะทำงานร่วมกับทาง Sony Computer Entertainment และได้เปิดตัวโปรเจกต์เกมใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Death Stranding ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกบนงาน E3 2016 รวมถึงยังได้ Norman Reedus กลับมาร่วมงานอีกครั้ง รวมถึงยังมีนักแสดงอื่นๆ อย่าง Mads Mikkelsen, Margaret Qualley หรือผู้กำกับหนัง Pacific Rim ภาคแรกอย่าง Guillermo del Toro ก็ร่วมแสดงในเกมนี้เช่นกัน





ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ hideo kojima norman reedus

ทุกวันนี้เกม Death Stranding ก็ได้วางจำหน่ายออกมาเป็นปีแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเกมอาจจะเข้าถึงยากไปนิด แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องของความแปลกใหม่ของเกม และเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้อย่างดีงามมากๆ และได้คะแนนจากนักวิจารณ์ไปมากถึง 83/100 คะแนนเลยทีเดียว (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Metacritic)


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header