สวัสดีผู้อ่านทุกท่านในบทความนี้เรามาทำความรู้จักกับ เกราะ หรือ Armor ในเกม DOTA 2 กันว่ามันมีประโยชน์อะไร บางคนอาจจะพึ่งมาเล่นเกมนี้ แล้วมีคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า "มีเยอะเท่าไหร่ถึงจะดี?" , "ติดลบได้มั้ย? ถ้าลบแล้วจะโดนตีแรงขึ้นหรือป่าว" หรือ "ต้องซื้ออะไรถึงจะเพิ่มเกราะได้บ้าง?" คำถามพวกนี้เราจะมาดูคำตอบกันใน บทความนี้ครับ
เกราะได้มาจากใหนบ้าง
- ได้โดย Stat พื้นฐานตอนเริ่มเกมของฮีโร่แต่ละตัว เช่นจากภาพด่านล่าง ในวงกลมสีแดงบอกว่า AXE มีค่าเกราะพื้นฐานอยู่ที่ 2.2 หน่วย
- ได้จากค่า Agility โดยต่อ 1 Agility จะได้เกราะ 0.16 หน่วย
- ได้จากไอเทมที่ซื้อมา เช่นไอเทม Blade Mail (+6 Armor) หรือ Chainmail (+4 Armor) เป็นต้น
- ได้จาก Talents
- จากสกิล เช่น Living Armor ที่บอกไว้เลยว่าถ้าใช้ใส่ใคร คนนั้นจะได้เกราะเพิ่ม 4/6/8/10 ตามเลเวลของสกิล
คำถาม มีเกราะไปแล้วได้อะไร ?
เกราะจะทำหน้าที่ลดความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีกายภาพ เราจะมาเริ่มการทดลองกันดีกว่า โดยตัวอย่างจากภาพด่านล่างในวงกลมสีขาวจะบอกว่า Treant Protector มีเกราะ 1.4 หน่วย และบอกว่า ตัว Treant Protector ต้านทานกายภาพได้ 7% ในวงกลมสีแดง
ถ้าเราซื้อเกราะเพิ่มให้ Treant Protector 4 หน่วย โดยการซื้อไอเทม Chainmail ราคา 550 จะได้ผลออกมาว่า เกราะจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 + 4 ในวงกลมสีขาว และอย่างละเอียด 1.4 + 4.0 ในวงกลมสีเหลือง ส่งผลให้ต้านทานกายภาพเพิ่มขึ้นเป็น 24% ในวงกลมสีแดง สรุปได้ว่าเกราะ 4 หน่วย เพิ่มค่าต้านทานความเสียหายกายภาพได้ถึง 17%
งั้นเราเพิ่มเกราะขึ้นไปอีก 24 หน่วย โดยการซื้อไอเทม Chainmail ราคา 550 6 อัน ผลออกมาว่า เกราะจะเพิ่มขึ้นเป็น 1+24 ในวงกลมสีขาว และอย่างละเอียด 1.4 + 24.00 ในวงกลมสีเหลือง ส่งผลให้ต้านทานกายภาพเพิ่มขึ้นเป็น 62% ในวงกลมสีแดง ซึ่งได้ค่าต้านทานความเสียหายกายภาพมากขึ้นอีก 38%
ภาพที่ 3
ต่อมา เราอยากเพิ่มเกราะขึ้นอีกให้ต้านทานกายภาพเพิ่มขึ้นเป็น 80% ขึ้นไป เลยได้ซื้อ Platemail ราคา 1400 6 ชิ้น เกราะที่ได้เพิ่มขึ้นมาคือ 1+60 ในวงกลมสีขาว 1.4+60.0 วงกลมสีเหลือง ต้านทานกายภาพ 82% ในวงกลมสีแดง ถือว่าตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้
ข้อควรสังเกตุ การที่เราจะเพิ่มค่าเกราะในช่วงแรก ๆ จะส่งผลต่อค่าต้านทานกายภาพเยอะกว่า ช่วงหลัง ๆ ทำเป็นการไม่คุ้มที่จะซื้อเกราะเยอะขนาดนั้นเพื่อ เพิ่มค่าต้านทานกายภาพจาก 60% เป็น 80% จากตัวอย่างที่ซื้อ Chainmail 6 อัน ราคารวม 3300 ได้เกราะเพิ่มขึ้นมา 24 หน่วย ได้ต้านทานกายภาพ 62% แต่ถ้าเราจะต้องการให้มากกว่า 80% เราต้องเสียเงินซื้อ Platemail 6 อัน ราคารวม 8400 ซึ่งต้องเพิ่มเงินถึง 5100 มันดูไม่คุ้มทั้งช่องที่เอาไว้ถือไอเทม และเงินที่เสียไปเลย ถ้าใครอยากคำนวนแบบละเอียดเรามี สูตรให้ด้วยนะ ((0.06 × armor) ÷ (1 + 0.06 × armor)) × 100
คำถาม เกราะติดลบแล้วโดนตีแรงขึ้นมั้ย ?
เราเริ่มการทดลองโดยให้ Slardar ที่มีดาเมจ (155 - 163)+25 โจมตีหุ่นเล็งเป้า ถ้าเกราะไม่ติดลบจะได้ดาเมจจะอยู่ระหว่าง 180-188 แล้วถ้าหุ่นเล็งเป้าเกราะติดลบ 9 จากวงกลมสีขาวและวงกลมสีเหลือง ทำให้ต้านทางกายภาพ -35% ในวงกลมสีแดง เราลองให้ Slardar ที่มีดาเมจ (155 - 163)+25 กับทำดาเมจถึง 250 ต่อการโจมตี 1 ครั้ง
ต่อกันที่ หุ่นเล็งเป้าเกราะลบ 29 ในวงกลมสีขาวและสีเหลือง ต้านทางกายภาพ -65% ในวงกลมสีแดง เราให้เจ้าเดิม Slardar ที่มีดาเมจ (155 - 163)+25 ทำดาเมจได้ 300.03 ต่อการโจมตี 1 ครั้ง
มันต้องลบมากกว่านี้ รอบนี้เราจะให้หุ่นเล็งเป้าเกราะลบ 50 กันเลยทีเดียวในวงกลมสีขาวและสีเหลือง ต้านทางกายภาพ -78% ในวงกลมสีแดง ตี 1 ที ได้ดาเมจ 332.55 ก็ยังแรงขึ้นอยู่ดี
ข้อสังเกตุ การลบเกราะในเกม DOTA2 นี้ไม่ได้ลบกันง่าย ๆ จากสกิล และไอเทมที่ลดเกราะได้ก็มีน้อยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะทำให้เกราะอีกฝ่ายลบถึง 50 ได้จริง ๆ ทำให้สรุปได้ว่า เราลดเกราะแค่ประมาณ 10 - 20 ก็พอแล้ว จากนั้นเอาเงินที่มีไปออกของเพิ่มดาเมจโดยตรงจะง่ายกว่า สำหรับสายคำนวณสามารถใช้สูตรตามนี้ได้เลย (Damage increase = 1 − 0.94−armor)
สรุปโดยรวมได้ว่า ค่าเกราะนั้นสำคัญมากถึงจะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม แต่การเพิ่มเกราะ และการลดเกราะไม่ควรให้มันมากเกินไป เพราะมันได้ไม่คุ้มเสียจริง ๆ สุดท้ายนี้ถ้าใครมีอะไรอยากให้มาตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับเกม DOTA 2 ก็มา Comment กันได้เลยนะ
ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
C.maiden
นักเขียน
Its all fun and games until someones frozen solid.