เกมเมอร์หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าทำไมวงการเกมต้องเรียกเกมฟอร์มยักษ์ว่าเกมระดับ AAA (อ่านว่าทริปเปิลเอ) ไม่มีการเรียกเกมระดับ BBB หรือที่น่าสนใจกว่าทำไมเกมทุนต่ำต้องเรียกว่าเกม Indie (อินดี้) วันนี้เรา GameFever TH จะมาไขปริศนาเรื่องราวเหล่านี้กัน

จุดกำเนิดของคำว่า AAA

เดิมที AAA ถูกใช้ในหลาย ๆ วงการเพื่ออธิบายเรื่องราวบางอย่างเช่น AAA หมายถึงลีกรองของกีฬา Baseball ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีระดับต่ำกว่า Major League  หรืออาจจะหมายถึง Appropriate for All Ages ที่แปลว่าเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย หรือในทางการแพทย์คำว่า AAA ย่อมาจาก Abdominal Aortic Aneurysm ที่ในภาษาไทยเรียกว่า โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ส่วนท้องโป่งพองเป็นต้น

เข้าเรื่องกันดีกว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาเกรดที่สูงที่สุดสำหรับวงการศึกษาคือ A+ หรือเกรด 4 เมื่อเทียบกับการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งนักเรียนคนไหนที่ได้เกรด A+ ถือว่าเก่งมากและได้รับการยอมรับจากเพื่อนนักเรียนทั่วไป ทำให้ทางวงการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศได้นำเอาหลักการเหล่านี้ไปใช้

[caption id="attachment_32092" align="aligncenter" width="699"] ภาพยนตร์เรื่อง Terminator 2: Judgment Day หนังเกรด A[/caption]

โดยที่เราเห็นได้เด่นชัดที่สุดคือวงการภาพยนตร์ ที่ได้แบ่งภาพยนตร์ออกเป็นเกรดต่าง ๆ คือ A , B, C ซึ่งแบ่งตามคะแนนรีวิวที่หนังดี ๆ ก็เหมือนกับหนังเกรด A ที่ดูยังไงก็สนุกอีกทั้งยังสามารถหาดูได้ตามโรงภาพยนตร์ทั่วไป ส่วนหนังที่ดีบ้างไม่ดีบ้างก็เรียกเกรด B ที่บางเรื่องฉายเฉพาะบางโรงหรือบางเรื่องขายเฉพาะแผ่นก็มี

[caption id="attachment_32093" align="alignnone" width="850"] ภาพยนตร์เรื่อง Red Heat หนังเกรด B[/caption]

ซึ่งนักวิจารณ์หลาย ๆ คนมองว่าหนังเกรด A ส่วนมากมักจะได้เงินทุนในการถ่ายทำที่สูงกว่าหนังเกรด B เพราะสามารถดึงเอาดารานักแสดงชื่อดังรวมถึงสร้างฉากในการถ่ายทำที่สมจริงกว่ามาก นิยามนี้จึงเป็นที่มาเวลาเหล่านักเขียนบทหรือโปรดิวเซอร์ต้องการขอเงินจากเหล่านายทุนก็มักจะบอกไปว่าต้องการทำหนังเกรด A เพื่อที่จะระดมทุนให้ได้สูง ๆ นั่นเองหรือที่เรียกอีกชื่อว่าหนังประเภท "Blockbuster" ที่อ้างอิงตามร้านเช่าแผ่นหนังชื่อดังของประเทศ



สำหรับวงการเกมนั้นคำว่า AAA ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในช่วงประมาณทศวรรษที่ 1990s โดยในตอนนี้เหล่าผู้พัฒนาเกมเริ่มมีการใช้คำว่า AAA กับทางเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นและเจ้าของทุน ซึ่งอิงมาจากวงการภาพยนตร์ที่ความหมายคล้าย ๆ กับคำว่า "Blockbuster" ที่หมายถึง เกมที่ต้องการจะสร้างนี้จะเน้นการเข้าถึงผู้คนมากที่สุดและกลายเป็นที่นิยมให้มากที่สุด แต่ก็แลกมากลับเงินทุนที่สูงเช่นกัน

คำว่า AAA นี้ถูกต้องเพื่อให้มองว่ายังไงโปรเจกต์นี้ก็ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน จึงเพิ่มตัวอักษร A เข้าไปอีก 2 ตัวจนกลายมาเป็นเกมระดับ AAA ที่ต้องการจะสื่อไปยังผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันคำนี้เรามักจะได้เห็นได้ทั่วไปในทุก ๆ บริษัทเกม

เกม AAA ในปัจจุบัน

 

ทุกวันนี้คำว่าเกมระดับ AAA มักจะถูกใช้กับบรรดาค่าเกมยักษ์ใหญ่อย่าง EA , Sony , Nintendo , Take-Two, Ubisoft ที่กลุ่มบริษัทเหล่านี้ต่างพร้อมจะทุ่มเททรัพยากรต่าง ๆ เพื่อที่จะพัฒนาเกมให้ได้ออกมาอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรต่าง ๆ เงินทุนในการพัฒนา เงินทุนสำหรับการโฆษณาในสื่อต่าง ๆ เป็นต้น ทำให้เกมเหล่านี้มักจะถูกจับตามองตั้งแต่วันแรกจนถึงวันวางจำหน่าย

อย่างไรก็ตามเราต้องแยกใช้ชัด ๆ ว่าคำว่า AAA ในเกมไม่ได้แปลว่าเกมนั้นเป็นเกมที่ดี เพียงแต่ว่าเกมเหล่านี้เป็นเกมที่ใช้ทุนสูงเฉย ๆ ดังนั้นเกม AAA บางเกมอาจจะไม่ได้เป็นเกมที่ดีนัก เพียงแต่ว่าการที่มีคำว่า AAA ติดไว้ทำให้เราอุ่นใจนิดหนึ่งว่าทางค่ายเกมใส่ใจกับเกมเหล่านี้เป็นพิเศษ (เนื่องจากใช้ทุนสูง)

แล้วคำว่า Indie มาจากไหน

Indie หรือ independent video game เป็นนิยามที่ในวงการเกมปัจจุบันมอบให้กับเกมต่าง ๆ ที่พัฒนาโดยตัวคนเดียวหรือทีมงานเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนมากนักซึ่งตรงข้ามกับเกมระดับ AAA โดยเกมเหล่านี้มักจะมีจุดขายต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกับเกมที่ใช้ทุนสร้างสูงเช่น กราฟิกที่เน้นการใช้งาน Art ในการนำเสนอ รูปแบบเกมการเล่นที่ไม่เหมือนใครและที่สำคัญคือเกมเหล่านี้มักจะมีราคาถูกกว่าเกมระดับ AAA มาก



ซึ่งถึงตรงนี้ก็เหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ เกม Indie บางเกมอาจจะมีบางจุดที่ดีกว่าเกม AAA ก็ได้ ทำให้นิยามของคำว่าเกม Indie อาจจะไม่ได้แปลว่าเกมไม่สนุกเสมอไปแต่อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ ไม่เหมือนกับเกมระดับ AAA ที่ส่วนมากเน้นในการทำเพื่อตอบสนองกับเกมเมอร์กลุ่มใหญ่เป็นหลัก

คงจะไขข้อข้องใจกันไม่น้อยสำหรับหัวข้อ "ทำไมต้องเรียกเกมฟอร์มยักษ์ว่า AAA" ซึ่งที่มาของสิ่งเหล่านี้บางทีอาจจะมาจากเรื่องใกล้ตัวเก่าที่เราคิดก็เป็นได้

อ้างอิง

www.thoughtco.com

en.wikipedia.org

ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่