GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[โชว์ห่วย] Alone in the Dark เมื่อเกมดังนำมาทำเป็นหนังผี แต่คิดอีกที... ไม่มียังจะดีกว่า!
ลงวันที่ 28/02/2023

Alone in the Dark เกมผจญภัยสยองขวัญที่กำลังจะมีการรีเมกภาคแรกและวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC ในช่วงปี 2023 ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวนและเอาชีวิตรอดในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งตัวเกมซีรีส์นี้มีหลัก ๆ ด้วยกันถึงห้าภาคเลยทีเดียว


ในเมื่อเกมดังและมีเนื้อเรื่องน่าสนใจขนาดนี้ ผู้กำกับนาม Uwe Boll ก็ตัดสินใจนำเกม Alone in the Dark: The New Nightmare มาดัดแปลงสร้างหนึ่งในตราบาปวงการภาพยนตร์ที่น้อยคนจะรู้จักหรืออยากจะจดจำกับ 'Alone in the Dark' ในปี 2005 เพราะหลังจากเปิดตัวให้สาธารณชนได้รับชม เสียงวิจารณ์ก็ดังสนั่นไปในด้านลบ ถูกสาปส่งทั้งจากแฟนเกมและคนดู ซ้ำร้ายคะแนนในเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์อย่าง Rotten Tomatoes ได้ไปเพียง 1% เพราะมันไม่สามารถให้ต่ำได้กว่านี้อีกแล้ว! ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม เกมที่เนื้อเรื่องเอามาทำเป็นหนังแอ็กชันได้ง่ายแบบนี้ถึงเละไม่เป็นท่า งั้นเรามาดูกัน

*คำเตือน เนื้อหาต่อไปนี้อาจมีการเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ Alone in the Dark (2005) *

ผสมเละตามใจอยากของผู้กำกับ

ตัวเนื้อเรื่องต้นฉบับของเกม Alone in the Dark: The New Nightmare นั้นจะกล่าวถึงเหตุสลดที่เพื่อนของตัวละครผู้เล่นได้ตายอย่างปริศนา เราที่ได้เล่นเป็น Edward Carnby จึงต้องออกตามหาความจริง จนพบว่าบนเกาะที่เกิดเหตุสัตว์ประหลาดจากใต้ดินที่กลัวแสงสว่างออกไล่ล่าฆ่าคนอยู่!


แต่ทว่าในภาพยนตร์ Alone in the Dark 2005 ได้ปรับเปลี่ยนให้เรื่องราวสัตว์ประหลาดดังกล่าวเป็นเอเลี่ยน คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ Alien ของ Ridley Scott รวมถึงปรสิตสิงสู่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้อารมณ์ The Evil Dead แต่ทั้งสองอย่างที่กล่าวมา มันดันไม่สามารถระบุที่มาได้แน่ชัด หลักเหตุผลตรรกะหรือการเฉลยปมเนื้อเรื่องให้คนดู เพราะบทอยากจะโผล่มาก็โผล่ให้มีในซีนเฉย ๆ แล้วก็หายลาลับไปปล่อยให้คนดูนั่งงงว่า 'เอ้า แล้วไอ้เมื่อกี้มันยังไงแล้วนิ?'

การแสดงที่ให้เด็กแถวบ้านเล่นยังเนียนกว่า

ว่ากันว่าเป็นภาพยนตร์ดังทั้งที การหาตัวนักแสดงมาก็ต้องแสดงให้สมจริงสิ ใช่ไหม? แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะทุกฉากที่ปรากฏบนจอแก้ว มันจะให้ความรู้สึกเหมือนดูคนเพิ่งอ่านบทและต้องมาแสดงในทันที หน้าตาย ไร้ความดึงดูดทั้งในส่วนของตัวประกอบ นักแสดงสมทบ และนักแสดงหลักเอง


การกำกับการแสดงก็ปล่อยให้คนดูต้องมาปวดหัวในหลาย ๆ มุมมอง ยกตัวอย่างเช่น ฉากตามหาเด็กหาย เหล่าตำรวจกลับกระจุกเป็นที่เดียว เดินตัดผ่านหน้ากล้องไปมาให้เหมือนว่าหาเด็ก แต่ก้มหน้ามองพื้นหญ้า, ฉากของหน่วยทหารกระโดดทะลุกระจกของอาคารให้ดูเท่ ก่อนที่จะมีหน่วยทหารอีกกลุ่มเดินเข้าทางประตูแบบธรรมดา ๆ (สองรอบ), ฉากยิงสัตว์ประหลาดที่เส้นทางกระสุนมันเป็นการยิงกันเอง เพื่อให้ดูวิบวับ ๆ เฉย ๆ

งานตัดต่อโปรดักชันระดับกุมขมับกลับบ้านเครียด


ไม่น่าเชื่อที่ตัวภาพยนตร์นั้น ถูกสร้างโดยทุนสูงมากถึง 20 ล้านดอลลาร์ แต่งานภาพกลับถ่มถุยแบบไม่น่าเชื่อ เพราะเพียงแค่เริ่มแรก ผู้ชมก็ต้องทนทุกข์ไปกับการดูตัวอักษรบรรยายยาวเหยียดคล้ายเด็กประถมพรีเซนต์โปรเจกต์ (เป็นไปได้ว่าแรงบันดาลใจมาจาก Star Wars) เทคนิคพิเศษที่แย่กว่าภาพยนตร์เกรด B ในสมัยนั้น หรือจะเป็นการไม่ปะติดปะต่อของเนื้อเรื่องเช่นจังหวะที่ตัวเอกกำลังหนีตายในตอนกลางคืน แต่พอรอดออกมาได้กลายเป็นตอนเช้าเฉยเลย

บทชวนงง ทำเพื่อใคร

ถ้าจะให้กล่าวตามตรง ทุกสิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความไม่สมเหตุสมผลในขั้นที่จำนวนคำถามอาจมากกว่าความสนุกเสียอีก อย่างเช่น มีนักวิทยาศาสตร์ลึกลับคนหนึ่งมาขอตัวเด็กคนหนึ่งในบ้านสถานสงเคราะห์ ซึ่งผู้ดูแลหญิงก็ปฏิเสธไป ทว่าในคืนนั้นเด็กคนนั้นก็ได้หายตัวปริศนา แต่เธอกลับให้การตำรวจเพียงแค่ 'จู่ ๆ เด็กก็หายไป ไม่รู้ทำไมค่ะ' แค่นั้น


ตัวละครปริศนาที่ออกมาไล่ฆ่าตัวเอกของเรื่อง มีพลังพิสดาร อึดตายยาก โดนยิงก็วิ่งหนีไปได้ แต่ก็หายไปเลยไม่เฉลยว่าคือใคร มาจากไหน ทำเพื่ออะไร ทำได้ยังไง เพราะนอกเหนือจากนั้นก็จะไม่มีการปรากฏตัวออกมาแสดงอีกเป็นรอบที่สอง, บทพูดของนักแสดงที่บรรยายภาพทำตัวดูฉลาดแต่ดูตลกแทน หรือบทที่ปูมาทั้งเรื่องว่าสัตว์ประหลาดนั้นจะกลายเป็นผงถ้าโดนแสงแดดกลับออกมาจู่โจมตัวเอกกลางเมืองตอนเช้าได้อย่างงง ๆ ผสมรวมทั้งสัตว์ประหลาด ปรสิต ซอมบี้ ทหาร CIA กังฟู(???) จนสุดท้ายตัวภาพยนตร์ที่ควรเป็นสยองขวัญกลับผสมไปเสียทุกอย่าง ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือทิศทางเดียวกัน 

ได้รับรางวัลสาขา 'ยอดหนังเน่า' ประจำปี 2005


ถ้าภาพยนตร์ขึ้นชื่อเราก็มักได้ยินว่าจะได้รับรางวัลออสการ์ แต่ถ้ามันแย่ละก็... นี่เลย Stinkers Bad Movie Awards ที่จะมอบความอัปยศให้ผู้ได้รับรางวัล และขอแสดงความยินดีกับ Alone in the Dark ที่กวาดรางวัลไปถึงสี่สาขา ได้แก่ งานภาพยอดแย่, นักแสดงยอดแย่, เทคนิคพิเศษยอดแย่ และผู้กำกับยอดแย่ ในปี 2005 นี่ยังไม่กล่าวถึงรายได้ของภาพยนตร์ ที่ขาดทุนไปถึง 7.3 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

เอาเป็นว่าใครที่อยากจะลองของละก็ ภาพยนตร์ Alone in the Dark นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกชั้นดีในการผลาญเวลาชีวิตของคุณเล่น ๆ ไปกว่า 90 นาทีเลยทีเดียว


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[โชว์ห่วย] Alone in the Dark เมื่อเกมดังนำมาทำเป็นหนังผี แต่คิดอีกที... ไม่มียังจะดีกว่า!
28/02/2023

Alone in the Dark เกมผจญภัยสยองขวัญที่กำลังจะมีการรีเมกภาคแรกและวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PlayStation 5, Xbox Series X/S และ PC ในช่วงปี 2023 ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวนและเอาชีวิตรอดในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งตัวเกมซีรีส์นี้มีหลัก ๆ ด้วยกันถึงห้าภาคเลยทีเดียว


ในเมื่อเกมดังและมีเนื้อเรื่องน่าสนใจขนาดนี้ ผู้กำกับนาม Uwe Boll ก็ตัดสินใจนำเกม Alone in the Dark: The New Nightmare มาดัดแปลงสร้างหนึ่งในตราบาปวงการภาพยนตร์ที่น้อยคนจะรู้จักหรืออยากจะจดจำกับ 'Alone in the Dark' ในปี 2005 เพราะหลังจากเปิดตัวให้สาธารณชนได้รับชม เสียงวิจารณ์ก็ดังสนั่นไปในด้านลบ ถูกสาปส่งทั้งจากแฟนเกมและคนดู ซ้ำร้ายคะแนนในเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์อย่าง Rotten Tomatoes ได้ไปเพียง 1% เพราะมันไม่สามารถให้ต่ำได้กว่านี้อีกแล้ว! ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม เกมที่เนื้อเรื่องเอามาทำเป็นหนังแอ็กชันได้ง่ายแบบนี้ถึงเละไม่เป็นท่า งั้นเรามาดูกัน

*คำเตือน เนื้อหาต่อไปนี้อาจมีการเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ Alone in the Dark (2005) *

ผสมเละตามใจอยากของผู้กำกับ

ตัวเนื้อเรื่องต้นฉบับของเกม Alone in the Dark: The New Nightmare นั้นจะกล่าวถึงเหตุสลดที่เพื่อนของตัวละครผู้เล่นได้ตายอย่างปริศนา เราที่ได้เล่นเป็น Edward Carnby จึงต้องออกตามหาความจริง จนพบว่าบนเกาะที่เกิดเหตุสัตว์ประหลาดจากใต้ดินที่กลัวแสงสว่างออกไล่ล่าฆ่าคนอยู่!


แต่ทว่าในภาพยนตร์ Alone in the Dark 2005 ได้ปรับเปลี่ยนให้เรื่องราวสัตว์ประหลาดดังกล่าวเป็นเอเลี่ยน คล้ายคลึงกับภาพยนตร์ Alien ของ Ridley Scott รวมถึงปรสิตสิงสู่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นซอมบี้อารมณ์ The Evil Dead แต่ทั้งสองอย่างที่กล่าวมา มันดันไม่สามารถระบุที่มาได้แน่ชัด หลักเหตุผลตรรกะหรือการเฉลยปมเนื้อเรื่องให้คนดู เพราะบทอยากจะโผล่มาก็โผล่ให้มีในซีนเฉย ๆ แล้วก็หายลาลับไปปล่อยให้คนดูนั่งงงว่า 'เอ้า แล้วไอ้เมื่อกี้มันยังไงแล้วนิ?'

การแสดงที่ให้เด็กแถวบ้านเล่นยังเนียนกว่า

ว่ากันว่าเป็นภาพยนตร์ดังทั้งที การหาตัวนักแสดงมาก็ต้องแสดงให้สมจริงสิ ใช่ไหม? แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ เพราะทุกฉากที่ปรากฏบนจอแก้ว มันจะให้ความรู้สึกเหมือนดูคนเพิ่งอ่านบทและต้องมาแสดงในทันที หน้าตาย ไร้ความดึงดูดทั้งในส่วนของตัวประกอบ นักแสดงสมทบ และนักแสดงหลักเอง


การกำกับการแสดงก็ปล่อยให้คนดูต้องมาปวดหัวในหลาย ๆ มุมมอง ยกตัวอย่างเช่น ฉากตามหาเด็กหาย เหล่าตำรวจกลับกระจุกเป็นที่เดียว เดินตัดผ่านหน้ากล้องไปมาให้เหมือนว่าหาเด็ก แต่ก้มหน้ามองพื้นหญ้า, ฉากของหน่วยทหารกระโดดทะลุกระจกของอาคารให้ดูเท่ ก่อนที่จะมีหน่วยทหารอีกกลุ่มเดินเข้าทางประตูแบบธรรมดา ๆ (สองรอบ), ฉากยิงสัตว์ประหลาดที่เส้นทางกระสุนมันเป็นการยิงกันเอง เพื่อให้ดูวิบวับ ๆ เฉย ๆ

งานตัดต่อโปรดักชันระดับกุมขมับกลับบ้านเครียด


ไม่น่าเชื่อที่ตัวภาพยนตร์นั้น ถูกสร้างโดยทุนสูงมากถึง 20 ล้านดอลลาร์ แต่งานภาพกลับถ่มถุยแบบไม่น่าเชื่อ เพราะเพียงแค่เริ่มแรก ผู้ชมก็ต้องทนทุกข์ไปกับการดูตัวอักษรบรรยายยาวเหยียดคล้ายเด็กประถมพรีเซนต์โปรเจกต์ (เป็นไปได้ว่าแรงบันดาลใจมาจาก Star Wars) เทคนิคพิเศษที่แย่กว่าภาพยนตร์เกรด B ในสมัยนั้น หรือจะเป็นการไม่ปะติดปะต่อของเนื้อเรื่องเช่นจังหวะที่ตัวเอกกำลังหนีตายในตอนกลางคืน แต่พอรอดออกมาได้กลายเป็นตอนเช้าเฉยเลย

บทชวนงง ทำเพื่อใคร

ถ้าจะให้กล่าวตามตรง ทุกสิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความไม่สมเหตุสมผลในขั้นที่จำนวนคำถามอาจมากกว่าความสนุกเสียอีก อย่างเช่น มีนักวิทยาศาสตร์ลึกลับคนหนึ่งมาขอตัวเด็กคนหนึ่งในบ้านสถานสงเคราะห์ ซึ่งผู้ดูแลหญิงก็ปฏิเสธไป ทว่าในคืนนั้นเด็กคนนั้นก็ได้หายตัวปริศนา แต่เธอกลับให้การตำรวจเพียงแค่ 'จู่ ๆ เด็กก็หายไป ไม่รู้ทำไมค่ะ' แค่นั้น


ตัวละครปริศนาที่ออกมาไล่ฆ่าตัวเอกของเรื่อง มีพลังพิสดาร อึดตายยาก โดนยิงก็วิ่งหนีไปได้ แต่ก็หายไปเลยไม่เฉลยว่าคือใคร มาจากไหน ทำเพื่ออะไร ทำได้ยังไง เพราะนอกเหนือจากนั้นก็จะไม่มีการปรากฏตัวออกมาแสดงอีกเป็นรอบที่สอง, บทพูดของนักแสดงที่บรรยายภาพทำตัวดูฉลาดแต่ดูตลกแทน หรือบทที่ปูมาทั้งเรื่องว่าสัตว์ประหลาดนั้นจะกลายเป็นผงถ้าโดนแสงแดดกลับออกมาจู่โจมตัวเอกกลางเมืองตอนเช้าได้อย่างงง ๆ ผสมรวมทั้งสัตว์ประหลาด ปรสิต ซอมบี้ ทหาร CIA กังฟู(???) จนสุดท้ายตัวภาพยนตร์ที่ควรเป็นสยองขวัญกลับผสมไปเสียทุกอย่าง ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือทิศทางเดียวกัน 

ได้รับรางวัลสาขา 'ยอดหนังเน่า' ประจำปี 2005


ถ้าภาพยนตร์ขึ้นชื่อเราก็มักได้ยินว่าจะได้รับรางวัลออสการ์ แต่ถ้ามันแย่ละก็... นี่เลย Stinkers Bad Movie Awards ที่จะมอบความอัปยศให้ผู้ได้รับรางวัล และขอแสดงความยินดีกับ Alone in the Dark ที่กวาดรางวัลไปถึงสี่สาขา ได้แก่ งานภาพยอดแย่, นักแสดงยอดแย่, เทคนิคพิเศษยอดแย่ และผู้กำกับยอดแย่ ในปี 2005 นี่ยังไม่กล่าวถึงรายได้ของภาพยนตร์ ที่ขาดทุนไปถึง 7.3 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

เอาเป็นว่าใครที่อยากจะลองของละก็ ภาพยนตร์ Alone in the Dark นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกชั้นดีในการผลาญเวลาชีวิตของคุณเล่น ๆ ไปกว่า 90 นาทีเลยทีเดียว


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header