แม้เราอาจจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เห็น แต่เมื่อความมืดคืบคลานเข้ามามันก็น่ากลัวเสมอ เช่นเดียวกับเกมซีรีส์ Yomawari ที่ได้ฝากฝังความหลอนของการผจญภัยของสาวน้อยในเมืองญี่ปุ่นยามวิกาลมาแล้วถึงสองภาค ( Night Alone, Midnight Shadows ) จนกระทั่งมาถึงในภาคที่สามอย่าง Yomawari: Lost In The Dark ซึ่งหากใครเป็นแฟนเกมสยองขวัญ หรือต้องการหาเกมอะไรมาเล่นให้ลุ้นใจสั่นละก็ไม่ควรพลาด ทำไมน่ะหรอ? มาดูกัน!
หากจะกล่าวย้อนไปในเกมทั้งสองภาคก่อน ตัวละครสาวน้อยที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมล้วนเป็นอะไรที่ผู้พัฒนาวางรูปร่างหน้าตาและชื่อไว้ให้แต่แรกอยู่แล้ว แต่สำหรับ Yomawari: Lost In The Dark เราจะสามารถตั้งชื่อ ปรับเปลี่ยนทรงผม สีผม เสื้อผ้า และอื่น ๆ ให้เป็นรูปแบบตามที่เราต้องการได้ ก่อนจะนำไปดำเนินรับบทเป็นเด็กสาวผู้เสียความทรงจำ ออกผจญภัยในเมืองยามค่ำคืนที่มี 'วิญญาณ' เต็มไปหมด หาทางทำลายคำสาปมรณะที่อาจจะร้ายแรงถึงตายได้เลย
ในส่วนของเนื้อเรื่องเกมภาคที่สามนี้ อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกับสองภาคก่อนแบบเต็มที่ แต่ผู้เล่นก็ยังสามารถหาจุดเชื่อมโยงหรือดื่มด่ำกับเรื่องราวในอดีตนิดหน่อยโดยไม่จำเป็นต้องไปเล่นปูบทขนาดนั้น
คำโบราณกล่าวไว้ว่าผีย่อมเห็นผี แต่ถ้าผีเห็นคนละก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ปิดตา ก้าวขาช้า ๆ ในระบบการเล่นใหม่ที่เพิ่มมาในภาคที่สามนี้ ผสมกับการย่อง เดิน วิ่ง ใช้ไฟฉาย และไอเทมหลอกล่อความสนใจภูตผีเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกะซวกไส้
รวมไปถึงสิ่งที่ยังคงเป็นจุดเด่นของเกม Yomawari ก็คือ 'เสียงหัวใจเต้น' ที่บ่งบอกความอันตรายที่ย่างกรายเข้ามา เพราะบางครั้งเหล่าผีสางที่เราเจอ ไม่ได้มีประเภทเดียว บางตัวต้องปิดตา บางตัวต้องใช้ไฟฉายส่องไล่ หรือบางทีการหยุดนิ่งก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน ใช้ประสบการณ์ของคุณเอาตัวรอดฝ่าฟันไปให้ได้
ถึงจะมีความน่ากลัวอยู่ทุกหนแห่งของซอกซอย แต่ก็เต็มไปด้วยความหน้าค้นหาและสวยงามของเมืองย่านชนบทประเทศญี่ปุ่น ผู้เล่นสามารถออกตระเวนค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่ซุกซ่อนไว้ในเกม มีทั้งเนื้อเรื่องแยก ภารกิจลับ ของสะสมให้เก็บกันเพลิน ๆ หลายพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สี่แยกหมาหอน เรือผีสิง และสุสานร้าง
ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเกมมีการนำเค้าโครงเรื่องภูตผีวิญญาณต่าง ๆ จากฝั่งเอเชียหรือญี่ปุ่น ก็เป็นเรื่องสนุกไม่น้อยเลยที่เราจะได้ออกไปตามหา Easter Egg ในรูปแบบไอเทม หรือมาเป็น "ตัว" เลยก็มี อย่างเช่น ชายสูงไร้หน้า Slender Man, หุ่นชีววิทยาในห้องแลปวิทยาศาสตร์, ผีนกกาเหว่าตำนานเมือง เป็นต้น
สำหรับเกมซีรีส์ Yomawari สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กันมาแต่แรกเริ่มเลยคือการวิ่งหนีและเอาชีวิตรอดจากสัมภเวสียักษ์จอมหัวร้อนที่มีมากมายหลายรูปแบบไล่ล่าจะเอาชีวิตเรา หรือจะกล่าวได้ว่ามันคือระบบ Boss Battle ที่ผู้เล่นไม่สามารถโต้ตอบได้จนกว่าจะหลบหลีกและทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จเสียก่อน
ซึ่งถือว่ามันคือการทดสอบฝีมือความไวในการตั้งสติของผู้เล่นได้ดีทีเดียว เพราะในจังหวะที่เราขวัญผวา ตัวเกมได้มีการวางแผนให้เราสามารถเกมโอเวอร์ได้ง่าย ๆ เลยหากเราจิตกระเจิงจากทุกสิ่งที่ถาโถมในช่วงเวลา ๆ หนึ่ง แต่พอผู้เล่นผ่านไปได้ก็อาจจะมีความรู้สึกภูมิใจในตนเอง โล่งอก และค้นพบวิธีล้างอาถรรพ์ในแต่ละพื้นที่
หากพูดถึงเกมสยองขวัญในสมัยนี้ต่างก็พยายามดีดตัวเองให้มีความทันสมัยและมีภาพเป็นสามมิติ แต่สำหรับตัวเกม Yomawari นั้นจะมีรูปแบบของภาพเป็นรูปแบบ 2.5 มิติ มีความหม่น ๆ คล้ายภาพวาดกับองค์ประกอบศิลป์ที่หาจากเกมอื่นได้ยาก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะมีประสบการณ์สะดุ้งโหยงให้ผู้เล่นเพราะตัวเกมจะเล่นกับความ "เงียบ" ผสมกับเสียงประกอบฉากเวลาเราเดินไปไหนมาไหนก่อนจะประโคมจังหวะตุ้งแช่ได้อย่างดี และเนื้อเรื่องที่ตัวเกมได้มอบให้ผู้เล่นได้สัมผัสมันก็นับเป็นความรู้สึก อารมณ์หลาย ๆ ด้านในเกมเดียว เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ตัวเกมมีเราเป็นคนดำเนินเรื่อง การที่เหตุการณ์ภัยคำสาปร้ายนี้จะจบสวยหรือสลดก็เป็นมือของเราเองนี่ล่ะที่เลือกเอง
Yomawari: Lost In The Dark วางขายบนแพลตฟอร์ม PlayStation 4, Nintendo Switch และ Steam ที่ผู้เล่นสามารถเลือกเข้าไปกดซื้อเพื่อเผชิญความสะพรึง สะดุ้ง และสนุกในเวลาเดียวกันได้แล้วตอนนี้ แต่หากใครยังลังเลละว่าตัวเกมจะเหมาะกับตัวเองไหม ก็สามารถหาซื้อ Yomawari: Night Alone ( ภาคหนึ่ง ) , Yomawari: Midnight Shadows ( ภาคสอง ) หรือจะทดลองดาวน์โหลดเกมเล่นมาวัดฝีมือกับความสนุกก่อนก็ได้ ซึ่งทางผู้เขียนขอยืนยันหนึ่งเสียงว่าตัวเกมคุ้มค่าแก่การซื้อมาเล่นแน่นอน
หากอยากดูตัวอย่างเกม Yomawari: Lost In The Dark ก็สามารถดูได้ข้างล่างนี้เลย!
แม้เราอาจจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เห็น แต่เมื่อความมืดคืบคลานเข้ามามันก็น่ากลัวเสมอ เช่นเดียวกับเกมซีรีส์ Yomawari ที่ได้ฝากฝังความหลอนของการผจญภัยของสาวน้อยในเมืองญี่ปุ่นยามวิกาลมาแล้วถึงสองภาค ( Night Alone, Midnight Shadows ) จนกระทั่งมาถึงในภาคที่สามอย่าง Yomawari: Lost In The Dark ซึ่งหากใครเป็นแฟนเกมสยองขวัญ หรือต้องการหาเกมอะไรมาเล่นให้ลุ้นใจสั่นละก็ไม่ควรพลาด ทำไมน่ะหรอ? มาดูกัน!
หากจะกล่าวย้อนไปในเกมทั้งสองภาคก่อน ตัวละครสาวน้อยที่ผู้เล่นจะได้ควบคุมล้วนเป็นอะไรที่ผู้พัฒนาวางรูปร่างหน้าตาและชื่อไว้ให้แต่แรกอยู่แล้ว แต่สำหรับ Yomawari: Lost In The Dark เราจะสามารถตั้งชื่อ ปรับเปลี่ยนทรงผม สีผม เสื้อผ้า และอื่น ๆ ให้เป็นรูปแบบตามที่เราต้องการได้ ก่อนจะนำไปดำเนินรับบทเป็นเด็กสาวผู้เสียความทรงจำ ออกผจญภัยในเมืองยามค่ำคืนที่มี 'วิญญาณ' เต็มไปหมด หาทางทำลายคำสาปมรณะที่อาจจะร้ายแรงถึงตายได้เลย
ในส่วนของเนื้อเรื่องเกมภาคที่สามนี้ อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกับสองภาคก่อนแบบเต็มที่ แต่ผู้เล่นก็ยังสามารถหาจุดเชื่อมโยงหรือดื่มด่ำกับเรื่องราวในอดีตนิดหน่อยโดยไม่จำเป็นต้องไปเล่นปูบทขนาดนั้น
คำโบราณกล่าวไว้ว่าผีย่อมเห็นผี แต่ถ้าผีเห็นคนละก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ปิดตา ก้าวขาช้า ๆ ในระบบการเล่นใหม่ที่เพิ่มมาในภาคที่สามนี้ ผสมกับการย่อง เดิน วิ่ง ใช้ไฟฉาย และไอเทมหลอกล่อความสนใจภูตผีเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกะซวกไส้
รวมไปถึงสิ่งที่ยังคงเป็นจุดเด่นของเกม Yomawari ก็คือ 'เสียงหัวใจเต้น' ที่บ่งบอกความอันตรายที่ย่างกรายเข้ามา เพราะบางครั้งเหล่าผีสางที่เราเจอ ไม่ได้มีประเภทเดียว บางตัวต้องปิดตา บางตัวต้องใช้ไฟฉายส่องไล่ หรือบางทีการหยุดนิ่งก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน ใช้ประสบการณ์ของคุณเอาตัวรอดฝ่าฟันไปให้ได้
ถึงจะมีความน่ากลัวอยู่ทุกหนแห่งของซอกซอย แต่ก็เต็มไปด้วยความหน้าค้นหาและสวยงามของเมืองย่านชนบทประเทศญี่ปุ่น ผู้เล่นสามารถออกตระเวนค้นหาสิ่งต่าง ๆ ที่ซุกซ่อนไว้ในเกม มีทั้งเนื้อเรื่องแยก ภารกิจลับ ของสะสมให้เก็บกันเพลิน ๆ หลายพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สี่แยกหมาหอน เรือผีสิง และสุสานร้าง
ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเกมมีการนำเค้าโครงเรื่องภูตผีวิญญาณต่าง ๆ จากฝั่งเอเชียหรือญี่ปุ่น ก็เป็นเรื่องสนุกไม่น้อยเลยที่เราจะได้ออกไปตามหา Easter Egg ในรูปแบบไอเทม หรือมาเป็น "ตัว" เลยก็มี อย่างเช่น ชายสูงไร้หน้า Slender Man, หุ่นชีววิทยาในห้องแลปวิทยาศาสตร์, ผีนกกาเหว่าตำนานเมือง เป็นต้น
สำหรับเกมซีรีส์ Yomawari สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กันมาแต่แรกเริ่มเลยคือการวิ่งหนีและเอาชีวิตรอดจากสัมภเวสียักษ์จอมหัวร้อนที่มีมากมายหลายรูปแบบไล่ล่าจะเอาชีวิตเรา หรือจะกล่าวได้ว่ามันคือระบบ Boss Battle ที่ผู้เล่นไม่สามารถโต้ตอบได้จนกว่าจะหลบหลีกและทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จเสียก่อน
ซึ่งถือว่ามันคือการทดสอบฝีมือความไวในการตั้งสติของผู้เล่นได้ดีทีเดียว เพราะในจังหวะที่เราขวัญผวา ตัวเกมได้มีการวางแผนให้เราสามารถเกมโอเวอร์ได้ง่าย ๆ เลยหากเราจิตกระเจิงจากทุกสิ่งที่ถาโถมในช่วงเวลา ๆ หนึ่ง แต่พอผู้เล่นผ่านไปได้ก็อาจจะมีความรู้สึกภูมิใจในตนเอง โล่งอก และค้นพบวิธีล้างอาถรรพ์ในแต่ละพื้นที่
หากพูดถึงเกมสยองขวัญในสมัยนี้ต่างก็พยายามดีดตัวเองให้มีความทันสมัยและมีภาพเป็นสามมิติ แต่สำหรับตัวเกม Yomawari นั้นจะมีรูปแบบของภาพเป็นรูปแบบ 2.5 มิติ มีความหม่น ๆ คล้ายภาพวาดกับองค์ประกอบศิลป์ที่หาจากเกมอื่นได้ยาก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะมีประสบการณ์สะดุ้งโหยงให้ผู้เล่นเพราะตัวเกมจะเล่นกับความ "เงียบ" ผสมกับเสียงประกอบฉากเวลาเราเดินไปไหนมาไหนก่อนจะประโคมจังหวะตุ้งแช่ได้อย่างดี และเนื้อเรื่องที่ตัวเกมได้มอบให้ผู้เล่นได้สัมผัสมันก็นับเป็นความรู้สึก อารมณ์หลาย ๆ ด้านในเกมเดียว เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ตัวเกมมีเราเป็นคนดำเนินเรื่อง การที่เหตุการณ์ภัยคำสาปร้ายนี้จะจบสวยหรือสลดก็เป็นมือของเราเองนี่ล่ะที่เลือกเอง
Yomawari: Lost In The Dark วางขายบนแพลตฟอร์ม PlayStation 4, Nintendo Switch และ Steam ที่ผู้เล่นสามารถเลือกเข้าไปกดซื้อเพื่อเผชิญความสะพรึง สะดุ้ง และสนุกในเวลาเดียวกันได้แล้วตอนนี้ แต่หากใครยังลังเลละว่าตัวเกมจะเหมาะกับตัวเองไหม ก็สามารถหาซื้อ Yomawari: Night Alone ( ภาคหนึ่ง ) , Yomawari: Midnight Shadows ( ภาคสอง ) หรือจะทดลองดาวน์โหลดเกมเล่นมาวัดฝีมือกับความสนุกก่อนก็ได้ ซึ่งทางผู้เขียนขอยืนยันหนึ่งเสียงว่าตัวเกมคุ้มค่าแก่การซื้อมาเล่นแน่นอน
หากอยากดูตัวอย่างเกม Yomawari: Lost In The Dark ก็สามารถดูได้ข้างล่างนี้เลย!