GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
รีวิว Watch Dogs: Legion - Bloodline ก็ในเมื่อเราคือครอบครัวเดียวกัน
ลงวันที่ 21/07/2021

วางจำหน่ายให้เล่นมาสักพักแล้วสำหรับ DLC : Bloodline ของเกม Watch Dogs: Legion ที่นำตัวละครดังจากสองภาคแรกอย่าง Aiden Pearce กับ Wrench กลับมาให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง โดยใช้เซ็ตติ้งเดิมเป็นเมือง London เรื่องราวของทั้งสองจะแยกออกจากเนื้อเรื่องหลักของเกม แต่ก็ยังคงความน่าสนใจ และดราม่าตามแบบฉบับลายเซ็นของ Ubisoft ไว้เป็นอย่างดี

Bloodline จะเป็น DLC แยกจากเกมหลักในด้านเนื้อเรื่อง โดยมีหน้าเมนู New Game, Continue เป็นของตัวเองแยกจากเนื้อเรื่องหลักของภาค โดยมีเนื้อเรื่องหลัก 10 ภารกิจ, 14 ภารกิจ Resistance เสริม และ 5 ภารกิจ Fixture ใช้เวลาเล่นรวมๆ ประมาณ 10 - 15 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วในการแก้ปริศนาในภารกิจต่างๆ ของผู้เล่นเอง ถ้าหากเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เรามาเริ่มดูรายละเอียดของ DLC ตัวนี้กันเลย


เนื้อเรื่อง

'ยังไงสุดท้ายก็เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ?'

เรื่องราวใน DLC จะเริ่มขึ้นในคืนหนึ่งที่ Jordi Chin ติดต่อมาหา Aiden Pearce เพื่อขอให้เขาไปทำงานหนึ่งอย่างให้ที่ London ซึ่งในตอนนี้เป็นเมืองที่เข้าไปได้ยากมากๆ (ดังนั้นเข้าใจว่าเหตุการณ์ของ Bloodline น่าจะเกิดขึ้นหลังจาก Zero Day ในเนื้อเรื่องหลักแล้ว) ซึ่งใน Aiden ก็รับงานนี้ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พบหน้ากับหลายชาย Jackson ซึ่งย้ายไปอยู่ London อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานแล้ว อย่างไรก็ตามในเช้าของวันที่เขากำลังลักลอบเข้าเมือง London ผ่านทางเรือ Aiden เป็นกังวลมากว่าเขาควรจะไปเจอหน้าครอบครัวดีหรือไม่ ซึ่งกัปตันที่เป็นเจ้าของเรือก็พูดเตือนสติเขาสั้นๆ ว่า 'มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรกังวลเลย เพราะยังไงสุดท้ายพวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับเธอไม่ใช่หรือ?'

ภาพจะตัดมาอีกครั้งให้เราควบคุมเป็น Aiden ได้ และตึกเป้าหมายที่ต้องเข้าไปสืบข้อมูลก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว งานของ Aiden ในครั้งนี้คือการสืบว่า Thomas Rampart กำลังพยายามทำอะไรอยู่ใน London ซึ่งเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่ตึกของ Thomas เอง แต่เป็น Labs ชั้นลึกสุดของ Broker Tech ที่ Thomas บุกเข้าไปเพื่อจะขโมยบางอย่าง งานจริงๆ ของ Aiden คือการถ่ายรูปสิ่งที่เกิดขึ้น ข้างในพร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำของ Thomas ซึ่งก็พบว่าเขาพยายามจะเข้ามาขโมยสิ่งที่ชื่อว่า Broker Bridge แต่ในวินาทีที่เขากำลังเก็บเจ้า Broker Bridge มาด้วย เพื่อป้องกันให้มันไม่ไปถึงมือ Thomas อยู่ดีๆ ก็มีคนใส่ชุดลองห่น ย่องเข้ามาขโมยมันไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย ซึ่งชายคนนั้นก็คือ Wrench นั้นเอง


Aiden วิ่งตาม Wrench ไปเพื่อที่จะแย่ง Broker Bridge มา เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานให้กับใคร Wrench พยายามจะใช้โดรนขนาดใหญ่ของเขาในการบินหนี แต่ Aiden ก็สามารถปีนขึ้นไปบนโดรนดังกล่าวได้สำเร็จ ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปสูงๆ ทั้งสองต่อสู้แย่งชิง Broker Bridge กันอยู่นาน ก่อนที่ Aiden จะเป็นฝ่ายพลาดท่า และตกลงมาจากโดรนบนดาดฟ้าแห่งหนึ่งแล้วสลบไป

พระเอกของเราตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังโดนพัฒนาการ โดยมี Thomas และหุ่นยนต์ของเขาสองตัวอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาจะพยายามถามหาที่อยู่ของ Wrench และ Broker Bridge เนื่องจากคิดว่าทั้งสองร่วมมือกันเพื่อขโมยมันออกมา แน่นอนว่า Aiden ไม่รู้ที่อยู่ของ Wrench แต่บอกว่าเขาสามารถตามหาที่อยู่ของอีกฝ่ายได้ Thomas ขู่ว่าเขาจะจับ Jackson เป็นตัวประกัน เพื่อที่ Aiden จะได้ไม่หักหลังเขา ซึ่งแน่นอนว่า Aiden ไม่ยอม

เรื่องราวคร่าวๆ ในช่วงแรกของ DLC ก็จะเป็นประมาณนี้ โดยเพื่อตามหาตัว Wrench ผู้เล่นจะได้ออกเดินทางไปทั่ว London เพื่อตามหาจากเบาะแสที่มี พร้อมทั้งได้ดูเรื่องราวความรักภายในครอบครัวของบ้าน Pearce ไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าโดยรวมแล้วเนื้อเรื่องจะไม่ได้ยาวอะไรมากมายนัก แต่ก็ได้ทำให้เราได้กลับมานั่งคิดถึงความรักที่คนในครอบครัวเดียวกันควรมีให้กัน รวมถึงคุณธรรมพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรจะมี นับได้ว่าเป็น 10 ชั่วโมงที่สนุกมาก


เกมเพลย์

"ได้เวลาแฮ็กทุกอย่างที่ขวางหน้า!"

เบื้องต้นรูปแบบการเล่นของ Bloodline ไม่ได้แตกต่างจากเกมหลักเท่าไหร่นัก Aiden และ Wrench จะมีความสามารถแตกต่างกัน และจะปลดล็อกอาวุธ หรือความสามารถในการแฮ็กได้จากการทำเคสรองกลุ่ม Resistance แต่ในเนื้อเรื่องของ Bloodline จะไม่สามารถเพิ่มตัวละคร หรือชักชวนคนมาเข้าทีมเพิ่มเหมือนในโหมดหลักได้ หรือก็คือจนจบเนื้อเรื่องของ Bloodline ผู้เล่นจะสามารถเล่นได้แค่ Aiden และ Wrench เท่านั้น

ทีนี้มาพูดถึงความสามารถของทั้งสองตัวละครกัน ทางฝั่ง Aiden จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ Gadget ที่สามารถแฮ็กทุกอย่างในรัศมีรอบๆ ตัวพร้อมๆ กันได้ชื่อว่า System Crash ซึ่งหากใช้กลางเมือง รถยนต์ทั้งหมดจะวิ่งไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้ โดรนทั้งหมดจะหยุดทำงาน อาวุธปืน กับอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดจะโดนรบกวน เรียกได้ว่าเป็นความสามารถที่ใช้เพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือจะใช้ในการต่อสู้ก็สามารถทำได้ นับว่าเป็นความสามารถที่เก่งมากๆ


ต่อมาคือสกิลที่ชื่อว่า Gunslinger สกิลนี้จะทำให้ Aiden ได้รับโบนัสดาเมจจากปืนหากสามารถกด Reload ได้ตรงจังหวะ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำดาเมจเสริมได้แรงมากๆ แล้ว มันยังช่วยทำให้การ Reload กระสุนปืนเร็วมากขึ้นเป็นอย่างมากด้วย และสกิลสุดท้ายมีชื่อว่า Focus โดยสกิลนี้จะทำให้ภาพรอบตัวของเราช้าลง เมื่อทำการเล็งปืนหลังจากทำการ Takedown ศัตรู ช่วยให้สามารถยิ่งศัตรูตัวต่อไปได้เร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เก่งมากๆ ตัวหนึ่ง

ทางด้านของ Wrench จะมาพร้อมกับอาวุธประชิดเป็นค้อนสายฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้เขาเป็นตัวละครที่โจมตีระยะประชิดได้แรงมาก แถมยังมีความสามารถเอาค้อนทุบไปที่พื้นอย่างรุนแรงสร้างคลื่นกระแทกสายฟ้าไปโดยรอบ สามารถใช้งานได้ผลดีกับหุ่นยนต์ รวมถึงศัตรูที่มีเกราะหนัก ถ้าหากว่าใครเป็นสายชอบต่อสู้ระยะประชิดบอกเลยว่าต้องถูกใจ Wrench อย่างแน่นอน


Wrench ยังมาพร้อมกับความสามารถอีก 2 อย่างคือ Ninja Balls อุปกรณ์ Gadget ขนาดเล็กทรงกรม ที่สามารถขว้างออกไประเบิดทำความเสียหายพร้อม Stun และ Slow ศัตรูได้ กับ Summon Sergei ที่ทำให้เขาสามารถเรียกใช้งานโดรนขนาดใหญ่ ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วยเพิ่มตัวเลือกในการลักลอบเข้าไปยังพื้นที่สีแดงผ่านทางหลังคา หรืออากาศได้ พร้อมทั้งยังใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีได้เป็นอย่างดี

หลังจากเล่นเนื้อเรื่อง Bloodline จนจบแล้ว เพื่อนจะสามารถสลับไปมาระหว่าง 2 ตัวละครเพื่อสำรวจ London ต่อได้ รวมถึงยังสามารถเอาทั้งสองเข้าทีมได้ภายในตัวเกมหลัก ผ่านการทำภารกิจ Recruit ทั้งสองเข้าทีม โดยเริ่มเควสได้ทีหน้าร้าน The Earl's Fortune เมื่อไปถึงจะได้พบกับทั้ง Aiden และ Wrench ยืนอยู่หน้าร้านเลย สามารถเข้าไปคุยกับทั้งสองเพื่อเริ่มเควสได้ตลอดเวลา


สรุป

แม้ว่า Bloodline จะเป็น DLC ราคา 400 บาทที่ไม่ได้เพิ่มรูปแบบการเล่นใหม่ หรือระบบใหม่ๆ สุดน่าสนใจเข้ามาให้เราได้สัมผัส แต่การนำตัวละครที่เรารักจากเกมสองภาคแรก มาใส่ไว้ในเกมนี้พร้อมกับ แต่งเนื้อเรื่องสุดน่าสนใจ เล่าให้เราได้เห็นความหลัง รวมถึงเรื่องราวหลังจากนั้นของพวกเขา (แอบบอกใบ้เล็กน้อยว่าเราจะได้เห็นอดีตที่ Aiden พระเอกของเราเก็บซ้อนเอาไว้ในใจภายใน DLC ตัวนี้ด้วย!) เชื่อว่าจะต้องถูกใจแฟนๆ Watch Dogs ที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกอย่างมากแน่นอน ขอยืนยันเลยว่าคุณจะสนุกไปกับเรื่องราวของ DLC กว่า 10 - 15 ชั่วโมงเต็มชนิดที่ลืมเวลากันไปเลยทีเดียว แถมยังเอาตัวละครทั้งสองไปป่วนเมื่อง London ต่อได้อีกด้วย 

เมื่อพิจารณาจากความสนุกที่ได้จาก DLC Bloodline แล้ว คิดว่าควรให้คะแนนอยู่ที่ 7 เต็ม 10 สำหรับแฟน Watch Dogs นี้คือ DLC ที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด และสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนแล้ว นี้ก็ยังเป็น DLC ตัวหนึ่งที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องดีๆ และขอคิดมากมายให้ได้เรียนรู้ มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหากจะยอมจ่ายเงินอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้เล่นส่วนเสริมนี้ครับ


7
ข้อดี

เนื้อเรื่องสนุกมาก

ได้พบกับตัวละครที่เรารักอีกครั้ง

ทำสกิลออกมาได้น่าสนใจ    

ข้อเสีย

นอกจากเนื้อเรื่องใหม่แล้ว ไม่มีอะไรเลย

ไม่มีระบบใหม่ๆ ถูกใส่เข้ามา


7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิว Watch Dogs: Legion - Bloodline ก็ในเมื่อเราคือครอบครัวเดียวกัน
21/07/2021

วางจำหน่ายให้เล่นมาสักพักแล้วสำหรับ DLC : Bloodline ของเกม Watch Dogs: Legion ที่นำตัวละครดังจากสองภาคแรกอย่าง Aiden Pearce กับ Wrench กลับมาให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง โดยใช้เซ็ตติ้งเดิมเป็นเมือง London เรื่องราวของทั้งสองจะแยกออกจากเนื้อเรื่องหลักของเกม แต่ก็ยังคงความน่าสนใจ และดราม่าตามแบบฉบับลายเซ็นของ Ubisoft ไว้เป็นอย่างดี

Bloodline จะเป็น DLC แยกจากเกมหลักในด้านเนื้อเรื่อง โดยมีหน้าเมนู New Game, Continue เป็นของตัวเองแยกจากเนื้อเรื่องหลักของภาค โดยมีเนื้อเรื่องหลัก 10 ภารกิจ, 14 ภารกิจ Resistance เสริม และ 5 ภารกิจ Fixture ใช้เวลาเล่นรวมๆ ประมาณ 10 - 15 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับความเร็วในการแก้ปริศนาในภารกิจต่างๆ ของผู้เล่นเอง ถ้าหากเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เรามาเริ่มดูรายละเอียดของ DLC ตัวนี้กันเลย


เนื้อเรื่อง

'ยังไงสุดท้ายก็เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ?'

เรื่องราวใน DLC จะเริ่มขึ้นในคืนหนึ่งที่ Jordi Chin ติดต่อมาหา Aiden Pearce เพื่อขอให้เขาไปทำงานหนึ่งอย่างให้ที่ London ซึ่งในตอนนี้เป็นเมืองที่เข้าไปได้ยากมากๆ (ดังนั้นเข้าใจว่าเหตุการณ์ของ Bloodline น่าจะเกิดขึ้นหลังจาก Zero Day ในเนื้อเรื่องหลักแล้ว) ซึ่งใน Aiden ก็รับงานนี้ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พบหน้ากับหลายชาย Jackson ซึ่งย้ายไปอยู่ London อีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานานแล้ว อย่างไรก็ตามในเช้าของวันที่เขากำลังลักลอบเข้าเมือง London ผ่านทางเรือ Aiden เป็นกังวลมากว่าเขาควรจะไปเจอหน้าครอบครัวดีหรือไม่ ซึ่งกัปตันที่เป็นเจ้าของเรือก็พูดเตือนสติเขาสั้นๆ ว่า 'มันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรกังวลเลย เพราะยังไงสุดท้ายพวกเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับเธอไม่ใช่หรือ?'

ภาพจะตัดมาอีกครั้งให้เราควบคุมเป็น Aiden ได้ และตึกเป้าหมายที่ต้องเข้าไปสืบข้อมูลก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว งานของ Aiden ในครั้งนี้คือการสืบว่า Thomas Rampart กำลังพยายามทำอะไรอยู่ใน London ซึ่งเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ไม่ใช่ตึกของ Thomas เอง แต่เป็น Labs ชั้นลึกสุดของ Broker Tech ที่ Thomas บุกเข้าไปเพื่อจะขโมยบางอย่าง งานจริงๆ ของ Aiden คือการถ่ายรูปสิ่งที่เกิดขึ้น ข้างในพร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระทำของ Thomas ซึ่งก็พบว่าเขาพยายามจะเข้ามาขโมยสิ่งที่ชื่อว่า Broker Bridge แต่ในวินาทีที่เขากำลังเก็บเจ้า Broker Bridge มาด้วย เพื่อป้องกันให้มันไม่ไปถึงมือ Thomas อยู่ดีๆ ก็มีคนใส่ชุดลองห่น ย่องเข้ามาขโมยมันไปต่อหน้าต่อตาเขาเลย ซึ่งชายคนนั้นก็คือ Wrench นั้นเอง


Aiden วิ่งตาม Wrench ไปเพื่อที่จะแย่ง Broker Bridge มา เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำงานให้กับใคร Wrench พยายามจะใช้โดรนขนาดใหญ่ของเขาในการบินหนี แต่ Aiden ก็สามารถปีนขึ้นไปบนโดรนดังกล่าวได้สำเร็จ ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปสูงๆ ทั้งสองต่อสู้แย่งชิง Broker Bridge กันอยู่นาน ก่อนที่ Aiden จะเป็นฝ่ายพลาดท่า และตกลงมาจากโดรนบนดาดฟ้าแห่งหนึ่งแล้วสลบไป

พระเอกของเราตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังโดนพัฒนาการ โดยมี Thomas และหุ่นยนต์ของเขาสองตัวอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาจะพยายามถามหาที่อยู่ของ Wrench และ Broker Bridge เนื่องจากคิดว่าทั้งสองร่วมมือกันเพื่อขโมยมันออกมา แน่นอนว่า Aiden ไม่รู้ที่อยู่ของ Wrench แต่บอกว่าเขาสามารถตามหาที่อยู่ของอีกฝ่ายได้ Thomas ขู่ว่าเขาจะจับ Jackson เป็นตัวประกัน เพื่อที่ Aiden จะได้ไม่หักหลังเขา ซึ่งแน่นอนว่า Aiden ไม่ยอม

เรื่องราวคร่าวๆ ในช่วงแรกของ DLC ก็จะเป็นประมาณนี้ โดยเพื่อตามหาตัว Wrench ผู้เล่นจะได้ออกเดินทางไปทั่ว London เพื่อตามหาจากเบาะแสที่มี พร้อมทั้งได้ดูเรื่องราวความรักภายในครอบครัวของบ้าน Pearce ไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าโดยรวมแล้วเนื้อเรื่องจะไม่ได้ยาวอะไรมากมายนัก แต่ก็ได้ทำให้เราได้กลับมานั่งคิดถึงความรักที่คนในครอบครัวเดียวกันควรมีให้กัน รวมถึงคุณธรรมพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรจะมี นับได้ว่าเป็น 10 ชั่วโมงที่สนุกมาก


เกมเพลย์

"ได้เวลาแฮ็กทุกอย่างที่ขวางหน้า!"

เบื้องต้นรูปแบบการเล่นของ Bloodline ไม่ได้แตกต่างจากเกมหลักเท่าไหร่นัก Aiden และ Wrench จะมีความสามารถแตกต่างกัน และจะปลดล็อกอาวุธ หรือความสามารถในการแฮ็กได้จากการทำเคสรองกลุ่ม Resistance แต่ในเนื้อเรื่องของ Bloodline จะไม่สามารถเพิ่มตัวละคร หรือชักชวนคนมาเข้าทีมเพิ่มเหมือนในโหมดหลักได้ หรือก็คือจนจบเนื้อเรื่องของ Bloodline ผู้เล่นจะสามารถเล่นได้แค่ Aiden และ Wrench เท่านั้น

ทีนี้มาพูดถึงความสามารถของทั้งสองตัวละครกัน ทางฝั่ง Aiden จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ Gadget ที่สามารถแฮ็กทุกอย่างในรัศมีรอบๆ ตัวพร้อมๆ กันได้ชื่อว่า System Crash ซึ่งหากใช้กลางเมือง รถยนต์ทั้งหมดจะวิ่งไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้ โดรนทั้งหมดจะหยุดทำงาน อาวุธปืน กับอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดจะโดนรบกวน เรียกได้ว่าเป็นความสามารถที่ใช้เพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือจะใช้ในการต่อสู้ก็สามารถทำได้ นับว่าเป็นความสามารถที่เก่งมากๆ


ต่อมาคือสกิลที่ชื่อว่า Gunslinger สกิลนี้จะทำให้ Aiden ได้รับโบนัสดาเมจจากปืนหากสามารถกด Reload ได้ตรงจังหวะ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำดาเมจเสริมได้แรงมากๆ แล้ว มันยังช่วยทำให้การ Reload กระสุนปืนเร็วมากขึ้นเป็นอย่างมากด้วย และสกิลสุดท้ายมีชื่อว่า Focus โดยสกิลนี้จะทำให้ภาพรอบตัวของเราช้าลง เมื่อทำการเล็งปืนหลังจากทำการ Takedown ศัตรู ช่วยให้สามารถยิ่งศัตรูตัวต่อไปได้เร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เก่งมากๆ ตัวหนึ่ง

ทางด้านของ Wrench จะมาพร้อมกับอาวุธประชิดเป็นค้อนสายฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้เขาเป็นตัวละครที่โจมตีระยะประชิดได้แรงมาก แถมยังมีความสามารถเอาค้อนทุบไปที่พื้นอย่างรุนแรงสร้างคลื่นกระแทกสายฟ้าไปโดยรอบ สามารถใช้งานได้ผลดีกับหุ่นยนต์ รวมถึงศัตรูที่มีเกราะหนัก ถ้าหากว่าใครเป็นสายชอบต่อสู้ระยะประชิดบอกเลยว่าต้องถูกใจ Wrench อย่างแน่นอน


Wrench ยังมาพร้อมกับความสามารถอีก 2 อย่างคือ Ninja Balls อุปกรณ์ Gadget ขนาดเล็กทรงกรม ที่สามารถขว้างออกไประเบิดทำความเสียหายพร้อม Stun และ Slow ศัตรูได้ กับ Summon Sergei ที่ทำให้เขาสามารถเรียกใช้งานโดรนขนาดใหญ่ ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วยเพิ่มตัวเลือกในการลักลอบเข้าไปยังพื้นที่สีแดงผ่านทางหลังคา หรืออากาศได้ พร้อมทั้งยังใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีได้เป็นอย่างดี

หลังจากเล่นเนื้อเรื่อง Bloodline จนจบแล้ว เพื่อนจะสามารถสลับไปมาระหว่าง 2 ตัวละครเพื่อสำรวจ London ต่อได้ รวมถึงยังสามารถเอาทั้งสองเข้าทีมได้ภายในตัวเกมหลัก ผ่านการทำภารกิจ Recruit ทั้งสองเข้าทีม โดยเริ่มเควสได้ทีหน้าร้าน The Earl's Fortune เมื่อไปถึงจะได้พบกับทั้ง Aiden และ Wrench ยืนอยู่หน้าร้านเลย สามารถเข้าไปคุยกับทั้งสองเพื่อเริ่มเควสได้ตลอดเวลา


สรุป

แม้ว่า Bloodline จะเป็น DLC ราคา 400 บาทที่ไม่ได้เพิ่มรูปแบบการเล่นใหม่ หรือระบบใหม่ๆ สุดน่าสนใจเข้ามาให้เราได้สัมผัส แต่การนำตัวละครที่เรารักจากเกมสองภาคแรก มาใส่ไว้ในเกมนี้พร้อมกับ แต่งเนื้อเรื่องสุดน่าสนใจ เล่าให้เราได้เห็นความหลัง รวมถึงเรื่องราวหลังจากนั้นของพวกเขา (แอบบอกใบ้เล็กน้อยว่าเราจะได้เห็นอดีตที่ Aiden พระเอกของเราเก็บซ้อนเอาไว้ในใจภายใน DLC ตัวนี้ด้วย!) เชื่อว่าจะต้องถูกใจแฟนๆ Watch Dogs ที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกอย่างมากแน่นอน ขอยืนยันเลยว่าคุณจะสนุกไปกับเรื่องราวของ DLC กว่า 10 - 15 ชั่วโมงเต็มชนิดที่ลืมเวลากันไปเลยทีเดียว แถมยังเอาตัวละครทั้งสองไปป่วนเมื่อง London ต่อได้อีกด้วย 

เมื่อพิจารณาจากความสนุกที่ได้จาก DLC Bloodline แล้ว คิดว่าควรให้คะแนนอยู่ที่ 7 เต็ม 10 สำหรับแฟน Watch Dogs นี้คือ DLC ที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด และสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนแล้ว นี้ก็ยังเป็น DLC ตัวหนึ่งที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องดีๆ และขอคิดมากมายให้ได้เรียนรู้ มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหากจะยอมจ่ายเงินอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้เล่นส่วนเสริมนี้ครับ



บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header