ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ได้มีเกมอินดี้ตัวหนึ่งที่สร้างเสียงฮือฮา และได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ซึ่งเกมนั้นก็คือ Two Point Hospital เกมแนว Business Simulation ที่ให้คุณนั้นได้จำลองเป็นคนสร้างและบริหารโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งคนที่สร้างตัวเกมนี้ก็มีความเชี่ยวชาญอย่างมาก เพราะเขาคือหนึ่งในบุคลากรที่เคยสร้างเกม Simulation ขั้นเทพอย่าง Theme Hospital หรือ Black & White ในอดีตมาก่อน ซึ่งตัวเกมได้รับคะแนนวิจารณ์ด้านบวกบนร้านค้า Steam สูงถึง 92% เลยทีเดียว แถมตัวเกมยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงในงานประกาศรางวัลต่าง ๆ มากมาย จนได้รับรางวัล Best Original IP ภายในงาน Develop:Star Awards ปี 2019 ด้วย
และในปี 2022 ทาง Two Point Studios ก็ได้กลับมาอีกครั้ง แต่เราจะไม่ต้องบริหารโรงพยาบาลอีกต่อไป เพราะในภาคนี้ทางผู้พัฒนาจะให้เราได้ลองรับบทเป็นผู้บริหารมหาลัยดูบ้างกับเกมอย่าง Two Point Campus ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ก็ได้โอกาสในการเล่นเกมนี้และจะมารีวิวให้ท่านได้ทราบกันว่า Two Point Campus จะยอดเยี่ยมเท่ากับเกมรุ่นพี่หรือไม่!?
คงเกมเพลย์สไตล์เดิม แต่มีรายละเอียดที่แตกต่าง
ใครที่เคยเล่นเกม Two Point Hospital มาก่อนท่านก็คงจะไม่ต้องปรับตัวใด ๆ ในการเล่น Two Point Campus เพราะฟังในด้านกราฟิก เกมเพลย์ หรือฟังชันใด ๆ จะยังคงเดิมอยู่ทุกอย่าง แต่ก็อาจจะมีรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในเกม Two Point Hospital เราจะต้องสร้างแผนก Reception ในการสอบถามว่าผู้คนนั้นป่วยอะไรมา เพียงแต่ว่าใน Two Point Campus เราจะต้องจัดแผนการสอนในช่วงเริ่มต้นของปีแทน รวมถึงเราจำเป็นต้องมีห้องเรียนพิเศษ และห้องฟังคำบรรยายของศาสตราจารย์ รวมถึงเราต้องจ้างบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยที่มีกระทั่งเหล่าศาสตราจารย์ ผู้ช่วยที่จะคอยประจำอยู่ร้านขายของ ห้องสมุด หรือจะเป็นภารโรงที่จะตอยทำความสะอาดหรือซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เราก็สามารถพัฒนาพวกเขาให้เก่งขึ้นได้ด้วย
แน่นอนว่าใครที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน ท่านก็น่าจะกลัวว่าระบบต่าง ๆ ของเกมนั้นยุ่งยาก กลัวว่าจะไม่เข้าใจรายละเอียดใด ๆ ซึ่งส่วนตัวขอยืนยันเลยว่าตัวระบบของเกมนี้นั้นเข้าใจง่ายมาก ๆ เพราะในช่วงต้นเกมก็มีการสอนระบบต่าง ๆ ให้คุณได้เข้าใจทีละก้าว ค่อย ๆ เพิ่มระบบทีละเล็ก ทีละน้อย นี่คือซีรีส์เกม Simulation ที่เข้าใจง่ายที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมาเลยแหละ
รวมถึงมหาวิทยาลัยที่เราจะได้เข้าไปคุมนั้น จะยังใช้แนวคิดเหมือนกับเกม Two Point Hospital ที่หนึ่งด่าน เรานั้นจะได้คุมหนึ่งมหาวิทยาลัย ที่แต่ละมหาลัยก็จะมีดีไซน์ที่ต่างกัน ทำให้เราต้องออกแบบห้องต่าง ๆ ตามสถานการณ์ที่มี รวมถึงเงื่อนไขและสาขาใหม่ ๆ ที่จะมีให้เล่นมากขึ้นด้วย การเล่นในแต่ละด่านจะแปลกใหม่ไปเรื่อย ๆ
มีสาขาเลือกสอนที่หลากหลาย และแปลก ๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมแนว Simulation แต่เอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้คือการใส่อารมณ์ขัน และความแฟนตาซีต่าง ๆ เข้ามา อย่างที่กล่าวไปว่าภายในเกม Two Point Campus เราจะต้องกำหนดสาขาที่เปิดสอนก่อนที่จะเริ่มการเรียนในปีนั้น ซึ่งสาขาที่สอนก็มีทั้งสาขาปกติ และสาขาแปลก ๆ เกรียน ๆ มากมาย ซึ่งสาขาปกติก็ประกอบไปด้วยสาขาวิทยาศาสตร์ สาขาเกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ หรือสาขาทำอาหาร ส่วนสาขาที่แปลก ๆ ก็จะมีทั้งสาขาการเป็นอัศวิน สาขาเป็นนักแสดงตลก หรือสาขาเป็นนักสืบเป็นต้น
และจุดเด่นแต่ละสาขาก็คือวิธีการสอนนั้นก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อย่างเช่นสาขาวิทยาศาสตร์คุณก็จะต้องมีห้องเอาไว้ให้นักเรียนได้ทดลอง สาขาสร้างหุ่นยนต์ที่จะมีห้องในการสร้าง หรือห้องอัพเกรดความสามารถของบุคลากรในมหาลัย อย่างเช่นการอัพเกรดภารโรงให้มีความสามารถในการซ่อมแซมที่เก่งขึ้นได้ หรือจะเป็นสาขาอัศวินที่เรานั้นจะต้องสร้าง Trainning Ground ให้เหล่านักเรียนได้ฝึกซ้อมวิชาดาบได้ด้วย โดยในแต่ละปีเราเองก็สามารถที่จะอัพเกรดวิชาเรียนเพื่อให้มีนักเรียนสนใจเข้ามาเรียนในมหาลัยของเรามากขึ้นได้ รายได้ที่เข้ามาแต่ละเดือนก็จะเยอะขึ้น แต่ก็อย่าอัพเกรดตำราสูงจนเกินไป เพราะเราจะต้องสร้างอาคารเพื่อรองรับคนเยอะขึ้น ใช้เงินค่าบุคลากรมากขึ้น เงินคุณอาจจะติดลบก็เป็นได้
สร้างกิจกรรมและความสัมพันธ์แก่เหล่านักเรียน
นอกจากนี้ภายในเกมยังให้เราสามารถกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่นักเรียนของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมจัดปาร์ตี้ในห้องพักนักเรียน การจัดกิจกรรมร้องเพลง กิจกรรมเล่นกีต้าร์ กิจกรรมแข่งทำอาหารและอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเราสามารถตั้งได้ว่ากิจกรรมเหล่านี้จะจัดขึ้นในเดือนไหน โดยตัวกิจกรรมจะส่งผลต่อค่าความสุขของคนภายในโรงเรียนให้มากขึ้นได้ด้วย รวมถึงยังมีการจัดชมรมเพื่อให้เหล่านักเรียนทำกิจกรรมยามว่างได้อย่างเช่นชมรมงีบหลับเป็นต้น
หรือจะเป็นสิ่งพักผ่อนย่อนใจที่จะทำให้เหล่านักเรียนมีค่าความสัมพันธ์กันเองที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้ที่ให้คนมีโอกาสได้เจอกันและเป็นเพื่อนกัน หรือจะเป็นโต๊ะนั่งหวานแหววรูปหัวใจ สร้างบรรยากาศหวาน ๆ ให้เหล่าหนุ่มสาวมีโอกาสปิ๊งกันได้ก็มี หรืออาจจะเป็นร้านขายของต่าง ๆ ที่เอาไว้อำนวยความสะดวกเหล่านักเรียนภายในโรงเรียนได้ (และเราเองก็จะมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย)
ความรู้สึกหลังเล่น
Two Point Campus ก็ยังสามารถรักษามาตรฐานเดิมได้ดั่งที่เคยทำไว้ในเกม Two Point Hospital ที่เคยออกมา นี่ยังเป็นเกมกินเวลาชีวิตที่จะให้คุณได้หมกมุ่นอยู่กับมันโดยลืมวันลืมคืน และส่วนตัวกลับรู้สึกชอบภาคนี้มากกว่าภาคที่แล้วเสียอีก อาจจะเป็นเพราะธีมมหาวิทยาลัยที่จะให้เราได้เปิดสาขาต่าง ๆ ที่จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านรูปลักษณ์หรือด้านรายละเอียดของเกมเพลย์ ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลยในการเล่น และสำคัญที่สุดก็คือความเข้าใจง่ายต่อการเล่น ที่จะให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด การเพิ่มระดับของด่านก็จะมีลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามา นี่คือภาคต่ออันยอดเยี่ยมที่แทบไม่มีข้อติใด ๆ เลย
สิ่งเดียวที่อาจจะให้ข้อสังเกตุได้ก็คงจะเป็นในด้านกราฟิกและหน้า Interface ที่ค่อนข้างเหมือนเดิมจนเกินไป ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการเล่นแต่ส่วนตัวก็มีความคิดว่าเปลี่ยนให้มันดูแปลกตาหน่อยก็ดีเหมือนกัน รวมถึงในเรื่องของเสียงผู้เขียนยังได้ยินเสียงประกอบที่ถูกนำมาจากภาคเก่า และมันอาจจะไม่เข้ากับเกมภาคนี้อย่างการเรียกให้หมอกลับมาที่โรงพยาบาล แต่ภาคนี้มันคือมหาวิทยาลัยต่างหาก
เกมเพลย์ยังสนุกเหมือนเดิมเล่นจนลืมวันลืมคืน
มีความหลากหลายในสาขาวิชาเรียน ลูกเล่นเยอะกว่าภาคก่อน
เกมเพลย์เข้าใจง่าย
อาจจะมีการใช้เสียงประกอบซ้ำและไม่เข้ากันกับภาคนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ได้มีเกมอินดี้ตัวหนึ่งที่สร้างเสียงฮือฮา และได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ซึ่งเกมนั้นก็คือ Two Point Hospital เกมแนว Business Simulation ที่ให้คุณนั้นได้จำลองเป็นคนสร้างและบริหารโรงพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งคนที่สร้างตัวเกมนี้ก็มีความเชี่ยวชาญอย่างมาก เพราะเขาคือหนึ่งในบุคลากรที่เคยสร้างเกม Simulation ขั้นเทพอย่าง Theme Hospital หรือ Black & White ในอดีตมาก่อน ซึ่งตัวเกมได้รับคะแนนวิจารณ์ด้านบวกบนร้านค้า Steam สูงถึง 92% เลยทีเดียว แถมตัวเกมยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงในงานประกาศรางวัลต่าง ๆ มากมาย จนได้รับรางวัล Best Original IP ภายในงาน Develop:Star Awards ปี 2019 ด้วย
และในปี 2022 ทาง Two Point Studios ก็ได้กลับมาอีกครั้ง แต่เราจะไม่ต้องบริหารโรงพยาบาลอีกต่อไป เพราะในภาคนี้ทางผู้พัฒนาจะให้เราได้ลองรับบทเป็นผู้บริหารมหาลัยดูบ้างกับเกมอย่าง Two Point Campus ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ก็ได้โอกาสในการเล่นเกมนี้และจะมารีวิวให้ท่านได้ทราบกันว่า Two Point Campus จะยอดเยี่ยมเท่ากับเกมรุ่นพี่หรือไม่!?
คงเกมเพลย์สไตล์เดิม แต่มีรายละเอียดที่แตกต่าง
ใครที่เคยเล่นเกม Two Point Hospital มาก่อนท่านก็คงจะไม่ต้องปรับตัวใด ๆ ในการเล่น Two Point Campus เพราะฟังในด้านกราฟิก เกมเพลย์ หรือฟังชันใด ๆ จะยังคงเดิมอยู่ทุกอย่าง แต่ก็อาจจะมีรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในเกม Two Point Hospital เราจะต้องสร้างแผนก Reception ในการสอบถามว่าผู้คนนั้นป่วยอะไรมา เพียงแต่ว่าใน Two Point Campus เราจะต้องจัดแผนการสอนในช่วงเริ่มต้นของปีแทน รวมถึงเราจำเป็นต้องมีห้องเรียนพิเศษ และห้องฟังคำบรรยายของศาสตราจารย์ รวมถึงเราต้องจ้างบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยที่มีกระทั่งเหล่าศาสตราจารย์ ผู้ช่วยที่จะคอยประจำอยู่ร้านขายของ ห้องสมุด หรือจะเป็นภารโรงที่จะตอยทำความสะอาดหรือซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งบุคลากรเหล่านี้เราก็สามารถพัฒนาพวกเขาให้เก่งขึ้นได้ด้วย
แน่นอนว่าใครที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน ท่านก็น่าจะกลัวว่าระบบต่าง ๆ ของเกมนั้นยุ่งยาก กลัวว่าจะไม่เข้าใจรายละเอียดใด ๆ ซึ่งส่วนตัวขอยืนยันเลยว่าตัวระบบของเกมนี้นั้นเข้าใจง่ายมาก ๆ เพราะในช่วงต้นเกมก็มีการสอนระบบต่าง ๆ ให้คุณได้เข้าใจทีละก้าว ค่อย ๆ เพิ่มระบบทีละเล็ก ทีละน้อย นี่คือซีรีส์เกม Simulation ที่เข้าใจง่ายที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมาเลยแหละ
รวมถึงมหาวิทยาลัยที่เราจะได้เข้าไปคุมนั้น จะยังใช้แนวคิดเหมือนกับเกม Two Point Hospital ที่หนึ่งด่าน เรานั้นจะได้คุมหนึ่งมหาวิทยาลัย ที่แต่ละมหาลัยก็จะมีดีไซน์ที่ต่างกัน ทำให้เราต้องออกแบบห้องต่าง ๆ ตามสถานการณ์ที่มี รวมถึงเงื่อนไขและสาขาใหม่ ๆ ที่จะมีให้เล่นมากขึ้นด้วย การเล่นในแต่ละด่านจะแปลกใหม่ไปเรื่อย ๆ
มีสาขาเลือกสอนที่หลากหลาย และแปลก ๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมแนว Simulation แต่เอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้คือการใส่อารมณ์ขัน และความแฟนตาซีต่าง ๆ เข้ามา อย่างที่กล่าวไปว่าภายในเกม Two Point Campus เราจะต้องกำหนดสาขาที่เปิดสอนก่อนที่จะเริ่มการเรียนในปีนั้น ซึ่งสาขาที่สอนก็มีทั้งสาขาปกติ และสาขาแปลก ๆ เกรียน ๆ มากมาย ซึ่งสาขาปกติก็ประกอบไปด้วยสาขาวิทยาศาสตร์ สาขาเกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ หรือสาขาทำอาหาร ส่วนสาขาที่แปลก ๆ ก็จะมีทั้งสาขาการเป็นอัศวิน สาขาเป็นนักแสดงตลก หรือสาขาเป็นนักสืบเป็นต้น
และจุดเด่นแต่ละสาขาก็คือวิธีการสอนนั้นก็จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อย่างเช่นสาขาวิทยาศาสตร์คุณก็จะต้องมีห้องเอาไว้ให้นักเรียนได้ทดลอง สาขาสร้างหุ่นยนต์ที่จะมีห้องในการสร้าง หรือห้องอัพเกรดความสามารถของบุคลากรในมหาลัย อย่างเช่นการอัพเกรดภารโรงให้มีความสามารถในการซ่อมแซมที่เก่งขึ้นได้ หรือจะเป็นสาขาอัศวินที่เรานั้นจะต้องสร้าง Trainning Ground ให้เหล่านักเรียนได้ฝึกซ้อมวิชาดาบได้ด้วย โดยในแต่ละปีเราเองก็สามารถที่จะอัพเกรดวิชาเรียนเพื่อให้มีนักเรียนสนใจเข้ามาเรียนในมหาลัยของเรามากขึ้นได้ รายได้ที่เข้ามาแต่ละเดือนก็จะเยอะขึ้น แต่ก็อย่าอัพเกรดตำราสูงจนเกินไป เพราะเราจะต้องสร้างอาคารเพื่อรองรับคนเยอะขึ้น ใช้เงินค่าบุคลากรมากขึ้น เงินคุณอาจจะติดลบก็เป็นได้
สร้างกิจกรรมและความสัมพันธ์แก่เหล่านักเรียน
นอกจากนี้ภายในเกมยังให้เราสามารถกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้แก่นักเรียนของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมจัดปาร์ตี้ในห้องพักนักเรียน การจัดกิจกรรมร้องเพลง กิจกรรมเล่นกีต้าร์ กิจกรรมแข่งทำอาหารและอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเราสามารถตั้งได้ว่ากิจกรรมเหล่านี้จะจัดขึ้นในเดือนไหน โดยตัวกิจกรรมจะส่งผลต่อค่าความสุขของคนภายในโรงเรียนให้มากขึ้นได้ด้วย รวมถึงยังมีการจัดชมรมเพื่อให้เหล่านักเรียนทำกิจกรรมยามว่างได้อย่างเช่นชมรมงีบหลับเป็นต้น
หรือจะเป็นสิ่งพักผ่อนย่อนใจที่จะทำให้เหล่านักเรียนมีค่าความสัมพันธ์กันเองที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้ที่ให้คนมีโอกาสได้เจอกันและเป็นเพื่อนกัน หรือจะเป็นโต๊ะนั่งหวานแหววรูปหัวใจ สร้างบรรยากาศหวาน ๆ ให้เหล่าหนุ่มสาวมีโอกาสปิ๊งกันได้ก็มี หรืออาจจะเป็นร้านขายของต่าง ๆ ที่เอาไว้อำนวยความสะดวกเหล่านักเรียนภายในโรงเรียนได้ (และเราเองก็จะมีรายได้ที่มากขึ้นด้วย)
ความรู้สึกหลังเล่น
Two Point Campus ก็ยังสามารถรักษามาตรฐานเดิมได้ดั่งที่เคยทำไว้ในเกม Two Point Hospital ที่เคยออกมา นี่ยังเป็นเกมกินเวลาชีวิตที่จะให้คุณได้หมกมุ่นอยู่กับมันโดยลืมวันลืมคืน และส่วนตัวกลับรู้สึกชอบภาคนี้มากกว่าภาคที่แล้วเสียอีก อาจจะเป็นเพราะธีมมหาวิทยาลัยที่จะให้เราได้เปิดสาขาต่าง ๆ ที่จะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านรูปลักษณ์หรือด้านรายละเอียดของเกมเพลย์ ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเลยในการเล่น และสำคัญที่สุดก็คือความเข้าใจง่ายต่อการเล่น ที่จะให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับระบบไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายแต่อย่างใด การเพิ่มระดับของด่านก็จะมีลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามา นี่คือภาคต่ออันยอดเยี่ยมที่แทบไม่มีข้อติใด ๆ เลย
สิ่งเดียวที่อาจจะให้ข้อสังเกตุได้ก็คงจะเป็นในด้านกราฟิกและหน้า Interface ที่ค่อนข้างเหมือนเดิมจนเกินไป ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการเล่นแต่ส่วนตัวก็มีความคิดว่าเปลี่ยนให้มันดูแปลกตาหน่อยก็ดีเหมือนกัน รวมถึงในเรื่องของเสียงผู้เขียนยังได้ยินเสียงประกอบที่ถูกนำมาจากภาคเก่า และมันอาจจะไม่เข้ากับเกมภาคนี้อย่างการเรียกให้หมอกลับมาที่โรงพยาบาล แต่ภาคนี้มันคือมหาวิทยาลัยต่างหาก