GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Sniper Elite 5 "ประสบการณ์ลอบสังหารสุดอิสระ และทะเยอทะยานมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา"
ลงวันที่ 27/05/2022

หากพูดถึงเกมการเล่นที่เราจะได้รับบทเป็นพลแม่นปืนระดับพระกาฬ (ที่ผู้เล่นไม่ได้พระกาฬด้วย) เกมที่เราจะได้ลอบยิงสังหารศัตรูด้วยความดุเดือด โหด และรุนแรงสะใจ ชื่อของ Sniper Elite น่าจะเป็นชื่อที่แฟนเกมต้องคุ้นเคย และรู้จักมันมาอย่างยาวนาน และคราวนี้ Karl Fairburne กลับมาอีกครั้ง และเป็นภาคที่ 5 แล้ว โดยภารกิจของเขาคราวนี้คือการยับยั้งแผนการร้ายของเหล่านาซีที่กำลังจะอุบัติขึ้นในฝรั่งเศส แต่มันจะยอดเยี่ยม และสนุกแค่ไหนในการลอบยิงสุดโหดครั้งใหม่นี้ เชิญพบกับรีวิว Sniper Elite 5 

แผนอันตรายของเหล่านาซีในฝรั่งเศส


ในภาคนี้ ผู้เล่นจะยังคงได้รับบทเป็น Karl Fairburne สุดยอดสไนเปอร์มือพระกาฬที่ภารกิจคราวนี้ มีฉากหลังอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 1944 เขาต้องขัดขวางปฏิบัติการลับของเหล่านาซี (อีกครั้ง) โดยคราวนี้นาซีกำลังแอบพัฒนาโครงการลับในชื่อ Operation Kraken เพียงแต่คราวนี้ แฟร์เบิร์นจะไม่ต้องลุยเดี่ยว เพราะมีทีมสนับสนุนอย่างกองกำลังต่อต้านมาช่วยด้วยอีกแรง (ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราก็ลุยเดี่ยวตามภารกิจอยู่ดี) 

หัวใจสำคัญจริง ๆ ของเนื้อเรื่องก็ยังหนีไม่พ้นหยุดแผนการสุดอันตรายของเหล่านาซี และเป็นหน้าที่ของแฟร์เบิร์นที่ต้องหยุดยั้งมันอีกครั้งและอีกครั้ง ในภาคนี้สิ่งที่แตกต่างกันออกไปคือ การมีตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาสร้างสีสันในแต่ละช่วงคัทซีน นั่นก็คือกลุ่มต่อต้าน แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีบทบาทแค่ในคัทซีนเท่านั้น มีเป็นบางฉาก ที่เราจะได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา ซึ่งก็ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไร 


การเล่าเรื่องของ Sniper Elite 5 หลัก ๆ แล้วจะมาจากคัทซีนในช่วงเปิดด่านและปิดด่าน มีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างไปแบบเรื่อย ๆ ใครที่ไม่ไหวจะดูเนื้อเรื่องก็สามารถเร่งข้ามไปเลยก็ทำได้ แต่ก็ยังต้องชื่นชมว่า แม้จะเป็นการหากินกับปฏิบัติการถล่มสังหารนาซี ทีมพัฒนาเกมนี้ก็ยังอุตส่าห์สรรหามุกใหม่ ๆ มาให้ผู้เล่นได้ติดตามกันเสมอ

เกมเพลย์ที่ทะเยอทะยานกว่าทุกภาคที่ผ่านมา


สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าจับตามองอีกครั้ง คือการที่มันพยายามเล่นใหญ่กว่าทุกภาค ใน Sniper Elite 5 นี้ ตัวเกมจะใช้วิธีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ ที่เกมยุคนี้ชอบใช้กัน คือการนำเสนอในรูปแบบเกมกึ่ง Open World และขนาดของแผนที่ในแต่ละฉากเองก็ถือว่าไม่ใช่เล็ก ๆ ผู้เล่นสามารถสอดส่อง วางแผน จัดการทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการทำภารกิจให้สำเร็จและหลบหนีออกมา เพื่อเสร็จสิ้นภารกิจนั้น

จากที่เป็นเกมเดินหน้าตะลุยด่าน ลอบยิงให้หมดแล้วผ่านฉากไป คราวนี้ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้การวางแผนกลยุทธ์ การสำรวจสอดส่องพื้นที่ในเกมทั้งหมดในภารกิจนั้น   เพื่อให้เรารู้ว่า ควรจะทำอะไร ตรงไหน ลอบสังหารยังไง และจะหลบหนีเส้นทางไหน ด้วยความที่เกมกลายเป็นโลกกึ่ง Open World ทำให้เหล่า A.I. มีการแสดงผลและการโต้ตอบแบบไดนามิก ยกตัวอย่างเช่น Mission 2 ของเกม ที่มักจะมีรถลาดตระเวนผ่านไปมา ถ้าเกิดเราหลบไม่ดี หรือหลบผิดจุด ผิดที่แล้วล่ะก็ การ Stealth แตก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ และจบลงที่การ Restart Mission ใหม่


แม้จะเป็นชื่อเกมว่า Sniper Elite แต่ในเกมภาคนี้ เราจะมีอุปกรณ์และอาวุธที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น ขวดเปล่า ไว้ปาหลอกล่อศัตรู ระเบิดที่มีทั้งแบบ Mine หรือระเบิดปาสร้างความเสียหายทั่วไป และทุกอุปกรณ์เราสามารถดัดแปลงนำมาใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แถมเกมบังคับให้เราถือไว้ติดตัวอยู่แล้ว เลือกใช้งานได้ตลอด แต่จะถือมากขึ้นได้ก็ต้องอัปเกรดสกิลก่อน และด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายแบบนี้ ทำให้สอดคล้องกับรูปแบบการเล่นที่เป็นกึ่ง Open World ตามมา

แต่ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นกึ่ง Open World แต่เกมยังใช้ระบบการดำเนินเรื่องแบบเป็น Mission ไป เมื่อเราเลือก Mission ของแคมเปญเนื้อเรื่องแล้ว เราจะเข้าสู่พื้นที่ภารกิจ ที่เป็นพื้นที่เปิดกว้างจากนั้นก็จัดการภารกิจและเป้าหมายที่ได้รับมา ภายในฉากขนาดใหญ่จะมีทั้งพื้นที่ให้ซุ่ม มีเถาวัลย์ให้ปีน มีจุดสำคัญต่าง ๆ เช่นัสัญญาณเตือนภัย หรือพื้นที่ภารกิจ ผู้เล่นสามารถเลือกเอาเองได้เลยว่าอยากจะทำอะไร จัดการการเล่นของตัวเองแบบไหน 


นอกจากนั้นภายในฉากแต่ละฉากจะมี Workbench ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการอัปเกรดและปรับแต่งอาวุธปืนของเรา ในเกมภาคนี้เราจะมีอาวุธทั้งหมด 3 ชนิดคือ Rifle ปืนซุ่มยิงหลักของเรา / SMG ปืนกลเบาที่ถือเป็นอาวุธรอง และ Pistol ปืนสั้น ที่เป็นอาวุธสำรองอีกทีหนึ่ง การจะปรับแต่งอาวุธพวกนี้ได้ เราจะต้องไปหาโต๊ะ Workbench ที่ซ่อนอยู่ในจุดต่าง ๆ ภายในฉากให้เจอ จึงจะเป็นการปลดล็อคของแต่งใหม่ ๆ ไปในตัว และมันสำคัญมากในช่วงแรก เพราะของสำคัญอย่าง Surpressor หรือปลอกเก็บเสียง ของคู๋ใจมือสไนเปอร์ จะปลดล็อคได้ในช่วง Mission 2

ก่อนจะเริ่มเล่นเกม ผู้เขียนขอออกตัวเตือนไว้เลยว่า ใครที่เป็นคนใจร้อน ก็อย่าลังเลที่จะเลือกเล่นโหมด Very Easy ของเกมนี้ไปเลย แต่ไม่ใช่เพื่อให้เราได้บู๊แหลก วิ่งยิงเป็น Call of Duty แต่ A.I. ของเกมจะฉลาดน้อยลงมาก ความพิเศษของเกมนี้คือการวางแผนอย่างใจเย็น และรัดกุมมากที่สุด หากคุณอยากเล่นเป็นมือสังหารเงียบอย่างแท้จริง แต่บางครั้งความฉลาดของ A.I. ก็ทำให้การวางแผนลำบากมาก หากยังไม่เชี่ยวชาญ กดง่ายสุดไปก่อนก็ไม่เสียหาย แต่กลับกัน เกมนี้มอบอิสระให้คุณที่จะวิ่งยิงแหลกแบบไม่สนสี่สนแปดอะไรเลยก็ได้เช่นกัน เกมรองรับทุกสไตล์การเล่นของคุณอยู่แล้ว


เพียงแต่ว่าในช่วงจบเกม จะมีการประเมินคะแนนความสามารถและรูปแบบการเล่นของคุณอย่างชัดเจน ว่าคุณเป็นพวกมือสังหารเงียบ หรือพวกป่าเถื่อนฆ่าแหลกไม่สนอะไรเลยก็ทำได้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า จำนวนศัตรูในแต่ละฉาก มันใส่มาเยอะเสียจนผู้เขียนคิดว่า ยังไงก็กินเวลามาก กว่าจะฆ่าได้หมด การวางแผน ลอบเร้น เล่นอย่างใจเย็น ยังจะพอมีความเป็นไปได้มากกว่า และใช้เวลาในการเล่นน้อยกว่า แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่คุณ ว่าคุณยังสนใจหรือไม่ ว่าเกมนี้คือ Sniper Elite ไม่ใช่ Call of Duty

ระทึกยิ่งกว่า ด้วยการโดน Invade จากผู้เล่นอื่น 


ใน Sniper Elite 5 นี้ ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของเกมเข้ามา สำหรับโหมดนี้ ใครที่เคยเล่น Deathloop หรือเกมจำพวก Soulsborne มาก่อน ก็จะรู้จักและเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้น มันคือโหมด Invader ที่ผู้เล่นคนอื่นจะสามารถบุกรุกเข้ามายังเกมของเรา และมาไล่สังหารเราได้ เมื่อเราโดนผู้เล่นอื่นบุกรุกเข้ามา ภารกิจหลักของตัวเกมจะกลายเป็นการตามหาเป้าหมาย และฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ ก่อนที่เราจะโดนอีกฝ่ายเป่าหัวจนดับดิ้นเสียเอง

ภายในฉาก จะมีตู้โทรศัพท์อยู่ ที่เราสามารถใช้งานเพื่อเปิดเผยตำแหน่งของเป้าหมายได้ด้วย ทำให้การเล่นโหมดนี้มีความตื่นเต้น และลุ้นระทึกอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าฝ่าย Axis Invader นี้ บางทีก็เป็นบอทหรืออาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไรนัก ถ้าคนเล่นเป็นวนมาเจอกัน มันอาจจะเป็นการประลองปืนสไนเปอร์ที่ดุเดือดมาก และวัดความใจเย็นได้ดี แต่หากเป็นคนเล่นไม่เป็นเข้ามา ก็อาจจะงง ๆ ไปเลยว่าต้องทำอะไรยังไง 


อย่างไรก็ตาม โหมดนี้สามารถเปิด-ปิดได้โดยผู้เล่นเองอยู่แล้ว หากใครไม่อยากถูกรบกวนจากการโดนผู้เล่นอื่นบุกเข้ามา ก็เลือกปิดได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มภารกิจ ซึ่งบางครั้งก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมีหลายครั้งหลายหนเหมือนกันที่การลอบสังหารกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ถูกผู้เล่นอื่นบุกเข้ามาขัดขวางซะอย่างนั้น

ยกระดับ Kill Cam ให้ดุดัน ทรงพลัง และอิสระกว่าที่เคย


จะรีวิวเกมนี้โดยไม่พูดถึงฟีเจอร์นี้ย่อมไม่ได้โดยเด็ดขาด สำหรับ Kill Cam ที่ถือว่าเป็นไม้เด็ดที่ใครหลายคนชื่นชอบ เพราะเราจะได้เห็นฉากการฆ่าสุดดุเดือด กระสุนพุ่งทะลุทะลวง ทำลายล้างอวัยวะของเหล่าทหารนาซีผู้โชคร้าย ที่ในภาคนี้ ระบบนี้ก็ยกระดับขึ้น โดยเราสามารถปรับแต่งลูกเล่นต่าง ๆ ระหว่างฉากสโลว์โมชั่นที่กระสุนพุ่งเข้าไปสังหารศัตรูได้

ไม่ว่าจะเป็ฯสปีดความเร็ว การหันมุมมองด้วยเมาส์ หรือการเข้าสู่ Photo Mode ระหว่างนาทีสังหารนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมในภาคนี้ อาวุธทุกแบบยังมีโมเมนท์ Kill Cam แล้ว จากที่แต่ก่อนจะมีแต่ปืนไรเฟิลเท่านั้น ภาคนี้ทั้งปืน SMG ปืนพก หรือแม้แต่ระเบิด หากปาเข้าไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมก็สามารถทำให้เกิด Kill Cam สุดเท่ได้ตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่า แม้มันจะเจาะทะลุทะลวงไปจนถึงอวัยวะ หรือส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ความรุนแรงของมันอาจจะดูเบาลงนิดหนึ่ง สำหรับคนที่เคยตามซีรีส์นี้มาก่อน แต่ภาคนี้ถือว่าปรับแต่ง และใส่สิ่งต่าง ๆ มาได้เยอะขึ้น


ภาพรวมของ Sniper Elite 5 นั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ยกระดับมาจากภาคแรกอย่างก้าวกระโดดมากนัก แต่ในแง่ของเกมเพลย์ ฉาก บรรยากาศ ก็ถือว่ามีการพัฒนาพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะ Kill Cam และฉากที่สวยงาม กว้างใหญ่ขึ้นมาก ไม่ว่าคุณจะซื้อเกมนี้มาเล่น หรือเล่นผ่านระบบ Xbox Game Pass ก็น่าจะคุ้มค่า สมราคา โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่หลงใหลในการลอบเร้น นี่คือเกมที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

7
ข้อดี

เกมเพลย์สูตรคลาสสิคที่ถูกพัฒนาให้หลากหลายกว่าที่ผ่านมา

อนิเมชั่น Kill Cam ดิบเถื่อนสะใจ

ระบบ Invade เพิ่มความระทึกให้กับเกมตลอดเวลา

ข้อเสีย

เนื้อเรื่องถล่มนาซีที่เห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

บทพูดและตัวละครแบน ๆ ไม่น่าจดจำ


8
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Sniper Elite 5 "ประสบการณ์ลอบสังหารสุดอิสระ และทะเยอทะยานมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา"
27/05/2022

หากพูดถึงเกมการเล่นที่เราจะได้รับบทเป็นพลแม่นปืนระดับพระกาฬ (ที่ผู้เล่นไม่ได้พระกาฬด้วย) เกมที่เราจะได้ลอบยิงสังหารศัตรูด้วยความดุเดือด โหด และรุนแรงสะใจ ชื่อของ Sniper Elite น่าจะเป็นชื่อที่แฟนเกมต้องคุ้นเคย และรู้จักมันมาอย่างยาวนาน และคราวนี้ Karl Fairburne กลับมาอีกครั้ง และเป็นภาคที่ 5 แล้ว โดยภารกิจของเขาคราวนี้คือการยับยั้งแผนการร้ายของเหล่านาซีที่กำลังจะอุบัติขึ้นในฝรั่งเศส แต่มันจะยอดเยี่ยม และสนุกแค่ไหนในการลอบยิงสุดโหดครั้งใหม่นี้ เชิญพบกับรีวิว Sniper Elite 5 

แผนอันตรายของเหล่านาซีในฝรั่งเศส


ในภาคนี้ ผู้เล่นจะยังคงได้รับบทเป็น Karl Fairburne สุดยอดสไนเปอร์มือพระกาฬที่ภารกิจคราวนี้ มีฉากหลังอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 1944 เขาต้องขัดขวางปฏิบัติการลับของเหล่านาซี (อีกครั้ง) โดยคราวนี้นาซีกำลังแอบพัฒนาโครงการลับในชื่อ Operation Kraken เพียงแต่คราวนี้ แฟร์เบิร์นจะไม่ต้องลุยเดี่ยว เพราะมีทีมสนับสนุนอย่างกองกำลังต่อต้านมาช่วยด้วยอีกแรง (ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราก็ลุยเดี่ยวตามภารกิจอยู่ดี) 

หัวใจสำคัญจริง ๆ ของเนื้อเรื่องก็ยังหนีไม่พ้นหยุดแผนการสุดอันตรายของเหล่านาซี และเป็นหน้าที่ของแฟร์เบิร์นที่ต้องหยุดยั้งมันอีกครั้งและอีกครั้ง ในภาคนี้สิ่งที่แตกต่างกันออกไปคือ การมีตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาสร้างสีสันในแต่ละช่วงคัทซีน นั่นก็คือกลุ่มต่อต้าน แต่น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดพวกเขาก็มีบทบาทแค่ในคัทซีนเท่านั้น มีเป็นบางฉาก ที่เราจะได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา ซึ่งก็ไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไร 


การเล่าเรื่องของ Sniper Elite 5 หลัก ๆ แล้วจะมาจากคัทซีนในช่วงเปิดด่านและปิดด่าน มีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างไปแบบเรื่อย ๆ ใครที่ไม่ไหวจะดูเนื้อเรื่องก็สามารถเร่งข้ามไปเลยก็ทำได้ แต่ก็ยังต้องชื่นชมว่า แม้จะเป็นการหากินกับปฏิบัติการถล่มสังหารนาซี ทีมพัฒนาเกมนี้ก็ยังอุตส่าห์สรรหามุกใหม่ ๆ มาให้ผู้เล่นได้ติดตามกันเสมอ

เกมเพลย์ที่ทะเยอทะยานกว่าทุกภาคที่ผ่านมา


สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าจับตามองอีกครั้ง คือการที่มันพยายามเล่นใหญ่กว่าทุกภาค ใน Sniper Elite 5 นี้ ตัวเกมจะใช้วิธีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ ที่เกมยุคนี้ชอบใช้กัน คือการนำเสนอในรูปแบบเกมกึ่ง Open World และขนาดของแผนที่ในแต่ละฉากเองก็ถือว่าไม่ใช่เล็ก ๆ ผู้เล่นสามารถสอดส่อง วางแผน จัดการทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการทำภารกิจให้สำเร็จและหลบหนีออกมา เพื่อเสร็จสิ้นภารกิจนั้น

จากที่เป็นเกมเดินหน้าตะลุยด่าน ลอบยิงให้หมดแล้วผ่านฉากไป คราวนี้ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้การวางแผนกลยุทธ์ การสำรวจสอดส่องพื้นที่ในเกมทั้งหมดในภารกิจนั้น   เพื่อให้เรารู้ว่า ควรจะทำอะไร ตรงไหน ลอบสังหารยังไง และจะหลบหนีเส้นทางไหน ด้วยความที่เกมกลายเป็นโลกกึ่ง Open World ทำให้เหล่า A.I. มีการแสดงผลและการโต้ตอบแบบไดนามิก ยกตัวอย่างเช่น Mission 2 ของเกม ที่มักจะมีรถลาดตระเวนผ่านไปมา ถ้าเกิดเราหลบไม่ดี หรือหลบผิดจุด ผิดที่แล้วล่ะก็ การ Stealth แตก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ และจบลงที่การ Restart Mission ใหม่


แม้จะเป็นชื่อเกมว่า Sniper Elite แต่ในเกมภาคนี้ เราจะมีอุปกรณ์และอาวุธที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น ขวดเปล่า ไว้ปาหลอกล่อศัตรู ระเบิดที่มีทั้งแบบ Mine หรือระเบิดปาสร้างความเสียหายทั่วไป และทุกอุปกรณ์เราสามารถดัดแปลงนำมาใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แถมเกมบังคับให้เราถือไว้ติดตัวอยู่แล้ว เลือกใช้งานได้ตลอด แต่จะถือมากขึ้นได้ก็ต้องอัปเกรดสกิลก่อน และด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายแบบนี้ ทำให้สอดคล้องกับรูปแบบการเล่นที่เป็นกึ่ง Open World ตามมา

แต่ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นกึ่ง Open World แต่เกมยังใช้ระบบการดำเนินเรื่องแบบเป็น Mission ไป เมื่อเราเลือก Mission ของแคมเปญเนื้อเรื่องแล้ว เราจะเข้าสู่พื้นที่ภารกิจ ที่เป็นพื้นที่เปิดกว้างจากนั้นก็จัดการภารกิจและเป้าหมายที่ได้รับมา ภายในฉากขนาดใหญ่จะมีทั้งพื้นที่ให้ซุ่ม มีเถาวัลย์ให้ปีน มีจุดสำคัญต่าง ๆ เช่นัสัญญาณเตือนภัย หรือพื้นที่ภารกิจ ผู้เล่นสามารถเลือกเอาเองได้เลยว่าอยากจะทำอะไร จัดการการเล่นของตัวเองแบบไหน 


นอกจากนั้นภายในฉากแต่ละฉากจะมี Workbench ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการอัปเกรดและปรับแต่งอาวุธปืนของเรา ในเกมภาคนี้เราจะมีอาวุธทั้งหมด 3 ชนิดคือ Rifle ปืนซุ่มยิงหลักของเรา / SMG ปืนกลเบาที่ถือเป็นอาวุธรอง และ Pistol ปืนสั้น ที่เป็นอาวุธสำรองอีกทีหนึ่ง การจะปรับแต่งอาวุธพวกนี้ได้ เราจะต้องไปหาโต๊ะ Workbench ที่ซ่อนอยู่ในจุดต่าง ๆ ภายในฉากให้เจอ จึงจะเป็นการปลดล็อคของแต่งใหม่ ๆ ไปในตัว และมันสำคัญมากในช่วงแรก เพราะของสำคัญอย่าง Surpressor หรือปลอกเก็บเสียง ของคู๋ใจมือสไนเปอร์ จะปลดล็อคได้ในช่วง Mission 2

ก่อนจะเริ่มเล่นเกม ผู้เขียนขอออกตัวเตือนไว้เลยว่า ใครที่เป็นคนใจร้อน ก็อย่าลังเลที่จะเลือกเล่นโหมด Very Easy ของเกมนี้ไปเลย แต่ไม่ใช่เพื่อให้เราได้บู๊แหลก วิ่งยิงเป็น Call of Duty แต่ A.I. ของเกมจะฉลาดน้อยลงมาก ความพิเศษของเกมนี้คือการวางแผนอย่างใจเย็น และรัดกุมมากที่สุด หากคุณอยากเล่นเป็นมือสังหารเงียบอย่างแท้จริง แต่บางครั้งความฉลาดของ A.I. ก็ทำให้การวางแผนลำบากมาก หากยังไม่เชี่ยวชาญ กดง่ายสุดไปก่อนก็ไม่เสียหาย แต่กลับกัน เกมนี้มอบอิสระให้คุณที่จะวิ่งยิงแหลกแบบไม่สนสี่สนแปดอะไรเลยก็ได้เช่นกัน เกมรองรับทุกสไตล์การเล่นของคุณอยู่แล้ว


เพียงแต่ว่าในช่วงจบเกม จะมีการประเมินคะแนนความสามารถและรูปแบบการเล่นของคุณอย่างชัดเจน ว่าคุณเป็นพวกมือสังหารเงียบ หรือพวกป่าเถื่อนฆ่าแหลกไม่สนอะไรเลยก็ทำได้ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า จำนวนศัตรูในแต่ละฉาก มันใส่มาเยอะเสียจนผู้เขียนคิดว่า ยังไงก็กินเวลามาก กว่าจะฆ่าได้หมด การวางแผน ลอบเร้น เล่นอย่างใจเย็น ยังจะพอมีความเป็นไปได้มากกว่า และใช้เวลาในการเล่นน้อยกว่า แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่คุณ ว่าคุณยังสนใจหรือไม่ ว่าเกมนี้คือ Sniper Elite ไม่ใช่ Call of Duty

ระทึกยิ่งกว่า ด้วยการโดน Invade จากผู้เล่นอื่น 


ใน Sniper Elite 5 นี้ ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ของเกมเข้ามา สำหรับโหมดนี้ ใครที่เคยเล่น Deathloop หรือเกมจำพวก Soulsborne มาก่อน ก็จะรู้จักและเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้น มันคือโหมด Invader ที่ผู้เล่นคนอื่นจะสามารถบุกรุกเข้ามายังเกมของเรา และมาไล่สังหารเราได้ เมื่อเราโดนผู้เล่นอื่นบุกรุกเข้ามา ภารกิจหลักของตัวเกมจะกลายเป็นการตามหาเป้าหมาย และฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ ก่อนที่เราจะโดนอีกฝ่ายเป่าหัวจนดับดิ้นเสียเอง

ภายในฉาก จะมีตู้โทรศัพท์อยู่ ที่เราสามารถใช้งานเพื่อเปิดเผยตำแหน่งของเป้าหมายได้ด้วย ทำให้การเล่นโหมดนี้มีความตื่นเต้น และลุ้นระทึกอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าฝ่าย Axis Invader นี้ บางทีก็เป็นบอทหรืออาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไรนัก ถ้าคนเล่นเป็นวนมาเจอกัน มันอาจจะเป็นการประลองปืนสไนเปอร์ที่ดุเดือดมาก และวัดความใจเย็นได้ดี แต่หากเป็นคนเล่นไม่เป็นเข้ามา ก็อาจจะงง ๆ ไปเลยว่าต้องทำอะไรยังไง 


อย่างไรก็ตาม โหมดนี้สามารถเปิด-ปิดได้โดยผู้เล่นเองอยู่แล้ว หากใครไม่อยากถูกรบกวนจากการโดนผู้เล่นอื่นบุกเข้ามา ก็เลือกปิดได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มภารกิจ ซึ่งบางครั้งก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะมีหลายครั้งหลายหนเหมือนกันที่การลอบสังหารกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ถูกผู้เล่นอื่นบุกเข้ามาขัดขวางซะอย่างนั้น

ยกระดับ Kill Cam ให้ดุดัน ทรงพลัง และอิสระกว่าที่เคย


จะรีวิวเกมนี้โดยไม่พูดถึงฟีเจอร์นี้ย่อมไม่ได้โดยเด็ดขาด สำหรับ Kill Cam ที่ถือว่าเป็นไม้เด็ดที่ใครหลายคนชื่นชอบ เพราะเราจะได้เห็นฉากการฆ่าสุดดุเดือด กระสุนพุ่งทะลุทะลวง ทำลายล้างอวัยวะของเหล่าทหารนาซีผู้โชคร้าย ที่ในภาคนี้ ระบบนี้ก็ยกระดับขึ้น โดยเราสามารถปรับแต่งลูกเล่นต่าง ๆ ระหว่างฉากสโลว์โมชั่นที่กระสุนพุ่งเข้าไปสังหารศัตรูได้

ไม่ว่าจะเป็ฯสปีดความเร็ว การหันมุมมองด้วยเมาส์ หรือการเข้าสู่ Photo Mode ระหว่างนาทีสังหารนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมในภาคนี้ อาวุธทุกแบบยังมีโมเมนท์ Kill Cam แล้ว จากที่แต่ก่อนจะมีแต่ปืนไรเฟิลเท่านั้น ภาคนี้ทั้งปืน SMG ปืนพก หรือแม้แต่ระเบิด หากปาเข้าไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมก็สามารถทำให้เกิด Kill Cam สุดเท่ได้ตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่า แม้มันจะเจาะทะลุทะลวงไปจนถึงอวัยวะ หรือส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย แต่ความรุนแรงของมันอาจจะดูเบาลงนิดหนึ่ง สำหรับคนที่เคยตามซีรีส์นี้มาก่อน แต่ภาคนี้ถือว่าปรับแต่ง และใส่สิ่งต่าง ๆ มาได้เยอะขึ้น


ภาพรวมของ Sniper Elite 5 นั้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ยกระดับมาจากภาคแรกอย่างก้าวกระโดดมากนัก แต่ในแง่ของเกมเพลย์ ฉาก บรรยากาศ ก็ถือว่ามีการพัฒนาพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะ Kill Cam และฉากที่สวยงาม กว้างใหญ่ขึ้นมาก ไม่ว่าคุณจะซื้อเกมนี้มาเล่น หรือเล่นผ่านระบบ Xbox Game Pass ก็น่าจะคุ้มค่า สมราคา โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่หลงใหลในการลอบเร้น นี่คือเกมที่คุณไม่ควรพลาดเลยทีเดียว


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header