GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม SEASON : A Letter to the Future ส่งต่อความทรงจำของมนุษยชาติยุคปัจจุบันสู่อนาคต
ลงวันที่ 03/03/2023

ในช่วงต้นปี 2023 นี้ ถือว่าเป็นปีที่วงการเกมกลับมาคึกคักอีกครั้ง เกมฟอร์มยักษ์ล้วนออกมาดี และประสบความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน เกมอินดี้ที่กลายเป็น Hidden Gem กันตั้งแต่ต้นปีเองก็มีเช่นกัน เกมที่ว่าคือ SEASON: A Letter to the Future เกมอินดี้สุดลึก ที่จะสอนให้คุณสัมผัสกับสิ่งของและผู้คนรอบตัว ก่อนที่โลกจะสูญสิ้น นี่คือเกมแนว Post-Apocalypse แบบใหม่ที่เราไม่ต้องสวมบทเป็นฮีโร่ แต่ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในช่วงโค้งสุดท้าย และเกมนี้จะเป็นยังไง มาดูรีวิวของเรากันได้

ช่วงเวลาสุดท้ายของทุกคน เราเลือกจะทำอะไร ?


SEASON: A Letter to the Future ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหญิงสาวที่ชื่อ Estelle ที่เกิดและเติบโตมาในเมือง Caro ครอบครัวและเมืองของเธอรับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะพัดพาทุกสิ่งบนโลกให้หายไป ในขณะที่ทุกคนเตรียมสังสรรค์และใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนที่รักในครั้งสุดท้ายของชีวิต Estelle ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งแรก โดยเป้าหมายของเธอคือบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เธอได้เจอ สถานที่ที่ไป ผู้คนที่ได้คุย เพื่อส่งต่อให้กับมนุษย์รุ่นถัดไปในอนาคต


เนื้อเรื่องของ SEASON: A Letter to the Future นั้น ปูมาให้เราแค่นี้ ส่วนที่เหลือต้องอาศัยการผจญภัย การตีความของผู้เล่น แต่เกมมันก็ไม่ใช่การนำเสนอความลึกอะไรขนาดนั้น ทุกสิ่งอย่างรอบตัวของฉากในเกม จะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราว เพียงแต่ผู้เล่นจะต้องขยันสำรวจ และตั้งใจอ่าน และสังเกตสิ่งของรอบตัว เพื่อเข้าใจว่าสถานที่ที่ Estelle เดินทางผ่านนั้น มันมีเรื่องราว มีเหตุการณ์อะไรซ่อนอยู่ และเกมจะเล่าสลับตัดกับเหตุการณ์ก่อนที่ Estelle จะออกเดินทาง ที่เธอได้พบเจอ และพูดคุยกับตัวละครต่าง ๆ 

เรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ทำให้เราหันกลับมาตั้งคำถามและมองตัวเองได้อีกแง่ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ๆ ตัวเราจะตัดสินใจแบบไหน จะออกเดินทางหรือไม่ หรือจะใช้เวลาสุดท้ายร่วมกันกับทุกคนที่รัก


สำหรับเกมนี้ต้องบอกว่าเป็นเกม Story Rich อย่างแท้จริง เกมจะเต็มไปด้วยเนื้อหาทั้งจากตัวละครหลักและตัวละครเสริมในเกม และเป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่อินกับโลกในเกมนี้เลย แต่สำหรับใครกำลังมองหาความแปลกใหม่ในการเสพสื่ออย่างวิดีโอเกม SEASON: A Letter to the Future ถือว่าทำออกมาได้ดีและลึกล้ำมาก ๆ แต่ด้วยความที่เป็นเกมนำเสนอแบบเน้นเนื้อหา ใครหวังจะได้เล่นเกมสนุก ๆ อาจจะต้องปล่อยผ่านเกมนี้ไป ซึ่งเรากำลังจะเล่าให้เข้าใจกันในส่วนของเกมเพลย์

การนำเสนอและงานภาพที่อาจทำให้คุณแคปภาพเก็บไว้ทุกนาทีที่เล่น


ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของเกมเพลย์ จุดขายที่เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์มาก ๆ ของเกมนี้เลยคือเรื่องของการนำเสนอและงานศิลป์กับภาพกราฟิก จริงอยู่ว่าเกมนี้ไม่ได้เน้นกราฟิกที่อลังการงานสร้างนัก แต่ด้วยขุมพลังของ Unreal Engine ทำให้เกมนี้ยังสามารถรังสรรค์งานภาพแบบการ์ตูนและโทนสีที่มีเอกลักษณ์มาก  นอกจากนั้น ในการดีไซน์โลกและพื้นที่ต่าง ๆ ของเกมก็ทำออกมาได้ดี อย่างเช่นเมือง Caro ที่เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองที่มีอยู่จริง และเอาแค่ช่วงแรกที่มีการขี่จักรยานออกจากเมือง เพื่อเริ่มต้นการเดินทาง เราก็สามารถแคปรูปภาพสกรีนช็อตได้เป็นสิบรูปแล้ว เรียกได้ว่าใครชื่นชอบงานภาพสไตล์นี้ บอกเลยว่าเกมนี้มอบประสบการณ์การเสพงานภาพที่เต็มอิ่มและคุ้มค่าให้กับผู้เล่น


แต่ถึงจะเป็นการออกเดินทางไปยังโลกกว้าง แต่ตัวเกมก็ไม่ได้นำเสนอเกมการเล่นในแบบ Open World แต่อย่างใด เมื่อถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ผู้เล่นจะสามารถจอดรถจักรยาน และลงไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ได้ หากพยายามจะออกนอกลู่นอกทาง จะเจอกำแพงลมเหมือนที่เกมอื่น ๆ ชอบใช้กัน และเกมนำเสนอเกมการเล่นแบบเส้นตรงเพียว ๆ ดังนั้นเกมนี้จะเป็นการปล่อยให้ผู้เล่นดื่มด่ำกับเนื้อหาแบบเต็ม ๆ และไปใช้สมองกับการตีความเนื้อหาและทำความเข้าใจเนื้อเรื่องกับเหตุการณ์ในโลกแทน


แม้จะเป็นส่วนน้อยในด้านการนำเสนอ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันโดดเด่นมาก แทบไม่มีเกมไหนที่ใช้วิธีการนำเสนอแบนนี้ ในด้านงานภาพและการเล่าเรื่อง ยิ่งเดินทางผ่านไปเรื่อย ๆ เราจะยิ่งอิน ยิ่งอยากรู้ อยากสำรวจ อยากทำความเข้าใจว่า โลกที่ Estelle กำลังไปเจอ จะเป็นแบบไหน และเราจะได้สัมผัสอะไรจากมันบ้าง ใครกำลังมองหาเกมที่เหมือนกับศิลปะดี ๆ สักชิ้น บอกเลยว่านี่แหละคือคำตอบ แต่ใครไม่อิน อยากบู๊ อยากลุย นี่ไม่ใช่เกมแบบนั้นแน่นอน 

เกมเพลย์ที่เน้นการเก็บสะสมเรื่องราวและบรรยากาศจนเหมือนไม่ใช่ "วิดีโอเกม"


ไม่รู้ว่าเกมเมอร์ยุคนี้ยังคุ้นเคยกับแนวเกม Point & Click อยู่หรือไม่ เกมแนวนี้ผู้เล่นจะไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากใช้เมาส์คลิก ๆ ไปตามฉากเพื่อสำรวจและเก็บของ แต่เกมนี้ไม่ใช่ Point & Click 100% เพราะมันยังมีหลายฉากที่ผู้เล่นต้องควบคุมด้วยคีย์บอร์ด เช่นการควบคุมตัวละคร Estelle หรือการใช้กล้องถ่ายรูปและเครื่องอัดเสียงเพื่อบันทึกเรื่องราวและความทรงจำ

แต่ที่เราบอกว่าเกมเพลย์มันเป็นแนว Point & Click นั้น เพราะเกือบ 70-80% มันจะเป็นแบบนั้น เมื่อเราอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เราสามารถที่จะโต้ตอบกับสิ่งของและวัตถุต่าง ๆ ในฉากนั้นได้ โดยสิ่งของในฉากต่าง ๆ ก็จะเป็นจดหมาย เป็นคำบอกเล่า เป็นอะไรก็ตามที่จะเล่าเรื่องราวหรือที่มาที่ไปในสถานที่นั้น ๆ 


หัวใจสำคัญของเกมนี้คือการสะสมเรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจ (Inspiration) โดยนำเอาสิ่งของต่าง ๆ ที่เก็บได้ มาจดหรือแปะลงในสมุดบันทึกของเรา เมื่อได้ค่า Inspiration จนเต็ม เราจะได้ของตกแต่งมาตกแต่งสมุดเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าเราจะบอกว่าทั้งเกมมันมีแค่นี้จริง ๆ หลายคนก็อาจจะยังไม่เชื่อ แต่ขอให้เชื่อว่านี่คือทั้งหมดของเกมเพลย์เกมนี้แล้ว เพราะหลัก ๆ เกมนี้จะให้เราดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ และเสพเนื้อเรื่องในพื้นที่ต่าง ๆ 

จริงอยู่ว่ามีช่วงที่เราจะได้ปั่นจักรยานออกสำรวจพื้นที่ และอย่างที่บอกว่าเกมนี้ไม่มี Free Roam หรือการสำรวจใด ๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นเหมือนการจดบันทึกก่อนโลกล่มสลาย แต่ไม่ใช่ในชีวิตจริง แต่เป็นวิดีโอเกม และทำให้มันดูเหมือนจะไม่ใช่เกมด้วยซ้ำ ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อเกมนี้มาเล่น บอกเลยว่าต้องชอบการเสพบรรยากาศและการอ่านเท่านั้น เพราะจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นมา นี่เป็นอีกเกมที่มีวลีกินใจ และคำคมชวนฉุกคิดอยู่เป็นจำนวนมากตลอดการเดินทาง ซึ่งหากจะมองว่ามันทำได้ดี มันก็ดีแน่นอน แต่การที่มันนำเสนอตัวเองเป็นวิดีโอเกม อาจทำให้ใครหลายคนผิดหวังพอสมควร แต่หลังจากที่เราเก็บรวบรวมเรื่องราวลงในสมุดให้เป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้แล้ว เกมจะตัดเข้าคัทซีนที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เราเก็บสะสมมาได้ เหมือนเป็นการระลึกถึงมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดต่อไป ก็ถือว่าเป็นการนำเสนอในรูปแบบวิดีโอเกมที่ดี


ในด้านของประสิทธิภาพตัวเกม ดว้ยความที่ใช้ Unreal Engine ซึ่งมีเสถียรภาพของมันเองอยู่แล้ว และเกมนี้ยังสามารถขับภาพกราฟิกได้ด้วยการลบรอยหยักและใช้ประสิทธิภาพจากเทคโนโลยี DLSS ได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ภาพดูสดใส สวยงามขึ้น แม้จะเป็นแค่กราฟิกแบบการ์ตูน แต่ก็ยังคงได้ภาพที่น่าประทับใจ และเป็นมิตรต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่พอจะเล่นเกมยุคปัจจุบันนี้ได้

SEASON: A Letter to the Future เป็ฯอีกหนึ่งเกมที่ไม่ใช่วิดีโอเกม มันเป็นเหมือนงานศิลป์ เป็นจดหมายที่ผู้พัฒนา ตั้งใจส่งถึงผู้เล่นให้ลองคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าถ้าเกิดวันนึงโลกเรามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ คำตอบแบบไหนที่เราจะตอบกับตัวเอง แม้เกมจะมีเรื่องราวที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง แต่หลายครั้งระหว่างเล่นที่เราอาจจะมานั่งคิดกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะมันมีช่องว่างของเกมเพลย์ที่ไม่ได้เป็นเกมขนาดนั้นให้เราคิดอยู่เสมอ

7
ข้อดี

- เรื่องราวที่ลึกล้ำ ราวกับโลกในเกมมีชีวิตและมีตัวตนอยู่จริง

- งานภาพที่สวยงามแถมไม่กินสเปคเครื่อง

- บท และคำพูดต่าง ๆ ที่สวยงามชวนประทับใจหลายคำในเกม

- บรรยากาศในเกมที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยม

ข้อเสีย

- เหมือนเกมแต่ไม่ใช่เกม ใครคาดหวังเกมเพลย์รับรองว่าผิดหวัง

- สโลว์เบิร์นหนักมาก ไม่เหมาะกับคนชอบเกมที่เราต้องโต้ตอบเยอะ ๆ


8
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม SEASON : A Letter to the Future ส่งต่อความทรงจำของมนุษยชาติยุคปัจจุบันสู่อนาคต
03/03/2023

ในช่วงต้นปี 2023 นี้ ถือว่าเป็นปีที่วงการเกมกลับมาคึกคักอีกครั้ง เกมฟอร์มยักษ์ล้วนออกมาดี และประสบความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน เกมอินดี้ที่กลายเป็น Hidden Gem กันตั้งแต่ต้นปีเองก็มีเช่นกัน เกมที่ว่าคือ SEASON: A Letter to the Future เกมอินดี้สุดลึก ที่จะสอนให้คุณสัมผัสกับสิ่งของและผู้คนรอบตัว ก่อนที่โลกจะสูญสิ้น นี่คือเกมแนว Post-Apocalypse แบบใหม่ที่เราไม่ต้องสวมบทเป็นฮีโร่ แต่ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในช่วงโค้งสุดท้าย และเกมนี้จะเป็นยังไง มาดูรีวิวของเรากันได้

ช่วงเวลาสุดท้ายของทุกคน เราเลือกจะทำอะไร ?


SEASON: A Letter to the Future ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหญิงสาวที่ชื่อ Estelle ที่เกิดและเติบโตมาในเมือง Caro ครอบครัวและเมืองของเธอรับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะพัดพาทุกสิ่งบนโลกให้หายไป ในขณะที่ทุกคนเตรียมสังสรรค์และใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนที่รักในครั้งสุดท้ายของชีวิต Estelle ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งแรก โดยเป้าหมายของเธอคือบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เธอได้เจอ สถานที่ที่ไป ผู้คนที่ได้คุย เพื่อส่งต่อให้กับมนุษย์รุ่นถัดไปในอนาคต


เนื้อเรื่องของ SEASON: A Letter to the Future นั้น ปูมาให้เราแค่นี้ ส่วนที่เหลือต้องอาศัยการผจญภัย การตีความของผู้เล่น แต่เกมมันก็ไม่ใช่การนำเสนอความลึกอะไรขนาดนั้น ทุกสิ่งอย่างรอบตัวของฉากในเกม จะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราว เพียงแต่ผู้เล่นจะต้องขยันสำรวจ และตั้งใจอ่าน และสังเกตสิ่งของรอบตัว เพื่อเข้าใจว่าสถานที่ที่ Estelle เดินทางผ่านนั้น มันมีเรื่องราว มีเหตุการณ์อะไรซ่อนอยู่ และเกมจะเล่าสลับตัดกับเหตุการณ์ก่อนที่ Estelle จะออกเดินทาง ที่เธอได้พบเจอ และพูดคุยกับตัวละครต่าง ๆ 

เรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ทำให้เราหันกลับมาตั้งคำถามและมองตัวเองได้อีกแง่ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ๆ ตัวเราจะตัดสินใจแบบไหน จะออกเดินทางหรือไม่ หรือจะใช้เวลาสุดท้ายร่วมกันกับทุกคนที่รัก


สำหรับเกมนี้ต้องบอกว่าเป็นเกม Story Rich อย่างแท้จริง เกมจะเต็มไปด้วยเนื้อหาทั้งจากตัวละครหลักและตัวละครเสริมในเกม และเป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่อินกับโลกในเกมนี้เลย แต่สำหรับใครกำลังมองหาความแปลกใหม่ในการเสพสื่ออย่างวิดีโอเกม SEASON: A Letter to the Future ถือว่าทำออกมาได้ดีและลึกล้ำมาก ๆ แต่ด้วยความที่เป็นเกมนำเสนอแบบเน้นเนื้อหา ใครหวังจะได้เล่นเกมสนุก ๆ อาจจะต้องปล่อยผ่านเกมนี้ไป ซึ่งเรากำลังจะเล่าให้เข้าใจกันในส่วนของเกมเพลย์

การนำเสนอและงานภาพที่อาจทำให้คุณแคปภาพเก็บไว้ทุกนาทีที่เล่น


ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของเกมเพลย์ จุดขายที่เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์มาก ๆ ของเกมนี้เลยคือเรื่องของการนำเสนอและงานศิลป์กับภาพกราฟิก จริงอยู่ว่าเกมนี้ไม่ได้เน้นกราฟิกที่อลังการงานสร้างนัก แต่ด้วยขุมพลังของ Unreal Engine ทำให้เกมนี้ยังสามารถรังสรรค์งานภาพแบบการ์ตูนและโทนสีที่มีเอกลักษณ์มาก  นอกจากนั้น ในการดีไซน์โลกและพื้นที่ต่าง ๆ ของเกมก็ทำออกมาได้ดี อย่างเช่นเมือง Caro ที่เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองที่มีอยู่จริง และเอาแค่ช่วงแรกที่มีการขี่จักรยานออกจากเมือง เพื่อเริ่มต้นการเดินทาง เราก็สามารถแคปรูปภาพสกรีนช็อตได้เป็นสิบรูปแล้ว เรียกได้ว่าใครชื่นชอบงานภาพสไตล์นี้ บอกเลยว่าเกมนี้มอบประสบการณ์การเสพงานภาพที่เต็มอิ่มและคุ้มค่าให้กับผู้เล่น


แต่ถึงจะเป็นการออกเดินทางไปยังโลกกว้าง แต่ตัวเกมก็ไม่ได้นำเสนอเกมการเล่นในแบบ Open World แต่อย่างใด เมื่อถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ผู้เล่นจะสามารถจอดรถจักรยาน และลงไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ได้ หากพยายามจะออกนอกลู่นอกทาง จะเจอกำแพงลมเหมือนที่เกมอื่น ๆ ชอบใช้กัน และเกมนำเสนอเกมการเล่นแบบเส้นตรงเพียว ๆ ดังนั้นเกมนี้จะเป็นการปล่อยให้ผู้เล่นดื่มด่ำกับเนื้อหาแบบเต็ม ๆ และไปใช้สมองกับการตีความเนื้อหาและทำความเข้าใจเนื้อเรื่องกับเหตุการณ์ในโลกแทน


แม้จะเป็นส่วนน้อยในด้านการนำเสนอ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันโดดเด่นมาก แทบไม่มีเกมไหนที่ใช้วิธีการนำเสนอแบนนี้ ในด้านงานภาพและการเล่าเรื่อง ยิ่งเดินทางผ่านไปเรื่อย ๆ เราจะยิ่งอิน ยิ่งอยากรู้ อยากสำรวจ อยากทำความเข้าใจว่า โลกที่ Estelle กำลังไปเจอ จะเป็นแบบไหน และเราจะได้สัมผัสอะไรจากมันบ้าง ใครกำลังมองหาเกมที่เหมือนกับศิลปะดี ๆ สักชิ้น บอกเลยว่านี่แหละคือคำตอบ แต่ใครไม่อิน อยากบู๊ อยากลุย นี่ไม่ใช่เกมแบบนั้นแน่นอน 

เกมเพลย์ที่เน้นการเก็บสะสมเรื่องราวและบรรยากาศจนเหมือนไม่ใช่ "วิดีโอเกม"


ไม่รู้ว่าเกมเมอร์ยุคนี้ยังคุ้นเคยกับแนวเกม Point & Click อยู่หรือไม่ เกมแนวนี้ผู้เล่นจะไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากใช้เมาส์คลิก ๆ ไปตามฉากเพื่อสำรวจและเก็บของ แต่เกมนี้ไม่ใช่ Point & Click 100% เพราะมันยังมีหลายฉากที่ผู้เล่นต้องควบคุมด้วยคีย์บอร์ด เช่นการควบคุมตัวละคร Estelle หรือการใช้กล้องถ่ายรูปและเครื่องอัดเสียงเพื่อบันทึกเรื่องราวและความทรงจำ

แต่ที่เราบอกว่าเกมเพลย์มันเป็นแนว Point & Click นั้น เพราะเกือบ 70-80% มันจะเป็นแบบนั้น เมื่อเราอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เราสามารถที่จะโต้ตอบกับสิ่งของและวัตถุต่าง ๆ ในฉากนั้นได้ โดยสิ่งของในฉากต่าง ๆ ก็จะเป็นจดหมาย เป็นคำบอกเล่า เป็นอะไรก็ตามที่จะเล่าเรื่องราวหรือที่มาที่ไปในสถานที่นั้น ๆ 


หัวใจสำคัญของเกมนี้คือการสะสมเรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจ (Inspiration) โดยนำเอาสิ่งของต่าง ๆ ที่เก็บได้ มาจดหรือแปะลงในสมุดบันทึกของเรา เมื่อได้ค่า Inspiration จนเต็ม เราจะได้ของตกแต่งมาตกแต่งสมุดเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าเราจะบอกว่าทั้งเกมมันมีแค่นี้จริง ๆ หลายคนก็อาจจะยังไม่เชื่อ แต่ขอให้เชื่อว่านี่คือทั้งหมดของเกมเพลย์เกมนี้แล้ว เพราะหลัก ๆ เกมนี้จะให้เราดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ และเสพเนื้อเรื่องในพื้นที่ต่าง ๆ 

จริงอยู่ว่ามีช่วงที่เราจะได้ปั่นจักรยานออกสำรวจพื้นที่ และอย่างที่บอกว่าเกมนี้ไม่มี Free Roam หรือการสำรวจใด ๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นเหมือนการจดบันทึกก่อนโลกล่มสลาย แต่ไม่ใช่ในชีวิตจริง แต่เป็นวิดีโอเกม และทำให้มันดูเหมือนจะไม่ใช่เกมด้วยซ้ำ ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อเกมนี้มาเล่น บอกเลยว่าต้องชอบการเสพบรรยากาศและการอ่านเท่านั้น เพราะจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นมา นี่เป็นอีกเกมที่มีวลีกินใจ และคำคมชวนฉุกคิดอยู่เป็นจำนวนมากตลอดการเดินทาง ซึ่งหากจะมองว่ามันทำได้ดี มันก็ดีแน่นอน แต่การที่มันนำเสนอตัวเองเป็นวิดีโอเกม อาจทำให้ใครหลายคนผิดหวังพอสมควร แต่หลังจากที่เราเก็บรวบรวมเรื่องราวลงในสมุดให้เป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้แล้ว เกมจะตัดเข้าคัทซีนที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เราเก็บสะสมมาได้ เหมือนเป็นการระลึกถึงมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดต่อไป ก็ถือว่าเป็นการนำเสนอในรูปแบบวิดีโอเกมที่ดี


ในด้านของประสิทธิภาพตัวเกม ดว้ยความที่ใช้ Unreal Engine ซึ่งมีเสถียรภาพของมันเองอยู่แล้ว และเกมนี้ยังสามารถขับภาพกราฟิกได้ด้วยการลบรอยหยักและใช้ประสิทธิภาพจากเทคโนโลยี DLSS ได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ภาพดูสดใส สวยงามขึ้น แม้จะเป็นแค่กราฟิกแบบการ์ตูน แต่ก็ยังคงได้ภาพที่น่าประทับใจ และเป็นมิตรต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่พอจะเล่นเกมยุคปัจจุบันนี้ได้

SEASON: A Letter to the Future เป็ฯอีกหนึ่งเกมที่ไม่ใช่วิดีโอเกม มันเป็นเหมือนงานศิลป์ เป็นจดหมายที่ผู้พัฒนา ตั้งใจส่งถึงผู้เล่นให้ลองคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าถ้าเกิดวันนึงโลกเรามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ คำตอบแบบไหนที่เราจะตอบกับตัวเอง แม้เกมจะมีเรื่องราวที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง แต่หลายครั้งระหว่างเล่นที่เราอาจจะมานั่งคิดกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะมันมีช่องว่างของเกมเพลย์ที่ไม่ได้เป็นเกมขนาดนั้นให้เราคิดอยู่เสมอ


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header