GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิว Overwatch 2 เกมยิงชื่อดังกลายมาเป็นเกม Free-to-Play มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ลงวันที่ 07/10/2022

Overwatch เป็นเกมแนว Team Base Shooting 6v6 จากทาง Blizzard Entertainment ที่มีจุดเด่นก็คือเหล่าฮีโร่ที่มีให้เลือกเล่นมากมาย รวมถึงแต่ละตัวละครก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันไป โดยตัวเกมนั้นวางจำหน่ายออกมาในปี 2016 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้เล่นให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เหตุผลเพราะเกมเพลย์ที่สนุก ตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์สวยงามและน่าสนใจ รวมถึงเหล่าฮีโร่ที่จะต้องใช้ความชำนาญไม่เหมือนกันทำให้การเล่นมีสีสันเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเนื่องจากที่ตัวเกมวางจำหน่ายอยู่ที่ราคากว่า 40$ ตีเป็นเงินไทยราว ๆ 1,200 บาท แน่นอนว่าถ้าเป็นฝั่งประเทศที่เจริญแล้วเงินแค่นี้ก็อาจจะไม่สูงมาก แต่สำหรับโซนอื่น ๆ อย่างบ้านเราราคาขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเกมที่มีราคาสูงมาก ทำให้ตัวเกมอาจจะเข้าถึงคนทุกกลุ่มไม่ได้ บวกกับการที่มีเกมใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ตัวเกม Overwatch มีฐานผู้เล่นที่น้อยลงไป

จนในปี 2022 ทาง Blizzard Entertainment เองก็เตรียมปล่อยเกมภาคใหม่อย่าง Overwatch 2 ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเกมให้กลายเป็น 5v5 แทนเพื่อปรับสมดุลย์เมต้าของเกมนี้ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญก็คือทางผู้พัฒนาได้เปิดให้บริการเป็นแบบ Free-to-Play ในโหมด Multiplayer อีกด้วย (ส่วนโหมด Single Player จะมาในปี 2023 เดี๋ยวทางเราจะรีวิวแยกอีกที) และในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ท่านได้ทราบกัน ว่ามี Overwatch 2 มีอะไรต่างจากภาคแรกบ้าง


ปรับเปลี่ยนเกมเพลย์เป็น 5v5

อย่างที่รู้ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม Overwatch 2 นั่นก็คือการที่ทางผู้พัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบทีมจาก 6v6 กลายเป็น 5v5 ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าการปรับสมดุลย์ของเมต้าที่จะทำให้การเล่นนั้นหลากหลายมากขึ้นทั้งในการเล่นและการแข่งขัน รวมถึงการที่ตัวเกมมีจำนวนที่น้อยลงซึ่งมันก็ทำให้การยื้อ Objective ต่าง ๆ ทำได้ยากขึ้นด้วย โดยถ้าหากคุณเล่นแบบ Lock Role ตัวเกมก็จะแบ่งออกเป็นตำแหน่ง 1 Tank, 2 DPS และ 2 Support ซึ่งข้อดีก็คือเราจะได้เห็นแผนการเล่นยืนหลังโล่ห์น้อยลง มีแผนที่หลากหลายมากขึ้นเนื่องจากเหลือ Tank แค่ตัวเดียว แต่ถึงอย่างนั้นใครที่รู้สึกว่าอยากจะเล่นแบบไม่ล็อคโรล ตัวเกมก็ยังมีโหมด Open Queue ที่จะให้เราไม่ต้องเล่นแบบล็อคโรล นอกจากนี้ในโหมดแรงค์ยังมีให้เลือกเล่นทั้งแบบล็อคโรลและไม่ล็อคโรลเช่นกัน เพียงแต่ว่าแรงค์จะแยกกัน


สำหรับมือใหม่อาจจะต้องฝึกและค่อย ๆ ปลดล็อคตัวละคร

แน่นอนว่าเกม Overwatch นั้นมีฮีโร่ที่ค่อนข้างหลากหลาย แถมแต่ละตัวยังจะต้องใช้ความสามารถที่แตกต่างกันด้วย ทำให้ในตอนแรกสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยซื้อตัวเกม ในตอนแรกตัวเกมจะปลดล็อคตัวละครเพียงแค่ 13 ตัว และเราจะต้องค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ เล่นเพื่อปลดล็อคตัวละครเรื่อย ๆ จนสุดท้ายถ้าหากคุณเล่นอย่างต่อเนื่องตัวละครของคุณก็จะครบเหมือนคนที่มีเกมภาคแรก ส่วนถ้าหากจะเล่นแรงค์คุณจะต้องชนะเป็นจำนวน 50 ตา ซึ่งกว่าจะครบคุณก็น่าจะเล่นเป็นแล้วแหละ รวมถึงยังมีการเพิ่มตัวละครใหม่มา 3 ตัวเช่น Junker Queen, Sojourn และ Kiriko


ปรับสมดุลย์ฮีโร่ เอาสตั๊นออกจากตัว DPS

สำหรับอีกการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับการลดผู้เล่นเหลือ 5v5 ก็คงจะเป็นการปรับสกิลต่าง ๆ ของตัวละครที่เยอะมาก ๆ และที่สำคัญที่สุดก็คงสกิลสตั๊นต่าง ๆ ของตัวละครสาย DPS นั้นจะถูกตัดออกทั้งหมด ทางผู้พัฒนาอยากที่จะให้ตัวละครสายนี้เน้นเพียงแค่การสแปมทำดาเมจเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นปืนของตัวละคร Mei ที่จะไม่แช่เข็งศัตรูแล้วแต่จะเป็นการสโลว์ หรือจะเป็นสกิลสตั๊นของ Cassidy (McCree) ที่จะกลายเป็นระเบิดแทน Flashbang ส่วนการสตั๊นต่าง ๆ ของสายอื่นจะยังอยู่ครบ แต่ถึงอย่างนัั้นมันก็ยังมีบางสกิลของบางตัวละครที่หลงเหลือสตั๊นอยู่เช่นสกิล Ultimate ของ Mei แต่ก็แลกมาด้วยร


ตัดระบบ Level เอา Lootbox ออกไป กลายเป็น Battle Pass

เนื่องจากที่ตัวเกมเป็นแบบ Free-to-Play รวมถึงระบบ Lootbox ก็มีปัญหาในหลาย ๆ ประเทศ ทางผู้พัฒนาจึงนำระบบนี้ออกและเน้นขาย Battle Pass แทน รวมถึงระบบ Level ตัวละครก็จะถูกตัดทิ้งทั้งหมดในกลายเป็นเก็บเลเวล Battle Pass แทน ซึ่งจะมีระยะเวลาราว ๆ 60 วันต่อหนึ่งซีซัน โดยใน Battle Pass จะมีอยู่ด้วยกัน 80 เลเวล ซึ่งจะได้สกินฟรีในทุก ๆ 10 เลเวล รวมถึงไอเท็มอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้บางเลเวลคนที่ไม่ได้ซื้อ Battle Pass ก็ยังสามารถรับของได้เช่นกัน  และตัวละครใหม่อย่าง Kiriko ใครที่ไม่มีเกมภาคแรก หรือซื้อ Battle Pass ก็สามารถปลดล็อคที่เลเวล 55


รวมถึงตัวเกมยังใส่ระบบภารกิจเข้ามา ซึ่งถ้าหากเราทำเควสครบเราก็จะได้แต้มโบนัส Battle Pass มากขึ้น โดยจะมีทั้งภารกิจรายวันที่ง่ายมาก ๆ อย่างเช่นชนะหนึ่งครั้ง เล่นตำแหน่ง Flex สามครั้ง และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีภารกิจรายเดือนและรายซีซันที่จะได้รับแต้มโบนัสมากขึ้นด้วย


เพิ่มโหมดใหม่ Push แต่ตัดโหมด Assault ออก

ภายในเกม Overwatch 2 มีการเพิ่มโหมดใหม่เข้ามานั่นก็คือโหมด Push ที่ทีมเราและฝ่ายตรงข้ามจะต้องแย่งกันดันหุ่นยนต์ และวัดกันว่าทีมไหนนั้นจะดันได้ไกลกว่ากัน ซึ่งเป็นโหมดที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและสนุกมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นทางผู้พัฒนาก็เลือกที่จะตัดโหมด Assault ออกไปใน Quick Play และ Rank ทำให้เรานั้นจะไม่ได้เล่นด่าน Hanamura, Anubis และ Volskaya Industry แล้ว เหตุเป็นเพราะด่านในโหมดนี้ค่อนข้างมีสมดุลย์ที่น้อยเกินไป เพราะต้องพึ่งโชคและจังหวะมากเกิน ซึ่งจากที่เล่นมาโหมด Push มีความสมดุลย์มากกว่า เหมาะสำหรับทั้งการเล่นในแรงค์และทั้งการแข่งขัน


สรุป

จากที่ได้เล่นมาต้องยอมรับว่า Overwatch 2 มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันกับภาคแรก สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบเกมนี้อยู่แล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกชอบมากกว่าเดิม แต่สำหรับคนที่เคยชอบเกมนี้แล้วเลิกเล่นไป นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่คุณอาจจะได้ชวนเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน เพราะเกมนี้ถ้าเล่นกับเพื่อนมันจะสนุกกว่าเล่นคนเดียวมาก ๆ  ส่วนตัวพูดตามตรงเลยว่า Overwatch มีศักยภาพที่จะเป็นเกมดังเบอร์เดียวกันกับ Dota 2, LoL, CSGO หรือ Valorant เพียงแต่ว่าด้วยราคาของเกมที่สูงมาก ทำให้ผู้คนในบางประเทศอาจจะเข้าไม่ถึง ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันว่า Overwatch 2 จะสามารถขึ้นไปยืนเทียบเคียงกับเกมเหล่านั้นได้หรือไม่ !?

7
ข้อดี

เกมเพลย์ยังสนุกเหมือนเดิม

การเปิด Free-to-Play ทำให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น

ข้อเสีย

ถ้าคุณไม่ได้ชอบ Overwatch อยู่แล้ว คุณก็น่าจะไม่ชอบเหมือนเดิม เพราะมันไม่ต่างกัน

9
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิว Overwatch 2 เกมยิงชื่อดังกลายมาเป็นเกม Free-to-Play มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
07/10/2022

Overwatch เป็นเกมแนว Team Base Shooting 6v6 จากทาง Blizzard Entertainment ที่มีจุดเด่นก็คือเหล่าฮีโร่ที่มีให้เลือกเล่นมากมาย รวมถึงแต่ละตัวละครก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันไป โดยตัวเกมนั้นวางจำหน่ายออกมาในปี 2016 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้เล่นให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เหตุผลเพราะเกมเพลย์ที่สนุก ตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์สวยงามและน่าสนใจ รวมถึงเหล่าฮีโร่ที่จะต้องใช้ความชำนาญไม่เหมือนกันทำให้การเล่นมีสีสันเป็นอย่างมาก

แต่ถึงอย่างนั้นเนื่องจากที่ตัวเกมวางจำหน่ายอยู่ที่ราคากว่า 40$ ตีเป็นเงินไทยราว ๆ 1,200 บาท แน่นอนว่าถ้าเป็นฝั่งประเทศที่เจริญแล้วเงินแค่นี้ก็อาจจะไม่สูงมาก แต่สำหรับโซนอื่น ๆ อย่างบ้านเราราคาขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเกมที่มีราคาสูงมาก ทำให้ตัวเกมอาจจะเข้าถึงคนทุกกลุ่มไม่ได้ บวกกับการที่มีเกมใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้ตัวเกม Overwatch มีฐานผู้เล่นที่น้อยลงไป

จนในปี 2022 ทาง Blizzard Entertainment เองก็เตรียมปล่อยเกมภาคใหม่อย่าง Overwatch 2 ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของเกมให้กลายเป็น 5v5 แทนเพื่อปรับสมดุลย์เมต้าของเกมนี้ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญก็คือทางผู้พัฒนาได้เปิดให้บริการเป็นแบบ Free-to-Play ในโหมด Multiplayer อีกด้วย (ส่วนโหมด Single Player จะมาในปี 2023 เดี๋ยวทางเราจะรีวิวแยกอีกที) และในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ท่านได้ทราบกัน ว่ามี Overwatch 2 มีอะไรต่างจากภาคแรกบ้าง


ปรับเปลี่ยนเกมเพลย์เป็น 5v5

อย่างที่รู้ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม Overwatch 2 นั่นก็คือการที่ทางผู้พัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบทีมจาก 6v6 กลายเป็น 5v5 ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าการปรับสมดุลย์ของเมต้าที่จะทำให้การเล่นนั้นหลากหลายมากขึ้นทั้งในการเล่นและการแข่งขัน รวมถึงการที่ตัวเกมมีจำนวนที่น้อยลงซึ่งมันก็ทำให้การยื้อ Objective ต่าง ๆ ทำได้ยากขึ้นด้วย โดยถ้าหากคุณเล่นแบบ Lock Role ตัวเกมก็จะแบ่งออกเป็นตำแหน่ง 1 Tank, 2 DPS และ 2 Support ซึ่งข้อดีก็คือเราจะได้เห็นแผนการเล่นยืนหลังโล่ห์น้อยลง มีแผนที่หลากหลายมากขึ้นเนื่องจากเหลือ Tank แค่ตัวเดียว แต่ถึงอย่างนั้นใครที่รู้สึกว่าอยากจะเล่นแบบไม่ล็อคโรล ตัวเกมก็ยังมีโหมด Open Queue ที่จะให้เราไม่ต้องเล่นแบบล็อคโรล นอกจากนี้ในโหมดแรงค์ยังมีให้เลือกเล่นทั้งแบบล็อคโรลและไม่ล็อคโรลเช่นกัน เพียงแต่ว่าแรงค์จะแยกกัน


สำหรับมือใหม่อาจจะต้องฝึกและค่อย ๆ ปลดล็อคตัวละคร

แน่นอนว่าเกม Overwatch นั้นมีฮีโร่ที่ค่อนข้างหลากหลาย แถมแต่ละตัวยังจะต้องใช้ความสามารถที่แตกต่างกันด้วย ทำให้ในตอนแรกสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยซื้อตัวเกม ในตอนแรกตัวเกมจะปลดล็อคตัวละครเพียงแค่ 13 ตัว และเราจะต้องค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ เล่นเพื่อปลดล็อคตัวละครเรื่อย ๆ จนสุดท้ายถ้าหากคุณเล่นอย่างต่อเนื่องตัวละครของคุณก็จะครบเหมือนคนที่มีเกมภาคแรก ส่วนถ้าหากจะเล่นแรงค์คุณจะต้องชนะเป็นจำนวน 50 ตา ซึ่งกว่าจะครบคุณก็น่าจะเล่นเป็นแล้วแหละ รวมถึงยังมีการเพิ่มตัวละครใหม่มา 3 ตัวเช่น Junker Queen, Sojourn และ Kiriko


ปรับสมดุลย์ฮีโร่ เอาสตั๊นออกจากตัว DPS

สำหรับอีกการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับการลดผู้เล่นเหลือ 5v5 ก็คงจะเป็นการปรับสกิลต่าง ๆ ของตัวละครที่เยอะมาก ๆ และที่สำคัญที่สุดก็คงสกิลสตั๊นต่าง ๆ ของตัวละครสาย DPS นั้นจะถูกตัดออกทั้งหมด ทางผู้พัฒนาอยากที่จะให้ตัวละครสายนี้เน้นเพียงแค่การสแปมทำดาเมจเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นปืนของตัวละคร Mei ที่จะไม่แช่เข็งศัตรูแล้วแต่จะเป็นการสโลว์ หรือจะเป็นสกิลสตั๊นของ Cassidy (McCree) ที่จะกลายเป็นระเบิดแทน Flashbang ส่วนการสตั๊นต่าง ๆ ของสายอื่นจะยังอยู่ครบ แต่ถึงอย่างนัั้นมันก็ยังมีบางสกิลของบางตัวละครที่หลงเหลือสตั๊นอยู่เช่นสกิล Ultimate ของ Mei แต่ก็แลกมาด้วยร


ตัดระบบ Level เอา Lootbox ออกไป กลายเป็น Battle Pass

เนื่องจากที่ตัวเกมเป็นแบบ Free-to-Play รวมถึงระบบ Lootbox ก็มีปัญหาในหลาย ๆ ประเทศ ทางผู้พัฒนาจึงนำระบบนี้ออกและเน้นขาย Battle Pass แทน รวมถึงระบบ Level ตัวละครก็จะถูกตัดทิ้งทั้งหมดในกลายเป็นเก็บเลเวล Battle Pass แทน ซึ่งจะมีระยะเวลาราว ๆ 60 วันต่อหนึ่งซีซัน โดยใน Battle Pass จะมีอยู่ด้วยกัน 80 เลเวล ซึ่งจะได้สกินฟรีในทุก ๆ 10 เลเวล รวมถึงไอเท็มอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้บางเลเวลคนที่ไม่ได้ซื้อ Battle Pass ก็ยังสามารถรับของได้เช่นกัน  และตัวละครใหม่อย่าง Kiriko ใครที่ไม่มีเกมภาคแรก หรือซื้อ Battle Pass ก็สามารถปลดล็อคที่เลเวล 55


รวมถึงตัวเกมยังใส่ระบบภารกิจเข้ามา ซึ่งถ้าหากเราทำเควสครบเราก็จะได้แต้มโบนัส Battle Pass มากขึ้น โดยจะมีทั้งภารกิจรายวันที่ง่ายมาก ๆ อย่างเช่นชนะหนึ่งครั้ง เล่นตำแหน่ง Flex สามครั้ง และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีภารกิจรายเดือนและรายซีซันที่จะได้รับแต้มโบนัสมากขึ้นด้วย


เพิ่มโหมดใหม่ Push แต่ตัดโหมด Assault ออก

ภายในเกม Overwatch 2 มีการเพิ่มโหมดใหม่เข้ามานั่นก็คือโหมด Push ที่ทีมเราและฝ่ายตรงข้ามจะต้องแย่งกันดันหุ่นยนต์ และวัดกันว่าทีมไหนนั้นจะดันได้ไกลกว่ากัน ซึ่งเป็นโหมดที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีและสนุกมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นทางผู้พัฒนาก็เลือกที่จะตัดโหมด Assault ออกไปใน Quick Play และ Rank ทำให้เรานั้นจะไม่ได้เล่นด่าน Hanamura, Anubis และ Volskaya Industry แล้ว เหตุเป็นเพราะด่านในโหมดนี้ค่อนข้างมีสมดุลย์ที่น้อยเกินไป เพราะต้องพึ่งโชคและจังหวะมากเกิน ซึ่งจากที่เล่นมาโหมด Push มีความสมดุลย์มากกว่า เหมาะสำหรับทั้งการเล่นในแรงค์และทั้งการแข่งขัน


สรุป

จากที่ได้เล่นมาต้องยอมรับว่า Overwatch 2 มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันกับภาคแรก สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบเกมนี้อยู่แล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกชอบมากกว่าเดิม แต่สำหรับคนที่เคยชอบเกมนี้แล้วเลิกเล่นไป นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่คุณอาจจะได้ชวนเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน เพราะเกมนี้ถ้าเล่นกับเพื่อนมันจะสนุกกว่าเล่นคนเดียวมาก ๆ  ส่วนตัวพูดตามตรงเลยว่า Overwatch มีศักยภาพที่จะเป็นเกมดังเบอร์เดียวกันกับ Dota 2, LoL, CSGO หรือ Valorant เพียงแต่ว่าด้วยราคาของเกมที่สูงมาก ทำให้ผู้คนในบางประเทศอาจจะเข้าไม่ถึง ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันว่า Overwatch 2 จะสามารถขึ้นไปยืนเทียบเคียงกับเกมเหล่านั้นได้หรือไม่ !?


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header