ถ้าให้พูดถึง LEGO Star Wars เชื่อว่าเกมเมอร์หลาย ๆ คนก็น่าจะเคยสัมผัสเกมนี้มาตั้งแต่สมัยเครื่อง PlayStation 2 ซึ่งตัวเกมก็มีภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ เป็นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีซีรีส์นี้ บวกกับการส่งท้ายหลังจากที่เรื่องราวภาพยนตร์ Episode 9 จบลงไปเมื่อปี 2019 ทาง LEGO จึงได้สร้างเกมภาคใหม่ออกมาเพื่อส่งท้ายกับเกม LEGO Star Wars: The Skywalker Saga ที่เป็นการยกเครื่องเกมเพลย์ โครงสร้างซีรีส์นี้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งทางเรา GameFever TH ได้เข้าไปสัมผัสเกมนี้จนจบแล้วและจะมารีวิวให้ทุกท่านได้ทราบว่าตัวเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากภาคก่อน ๆ มากขนาดไหน
กราฟิก / การนำเสนอ
แน่นอนว่าเมื่อเราพูดถึงเกม LEGO งานในด้านกราฟิกของเกมก็จะยังเป็น Concept ความน่ารักสบายตาตามสไตล์ของเล่นตัวต่อ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คงเป็นงานด้านแสงเงาของเกมที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ (ผู้เขียนเล่นเกมนี้บนเครื่อง PS5) แสงแดดสะท้อน เงาของน้ำ มองดี ๆ มันค่อนข้างสมจริงพอสมควร เอาจริง ๆ ถ้าตัดองค์ประกอบความเป็นการ์ตูนออกไปและลองเอาโมเดลตัวละครจริงเข้ามา มันก็แทบจะวางทับกันได้แบบไม่มีความสงสัยใด ๆ
ส่วนในเรื่องมุมกล้องของเกมภาคนี้ทางผู้พัฒนาก็ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวมุมมองข้ามไหล่เต็มตัว ต่างจากทุกภาคที่มุมมองจะค่อนข้างสูงและไกลหน่อย ทำให้เราได้เห็นทิวทัศน์หรือบรรยากาศโลกในเกมนี้ได้ชัดเจนมากกว่ารวมถึงตัวเกมยังมีองค์ประกอบกึ่ง ๆ Open World ที่จะให้เราได้เดินสำรวจดวงดาวต่าง ๆ ได้มากขึ้นได้สัมผัสและดึ่มด่ำกับบรรยากาศโลกของ Star Wars ได้มากขึ้นด้วย
เนื้อเรื่อง
ภายในเกม LEGO Star Wars: The Skywalker Saga ก็จะยังอ้างอิงเนื้อเรื่องตามภาพยนตร์ Episode 1 - Episode 9 ที่จะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตระกูล Skywalker (ไม่รวมภาค Spin-off ต่าง ๆ) แต่สำหรับใครที่กลัวว่าการที่ตัวเกมจะเล่าเรื่องราวทั้ง 9 ภาคจะทำให้ระยะเวลาในการเล่นจะนานเกินไปก็อย่ากังวล เพราะการดำเนินเรื่องราวนั้นก็ค่อนข้างฉับไว มีการตัดเนื้อหาหรือบทสนทนาออกเยอะ เน้นเนื้อหาสำคัญเป็นหลัก ซึ่งแต่ละ Episode จะใช้เวลาราว ๆ 2 ชั่วโมงในการเล่น (ถ้ามุ่งแต่เนื้อเรื่องอย่างเดียว) โดยจะเน้นการเล่าเรื่องที่ฉับไวและเน้นเกมเพลย์เป็นหลัก
นอกจากนี้ถึงแม้เรื่องราวของภาพยนตร์จะดูซีเรียสหรือลึกล้ำยังไง สไตล์การเล่าเรื่องของ LEGO ก็จะสอดแทรกมุขตลกและอารมณ์ขันเข้ามาภายในเกมอยู่ตลอด และยิ่งถ้าหากใครเคยดูภาพยนตร์ครบทั้ง 9 ภาคมาแล้ว ท่านเองก็จะสนุกสนานกับมุขล้อเลียนของเกมนี้ตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้เรื่องราวจะเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่เราเองก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเพราะความตลกของมันนี่แหละ
แต่จุดสังเกตุเดียวก็คงจะเป็นการเล่าเรื่องนั้นอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยดูหนังทั้ง 9 ภาคมาก่อน นอกจากเรื่องราวที่เดินไวเกินจนจับต้นชนปลายไม่ถูก มุขตลกบางอย่างท่านก็อาจจะไม่เข้าใจถึงมัน จึงทำให้ LEGO Star Wars: The Skywalker Saga เหมาะเป็นเกมที่ทำมาเฉพาะแฟน ๆ ภาพยนตร์เท่านั้น
เกมเพลย์
ในด้านของเกมเพลย์ตัวเกมก็จะยังคงการเล่นแบบในภาคก่อน ๆ ที่จะเน้นการต่อสู้ผจญภัย ไล่ยิง ไล่ฟันเหล่าศัตรูที่ดาหน้าเข้ามา มีปริศนาบางอย่างที่ให้เราต้องแก้ไข โดยลูกเล่นในเกมภาคนี้ก็ค่อนข้างเยอะกว่าเดิมอย่างการปัด Dash หลบการโจมตีของศัตรู การกดป้องกันการโจมตีต่าง ๆ หรือเวลาเป็น Jedi เราสามารถใช้พลังสะกดจิตเหล่าศัตรูให้บังคับตามใจที่ต้องการ ก่อกวน หรือบังคับให้ต่อสู้กันเองก็ได้
ในด้านของการต่อสู้บนอวกาศก็มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ เพราะตัวเกมจะให้อิสระเราในการโบยบินได้มากขึ้น ต่างจากภาคก่อน ๆ ที่การต่อสู้จะเป็นเส้นตรง เราสามารถโบยบินได้อย่างอิสระ บินดูยานที่เราจะโจมตีได้ทุกซอกทุกมุมต่อให้เกมเพลย์การต่อสู้จะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก
ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีระบบให้เล่นหลากหลายขึ้น แต่เป้าหมายกลุ่มผู้เล่นของเกมนี้ก็ยังเป็นคนทุกเพศทุกวัย เป็นเกมเบาสมองที่ควรมีไว้ติดบ้าน ทำให้ตัวเกมค่อนข้างเล่นง่ายในระดับหนึ่ง เหล่าบอสค่อนข้างโจมตีเป็นแพทเทิร์น หรือแม้กระทั่งเวลาเราแพ้ก็เกิดมาสู้ใหม่ได้ สำหรับคนที่ชอบเกมที่มีความท้าทายก็อาจจะไม่ชอบนัก แต่ส่วนตัวเข้าใจได้เพราะนี่คือจุดประสงค์ของเกมแนว LEGO ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้พิเศษและได้รับความนิยมล้นหลามก็คงจะเป็นในด้านโลกของเกมที่แต่ละฉากแต่ละดาว ตัวเกมจะเปิดพื้นที่ให้เราได้ Free Roam ในระดับหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจพื้นที่ต่าง ๆ และได้เห็นโลกของ Star Wars มากยิ่งขึ้น ซึ่งในการสำรวจจะมีให้เราได้ค้นหาแต้มอัพสกิลที่กระจายอยู่ทั่วเมือง หรือการทำเควสย่อยที่จะได้รับของรางวัลมากมาย ซึ่งเราสามารถกลับมายังดวงดาวเก่า ๆ ที่ผ่านมาแล้วได้ตลอดเวลา
ในโหมดภารกิจเนื้อเรื่องเราจะสามารถเล่นได้แค่ตัวละครตามเนื้อเรื่องเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณเล่นด่านนี้จบคุณเองสามารถเข้าไปยัง Free Mode และเอาตัวละครอื่น ๆ ที่ปลดล็อคมาเล่นในด่านนั้นได้ โดยตัวละครที่มีให้เลือกเล่นก็มากเป็นหลักร้อยตัว รวมถึงแต่ละตัวยังมีสกินที่แตกต่างกันโดยจะได้มาจากการปลดล็อคเนื้อเรื่องต่าง ๆ หรือใช้แต้มที่เก็บตามฉากซื้อมาก็ได้
นอกจากนี้ตัวละครที่มีให้เลือกเล่นก็แบ่งออกไปหลายคลาสทั้งสาย Jedi สายฮีโร่ สาย Scavenger หรืออื่น ๆ ที่จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน หรือบางสายก็สามารถไปในจุดที่สายอื่นไปไม่ได้เพื่อเก็บไอเท็ม รวมถึงเรายังสามารถอัพเกรดความสามารถของตัวละครแต่ละสายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ อย่างเช่นการอัพสกิลของสาย Jedi ที่จะสามารถเพิ่มดาเมจจากการโจมตีระยะไกล หรือการโจมตีระยะใกล้ได้เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คงจะเป็นเกมเพลย์ในแต่ละภาคที่จะมีลูกเล่นต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปบ้างทำให้เรารู้สึกไม่จำเจต่อการเล่น อย่างเช่นในภาคแรกเราจะได้บังคับกองทัพของเหล่ากันแกนต่อสู้กับเหล่าหุ่นยนต์ของจักรวรรดิ หรือจะในภาค 7-9 ที่ตัวเอกจะเป็น Ray ซึ่งเธอในช่วงแรกนั้นจะมีคลาสเป็น Scavenger ที่จะสามารถประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ ได้อย่างเช่นปืนยิงตะข่าย เครื่องร่อน หรือปืนยิงหินเป็นต้น
สรุป
ถือว่าเป็นภาคที่ยกระดับเกมซีรีส์ LEGO Star Wars ให้ทันสมัย ดีงามและน่าเล่นมากขึ้น รวมถึงยังยกระดับเกมจากซีรีส์ตัวต่อนี้ในอนาคตด้วย แน่นอนว่าด้วยความง่ายของเกมเกินไปที่อาจจะทำให้บางคนรู้สึกขาดความท้าทาย และจุดประสงค์หลักของเกมซีรีส์นี้คือการที่มันนั้นทำหน้าที่เป็นเกมของครอบครัว เกมเบาสมองเหมาะกับการมีไว้ติดบ้าน ชวนลูก ชวนหลาน มาเล่นมาสำรวจดวงดาวและซึมซับบรรยากาศในโลกภาพยนตร์ Star Wars ให้ใกล้ชิดมากขึ้นและละเอียดมากขึ้น เป็นเกมแรกที่ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับโลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากที่สุด
แต่ข้อสังเกตุเดียวก็คงจะเป็นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเล่าเร็วเกินไป จนบางครั้งเราแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูก เข้าใจว่าตัวเกมทำออกมาสำหรับแฟน ๆ ที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว และถ้าเล่าเยอะแต่ละภาคก็จะใช้เวลานานเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นส่วนตัวก็อยากให้เขาเก็บรายละเอียดมากขึ้นกว่านี้อย่างน้อยก็อาจจะทำให้คนที่ไม่เคยดู อินกับเนื้อเรื่องมากขึ้นบ้าง
ยกเครื่องเกมเพลย์ใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม
มีอะไรให้สำรวจเยอะ
เป็นเกมที่ให้เราได้ดื่มด่ำกับโลกของ Star Wars มากที่สุด
เนื้อเรื่องเล่าเร็วไปหน่อย
ถ้าให้พูดถึง LEGO Star Wars เชื่อว่าเกมเมอร์หลาย ๆ คนก็น่าจะเคยสัมผัสเกมนี้มาตั้งแต่สมัยเครื่อง PlayStation 2 ซึ่งตัวเกมก็มีภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ เป็นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีซีรีส์นี้ บวกกับการส่งท้ายหลังจากที่เรื่องราวภาพยนตร์ Episode 9 จบลงไปเมื่อปี 2019 ทาง LEGO จึงได้สร้างเกมภาคใหม่ออกมาเพื่อส่งท้ายกับเกม LEGO Star Wars: The Skywalker Saga ที่เป็นการยกเครื่องเกมเพลย์ โครงสร้างซีรีส์นี้ใหม่ทั้งหมด ซึ่งทางเรา GameFever TH ได้เข้าไปสัมผัสเกมนี้จนจบแล้วและจะมารีวิวให้ทุกท่านได้ทราบว่าตัวเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากภาคก่อน ๆ มากขนาดไหน
กราฟิก / การนำเสนอ
แน่นอนว่าเมื่อเราพูดถึงเกม LEGO งานในด้านกราฟิกของเกมก็จะยังเป็น Concept ความน่ารักสบายตาตามสไตล์ของเล่นตัวต่อ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คงเป็นงานด้านแสงเงาของเกมที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ (ผู้เขียนเล่นเกมนี้บนเครื่อง PS5) แสงแดดสะท้อน เงาของน้ำ มองดี ๆ มันค่อนข้างสมจริงพอสมควร เอาจริง ๆ ถ้าตัดองค์ประกอบความเป็นการ์ตูนออกไปและลองเอาโมเดลตัวละครจริงเข้ามา มันก็แทบจะวางทับกันได้แบบไม่มีความสงสัยใด ๆ
ส่วนในเรื่องมุมกล้องของเกมภาคนี้ทางผู้พัฒนาก็ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวมุมมองข้ามไหล่เต็มตัว ต่างจากทุกภาคที่มุมมองจะค่อนข้างสูงและไกลหน่อย ทำให้เราได้เห็นทิวทัศน์หรือบรรยากาศโลกในเกมนี้ได้ชัดเจนมากกว่ารวมถึงตัวเกมยังมีองค์ประกอบกึ่ง ๆ Open World ที่จะให้เราได้เดินสำรวจดวงดาวต่าง ๆ ได้มากขึ้นได้สัมผัสและดึ่มด่ำกับบรรยากาศโลกของ Star Wars ได้มากขึ้นด้วย
เนื้อเรื่อง
ภายในเกม LEGO Star Wars: The Skywalker Saga ก็จะยังอ้างอิงเนื้อเรื่องตามภาพยนตร์ Episode 1 - Episode 9 ที่จะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตระกูล Skywalker (ไม่รวมภาค Spin-off ต่าง ๆ) แต่สำหรับใครที่กลัวว่าการที่ตัวเกมจะเล่าเรื่องราวทั้ง 9 ภาคจะทำให้ระยะเวลาในการเล่นจะนานเกินไปก็อย่ากังวล เพราะการดำเนินเรื่องราวนั้นก็ค่อนข้างฉับไว มีการตัดเนื้อหาหรือบทสนทนาออกเยอะ เน้นเนื้อหาสำคัญเป็นหลัก ซึ่งแต่ละ Episode จะใช้เวลาราว ๆ 2 ชั่วโมงในการเล่น (ถ้ามุ่งแต่เนื้อเรื่องอย่างเดียว) โดยจะเน้นการเล่าเรื่องที่ฉับไวและเน้นเกมเพลย์เป็นหลัก
นอกจากนี้ถึงแม้เรื่องราวของภาพยนตร์จะดูซีเรียสหรือลึกล้ำยังไง สไตล์การเล่าเรื่องของ LEGO ก็จะสอดแทรกมุขตลกและอารมณ์ขันเข้ามาภายในเกมอยู่ตลอด และยิ่งถ้าหากใครเคยดูภาพยนตร์ครบทั้ง 9 ภาคมาแล้ว ท่านเองก็จะสนุกสนานกับมุขล้อเลียนของเกมนี้ตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้เรื่องราวจะเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่เราเองก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเพราะความตลกของมันนี่แหละ
แต่จุดสังเกตุเดียวก็คงจะเป็นการเล่าเรื่องนั้นอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยดูหนังทั้ง 9 ภาคมาก่อน นอกจากเรื่องราวที่เดินไวเกินจนจับต้นชนปลายไม่ถูก มุขตลกบางอย่างท่านก็อาจจะไม่เข้าใจถึงมัน จึงทำให้ LEGO Star Wars: The Skywalker Saga เหมาะเป็นเกมที่ทำมาเฉพาะแฟน ๆ ภาพยนตร์เท่านั้น
เกมเพลย์
ในด้านของเกมเพลย์ตัวเกมก็จะยังคงการเล่นแบบในภาคก่อน ๆ ที่จะเน้นการต่อสู้ผจญภัย ไล่ยิง ไล่ฟันเหล่าศัตรูที่ดาหน้าเข้ามา มีปริศนาบางอย่างที่ให้เราต้องแก้ไข โดยลูกเล่นในเกมภาคนี้ก็ค่อนข้างเยอะกว่าเดิมอย่างการปัด Dash หลบการโจมตีของศัตรู การกดป้องกันการโจมตีต่าง ๆ หรือเวลาเป็น Jedi เราสามารถใช้พลังสะกดจิตเหล่าศัตรูให้บังคับตามใจที่ต้องการ ก่อกวน หรือบังคับให้ต่อสู้กันเองก็ได้
ในด้านของการต่อสู้บนอวกาศก็มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะ เพราะตัวเกมจะให้อิสระเราในการโบยบินได้มากขึ้น ต่างจากภาคก่อน ๆ ที่การต่อสู้จะเป็นเส้นตรง เราสามารถโบยบินได้อย่างอิสระ บินดูยานที่เราจะโจมตีได้ทุกซอกทุกมุมต่อให้เกมเพลย์การต่อสู้จะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก
ซึ่งถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีระบบให้เล่นหลากหลายขึ้น แต่เป้าหมายกลุ่มผู้เล่นของเกมนี้ก็ยังเป็นคนทุกเพศทุกวัย เป็นเกมเบาสมองที่ควรมีไว้ติดบ้าน ทำให้ตัวเกมค่อนข้างเล่นง่ายในระดับหนึ่ง เหล่าบอสค่อนข้างโจมตีเป็นแพทเทิร์น หรือแม้กระทั่งเวลาเราแพ้ก็เกิดมาสู้ใหม่ได้ สำหรับคนที่ชอบเกมที่มีความท้าทายก็อาจจะไม่ชอบนัก แต่ส่วนตัวเข้าใจได้เพราะนี่คือจุดประสงค์ของเกมแนว LEGO ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้พิเศษและได้รับความนิยมล้นหลามก็คงจะเป็นในด้านโลกของเกมที่แต่ละฉากแต่ละดาว ตัวเกมจะเปิดพื้นที่ให้เราได้ Free Roam ในระดับหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจพื้นที่ต่าง ๆ และได้เห็นโลกของ Star Wars มากยิ่งขึ้น ซึ่งในการสำรวจจะมีให้เราได้ค้นหาแต้มอัพสกิลที่กระจายอยู่ทั่วเมือง หรือการทำเควสย่อยที่จะได้รับของรางวัลมากมาย ซึ่งเราสามารถกลับมายังดวงดาวเก่า ๆ ที่ผ่านมาแล้วได้ตลอดเวลา
ในโหมดภารกิจเนื้อเรื่องเราจะสามารถเล่นได้แค่ตัวละครตามเนื้อเรื่องเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณเล่นด่านนี้จบคุณเองสามารถเข้าไปยัง Free Mode และเอาตัวละครอื่น ๆ ที่ปลดล็อคมาเล่นในด่านนั้นได้ โดยตัวละครที่มีให้เลือกเล่นก็มากเป็นหลักร้อยตัว รวมถึงแต่ละตัวยังมีสกินที่แตกต่างกันโดยจะได้มาจากการปลดล็อคเนื้อเรื่องต่าง ๆ หรือใช้แต้มที่เก็บตามฉากซื้อมาก็ได้
นอกจากนี้ตัวละครที่มีให้เลือกเล่นก็แบ่งออกไปหลายคลาสทั้งสาย Jedi สายฮีโร่ สาย Scavenger หรืออื่น ๆ ที่จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน หรือบางสายก็สามารถไปในจุดที่สายอื่นไปไม่ได้เพื่อเก็บไอเท็ม รวมถึงเรายังสามารถอัพเกรดความสามารถของตัวละครแต่ละสายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ อย่างเช่นการอัพสกิลของสาย Jedi ที่จะสามารถเพิ่มดาเมจจากการโจมตีระยะไกล หรือการโจมตีระยะใกล้ได้เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คงจะเป็นเกมเพลย์ในแต่ละภาคที่จะมีลูกเล่นต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปบ้างทำให้เรารู้สึกไม่จำเจต่อการเล่น อย่างเช่นในภาคแรกเราจะได้บังคับกองทัพของเหล่ากันแกนต่อสู้กับเหล่าหุ่นยนต์ของจักรวรรดิ หรือจะในภาค 7-9 ที่ตัวเอกจะเป็น Ray ซึ่งเธอในช่วงแรกนั้นจะมีคลาสเป็น Scavenger ที่จะสามารถประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ ได้อย่างเช่นปืนยิงตะข่าย เครื่องร่อน หรือปืนยิงหินเป็นต้น
สรุป
ถือว่าเป็นภาคที่ยกระดับเกมซีรีส์ LEGO Star Wars ให้ทันสมัย ดีงามและน่าเล่นมากขึ้น รวมถึงยังยกระดับเกมจากซีรีส์ตัวต่อนี้ในอนาคตด้วย แน่นอนว่าด้วยความง่ายของเกมเกินไปที่อาจจะทำให้บางคนรู้สึกขาดความท้าทาย และจุดประสงค์หลักของเกมซีรีส์นี้คือการที่มันนั้นทำหน้าที่เป็นเกมของครอบครัว เกมเบาสมองเหมาะกับการมีไว้ติดบ้าน ชวนลูก ชวนหลาน มาเล่นมาสำรวจดวงดาวและซึมซับบรรยากาศในโลกภาพยนตร์ Star Wars ให้ใกล้ชิดมากขึ้นและละเอียดมากขึ้น เป็นเกมแรกที่ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับโลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มากที่สุด
แต่ข้อสังเกตุเดียวก็คงจะเป็นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเล่าเร็วเกินไป จนบางครั้งเราแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูก เข้าใจว่าตัวเกมทำออกมาสำหรับแฟน ๆ ที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว และถ้าเล่าเยอะแต่ละภาคก็จะใช้เวลานานเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นส่วนตัวก็อยากให้เขาเก็บรายละเอียดมากขึ้นกว่านี้อย่างน้อยก็อาจจะทำให้คนที่ไม่เคยดู อินกับเนื้อเรื่องมากขึ้นบ้าง