GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Dying Light 2 Stay Human "ภาคต่อเกมวิ่งฟัดผีที่อิสระมากกว่าเดิม"
ลงวันที่ 14/02/2022

หลังจากที่ Techland ได้ให้กำเนิดเกมซอมบี้สุดแปลกใหม่อย่าง Dead Island ที่มาพร้อมกับความสำเร็จมากมาย ตัวผู้พัฒนาเองก็เลือกที่จะสร้างเกมซีรีส์ใหม่อย่าง Dying Light ที่วางจำหน่ายออกมาเมื่อปี 2015 ซึ่งในเกมนี้พวกเขาได้อิสระในการคิดมากมาย และได้ใส่สิ่งต่างๆ มากกว่าเดิมหลายเท่าอย่างเช่นการใส่ระบบ Parkour ที่เราสามารถปีนป่ายหนีซอมบี้ได้อย่างอิสระ ใส่ซอมบี้ที่ทั้งโหด เร็วและดุในตอนกลางคืน ทำให้ตัวเกมมีไดนามิกมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวเกมภาคแรกเองมียอดผู้เล่นสูงถึง 17 ล้านคนเลยทีเดียว

และในปี 2022 ทาง Techland เองได้เขนภาคต่อของเกมนี้มาอีกครั้งใน Dying Light 2 Stay Human กับการอัพสเกลของเกมให้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมเช่นแผนที่ใหญ่โตกว่าเดิมถึง 4 เท่า แอนิเมชันการปีนป่ายที่มากกว่าเดิม หรือแม้กระทั่งชุดและอาวุธก็จะมีหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในบทความนี้เราจะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ว่าตัวเกมมีอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเดิมบ้าง และควรค่าแก่การซื้อหรือไม่


เนื้อเรื่อง

โดยเนื้อเรื่องของเกมจะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกนานกว่า 20 ปี โดยเราจะได้รับบทเป็น Aiden Caldwel ชายหนุ่มคนนอกเมืองผู้ที่ต้องเดินทางมายัง The City (หรือที่เรียกว่าเมือง Villedor) เพื่อตามหาน้องสาวที่พลัดพรากกันในวัยเด็ก โดยเนื้อเรื่องจุดประสงค์หลักของตัวเอกนั้นมีเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่เรื่องเล่าทั้งหมดของเราจะพูดถึงความขัดแย้งระหว่างผู้คนสองฝ่ายอย่างเหล่า Survivor (ผู้รอดชีวิต) และ Peacekeeper (ผู้รักษาสันติภาพ) โดยเราจะมีโอกาสได้ช่วยเหลืองานของทั้งสองฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็จะให้เราเลือกช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องบางอย่างของเกม


แต่จากที่ได้เล่นมานั้นต้องยอมรับว่าตัวเนื้อเรื่องของ Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างอ่อนในระดับหนึ่งเลย เพราะตัวเกมพยายามจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายมากจนเกินไป ทำให้จุดประสงค์แรกในการที่เราอยากมาช่วยเหลือน้องสาวนั้นเบาบางลงอย่างมากถึงแม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะบอกว่าการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ พวกเขานั้นจะให้สิ่งที่เราต้องการในการตามหาน้องสาวก็เถอะ !! แต่กว่าจะถึงจุดนั้นเราก็ต้องใช้เวลาเล่นมากกว่า 15-20 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าประเด็นที่พวกเขาเล่านั้นค่อนข้างน่าสนใจที่แต่ละคนนั้นมีเหตุผลของตัวเองอยู่ที่ว่าคุณชอบใครเท่านั้น ซึ่งการเลือกช่วยเหลืออีกฝ่าย โดยภายในเนื้อเรื่องจะมีตัวเลือกตัดสินใต ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออีกฝ่าย โดยการเล่นของเนื้อเรื่องอย่างเดียวจะอยู่ราวๆ 30 ชั่วโมง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าผิดหวังในด้านเนื้อเรื่องก็คงจะเป็นคำถามเลือกตอบ ถึงแม้ว่าเรื่องราวของมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แต่โครงเรื่องหลักโดยรวมเองก็ยังตรงไปในทางเดียวกัน สุดท้ายตัวเกมก็จะจบเรื่องราวเหมือนกัน เพราะเรื่องราวทั้งหมดหรือตัวละครที่ไม่มีบทหรือผ่านเนื้อเรื่องไปแล้ว พวกเขาก็แทบไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อเส้นเรื่องหลัก หรือเส้นเรื่องรองอีกเลย


กราฟิก / การนำเสนอ

สำหรับเมือง Villedor จะมีความแตกต่างจากเมือง Harran ของเกมภาคแรกเกือบจะทั้งหมด โดยตัวเกมจะให้กลิ่นอายความเป็นยุโรป ตัวบ้านเมืองเองมีสีสันมากขึ้นกว่าภาคแรกที่จะอยู่ในสลัม และเนื่องจากเรื่องราวจะดำเนินหลังที่โลกล่มสลายมากว่า 20 ปี ทำให้เราได้เห็นต้นไม้ที่เลื่อยเกาะตามบ้านให้ความรู้สึกสบายตาและเขียวชอุ่มกขึ้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโซนตึกสูงเสียดฟ้ามากมาย ให้ความรู้สึกว่าเรานั้นอยู่ในใจกลางเมืองหลวงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

โดยผู้เขียนได้เล่นเกมนี้บนเวอร์ชัน PC ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวเกม Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับผู้คนคอมพิวเตอร์ระดับต่ำ หรือกลางเสียเท่าไร เพราะผู้เขียนใช้คอมพิวเตอร์ CPU I5 8400 กับการ์ดจอ GTX 1060 6GB ซึ่งก็สามารถรันเกมในความละเอียด 1080p ได้เพียงแค่ 40-50 FPS เท่านั้น อาจจะเพราะรายละเอียดของเกมที่เยอะขึ้น ตึกราบ้านช่องที่มีรายละเอียดและเข้าถึงได้ลึกขึ้นทั้งในแนวนอนและแนวดิ่ง บวกกับแผนที่อันใหญ่โตมากขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ถามว่าเฟรมเรทราวๆ นี้ประสบปัญหาในการเล่นไหมก็ต้องบอกว่าไม่ประสบปัญหาใดๆ เลย อาจจะไม่ลื่นไหลอย่างที่คิดแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เพราะจังหวะการเล่นของเกมนี้ก็ไม่ได้เร็วมากนักอยู่แล้ว


เกมเพลย์

ต้องยอมรับว่าระบบเกมคือจุดเด่นหลักของ Dying Light 2 Stay Human เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากระบบเดิมที่เคยมีในภาคแรกยังอยู่เกือบครบแล้วนั้น ตัวเกมยังยกระดับเกมเพลย์ในมีความแปลกใหม่กว่าเดิม โดยระบบการต่อสู้ในภาคนี้ทางผู้พัฒนาได้ทำการตัดระบบปืนออกไป เพื่อเน้นให้เราได้สู้ในระยะประชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางผู้พัฒนาก็ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ให้เรามากมายอย่างเช่นตัวเรานั้นสามารถทั้ง Block, Parry, กดกระโดดหลบ และทำการสวนศัตรูได้ ซึ่งมันทำให้การต่อสู้จะมีมิติมากขึ้น แต่กลับกันตัว AI เองเวลาโจมตีก็จะมีลูกเล่นมากขึ้น อย่างเช่นการหลอกตี (เพราะเราจะต้องกดป้องกันให้พอกับที่ศัตรูตีมาจึงจะสามารถ Parry และสวนได้)


ระบบอาวุธของเกมนั้นจะค่อนข้างแตกต่างจากภาคแรก ที่ในภาคนี้เราสามารถซ่อมอาวุธได้แล้ว ซึ่งมันตัดปัญหาคนใช้อาวุธเดียวยันจบเกมเราไม่จำเป็นต้องไปนั่งหาของซ่อมอาวุธเหมือนภาคก่อน แต่มันก็แลกมากับการที่ตัวเกมมีอาวุธมากมายให้เราเก็บ (หรือให้เราซื้อ) เต็มไปหมด ซึ่งถ้าหากคุณไม่เถลไถลไปไหนไกล กว่าอาวุธคุณจะพังหมด เราก็มักจะได้อาวุธดีๆ มาใหม่แล้ว รวมถึงการใส่ MOD ความสามารถต่างๆ (เช่นช็อตไฟฟ้า ติดพิษ เพิ่มดาเมจ หรือติดไฟ) มันก็ยังช่วยเพิ่มค่าความทนทานให้เราด้วย เลิกกังวลในจุดนี้ได้เลย


ระบบที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมนี้ก็คือระบบสวมใส่ ที่เราสามารถปรับแต่งสไตล์ของชุดได้อย่างตามใจชอบ ซึ่งชุดก็จะแบ่งออกเป็น 4 สายด้วยกันก็คือ Brawler (เน้นโจมตีระยะใกล้), Medic (เน้นฟื้นฟู), Tank (เน้นป้องกันสูงๆ), Ranger (เน้นอาวุธโจมตีระยะไกล) รวมถึงชุดแต่ละชิ้นก็จะมีระดับ (ตั้งแต่ 1-5) แถมยังมีความแรร์ที่เพิ่มสเตตัสมากขึ้นด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเราใส่ชุดเซ็ตที่สอดคล้องกันหมด มันจะทำให้ตัวคุณเก่งขึ้นเยอะมากๆ


แน่นอนว่าระบบเกมค่อนข้างที่จะมีความแปลกใหม่พอสมควร ตัวเกมใส่ระบบความเป็น RPG มากขึ้น การตีศัตรูจะมีตัวเลขขึ้นบ่งบอกดาเมจ แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเลยก็คือถ้าหากว่าเราตั้งใจฟาร์มหรือใส่เซ็ตสวมใส่ดีๆ ตัวเรานั้นจะค่อนข้างเก่งพอสมควร เก่งขนาดที่ศัตรูในโหมดเนื้อเรื่องไม่มีความท้าทายใดๆ เลย ยกตัวอย่างถึงแม้ว่าเกมนี้จะนำระบบปืนออกไป แต่การใช้ธนูและใส่เซ็ต Ranger ที่เพิ่มดาเมจอาวุธระยะไกล มันก็ทำให้ตัวเราโกงพอสมควร (ยิงศัตรูระดับบอสในฉากไม่กี่ตีตาย โดยเราไม่ต้องเข้าไปหาเลย)


ซึ่งตัวเกมจะรู้สึกท้าทายมากๆ ในช่วงราวๆ 5-10 ชั่วโมงแรก ซึ่งสาวนตัวคิดว่าการเข้าไปที่กบดานซอมบี้ หรือเล่นเควสรองบางอันอาจจะรู้สึกน่ากลัวและท้าทายมากกว่า เพราะบางทีเราาอาจจะไปเจอบอสแปลกๆ ที่ไม่เคยเจอมาแบบไม่รู้ตัวและโดนมันฆ่าในชุดเดียว เอาจริงๆ ในภารกิจหลักบางตัวก็ทำให้รู้สึกท้าทายนะอย่างเช่นเควสหลักที่จะให้เราต้องหนีอย่างเดียว ซึ่งมันตื่นเต้นมากๆ แต่การพบเจอความรู้สึกแบบนี้มันก็น้อยจนเกินไป ซึ่งเหล่าซอมบี้ส่วนใหญ่ที่เจอนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกที่กลัวอีกต่อไป ส่วนตัวมองว่าต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ด้วยกันเองยังรู้สึกสนุกมากกว่า


อีกหนึ่งระบบที่ไม่พูดไม่ได้ของเกมนี้นั่นก็คือระบบ Parkour ที่ต้องบอกเลยว่าตัวเกมทำออกมาได้ดีมากๆ และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของเกมเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าระบบเรื่องการปีนป่ายนั้นทางผู้พัฒนานั้นทำได้ดีมากๆ อยู่แล้วในภาคแรก ซึ่งภาคสองเองก็ถูกยกเอามาทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้คือลูกเล่นต่างๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นที่ร่อน Paraglider ที่ให้เราสามารถบินโลดแล่นบนฟ้าได้, จุดวิ่งไต่กำแพงที่มากขึ้น

หรือการปรับเปลี่ยนระบบ Graphling Hook ที่ในภาคนี้มันอาจจะไม่ได้พาเราพุ่งไปง่ายๆ เหมือนก่อน แต่จะเน้นความสมจริงที่จะเน้นให้เราโหนไปข้างหน้ามากกว่า (เปรียบเทียบ Graphling Hook ภาคแรกจะคล้ายๆ กับ Spider-Man แต่ภาคสองจะเหมือน Tarzan มากกว่า) ซึ่งมันก็สร้างความแปลกใหม่ และอิสระในอีกรูปแบบหนึ่ง


แต่ข้อเสียของระบบก็คือการปลดล็อคแต่ละอุปกรณ์ของเกมที่ค่อนข้างได้มาช้ามากๆ อย่างเช่นตัว Paraglider ที่เราจะได้มาตอน Act 2 ส่วน Graphling Hook จะได้มาตอน Act 4 ซึ่งใกล้จบเกมแล้ว แน่นอนว่าผู้พัฒนาจงใจ เพราะถ้าหากจะดีไซน์เควสที่มันเหมาะสมกับอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ มันก็จะต้องค่อยๆ สอนและค่อยๆ ไปทีละก้าว แต่ลองคิดดูว่าถ้าหากเรามีอุปกรณ์พวกนี้ใช้ตั้งแต่แรก มันอาจจะทำให้เรามีอิสระมากกว่าเดิมอีก แต่ก็ขอแก้ตัวว่าจริงๆ ระบบที่มีอยู่ก็สนุกมากพอแล้ว


ส่วนระบบ Skill Trees ในภาคนี้ทางผู้พัฒนาก็ตัดความยุ่งยากของภาคแรกที่มีให้เลือกหลายสายออกไป และปรับสายความสามารถให้เหลือเพียงแค่ 2 แบบเท่านั้นก็คือสาย Combat (เพิ่มเลือด)  ที่จะเพิ่มท่าโจมตีใหม่ๆ ให้กับเรา และสาย Parkour (เพิ่ม Stamina) ที่นอกจากการเพิ่มสเตตัวแล้วนั้น เรายังสามารถอัพท่าต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งแต้มที่ใช้อัพเกรดนั้นจะสามารถหาได้จากการค้นหา Inhibitor ให้ครบสามอัน คุณก็จะได้รับหนึ่งแต้มมาใช้ ซึ่งตัวคุณเองก็ต้องเลือกว่าจะเลือกอัพฝั่งไหน แน่นอนว่าตัวเกมสามารถให้คุณอัพทั้งสองสายเต็มได้ เพียงแต่ว่าการเล่นในเนื้อเรื่องปกติ ตัว Inhibitor อาจจะไม่เพียงพอให้คุณอัพได้ทั้งหมด ซึ่งตัวคุณเองจะต้องใช้เวลาเพิ่มในการหาสิ่งๆ นี้ทั่วแผนที่


รวมถึงการอัพสกิลแต่ละอย่างตัวคุณเองก็จะต้องใช้เลเวลในการอัพอีกด้วย ซึ่ง XP ต่างๆ ก็จะได้มาจากการที่คุณทำสิ่งนั้นๆ บ่อยๆ เช่นปีนป่ายบ่อยๆ หรือสู้กับศัตรูบ่อย หรืออีกหนึ่งวิธีคือการทำ Side Quest, เข้าไปเคลียร์ที่กบดานศัตรู เปิดพลังงานกังหันลม (และสามารถเปิดจุดภารกิจใหม่ๆ ได้ด้วย) หรือทำชาเลนซ์ Parkour ซึ่งมันก็จะทำให้คุณได้ XP ต่างๆ มากขึ้น แต่มันก็จะแลกมากับเวลาที่มากโขพอสมควร ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้พัฒนาบอกจริงๆ ว่ากว่าถ้าจะเคลียร์หลายๆ อย่างให้หมด อาจจะใช้เวลามากกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนี้ในระบบตัวเลือกตอบของเกมจะมีให้เราเลือกยกถิ่นฐานทรัพยากรให้ระหว่าง Survivor และ Peacekeeper ด้วย ซึ่งมันก็จะส่งผลให้คุณสามารถปลดล็อคของใหม่ๆ ตามด่านได้ อย่างเช่นการเลือกให้ทรัพยากรกับ Survivor คุณก็จะปลดล็อคของใหม่ๆ ในการเดินทางเช่นจุดกระโดดสูง หรือถ้าหากเลือกช่วย Peacekeeper คุณก็อาจจะได้รับกับดักต่างๆ ในการสู้กับซอมบี้เป็นต้น

แต่ข้อติเดียวที่รู้สึกก็คือสกิลต่างๆ ที่มีให้อัพเกรดนั้น ส่วนตัวมองว่าสกิลบางอันมันเป็นสกิลพื้นฐานที่ควรจะมีตั้งแต่แรก อย่างเช่นสกิลวิ่งไต่กำแพงของฝ่าย Parkour หรือสกิล Perfect Dodge ที่ส่วนตัวมองว่ามันควรอยู่ในสกิลติดตัวของเราตั้งแต่เริ่ม


สรุป

ต้องพูดตามตรงว่าในด้านของเนื้อเรื่องนั้นอาจจะดูด้อยไปกว่าภาคแรกพอสมควร รู้สึกว่าตัวเกมเล่นหลายประเด็นเกินไปจนลืมโฟกัสจุดประสงค์แรกที่ดำเนินมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าในด้านของเกมเพลย์ ทางผู้พัฒนาได้ยกระดับความยอดเยี่ยมของภาคเก่าให้ดี และสนุกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าความน่ากลัวอาจจะลดลงไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังรู้สึกสนุกเช่นเดิม

ใครที่กำลังมองหาเกมเพลย์สนุกๆ มีความยืดหยุ่นในการเล่นมากมาย Dying Light 2 Stay Human เป็นเกมที่เหมาะกับท่านแน่นอน ส่วนใครที่มองหาเกมเนื้อเรื่อง หรือคาดหวังเนื้อเรื่องให้สนุกเท่ากับภาคแรก เกมนี้อาจจะไม่ใช่ทางของท่านครับ 


และถ้าใครที่กำลังกลัวว่าเล่นเกมนี้จะเกิดอาการ Motion Sickness (มึนหัวเพราะภาพในเกมเหวี่ยงมาก) ก็ต้องบอกว่าเกมนี้ส่วนตัวรู้สึกมันเบากว่าภาคแรก อาจจะเป็นเพราะภาพและสีสันของเกมที่ดูสบายตามากขึ้น ไม่เหมือนภาคแรกที่อาจจะมีควันและ Motion Blur เยอะเกินไป มันอาจจะบรรเทาได้ (แต่ก็มีบางคนที่ยังรู้สึกมีอาการอยู่ในภาคนี้)

โดยเกม Dying Light 2 Stay Human วางจำหน่ายแล้วบนเครื่อง PC, PS4, PS5, Xbox One และ Xbox One X สนนราคา 1899 บาท ส่วน Nintendo Switch จะวางจำหน่ายหลังจากที่เกมปล่อยราวๆ 6 เดือน

7
ข้อดี

ระบบ Parkour สนุกมาก

มีอะไรให้เล่นเยอะกว่าภาคแรก

ข้อเสีย

เนื้อเรื่องค่อนข้างอ่อน

เกมดูง่ายไปหน่อยถ้าใส่ของดี และฟาร์มเยอะ

7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Dying Light 2 Stay Human "ภาคต่อเกมวิ่งฟัดผีที่อิสระมากกว่าเดิม"
14/02/2022

หลังจากที่ Techland ได้ให้กำเนิดเกมซอมบี้สุดแปลกใหม่อย่าง Dead Island ที่มาพร้อมกับความสำเร็จมากมาย ตัวผู้พัฒนาเองก็เลือกที่จะสร้างเกมซีรีส์ใหม่อย่าง Dying Light ที่วางจำหน่ายออกมาเมื่อปี 2015 ซึ่งในเกมนี้พวกเขาได้อิสระในการคิดมากมาย และได้ใส่สิ่งต่างๆ มากกว่าเดิมหลายเท่าอย่างเช่นการใส่ระบบ Parkour ที่เราสามารถปีนป่ายหนีซอมบี้ได้อย่างอิสระ ใส่ซอมบี้ที่ทั้งโหด เร็วและดุในตอนกลางคืน ทำให้ตัวเกมมีไดนามิกมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวเกมภาคแรกเองมียอดผู้เล่นสูงถึง 17 ล้านคนเลยทีเดียว

และในปี 2022 ทาง Techland เองได้เขนภาคต่อของเกมนี้มาอีกครั้งใน Dying Light 2 Stay Human กับการอัพสเกลของเกมให้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมเช่นแผนที่ใหญ่โตกว่าเดิมถึง 4 เท่า แอนิเมชันการปีนป่ายที่มากกว่าเดิม หรือแม้กระทั่งชุดและอาวุธก็จะมีหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในบทความนี้เราจะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ว่าตัวเกมมีอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเดิมบ้าง และควรค่าแก่การซื้อหรือไม่


เนื้อเรื่อง

โดยเนื้อเรื่องของเกมจะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกนานกว่า 20 ปี โดยเราจะได้รับบทเป็น Aiden Caldwel ชายหนุ่มคนนอกเมืองผู้ที่ต้องเดินทางมายัง The City (หรือที่เรียกว่าเมือง Villedor) เพื่อตามหาน้องสาวที่พลัดพรากกันในวัยเด็ก โดยเนื้อเรื่องจุดประสงค์หลักของตัวเอกนั้นมีเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่เรื่องเล่าทั้งหมดของเราจะพูดถึงความขัดแย้งระหว่างผู้คนสองฝ่ายอย่างเหล่า Survivor (ผู้รอดชีวิต) และ Peacekeeper (ผู้รักษาสันติภาพ) โดยเราจะมีโอกาสได้ช่วยเหลืองานของทั้งสองฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็จะให้เราเลือกช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องบางอย่างของเกม


แต่จากที่ได้เล่นมานั้นต้องยอมรับว่าตัวเนื้อเรื่องของ Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างอ่อนในระดับหนึ่งเลย เพราะตัวเกมพยายามจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายมากจนเกินไป ทำให้จุดประสงค์แรกในการที่เราอยากมาช่วยเหลือน้องสาวนั้นเบาบางลงอย่างมากถึงแม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะบอกว่าการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ พวกเขานั้นจะให้สิ่งที่เราต้องการในการตามหาน้องสาวก็เถอะ !! แต่กว่าจะถึงจุดนั้นเราก็ต้องใช้เวลาเล่นมากกว่า 15-20 ชั่วโมงเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าประเด็นที่พวกเขาเล่านั้นค่อนข้างน่าสนใจที่แต่ละคนนั้นมีเหตุผลของตัวเองอยู่ที่ว่าคุณชอบใครเท่านั้น ซึ่งการเลือกช่วยเหลืออีกฝ่าย โดยภายในเนื้อเรื่องจะมีตัวเลือกตัดสินใต ก็อาจจะส่งผลเสียต่ออีกฝ่าย โดยการเล่นของเนื้อเรื่องอย่างเดียวจะอยู่ราวๆ 30 ชั่วโมง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าผิดหวังในด้านเนื้อเรื่องก็คงจะเป็นคำถามเลือกตอบ ถึงแม้ว่าเรื่องราวของมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง แต่โครงเรื่องหลักโดยรวมเองก็ยังตรงไปในทางเดียวกัน สุดท้ายตัวเกมก็จะจบเรื่องราวเหมือนกัน เพราะเรื่องราวทั้งหมดหรือตัวละครที่ไม่มีบทหรือผ่านเนื้อเรื่องไปแล้ว พวกเขาก็แทบไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อเส้นเรื่องหลัก หรือเส้นเรื่องรองอีกเลย


กราฟิก / การนำเสนอ

สำหรับเมือง Villedor จะมีความแตกต่างจากเมือง Harran ของเกมภาคแรกเกือบจะทั้งหมด โดยตัวเกมจะให้กลิ่นอายความเป็นยุโรป ตัวบ้านเมืองเองมีสีสันมากขึ้นกว่าภาคแรกที่จะอยู่ในสลัม และเนื่องจากเรื่องราวจะดำเนินหลังที่โลกล่มสลายมากว่า 20 ปี ทำให้เราได้เห็นต้นไม้ที่เลื่อยเกาะตามบ้านให้ความรู้สึกสบายตาและเขียวชอุ่มกขึ้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโซนตึกสูงเสียดฟ้ามากมาย ให้ความรู้สึกว่าเรานั้นอยู่ในใจกลางเมืองหลวงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

โดยผู้เขียนได้เล่นเกมนี้บนเวอร์ชัน PC ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวเกม Dying Light 2 Stay Human ค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับผู้คนคอมพิวเตอร์ระดับต่ำ หรือกลางเสียเท่าไร เพราะผู้เขียนใช้คอมพิวเตอร์ CPU I5 8400 กับการ์ดจอ GTX 1060 6GB ซึ่งก็สามารถรันเกมในความละเอียด 1080p ได้เพียงแค่ 40-50 FPS เท่านั้น อาจจะเพราะรายละเอียดของเกมที่เยอะขึ้น ตึกราบ้านช่องที่มีรายละเอียดและเข้าถึงได้ลึกขึ้นทั้งในแนวนอนและแนวดิ่ง บวกกับแผนที่อันใหญ่โตมากขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ถามว่าเฟรมเรทราวๆ นี้ประสบปัญหาในการเล่นไหมก็ต้องบอกว่าไม่ประสบปัญหาใดๆ เลย อาจจะไม่ลื่นไหลอย่างที่คิดแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เพราะจังหวะการเล่นของเกมนี้ก็ไม่ได้เร็วมากนักอยู่แล้ว


เกมเพลย์

ต้องยอมรับว่าระบบเกมคือจุดเด่นหลักของ Dying Light 2 Stay Human เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากระบบเดิมที่เคยมีในภาคแรกยังอยู่เกือบครบแล้วนั้น ตัวเกมยังยกระดับเกมเพลย์ในมีความแปลกใหม่กว่าเดิม โดยระบบการต่อสู้ในภาคนี้ทางผู้พัฒนาได้ทำการตัดระบบปืนออกไป เพื่อเน้นให้เราได้สู้ในระยะประชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางผู้พัฒนาก็ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ให้เรามากมายอย่างเช่นตัวเรานั้นสามารถทั้ง Block, Parry, กดกระโดดหลบ และทำการสวนศัตรูได้ ซึ่งมันทำให้การต่อสู้จะมีมิติมากขึ้น แต่กลับกันตัว AI เองเวลาโจมตีก็จะมีลูกเล่นมากขึ้น อย่างเช่นการหลอกตี (เพราะเราจะต้องกดป้องกันให้พอกับที่ศัตรูตีมาจึงจะสามารถ Parry และสวนได้)


ระบบอาวุธของเกมนั้นจะค่อนข้างแตกต่างจากภาคแรก ที่ในภาคนี้เราสามารถซ่อมอาวุธได้แล้ว ซึ่งมันตัดปัญหาคนใช้อาวุธเดียวยันจบเกมเราไม่จำเป็นต้องไปนั่งหาของซ่อมอาวุธเหมือนภาคก่อน แต่มันก็แลกมากับการที่ตัวเกมมีอาวุธมากมายให้เราเก็บ (หรือให้เราซื้อ) เต็มไปหมด ซึ่งถ้าหากคุณไม่เถลไถลไปไหนไกล กว่าอาวุธคุณจะพังหมด เราก็มักจะได้อาวุธดีๆ มาใหม่แล้ว รวมถึงการใส่ MOD ความสามารถต่างๆ (เช่นช็อตไฟฟ้า ติดพิษ เพิ่มดาเมจ หรือติดไฟ) มันก็ยังช่วยเพิ่มค่าความทนทานให้เราด้วย เลิกกังวลในจุดนี้ได้เลย


ระบบที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมนี้ก็คือระบบสวมใส่ ที่เราสามารถปรับแต่งสไตล์ของชุดได้อย่างตามใจชอบ ซึ่งชุดก็จะแบ่งออกเป็น 4 สายด้วยกันก็คือ Brawler (เน้นโจมตีระยะใกล้), Medic (เน้นฟื้นฟู), Tank (เน้นป้องกันสูงๆ), Ranger (เน้นอาวุธโจมตีระยะไกล) รวมถึงชุดแต่ละชิ้นก็จะมีระดับ (ตั้งแต่ 1-5) แถมยังมีความแรร์ที่เพิ่มสเตตัสมากขึ้นด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเราใส่ชุดเซ็ตที่สอดคล้องกันหมด มันจะทำให้ตัวคุณเก่งขึ้นเยอะมากๆ


แน่นอนว่าระบบเกมค่อนข้างที่จะมีความแปลกใหม่พอสมควร ตัวเกมใส่ระบบความเป็น RPG มากขึ้น การตีศัตรูจะมีตัวเลขขึ้นบ่งบอกดาเมจ แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเลยก็คือถ้าหากว่าเราตั้งใจฟาร์มหรือใส่เซ็ตสวมใส่ดีๆ ตัวเรานั้นจะค่อนข้างเก่งพอสมควร เก่งขนาดที่ศัตรูในโหมดเนื้อเรื่องไม่มีความท้าทายใดๆ เลย ยกตัวอย่างถึงแม้ว่าเกมนี้จะนำระบบปืนออกไป แต่การใช้ธนูและใส่เซ็ต Ranger ที่เพิ่มดาเมจอาวุธระยะไกล มันก็ทำให้ตัวเราโกงพอสมควร (ยิงศัตรูระดับบอสในฉากไม่กี่ตีตาย โดยเราไม่ต้องเข้าไปหาเลย)


ซึ่งตัวเกมจะรู้สึกท้าทายมากๆ ในช่วงราวๆ 5-10 ชั่วโมงแรก ซึ่งสาวนตัวคิดว่าการเข้าไปที่กบดานซอมบี้ หรือเล่นเควสรองบางอันอาจจะรู้สึกน่ากลัวและท้าทายมากกว่า เพราะบางทีเราาอาจจะไปเจอบอสแปลกๆ ที่ไม่เคยเจอมาแบบไม่รู้ตัวและโดนมันฆ่าในชุดเดียว เอาจริงๆ ในภารกิจหลักบางตัวก็ทำให้รู้สึกท้าทายนะอย่างเช่นเควสหลักที่จะให้เราต้องหนีอย่างเดียว ซึ่งมันตื่นเต้นมากๆ แต่การพบเจอความรู้สึกแบบนี้มันก็น้อยจนเกินไป ซึ่งเหล่าซอมบี้ส่วนใหญ่ที่เจอนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกที่กลัวอีกต่อไป ส่วนตัวมองว่าต่อสู้กับเหล่ามนุษย์ด้วยกันเองยังรู้สึกสนุกมากกว่า


อีกหนึ่งระบบที่ไม่พูดไม่ได้ของเกมนี้นั่นก็คือระบบ Parkour ที่ต้องบอกเลยว่าตัวเกมทำออกมาได้ดีมากๆ และนี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของเกมเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าระบบเรื่องการปีนป่ายนั้นทางผู้พัฒนานั้นทำได้ดีมากๆ อยู่แล้วในภาคแรก ซึ่งภาคสองเองก็ถูกยกเอามาทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจในภาคนี้คือลูกเล่นต่างๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นที่ร่อน Paraglider ที่ให้เราสามารถบินโลดแล่นบนฟ้าได้, จุดวิ่งไต่กำแพงที่มากขึ้น

หรือการปรับเปลี่ยนระบบ Graphling Hook ที่ในภาคนี้มันอาจจะไม่ได้พาเราพุ่งไปง่ายๆ เหมือนก่อน แต่จะเน้นความสมจริงที่จะเน้นให้เราโหนไปข้างหน้ามากกว่า (เปรียบเทียบ Graphling Hook ภาคแรกจะคล้ายๆ กับ Spider-Man แต่ภาคสองจะเหมือน Tarzan มากกว่า) ซึ่งมันก็สร้างความแปลกใหม่ และอิสระในอีกรูปแบบหนึ่ง


แต่ข้อเสียของระบบก็คือการปลดล็อคแต่ละอุปกรณ์ของเกมที่ค่อนข้างได้มาช้ามากๆ อย่างเช่นตัว Paraglider ที่เราจะได้มาตอน Act 2 ส่วน Graphling Hook จะได้มาตอน Act 4 ซึ่งใกล้จบเกมแล้ว แน่นอนว่าผู้พัฒนาจงใจ เพราะถ้าหากจะดีไซน์เควสที่มันเหมาะสมกับอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ มันก็จะต้องค่อยๆ สอนและค่อยๆ ไปทีละก้าว แต่ลองคิดดูว่าถ้าหากเรามีอุปกรณ์พวกนี้ใช้ตั้งแต่แรก มันอาจจะทำให้เรามีอิสระมากกว่าเดิมอีก แต่ก็ขอแก้ตัวว่าจริงๆ ระบบที่มีอยู่ก็สนุกมากพอแล้ว


ส่วนระบบ Skill Trees ในภาคนี้ทางผู้พัฒนาก็ตัดความยุ่งยากของภาคแรกที่มีให้เลือกหลายสายออกไป และปรับสายความสามารถให้เหลือเพียงแค่ 2 แบบเท่านั้นก็คือสาย Combat (เพิ่มเลือด)  ที่จะเพิ่มท่าโจมตีใหม่ๆ ให้กับเรา และสาย Parkour (เพิ่ม Stamina) ที่นอกจากการเพิ่มสเตตัวแล้วนั้น เรายังสามารถอัพท่าต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งแต้มที่ใช้อัพเกรดนั้นจะสามารถหาได้จากการค้นหา Inhibitor ให้ครบสามอัน คุณก็จะได้รับหนึ่งแต้มมาใช้ ซึ่งตัวคุณเองก็ต้องเลือกว่าจะเลือกอัพฝั่งไหน แน่นอนว่าตัวเกมสามารถให้คุณอัพทั้งสองสายเต็มได้ เพียงแต่ว่าการเล่นในเนื้อเรื่องปกติ ตัว Inhibitor อาจจะไม่เพียงพอให้คุณอัพได้ทั้งหมด ซึ่งตัวคุณเองจะต้องใช้เวลาเพิ่มในการหาสิ่งๆ นี้ทั่วแผนที่


รวมถึงการอัพสกิลแต่ละอย่างตัวคุณเองก็จะต้องใช้เลเวลในการอัพอีกด้วย ซึ่ง XP ต่างๆ ก็จะได้มาจากการที่คุณทำสิ่งนั้นๆ บ่อยๆ เช่นปีนป่ายบ่อยๆ หรือสู้กับศัตรูบ่อย หรืออีกหนึ่งวิธีคือการทำ Side Quest, เข้าไปเคลียร์ที่กบดานศัตรู เปิดพลังงานกังหันลม (และสามารถเปิดจุดภารกิจใหม่ๆ ได้ด้วย) หรือทำชาเลนซ์ Parkour ซึ่งมันก็จะทำให้คุณได้ XP ต่างๆ มากขึ้น แต่มันก็จะแลกมากับเวลาที่มากโขพอสมควร ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้พัฒนาบอกจริงๆ ว่ากว่าถ้าจะเคลียร์หลายๆ อย่างให้หมด อาจจะใช้เวลามากกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนี้ในระบบตัวเลือกตอบของเกมจะมีให้เราเลือกยกถิ่นฐานทรัพยากรให้ระหว่าง Survivor และ Peacekeeper ด้วย ซึ่งมันก็จะส่งผลให้คุณสามารถปลดล็อคของใหม่ๆ ตามด่านได้ อย่างเช่นการเลือกให้ทรัพยากรกับ Survivor คุณก็จะปลดล็อคของใหม่ๆ ในการเดินทางเช่นจุดกระโดดสูง หรือถ้าหากเลือกช่วย Peacekeeper คุณก็อาจจะได้รับกับดักต่างๆ ในการสู้กับซอมบี้เป็นต้น

แต่ข้อติเดียวที่รู้สึกก็คือสกิลต่างๆ ที่มีให้อัพเกรดนั้น ส่วนตัวมองว่าสกิลบางอันมันเป็นสกิลพื้นฐานที่ควรจะมีตั้งแต่แรก อย่างเช่นสกิลวิ่งไต่กำแพงของฝ่าย Parkour หรือสกิล Perfect Dodge ที่ส่วนตัวมองว่ามันควรอยู่ในสกิลติดตัวของเราตั้งแต่เริ่ม


สรุป

ต้องพูดตามตรงว่าในด้านของเนื้อเรื่องนั้นอาจจะดูด้อยไปกว่าภาคแรกพอสมควร รู้สึกว่าตัวเกมเล่นหลายประเด็นเกินไปจนลืมโฟกัสจุดประสงค์แรกที่ดำเนินมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าในด้านของเกมเพลย์ ทางผู้พัฒนาได้ยกระดับความยอดเยี่ยมของภาคเก่าให้ดี และสนุกมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าความน่ากลัวอาจจะลดลงไปบ้าง แต่โดยรวมก็ยังรู้สึกสนุกเช่นเดิม

ใครที่กำลังมองหาเกมเพลย์สนุกๆ มีความยืดหยุ่นในการเล่นมากมาย Dying Light 2 Stay Human เป็นเกมที่เหมาะกับท่านแน่นอน ส่วนใครที่มองหาเกมเนื้อเรื่อง หรือคาดหวังเนื้อเรื่องให้สนุกเท่ากับภาคแรก เกมนี้อาจจะไม่ใช่ทางของท่านครับ 


และถ้าใครที่กำลังกลัวว่าเล่นเกมนี้จะเกิดอาการ Motion Sickness (มึนหัวเพราะภาพในเกมเหวี่ยงมาก) ก็ต้องบอกว่าเกมนี้ส่วนตัวรู้สึกมันเบากว่าภาคแรก อาจจะเป็นเพราะภาพและสีสันของเกมที่ดูสบายตามากขึ้น ไม่เหมือนภาคแรกที่อาจจะมีควันและ Motion Blur เยอะเกินไป มันอาจจะบรรเทาได้ (แต่ก็มีบางคนที่ยังรู้สึกมีอาการอยู่ในภาคนี้)

โดยเกม Dying Light 2 Stay Human วางจำหน่ายแล้วบนเครื่อง PC, PS4, PS5, Xbox One และ Xbox One X สนนราคา 1899 บาท ส่วน Nintendo Switch จะวางจำหน่ายหลังจากที่เกมปล่อยราวๆ 6 เดือน


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header