GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม DreadOut 2 (PS5) สานต่อความสยองขวัญ กับตำนานภูติผีประเทศอินโดนีเซีย
ลงวันที่ 25/07/2022

"บางวัฒนธรรมเก่าแก่เชื่อว่า การถ่ายรูปนั้นสามารถขโมยวิญญานคนได้ และไม่เคารพโลกของฝั่งวิญญาน"

DreadOut เป็นเกมสยองขวัญที่วางจำหน่ายออกมาในปี 2014 จากทางทีม Digital Happiness ผู้พัฒนาสัญชาติอินโดนิเซีย ที่หลาย ๆ คนยกให้ถึงความหลอนชวนขนหัวลุก และจุดเด่นของเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Fatal Frame ที่เรานั้นจะสามารถใช้กล้องถ่ายรูปในการโจมตีเหล่าภูติผีปีศาจจากตำนานความเชื่อของประเทศอินโดนิเซียที่คอยไล่ล่าเรา พร้อมบรรยากาศความหลอนทั้งความมึด เสียงกรีดร้อง ความสยองขวัญ ซึ่งตัวเกมได้รับคะแนนคำวิจารณ์จากทางร้านค้า Steam สูงถึง 76% รวมถึงยังสานต่อเรื่องราวใน DreadOut: Keepers of The Dark ปี 2016 ตัวเกมก็ได้รับคะแนนที่ดีเช่นกัน

ต่อมาอีก 6 ปีทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อยเกม DreadOut 2 ออกมาให้เราได้สัมผัสกัน ที่จะเป็นการสานต่อเนื้อเรื่องของเกมภาคแรกที่ยังค้างคา และเพิ่มเกมเพลย์ใหม่ ๆ ให้เราได้เล่นอีกด้วย ถึงแม้ว่าตัวเกมจะวางจำหน่ายออกมาถึง 2 ปีแล้ว แต่ล่าสุดทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อยตัวเกมเวอร์ชันคอนโซลออกมาให้เล่นกัน ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกม DreadOut 2 ในเวอร์ชัน PlayStation 5 พร้อมพูดภาพรวมของตัวเกมว่ามันควรค่าแก่การซื้อหรือไม่ ?


กราฟิก / นำเสนอ

ถึงแม้ว่าตัวกราฟิกของเกมทางผู้พัฒนาจะยังไม่ได้อัปเกรดกราฟิกอะไรมาก ตัวโมเดลก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องยอมรับว่าทางผู้พัฒนาก็ได้ใส่รายละเอียดของเกมให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนที่พักอาศัยที่เปิดพื้นที่เปิด ก็ได้ชูความเป็นประเทศอินโดนิเซียได้อย่างดีเลยทีเดียว เราจะได้เห็นตึกราบ้านช่อง บรรยากาศคร่าว ๆ ของคนในประเทศ หน้าตาของโรงเรียนมัธยม การแต่งตัวของนักเรียนและอาจารย์ที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันก็ค่อนข้างเปิดโลกและน่าสนใจพอสมควรเลย


ในด้านของความสยองขวัญถึงแม้ว่าในภาคนี้เราจะได้อยู่ในพื้นที่เปิดมากขึ้น ความอึดอัดที่พบเจอในบางฉากก็อาจจะทำได้น้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศเวลาอยู่ในฉากที่แคบ อึดอัดทางผู้พัฒนาก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บรรยากาศความสยอง ความแหวะก็ยังอยู่ครบไม่ต่างจากภาคแรก และเหมือนจะโหดขึ้นกว่าเดิมด้วย

และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้ก็คงจะเป็นเรื่องของความสยองขวัญที่ทางผู้พัฒนาก็เชิดชูเรื่องราวเร้นลับหรือผีบ้านเขาได้อย่างดี เพราะว่าประเทศอินโดนิเซียนั้นเป็นประเทศที่มีเรื่องเล่าในตำนานมากมาย ทำให้เรานั้นได้พบเจอกับเหล่าผีพวกนี้ในการต่อสู้ตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นผีผ้าห่อศพ ผีสาวกุนตีลานัก หรือผีพญางู Blorong เป็นต้น

แต่ถ้าให้พูดถึงประสบการณ์ที่ได้รับหลังจากที่เล่นเกมนี้บนเวอร์ชัน PS5 ก็ต้องบอกว่ามันก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากเวอร์ชัน PC เสียเท่าไร ในงานด้านกราฟิก แสงเงาก็เหมือนเดิม ฟังชันต่าง ๆ บนจอย DualSense ก็ไม่ได้ใส่ลูกเล่นอะไรเข้ามาเลย และทางผู้เขียนแอบไปส่อง ๆ คอมเมนต์จากฝ่ายที่เล่นบนเครื่อง PS4 มีกล่าวว่าเฟรมเรทดรอปอยู่ประมาณนึงเลยทีเดียว


เนื้อเรื่อง

ในด้านของเนื้อเรื่องจะพูดถึงหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ดำเนินเรื่องราวกับตัวเองคนเดิมอย่างสาวน้อย Linda หลังจากที่เอาชีวิตรอดจากการพบเจอกับสิ่งชั่วร้ายในป่าพร้อมกับเพื่อน ๆ ทำให้ภาคนี้ตัวเธอนั้นมีพลังในความสามารถมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตัวเธอจะต้องพบเจอกับเหล่าภูติผี ปกป้องเหล่านักเรียนที่โดนผีไล่ล่า หรือโดนผีเข้า  การเข้าไปในอีกมิติและพบเจอกับภูติผีมากมากมายที่คอยทำร้าย ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้จะมีกลิ่นอายการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อยู่หน่อย ๆ ไม่ได้มีเรื่องราวที่น่าระทึกหรือเค้นอารมณ์อะไรมากนัก แต่มันก็ถือว่าเป็นบทเฉลยเรื่องราวที่ผ่านมาของเกมภาคแรก และเกมภาค DreadOut: Keepers of The Dark ได้อย่างดี ทำให้ใครที่ไม่เคยเล่นสองภาคนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจในเนื้อเรื่องของเกมเลยสักนิด ถึงแม้ว่าในหน้าเมนูจะมีการให้เราไปย้อนฟังสรุปเรื่องราวก่อน แต่เชื่อว่าถ้าหากคุณไม่ได้เล่นด้วยตัวเอง คุณก็อาจจะไม่อินกับมันเสียเท่าไร และงงกับที่มาที่ไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น


เกมเพลย์

ในด้านเกมเพลย์ของภาคนี้ตัวเกมเพิ่มเกมการเล่นมาจากภาคแรกในระดับหนึ่ง นอกจากที่เราจะสามารถใช้กล้องในการถ่ายรูปใส่เหล่าภูติผีเพื่อทำดาเมจแล้วนั้น แต่ในภาคนี้เราจะสามารถใช้แฟลชกล้องเพื่อทำให้ศัตรูสตั๊น และสามารถใช้อาวุธมาต่อสู้กับศัตรูได้ด้วย แต่ว่าเกมเพลย์นี้ก็อาจจะไม่ได้มีให้ใช้ตลอด ภายในเนื้อเรื่องของเกมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยนไปใช้เกมการเล่นเดิม ๆ และเปลี่ยนไปเล่นเกมเพลย์แบบใหม่ด้วย


ภายในภาคนี้ก็มีปริศนาที่เราจะต้องหาสิ่งของบางอย่าง ถึงแม้ว่าตัวปริศนาอาจจะไม่ได้ยากมากนัก แต่ก็มีปริศนาบางตัวที่ทำออกมาได้น่าสนใจอย่างเช่นการพบคนถูกผีสิงที่อยากสูบบุหรี่มาก ๆ ทำให้เราจำเป็นต้องหาบุหรี่ไปให้เขาเพื่อหลีกทาง ซึ่งเราก็อาจจะต้องไปหาบุหรี่จากคนที่สูบจัดบางคนที่เราเคยพบเจอเขาแล้ว 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางภารกิจที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันทำให้ความน่ากลัวของเกมหายไปเลย อย่างเช่นภารกิจหารองเท้าที่เราต้องเอาอาหารไปให้แมวที่ขโมยไป หรือภารกิจหากาแฟให้กับคนที่ขวางทาง ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันดูไม่เข้ากันกับธีมของเกมเท่าไรเลย


ความรู้สึกหลังเล่น (เวอร์ชัน PS5)

สำหรับภาคนี้ส่วนตัวคิดว่าความหลอนนั้นค่อนข้างหายไปเยอะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นจะดำเนินอยู่ในที่โล่ง ที่เปิด ทำให้เรานั้นมองเห็นวิสัยทัศน์ได้ไกลขึ้น ผิดจากภาคแรกที่เนื้อเรื่องจะอยู่ในป่า หรือในคฤหาสเสียมากกว่า รวมถึงในด้านการต่อสู้เราเองสามารถสู้กับพวกภูติผีได้มากขึ้นด้วยอาวุธต่าง ๆ ทำให้ความน่ากลัวนั้นอาจจะน้อยลงไป แต่โดยรวมแล้วตัวเกมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สนุกและสามารถเพลิดเพลินได้จนจบเกม เพราะต้องยอมรับว่าทางผู้พัฒนาได้ใส่ไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาให้มีสีสันมากกว่าเดิม รวมถึงตัวบรรยากาศในบางฉากก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม


แต่จากการเล่นบนเครื่องคอนโซล เนื่องจากที่ตัวเกมนี้ดีไซน์ให้มาเล่นบนเครื่อง PC ตั้งแต่แรก ส่วนตัวรู้สึกว่าการปรับบาลานซ์ของเกมทางผู้พัฒนาทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการใช้จอย Controller บังคับนั้นค่อนข้างช้ากว่าการใช้เมาส์และจอยพอสมควร พอเจอศัตรูบางตัวที่เคลื่อนค่อนข้างเร็ว ทำให้การต่อสู้นั้นลำบากกว่าเดิมมาก รวมถึงยังพบเจอกับบัคต่าง ๆ พอสมควร

รวมถึงสิ่งที่ต้องชมก็คือระบบการนำเสนอความเป็นอินโดนิเซียให้เราได้เข้าใจเกี่ยวกับประเทศนี้มากขึ้นทั้งในแง่ของเรื่องราวของตำนานผีสางต่าง ๆ ที่มาจากประเทศให้เราได้ศึกษา และความเป็นโลกเปิดถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้ความน่ากลัวของเกมน้อยลงไป แต่ในช่วงเช้าเราก็จะได้เห็นบรรยากาศของบ้านเรือน และบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนในประเทศนี้ ทั้งร้านขายของ ยานพาหนะ หรืออาหารเป็นต้น

7
ข้อดี

สื่อสารถึงบรรยากาศความเป็นอินโดนิเซียได้อย่างดี

เกมเพลย์น่าสนใจ

ความสยอง ความเหวอะ เยอะสะใจขึ้น

ข้อเสีย

เนื้อเรื่องต้องเคยเล่นสองภาคก่อนหน้าถึงจะเข้าใจ

จอยนั้นบังคับยากกว่าเมาส์มาก ผ้พัฒนาบาลานซ์ความยากได้ไม่ดีในการพอร์ตมาลง Console

7
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม DreadOut 2 (PS5) สานต่อความสยองขวัญ กับตำนานภูติผีประเทศอินโดนีเซีย
25/07/2022

"บางวัฒนธรรมเก่าแก่เชื่อว่า การถ่ายรูปนั้นสามารถขโมยวิญญานคนได้ และไม่เคารพโลกของฝั่งวิญญาน"

DreadOut เป็นเกมสยองขวัญที่วางจำหน่ายออกมาในปี 2014 จากทางทีม Digital Happiness ผู้พัฒนาสัญชาติอินโดนิเซีย ที่หลาย ๆ คนยกให้ถึงความหลอนชวนขนหัวลุก และจุดเด่นของเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Fatal Frame ที่เรานั้นจะสามารถใช้กล้องถ่ายรูปในการโจมตีเหล่าภูติผีปีศาจจากตำนานความเชื่อของประเทศอินโดนิเซียที่คอยไล่ล่าเรา พร้อมบรรยากาศความหลอนทั้งความมึด เสียงกรีดร้อง ความสยองขวัญ ซึ่งตัวเกมได้รับคะแนนคำวิจารณ์จากทางร้านค้า Steam สูงถึง 76% รวมถึงยังสานต่อเรื่องราวใน DreadOut: Keepers of The Dark ปี 2016 ตัวเกมก็ได้รับคะแนนที่ดีเช่นกัน

ต่อมาอีก 6 ปีทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อยเกม DreadOut 2 ออกมาให้เราได้สัมผัสกัน ที่จะเป็นการสานต่อเนื้อเรื่องของเกมภาคแรกที่ยังค้างคา และเพิ่มเกมเพลย์ใหม่ ๆ ให้เราได้เล่นอีกด้วย ถึงแม้ว่าตัวเกมจะวางจำหน่ายออกมาถึง 2 ปีแล้ว แต่ล่าสุดทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อยตัวเกมเวอร์ชันคอนโซลออกมาให้เล่นกัน ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกม DreadOut 2 ในเวอร์ชัน PlayStation 5 พร้อมพูดภาพรวมของตัวเกมว่ามันควรค่าแก่การซื้อหรือไม่ ?


กราฟิก / นำเสนอ

ถึงแม้ว่าตัวกราฟิกของเกมทางผู้พัฒนาจะยังไม่ได้อัปเกรดกราฟิกอะไรมาก ตัวโมเดลก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องยอมรับว่าทางผู้พัฒนาก็ได้ใส่รายละเอียดของเกมให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนที่พักอาศัยที่เปิดพื้นที่เปิด ก็ได้ชูความเป็นประเทศอินโดนิเซียได้อย่างดีเลยทีเดียว เราจะได้เห็นตึกราบ้านช่อง บรรยากาศคร่าว ๆ ของคนในประเทศ หน้าตาของโรงเรียนมัธยม การแต่งตัวของนักเรียนและอาจารย์ที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันก็ค่อนข้างเปิดโลกและน่าสนใจพอสมควรเลย


ในด้านของความสยองขวัญถึงแม้ว่าในภาคนี้เราจะได้อยู่ในพื้นที่เปิดมากขึ้น ความอึดอัดที่พบเจอในบางฉากก็อาจจะทำได้น้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นบรรยากาศเวลาอยู่ในฉากที่แคบ อึดอัดทางผู้พัฒนาก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บรรยากาศความสยอง ความแหวะก็ยังอยู่ครบไม่ต่างจากภาคแรก และเหมือนจะโหดขึ้นกว่าเดิมด้วย

และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้ก็คงจะเป็นเรื่องของความสยองขวัญที่ทางผู้พัฒนาก็เชิดชูเรื่องราวเร้นลับหรือผีบ้านเขาได้อย่างดี เพราะว่าประเทศอินโดนิเซียนั้นเป็นประเทศที่มีเรื่องเล่าในตำนานมากมาย ทำให้เรานั้นได้พบเจอกับเหล่าผีพวกนี้ในการต่อสู้ตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นผีผ้าห่อศพ ผีสาวกุนตีลานัก หรือผีพญางู Blorong เป็นต้น

แต่ถ้าให้พูดถึงประสบการณ์ที่ได้รับหลังจากที่เล่นเกมนี้บนเวอร์ชัน PS5 ก็ต้องบอกว่ามันก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากเวอร์ชัน PC เสียเท่าไร ในงานด้านกราฟิก แสงเงาก็เหมือนเดิม ฟังชันต่าง ๆ บนจอย DualSense ก็ไม่ได้ใส่ลูกเล่นอะไรเข้ามาเลย และทางผู้เขียนแอบไปส่อง ๆ คอมเมนต์จากฝ่ายที่เล่นบนเครื่อง PS4 มีกล่าวว่าเฟรมเรทดรอปอยู่ประมาณนึงเลยทีเดียว


เนื้อเรื่อง

ในด้านของเนื้อเรื่องจะพูดถึงหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ดำเนินเรื่องราวกับตัวเองคนเดิมอย่างสาวน้อย Linda หลังจากที่เอาชีวิตรอดจากการพบเจอกับสิ่งชั่วร้ายในป่าพร้อมกับเพื่อน ๆ ทำให้ภาคนี้ตัวเธอนั้นมีพลังในความสามารถมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตัวเธอจะต้องพบเจอกับเหล่าภูติผี ปกป้องเหล่านักเรียนที่โดนผีไล่ล่า หรือโดนผีเข้า  การเข้าไปในอีกมิติและพบเจอกับภูติผีมากมากมายที่คอยทำร้าย ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้จะมีกลิ่นอายการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อยู่หน่อย ๆ ไม่ได้มีเรื่องราวที่น่าระทึกหรือเค้นอารมณ์อะไรมากนัก แต่มันก็ถือว่าเป็นบทเฉลยเรื่องราวที่ผ่านมาของเกมภาคแรก และเกมภาค DreadOut: Keepers of The Dark ได้อย่างดี ทำให้ใครที่ไม่เคยเล่นสองภาคนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจในเนื้อเรื่องของเกมเลยสักนิด ถึงแม้ว่าในหน้าเมนูจะมีการให้เราไปย้อนฟังสรุปเรื่องราวก่อน แต่เชื่อว่าถ้าหากคุณไม่ได้เล่นด้วยตัวเอง คุณก็อาจจะไม่อินกับมันเสียเท่าไร และงงกับที่มาที่ไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น


เกมเพลย์

ในด้านเกมเพลย์ของภาคนี้ตัวเกมเพิ่มเกมการเล่นมาจากภาคแรกในระดับหนึ่ง นอกจากที่เราจะสามารถใช้กล้องในการถ่ายรูปใส่เหล่าภูติผีเพื่อทำดาเมจแล้วนั้น แต่ในภาคนี้เราจะสามารถใช้แฟลชกล้องเพื่อทำให้ศัตรูสตั๊น และสามารถใช้อาวุธมาต่อสู้กับศัตรูได้ด้วย แต่ว่าเกมเพลย์นี้ก็อาจจะไม่ได้มีให้ใช้ตลอด ภายในเนื้อเรื่องของเกมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยนไปใช้เกมการเล่นเดิม ๆ และเปลี่ยนไปเล่นเกมเพลย์แบบใหม่ด้วย


ภายในภาคนี้ก็มีปริศนาที่เราจะต้องหาสิ่งของบางอย่าง ถึงแม้ว่าตัวปริศนาอาจจะไม่ได้ยากมากนัก แต่ก็มีปริศนาบางตัวที่ทำออกมาได้น่าสนใจอย่างเช่นการพบคนถูกผีสิงที่อยากสูบบุหรี่มาก ๆ ทำให้เราจำเป็นต้องหาบุหรี่ไปให้เขาเพื่อหลีกทาง ซึ่งเราก็อาจจะต้องไปหาบุหรี่จากคนที่สูบจัดบางคนที่เราเคยพบเจอเขาแล้ว 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางภารกิจที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันทำให้ความน่ากลัวของเกมหายไปเลย อย่างเช่นภารกิจหารองเท้าที่เราต้องเอาอาหารไปให้แมวที่ขโมยไป หรือภารกิจหากาแฟให้กับคนที่ขวางทาง ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันดูไม่เข้ากันกับธีมของเกมเท่าไรเลย


ความรู้สึกหลังเล่น (เวอร์ชัน PS5)

สำหรับภาคนี้ส่วนตัวคิดว่าความหลอนนั้นค่อนข้างหายไปเยอะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นจะดำเนินอยู่ในที่โล่ง ที่เปิด ทำให้เรานั้นมองเห็นวิสัยทัศน์ได้ไกลขึ้น ผิดจากภาคแรกที่เนื้อเรื่องจะอยู่ในป่า หรือในคฤหาสเสียมากกว่า รวมถึงในด้านการต่อสู้เราเองสามารถสู้กับพวกภูติผีได้มากขึ้นด้วยอาวุธต่าง ๆ ทำให้ความน่ากลัวนั้นอาจจะน้อยลงไป แต่โดยรวมแล้วตัวเกมก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สนุกและสามารถเพลิดเพลินได้จนจบเกม เพราะต้องยอมรับว่าทางผู้พัฒนาได้ใส่ไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาให้มีสีสันมากกว่าเดิม รวมถึงตัวบรรยากาศในบางฉากก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม


แต่จากการเล่นบนเครื่องคอนโซล เนื่องจากที่ตัวเกมนี้ดีไซน์ให้มาเล่นบนเครื่อง PC ตั้งแต่แรก ส่วนตัวรู้สึกว่าการปรับบาลานซ์ของเกมทางผู้พัฒนาทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการใช้จอย Controller บังคับนั้นค่อนข้างช้ากว่าการใช้เมาส์และจอยพอสมควร พอเจอศัตรูบางตัวที่เคลื่อนค่อนข้างเร็ว ทำให้การต่อสู้นั้นลำบากกว่าเดิมมาก รวมถึงยังพบเจอกับบัคต่าง ๆ พอสมควร

รวมถึงสิ่งที่ต้องชมก็คือระบบการนำเสนอความเป็นอินโดนิเซียให้เราได้เข้าใจเกี่ยวกับประเทศนี้มากขึ้นทั้งในแง่ของเรื่องราวของตำนานผีสางต่าง ๆ ที่มาจากประเทศให้เราได้ศึกษา และความเป็นโลกเปิดถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้ความน่ากลัวของเกมน้อยลงไป แต่ในช่วงเช้าเราก็จะได้เห็นบรรยากาศของบ้านเรือน และบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนในประเทศนี้ ทั้งร้านขายของ ยานพาหนะ หรืออาหารเป็นต้น


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header