GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
รีวิว Aliens: Fireteam Elite "นี่แหละ เกม Aliens ที่รู้ตัวเอง"
ลงวันที่ 25/10/2021

Alien (หรือ Aliens) ถือเป็นหนึ่งใน IP ทรงคุณค่าในโลกของอุตสาหกรรมบันเทิงโดยเฉพาะภาพยนตร์ วิดีโอเกม และนวนิยาย แต่เราอาจพูดได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา Alien ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการข้างต้นมากนัก แตกต่างกับ IP อื่นที่ยังคงมีผลงานยอดเยี่ยมมาให้เหล่าผู้คลั่งไคล้หรือบรรดาหน้าใหม่ได้เชยชมอยู่ไม่ขาดสาย 

ด้านอุตสาหกรรมวิดีโอเกม เมื่อพูดถึงชื่อ Alien สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเราทุกคนและมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราต่างรู้สึกยินดีสักเท่าไร กับ Aliens: Colonial Marines เกมซึ่งสร้างบาดแผลทิ่มแทงลึกลงไปในแฟนเดนตายของซีรีส์นี้ตราบจนปัจจุบัน ถึงแม้ว่า Alien: Isolation เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมเพียงใด รอยแผลเป็นยังมิจากหายและยังส่งภาพหลอนสั่นคลอนจิตใจกับการมาของเกม Aliens: Fireteam Elite

Aliens: Fireteam Elite เป็นเกมแนว Third-Person Shooter ที่มุ่งเน้นการ Co-op เป็นหลัก ซึ่งตัวเกมอาศัยระบบการสู้ฝูงศัตรู (Horde-Based) หรือที่เรามักคุ้นกับเกมแนวนี้อย่าง World War Z โดยพักหลังเกมแนวนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก แต่การมาของ Aliens: Fireteam Elite ทำให้ผู้คนสนใจพอตัวเพราะความเป็น Aliens ที่ห่างหายจากวงการเกมเป็นเวลานาน บวกกับกระแสความต้องการลบรอยฟกช้ำจากเกม Aliens: Colonial Marines เนื่องจากเห็นว่าตัวเกมนั้น “ดูดี มีทรง” มีศักยภาพมากพอที่จะออกมาเป็นเกม Aliens ที่ดีได้ 

และมันก็เป็นไปตามที่คิด สำหรับผู้เขียนแล้ว เหตุผลที่คิดว่าเกมมันออกมาดี เพราะนี้คือเกมที่ผู้พัฒนา Cold Iron Studios

รู้ตัวเอง”  


รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่

ต้องกล่าวก่อนว่า Alien มีความแตกต่างกับ Aliens ในแง่ของอารมณ์เนื้องาน ทาง Alien มีความสยองขวัญท่ามกลางอวกาศอันเงียบฉี่ ที่คุณกรีดร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน (Space Horror) ซึ่งอ้างอิงมาจากภาพยนตร์ Alien ปี 1979 ของคุณ Ridley Scott ส่วน Aliens มีความบ้าระห่ำ ท่ามกลางอวกาศ ซึ่งอ้างอิงมาจากภาพยนตร์ Aliens ปี 1986 ของคุณ James Cameron 

เราจึงเห็นความแตกต่างระหว่าง Alien: Isolation กับ Aliens: Fireteam Elite ชัดเจน เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปคาดหวังความน่ากลัวจาก Aliens: Fireteam Elite ให้เสียอารมณ์ และผู้พัฒนาก็รู้เรื่องนี้ดี จึงจัดเต็มความดุเดือดเท่าที่เกม Aliens จะมอบให้คุณได้ในทุกมุมมองของตัวเกม เป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้พัฒนาจึงสร้างให้เป็นเกม Co-op และเลือกใช้เนื้อหาของบรรดาทหารหาญล้างบาง Xenomorph อย่าง Colonial Marine ไม่ว่าจะเป็นระบบอาชีพ ระบบหมวดหมู่อาวุธ และการปรับแต่งยุทโธปกรณ์ ซึ่งมันให้อารมณ์การเป็นทหารหน่วยรบพิเศษอย่างยิ่งยวด

ปัจจุบันในเกมมี 6 อาชีพ ได้แก่ Gunner, Demolisher, Technician, Doc, Recon และ Phalanx แต่ละอาชีพจะมีความสามารถเฉพาะตัวและการถืออาวุธที่ถูกกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน ทำให้มีความเฉพาะตัวของแต่ละอาชีพ สร้างหน้าที่ให้แต่ละอาชีพได้เฉิดฉายจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป พร้อมทั้งต้องช่วยสนับสนุนเพื่อนรวมหมู่รบในทีมให้ผ่านศึกหนักไปด้วยกัน 

นอกจากนั้นเกมยังพาผู้เล่นไปพบกับบรรยากาศของ IP นี้หลายยุคสมัย ที่เห็นได้ชัดคือตั้งแต่ Aliens จนถึง Alien: Covenant โดยแต่ละภารกิจใช้การอ้างอิงบรรยากาศจากภาพยนตร์อย่างชัดเจน รวมไปถึงเพลงประกอบในแต่ละภารกิจซึ่งจะอ้างอิงทำนองและแนวเพลงตามยุคอีกเช่นกัน 

รู้ขอบเขตของตัวเอง

ตั้งแต่เริ่มเกมมา เราทราบได้ทันทีว่าผู้พัฒนาไม่ไปเสียงบ เสียเวลา ผลาญแรงงานกับสิ่งที่ไม่จำเป็นกับระบบเกมการเล่น ด้วยการตัดรายละเอียดยิบย่อยออกทั้งหมด อย่างการที่ทั้งเกมมีแค่คัตซีนเพียงฉากเดียวสั้นๆ ตอนเริ่มเกม และการที่ NPC ไม่ขยับปากตอนพูดเวลารับภารกิจ เป็นสัญญาณบอกว่าเกมนี้มุ่งและทุ่มเทอยู่แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ “เกมการเล่น” และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ Aliens: Fireteam Elite เป็นหนึ่งในเกม Third-Person Shooter ยุคหลังที่มีระบบการยิงปืนอยู่ในขั้นดี ด้วยความแน่นและเอกลักษณ์ของปืนแต่ละกระบอก แม้จะไม่เทียบเท่ากับเกมในแนวเดียวกันที่เป็นเกมระดับ AAA

อีกสิ่งที่ดึงศักยภาพของระบบการยิง พร้อมทั้งสร้างเอกลักษณ์ให้เกมนี้มีความแตกต่างกับเกมแนวสู้ฝูงศัตรู ก็คือตัว Xenomorph เอง เนื่องจากพฤติกรรม Xenomorph มีความแตกต่างกับซอมบี้ที่มักเป็นศัตรูที่อยู่ในเกมแนวนี้ การเคลื่อนไหวที่มาทุกทิศทุกทาง ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง มาข้างหน้าหรือหลัง แถมยังมีการยืนแอบดักโจมตี รวมไปถึงวิธีในการวิ่งและการเดิน Xenomorph สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นดัดหลังความเคยชินของผู้เล่นเวลาเราวางเมาส์วางจอยทาบเป้าเล็งยิงซอมบี้ ทำให้ผู้เล่นต้องศึกษาและปรับพฤติกรรมใหม่ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ศัตรูจำพวก Synthetic หรือหุ่นยนต์กลับทำออกมาไม่ค่อยดี กับรูปแบบพฤติกรรมที่เราเจอมาในเกมทั้งแนวนี้และแนวอื่นจนชินชา ทำให้ภารกิจที่เราต้องออกไปสู้ Synthetic เป็นภารกิจน่าเบื่อไปโดยปริยาย

ผู้พัฒนาก็รู้ว่าการจะทำให้ผู้เล่นใช้เวลากับเกมของพวกเขาให้มากที่สุดกับเกมที่มีเนื้อหาไม่เยอะ วิธีการสุดแสนจะคลาสสิกก็คือการทำให้ผู้เล่นยินยอมพร้อมใจที่จะ “เล่นซ้ำๆ” (Grinding) โดยแต่ละอาชีพ ปืนจะมีเลเวลเป็นของตัวเอง ยิ่งเลเวลสูง เรายิ่งสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีค่าเงินภายในเกมที่ใช้ซื้อของแต่งปืน เครื่องแต่งกาย เพราะหลายคน (รวมถึงผู้เขียน) มีแนวคิดว่า “ต้องเท่ด้วย ถึงจะสนุก” สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นจมอยู่กับเกมเป็นเวลานาน แม้ว่าเกมจะมีเนื้อหาในเกมน้อย มีภารกิจเพียงแค่ 12 ภารกิจ กับโหมดเอาชีวิตรอดเป็นรอบๆ  แต่เพื่อพัฒนาตัวละคร ปืน และความเท่ การเล่นซ้ำภารกิจเดิมๆ จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ได้มีปัญหากับมันสักเท่าไร แถมเกมมีความยากอีก 5 ระดับ ถ้าอยากไต่ความอยากสูงๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเราให้พร้อมลุยกับความยากดังกล่าว


รู้แต่ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องยอมแลก

เมื่อผู้พัฒนาต้องตัดรายละเอียดออกเพราะเน้นทำแต่ระบบเกมการเล่น จึงทำให้ตัวเกมมีความ “งานไม่ละเอียด” อย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าคุณจะพยายามมองข้ามแค่ไหน มันก็มาสะกิดต่อมข้องใจอยู่ดี ทั้งอนิเมชั่นการเดิน การเปลี่ยนกระสุน แข็งยิ่งกว่าหินแกรนิต เรื่องที่ NPC ไม่ขยับปากตอนคุยรับภารกิจ แต่ทำไม NPC ที่อยู่ในบางภารกิจ มันขยับปากได้ (มึนมาก) และรวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่น (Quality of Life) ที่ไม่มีระบบที่สุดแสนพื้นฐานของเกมแนว Co-op อย่าง การเข้าออกทีมได้ตลอดเวลาอยู่ในภารกิจ (Drop in, Drop out), การหาห้องแบบทันที (Quick Play) ซึ่งไม่มีในช่วงแรกตอนปล่อยเกม ทำให้ผู้เล่นถูกจำกัดปริมาณในการหาผู้รวมทีมแบบสุ่ม เพราะเกมมีปัจจัยในการสุ่มห้องเยอะเกินไป ทั้งระดับความยากและภารกิจ รวมถึงจำนวนคนในทีมที่ต้องการ ที่ปัจจุบันเพิ่งเพิ่มมาหลังเกมปล่อยไปสักพักแล้ว ในเวลาที่เกมเหลือคนเล่นไม่ถึงพันคน และการสนทนาแบบตัวอักษรหรือเสียง ที่ทีมพัฒนาเคยบอกในกระทู้ถามตอบว่า “เรามีระบบ ping นะ ให้ใช้ ping แทน” ซะงั้น…

นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือเนื้อหาของเกมจัดอยู่ในระดับน้อยมาก แม้ว่าเราดำดิ่งกับเกมได้พักใหญ่เพราะการ Grinding แต่นั่นก็ได้แค่ช่วงแรกเท่านั้น พอคุณเก็บเลเวลอาชีพ ปืน และของตกแต่งจนครบ คุณก็จะไม่มีเหตุผลในการเล่นเกมนี้อีกต่อไป นอกจากต้องรอการอัปเดตเนื้อหาเกมที่มาเป็นฤดูกาล ซึ่งล่าสุดทีมพัฒนาประกาศแผนการอัปเดตปีที่ 1 โดยการอัปเดตแต่ละฤดูกาลก็มีช่องว่างของระยะเวลาพอสมควร ประกอบกับเนื้อหาใหม่ๆ ปริมาณก็ไม่ค่อยเยอะสักเท่าไร

ฉะนั้นเกมนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ไม่มีปัญหากับการเล่นสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ รวมถึงสามารถปล่อยวางกับความงานไม่ละเอียดของเกม ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแฟนเดนตายของ Aliens ก็เชื่อว่าสนุกไปกับเกมนี้ได้แน่นอน

7
ข้อดี

ระบบอาชีพที่หลากหลาย ซึ่งสร้างผลกระทบกับการเล่น

ระบบการยิงปืนทำออกมาดี

บรรยากาศตัวเกมที่หลากหลายและงดงาม

เพลงประกอบดึงความเป็น Aliens ได้ดี

ข้อเสีย

เนื้อหาเกมน้อยมาก

การอำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่นจัดว่าอยู่ในระดับแย่

รายละเอียดของเกมที่ต้องขัดเกลามากกว่านี้

การอัปเดตที่ต้องรอนานและเนื้อหาไม่ค่อยเยอะ

6
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิว Aliens: Fireteam Elite "นี่แหละ เกม Aliens ที่รู้ตัวเอง"
25/10/2021

Alien (หรือ Aliens) ถือเป็นหนึ่งใน IP ทรงคุณค่าในโลกของอุตสาหกรรมบันเทิงโดยเฉพาะภาพยนตร์ วิดีโอเกม และนวนิยาย แต่เราอาจพูดได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา Alien ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการข้างต้นมากนัก แตกต่างกับ IP อื่นที่ยังคงมีผลงานยอดเยี่ยมมาให้เหล่าผู้คลั่งไคล้หรือบรรดาหน้าใหม่ได้เชยชมอยู่ไม่ขาดสาย 

ด้านอุตสาหกรรมวิดีโอเกม เมื่อพูดถึงชื่อ Alien สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเราทุกคนและมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เราต่างรู้สึกยินดีสักเท่าไร กับ Aliens: Colonial Marines เกมซึ่งสร้างบาดแผลทิ่มแทงลึกลงไปในแฟนเดนตายของซีรีส์นี้ตราบจนปัจจุบัน ถึงแม้ว่า Alien: Isolation เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมเพียงใด รอยแผลเป็นยังมิจากหายและยังส่งภาพหลอนสั่นคลอนจิตใจกับการมาของเกม Aliens: Fireteam Elite

Aliens: Fireteam Elite เป็นเกมแนว Third-Person Shooter ที่มุ่งเน้นการ Co-op เป็นหลัก ซึ่งตัวเกมอาศัยระบบการสู้ฝูงศัตรู (Horde-Based) หรือที่เรามักคุ้นกับเกมแนวนี้อย่าง World War Z โดยพักหลังเกมแนวนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก แต่การมาของ Aliens: Fireteam Elite ทำให้ผู้คนสนใจพอตัวเพราะความเป็น Aliens ที่ห่างหายจากวงการเกมเป็นเวลานาน บวกกับกระแสความต้องการลบรอยฟกช้ำจากเกม Aliens: Colonial Marines เนื่องจากเห็นว่าตัวเกมนั้น “ดูดี มีทรง” มีศักยภาพมากพอที่จะออกมาเป็นเกม Aliens ที่ดีได้ 

และมันก็เป็นไปตามที่คิด สำหรับผู้เขียนแล้ว เหตุผลที่คิดว่าเกมมันออกมาดี เพราะนี้คือเกมที่ผู้พัฒนา Cold Iron Studios

รู้ตัวเอง”  


รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่

ต้องกล่าวก่อนว่า Alien มีความแตกต่างกับ Aliens ในแง่ของอารมณ์เนื้องาน ทาง Alien มีความสยองขวัญท่ามกลางอวกาศอันเงียบฉี่ ที่คุณกรีดร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน (Space Horror) ซึ่งอ้างอิงมาจากภาพยนตร์ Alien ปี 1979 ของคุณ Ridley Scott ส่วน Aliens มีความบ้าระห่ำ ท่ามกลางอวกาศ ซึ่งอ้างอิงมาจากภาพยนตร์ Aliens ปี 1986 ของคุณ James Cameron 

เราจึงเห็นความแตกต่างระหว่าง Alien: Isolation กับ Aliens: Fireteam Elite ชัดเจน เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปคาดหวังความน่ากลัวจาก Aliens: Fireteam Elite ให้เสียอารมณ์ และผู้พัฒนาก็รู้เรื่องนี้ดี จึงจัดเต็มความดุเดือดเท่าที่เกม Aliens จะมอบให้คุณได้ในทุกมุมมองของตัวเกม เป็นเหตุผลว่าทำไม ผู้พัฒนาจึงสร้างให้เป็นเกม Co-op และเลือกใช้เนื้อหาของบรรดาทหารหาญล้างบาง Xenomorph อย่าง Colonial Marine ไม่ว่าจะเป็นระบบอาชีพ ระบบหมวดหมู่อาวุธ และการปรับแต่งยุทโธปกรณ์ ซึ่งมันให้อารมณ์การเป็นทหารหน่วยรบพิเศษอย่างยิ่งยวด

ปัจจุบันในเกมมี 6 อาชีพ ได้แก่ Gunner, Demolisher, Technician, Doc, Recon และ Phalanx แต่ละอาชีพจะมีความสามารถเฉพาะตัวและการถืออาวุธที่ถูกกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน ทำให้มีความเฉพาะตัวของแต่ละอาชีพ สร้างหน้าที่ให้แต่ละอาชีพได้เฉิดฉายจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป พร้อมทั้งต้องช่วยสนับสนุนเพื่อนรวมหมู่รบในทีมให้ผ่านศึกหนักไปด้วยกัน 

นอกจากนั้นเกมยังพาผู้เล่นไปพบกับบรรยากาศของ IP นี้หลายยุคสมัย ที่เห็นได้ชัดคือตั้งแต่ Aliens จนถึง Alien: Covenant โดยแต่ละภารกิจใช้การอ้างอิงบรรยากาศจากภาพยนตร์อย่างชัดเจน รวมไปถึงเพลงประกอบในแต่ละภารกิจซึ่งจะอ้างอิงทำนองและแนวเพลงตามยุคอีกเช่นกัน 

รู้ขอบเขตของตัวเอง

ตั้งแต่เริ่มเกมมา เราทราบได้ทันทีว่าผู้พัฒนาไม่ไปเสียงบ เสียเวลา ผลาญแรงงานกับสิ่งที่ไม่จำเป็นกับระบบเกมการเล่น ด้วยการตัดรายละเอียดยิบย่อยออกทั้งหมด อย่างการที่ทั้งเกมมีแค่คัตซีนเพียงฉากเดียวสั้นๆ ตอนเริ่มเกม และการที่ NPC ไม่ขยับปากตอนพูดเวลารับภารกิจ เป็นสัญญาณบอกว่าเกมนี้มุ่งและทุ่มเทอยู่แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือ “เกมการเล่น” และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ Aliens: Fireteam Elite เป็นหนึ่งในเกม Third-Person Shooter ยุคหลังที่มีระบบการยิงปืนอยู่ในขั้นดี ด้วยความแน่นและเอกลักษณ์ของปืนแต่ละกระบอก แม้จะไม่เทียบเท่ากับเกมในแนวเดียวกันที่เป็นเกมระดับ AAA

อีกสิ่งที่ดึงศักยภาพของระบบการยิง พร้อมทั้งสร้างเอกลักษณ์ให้เกมนี้มีความแตกต่างกับเกมแนวสู้ฝูงศัตรู ก็คือตัว Xenomorph เอง เนื่องจากพฤติกรรม Xenomorph มีความแตกต่างกับซอมบี้ที่มักเป็นศัตรูที่อยู่ในเกมแนวนี้ การเคลื่อนไหวที่มาทุกทิศทุกทาง ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง มาข้างหน้าหรือหลัง แถมยังมีการยืนแอบดักโจมตี รวมไปถึงวิธีในการวิ่งและการเดิน Xenomorph สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นดัดหลังความเคยชินของผู้เล่นเวลาเราวางเมาส์วางจอยทาบเป้าเล็งยิงซอมบี้ ทำให้ผู้เล่นต้องศึกษาและปรับพฤติกรรมใหม่ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ศัตรูจำพวก Synthetic หรือหุ่นยนต์กลับทำออกมาไม่ค่อยดี กับรูปแบบพฤติกรรมที่เราเจอมาในเกมทั้งแนวนี้และแนวอื่นจนชินชา ทำให้ภารกิจที่เราต้องออกไปสู้ Synthetic เป็นภารกิจน่าเบื่อไปโดยปริยาย

ผู้พัฒนาก็รู้ว่าการจะทำให้ผู้เล่นใช้เวลากับเกมของพวกเขาให้มากที่สุดกับเกมที่มีเนื้อหาไม่เยอะ วิธีการสุดแสนจะคลาสสิกก็คือการทำให้ผู้เล่นยินยอมพร้อมใจที่จะ “เล่นซ้ำๆ” (Grinding) โดยแต่ละอาชีพ ปืนจะมีเลเวลเป็นของตัวเอง ยิ่งเลเวลสูง เรายิ่งสามารถปรับแต่งได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงมีค่าเงินภายในเกมที่ใช้ซื้อของแต่งปืน เครื่องแต่งกาย เพราะหลายคน (รวมถึงผู้เขียน) มีแนวคิดว่า “ต้องเท่ด้วย ถึงจะสนุก” สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นจมอยู่กับเกมเป็นเวลานาน แม้ว่าเกมจะมีเนื้อหาในเกมน้อย มีภารกิจเพียงแค่ 12 ภารกิจ กับโหมดเอาชีวิตรอดเป็นรอบๆ  แต่เพื่อพัฒนาตัวละคร ปืน และความเท่ การเล่นซ้ำภารกิจเดิมๆ จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ได้มีปัญหากับมันสักเท่าไร แถมเกมมีความยากอีก 5 ระดับ ถ้าอยากไต่ความอยากสูงๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเราให้พร้อมลุยกับความยากดังกล่าว


รู้แต่ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องยอมแลก

เมื่อผู้พัฒนาต้องตัดรายละเอียดออกเพราะเน้นทำแต่ระบบเกมการเล่น จึงทำให้ตัวเกมมีความ “งานไม่ละเอียด” อย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าคุณจะพยายามมองข้ามแค่ไหน มันก็มาสะกิดต่อมข้องใจอยู่ดี ทั้งอนิเมชั่นการเดิน การเปลี่ยนกระสุน แข็งยิ่งกว่าหินแกรนิต เรื่องที่ NPC ไม่ขยับปากตอนคุยรับภารกิจ แต่ทำไม NPC ที่อยู่ในบางภารกิจ มันขยับปากได้ (มึนมาก) และรวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่น (Quality of Life) ที่ไม่มีระบบที่สุดแสนพื้นฐานของเกมแนว Co-op อย่าง การเข้าออกทีมได้ตลอดเวลาอยู่ในภารกิจ (Drop in, Drop out), การหาห้องแบบทันที (Quick Play) ซึ่งไม่มีในช่วงแรกตอนปล่อยเกม ทำให้ผู้เล่นถูกจำกัดปริมาณในการหาผู้รวมทีมแบบสุ่ม เพราะเกมมีปัจจัยในการสุ่มห้องเยอะเกินไป ทั้งระดับความยากและภารกิจ รวมถึงจำนวนคนในทีมที่ต้องการ ที่ปัจจุบันเพิ่งเพิ่มมาหลังเกมปล่อยไปสักพักแล้ว ในเวลาที่เกมเหลือคนเล่นไม่ถึงพันคน และการสนทนาแบบตัวอักษรหรือเสียง ที่ทีมพัฒนาเคยบอกในกระทู้ถามตอบว่า “เรามีระบบ ping นะ ให้ใช้ ping แทน” ซะงั้น…

นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้เลยคือเนื้อหาของเกมจัดอยู่ในระดับน้อยมาก แม้ว่าเราดำดิ่งกับเกมได้พักใหญ่เพราะการ Grinding แต่นั่นก็ได้แค่ช่วงแรกเท่านั้น พอคุณเก็บเลเวลอาชีพ ปืน และของตกแต่งจนครบ คุณก็จะไม่มีเหตุผลในการเล่นเกมนี้อีกต่อไป นอกจากต้องรอการอัปเดตเนื้อหาเกมที่มาเป็นฤดูกาล ซึ่งล่าสุดทีมพัฒนาประกาศแผนการอัปเดตปีที่ 1 โดยการอัปเดตแต่ละฤดูกาลก็มีช่องว่างของระยะเวลาพอสมควร ประกอบกับเนื้อหาใหม่ๆ ปริมาณก็ไม่ค่อยเยอะสักเท่าไร

ฉะนั้นเกมนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ไม่มีปัญหากับการเล่นสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ รวมถึงสามารถปล่อยวางกับความงานไม่ละเอียดของเกม ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นแฟนเดนตายของ Aliens ก็เชื่อว่าสนุกไปกับเกมนี้ได้แน่นอน


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header