Yu-Gi-Oh! เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์การ์ดที่อยู่คู่กับแฟน ๆ มาอย่างยาวนาน ด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือของงานภาพสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับความนิยมที่ท่วมท้น จึงทำให้มีนักเล่นการ์ดทั่วโลก หลงรักแฟรนไชส์นี้กันอย่างหัวปักหัวปำ

ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อความนิยมสูง การถูกนำไปผลิตซ้ำบนสื่ออื่น ๆ อย่างเช่นวิดีโอเกม ดัดแปลงจากการเล่นการ์ดแบบกายภาพ ไปสู่การเล่นการ์ดแบบดิจิทัลจึงเกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า 

ยิ่งในยุคที่วิดีโอเกมและอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูแบบนี้ ทางเลือกของการ์ดดิจิทัลจึงดูดีกว่าการเล่นการ์ดแบบเดิม ๆ อย่างเห็นได้ชัด 

เพราะมันทำให้นักดูเอลการ์ดทั้งหลาย สามารถประลองฝีมือกันได้จากทั่วทุกมุมโลก ไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่ในสถานที่ที่ใกล้เคียงกันเหมือนดังเช่นแต่ก่อน

และในบทความนี้ เราได้รวบรวมวิดีโอเกมทั้ง 10 ในแฟรนไชส์ของ Yu-Gi-Oh! ที่ได้รับคะแนนรีวิวสูงที่สุดบน Metacritic เข้าไว้ด้วยกัน

เผื่อสำหรับคนที่อยากจะตามไปหามาเล่น จะได้มีความสะดวก และเข้าใจตัวเกมแบบคร่าว ๆ กันก่อนนั่นเอง

Yu-Gi-Oh! The Eternal Duelist Soul | 81 คะแนน | Game Boy Advance

หนึ่งในเกมการ์ดที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูน Yu-Gi-Oh! ได้ค่อนข้างถูกต้อง และถูกใจแฟน ๆ มากที่สุด เพราะนอกจากระบบการเล่นที่จะอิงมาจากเกมการ์ดจริง ๆ แล้ว ตัวเกมยังมีระบบนำเข้าการ์ดจากโลกจริง (ต้องเป็นการ์ดที่มาจากทาง Official เท่านั้น) ผ่านการสแกนเข้าไปยังระบบเกมที่เป็นดิจิทัลได้อีกด้วย 

ช่วยให้ผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์เด็คไปสองช่องทางไปได้พร้อม ๆ กัน

นอกจากนี้ Yu-Gi-Oh! The Eternal Duelist Soul ยังมาพร้อมกับศัตรูในเกมที่หลากหลาย แถมยังมีระบบที่รองรับการท้าประลองกับผู้เล่นคนอื่น ๆ อีก 

ดังนั้น หากจะบอกว่ามันเป็นเกมการ์ดดิจิทัลยอดเยี่ยมแห่งยุค 2000 ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย

Yu-Gi-Oh! Duel Links | 80 คะแนน | iOS, Android, PC

Yu-Gi-Oh! ฉบับพกพาที่มาพร้อมกับกราฟิกสุดสวยงาม

ในยุคที่โทรศัพท์มือถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มนุษย์ไม่สามารถขาดได้เช่นนี้ การมาของ Yu-Gi-Oh! Duel Links นับว่าตอบโจทย์เกมเมอร์ยุคใหม่ได้ดีเลยทีเดียว

ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เล่นสนุกทั้งมือใหม่ ไปจนถึงมีรางวัลตอบแทนสำหรับมือเก๋า ช่วยให้ต้อนรับผู้เล่นได้ทุกประเภท อีกทั้งในยุคที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูเช่นนี้ การจะดูเอลการ์ดกันผ่านระบบออนไลน์ ช่างเป็นเรื่องที่ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

ตบท้ายด้วยเสียงพากย์ของตัวละครต่าง ๆ ที่อิงมาจากอนิเมชันต้นฉบับ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Yu-Gi-Oh! Duel Links จะสามารถทำคะแนนไปได้สูงถึง 80 คะแนน

Yu-Gi-Oh! Master Duel | 80 คะแนน | PS4, PS5, PC, Switch, Xbox One, Xbox Sereis X|S, Android, iOS

เกมใหม่ล่าสุดประจำแฟรนไชส์ของ Yu-Gi-Oh! ซึ่งมันมาพร้อมกับปรากฎการณ์ที่มีผู้เล่นจำนวนมากเข้าเล่นพร้อมกันทั่วโลก แถมมาด้วยระบบการเล่นแบบ Cross Platforms ที่ช่วยให้คุณสามารถดูเอลกับใครก็ได้แบบไร้พรมแดน

ด้วยระบบการเล่นที่รวดเร็ว ภาพกราฟิกใหม่เอี่ยมอ่อง และเพลงประกอบสุดเร้าใจ แม้ช่วงแรกอาจจะมีปัญหาเรื่องความสมดุลของการ์ดไปบ้าง แต่ Yu-Gi-Oh! Master Duel ก็สามารถขึ้นมาครองที่ 3 ของบัลลังก์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี

Yu-Gi-Oh! Legacy of the Duelist: Link Evolution | 79 คะแนน | Switch, Xbox One, PS4, PC

เตรียมสัมผัสประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมากว่า 20 ปีของแฟรนไชส์ Yu-Gi-Oh! พร้อมกับการ์ดที่ถูกนำเข้ามาในระบบดิจิทัลมากกว่า 9,000 ใบ

ผู้เล่นสามารถสร้างเด็คที่ตัวเองชื่นชอบได้ตามใจอยาก พร้อมกับเลือกใช้เด็คของตัวละครโปรดได้อีกด้วย

นอกจากนี้ตัวเกมยังมีเนื้อเรื่องที่อิงมาจากอนิเมชันต้นฉบับของ Yu-Gi-Oh! ไปจนถึง Yu-Gi-Oh! ARC-V ช่วยให้คนที่ติดตามอนิเมชันมาก่อนแล้ว สามารถหวนรำลึกความทรงจำในวันวานไปพร้อม ๆ กันหน้าใหม่ที่เพิ่งมาเคยสัมผัสเนื้อเรื่องได้ไปพร้อม ๆ กัน

Yu-Gi-Oh! World Championship 2007 | 76 คะแนน | DS

นี่เป็นครั้งแรกที่ Yu-Gi-Oh! World Championship ถูกลงให้กับเครื่อง Nintendo DS ซึ่งตัวเกมก็ได้ดึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาอย่างครบถ้วน

โดย Yu-Gi-Oh! World Championship 2007 นั้น สามารถเล่นแบบออนไลน์ได้ด้วยระบบของ Nintendo Wi-Fi connection ที่มีอยู่ในตัวเครื่อง DS นั่นเอง

ตัวเกมจะประกอบไปด้วยการ์ดจำนวนกว่า 1,600 ใบ และการ์ดอื่น ๆ สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมเข้ามาภายหลังได้ นอกจากนี้ทางผู้พัฒนายังได้ใส่ระบบ Voice Chat เข้ามาด้วย ช่วยให้คนเล่นทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันได้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น

Yu-Gi-Oh! Legacy of the Duelist | 75 คะแนน | Xbox One, PS4, Switch, PC

ตัวเกมดั้งเดิม ก่อนที่จะถูกปรับปรุงไปเป็น Yu-Gi-Oh! Legacy of the Duelist: Link Evolution ในภายหลัง

โดยหัวใจหลัก อย่างการสร้างเด็คที่อิงจากตัวละครโปรดยังมีอยู่เหมือนเดิม เช่น เด็คของคุณปู่ยูกิ เด็คของไม ไปจนถึงเด็คของบาคุระ

แน่นอนว่าเนื้อเรื่องที่อิงมาจากอนิเมชันภาค Yu-Gi-Oh! ไปจนถึง Yu-Gi-Oh! ARC-V ก็ยังคงมีให้ติดตามครบถ้วนด้วยเช่นกัน

Yu-Gi-Oh! Nightmare Troubadour | 73 คะแนน | DS

Yu-Gi-Oh! Nightmare Troubadour เป็นอีกหนึ่งเกมที่ดึงศักยภาพของเครื่อง Nintendo DS ออกมาได้เป็นอย่างดี

ตัวเกมนำเสนอการเล่นรูปแบบใหม่ที่ใช้จอทั้งสองของเครื่อง DS มาผสมผสานได้เป็นอย่างดี โดยจอบนจะรับหน้าที่แสดงภาพกราฟิกอันสวยงามของการต่อสู้กันระหว่างการ์ด ส่วนจอล่างจะรับหน้าที่แสดงผลการ์ดที่อยู่ในสนาม เพื่อให้ผู้เล่นสามารถวางแผนในขั้นตอนต่อไปได้

นอกจากนี้ ด้วยระบบ Wireless จึงทำให้ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนการ์ดกันแบบไร้สายได้อีกด้วย

Yu-Gi-Oh! 5D's Wheelie Breakers | 73 คะแนน | Wii

ตัวเกมมีระบบหลักอ้างอิงมาจากการ Riding Duel ในอนิเมชัน Yu-Gi-Oh! 5D ซึ่งเป็นการดูเอลระหว่างการขี่รถมอเตอร์ไซค์

นั่นจึงทำให้เกมในแฟรนไชส์ Yu-Gi-Oh! ภาคนี้ค่อนข้างฉีกหลุดไปจากการเล่นการ์ดแบบเดิมพอสมควรเลยทีเดียว

ผู้เล่นสามารถใช้การ์ดระหว่างการแข่งรถได้ ซึ่งการ์ดแต่ละใบนั้นจะแสดงผลที่แตกต่างกัน คล้ายกับเกมแนว Kart Racing ที่ใช้ไอเทมต่าง ๆ ในสนามขัดขวางผู้เล่นคนอื่น ๆ นั่นเอง

ทว่าสิ่งที่ทำให้ Yu-Gi-Oh! 5D's Wheelie Breakers แตกต่างจากเกมอื่นก็คือ ผู้เล่นสามารถปรับแต่งการ์ดที่จะใช้ภายในเกมได้ ช่วยให้เกมการเล่นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

และด้วยที่ตัวเกมลงให้กับเครื่อง Wii มันจึงรองรับการเล่นแบบแบ่งจอได้มากสูงสุดถึง 4 จอเลยทีเดียว

Yu-Gi-Oh! 5D's Stardust Accelerator: World Championship 2009 | 73 คะแนน | DS

ภายใน Yu-Gi-Oh! 5D's Stardust Accelerator: World Championship 2009 ผู้เล่นจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของซีรีส์ World Championship พร้อมกับมีการ์ดให้เลือกเล่นมากถึง 2,800 ใบ

อีกทั้งตัวเกมยังมาพร้อมกับโหมดที่หลากหลาย เช่น Story Mode ที่ผู้เล่นจะผจญภัยตั้งแต่ Satellite ไปจนถึงเมือง Neo Domino และดูเอลกับตัวละครมากหน้าหลายตาจากอนิเมชันในภาคเดียวกัน

ส่วนใครที่ชอบการแข่งขัน ตัวเกมก็นำเสนอ World Championship Mode ที่สามารถรองรับผู้เล่นจากทุกสารทิศทั่วโลก เข้ามาประชันหน้ากันแบบ 1 ต่อ 1 เพื่อเฟ้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนสนามของ Yu-Gi-Oh! ประจำปี 2009 นั่นเอง

Yu-Gi-Oh! Ultimate Masters: World Championship Tournament 2006 | 73 คะแนน | Game Boy Advance

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2006 นี่คือเกมในแฟรนไชส์ของ Yu-Gi-Oh! ที่มีการ์ดให้เลือกเล่นมากเกินกว่า 2,000 ใบ ซึ่งนับเป็นเกมพกพาที่มีการ์ดถูกบรรจุอยู่เยอะที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ ตัวเกมยังนำเสนอโหมดใหม่สำหรับสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการท้าทายตัวเอง ด้วย Life Points ที่ถูกจำกัดระหว่างการดูเอล ไปจนถึงโหมดแปลก ๆ อย่างเด็คที่มีจำนวนการ์ดเพิ่มเป็นสองเท่าจากปกติ ทำให้การเล่นมีความหลากหลาย และยืดหยุ่น ไปจนถึงชวนปวดหัวมากขึ้นนั่นเอง