ในยุคนี้คงจะมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อของเกม Persona หนึ่งในซีรีส์แยกย่อยที่แตกแขนงออกมาจากซีรีส์หลักอย่าง Shin Megami Tensei ซึ่งการแยกตัวออกมาสร้างเป็นซีรีส์ใหม่ของ Persona ในครั้งนั้น ต้องถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เนื่องด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันล้นเหลือของตัวเกมเอง จึงทำให้ Persona น่าจะกลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งกว่าเกมซีรีส์หลักที่ตัวเองได้แยกตัวออกมาแล้วเสียอีก

โดยถ้าหากจะพูดถึงซีรีส์ใหม่ที่ต่อยอดออกมาจากเกม Shin Megami Tensei แล้ว มันยังมีอีกหนึ่งเกมที่ถูกทิ้งเอาไว้ จนผู้คนแทบจะลืมเลือนชื่อของมันไปจนหมดสิ้น เกมที่ขาดการสร้างภาคต่อมานับ 25 ปี เกมนั้นก็คือ Soul Hackers นั่นเอง

แต่เดิม Soul Hackers เป็นเกมที่อิงกับชื่อของ Shin Megami Tensei อยู่ โดยภาคแรกของตัวเกมได้ใช้ชื่อว่า Shin Megami Tensei: Devil Summonner และภายหลัง ทาง Atlus ก็ได้ตัดสินใจสร้างซีรีส์ให้มีแฟรนไชส์เป็นของตัวเองภายในชื่อ Devil Summoner: Soul Hackers แทน โดยหลังจากที่ตัวเกมในภาคแรกของแฟรนไชส์ได้ออกวางจำหน่ายในปี 1997 นั้น ข่าวคราวของภาคต่อเกี่ยวกับซีรีส์เกมนี้ ก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ หายไปเป็นระยะเวลานาน จนบรรดาแฟน ๆ ถึงกับปลงไปแล้วกันเลยทีเดียว

ทว่าในปี 2022 ทาง Atlus ก็ได้เตรียมเซอร์ไพรส์มาสู่แฟน ๆ เกมอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Soul Hackers 2 โดยเป็นตัวเกมที่จะกลับมาสานต่อตำนานของซีรีส์นี้นั่นเอง ซึ่งตัวเกมทดลองเล่นที่ผู้เขียนได้ไปสัมผัสมานั้น จะมอบประสบการณ์ และความน่าประทับใจได้ขนาดไหนกัน บทความนี้มีคำตอบครับ

และก่อนที่จะเข้าเรื่องกัน ทางผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณทางบริษัท Epicsoft Asia ที่สนับสนุนให้เราได้บินไปเล่นตัวเกมถึงออฟฟิศที่สิงคโปร์เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เลย

ความประทับใจ

งานภาพที่ยังคงเอกลักษณ์

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ผู้เขียนไม่เคยได้สัมผัสกับซีรีส์เกมภาคใด ๆ ของแฟรนไชส์นี้มาก่อน ดังนั้นในส่วนของการเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย จุดที่ถูกปรับปรุงเมื่อเทียบกับเกมอื่น ๆ อาจจะทำได้ไม่ชัดเจนมากนัก

และถึงจะไม่เคยได้ลองเล่นเกมของค่ายนี้มาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ชื่อเสียงเรียงนามของเกมในตระกูล SMT (Shin Megami Tensei) ที่ถูกแตกแขนงออกไปนั้น มันก็ดังเพียงพอจนสามารถทำให้คนที่ไม่เคยเล่นเลยอย่างตัวผู้เขียน พอผ่านหูผ่านตามาบ้าง

ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า สิ่งหนึ่งที่ถูกใจในซีรีส์นี้ตั้งแต่แรกเห็นเลยก็คืองานภาพอันสุดแสนเป็นเอกลักษณ์ ด้วยลายเส้นสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น แต่ก็มีความเป็นอเมริกันสอดแทรกให้เห็นอยู่เนือง ๆ แน่นอนว่า Soul Hackers 2 ก็ยังคงสืบทอดลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์นี้มาอย่างครบถ้วน ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้ดูสวยงาม เลิศเลอ และสมจริงเหมือนกับเกม AAA อื่น ๆ ในสมัยนี้ แต่ตัวเกมนั้นก็สามารถทำภาพกราฟิกและดีไซน์ตัวละครต่าง ๆ ออกมาได้น่าประทับใจอยู่เช่นเคย

ทั้งนี้หากใครที่สงสัยว่า ทั้งสามซีรีส์ (SMT, Persona และ Soul Hackers) มันมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง คำตอบของคำถามนั้น มันไม่ยากเลย สิ่งที่แตกต่างกันหลัก ๆ จนเกิดเป็นซีรีส์ยิบย่อยออกมาก็คือธีมของเนื้อเรื่องนั่นเอง

โดย SMT จะเน้นไปที่โลกล่มสลาย ซึ่งถือเป็นซีรีส์จุดกำเนิดตั้งต้นที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความดาร์คและเนื้อเรื่องที่ดำมืดยิ่งกว่าซีรีส์ย่อย กลับกัน Persona จะมีโทนเนื้อเรื่องที่ดูเบาบางมากกว่า อารมณ์ประมาณเหล่านักเรียนมาช่วยกู้โลกกับแก๊งเพื่อน ๆ ก็ไม่ปาน และในส่วนของ Soul Hackers นั้น จะเป็นฟีลโลกอนาคต เทคโนโลยีที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อในสไตล์อันจัดจ้านของผู้พัฒนา Atlus

และด้วยที่ตั้งของเกมที่อยู่ใน "โลกเสมือนแบบดิจิตัล" ทำให้เกมสามารถนำเสนอกราฟิกและการออกแบบฉากที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แม้เวลาการเล่นอันจำกัดของผู้เขียนจะทำให้ยังไม่มีโอกาสได้เห็นฉากหลากหลายนัก แต่ก็พูดได้เต็มปากว่ารู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ว่าเกมจะมีอะไรมาโชว์เราอีกเมื่อได้เล่นฉบับเต็ม

เกมเพลย์ที่คงไว้ซึ่งความคลาสิก แต่ก็ถูกปรับปรุงให้ร่วมสมัย

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับเกมแนว JRPG หรือเกมเทิร์นเบสโดยรวมก็แล้วแต่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือเบื้องหลังความสำเร็จของซีรีส์ Shin Megami Tensei เช่นเดียวกับเกมยอดนิยมในตระกูลอย่างซีรีส์ Persona ซึ่ง Soul Hackers 2 ก็ดำเนินรอยตามสูตรสำเร็จของซีรีส์เช่นเดียวกัน

เอาเข้าจริง ๆ แล้ว อาจจะพูดได้ว่าเกม Soul Hackers 2 ดูจะได้รับอิทธิพลมาจากความสำเร็จของ Persona 5 อยู่พอสมควร โดยเฉพาะในแง่ของเกมเพลย์ ซึ่งดัดแปลงระบบมาจากเกมรุ่นพี่อย่างชัดเจน

ในเบื้องต้นนั้น ผู้เล่นจะควบคุมตัวละครเอก Ringo ในการสำรวจดันเจี้ยนต่าง ๆ และต่อสู้กับเหล่าศัตรูปีศาจ Demon ที่คุ้นเคยจากซีรีส์ SMT ซึ่งผู้เล่นสามารถใช้ตตัวละครโจมตีศัตรูเหล่านี้เพื่อเริ่มการต่อสู้ในสภาพได้เปรียบได้ แต่ในทางกลับกัน หากศัตรูเป็นฝ่ายเดินมาชนเราซะเอง (หรือเผลอเดินชนศัตรู) ก็จะเริ่มการต่อสู้ในสภาพเสียเปรียบเช่นกัน

การต่อสู้ของ Soul Hackers 2 จะดำเนินไปแบบเทิร์นเบส โดยเน้นการโจมตีให้ถูกจุดอ่อนศัตรูด้วยทักษะและเวทมนต์ธาตุ ที่เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นของเกมตระกูล SMT แทบทุกเกมที่ผ่านมา แต่เอกลักษณ์ของ Soul Hackers 2 คือระบบ 'Stack' ที่จะเพิ่มแต้ม 1 แต้มทุกครั้งที่โจมตีถูกจุดอ่อนของศัตรู โดยแต้มนี้จะถูกใช้สำหรับเรียกเหล่า Demon พรรคพวกของเราออกมาโจมตีโดยอัตโนมัติเมื่อจบเทิร์นของตัวละคร (ยิ่งเก็บได้หลายแต้มก็ยิ่งเรียกออกมาหลายตัว) ซึ่งก็มีผลคล้ายกับระบบ All-out Attack ของเกม Persona ทั้งหลายนั่นเอง

จุดเด่นของเกม Soul Hackers 2 อีกอย่างคือระบบ Demon ซึ่งให้ผู้เล่นสามารถเชิญชวนปีศาจที่พบในดันเจี้ยนมาร่วมปาร์ตี้ได้ โดยผู้เล่นจะสามารถเลือกสวมใส่ปีศาจให้กับเพื่อนร่วมปาร์ตี้เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้พลังของปีศาจ (เช่นเวทย์ธาตุต่าง ๆ) ในการต่อสู้ได้ และสามารถทำการฟิวชั่นปีศาจเพื่อสร้างสมุนที่ทรงพลังกว่าเดิมได้อีกด้วย นับเป็นอีกระบบที่ต้องมีอยู่ในเกม SMT ทุกเกม

นอกจากนี้ เกมยังมีระบบกึ่ง ๆ ซิม ที่ให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวเลือกบทสนทนาระหว่างพูดคุยกับเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ โดยการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเหล่านี้จะเพิ่มระดับ Soul Levels ระหว่างตัวละคร เพื่อปลดล๊อคโบนัสในการต่อสู่่ หรือเนื้อเรื่องเพิ่มเติมได้ แต่ตัวผู้เขียนเองไม่ได้มีโอกาสสำรวจระบบนี้มากนัก (ด้วยเวลาเล่นอันจำกัด) แต่ก็น่าจะถูกใจคอ RPG ที่ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องและการพัฒนาตัวละคร

ประสิทธิภาพที่ (น่าจะ) ลื่นไหล

ถึงจะเป็นเกมใหม่ที่เพิ่งออกในปี 2022 นี้ แต่ตัวเกมก็ไม่ได้กินแรงเครื่องแต่อย่างใด เพียงแค่ใช้การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 760, 2 GB หรือ AMD Radeon HD 7870, 2 GB ก็อยู่ในขั้นแนะนำของตัวเกมแล้ว

การทดลองเล่นของผู้เขียน ทดลองบนระบบ PC ที่ไม่สามารถระบุ Spec ที่แน่นอนได้ (แต่ก็มั่นใจได้ว่าแรงมากแน่ ๆ) จึงพูดได้ไม่เต็มปากนักว่าเกมจะทำงานได้ดีมากน้อยเพียงใดกันแน่บนเครื่อง PC รุ่นเก่า ๆ แต่ด้วยกราฟิกของเกมที่ก็ไม่ได้สมจริงตระการตามากเป็นพิเศษ ก็น่าจะมั่นใจได้ว่าเกมคงทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาบนแพลตฟอร์มใดก็แล้วแต่ที่เกมเปิดให้เล่น

ข้อสังเกต

ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ มีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อเสีย มีคนชอบก็ย่อมต้องมีคนเกลียด ดังนั้นเราจะมาเล่าถึงจุดที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจ เอาไว้เป็นข้อสังเกตุให้คุณผู้อ่านที่กำลังชั่งใจอยากซื้อเกมนี้ดูนะครับ

ถ้าไม่ใช่สายเสพเนื้อเรื่อง รีบหนีไป!

ถึงจะมีตัวเลือกเร่งความเร็วให้ สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเนื้อเรื่อง แต่กว่า 50% ของเกมมันก็เป็นการดำเนินเนื้อเรื่องอยู่ดี

ดังนั้นคุณจะต้องเจอกับการเล่าเรื่องภายในเกมทีละเยอะ ๆ เน้น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วเนื้อเรื่องก็ถือเป็นหนึ่งในจุดขายหลักของเกมแนวนี้แต่ต้น ฉะนั้นหากคุณไม่ได้มีความใจเย็นมากพอ หรือไม่ได้ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่อง เกม Soul Hackers 2 อาจจะไม่เข้าทางคุณอย่างแรงเลยทีเดียว

ต้องลงทุนเวลาให้ค่อนข้างเยอะ

แม้จะเล่นเกมไปได้ไม่นานนัก แต่ผู้เขียนก็รู้สึกมั่นใจพอจะพูดได้ว่าเกม Soul Hackers 2 น่าจะเป็นเกมที่กินเวลาในการเล่นนานอยู่ไม่น้อย ทั้งจากเนื้อเรื่องหลัก บทสนทนาตัวละคร และเควสเสริมอีกนับไม่ถ้วน ไม่ต่างจากเกมตระกูล SMT อื่นที่ผ่านมา ซึ่งถ้าจะให้ตีเป็นตัวเลขก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคงใช้เวลาเล่นเนื้อเรื่องอย่างน้อยที่สุด 50-60 ชั่วโมงได้สบาย ๆ

นอกจากนี้ เกมยังมี "จุดอ่อน" ของเกมแนว JRPG อยู่อย่าง คือการบังคับให้ผู้เล่นจำเป็นต้องกระทำบางอย่างซ้ำ ๆ นาน ๆ เช่นการฟาร์มปีศาจตัวเดียวซ้ำไปเรื่อย ๆ เพื่อเก็บเลเวล ไม่เช่นนั้นเมื่อเจอกับศัตรูที่ร้ายกาจเข้าก็อาจโดนกวาดยกตี้ได้สบาย ซึ่งก็ยืดเวลาการเล่นของเกมขึ้นไปอีก ฉะนั้นหากคุณไม่ได้มีเวลาจะสละให้กับเกมเยอะพอ คุณอาจได้เล่นเกมนี้ไปอีกหลายสัปดาห์กว่าจะจบเลยก็ได้

หากจะให้สรุปความรู้สึกจากการเล่นเกมราว 2-3 ชั่วโมงของผู้เขียน คงต้องบอกว่า Soul Hackers 2 เป็นอีกหนึ่งเกม JRPG สายเลือดเข้มข้น เช่นเดียวกับเกมรุ่นพี่ในตระกูล Shin Megami Tensei แทบทุกเกม ซึ่งก็เป็นทั้งจุดแข็งและอ่อนที่สุดของซีรีส์ตลอดมา แม้ว่าเกมจะใส่องค์ประกอบของการสนทนากับเพื่อนร่วมปาร์ตี้เข้ามา หรือหยิบยืมสไตล์อันฉูดฉาดของ Persona สมัยใหม่มาก็ตามแต่ แต่เนื้อในของเกมก็ยังเป็นประสบการณ์ JRPG อันบริสุทธิ์อยู่ดี โดยจะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนจริง ๆ

Soul Hackers 2 จะวางขายบน 5 แพลตฟอร์มด้วยกัน ตั้งแต่ PS4, PS5, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC ในวันที่ 25 สิงหาคมที่จะถึงนี้