GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[บทความ] ประวัติเกม Survival Horror: แนวเกมสยองที่เปลี่ยนความกลัวเป็นความสนุก
ลงวันที่ 23/10/2021

เกมแนว Survival Horror เป็นแนวเกมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าที่หลายคนคาดคิด ตั้งแต่ยุคสมัยที่การพัฒนาอุตสาหกรรมเกมยังมีข้อจำกัด แต่ด้วยความมุ่งมั่นคงทีมพัฒนาที่อยากให้ผู้เล่นได้สัมผัสความสยองด้วยเทคโนโลยีที่มีในขณะนั้น จึงกำเนิดเป็นผลงานมากมายที่ออกแบบมาให้ผู้เล่นได้สัมผัสความสยองจนแทบไม่กล้าไปเล่น ถึงกราฟฟิคหรือความอิสระในการควบคุมจะไม่ได้ดีเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ามันมีเสน่ห์บางอย่างที่เกมหลายเกมในปัจจุบันได้หลงลืมไปเสียแล้ว

บทความนี้จะมาเล่าเรื่องถึงวิวัฒนาการของแนวคิดเบื้องหลังเกมแนวสยองขวัญ + เอาตัวรอดหรือ Survival Horror ว่ามีที่มาอย่างไร และพัฒนาการของเกมแนวนี้จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการตอบคำถามว่าทำไมเกมที่น่ากลัวและกดดัน กลับทำให้เราอยากกลับมาเล่นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

=========================================

ความแตกต่างระหว่าง  Pure Horror และ Survivor Horror

Best survival horror Steam PC games you need to play | Fanatical Blog

จากที่ผู้เขียนเองชื่นชอบเล่นเกมแนว Survival Horror อย่างมากแม้จะเป็นคนที่กลัวอะไรสยองขวัญน่ากลัวก็ตาม ทำให้พอเข้าใจความหมายของเกมแนว Pure Horror และ Survival Horror โดยทั้งจะมีหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน เช่นการบริหารทรัพยากรหรือสถานะต่างๆ ที่เรามีอย่างเช่นค่าความเหนื่อยหรือกระสุน หรือจะเป็นกับดักและปริศนาที่รอเราอยู่ อาจมีข้อจำกัดด้านเวลาที่บีบบังคับ ยังไม่รวมเหล่าสิ่งน่ากลัวชวนขนลุกที่ไล่จ้องจะเล่นงานเราให้สยองพองเกล้ากันในเกมเหล่านี้

แต่สิ่งที่ทำให้แนวเกมทั้งสองนี้มีข้อแตกต่างเลยก็คือ 'การตอบโต้' ซึ่งหากเป็น Pure Horror นั้นจะเน้นความน่ากลัว ความขนลุกโดยที่ผู้เล่นตอบโต้ไม่ได้เลย อย่างมากอาจจะมีสิ่งของที่ทำให้ศัตรูหยุดตามล่าหรือจู่โจมเราชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่พวกมันก็จะไม่หยุดไล่ล่าหรือหลอกหลอนผู้เล่นจนกว่าจะ Game Over กันไปข้างหนึ่ง หรือมีคัตซีนที่ทำให้พวกมันมีอันเป็นไปเสียเอง

แต่กลับกันหากเป็น Survival Horror เรายังพอที่สามารถ 'ตอบโต้' กับสิ่งที่เรากลัวได้ เช่นอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆ สามารถฆ่าศัตรูให้ตายหรือหยุดยั้งการไล่ล่าของมันได้ แต่ว่าของที่เราใช้มักจะมีจำกัด จึงเป็นการสร้างความกดดันให้กับผู้เล่นอย่างมาก เพราะถ้าไอเทมสำหรับป้องกันตัวหมดแล้ว มันจะกลายเป็น Horror แทบจะทันทีเพราะเราไม่มีอะไรที่ตอบโต้ศัตรูได้นั่นเอง

เกมแนว Survival Horror ที่ก่อนเราจะได้รู้จัก

(คลิปโดย: all that is retro)

เอาจริง ๆ แล้วเกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดหรือ Survival Horror มีจุดเริ่มต้นและมีเค้าโครงมาจากเกม Sweet Home ของเครื่องคอนโซลแฟมิคอมในปี 1989 ซึ่งทาง Capcom ผู้พัฒนาในขณะนั้นยังเรียกเกมนี้ว่าเป็นแนว RPG Action Adventure ในธีมผีอยู่ เกมมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่ายสไตล์เกมยุคปี 80's ที่ติดตามกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการจะมาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติ โดยพวกเขาพบกับคฤหาสน์หลังหนึ่งระหว่างเดินทางจึงได้เข้าไปข้างใน และได้เจอดีกับสิ่งเหนือธรรมชาติมากมาย ซึ่งเนื้อเรื่องเกมทั้งหมดก็นำเค้าโครงจากหนังเรื่อง Sweet Home มาดัดแปลงอีกที

เกมมีตัวละครให้เล่นถึงห้าตัว แต่ว่าสามารถเลือกสำรวจแต่ละรอบได้ราวๆ 2-3 คนต่อรอบ ซึ่งแต่ละคนจะมีไอเทมติดตัวไม่เหมือนกันเพื่อใช้แก้ปริศนาและสำรวจคฤหาสน์ หากตัวละครไหนตายก็จะตายเลยไม่มีการฟื้นคืนชีพ กลับจุดเซฟ หรือรีสตาร์ทเกมใหม่ จัดได้ว่าเป็นเกมที่เล่นยากเอาเรื่อง ถึงกับต้องซื้อบทสรุปมาเล่นกันเลย ที่สำคัญมันน่ากลัวมาก ( ก.ล้านตัว ) สำหรับเด็กหนวดยุคแฟมิคอมทั้งหลาย

และอีกหนึ่งเกมที่คิดว่า น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Survivor Horror ในยุคหลังๆ ก็คงเป็นเกม Alone in the Dark ในปี 1992  เกมอาจไม่ได้ให้ความรู้สึกสยองขวัญขนาดนั้นหากมาเทียบกับผลงานในปัจจุบัน แต่สำหรับยุคนั้นถือว่ากดดันพอตัว และเป็นเกทมแรกๆ ที่่ใช้ระบบ Camera View (กล้องวงจรปิด) ซึ่งที่จริงมันเป็นข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์เกม PlayStation ในยุคนั้น ทำให้ไม่สามารถสร้างมุมมองการเล่นอันเป็นอิสระได้ แต่ข้อจำกัดนี้กลับกลายเป็นข้อดี โดยมุมกล้องแบบนี้ทำให้เกิดมุมอับสายตาในบางจุดที่สร้างความกดดันได้เป็นอย่างดี เพราะไม่รู้ว่ามุมอับนั้นเราจะมีตัวอะไรรอเราอยู่หากไม่เดินเข้าไป

เกมที่นิยามคำว่า 'Survival Horror'   เป็นครั้งแรก

Resident Evil (1997) Windows box cover art - MobyGames

ต่อมาในปี 1997 เชื่อว่าไม่มีเกมเมอร์คนไหนที่ไม่รู้จักเกมนี้ นั่นก็คือ 'Resident Evil' หรือ 'Biohazard' และเรียกตัวเองว่าเป็นเกมแนว Survival Horror เกมแรกของโลก (เอาจริงๆ มีเกมอื่นก่อนหน้านั้นหลายเกมที่อาจจัดอยู่ในหมวดเดียวกันได้ เพียงแค่ไม่ได้คิดชื่อนี้ออกมาเรียกแนวเกมตัวเอง) โดยได้ไอเดียมุมกล้องของ Alone in the Dark และความสยองขวัญน่ากลัวจาก Sweet Home เอามาพัฒนาต่อยอด โดยใช้ธีมใหม่ในคอนเซ็ปต์ 'การทดลองอาวุธชีวภาพ' ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับยุคนั้น แม้คำอวดอ้างว่าเป็น "เกม Survival Horror เกมแรกของโลก" อาจเป็นที่ถกเถียงได้ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ 'Resident Evil' นี่แหละที่ทำให้แนวเกมนี้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายในกระแสหลัก

ในวัยเด็กเมื่อผู้เขียนได้ลองเล่นเกมครั้งแรก ก็กรี๊ดแตกแล้วไม่กล้าเล่นอีกเลยหลังจากเจอฉากคัตซีนซอมบี้หันหัวมา แถมเก็บมาหลอกหลอนในฝันอีกต่างหาก แต่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นความชื่นชอบเกมแนวสยองขวัญเอาตัวรอดตั้งแต่นั้นมา

ยินดีต้อนรับสู่ Silent Hill

Silent Hill (Review) – Sight-In Games

กระแสอันโด่งดังของเกมแนว Survivor Horror กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเพราะการมาของ Resident Evil ในฐานะเกมที่น่ากลัวและกดดันอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าในอีกสองปีต่อมา Konami ได้เข็นเกม Silent Hill เกมแนว Survivor Horror ที่มีธีมเกี่ยวกับความเชื่อและบาปของตัวเองแถมออกมาสู้ โดยพวกศัตรูนั้นก็เน้นความกลัว ความขยะแขยงจากร่างกายมนุษย์ ส่วนเนื้อหาก็คมคาย ลุ่มลึกและซับซ้อน แต่ก็คงไม่ขอเทียบกับอีกเกมหนึ่งเพราะว่าธีมมันคนละอย่างกัน

อีกจุดเด่นของเกมนี้ที่ไม่คิดว่าจะใช้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์เครื่องเล่น PlayStation ในขณะนั้นมาเป็นสิ่งที่สร้างความกลัวให้กับผู้เล่นนั่นก็คือหมอก หมอกนี้แทบจะลดทัศนวิสัยของผู้เล่นชนิดที่ว่ากว่าจะเห็นศัตรูก็แทบจะเข้าใกล้เราแล้ว ซึ่งจริงๆ การสร้างหมอกนี้มีเหตุผลก็คือเกม Silent Hill ออกแบบมาให้มีมุมมองแบบบุคคลที่สามบนแผนที่ขนาดใหญ่ ซึ่งจะใช้พลังการเรนเดอร์ที่สูงมากจนเครื่อง PlayStation เรนเดอร์ฉากได้ช้าหรือรับภาระมากเกินไป จึงต้องมีการใช้หมอกเพื่อบดบังภาพฉากระยะไกลที่กำลังเรนเดอร์อยู่นั่นเอง

และทั้งสองเกมนี้นับได้ว่าเป็นจ้าวแห่งเกมแนว Survivor Horror ที่ขับเคี่ยวกันมานานหลายปีตั้งแต่นั้น

Fatal Frame เกม Survivor Horror ในคราบ Pure Horror

มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น Fatal Frame ภาคอื่น ๆ ได้รับการรีมาสเตอร์ -  #beartai

เหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปี 2001 คือการมาของคอนโซล PlayStation 2 ที่ทำให้คุณภาพกราฟฟิคในเกมพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับคอนโซลก่อนหน้า และก็ได้มีเกมที่เรียกได้ว่า Pure Horror ในคราบ Survival Horror เน้นความน่ากลัวของผีจากตำนานญี่ปุ่น ซึ่งทีมพัฒนาอย่าง Tecmo ในสมัยนั้นทำออกมาได้น่ากลัวและวังเวงจริงๆ นั่นก็คือเกมตระกูลถ่ายติดผี Fatal Frame นั่นเอง

จุดเด่นของเกมซีรีส์นี้คือการมีกล้องถ่ายวิญญาณที่มีความสามารถในการขับไล่ผีได้ และเป็นอาวุธหลักของผู้เล่นในการเอาตัวรอด ซึ่งความน่ากลัวของเกม บอกเลยว่าคนที่เล่นครั้งแรกแล้วใจแข็งไม่พออาจจะหลอนและฝันร้ายเทียบได้กับ Pure Horror เลยทีเดียว

แต่สุดท้าย ด้วยความที่เกมน่ากลัวมากๆ บวกด้วยเนื้อหาของเกมที่เน้นตำนานญี่ปุ่น แม้ว่ายอดขายจะค่อนข้างดี และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จดจำความน่ากลัวของเกมได้ แต่สุดท้ายเกมก็เฉพาะทางไปเสียหน่อย จนกลายเป็นเพียงหนึ่งในซีรีส์เกมจากยุคทองที่หลายคนคิดถึงในที่สุด

Survivor Horror ยุคใหม่ ทำไมความน่ากลัวลดลง

Save 75% on Resident Evil 6 on Steam

หลังจากผ่านไปหลายปี กระแสของเกมแนว Survivor Horror ก็ย่อมมีถึงจุดแผ่วลงมาบ้างในช่วงยุคปี 2000 ถึงช่วงต้น 2010 ที่ผ่านมา ซึ่งมันก็มีสาเหตุหลาย ๆ อย่าง ให้ชวนขบคิดอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของเหล่า Gamer หน้าใหม่ ซึ่งสมัยนั้นก็ชอบอะไรที่เล่นง่าย ๆ เข้าถึงง่าย ๆ ต่างจากยุคก่อน ๆ ที่เน้นความยาก Puzzle สูง หรือมีความน่ากลัว เพราะเวลาผู้เล่นเคลียร์เกมพวกนี้ได้ มันจะรู้สึกว่าตัวเองมีความภาคภูมิเล่าได้ยันลูกบวช แต่ในสมัยนี้มันไม่ใช่ ( แต่ไม่ทั้งหมดนะ ) Gamer ชอบอะไรที่เข้าถึงง่ายและมีความเป็น Action สูงขึ้นโดยที่ไม่ยากเกินไป จึงทำให้ซีรี่ย์ของ Resident Evil ได้เคยเปลี่ยนแนวทางช่วงหนึ่งจากที่มีความน่ากลัวจ๋า เน้นปริศนาก็น้อยลงหรือแบบมันง่ายไปเลย เนื้อเรื่องและการเล่นก็มีความเป็น Action อย่างมาก หรือไม่ก็ใส่ระบบลูกเล่นใหม่ ๆ ที่ไปทำลายเอกลักษณ์หรือทำลายความน่ากลัวบางอย่างลงไป

ผลที่ตอบรับคือ Gamer สายเดนตายหรือแฟนเกมที่อยู่มานานก็ไม่ถูกใจสิ่งนี้ แต่แลกกับเม็ดเงินและการเข้าถึงของคนหน้าใหม่ที่มากขึ้นอย่างมาก ถึงแม้จะมีหลายเกมที่พยายามทำแนว Survivor Horror ที่มีความน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก็ยังใส่ความ Action และความง่ายเข้าไปเหมือนกัน ตอนนั้นทางเราก็ยังเรียกติดปากแล้วว่ามันไม่ใช่ Survivor Horror แล้ว นี่มัน Action Horror มากกว่า

เกมซีรี่ส์ Metro อีกตำนานของเกมที่มีคนพูดถึงในยุคปี 2010

เกม Metro 2033 Redux เมื่อโลกพินาศจากสงครามนิวเคลียร์จนต้องอาศัยอยู่ในรถไฟ

ในระหว่างที่กระแสเกม Survivor Horror กำลังจางลง หรือไม่ก็มีความสยองขวัญบ้างแต่ก็ถูกความเป็น Action กลบจนมากเกินไปเสียหน่อย...แต่ไม่ใช่กับเกมซีรี่ส์ Metro เป็นเกมสัญชาติรัสเซียขนานแท้ โดยภาคแรกใช้ชื่อ Metro วางจำหน่ายในปี 2010 ซึ่งเป็นเกมที่มีความเป็น Action Adventure และความเป็น Survivor Horror ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่มีเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง จึงทำให้ผู้เล่นจดจำและชื่นชอบในฐานะเกมที่ดีอีกเกมหนึ่งในแง่ความตื่นเต้น กดดัน และน่ากลัวในโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตภายใต้สถานีรถไฟใต้ดินของรัสเซีย ผ่านการเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งพร้อมกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่กับการผจญภัยในสถานีรถไฟใต้ดินและสภาพโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยกัมมันตรังสีและสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์

ในแง่ของเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างชวนติดตาม แม้อะไรบางอย่างจะดูแข็งและเป็นเส้นตรงไปเสียหน่อย สุดท้ายแล้วเกม Metro ก็ได้สื่อถึงความน่ากลัวที่แท้จริง ไม่ใช่จากฝีมือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ไม่ใช่จากผีและสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละ

จากความ Action ที่มากเกินไป กลับมาสู่รากเหง้าอีกครั้ง

เครียดเกิน!

เมื่อกาลเวลาผ่านไปจนเข้าสู่ยุคไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนก็เริ่มรู้สึกว่า เกมการเข้าถึงง่ายเกินไป มันอาจจะไม่ได้เป็นที่โจทย์จำ และช่วงกระแสเกมยากกับคติที่ว่า "หากผ่านเกมยากได้แล้วรู้สึกภูมิใจในชีวิต" ไม่ว่าจะเป็นเกมตระกูล Soul ทั้งหลายหรือเกมที่เน้นความยากได้เป็นกระแสเริ่มแทนที่ จึงทำให้ทีมพัฒนาเกมที่เคยทำเกมแนว Survivor Horror มาอยย่างยาวนาน กลับมาเน้นความน่ากลัว ความยากและความกดดันขึ้นมาอีกครั้ง

และด้วยกราฟิคในเกมช่วงปัจจุบันมีความสวยงดงามแทบจะเหมือนจริงแล้ว ยิ่งเสริมความน่ากลัวเข้าไปใหญ่ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นที่จดจำเหมือนสมัยก่อน แต่ทุกคนที่ได้เล่นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บรรยากาศความน่ากลัว สยองขวัญและขยะแขยงได้กลับมาอีกครั้ง

เกมแนว  Survivor Horror สายอินดี้ก็สร้างความสยองไม่แพ้กัน

นอกเหนือจากเกม Resident Evil และ Silent Hill สองเกมที่กล่าวถึงมานั้นก็ยังมีเกมอินดี้หรือเกมแปลก ๆ เกมอื่นที่อาจจะมองว่าไม่ค่อยมีอะไรแต่แอบใส่ความเป็น Survivor Horror เข้ามาอย่าง Subnautica, Barotauma หรือ Raft ซึ่งทั้งสามเกมเล่นไปแบบปกติมันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ ทั้งสามเกมเล่นประเด็นกับความกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไร นี่แหละความสยองขวัญกับความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้

กลายเป็นว่า เกมแนว Survivor Horror กลายเป็นเกมแนวที่มีความกว้างมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกทดลองหรือกับเล่นสิ่งเหนือธรรมชาติ สามารถเล่นกับสิ่งที่เราไม่รู้ก็สามารถทำให้คนกลัวได้เช่นกัน และจุดนี้เองทำให้เกมอินดี้หรือทีมพัฒนาอื่น ๆ ที่อยากลองสร้างอะไรแนวนี้ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพความสยยองความน่าขนลุกให้สมจริงก็เป็นอันใช้ได้

====================================

ในปัจจุบัน เกมแนว Survivor Horror ก็ไม่ได้ถูกจำกัดว่า ต้องสยองจ๋าเมื่อเจอกับภูติผีปีศาจ ปริศนาที่ต้องยากจนเปิดพลังสมองแบบ 300% หรือทรัพยากรที่มีอยุ่อย่างจำกัดเสียอย่างเดียว แต่มันคือการเล่นกับสิ่งที่เราไม่รู้ ความอึดอัดและความคับแคบ โดยมีเงื่อนไขว่าจะมีอะไรตอบโต้เราได้บ้าง แม้อาจจะไม่ได้พูดถึงมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะถูกแทนที่ด้วยแนวเกมที่เล่นง่ายและเป็นทีม จบไว เพราะสังคมสมัยใหม่สามารถเล่นเกมได้ผ่านมือถือได้่ทุกที่ทุกเวลา ต่างจากเกมสมัยก่อนที่จะต้องมีเวลาเล่นพอตัว

เกมแนว Survivor Horror มันไม่เคยตาย แม้จะน่ากลัวจนเราหัวหด แต่ก็ยังอยากกลับมาเล่นให้จบ ( แต่ก็มีบางคนที่ไม่กลับมาเล่นอีกเลยก็มีเพราะน่ากลัวเกินไป ) เพราะความรู้สึกมันเรียกร้องว่า อยากเคลียร์ มันค้างคา แล้วมันจะค่อย ๆ เพิ่มความกล้าสลายความกลัวจนสุดท้ายเราก็ผ่านไปได้ในที่สุด

หากมีเกมแนว Survivor Horror อื่น ๆ ที่อยากแนะนำ สามารถพูดคุยและเล่าประสบการณ์ความสยองกันได้เลย เพราะทั้งหมดนี้เป็นบทความที่เขียนจากประสบการณ์ของคนที่ชื่นชอบเล่นเกมแนวสยองขวัญหรือเล่นกับความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ อาจจะมีอะไรตกลงบ้าง แต่หากมีเกมแนะนำเข้ามาแล้วบอกว่าสนุก สยองมากๆ ขอให้รู้ว่าคุณคือคอร์เกมเดียวกัน


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] ประวัติเกม Survival Horror: แนวเกมสยองที่เปลี่ยนความกลัวเป็นความสนุก
23/10/2021

เกมแนว Survival Horror เป็นแนวเกมที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าที่หลายคนคาดคิด ตั้งแต่ยุคสมัยที่การพัฒนาอุตสาหกรรมเกมยังมีข้อจำกัด แต่ด้วยความมุ่งมั่นคงทีมพัฒนาที่อยากให้ผู้เล่นได้สัมผัสความสยองด้วยเทคโนโลยีที่มีในขณะนั้น จึงกำเนิดเป็นผลงานมากมายที่ออกแบบมาให้ผู้เล่นได้สัมผัสความสยองจนแทบไม่กล้าไปเล่น ถึงกราฟฟิคหรือความอิสระในการควบคุมจะไม่ได้ดีเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็พูดได้เต็มปากเลยว่ามันมีเสน่ห์บางอย่างที่เกมหลายเกมในปัจจุบันได้หลงลืมไปเสียแล้ว

บทความนี้จะมาเล่าเรื่องถึงวิวัฒนาการของแนวคิดเบื้องหลังเกมแนวสยองขวัญ + เอาตัวรอดหรือ Survival Horror ว่ามีที่มาอย่างไร และพัฒนาการของเกมแนวนี้จากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการตอบคำถามว่าทำไมเกมที่น่ากลัวและกดดัน กลับทำให้เราอยากกลับมาเล่นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

=========================================

ความแตกต่างระหว่าง  Pure Horror และ Survivor Horror

Best survival horror Steam PC games you need to play | Fanatical Blog

จากที่ผู้เขียนเองชื่นชอบเล่นเกมแนว Survival Horror อย่างมากแม้จะเป็นคนที่กลัวอะไรสยองขวัญน่ากลัวก็ตาม ทำให้พอเข้าใจความหมายของเกมแนว Pure Horror และ Survival Horror โดยทั้งจะมีหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน เช่นการบริหารทรัพยากรหรือสถานะต่างๆ ที่เรามีอย่างเช่นค่าความเหนื่อยหรือกระสุน หรือจะเป็นกับดักและปริศนาที่รอเราอยู่ อาจมีข้อจำกัดด้านเวลาที่บีบบังคับ ยังไม่รวมเหล่าสิ่งน่ากลัวชวนขนลุกที่ไล่จ้องจะเล่นงานเราให้สยองพองเกล้ากันในเกมเหล่านี้

แต่สิ่งที่ทำให้แนวเกมทั้งสองนี้มีข้อแตกต่างเลยก็คือ 'การตอบโต้' ซึ่งหากเป็น Pure Horror นั้นจะเน้นความน่ากลัว ความขนลุกโดยที่ผู้เล่นตอบโต้ไม่ได้เลย อย่างมากอาจจะมีสิ่งของที่ทำให้ศัตรูหยุดตามล่าหรือจู่โจมเราชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่พวกมันก็จะไม่หยุดไล่ล่าหรือหลอกหลอนผู้เล่นจนกว่าจะ Game Over กันไปข้างหนึ่ง หรือมีคัตซีนที่ทำให้พวกมันมีอันเป็นไปเสียเอง

แต่กลับกันหากเป็น Survival Horror เรายังพอที่สามารถ 'ตอบโต้' กับสิ่งที่เรากลัวได้ เช่นอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆ สามารถฆ่าศัตรูให้ตายหรือหยุดยั้งการไล่ล่าของมันได้ แต่ว่าของที่เราใช้มักจะมีจำกัด จึงเป็นการสร้างความกดดันให้กับผู้เล่นอย่างมาก เพราะถ้าไอเทมสำหรับป้องกันตัวหมดแล้ว มันจะกลายเป็น Horror แทบจะทันทีเพราะเราไม่มีอะไรที่ตอบโต้ศัตรูได้นั่นเอง

เกมแนว Survival Horror ที่ก่อนเราจะได้รู้จัก

(คลิปโดย: all that is retro)

เอาจริง ๆ แล้วเกมแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดหรือ Survival Horror มีจุดเริ่มต้นและมีเค้าโครงมาจากเกม Sweet Home ของเครื่องคอนโซลแฟมิคอมในปี 1989 ซึ่งทาง Capcom ผู้พัฒนาในขณะนั้นยังเรียกเกมนี้ว่าเป็นแนว RPG Action Adventure ในธีมผีอยู่ เกมมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่ายสไตล์เกมยุคปี 80's ที่ติดตามกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการจะมาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติ โดยพวกเขาพบกับคฤหาสน์หลังหนึ่งระหว่างเดินทางจึงได้เข้าไปข้างใน และได้เจอดีกับสิ่งเหนือธรรมชาติมากมาย ซึ่งเนื้อเรื่องเกมทั้งหมดก็นำเค้าโครงจากหนังเรื่อง Sweet Home มาดัดแปลงอีกที

เกมมีตัวละครให้เล่นถึงห้าตัว แต่ว่าสามารถเลือกสำรวจแต่ละรอบได้ราวๆ 2-3 คนต่อรอบ ซึ่งแต่ละคนจะมีไอเทมติดตัวไม่เหมือนกันเพื่อใช้แก้ปริศนาและสำรวจคฤหาสน์ หากตัวละครไหนตายก็จะตายเลยไม่มีการฟื้นคืนชีพ กลับจุดเซฟ หรือรีสตาร์ทเกมใหม่ จัดได้ว่าเป็นเกมที่เล่นยากเอาเรื่อง ถึงกับต้องซื้อบทสรุปมาเล่นกันเลย ที่สำคัญมันน่ากลัวมาก ( ก.ล้านตัว ) สำหรับเด็กหนวดยุคแฟมิคอมทั้งหลาย

และอีกหนึ่งเกมที่คิดว่า น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Survivor Horror ในยุคหลังๆ ก็คงเป็นเกม Alone in the Dark ในปี 1992  เกมอาจไม่ได้ให้ความรู้สึกสยองขวัญขนาดนั้นหากมาเทียบกับผลงานในปัจจุบัน แต่สำหรับยุคนั้นถือว่ากดดันพอตัว และเป็นเกทมแรกๆ ที่่ใช้ระบบ Camera View (กล้องวงจรปิด) ซึ่งที่จริงมันเป็นข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์เกม PlayStation ในยุคนั้น ทำให้ไม่สามารถสร้างมุมมองการเล่นอันเป็นอิสระได้ แต่ข้อจำกัดนี้กลับกลายเป็นข้อดี โดยมุมกล้องแบบนี้ทำให้เกิดมุมอับสายตาในบางจุดที่สร้างความกดดันได้เป็นอย่างดี เพราะไม่รู้ว่ามุมอับนั้นเราจะมีตัวอะไรรอเราอยู่หากไม่เดินเข้าไป

เกมที่นิยามคำว่า 'Survival Horror'   เป็นครั้งแรก

Resident Evil (1997) Windows box cover art - MobyGames

ต่อมาในปี 1997 เชื่อว่าไม่มีเกมเมอร์คนไหนที่ไม่รู้จักเกมนี้ นั่นก็คือ 'Resident Evil' หรือ 'Biohazard' และเรียกตัวเองว่าเป็นเกมแนว Survival Horror เกมแรกของโลก (เอาจริงๆ มีเกมอื่นก่อนหน้านั้นหลายเกมที่อาจจัดอยู่ในหมวดเดียวกันได้ เพียงแค่ไม่ได้คิดชื่อนี้ออกมาเรียกแนวเกมตัวเอง) โดยได้ไอเดียมุมกล้องของ Alone in the Dark และความสยองขวัญน่ากลัวจาก Sweet Home เอามาพัฒนาต่อยอด โดยใช้ธีมใหม่ในคอนเซ็ปต์ 'การทดลองอาวุธชีวภาพ' ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากสำหรับยุคนั้น แม้คำอวดอ้างว่าเป็น "เกม Survival Horror เกมแรกของโลก" อาจเป็นที่ถกเถียงได้ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ 'Resident Evil' นี่แหละที่ทำให้แนวเกมนี้กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายในกระแสหลัก

ในวัยเด็กเมื่อผู้เขียนได้ลองเล่นเกมครั้งแรก ก็กรี๊ดแตกแล้วไม่กล้าเล่นอีกเลยหลังจากเจอฉากคัตซีนซอมบี้หันหัวมา แถมเก็บมาหลอกหลอนในฝันอีกต่างหาก แต่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นความชื่นชอบเกมแนวสยองขวัญเอาตัวรอดตั้งแต่นั้นมา

ยินดีต้อนรับสู่ Silent Hill

Silent Hill (Review) – Sight-In Games

กระแสอันโด่งดังของเกมแนว Survivor Horror กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเพราะการมาของ Resident Evil ในฐานะเกมที่น่ากลัวและกดดันอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าในอีกสองปีต่อมา Konami ได้เข็นเกม Silent Hill เกมแนว Survivor Horror ที่มีธีมเกี่ยวกับความเชื่อและบาปของตัวเองแถมออกมาสู้ โดยพวกศัตรูนั้นก็เน้นความกลัว ความขยะแขยงจากร่างกายมนุษย์ ส่วนเนื้อหาก็คมคาย ลุ่มลึกและซับซ้อน แต่ก็คงไม่ขอเทียบกับอีกเกมหนึ่งเพราะว่าธีมมันคนละอย่างกัน

อีกจุดเด่นของเกมนี้ที่ไม่คิดว่าจะใช้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์เครื่องเล่น PlayStation ในขณะนั้นมาเป็นสิ่งที่สร้างความกลัวให้กับผู้เล่นนั่นก็คือหมอก หมอกนี้แทบจะลดทัศนวิสัยของผู้เล่นชนิดที่ว่ากว่าจะเห็นศัตรูก็แทบจะเข้าใกล้เราแล้ว ซึ่งจริงๆ การสร้างหมอกนี้มีเหตุผลก็คือเกม Silent Hill ออกแบบมาให้มีมุมมองแบบบุคคลที่สามบนแผนที่ขนาดใหญ่ ซึ่งจะใช้พลังการเรนเดอร์ที่สูงมากจนเครื่อง PlayStation เรนเดอร์ฉากได้ช้าหรือรับภาระมากเกินไป จึงต้องมีการใช้หมอกเพื่อบดบังภาพฉากระยะไกลที่กำลังเรนเดอร์อยู่นั่นเอง

และทั้งสองเกมนี้นับได้ว่าเป็นจ้าวแห่งเกมแนว Survivor Horror ที่ขับเคี่ยวกันมานานหลายปีตั้งแต่นั้น

Fatal Frame เกม Survivor Horror ในคราบ Pure Horror

มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น Fatal Frame ภาคอื่น ๆ ได้รับการรีมาสเตอร์ -  #beartai

เหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปี 2001 คือการมาของคอนโซล PlayStation 2 ที่ทำให้คุณภาพกราฟฟิคในเกมพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับคอนโซลก่อนหน้า และก็ได้มีเกมที่เรียกได้ว่า Pure Horror ในคราบ Survival Horror เน้นความน่ากลัวของผีจากตำนานญี่ปุ่น ซึ่งทีมพัฒนาอย่าง Tecmo ในสมัยนั้นทำออกมาได้น่ากลัวและวังเวงจริงๆ นั่นก็คือเกมตระกูลถ่ายติดผี Fatal Frame นั่นเอง

จุดเด่นของเกมซีรีส์นี้คือการมีกล้องถ่ายวิญญาณที่มีความสามารถในการขับไล่ผีได้ และเป็นอาวุธหลักของผู้เล่นในการเอาตัวรอด ซึ่งความน่ากลัวของเกม บอกเลยว่าคนที่เล่นครั้งแรกแล้วใจแข็งไม่พออาจจะหลอนและฝันร้ายเทียบได้กับ Pure Horror เลยทีเดียว

แต่สุดท้าย ด้วยความที่เกมน่ากลัวมากๆ บวกด้วยเนื้อหาของเกมที่เน้นตำนานญี่ปุ่น แม้ว่ายอดขายจะค่อนข้างดี และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จดจำความน่ากลัวของเกมได้ แต่สุดท้ายเกมก็เฉพาะทางไปเสียหน่อย จนกลายเป็นเพียงหนึ่งในซีรีส์เกมจากยุคทองที่หลายคนคิดถึงในที่สุด

Survivor Horror ยุคใหม่ ทำไมความน่ากลัวลดลง

Save 75% on Resident Evil 6 on Steam

หลังจากผ่านไปหลายปี กระแสของเกมแนว Survivor Horror ก็ย่อมมีถึงจุดแผ่วลงมาบ้างในช่วงยุคปี 2000 ถึงช่วงต้น 2010 ที่ผ่านมา ซึ่งมันก็มีสาเหตุหลาย ๆ อย่าง ให้ชวนขบคิดอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของเหล่า Gamer หน้าใหม่ ซึ่งสมัยนั้นก็ชอบอะไรที่เล่นง่าย ๆ เข้าถึงง่าย ๆ ต่างจากยุคก่อน ๆ ที่เน้นความยาก Puzzle สูง หรือมีความน่ากลัว เพราะเวลาผู้เล่นเคลียร์เกมพวกนี้ได้ มันจะรู้สึกว่าตัวเองมีความภาคภูมิเล่าได้ยันลูกบวช แต่ในสมัยนี้มันไม่ใช่ ( แต่ไม่ทั้งหมดนะ ) Gamer ชอบอะไรที่เข้าถึงง่ายและมีความเป็น Action สูงขึ้นโดยที่ไม่ยากเกินไป จึงทำให้ซีรี่ย์ของ Resident Evil ได้เคยเปลี่ยนแนวทางช่วงหนึ่งจากที่มีความน่ากลัวจ๋า เน้นปริศนาก็น้อยลงหรือแบบมันง่ายไปเลย เนื้อเรื่องและการเล่นก็มีความเป็น Action อย่างมาก หรือไม่ก็ใส่ระบบลูกเล่นใหม่ ๆ ที่ไปทำลายเอกลักษณ์หรือทำลายความน่ากลัวบางอย่างลงไป

ผลที่ตอบรับคือ Gamer สายเดนตายหรือแฟนเกมที่อยู่มานานก็ไม่ถูกใจสิ่งนี้ แต่แลกกับเม็ดเงินและการเข้าถึงของคนหน้าใหม่ที่มากขึ้นอย่างมาก ถึงแม้จะมีหลายเกมที่พยายามทำแนว Survivor Horror ที่มีความน่ากลัวอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก็ยังใส่ความ Action และความง่ายเข้าไปเหมือนกัน ตอนนั้นทางเราก็ยังเรียกติดปากแล้วว่ามันไม่ใช่ Survivor Horror แล้ว นี่มัน Action Horror มากกว่า

เกมซีรี่ส์ Metro อีกตำนานของเกมที่มีคนพูดถึงในยุคปี 2010

เกม Metro 2033 Redux เมื่อโลกพินาศจากสงครามนิวเคลียร์จนต้องอาศัยอยู่ในรถไฟ

ในระหว่างที่กระแสเกม Survivor Horror กำลังจางลง หรือไม่ก็มีความสยองขวัญบ้างแต่ก็ถูกความเป็น Action กลบจนมากเกินไปเสียหน่อย...แต่ไม่ใช่กับเกมซีรี่ส์ Metro เป็นเกมสัญชาติรัสเซียขนานแท้ โดยภาคแรกใช้ชื่อ Metro วางจำหน่ายในปี 2010 ซึ่งเป็นเกมที่มีความเป็น Action Adventure และความเป็น Survivor Horror ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ไม่มีเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง จึงทำให้ผู้เล่นจดจำและชื่นชอบในฐานะเกมที่ดีอีกเกมหนึ่งในแง่ความตื่นเต้น กดดัน และน่ากลัวในโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตภายใต้สถานีรถไฟใต้ดินของรัสเซีย ผ่านการเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งพร้อมกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่กับการผจญภัยในสถานีรถไฟใต้ดินและสภาพโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยกัมมันตรังสีและสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์

ในแง่ของเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างชวนติดตาม แม้อะไรบางอย่างจะดูแข็งและเป็นเส้นตรงไปเสียหน่อย สุดท้ายแล้วเกม Metro ก็ได้สื่อถึงความน่ากลัวที่แท้จริง ไม่ใช่จากฝีมือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ไม่ใช่จากผีและสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่เป็นการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเองนี่แหละ

จากความ Action ที่มากเกินไป กลับมาสู่รากเหง้าอีกครั้ง

เครียดเกิน!

เมื่อกาลเวลาผ่านไปจนเข้าสู่ยุคไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนก็เริ่มรู้สึกว่า เกมการเข้าถึงง่ายเกินไป มันอาจจะไม่ได้เป็นที่โจทย์จำ และช่วงกระแสเกมยากกับคติที่ว่า "หากผ่านเกมยากได้แล้วรู้สึกภูมิใจในชีวิต" ไม่ว่าจะเป็นเกมตระกูล Soul ทั้งหลายหรือเกมที่เน้นความยากได้เป็นกระแสเริ่มแทนที่ จึงทำให้ทีมพัฒนาเกมที่เคยทำเกมแนว Survivor Horror มาอยย่างยาวนาน กลับมาเน้นความน่ากลัว ความยากและความกดดันขึ้นมาอีกครั้ง

และด้วยกราฟิคในเกมช่วงปัจจุบันมีความสวยงดงามแทบจะเหมือนจริงแล้ว ยิ่งเสริมความน่ากลัวเข้าไปใหญ่ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นที่จดจำเหมือนสมัยก่อน แต่ทุกคนที่ได้เล่นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บรรยากาศความน่ากลัว สยองขวัญและขยะแขยงได้กลับมาอีกครั้ง

เกมแนว  Survivor Horror สายอินดี้ก็สร้างความสยองไม่แพ้กัน

นอกเหนือจากเกม Resident Evil และ Silent Hill สองเกมที่กล่าวถึงมานั้นก็ยังมีเกมอินดี้หรือเกมแปลก ๆ เกมอื่นที่อาจจะมองว่าไม่ค่อยมีอะไรแต่แอบใส่ความเป็น Survivor Horror เข้ามาอย่าง Subnautica, Barotauma หรือ Raft ซึ่งทั้งสามเกมเล่นไปแบบปกติมันก็ไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ ทั้งสามเกมเล่นประเด็นกับความกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไร นี่แหละความสยองขวัญกับความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้

กลายเป็นว่า เกมแนว Survivor Horror กลายเป็นเกมแนวที่มีความกว้างมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกทดลองหรือกับเล่นสิ่งเหนือธรรมชาติ สามารถเล่นกับสิ่งที่เราไม่รู้ก็สามารถทำให้คนกลัวได้เช่นกัน และจุดนี้เองทำให้เกมอินดี้หรือทีมพัฒนาอื่น ๆ ที่อยากลองสร้างอะไรแนวนี้ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพความสยยองความน่าขนลุกให้สมจริงก็เป็นอันใช้ได้

====================================

ในปัจจุบัน เกมแนว Survivor Horror ก็ไม่ได้ถูกจำกัดว่า ต้องสยองจ๋าเมื่อเจอกับภูติผีปีศาจ ปริศนาที่ต้องยากจนเปิดพลังสมองแบบ 300% หรือทรัพยากรที่มีอยุ่อย่างจำกัดเสียอย่างเดียว แต่มันคือการเล่นกับสิ่งที่เราไม่รู้ ความอึดอัดและความคับแคบ โดยมีเงื่อนไขว่าจะมีอะไรตอบโต้เราได้บ้าง แม้อาจจะไม่ได้พูดถึงมากมายเหมือนแต่ก่อน เพราะถูกแทนที่ด้วยแนวเกมที่เล่นง่ายและเป็นทีม จบไว เพราะสังคมสมัยใหม่สามารถเล่นเกมได้ผ่านมือถือได้่ทุกที่ทุกเวลา ต่างจากเกมสมัยก่อนที่จะต้องมีเวลาเล่นพอตัว

เกมแนว Survivor Horror มันไม่เคยตาย แม้จะน่ากลัวจนเราหัวหด แต่ก็ยังอยากกลับมาเล่นให้จบ ( แต่ก็มีบางคนที่ไม่กลับมาเล่นอีกเลยก็มีเพราะน่ากลัวเกินไป ) เพราะความรู้สึกมันเรียกร้องว่า อยากเคลียร์ มันค้างคา แล้วมันจะค่อย ๆ เพิ่มความกล้าสลายความกลัวจนสุดท้ายเราก็ผ่านไปได้ในที่สุด

หากมีเกมแนว Survivor Horror อื่น ๆ ที่อยากแนะนำ สามารถพูดคุยและเล่าประสบการณ์ความสยองกันได้เลย เพราะทั้งหมดนี้เป็นบทความที่เขียนจากประสบการณ์ของคนที่ชื่นชอบเล่นเกมแนวสยองขวัญหรือเล่นกับความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ อาจจะมีอะไรตกลงบ้าง แต่หากมีเกมแนะนำเข้ามาแล้วบอกว่าสนุก สยองมากๆ ขอให้รู้ว่าคุณคือคอร์เกมเดียวกัน


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header