ใกล้เวลาที่ Dying Light 2 จะเปิดให้เล่นเข้าไปทุกที ซึ่ง ณ ตอนนี้ มีสื่อเกมชื่อดังจากต่างประเทศ ได้สัมผัสตัวเกมกันก่อนใคร และได้ลงรีวิวพร้อมกับให้คะแนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนความคิดเห็นของสื่อต่าง ๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ตัวเกม Dying Light 2 จะออกมาดีอย่างที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ไหม? บทความนี้มีคำตอบที่สรุปมาจากฝั่งตะวันตกให้คุณได้รับรู้กันครับ
ความเห็นจากฝั่ง IGN
หากตัวเกมยังไม่ได้รับการแพตช์ ไม่แนะนำในเล่นตั้งแต่วันแรก เพราะบั๊กเยอะมาก ตกฉาก พื้นผิวโหลดไม่ทัน เกมค้าง ฯลฯ
ระบบ Meter ช่วยเพิ่มความกดดันของการสำรวจในกลางคืนได้ดี โดยระบบนี้จะเป็นการบังคับให้ผู้เล่นต้องแข่งกับเวลา ไม่สามารถออกไปร่อนเร่ยามค่ำคืนได้นานมากนัก ดังนั้นหากผู้เล่นมีเควสต์ที่ต้องทำ คุณจะต้องตัดสินใจให้ดี ระหว่างแวะฟาร์มไอเทม หรือจะมุ่งไปเล่นเควสต์รวดเดียวจบเลย ทำให้ผู้เล่นต้องใช้หัวมากขึ้นในการตัดสินใจ
ระบบปีนป่าย Pakour ที่ลื่นไหลมาก ทั้งการจับกำแพง กระโดด วิ่งไต่กำแพง กลิ้งตัว ทุกอย่างทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
ระบบการต่อสู้ที่สนุกดี มีความหลากหลาย ทั้งการโจมตี การหลบ การปัดป้อง
AI ของศัตรูที่เป็นมนุษย์ดูโง่เกินกว่าจะเป็นคนจริง ๆ ไม่รู้จักล้อมผู้เล่น ทั้ง ๆ ที่มากันทีละหลายคน ทำให้เจอซอมบี้ยังคงจะยากกว่าเสียอีก
ศัตรูยังมีน้อยประเภท และถ้าจับทางการเล่นได้ ต่อให้กดแบบโหมดยากที่สุด ก็ยังเล่นผ่านได้สบาย
ถ้าผู้เล่นติดฟาร์ม จะทำให้ตัวละครเก่งจนถึงขั้นโกง ทำให้เวลาเข้าพื้นที่ใหม่ ๆ ศัตรูตัวใหม่จะดูกระจอกไปเลย ทำให้เกมขาดความท้าทาย
อาวุธที่ผ่านการปรับแต่งในภาคนี้เก่งจนเกินไป
ในภาคนี้จะไม่มีปืน ส่วนอาวุธระยะไกล เช่น หน้าไม้ หรือธนูก็หายากมากเช่นกัน
ระบบความทนทานที่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะกว่าอาวุธจะพัง เราก็ได้อาวุธที่ดีกว่ามาใช้แทนแล้ว
เนื้อเรื่องกับพล็อตค่อนข้างแย่ ตัวเอกไม่น่าสนใจ ขาดมิติของตัวละคร
ความเห็นจากฝั่ง pcgamer
ในช่วงแรกของตัวเกม จะรู้สึกว่าตัวละครมีพัฒนาการที่ค่อนข้างช้า ทำให้รู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง
ระบบต่อสู้ของภาคนี้ให้ความรู้สึกสะใจดี หนักหน่วงและรุนแรง
การ Pakour ปีนป่ายตามกำแพงตึกลื่นไหลมาก หากเล่นจนคล่องแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นยอดมนุษย์เลย
มีตัวช่วยในการเดินทางใหม่ ๆ เช่น ตะขอเกี่ยว ไปจนถึงชุดร่อนเวหา ทำให้การสำรวจภายในเมืองสนุกยิ่งขึ้น
ในภาค 2 จะไม่สามารถซ่อมอาวุธแบบในภาค 1 ได้แล้ว แต่กว่าอาวุธจะพัง เราก็ได้อาวุธที่ดีกว่ามาใช้แทน ดังนั้นไม่มีระบบซ่อมก็ไม่เสียหาย
สู้กับซอมบี้ค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะ AI ทำมาไม่ค่อยท้าทาย
ช่วงกลางคืนยังคงทำออกมาได้น่าตื่นเต้นเหมือนกับภาคแรก ซอมบี้จะปรากฎตัวตามท้องถนนมากขึ้น และพวกมันจะว่องไวขึ้นแถมดุร้ายขึ้นอีกด้วย
ออกแบบปริศนาได้สร้างสรรค์ดี ประยุกต์ใช้กับระบบปีนป่ายได้อย่างลงตัว
เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้แย่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่มันก็ไม่ได้ดีเช่นกัน ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ซอมบี้ดาด ๆ
รู้สึกว่าการวางตำแหน่ง UI แปลก ๆ เหมือนถูกจัดวางมาให้สำหรับเครื่องคอนโซลเท่านั้น
การตั้งค่าบางอย่างยังคงพอร์ตมาลง PC ได้ไม่ดีพอ
ถึงแม้จะใช้เวลากว่า 50 ชั่วโมงเพื่อเล่นจบเนื้อเรื่องหลัก แต่ตัวเกมยังมีเสน่ห์ดึงดูดให้กลับไปเล่นซ้ำอยู่
ความเห็นจากฝั่ง Kotaku
ถ้าอยากหาเกมที่มีเนื้อเรื่องดี ๆ Dyling light 2 ไม่ตอบโจทย์คุณแน่
สิ่งที่ดีงามของเกมนี้คือ มันเป็นเกมที่มีโลกเปิดกว้างใหญ่มาก แถมยังเต็มไปด้วยซอมบี้มากมาย น้อยเกมนักที่จะรังสรรค์โลกแบบนี้ออกมาได้สำเร็จ
ผู้พัฒนารู้ตัวดีว่า อะไรที่ทำให้ Dyling Light โดดเด่นจากเกมซอมบี้เกมอื่น พวกเขามุ่งพัฒนาระบบ Pakour ภายในเกมภาคต่ออย่างมุ่งมั่น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา มันก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ปริศนาต่าง ๆ รวมไปจนถึงการหาทางไปต่อในเกมนี้สนุกมาก ตัวเกมมอบอิสระให้ผู้เล่นในการสำรวจ และการหาเส้นทางอย่างเต็มที่
การแก้ปริศนาระหว่างที่มีซอมบี้จำนวนมหาศาลรอกินเราอยู่ ช่วยเพิ่มบรรยากาศของการเอาชีวิตรอดและความน่าตื่นเต้น
ในภาคนี้อาวุธปืนจะถูกตัดออกไป ซึ่งว่ากันตามตรง อาวุธปืนจากภาคแรกก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีในการใช้สักเท่าไรอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เอาออกไปแล้วเน้นพัฒนาระบบต่อสู้ระยะประชิดถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง
ระบบต่อสู้อาจจะต้องใช้เวลาเรียนรู้สักหน่อย แต่ถ้าใช้จนคล่องมือแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องจักรสังหารเลย
ตอนกลางคืนในภาค 2 จะรู้สึกอันตรายขึ้นกว่าภาคแรกมาก เพราะจำนวนซอมบี้จะเพิ่มขึ้นแบบผิดหูผิดตา ทั้งนี้ตัวเกมยังให้รางวัลสำหรับการออกสำรวจยามค่ำคืนอยู่เช่นเคย
การตัดสินใจครั้งใหญ่ภายในเกม ที่อ้างว่าจะมีผลกระทบตามมา แต่พอเอาจริง ๆ แล้ว ผลกระทบมันน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องใส่ระบบนี้มาก็ได้มั้ง
ถึงตัวเกมจะมีปัญหาเยอะ ทั้งบั๊ก เนื้อเรื่องที่แย่ และส่วนอื่น ๆ แต่เกมก็ยังมอบประสบการณ์ดี ๆ ในการปีนป่ายไปในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ให้คุณอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ความเห็นจากฝั่ง Gamingbolt
มีการสร้างโลกที่ใช้เป็นฉากหลังค่อนข้างดี เข้าใจง่าย ทำให้คนเล่นเรียนรู้เรื่องราวได้ไว
การสำรวจซอกมุม หลังคา ตึกต่าง ๆ ภายในเกมนี้ ช่วยมอบความสนุกให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื้อเรื่องหลักค่อนข้างหยาบ แถมบทสนทนาระหว่างตัวละครก็ยังแข็งทื่อ
การพากย์เสียงตัวละครบางตัวไม่ตรงกับปากที่ขยับ ทำให้บางทีคนเล่นก็จะไม่อินกับเนื้อเรื่อง
ทั้งการออกแบบเควสต์ ไปจนถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ช่วยชูโรงให้ระบบ Pakour ภายในเกมโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของเกมเลย จะบอกว่าเมืองทั้งเมืองถูกสร้างเพื่อให้เราปีนป่ายอย่างสนุกสนานก็ว่าได้
ระบบต่อสู้ของ Dying Light 2 เหมือนจะดูดี เมื่อผสมสานระหว่างการ Pakour เข้ากับการต่อสู้ระยะประชิด แต่พอได้ลองเล่นจริง ๆ แล้วมันกลับเก้ ๆ กัง ๆอย่างประหลาด จะบอกว่าระบบต่อสู้เป็นหนึ่งในจุดอ่อนใหญ่ของเกมก็คงไม่ผิดนัก
บางสกิลมันควรมีให้เป็นท่าพื้นฐานเลย ไม่ใช่เก็บเลเวลอัปเอา มันทำให้รู้สึกเหมือนใส่เข้ามาให้ดูเยอะเฉย ๆ
งานภาพทำออกมาได้ดี แม้ NPC บางตัวอาจจะงานหยาบไปบ้าง แต่รายละเอียดของโลกและฉากหลังก็ยังคงสวยงามตามท้องเรื่อง
ปัญหาทางเทคนิคเยอะมาก หวังว่าทีมงานจะสามารถแก้ไขได้ทันก่อนวันวางจำหน่าย
ถึงเกมจะมีข้อเสียและปัญหามากมาย แต่มันก็ยังมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการปีนป่ายตามตึกรามบ้านช่องที่เต็มไปด้วยซอมบี้ได้อย่างดี ดังนั้นคุณจึงควรไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง
ความเห็นจากฝั่ง Polygon
ตัวละครเติบโตช้า ทำให้ผู้เล่นต้องขยันออกสำรวจ และออกไปฟาร์มไอเทมค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งตรงจุดนี้หากเล่นไปตามเนื้อเรื่อง เจอกับบอสตามเนื้อเรื่องจะไม่มีปัญหา ทว่าหากผู้เล่นไม่ฟาร์มให้เลเวลเยอะ และออกไปสำรวจโลกกว้าง การเจอบอสรองตามฉาก อาจจะยากยิ่งกว่าบอสหลักตามเนื้อเรื่องเสียอีก
เนื้อเรื่องจืดชืด แต่ระบบต่อสู้ และการปีนป่ายช่วยชีวิตเกมนี้เอาไว้เลย
ระบบต่อสู้จะบีบให้ผู้เล่นต้องคิดตลอดเวลา ควรทำอะไรต่อไป จังหวะนี้โจมตีดีไหม จัดการศัตรูตัวไหนกัน มีความท้าทายสูง
ระบบปีนป่ายในเกมนี้ ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกมอื่น ๆ ได้เลย เพราะมันรวดเร็ว กระชับ เล่นง่าย แถมยังสนุกมือทุกครั้งที่สัมผัส
การเลือกฝักเลือกฝ่าย หรือการตัดสินใจใหญ่ ๆ ภายในเกมแทบไม่ส่งผลอะไรตามมมา หรือส่งผลอะไรต่อโลกของเกมเลยด้วยซ้ำ ที่มีให้เห็นมันน้อยมาก น้อยเสียจนไม่รู้ว่าจะใส่ระบบนี้มาทำไม
ตัวเกมแอบบังคับให้ผู้เล่นต้องขยันฟาร์มระดับหนึ่งเลย หากอยากจะเล่นคอนเทนต์ต่าง ๆ ในส่วนของการสำรวจให้ครบ
ถึงจะมีปัญหาและข้อเสียจุดใหญ่ แต่เกมการเล่น ทั้งระบบต่อสู้ ไปจนถึงระบบปีนป่าย ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม จนสามารถกลบจุดอ่อนได้ดีระดับหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าทิศทางของการรีวิวค่อนข้างไปในแนวเดียวกัน นั่นคือ เนื้อเรื่องแย่ บั๊กเยอะ แต่สิ่งที่ทางผู้พัฒนาอย่าง Teachland ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมนั่นก็ระบบ Pakour ที่ไม่ว่าจะสำนักไหน ก็ล้วนเอ่ยปากชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุดยอด”
สำหรับคนที่คาดหวังเนื้อเรื่องเทพ ๆ จากเกม Dying Light 2 นั้น ดูท่าว่าคุณจะต้องผิดหวังเสียแล้ว แต่สำหรับใครที่มองหาเกมซอมบี้สนุก ๆ ระบบปีนป่ายสุดลื่นไหล พร้อมกับการต่อสู้อันแสนสะใจ
Dying Light 2: Stay Human คงตอบโจทย์คุณได้ ไม่มากก็น้อยแหละครับ
แหล่งข้อมูล: IGN
ใกล้เวลาที่ Dying Light 2 จะเปิดให้เล่นเข้าไปทุกที ซึ่ง ณ ตอนนี้ มีสื่อเกมชื่อดังจากต่างประเทศ ได้สัมผัสตัวเกมกันก่อนใคร และได้ลงรีวิวพร้อมกับให้คะแนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนความคิดเห็นของสื่อต่าง ๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ตัวเกม Dying Light 2 จะออกมาดีอย่างที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ไหม? บทความนี้มีคำตอบที่สรุปมาจากฝั่งตะวันตกให้คุณได้รับรู้กันครับ
ความเห็นจากฝั่ง IGN
หากตัวเกมยังไม่ได้รับการแพตช์ ไม่แนะนำในเล่นตั้งแต่วันแรก เพราะบั๊กเยอะมาก ตกฉาก พื้นผิวโหลดไม่ทัน เกมค้าง ฯลฯ
ระบบ Meter ช่วยเพิ่มความกดดันของการสำรวจในกลางคืนได้ดี โดยระบบนี้จะเป็นการบังคับให้ผู้เล่นต้องแข่งกับเวลา ไม่สามารถออกไปร่อนเร่ยามค่ำคืนได้นานมากนัก ดังนั้นหากผู้เล่นมีเควสต์ที่ต้องทำ คุณจะต้องตัดสินใจให้ดี ระหว่างแวะฟาร์มไอเทม หรือจะมุ่งไปเล่นเควสต์รวดเดียวจบเลย ทำให้ผู้เล่นต้องใช้หัวมากขึ้นในการตัดสินใจ
ระบบปีนป่าย Pakour ที่ลื่นไหลมาก ทั้งการจับกำแพง กระโดด วิ่งไต่กำแพง กลิ้งตัว ทุกอย่างทำออกมาได้ยอดเยี่ยม
ระบบการต่อสู้ที่สนุกดี มีความหลากหลาย ทั้งการโจมตี การหลบ การปัดป้อง
AI ของศัตรูที่เป็นมนุษย์ดูโง่เกินกว่าจะเป็นคนจริง ๆ ไม่รู้จักล้อมผู้เล่น ทั้ง ๆ ที่มากันทีละหลายคน ทำให้เจอซอมบี้ยังคงจะยากกว่าเสียอีก
ศัตรูยังมีน้อยประเภท และถ้าจับทางการเล่นได้ ต่อให้กดแบบโหมดยากที่สุด ก็ยังเล่นผ่านได้สบาย
ถ้าผู้เล่นติดฟาร์ม จะทำให้ตัวละครเก่งจนถึงขั้นโกง ทำให้เวลาเข้าพื้นที่ใหม่ ๆ ศัตรูตัวใหม่จะดูกระจอกไปเลย ทำให้เกมขาดความท้าทาย
อาวุธที่ผ่านการปรับแต่งในภาคนี้เก่งจนเกินไป
ในภาคนี้จะไม่มีปืน ส่วนอาวุธระยะไกล เช่น หน้าไม้ หรือธนูก็หายากมากเช่นกัน
ระบบความทนทานที่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะกว่าอาวุธจะพัง เราก็ได้อาวุธที่ดีกว่ามาใช้แทนแล้ว
เนื้อเรื่องกับพล็อตค่อนข้างแย่ ตัวเอกไม่น่าสนใจ ขาดมิติของตัวละคร
ความเห็นจากฝั่ง pcgamer
ในช่วงแรกของตัวเกม จะรู้สึกว่าตัวละครมีพัฒนาการที่ค่อนข้างช้า ทำให้รู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง
ระบบต่อสู้ของภาคนี้ให้ความรู้สึกสะใจดี หนักหน่วงและรุนแรง
การ Pakour ปีนป่ายตามกำแพงตึกลื่นไหลมาก หากเล่นจนคล่องแล้วจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นยอดมนุษย์เลย
มีตัวช่วยในการเดินทางใหม่ ๆ เช่น ตะขอเกี่ยว ไปจนถึงชุดร่อนเวหา ทำให้การสำรวจภายในเมืองสนุกยิ่งขึ้น
ในภาค 2 จะไม่สามารถซ่อมอาวุธแบบในภาค 1 ได้แล้ว แต่กว่าอาวุธจะพัง เราก็ได้อาวุธที่ดีกว่ามาใช้แทน ดังนั้นไม่มีระบบซ่อมก็ไม่เสียหาย
สู้กับซอมบี้ค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะ AI ทำมาไม่ค่อยท้าทาย
ช่วงกลางคืนยังคงทำออกมาได้น่าตื่นเต้นเหมือนกับภาคแรก ซอมบี้จะปรากฎตัวตามท้องถนนมากขึ้น และพวกมันจะว่องไวขึ้นแถมดุร้ายขึ้นอีกด้วย
ออกแบบปริศนาได้สร้างสรรค์ดี ประยุกต์ใช้กับระบบปีนป่ายได้อย่างลงตัว
เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้แย่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่มันก็ไม่ได้ดีเช่นกัน ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์ซอมบี้ดาด ๆ
รู้สึกว่าการวางตำแหน่ง UI แปลก ๆ เหมือนถูกจัดวางมาให้สำหรับเครื่องคอนโซลเท่านั้น
การตั้งค่าบางอย่างยังคงพอร์ตมาลง PC ได้ไม่ดีพอ
ถึงแม้จะใช้เวลากว่า 50 ชั่วโมงเพื่อเล่นจบเนื้อเรื่องหลัก แต่ตัวเกมยังมีเสน่ห์ดึงดูดให้กลับไปเล่นซ้ำอยู่
ความเห็นจากฝั่ง Kotaku
ถ้าอยากหาเกมที่มีเนื้อเรื่องดี ๆ Dyling light 2 ไม่ตอบโจทย์คุณแน่
สิ่งที่ดีงามของเกมนี้คือ มันเป็นเกมที่มีโลกเปิดกว้างใหญ่มาก แถมยังเต็มไปด้วยซอมบี้มากมาย น้อยเกมนักที่จะรังสรรค์โลกแบบนี้ออกมาได้สำเร็จ
ผู้พัฒนารู้ตัวดีว่า อะไรที่ทำให้ Dyling Light โดดเด่นจากเกมซอมบี้เกมอื่น พวกเขามุ่งพัฒนาระบบ Pakour ภายในเกมภาคต่ออย่างมุ่งมั่น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา มันก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ปริศนาต่าง ๆ รวมไปจนถึงการหาทางไปต่อในเกมนี้สนุกมาก ตัวเกมมอบอิสระให้ผู้เล่นในการสำรวจ และการหาเส้นทางอย่างเต็มที่
การแก้ปริศนาระหว่างที่มีซอมบี้จำนวนมหาศาลรอกินเราอยู่ ช่วยเพิ่มบรรยากาศของการเอาชีวิตรอดและความน่าตื่นเต้น
ในภาคนี้อาวุธปืนจะถูกตัดออกไป ซึ่งว่ากันตามตรง อาวุธปืนจากภาคแรกก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีในการใช้สักเท่าไรอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เอาออกไปแล้วเน้นพัฒนาระบบต่อสู้ระยะประชิดถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง
ระบบต่อสู้อาจจะต้องใช้เวลาเรียนรู้สักหน่อย แต่ถ้าใช้จนคล่องมือแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องจักรสังหารเลย
ตอนกลางคืนในภาค 2 จะรู้สึกอันตรายขึ้นกว่าภาคแรกมาก เพราะจำนวนซอมบี้จะเพิ่มขึ้นแบบผิดหูผิดตา ทั้งนี้ตัวเกมยังให้รางวัลสำหรับการออกสำรวจยามค่ำคืนอยู่เช่นเคย
การตัดสินใจครั้งใหญ่ภายในเกม ที่อ้างว่าจะมีผลกระทบตามมา แต่พอเอาจริง ๆ แล้ว ผลกระทบมันน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องใส่ระบบนี้มาก็ได้มั้ง
ถึงตัวเกมจะมีปัญหาเยอะ ทั้งบั๊ก เนื้อเรื่องที่แย่ และส่วนอื่น ๆ แต่เกมก็ยังมอบประสบการณ์ดี ๆ ในการปีนป่ายไปในเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ให้คุณอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ความเห็นจากฝั่ง Gamingbolt
มีการสร้างโลกที่ใช้เป็นฉากหลังค่อนข้างดี เข้าใจง่าย ทำให้คนเล่นเรียนรู้เรื่องราวได้ไว
การสำรวจซอกมุม หลังคา ตึกต่าง ๆ ภายในเกมนี้ ช่วยมอบความสนุกให้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เนื้อเรื่องหลักค่อนข้างหยาบ แถมบทสนทนาระหว่างตัวละครก็ยังแข็งทื่อ
การพากย์เสียงตัวละครบางตัวไม่ตรงกับปากที่ขยับ ทำให้บางทีคนเล่นก็จะไม่อินกับเนื้อเรื่อง
ทั้งการออกแบบเควสต์ ไปจนถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ช่วยชูโรงให้ระบบ Pakour ภายในเกมโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของเกมเลย จะบอกว่าเมืองทั้งเมืองถูกสร้างเพื่อให้เราปีนป่ายอย่างสนุกสนานก็ว่าได้
ระบบต่อสู้ของ Dying Light 2 เหมือนจะดูดี เมื่อผสมสานระหว่างการ Pakour เข้ากับการต่อสู้ระยะประชิด แต่พอได้ลองเล่นจริง ๆ แล้วมันกลับเก้ ๆ กัง ๆอย่างประหลาด จะบอกว่าระบบต่อสู้เป็นหนึ่งในจุดอ่อนใหญ่ของเกมก็คงไม่ผิดนัก
บางสกิลมันควรมีให้เป็นท่าพื้นฐานเลย ไม่ใช่เก็บเลเวลอัปเอา มันทำให้รู้สึกเหมือนใส่เข้ามาให้ดูเยอะเฉย ๆ
งานภาพทำออกมาได้ดี แม้ NPC บางตัวอาจจะงานหยาบไปบ้าง แต่รายละเอียดของโลกและฉากหลังก็ยังคงสวยงามตามท้องเรื่อง
ปัญหาทางเทคนิคเยอะมาก หวังว่าทีมงานจะสามารถแก้ไขได้ทันก่อนวันวางจำหน่าย
ถึงเกมจะมีข้อเสียและปัญหามากมาย แต่มันก็ยังมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการปีนป่ายตามตึกรามบ้านช่องที่เต็มไปด้วยซอมบี้ได้อย่างดี ดังนั้นคุณจึงควรไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง
ความเห็นจากฝั่ง Polygon
ตัวละครเติบโตช้า ทำให้ผู้เล่นต้องขยันออกสำรวจ และออกไปฟาร์มไอเทมค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งตรงจุดนี้หากเล่นไปตามเนื้อเรื่อง เจอกับบอสตามเนื้อเรื่องจะไม่มีปัญหา ทว่าหากผู้เล่นไม่ฟาร์มให้เลเวลเยอะ และออกไปสำรวจโลกกว้าง การเจอบอสรองตามฉาก อาจจะยากยิ่งกว่าบอสหลักตามเนื้อเรื่องเสียอีก
เนื้อเรื่องจืดชืด แต่ระบบต่อสู้ และการปีนป่ายช่วยชีวิตเกมนี้เอาไว้เลย
ระบบต่อสู้จะบีบให้ผู้เล่นต้องคิดตลอดเวลา ควรทำอะไรต่อไป จังหวะนี้โจมตีดีไหม จัดการศัตรูตัวไหนกัน มีความท้าทายสูง
ระบบปีนป่ายในเกมนี้ ช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้เกมอื่น ๆ ได้เลย เพราะมันรวดเร็ว กระชับ เล่นง่าย แถมยังสนุกมือทุกครั้งที่สัมผัส
การเลือกฝักเลือกฝ่าย หรือการตัดสินใจใหญ่ ๆ ภายในเกมแทบไม่ส่งผลอะไรตามมมา หรือส่งผลอะไรต่อโลกของเกมเลยด้วยซ้ำ ที่มีให้เห็นมันน้อยมาก น้อยเสียจนไม่รู้ว่าจะใส่ระบบนี้มาทำไม
ตัวเกมแอบบังคับให้ผู้เล่นต้องขยันฟาร์มระดับหนึ่งเลย หากอยากจะเล่นคอนเทนต์ต่าง ๆ ในส่วนของการสำรวจให้ครบ
ถึงจะมีปัญหาและข้อเสียจุดใหญ่ แต่เกมการเล่น ทั้งระบบต่อสู้ ไปจนถึงระบบปีนป่าย ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม จนสามารถกลบจุดอ่อนได้ดีระดับหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าทิศทางของการรีวิวค่อนข้างไปในแนวเดียวกัน นั่นคือ เนื้อเรื่องแย่ บั๊กเยอะ แต่สิ่งที่ทางผู้พัฒนาอย่าง Teachland ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมนั่นก็ระบบ Pakour ที่ไม่ว่าจะสำนักไหน ก็ล้วนเอ่ยปากชมเป็นเสียงเดียวกันว่า “สุดยอด”
สำหรับคนที่คาดหวังเนื้อเรื่องเทพ ๆ จากเกม Dying Light 2 นั้น ดูท่าว่าคุณจะต้องผิดหวังเสียแล้ว แต่สำหรับใครที่มองหาเกมซอมบี้สนุก ๆ ระบบปีนป่ายสุดลื่นไหล พร้อมกับการต่อสู้อันแสนสะใจ
Dying Light 2: Stay Human คงตอบโจทย์คุณได้ ไม่มากก็น้อยแหละครับ
แหล่งข้อมูล: IGN