Ni no Kuni: Cross Worlds เกมแนว RPG Open World มาใหม่จากเหล่าผู้พัฒนาจากค่าย Netmarble ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ทั้งกระแสตอบรับและการสนับสนุนจากผู้เล่นเอง โดยตัวเกมถูกดัดแปลงมาจากอนิเมะเรื่อง Ni no Kuni ที่หลาย ๆ คนอาจจะพอได้ดูหรือเคยได้ยินกันมาบ้าง นอกจากนี้ยังมีเกมบน PC ที่ออกมาก่อนหน้านี้ด้วย แต่หลาย ๆ คนคงจะเป็นหน้าใหม่ที่พึ่งเคยได้ยินชื่อ Ni no Kuni ครั้งแรก หรือหน้าเก่าที่ยังไม่รู้ ในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาบอก 6 สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Ni no Kuni: Cross World
ถึงแม้ว่าเกม Ni no Kuni: Cross World จะใช้การควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัส (Touchscreen) ในส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นเกมที่เน้นไปทางการเล่นกับมือถือ แต่ก็ไม่ใช่เกมแรกในซีรีส์นี้ที่ถูกนำออกมาใช้ แต่เป็นเกม Ni no Kuni: Dominion Of The Dark Djinn แทน ซึ่งเกมนี้จะเป็นเกมพิเศษที่สามารถเล่นได้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และให้เล่นได้สำหรับเครื่อง Nintendo DS ซึ่งเป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้ระบบ Touchscreen และเกม Ni no Kuni: Wrath of the White Witch เป็นเกมรีเมคที่ปรับปรุงและขยายความเพิ่มเติมต่อจากภาคก่อนด้วย โดยในเกมภาค Dominion Of The Dark Djinn ผู้เล่นจะต้องใช้ระบบ Touchscreen เพื่อวาดวงเวทมนต์ตามที่ตัวเกมได้กำหมดเอาไว้ เพื่อที่จะให้เราสามารเข้าสู่การต่อสู้ได้ และสัญลักษณ์วงเวทมนต์ต่าง ๆ ยังอยู่ในหนังสือที่มีชื่อว่า Wizard Companion ด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมแรกที่เปิดให้บริการในต่างประเทศก็ตาม แต่ Ni no Kuni: Cross Worlds ไม่ใช่เกมมือถือเกมแรกในซีรีส์นี้ โดยเกม Ni no Kuni เกมแรกบนมือถือนั้นก็คือ Ni no Kuni: Hotroit Stories ที่เปิดตัวให้ได้เล่นในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2010 ซึ่งวันเดียวกันกับเกม Ni no Kuni: Dominion of the Dark Djinn
แม้ว่าภาค Hotroit Stories จะไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่จะนำไปสู่อีกโลกหนึ่ง แต่ก็มีตัวละครหลักอย่าง Oliver และ Mark อยู่ด้วย การต่อสู้โดยใช้ไอเทมต่าง ๆ แทนเวทมนตร์ และเกมมือถือเกมที่สอง เป็นเกมไพ่ที่มีชื่อว่า Ni no Kuni: Daibouken Monsters โดยตัวเกมนี้เปิดตัวในญี่ปุ่นในปี 2555 แต่ถูกปิดตัวลงหลังจากเปิดตัวเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่ารูปแบบเกมเพลย์จะแตกต่างจากเกมก่อน ๆ แต่ Ni no Kuni: Cross Worlds ได้ยืมองค์ประกอบต่าง ๆ หลากหลายอย่างมาจากเกมภาค Wrath Of The White Witch และภาค Revenant Kingdom ซึ่งก็เหมือนกับ Wrath Of The White Witch ตัวละคร NPC หลายตัวยังคงมีอยู่ใน Ni no Kuni: Cross Worlds เหมือนกัน โดยมีอยู่ประมาณ 40 ตัวกันเลยทีเดียว และยังค่อยช่วยเหลือเราในด้านต่าง ๆ ด้วย และก็มีเหมือนกันที่เราต้องไปช่วยพวกเขาในการต่อสู้ต่าง ๆ
และ Higgledies จากเกม Ni no Kuni II: Revenant Kingdom ก็ยังคงอยู่ในเกม Ni no Kuni: Cross Worlds เช่นกัน แต่จะไปอยู่ในโหมด Resource Capture โดยทีมที่สามารถจับ Higgledies ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดจะเป็นฝ่ายชนะไปนั้นเอง Higgledies ยังปรากฏในจุดต่าง ๆ ภายในเรื่องหลักอีกด้วย
ทั้งเกมภาค Wrath Of The White Witch และเกมภาค Revenant Kingdom ต่างก็มีตัวละครที่เดินทางจากโลกปกติไปยัง Ni no Kuni ด้วยเหตุผลหลากหลายประการแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ตัวละครเหล่านั้นก็จะตระหนักได้ว่าโลกนี้มันมีจริง ไม่ใช่แค่จินตนาการของพวกเขา Ni No Kuni: Cross Worlds มีความแตกต่างตรงที่ตัวละครหลักเป็นผู้ร่วมทดสอบเบต้าสำหรับ Soul Divers (คล้าย ๆ กับ Nerve Gear ใน SAO) เกมเสมือนจริงที่เกิดขึ้นใน Ni no Kuni แต่สถานที่จะเป็นสถานที่ ที่มีอยู่จริง
ที่น่าสนใจเลยก็คือ Bandai Namco Games ผู้จัดจำหน่ายเกม Wrath Of The White Witch และ Revenant Kingdom ได้ทำเกมซีรีส์หลาย ๆ เกมที่มีเนื้อเรื่องหรือแนวคิดประมาณนี้อยู่หลายเกมเลย เช่น Digimon Story และ Sword Art Online อาจจะเป็นเพราะเป็นแนวคิดที่ผู้เล่นชอบ และขายได้ก็เป็นได้
หลังจากเปิดตัวทั้งในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันไปแล้ว Ni No Kuni: Cross Worlds กลายเป็นเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Honor Of Kings และอยู่เหนือ PUBG Mobile ซึ่งเป็น 2 เกมจากค่าย Tencent ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีผู้เล่นเติมเงินเข้าเกมกันเป็นจำนวนมาก
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 รายได้ที่ลดลงของเกม Ni no Kuni: Cross Worlds เป็นประเด้นหลักมากพอที่จะทำให้ตกลงมาจากอันดับที่ 2 ได้ และในขณะนี้เกมมือถือทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกคือ PUBG Mobile , Honor Of Kings , Genshin Impact และ Pokemon GO ที่ค่อย ๆ กลับมาสู่อันดับต้น ๆ ที่ตัวเองเคยอยู่กันแล้ว ถึงแม้ว่าเกม Ni no Kuni: Cross World อาจจะตกลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดของ 10 อันดับแรก แต่ก็ยังน่าประทับใจอยู่ดี ที่เป็นเกมมือถืออันดับที่ 5 ที่สามารถทำรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์โดยใช้เวลาน้อยกว่า 2 สัปดาห์
สำหรับหลาย ๆ คนเกม Ni No Kuni: Cross Worlds อาจจะดูเหมือนว่าเป็นความพยายามครั้งแรกของค่าย Level-5 ในการสร้างเกมแนว MMORPG แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เกม True Fantasy Live Online คือเกมแรกที่คาดว่าจะเปิดตัวให้เล่นเฉพาะ Xbox เท่านั้น โดยในฤดูใบไม้ร่วงปี 2546 เป็นกำหนดการเดิมที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ แต่ถูกเลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปในปี 2547 แทน และต่อมา True Fantasy Live Online ได้ถูกยกเลิกการพัฒนาทิ้งด้วยเหตุผลหลากหลายประการ ถึงแม้ว่าเกมถูกทำจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วก็ตาม
โดยเหตุผลสำคัญประการหนึ่งตามที่คุณ Akihiro Hino ซีอีโอระดับ 5 ได้บอกเอาไว้ก็คือ เหล่าผู้พัฒนาเกมหลากหลายเชื้อชาติที่อยู่ในค่ายไม่ค่อยมีประสบการณ์กันเท่าไหร่ และมันก็ยากมากถ้าเกิดไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี การขาดประสบการณ์ในการพัฒนาเกมออนไลน์ของค่าย Level-5 เป็นปัจจัยสำคัญในการยกเลิกโปรเจคเกม True Fantasy Live Online
Credit: THEGAMER
Ni no Kuni: Cross Worlds เกมแนว RPG Open World มาใหม่จากเหล่าผู้พัฒนาจากค่าย Netmarble ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ทั้งกระแสตอบรับและการสนับสนุนจากผู้เล่นเอง โดยตัวเกมถูกดัดแปลงมาจากอนิเมะเรื่อง Ni no Kuni ที่หลาย ๆ คนอาจจะพอได้ดูหรือเคยได้ยินกันมาบ้าง นอกจากนี้ยังมีเกมบน PC ที่ออกมาก่อนหน้านี้ด้วย แต่หลาย ๆ คนคงจะเป็นหน้าใหม่ที่พึ่งเคยได้ยินชื่อ Ni no Kuni ครั้งแรก หรือหน้าเก่าที่ยังไม่รู้ ในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาบอก 6 สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Ni no Kuni: Cross World
ถึงแม้ว่าเกม Ni no Kuni: Cross World จะใช้การควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัส (Touchscreen) ในส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นเกมที่เน้นไปทางการเล่นกับมือถือ แต่ก็ไม่ใช่เกมแรกในซีรีส์นี้ที่ถูกนำออกมาใช้ แต่เป็นเกม Ni no Kuni: Dominion Of The Dark Djinn แทน ซึ่งเกมนี้จะเป็นเกมพิเศษที่สามารถเล่นได้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และให้เล่นได้สำหรับเครื่อง Nintendo DS ซึ่งเป็นเกมแรกในซีรีส์นี้ที่ใช้ระบบ Touchscreen และเกม Ni no Kuni: Wrath of the White Witch เป็นเกมรีเมคที่ปรับปรุงและขยายความเพิ่มเติมต่อจากภาคก่อนด้วย โดยในเกมภาค Dominion Of The Dark Djinn ผู้เล่นจะต้องใช้ระบบ Touchscreen เพื่อวาดวงเวทมนต์ตามที่ตัวเกมได้กำหมดเอาไว้ เพื่อที่จะให้เราสามารเข้าสู่การต่อสู้ได้ และสัญลักษณ์วงเวทมนต์ต่าง ๆ ยังอยู่ในหนังสือที่มีชื่อว่า Wizard Companion ด้วย
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมแรกที่เปิดให้บริการในต่างประเทศก็ตาม แต่ Ni no Kuni: Cross Worlds ไม่ใช่เกมมือถือเกมแรกในซีรีส์นี้ โดยเกม Ni no Kuni เกมแรกบนมือถือนั้นก็คือ Ni no Kuni: Hotroit Stories ที่เปิดตัวให้ได้เล่นในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2010 ซึ่งวันเดียวกันกับเกม Ni no Kuni: Dominion of the Dark Djinn
แม้ว่าภาค Hotroit Stories จะไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่จะนำไปสู่อีกโลกหนึ่ง แต่ก็มีตัวละครหลักอย่าง Oliver และ Mark อยู่ด้วย การต่อสู้โดยใช้ไอเทมต่าง ๆ แทนเวทมนตร์ และเกมมือถือเกมที่สอง เป็นเกมไพ่ที่มีชื่อว่า Ni no Kuni: Daibouken Monsters โดยตัวเกมนี้เปิดตัวในญี่ปุ่นในปี 2555 แต่ถูกปิดตัวลงหลังจากเปิดตัวเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้นเอง
ถึงแม้ว่ารูปแบบเกมเพลย์จะแตกต่างจากเกมก่อน ๆ แต่ Ni no Kuni: Cross Worlds ได้ยืมองค์ประกอบต่าง ๆ หลากหลายอย่างมาจากเกมภาค Wrath Of The White Witch และภาค Revenant Kingdom ซึ่งก็เหมือนกับ Wrath Of The White Witch ตัวละคร NPC หลายตัวยังคงมีอยู่ใน Ni no Kuni: Cross Worlds เหมือนกัน โดยมีอยู่ประมาณ 40 ตัวกันเลยทีเดียว และยังค่อยช่วยเหลือเราในด้านต่าง ๆ ด้วย และก็มีเหมือนกันที่เราต้องไปช่วยพวกเขาในการต่อสู้ต่าง ๆ
และ Higgledies จากเกม Ni no Kuni II: Revenant Kingdom ก็ยังคงอยู่ในเกม Ni no Kuni: Cross Worlds เช่นกัน แต่จะไปอยู่ในโหมด Resource Capture โดยทีมที่สามารถจับ Higgledies ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดจะเป็นฝ่ายชนะไปนั้นเอง Higgledies ยังปรากฏในจุดต่าง ๆ ภายในเรื่องหลักอีกด้วย
ทั้งเกมภาค Wrath Of The White Witch และเกมภาค Revenant Kingdom ต่างก็มีตัวละครที่เดินทางจากโลกปกติไปยัง Ni no Kuni ด้วยเหตุผลหลากหลายประการแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ตัวละครเหล่านั้นก็จะตระหนักได้ว่าโลกนี้มันมีจริง ไม่ใช่แค่จินตนาการของพวกเขา Ni No Kuni: Cross Worlds มีความแตกต่างตรงที่ตัวละครหลักเป็นผู้ร่วมทดสอบเบต้าสำหรับ Soul Divers (คล้าย ๆ กับ Nerve Gear ใน SAO) เกมเสมือนจริงที่เกิดขึ้นใน Ni no Kuni แต่สถานที่จะเป็นสถานที่ ที่มีอยู่จริง
ที่น่าสนใจเลยก็คือ Bandai Namco Games ผู้จัดจำหน่ายเกม Wrath Of The White Witch และ Revenant Kingdom ได้ทำเกมซีรีส์หลาย ๆ เกมที่มีเนื้อเรื่องหรือแนวคิดประมาณนี้อยู่หลายเกมเลย เช่น Digimon Story และ Sword Art Online อาจจะเป็นเพราะเป็นแนวคิดที่ผู้เล่นชอบ และขายได้ก็เป็นได้
หลังจากเปิดตัวทั้งในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวันไปแล้ว Ni No Kuni: Cross Worlds กลายเป็นเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Honor Of Kings และอยู่เหนือ PUBG Mobile ซึ่งเป็น 2 เกมจากค่าย Tencent ที่ขึ้นชื่อเรื่องมีผู้เล่นเติมเงินเข้าเกมกันเป็นจำนวนมาก
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 รายได้ที่ลดลงของเกม Ni no Kuni: Cross Worlds เป็นประเด้นหลักมากพอที่จะทำให้ตกลงมาจากอันดับที่ 2 ได้ และในขณะนี้เกมมือถือทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรกคือ PUBG Mobile , Honor Of Kings , Genshin Impact และ Pokemon GO ที่ค่อย ๆ กลับมาสู่อันดับต้น ๆ ที่ตัวเองเคยอยู่กันแล้ว ถึงแม้ว่าเกม Ni no Kuni: Cross World อาจจะตกลงไปอยู่ที่จุดต่ำสุดของ 10 อันดับแรก แต่ก็ยังน่าประทับใจอยู่ดี ที่เป็นเกมมือถืออันดับที่ 5 ที่สามารถทำรายได้ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์โดยใช้เวลาน้อยกว่า 2 สัปดาห์
สำหรับหลาย ๆ คนเกม Ni No Kuni: Cross Worlds อาจจะดูเหมือนว่าเป็นความพยายามครั้งแรกของค่าย Level-5 ในการสร้างเกมแนว MMORPG แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เกม True Fantasy Live Online คือเกมแรกที่คาดว่าจะเปิดตัวให้เล่นเฉพาะ Xbox เท่านั้น โดยในฤดูใบไม้ร่วงปี 2546 เป็นกำหนดการเดิมที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ แต่ถูกเลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปในปี 2547 แทน และต่อมา True Fantasy Live Online ได้ถูกยกเลิกการพัฒนาทิ้งด้วยเหตุผลหลากหลายประการ ถึงแม้ว่าเกมถูกทำจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วก็ตาม
โดยเหตุผลสำคัญประการหนึ่งตามที่คุณ Akihiro Hino ซีอีโอระดับ 5 ได้บอกเอาไว้ก็คือ เหล่าผู้พัฒนาเกมหลากหลายเชื้อชาติที่อยู่ในค่ายไม่ค่อยมีประสบการณ์กันเท่าไหร่ และมันก็ยากมากถ้าเกิดไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี การขาดประสบการณ์ในการพัฒนาเกมออนไลน์ของค่าย Level-5 เป็นปัจจัยสำคัญในการยกเลิกโปรเจคเกม True Fantasy Live Online
Credit: THEGAMER