GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
Watch Dogs Legion: ความรู้สึกจากการทดลองเล่นโหมด Online
ลงวันที่ 25/02/2021

ด้วยเนื้อหาของเกมที่เกี่ยวกับการรวมตัวกันของผู้คนธรรมดาๆ เพื่อต่อต้านอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า ทำให้เกม Watch Dogs Legion เป็นเกมที่เหมาะจะมีโหมด Multiplayer มากๆ อยู่แล้ว แม้ว่าโหมดจะไม่ได้มีอยู่ในเกมนับตั้งแต่ที่วางจำหน่าย และถูกเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมในเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา แต่ทางผู้พัฒนา Ubisoft ก็ยังไม่ได้ทิ้งโหมดนี้ไปแต่อย่างใด และเตรียมจะเพิ่มโหมดเข้าไปในเกมตามสัญญาเร็วๆ นี้แล้ว!

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบเล่นเกม Watch Dogs Legion โหมดออนไลน์ ที่จะเปิดให้ผู้เล่นสามารถโลดแล่นไปในมหานครลอนดอนของเกมร่วมกับผู้เล่นอีก 3 คน (รวมกันเป็นห้องละ 4 คน) เพื่อช่วยกันทำภารกิจชนิดต่างๆ ในแผนที่ของเกมได้อย่างอิสระ โดยแม้ว่าประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เขียนอาจยังไม่สามารถพูดได้ว่าน่าประทับใจหรือน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ รวมถึงองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ยังรู้สึกไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้มองเห็น “ความเป็นไปได้” ของโหมดที่จะต่อยอดระบบเกมเพลย์ของ Watch Dogs Legion ไปในทิศทางที่น่าสนใจมากขึ้นในอนาคต


สำหรับรูปแบบเกมเพลย์ของโหมด Watch Dogs Legion Online ในช่วงต้น จะค่อนข้างคล้ายกับโหมด Singleplayer ของเกม ผู้เล่นจะเริ่มเกมในฐานะตัวละครชาวเมืองธรรมดา (รูปร่างหน้าตาจะถูกสุ่มมา) ก่อนที่จะค่อยๆ เสริมทีมด้วยการชักชวนตัวละครที่พบในโลก Open World มาเป็นพวก โดยเหล่าชาวเมืองเหล่านี้ก็จะมีทักษะและอุปกรณ์ติดตัวที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาชีพของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นตัวละครที่มีอาชีพช่างก่อสร้างก็จะมีความสามารถในการเรียกหุ่นโดรนก่อสร้างมาขับขี่ได้เป็นต้น ซึ่งในจุดนี้ก็ไม่ต่างจากที่พบได้ในโหมด Singleplayer เท่าไหร่

จุดแตกต่างอย่างแรกคือวิธีการชักชวน NPC มาเป็นพวก แทนที่เราจะต้องช่วย NPC ทำภารกิจประจำตัวเสียก่อน ในโหมด Watch Dogs Legion Online นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่ามากๆ เพียงแค่เรามีแต้ม Influence มากพอก็จะสามารถกดแสกน NPC ตัวไหนก็ได้และชวนเชามาเป็นพวกได้ทันที ซึ่ง NPC บางตัวอาจจะต้องใช้แต้มที่สูงกว่าตัวอื่นๆ เช่นถ้าเราอยากจะชวนทหารจากกองทัพ Albion (หนึ่งในองค์กรที่เป้นศัตรูหลักของเรา) มาเป็นพวก ก็อาจจะต้องใช้แต้มมากกว่าตัวละครตาสีตาสาตามถนนทั่วไปประมาณหนึ่งเป็นต้น

เมื่อรวบรวม NPC ที่ต้องการจนพอใจแล้ว ภายในโหมด Online จะมีภารกิจให้เล่นอยู่ 4 ชนิดหลักๆ ด้วยกัน คือ Open World Mission, Co-op Mission, Tactical Ops, และ Spiderbot Arena ซึ่งเราจะขอพูดถึงแต่ละโหมดแยกกัน

Open World Mission


สำหรับภารกิจขั้นพื้นฐานที่สุด จะมีลักษณะเป็นภารกิจสั้นๆ ที่สามารถทำได้จากแผนที่ Open World ได้โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ต่างจากภารกิจในโหมด Single Player เท่าไหร่ บางภารกิจอาจจะให้เราลอบเข้าไปในฐานที่มั่นของศัตรูเพื่อแฮ๊คขโมยข้อมูลหรือสิ่งของ (เช่นรถ) หรือกระทั่งการกำจัด NPC ศัตรูที่กำหนดเป็นต้น

ด้วยความที่แทบจะไม่ต่างจากภารกิจในโหมด Single Player ทำให้ภารกิจเหล่านี้แทบจะไม่ต้องใช้การร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นเลย และดูเหมือนจะมีเอาไว้เพื่อใช้เก็บแต้ม Influence และเงิน ET0 อย่างรวดเร็วเพื่อปลดล๊อคตัวละคร เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์แก๊ตเจ็ตไปใช้ในภารกิจอื่นๆ ที่มีความยากและซับซ้อนกว่า

Co-op Mission


อย่างที่อาจจะพอเดาได้จากชื่อ ภารกิจชนิดนี้จะเป็นจุดกึ่งกลางระหว่าง Open World Mission และ Tactical Ops ซึ่งจะมีความยากและความซับซ้อนของเงื่อนไขการผ่านสูงกว่าภารกิจ Open World Mission ทั่วไป เปรียบได้กับเหล่าภารกิจ Jobs ในเกมอย่าง GTA Online โดยภารกิจนิดนี้มักจะถูกแบ่งออกเป็น 2-3 ช่วง เช่นภารกิจหนึ่งที่ผู้เขียนได้ลองเล่นจะเริ่มโดยให้เราบุกเข้าไปในโกดังของศัตรูเพื่อทำลายรถยนตร์จำนวนหนึ่ง นำไปสู่การป้องกันพื้นที่จากกลุ่มศัตรูที่บุกเข้ามา และจบด้วยการตามล่าศัตรูระดับหัวหน้าจำนวน 6 ตัวที่แอบซ่อนอยู่ในพื้นที่รอบๆ โดยภารกิจชนิดนี้มักจะมีส่วนที่บังคับให้เราต้องเปิดหน้าสู้กับศัตรูโดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่เสมอ แตกต่างจากภารกิจ Open World Mission และภารกิจจากโหมด Singleplayer ที่มักจะสามารถทำได้ด้วยการลอบเร้น 100%   

การที่ภารกิจมักจะบังคับให้ต้องปะทะกับกลุ่มศัตรูโดยตรง ทำให้ภารกิจชนิดนี้ให้ความรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Watch Dogs Legion พอสมควร เพราะรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้ต้องเล่นแบบใดแบบหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะสามารถผ่านภารกิจได้ด้วยวิธีทีหลากหลายตามทางเลือกของผู้เล่น ซึ่งขนาดที่ค่อนข้างเล็กของพื้นที่ในการทำภารกิจยังจำกัดทางเลือกของผู้เล่นมากกว่าเดิม เพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ที่มีในเกมได้อย่างเต็มที่นัก ทำให้ภารกิจเหล่านี้กลายเป็นการแลกกระสุนกับศัตรูไม่ต่างกับเกมอย่าง The Division หรือเกมยิงปืนแบบ 3rd Person ทั่วไปเลย แถมภารกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะจบในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ จึงไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้อง “ร่วมมือ” กับผู้เล่นอื่นจริงๆ มากไปกว่าแค่ช่วยๆ กันยิงศัตรูให้หมดไปอย่างนั้นเอง

Tactical Ops Mission


อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงของโหมด Online เลยก็ว่าได้ โดยจะดำเนินไปตาม “เนื้อเรื่อง” ที่มีความต่อเนื่องและเชื่อมโยงภารกิจทั้ง 5 ที่มีให้เล่นเอาไว้ด้วยกัน โดยจะต้องใช้ผู้เล่นอย่างน้อย 3 คนจึงจะเริ่มเล่นได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นภารกิจที่เพิ่มความยากและความซับซ้อนมากกว่าภารกิจทั่วไปอย่างมีนัยยะสำคัญ คล้ายกับภารกิจแบบ Heist ของ GTA Online แต่ไม่ลึกซึ้งเท่า ข้อดีของภารกิจชนิดนี้คือการที่ภารกิจดูจะเปิดกว้างต่อการแก้ไขปัญหาในวิธีที่หลากหลายกว่าภารกิจอื่นๆ และสามารถเปิดช่องให้ผู้เล่นได้ใช้ความสามารถและอุปกรณ์พิเศษที่เกมมอบให้ได้อย่างเต็มที่ที่สุดในหมู่ภารกิจทั้งหมดเลย 

ยกตัวอย่างในภารกิจ Tactical Ops อันแรกที่ผู้เล่นจะได้รับมอบหมายให้ลักลอบเข้าไปในอาคารฐานที่มั่นของศัตรูสองแห่งเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลจากเซิฟเวอร์ภายใน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องโหลดข้อมูลจากทั้งสองสถานที่พร้อมกัน ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องแบ่งทีมออกเป็นสองกลุ่มและทำภารกิจในสองสถานที่พร้อมๆ กัน ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วก็ยังสามารถใช้วิธีพลิกแพลงเพื่อทำภารกิจได้ค่อนข้างมาก อย่างผู้เขียนกับเพื่อร่วมทีมที่ไปด้วยกันเลือกที่จะให้คนหนึ่งคอยดูต้นทางให้ด้วยการแฮ๊คกล้องวงจรปิด ในขณะที่อีกคนใช้หุ่น Spiderbot ลักลอบเข้าไปในฐานเป็นต้น แต่จริงๆ แล้วเมื่อลองสำรวจฐานศัตรูดูก็ค้นพบวิธีอื่นๆ ที่น่าจะใช้ได้อีกเพียบ ตั้งแต่การขี่หุ่นโดรนก่อสร้างเพื่อบินขึ้นไปบนหลังคาและลักลอบเข้าจากด้านบน หรือจะแฮ๊คกล้องวงจรปิดในฐานเพื่อเรียกหุ่น Spiderbot จากในฐานเลยก็ได้

เมื่อยิ่งดำเนินเนื้อเรื่องของ Tactical Ops ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าภารกิจที่ตามๆ มาก็เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นทั้งในแง่ของภารกิจและชนิดของศัตรูที่พบ และต้องใช้การสื่อสารกันระหว่างทีมมากขึ้นไปตามลำดับ โดยสำหรับคนที่มีทีมที่พร้อมสื่อสารกันได้ก็จะทำให้เป็นประสบการณ์เกม Coop ที่สนุกและลึกซึ้งอยู่ไม่น้อย แต่ก็อาจจะเป็นข้อเสียสำหรับการเล่นแบบ Public กับคนแปลกหน้าเพราะภารกิจจะยากมากๆ ถ้าไม่สามารถคุยกันและวางแผนได้ แถมเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่มขึ้นยังอาจจะทำให้ะลอบเร้นเงียบๆ แทบจไม่ได้เลยหากไม่ได้คุยกัน

ทั้งนี้ ภารกิจ Tactical Ops ก็ยังมีปัญหาอย่างหนึ่งที่พบในโหมด Co-op Mission นั่นก็คือการที่เกมมักจะบังคับให้ต้องเปิดหน้ายิงกับศัตรูในบางช่วง ทำให้เกมกลายเป็นเพียงเกมยิงปืนบุคคลที่ 3 ธรรมดาๆ ไปในจังหวะเหล่านี้ ซึ่งก็อาจจะไม่ได้เป็นปัญหานักสำหรับหลายๆ คน แต่ก็แอบขัดกับเกมเพลย์ที่ผ่านมาที่เน้นทีมเวิร์คและการวางแผนอย่างสร้างสรรค์ไปพอสมควร

Spiderbot Arena


สำหรับโหมดสุดท้ายนี้ จะเป็นการให้ผู้เล่น 4 คนบังคับหุ่น Spiderbot เพื่อต่อสู้กันในแผนที่เล็กๆ โดยในตอนเริ่มต้นจะมีเพียงปืนกลจระจอกๆ ให้ใช้ แต่ภายในแผนที่ก็จะมีอาวุธหลากหลายให้เก็บไว้เล่นงานผู้เล่นคนอื่นๆ เช่นปืนลูกซองหรือปืนเลเซอร์เป็นต้น เมื่อเล่นทำคะแนนไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถปลดล๊อคลวดลายใหม่ๆ ไว้แต่งหุ่นของเราให้ต่างกับของเพื่อนได้

แม้จะเป็นโหมด PvP เพียงหนึ่งเดียวที่มีให้เลือกเล่น แต่เอาเข้าจริงจะเรียกว่าเป็นโหมดแถมก็ได้ เพราะในโหมดนี้ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งไปกว่าการลงไปไล่ยิงกันเองขำๆ ด้วยหุ่นโดรน อาวุธที่มีให้เลือกก็ไม่ได้พิศดารหรือแปลกอะไรมาก แถมของรางวัลจากโหมดก็มีเพียงลวดลายใหม่ๆ เอาไว้แต่งหุ่นโดรนที่ใช้ได้เฉพาะในโหมดนี้อีกด้วย โดยแม้ว่าส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะรู้สึกว่าเกมเพลย์ของมันก็สนุกดี แต่พอเล่นไปได้ซักรอบสองรอบก็เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน น่าสงสัยว่าทำไม Ubisoft จึงเลือกจะใส่โหมดนี้เข้ามา แทนที่จะทำโหมด PvP เต็มรูปแบบที่จะรองรับผู้เล่นได้มากกว่าแค่ 4 คน

สรุป


กล่าวโดยสรุป แม้จะยังปฏิเสธไม่ได้ว่าโหมด Online ของ Watch Dogs Legion ยังอาจจะมีจุดอ่อนอยู่บ้าง โดยเฉพาะในโหมดภารกิจเล็กๆ ทั้งหลายที่ยังไม่น่าสนใจนัก รวมไปถึงโหมด PvP Spiderbot Arena ที่ดูจะเป็นมินิเกมมากกว่าเป็นโหมดเต็มๆ แยกออกมา แต่อย่างน้อยภารกิจ Tactical Ops ก็ยังสามารถต่อยอดเกมเพลย์จาก Singleplayer ได้อย่างน่าสนใจด้วยการเพิ่มองค์ประกอบของการร่วมมือกันระหว่างผู้เล่น คงต้องรอดูกันต่อไปว่าผู้พัฒนาจะสามารถเพิ่มภารกิจเหล่านี้เข้าไปในเกมได้สม่ำเสมอแค่ไหน และจะมีรูปแบบภารกิจแปลกๆ แบบไหนมาให้เราได้ร่วมกันฝ่าฟันไปกับทีมอีกในอนาคต


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
Watch Dogs Legion: ความรู้สึกจากการทดลองเล่นโหมด Online
25/02/2021

ด้วยเนื้อหาของเกมที่เกี่ยวกับการรวมตัวกันของผู้คนธรรมดาๆ เพื่อต่อต้านอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า ทำให้เกม Watch Dogs Legion เป็นเกมที่เหมาะจะมีโหมด Multiplayer มากๆ อยู่แล้ว แม้ว่าโหมดจะไม่ได้มีอยู่ในเกมนับตั้งแต่ที่วางจำหน่าย และถูกเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมในเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา แต่ทางผู้พัฒนา Ubisoft ก็ยังไม่ได้ทิ้งโหมดนี้ไปแต่อย่างใด และเตรียมจะเพิ่มโหมดเข้าไปในเกมตามสัญญาเร็วๆ นี้แล้ว!

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบเล่นเกม Watch Dogs Legion โหมดออนไลน์ ที่จะเปิดให้ผู้เล่นสามารถโลดแล่นไปในมหานครลอนดอนของเกมร่วมกับผู้เล่นอีก 3 คน (รวมกันเป็นห้องละ 4 คน) เพื่อช่วยกันทำภารกิจชนิดต่างๆ ในแผนที่ของเกมได้อย่างอิสระ โดยแม้ว่าประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เขียนอาจยังไม่สามารถพูดได้ว่าน่าประทับใจหรือน่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ รวมถึงองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ยังรู้สึกไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้มองเห็น “ความเป็นไปได้” ของโหมดที่จะต่อยอดระบบเกมเพลย์ของ Watch Dogs Legion ไปในทิศทางที่น่าสนใจมากขึ้นในอนาคต


สำหรับรูปแบบเกมเพลย์ของโหมด Watch Dogs Legion Online ในช่วงต้น จะค่อนข้างคล้ายกับโหมด Singleplayer ของเกม ผู้เล่นจะเริ่มเกมในฐานะตัวละครชาวเมืองธรรมดา (รูปร่างหน้าตาจะถูกสุ่มมา) ก่อนที่จะค่อยๆ เสริมทีมด้วยการชักชวนตัวละครที่พบในโลก Open World มาเป็นพวก โดยเหล่าชาวเมืองเหล่านี้ก็จะมีทักษะและอุปกรณ์ติดตัวที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาชีพของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นตัวละครที่มีอาชีพช่างก่อสร้างก็จะมีความสามารถในการเรียกหุ่นโดรนก่อสร้างมาขับขี่ได้เป็นต้น ซึ่งในจุดนี้ก็ไม่ต่างจากที่พบได้ในโหมด Singleplayer เท่าไหร่

จุดแตกต่างอย่างแรกคือวิธีการชักชวน NPC มาเป็นพวก แทนที่เราจะต้องช่วย NPC ทำภารกิจประจำตัวเสียก่อน ในโหมด Watch Dogs Legion Online นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่ามากๆ เพียงแค่เรามีแต้ม Influence มากพอก็จะสามารถกดแสกน NPC ตัวไหนก็ได้และชวนเชามาเป็นพวกได้ทันที ซึ่ง NPC บางตัวอาจจะต้องใช้แต้มที่สูงกว่าตัวอื่นๆ เช่นถ้าเราอยากจะชวนทหารจากกองทัพ Albion (หนึ่งในองค์กรที่เป้นศัตรูหลักของเรา) มาเป็นพวก ก็อาจจะต้องใช้แต้มมากกว่าตัวละครตาสีตาสาตามถนนทั่วไปประมาณหนึ่งเป็นต้น

เมื่อรวบรวม NPC ที่ต้องการจนพอใจแล้ว ภายในโหมด Online จะมีภารกิจให้เล่นอยู่ 4 ชนิดหลักๆ ด้วยกัน คือ Open World Mission, Co-op Mission, Tactical Ops, และ Spiderbot Arena ซึ่งเราจะขอพูดถึงแต่ละโหมดแยกกัน

Open World Mission


สำหรับภารกิจขั้นพื้นฐานที่สุด จะมีลักษณะเป็นภารกิจสั้นๆ ที่สามารถทำได้จากแผนที่ Open World ได้โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ต่างจากภารกิจในโหมด Single Player เท่าไหร่ บางภารกิจอาจจะให้เราลอบเข้าไปในฐานที่มั่นของศัตรูเพื่อแฮ๊คขโมยข้อมูลหรือสิ่งของ (เช่นรถ) หรือกระทั่งการกำจัด NPC ศัตรูที่กำหนดเป็นต้น

ด้วยความที่แทบจะไม่ต่างจากภารกิจในโหมด Single Player ทำให้ภารกิจเหล่านี้แทบจะไม่ต้องใช้การร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นเลย และดูเหมือนจะมีเอาไว้เพื่อใช้เก็บแต้ม Influence และเงิน ET0 อย่างรวดเร็วเพื่อปลดล๊อคตัวละคร เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์แก๊ตเจ็ตไปใช้ในภารกิจอื่นๆ ที่มีความยากและซับซ้อนกว่า

Co-op Mission


อย่างที่อาจจะพอเดาได้จากชื่อ ภารกิจชนิดนี้จะเป็นจุดกึ่งกลางระหว่าง Open World Mission และ Tactical Ops ซึ่งจะมีความยากและความซับซ้อนของเงื่อนไขการผ่านสูงกว่าภารกิจ Open World Mission ทั่วไป เปรียบได้กับเหล่าภารกิจ Jobs ในเกมอย่าง GTA Online โดยภารกิจนิดนี้มักจะถูกแบ่งออกเป็น 2-3 ช่วง เช่นภารกิจหนึ่งที่ผู้เขียนได้ลองเล่นจะเริ่มโดยให้เราบุกเข้าไปในโกดังของศัตรูเพื่อทำลายรถยนตร์จำนวนหนึ่ง นำไปสู่การป้องกันพื้นที่จากกลุ่มศัตรูที่บุกเข้ามา และจบด้วยการตามล่าศัตรูระดับหัวหน้าจำนวน 6 ตัวที่แอบซ่อนอยู่ในพื้นที่รอบๆ โดยภารกิจชนิดนี้มักจะมีส่วนที่บังคับให้เราต้องเปิดหน้าสู้กับศัตรูโดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่เสมอ แตกต่างจากภารกิจ Open World Mission และภารกิจจากโหมด Singleplayer ที่มักจะสามารถทำได้ด้วยการลอบเร้น 100%   

การที่ภารกิจมักจะบังคับให้ต้องปะทะกับกลุ่มศัตรูโดยตรง ทำให้ภารกิจชนิดนี้ให้ความรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Watch Dogs Legion พอสมควร เพราะรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้ต้องเล่นแบบใดแบบหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะสามารถผ่านภารกิจได้ด้วยวิธีทีหลากหลายตามทางเลือกของผู้เล่น ซึ่งขนาดที่ค่อนข้างเล็กของพื้นที่ในการทำภารกิจยังจำกัดทางเลือกของผู้เล่นมากกว่าเดิม เพราะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ที่มีในเกมได้อย่างเต็มที่นัก ทำให้ภารกิจเหล่านี้กลายเป็นการแลกกระสุนกับศัตรูไม่ต่างกับเกมอย่าง The Division หรือเกมยิงปืนแบบ 3rd Person ทั่วไปเลย แถมภารกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะจบในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ จึงไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้อง “ร่วมมือ” กับผู้เล่นอื่นจริงๆ มากไปกว่าแค่ช่วยๆ กันยิงศัตรูให้หมดไปอย่างนั้นเอง

Tactical Ops Mission


อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงของโหมด Online เลยก็ว่าได้ โดยจะดำเนินไปตาม “เนื้อเรื่อง” ที่มีความต่อเนื่องและเชื่อมโยงภารกิจทั้ง 5 ที่มีให้เล่นเอาไว้ด้วยกัน โดยจะต้องใช้ผู้เล่นอย่างน้อย 3 คนจึงจะเริ่มเล่นได้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นภารกิจที่เพิ่มความยากและความซับซ้อนมากกว่าภารกิจทั่วไปอย่างมีนัยยะสำคัญ คล้ายกับภารกิจแบบ Heist ของ GTA Online แต่ไม่ลึกซึ้งเท่า ข้อดีของภารกิจชนิดนี้คือการที่ภารกิจดูจะเปิดกว้างต่อการแก้ไขปัญหาในวิธีที่หลากหลายกว่าภารกิจอื่นๆ และสามารถเปิดช่องให้ผู้เล่นได้ใช้ความสามารถและอุปกรณ์พิเศษที่เกมมอบให้ได้อย่างเต็มที่ที่สุดในหมู่ภารกิจทั้งหมดเลย 

ยกตัวอย่างในภารกิจ Tactical Ops อันแรกที่ผู้เล่นจะได้รับมอบหมายให้ลักลอบเข้าไปในอาคารฐานที่มั่นของศัตรูสองแห่งเพื่อดาวน์โหลดข้อมูลจากเซิฟเวอร์ภายใน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องโหลดข้อมูลจากทั้งสองสถานที่พร้อมกัน ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องแบ่งทีมออกเป็นสองกลุ่มและทำภารกิจในสองสถานที่พร้อมๆ กัน ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วก็ยังสามารถใช้วิธีพลิกแพลงเพื่อทำภารกิจได้ค่อนข้างมาก อย่างผู้เขียนกับเพื่อร่วมทีมที่ไปด้วยกันเลือกที่จะให้คนหนึ่งคอยดูต้นทางให้ด้วยการแฮ๊คกล้องวงจรปิด ในขณะที่อีกคนใช้หุ่น Spiderbot ลักลอบเข้าไปในฐานเป็นต้น แต่จริงๆ แล้วเมื่อลองสำรวจฐานศัตรูดูก็ค้นพบวิธีอื่นๆ ที่น่าจะใช้ได้อีกเพียบ ตั้งแต่การขี่หุ่นโดรนก่อสร้างเพื่อบินขึ้นไปบนหลังคาและลักลอบเข้าจากด้านบน หรือจะแฮ๊คกล้องวงจรปิดในฐานเพื่อเรียกหุ่น Spiderbot จากในฐานเลยก็ได้

เมื่อยิ่งดำเนินเนื้อเรื่องของ Tactical Ops ไปเรื่อยๆ ก็พบว่าภารกิจที่ตามๆ มาก็เริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นทั้งในแง่ของภารกิจและชนิดของศัตรูที่พบ และต้องใช้การสื่อสารกันระหว่างทีมมากขึ้นไปตามลำดับ โดยสำหรับคนที่มีทีมที่พร้อมสื่อสารกันได้ก็จะทำให้เป็นประสบการณ์เกม Coop ที่สนุกและลึกซึ้งอยู่ไม่น้อย แต่ก็อาจจะเป็นข้อเสียสำหรับการเล่นแบบ Public กับคนแปลกหน้าเพราะภารกิจจะยากมากๆ ถ้าไม่สามารถคุยกันและวางแผนได้ แถมเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่มขึ้นยังอาจจะทำให้ะลอบเร้นเงียบๆ แทบจไม่ได้เลยหากไม่ได้คุยกัน

ทั้งนี้ ภารกิจ Tactical Ops ก็ยังมีปัญหาอย่างหนึ่งที่พบในโหมด Co-op Mission นั่นก็คือการที่เกมมักจะบังคับให้ต้องเปิดหน้ายิงกับศัตรูในบางช่วง ทำให้เกมกลายเป็นเพียงเกมยิงปืนบุคคลที่ 3 ธรรมดาๆ ไปในจังหวะเหล่านี้ ซึ่งก็อาจจะไม่ได้เป็นปัญหานักสำหรับหลายๆ คน แต่ก็แอบขัดกับเกมเพลย์ที่ผ่านมาที่เน้นทีมเวิร์คและการวางแผนอย่างสร้างสรรค์ไปพอสมควร

Spiderbot Arena


สำหรับโหมดสุดท้ายนี้ จะเป็นการให้ผู้เล่น 4 คนบังคับหุ่น Spiderbot เพื่อต่อสู้กันในแผนที่เล็กๆ โดยในตอนเริ่มต้นจะมีเพียงปืนกลจระจอกๆ ให้ใช้ แต่ภายในแผนที่ก็จะมีอาวุธหลากหลายให้เก็บไว้เล่นงานผู้เล่นคนอื่นๆ เช่นปืนลูกซองหรือปืนเลเซอร์เป็นต้น เมื่อเล่นทำคะแนนไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถปลดล๊อคลวดลายใหม่ๆ ไว้แต่งหุ่นของเราให้ต่างกับของเพื่อนได้

แม้จะเป็นโหมด PvP เพียงหนึ่งเดียวที่มีให้เลือกเล่น แต่เอาเข้าจริงจะเรียกว่าเป็นโหมดแถมก็ได้ เพราะในโหมดนี้ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งไปกว่าการลงไปไล่ยิงกันเองขำๆ ด้วยหุ่นโดรน อาวุธที่มีให้เลือกก็ไม่ได้พิศดารหรือแปลกอะไรมาก แถมของรางวัลจากโหมดก็มีเพียงลวดลายใหม่ๆ เอาไว้แต่งหุ่นโดรนที่ใช้ได้เฉพาะในโหมดนี้อีกด้วย โดยแม้ว่าส่วนตัวแล้วผู้เขียนจะรู้สึกว่าเกมเพลย์ของมันก็สนุกดี แต่พอเล่นไปได้ซักรอบสองรอบก็เริ่มเบื่อแล้วเหมือนกัน น่าสงสัยว่าทำไม Ubisoft จึงเลือกจะใส่โหมดนี้เข้ามา แทนที่จะทำโหมด PvP เต็มรูปแบบที่จะรองรับผู้เล่นได้มากกว่าแค่ 4 คน

สรุป


กล่าวโดยสรุป แม้จะยังปฏิเสธไม่ได้ว่าโหมด Online ของ Watch Dogs Legion ยังอาจจะมีจุดอ่อนอยู่บ้าง โดยเฉพาะในโหมดภารกิจเล็กๆ ทั้งหลายที่ยังไม่น่าสนใจนัก รวมไปถึงโหมด PvP Spiderbot Arena ที่ดูจะเป็นมินิเกมมากกว่าเป็นโหมดเต็มๆ แยกออกมา แต่อย่างน้อยภารกิจ Tactical Ops ก็ยังสามารถต่อยอดเกมเพลย์จาก Singleplayer ได้อย่างน่าสนใจด้วยการเพิ่มองค์ประกอบของการร่วมมือกันระหว่างผู้เล่น คงต้องรอดูกันต่อไปว่าผู้พัฒนาจะสามารถเพิ่มภารกิจเหล่านี้เข้าไปในเกมได้สม่ำเสมอแค่ไหน และจะมีรูปแบบภารกิจแปลกๆ แบบไหนมาให้เราได้ร่วมกันฝ่าฟันไปกับทีมอีกในอนาคต


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header