The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom เป็นเกมภาคล่าสุดที่มีเนื้อหาต่อมาจากภาค Breath of the Wild ที่เขย่าวงการเกมอย่างมากตอนปี 2017 โดยที่เกมภาคล่าสุดนี้ก็ยังคงมีให้เล่นบนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เหมือนเดิม และก็ยังคงเป็นเกมแนว Action Open World เน้นการให้แก้ปริศนาแบบเพลินๆ เช่นกัน ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าเกมภาคใหม่นี้จะมีความเจ๋ง และยอดเยี่ยมเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมอย่างไรบ้าง วันนี้ทางพวกเรา GameFever ก็ได้มารีวิวให้ชมกันแล้ว!!! รับชมเต็มๆ กันได้ที่ด้านล่างเลย
คลิปตัวอย่างเกมให้ดูโหมโรง
Story
ในเกม The Legend of Zelda ภาค Tears of the Kingdom นั้นจะเล่าเรื่องหลังฉากจบของเกมภาค Breath of the Wild เป็นเวลา 'ผ่านไปแล้วหลายปี' โดยก็เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตสงบสุข และกำลังบูรณะดินแดง Hyrule ให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง เนื่องจากไม่มีปีศาจตัวฉกาจของเกมทุกภาคอย่าง Ganon ที่ป่วนโลกมาเป็นเวลาถึง 100 ปีอีกแล้ว ขณะที่เจ้าหญิง Zelda กับตัวเอก Link ก็ได้ออกผจญภัยตามหาความลับต่างๆ เกี่ยวกับดินแดน Hyrule จนดันไปเผลอเจอเข้ากับ 'ร่างของราชาปีศาจ Ganondorf' ที่เหมือนจะกำลังหลับไหลอยู่ และ Zelda ก็ดันเผลอไปทำให้ร่างปีศาจนี้ตื่นขึ้นกลับมาสร้างความวายป่วนให้โลกอีกครั้งซะงั้น รวมทั้งเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ Link นั้นต้องสูญเสียพลังทุกอย่างรวมไปถึงการต้องพลัดพรากจาก Zelda อีกแล้ว ทำให้ Link นั้นจะต้องมาวนลูปตามหาเจ้าหญิง Zelda และหาวิธีปราบ Ganondorf ให้สำเร็จเพื่อให้โลกกลับมาสงบสุขเหมือนทุกภาค
การดำเนินเรื่องของเกมภาค Tears of the Kingdom จะมีความคล้ายคลึงกับของเกม Breath of the Wild นั่นก็คือการเล่าแบบตัวเอก Link ที่ตื่นขึ้นมาแบบไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ต้องออกผจญภัยตามหาเจ้าหญิง Zelda และช่วงผจญภัยก็จะได้พบเนื้อเรื่องเจ๋งๆ มากมายที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในเนื้อเรื่องหลัก โดยคนที่เคยเล่นภาค Breath of the Wild จะรู้สึกได้เลยว่าช่วงแรก 'มันดำเนินคล้ายคลึงกับของภาคก่อนมากไปหรือเปล่า' แต่หลังจากเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่ามันก็มีการใช้มุกใหม่ๆ อย่างน่าสนใจ และทำให้คนเล่นผูกพันธ์กับดินแดน Hyrule มากขึ้นไปอีก แถมเมื่อเราเล่นไปจนถึงช่วงกลางเกม เราก็จะได้พบการเล่าเนื้อเรื่องแบบใหม่ที่ "เจ๋งมากๆ ตามชื่อเกมภาคนี้" ก่อนที่เราจะได้ไปเจอฉากจบของเกมที่ "ยอดเยี่ยมอลังการกว่าเดิม" และอีกจุดเจ๋งหนึ่งคือภาคนี้ก็ยังคง 'เล่าเรื่องแบบทำให้การผจญภัยโลก Open World น่าสนใจมากขึ้นด้วย' แถมนอกจากฉากจบของเกมจะยอดเยี่ยมอลังการกว่าเดิม เกมก็ยังมีการปั้นเนื้อเรื่องเนียนๆ ตั้งแต่ช่วงแรกของเกมเพื่อให้คนเล่นอินกับฉากจบมากขึ้นไปอีก เพราะงั้นในด้านเนื้อเรื่องยังไงมันก็ยังคงความเป็น Masterpiece ของเกมสไตล์ Zelda และทำให้รู้ด้วยว่าผู้พัฒนานั้นยังใส่ใจทำเกมแต่ละภาคออกมาให้ยอดเยี่ยม ไม่ได้ทำมาลวกๆ
Graphic & Music
ใครที่เคยซื้อเกมภาค Breath of the Wild มาเล่นตอนเครื่อง Nintendo Switch วางขายใหม่ๆ ก็น่าจะจำกันได้ว่านี่เป็นเกมที่มีฉากสวยๆ เยอะมาก และก็มีการทำเสียงประกอบหรือดนตรีได้ดี จนเป็นหนึ่งในเหตุผลให้หลายคนต้องตกหลุมรักเครื่องเกม Nintendo Switch แต่หลังจากนั้นชาวนินก็ได้มาพบว่าเราแทบไม่ค่อยได้เห็นเกมทำฉากสวยๆ แบบนี้อีกเลย เนื่องจากเกมค่ายแบบ Third Party ส่วนใหญ่ที่พอร์ทเกมมาลงก็มีเรื่องข้อจำกัดด้านภาพสวย หรือเกมค่าย Nintendo ส่วนใหญ่ก็ไปเน้นเรื่อง Gameplay มากกว่าจะทำฉากสวยๆ แบบนี้ แต่ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom จะเป็นเกมที่พาคุณกลับมารู้สึกอะไรแบบนี้อีกครั้งแล้วนะ! เพราะแทบหลายฉากภายในเกมนี้ สิ่งที่เราจะสัมผัสได้เลยคือมันสวยอลังมากๆ จนบางคนอาจลืมไปแล้วว่าเครื่อง Nintendo Switch นั้นก็ทำเกมภาพสวยแบบนี้ได้
นอกจากนี้ เกมภาค Tears of the Kingdom ก็จะมีให้เราได้ 'เหาะเหินบนอากาศ' หรือ 'ผจญภัยบนเกาะลอยฟ้า' อยู่บ่อยครั้งมากๆ จึงทำให้เราจะได้เห็นวิวที่สวยไปอีกแบบหนึ่ง แถมพวกงานเสียงกับดนตรีนั้นก็ยังทำมา 'รู้สึกผ่อนคลายชิลๆ' อย่างเป็นเอกลักษณ์น่าจดจำเหมือนเดิม ถ้าจะให้ติเตียนก็คือเรื่องที่แม้เกมจะทำฉากได้สวยๆ แต่ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าภาพกราฟิกภาคนี้มันมีการลดคุณภาพ "ความละเอียดคมชัด" ลงจากภาค Breath of the Wild จนทำให้ถ้าเราตั้งใจดูที่ภาพดีๆ จะรู้สึกเบลอหรือรู้สึกภาพหยักๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเกมมีการใส่พื้นที่ใหม่ๆ หรือใส่เอฟเฟ็กต์กราฟิกที่กินเสปคเครื่องกว่าเดิม เพราะในเกมภาค Tears of the Kingdom หลายๆ ฉากมันดูมีดีเทลเยอะกว่าของภาค Breath of the Wild
Presentation
จากที่ได้บอกไปว่าเกมภาคนี้จะดำเนินเรื่องคล้ายคลึงของภาค Breath of the Wild จึงทำให้แน่นอนว่าการนำเสนอในเกมภาคนี้ก็จะเหมือนกันด้วย เพราะเราจะเริ่มมาแบบเป็น 0 ทุกด้าน และก็ต้องออกไปผจญภัยในโลก Open World เพื่อหาทำกิจกรรมให้ตัวละครเก่งขึ้น และหาคุยกับ NPC เรื่อยๆ เพื่อรู้ว่าต้องทำอะไรเป็นสิ่งต่อไปจนกว่าจะจบเกม โดยกิจกรรมในภาคนี้ก็ไม่ต่างกันด้วย อย่างการที่เกมจะมีดันเจี้ยนให้ไปแก้ปริศนาจำนวนมาก หรือการต้องไปตามหาเจ้า Korok เพื่อได้ของไปแลกเป็นกระเป๋าเก็บของได้เพิ่มเติม รวมทั้งตามพื้นที่ต่างๆ ในเกมก็จะมีเจ้ามอนสเตอร์ที่จะขวางทางเรา หรือเราอยากไปฆ่ามันเพื่อหาไอเทมดีๆ แถมแผนที่ในเกมภาคนี้จริงๆ ก็ยกมาจากของภาค Breath of the Wild เลยด้วย แต่ก็จะมีการเปลี่ยนกับเพิ่มสถานที่ใหม่ๆ อย่างพวกเกาะลอยฟ้าตามที่ได้บอกไป
จากด้านบน เห็นได้ชัดเลยการนำเสนอเกมภาคนี้จะดูไม่ได้แค่คล้ายคลึง แต่เหมือนแอบยกของภาคก่อนมาให้เล่นต่อกันเลยแบบเห็นได้ชัด โดยสำหรับแฟน Zelda ก็คงไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะเกมเพลย์แบบเดิมมันก็สนุกมากๆ อย่างไม่น่าเบื่ออยู่แล้ว ขณะที่คนไม่ใช่แฟน Zelda ก็จะกังวลว่าเกมเหมือนภาค Breath of the Wild มากไปจนดูเป็นเกมภาคเสริมมากกว่าหรือเปล่า ซึ่งท้ายที่สุดผู้เขียนก็ขอบอกเลยว่าแม้จะคล้ายกันขนาดนี้ แต่ตอนได้เล่นยังไงก็ไม่รู้สึกเหมือนกัน แถมเกมยังใส่ลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาเยอะจนคุณรู้สึกถึงความแปลกใหม่ และยกระดับความยอดเยี่ยมของเกมมากไปอีก โดยเฉพาะระบบสกิล "Ultrahand" ที่จะให้ผู้เล่นเอาวัตถุต่างๆ มาประกอบรวมร่างกันจนเป็นสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ หรือยานพาหนะสุดมีประโยชน์ได้ แถมเกมก็ให้อิสระผู้เล่นสร้างสรรค์ขึ้นมาได้เยอะระดับนึงเลย จนตอนนี้ก็มีคนทำคลิปอวดยานพาหนะเดือดๆ อย่างรถถังหรือหุ่นยนต์ยักษ์ถล่มฝูงมอนให้ชมกัน แต่เกมก็ยังมีระบบ "Fuse" ที่ให้เอาอาวุธกับอุปกรณ์รวมร่างกันจนสร้างประโยชน์แปลกๆ ได้ด้วยนะ ยกตัวอย่างโล่ + จรวดก็จะทำให้เราได้ Jetpack เอาไว้ขึ้นที่สูงได้ไวๆ เร็วๆ หรือเอาบูมเมอแรง + ป้อมปืนพ่นไฟ เวลาปาบูมเมอแรงก็จะพ่นไฟออกมาเผาฝูงศัตรูแบบสุดโหด
Gameplay
ตอนเกมภาค Breath of the Wild เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าจุดสนุกหลักๆ ของเกมซีรี่ส์ The Legend of Zelda คือการแก้ปริศนาเพลินๆ เป็นซักส่วนใหญ่ แม้แต่การสู้บอสก็จะเน้นให้เราไปใช้เวลาแก้ปริศนา หรือหาวิธีเอาชนะอย่างชาญฉลาดเสียมากกว่า ขณะที่เกมภาค Tears of the Kingdom ก็ยังคงเป็นแบบนั้น แต่กลับทำได้ดีกว่าเดิมทั้งระบบแก้ปริศนาและระบบต่อสู้ด้วย เพราะอย่างที่บอกไปว่าเกมภาคนี้มีของเล่นใหม่ทั้ง Ultrahand หรือ Recall เป็นต้น การแก้ปริศนาในเกมนี้จึงมีความหลากหลายมากกว่าเดิม และเราก็ใช้วิธีได้มากกว่าเดิมต่อ 1 ปริศนาด้วย ส่วนระบบการต่อสู้ที่เรานั้นจะสร้างยานพาหนะโหดๆ หรืออาวุธสุดเถื่อนได้ บางทีมอนสเตอร์จึงจะมาเป็นฝูงพร้อมมินิบอส หรือบางมอนก็โจมตีเราโหดมากๆ ทำให้เกมนั้นจะมีให้เราอยากควักความเจ๋งของเกมไปใช้สู้อย่างเต็มอิ่มบ่อยๆ ซึ่งมันยกระดับจากภาค Breath of the Wild มากจนต้องยกนิ้วให้เลย
อีกส่วนหนึ่งที่น่าพูดชมมากๆ ในด้านเกมเพลย์คือ 'การทำให้เราสนุกที่จะผจญภัยในโลก Open World อย่างมาก' เพราะจากด้านบนทั้งหมดที่พูดมา การที่เราจะสร้างยานพาหนะหรืออาวุธเจ๋งๆ ก็จะต้องมีการไปตามหาวัสดุในพื้นที่ต่างๆ เสียก่อน โดยเกมก็จะยังมีลูกเล่นให้การตามหานั้นสนุกขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างบางวัสดุนั้นเราจะต้องหาของไปเปิดจาก 'ตู้กาชา' เพื่อสุ่มให้ได้วัสดุนั้นๆ (ไม่มีให้เติมเงินจริงๆ เพื่อเปิดนะ ไม่ต้องกลัว) แล้วพอมันมาบวกกับพวกกิจกรรมที่เกมมีอยู่แบบภาคก่อนๆ ก็ทำให้เกมน่าผจญภัย และได้ใช้เวลาออกสำรวจโลกแบบไม่น่าเบื่อมากขึ้นไปอีก แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเกมภาคนี้ก็ไม่ได้จะเจาะตลาดผู้เล่น Casual มากขึ้นนะ เพราะระหว่างเล่นเกมก็จะมีการ 'ไม่บอกจุดเควสตรงๆ' เพื่อให้เราไปตามหาวิธีผ่านเควสเอาเอง หรือต้องใช้เวลาเยอะมากๆ ในการจะทำสิ่งต่างๆ เพราะงั้นถ้าคุณเคยเล่นภาค Breath of the Wild แล้วรู้สึกไม่ชอบหรือไม่ไหวกับอะไรแบบนี้ ภาคนี้ก็อาจทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นเหมือนเดิม
Performance
ตอนเกมภาค Breath of the Wild วางขายใหม่ๆ หลายคนในเวลานั้นจะไม่ได้ว้าวกันเท่าไหร่ที่เกมสามารถเล่นได้ลื่นที่ช่วงเฟรมเรท 30FPS อยู่บ่อยๆ แต่มาในภาคนี้ที่มีการใส่สถานที่ใหม่ๆ แบบอลังกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่เป็นต้น ผู้เขียนมองว่าเราควรจะว้าวกับเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะเกมนั้นก็ยังสามารถเล่นได้ที่ช่วงเฟรมเรท 30FPS อยู่บ่อยๆ เหมือนเดิมเลย!!! จะมีเฟรมตกแค่ช่วงเอฟเฟ็กต์เยอะๆ อย่างการที่เราใช้ป้อมปืนไฟเผาศัตรูจำนวนมาก หรือตอนที่อยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ๆ แถมตลอดการเล่นก็ไม่มีอาการค้างหรือปัญหาของเครื่อง Nintendo Switch ให้พบเจอเลย แล้วอย่าลืมว่าเกมนั้นก็ทำฉากสวยๆ มาให้เจอบ่อยมากเลยนะ เพราะงั้นนอกจากคุณภาพของเกมที่ดีมากๆ ทางผู้พัฒนาก็ยังคงใส่ใจ่เรื่องให้เล่นลื่นเหมือนเดิม
สรุป
The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom คือเกมภาคที่สมการรอคอยมากๆ มันคือภาคที่ทำให้คนเล่นรู้สึกว่า "อัปเกรด" ความยอดเยี่ยมไปเยอะขึ้นสุดๆ เลย แม้จะมีการถอดระบบหรือลูกเล่นบางส่วนจากภาคก่อน โดยภาคนี้อาจไม่ถึงขั้นเขย่าวงการเกมแบบ Breath of the Wild เพราะการดำเนินเรื่องหรือการนำเสนอก็ไม่ได้ต่างกันเยอะ แต่ใครที่ตกหลุมรักเกมภาคก่อน หรืออยากเล่นเกมที่สามารถทำให้เล่นบน Nintendo Switch ได้ดีที่สุด ยังไงก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลยจริงๆ แถมของเล่นใหมอย่าง Ultrahand กับ Fuse ก็สามารถทำให้คุณเล่นวนซ้ำๆ ได้นานกว่าภาคก่อนง่ายๆ เลย
* ขอขอบคุณผู้ใจดีที่ส่งเกมนี้มาให้พวกเราได้รีวิวกันด้วยนะครับ *
ยอดเยี่ยมจัดเต็มแบบภาคก่อนทุกส่วน
ของเล่นใหม่ ทำให้แก้ปริศนาสนุกขึ้น และน่ากลับมาเล่นใหม่อีกรอบ
มีให้เห็นฉากสวยๆ บ่อยมาก
เกมที่จะพบแต่ข้อดีที่มันเป็นแนว Open World
ตอนต้นเกมปูเรื่องได้น่าขัดใจ
มีเฟรมเรทตกตอนเอฟเฟ็กต์เยอะๆ
The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom เป็นเกมภาคล่าสุดที่มีเนื้อหาต่อมาจากภาค Breath of the Wild ที่เขย่าวงการเกมอย่างมากตอนปี 2017 โดยที่เกมภาคล่าสุดนี้ก็ยังคงมีให้เล่นบนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เหมือนเดิม และก็ยังคงเป็นเกมแนว Action Open World เน้นการให้แก้ปริศนาแบบเพลินๆ เช่นกัน ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าเกมภาคใหม่นี้จะมีความเจ๋ง และยอดเยี่ยมเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมอย่างไรบ้าง วันนี้ทางพวกเรา GameFever ก็ได้มารีวิวให้ชมกันแล้ว!!! รับชมเต็มๆ กันได้ที่ด้านล่างเลย
คลิปตัวอย่างเกมให้ดูโหมโรง
Story
ในเกม The Legend of Zelda ภาค Tears of the Kingdom นั้นจะเล่าเรื่องหลังฉากจบของเกมภาค Breath of the Wild เป็นเวลา 'ผ่านไปแล้วหลายปี' โดยก็เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตสงบสุข และกำลังบูรณะดินแดง Hyrule ให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง เนื่องจากไม่มีปีศาจตัวฉกาจของเกมทุกภาคอย่าง Ganon ที่ป่วนโลกมาเป็นเวลาถึง 100 ปีอีกแล้ว ขณะที่เจ้าหญิง Zelda กับตัวเอก Link ก็ได้ออกผจญภัยตามหาความลับต่างๆ เกี่ยวกับดินแดน Hyrule จนดันไปเผลอเจอเข้ากับ 'ร่างของราชาปีศาจ Ganondorf' ที่เหมือนจะกำลังหลับไหลอยู่ และ Zelda ก็ดันเผลอไปทำให้ร่างปีศาจนี้ตื่นขึ้นกลับมาสร้างความวายป่วนให้โลกอีกครั้งซะงั้น รวมทั้งเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ Link นั้นต้องสูญเสียพลังทุกอย่างรวมไปถึงการต้องพลัดพรากจาก Zelda อีกแล้ว ทำให้ Link นั้นจะต้องมาวนลูปตามหาเจ้าหญิง Zelda และหาวิธีปราบ Ganondorf ให้สำเร็จเพื่อให้โลกกลับมาสงบสุขเหมือนทุกภาค
การดำเนินเรื่องของเกมภาค Tears of the Kingdom จะมีความคล้ายคลึงกับของเกม Breath of the Wild นั่นก็คือการเล่าแบบตัวเอก Link ที่ตื่นขึ้นมาแบบไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ต้องออกผจญภัยตามหาเจ้าหญิง Zelda และช่วงผจญภัยก็จะได้พบเนื้อเรื่องเจ๋งๆ มากมายที่ไม่ได้มีอยู่แค่ในเนื้อเรื่องหลัก โดยคนที่เคยเล่นภาค Breath of the Wild จะรู้สึกได้เลยว่าช่วงแรก 'มันดำเนินคล้ายคลึงกับของภาคก่อนมากไปหรือเปล่า' แต่หลังจากเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่ามันก็มีการใช้มุกใหม่ๆ อย่างน่าสนใจ และทำให้คนเล่นผูกพันธ์กับดินแดน Hyrule มากขึ้นไปอีก แถมเมื่อเราเล่นไปจนถึงช่วงกลางเกม เราก็จะได้พบการเล่าเนื้อเรื่องแบบใหม่ที่ "เจ๋งมากๆ ตามชื่อเกมภาคนี้" ก่อนที่เราจะได้ไปเจอฉากจบของเกมที่ "ยอดเยี่ยมอลังการกว่าเดิม" และอีกจุดเจ๋งหนึ่งคือภาคนี้ก็ยังคง 'เล่าเรื่องแบบทำให้การผจญภัยโลก Open World น่าสนใจมากขึ้นด้วย' แถมนอกจากฉากจบของเกมจะยอดเยี่ยมอลังการกว่าเดิม เกมก็ยังมีการปั้นเนื้อเรื่องเนียนๆ ตั้งแต่ช่วงแรกของเกมเพื่อให้คนเล่นอินกับฉากจบมากขึ้นไปอีก เพราะงั้นในด้านเนื้อเรื่องยังไงมันก็ยังคงความเป็น Masterpiece ของเกมสไตล์ Zelda และทำให้รู้ด้วยว่าผู้พัฒนานั้นยังใส่ใจทำเกมแต่ละภาคออกมาให้ยอดเยี่ยม ไม่ได้ทำมาลวกๆ
Graphic & Music
ใครที่เคยซื้อเกมภาค Breath of the Wild มาเล่นตอนเครื่อง Nintendo Switch วางขายใหม่ๆ ก็น่าจะจำกันได้ว่านี่เป็นเกมที่มีฉากสวยๆ เยอะมาก และก็มีการทำเสียงประกอบหรือดนตรีได้ดี จนเป็นหนึ่งในเหตุผลให้หลายคนต้องตกหลุมรักเครื่องเกม Nintendo Switch แต่หลังจากนั้นชาวนินก็ได้มาพบว่าเราแทบไม่ค่อยได้เห็นเกมทำฉากสวยๆ แบบนี้อีกเลย เนื่องจากเกมค่ายแบบ Third Party ส่วนใหญ่ที่พอร์ทเกมมาลงก็มีเรื่องข้อจำกัดด้านภาพสวย หรือเกมค่าย Nintendo ส่วนใหญ่ก็ไปเน้นเรื่อง Gameplay มากกว่าจะทำฉากสวยๆ แบบนี้ แต่ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom จะเป็นเกมที่พาคุณกลับมารู้สึกอะไรแบบนี้อีกครั้งแล้วนะ! เพราะแทบหลายฉากภายในเกมนี้ สิ่งที่เราจะสัมผัสได้เลยคือมันสวยอลังมากๆ จนบางคนอาจลืมไปแล้วว่าเครื่อง Nintendo Switch นั้นก็ทำเกมภาพสวยแบบนี้ได้
นอกจากนี้ เกมภาค Tears of the Kingdom ก็จะมีให้เราได้ 'เหาะเหินบนอากาศ' หรือ 'ผจญภัยบนเกาะลอยฟ้า' อยู่บ่อยครั้งมากๆ จึงทำให้เราจะได้เห็นวิวที่สวยไปอีกแบบหนึ่ง แถมพวกงานเสียงกับดนตรีนั้นก็ยังทำมา 'รู้สึกผ่อนคลายชิลๆ' อย่างเป็นเอกลักษณ์น่าจดจำเหมือนเดิม ถ้าจะให้ติเตียนก็คือเรื่องที่แม้เกมจะทำฉากได้สวยๆ แต่ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าภาพกราฟิกภาคนี้มันมีการลดคุณภาพ "ความละเอียดคมชัด" ลงจากภาค Breath of the Wild จนทำให้ถ้าเราตั้งใจดูที่ภาพดีๆ จะรู้สึกเบลอหรือรู้สึกภาพหยักๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเกมมีการใส่พื้นที่ใหม่ๆ หรือใส่เอฟเฟ็กต์กราฟิกที่กินเสปคเครื่องกว่าเดิม เพราะในเกมภาค Tears of the Kingdom หลายๆ ฉากมันดูมีดีเทลเยอะกว่าของภาค Breath of the Wild
Presentation
จากที่ได้บอกไปว่าเกมภาคนี้จะดำเนินเรื่องคล้ายคลึงของภาค Breath of the Wild จึงทำให้แน่นอนว่าการนำเสนอในเกมภาคนี้ก็จะเหมือนกันด้วย เพราะเราจะเริ่มมาแบบเป็น 0 ทุกด้าน และก็ต้องออกไปผจญภัยในโลก Open World เพื่อหาทำกิจกรรมให้ตัวละครเก่งขึ้น และหาคุยกับ NPC เรื่อยๆ เพื่อรู้ว่าต้องทำอะไรเป็นสิ่งต่อไปจนกว่าจะจบเกม โดยกิจกรรมในภาคนี้ก็ไม่ต่างกันด้วย อย่างการที่เกมจะมีดันเจี้ยนให้ไปแก้ปริศนาจำนวนมาก หรือการต้องไปตามหาเจ้า Korok เพื่อได้ของไปแลกเป็นกระเป๋าเก็บของได้เพิ่มเติม รวมทั้งตามพื้นที่ต่างๆ ในเกมก็จะมีเจ้ามอนสเตอร์ที่จะขวางทางเรา หรือเราอยากไปฆ่ามันเพื่อหาไอเทมดีๆ แถมแผนที่ในเกมภาคนี้จริงๆ ก็ยกมาจากของภาค Breath of the Wild เลยด้วย แต่ก็จะมีการเปลี่ยนกับเพิ่มสถานที่ใหม่ๆ อย่างพวกเกาะลอยฟ้าตามที่ได้บอกไป
จากด้านบน เห็นได้ชัดเลยการนำเสนอเกมภาคนี้จะดูไม่ได้แค่คล้ายคลึง แต่เหมือนแอบยกของภาคก่อนมาให้เล่นต่อกันเลยแบบเห็นได้ชัด โดยสำหรับแฟน Zelda ก็คงไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะเกมเพลย์แบบเดิมมันก็สนุกมากๆ อย่างไม่น่าเบื่ออยู่แล้ว ขณะที่คนไม่ใช่แฟน Zelda ก็จะกังวลว่าเกมเหมือนภาค Breath of the Wild มากไปจนดูเป็นเกมภาคเสริมมากกว่าหรือเปล่า ซึ่งท้ายที่สุดผู้เขียนก็ขอบอกเลยว่าแม้จะคล้ายกันขนาดนี้ แต่ตอนได้เล่นยังไงก็ไม่รู้สึกเหมือนกัน แถมเกมยังใส่ลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาเยอะจนคุณรู้สึกถึงความแปลกใหม่ และยกระดับความยอดเยี่ยมของเกมมากไปอีก โดยเฉพาะระบบสกิล "Ultrahand" ที่จะให้ผู้เล่นเอาวัตถุต่างๆ มาประกอบรวมร่างกันจนเป็นสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆ หรือยานพาหนะสุดมีประโยชน์ได้ แถมเกมก็ให้อิสระผู้เล่นสร้างสรรค์ขึ้นมาได้เยอะระดับนึงเลย จนตอนนี้ก็มีคนทำคลิปอวดยานพาหนะเดือดๆ อย่างรถถังหรือหุ่นยนต์ยักษ์ถล่มฝูงมอนให้ชมกัน แต่เกมก็ยังมีระบบ "Fuse" ที่ให้เอาอาวุธกับอุปกรณ์รวมร่างกันจนสร้างประโยชน์แปลกๆ ได้ด้วยนะ ยกตัวอย่างโล่ + จรวดก็จะทำให้เราได้ Jetpack เอาไว้ขึ้นที่สูงได้ไวๆ เร็วๆ หรือเอาบูมเมอแรง + ป้อมปืนพ่นไฟ เวลาปาบูมเมอแรงก็จะพ่นไฟออกมาเผาฝูงศัตรูแบบสุดโหด
Gameplay
ตอนเกมภาค Breath of the Wild เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าจุดสนุกหลักๆ ของเกมซีรี่ส์ The Legend of Zelda คือการแก้ปริศนาเพลินๆ เป็นซักส่วนใหญ่ แม้แต่การสู้บอสก็จะเน้นให้เราไปใช้เวลาแก้ปริศนา หรือหาวิธีเอาชนะอย่างชาญฉลาดเสียมากกว่า ขณะที่เกมภาค Tears of the Kingdom ก็ยังคงเป็นแบบนั้น แต่กลับทำได้ดีกว่าเดิมทั้งระบบแก้ปริศนาและระบบต่อสู้ด้วย เพราะอย่างที่บอกไปว่าเกมภาคนี้มีของเล่นใหม่ทั้ง Ultrahand หรือ Recall เป็นต้น การแก้ปริศนาในเกมนี้จึงมีความหลากหลายมากกว่าเดิม และเราก็ใช้วิธีได้มากกว่าเดิมต่อ 1 ปริศนาด้วย ส่วนระบบการต่อสู้ที่เรานั้นจะสร้างยานพาหนะโหดๆ หรืออาวุธสุดเถื่อนได้ บางทีมอนสเตอร์จึงจะมาเป็นฝูงพร้อมมินิบอส หรือบางมอนก็โจมตีเราโหดมากๆ ทำให้เกมนั้นจะมีให้เราอยากควักความเจ๋งของเกมไปใช้สู้อย่างเต็มอิ่มบ่อยๆ ซึ่งมันยกระดับจากภาค Breath of the Wild มากจนต้องยกนิ้วให้เลย
อีกส่วนหนึ่งที่น่าพูดชมมากๆ ในด้านเกมเพลย์คือ 'การทำให้เราสนุกที่จะผจญภัยในโลก Open World อย่างมาก' เพราะจากด้านบนทั้งหมดที่พูดมา การที่เราจะสร้างยานพาหนะหรืออาวุธเจ๋งๆ ก็จะต้องมีการไปตามหาวัสดุในพื้นที่ต่างๆ เสียก่อน โดยเกมก็จะยังมีลูกเล่นให้การตามหานั้นสนุกขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างบางวัสดุนั้นเราจะต้องหาของไปเปิดจาก 'ตู้กาชา' เพื่อสุ่มให้ได้วัสดุนั้นๆ (ไม่มีให้เติมเงินจริงๆ เพื่อเปิดนะ ไม่ต้องกลัว) แล้วพอมันมาบวกกับพวกกิจกรรมที่เกมมีอยู่แบบภาคก่อนๆ ก็ทำให้เกมน่าผจญภัย และได้ใช้เวลาออกสำรวจโลกแบบไม่น่าเบื่อมากขึ้นไปอีก แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเกมภาคนี้ก็ไม่ได้จะเจาะตลาดผู้เล่น Casual มากขึ้นนะ เพราะระหว่างเล่นเกมก็จะมีการ 'ไม่บอกจุดเควสตรงๆ' เพื่อให้เราไปตามหาวิธีผ่านเควสเอาเอง หรือต้องใช้เวลาเยอะมากๆ ในการจะทำสิ่งต่างๆ เพราะงั้นถ้าคุณเคยเล่นภาค Breath of the Wild แล้วรู้สึกไม่ชอบหรือไม่ไหวกับอะไรแบบนี้ ภาคนี้ก็อาจทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นเหมือนเดิม
Performance
ตอนเกมภาค Breath of the Wild วางขายใหม่ๆ หลายคนในเวลานั้นจะไม่ได้ว้าวกันเท่าไหร่ที่เกมสามารถเล่นได้ลื่นที่ช่วงเฟรมเรท 30FPS อยู่บ่อยๆ แต่มาในภาคนี้ที่มีการใส่สถานที่ใหม่ๆ แบบอลังกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่เป็นต้น ผู้เขียนมองว่าเราควรจะว้าวกับเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะเกมนั้นก็ยังสามารถเล่นได้ที่ช่วงเฟรมเรท 30FPS อยู่บ่อยๆ เหมือนเดิมเลย!!! จะมีเฟรมตกแค่ช่วงเอฟเฟ็กต์เยอะๆ อย่างการที่เราใช้ป้อมปืนไฟเผาศัตรูจำนวนมาก หรือตอนที่อยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ๆ แถมตลอดการเล่นก็ไม่มีอาการค้างหรือปัญหาของเครื่อง Nintendo Switch ให้พบเจอเลย แล้วอย่าลืมว่าเกมนั้นก็ทำฉากสวยๆ มาให้เจอบ่อยมากเลยนะ เพราะงั้นนอกจากคุณภาพของเกมที่ดีมากๆ ทางผู้พัฒนาก็ยังคงใส่ใจ่เรื่องให้เล่นลื่นเหมือนเดิม
สรุป
The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom คือเกมภาคที่สมการรอคอยมากๆ มันคือภาคที่ทำให้คนเล่นรู้สึกว่า "อัปเกรด" ความยอดเยี่ยมไปเยอะขึ้นสุดๆ เลย แม้จะมีการถอดระบบหรือลูกเล่นบางส่วนจากภาคก่อน โดยภาคนี้อาจไม่ถึงขั้นเขย่าวงการเกมแบบ Breath of the Wild เพราะการดำเนินเรื่องหรือการนำเสนอก็ไม่ได้ต่างกันเยอะ แต่ใครที่ตกหลุมรักเกมภาคก่อน หรืออยากเล่นเกมที่สามารถทำให้เล่นบน Nintendo Switch ได้ดีที่สุด ยังไงก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลยจริงๆ แถมของเล่นใหมอย่าง Ultrahand กับ Fuse ก็สามารถทำให้คุณเล่นวนซ้ำๆ ได้นานกว่าภาคก่อนง่ายๆ เลย
* ขอขอบคุณผู้ใจดีที่ส่งเกมนี้มาให้พวกเราได้รีวิวกันด้วยนะครับ *