GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "it"
[Review] รีวิวหูฟัง HyperX Cloud III กับการอัปเกรดคุณภาพให้ยอดเยี่ยมทวีคูณ
ถ้าให้พูดถึง Gaming Gears หนึ่งในแบรนด์ที่การันตรีคุณภาพและอยู่กับเราชาวไทยมาหลายปี ชื่อของ HyperX ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น และอุปกรณ์ที่แบรนด์นี้ค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ ก็คงจะเป็นหูฟัง Head Set ที่ทางผู้พัฒนานั้นออกมาด้วยกันหลายรุ่น การันตรีคุณภาพเสียง มาก ๆ และล่าสุดทางแบรนด์ก็ได้ออกหูฟังโปรดักษ์ใหม่อย่าง HyperX Cloud III ซึ่งเป็นหูฟังรุ่นอัพเกรดคุณภาพจาก HyperX Cloud II อันโด่งดังที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมารีวิว และพูดถึงสรรพคุณของหูฟังตัวนี้ ว่ามันมีจุดเด่นอะไรบ้าง ซึ่งเราเราก็ขอบคุณทาง HyperX ที่ส่งหูฟังนี้ให้เราได้ลองใช้ครับ-----------------------เริ่มจากพูดถึงดีไซน์ของตัวหูฟังกันก่อน แน่นอนว่าดีไซน์โดยรวมก็ยังเป็นสีดำตัดแสงตามเอกลักษณ์ของซีรีส์ Cloud แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็มีรายละเอียดที่แตกต่างจากเดิม โดยตรง Headband ของหูฟังจะให้ความรู้สึกที่หนาและเด้งมากกว่าตัวเดิม รวมถึงทาง Ear Pads (ฟองน้ำรองหู) ก็จะมีความหนาและนุ่มมากขึ้น รวมถึงความกว้างของ Ear Pads เองก็จะกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าในระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับคนหูใหญ่ เพราะมันจะครอบหูคุณได้ครบทั้งหมด แน่นอนว่าในรุ่นก่อนหน้าที่ลองใช้ เวลาใส่นาน ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บหูอยู่แล้ว แต่คุณภาพของ HyperX Cloud III จะทำให้เรานั้นใส่สบายมากขึ้นกว่าเดิม และเหมาะกับผู้คนหลากหลายขึ้นด้วยโดยรุ่นที่เปิดตัวออกมานั้นยังเป็นรุ่นที่มีสายอยู่ ซึ่งตัวสายนั้นเป็นสายถักที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก ๆ แถมยังมีความเด้งที่ไม่ทำให้สายพันกันง่ายด้วย โดยตัวสายที่ติดอยู่กับหูฟังนั้นจะเป็นสาย 3.5 mm ซึ่งเราสามารถเสียบกับอุปกรณ์ที่รองรับได้ (อย่างเช่นในการเสียบกับรูหูฟังตรงหน้าจอ) แต่ถึงอย่างนั้นตัวหูฟังก็มีการพ่วงอะแดปเตอร์สายเชื่อมต่อ จากการส่งสัญญาณแบบ Analog ให้กลายเป็นหูฟังแบบ Digital ด้วย USB-C ได้ แต่ก็มีปลั๊กที่แปลงจาก USB-C เป็น USB ธรรมดาเพื่อเสียบคอมได้เช่นกัน และส่วนตัวก็ลองใช้แล้วตัวหูฟังนี้สามารถรองรับโทรศัพท์ หรือ Taplet ที่รองรับ USB-C ได้เช่นกัน รวมถึงความยาวของสายก็มีความยาวที่มากขึ้นถึง 2.5 m แต่น้ำหนักของหูฟังที่อาจจะมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเป็น 300gในด้านของเสียงนั้น ถ้าหากเราเสียบหูฟังแบบ 3.5 กับการใช้อะแดปเตอร์ ส่วนตัวมองว่าเสียงแบบ Analog ของ 3.5 จะค่อนข้างมีเสียงที่ใสกว่าประมาณนึง (แน่นอนเป็นที่รู้กันว่าสัญญาณ Analog จะต้องเสียงดีกว่า Digital อยู่แล้ว) แต่เสียงของ Digital ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ รวมถึงย่านการรับสัญญาณของเสียงนั้นก็มากขึ้นกว่าหูฟังรุ่น HyperX Cloud II มาก ๆ ตัวเสียงค่อนข้างอยู่ในระดับบาลานซ์ที่ดี รวมถึงเวลาฟังเพลงเราจะรู้สึกว่าเสียงของหูฟังที่ออกมาค่อนข้างกว้าง และรายละเอียดได้ครบกว่าเดิมมาก ซึ่งในตอนนี้ผู้เขียนใช้หูฟัง HyperX Cloud II Wireless เป็นหลัก แน่นอนว่ามันตอบโจทย์สำหรับการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่มี่สายที่กวนใจ แต่พอหลังจากได้ลองใช้หูฟัง HyperX Cloud III และแทบไม่อยากกลับไปใช้ตัวเดิมอีกเลย (ต่อให้มีสายก็ยอม เพราะคุณภาพเสียงดีมาก)อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถือว่าอเมซิ่งของหูฟังตัวนี้มาก ๆ ก็คือไมค์โครโฟนที่มีการอัปเกรดได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ปกติแล้วหูฟัง Gaming Gear ที่ราคาไม่แพงมากนั้น ส่วนใหญ่สิ่งที่ต้องแลกมากับเสียงที่ดีก็คือคุณภาพของไมค์ที่ค่อนข้างแย่มาก ๆ แต่ผิดกับหูฟัง HyperX Cloud III ตัวไมค์ค่อนข้างมีเสียงที่ชัดเจนแทบไม่แพ้กับไมค์โครโฟน Condenser ดี ๆ ได้เลย มีการปรับปรุงความคมชัดของเสียงได้ดีขึ้น ซึ่งผู้เขียนเองได้มีหูฟัง HyperX Quadcast ทดสอบ อยากจะบอกว่าไมค์ตัวนี้ทำออกมาได้คุณได้ใกล้เคียงจริง ๆ อาจจะติดตรงที่หูฟังตัวนี้อาจจะไม่สามารถตัด Noise ได้ละเอียดเท่าไมค์โครโฟนตั้งโต๊ะ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ แล้ว นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์ ตัว Pop Fliter ก็ถูก Build In อยู่ภายในหูฟังเลย ไม่ใช่ฟองน้ำสวมเหมือนรุ่นก่อน ๆ ซึ่งก็ทำให้ดีไซน์ดูเท่มากขึ้นHyperX Cloud III ถือว่าเป็นหูฟังที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับผู้ที่มีงบในการซื้อหูฟังที่ไม่สูงมากนัก เพราะตัวหูฟังมีราคาเพียงแค่ 3,090 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นหูฟังที่มาราคาที่ดีมาก ๆ แน่นอนว่าดีไซน์ตัวหูฟังอาจจะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมาก แต่ไส้ในที่ถูกอัพเกรดนั้นในราคานี้ถือว่าถูกไปเลย ทั้งในการรับเสียงที่กว้างขึ้น แน่นอนว่าการเล่นเกมนั้นหูฟังนี้ทำได้ดีมาก ๆ แต่ในเรื่องของการฟังเพลงตัวหูฟังก็ทำออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้กับคุณภาพของไมค์โครโฟนที่ดีพอจะสามารถเอาไปใช้อัดเสียง หรือไลฟ์สตรีมได้เลย สำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์ต่าง ๆ บางทีการซื้อหูฟังตัวนี้ก็แทบจะใช้งานได้ครบเลย หูฟัง HyperX Cloud III จะวางจำหน่ายในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 ผ่านร้าน HyperX Flagship Store ในแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ของ HyperX โดยมีราคาอยู่ที่ 3,090 บาทHyperX Cloud III (สีแดง) – HyperX Flagship Store ใน Shopee | LazadaHyperX Cloud III (สีดำ) – HyperX Flagship Store ใน Shopee | Lazadaโดยราคาทั้งหมดและหน้าร้านจะถูกอัปเดตในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป
26 May 2023
[Review] Xbox Wireless Controller จอยรุ่นใหม่ของทาง Microsoft ใช้ได้ทั้ง Xbox, คอมพิวเตอร์ และมือถือ
เดี๋ยวนี้เหล่าเกมเมอร์ที่เล่นเกม Console บนเครื่อง PC  เป็นหลัก หนึ่งในอุปกรณ๋ที่หลาย ๆ คนเลือกที่จะซื้อติดบ้านเอาไว้นั่นก็คือจอย Controller ซักตัวหนึ่ง และแบรนด์ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนให้ความสนใจมาตลอด เพราะสามารถรองรับได้เกือบทุกเกมที่เล่นบน PC นั่นก็คือจอย Xbox เพราะเราจะได้เอาไปใช้กับระบบปฏิบัติการณ์ Windows ที่มีเจ้าของเดียวกันเป็น Microsoft ได้อย่างสบาย ๆ และล่าสุดทางผู้พัฒนาก็ได้ออกโปรดักษ์ใหม่อย่าง Xbox Wireless Controller ที่พวกเขาเคลมว่าตัวจอยนี้สามารถใช้ได้ทั้งเครื่อง Xbox Series X/S, Xbox One, PC หรือแม้กระทั่ง Android และ iOS ด้วยสำหรับ Xbox Wireless Controller เวอร์ชันนี้ทางผู้พัฒนาทำออกมาด้วยกันหลายสีมาก ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า แดง เขียว ขาว ดำ และดำ Carbon ซึ่งมีให้เลือกตามความชอบได้เลย แต่ว่าทางเรา GameFever TH เองได้รับตัวจอยสีขาวมาลองเล่น ตัวดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายหรูหรา เวลาจัดหน้าคอม (แต่ข้อเสียเดียวก็คงจะเป็นคราบสกปรกในอนาคตที่จะเห็นได้ง่ายกว่า)ส่วนตัวเป็นคนที่เคยใช้จอย Xbox มาหลายรุ่นมาก ๆ แต่จุดเด่นของ Controller รุ่นนี้ก็คือส่วนตรงที่มือจับข้างล่างนั้น ผิวด้านหลังจะไม่ได้เป็นผิวเรียบเหมือนรุ่นก่อน ๆ แต่ตัวผิวจะมีความขรุขระ สาก ๆ (เปรียบเทียบกับจอยของเครื่อง PlayStation 5 ของตัว Xbox Wireless Controller จะมีความสากมากกว่าอีกด้วย) ทำให้การจับรู้สึกมีความกระชับมากยิ่งขึ้นในด้าน D-PAD ก็จะมีความละเอียดมากขึ้น ถ้าให้เปรียบเทียบกับจอยรุ่น Xbox One ตัว D-PAD จะเป็นปุ่มลูกศรบน ล่าง ซ้าย ขวา อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าเวลากดไปทิศทางตรง ๆ ก็จะมีความแม่นยำ แต่การกดทิศทางแบบเฉียงที่เราจะต้องกดปุ่มสองปุ่มพร้อมกันจะทำได้อยากกว่า แต่สำหรับจอย Xbox Wireless Controller มีการดีไซน์ปุ่ม D-PAD ใหม่ทำให้เราสามารถกดปุ่มเหล่านี้ได้ง่ายและแม่นยำในการกดปุ่มเฉียงมากกว่าเดิมสำหรับตัวจอยจะใช้รูเสียบ USB-C ในการเสียบเพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แต่ข้อควรระวังก็คือจอยรุ่นนี้จะไม่มีการแถมสายเชื่อมต่อมาให้ (ยกเว้นสีดำ) ทำให้เวลาซื้อจอยมาก็ต้องเช็คดูด้วยว่าที่บ้านคุณนั้นมีสาย USB-C หรือเปล่า ซึ่งการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากใด ๆ เสียบแล้วก็ใช้งานได้เลย ข้อเสียเดียวสำหรับคนที่ซื้อจอยสีที่ไม่ใช่สีดำ และอยากจะจัดคอมให้สวยไปด้วยท่านก็อาจจะต้องหงุดหงิดกับการที่สายเชื่อมต่อสีไม่ตรงกับจอยของท่าน และก็อาจจะต้องไปยุ่งยากในการหาอีก หรือไม่ก็ตัดปัญหาไปใช้แบบ Wireless เลยก็ได้ส่วนสำหรับการเชื่อมต่อ Wireless สำหรับจอยตัวนี้ ถ้าหากว่าคุณเอาจอยไปใช้เล่นบนเครื่อง Xbox Series X/S คุณนั้นสามารถเชื่อมต่อจอยตัวนี้เล่นได้ทันที แต่ถ้าหากคุณอยากจะเล่นแบบไร้สายถ้าหากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีตัวรับสัญญาณ Bluetooth คุณก็จะต้องทำการหา Adapter ตัวรับสัญญาณมาเสียบบนคอมของคุณด้วย ซึ่งทาง Microsoft ก็มีตัวขายแยกอยู่ (ราคาประมาณ 800-1000 บาท) แต่ตัวผู้เขียนเองมีตัวรับสัญญาณยี่ห้ออื่นที่ราคาไม่แพงอยู่แล้ว ซึ่งพอลองใช้ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อก็คือกดที่ปุ่มสัญลักษณ์ Xbox ให้ไฟติดและกดที่ปุ่มเล็ก ๆ จนไฟที่สัญลักษณ์กระพริบ ตัวสัญญาณก็จะโผล่มาให้เราเชื่อมต่อทันที ตัวพลังงานเลี้ยงของจอย Xbox Wireless Controller นี้ก็ยังมีรูปแบบเหมือนกับจอย Xbox One อยู่นั่นก็คือการใส่ถ่าน AA สองก้อนเพื่อเป็นพลังงานเลี้ยง โดยตัว Battery จะมีระยะเวลาใช้งานอยู่ราว 40 ชั่วโมง แต่ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดเร็วนะครับ เพราะถ้าหากเราไม่ได้ใช้งานตัวจอยก็จะดับและหยุดการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ จากที่ลองใช้มาวันละ 1-2 ชั่วโมงเล่นเกม FIFA ก็ถือว่าอยู่ได้หลายวันอยู่นะ แต่สาวก Xbox แนะนำกันมาก็คือการใช้ถ่ายชาร์จซึ่งจะอยู่ได้นานกว่า หรือบางคนไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ ท่านก็สามารถซื้อ Rechargeable Battery มาใช้แทนและสามารถเสียบถ่ายชาร์จได้เลยเช่นกัน (แต่ราคาจะแพงในระดับหนึ่ง)อีกหนึ่งจุดเด่นของจอยตัวนี้ก็คือเราสามารถเชื่อมต่อกับทางเครื่องมือถือได้ โดยผู้เขียนสามารถเชื่อมต่อกับ iPAD ได้อย่างง่าย ๆ โดยใช้วิธีในการเชื่อมต่อแบบคอมพิวเตอร์นั่นแหละ ซึ่งก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมเลย ติดตรงที่ต้องยอมรับว่ามีหลาย ๆ แอปบนสมาร์ทโฟนไม่ได้รองรับการเล่น Controller เสียเท่าไร ซึ่งถ้าจะซื้อจอยมาเล่นกับโทรศัพท์ ท่านก็ต้องตรวจสอบให้ดีกว่าเกมที่ท่านเล่นนั้นรองรับหรือไม่สุดท้ายแล้ว Xbox Wireless Controller ก็คือจอย Xbox ที่ปรับปรุงมาให้ดีมากกว่าเดิม เป็นจอยที่คุณภาพคับแก้ว ซื้อมาครั้งเดียวการันตรีเลยว่าคุณจะสามารถใช้จอยตัวนี้ได้อีกยาว ๆ 3-5 ปีอย่างต่ำ (จอยรุ่นนี้เลื่องชื่อเรื่องคุณภาพอยู่แล้ว มีเพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งใช้จอย Xbox 360 เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่พังเลย)รุ่นนี้วางจำหน่ายแล้วที่ร้านIT CityAdvicePower BuyCom7ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Microsoft บน Shopee และ Lazada (marketplaces), .LifeMINE  ราคาและการจัดจำหน่ายสีดำ (ที่มาพร้อมสายกับ USB-C) - ราคา 2,290 บาทสีดำ Carbon (ไม่มีสาย USB-C) - ราคา 2,290 บาทสีขาว Robot White - ราคา 2,290 บาทสีฟ้า Shock Blue - ราคา 2,390 บาทสีแดง Pulse Red - ราคา 2,390 บาทสีเขียว Electric Volt - ราคา 2,390 บาท
17 Apr 2023
SteelSeries เปิดตัวหูฟังสุดเทพตระกูล Arctis Nova เอาใจเกมเมอร์ ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเสียงคุณภาพ
บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เดินหน้ารุกตลาดเกมไม่หยุด ประกาศความสำเร็จโตขึ้น 400% ภายหลังจากเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ SteelSeries มาตั้งแต่ปลายปี 2562  ล่าสุด ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกมมิ่งในตระกูล “Arctis Nova” จำนวน 5 รุ่น จากแบรนด์ SteelSeries โดยปรับเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด ซึ่งดีไซน์หูฟังได้รับการออกแบบมาจากดีไซน์เนอร์ที่ได้รับรางวัลจากประเทศเดนมาร์ก ทำให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัย และการสวมใส่ที่สบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอันแสนทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Nova Acoustic System, AI-Powered Noise Cancelling ซึ่งตัดเสียงรบกวนในการสนทนาให้ทั้งผู้ใช้และฝั่งปลายสายได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจน อีกทั้งหูฟังทั้งหมดมาพร้อมโปรแกรม Sonar ที่สามารถปรับแต่งเสียงระบบ Parametirc EQ ได้ในทุกย่านเสียง รวมถึงมีการตั้งค่าให้เหมาะการเล่นเกมในแต่ละเกมได้อย่างดีเยี่ยม  พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรม เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสประสบการณ์จากแบรนด์มากยิ่งขึ้น หวังดันสัดส่วนรายได้เกมมิ่งเพิ่มเป็น 40% มั่นใจตลาดเกมในไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Gadget รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจเกมในประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโควิด ทำให้คนอยู่บ้านเล่มเกมเยอะขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดเกมมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ระบุว่า ปัจจุบันตลาดเกม และ E-Sport มีมูลค่ารวมประมาณ 33,695 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 15% ทำให้ อาร์ทีบีฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดเกมรุกจับมือ SteelSeries ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกม และ E-Sport ชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ในประเทศไทยมาตั้งแต่กลางปี 2562  “สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดเกม และ E-Sport ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะคนอยู่บ้านและหันมาเล่นเกมเพื่อคลายเหงากันมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอุปกรณ์เกมมิ่งโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา อุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ของ SteelSeries ได้รับการตอบรับจากคอเกมเป็นอย่างดี โดยเราเริ่มทำการตลาดให้กับแบรนด์ Steelseries มาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงตอนนี้ปี 2565 ยอดขายเราโตขึ้นถึง 4 เท่า และจากการตอบรับของเหล่าเกมเมอร์ที่ดี ในปีนี้อาร์ทีบีฯ จึงมีแผนจะขยายตลาดอุปกรณ์เกมมิ่ง SteelSeries อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัวหูฟังเกมมิ่งเกียร์ 5 รุ่นใหม่ในตระกูล “Arctis Nova” เพื่อเจาะกลุ่มเกมเมอร์ตั้งแต่กลุ่มเริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ”ดร.บรรพต กล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯ มีได้ลงทุนกับการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ Steelseries เพราะมั่นใจในคุณภาพของสินค้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่นักแข่งเกมมืออาชีพระดับโลกเลือกใช้ และทาง Steelsiries เอง ก็วางเป้าหมายที่จะเป็นคู่ค้ากับทางอาร์ทีบีฯ ในระยะยาว สำหรับแผนการขยายตลาดอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ในช่วงไตรมาส 4 อาร์ทีบีฯ จะเน้นการจัดกิจกรรมกับคอเกมผ่านทางคู่ค้าหลักของเรามากขึ้นเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมและสัมผัสกับแบรนด์มากขึ้น โดยตั้งเป้าในสิ้นปี 2565 ยอดขายจากกลุ่มเกมมิ่งของอาร์ทีบีฯ จะเติบโตขึ้น 30-40% จากปีที่แล้ว พร้อมเชื่อมั่นว่าแบรนด์ SteelSeries จะยังคงเป็นแบรนด์ในใจของคอเกมชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ด้านคุณวิมลมาลย์  วัฒนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า SteelSeries เป็นแบรนด์อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกม และ E-Sport ที่พัฒนามาจากประสบการณ์และทักษะของนักเล่นเกมตัวจริง ดังนั้น นอกจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ทางแบรนด์ยังเน้นความเรียบง่าย แต่ทันสมัยและทนทาน ปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์เกมมิ่งของ SteelSeries ได้รับการยอมรับจนครองใจนักเล่นเกมชาวไทย มาจากความเข้าใจและความต้องการของผู้บริโภค ทำให้สามารถออกแบบอุปกรณ์เกมมิ่งให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเกมเมอร์และนักกีฬามืออาชีพได้อย่างตรงจุด ควบคู่ไปกับการมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และมุ่งเน้นการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 3 ปีผ่านมา ตั้งแต่บริษัท อาร์ทีบีฯ ได้เข้ามาเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดกับคู่ค้าผ่านหน้าร้าน, เว็บไซต์, การทำงานกับคอมมูนิตี้เกมต่างๆ, การเป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน, การเป็นสปอนเซอร์ทีมเกม รวมไปถึงการทำไวรอลวิดีโอที่มีคนเข้าดูหลายแสนคน โดยหูฟังเกมมิ่งรุ่นล่าสุดที่พร้อมเปิดตัวสู่ตลาดในครั้งนี้ ประกอบด้วย Arctis Nova 1, Arctis Nova 3, Arctis Nova 7 Wireless, Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่เบากว่าเดิม แต่แข็งแรงทนทาน และมาพร้อมเทคโนโลยีด้านเสียงที่พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมอย่างเต็มอิ่ม สำหรับ Arctis Nova 1 เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบครอบหูชั้นเยี่ยม ที่มาพร้อมไดร์เวอร์ขับเสียงคุณภาพ HIGH FIDELITY ขนาด 40 มม. เพื่อให้คอเกมได้สัมผัสถึงเสียงที่คมชัดและครอบคลุมความถี่เสียงได้ถึง 22,000 Hz แถมยังสามารถปรับแต่งเสียงได้เอง โดยรองรับการใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์มเกมอย่าง PC, PLAYSTATION และ SWITCH ผ่านการเชื่อมต่อแบบมีสายแจ็ค 3.5 มม. ที่ถอดเข้าออกได้ ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน CLEARCAST GEN 2 ที่ช่วยตัดเสียงรอบตัวและเสียงคีย์บอร์ดเพื่อการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง 360° ที่ใช้งานผ่าน SONAR AUDIO SOFTWARE SUITE แถมยังรองรับระบบเสียง TEMPEST 3D สำหรับ PLAYSTATION 5 และ MICROSOFT SPATIAL SOUND ช่วยให้เกมเมอร์ได้ยินทุกรายละเอียดเสียงในเกมอย่างชัดเจนทุกทิศทาง นอกจากนี้ ยังมีระบบ Parametric EQ ระดับโปร ทำให้คอเกมสามารถควบคุมองค์ประกอบเสียงในเกมอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ตัวหูฟังยังมีน้ำหนักเบาเพียง 236 กรัม พร้อมจุดปรับ 4 ระดับด้วยระบบ COMFORTMAX และก้านหูฟังแบบปรับความสูงต่ำได้ เสริมด้วยที่ครอบหูทำจากวัสดุผ้าคุณภาพซึ่งผลิตจาก AIRWEAVE Memory Foam ช่วยระบายอากาศได้เป็น อย่างดีแม้จะใช้งานตลอดทั้งวัน โดยมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และ สีขาว  โดยรุ่น Arctis Nova 1 วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท  ส่วน Arctis Nova 3 เป็นหูฟังเกมมิ่งครอบหูแบบมีสาย ที่ชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงจากไดร์เวอร์ HIGH FIDELITY ขนาด 40 มม.และระบบเสียง Nova Pro Acoustic ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้เอง เพื่อเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมยิ่งขึ้น โดยรองรับการใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์มเกมอย่าง PC, PLAYSTATION และ SWITCH ผ่านการเชื่อมต่อช่องเสียบ USB-C to USB-C / USB-A / หัวแจ็ค 3.5 มม. พร้อมระบบ Parametric EQ ระดับโปร และระบบเสียงแบบรอบทิศทาง ที่ใช้งานผ่าน SONAR AUDIO SOFTWARE SUITE ทำให้สามารถได้ยินเสียงภายในเกมอย่างรวดเร็วและคมชัด ไม่ว่าจะเป็นระยะไกล ระยะใกล้ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้า และกระสุนปืน ซึ่งจะช่วยให้เหล่าเกมเมอร์สามารถวางเกมได้เหนือคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสองทาง CLEARCAST GEN 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยจะตัดเสียงรอบตัวและเสียงคีย์บอร์ด เพื่อการสนทนาที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ตัวหูฟังสามารถปรับแต่งสีแสงไฟ RGB แบบไดนามิกได้ โดยเลือกได้มากถึง 16.8 ล้านสี ทั้งยังน้ำหนักเบาเพียง 253 กรัม แต่แข็งแรงทนทาน สวมใส่สบายด้วย AirWeave Memory Foam และก้านหูฟังที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้ โดยรุ่น Arctis Nova 3 วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท  ในขณะที่ Arctis Nova 7 Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นแรกที่มาพร้อมไดร์เวอร์ขับเสียงคุณภาพสูง High Fidelity ที่มีระบบเสียง Nova Pro Acoustic ซึ่งได้รับการปรับปรุงจากซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้การถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสียงเท้า เสียงปืน และเสียงระเบิด ทั้งยังรองรับระบบเสียง 360° Spatial Sound และระบบ Parametric EQ เพื่อให้คอเกมได้ยินเสียงภายในเกมอย่างแม่นยำ ทั้งยังโดดเด่นด้วยไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสองทาง CLEARCAST Gen 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยจะตัดเสียงรอบตัว ซึ่งการเชื่อมต่อไร้สายเป็นแบบ Lossless 2.4 GHz Wireless และการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยสามารถจับคู่กับมือถือเพื่อฟังเพลง แชท และรับสายโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมระบบ Chatmix ซึ่งช่วยในการปรับแต่งเสียงไมค์ของเพื่อนในแชทได้เอง แม้ไมค์ของเพื่อนจะมีเสียงเบา ในขณะที่ตัวหูฟังให้ความนุ่มสบายและระบายอากาศได้ดี ด้วย AirWeave Memory Foam เพื่อการเล่นเกมที่ยาวนาน ทั้งยังสามารถปรับระดับความสูงของแถบคาดศรีษะได้ถึง 4 ระดับ โดยแบตเตอรี่รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 38 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว เพียงชาร์จ 15 นาที สามารถใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมง โดยรุ่น Arctis Nova 7 Wireless วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท   ในส่วน Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งครอบหูระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความมันส์ในการเล่นเกมแบบจัดเต็มสุดๆ โดยมาพร้อมไดรเวอร์ High Fidelity ระดับพรีเมียมขนาด 40 มม.ที่มีระบบเสียง Nova Pro Acoustic ซึ่งได้รับการปรับปรุงจากซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้ได้เสียงที่คมชัดในการเล่นเกมทั้งบน PC / Android และ Console ต่างๆ ทั้งยังให้เสียงที่ครบชัดทุกรายละเอียดในเกมกว่า 78% ด้วยการรับรองจาก Game DAC Gen 2 ที่สำคัญ ยังมีเทคโนโลยี Multi-System Connect ทำให้เปลี่ยน Game DAC ให้เป็นฮับเพื่อให้คอเกมสามารถสลับการเล่นเกมระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียว คอเกมก็สามารถย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น PC, Mac, PlayStation และ Switch นอกจากนี้ ยังมาพร้อมไมโครโฟนแบบสองทิศทาง และระบบตัดเสียงรบกวน ClearCast Gen 2 ที่ทำงานด้วย AI และซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้เหล่าเกมเมอร์ดื่มด่ำไปกับทุกรายละเอียดของเกมได้แบบไม่มีสะดุด ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เพราะรองรับการ Hot-Swap โดยสามารถปรับเปลี่ยนก้อนแบตเตอรี่ได้ทันทีระหว่างการเล่นเมื่อแบตหมด สำหรับ Arctis Nova Pro Wireless จะเพิ่มการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Lossless 2.4 GHz Wireless เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์เพลิดเพลินกับประสบการณ์ในการเล่นเกมได้อย่างสนุกสุดมันส์ โดยปราศจากการดีเลย์ ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยสามารถจับคู่กับมือถือเพื่อฟังเพลง แชท และรับสายโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว โดยรุ่น Arctis Nova Pro วางจำหน่ายในราคา 11,500 บาท และ รุ่น Arctis Nova Pro Wireless วางจำหน่ายในราคา 16,500 บาท ทางด้านนายดอม โชติวนิช Country Director ทีม FaZe Clan ประเทศไทย ได้เล่าถึงประสบการณ์จากการใช้หูฟังเกมมิ่งจากแบรนด์ SteelSeries ไว้ได้อย่างนาสนใจ โดยเปิดเผยว่า 'Steelseries เป็นอุปกรณ์ที่ทีม FaZe Clan ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยใช้กันตลอดครับ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เพลเยอร์ของเรา มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และทำให้ทีมเราคว้ารางวัลมาแล้วหลากหลายทัวร์นาเมนต์ สำหรับหูฟังในตระกูล Arctis Nova ถือว่าน่าตื่นเต้นมากครับสำหรับทีม FaZe Clan เพราะมีคุณภาพเสียงระดับโปรฯ ทั้งลำโพงและไมค์ โดยเฉพาะยิ่งสามารถปรับแต่งเสียงในย่านต่างๆ ได้อย่างละเอียดให้เหมาะกับแต่ละเกมอีกด้วย นอกจากนั้น หูฟังก็ออกแบบมาให้น้ำหนักเบา และใส่สบายมากขึ้น ทำให้เพลเยอร์สามารถใส่ฝึกซ้อมและแข่งขันได้เป็นเวลานานครับ' ด้านนายเจมส์–ปริเมธ วงศ์สัตยนนท์ นักพัฒนาเกมชื่อดัง และเป็น CEO ของ Urnique Studio สตูดิโอทำเกมไทยเจ้าของผลงานเกม Timelie กล่าวถึงหูฟัง Arctis Nova ไว้ว่า “หูฟังที่ดี ผมว่ามันต้องคิดมากกว่าการมอบแค่เรื่องเสียง ฟีเจอร์ต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวก หรือตัวความใส่สบายของหูฟังเองมีความสำคัญมากๆ มันจะเพิ่ม Quality of Life ได้ดีมากครับ สำหรับตัว  Artics Nova Pro   ชอบสุดคือตัว Multi-System Connect  ผมว่านี้คือ game changer เลยครับ ผมเป็นคนที่เล่นเกมคอนโซล  Arctis Nova Pro ทำให้ผมสามารถใช้หูฟังเดียวแต่สลับ input ได้ง่ายมาก ผมสามารถใช้หูฟังเดียวร่วมกับ 2 เครื่องไปมา ได้สะดวกมากๆ แถมมันมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนและชาร์จได้ มันทำให้ผมไม่ต้องมาคอยพะวงคอยชาร์จเสียบ USB ไป เล่นไปให้กวนใจอีกเลย อยากกราบคนคิดเลยครับ” ในขณะที่นายปรีโรจน์ เกษมศานติ์ หรือ จอร์จจี้ CEO บริษัท รับทราบโปรดักชั่น กล่าวถึงหูฟัง Nova Pro Wireless ว่า “Sound dac ใช้ง่าย เข้าใจง่าย ตัวหูฟังกำลังพอดี ไม่แน่นเกินไม่บีบไป .. เสียงช่วง low-mid กระชับหุบตัวไว เสียงปืนกระหึ่มสะใจ”  สำหรับผู้สนใจสามารถหาซื้อและสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับผลิตภัณฑ์เกมมิ่งในตระกูล “Arctis Nova” จำนวน 5 รุ่น ประกอบด้วย  Arctis Nova 1, Arctis Nova 3, Arctis Nova 7 Wireless, Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless จากแบรนด์ SteelSeries ได้แล้ววันนี้ที่  BANANA IT, JIB, DotLife, Advice,  IT City, ACE Gamer, Nadz project , Speed Gaming,Munkonggadget, IT Friend, Mercular,Firster, Sound Proof Bros, Gump , WTF IT , Nadz project ,425degree, Elysium gadget , IT Friend, Aptsoft, GADGET PLAY, Shopee, และ Lazada หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/SteelSeriesThai
11 Oct 2022
[บทความ] แนะนำ 5 ไมค์เล่นเกม จะสตรีมเกมไหน ๆ ก็เสียงคมชัด ไม่มีเสียงอื่นรบกวน
(SPONSORED POST)สำหรับชาวสตรีมเมอร์แล้ว การสื่อสารที่ชัดเจนคืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำด้านนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากฝีมือและการเอนเตอร์เทนแล้ว การสื่อสารต้องชัดเจน คนดูจะได้ไม่ต้องทำหน้างงว่าผู้สตรีมนั้นกำลังพูดว่าอะไรอยู่ การสตรีมจึงจะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน และสำหรับการสื่อสารที่ขัดเจนนั้นก็ต้องอาศัย ไมค์ตั้งโต๊ะ ที่มีคุณภาพ โดยที่ใครกำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อไมโครโฟนรุ่นไหนดีเพื่อนำมาใช้งานในการสตรีมเกม ผมนั้นก็อยากมาแนะนำ 5 ไมค์เล่นเกม จะสตรีมเกมไหนๆ ก็เสียงคมชัด ไม่มีเสียงอื่นรบกวน เพื่อให้การสตรีมเกมของคุณนั้นสามารถส่งต่อความสุขให้แก่คนดูได้ตลอดการสตรีมเลยล่ะครับไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 Microphoneราคาโดยประมาณ 890 บาทมาเริ่มกันที่ไมโครโฟนตัวแรกกันเลยดีกว่าครับ กับไมโครโฟนราคาไม่ถึงพันแต่คุณภาพแน่นจนคุ้มค่าเกินราคากับ ไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 Microphone เป็นไมโครโฟนที่พร้อมมอบประสบการณ์ของเสียงสื่อสารที่โดดเด่นและชัดเจนตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงเพื่อลง Youtube หรือร้องเพลงก็จะทำให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจน โดดเด่น หรือจะนำไปใช้ในเวลาสตรีมมิ่งก็จะทำให้ผู้คนได้ยินเสียงอย่างชัดเจนตลอดการสตรีมทำให้ตอนสตรีมนั้นดูสนุกมากยิ่งขึ้น โดยไมค์ตัวนี้นั้นเป็นไมโครโฟนแบบ Cardioid ที่ทำการรับเสียงจากด้านหน้าเพียงแค่ทิศทางเดียว มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน ที่จะช่วยตัดเอาเสียงที่ไม่พึงประสงค์เข้าไปในไมค์ตอนที่กำลังสตรีมอยู่ได้ และ  EGA TYPE-MC ตัวนี้นั้นยังมาพร้อมกับปุ่มควบคุมที่ด้านหน้าของตัวไมโครโฟน สามารถใช้งานได้ง่าย โดยมีปุ่มเปิดปิด ปุ่มปรับระดับเอคโค่ ปุ่มเพิ่มลดความดัง และช่องเสียบหูฟัง Aux 3.5 มม. เอาไว้ใส่หูฟังเพื่อฟังเสียงของตัวเองตอนพูดได้อีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ทำให้การควบคุมไมโครโฟนสามารถทำได้อย่างอิสระ และง่ายดายไม่เสียเวลาในการใช้งาน เพิ่มความสนุกให้แก่การสตรีมของคุณได้เป็นอย่างมากเลยล่ะครับ และยังมาพร้อมกับขาตั้งไมโครโฟนที่ใช้พื้นฐานเป็นแบบ 3 พิน สามารถปรับระดับขึ้นลงได้ถึง 10 เซนติเมตรให้ตัวไมโครโฟนนั้นพอดีกับมุมปากของเราได้เป็นอย่างดี และยังมั่นใจได้ว่าตัวไมโครโฟนจะไม่โคลงเคลงเนื่องจากมีแผ่นกันลื่นที่ตัวพื้นนั่นเองครับ เรียกได้ว่าครบเครื่องในราคาไม่เกินหลักพันจริง ๆ ไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 ตัวนี้ไมโครโฟน Fantech Leviosa MCX01 Condenser Microphoneราคาโดยประมาณ 1,290 บาทมาถึงตัวที่สองกับ ไมโครโฟน Fantech Leviosa MCX01  จากแบรนด์ Fantech ปรับได้หลากหลาย สไตล์มือโปร เป็นไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายสุด ๆ ควบคุมได้อย่างใจนึกด้วยปุ่มควบคุมบนตัวไมค์ถึง 3 ปุ่ม ได้แก่ปุ่ม Mute และปุ่มปรับ Gain Control สำหรับปรับความดัง และ Echo control สำหรับปรับเสียงสะท้อน และพอร์ต AUX 3.5 มม. สำหรับใส่หูฟังมอนิเตอร์มาให้ด้วยเพื่อฟังเสียงของตัวเองได้อีกด้วย Fantech Leviosa MCX01 นั้นมีการรับเสียงแบบ Cardioid ที่จะรับเสียงจากพื้นที่ด้านหน้าโดยเฉพาะ ช่วยรับเสียงพูดของเราให้มีความคมชัด เสียงใสน่าฟัง และยังช่วยกันจากเสียงทิศทางอื่น ๆ ไม่ให้เข้ามารบกวนเสียงพูดของเรา การสื่อสารถึงคนที่กำลังดูสตรีมอยู่นั้นจึงชัดเจน และเพื่อความเป็นเกมมิ่งจึงมาพร้อมกับไฟ RGB ที่หัวไมค์ตามสไตล์ของเกมมิ่งเกียร์ยุคปัจจุบัน ซึ่งใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบสายไฟก็ติดขึ้นมาแล้ว โดยแสงไฟนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบสุ่มอีกด้วย ในส่วนของเรื่องขาตั้งนั้นไมค์ตัวนี้ก็ให้ขาตั้งแบบ Tripod สามารถทำการปรับได้ง่าย ๆ และแข็งแรงมั่นคง จะกางออกหรือพับเก็บก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย และยังสามารถปรับความสูงของไมค์ให้พอดีกับปากของเราได้อีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานมาก ๆ เลยล่ะครับไมโครโฟน Razer Seiren Mini Microphoneราคาโดยประมาณ 1,690 บาทสำหรับไมโครโฟนตัวที่สามที่เรานำมาแนะนำสามารถเรียกได้ว่าเป็นไมค์ที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะนี่คือ ไมโครโฟน Razer Seiren Mini Microphone จากแบรนด์ Razer ที่คุ้นหูของชาวเกมเมอร์ชาวไทยกันเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ ด้วยไมโครโฟนขนาดที่เล็กกะทัดรัดที่สูงเพียง 16 เซนติเมตรแต่เพียบพร้อมด้วยความสามารถที่เข้ากับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะอัดเสียง เล่นเกม ประชุมงาน ก็ใช้งานได้หมด เป็นไมค์ที่รับเสียงแบบ Supercardioid ที่มีการรับเสียงจากด้านหน้าคล้ายกับ Cardioid แต่ระยะการรับเสียงซ้าย-ขวาจะแคบกว่า และเน้นไปที่ด้านหน้า ทำให้เสียงพูดมีความคมชัด เนื้อเสียงใสไร้เสียงรบกวน นอกจากขนาดเล็กแล้วยังมั่งคงด้วยขาไมค์ที่สามารถหมุนปรับทิศได้รอบทิศทาง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับขาบูมขนาด ⅝ นิ้ว หรือขนาดมาตรฐานสตูดิโอนั่นเอง และนอกจากนั้นยังยกระดับการใช้งานให้ยอดเยี่ยมด้วยการออกแบบตัวกันกระแทกภายใน ช่วยลดเสียงรบกวนเมื่อไมค์ได้รับการกระแทกหรือขยับ และเมื่อรวมเข้ากับแคปซูลรับเสียงขนาด 14 มิลลิเมตรที่มีช่วงความถี่ที่แบน ทำให้เสียงที่ได้มีความเที่ยงตรง สมดุลทั้งเสียงต่ำและสูง และด้วยคุณภาพเสียงที่ 16-bit / 48 kHz ก็ยิ่งตอบโจทย์ของไทโครโฟนที่เหล่าสตรีมเมอร์ตามหาอีกด้วยครับ และถ้าลองได้นำมาใช้งานเข้าคู่กับลำโพงต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ลําโพง devialet, ลำโพง JBL หรือลำโพงแบรนด์ที่คุณวางใจ ก็จะยิ่งเพิ่มชั้นเสียงของคุณให้ออกมาได้อย่างทรงพลังและชัดเจนอย่างมากเลยล่ะครับไมโครโฟน HyperX QuadCast Sราคาโดยประมาณ 5,990 บาทเดินทางมาถึงตัวที่สี่กันแล้วกับ ไมโครโฟน HyperX Quadcast S ที่เป็นไมโครโฟนแบบ Condenser ที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายไม่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็น เมาท์กันสั่น หรือฟองน้ำกันลม แบบติดตั้งในตัวและยังมาพร้อมกับไฟ LED RGB ในตัวที่สามารถปรับแต่งได้ 2 พื้นที่  โดยชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างเมาท์กันสั่นและตัวกรองเสียงลมนั้นถูกใส่มาแบบ Built In และยังพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันทีแบบ Plug and Play ในส่วนของการควบคุมบนตัวไมโครโฟนนั้นก็มี Gain Knob มาให้ ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถเลือกปรับได้อย่างอิสระ รับเสียงได้มากถึง 4 รูปแบบ ตามที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นการรับเสียงแบบ Omni-Directional ซึ่งเป็นการรับเสียงรอบทิศทาง เอาไว้ใช้ในกรณีที่สตรีมพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ต่อมาคือการรับเสียงแบบ  Figure-8 ที่เป็นรูปแบบการรับเสียงหน้าหลังเหมาะสำหรับการทำสัมภาษณ์ 2 คนนั่นเอง ส่วนแบบที่สามคือการรับเสียงแบบ Cardioid ที่เป็นรูปแบบการรับเสียงในทิศทางเดียว ชี้ไปข้างหน้า เหมาะสำหรับการสตรีมแบบคนเดียว และรูปแบบที่สี่อย่าง Stereo เป็นการรับเสียงครอสกันซ้ายขวา เสียงที่ได้นั้นจะแยกแชแนลซ้ายขวาไม่เท่ากันแตกต่างจากรูปแบบการรับเสียงอื่น ๆ เหมาะสำหรับการอัดเพลง เสียงร้อง หรือเครื่องดนตรี เป็นพิเศษ ซึ่งเรียกได้ว่าซื้อ HyperX QuadCast S ตัวนี้มาตัวเดียวสามารถทำอะไรได้อย่างหลา่กหลาย พร้อมทั้งเสียงที่คมชัดมาก ๆ อีกด้วยเลยครับ ซึ่งถ้าใครที่ใช้อัดเสียงหลังจากอัดเสียงเสร็จแล้วลองเอาไปเปิดใน soundbar รับรองเลยว่าเสียงที่อัดไปนั้นจะชัดเจนจนอยากจะใช้ไมค์นี้อัดเพลงต่ออย่างแน่นอนไมโครโฟน Signo MP-701 Microphoneราคาโดยประมาณ 750 บาทในส่วนของไมโครโฟนตัวสุดท้ายที่เรามาแนะนำนั้นได้แก่ ไมโครโฟน Signo MP-701 Microphone ที่สามารถทำได้อยากหลากหลายไม่ว่าจะร้องเพลง อัดเสียง หรือจะสตรีมมิ่งกันแบบสด ๆ ก็พร้อมตอบสนองทุกการใช้งานเลย รับเสียงด้านหน้า หมดปัญหาเสียงรบกวน โดยไมโครโฟนตัวนี้มีการรับเสียงแบบ Uni-Directional หรือ Cardioid ที่จะเป็นการรับเสียงจากด้านหน้าเท่านั้น ทำให้ไมค์เกมมิ่งรุ่นนี้สามารถรับเสียงพูดได้อย่างแม่นยำ ฟังชัด ไม่มีเสียงรบกวนจากรอบข้าง ด้วยการเชื่อมต่อแบบ AUX 3.5mm ที่ทั้งง่ายและสะดวกสบายสุด ๆ ทำให้สามารถใช้งานได้ทันทีไม่มีความยุ่งยาก เพียงแค่เสียบแจ๊คเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็พร้อมใช้งานแล้ว ตัวไมค์นั้นมาพร้อมกับ Accessory ที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นขาตั้งไมโครโฟน, Shock Mount ป้องกันไมค์สะเทือน, แผ่น Wind Screen กันเสียงลมเข้าไมค์, ฟองน้ำไมโครโฟน และสายแปลง Aux 3.5mm to XLR มาให้ใช้งานอีกด้วย เรียกได้ว่า ซื้อไมโครโฟนตัว ได้ครบทั้งเซ็ต ซึ่งของทั้งหมดก็มีราคาไม่ถึงหนึ่งพันบาท เรียกได้ว่าคุ่มค่ามาก ๆ เลยล่ะครับ ใครที่กำลังตามหาไมโครโฟนสตรีมมิ่งราคาประหยัดแต่ฟีเจอร์และของตกแต่งหนัก ๆ ไมโครโฟน Signo MP-701 Microphone คืออีกหนึ่งทางเลือกเลยล่ะครับเป็นอย่างไงกันบ้างครับกับการแนะนำไมโครโฟนสำหรับแคสเกม สตรีมเกม ที่เรานำมาแนะนำกันถึง 5 ตัวเลยด้วยกัน ซึ่งตัวไมโครโฟนนี้ทั้งหมดนั้นก็พร้อมที่จะมอบเสียงการสื่อสารอย่างแจ่มแจ้งและชัดเจน ในระหว่างที่คุณกำลังสตรีมอยู่ได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้การถ่ายทอดสดนั้นมีเสียงที่ไม่ชัดเจนจนขาดความสนุกไป ก็อย่าลืมเลือกใช้ไมโครโฟนที่มีคุณภาพดี ๆ กันด้วยนะครับผม
05 Sep 2022
[ไกด์เกม] แก้ปัญหา Window 11 เล่นเกมเก่า ๆ บางเกมไม่ได้
ในปัจจุบันนี้ การซื้อ PC ใหม่ ๆ หรือโน็ตบุ๊กสักเครื่องหนึ่ง ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ จะได้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่ผู้ขายได้แถมมาให้เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ปรับเปลี่ยนก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ตามยุคตามสมัยของมันครับ ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็ต้องปรับตัวตาม ๆ มันไป ซึ่งรวมไปถึงเกมเก่า ๆ ที่เราชอบเล่นด้วย อยากจะทันสมัยก็จัดการอัพเกรดคอมให้เป็นวินโดว์ 11 มันซะเลย แต่แล้วมันดันเล่นเกมเก่า ๆ บางเกมไม่ได้ซะอย่างงั้นซึ่งตัวผู้เขียนได้ไปเจอวิธีแก้อาการงอแงของเจ้า Windows 11 ที่ไม่ยอมรันเกมเก่า ๆ ให้เราได้เล่น ด้วยความบังเอิญ เนื่องจากน้องที่รู้จักกันได้ทักมาถามผู้เขียนเพราะเขาเล่นเกมไม่ได้ครับบนโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ ฟ้าอาจจะอยากทดสอบเราเฉย ๆ"พี่ครับผมโหลด Ride 3 เสร็จแล้ว พอกดเริ่มเกมแล้วมันเงียบไปเลย ไม่มีไรเกิดขึ้น พี่พอจะรู้ไหมครับว่ามันแก้ยังไง?" (นายเห็นเราเป็นโปรแกรมเมอร์เหรอ เราเป็นแค่คนที่ชอบเล่นเกมอยู่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นเอง ฮ่า ๆ)โดนสาดคำถามนี้มา ผู้เขียนจะตายเอาครับ ฮ่า ๆ (แต่ไม่สนครับ อยากจะชาเลนจ์ตัวเอง ชั้นจะแก้ให้ได้ ไอ้ต้าววิน 11) ชุดข้อมูล ณ ตอนนั้นที่ได้มา รู้แค่ว่ามันเล่นไม่ได้จากปากน้องที่รู้จักเท่านั้น ฮ่า ๆ นอกนั้นไม่มีข้อมูล Error ใด ๆ แจ้งให้คนใช้งานอย่างเราทราบเลย สอบถามทุกอย่างจากน้องเจ้าของเครื่องมาแล้ว ซึ่งคอมน้องเขาแรงมาก ๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสเปคของเครื่องแต่อย่างใด สืบเสาะถามไถ่ไป ๆ มา ๆ ก็คาดว่าอาการน่าจะมาจาก Windows 11 นี่แหละที่เป็นตัวการ เพราะผมลองเอา Account Steam ของน้องมาโหลดเกมและลองเข้าเล่นที่เครื่องผม ซึ่งเป็น Windows 10 เกมสามารถรันและเข้าเล่นได้ปกติ ฉะนั้นใครที่มีอาการเหมือนที่น้องผมเป็น โหลดเกมมาแล้วกดเริ่มเกมปุ๊บมันแน่นิ่งไม่มีอะไรไหวติง มาแก้ไปพร้อม ๆ กันกับผมที่บทความนี้ได้เลย ผู้เขียนรับประกันว่าเพื่อน ๆ จะกลับไปเล่นเกมเก่าในดวงใจบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้แน่นอน เพราะน้องต้นเรื่องตอนนี้สามารถเล่น Ride 3 ได้อย่างปกติสุขเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับวิธีแก้ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน มาเริ่มกันเลยดีกว่า***ผมทำตัวอย่างใน Windows 10 นะครับ ซึ่งเมนูหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ยังมีความเหมือนกันอยู่ สามารถทำตามได้เลยผลลัพธ์เหมือนกันครับ***1. กด Win + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาครับ 2. พิมพ์ SystemPropertiesAdvanced ลงในช่องที่หน้าต่าง Run ครับตามรูป หลังจากนั้นกด OK (สามารถ Copy ไป Paste ได้เลย)3. กดที่ Environment Variables อยู่มุมขวาด้านล่างครับ4. จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้เราดูที่ System Variables แล้วกดปุ่ม New (สังเกตที่ปุ่ม New ก็ได้ครับ ให้เลือกกดที่ปุ่ม New อันล่าง)5. จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เรา เลือกใส่คำสั่งตามนี้ครับ (ถ้าใครไม่เก่งคอม ให้ดูรูปประกอบนะครับ ว่าอะไรใส่ช่องไหนตรงไหน)Variable Name : OPENSSL_ia32capVariable value : ~0x200000006. หลังจากนั้นกด OK ให้หมด แล้ว Restart เครื่อง 1 รอบ แล้วลองเข้าเกมดูครับเรียบร้อยแล้วครับวิธีการต่าง ๆ มีเพียงเท่านี้เลย ถ้าใครแก้ตามวิธีนี้แล้วไม่ได้ เราต้องหาวิธีอื่น ๆ แก้กันต่อไปครับ ฮ่า ๆ แต่ผู้เขียนคิดว่าจากเกม Ride 3 ที่ผมได้ลองทำดูแล้วเล่นได้ เกมอื่น ๆ ก็น่าจะใช้วิธีแก้เดียวกันครับ ยังไงวิธีการนี้ก็เป็นตัวเลือกให้ได้ลองทำลองแก้ดู ดีกว่าเล่นไม่ได้โดยที่ไม่ลองทำอะไรเลยครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่ผ่านมาอ่านหาวิธีแก้ และผมหวังว่ามันจะใช้ได้กับเครื่องเพื่อน ๆ นะครับ ขอให้เล่นเกมอย่างมีความสุขและมีวันที่ดี วันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน สวัสดีคร้าบบบบบบ
23 Aug 2022
[Review] Lenovo Legion 5 Pro โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งขั้นเทพ เล่นได้ทุกเกมบนโลกนี้
ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งใน Notebook ที่อยู่ในใจหลาย ๆ คนมาอย่างยาวนาน คุณภาพเหมาะสมกับราคาหลาย ๆ คนก็คงจะคิดถึง Notebook ยี่ห้อดังอย่าง Lenovo และในรุ่นที่ชื่อว่า Legion ก็ถูกสร้างออกมาเพื่อตอบโจทย์เหล่าผู้ใช้ที่เน้นไปในทางเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดพวกเขานั้นก็ได้ออก Notebook รุ่นใหม่อย่าง Lenovo Legion 5 Pro ที่ถูกสร้างมาตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์ หรือจะเป็นสายทำงานก็ไม่หวาดหวั่น ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวและแนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเจ้า Notebook Gaming ตัวนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันประการแรกต้องบอกก่อนเลยว่าตัว Lenovo Legion 5 Pro นี้จะถูกใส่ออกมาด้วยกันหลายรุ่น หลายราคา ซึ่งก็อยู่ที่ตัว CPU และการ์ดจอที่เลือกใส่ไป โดย Notebook ที่ทางเราได้รับมารีวิวนั้นจะใช้ CPU 5800 U และการ์ดจอ RTX 3060 (6GB) ที่ต้องบอกเลยว่าตัวเครื่องนี้สามารถรันได้ทุกเกมบนโลกใบนี้ แถมยังรองรับ Ray Tracing รวมถึงตัวเครื่องยังมีระบบ Legion AI Engine ที่จะมีการคำนวนเกมที่เราเล่นและกระจายการทำงานที่เหมาะสมระหว่าง GPU และ CPU แบบไดนามิกทำให้ตัวเครื่องสามารถรีดประสิทธิภาพเฟรมเรทได้มากขึ้น แรมที่มีให้กว่า 32GB DDR 4 3200MHz ตัว SSD ที่ให้มาความจุมากถึง 1 TB เก็บเกมเล่นได้แบบจุก ๆ อ่านข้อมูลได้อย่างว่องไว และสุดท้ายตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 11 ให้ฟรี ๆในด้านของหน้าจอตัวเครื่องจะให้ขนาดมาที่ 16 นิ้ว หน้าจอแบบ IPS แถมยังรองรับ Refresh Rate ถึง 165Hz อีกด้วย แต่สิ่งที่อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ก็คงจะเป็นอัตราส่วนของภาพที่ให้ขนาดมาเป็น 16:10 (ปกติมาตรฐานมักจะเป็น 16:9) แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงอะไร หรือเวลาเล่นเกมเราก็สามารถปรับคืนเป็น 16:9 (1920*1080p) เหมือนเดิมก็ได้ ส่วนในด้านของดีไซน์เครื่องก็จะมีความหรูหราตามสไตล์ Legion ที่ทางแบรนด์ได้ดีไซน์มาให้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย ตัวดีไซน์ไม่ได้ดูหุ่นยนต์หรือมีสีฉูดฉาด โดยตัวเครื่องจะมีอยู่ด้วยกันสองสีก็คือ Storm Grey และ Stingray White ซึ่งจะให้ความรู้สึกเรียบหรูทั้งคู่ และถึงแม้ตัวเครื่องจะมีความหนักในระดับหนึ่ง ทั้งตัวเครื่องและแบตเตอรี่หนักพอสมควร (เป็นเพราะการ์ดจอตัวใหญ่ที่ใส่เข้ามา) แต่สำหรับนักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศเกมเมอร์ชายที่ไม่อยากมีเครื่อง PC ใหญ่ ๆ การใช้โน๊ตบุคตัวเดียวทำทั้งงานเล่นทั้งเกมก็ค่อนข้างตอบโจทย์ส่วนในด้านพอร์ตเชื่อมต่อส่วนตัวค่อนข้างชอบมาก ๆ เบื่อไหมกับการที่รูเสียบสายชาร์จ Notebook ที่มักจะอยู่ข้าง ๆ ตัวเครื่อง ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกเพราะอยู่ใกล้มือแต่เราก็ต้องแลกมากับความเกะกะของสายที่ระโยงระยางหรือจะเป็นสายของเมาส์และคีย์บอร์ดที่ต่อเข้ามาอีก แต่สำหรับเครื่อง Lenovo Legion 5 Pro นอกจากรูเสียบสายชาร์จจะอยู่ด้านหลังแล้วนั้น รูเสียบ USB บางส่วนก็อยู่ด้านหลังทำให้ลดความเกะกะได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว แต่รูข้าง ๆ ก็ยังมีอยู่ รวมถึงยังมีพอร์ต USB-C และ Thunderbolt มาให้ใช้ด้วยส่วนในด้านของปุ่มกดก็จะมีไฟ RGB สีสันสวยงามให้เปิดใช้ด้วย ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยนสีไฟต่าง ๆ เราก็จะต้องโหลดโปรแกรม Lenovo Vantage ที่จะช่วยในการปรับสีต่าง ๆ ตามใจ ตั้งค่าลูกเล่นการกระพริบหรือเคลื่อนที่ไปมาของไฟ รวมไปถึงการตั้งค่าให้เครื่องควบคุมอุณภูมิตามการใช้งานของเราว่าจะเล่นเกม ทำงาน หรือทั้งคู่แน่นอนว่าการเล่นเกมหนัก ๆ บน Notebook สิ่งที่เราจะเลี่ยงไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องของความร้อน แต่สำหรับ Lenovo Legion 5 Pro ก็มีรูระบายความร้อนอยู่หลายจุดนั่นก็คือทางสองฝั่งซ้ายขวา และถ้าอยากให้ความร้อนลดลงอีกในบอดี้ด้านล่างก็จะมีรูระบายความร้อนขนาดใหญ่ทั้งแผง ซึ่งถ้าหากเราซื้อพัดลมดี ๆ ซักตัวก็น่าจะช่วยได้เยอะ แต่หนึ่งข้อสังเกตุที่พบเจอก็คือเวลาเล่นเกมที่กราฟิกหนักเราก็จะได้ยินเสียงพัดลมที่ดังในระดับหนึ่งส่วนในด้านเสียงจากที่ได้ลองใช้มา ทางผู้เขียนมองว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในข้อด้อยของตัว Notebook เครื่องนี้ก็ว่าได้ ในด้านของการฟังเพลงหรือดู YouTube ตัวเครื่องไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงอรรถรสมากขนาดนั้น แต่มันก็อาจจะแลกมากับการหาหูฟังดี ๆ หรือลำโพงดี ๆ มาใส่ทดแทนก็ได้สุดท้ายนี้ทางเราเองก็ได้ลองเอา Notebook เจ้า Lenovo Legions 5 Pro ไปทดสอบกับเกมดังต่าง ๆ โดยจะใช้ค่า Ultra ทั้งหมดที่เกมปรับแต่งมาให้ ด้วยความละเอียด 2560*1600 (16:10) โดยเราได้การทดสอบทั้งหมด 5 เกมประกอบด้วย GTA V, Halo Infinite, The Quarry, Overwatch และ Valorant ซึ่งผลเฟรมเรททั้งหมดที่ได้ดังนี้GTA V (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60 FPSHalo Infinite (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60-70 FPSThe Quarry (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60 FPS ระหว่างเล่นและ 170 FPS ในคัทซีนOverwatch (ปรับระดับ Epic ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 70 FPSValorant (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 250 FPSสรุปสุดท้ายแล้วหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Lenovo Legions 5 Pro นั้นโดดเด่นก็คงจะเป็นในด้านของราคาที่ถ้าให้เปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ก็จะรู้สึกถึงความคุ้มค่า ในเรื่องของสเปกที่ได้รับกลับมา แน่นอนว่าเราเองก็คงจะไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับความแรงใด ๆ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสเปกระดับนี้เราสามารถใช้ได้อีกยาว ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ปีที่สามารถเล่นเกมใหม่ ๆ ได้ทุกเกม แต่ข้อสังเกตุก็อาจจะเป็นในด้านของการพกพาที่น้ำหนักของเครื่องก็อาจจะเยอะไปซักนิด ใครที่จำเป็นต้องพกเครื่องไปนุ่นนี่บ่อย ๆ ก็อาจจะไม่ได้สะดวกมากนัก แต่ถ้าสำหรับใครที่คิดว่ามันคุ้มค่ากับความแรงที่ได้มา หนักนิดหน่อยแบกไหว Lenovo Legions 5 Pro ก็ถือว่าตอบโจทย์ในด้านของดีไซน์ที่เรียบหรูด้วยและอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นของทาง Lenovo ก็คงจะเป็นระบบประกัน Premium Care โดยเราสามารถพูดคุยกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญในการสอบถามปัญหาต่าง ๆ ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเครื่อง หรือถ้ามีเหตุการณ์ที่ต้องซ่อมทางบริษัทก็จะทำการส่งช่างมาซ่อมให้เราที่บ้านในวัดถัดไป ซึ่งตัวประกันนี้จะมีระยะเวลามากกว่า 2 ปีเลยทีเดียว ความคุ้มค่า และบริการที่ดีขนาดนี้ ทำให้หลาย ๆ คนก็มักจะเลือก Lenovo เป็น Notebook คู่กาย
23 Jun 2022
HyperX เปิดตัวหูฟังไร้สาย Alpha Wireless รวมถึงสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายทั้งเมาส์ จอย และคีย์บอร์ดระดับเทพ
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความต้องการในการเล่นเกมที่กว้างขึ้น HyperX ซึ่งเป็นทีมอุปกรณ์เกมมิ่งจาก HP Inc. ประกาศเปิดตัวหูฟังเกมมิ่ง Alpha Wireless คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Alloy Origins 65 Clutch Controller และเมาส์เกมมิ่ง Pulsefire Haste สองสีใหม่ ได้แก่ สีดำแดง และสีขาวชมพู โดยชุดหูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud Alpha Wireless เป็นชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมไร้สายรุ่นแรก ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ด้วยความสบายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ HyperX นอกจากนี้ Cloud Alpha Wireless ยังช่วยสร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริงด้วย DTS® Headphone:X®2 Spatial Audio และไดรเวอร์แบบ HyperX Dual Chamber เพื่อให้เสียงในเกมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น“Cloud Alpha Wireless ได้รับการออกแบบ และทดสอบในห้องปฏิบัติการของ HyperX มาพร้อมกับประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และให้คุณภาพที่ไม่เหมือนใคร ด้วยระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง” HyperX กล่าว “นอกจากนี้ HyperX ยังคงตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเหล่าเกมเมอร์ในทุกระดับ รวมถึงผู้ที่มองหาเมาส์สำหรับเล่นเกมแบบบางเบาเป็นพิเศษ คีย์บอร์ดที่ประหยัดพื้นที่ หรืออุปกรณ์ควบคุมเกมที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกมระดับสูงสุด”กลุ่มผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ HyperX เน้นนำเสนอจุดเด่นในด้านความทนทาน ประสิทธิภาพ ไปจนถึงการควบคุมในรูปแบบ ใหม่ ๆ และยังออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมสำหรับเกมเมอร์ในทุกระดับหูฟังเกมมิ่งไร้สาย HyperX Cloud Alpha (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 6,990 บาท): Cloud Alpha Wireless มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดในหูฟังเกมมิ่งไร้สาย2 ด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้ประสบการณ์เสียงที่สมจริงด้วยระบบเสียง DTS® Headphone:X®3 และยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Dual Chamber ที่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงใหม่ รวมถึงไดรเวอร์ HyperX ขนาด 50mm ที่ได้รับการออกแบบให้บางและเบาลงกว่าเดิม โดยที่ยังคงประสิทธิภาพเสียงเช่นเดียวกับหูฟังแบบใช้สายอยู่ Cloud Alpha Wireless มอบความสบายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ HyperX ด้วยวัสดุแบบหนังที่นุ่ม ยืดหยุ่น และเมมโมรี่โฟมที่นุ่มเป็นพิเศษ ตลอดจนกรอบอลูมิเนียม เพื่อความทนทานและความมั่นคงของผลิตภัณฑ์ ชุดหูฟังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแบบถอดได้ พร้อมไฟแสดงสถานะ LED และปุ่มควบคุมเสียงออนบอร์ดบนที่ครอบหูHyperX Alloy Origins 65 คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบแมคคานิคอล (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 3,290 บาท): Alloy Origins 65 มาพร้อมรูปแบบฟอร์มแฟคเตอร์ที่ประหยัดพื้นที่ ในขนาด 65 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมีปุ่มลูกศร Delete, Page up และ Page down เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและการใช้งานแบบเดสก์ทอป และให้พื้นที่ในการเคลื่อนที่เมาส์ได้สะดวกที่สุด คีย์บอร์ดเลือกใช้สวิตช์แบบแมคคานิคอลของ HyperX ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเน้นด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งานยาวนาน และสามารถรองรับการกดได้กว่า 80 ล้านครั้งต่อสวิตช์ตลอดอายุการใช้งาน คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ RGB แบ็คไลท์ พร้อมการออกแบบ LED ให้เรืองแสงสว่างได้ดี เพื่อความสว่างที่มากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีเอฟเฟกต์แสงที่ปรับระดับความสว่างได้ห้าระดับ Origins 65 ใช้คีย์แคป PBT แบบดับเบิ้ลช็อตระดับพรีเมียม พร้อมฟังก์ชันคีย์รองเพื่อการใช้งานในระยะยาวและความทนทาน รองรับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งแสงไฟ ตั้งค่า Game Mode และมาโครได้ตามความต้องการ สามารถเก็บโปรไฟล์ได้สูงสุดถึงสามโปรไฟล์ พร้อมหน่วยความจำออนบอร์ด โดยมีสวิตช์ให้เลือกทั้งกลไกแบบ Linear ในรุ่น HyperX Red และแบบ Tactile ในรุ่น HyperX AquaHyperX Clutch Wireless Gaming Controller (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 1,490 บาท): เพื่อให้การควบคุมการเล่นเกมบนมือถือได้ดียิ่งขึ้น คอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย HyperX Clutch พร้อมมอบรูปแบบการควบคุมในรูปแบบที่คุ้นเคยและพื้นผิวบริเวณที่จับคอนโทรลเลอร์ที่สบายมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม สนับสนุนการใช้งานแบบไร้สายร่วมกับมือถือระบบปฏิบัติการ Android ผ่านทาง Bluetooth 4.2 หรือตัวรับสัญญาณไร้สาย 2.4GHz รวมถึงมีสายเคเบิล USB-C to USB-A ในการเชื่อมต่อแบบใช้สายในการเล่นเกมกับเครื่องพีซี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์ในการเล่นเกมบนระบบคลาวด์ร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลายได้อย่างเต็มที่ คอนโทรลเลอร์ไร้สาย Clutch มาพร้อมคลิปหนีบโทรศัพท์มือถือ ที่ถอดออกและปรับความกว้างของแขนจับได้ ซึ่งขยายได้ตั้งแต่ 41 มม. ถึง 86 มม. และแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ในตัว ซึ่งให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้สูงสุด 19 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
10 Jun 2022
[Review] HyperX Cloud II Wireless หูฟังเสียงขั้นเทพ ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง
เป็นแบรนด์ที่ตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้วสำหรับ Hyper X และก็ได้รับกระแสคำชมจากแฟนๆ มากมายในเรื่องของคุณภาพและราคาที่เป็นมิตร ซึ่งเมื่อปี 2015 ทางผู้พัฒนาได้ปล่อยตัวหูฟังอย่าง Hyper X Cloud II ออกมา และมันก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณภาพเสียงที่คมชัด ซึ่งล่าทางแบรนด์นี้ก็ได้ปล่อยหูฟังรุ่นใหม่ที่ถือว่าสร้างมาเพื่อสานต่อความสำเร็จกับ HyperX Cloud II Wireless 7.1 ที่นอกจากจะมีคุณภาพที่ดีกว่ารุ่นเดิม ใช้ง่ายกว่า ตัวหูฟังยังมาพร้อมกับระบบไร้สายที่ลดความกวนใจได้มากเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever จะมารีวิวหูฟังและพูดถึงจุดเด่นของ HyperX Cloud II Wireless 7.1 หลังจากที่ได้ลองใช้มาว่ามันควรค่าในการจับจองหรือไม่ ?ใช้ได้นานทั้งวันแน่นอนว่าตัว HyperX Cloud II Wireless 7.1 นั้นคือหูฟังสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าพอเป็นหูฟังไร้สายเราจะต้องพบเจอกับปัญหาแบตหมดเล่นไม่พอระหว่างวันหรือเปล่า แต่ไม่ต้องกลัวเลยครับเพราะจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือความอึดของแบตเตอร์รี่ที่จะให้เราใช้ได้ยาวนานกว่า 30 ชั่วโมง แถมเวลาชาร์จแบตก็ยังใช้เวลาที่น้อยมาก ๆ ราว ๆ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ปกติตัวผู้เขียนใช้เวลาอยู่หน้าคอมนานกว่า 15-20 ชั่วโมงต่อวัน เวลาที่ออกไปทานข้าว หรืออาบน้ำก็จะชาร์จทิ้งไว้พอกลับมาแบตก็เต็มตลอด นอกจากนี้ตัวหูฟังยังรับคลื่นสัญญาน 2.4 GHz ซึ่งรับได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียวฟังเสียงเกมระดับเทพ ฟังเพลงก็ยอดเยี่ยมต้องขอเกริ่นก่อนว่าก่อนที่ทางผู้เขียนจะได้ลองใช้หูฟังตัวนี้ ทางผู้เขียนเองก็ได้ใช้แต่หูฟังระบบ 2.0 ปกติซึ่งมันก็ให้เสียงที่โอเคแต่การเล่นเกมนั้นกลับมีปัญหาอย่างยิ่ง (เช่นเกม Valorant) ที่ตัวเกมมีย่านเสียงที่กว้างและละเอียดพอสมควรทำให้เวลาฟังเสียงเท้าค่อนข่างจับทางได้ยาก แต่ตัว  HyperX Cloud II Wireless 7.1 สามารถเก็ยรายละเอียดการฟังเสียงได้ครบ จากที่ได้ใช้ตัวหูฟังนี้เล่นเกมเราสามารถฟังเสียงได้ชัดขึ้น ให้ความรู้สึกสามารถฟังเสียงได้รอบทิศทาง เราจะสามารถฟังได้เลยว่าศัตรูจะมาจากทางไหน ซ้าย ขวา หน้า หลัง รู้ได้หมด ให้เราฟังเสียงเท้าศัตรูและดักยิงรอได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนในด้านของการฟังเพลงนั้นตัวย่านเสียงของ HyperX Cloud II Wireless 7.1 จะเอียงหนักไปทางย่านเสียงแหลม เพราะว่าเสียงที่เหมาะสมในการฟังเสียงเท้าภายในเกมนั้นเสียงแหลมจะได้ประสิทธิภาพที่สุด เลยทำให้ด้านของการฟังเพลงอาจจะถูกดรอปลงไปนิดหน่อย แต่ถ้าต้องการนำไปฟังเพลงจริงๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะเพลงย่านเสียงเบสถึงแม้ว่าจะไม่หนักมากแต่ก็ยังทำได้ดีและชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียวส่วนในเรื่องของไมค์โครโฟนทางหูฟังมีระบบในการตัดเสียงรบกวนต่าง ๆ ตอนที่ผู้เขียนได้ลองใช้ตัวไมค์นี้พูดถึงแม้ว่าจะเปิดพัดลมอยู่ก็ไม่มีเสียง Noise อะไรมารบกวนเลย แต่ถึงอย่างนั้นตัวไมค์ก็เหมาะกับการใช้งานในการสื่อสารพื้นฐานเท่านั้น สำหรับคนที่อยากจะใช้ไมค์ในการอัดเสียง หรือทำคอนเทนต์ต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้เหมาะมาก เพราะไมค์ค่อนข้างเสียงแหลมและเล็กวัสดุทนทาน ใส่สบายอีกหนึ่งจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ก็คือน้ำหนักที่ค่อนข้างเบามากเพียง 309g เท่านั้นซึ่งต่างจากญี่ห้ออื่นที่เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ราวๆ 350 - 400g ในเรื่องของวัสดุก็ค่อนข้างทนทาน ในตัว Body ทั้งสองข้างจะเป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรง ตัวโครงทำด้วยอะลูมิเนียมไม่ต้องกังวลเรื่องหูฟังหักหรืองอได้เลย นอกจากนี้ในตัวที่ครอบดูก็จะเป็นยางที่มีเนื้อภายในค่อนข้างนิ่ม ตัวซอฟต์รองหัวด้านบนก็จะใช้วัสดุเดียวกัน ทำให้ใส่สบายมากขึ้น จากที่ได้ลองสัมผัสหูฟังตัวนี้15 ชั่วโมงรวดไม่ได้มีความรู้สึกว่าปวดหูแต่อย่างใดใช้งานง่ายในการใช้งานของ  HyperX Cloud II Wireless 7.1 ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เพียงแค่เราเสียบปลั๊กตัวปล่อยสัญญาน Wireless ที่คอมพิวเตอร์ของเรา เปิดปุ่ม Power ที่หูฟัง และเลือกแสดงเสียงผ่านหูฟังตัวนี้ใน Sound Control ขวาล่าง แค่นี้ก็สามารถใช้งานได้ทันที ตัวปุ่มที่หูฟังทางผู้พัฒนาก็ลดความซับซ้อนลงไป เหลือแค่เพียงปุ่มกดเปิด/ปิด ปุ่ม Must ไมค์ และก็ปุ่มปรับ Volume เท่านั้นส่วนใครอยากจะเข้าไปปรับสิ่งต่างๆ ให้ละเอียดขึ้นท่านก็สามารถโหลดโปรแกรม HyperX NGENUITY ที่สามารถปรับความดังเบาของไมค์ได้ หรือปรับให้หูฟังไปใช้งานเป็นระบบ 7.1 Surround ได้ในนั้นความรู้สึกหลังจากที่ได้ใช้จากที่ได้ลองใช้มาทั้งหมดส่วนตัวค่อนข้างชอบมากๆ สำหรับ HyperX Cloud II Wireless 7.1 อย่างแรกที่ชอบก็คงจะเป็นในด้านการใช้งานที่ยาวนาน จริงๆ แทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่แต่อย่างใดเลย 30 ชั่วโมงในการใช้งานแต่ละครั้งถือว่ามากเกินพอและทำได้ดีกว่าหลายๆ รุ่นที่เป็นหูฟัง Wireless แล้ว ในด้านของการเล่นเกมที่วางระบบเสียงให้เป็น 7.1 Surround ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ถึงแม้ว่าอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากว่าการใช้หูฟังนี้จะช่วยให้เราเล่นเกม FPS เก่งขึ้น แต่อย่างน้อยมันช่วยให้เราสามารถฟังเสียงและคาดเดาจุดที่ศัตรูยืนอยู่หรือกำลังเดินมาได้ ทำให้เรามีความประมาทในการเล่นน้อยลงนั่นเองส่วนในย่านด้านแหลมของหูฟังที่อาจจะทำให้การฟังเพลงดรอปลงไปบ้าง แต่ส่วนตัวมองว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ของหูฟังเกมมิ่งอยู่แล้ว แต่ตัวหูฟังนี้ก็ยังทำเสียงได้ค่อนข้างน่าพอใจในการฟังเพลงอยู่ อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบก็คงจะเป็นในด้านวัสดุที่ทำออกมาได้เบาแต่แข็งแรง ตัวฟองน้ำก็ทำออกมาได้นิ่มพอสมควร ปกติแล้วตัวผู้เขียนเองไม่ค่อยชอบที่จะใช้หูฟังที่เป็นแนว Headphone เสียเท่าไร เพราะอาการบีบหูจนเจ็บเวลาใส่มากๆ (ปกติเลยจะใช้แต่ Ear Bud) แต่จากที่ได้ลองใช้ HyperX Cloud II Wireless 7.1 กลับไม่มีความรู้สึกในการเจ็บหูเลย แต่ถ้าให้พูดเกี่ยวกับสิ่งเดียวที่ไม่ชอบก็คงจะเป็นการที่ตัว Software ปรับได้ค่อนข้างน้อยไปหน่อย และปรับ EQ ไม่ได้ ส่วนตัวอยากให้สามารถปรับ Preset ต่าง ๆ ให้หลากหลายขึ้นเพื่อเอาไว้ใช้ตามสถานการณ์อย่างเช่น Preset สำหรับเล่นเกม หรือ Preset สำหรับฟังเพลงเป็นต้น โดยหูฟัง HyperX Cloud II Wireless 7.วางขายแล้วตามร้านค้าเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำทั่วไปในราคา 4,890 บาท
08 Apr 2022
[บทความ] รวมสารพัดกิจกรรมที่ทำแล้วได้เงินในโลกของ Blockchain
ต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงของ Blockchain ส่งผลต่อพฤติกรรการใช้ชีวิตของเราอยู่หลายอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง 'วิธีการหาเงินแบบใหม่' ที่จะมาเป็นรายได้เสริมให้เรา แลกกับการทำกิจกรรมบางอย่างเท่านั้นซึ่งถ้าให้พูดกันตามจริง ไอเดียนี้ก็คล้ายกับการทำ Cryptocurrency Mining ที่เคยมีข่าวว่าใช้ฮาร์ดดิสก์และการ์ดจอในการมาประมวลผลในการขุดบิตคอยน์จนสินค้าขาดตลาดมาแล้ว แต่ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังงานและทรัพยากรณ์ ขนาดนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นการตอบโต้กับระบบเพื่อให้เหรียญคริปโตออกมาแทน ซึ่งจะทำอย่างไรได้บ้างนั้น เราตามไปดูด้านล่างนี้กันเลย+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++Play-to-Earnอันนี้เชื่อว่าเกมเมอร์ต้องคุ้นหูแน่นอน และทาง GameFever เองก็ได้ลงบทความเกี่ยวกับเกมแนวนี้ไปพอสมควร ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็คือการ "เล่นเกมแล้วได้เงิน" นั่นเอง แถมมาอย่างถูกนโยบายเกมและมี Defi เป็นตัวควบคุมและตรวจสอบความโปร่งใสทางธุรกรรมด้วยซึ่งกติกาการรับเงินก็จะแตกต่างกันไปตามแนวเกม ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มทรัพยากรมาแลกเหรียญคริปโต แบบในเกม Morning Moon Village และ A3: Still Alive ประลองให้ชนะเพื่อสะสมคะแนนรับรางวัล อย่างใน Thetan Arena เล่นมินิเกมเพื่อสะสมพลังงานไปทำการผลิตเหรียญ จากเกม Roller Coin สร้าง NFT มาขาย อย่าง Mir4 หรือ Axie Infinity ไปจนถึงแนว Click-to-Earn ที่แค่ส่งคำสั่งเล็กน้อยเหมือนเกม IDLE แล้วรอให้กิจกรรมในเกมดำเนินไปแล้วได้เหรียญคริปโตตอบแทนกลับมา หรือแม้แต่แนว Endless Run ก็มีให้เลือกเล่นกับเขาด้วยนะ! เรียได้ว่าครอบคลุมทุกสไตล์การเล่นเลย และ ณ ตอนนี้เหล่าเกมเก่าระดับตำนานก็กำลังตบเท้ากันลงสนาม Play-to-Earn กันมากขึ้น รับรองว่าจากนี้ไปจะมีเกมสนุก ๆ ให้เราเลือกเล่นอีกเยอะเลยล่ะExcercise-to-Earnสุขภาพดี ๆ ที่ใช้เหงื่อแลกเงิน การออกกำลังกายเพื่อรับเงินนี้ก็คล้ายกับเทรนด์การ Tracking การออกกำลังกาย ที่หลายคนจะบันทึกผลการทำกิจกรรมแล้วโชว์หน้าแอปฯ นี้ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ เช่นเดียวกัน โปรเจคนี้จะติดตามและให้เราส่งผลงานการออกกำลังกายผ่านแอปฯ ต่าง ๆ เข้าไปในระบบเพื่อประมวลผลและส่งเหรียญของแพลตฟอร์มให้เป็นการตอบแทน จากนั้นเราก็นำขึ้นกระดาน Trade ต่อได้เลย!ซึ่งผู้รันโปรเจคนี้ในปัจจุบัน หลัก ๆ ก็ได้แก่ Sweatcoin ที่ให้เราผูกแอปฯ ด้านสุขภาพบนมือถือเข้ากับระบบ จากนั้น Sweatcoin จะตามติดการเดินของเราทุกก้าว เมื่อครบ 1,000 ก้าวก็จะได้เหรียญ Sweat เป็นการตอบแทน ซึ่งผู้ใช้สามารถนไปแลกอุปกรณ์ออกกำลังกาย คลาสเรียนออกกำลังกาย หรือข้อเสนออื่น ๆ จากพาร์ทเนอร์ของแอปฯ ได้และอีกเจ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Wirtual ที่หลักการทำงานก็เหมือน Sweatcoin เลย แต่พิเศษตรงที่ Wirtual สามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, Body Weight, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน ก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น แถมยังมี Avatar พร้อมคอสตูม NFT สวย ๆ ให้เราเลือกใส่เพื่อเตรียมการเข้าสู่โลก Metaverse ด้วยWear-to-Earnสายแฟชั่นต้องมาทางนี้เลย~ เมื่อการแต่งตัวสวย ๆ จะไม่ใช่เรื่องเสียเงิน (อย่างเดียว) อีกต่อไป แต่เรายังสามารถรับค่าตอบแทนจากการสร้างกระแสแฟชั่นได้ ในโลกของ Blockchain ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่เราจะนำมาใส่นั้นอยู่ในรูปของ NFT โดยแรงบันดาลใจของโปรเจคก็มาจากผลสำเร็จของ Play-to-Earn นั่นแหละ หลายคนน่าจะเคยเล่นแต่งตัวตุ๊กตากันมาบ้าง นั่นแหละคอนเซปต์ของ Wear-to-Earn ที่จะให้เราแต่งตัวให้ Avatar ในโลกเสมือนอย่าง Metaverse โดยเราสามารถออกแบบหรือซื้อจากแบรนด์ที่มี มาสวมให้ Avatar แทนตัวเรา และถ้ามันเป็นกระแสล่ะก็ ชุดนั้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นมา และเราก็สามารถซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนแบบเดียวกับตลาด NFT Art ได้เลย แถมยังส่งผลดีต่อุตสาหกรรมแฟชั่นในโลกจริงได้ดีด้วย เพราะจะสามารถลดการผลิตเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้โรงงานปล่อยมลภาวะน้อยลง และแบรนด์ที่ลงมาเล่นโปรเจคนี้ก็จะมีโอกาสได้โปรโมตตัวเองในช่องทางที่หลากหลายขึ้นอีกด้วยโปรเจคชื่อดังที่เข้ามาร่วมสร้างกรแสแฟชั้นในโลดิจดทัลแล้ว ก็ได้แก่ DressX ที่เราสามารถอัปโหลดรูปตัวเองแล้วนำชุดที่ปรับแต่งในโปรแกรมมาสวมใส่เป็นชุดใหม่ได้, Dolce & Gabbana (D&G) แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่ได้นำสินค้าลงมาในรูปแบบ NFT ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และแน่นอน รีบซื้อมาใส่อวดแล้วรีบขายต่อรับรองคืนทุนเร็ว รวมไปถึง Wear-to-Earn ที่มาอยู่ในรูปแบบเกมเลยอย่าง Fortnite x Balenciaga และ Louis: The Game ที่ GameFever เราเคยรีวิวไว้แล้วนั่นเองListen-to-Earnจะดีแค่ไหนถ้าฟังเพลงอยู่ดี ๆ เงินก็เด้งเข้าบัญชี นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gala เชนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเจ้าหนึ่งของวงการ ได้สร้างแพลตฟอร์มชื่อ Gala Music ขึ้นมา โดยเขาบอกว่าแพลตฟอร์มนี้จะ "เป็นศูนย์กลางของโลกที่จะให้ผลตอบแทนศิลปินและแฟนเพลง" โดยวิธีการทำงานคือ ศิลปินจะอัปโหลด (mint) NFT Song ลงใน Gala Music เพื่อให้แฟนเพลงและ Collector เข้ามาซื้อ จากนั้นผู้ที่ถือครอง NFT ก็จะนำไปจับคู่กับ Music Node เพื่อเล่นเพลง และทุกครั้งที่มีการเล่นเพลงทั้งศิลปินและเจ้าของ NFT ก็จะได้ค่าตอบแทนคืนมารวมถึงผู้ที่เข้ามาฟังเองก็จะได้เหรียญกับเขาด้วยซึ่ง Node ก็คาดว่าน่าจะคล้ายกับ Streaming Platform ซึ่งจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราซื้อ License มาก่อนและ NFT ที่ปล่อยออกมาแล้วในตอนนี้ก็มี 1 เพลงถ้วน นั่นคือ The Stash Box ของ Snoop Dogg โดยมีจำนวนจำกัดในการขายรอบแรกที่ 25,000 node และแน่นอนว่า หมดแล้วจ้า~ ถึงแม้โปรเจคนี้จะยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็มีผลลัพธ์ให้เห็นแล้วว่ามีคนให้ความสนใจและมั่นใจในโปรเจคนี้มากแค่ไหน ก็ต้องรอดูต่อไปว่า หากเปิดใช้งานแบบเต็มอัตราแล้วจะมีฟังก์ชั่นอะไรเจ๋ง ๆ เพิ่มเข้ามาอีกบ้างSleep-to-Earn"ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอยากทำอาชีพอะไร" เชื่อว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายคนคงอยากจะตอบ (ไม่ว่าจะตั้งใจตอบจริง หรืออยากกวนบาทาก็ตาม) ก็คือ "นอน" และอาชีพในฝันนี้กำลังจะกำเนิดขึ้นจริง เมื่อ Sleep Future ได้ปล่อยโปรเจค Sleep-to-Earn ที่เราจะได้รับเงินขณะหลับ ผ่านเหรียญ $SLEEPEEโดยหลักการทำงานก็มาทางเดียวกับ Exercise-to-Earn เลย นั่นก็คือการ Tracking การนอนของเราผ่านแอปฯ ตระกูล Wellness โดยจะนับคะแนนเป็น % ตัวอย่างเช่น 100% = 10 USDT นั่นหมายความว่ายิ่งเราหลับได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับโทเค็นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เรายังสามารถ Stake สะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีก รวมทั้งเหรียญ $SLEEPEE ที่เราได้รับยังสามารถนำไปแลกสินค้าผ่านร้านค้าของ Sleep Future ได้อีกด้วยแม้โปรเจคจะดูกาว แต่โอกาสเป็นไปได้ก็ยังสูงอยู่นะถ้าเทียบกับความใกล้เคียง Exercise-to-Earn ที่กำลังไปได้สวย โดยตอนนี้ Sleep Future กำลังปล่อย Pre-sale whitelist อยู่ ก็จับตามองกันต่อไปว่าจะท้ายที่สุดแล้วระบบการทำงานจะออกมาเป็นอย่างไร? เวิร์คแค่ไหน? คุ้มค่ากับการเข้าร่วมหรือเปล่า? แต่เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเทใจให้โปเจคไปกว่าครึ่งแล้วล่ะ
22 Mar 2022
เตรียมโบกมือลา Microsoft เตือนผู้ใช้ Internet Explorer ถึงการปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้
Internet Explorer เป็นหนึ่งใน Browser ที่อยู่คู่กับชาวอินเทอร์เน็ตมาอย่างนานนม มันถูกเปิดตัวพร้อมกับ Windows 95 โดยหากนับแบบง่าย ๆ ก็จะถือว่า Internet Explorer นั้น มีอายุปาเข้าไปถึง 27 ปีแล้วเลยทีเดียวซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติที่ทาง Microsoft เจ้าของ Browser สุดเก๋าตัวนี้ จะได้ประกาศหยุดให้บริการออกมา เนื่องจากตัวโค้ดของโปรแกรมที่มีความล้าสมัย บวกกับทาง Windows ยังได้รับ Browser ใหม่ในชื่อ Microsoft Edge อีกด้วยโดยทาง Microsoft ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนถึงผู้ใช้งาน Internet Explorer กันอีกครั้งว่า ตัว Browser กำลังจะปิดให้บริการในวันที่ 15 มิถุนายนนี้แล้วนะ ใครที่กำลังใช้อยู่ ก็ควรเตรียมตัวย้ายข้าวย้ายของ ย้ายบุ๊กมาร์กไปยัง Browser อื่น ๆ กันได้แล้วทั้งนี้ทาง Microsoft ยังได้ทำการสนับสนุน Microsoft Edge อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Xbox หรือเครื่อง Steam Deck ที่ยืมใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ให้คล้ายกับ PC ก็ตามยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า Internet Explorer ไม่ได้จำเป็นกับ Microsoft อีกต่อไปแล้วใครที่อยากจะหวนระลึกถึงความหลัง ก็สามารถเข้าไปใช้งาน เก็บเกี่ยวความทรงจำครั้งสุดท้าย ก่อนที่ Internet Explorer จะปิดตัวลงในวันที่ 15 มิถุนายน 2022 นี้ได้นะครับ  แหล่งข้อมูล: gamerant
22 Mar 2022
[บทความ] ทำความเข้าใจประเภทจอมอนิเตอร์ TN / VA / IPS ต่างกันอย่างไร
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าปัจจัยหลักที่คุณให้ความสำคัญเลยนั้นก็คือ สเปกคอมพิวเตอร์ที่ต้องเร็วแรง ประมวลผลให้ลื่นไหล ตามมาด้วยเหล่าเกมมิ่งเกียร์ ที่ต้องเป็นของมีคุณภาพ แต่อีกสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั้นก็คือหน้าจอ เพราะว่าหน้าจอนั้นจะมีหน้าที่แสดงผล เรียกได้ว่าทุกความบันเทิงของคุณจะทำได้ดีแค่ไหน หน้าจอเองก็สำคัญ นอกจากเรื่อง Refresh Rate ที่จำเป็น ประเภทของพาเนลหน้าจอเองก็ไม่ควรละเลย หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจอนั้นเเบ่งพาเนลออกมาเป็นทั้งหมดได้ถึง 3 ประเภท ประกอบด้วย TN,IPS เเละ VA เเน่นอนว่าเรื่องของข้อดีข้อเสียก็จะเเตกต่างกันออกไป โดยพาเนลสามประเภทนั้นจะมีลักษณะอย่างไร อะไรที่ทำให้มันเเตกต่างกัน วันนี้ GameFever TH มีคำตอบให้ครับ อะไรคือความเเตกต่างของละประเภทหลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพไม่เข้าใจว่าทั้งสามประเภทนั้นเเตกต่างกันที่อะไร อย่างเเรกที่ต้องบอกเลยนั้นก็คือ มุมมองของภายในเเต่ละทิศ TN นั้นจะมีมุมมองที่เเคปมากที่สุดอยู่ที่ 170/160 องศา เเต่ก็ไม่อาจที่จะเทียบเท่ากับ IPS เเละ VN ได้ โดย IPS จะมีองศามากที่สุด 178/178 องศา ถามว่ามีผลอะไร ก็จะเป็นเรื่องของความเเม่นยำของสีนั้นเอง ความสว่างเเละความเข้ม ปัจจัยที่สำคัญของจอ ในด้านความสว่าง เเต่ละจอจะไม่มีความเเตกต่างกันสักเท่าไร เเต่สิ่งที่ทำให้ไม่เหมือนกันเลยก็คือ Contrast Ratio ที่จะทำให้ความจัดของสีมากขึ้น อย่างเช่น ขาวสุด ดำสุด ทำให้การเล่นเกมในบางจุด สีดำจะมีความดำสนิทเเละเป็นธรรมชาติมากกว่า ในขณะที่ค่า Contrast Ratio น้อย สีดำนั้นก็จะดูดำไม่สนิท ไม่เป็นธรรมชาติ โดยหน้าจอที่โดดเด่นในเรื่องนี้ก็คือประเภท VA นั้นเองที่สามารถทำค่า Contrast Ratio ได้มากกว่าทุกประเภทคุณภาพของสีข้อนี้สำคัญไม่เเพ้ข้อไหนความเเตกต่างของสีนั้นเเยกเป็นสองเเบบได้เเก่ Color Depth เเละ Colo Gamut ซึ่งถ้าหากต้องนับเรื่องสี VN เทียบกับประเภทอื่นไม่ได้เลย ที่มีค่า Color Depth ที่ 6 bit เเต่สำหรับ VA จะมีค่าเฉลี่ยที่ 8 bit ส่วน IPS นั้นสูงถึง 10 bit ทำให้ประเภท IPS ชนะขาดลอย เรื่องความสวยของสี Twisted nematic (TN)เป็นหนึ่งในพาเนลหน้าจอที่อยู่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ว่า ปัจจุบันเอง มันก็ถูกพัฒนามาให้ใช้งานได้ดีตามยุคสมัย จุดเด่นของพาเนล TN ก็คือราคาไม่แพง การแสดงผล Input Lag ก็ต่ำ เหมาะสำหรับหน้าจอที่ต้องการ Refresh Rate ที่สูง สายอีสปอร์ตที่ชอบเล่น FPS ไม่ควรพลาดเลยนั้นเอง แต่ต้องบอกก่อนว่าข้อเสียเองก็มี นั้นก็คือเรื่องของเฉดสีที่ไม่ค่อยสดสวย ถ้าเอาไปทำกราฟิก บอกเลยว่าสีเพี้ยน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณไม่ใช่เกมเมอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต สาย FPS หน้าจอประเภทพาเนล Twisted Mematic (TN) ก็ไม่ควรใช้งานIPS (In-Plane Switching)ถ้าหากคุณเป็นคนที่ต้องการหน้าจอที่สมดุลในทุกด้าน รวมถึงมาตรฐานการแสดงผลของสี IPS นั้นคือคำตอบ IPS นั้นคือพาเนลที่นำ TN มาพัฒนาข้อด้อยทั้งในด้านการเเสดงค่าสี เเละ มุมมองที่จำกัดได้ดีขึ้น รวมถึงการแสดงผลของสีดำในมุมมืด เรียกได้ว่าด้านสี ไม่มีพาเนลไหนเทียบชั้นกับ IPS ได้เลยแม้แต่น้อย จะเอาไปดูหนัง เล่นเกม หน้าจอนี้ก็พร้อมจบให้คุณ ใครที่ให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานสี ควรหาหน้าจอประเภท IPS (In-Plane Switchng) มาใช้งานอย่างยิ่งครับVA (Vertical Alignment)สำหรับคนที่ชอบหน้าจอแสดงผลที่เน้นเรื่องสีเป็นหลัก ก็ต้องขอแนะนำพาเนลประเภท VA จุดเด่นของมันก็คือการเเสดงออกของเฉดสีที่มีมิติมากกว่าพาเนลชนิดอื่นๆ Contast Ratios ที่สูง เหมาะสำหรับการนำไปเล่นเกมประเภทเกมฟอร์มยักษ์ ระดับ AAA หรือแม้แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากเอาไปใช้ด้านการเล่นเกมแนวแข่งขันอีสปอร์ต บอกเลยว่าไม่ควรอย่างยิ่งเพราะ การตอบสนองของหน้าจอที่ช้ากว่า เเละยังมีโอกาสเกิดภาพ Ghosting เเละ Motion Blur ได้ง่าย ใครอยากได้หน้าจอแสดงผลดีๆไปตอบโจทย์ความบันเทิงเป็นหลัก รูปแบบพาเนล VA (Vertical Alignment) บอกเลยว่าโดนสุดๆ สุดท้ายแล้วแต่ละพาเนลก็ล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ว่าตัวไหนดีไม่ดี ถ้าหากคุณรู้ว่าคุณอยากได้หน้าจอไปทำอะไรเป็นหลัก ก็ขอให้เลือกให้ถูกแล้วคุณจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่ได้จากหน้าจอเหล่านี้อย่างแน่นอนครับ รวมๆแล้วก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ ส่วนครั้งหน้าจะมีเนื้อหาอะไรน่าสนใจมาฝาก ก็รอติดตามกันได้เลย
05 Mar 2022
[บทความ] Simulator Game: โลกแฟนตาซีของเหล่าเกมเมอร์ ก่อนการมาถึงของ Metaverse
นับตั้งแต่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า บริษัทของเขาจะพุ่งเป้าไปที่การพัฒนา Metaverse ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ทั้งโลกตื่นตัวกันว่า 'โลกเสมือน' นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร? มีอะไรให้ทำบ้าง? แล้วจะเป็นโอกาสในการสร้างงานมากแค่ไหน? เรียกได้ว่าจินตนาการไปถึงความแฟนตาซีที่ไม่สามารถทำได้บนโลกจริงกันเลยทีเดียวแต่สำหรับเกมเมอร์ Metaverse อาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะเราสามารถจำลองการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงหรือไม่มีทางเป็นไปได้จริงในเกมแนว Simulator อยู่แล้ว จริงหรือไม่เรามาวิเคราะห์ไปด้วยกันเลย******************************************เกมแนว Simulator คือการจำลองกิจกรรมต่าง ๆ จากโลกแห่งความจริงลงมาอยู่ในเกม โดยจะมีจุดประสงค์ให้ผู้เล่นพัฒนาชีวิตในเกมให้เติบโตขึ้น ผ่านการฝึกฝน สะสมสิ่งของ หรือการค้นพบพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์ การวางแผน และการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละขั้นตามที่ตัวเกมกำหนดหรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ มันเป็นเกมที่เรามีสามารถมีตัวตนอีกคนได้ในโลกคู่ขนาน อารมณ์เหมือนหนังเรื่อง Jumanji หรือการ์ตูน Sword Art Online นั่นแหละ โดยสามารถแบ่งการจำลองได้หลายประเภท เช่น กีฬา อย่าง Wii Sport ที่ให้เราได้ออกแรงราวกับเล่นกีฬาเหล่านั้นจริง ๆ, การก่อสร้างและบริหาร อย่าง SimCity ที่เราจะได้สร้างและบริหารเมืองในฝันให้เป็นดั่งใจนึก, การจำลองอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านเกม อย่าง Microsoft Flight Simulator ที่เราจะได้ลองขับเครื่องบินโดยไม่ต้องเสี่ยงขึ้นฟ้าจริงแถมยังได้เที่ยวรอบโลกด้วย และแนวเกมที่บทความเราอยากเน้นที่สุดในตอนนี้ก็คือ Life Simulator ที่เราสามารถสร้างตัวตนและใช้ชีวิตได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น Internet Café Simulator กับการเป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตที่แต่ละวันเราต้องทำกำไรและปรับปรุงร้านให้ดีขึ้นเพื่อเรียกลูกค้านั่นเองหลายครั้งเกมแนวนี้ก็ถูกนำไปใช้ในเป็นกรณีศึกษา อย่างเช่นการฝึกบริหารบ้านเมืองผ่านเกม Civilization หรือการใช้เกม Plague inc มาจำลองการแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นต้นทางด้าน Metaverse นั้น จะเป็นโลกเสมือนจริงที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาทำกิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็น การประชุม การท่องเที่ยว ไปจนถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน ผ่าน Avatar แทนตัวที่ควบคุมโดยใช้เทคโนโลยี AR หรือ VR และเนื่องด้วยเราอยู่ในยุคดิจิทัลที่ไร้พรมแดน ผู้คนจากทุกที่บนโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ตรวมถึงการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้น การเข้ามาของ Metaverse จึงเป็นการเติมเต็ม Lifestyle ใหม่นี้ ให้สมจริงและดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในโลกเสมือนนี้จะอยู่ในรูปแบบ NFT ซึ่งรันอยู่บนระบบ Blockchain จึงมั่นใจได้ในความโปร่งใสณ ปัจจุบัน หลายองค์กรได้เริ่มกระโดดเข้ามาสร้างพื้นที่ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Metaverse เพื่อเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ รวมถึงกิจกรรมขององค์กรที่กำลังทำอยู่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า งานแสดง สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่การสร้างโรงพยาบาล ต่างก็มุ่งหน้าวางโปรเจคกันยกใหญ่เลยล่ะ******************************************ส่วนเกมที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Metaverse ที่มาก่อนกาล ก็ได้แก่... GTA กับการสวมบทบาทเป็นอาชญากรในเมืองศิวิไลซ์ ซึ่งเราสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนโลกแห่งความจริง เพิ่มเติมคือมีภารกิจนอกกฎหมายรอท้าทายเราอยู่ หรือ The Sims ที่ผู้เล่นสามารถเนรมิตเมือง สร้างครอบครัว แล้วรอดูพวกเขาใช้ชีวิต หรืออาจจะเข้าไปควบคุมให้ทำอะไรแปลก ๆ ก็ยังได้แต่ถ้าอยากให้การเล่นเป็น Community มากขึ้น ก็มีเกมยอดฮิตอย่าง Minecraft ที่ให้เราผจญภัยเก็บทรัพยากรและใช้ชีวิตตามการบริหารของที่ได้มา หรือแม้แต่ Roblox ที่เราสามารถสร้างเมืองของตัวเองแล้วเชิญเพื่อนเข้ามาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ สำหรับเกมที่เข้าข่าย Metaverse แบบเต็มตัวที่สุด ต้องยกให้ Second Life ที่เปิดบริการมาเกือบจะ 10 แล้ว ตัวเกมเป็นแนว Simulator คล้าย The Sims เพิ่มเติมคือผู้เล่นจะสวม Avatar และกลายเป็นผู้อาศัยในเมืองเสียเอง ซึ่งสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้เล่นอื่นได้ เพิ่มเติมคือ เกมนี้เขามีระบบเศรษฐกิจที่เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันจริง ด้วยเงินจริง ซึ่งนี่แหละ! โมเดลของ Metaverse ที่เรากำลังตื่นเต้นกันอยู่นี้เลย ซึ่งไม่แน่ว่าเหตุการณ์อะไรที่เราเคยเจอในเกมเหล่านี้ ก็อาจจะได้เห็นกันอีกครั้งบนแพลตฟอร์ม Metaverse ก็ได้อย่างไรก็ดี ยังมีเกมใหม่ ๆ ที่เป็นทั้ง Play-to-Earn และ Metaverse ตามรอย Second Life มาแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น Illuvium เกม MMORPG Open-World ที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซี The Sandbox ที่ผู้เล่นสามารถสร้างโลกของตัวเองด้วยไอเทมในเกมที่มีลักษณะเฉพาะตัว Decentraland ที่เราสามารถถือครองที่ดิน สร้าง ซื้อ ขาย ได้ราวกับเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึง Speed Star กับโลกที่เต็มไปด้วยฟาร์มม้าจากผู้พัฒนาชาวไทยเองด้วยจ้า ******************************************แน่นอนว่า สำหรับชาวเกมเมอร์แล้ว พวกเราคุ้นเคยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Metaverse กันพอสมควรอยู่แล้ว จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราน่าจะศึกษาเพิ่มเติมในด้านระบบ Blockchain และการทำงานของ Smart Contract ที่เป็นพื้นฐานของการสร้าง Metaverse หรือตามไปส่องแพลตฟอร์มและโปรเจคต่าง ๆ ที่กำลังตั้งตัวกันอยู่ในตอนนี้ เผื่อเป็นโอกาสในการต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ให้กับงานที่ทำอยู่ และพวกเราเคยผ่านการสวมบทบาทในโลกเสมือนมาแล้ว เชื่อเลยว่าการเข้าไปมีบทบาทในโลก Metaverse จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหล่าเกมเมอร์แน่นอน ไม่แน่นะ เราอาจจะได้เห็นร้านขาย NFT จากเกมต่าง ๆ หรือบริษัทรับบิน (รับจ้างเก็บเลเวล) ก็เป็นได้SOURCEhttps://en.wikipedia.org/wiki/Simulation_video_game https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=dGNBeTFPb1hSZUU9 
22 Feb 2022
[บทความ] คอมเครื่องใหม่ต้องโดน Intel 12th Gen Alder Lake สุดยอด CPU ที่เหล่าเกมเมอร์ไม่ควรพลาด
ต้นปี 2022 แบบนี้ หลายคนก็อาจจะใช้โอกาสนี้สำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่สักตัว เพื่อไปใช้ทำงาน เล่นเกม หรืออะไรก็แล้วแต่ตามจุดประสงค์ของตัวเอง โดยการประกอบคอมพิวเตอร์นั้น สิ่งที่ต้องนึกถึงเป็นอย่างแรงเลยก็คือ CPU (Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เหมือนสมองที่คอยออกคำสั่ง ให้กับขั้นตอนต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าเลือก CPU ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งตัวเลือกในปัจจุบันเองก็จะแบ่งออกเป็นสองค่ายไม่ว่าจะเป็น Intel ค่ายฟ้า และ AMD ค่ายแดง โดยวันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำ CPU รุ่นที่เรียกได้ว่าน่าใช้งานที่สุด คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้อย่าง Intel 12th Gen Alder Lake สุดยอด CPU แห่งยุค รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกันรู้จักกับ Intel 12th Gen Alder Lake ในช่วงที่ผ่านมานั้น ต้องบอกตามตรงเลยว่า เวลามีใครมาถามผู้เขียนว่า ควรประกอบคอมด้วย CPU อะไร ? ผู้เขียนก็มักจะตอบไปว่า ตอนนี้ Intel ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะที่ผ่านมา AMD Ryzen นั้นทำผลงานได้ดีจริงๆ ทั้งในเรื่องของราคาที่คุ้มค่า สเปกต่าง ๆ ที่ชนกันหมัดต่อหมัดแล้วทำได้ดี ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ ร้านคอมพิวเตอร์ไหนๆ AMD Ryzen ก็จะขายดีกว่าใครเป็นพิเศษ ทำให้ช่วงนั้นคะแนนของ Intel นั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนในช่วงปลายปี 2021 การมาของ Intel 12th Gen Alder Lake ได้กลับมากอบกู้ Intel ให้กลับมาตีตลาดอีกครั้ง เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนวงการไม่น้อย จุดเด่นของ CPU ซีรีส์นี้ก็คือ ความสามารถในการทำงานแบบ Multitasking ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไม่ใช่การแยกคอร์แบบธรรมดาทั่วไป แต่แยก CPU ให้ประมวลผลคนละส่วนไปเลย ไม่ว่าจะเป็น P-core ที่ทำหน้าที่ประมวลผลหลักๆบนคอมพิวเตอร์ ส่วน E-core ทำหน้าที่สำหรับโปรแกรมที่ทำงานเบื้องหลัง ทำให้พวกมันทำหน้าที่ได้อย่างชัดเจน  ใครที่ชอบเปิดโปรแกรมไปด้วย เล่นเกมไปด้วย คุณจะเห็นความแตกต่างในส่วนนี้อย่างมาก   ที่สำคัญยังได้ทาง Microsoft มาช่วยพัฒนาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบน Windows 11 ด้วยนั้นเองPerformance Core และ Efficient Core สิ่งที่ทำให้ Intel 12th Gen Alder Lake เหนือกว่าคู่แข่งอย่างที่เกริ่นไปด้านบนนั้น สิ่งที่เด่นชัดในซีรีส์นี้คือเรื่องของการทำงานแบบ Multitasking  ทำให้การใช้งานนั้นไหลลื่นแบบสุด ๆ สรุปให้เข้าใจแบบง่ายและเข้าใจได้ไวก็คือ- P-Core คอร์ประสิทธิภาพ ใช้สำหรับการเล่นเกม เน้นการประมวลผลแบบ Single Thread- E-Core คอร์ประหยัดพลังงาน ใช้งานโปรแกรมพื้นหลังทั่วไป เช่น เล่นเว็บไซต์ Spoitfy หรืออื่น ๆ โดยจะใช้ คอร์ E ที่เน้นประหยัดพลังงานผลทดสอบการเล่นเกมเบื้องต้นForza Horizon 5 i7-12700K : AVG 167 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 166 FPSRed Dead Redemption 2 i7-12700K : AVG 178 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 183 FPSCyberpunk 2077 i7-12700K : AVG 149 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 132 FPSDeath Stranding i7-12700K : AVG 193 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 204 FPSHitman 3 i7-12700K : AVG 253 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 244 FPSคะเเนนจาก benchmarks ขอบคุณข้อมูลจาก Testing Game รายชื่อรุ่นของ Intel 12th Gen Alder Lake- Intel Core i9 16C/24Ti9-12900Ki9-12900KF- Intel Core i7 12C/20Ti7-12700Ki7-12700KF- Intel Core i5 10C/16Ti5-12600Ki5-12600KF - รุ่นอื่นๆเพิ่มเติมIntel Core i9-12900 , i9-12900FIntel Core i7-12700 , i7-12700FIntel Core i7-12700H (Notebook)Intel Core i5-12600 , i5-12600FIntel Core i5-12400 , i5-12400FIntel Core i5-12400H (Notebook)Intel Core i3-12300 , i3-12100 , i3-12100F สรุปแล้ว Intel 12th Gen Alder Lake ถือว่าเป็น CPU ที่ในตอนนี้ยังคุ้มค่าอย่างมากสำหรับการนำมาประกอบคอมพิวเตอร์ต้อนรับปีใหม่ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล และ สเปกที่ได้กลับมา ถ้าหากคุณซื้อไปใช้งาน เชื่อว่ามันสามารถใช้งานแบบระยะยาวได้อย่างดีแน่นอน เรียกได้ว่าเจ็บและจบ นอกจากนี้แล้วคะแนนจากสื่อต่าง ๆ มากมาย ก็ยังเทให้ Intel 12th Gen Alder Lake จึงไม่มีเหตุผลเลยที่คุณจะไม่ลองใช้ CPU ซีรีส์นี้จาก Intel ข้อมูลจาก benchmarks.ul.com
14 Jan 2022
มีรายงานว่าการ์ดจอ Nvidia ที่ถูกปล้นไปเมื่อปีที่แล้ว อาจจะอยู่ในประเทศเวียดนาม
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข่าวว่าทางรถบรรทุกการ์ดจอของ Nvidia นั้นถูกปล้นไป ซึ่งภายในนั้นมีการ์ดจอซีรีส์ RTX 30 รุ่นต่างๆ ในนั้นมากมาย (อ่านข่าว LINK ) แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าการ์ดจอที่ถูกปล้นไปนั้นจะถูกพบเจอใน Outlet ขายของถูกในประเทศเวียดนาม เพราะมีรายงานว่าพบเห็นการขายการ์ดจอจำนวนหนึ่งในราคาถูกกว่าตลาดแต่แลกกับการประกันเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น และทางผู้ขายจะเตือนผู้ซื้อว่ารหัสเครื่องนั้นไม่สามารถลงทะเบียนแบบ Official ได้แม้จะไม่มีการยืนยันว่าใครเป็นคนปล้นการ์ดจอเหล่านี้ไป แต่ที่ตรวจสอบได้เพราะมีผู้ใช้คนหนึ่งรายงานปัญหาในการยืนยันหมายเลข Serial Number หลังจากซื้อการ์ด Nvidia RTX 3080 Ti ไปสองใบ ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ที่ซื้อไปอาจจะไม่ทราบว่าที่มาของการ์ดจอเหล่านี้มาจากไหน แต่ที่ซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูกนั่นเอง และตามรายงานไม่ได้กล่าวว่าผู้ที่รับผิดชอบในการถูกปล้นครั้งนี้เป็นใคร แต่แน่นอนไม่ใช่ผู้ชายปลีกรายย่อยCredit - GameRant
12 Jan 2022
อย่างเจ๋ง! ชาวนาต่างประเทศให้วัวสวมแว่น VR ช่วยเพิ่มน้ำนมได้จริง
ในยุคที่มีโรคระบาดเช่นนี้ การออกไปข้างนอกนับว่าเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง แน่นอนว่าหลังจากที่ต้องอยู่ติดบ้านมาเป็นเวลานานนม ก็จะต้องมีบางคนที่เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ซึ่งตรงจุดนี้นี่เอง ที่ทำให้เทคโนโลยี VR (Virtual reality) หรือการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือจริงมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพียงแค่สวมอุปกรณ์ให้ครบครัน คุณก็สามารถไปท่องไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลกโดยที่ไม่ต้องก้าวขาออกจากบ้านด้วยซ้ำและล่าสุดได้มีชาวนาในต่างประเทศคนหนึ่งที่ชื่อว่า Izzet Kocak ได้นำเทคโนโลยี VR มาประยุกต์ใช้กับปศุสัตว์ของเขาอีกด้วยโดยในฤดูหนาวนั้น พวกปศุสัตว์จะไม่สามารถออกหากินไปตามทุ่งหญ้าได้ เขาจึงได้เลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนส่วนที่ขาดหายไปKocak ได้นำแว่น VR ไปสวมให้กับวัวในฟาร์มของเขา โดยตั้งค่าให้ตัวแว่นแสดงภาพถึงทุ่งหญ้ากว้างอันแสนเขียวชอุ่ม เพื่อให้วัวสามารถผลิตน้ำนมออกมาได้มากยิ่งขึ้น“ปกติแล้ว วัวของพวกเราจะผลิตน้ำนมได้ประมาณ 22 ลิตรต่อวัน แต่วัวที่สวมแว่น VR นั้นจะผลิตน้ำนมได้มากถึง 27 ลิตรต่อวันเลยทีเดียว เพราะพวกมันจะมีความรู้สึกและอารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในทุ่งหญ้า ความเครียดของพวกมันจะลดน้อยลง” Kocak กล่าวนอกจากนี้ Kocak ยังเผยอีกว่า เขาเคยเปิดเพลงคลาสสิคให้ปศุสัตว์ฟังมาก่อน หวังให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งแว่น VR นี้ก็ทำผลลัพธ์ออกมาได้ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะซื้อแว่น VR มาใช้เพิ่มในอนาคตอย่างแน่นอนแหล่งข้อมูล: thegamer
10 Jan 2022
Nvdia เปิดตัว RTX3090 Ti รุ่นใหญ่ประจำค่าย พร้อมชื่อเล่น "การ์ดจอระดับสัตว์ประหลาด"
ในงานแถลงข่าวของ CES 2022 ทาง Nvdia ได้เปิดตัวการ์จอสองรุ่นใหม่อย่าง RTX 3050 การ์ดจอรุ่นประหยัด ราคาย่อมเยาว์ กับ RTX 3090 Ti การ์ดจอตัวท็อปสุดของค่าย โดยทางโฆษกของ Nvdia ได้ตั้งชื่อเล่นให้ว่า "การ์ดจอระดับสัตว์ประหลาด”โดยตัวการ์ดจอ RTX 3090 Ti นั้น ใช้โมเดล GA102 มีจำนวน CUDA cores มากถึง 10,752 ตัว มี RAM 24 GB GDDR6X และยังทำความเร็วไปได้ถึง 21 Gbps เลยทีเดียว (RTX 3090 ทำได้เพียง 19.5 Gbps เท่านั้น)นอกจากนี้ตัว RTX 3090 Ti รุ่นอัปเกรดยังทำความเร็วคล็อกไปได้ 1,560 MHz และมีประสิทธิภาพเกือบถึง 5 TFLOPS ซึ่งทิ้งห่างรุ่นต้นฉบับอย่าง RTX 3090 ไปได้อย่างสวยงามรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งราคาขายและวันวางจำหน่ายของตัว RTX 3090Ti ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดเบื้องต้นทาง Nvdia ได้บอกถึงแค่วันวางจำหน่ายและราคาของ RTX 3050 เท่านั้นซึ่งตัวน้องเล็กของตระกูล 30 จะวางจำหน่ายในวันที่ 27 มกราคม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 269$ (ประมาณ 8,900 บาท)แหล่งข้อมูล: pcgamerIGN
05 Jan 2022
ญี่ปุ่นเจ๋ง! ผลิต TV ที่ปล่อยรสชาติออกมาได้มากกว่า 10 รส เพียงแค่เลียจอ
เคยสงสัยกันไหมว่า อาหารในเกมที่ดูน่ากินเหล่านั้นรสชาติมันเป็นอย่างไรทั้งอาหารก่อนออกล่าใน Monster Hunter World หรืออาหารที่ทำเองใน Final Fantasy XV ก็มีภาพที่สวยสดสามจริง จนทำให้ผู้เล่นบางคนถึงกับต้องลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันทีเดียวและเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ Homei Miyashita ได้ทำการเปิดตัวสิ่งที่จะมายุติความสงสัยของเหล่าเกมเมอร์กับรสชาติอาหารในเกมได้ นั่นก็คือ ทีวีที่สามารถลิ้มรสผ่านหน้าจอได้นั่นเอง!!โดยเขาได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า TTTV (Taste the TV)หลักการทำงานของ TTTV จะประกอบไปด้วยถังที่เก็บกลิ่นเอาเอาไว้ 10 แบบ ที่คอยทำหน้าผสมผสานกันเพื่อให้ผู้ชิมสามารถรับรู้ถึงรสชาติผ่านปลายลิ้นที่สัมผัสกับหน้าจอของทีวีด้านศาสตราารย์ Miyashita ที่เป็นผู้พัฒนาได้กล่าวว่า “ผมพัฒนา TTTV เพราะมีเป้าหมายที่อยากให้ผู้ชมทุกคนสามารถลองลิ้มชิมรสอาหารจากทั่วทุกมุมโลกได้ แม้จะนั่งอยู่ที่บ้านก็ตาม”สำหรับใครที่คิดอยากจะลองซื้อ TTTV มาลองใช้ชิมรสชาติอาหารในเกม ก็น่าจะต้องคิดหนักกันหน่อยละครับ เพราะราคาที่เปิดตัวมาในตอนนี้อยู่ 100,000 เยน (ประมาณ 29,324 บาท) ถ้าไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจริง ๆ แนะนำไปซื้อการ์ดจอ หรือซื้อจอแบบเกมมิ่งน่าจะเหมาะสมกว่านะแหล่งข้อมูล: pcgamesn
24 Dec 2021
[Play-to-Earn] รวมศัพท์ควรรู้ ในโลกของคริปโตและ NFT
ช่วงนี้กระแส Crypto-base Game ที่เป็นการเล่นเกมแบบ Play-to-Earn กำลังพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่สำหรับบางคนที่เป็นมือใหม่หรือเพิ่งจะเริ่มศึกษา คงเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จักเต็มไปหมดเลยใช่ไหมล่ะ! วันนี้ GameFever เลยรวบรวมศัพท์ทางเทคนิคที่นิยมใช้บ่อยๆในโลกของ Crypto-base Game เวลาไปศึกษาต่อจะได้ไม่งงยังไงล่ะ จะมีคำว่าอะไรบ้างลองไปดูกันเลยBlockchainคือเทคโนโลยีรูปแบบหนึ่ง ที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลการทำธุรกรรมออนไลน์ไว้ภายใน “กล่อง” ที่เชื่องโยงข้อมูลต่อกันเป็นรายการเรียงต่อ ๆ กันคล้ายกับห่วงโซ่ เมื่อข้อมูลถูกบันทึกแล้วจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ และเพราะไม่มีใครสามารถแทรกแทรงเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้นี้เอง จึงทำให้เทคโนโลยี Blockchain โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดย Blockchain จะเข้ามาเป็นกลไกหลักในโลกของ Crypto Currency เพราะสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ไม่มีตัวกลางในการทำธุรกรรมแบบธนาคาร และเหรียญดิจิทัลหลายตัวก็มี Chain เป็นของตัวเอง เช่น Ethereum และ Bitcoin นั่นเองDecentralized Exchange (DEX)กระดานสำหรับการแลกเปลี่ยน (Trade) สกุลเงินดิจิทัลโดยไม่มีตัวกลางคอยควบคุม แต่จะสร้างตลาดโดยการใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาดูแลแทน เช่น Pancakeswap, Uniswap และ Deri Protocol ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาปิดระบบได้ ทำให้ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นในนี้และเหรียญทุกเหรียญจะเป็นของเราโดยสมบูรณ์ CryptoCurrencyเป็นการรวมกันของคำว่า Crypto Graphy ที่แปลว่าเข้ารหัส กับ Currency ที่หมายถึงสกุลเงิน รวมแล้วจะหมายถึงสกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ถูกเขารหัสไว้ ซึ่งแน่นอนว่าการจะยืนยันการทำธุรกรรมทุกประเภทจะต้องยืนยันผ่าน Blochchain เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สินFiat Moneyคำนี้ใช้สื่อถึงสกุลเงินที่ถูกใช้งานกันในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างเงินบาท ดอลล่าร์สหรัฐ หรือยูโร โดยเราสามารถเทียบมูลค่าเหรียญคริปโตของเรากับเงินเฟียต (Fiat) บน Exchange เพื่อที่จะได้ทราบมูลค่ากับสกุลเงินจริง รวมถึงสามารถทำธุรกรรมถอนจาก CryptoCurrency เป็น Fiat Money สกุลต่างๆ ที่เราต้องการผ่านแพลตฟอร์ม Exchange ได้ด้วยCoin & Tokenในกรณีที่เหรียญอย่าง Ethereum (ETH) และ Bitcoin (BTC) นั้นมี Chain เป็นของตัวเอง เราจะเรียกเหรีญตัวนั้นว่า Coin ในขณะที่เหรียญอื่นๆที่ต้องการศัยการทำธุรกรรมผ่าน chain อื่น เราจะเรียกว่า Tokenซึ่งในเกม Play-to-Earn ที่เราเล่นกัน เหรียญที่ได้รับจากในเกมแทบจะทั้งหมดเป็น Token ที่อาศัย chain ใด chain หนึ่งในการดำเนินการทางธุรกรรมWalletกระเป๋าเก็บเหรียญ ที่จะแสดงข้อมูลว่าขณะนี้เราถือเหรียญแต่ละเหรียญไว้เป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยบาง Wallet สามารถเช็คเหรียญหลายสกุลหรือหลาย chain ได้ บาง Wallet ก็สามารถเทียบเป็นมูลค่าเงิน Fiat ได้เลยก็มี ขึ้นอยู๋กับฟังก์ชั่นและการรองรับการใช้งานของแต่ละ Walletตัวอย่างเช่น Metamask ซึ่งเป็น No.1 ของ Wallet ทั้งหมดในตอนนี้ เราสามารถเพิ่ม Chain ใน Network ได้ตามความต้องการในการใช้งาน ซึ่งถือว่ารองรับ Chain ได้ครอบคลุมมากเลยทีเดียว เทียบกับ Wemix ที่จะมีแต่ Chain ในเครือของตัวเองเท่านั้น แต่แลกมากับการเชื่อมต่อ DEX และเทียบค่าเงิน Fiat ได้จากในกระเป๋าโดยไม่ต้องขึ้นกระดานเทรดเลยDeFi & GameFiDecentralized Finance (DeFi) คือระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง โดยอาศัย Blockchain และ Smart Contact เข้ามาเป็นตัวควบคุมการทำธุรกรรม ซึ่งระบบนี้ถูกนำมาใช้กับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนั่นเองส่วน GameFi เป็นรวมคำว่า Game เข้ากับ Defi เป็นการเล่นเกมโดยเพิ่มระบบการเงินแบบ Defi เข้ามาด้วย ทำให้เกิดการทำธุรกรรมต่างๆที่มาจากการเล่นเกม เข้าสู่การแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญดิจิทัลแบบต่างๆ รวมถึงเงิน Fiat ด้วยยังไงล่ะSwapคือการแลกเปลี่ยนเหรียญจากสกุลหนึ่งไปเป็นอีกสกุลหนึ่ง ซึ่งคำๆนี้ถูกใช้มาตั้งแต่การเทรดหุ้นหรือสกุลเงินมาก่อนแล้ว และด้วยหลักการเดียวกัน คือเทียบมูลค่าของ CryptoCurrency ที่เราถืออยู่ในมือกับอีกสกุลหนึ่งแล้วแลกออกมาตามค่าเงินของช่วงนั้นListed Exchangeหลายครั้งที่เกม Play-to-Earn จะโปรโมตตัวเองว่า 'ตอนนี้เหรียญของเราได้ Listed บน xxx Exchange แล้วนะ' ในที่นี้จะหมายถึงเราสามารถนำเหรียญจากเกมไปแลกเปลี่ยนบนตลาดและกระดานเทรดนั้นๆได้ โดยไม่ต้องทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่น เรียกง่ายๆว่าเหรียญนี้ได้รับการยอมรับบนกระดานเทรดแล้วนั่นเอง ซึ่งสำหรับค่ายเกม นี่ยังเป็นหนึ่งในการแสดงความเชื่อมั่นต่อผู้เล่นอีกด้วยNFTNon-Fungible Token (NFT) คือเหรียญดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถมีเหรียญใดเข้ามาทดแทนได้ ทำให้ NFT นับเป็นสินทรัพย์ทางดิจิทัลตัวหนึ่ง ที่รันอยู่บน Blockchain โดยเราสามารถทำธุรกรรม ซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน ได้เหมือน CryptoCurrency ทุกประการ เพียงแต่จำนวนที่มีอยู่บนโลกจะจำกัดมากกว่า โดยอาจมีเพียงชิ้นเดียวก็ได้ใครจะไปรู้และใน GameFi การสร้าง NFT ถือเป็นอีกหนึ่ง Gimmik หลักที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะการที่เราสามารถหาไอเท็มที่มีเฉพาะในเกมได้ หรือสร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเพียงตัวเดียวบนโลก ทำให้พวกมันมีมูลค่ามากพอที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกันหรือซื้อสะสมไว้เช่นกันLiquidity Poolคือคลังเหรียญของ DEX หรือในเกมนั้นๆ โดยควบคุมและสามารถซื้อขายผ่าน Smart Contact ได้เลย ซึ่งจำนวน Liquidity Pool ที่แพลตฟอร์มนั้นๆมี จะรับประกันสภาพคล่องของสินทรัพย์ระหว่างผู้ที่เข้าร่วมในตลาดได้อีกด้วยและอย่างที่เรารู้กันว่า เหรียญ CryptoCurrency มีจำนวนที่แน่นอน ว่าง่ายๆก็คือวันหนึ่งมันจะไม่สามารถถูกขุดขึ้นมาใหม่ได้อีก Token ในเกมก็เช่นกัน ฉะนั้นบางเกมที่เหรียญออกมาจนครบในเวลาอันรวดเร็ว หรือคนเทขายเหรียญจนไม่เหลือใน Pool เลย ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกมเหล่านั้นแตกได้อย่างง่ายดายYield Farmingเป็นรูปแบบการทำกำไรหนึ่งบนโลกของ CryptoCurrency ด้วยการฟาร์มเหรียญ วิธีการคือให้เรานำเหรียญของเราเข้าไปใน Liquidity Pool แล้วรอรับผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมหรือ Governance Token ของแพลตฟอร์ม เรียกอีกอย่างว่าเราเข้าไป Stake เหรียญแล้วรอให้กำไรงอกเงยด้วยตัวเองโดยเกม Play-to-Earn ส่วนใหญ่ต่างก็เข้าข่ายนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ชัดเจนเลยคือ Morning Moon Village ที่ใช้ระบบนี้มาสร้างเป็นเกมเลย ซึ่งมีส่วนช่วยในการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในเกมได้อย่างดี ส่วนคนที่ลงเหรียญไว้ก็ได้กำไรกลับคืนมาเรื่อยๆ win-win ทั้งผู้เล่นและทีมงานสร้างเกมเลยROIReturn of Investment หรือผลตอบแทนจากการลงทุนนั่นเอง โดยจะคิดเทียบกับเงินแรกเข้าที่วางไว้แล้วได้เงินจำนวนนั้นคืนในเวลาเท่าไหร่ รวมถึงมีกำไรเข้ามาเท่าไหร่ด้วย ซึ่งในวงการ GameFi จะมีการนำเสนอข้อมูลนี้กันเพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือของเกมแต่ละเกม รวมถึงความคุ้มค่าในการเข้าไป Play-to-Earn กับเกมนั้นๆ ด้วยนั่นเองHODLในทางการเงินดิจิทัล คำนี้หมายถึงพฤติกรรมของรักลงทุนที่ตัดสินใจลงทุนกับเหรียญหรือเกมนั้นในระยะยาว โดยไม่กังวลกับราคาที่ผันผวนในปัจจุบัน ซึ่งก็มีเกมเมอร์หลายคนที่เป็นสายนี้หากเขามั่นใจกับแผนงานของเกมนั้นมากพอ ก็จะไม่สนการวิ่งของกราฟที่ขึ้นสุดลงสุด แต่จะรอจนถึงช่วงที่เหมาะสมจริงๆ หรือรอไปยาวๆจนกว่าจะถึงช่วงที่เจ้าตัวพอใจนั่นเอง อย่างไรก็ดี คำนี้ยังมีไว้แซวคนที่อดทนถือเหรียญไว้ไม่ยอมขาย เพราะราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาได้ด้วยเช่นกันFOMO & JOMOFOMO (Fear of Missing out) เป็นอีกพฤติกรรมที่ส่งผลต่อระบบเกมอย่างมาก เมื่อมีผู้คนส่วนมากกลัวที่จะขาดทุน จึงเร่งเทขายเหรียญก่อนที่ราคาจะร่วงไปมากกว่านี้ ซึ่งส่งผลต่อ Liquidity Pool และความน่าเชื่อถือของเกม อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ CryptoMine มาแล้ว ฉะนั้นเมื่อเห็นว่าเกมเจอภาวะนี้เมื่อไหร่ก็เตรียมกุมขมับได้เลยส่วนพฤติกรรมตรงกันข้ามก็คือ JOMO (Joy of Missing out) ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่เจอเหรียญราคาร่วงหรือแม้แต่ตัวเองกำลังขาดทุนกับเกมหรือการเทรดนั้นอยู่ก็ตาม และอาจเห็นเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำไปRug Pullกลโกงรูปแบบหนึ่ง ที่แสร้งทำเป็นเปิดแพลตฟอร์มให้เรานำเงินไปลงทุน เมื่อมีเงินในระบบจำนวนมากแล้วเจ้าของแพลตฟอร์มนั้นก็ปิดแล้วหนีหายไปพร้อมกับเงินก้อนโต เป็นเหมือนการ 'ดึงพรมให้คนที่ยืนอยู่ล้มหน้าทิ่ม' เป็นการหักหลังผู้ลงทุนที่เจ็บแสบมากวิธีหนึ่งเลยซึ่งในวงการ Defi และ GameFi ก็มีไม่น้อย ที่ในช่วงแรกพยายามโฆษณาตัวเองให้น่าเชื่อถือ หรือสามารถลงเงินได้แต่ยังไม่ให้ถอนออก ก่อนที่ Dev จะสละโปรเจคทิ้งอย่างไม่ใยดีและไม่ทิ้งเงินคืนมาให้ด้วย ฉะนั้นเมื่อมีคนเตือนว่าเกมนี้ Rug Pull ล่ะก็รีบถอยให้ห่างเลยนะAirdropถ้าเล่นเกมแนว Battle Royale กันมาก็น่าจะคุ้นกับคำนี้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือของดีของฟรีที่ระบบจะปล่อยมาให้ผู้เล่นแย่งชิงเพื่อให้ได้ Supplies ในจำนวนที่มากขึ้นหรือดีกว่าเดิม คล้ายๆกันในโลกของ Crypto-base Game การจัดกิจกรรม Aridrop ก็คือการแจกของให้ผู้ที่สนใจแบบฟรีๆ เพียงแค่กดติดตามหรือทำตามกติกาเล็กๆน้อยๆ โดยจะได้ของรางวัลตอบแทนเป็นเหรียญหรือ NFT ของเกม เพื่อเป็นการโปรโมตและกระจายเหรียญให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงสร้างมูลค่าให้กับเหรียญของเกมนั้นๆด้วย
23 Dec 2021
Audiophile ดัดแปลง SSD รุ่นพิเศษ อ้างช่วยให้เสียงดีขึ้น!!
วงการนักฟังหูทองอย่าง Audiophile (กลุ่มคนที่นิยมชมชอบในการเล่นเครื่องเสียงแบบจริงจัง) ยังคงพยายามพัฒนาอุปกรณ์รอบตัวต่าง ๆ เพื่อให้ได้เสียงออกมาคมชัดแจ่มใส่มากที่สุด และในไทยก็เคยเกิดประเด็นเรื่องการใช้สาย LAN ที่ราคาสูงจะช่วยทำให้เสียงที่ออกมาดีกว่าอยู่เหมือนกัน ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นก็ได้มีคนออกมาแสดงผลทดสอบ รวมไปถึงออกมาอธิบายทฤษฎีต่าง ๆ และแสดงความเห็นเป็นจำนวนมากล่าสุดทางฝั่งต่างประเทศได้มี Audiophile รายหนึ่งโพสต์ภาพของ SSD ที่ถูกปรับแต่งมา และเขาอ้างว่า ไฟล์เสียงที่เล่นผ่าน SSD ตัวนี้จะมีคุณภาพที่ดีขึ้น แตกต่างจาก SSD ทั่วไปตามท้องตลาดโดยทางผู้พัฒนา SSD Audiophile รายนี้กล่าวว่า เขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิต SSD ที่ไม่ประสงค์ออกนามซึ่งทางตัวไดรฟ์ SSD ตัวนี้มีความจุดั้งเดิมที่ 1 TB แต่ถูกเปิดให้ใช้งานได้แค่ 333 GB เพียงเท่านั้นเนื่องจากตัว SSD กำลังทำงานอยู่ในโหมด pseudo-SLC (pSLC) ที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพและความทนทานเพิ่มขึ้น โดยแลกกับความจุที่ลดลงและทางผู้พัฒนาเชื่อว่าการใช้โหมด pSLC จะช่วยทำให้ไฟล์เสียงมีคุณภาพที่ดีมากกว่าโหมด TLC แบบปกตินอกจากนี้ ตัว SSD ยังได้ถูกปรับแต่งอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวแผงวงจรแปดชั้น ท่อระบายความร้อนทองแดง ไปจนถึงการรับพลังงานจากภายนอก (พลังงานของ SSD ตัวนี้จะไม่ได้รับไฟฟ้ามาจาก Motherboard) ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงให้ได้มากที่สุดและแม้ทางผู้พัฒนาจะได้เปิดให้คนอื่นร่วมทดสอบการใช้ SSD ดัดแปลงที่เขาอ้างว่าทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นตัวนี้แต่ผลตอบรับที่ออกมาก็ไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวกับเสียงมากนัก โดยผู้ดทดลองคนหนึ่งกล่าวว่า ค่อนข้างประทับใจนะ เพราะต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์และทำงานได้ปกติ ไว้จะลองอย่างอื่นเพิ่มเติม ด้านเว็บไซต์ข่าวสารข้อมูล Hardware ชื่อดังอย่าง tom’sHARDWARE ได้ออกมาให้ความเห็นว่า โดยหลักการแล้ว การทำงานของ SSD จะรับส่งข้อมูลในรูปแบบของ 0 กับ 1 เท่านั้น เพราะงั้นต่อให้มีการเสริมเติมแต่งตัว SSD หรือทำให้ใช้แหล่งพลังงานจากภายนอก มันก็ไม่น่าจะเปลี่ยนข้อมูลของ 0 กับ 1 ไปเป็นอย่างอื่นที่ดีกว่าได้หรอกนะ ดูท่าว่าผู้พัฒนา SSD Audiophile รายนี้จะต้องรอผลการทดสอบจากคนอื่น ๆ อีกต่อไป เพื่อยืนยันถึงความคิดและประสาทรับฟังอันแสนเฉียบแหลมของเขาแล้วล่ะครับแหล่งข้อมูล: tomshardware
22 Dec 2021
เบาได้เบา! บริษัท SK Hynix แถลงข่าวเปิดตัวชุดแรม 96 GB
บริษัทผู้ผลิต RAM สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง SK Hynix ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะผลิตชุด RAM DDR5 48 GB และ ชุด RAM DDR5 96 GB ซึ่งทางตัวบริษัทจะเป็นแห่งแรกที่ผลิต DRAM ที่มีความหนาแน่นสูงถึง 24 GB จากแต่เดิมที่มีแค่ 16 GB อีกด้วยการออกแบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทภาพในการผลิตมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผลิตโมดูลรวดเร็วขึ้นถึง 33% เลยทีเดียวนอกจากนี้ SK Hynix ยังกล่าวว่า ตัวโมดูลของ DD5 จะกินพลังงานน้อยกว่าเดิมถึง 25% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนของทางบริษัทและทางบริษัทยังได้อ้างว่า โมดูลความหนาแน่นสูงตัวใหม่จะช่วยในการรันแอปพลิเคชันจาก Metaverse อีกด้วย ซึ่งนี่น่าจะช่วยให้เครื่อง Meta’s Oculus Quest 2 VR ได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้เช่นกันตอนนี้ชิปตัวอย่างจากทาง SK Hynix ได้เริ่มส่งออกกันแล้ว แต่ยังไม่มีวันเวลาในการออกจำหน่ายที่แน่ชัดซึ่งว่ากันตามตรง สำหรับชาวเกมเมอร์ดูจะยังไม่ค่อยต้องการตัว RAM มากถึงขนาดนั้นสักเท่าไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นเกมก็คงหนีไม่พ้นการ์ดจอเสียมากกว่า นอกจากนี้ CPU ที่สนับสนุน DDR5 ได้ ในท้องตลาดตอนนี้ก็ยังมีไม่เยอะมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงอาจจะดูไกลตัวไปสักหน่อย สำหรับชาวเกมเมอร์ที่ใช้ PC เล่นเกมเพียงอย่างเดียวแหล่งข้อมูล: pcgamesn
16 Dec 2021
ผลทดสอบหลุด! AMD Ryzen ตัวใหม่ อาจรองรับ DDR5
ณ ตอนนี้ มีเพียง CPU ของทางค่ายสีฟ้าอย่าง Intel เท่านั้นที่สามารถรองรับการใช้งานแรม DDR5 ได้ จนกระทั่งมีข่าวลือหลุดจากผลการทดสอบ Benchmark ของค่ายสีแดงอย่าง AMD กับ CPU รุ่นใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็น AMD Ryzen Zen 4 ที่อาจจะทำมารองรับการใช้งาน DDR5 ด้วยก็เป็นได้โดยผลการทดสอบนี้ได้มาจากเว็บไซต์ BAPCo แม้ในเว็บจะไม่ได้ระบุชื่อรุ่นของ CPU เอาไว้ แต่ผลที่ทดสอบก็ออกมามีความคล้ายคลึงกับ AMD Rembrandt Zen 3+ APU ที่ใช้บนเครื่องแล็ปท็อป ซึ่งมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า CPU ตัวนี้จะสนับสนุน DDR5ดังนั้นเราจึงพอจะอนุมานได้ว่า CPU อะไรก็ตามของ AMD ที่ได้ทำการทดสอบไปนั้น น่าจะรองรับ DDR5 ด้วยเช่นกันทางเว็บไซต์ BAPCo ได้ระบุว่า CPU ที่เป็นของ AMD ตัวนี้ มี 8 cores 16 threds ทดสอบด้วยแรมคู่ 8 GB (รวม 16 GB) ทำความเร็วได้ถึง 4800 MHzถึงอย่างไรก็ดี ทาง AMD ยังไม่ได้ออกมายืนยันเกี่ยวกับการรองรับการใช้ DDR5 ของ CPU ทั้งสองรุ่น ดังนั้นข่าวลือนี้ควรจะฟังหูไว้หูจะดีกว่าไม่แน่ว่าในงาน CES หนึ่งในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ทาง AMD อาจจะออกมาประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เป็นได้แหล่งข้อมูล: pcgamesn
15 Dec 2021
กลุ่ม Hacker เจาะระบบ PS4 สำเร็จ พร้อมอ้างว่า PS5 น่าจะมีช่องโหว่เดียวกัน
กลุ่มแฮ็กเกอร์สามคนประกอบไปด้วย SpecterDev, ChendoChap และ Znullptr ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาสามารถแฮ็กเครื่องคอนโซลของ PlayStation 4 ได้แล้วโดยในวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา บัญชี Twitter ของ SpecterDev ได้ทวีตวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า เครื่อง PlayStation 4 ของเขากำลังรันโปรแกรมภายนอกอยู่บน firmware รุ่น 9.00 ของเครื่องคอนโซลนั่นเองซึ่งทาง Znullptr หนึ่งในแฮ็กเกอร์ได้ออกมาทวีตยืนยันว่า ช่องโหว่ที่พวกเขาพบนั้นสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า ช่องโหว่นี้อาจจะใช้ได้ผลกับเครื่องเกม PlayStation 5 อีกด้วยอันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฮ็กเกอร์สามารถเจาะระบบของเครื่อง PlayStation 4 ได้สำเร็จ เพียงแต่ว่าในการเจาะระบบก่อนหน้านี้ ผู้ที่ต้องการจะทำเช่นนั้นจะต้องรักษา firmware ของตัวเครื่องให้เป็นรุ่นเก่าเอาไว้ดังเดิม ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะอัปเดตตัว firmware ของเครื่องอยู่แล้ว เพื่อรองรับเกมใหม่ ๆ ในอนาคต ดังนั้นการแฮ็กในครั้งก่อน ๆ จึงไม่ค่อยสร้างผลกระทบมากเท่าไรนักกลับกันการแฮ็กในครั้งนี้สามารถทำได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เพราะตัว firmware รุ่น 9.00 ถูกปล่อยมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2021 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชัน 9.03 ที่ยังไม่สามารถหาช่องโหว่ได้ ถูกปล่อยให้อัปเดตในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา นั่นจึงหมายความว่า หากใครที่ไม่ได้เปิดเครื่องเกม PlayStation 4 เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ พวกเขาก็จะยังสามารถแฮ็กเครื่องเกม และสามารถลงเกมหรือแอปอะไรก็ได้ตามใจชอบทั้งนี้ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ไม่มีคอนโซลเครื่องไหนที่จะสามารถป้องกันการถูกเจาะระบบไปได้ตลอดกาล และ PlayStation 4 ก็สามารถทำหน้าที่ของมันจนลุล่วงแล้วยุคต่อไปเป็นหน้าที่ของ PlayStation 5 ที่รับช่วงต่อต่างหากที่น่าเป็นห่วง หากช่องโหว่ที่ Znullptr ได้ทวีตเอาไว้เป็นความจริงแหล่งข้อมูล: kotaku
14 Dec 2021
ชาว PC เฮ Google ยัน พร้อมขนเกมจาก Android ลง PC ในปี 2022
Google หนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ได้ประกาศข่าวที่น่าดีใจให้กับชาวเกมเมอร์นั่นคือ การเปิดให้บริการ Google Play Games ที่จะช่วยให้สามารถเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์มจากระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถืออย่าง Android ข้ามมาสู่ PC ได้อย่างลื่นไหลดูเหมือนว่า Google จะเริ่มรุกตลาดของชาวเกมเมอร์มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  ทั้งระบบการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งที่เรียกว่า Stadia ที่ออกมาได้ตรงจังหวะพอเหมาะพอเจาะกับช่วงการ์ดจอ และเครื่องคอนโซลขาดตลาด แต่ก็ดูท่าว่าจะไปได้ไม่ค่อยสวยเสียเท่าไร เนื่องจากทาง Google ได้ประกาศปิดตัวสตูดิโอที่พัฒนาเกมของตัวเองไปแล้วซึ่งทาง Google ก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาได้วางแผนที่จะนำเกมจากเครื่องมือถือเข้ามาสู่บนเครื่อง PC ในปี 2022 ที่จะถึงนี้ด้านคุณ Greg Hartrell ที่นั่งตำแหน่ง Product director ของเกมบนระบบ Android และ Google Play กล่าวว่า“Google Play Games จะให้ผู้บริโภคมากกว่าเพียงแค่นำเกมจากโทรศัพท์มือถือมาลงคอมพิวเตอร์เท่านั้น มันจะมีกลไกที่ช่วยให้สามารถสลับการเล่นเกมระหว่างมือถือกับคอมพิวเตอร์แบบไร้รอยต่ออยู่ด้วย”ทั้งนี้ทาง Google ยังไม่ได้ออกมายืนยันถึงวันที่จะปล่อยระบบ Google Play Games ให้ทั่วโลกได้ใช้แต่อย่างใด โดยบอกมาคร่าว ๆ เพียงว่า ระบบนี้จะถูกปล่อยในปี 2022 เท่านั้นแหล่งข้อมูล: gamerant
13 Dec 2021
ผลทดสอบชี้ RTX 2060 12 GB ใช้ขุดเหมืองแรงกว่า RTX 3060!!
จากข่าวการกลับมาของการ์ดจอ RTX 2060 ที่จะเพิ่มแรมการ์ดจอไปถึง 12 GB โดยหวังว่าการ์ดจอตัวนี้จะเข้ามาช่วยปัญหาเรื่องการ์ดจอขาดตลาดในปัจจุบันได้แต่ดูเหมือนว่าการ์ดจอที่หวังจะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์กลับกลายไปอีกหนึ่งปัญหาใหม่ไปเสียแล้ว เนื่องจากมีผลทดสอบรายงานว่า ตัวการ์ดจอ RTX 2060 รุ่น 12 GB นี้ มีอัตราขุดเหมืองที่แซงหน้า RTX 3060 ที่ใช้เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมใหม่กว่าไปซะอย่างงั้นเหตุผลมันมาจากตัวการ์ดจอ RTX 3060 สามารถจำกัดความแรงของตัวเองได้ เมื่อมันตรวจเจออัลกอริทึมของการขุดเหมือง กลับกันเจ้าการ์ดจอ RTX 2060 ไม่สามารถตรวจจับการขุดเหมืองได้ จึงทำให้มันยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาซึ่งผลการทดสอบจากทาง pcmarket’s ได้ออกมาบอกว่า ตัว RTX 2060 รุ่น 12 GB สามารถทำความเร็วไปได้ถึง 31.65 MH/S ส่วนตัว RTX 3060 สามารถทำความเร็วไปได้เพียง 22.17 MH/S เท่านั้น (แต่ก็กินพลังงานน้อยกว่าเช่นกัน)โดยผลกาารทดสอบนี้ เป็นการทดสอบจากเพียงแหล่งเดียว เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปักใจเชื่อเต็มร้อย เราต้องรอการทดสอบจากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เพื่อความแม่นยำของข้อมูลที่มากยิ่งขึ้น ส่วนผลทดสอบในด้านประสิทธิภาพการเล่นเกมนั้น RTX 3060 ยังคงเอาชนะ RTX 2060 ได้อยู่ แม้จะเป็นรุ่น 12 GB ก็ตามที ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าไร เพราะตัว RTX 3060 ใช้เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมที่ใหม่กว่านั่นเองแหล่งข้อมูล: pcgamer
08 Dec 2021
Alder Lake ก็ฉุดไม่อยู่ Ryzen ยังคงตีตลาดเกมเมอร์อย่างต่อเนื่อง
จากรายงานผลสำรวจการใช้ฮาร์ดแวร์ของ Steam ทาง Valve ได้รายงานว่า AMD ยังคงเป็นผู้ชนะในการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตที่มั่นคง อยู่ที่ 31.53% (+0.69%) สวนทางกับ Intel ที่มีอัตราผู้ใช้งานลดลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แม้ว่าทาง Intel จะปล่อย CPU รุ่นใหม่มาเรียกลูกค้าอย่าง Alder Lake ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไรนัก เพราะทาง Ryzen ยังคงดึงฐานลูกค้าออกจาก Intel ได้อย่างไม่ลดละและถึงแม้คะแนนจาก Benchmarks จะบอกว่าตัว CPU ของ Intel รุ่นที่ 12 สามารถสู้กับ CPU ตัวเรือธงของ AMD ได้อย่างสูสีคู่คี่ แต่ทางผู้บริโภคคงต้องการให้ค่ายสีฟ้านี้พิสูจน์ตัวเองกันอีกสักพักว่าพวกเขาจะทำการพัฒนานวัตกรรมต่อไป ไม่หยุดอยู่กับที่เป็นเสือนอนกินเหมือนที่แล้ว ๆ มา จน AMD สามารถเข้าแย่งส่วนแบ่งตลาดได้นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจอย่าง การ์ดจอยอดนิยม โดยอิงจากภาวะการ์ดจอขาดตลาดในตอนนี้ เราจะเห็นได้ว่าแล็ปท็อปเกมมิ่งเติบโตขึ้นมาก เพราะหาซื้อได้ง่ายกว่าการ์ดจอปกติ โดย RTX 3060 Laptop โตขึ้น 1.75% (+0.39%) ขึ้นเป็นการ์ดจอซีรีส์ 30 ที่มีคนนิยมใช้มากที่สุดส่วนการ์ดจอซีรีส์ 10, 16 และ 20 ยังคงติดในอันดับต้น ๆ แม้จะเริ่มมีอายุมากแล้วก็ตามอ้างอิง: pcgamesnsteam
03 Dec 2021
ชาวแอนดรอยด์เฮ! Snapdragon ตัวใหม่ แรงกว่าเดิม 20% กินไฟน้อยลง 30% พ่วงด้วยเทคโนโลยีเพิ่มเฟรมเรต
บริษัท Qualcomm ได้เปิดตัวชิปเซ็ตใหม่ของ Snapdragon หนึ่งในชิปยอดนิยมของชาวแอนดรอยด์ ในชื่อ Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งเป็นชิปตัวแรกของ Snapdragon ในรูปแบบ SoC (System on Chip) หรือทุกอย่างอยู่ในชิปเดียวนั่นเองด้วยการใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมของ ARM v9 จึงทำให้ทาง Qualcomm เชื่อว่า ชิปตัวใหม่นี้จะแสดงประสิทธิภาพได้มากกว่า Snapdragon 888 ถึง 20% แถมยังกินพลังงานน้อยกว่า 30% อีกด้วยด้านการ์ดจอ Adreno ที่เป็นตัวคู่บุญของ Snapdragon ก็ได้รับการอัปเกรดไปด้วยเช่นกัน ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 30% และประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 25%ชิป Snapdragon 8 Gen 1 มีขนาดเพียง 4 นาโนเมตร มาพร้อมกับ CPU ถึง 8 ตัว ประกอบไปด้วย Cortex-X2 ความเร็ว 3.0 GHz 1 ตัวCortex-A710 ความเร็ว 2.5 GHz 3 ตัวและ Cortex-A510 ความเร็ว 1.8 GHz 4 ตัวแม้ว่าทาง Qualcomm จะยังไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดของการ์ดจอ แต่เชื่อได้ว่าชิปเซ็ตรูปแบบ SoC ตัวนี้จะต้องเป็นหนึ่งในชิปที่มีความแรงอันดับต้น ๆ ของฝั่งแอนดรอยด์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังพ่วงมาด้วยฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องในชื่อ Adreno Frame Motion Engine ซึ่งทาง Qualcomm อ้างว่า ระบบนี้จะช่วยเพิ่มเฟรมเรตเป็นสองเท่าโดยที่ไม่กินพลังงานเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ฟังดูแล้วก็คล้าย ๆ กับเทคโนโลยี Supersampling ที่เรารู้จักกันเลยต้องมาตามดูกันในปี 2022 ว่า ทั้งหมดที่ทาง Qualcomm นำเสนอมานั้นจะใช้ได้จริงมากสักแค่ไหนกันอ้างอิง: pcgamer gsmarena
03 Dec 2021
จีนผลิตการ์ดจอเอง อ้างแรงเท่า RTX 3070!!
บริษัท Innosilicon จากจีนได้แถลงข่าวเปิดตัว GPU ใหม่ในชื่อ Fantasy One ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 รุ่นโดยแบ่งเป็น Type A ที่จะมีการ์ดจอแบบ Single กับ Dualและ Type B ที่จะมีการ์ดจอแบบ Dual เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ Type B น่าสนใจคือ รุ่นหนึ่งจะมีพัดลมสามตัว ส่วนอีกรุ่นจะไม่มีพัดลมอยู่บนตัวการ์ดจอเลย!!ด้านประสิทธิภาพ ทาง Innosilicon ยังไม่ได้ออกมาบอกถึงตัวเลขที่แน่ชัด แต่พวกเขาอ้างว่าตัว Type A แบบ Single จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการ์ดจอ RTX 3070 หรือ RX 6600 XT เมื่อนำไปใช้งานเลยทีเดียวนอกจากนี้ตัวการ์ดจอ Fantasy One Type A ยังมี RAM GDDR6X สูงถึง 16 GB และให้พลังประมวลผลมากถึง 5 Teraflops อีกด้วยนี่ยังไม่ได้พูดถึงตัว Type B ที่จะเป็นการ์ดจอแบบ Dual เท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า ตัวเลขประสิทธิภาพทุกอย่างจะต้องพุ่งสูงไปอย่างน้อยก็ 2 เท่าจาก Type A แถมทางฝั่ง Innosilicon ยังเซอร์ไพรส์ด้วยการบอกว่า ตัว Type B จะมีรุ่นหนึ่งที่ไม่มีพัดลมอยู่บนการ์ดจอเลย งั้นแสดงว่าการ์ดจอตัวนี้มีระบบระบายความร้อนในตัวเองอย่างนั้นเหรอ? นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ และน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมากทั้งนี้ด้านราคาและตัวเลขที่แน่ชัดจากการทดสอบโดยคนทั่วไปยังไม่ออกมาให้เห็น นั่นจึงทำให้เราได้แต่หวังว่า บริษัทจากจีนเจ้านี้จะทำได้จริงตามที่พวกเขาพูดเอาไว้ และก็หวังว่าการ์ดจอที่จีนผลิตได้ในครั้งนี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการ์ดจอขาดตลาดในปัจจุบันได้เสียทีอ้างอิง: pcgamernotebookcheck
02 Dec 2021
RTX 3090 Ti จะมาพร้อมกับแรม GDDR6X แรงถึง 21Gbps
สำหรับรุ่นที่น่าจะเป็นตัวแรงที่สุดสำหรับ RTX 30 Series อย่าง RTX 3090TI คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากจะมีการคัดชิปดีที่สุด เพื่อให้สามารถแสดงประสิทธิภาพดีที่สุดให้กับตัวการ์ด อย่างน้อยในส่วนของแรมล่าสุดมีรายงานว่าการ์ดรุ่นนี้จะใช้ สินค้าจากทาง Micron เป็น GDDR6X รุนแรงรหัส 'MT61K512M32KPA-21U' และจะมี Bandwidth ถึง 21Gbpsนอกเหนือจากความเร็ว การ์ดยังเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้โมดูล 16Gb (2GB) ที่ใช้เทคโนโลยี GDDR6X ด้วยรุ่น Ti ที่กำลังจะถึงนี้ NVIDIA จะสามารถจำกัดจำนวนโมดูลไว้ที่ 12 โมดูล ซึ่งจะทำให้การออกแบบการ์ดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้แผ่นรองด้านหลังที่มีช่วยในการระบายความร้อน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางบริษัทยังคงใส่แผ่นรองหลังมาช่วยระบายความร้อนอยู่ดี เนื่องจากการ์ดตัวนี้กินไฟดุถึง 450W (มากกว่าโมเดลปกติถึง 100W) ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความร้อนสูงในขณะทำงานในส่วนของความแรง VideoCardZ รายงานว่าการ์ดตัวนี้จะมีหัวประมวลผลถึง 10752 CUDA cores และแรมความเร็วสูง เป็นไปได้ที่ RTX 3090TI จะสามารถข้ามแบนด์วิดธ์ 1 TB/s ได้ ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นการ์ดจอใช้งานในบ้าน ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตัวใหม่อย่างแน่นอน Credit : VideoCardZ
30 Nov 2021
RTX 2060 ฉบับ 12GB มีการอัปเกรดแกนประมวลผลด้วย!
ทุกคนรับรู้แล้วว่า Nvidia กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอเก่า RTX 2060 ที่มาในฉบับอัปเกรดเพิ่มแรมเป็น 12 GB ในวันที่ 7 ธันวาคม 2021 นี้ โดยล่าสุดดูเหมือนจะมีเรื่องน่ายินดีสำหรับคนที่เล็งจะซื้อการ์ดจอรุ่นนี้อยู่ เพราะนอกจากแรมแล้ว ดูเหมือนหัวประมวลผลเอง ก็ได้รับการอัปเกรดเช่นเดียวกันจากรายงานของ VideoCardZ ดูเหมือน RTX 2060 รุ่นใหม่นี้จะมีการเพิ่มหัวประมวลผลจากเดิม 1920 CUDA cores เป็น 2176 CUDA cores ส่งผลให้การ์ด RTX 2060 ตัวใหม่นี้แรงเทียบเท่ากับ RTX 2060 Super แต่มีแรมที่มากกว่า และกินไฟมากกว่าเดิมจาก  175W เป็น 184W หากว่ากันตามตรง RTX 2060 Super มีความแรงน้อยกว่า RTX 3060 เพียงแค่ 8% เท่านั้น ซึ่งการมาพร้อมกับแรมที่อัปเกรดขึ้นเป็น 12GB จะช่วยให้ RTX 2060 ใหม่นี้สามารถเล่นเกมเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แต่หวังว่าในตอนที่วางขาย จะมีสินค้าหลุดมาถึงมือของเหล่าเกมเมอร์ที่มากขึ้นครับCredit : VideoCardZ
29 Nov 2021
ลือ! Nvidia จะวางขาย RTX 3050 ช่วงกลางปี 2022 โดยจะแรงกว่า GTX 1660 SUPER
เรียกได้ว่าข่าวลือเก่ายังไม่ได้รับการพิสูจน์ ข่าวลือใหม่ก็มาอีกแล้วสำหรับการ์ดจอรุ่นใหม่จากทาง Nvidia ล่าสุดดูเหมือน RTX 30 Series กำลังจะได้น้องเล็กคนใหม่ RTX 3050 มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว โดยการ์ดรุ่นนี้จะแรงกว่า 1660 Supper และคาดว่าจะวางขายในช่วง Q2 ของปี 2022เอาจริงๆ ต้องบอกว่าข่าวเกี่ยวกับ RTX 3050 ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เงียบหาบไปนานจนอาจจะลืมกันไปแล้ว อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดน้องเล็กนี้น้อยมาก VideoCardZ ได้ยืนยันว่าจากแหล่งข้อมูลของพวกเขา การ์ดน้องเล็กนี้อาจมาพร้อมกับ Vram 8 GB และในส่วนของกำลังประมวลผลจะเร็วกว่า 1660 Super แต่จะแรงน้อยกว่า RTX 2060 รุ่น 12GB ที่กำลังจะมา โดยคาดว่าจะเป็นรุ่นที่ออกมาเพื่อแข่งขันกับ RX 6500XT ที่มีข่าวลือว่าจะขายช่วงต้นปีหน้าหากนับข่าวลือเกี่ยวกับการ์ดใหม่จากทาง Nvidia ตอนนี้ จะมี 4 รุ่นด้วยกันที่กำลังรอการเปิดตัวอยู่คือ RTX 3050, RTX 3070Ti รุ่น 16GB, RTX 3080 รุ่น 12GB และ RTX 3090Ti ทั้งหมดนี้คาดเดาว่าจะมีการเปิดตัวภายในช่วงกลางปี 2022 ซึ่งนอกจาก Vram ที่เพิ่มขึ้นมาในบางรุ่นแล้ว ในส่วนของความแรงเองก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกันCredit ; VideoCardZ
29 Nov 2021
GALAX เปิดตัว RTX 3060 Metaltop Mini ที่มาในขนาดเล็ก 1 พัดลม
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์ชาว PC ที่กำลังมีแผนจะประกอบเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไซซ์ ITX เครื่องขาว เมื่อล่าสุด Galax ได้ทำการเปิดตัวการจอ RTX 3060 Metaltop Mini ที่มีขนาดเพียงแค่ 1 พัดลม และให้ระบายอากาศออกทางข้างหลังเหมือนกับการ์ดจอโมเดลเก่าๆ สิ่งที่น่าตกใจคือ  RTX 3060 Metaltop Mini นับเป็นการ์ดจอรุ่นแรกที่ใช้การระบายความร้อนแบบ 1 พัดลมในเจน Ampere Series (RTX 30 Series) โดยใช้ชิป GA106-302 GPU หรือรุ่น LHR ในการผลิต เพื่อให้ไม่เป็นเป้าหมายของเหล่านักขุด Crypto แน่นอนว่าไม่ได้มีการลดความแรงของสเปกดั้งเดิมที่เราเห็นใน RTX 3060 ลงเลย เพียงแต่ในส่วนของการระบายความร้อน อาจจำเป็นต้องทดสอบกันอีกทีนอกจาก Galax แล้ว ดูเหมือนทาง IGame จากประเทศจีนเอง ก็กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอ RTX 3060 แบบ 1 พัดลมเช่นเดียวกัน อย่างที่ผมยืนยันไปในช่วงแรกของข่าว ว่าการ์ดจอเล็กๆ แบบนี้เป็นของชอบสำหรับนักประกอบสาย ITX ที่มีพื้นที่ภายในเครื่องจำกัดอย่างแน่นอน ในส่วนของราคาเชื่อว่าจะถูกกว่า RTX 3060 ที่เห็นในตลาดตอนนี้ แต่เท่าไหร่ก็ต้องรอดูกันCredit : VideoCardZ
25 Nov 2021
ประเทศ Sweden ต้องการให้ทวีป Europe แบนการขุด Bitcoin
การขุดเหรียญ Cryptocurrency กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรงในปี 2021 ซึ่งแน่นอนว่า GPU อันเป็นอุปกรณ์สำคัญในการขุด จึงกลายเป็นสิ่งหายากไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันการขุด Bitcoin จำเป็นต้องใช้กำลังไฟฟ้าที่สูง และต่อเนื่อง ส่งผลให้มันส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อมในเวลาเดียวกัน ซึ่งประเทศ Sweden เหมือนจะกังวลถึงปัญหาระยะยาวที่จะตามมาเป็นอย่างมากจากรายงานของ Euronews คุณ Erik Thedéen และคุณ Bjorn Risinger กรรมการของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน และสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่ง ได้แสดงออกถึงความกังวลต่อปัญหาสภาพอากาศที่อาจตามมาหลังจากนี้ ด้วยการขุด Bitcoin ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของคนในประเทศตอนนี้ ได้ส่งผลให้จำเป็นต้องผลิตไฟฟ้าสูงกว่าที่มันควรจะเป็นเทียบเท่ากับ การใช้ไฟในบ้าน 200,000 หลัง โดยหมายถึงการทำงานของโรงงานไฟฟ้าที่ต้องหนักขึ้น และปล่อยมลพิษออกมามากขึ้นในเวลาเดียวกันปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินและสิ่งแวดล้อม กำลังมีการเรียกร้องให้สวีเดนยุติการทำเหมือง Crypto ใหม่ ๆ และห้ามบริษัทใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือลงทุนในทรัพย์สิน Crypto ยังไม่รู้ว่าการเรียกร้องดังกล่าวจะจบลงยังไง แต่หาก Sweden สามารถทำให้ Europe ทั้งทวีปแบนการขุด Bitcoin ได้จริงๆ เรื่องนี้จะส่งในหลายๆ ด้านอย่างแน่นอนCredit : PCGamer
25 Nov 2021
Modder ชาว Russian ที่การเพิ่มแรม RTX 2060 เป็น 12 GB ด้วยตัวเอง!
หลายคนทราบจากข่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า Nvidia กำลังวางแผนจะผลิต RTX 2060 รุ่นใหม่ที่มีการอัปเกรด RAM ขึ้นเป็น 12GB ออกมาขายหลังจากนี้ โดยการมีแรมเพิ่มเข้ามาอีกเท่าตัวจะทำให้สามารถเล่นเกมยุคใหม่ได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันจะดีขึ้นขนาดไหนจากรุ่นต้นฉบับที่มีแรม 6GB แม้ว่าผลการทดสอบอย่างเป็นทางการจะยังไม่ถูกปล่อยออกมา แต่วันนี้ Modder ชาว Russian ได้ทดลองเพิ่มแรมเข้าไปเป็น 12GB ให้เราได้ดูประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นกันก่อนแล้วVIK-on คือ Modder ที่เคยทำการทดลองเพิ่มแรมเข้าไปใน GPU หลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการอัปเกรดแรมของ GPU ด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันทั่วไปเนื่องจากมีเรื่อง ข้อมูลของความเข้ากันได้ของชิป IC ไม่ได้ประกาศอยู่ทั่วไป และ GPU แต่ละตัวก็รองรับชิปพวกนี้ไม่เหมือกัน มันจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยหากจะอัปเกรด RAM ของ GPU ดวยตัวเอง อย่างไรก็ตามมันก็เกิดขึ้นแล้วสำหรับ RTX 2060 ของ Asusจากผลทดสอบในวิดีโอจะ VIK-on เปิดเผยว่าการมี Ram เพิ่มนี้ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของการ์ดจอดีขึ้น หรือขุดเหรียญ Cryptocurrency ได้ดีขึ้น แต่สำหรับการเล่นเกมจะแตกต่างออกไปเนื่องจากสามารถใช้ VRam ที่เพิ่มขึ้นมาในการช่วยจัดเก็บข้อมูลได้ เนื่องจากเอาจริงความแรงของหัวประมวลผล 2060 ถือว่าเอาเกมยุคใหม่แบบตั้งค่า High ไหว แต่มักไปตายเพราะมี Vram ไม่เพียงพอจนทำให้ตั้งค่าสูงๆ ไม่ได้ การมี Vram เพิ่มมาอีก 1 เท่าจึงเป็นอะไรที่น่าจะดีกว่าสำหรับเกมเมอร์ ปัญหา Vram ไม่เพียงพอ เริ่มถูกพบเห็นบ่อยมากยิ่งขึ้นในปี 2021 เมื่อวงการเกมได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่กราฟิกถูกอัปเกรดไปอีก 1 ขั้น และมีความต้องการของ Vram ใน GPU ที่มากขึ้นตามไปด้วย หลายคนอาจไม่สามารถเล่นเกม AAA ยุคใหม่บางเกมได้เนื่องจากมี Vram ที่น้อยเกินไป แม้ว่าจะตั้งค่าภาพภายในเกมเป็น Low แล้วก็ตาม การมาของการ์ดจอรุ่นราคาเริ่มต้น แต่มี Vram ถึง 12 GB จึงเป็นเรื่องน่ายินดีCredit : Tom's Hardware
24 Nov 2021
หนึ่งปีหลังเปิดตัวปัจจุบันการ์ดจอมีราคาอยู่ 190% ในยุโรป
วนกลับมาถึงปลายปีกันอีกครั้ง และหมายถึงการวนครบรอบ 1 ปีแล้วหลังจากการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง RTX 30 Series และ Radeon RX 6000 Series วางขายครั้งแรก ราคาในช่วง 1 ปีที่ผ่านเรียกได้ว่าแกว่งไปมาพอสมควร แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือในช่วงปลายปีนี้คงไม่ต่างจากปลายปีก่อนที่การ์ดจอเป็นของหายาก และหามาครอบครองในราคาปกติไม่ได้ ราคาการ์ดจอในยุโรปจาก 3DCenter เจ้าเดิม ปัจจุบันราคาการ์ดจอในเยอรมัน และออสเตรียไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 190 - 195% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าการ์ดจอจากทั้งค่ายเขียว และแดงเหมือนจะมีราคาถูกลงเรื่อยในช่วงเดือน 4 ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็เป็นการไต่ระดับแพงขึ้นอย่างช้าๆ มาตลอด จนปัจจุบันของค่ายแดงใกล้กลับไปจุดที่เคยแพงที่สุดอีกครั้งแล้ว ในขณะที่ค่ายเขียวยังอีกห่างไกลกว่าจะกลับไปแตะราคาแพงสุดในจุดต้องยอมรับแล้วว่าหากจะหาซื้อการ์ดจอมาเพื่อเล่นเกม สามารถทำได้ 2 วิธีคือซื้อตอนนี้เลยในราคาที่แพงมาก หรือยอมรอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการรอในที่นี้หมายถึงอีก 6 - 12 เดือนเป็นอย่างน้อย และหากเลวร้ายจริงๆ ก็อาจต้องรอนานยิ่งกว่านั้นอีกครับ สำหรับราคาการ์ดจอในบ้านเราเช็กช่วงบ่ายวันนี้ในตลาดมือ 2 ถ้าหากมีเงินอยู่ 20,000 บาทจะสามารถซื้อได้แค่ 1660 Super เท่านั้น แม้ว่าเงินดังกล่าวจะเพียงพอในการซื้อ RTX 3070 ในราคาเปิดตัวก็ตามCredit : VideoCardZ
23 Nov 2021
สภาวะชิปขาดแคลนทำ IPhone 13 มือ 2 ราคาตกน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 50%
ถ้าหากจะมีเรื่องดีๆ สักเรื่องในสภาวะชิปขาดแคลนตลาดอย่างตอนนี้ คงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน iPhone 13 ที่ตอนนี้มีค่าเสื่อมสภาพน้อยกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ ถึง 50% หลังจากใช้งานไป 1 ถึง 2 เดือนแล้ว วิจัยโดย SellCell พบว่าราคาของเครื่องทั้ง 4 รุ่นตกลงเฉลี่ย 25.5% เท่านั้นหลังผ่านไป 2 เดือน ในขณะที่รุ่นก่อนหน้าจะตกถึง 50% อย่างรวดเร็วดูได้ในแผนภูมิด้านล่างคำถามคือเรื่องนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นกับ iPhone 13 เท่านั้น? SellCell เชื่อว่าในสภาวะที่ชิปขาดตลาดอยู่เช่นนี้ ทำให้สินค้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าสามารถรักษาราคาของตัวมันเองไว้ได้ดีกว่าในสภาวะปกติ หรือบางครั้งอาจมีราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาการ์ดจอที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน Tim Cook ผู้เป็น CEO ของ Apple ได้ยืนยันว่าบริษัทพยายามที่จะผลิตสินค้าให้ออกมาเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากในสภาวะเช่นนี้สำหรับสภาวะขาดแคลนชิปในการผลิตนี้ เชื่อว่าจะต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และหากเลวร้ายมากๆ ก็อาจต่อเนื่องยาว 7 - 8 ปี ซึ่งเชื่อว่า iPhone รุ่นอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาหลังจากนี้เองก็น่าจะมีสภาพไม่ต่างกัน โดยรวมแล้วถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์ของ Apple  ครับCredit : Wccftech
23 Nov 2021
หลุดข้อมูลการ์ดจอรุ่นเริ่มต้นของ Intel แรงประมาณ 1650 Super และน่าจะมีราคาถูกกว่า $200
ARC Alchemist Gaming Graphics เป็นการ์ดจอสำหรับเล่นเกมน้องใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในตอนนี้ ซึ่งล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่า นอกจากรุ่นแรงที่เทียบเท่ากับ RTX 3070 แล้ว Intel มีแผนจะผลิตรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาถูกกว่าออกมาขายด้วย โดยล่าสุดมีข้อมูลอีกชุดเดียวกับสเปคของการ์ดจอน้องเล็กหลุดออกมาMoore's Law Is Dead คนเดิมที่เป็นต้นต่อของข่าวลือของ ARC Alchemist ทั้งหมดได้ปล่อยวิดีโอใหม่ กล่าวถึงโครงสร้างของ GPU รุ่นเล็กที่อาจเป็นตัวเลือกดีสำหรับคอมราคาเริ่มต้น โดยสำหรับการ์ดจอรุ่นแรกนี้จะมาพร้อม SKU with 1024 cores in 8 Xe cores, มี bus 96-bit พร้อมกับแรมสูงสุด GDDR6 อีก 6 GB และมีความแรงอยู่ที่ 2.2 - 2.5 GHz ชิปผลิตโดย TSMC โดยเข้าง่ายๆ ได้ว่าน่าจะแรงกว่า GTX 1650 Superในส่วนของราคาถือว่าน่าตกใจที่สุด Moore's Law Is Dead คาดเดาว่าการ์ดจอรุ่นเล็กจะเปิดตัวในราคา $179 ซึ่งจะถือว่าถูกมาก และน่าจะกลายเป็นตัวเลือกการ์ดจอดีที่สุด สำหรับคนที่ต้องการประกอบ PC เล่นเกมในราคาไม่แพง เบื่องต้นเชื่อว่าสินค้าน่าจะออกในช่วง Q2 ของปี 2022 สเปคจริงๆ เป็นยังไงต้องรอติดตามชมCredit : wccftech
22 Nov 2021
i5-12400 ทำคะแนนตีคู่ Ryzen 5 5600X ในผลทดสอบกับโปรแกรม Adobe Premiere
ตลาด CPU เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงร้อนระอุเลยทีเดียวหลังการวางขายของ Alder Lake ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งในเรื่องของความแรงรุ่นเรือธงคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีอดีตผู้นำจริงๆ ซึ่งสำหรับรุ่นราคาเริ่มต้นอย่าง Core i5-12400 ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แม้ว่า CPU รุ่นดังกล่าวยังไม่ถูกเอาออกมาวางขาย แต่ผลทดสอบที่หลุดออกมาวันนี้ได้บอกเราว่ามันแรงเทียบเท่ากับ Ryzen 5 5600X เลยทีเดียวผู้ใช้งานเว็บไซต์ Bilibili คนหนึ่งได้แชร์ผลทดสอบ i5-12400 กับ Ryzen 5 5600X บน PugetBench Benchmark กับโปรแกรม Adobe Premiere ซึ่งหากรวมข่าวลือทั้งหมดเข้าด้วยกัน i5-2400 เป็น CPU แบบ 6 Core ที่มีความแรงอยู่ที่ 2.5 - 4.4 GHz มี L3 cache อยู่ที่ 18MB และกินไฟประมาณ 65W ถือว่าแตกต่างพอสมควรกับ Ryzen 5 5600X ที่มี 6 Core แรง 3.7 - 4.6 GHz มี L3 cache อยู่ที่ 32MB กินไฟประมาณ 65W แต่คะแนนทดสอบสุดท้ายของทั้ง CPU ทั้งสองตัวกลับต่างกันไม่มากจากผลทดสอบของ Tom's Hardware ผลทดสอบระหว่าง Alder Lake และ Ryzen 5000 ไม่แตกต่างกันมากนักบนโปรแกรม Adobe Premiere ไม่ว่าจะบน Windows 10 หรือ Windows 11 อย่างไรก็ตามมันเป็นคนละเรื่องกันสำหรับ CPU รุ่นที่ไม่ใช่รหัส K แล้วจะแรงได้เกือบเท่ากับรุ่นรหัส X จริงๆ อยู่ว่า CPU ทั้ง 2 ตัวอาจกล่าวได้ว่ามาจากคนละเจเนอเรชั่นกัน แต่ความแรงของ i5-12400 ก็เป็นอะไรที่น่าชมไม่เปลี่ยนแปลงCredit : Tom's Hardware
18 Nov 2021
Gigabyte ยืนยัน RTX 2060 ฉบับ RAM 12 GB มาจริง คาดเริ่มขายต้นปี 2022
หลังจากมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ได้ไม่นานว่า Nvidia เตรียมอัปเกรด Ram ให้กับการ์ดจอ 3 รุ่น ในการวางขายครั้งต่อไป RTX 2060, 3070Ti และ 3080 ล่าสุดมีการยืนยันจากหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายการ์ดจอฉบับ Custom อย่าง Gigabyte แล้วว่า RTX 2060 รุ่น Ram 12 GB มีอยู่จริง จากเว็บไซต์ Eurasian Economic Commission ดูเหมือนทางบริษัทมีแผนจะวางขายการ์ดจอรุ่นอัปเกรดนี้ 4 โมเดลด้วยกันRTX 2060 ฉบับอัปเกรดนี้จะมาพร้อมกับ RAM ที่มากขึ้น Tom's Hardware เชื่อว่า การออก RTX 2060 รุ่นที่มี RAM เยอะออกมา จะไม่ตกเป็นเป้าหมายของนักขุด ช่วยบรรเทาการขาดแคลน GPU โดยใช้เงินน้อยที่สุด การมี Ram เพิ่มมากขึ้นหมายถึงการสามารถเล่นเกมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น พอรวมกับผลสำรวจ Steam survey ที่บอกว่าตอนนี้เกมเมอร์ PC ส่วนใหญ่นิยมใช้กันอยู่ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่ที่เลือก RTX 2060 มาเป็นรุ่นอัปเกรดแทนที่จะเป็นรุ่นที่แรงกว่านี้อีกเล็กน้อยTom's Hardware เชื่อว่าการ์ดจอรุ่นอัปเกรดนี้จะวางขายในช่วงเดือน มกราคม 2022 แต่ในเมื่อวันที่ดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดา จึงยังต้องรอดูกันต่อไปว่าจะขายจริงเมื่อไหร่ แม้ว่าอาจไม่ใช่ข่าวดีที่สุด แต่ก็น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับเพื่อนๆ บางคนที่การ์ดจอเริ่มไม่ไหวแล้วในปัจจุบันครับCredit : VideoCardZ
17 Nov 2021
ลุ้นรับ RTX 3070Ti/3080Ti ลาย Resident Evil เพียงเข้าร่วมมินิเกมกับ Zotac
การ์ดจอฉบับลายพิเศษเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีโอกาสเห็นบ่อยนัก ยิ่งเป็นรายละที่มาจากการ Cross-Over กับเกมแล้วยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ และแฟน Resident Evil ชาว PC จะต้องดีใจ เมื่อล่าสุดทาง Zotac ได้เปิดตัวการ์ดจอ RTX 3070TI/3080Ti ฉบับพิเศษ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ที่มาในลายสีแดงสวยงาม แต่พิเศษยิ่งกว่าคือมันจะถูกแจกฟรีให้กับผู้โชคดีด้วยนอกจากการ์ดจอสุดพิเศษทั้งสองตัวแล้วยังมีสินค้าเป็น PC ทั้งเครื่องเล่นอีก 1 ชุดที่มาในธีม Resident Evil: Welcome to Raccoon City เช่นกัน การเข้าร่วมไม่ใช่เรื่องยากเพียงถ่าย QR Code ข้างล่างนี้ ตอบคำถามเล็กน้อยบน Facebook หรือ Google ก่อนเริ่มเกม จากนั้นเล่นเกมแก้ Puzzle ให้ได้ตามเวลาที่กำหนด ก่อนจะใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อลุ้นให้สินค้าส่งมายังบ้าน รายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจะถูกประกาศในวันที่ 22 ธันวาคม 2021 ผ่าน Social Media ของ Zotac (กิจกรรมเข้าร่วมได้ก่อน 17 ธันวาคม 2021 นะ)โอกาสที่จะได้รับการ์ดจอซึ่งเป็นของหายากแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ และยิ่งรุ่นที่แจกเป็นโมเดลแรงอย่าง 3070Ti/3080Ti ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดจริงๆ สำหรับเครื่อง PC ลายพิเศษเองก็มาพร้อมกับ CPU ระดับ i7 และการ์ดจอ RTX 3070 เช่นกัน สำหรับคนที่ไม่มี PC ก็ต้องบอกเลยว่าลุ้นรับไปแบบทั้งเครื่องกันได้!Credit : VideoCardZ
15 Nov 2021
หลุดภาพโครงสร้างของ Zen 4 Dense ที่ทำให้ CPU ของ AMD มีได้ถึง 16 Cores
intel เปิดตัว CPU รุ่นใหม่ในโครงสร้างแบบผสมที่มี Cores ใหญ่ / เล็ก ในการช่วยกันทำงาน และมีจำนวน Cores รวมกันมากถึง 16 Core ใน CPU หนึ่งตัว จากผลทดสอบที่หลุดออกมามากมาย ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า Alder Lake คือ CPU ที่แรงมากจริงๆ คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัยคือ 'แล้ว AMD จะตอบโต้ยังไงในการแข่งขันครั้งนี้' คำตอบเหมือนจะง่ายกว่าที่เราคิด นั้นก็คือการทำให้ CPU มีจำนวน Cores รวม 16 เหมือนกันก็สิ้นเรื่อง!แม้จะฟังดูเหมือนง่าย แต่ในการทำจริงมันไม่ง่ายเลย ซึ่งจากรายงานของ Moore’s Law is Dead นักปล่อยข่าวลือที่โชว์รูปภาพของ Intel ARC ออกมาก่อนหน้านี้ ได้เผยให้เราเห็นว่า Zen4 จะมีการลดขนาดของ Cache รวมถึงลด Frequency ต่อพลังงาน ซึ่งจะส่งผลให้ตัว Cache มีขนาดที่เล็กลง แต่กลับกันจะทำให้สามารถใส่ Core ถึง 16 ตัวเข้าไปใน CPU ได้แทนที่จะออกแบบสถาปัตยกรรมขึ้นมาใหม่เลย AMD ได้เลือกใช้การ Redesign สถาปัตยกรรมที่มีอยู่แล้วให้ตอบโจทย์ต่อเป้าหมายที่อยากได้ ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการประหยัดเวลา และเงินทุนมากกว่าด้วย ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความหมายว่าเราอาจได้เห็นการเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ AMD เร็วๆ นี้นั้นเอง อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือโดย Youtuber ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น โครงสร้าง Zen4 ของจริงอาจแตกต่างออกไปก็ได้ ยังไงต้องรอยืนยันจากทาง Official อีกครั้งครับ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/dE9N95uSqHA' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : VideoCardZ
04 Nov 2021
หลุดผลทดสอบบน Cinebench ของ i9-12900K, i7-12700K และ i5-12600K
พร้อมส่งให้ในบ้านเราวันพรุ่งนี้แล้วสำหรับ CPU รุ่นใหม่จาก Intel Alder Lake ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ชมผลทดสอบที่หลุดออกมา รวมถึงคะแนน และราคากันไปหมดแล้ว แต่สำหรับคนที่กำลังจะเลือกสิ่งดีที่สุดให้กับ PC ของตัวเอง ยิ่งมีผลทดสอบให้เปรียบเทียบมากเท่าไหร่ก็นับยิ่งเป็นเรื่องดี ซึ่งก่อนที่สินค้าจะไปถึงมือเพื่อนๆ กันในวันพรุ่งนี้ ก็มีผลทดสอบบน Cinebench หลุดออกมาอีก 1 ตัวพิเศษกว่าครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีแต่ตัวเลขคะแนนให้ดู ผลการทดสอบครั้งนี้มีการโชว์ความร้อนของ CPU ที่ใช่งาน Heat Sink แบบลมตัวใหญ่ Dark Rock Pro 4 จากทาง Bequiet โชว์ให้เห็นด้วย ซึ่งการทดสอบเป็นแบบปลดล็อกพลังงานเต็มที่เพื่อให้ CPU กินไฟมากที่สุด และทำงานได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยอุณหภูมิเรียกได้ว่าขึ้นเร็วมากจริงๆ เพียงแค่ 1 วินาทีหลังกดเริ่มทดสอบก็วิ่งไปแตะที่ 100 องศาเลย ชนกับ Tjunction เลยทีเดียวในส่วนของคะแนนถือได้ว่าแรงสมคำคุยจริง I9 สามารถทำคะแนนได้สูงสุดถึง 27000 แต้ม ที่การปลดล็อกพลังงานแบบเต็มพิกัด ส่วน i7 ทำคะแนนได้ 22000 แต้ม ซึ่งก็ยังถือว่าสูงมาก ปิดท้ายด้วย i5 ที่ไม่น้อยหน้าได้ 17000 คะแนนไป ในส่วนของการทดสอบ i9 ยังมีการปรับโครงสร้างพลังงานที่แตกต่างกันอื่นๆ ให้รับชมด้วย สามารถดูได้ที่ภาพข้างล่าง (ขอบคุณ VIdeoCardZ)
04 Nov 2021
intel Alder Lake หลุดสเปค และราคาครั้งสุดท้ายก่อนวางขายจริงพรุ่งนี้!
หลุดกันจนวินาทีสุดท้ายเลยจริงๆ สำหรับประสิทธิภาพ และราคาของ intel Alder Lake ซีพียูว่าที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากที่สุดตัวใหม่ โดยแม้ว่าการโชว์ประสิทธิภาพจริงๆ ของชิปโดยเหล่า Youtuber น่าจะมาในวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้มีสเปคเปรียบเทียบคร่าวๆ ให้เราได้ดูก่อนแล้ว เรือหลัก12900K เอาชนะตัวท็อปค่ายแดงไปหลายเกมเลยแม้ว่าการวัดผลในการเล่นเกมเป็นอะไรที่มีปัจจัยหลายอย่างมาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แต่รูปภาพจาก VideoCardZ ได้เผยให้เห็นแล้วว่า Alder Lake ใหม่นี้แรงสมคำคุยของ intel อย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีบางเกมที่แพ้ในเรื่องของ FPS อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่ถูกโชว์ในรูปภาพก็ชนะอยู่หลายเกมเช่นเดียวกันในส่วนของราคารุ่นเริ่มต้นที่ขายก่อนนี้จะเป็นรหัส K ที่เป็นตัวแรงสุดก่อน มีราคาเริ่มต้นที่ $264 สำหรับ 12600KF จากนั้นจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ต่างกันประมาณ $100 - $150 สำหรับรุ่นต่างระดับกัน แต่ต่างกันประมาณ $30 เท่านั้นสำหรับรหัส K และ KF เพื่อนๆ คนไหนสนใจก็รอติดตามราคาในไทยกันอีกทีได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าห่างกันมากเท่าไหร่นักCredit : VideocardZ
03 Nov 2021
GPU ราคากลับแตะ 200% ใน EU คาดขึ้นตามเหรียญ BTC
ราคาเหรียญ Bitcoin เพิ่มตัวสูงขึ้นถึงหลัก 2,000,000 บาทแล้วในอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งการขึ้นราคาของเหรียญในครั้งนี้ดูเหมือนจะส่งผลให้ตลาดการ์ดจอในยุโรปที่มีแนวโน้มว่าจะมีราคาที่ลดลงเรื่อยๆ ในช่วง 3 เดือนก่อน มีราคาถีบตัวขึ้นสูงอีกครั้ง และในวันที่ 31 ตุลาคม 2021 ทางฝั่ง AMD ก็กลับไปถึงจุด 200% แล้ว ในขณะที่ Nvidia ยังอยู่ที่ 188%สาเหตุหลักที่ราคาการ์ดฝั่ง AMD ขึ้นเร็วกว่า เป็นเพราะไม่มีการลดแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และทำลายสถิติเดิม 214% ในอีก 1 - 2 อาทิตย์หลังจากนี้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากประเทศของเรามาก แต่การขึ้นราคาของการ์ดจอในยุโรปอาจส่งผลต่อราคาของการ์ดจอทั่วโลก รวมถึงบ้านเราด้วยในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับชาวเกมเมอร์ที่กำลังมองหาการ์ดจอใหม่ครับสำหรับการลงของราคาการ์ดจอในช่วงนี้เกิดขึ้นได้ 2 วิธีคือราคาเหรียญ BTC มีราคาตกลง หรือการ์ดจอมีเพียงพอต่อความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามในประเด็นแรกเชื่อว่าเลิกหวังได้เลยเพราะราคาเหรียญคงไม่ยอมลงมาง่ายๆ ส่วนการที่การ์ดจอจะกลับมาเพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้ก็คงเป็นเรื่องในอีก 6 - 12 เดือนข้างหน้า ยังไงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับใครที่มีแผนจะซื้อการ์ดจอในช่วงนี้ แนะนำว่าให้รีบซื้อเลย เพราะราคาน่าจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ใครรอได้ก็แนะนำให้รอครับCredit : Tom's Hardware
02 Nov 2021
RTX 3070 Ti, RTX 3080 อาจวางขายรุ่น Refresh ที่อัปเกรดแรมมากขึ้นในช่วง 3 เดือนนี้!
คิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเกมเมอร์หลายๆ คน เมื่อมีข่าวลือว่า Nvidia เตรียมผลิตการ์ดจอ 3 รุ่น 2060 3070Ti และ 3080 ชุด Refresh ที่เพิ่มความจุของแรมให้มากขึ้นให้เพียงพอต่อการใช้งาน และไม่น้อยหน้าการ์ดจอรุ่นอื่นๆ ที่มีในตลาด พร้อมทั้งสามารถเล่นเกมในยุคปัจจุบันซึ่งมีการใช้แรมของการ์ดจอมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 2060 มีกำหนดจะมาในช่วงต้นเดือน ธันวาคม นี้ ส่วนรหัส 30 จะมาช่วงต้นปีหน้า@hongxing2020 ผู้ปล่อยข่าวเชื่อว่า 2060 ใหม่จะมาพร้อมความจุแรม 12GB ส่วน 3070Ti จะให้เยอะถึง 16GB ในสินค้าชุดใหม่ สำหรับ 3080 จะเพิ่มจากเดิมอีกเล็กน้อยเป็น 12GB เทียบเท่ากับพี่ใหญ่ 3080Ti เอาจริงๆ เป็นเรื่องแปลกที่ Nvidia ตัดสินใจจะปล่อยสินค้าเวอร์ชันอัปเกรดจากปี 2019 ออกมาในช่วงปลายปี 2021 แต่เมื่อมองไปที่สถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน มันอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยคงไม่พ้นเรื่องการลดแรงขุด ส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่ารุ่นใหม่เองก็จะลดแรงขุดไม่ต่างจากหลายๆ รุ่นที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ แต่ประเด็นสำคัญจริงๆ คงเป็นเรื่องว่าจะมีของขายในตลาดรึเปล่า? มากกว่า เนื่องจากความต้องการการ์ดจอในตลาดประเทศไทยเรียกได้ว่าสูงมากจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีพ่อค้าทำการซื้อการ์ดบางส่วนไปเก็งกําไร ยังไงต้องรอดูกันต่อไป11.1 update:1. 2060 12G —12/7 on-shelf。2.3070Ti 16G、3080/12G —12/17 PPT發佈, 2022/1/11 正式開賣。— hongxing2020 (@hongxing2020) November 1, 2021 Credit : Tom's Hardware
02 Nov 2021
Intel Arc Alchemist เผยโฉมการ์ดในแบบ 1 กับ 2 พัดลม
แม้ว่าจะยังไม่มีการหยิบสินค้าออกมาโชว์เองโดย intel แต่ Youtuber ที่ใช้ชื่อว่า Moore’s Law Is Dead เหมือนจะเป็นคนวงในที่มีโอกาสได้ถ่ายรูปของการ์ดจอตัวใหม่ Intel Arc Alchemist ออกมาให้เราได้ดูก่อนแล้ว! ซึ่งดีไซน์จะมีหลักๆ 2 แบบ คือรุ่น 1 พัดลม และรุ่นสองพัดลมสิ่งแรกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนกับการ์ดจอที่มีในตลาดตอนนี้คือดีไซน์ของแผ่น PCB ที่ยืนยันได้ว่าเป็นการออกแบบโดยใช้ DG2-512EU เป็นฐาน สำหรับการกินไฟในรุ่น 2 พัดลมจะใช้แบบ 8-pin และ 6-pin อย่างละหนึ่งตัว ยังไม่รู้ว่ารองรับการจ่ายไฟแบบ PCIe 5.0 ด้วยรึเปล่า แต่จากข่าวลือก่อนหน้านี้เหมือนการ์ดตัวนี้จะแรงเท่ากับ RTX 3070 และไม่ลดลงแรงขุดโมเดลต่อมาที่ถูกโชว์เป็นรุ่นเล็กแบบ 1 พัดลมที่ไม่จำเป็นต้องต่อไฟเลี่ยงเพิ่มเหมือนรุ่นบน แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพ Render เท่านั้น ไม่ใช่ภาพถ่ายจากสินค้าตัวจริงเหมือนรูปด้านบน อย่างไรก็ตามด้วยความที่รูปภาพของเขามีความถูกต้องมาแล้วครั้งหนึ่งก็เป็นไปได้สูงที่การ์ดรุ่นนี้เองก็จะมีโมเดลตามรูปข้างล่างจริงๆ เมื่อวางขายเช่นกัน สำหรับประสิทธิภาพเมื่อไม่ต้องต่อไฟเลี่ยงก็หมายความว่าใช้ไฟประมาณ 75W ซึ่งคงไม่ต้องคาดหวังว่าจะแรงเท่ากับ RTX 30 Series แต่ก็น่าจะเทียบเท่ากับ GTX ได้อยู่ต้องรอดูกันไปIntel Arc Alchemist มีแผนจะวางขายในช่วง Q1 ของปี 2022 ดังนั้นอีกไม่นานเกินรอก่อนเราจะได้รู้จักกับเจ้าการ์ดจอน้องใหม่นี้มากขึ้น ส่วนว่าจะแรงได้เท่ากับที่ Intel หวังไว้รึเปล่าก็ต้องรอดูพร้อมๆ กันCredit : VideoCardZ
01 Nov 2021
i9-12900K สามารถ Overclocked ได้ถึง 5.2 GHz ทำคะแนน Multi เท่า R9 5950X
หลังจากเผยวันวางขายอย่างเป็นทางการ ผลทดสอบที่เป็นตัวเลขจริงๆ ก็เริ่มออกมาให้เราได้เห็นกันแล้วสำหรับ Alder Lake จากทาง Intel โดยล่าสุดมีผู้ใช้งานรายหนึ่งได้แชร์ผลทดสอบจากหน้า CPU-Z ของ i9-12900K ที่ทำการ Overclocked ไปถึง 5.2 GHz ออกมาให้ชม ซึ่งคะแนน Multi-Thread เท่ากับ R9 5950X ที่แรงสุดจากทาง AMD ในตอนนี้เลยแม้จะมีคะแนน Multi ที่เท่ากันแต่ในส่วนของ Single Thread เรียกได้ว่าเอาชนะ R9 5950X ไปไกลเลยทีเดียว (851 กับ 648 แต้ม) อย่างไรก็ตามการ Overclocked ไม่ใช่เรื่องทั่วๆ ไปเลยสำหรับ Alder Lake เนื่องจาก CPU มีหัวการประมวลผลแบบผสม การจะเพิ่มความแรงให้กับ Golden Cove Cores ที่เป็นหัวประมวลผลหลัก พร้อมกับทำให้ Gracemont cores คงความเร็วในระดับ Stock Speeds เป็นอะไรที่ต้องใช้ฝีมือพอสมควรอย่างไรก็ตามแม้ว่าการ OC ไปจนถึง 5.2 GHz จะเป็นอะไรที่น่าตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ Alder Lake กินไฟถึง 330W ด้วย ซึ่งเป็นปริมาณพลังงานที่เยอะมากๆ สำหรับ CPU (กินเท่ากับการ์ดจอรุนแรงๆ เลยทีเดียว) ซึ่งหมายถึงความร้อนมหาศาลที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควรในการ OC ไปให้ถึงจุดดังกล่าวครับCredit : Tom's Hardware
21 Oct 2021
มีคนลง Windows 11 บน Intel Pentium 4 ได้ในขณะที่รุ่นใหม่กว่าหลายตัวทำไม่ได้!
กลายเป็นเรื่องงงในงง เมื่อผู้ใช้งาน Twitter คนหนึ่ง @Carlos_SM1995 สามารถลง Windows 11 บนเครื่องที่ใช้ CPU Intel Pentium 4 ได้ ในขณะที่หากว่ากันตามคำแนะนำของ Microsoft แล้ว CPU ที่เก่ากว่า intel Core i Gen 8 ได้ ต่อให้เป็น Pentium ก็ต้องเป็นรุ่น Gold หรือตั้งแต่ที่ผลิตปี 2017 เป็นต้นไป ไม่น่าจะเอา CPU จากยุค 2010 มาใช้งานได้ที่น่าตกใจคือ Windows 11 สามารถทำงาน เล่นเน็ต รวมถึงใช้งาน Microsoft Store ได้เหมือนเป็นเรื่องปกติเลย แล้วเชื่อหรือไม่ว่าผู้ใช้งานคนนี้ยังทำใหั Winodws สามารถอัปเดตตัวเองได้ด้วย! ทั้งที่ Microsoft เคยออกมาบอกว่า Windows 11 สามารถเอาไปลงให้กับเครื่องที่ Hardware ไม่รองรับได้ แต่จะไม่สามารถอัปเดตได้! (ดูได้ตอนกด PC health Check ตรงกล่อง Update จะขึ้นว่า Last Update Checked คือ ศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา)เบื้องหลังความสำเร็จดูเหมือนผู้ใช้งานท่านนี้จะปิดการทำงาน หรือลบ features บางตัวออกเพื่อให้มันใช้งานกับ Intel Pentium 4 ได้ ซึ่งผู้เขียนเองไม่ได้มีความรู้มากมายนักในเรื่องนี้ จึงตอบให้ไม่ได้ว่ามันจะส่งผลต่อการทำงานของ Windows 11 ยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นความจริงๆ เช่นกันว่า การเอา features บางอย่างออก ได้ทำให้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ ใช้งานกับ Hardware เก่าๆ ได้Credit : Wccftech
20 Oct 2021
Intel ประกาศเปิดให้สั่งจอง Alder Lake ได้ 27 ตุลานี้ ขายจริง 4 พฤศจิกายน
ประกาศอย่างเป็นทางการเสียที่หลังจากปล่อยให้ลุ้นอยู่นาน Intel Alder Lake หรือ Core i Gen 12 จะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้วันที่ 27 ตุลาคม 2021 นี้ และมีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021พร้อมกับการวางขาย CPU ตัวรุ่นใหม่ Motherboard รุ่น Z690 มีกำหนดจำวางขายในวันเดียวกัน ซึ่งสินค้าชุดแรกที่วางขายก่อน จะเป็นรุ่นรหัส K และ KF ของเรือหลัก 3 รำได้แก่ i9-12900, i7-12700 กับ i5-12600 โชว์ประสิทธิภาพจะเริ่มปล่อยได้ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021ข่าวในครั้งนี้ตรงกับข่าวลือที่เคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ว่าสินค้าจะวางขายในช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 2021 จากผลทดสอบที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ Alder Lake อาจจะเป็น CPU สำหรับเล่นเกมดีที่สุดสำหรับเจนต่อไป ยังไงต้องรอดูผลทดสอบกันอีกครั้งเดือนหน้าCredit : VideocardZ
19 Oct 2021
Alder Lake อาจใช้เล่นเกมเก่าๆ ไม่ได้ เนื่องจากมีโครงสร้างที่ทันสมัยเกินไป
CPU ตัวใหม่ของ Intel ที่กำลังจะเปิดตัวปลายเดือนนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามอง ในแง่คะแนน Single Thread ที่ทำได้มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็น CPU ซึ่งเหมาะสำหรับเล่นเกมตัวใหม่ อย่างไรก็ตามในขณะที่โครงสร้างใหม่ของ Alder Lake ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มันก็อาจทำให้ CPU ตัวนี้ใช้เล่นเกมเก่าๆ ไม่ได้ด้วยIntel ได้ปล่อย Developer Guide ใหม่ที่พูดถึงโครงสร้าง และความสามารถของ Alder Lake ออกมา ซึ่งมีอยู่จุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับการเล่นเกม เนื่องจาก Alder Lake มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบผสมที่มีทั้ง Core ตัวใหญ่ และตัวแรก จึงอาจทำให้ Data Relationship Management ของเกมบางเกมไม่รองรับ การทำงานในส่วนนี้เกมใหม่ที่กำลังจะออกหลังจากนี้ ย่อมมีการพัฒนา Software เพื่อให้รองรับต่อการทำงาน Alder Lake อยู่แล้ว แต่เกมเก่าๆ บางเกมไม่เป็นเช่นนั้น บางเกมไม่ได้รับการอัปเดตมานานแล้ว และเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนมาใช้ Alder Lake ของเหล่าเกมเมอร์อาจทำให้เล่นเกมเก่าบางเกมไม่ได้ Credit : Tom's Hardware
18 Oct 2021
Windows 11 Insider ปล่อยอัปเดตแก้ปัญหา CPU Ryzen แล้ว!
หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับปัญหา L3 caching จนทำให้ CPU AMD Ryzen ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Windows 11 ล่าสุดดูเหมือน Microsoft จะปล่อยอัปเดตสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าวออกมาแล้วบนระบบปฏิบัติการฉบับ insiderซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ CPU AMD และทำการอัปเดต Windows ไปแล้ว แม้ว่าตัวอัปเดตดังกล่าวจะถูกปล่อยออกมาก่อนให้กับ Insider แต่หลังจากการทดสอบจำแน่ใจว่าสมบูรณ์แล้ว อัปเดตนี้จะถูกเอามาลงให้กับ Windows 11 ฉบับใช้งานด้วยแน่นอนAMD ยืนยันว่าการอัปเดตจะมาภายใน 1 อาทิตย์นี้ หลังจากที่อัปเดตแรกของ Windows 11 เมื่อ 4 วันก่อนไม่ได้แก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้นเชื่อว่าถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดภายในอาทิตย์นี้ CPU Ryzen ของเพื่อนๆ จะกลับมาทำงานอย่างปกติบน Windows 11 ครับ<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Hello <a href='https://twitter.com/hashtag/WindowsInsiders?src=hash&amp;ref_src=twsrc%5Etfw'>#WindowsInsiders</a>, we have released Windows 11 Build 22000.282 to the Beta and Release Preview Channels - see details on fixes in the blog post. <a href='https://t.co/PebwMaOJpx'>https://t.co/PebwMaOJpx</a></p>&mdash; Windows Insider (@windowsinsider) <a href='https://twitter.com/windowsinsider/status/1449058618762952705?ref_src=twsrc%5Etfw'>October 15, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : PCGamer
18 Oct 2021
G.Skill เปิดตัว Trident Z5 DDR5 มาพร้อมกับบัสสูงสุด 6400 MT/s
ทยอยเปิดตัวกันมาเรื่อยๆ แล้วสำหรับแรม DDR5 จากค่ายต่างๆ และวันนี้น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมื่อ G.Skill ได้ทำการเปิดตัว Trident Z5 โมเดลใหม่ที่เป็นแบบ DDR5 อย่างเป็นทางการ พร้อมโชว์รูปโฉมสุดเท่ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา และมีให้เลือกซื้อทั้งแบบมีไฟ และไม่มีไฟสำหรับคนไม่ต้องการ RGBTrident เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นแรมที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เนื่องจากมีทั้งดีไซน์ที่สวย และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม พูดถึงเรื่องความแรงแล้ว สำหรับฉบับ DDR5 นี้ก็มีรอบบัสเริ่มต้นที่ 5600 MT/s และสูงสุดถึง 6400 MT/s พร้อมมีความจุ 16GB เป็นอย่างน้อยในรุ่นนี้ ในส่วนของการ OverClock เชื่อว่าเดี๋ยวตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะแรงมากน้อยแค่ไหนต้องติดตามชมCredit : VideoCardZ
15 Oct 2021
เปิดตัว Radeon RX 6600 แรงเท่า RTX 3060 ในราคาเท่ากัน
ทยอยเปิดตัวตามมาเรื่อยๆ สำหรับการ์ดจอรุ่นเริ่มต้นจากทาง AMD อย่าง Radeon RX 6600 โดยมาพร้อมกับหัวประมวลผล 1792 ตัว และแรมอีก 8GB ในส่วนของประสิทธิภาพถือว่าเทียบเท่ากับ RTX 3060 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดของ Nvidia แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะได้ในทุกๆ เกม แต่ทาง AMD เคลมว่าประสิทธิภาพต่อกำลังไฟที่จ่ายเข้าการ์ดจอของพวกเขาดีกว่าในส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง Radeon RX 6600 กับ RTX 3060 คือเรื่องของแรมที่ AMD ให้มา 8GB ในขณะที่ Nvidia ให้มาถึง 12GB ดังนั้นในการเล่นเกมบางเกมอาจมีปัญหาเรื่องของแรมการ์ดจอไม่พอได้ แต่เชื่อว่ามีน้อยมากจริงๆ ที่แรมการ์ดจอ 8GB ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน (ต่อให้ไม่พอจริงๆ ก็สามารถลดกราฟิกเพื่อให้เพียงพอได้)ราคาเปิดตัวของ Radeon RX 6600 อยู่ที่ $329 เทียบเท่ากับ RTX 3060 แต่ด้วยสภาพตลาดในปัจจุบัน จึงทำให้ RTX 3060 ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $500 ในต่างประเทศ และคิดว่า RX 6600 เองก็อาจไม่ต่างกัน ถ้าหากใครรับได้กับราคานี้ก็ลองหาซื้อกันดูได้ครับCredit : VideoCardZ
14 Oct 2021
การ์ดจอ Intel Arc จะไม่ล็อกห้ามขุด และล็อตแรกอาจมีไม่เยอะ
เป็นเรื่องดีที่ intel ประกาศเปิดตัวการ์ดจอของตัวเองหลังจากซุ่มพัฒนาอยู่นาน แต่คำถามที่ผู้ใช้งานสงสัยกันมากที่สุดคงเป็นเรื่องที่ 'จะลดแรงขุดรึเปล่า?', 'จะมีสินค้าหรือเปล่า?' เนื่องจากชาว PC หลายคนอยากจะอัปเกรด PC กันมาก แต่ติดตรงที่ไม่มี GPU ขายเลยในตลาดเนื่องจากถูกกว้านซื้อไปใช้ขุด Cryptocurrency หมดยืนยันโดย intel แล้ววันนี้ว่า การ์ดจอง ARC จะไม่ได้ทำการลดแรงขุดแต่อย่างใด สายขุดเหมืองสามารถซื้อไปขุดกันได้ ซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะจริงๆ ก็ยังไม่ได้มีการ์ดจอรุ่นไหน หรือของค่ายไหนที่สามารถทำการลดแรงขุดได้จริงๆ ในส่วนของคำถามที่สอง Intel ก็ไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าสินค้าที่ผลิตออกมาจะเพียงพอต่อความต้องการของตลาดหรือไม่ ส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่ายากเช่นกันอีกหนึ่งคำถามที่บางคนอาจสงสัย 'intel Arc จะมีฉบับ Custom Design โดยแบรนด์อื่นหรือไม่?' เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากทาง intel แล้วว่าจะมีอย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์แบรนด์อื่นๆ เชื่อว่าคงไม่แตกต่างจากที่เราเห็นในตลาดตอนนี้มากเท่าไหร่นัก ใครรักแบรนด์ไหน ชอบดีไซน์อะไรก็น่าจะมีให้เลือกซื้อกันCredit : VideoCardZ
12 Oct 2021
PCIe 5.0 ถูกออกแบบให้จ่ายไฟ GPU ได้ถึง 600W ประสิทธิภาพที่มากขึ้น?
CPU รุ่นใหม่ Mainboard รุ่นใหม่ และแรม DDR5 กำลังจะมาในอีกไม่ช้า ซึ่งการมาของ Hardware รุ่นใหม่นี้ยังรวมถึง PCIe 5.0 ด้วย และมันน่าตื่นเต้นมากเมื่อล่าสุดมีรายงานว่าสายดังกล่าวจะสามารถจ่ายไฟให้กับ GPU ได้สูงถึง 600W โดยมันหมายความว่า GPU จะสามารถถูกออกแบบให้กินไฟมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้นได้จากข้อมูลของ Igor Wallossek ระบบจ่ายพลังงานที่มีอยู่ ถือว่ากำลังล้าสมัย โดยสามารถสังเกตได้จากการเริ่มเห็นการ์ด RTX 3090 และ 3080Ti บางรุ่นที่ต้องการสาย 8-Pin ถึง 3 ตัวในการต่อไฟเลี่ยง ดังนั้นในการ์ดจอเจนต่อไปที่อาจขอพลังงานเพิ่มอีก หากไม่มีการอัปเกรด ความสามารถในการจ่ายพลังงานของสาย อาจกลายเป็นเรื่องลำบากได้ในส่วนของดีไซน์นั้นไม่ต่างจากเดิมมาก เพียงเพิ่มหัวสำหรับเชื่อมต่อมาด้านล่างของดีไซน์เดิมอีก 4 จุด แต่ในขณะเดียวกันนี่อาจหมายถึงการที่เหล่าเกมเมอร์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยน MotherBoard และ PSU หากจะประกอบคอมที่ใช้ RTX 40 Series หรือ Radeon RX 7000 Series อันนี้ต้องรอดูกันต่อไปCredit : Wccftech
11 Oct 2021
ADATA เผยแรม DDR5 สามารถ OC ได้ความเร็วมากกว่า 8100 MT/S แล้ว
เป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าเราจะได้เห็นแรม DDR5 อย่างแน่นอนหลังจากนี้ ซึ่งในเมื่อเป็นการเข้าสู่เจนใหม่ของ Hardware ผู้ใช้งานสามารถคาดหวังความจุ และความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน รวมถึงนัก Overclock ที่ไล่ตามความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย เมื่อล่าสุด Adata ได้ยืนยันว่า XPG ของพวกเขาสามารถทำได้ถึง 8100 MT/S เลยทีเดียวMT/S หมายถึงปริมาณข้อมูลที่แรมสามารถส่งได้ต่อ 1 วินาที ซึ่งยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้การทำงานของ PC เร็วมากขึ้นเท่านั้น (รวมถึงความร้อนที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน) การทำได้มากกว่า 8100 MT/S ถือว่าเร็วยิ่งกว่าแรมทั่วๆ ไปที่เราใช้งานกันประมาณ 2.5 - 3.0 เท่า เรียกได้ว่าเป็นความเร็วที่จินตนาการ ไม่ออกเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม 8100 MT/S ยังไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของทางบริษัท เนื่องจากในการเปิดตัว DDR5 ของบริษัทก่อนหน้านี้ ได้เผยให้เห็นแรมรุ่นหนึ่งที่สามารถทำได้ถึง 12600 MT/S ซึ่งจะเป็นแรมสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ส่วนตัวผู้เขียนยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเร็วขนาดไหนครับCredit : VideoCardZ
11 Oct 2021
Intel โชว์หน้าตา Alder Lake อย่างเป็นทางการ ผลทดสอบตามมาเร็วๆ นี้
หลังจากลือมาอย่างยาวนาน หลุดทั้งราคา ทั้งผลทดสอบจนไม่รู้จะหลุดยังไงแล้ว ในที่สุด Intel ก็ได้ฤกษ์โชว์หน้าตาที่แท้จริงของ Alder Lake เสียที่ ซึ่งแน่นอนว่าเหมือนกับที่เคยมีภาพ Render ออกมาก่อนหน้านี้ คือมีขนาดที่ใหญ่กว่า CPU รุ่นก่อนมาก ในส่วนของผลทดสอบจริงจากทาง intel รวมถึงการ Overclock จะตามมาในภายหลังการเปิดตัว Alder Lake อย่างเป็นทางการ มีกำหนดจัดขึ้นวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนนี้ และจะวางขายหน้าร้านอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 รวมถึงยังเป็นวันที่เหล่านัก Overclock รวมถึง Youtuber สามารถปล่อยผลทดสอบออกมาเราชมได้ งานนี้จะแรงสมคำอวยของ CEO ก่อนหน้านี้รึเปล่าต้องรอชมกันแม้วจากผลทดสอบก่อนหน้านี้ Multi Thread จะดูเหมือนก้าวข้าม AMD ยังไม่ได้ แต่ในส่วนของ Single Thread ถือว่าแรงกว่าเป็นอย่างมาก ซึ่งมันจะทำให้ CPU ของ Intel มาภาษีดีกว่าในด้านของการเล่นเกม อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลทดสอบของ CPU รุ่นต่อไปของ AMD กันด้วยถึงจะตัดสินเรื่องนี้ได้จริงๆComing soon to PCs globally: #12thGen Intel Core processors. We can’t wait to show you the experiences they unlock! #IntelOn pic.twitter.com/nrCDextcIT— Gregory M Bryant (@gregorymbryant) October 6, 2021 Credit : VideoCardZ
07 Oct 2021
AMD เตือนผู้ใช้งานอย่าเพิ่งอัปเดต Windows 11 เพราะจะทำให้ CPU ทำงานด้อยลง 15%
สำหรับเกมเมอร์ที่ใช้งาน CPU จากทาง AMD อยู่ ขออย่าเพิ่งอัปเดตเป็น Windows 11 ในตอนนี้ เนื่องจากทางบริษัทพบปัญหาว่า CPU ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่อใช้งานบางโปรแกรมผ่าน Windows 11 ซึ่งกำลังมีการเร่งแก้ไขปัญหาดังนี้ให้อยู่ ยืนยันแล้วว่ามีบางเกมที่ได้รับผลกระทบจากการลดการทำงาน 15% นี้ด้วย ดังนั้นถ้าหากใครใช้ CPU ของ AMD และอัปเดต Windows 11 ไปแล้วเล่นเกมพบว่าทำ FPS ได้น้อยลงยังไม่ต้องแปลกใจ ให้อดใจรออีกนิด เดี๋ยวจะมีอัปเดต Windows ที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ตามมาอย่างแน่นอนCPU ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีกว่า 100 รุ่น และครอบคลุม Ryzen ทั้งหมดตั้งแต่เจน 2 มาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นนี่ถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และจำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว เชื่อว่าไม่เกินวันอาทิตย์นี้เราน่าจะได้เห็นการอัปเดตกันแล้วครับCredit : PCGamer
07 Oct 2021
CEO ของ Intel ท้าทาย AMD ลั่น 'ยุคสมัยผู้นำของพวกคุณมันจบลงแล้ว'
เรียกได้ว่าเป็นการประกาศสงครามที่ดุเดือดมากโดยคุณ Pat Gelsinger ผู้นำคนปัจจุบันของ intel ต่อ AMD ในบทสัมภาษณ์จากทาง CRN ด้วยประโยคที่ว่า 'ยุคสมัยการเป็นผู้นำของ AMD กำลังจะจบลง เพราะ intel กลับมาแล้ว' ไม่ว่าอะไรที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น แต่เหมือนว่า CEO ของค่ายฟ้าจะมั่นใจในแนวทางของบริษัทตอนนี้มากๆ'ในช่วงนี้ใครๆ ก็พูดว่า AMD คือผู้นำ ผมอยากจะบอกว่าช่วงเวลานั้นมันได้จบลงแล้ว intel กลับมาอีกครั้งด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าเดิม พวกเราทราบดีว่าต้องทำอะไรบ้างถึงจะเป็นผู้นำได้อย่างแท้จริงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การบรรจุภัณฑ์ การสร้าง Software รองรับ รวมไปจนถึงด้าน AI, ด้าน power-performance, ฯลฯ เรายืนยันว่าจะมุ่งมั่นในเส้นทางนี้' คุณ Pat Gelsinger กล่าวในขณะเดียวกันคุณ Pat Gelsinger ก็ยอมรับว่าในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา AMD ทำได้ดีมากจริงๆ แต่ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงด้วยพลังของ Alder Lake และ Sapphire Rapids (เครื่องเซิฟเวอร์) หน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุดของ Intel ด้วยความมั่นใจระดับนี้ คงต้องรอดูผลทดสอบจริงในตอนสิ้นค่าวางขายกันแล้วว่าจะสามารถเอาชนะ AMD ได้จริงๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามการแข่งขันระหว่าง intel และ AMD ถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ใช้งานอย่างเร็ว เพราะจะได้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับมีราคาที่ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปCredit : Tom's Hardware
06 Oct 2021
จีน สั่งลดการผลิต Silicon ทำราคาพุ่ง โรงงานในสแกนดิเนเวียลดการผลิตตาม
Silicon เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต Semiconductor สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, เครื่องเล่นเกม Console, รถยนต์, ตู้เย็น หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งสภาวะขาดแคลน Silicon มีมาสักพักแล้วตั้งแต่ COVID-19 ระบาด และหลังจากนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีกเมื่อ จีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ได้สั่งลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลนถ่านหิน อันเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญการลดผลิตของจีนได้ทำให้ราคา Silicon ถีบตัวสูงขึ้น 300% แล้วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้โรงงานผลิตชิปเองก็เริ่มสู้ไม่ไหว และประกาศกำลังผลิตลงแล้วเช่นกัน (อย่างน้อยในสแกนดิเนเวีย) แต่ในขณะที่กำลังผลิตลดลง ความต้องการของตลาดยังคงพุ่งสูงขึ้นสวนทางกัน โดยยังไม่รู้เหมือนกันว่าสภาวะเลวร้ายนี้จะจบลงเมื่อไหร่แม้ว่าทั้งหมดนี้จะดูเหมือนเป็นข่าวร้าย แต่โรงงานใหญ่ๆ ดูเหมือนจะเริ่มปรับตัวกันได้แล้ว เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เราน่าจะเริ่มเห็นสถานการณ์ดีขึ้นกันบ้างแล้วในแง่ของความสามารถในการผลิตชิปของโรงงาน แต่ปัญหา Silicon ขาดตลาดนี้ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ได้อย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
05 Oct 2021
Windows 11 มาแล้ว ติดตั้งใหม่ หรืออัปเกรดได้เลยตอนนี้!
Microsoft ได้ตัดสินใจปล่อย Windows 11 ออกมาก่อนกำหนดการเดิมเป็นเวลา 1 วัน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่ได้แล้ววันนี้ โดยจะอัปเกรดจาก Windows 10 ขึ้นไปโดยใช้ Installation Assistant หรือจะ Clean Install ใหม่เลยก็ได้ อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการดีที่สุด อย่าลืมตรวจ PC Health Check ก่อนด้วย เพื่อไม่ให้เครื่อง PC ของเพื่อนๆ พังไปเสียก่อนสำหรับคนที่ตรวจ PC Health Check แล้วไม่ผ่าน ผู้เขียนยังไม่แนะนำให้กดอัปเกรดไปใช้ Windows 11 เลย เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อ PC ได้ นอกจากนี้เครื่องที่ Hardware ไม่รองรับจะไม่ได้รับการอัปเดต Windows จากทาง Microsoft ด้วย สำหรับคนที่จะทำการอัปเกรดหากไม่มีในส่วนของการ์ดจอด้วยคิดว่าสามารถอัปเกรดได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนคนที่กำลังคิดว่าจะเปลี่ยน GPU ด้วย จะแนะนำว่าซื้อเครื่องใหม่แบบสำเร็จรูปไปเลยอาจจะดีกว่า เนื่องจากการ์ดจอแยกเพียงอย่างเดียวมีราคาที่แพงมากๆ ในตอนนี้Windwos 11 เรียกได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ Microsoft ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก มันถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกแบบซอฟต์แวร์ การเล่นเกม รวมไปจนถึงสำหรับผู้ที่ใช้งานประจำวันเท่านั้น 'ยุคสมัยใหม่ของการใช้งาน PC ได้เริ่มขึ้นแล้ว' คำนี้อาจไม่เกินจริงเสียทีเดียวCredit : VideoCardZ
05 Oct 2021
ASUS เผยโฉม RTX 3070 โมเดลพิเศษที่ใช้พัดลมจาก Noctua
กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดเมื่อสุดยอดแบรนด์ผลิตการ์ดจออย่าง Asus ได้ประกาศจับมือกับสุดยอดแบรนด์ระบายความร้อนอย่าง Noctua เพื่อผลิตการ์ดจอ RTX 3070 ฉบับพิเศษ ประสิทธิภาพที่ได้จะขนาดไหนเป็นเรื่องที่เกิดคาดเดา แต่วันนี้เรามีโอกาสได้เห็นหน้าตาดีไซน์ของเจ้า RTX 3070 รุ่นพิเศษนี้ก่อนแล้ว!ดีไซน์โดยรวมไม่ได้แตกต่างจาก RTX 3070 รุ่นสองพัดลม ที่เราเคยเห็นกันมาแล้วเท่าไหร่นัก แต่จุดที่แตกต่างออกไปคือพัดลมที่ใช้ในการระบายความร้อนครั้งนี้เป็นของที่ผลิตโดย Noctua และมีการเปลี่ยนสีโดยรวมของการ์ดให้เป็นสีทราย กับน้ำตาล พร้อมกับโลโก้ยืนยันว่า RTX 3070 รุ่นพิเศษนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Asus และ Noctuaการที่ระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น ย่อมหมายถึงการดึงประสิทธิภาพของการ์ดออกมาได้มากยิ่งขึ้น การ Overclock สามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าเหล่านัก OC ทั้งหลาย จะต้องอยากสัมผัสกับการ์ดรุ่นพิเศษนี้กันสักครั้งอย่างแน่นอน โดยยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะสามารถหาซื้อได้ในบ้านเราหรือไม่Credit : VideoCardZ
01 Oct 2021
ลือ Radeon RX 7600 จะแรงอย่างน้อยเทียบเท่ากับ 6900XT
ถือเป็นข่าวที่น่าตกใจเมื่อมีข้อมูลบอกว่า RDNA 3 Navi 33 ที่ใช้กับ Radeon RX 7000 จะมีจำนวน Core ถึง 4096 ตัว มีขนาดการผลิตอยู่ที่ 6nm คุณ Greymon55 นักปล่อยข่าวเกี่ยวกับ AMD ได้ยืนยันว่า มันถูกออกแบบมาให้แรงกว่า 6900XT ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายแล้วการพัฒนาอาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ อย่างน้อยมันก็จะแรงเทียบเท่ากับ 6900XTรหัส 23 มักถูกใช้กับการ์ด X600 ของแต่ละซีรีส์ ดังนั้น Navi 33 น่าจะหมายถึง Radeon RX 7600 ดังนั้นสำหรับรหัส Navi 31 ซึ่งน่าจะเป็นของ Radeon RX 7900 จะต้องแรงมากกว่าตัวท็อปสุดของ AMD ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่มีผลทดสอบออกมาให้เราอ่านกัน แต่ล่าสุดมีสเปคเบื้องต้นออกมาให้อ่านแล้วอย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเลขในกระดาษจะดูแรงขนาดไหน ในการใช้งานจริงอาจไม่เป็นแบบนั้น ดังนั้นขอให้เพื่อนๆ อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลทั้งหมดที่หลุดออกมาในตอนนี้ แต่อยากให้ไปรอดูผลทดสอบจริงCredit : Wccftech
29 Sep 2021
CEO ของ AMD เผย คาดว่าชิปจะขาดตลาดไปจนถึงกลางปี 2022 เป็นอย่างน้อย
Dr. Lisa Su ได้เข้าร่วมงาน Code Conference ที่ Beverly Hills, California และได้ให้สัมภาษณ์บนเวทีเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด CPU กับ GPU หลังจากนี้ เธอพูดถึงสภาวะที่ Silicon รวมไปจนถึงส่วนประกอบอื่นๆ ในการผลิตชิปที่ขาดตลาดในตอนนี้ รวมไปจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจาก COVID-19 ตั้งแต่ปลายปี 2019 ซึ่งผู้ผลิตมีปัญหาอย่างมากในการผลิตสินค้าออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากเหรียญ Cryptocurrency ด้วย ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อราคา GPU ในตลาด เมื่อเหล่านักขุดเหมืองทำการเหมาการ์ดจอไปจนหมดตลาด ทั้งนี้ Dr. Lisa Su ได้คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 โลกจะยังคงพบกับสภาวะชิปขาดตลาดเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยปัญหาของขาดตลาดจะเริ่มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง 2022 แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่นักสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการหาการ์ดจอใหม่มาเล่นเกมที่กำลังจะออก ในช่วงปลายปีนี้เชื่อว่าสินค้าต่างๆ จะเริ่มกลับเข้ามาในตลาดให้เราได้ซื้อเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของราคาคงจะโหดร้ายกว่าช่วงปลายปี 2020 เสียอีก ยังไงต้องติดตามดูกันต่อไปCredit : VideoCardZ
29 Sep 2021
Alder Lake อาจวางขาย 4 พฤศจิกายน 2021
หลังจากหลุดทั้งผลทดสอบ ทั้งตัวสินค้ามากมาย ในที่สุดก็มีการยืนยันแล้วจากทาง MSI ว่า Alder Lake อาจวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 ซึ่งทาง (Wccftech) เองมีการยืนยันเช่นเดียวกันว่าการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมาในวันที่ 27 ตุลาคม 2021 พร้อมทั้งมีการเปิดให้ Pre-Order ก่อนขายเป็นเวลา 1 อาทิตย์จริงๆ แล้วทาง MSI ไม่ได้ยืนยันวันวางขายของ Alder Lake ออกมาตรงๆ แต่เป็นการประกาศช่วงเวลาที่เปิดให้ลูกค้าสามารถขอ Upgrade Kit สำหรับ Intel LGA1700 CPUs และ Coreliquid CPU Coolers สำหรับ Alder Lake ได้ฟรี ซึ่งการขอ Upgrade Kit ฟรีนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2021 ไปจนถึง 30 เมษายน 2022 ยังคงเป็นไปได้ว่าการวางขายจริงอาจอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 เลยเสียทีเดียวก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า Alder Lake จะวางขายจริงในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2021 ซึ่งในจุดนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าข่าวไหนถูกข่าวไหนผิด แต่ถ้าหากในช่วงปลายเดือนหน้าจะมีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการจริง หมายความว่าวันวางขายจะถูกเปิดตัวในวันเดียวกันด้วย ยังไงรอยืนยันพร้อมกันช่วงปลายเดือนหน้าได้ครับCredit : VideoCardZ
28 Sep 2021
iPhone 13 Pro กับ Pro Max อึดมาก! ตกจากความสูงโต๊ะหลายรอบยังใช้งานได้
iPhone 13 Pro กับ Pro Max ใกล้วางขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราแล้ว ซึ่งสำหรับบางประเทศก็เริ่มวางขายกันไปแล้ว ช่อง EverythingApplePro E A P เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเครื่องแล้ว และมาทำทดสอบ Drop Test ให้เราได้ดูกัน โดยต้องบอกเลยว่าสำหรับรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกนี้อึดเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะตกจากความสูงระดับโต๊ะหลายรอบ แต่ก็ยังใช้งานได้เป็นปกติที่น่าตกใจคือแม้จะหันด้านหน้าจอที่บอบบางที่สุดตกลงพื้น iPhone 13 Pro Max ก็ยังไม่เกิดรอยขีดข่วนเลย ส่วนรุ่น Pro เกิดรอยร้าวบนหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นปกติ ปิดท้ายด้วยการตกจากที่สูงเกือบ 3 เมตร ซึ่งครั้งแรกสำหรับรุ่น Pro Max ไม่เกิดรอยขีดข่วนเลย! ไปรับชมคลิปกันได้ข้างล่างแม้ว่าตัวมือถือเองจะอึดมากๆ เหมือนไม่ต้องใส่อะไรป้องกันเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหา EverythingApplePro E A P ยังคงแนะนำให้เพื่อนๆ ใส่ Case และกระจกเพื่อป้องกันการตกกระแทกแตกอยู่เหมือนเดิม เนื่องจาก iPhone เครื่องหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ ยังไงป้องกันไว้ก่อนก็ยังเป็นเรื่องที่ดีกว่าครับ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/MxZhVAfJjmc' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Wccftech
27 Sep 2021
Intel เริ่มสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่หวังสู้ TSMC กับ Samsung เสร็จหลังปี 2024!
หลังจากการประกาศของคุณ Pat Gelsinger ช่วงขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ใหม่ในปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีการเคลื่อนไหวจาก intel ในการสร้างโรงงานใหม่สำหรับผลิตชิปรุ่นใหม่ในชื่อ Fab 52 และ Fab 62 ในรัฐ Arizona แล้ว โดยทางบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรงงานใหม่ทั้งสองแห่งจะทำให้สามารถขึ้นไปแข่งขันในด้านการผลิตชิปกับ TSMC กับ Samsung ที่เป็นโรงงานอันดับต้นๆ ของโลกได้แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นข่าวดี รวมถึงอีกหนึ่งเรื่องยืนยันว่า intel กำลังจะกลับมา แต่โรงงานทั้งสองแห่งจะสร้างเสร็จอย่างเร็วก็ปี 2024 ซึ่งหมายความว่าเรายังอีกนานเลยกว่าเราจะได้เห็นการกลับมาอย่างเป็นทางการจริงๆ ของ intel และด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายโรงงานที่จะรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นด้วย จะทำให้ intel ทำเงินต่อปีได้มากขึ้นหากมีกำลังผลิตที่มากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงเดือน กรกฎาคม มีการยืนยันจากแผนก Intel Foundry Services (IFS) ที่ทำหน้าที่นี้ว่าพวกเขาได้ Qualcomm กับ Amazon มาเป็นลูกค้าเรียบร้อยแล้วการลงทุนกว่า $20 พันล้าน นี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดี และเราจะได้เห็นชิประดับแนวหน้าของโลกอีกครั้งจากทาง intel หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไปครับCredit : Wccftech
27 Sep 2021
i9-12900K ทำคะแนน Single ได้ 825 บน CPU-Z แรงกว่า i9-11900K ถึง 20%
มาอย่างต่อเนื่องสำหรับผลทดสอบของ Alder Lake โดยล่าสุดสำหรับผลทดสอบบน CPU-Z รุ่นใหม่นี้ก็มีคะแนน Single ที่สูงถึง 825 แต้ม แรงกว่ารุ่นแรงสุดก่อนหน้าอย่าง i9-11900K ถึง 20% และแรงกว่า Ryzen 9 5950X ถึง 27% อย่างไรก็ตามสำหรับรูปที่ปล่อยออกมามีการเซนเซอร์ในส่วนของคะแนน Multi-Threaded ไว้ โดยคิดว่าเป็นไปได้ที่อาจจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่นักเบื้องต้นเชื่อว่า Multi-Threaded ต้องแรงกว่า i9-11900K ที่ทำคะแนนได้ 6000 - 7000 อย่างแน่นอน เพียงแต่อาจยังไปไม่ถึง 11000 เท่ากับ Ryzen 9 5950X ดังนั้นในส่วนของความแรงในการทำงานอาจยังไม่สามารถสู้ Ryzen ได้ในเจนนี้ แต่ในส่วนของการเล่นเกมแล้ว 825 คะแนนไม่ใช่อะไรที่มองข้ามได้เลยจริงๆ เป็นไปได้ว่า Alder Lake อาจยังคงเป็น CPU ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่เช่นเดิมในเจนต่อไปแม้ว่าผลทดสอบนี้เกือบจะบอกได้ทุกอย่างแล้วในส่วนของความแรงของ Alder Lake แต่อย่าลืมว่า CPU ดังกล่าวยังไม่ถูกเอาออกมาขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่า Bios ตัวสมบูรณ์ยังไม่ถูกปล่อยออกมาประสิทธิภาพที่แท้จริง อาจแรงมากกว่านี้อีกในตอนวางขายอันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป Credit : VideocardZ
27 Sep 2021
การ์ดจอรุ่นเก่าของ AMD ได้รับการสนับสนุนให้ใช้งาน Ray Tracing ได้แล้วผ่าน Mesa3D!
MESA3D เป็น Driver การ์ดจออิสระที่ร่วมกันพัฒนาระหว่าง Developer หลายเจ้า ซึ่งดูเหมือน Driver ตัวล่าสุดของพวกเขาจะทำให้การ์ดจอรุ่นเก่าของ AMD สามารถเปิดใช้งาน Ray-Tracing ได้ แม้ว่าจะไม่ได้มี Ray Accelerators อยู่ในส่วนประมวลผลเช่นเดียวกับ RX 6000 Series โดยการใช้ Software ในการช่วยจำลองทิศทางการตกกระทบของแสง!เราได้รับการยืนยันแล้วว่า Software ตัวนี้สามารถใช้กับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RDNA 1, Vulkan และ Polaris ได้จากจดหมาย PR นอกจากนี้ผู้เล่นบางยังยืนยันด้วยแล้วว่า MESA สามารถทำให้เปิด Ray-Tracing บนเกม Quake II ได้จริงๆ โดนยอมรับกันตรงๆ ว่าผู้เขียนเองไม่เห็นภาพเหมือนกันว่า การใช้ Software จำลองแทนเช่นนี้ จะเป็นภาระให้กับ Hardware ส่วนอื่นหรือ CPU ขนาดไหนไม่ว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะใช้ได้จริง หรือเราสามารถเปิด Ray-Tracing ในการ์ดจอรุ่นเก่าได้หรือไม่ นี่ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้พัฒนาอาจได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงผล Ray-Tracing ได้ดีขึ้นจากการเรียนรู้การทำงานของ MESA รวมไปจนถึงผลิตเกมที่ใช้เทคโนโลยี Ray-Tracing ซึ่งกินทรัพยากรเครื่องน้อยลงต่อไปในอนาคต และต้องขอยอมรับตรงนี้อีกครั้งว่า หากการ์ดจอรุ่นเก่าๆ ของ AMD จะสามารถใช้งาน Ray-Tracing ได้จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีCredit : VideoCardZ
23 Sep 2021
หลุดข้อมูล RTX 30 ซีรีส์ Super มีตั้งแต่ 3060 ไปจนถึง 3090
สดๆ ร้อนๆ จากข่าวลือเกี่ยวกับ 3080 Super เมื่อวาน วันนี้หลุดข้อมูลชุดใหญ่เลยตั้งแต่ 3060 Super - 3090 Super โดยข้อมูลชุดใหม่นี้มีการเปิดเผยทั้งจำนวนหัวประมวลผลไปจนถึง Ram ของการ์ดจอ โดยส่วนใหญ่น่าจะมีความแรงมากกว่ารุ่นรหัสธรรมดา แต่แน่นอนว่าน่าจะแรงน้อยกว่ารุ่นรหัส Ti ด้วยเช่นกัน3080 Super จะมาพร้อมกับ 8960 CUDA cores ซึ่งมากกว่ารหัสธรรมดาอยู่ประมาณ 200 Core แต่น้อยกว่า Ti อยู่ 1,280 Core ในส่วนของ Ram จะมีทั้งหมด 12GB เท่ากับรหัส Ti ส่วน 3070 Super กับ 3060 Super ยังไม่มีข้อมูลจำนวน Core เผยออกมา แต่ในส่วนของ Ram จะเทียบเท่ากับรุ่นรหัส Ti ของตัวเองเช่นกันการมีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อการ์ดจออย่างน้อยในช่วงนี้ ถือเป็นผลดีกับผู้บริโภค เนื่องจากราคาเปิดตัวของรหัส Super ควรจะมากกว่ารหัสปกติ แต่ไม่แพงกว่ารหัส Ti ของรุ่นเดียวกัน ดังนั้นก็เหมือนเรามีรุ่นที่แรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยเป็นตัวเลือกในการซื้อ ในขณะที่ส่วนของ 3080 Super ถือว่าต่างกันเป็นอย่างมากในส่วนของ Ram ที่เพิ่มมาให้อีก 2GB เนื่องจากเกม AAA ในยุคนี้หากจะปรับทุกอย่างจัดเต็มแล้ว มักใช้ Ram การ์ดจออยู่ที่ประมาณ 10-11GB ทำให้บางครั้งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับ 3080 รหัสธรรมดา<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Let&#39;s make a summary. <br>3090S 10752 24GB G6X<br>3080S 8960 12GB G6X<br>3070S 5888 8G G6X<br>3060S 5632 12G G6<br>Although I doubt the specs of some of them and the name of 90S. <br>???</p>&mdash; kopite7kimi (@kopite7kimi) <a href='https://twitter.com/kopite7kimi/status/1440516490164260868?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 22, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : VideoCardZ
23 Sep 2021
ผลทดสอบเผยอัปเกรด SSD บน PS5 เผย ราคาถูกกับแพงให้ FPS ในเกมไม่ต่างกัน!
เปิดให้อัปเกรด SSD เพิ่มเติมได้แล้ววันนี้สำหรับ PS5 ซึ่งการอัปเกรดเพิ่มจะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถเก็บเกมได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับการอัปเกรดก็มีข้อแนะนำจากทาง Sony ว่า Read / Write ของ SSD ควรไม่น้อยกว่า 5,000 แต่ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า ต่อให้เอา SSD ที่มีค่า Read / Write น้อยกว่าที่ Sony แนะนำ ก็สามารถนำมาใช้กับ PS5 ได้อย่างไม่มีปัญหาทั้งยังให้ FPS ในเกมไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย!Digital Foundry ได้ทำการทดสอบนำ SSD ที่มีความเร็วต่ำมาใช้งานกับ PS5 เปรียบเทียบกับ SSD ที่มีประสิทธิภาพตามที่ Sony ระบุไว้ทุกอย่าง ซึ่ง 2 ตัวที่นำมาทดสอบในครั้งนี้ได้แก่ Western Digital SN750 (3,200 MB/s Reads), กับ Western Digital's SN850 (7,000 MB/s Reads) ร่วมทดสอบกับ SSD ที่มากับเครื่องเลยอีกตัว (5,500 MB/s Reads) โดยในการเล่น Ratchet & Clank: A Rift Apart ทั้ง 3 ตัวให้ FPS เท่ากันในฉากเดียวกัน แบบไม่ต่างกันแม้แต่ 1 FPS เลยจุดที่แตกต่างกันแรกที่พบคือการโหลดเข้าเกมที่ตัว SN850 ใช้เวลา 8 วินาที, SN750 ใช้เวลา 10 วินาที และที่มากับ PS5 เลยใช้เวลาแค่ 7 วินาที ซึ่งไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันขนาดนั้นในการเล่นเกมจริงๆ จุดแตกต่างที่สองซึ่งเห็นผลชัดเจนคือการย้ายไฟล์เกมไปมาระหว่าง SSD ภายในเครื่อง กับ SSD ที่ใส่เข้าไปเพิ่ม SN850 ใช้เวลา 49 วินาทีในการย้ายไฟล์ 60GB ของ Ghost of Tsushima ในขณะที่ SN750 ต้องใช้เวลาถึง 7 นาที ในการย้ายไฟล์จากการทดลองนี้เป็นเหมือนการเปิดทางเลือกในการซื้อ SSD มาอัปเกรดของ PS5 ของเพื่อนๆ เนื่องจาก SSD ที่มีค่า Read / Write มากกว่า 5,000 ในตลาดตอนนี้มักมีราคามากกว่า 6,000 บาท ในขณะที่รุ่นประมาณ 3,000 MB/s reads จะมีราคาถูกกว่ามาก (รุ่น 1 TB ประมาณ 3 - 5 พันบาท) <iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/zWQs4UpiKlg' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Tom's Hardware
23 Sep 2021
Microsoft ไม่ขอรับผิดชอบหากลง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่รองรับแล้วพัง!
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วสำหรับวันปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจากข่าวก่อนหน้านี้แม้ว่าเครื่องจะขอรุ่น CPU ที่ใหม่มากในการติดตั้ง แต่ทาง Microsoft ก็ได้เปิดให้ สามารถโหลดไฟล์ ISO ของ Windows 11 ไปติดตั้งกันเองได้ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถเอาไปลงกับเครื่องที่มีสเปคไม่ถึงตามที่ระบุเช่นกัน แต่ในทางกลับกันหาก PC เครื่องนั้นพังเพราะ Windows 11 ทางบริษัทจะไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น!พบเห็นได้ในช่วง Set-Up ของ Windows 11 จะมีแจ้งสำหรับเครื่องที่มีสเปคไม่ถึงว่า 'PC เครื่องนี้มีสเปคไม่ถึงขั้นต่ำของ Windows 11 ตามที่บริษัทได้เคยระบุไว้ เราไม่แนะนำให้ติดตั้ง Windows 11 บน PC เครื่องนี้ หากผู้ใช้งานยังคงติดตั้ง Windows 11 ต่อไป PC เครื่องนี้จะไม่ได้รับการอัปเดตเวอร์ชันจากทาง Microsoft และเราไม่ขอรับผิดชอบหาก PC เครื่องนี้พังจากการไม่สามารถรองรับการทำงานของ Windows 11 ได้' พร้อมปุ่มยอมรับเงื่อนไข้ทางขวาดังนั้นนี้เป็นคำเตือนสุดท้ายจาก Microsoft ว่า หาก PC ของคุณไม่ไหวจริงๆ ก็อย่าฝืนติดตั้ง Windows 11 ลงไป เนื่องจากมันอาจสามารถทำให้ PC ของผู้ใช้งานพังได้เลย มันเป็นเรื่องยากจริงสำหรับการอัปเกรด PC ในช่วงนี้ แต่ก็เชื่อว่าดีกว่าทำให้ PC พังไปเลย ใครที่จำเป็นต้องอัปเกรด PC ก่อน ก็แนะนำให้อดทนรอกันไปอีกนิดครับCredit : WindowCentral
22 Sep 2021
HP เปิดตัว AIO PC ที่ใช้การ์ดจอ 3080 Super!
สภาวะการ์ดจอขาดตลาดยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องผันผวนตามราคาของ Cryptocurrency มันจึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่แม้ว่าการ์ดจอในซีรีส์ RTX 30 กับ RX 6000 Series จะมีหลายรุ่น หลายราคาให้เราเลือกซื้อ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีขายในตลาด และเชื่อหรือไม่ว่า Nvidia อาจยังมีแผนเพิ่มรุ่นการ์ดจอเข้ามาอีก เมื่อล่าสุด HP มีการเปิดตัว PC ที่ใช้การ์ดจอ RTX 3080 Super ออกมาถูกเอามาใช้ครั้งแรกในยุคของ RTX 20 กับ GTX 16 สำหรับรหัส Super ซึ่งแรงกว่ารหัสปกติ แต่ด้อยกว่ารหัส Ti คือเรียกได้ว่าเป็นรุ่นทางเลือก ลดความกว้างของราคาในแต่ละรุ่นลง แม้ว่าสำหรับ RTX 3080 อาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นเท่าไหร่ในเมื่อตัว 3080 เองก็สามารถเล่นเกมแบบ 4K ปรับสุดได้แล้ว แต่ในเมื่อของในตลาดมันไม่มีในตอนนี้ หากอนาคตจะมีรุ่นที่แรงกว่า และแพงกว่าเล็กน้อยออกมาให้เลือกซื้อด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องดีอย่างไรก็ตามไม่มีการประกาศจากทาง Nvidia ออกมาในตอนนี้เกี่ยวกับ RTX 3080 Super ว่าเป็นของจริงหรือไม่ และจะมีการทำออกมาขายแยกหรือเปล่า? แต่หากมองจากความต้องการของตลาดแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำออกมาขาย ส่วนที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเรื่องของการผลิตที่จะไปเอามาจากไหน เนื่องจากตอนนี้ทุกโรงงานผลิตชิปก็จัดได้ว่าทำงานกันแบบ 100% แล้ว Credit : Wccftech
22 Sep 2021
NVIDIA ปล่อย Driver การ์ดจอ 472.12 รองรับ Windows 11 อย่างเป็นทางการ
Windows 11 ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Windows 10 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่อาจยังไม่ใช่สำหรับฉบับ Alpha ในตอนนี้ เนื่องจากการทำงานของ Driver บางตัวอาจยังไม่รอบรับบน Windows 11 ซึ่งล่าสุด NVIDIA ก็ได้ปล่อย Driver ตัวใหม่ 472.12 ที่รองรับการทำงานบน Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว!นี้จึงหมายความว่าการ์ดจอของ NVIDIA จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และถูกต้องบน Windows 11 เสียที นอกจากนี้ Driver ตัวใหม่ยังมาพร้อมกับการรองรับ DLSS ในเกมดังที่กำลังจะออกอีกหลายเกมด้วยไม่ว่าจะเป็น Alan Wake Remastered,  Diablo II: Resurrected, Far Cry 6, และ World War Z: Aftermath.Driver ที่เพิ่งนำมาใช้ใหม่ยังทำงานนอกเหนือวัตถุประสงค์ในการเล่นเกมด้วย สำหรับสายสร้างและพนักงานของบริษัทที่เกี่ยวข้อง จะได้รับวิธีการใหม่ในการจัดระเบียบ และจัดการเดสก์ท็อปโดยใช้เครื่องมือ Snap Tools  การทำงานหลายจอภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการสนับสนุนขั้นสูงสำหรับหน้าจอสัมผัส การควบคุมด้วยเสียง รวมถึงปากกาสำหรับเพื่อนๆ ที่ทดลองใช้งาน Windows 11 กันอยู่ในตอนนี้ และพบปัญหาระหว่างเล่นเกม ลองอัปเดต Driver การ์ดจอกันดู เชื่อว่าปัญหาที่พบอยู่จะหายไป หรืออย่างน้อยลดลงมาอย่างแน่นอนCredit : Wccftech
21 Sep 2021
AU Optronics เปิดตัวทีวี 85 นิ้ว 4K / 240Hz พร้อมความถูกต้องสี 96% DCI-P3
ถือเป็นเรื่องน่าตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการเปิดตัวจอ 4K / 240Hz ขนาด 85 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับความถูกต้องของสี 96% DCI-P3 แต่ที่น่าตกใจสำหรับเกมเมอร์ทุกคนมากที่สุดคงเป็นเรื่อง Refresh Rate ขนาด 240Hz ที่อาจนับเป็นครั้งแรกเลย สำหรับจอที่มีความละเอียดระดับ 4Kเหตุผลหลักที่เรายังไม่เคยได้เห็นจอ 4K / 240Hz มาก่อนในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะสาย HDMI 2.1 และ Display Port 2.0 สามารถส่งภาพได้แค่ 4K/ 144Hz เท่านั้นในตอนนี้ สำหรับเจ้า TV จากทาง AU Optronics ตัวนี้จำเป็นต้องใช้ Display Stream Compression อีกต่อหนึ่งด้วยในการที่จะส่งภาพ Refresh Rate 240Hz ได้ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อด้านหลังของ TV ยังไม่มีการยืนยันว่าจะให้อะไรมาบ้าง หรือรองรับเทคโนโลยีเล่นเกมอย่าง G-Sync และอื่นๆ อะไรบ้าง AU Optronics เป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตเทคโนโลยีสำหรับใช้งานกับหน้าจอ ดังนั้นสินค้าของพวกเขาก็สามารถเชื่อได้เลยว่าจะมีประสิทธิภาพที่ดีอย่างแน่นอนCredit :  VideoCardZ
21 Sep 2021
intel ยอมรับจ้าง TSMC ผลิตชิปการ์ดจอ เพราะผลิตเองไม่ไหว
แม้ว่าการมาของการ์ดจอ ARC จากทาง intel จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหล่าช่างคอม และเกมเมอร์ให้ความสนใจกันอยู่ แต่หนึ่งในข้อสงสัยที่ใครหลายคนไม่เข้าใจคือ 'ทำไมการ์ดจอของ intel ที่มีโรงงานสำหรับผลิตชิปขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ถึงไปจ้าง TSMC ซึ่งเป็น Outsourced ในการผลิต?' โดยวันนี้คุณ Raja Koduri รองประธานของบริษัทได้ออกมายอมรับแล้วว่า โรงงานของ intel ยังมีประสิทธิภาพไม่พอที่จะผลิตชิปของ ARCแม้ว่า intel จะเป็นผู้ออกแบบชิปของ GPU ชนิดนี้ และเข้าใจโครงสร้างของชิปมากที่สุด แต่การผลิตมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากจะไปขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องจักรเสียมากกว่า โดยทางบริษัทรู้ตัวดีว่าโรงงานของ intel ในตอนนี้ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะผลิตชิปออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือต่อให้ทำได้ก็อาจมี % ความผิดพลาดที่สูงเกินไป จนเอามาขายจริงในปริมาณสูงๆ ไม่ได้เมื่อหักลบกันจริงๆ แล้ว intel พบว่าการให้ Outsourced เป็นผู้ผลิตชิปให้เล่นเช่นนี้ จะใช้ต้นทุนที่น้อยกว่า นอกจากนี้ TSMC ยังเป็นโรงงานระดับชั้นนำของโลกที่ผลิตชิปให้ทั้ง Nvidia, AMD, Apple และบริษัทชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเรื่องของคุณภาพเองก็ไว้ใจได้อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายสถาปัตยกรรมนี้จะแรง จะดีขนาดไหน ก็ต้องรอดูผลทดสอบกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
21 Sep 2021
ผลทดสอบ GPU ของ iPhone 13 Pro แรงกว่า iPhone 12 PRo ถึง 55%
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ iPhone 13 ซึ่งกำลังจะเปิดให้สั่งจองได้ 1 ตุลาคม 2021 นี้ โดยแน่นอนว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ ระบบกล้องเทพๆ ถูกใส่เข้ามาในรุ่นนี้อย่างจัดเต็ม รวมไปจนถึงชิปประมวลผลอย่าง A15 Bionic ที่มาการเพิ่มหัว GPU ให้อีก 1-Core และล่าสุดผลทดสอบของเจ้า GPU รุ่นใหม่ ก็แรงกว่า iPhone 12 Pro ถึง 55% เลยทีเดียวจากผลทดสอบ Geekbench การ์ดจอของ iPhone 13 Pro ได้คะแนนไปถึง 14,216 แต้ม มากกว่า iPhone 12 Pro ที่ทำคะแนนได้ 9,123 หรือก็คือได้คะแนนมากกว่าถึง 55% ซึ่งสำหรับหน้าจอของ iPhone 13 Pro ในที่สุดก็เป็นแบบ 120Hz แล้วด้วย เชื่อว่าการ์ดจอใหม่ที่แรงขึ้นนี้จะทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล และสนุกจุดที่น่าเสียดายเห็นจะเป็นในเรื่องของ Ram ที่ iPhone 13 ยังคงให้ Ram มาสูงสุด 6GB เท่าเดิม โดยไม่รู้เหมือนกันว่าในยุคที่กราฟิกของเกมมือถือเองพัฒนาไปมาก มีความสวยงามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 6GB จะถือว่าเป็นหน่วยความจำสำรองที่น้อยเกินไปสำหรับการเล่นเกมหรือเปล่า แต่เบื้องต้นเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อ iPhone มาเพื่อเล่นเกมอยู่แล้ว แม้ว่าทางบริษัทจะมีการให้บริการ Apple Arcade ก็ตามCredit : Wccftech
16 Sep 2021
iPhone 13 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ GPU แรงขึ้น น้ำหนักมากขึ้นเล็กน้อย และยาวขึ้น!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาสำหรับ iPhone 13 มือถือรุ่นใหม่จากทาง Apple โดยจะพร้อมให้สั่งซื้อล่วงหน้ากันในวันที่ 1 ตุลาคม 2021 และวางขายหน้าร้านอย่างเป็นทางในวันที่ 8 ตุลาคม 2021 สำหรับราคาของเครื่องแต่ละรุ่น ก็มีเป็นราคาไทยเรียบร้อยแล้ว สามารถดูได้ข้างล่างนี้เลย128GB256GB512GB1TBiPhone 13 Mini25,90029,90037,900-iPhone 1329,90033,90041,900-iPhone 13 Pro38,90042,90050,90058,900iPhone 13 Pro Max 42,90046,90054,90062,900Pro กับ Pro Max กล้องเหมือนกันในส่วนของกล้อง สำหรับ iPhone 13 จะให้กล้องมา 3 ตัวเช่นกันสำหรับ iPhone 13 Pro กับ iPhone 13 Pro Max รวมถึงเลนส์กล้อง ความสามารถ และฟีเจอร์จะมีเหมือนกันทั้งหมด ในส่วนของความแตกต่างจริงๆ ที่ทราบในตอนนี้คือขนาดของหน้าจอระหว่าง 6.1 นิ้ว กับ 6.7 นิ้ว กับแบตเตอรี่ที่อาจแตกต่างกันประมาณ 1-3 ชั่วโมงการใช้งานรอยบากบนหน้าจอเล็กลง 20% แต่สูงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กล้องหลังมีการปรับคุณภาพให้ดีขึ้น ในส่วนของหน้าจอเองก็มีการลดขนาดของรอยบากลง 20% เพิ่มพื้นที่หน้าจอให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ในขณะที่ขนาดของตัวเครื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่กล้องหลังดูจะกินพื้นที่มากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามาพร้อมกับชิป A15 Bionic มีการอัปเกรด GPU ให้เป็น 5-Coreในเรื่องของชิปประมวลผลเอง CPU ของเครื่องจะเป็นแบบ 6-Core และมีการเพิ่มหัวประมวลผลให้กับ GPU ของเครื่องอีก 1 Core จากที่มีเพียง 4-Core ตอน iPhone 12 ในส่วนของประสิทธิภาพยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะแรงกว่ารุ่นก่อนหน้ากี่ % แต่เชื่อว่าคงแรงติดอันดับ 1 - 3 ของโลกเช่นเดิม อันนี้ต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปเครื่องจะหนากว่า และหนักหว่า iPhone 12 เล็กน้อยด้วยฟีเจอร์ที่มากขึ้น กล้องที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ที่อึดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกหาก iPhone 13 จะมีนำหนัก กับความหนาที่มากกว่า iPhone 12 ความหนาจะต่างกันเล็กน้อยแค่ 7.65mm กับ 7.4mm และในส่วนของน้ำหนักจะต่างกันเพียงไม่กี่กรัมเท่านั้นดูความแตกต่างได้ข้างล่างนี้iPhone 13 mini (141 กรัม) vs. iPhone 12 mini (135กรัม)iPhone 13 (174 กรัม) vs. iPhone 12 (164 กรัม)iPhone 13 Pro (204 กรัม) vs. iPhone 12 Pro (189 กรัม)iPhone 13 Pro Max (240 กรัม) vs. iPhone 12 Pro Max (228 กรัม)ทั้งหมดนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone 13 ที่เรารู้ในตอนนี้ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็สามารถรอสั่งจองได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2021 นี้ และคาสดว่าเครื่องน่าจะไปถึงมือภายในวันที่ 8 ตุลาคม 20218 ตุลาคม 2021
15 Sep 2021
ร้านคอมใน US หลุดราคา intel Gen 12 ทั้งซีรีส์เริ่ม $260 - $600
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการหลุดข้อมูลจอง intel Alder Lake ออกมาว่าราคาจะแพงกว่าเจนปัจจุบันถึง 3,000 บาท จนทุกคนงงว่า 'ทำไมถึงแพงได้ขนาดนั้น' เหตุผลจริงๆ คือ เหมือนราคาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เนื่องจากล่าสุดร้านขายคอมใน US เพิ่งหลุดราคาของ CPU ทุกรุ่นออกมาราคาเริ่มต้นของซีรีส์นี้ Core i5-12600KF มีราคาอยู่ที่ $260 (ประมาณ 8,500 บาท) และมีตัวราคาแพงสุดคือ Core i9-12700K อยู่ที่ $600 (ประมาณ 20,000 บาท) ซึ่งราคาทั้งหมดที่หลุดออกมานี้ ดูมีความสมเหตุสมผลกว่าราคาก่อนหน้านี้มาก คาดว่าราคานี้อาจเป็นของจริงในตอนที่วางขายเลยแน่นอนว่าเมื่อเข้ามาขายในไทยแล้ว จะต้องบวกค่าภาษี ค่าขนส่งจนอาจจะแพงขึ้นจากราคานี้อีกประมาณ 1,000 - 2,000 บาท ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวออกมาว่า DDR5 จะรองรับเฉพาะใน Motherboard รุ่นแพงๆ ของ Asus เท่านั้น ดังนั้นใครอยากใช้ของรุ่นใหม่หมดเลย ก็ต้องเตรียมเงินกันมาเยอะๆ หน่อยครับCredit : VideoCardZ
15 Sep 2021
หลุดข้อมูล Z690 จากทาง Asus ไม่ใช่ทุกรุ่นที่จะใส่แรม DDR5 ได้
เป็นเรื่องที่แทบจะแน่นอนแล้วว่า Motherboard รุ่นต่อไป Z690 สำหรับ intel Alder Lake จะมาพร้อมกับการรองรับ DDR5 รวมถึง PCie 5.0 ด้วย แน่นอนว่าเทคโนโลยีเจนใหม่นี้ จะทำให้ประสบการณ์ใช้งาน PC ของเรารวดเร็วมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจากข้อมูลล่าสุดดูเหมือนไม่ใช่ Motherboard ทุกราคา ที่จะสามารถใช้งานแรม DDR5 กับ PCie 5.0 ได้!ข้อมูลหลุดล่าสุดเผยว่ามีเพียงแค่ Maximus, ProART และ Prime บางรุ่นเท่านั้นที่จะสามารถใช้งาน DDR5 กับ PCie 5.0 ได้ ซึ่งน่าแปลกใจที่ไม่มี ROG Strix กับ TUF Gaming อยู่ในรายชื่อบอร์ดที่รองรับ DDR5 ด้วย! ในขณะที่ Prime มีการออกทั้งโมเดลที่รองรับ DDR5 และ DDR4 มาให้ทั้งคู่ อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงแรกที่วางขาย Asus น่าจะปล่อยรหัส Apex กับ Impact ตามมาในภายหลังด้วย ซึ่งคาดว่าอาจเป็นอีกรุ่นที่รองรับ DDR5ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงมากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริงหมายความว่าการ จะประกอบคอมให้ใช้ DDR5 ได้จำเป็นต้องจ่ายเงินแพงขึ้นพอสมควร แถมตัว Ram รุ่นใหม่เองก็เชื่อว่าคงมีราคาสูงไม่ต่างกัน อาจต้องรอกันไปอีกสักพักเพื่อรอให้ราคาถูกลงCredit : Tom's Hardware
15 Sep 2021
Qualcomm กำลังพัฒนาชิปรุ่นใหม่สำหรับมือถือเล่นเกมราคาไม่แพง
เหล่าเกมเมอร์บนมือถือรู้จัก Snapdragon ชิปประมวลผลของมือถือซึ่งชื้นชื่อเรื่องความแรงที่ใช้เล่นเกมหนักขนาดไหนก็ไม่มีปัญหา โดยข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ Snapdragon ตัวแรงๆ มีเพียงข้อเดียวคือ มักจะใส่มาในมือถือรุ่นเรือธงของค่ายต่างๆ ทำให้มีราคาที่แพง และไม่ใช่เกมเมอร์ทุกคนจะสามารถหาซื้อมาใช้งานได้Qualcomm เหมือนต้องการจะทำให้ชิปสำหรับเล่นเกมสามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้มากขึ้น ตอนนี้ทางบริษัทจึงกำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ในชื่อ SM6375 และ SM6225 โดยเป็นรุ่นราคาไม่แพง หวังจะใส่มาในมือถือราคากลางๆ ไปจนถึงรุ่นราคาเริ่มต้น แต่ยังคงแรงมากพอที่จะเล่นเกมแบบ 144Hz ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งทางบริษัทกำลังทดสอบความเร็วของชิปรุ่นใหม่นี้อยู่4x Gold cores at 2.5GHz + 4x Silver cores 2.2GHz4x Gold cores at 2.3GHz + 4x Silver cores 2.1GHz 4x Gold cores at 2.2GHz + 4x Silver cores 2.0GHz 4x Gold cores at 2.1GHz + 4x Silver cores 1.8GHzถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์บนมือถือ ที่จะสามารถมีชิปแรงๆ ไว้เล่นเกม โดยจ่ายเงินน้อยลงสำหรับการซื้อมือถือ แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่กว่าชิปเหล่านี้จะเข้าสู่ท้องตลาด และสามารถหาซื้อมาใช้งานได้ Credit : Wccftech
14 Sep 2021
intel เปิดตัวพัดลม CPU ใหม่ ที่คาดว่าจะแถมมาให้ด้วยกับ Alder Lake
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปีที่แล้ว - ต้นปีนี้ intel และ AMD ประกาศว่าจะไม่แถมพัดลมมา CPU มาให้ด้วยแล้ว สำหรับ CPU รุ่นแรง แต่สำหรับ Alder Lake ที่เป็นรุ่นต่อไปของ intel เหมือนจะกลับมาแถมพัดลม CPU มาให้เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่าจะเป็นรุนแรงอย่าง i7, i9 หรือรุ่นเริ่มต้นอย่าง i3 และ i5โพสต์โดย Ayxerious บน Twttier ด้วยภาพของดีไซน์พัดลม CPU ใหม่จากทาง intel ที่มีหน้าตา และขนาดต่างกัน 3 รุ่น พร้อมกับ Icon ประกอบทางซ้ายของแต่ละตัว ใช้กับ CPU ตัวไหน จุดแรกที่สังเกตได้เลยคือดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น กับสีของบอดี้ที่เป็นโทนเข้มทั้งหมด แต่ในส่วนของความสามารถในการระบายความร้อนดูจะยังไม่มีข้อมูลให้ได้ดูกันปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้ราคาของ Heatsink ดีๆ ถือว่าถูกลงอย่างมาก และเหล่าเกมเมอร์ก็นิยมใช้ชุดระบายความร้อนด้วยน้ำ AIO มากกว่า Heatsink ที่แถมมากับกล่อง CPU แล้ว การไม่แถม Heatsink มาด้วยในยุค CPU เจนปัจจุบัน จึงอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว ต้องรอดูว่าพัดลม Heatsink ของ Alder Lake จะทำหน้าที่ของมันได้ดีขนาดไหน<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Not sure if real, intel hasn&#39;t gotten the hint if these are real lol. <a href='https://t.co/8YTFtiylMz'>pic.twitter.com/8YTFtiylMz</a></p>&mdash; Ayxerious (@ayxerious) <a href='https://twitter.com/ayxerious/status/1436343672669233158?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 10, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : VideoCardZ
14 Sep 2021
นักวิเคราะห์ชี้ การขึ้นราคาชิป TSMC จะส่งผลให้ราคาทุกอย่างแพงขึ้น ไปจนถึงอย่างน้อยกลางปีหน้า
การขึ้นราคาของโรงงานผลิตชิปในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งาน Hardware หลายคน ว่าราคาของสินค้าหลังจากนี้จะแพงขึ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งนักวิเคราะห์ Counterpoint ได้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่นอกจากอุปกรณ์ Hardware ของ PC แล้ว มีความเป็นไปได้ที่ฝั่ง Smart Phone เองก็จะมีราคาแพงขึ้นเช่นเดียวกัน และจะเป็นการผลักให้ลูกค้าจำเป็นต้องเปลี่ยนไปซื้อสินค้าราคาระดับเริ่มต้นมากขึ้นแม้ว่าการเพิ่มราคาของชิปโดยโรงงานจะส่งผลต่อกำไรที่ได้ของบริษัทที่ชาย Hardware โดยตรง แต่ผู้ออกแบบชิปส่วนใหญ่รวมบริษัทอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาของสินค้าแบบทันที เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่อ่อนไหวต่อราคาตกใจ แต่การขึ้นราคาของ TSMC นี้จะส่งผลให้ต้นทุนสะสมที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิปบางตัวจากปี 2020 เป็น 2022 ประมาณ 30% และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ส่งผลถึงราคาของสินค้าที่วางขายจากทั้งหมดทั้งมวลนี้นักวิเคราะห์คาดว่า สินค้า Hardware จะมีราคาที่แพงขึ้นอย่างแน่นอน และน่าจะแพงขึ้นอย่างน้อยไปจนถึงกลางปี 2023 เป็นอย่างน้อย และในขณะนี้โรงงานส่วนใหญ่ก็มีการผลิตที่มากกว่า 100% ที่โรงงานสามารถทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากๆ ทำให้นักวิเคราะห์ เชื่อว่าเดี๋ยวจะต้องมีการลดปริมาณการผลิตลงในเร็วๆ นี้ และส่งผลให้ชิปขาดตลาดมากขึ้น นำไปสู่การขึ้นราคาของสินค้าต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
Adata จับมือกับ Asus เปิดตัว RAM DDR4 ที่มาพร้อมลายการ์ตูนสุดน่ารัก!
สายแต่งคอมที่ชื่นชอบ Anime ต้องดีใจกับสิ่งนี้ เมื่อล่าสุด Adata ได้จับมือกับ Asus ออก RAM DDR4 รุ่นพิเศษ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX ในตลาดประเทศจีน โดยใช้โมเดลของ XPS D50 ในสีขาวพร้อมกับไฟ RGB และภาพตัวการ์ตูน น้องแมวสีฟ้าสุดน่ารัก ในราคาเริ่มต้น 1,099 หยวน หรือประมาณ 5,500 บาทพูดถึงเรื่องความแรง กับความจุของ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX จะมีสองราคาให้เลือกคือ 16GB (8GB x 2) และ 32GB (16GB x 2) มี Bus อยู่ที่ 3600 - 3733Mhz และมีการยืนยันอีกว่าจะมีการออกรุ่น Bus ที่หลากหลายกว่านี้อย่าง 3200Mhz กับ 3800 - 4000Mhz ตามมาในภายหลัง ในส่วนของโลโก้ ROG ที่อยู่ขวาบน มีการเขียนข้อความภาษาจีนที่แปลว่า SnowStorm ไว้ด้วย โดยไม่แน่ใจว่ามีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่านับตั้งแต่การวางขายสินค้าลายพิเศษในซีรีส์ Gundam ในช่วงปีที่ผ่านมา Asus ประเทศจีน ได้มีการทำสินค้า Hardware จากการ์ตูนดัง หรือรายพิเศษออกมาวางขายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้ได้รับความนิยมมากพอสมควรทั้งใน และนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าเราคงจะได้เห็นสินค้าแบบนี้มากขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
AMD Zen 4 จะสามารถอ่านอุณหภูมิได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
หลังจากได้เห็นข่าวลือเกี่ยวกับ CPU ตัวใหม่จากทาง intel กันมาเยอะมากในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ในที่สุดทางฝั่ง AMD ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Zen 4 Raphael กันบ้างแล้ว โดยรายงานล่าสุดได้เปิดเผยว่า CPU รุ่นใหม่นี้จะมีความร้อนที่น้อยกว่า รวมถึงใช้พลังงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นAMD ได้พยายามปรับปรุงปัญหาโดยรวมเกี่ยวกับเรื่องการอ่านค้าความร้อนของ CPU จากทาง AMD ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่นัก และด้วยการอ่านความร้อนที่ผิด บางครั้งจึงทำให้พัดลมทำงานมากเกินความจำเป็นเพื่อระบายความร้อนออกจาก CPU ไปด้วย ปัญหานี้ทำให้การ Overclock เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถรับรู้ความร้อนที่ถูกต้องของ CPU ได้CUR_TEMP คือระบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับ Raphael ทำหน้าที่อ่านความร้อนของ CPU โดยเฉพาะ และทำการส่งสัญญาณไปเพิ่ม / ลด รอบของพัดลมโดยตรง ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาการอยู่ดีๆ พัดลมเพิ่มรอบเอง ลดรอบเองแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้มีเสียงรบกวนจาก PC ลดลง Credit : Tom's Hardware
10 Sep 2021
มนุษย์ผลิต PC ขนาดเล็กที่ใส่กระเป๋าเดินไปเดินมาได้สำเร็จแล้ว!
เพื่อนๆ เคยจินตนาการถึงวันที่เราจะสามารถพกพา PC ขนาดเล็กไปไหนมาไหนได้ โดยใช้เพียงแค่กระเป๋าเสื้อกันหนาวออกหรือไม่? วันนี้ความฝันนั้นถูกทำให้เป็นจริงแล้วโดย XDO Tech และในขณะเดียวกันนี่ก็เป็น PC ที่ใช้งาน CPU Gemini Lake เครื่องเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเจ้า PC ขนาดจิ๋วนี้ใช้พลังงานเพียงไม่กี่วัตต์ในการทำงานCPU ที่ใช้คือ Celeron J4125 จากยุค Gemini Lake มีความเร็วเริ่มต้น 2.0 GHz และแรงสุดอยู่ที่ 2.7 GHz มาพร้อมกับการ์ดจอ Intel's UHD 600 มี Ram ความจุ 8GB LPDDR4 ใส่มาแบบ dual-channel และมีความจุเป็น M.2 SSDs ที่ใส่ได้ตั้งแต่ 64Gb ไปจนถึง 1TB แม้ว่าด้วยสเปคนี้จะไม่สามารถเล่นเกมเป็นจริงเป็นจังได้ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างดูหนัง ฟังเพลง ท่องเว็บสามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาโปรเจกต์นี้เป็น Kickstarter ที่ทุกคนสามารถเข้าไปสนับสนุนพวกเขา หรือซื้อได้ในราคาเริ่มต้น $149 สำหรับเครื่อง Ram 4GB กับ M.2 SSDs ขนาด 64GB สำหรับเครื่องที่สเปคสูงขึ้นก็จะมีราคาที่แพงขึ้นไปด้วย ทางผู้ผลิตเผยว่าจะพร้อมส่งให้กับคนที่สั่งซื้อในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2021 นี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/VxwEkvocZfE' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Tom's Hardware
09 Sep 2021
5 ส่วนขยายของ Microsoft Edge (และ Google Chrome) ที่ทุกคนควรใช้
ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนก็มีเบราว์เซอร์ที่ตัวเองชื่นชอบอย่าง Microsoft Edge หรือ Google Chrome อยู่ ผมมั่นใจว่าหลายๆ ครั้งเราก็อยากจะให้เบราว์เซอร์เหล่านี้มีฟีเจอร์ที่ทำให้เราสะดวกสะบายมากและปลอดภัยขึ้น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะผมกำลังจะแนะนำส่วนขยายของเบราเซอร์ที่จะทำให้การใช้งานนั้นง่ายและสะดวกสะบายกว่าที่เคยเป็นมาแต่ก่อนที่ผมจะเล่าให้ฟังต้องจำให้ขึ้นใจก่อนว่าไม่ใช่ทุกเบราว์เซอร์ที่จะมีระบบการทำงานของส่วนขยายเหมือนกัน ต่างเบราว์เซอร์ย่อมมีความต่างในการทำงานเช่นกัน ฉะนั้นตรวจสอบส่วนขยายให้ดีก่อนนำไปใช้งานจริงจะเป็นการดีที่สุดจริงๆ แล้วส่วนขยายที่มีประโยชน์นั้นมีมากกว่า 1000 พันอันด้วยซ้ำแต่ผมเลือกมาแนะนำแค่ 5 อันที่คิดว่าน่าจะทำให้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น หากใครไม่รู้วิธีติดตั้งส่วนขยายสามารถเลื่อนไปดูที่หัวข้อด้านล่างสุดได้เลยMicrosoft Editorเคยมั้ยกับการพิมพ์งานผิดๆ ถูกๆ ในการเขียนส่งงานหรือธุระสำคัญต่างๆ ผมขอแนะนำส่วนขยาย Microsoft Editor เลย เพราะส่วนขยายนี้จะช่วยคุณไม่ให้เขียนคำผิดในหลายเวลาไม่ว่าจะเป็นใน Gmail, Outlook.com และเว็บไซต์อื่นๆ อีกมากมาย  ตัวปลั๊กอินนี้สามารถตรวจสอบคำ แก้คำ และ วัยกรณ์ได้มากถึง 3 ภาษา นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ระดับสูงที่สามารถใช้ตรวจภาษาที่เราเลือกและคำสุภาพหรือแม้แต่การใช้คำต่างๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงแต่ว่าผ้ใช้จะต้องเข้าระบบด้วยบัญชี Microsoft ที่มีการ Subscription กับ Microsoft 365 ซะก่อนถึงจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ Microsoft Editor มีให้บริการใน Microsoft Edge และ Google Chrome   ข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายที่คล้ายๆ กันก็คือ Grammarly ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับ Microsoft Editor ที่ใช้ในงานทางการได้แต่ค่อนข้างอ่อนกว่าในด้านของการพูดคุยทั่วไปBlockSiteมีมั้ยกับการเข้าเว็บไซต์แล้วเจอป๊อปอัพขึ้นมาเต็มไปหมด น่ารำคาญสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยที่อยู่ดีๆ ก็มีอะไรไม่รู้โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นเรื่อยๆ หากคุณเจอปัญหาแบบเดียวกันผมขอเสนอ BlockSite ตัวช่วยที่จะทำให้คุณหงุดหงิดน้อยลง ด้วยความสามารถในการปรับให้ป๊อปอัพของเว็บไซต์ต่างๆ ไม่น่ารำคาญได้ตามใจชอบ BlockSite จะมีบริการฟรีและบริการรายเดือนให้เลือกใช้งานBlockSite สามารถใช้ได้บน Microsoft Edgeข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายคล้ายๆ กันบน Google Chrome ก็คือ Forest LastPassผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคงจะทราบดีว่าการลืมรหัสผ่านมันแย่แค่ไหน ฉะนั้นสำหรับทุกท่านที่ไม่อยากเจอประสบการณืแบบนั้นผมก็แนะนำให้ใช้ LastPass หนึ่งในส่วนขยายที่จะช่วยคุณเก็บ Password ได้อย่างง่ายดาย ส่วนขยายนี้จะต้องจ่ายเงินเป็นรายปีเพื่อแลกกับพื้นที่ในการจำรหัสและปกป้องไม่ให้ถูกขโมยแถมยังสามารถนำข้อมูลรหัสไปยังเครื่องอื่นได้ตามต้องการอีกด้วยLastPass เป็นหนึ่งในส่วนขยายที่สามารถใช้งานได้แบบอัตโนมัติหลังใช้ในเบราว์เซอร์หนึ่งจะทำให้อีกหลายๆ เบราว์เซอร์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องตามนี้ Microsoft Edge, Chrome, Firefox, Opera and Internet Explorer ช้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายที่คล้ายๆ กันคือ Dashlane ที่จะดูแลรหัสและความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ส่วนขยายนี้เองก็ใช้ระบบจ่ายรายปีAdblock Plusตัวนี้เป็นส่วนขยายที่จะทำให้โฆษณาที่น่ารำคาญหายไป ค่อนข้างมั่นใจว่าหลายๆ คนจะรู้อยู่แล้วว่า Adblock Plus คือส่วนขยายแบบไหนแต่สำหรับคนที่ไม่รู้มันคือส่วนขยายที่ทำให้โฆษณาและป๊อปอัพที่อาจจะทำให้ผู้ใช้งานเจอกับอันตรายหายไปได้ Adblock Plus สามารถใช้งานได้ในเบราว์เซอร์ดังต่างๆ เช่น Microsoft Edge และ Google Chrome เป็นต้น ข้อมูลเพิ่มเติม: สำหรับตัวเลือกที่ดีกว่าก็คือ Ghostery ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Adblock PlusMicrosoft Rewardsอันนี้เป็นส่วนขยายที่เอามาแนะนำคนที่ใช้ Microsoft Edge เพื่อรับโบนัสต่างๆ จากกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แล้วเอาไปแลกกับของรางวัลต่างๆ อย่าง ตั๋วส่วนลด Xbox Game Pass หรือบริการต่างๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Microsoft บอกเลยว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ใช้สินค้าของ Microsoft บ่อยๆMicrosoft Rewards สามารถใช้งานได้ทั้งบน Microsoft Edge และ Google Chrome ข้อมูลเพิ่มเติม: อีกอันที่คล้ายๆ กันคือ The Camelizer ที่เป็นปลั๊กอินของ Google Chrome ที่มีประวัติการใช้จ่ายให้ด้วย แต่ตอนนี้ยังใช้งานได้กับแค่ Amazon เท่านั้นทำให้ตัวเลือกในของรางวัลน้อยกว่า Microsoft Rewardsวิธีลงส่วนขยายใน Microsoft Edge หรือ Google Chromeการลงส่วนขยายในเบราว์เซอร์นั้นทำได้ง่ายโดยการเข้าลิงก์หรือค้นหาชื่อได้แล้วกดเพิ่มได้เลย แต่ที่คนมักไม่รู้จริงๆ คือการปรับหรือปิดส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ของตัวเองต่างหากเริ่มแรกก็ให้คลิ๊กไปที่แถบบนขวาของเบราว์เซอร์ก่อน จากนั้นก็เลือกแทบที่เขียนว่า "ส่วนขยาย" พอเข้าไปเสร็จเราก็จะเห็นรายชื่อของส่วนขยายทั้งหมดที่เรามีทั้งหมด จากหน้านี้เราสามารถปิดหรือลบส่วนขยายที่เรามีก็ได้ ใน Google Chrome ก็มีกระบวนการคล้ายๆ กันแต่จะต่างกันตรงที่ส่วนขยายจะอยู่ในแทบที่มีชื่อว่า "เครื่องมือเพิ่มเติม" จากนั้นก็จะเจอหน้าแบบเดียวกับของ Microsoft Edgeถ้าผู้ใช้งานอยากจะลงส่วนขยายของ Google Chrome ลงบน Microsoft Edge ก็สามารถทำได้โดยการมองไปที่ช่องซ้ายล้างในหน้าของส่วนขยายแล้วกดใส่ปุ่มที่มีคำเขียนข้างๆว่า “อนุญาติให้ใช้ส่วนขยายจากร้านค้าอื่น” หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถลงส่วนขยายจากร้านค้าอื่นได้เลยบน Microsoft Edgeแต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจำเอาไว้ให้ดีคือ "ยิ่งมีส่วนขยายมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้คอมพิวเตอร์ช้าลงมากเท่านั้น" ฉะนั้นจะใช้อะไรก็ระวังให้ดีล่ะ
08 Sep 2021
AMD Ryzen 5000 Series กำลังมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันวางขาย Alder Lake
หลังจากเป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัดมากๆ มาสักระยะหนึ่ง ในที่สุดช่วงนี้เราก็เริ่มจะหาซื้อเจ้า CPU เจนใหม่นี้ได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ที่ดีกว่านั้นคือเว็บไซต์ Overclock3D ได้สังเกตว่าราคาของ CPU รุ่นนี้กำลังถูกลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันวางขาย intel Alder Lake มากขึ้นด้วย โดยตอนนี้ราคาลงมาประมาณ 15 - 18% แล้วในประเทศใหญ่ๆAMD Ryzen 5 5600X – เปิดตัว £289.99 – ล่าสุด £245.99AMD Ryzen 7 5800X – เปิดตัว £428.99 – ล่าสุด £354.79AMD Ryzen 9 5900X – เปิดตัว £529.99 – ล่าสุด £450.00AMD Ryzen 9 5950X – เปิดตัว £749.99 – ล่าสุด £718.88ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก หากการลดราคานี้มาจากทาง AMD เอง เนื่องจากราคาที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ของ intel มีราคาที่สูงมาก หากสินค้าของ AMD จะมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดที่มากขึ้น อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจะได้เห็นกันอยู่คงเป็นประสิทธิภาพของ CPU เจนใหม่ของทาง AMD เองที่ก็ใกล้วันเปิดตัวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน และแน่นอนว่ามันจะต้องแรงต่อกรกับของ intel ได้อย่างแน่นอน ต้องติดตามชมกันต่อไปCredit : VideocardZ
08 Sep 2021
ลือ intel ตั้งเป้าให้ GPU รุ่นแรก Alchemist แรงอย่างน้อยเทียบเท่า RTX 3070
แม้จะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่หลังจากนี้การแข่งขันในตลาด GPU จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยการเข้ามาแข่งขันของ intel แต่ในเรื่องของความแรง GPU เจนแรกของค่ายฟ้า ดูเหมือนจะยังห่างไกลในเรื่องความแรงเมื่อเทียบกับ Nvidia และ AMD เมื่อล่าสุดนักปล่อยข่าวลือ Greymon55 ได้โพสต์ข้อความบน Twitter ถึงเรื่องนี้ ก่อนจะถูกโต้ตอบโดย VideocardZ ทำให้ข่าวนี้มีความน่าเชื่อถือสูงมากสำหรับ GPU รุ่นแรก ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี พอรวมกับคำพูดของ CEO คุณ Pat Gelsinger ก่อนหน้านี้ที่ยืนยันว่า intel ยังต้องใช้เวลาอีก 4 - 5 ปีก่อนจะตาม Nvidia ทัน ก็ยิ่งทำให้ข้อมูลนี้มีความน่าเชื่อถือสูงมากขึ้น อีกหนึ่งข้อมูลที่ช่วยยืนยันความแรงของ GPU Alchemist ได้ คือพลังงานที่ชื่อ ซึ่งมีข่าวลือออกมาว่าจะอยู่ในช่วง 225–275W ที่ใกล้เคียงกับ RTX 3070 ที่ใช้พลังงาน 220W และยังใกล้เคียงกับ RX 6700 XT ที่กินไฟ 230W ด้วยในเวลาเดียวกันอย่างไรก็ตามความแรงของการ์ดจอไม่ได้มาจากความสามารถของชิปเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถของ Driver ด้วย ยั่งไม่ทราบเหมือนกันว่าสินค้าตัวจริง จะมีหน้าตาแบบไหน และแรงตามข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงนี้หรือไม่ เชื่อว่าภายในต้นปีหน้าเราจะได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอน<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Define official ?</p>&mdash; VideoCardz.com (@VideoCardz) <a href='https://twitter.com/VideoCardz/status/1435186683222401025?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 7, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>credit : PCGamer
08 Sep 2021
รีวิว HP Victus 16 ราคา 30,000 ต้นๆ แต่เล่น AAA ได้แบบเอาอยู่!
ในการซื้อ Notebook สำหรับเล่นเกมหนึ่งเครื่องด้วยเงิน 30,000 กว่าบาท เพื่อนๆ คาดหวังอะไรบ้าง? HP Victus 16 อาจเป็นเครื่องนั้นที่เพื่อนๆ ตามหากันอยู่ ด้วยขุมพลังระดับ Ryzen 5 5600H + RTX 3050 ทำให้เจ้าเครื่องนี้สามารถเล่นเกมส่วนใหญ่ในโลกได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ส่วนที่น่าตื่นเต้นกว่าคือมันมีราคาไม่ถึง 32,000 บาทในตอนนี้!อีกหนึ่งจุดเด่นที่สังเกตได้ตั้งแต่แวบแรกคือบอดี้ และดีไซน์ที่สวยมาก มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 16.1 นิ้ว ใหญ่มองเห็นชัดครบทุกรายละเอียด แต่ก่อนจะไปลงลึกถึงรายละเอียดในส่วนอื่น เรามาเริ่มจากการดูสเปคทางเทคนิคกันก่อนดีกว่าสเปคCPU : AMD Ryzen 5 5600H (3.30 GHz up to 4.20 GHz, 16 MB L3 Cache)GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 (4GB GDDR6)Monitor : 16.1 นิ้ว Panel Type : IPS, Refresh Rate : 144 Hz sRGB 100%Ram : 8 GB DDR4Battery : 4-Cell Li-Polymer, 70Whr Storage : 512 GB SSD PCIe M.2Weight 2.4 Kgถ้าว่ากันด้วยความแรงเพียงอย่างเดียว AMD Ryzen 5 5600H + RTX 3050 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ อาจไม่สามารถปรับกราฟิกจัดเต็มได้ในทุกๆ เกม แต่สามารถเล่นไหวได้อย่างแน่นอนหากกราฟิกถูกปรับอยู่ในระดับ Medium แม้แต่ในเกมระดับ AAA ยุคใหม่ ในส่วนของ Ram กับ Storage ถือว่าอาจต้องอัปเกรดเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของ Notebook ราคาช่วงนี้ในปัจจุบันด้วยหน้าจอขนาด 16.1 นิ้ว ทำให้ Notebook เครื่องนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่มากกว่ามาตรฐาน แต่ด้วยบอดี้ที่ใหญ่ก็ทำให้ใส่คีย์บอร์ดแบบ Full Size มาแล้วไม่รู้สึกอึดอัดอะไร ง่ายต่อการพิมพ์เป็นอย่างมากไม่ว่าผู้ใช้งานจะมีขนาดของนิ้วที่ใหญ่หรือเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าได้ชื่อ Notebook Gaming ก็หมายถึงการมาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบมีไฟสวยงาม ในส่วนของ Touchpad เป็นแบบซ้อมปุ่มขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งานในส่วนของการอัปเกรด ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม Ram และ SSD ได้อีกอย่างละ 1 ตัว สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเพียงเปิดฝาเครื่องด้านหลังออกมา แล้วสังเกตที่บริเวณตรงกลางของ Mainboard และแถบทองแดงทางขวามือสำหรับช่องเสียบ SSD ดีไซน์ / ฟีเจอร์สำคัญHP Victus 16 มาด้วยบอดี้ 3 สีแบบด้านให้เลือก ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเมื่อสัมผัส และมีโลโก้ V ตัวใหญ่ด้านหลังเครื่อง โดยรวมจะรู้สึกว่าเป็นเครื่องที่น่าจะมีราคาแพงในแวบแรกที่สังเกตเห็น ถึงแม้ว่าเครื่องจะมีขนาดที่ใหญ่ และมีน้ำหนักถึง 2.4 Kg แต่ดีไซน์แบบเรียบหรู จึงทำให้ไม่ดูเทอะทะ หน้าจอของ Victus 16 ฉบับปี 2021 มาเป็นแบบ Panel IPS ที่ให้ความถูกต้องของสีได้ถึง sRGB 100% ที่มี Refresh Rate : 144 Hz เหมาะทั้งสำหรับการเล่นเกม และรับชมสื่อความบันเทิง ในเรื่องการระบายความร้อน จากรูปข้างบนจะสังเกตได้ว่า HP ดีไซน์เครื่องรุ่นนี้มาให้ใช้พัดลมสองตัวในการระบายความร้อน และมีท้อ Heat Pipe อีก 5 เส้นทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อน ใช้การดึงลมเย็นเข้าจากข้างล่างของเครื่อง จากนั้นระบายออกทางด้านหลัง มีการยกบริเวณด้านหลังเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อดึงอากาศเย็นเข้าได้ง่ายขึ้น กล่าวคือออกแบบมาให้ใช้งานแบบหนักๆ เป็นระยะเวลานานได้อย่างไม่มีปัญหาแม้ว่าจะใช้ชื่อรุ่นว่า Victus แต่ก็ยังถือว่าเป็นรุ่นสำหรับเล่นเกมของทาง HP ทำให้ในเครื่องรุ่นนี้มีการใส่ Software สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่อง Omen เข้ามาด้วย ดังนั้นการปรับรอบพัดลม กำลังไฟของ CPU และ GPU สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน Software ตัวนี้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Software ตัวเดียวกันในการสังเกตอุณหภูมิเครื่อง รวมถึงควบคุมความสำคัญในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้กับโปรแกรมต่างๆ ภายในเครื่องได้อีกด้วยระบบเสียงที่ดีมีส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มความสนุกที่ได้จากการเล่นเกม โมเดลใหม่นี้มีการใช้ลำโพงจาก Bang & Olufsen จากประเทศเดนมาร์กทำให้มีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม สุดท้ายคือในเรื่องของ Battery ที่ให้มาเป็นแบบก้อนใหญ่ 4-Cell Li-Polymer, 70Whr สามารถใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้ผลทดสอบสำหรับโปรแกรมแรกที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ยังคงเป็นโปรแกรม 3Dmark Time Spy ในส่วนของ Benchmark จากภายในเกม ครั้งนี้เรายังคงใช้ Shadow of The Tomb Raider กับ Assassin's Creed Valhalla เช่นเดิม โดยผลลัพธ์เป็นไปตามคาด เครื่องสามารถทำ FPS ได้ในระดับที่เล่นได้ มีข้อมูลโดยละเอียดตามนี้ส่วนที่อยากให้สังเกตคือคะแนนของ CPU และ GPU ที่ไม่ห่างกันเกินไป ซึ่งมันหมายถึงการทำงานที่ไม่มีอาการขอขวด ในส่วนของการคาดเดา 3DMark Time Spy ได้บอกว่าสเปคระดับนี้สามารถเล่น Battlefield V แบบ 2K ปรับ Ultra ได้สบายๆ ดังนั้นเชื่อว่าสามารถเล่นเกมแทบทั้งหมดในโลกนี้ได้แล้วในเวลาเดียวกัน ที่นี่มาดูคะแนนจากเกมต่างๆ บ้างสำหรับ Shadow of The Tomb Raider  สามารถทำ FPS ได้อยู่ที่ 52 - 113 FPS มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 66 FPS ในกราฟิกระดับ High ก็คือสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอนสำหรับเกมที่เจนใหม่ ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง Assassin's Creed Valhalla ที่กราฟิกระดับ Medium ทำ FPS ได้อยู่ที่ 23 - 96 FPS และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 58 FPS สรุปHP Victus 16 ถือได้ว่าเป็นเครื่องราคาสบายกระเป๋าที่เอาอยู่อย่างแน่นอนไม่ว่าจะใช้งานในด้านไหน ซึ่งสำหรับคนที่มีงบมากกว่านี้อยากจะได้สเปคที่แรงกว่านี้ ทาง HP ก็ยังมีโมเดลอื่นที่มาพร้อมสเปคระดับกับ RTX 3060 และเครื่องรุ่นแรงสุดสเปคระดับ Ryzen 7 5800H + RTX 3060 ด้วย ที่น่ายินดีคือเครื่องรุ่นนี้ยังคงมีให้สั่งซื้อแบบออนไลน์ได้จากร้านชั้นนำอย่าง JIB, Advice และ Banana ใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูได้ผ่านเว็บไซต์ หรือติดต่อร้านใกล้บ้านได้เลย
07 Sep 2021
CEO บริษัท Intel มั่นใจ ARC จะสามารถกดดัน Nvidia ได้อย่างแน่นอน
Pat Gelsinger ผู้นำคนปัจจุบันของ intel ได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลแผนพัฒนาชิปของบริษัท รวมถึงแนวทางใหม่ของ intel ที่ดูมีอนาคตมากขึ้นออกมาตั้งแต่เขาขึ้นรับตำแหน่ง เว็บไซต์เกี่ยวกับ Hardware หลายที่ทั่วโลก เชื่อว่า intel กำลังกลับมาภายใต้การนำของ Pat Gelsinger แต่ทางฝั่งของ CEO เองหละ เขามีความมั่นใจในทิศทางของบริษัทมากขนาดไหน ในบทสัมภาษณ์ใหม่เราได้ข้อมูลนี้แล้วintel จะสามารถแข่งขันกับ AMD และ Nvidia ได้ในตลาด HPC ด้วยผลิตภัณฑ์ Xeon Scalable เจเนอเรชันถัดไป และยังรวมถึง Ponte Vecchio และ Xe-HP Arctic Sound GPUs ด้วย บริษัทวางแผนที่จะแข่งขันอย่างมากในอีก 3 ถึง 4 ปีข้างหน้าโดยมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำให้ได้Pat ยังกล่าวอีกว่า intel จะสามารถแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดสถาปัตยกรรม GPU และจะสร้างแรงกดดันให้กับ Nvidia ได้เป็นครั้งแรก ด้วยการประกาศล่าสุดของเทคโนโลยี intel XeSS Supersampling และแผนงานหลายปีสำหรับสถาปัตยกรรม Xe-HPG intel จะไม่เพียงแต่ต้องแข่งขันกับ Nvdia แต่ยังรวมถึง AMD ที่จะเปิดตัว MCM GPUs ตัวแรกด้วย Radeon 7000 series ในปลายปีหน้าด้วยเรากำลังเปิดตัวสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Alder Lake ที่ซึ่งเรามีคอร์ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก และผมเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าเจ้า Alder Lake และสถาปัตยกรรมของเราหลังจากนี้จะสามารถแข่งขันกับ AMD ได้อย่างแน่นอน Pat Gelsinger กล่าว Credit : VideocardZ
07 Sep 2021
Intel เปิดตัว Alchemist Artwork ตัวแทนของ GPU ตัวใหม่!
นอกจาก Alder Lake ที่กำลังจะมาแล้ว intel ARC การ์ดจอตัวใหม่เองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เหล่านักประกอบคอมทั่วโลกต่างให้ความสนใจอยู่ ซึ่งวันนี้ก็มีการปล่อยภาพ Artwork ของ Alchemist ที่เป็นชื่อ GPU รุ่นแรกที่จะปล่อยออกมา เพื่อให้ตรงกับชื่อภาพจึงเป็นหญิงสาวที่เหมือนกำลังเล่นแร่แปรธาตุอยู่เช่นกันนอกจากภาพของ Alchemist แล้วรุ่นอื่นที่กำลังจะมาตามมาอย่าง Battlemage, Celestal และ Druid เองก็มีภาพ Concept ART ขาวดำ ให้ดูเช่นเดียวกัน โดยเหตุผลที่ใช้ชื่อ Code Name แต่ละรุ่นเป็นเหมือนอาชีพจากเกม คิดว่าคงเป็นเพราะอยากจะสื่อว่า Intel ARC ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์อย่างแท้จริงจุดที่น่าแปลกคือตัวละครทั้ง 4 นี้ ดูจะตั้งใจออกแบบมามากกว่าใช้เป็นภาพสำหรับโปรโมทเพียงอย่างเดียว ไม่แน่ว่า Intel อาจกำลังวางแผนจะเอาตัวละครเหล่านี้มาใช้งานต่อไปในอนาคตด้วยก็เป็นได้!Credit : VideoCardZ
03 Sep 2021
หลุดราคา Alder Lake จากร้านในยุโรปเจนนี้เริ่มต้นที่ 12,000 บาท!
หลังจากหลุดผลทดสอบรวมถึงคะแนนบน Geekbench ล่าสุดแม้ว่าทาง Official ยังไม่มีประกาศอะไรออกมา แต่ราคาเหมือนจะหลุดออกมาจากร้านในยุโรปแล้ว โดยต้องบอกเลยว่าถือเป็นเรื่องน่าตกใจมาก และทำให้ราคาที่หลุดออกมานี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก เนื่องจากมันแพงกว่าเจนที่แล้วประมาณ 3,000 บาทในรุ่นรหัสเดียวกันเลย!ในขณะที่รุ่นแรงอย่าง i9 และ i7 ดูจะมีราคาที่แพงกว่าเดิมถึง $300 แต่รหัส i5 เหมือนจะแพงขึ้นมาเพียงแค่ $100 เท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหมือนกันว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่แพงขึ้น หรือเพราะวัตถุดิบอย่าง Silicon ขาดตลาดกันแน่ถึงทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปขนาดนั้น โดยอาจต้องรอดูราคา CPU เจนใหม่จากทาง AMD ด้วยว่าจะแพงขนาดไหนส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า ราคาที่หลุดออกมานี้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักหาก intel ต้องการแข่งในเรื่องของยอดขายกับ AMD จริงๆ ยกเว้นว่า CPU ของ intel เองจะแรงกว่าของ AMD มากๆ แต่เนื่องด้วยการที่ AMD เองก็ยังไม่ได้มีการเปิดตัว CPU เจนใหม่ของพวกเขา จึงคิดว่าควรจะรอดูกันไปก่อนครับ Credit : Tom's Hardware
03 Sep 2021
EVGA เผย รู้สาเหตุของ RTX 3090 ที่พังหลังจากเล่น New World แล้ว!
ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับการ์ดจอ RTX 3090 ของทาง EVGA ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายที่น่าเชื่อถือมากๆ ค่ายหนึ่งของโลก อยู่ดีๆ ก็พังหลังจากผู้ใช้งานเอาไปใช้เล่นเกม New World ซึ่งหลังจากงงกันทั้งโลกรวมถึงผู้พัฒนา และตัวผู้ผลิตเองด้วย ซึ่งหลังจากงงกันมาเป็นเวลานานในที่สุดก็ดูเหมือนจะรู้สาเหตุจริงๆ ของเรื่องนี้แล้วในตอนแรกมีรายงานว่าหน้าจอ Main Menu ของ New World ที่ไม่มีการล็อก FPS เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การ์ดจอทำงานหนักจนเกินไป และผู้พัฒนามีการออกแพตช์มาแก้ไขในส่วนนั้นแล้ว แต่เหมือนนั้นจะไม่ใช่สาเหตุเดียว เนื่องจากล่าสุดจากเว็บไซต์ PC World มีรายงานว่าการ์ดจอ RTX 3090 ทั้งหมดที่พังเป็นสินค้าที่มาจากล็อตเดียวกันสินค้าล็อตนี้ถูกผลิตในปี 2019 และเป็นล็อตที่มี 'ฝีมือในการบัดกรีรอบวงจร MOSFET ไม่ดี' และเป็นเหตุทำให้การจ่ายไฟในการ์ดทำได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ EVGA ไม่ได้เปิดเผยว่าขายการ์ดไปเท่าไหร่ แต่พวกเขายืนยันแทนว่าการ์ดที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นส่วนน้อยจำนวนประมาณ 1% ของทั้งหมด ซึ่งจะมีการส่งการ์ดใบใหม่ให้กับลูกค้าที่พบปัญหาต่อไปCredit : VideoCardZ
02 Sep 2021
Windows 11 จะยังไม่รองรับ Android App จนกว่าจะปีหน้า!
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้ทราบวันปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็มีหนึ่งข่าวที่น่าเศร้าสำหรับคนที่อยากใช้แอป Android บน Windows 11 เนื่องจากระบบดังกล่าวอาจยังไม่ Support ในช่วงแรกที่ปล่อยออกมา แต่จะตามมาทีหลังในช่วงปี 2022 แทนยังไม่มีการระบุวันที่ชัดเจน แต่เหมือนว่าระบบเกี่ยวกับส่วนนี้จะยังไม่เรียบร้อยดี และ Microsoft เองก็ไม่อยากปล่อยระบบที่ยังไม่สมบูรณ์ออกมาให้เราใช้งานกันในตอนนี้ ซึ่งในเมื่อเป็นหนึ่งในระบบที่ผู้ใช้งานดูตื่นเต้นกันมากๆ เชื่อว่าทาง Microsoft เองก็คงอยากให้ Windows 11 สามารถใช้งานระบบนี้ได้เร็วๆ ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นกันอย่างไรก็ตามสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วน Hardware รุ่นใหม่อะไรขนาดนั้นในเครื่อง PC ตอนนี้ การอัปเดตเป็น Windows 11 อาจทำได้พร้อมๆ กับการเพิ่มระบบให้ใช้งาน Android ได้พร้อมๆ กัน อันนี่ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นเช่นไรCredit : Wccftech
01 Sep 2021
Microsoft ประกาศปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการวันที่ 5 ตุลาคม 2021
หลังจากเปิดให้เหล่า Insider Program ได้เข้าไปใช้งานก่อนสักพัก ในที่สุดก็มีการประกาศวันวางขาย Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมันก็เร็วกว่าที่คิดไว้มาก เพราะมันคืออีก 35 วันข้างหน้านี้เอง สำหรับผู้ใช้งานเก่า สามารถอัปเดตเป็น Windows รุ่นใหม่ได้ฟรี อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่ PC ทุกเครื่องจะสามารถอัปเกรดได้เลยตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2021 โดยเครื่องที่ใช้ Hardware รุ่นใหม่ๆ จะได้สิทธิในการอัปเกรดก่อนMicrosoft ต้องการเวลาศึกษาเพิ่มอีกเล็กน้อยถึงความเข้ากันได้กับระหว่าง Hardware รุ่นเก่าๆ กับระบบปฏิบัติการใหม่ ว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง โดยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งนี้ Microsoft หมายถึงเครื่องรุ่นใหม่ในที่นี้ หมายถึงเครื่องที่ใช้ CPU ตั้งแต่เจน 8 เป็นต้นมาอย่างที่เคยประกาศไว้ หรือหมายถึงรุ่นใหม่เลยจริงๆ อย่าง intel Core i เจน 11 กับ AMD Ryzen เจน 5 กันแน่ จะสามารถตรวจสอบได้ว่าจะมีสิทธิ์อัปเกรดเมื่อใดโดยดำเนินการผ่าน Windows Update แต่เบื่องต้น Microsoft วางแผนจะให้เครื่องทั้งหมดอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ภายในกลางปี 2022 สำหรับการเล่นเกมแล้ว Windows 11 มาพร้อมกับ DirectX12 Ultimate, DirectStorage และ Auto HDR นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Xbox Game Pass ที่จะทำให้สามารถเล่นเกมยอดเยี่ยมมากมายได้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Windows 11 เพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้!Credit : Tom's Hardware
01 Sep 2021
ลือ AMD เตรียมเปิดตัว Radeon RX 6900 XTX แรงกว่า RTX 3090
แม้ว่าเมื่อวานนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงของ AMD ออกมาให้เรารู้สึกใจหาย แต่วันนี้มีหนึ่งข่าวที่น่าดีใจสำหรับแฟนๆ ค่ายแดง เพราะดูเหมือน AMD จะมีการ์ดจอรุ่นแรงอีกหนึ่งตัวที่เตรียมจะออกมาสู้กับตัวแรงของ Nvidia ซึ่งรหัสของรุ่นดังกล่าวก็คือ Radeon RX 6900 XTX จากข่าวลือที่ปล่อยออกมาโดย CyberPunkCat การ์ดจอตัวใหม่รหัส XTX นี้จะมาพร้อมกับแรมถึง 16 GB เท่าเดิม แต่มีความเร็วถึง 576 GB/s (เร็วกว่า 6900 XT อยู่ประมาณ 12%) และในขณะเดียวกันก็น่าจะกินไฟมากขึ้นอีก 50W ด้วย สำหรับหัวประมวลผลจะเป็นแบบ 24.93 TFLOPs. ที่ Boost Clock ขึ้นไปเป็น 2435 MHz ดูภาพเปรียบเทียบแต่ละรุ่นได้ชัดๆ ข้างล่างนีัยังไม่มีการยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นความจริงมากน้อยขนาดไหน และการ์ดรุ่นใหม่จะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าจะมีการวางขายในช่วงก่อนการ์ดจอรุ่นใหม่ออก หรือภายใน 1 ปีหลังจากนี้สักช่วงหนึ่ง ต้องรอดูประกาศอย่างเป็นทางการจาก AMD ต่อไปCredit : Wccftech
31 Aug 2021
ประเทศญี่ปุ่นทำตู้กาชา CPU ค่ากดครั้งละ 300 บาท!
ในยุคที่การประกอบคอมแบบ DIY ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะ CPU ของ AMD ที่ขายดีจนสามารถเอาชนะ intel ได้แล้วในปีที่ผ่านมา จึงมีพ่อค้าสมองใส ทำตู้กาชาสำหรับ CPU ออกมาวางให้ลูกค้าได้สนุกกัน โดยภายนอกจะเห็นได้ว่าเป็นกล่อง Ryzen 5 5600X แต่ภายในกล่องจะไม่ใช่ CPU ตัวเดียวกับหน้ากล่อง แต่เป็นรุ่นเก่าของ Intel ไม่ก็ AMD ผสมๆ กันไปถือได้ว่าเป็นไอเดียที่สนุก และน่าสนใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าภายในตู้มี CPU รุ่นใหม่ด้วยจริงๆ รึเปล่า ซึ่งถ้าหากว่ามีอยู่ด้วย การกดได้มาในราคาเพียง 1000 เยน หรือ 300 บาท จะเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ โดยจากรูปที่โพสต์ลงบน Twitter เมื่อวานนี้ที่ในตู้แทบจะไม่เหลือกล่อง CPU แล้ว เป็นเครื่องยืนยันว่า เจ้าตู้กาชานี้ได้รับความนิยมอย่างมาก片付けがめんどいので休憩室居座り中~風前の灯火...Ryzenガチャ週末まで持たんかも...(´・ω・`) pic.twitter.com/oAZEC2lhBU— 大須パソコンショップ パウ (@OSU_PC_SHOP_PAW) August 30, 2021 Credit : Wccftech
31 Aug 2021
Microsoft ยอมให้ทุกคนลง Windows 11 ได้ แม้ว่า CPU อาจไม่เหมาะสมจะใช้งานก็ตาม
ในช่วงแรกที่มีการเปิดตัว Windows 11 ทาง Microsoft ได้ยืนยันว่า ไม่ใช่ CPU ทุกรุ่นจะสามารถใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่นี้ได้ โดยเฉพาะรุ่นที่เก่ากว่า intel Core i7 และ AMD Ryzen เจนแรก แต่สำหรับคนที่อยากลองใช้งาน Windows 11 แม้ว่า CPU จะไม่ผ่านเกณฑ์ ยังสามารถทำได้ด้วยการติดตั้งเองผ่านไฟล์ ISOแม้ว่าข่าวนี้จะไม่ได้ถูกประกาศโดยทาง Official เอง แต่ 3 เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออย่าง Thurrot, ZDNet และ The Verge ได้รายงานตรงกันว่า Microsoft จะยอมให้สามารถติดตั้ง Windows 11 ลงบนเครื่องที่ไม่ผ่าน PC Health Check ได้ แต่แน่นอนว่าไม่มีการรับประกันว่า Windows 11 จะสามารถใช้งานได้ปกติแน่นอนว่าจะมีการแจ้งเตือนเมื่อเปิดใช้งานด้วยว่า Hardware ของผู้ใช้งานไม่รองรับการทำงานของ Windows 11 และจะไม่สามารถอัปเดตต่อไปในอนาคตได้เช่นกัน แต่เหล่าโปรแกรมเมอร์ก็สามารถทดลองกันด้วยตัวเองได้ Credit : Tom's Hardware
30 Aug 2021
ผลทดสอบ Geekbench เผย i9-12900K แรงกว่า Ryzen 9 5950X
เรียกได้ว่าหลุดผลทดสอบกันอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับข้อมูล CPU รุ่นใหม่ของ Intel ซึ่งมีแผนจะวางจำหน่ายในปีหน้า ก่อนหน้านี้เราได้เห็นกันไปแล้วว่า ตัวรหัสธรรมอย่าง i7-12700 ก็แรงเทียบเท่ากับ Ryzen 7 5800X ได้ และวันนี้ผลทดสอบของ i9-12900K ก็ได้เผยว่ามันแรงกว่า Ryzen 9 5950X เสียอีกจากผลทดสอบ i9-12900K เอาชนะ Ryzen 9 5950X ได้ทั้งในด้าน Single-Core และ Multi-Core ซึ่งผลทดสอบทั้งหมดนี้ ยังเป็นการจะมีการปล่อย Bios เวอร์ชันสมบูรณ์ออกมา ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ผลทดสอบจากการใช้งานจริง CPU อาจสามารถทำคะแนนได้มากกว่านี้อีก ทั้งนี้จากข่าวก่อนหน้า AMD เองก็มีแผนจะเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ในการผลิตเช่นเดียวกัน โดยจากความก้าวหน้าในช่วง 2 - 4 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่า AMD ไม่มีทางยอมแพ้ในเรื่องของความแรงง่ายๆ อย่างแน่นอน และการแข่งขันระหว่างทั้งสองบริษัทจะเป็นผลดีต่อผู้ใช้งานอย่างๆ เรา ที่จะได้ CPU แรง ดี ในราคาที่คู้ควรมาใช้งานกันCredit : Tom's Hardware
27 Aug 2021
TIPS & TRICKS ช่างคอม อยากให้คอมแรงเริ่มง่ายๆ ด้วยการดูแลเรื่องความร้อน
ในช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าการเล่นเกมบนเครื่อง PC เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากการที่ ราคาเครื่องประกอบดีๆ ไม่ได้แพงเทียบเท่ากับเมื่อก่อนแล้ว เพียงแค่มีเงิน 2 - 3 หมื่น ทุกคนก็สามารถมีเครื่อง PC ดีๆ ซึ่งสามารถเล่นเกมเกือบทั้งหมดในโลกได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่อาจจำเป็นต้องใช้เงินถึง 4 - 5 หมื่น เพื่อให้ได้ PC ดีๆ สำหรับเล่นเกมเครื่องหนึ่งมา ซึ่งถ้าหากใช้เงินจำนวน 4 - 5 หมื่นในการประกอบ PC เครื่องหนึ่งในยุคนี้ เราก็จะได้เครื่องที่มีความแรงมากพอจะเปิดกราฟิกแบบจัดเต็มมาเล่นได้เลยแทนอย่างไรก็ตามด้วยงบที่มีอยู่อย่างจำกัด หลายคนจึงให้ความสนใจไปกับการซื้อชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องให้แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยลืมคำนึงถึงการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพไป หลายคนมองว่าเจียดเอาเงินบางส่วนนำไปลงทุนให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีไม่ใช่เรื่องที่ควรให้ความสำคัญอะไร ซึ่งขอยืนยันตรงนี้เลยว่า มันเป็นความเชื่อที่ผิด ส่วนว่าทำไมถึงผิด วันนี้ผู้เขียนจะอธิบายให้ได้อ่านกันความร้อนจริงๆ แล้วส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรงปกติแล้วการทำงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ทุกชนิดในโลกที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อนตามมาเสมอ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่กับเครื่อง PC เองที่จำเป็นต้องจ่ายไฟเลี่ยงให้กับ Mainboard, CPU, GPU, RAM และ Harddisk อยู่ตลอดเวลา ที่ย่อมทำให้เกิดความร้อนในการทำงานเช่นเดียวกัน โดยในอุปกรณ์เหล่านี้จะมีกลไกตัวหนึ่งถูกใส่มาเหมือนกันๆ นั้นคือ "การลดประสิทธิภาพในการทำงาน หรือกำลังไฟที่จ่ายลงเมื่ออุปกรณ์มีความร้อนมากเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้ Overheat จนทำให้อุปกรณ์เสียหาย" ดังนั้นการดูแลเรื่องความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะหมายถึงการทำให้ชิ้นส่วนภายในของ PC เราสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาด้วย ยิ่งชิ้นส่วนที่เราหยิบมาใส่ PC ใช้ไฟ หรือมีความแรงมากขนาดไหน ความสามารถในการระบายความร้อนของเครื่อง PC เราก็ควรจะมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการจะทำให้ PC สามารถระบายความร้อนได้จะมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง โดยจะขอกล่าวถึงเป็นข้อๆ ต่อไป สำหรับคลิปข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งช่วยยืนยันว่า การทำให้เครื่อง PC ของเรามีอุณหภูมิที่เย็นอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (FPS ในเกมเพิ่มมา 10 - 15 FPS)อุณหภูมิเท่าไหร่ถึงเรียกว่าร้อน?ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องเข้าใจผิด ที่มีกันอยู่ในทุกวันนี้ว่า "อุณหภูมิของ CPU กับ GPU ต้องเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าร้อน?" หลายคนอาจบอกว่ามากกว่า 90 องศาคือเรียกว่าร้อน บางคนก็บอกว่ามากกว่า 95 องศา แต่ในความเป็นจริง CPU ตั้งแต่เจเนอเรชั่น 7 เป็นต้นมา (Core i3,5,7,9 - 7xxx) จริงๆ มีอุณหภูมิปลอดภัยจริงๆ อยู่ที่ประมาณ 100 องศาแล้ว (สามารถดูได้ที่ค่า Tjunction Max ของ CPU แต่ละรุ่น) ดังนั้นต้องอุณหภูมิมากกว่า 100 องศาขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าอันตราย และเริ่มมีการลดประสิทธิภาพการทำงานลง ทางฝั่งของ GPU เองก็จะมีอุณหภูมิสูงสุดที่รับได้เช่นกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 91 - 100 องศา สามารถดูข้อมูลถูกต้องจริงๆ ได้ในเว็บไซต์ Official ของแต่ละรุ่น ตรง Thermal and Power Specs ของแต่ละรุ่นได้เลย อย่างไรก็ตามสำหรับตัวผู้เขียนเองส่วนตัวคิดว่าอุณหภูมิมากกว่า 95 องศา ก็ถือว่าอันตรายแล้ว เนื่องจากเซนเซอร์ที่วัดอุณหภูมิเองอาจมีความคลาดเคลื่อนไม่มากก็น้อย และในการใช้งานจริงอุณหภูมิของชิ้นส่วนเหล่านี้จะแกว่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว  ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เลี้ยงความร้อนให้ไม่เกิน 90 องศา ไว้เลยตั้งแต่แรกจะเป็นการดีที่สุด เพราะต่อให้เกิดการแกว่งของอุณหภูมิก็จะแน่ใจได้ว่าไม่ขึ้นไปสูงกว่า 100 องศา แน่ๆ (ส่วนฝั่ง GPU ก็อย่าให้เกิน 84-86 องศา จะเป็นการดีที่สุด)สำรวจความต้องการของอุปกรณ์ ความสามารถ และของแถมให้ดีในส่วนของ GPU นั้นไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนักเนื่องจาก ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตมักออกแบบความสามารถในการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากพอมาให้เลย สำหรับ CPU รุ่นเริ่มต้นอย่าง i3, R3, i5 และ R5 ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เนื่องจากมีการแถม Heatsink สำหรับระบายความร้อนมาให้ด้วย ซึ่งผมขอยืนยันตรงนี้ว่า Heatsink ที่แถมมาให้กับ CPU มีความสามารถมากพอในการระบายความร้อนได้อยู่แล้ว หากใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมไม่หนักมาก แต่หากใช้ในการเล่นเกมหนักๆ เมื่อไหร่ เมื่อ CPU ทำงานเต็มที่แบบ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จะสามารถสังเกตได้ว่าความร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงขีดจำกัดเมื่อไหร่ CPU ก็จะลดการทำงานของตัวเองลงเพื่อให้ไม่เกิดอาการ Overheat ดังนั้นการอัปเกรด Heatsink ให้ระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่จะเอาไปใช้เล่นเกมหนัก ซึ่งการอัปเกรดในที่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อรุ่นแพงๆ แค่ตัวราคาประมาณ 1,000 - 2,000 บาท ก็สามารถช่วยระบายความร้อนได้แบบเอาอยู่แล้วสำหรับคนที่ซื้อรุ่นแรงๆ อย่าง i7, R7, i9 หรือ R9 ยิ่งเป็นรหัส K กับ X ด้วย การซื้อ Heatsink หรือ AIO ดีๆ มาช่วยระบายความร้อน จะเป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะ CPU รุ่นเหล่านี้ใช้พลังงานเยอะ และมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ดังนั้นจึงเกิดความร้อนที่สูงมากเป็นเงาตามตัวมาด้วย ผู้เขียนแนะนำให้มองหา Heatsink แบบ Tower ที่ใสพัดลมได้ 2 ตัวขึ้นไป หรือ AIO ขนาด 2 ตอนขึ้นไป มาใช้งาน ราคาก็มีตั้งแต่ 2,500 - 10,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนว่ารุ่นไหนระบายความร้อนได้มีประสิทธิภาพขนาดไหน อันนี้แนะนำให้ไปลองหาดูรีวิวก่อนใน Youtube ครับความสามารถในการระบายลมของเคส เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเคสของ PC ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความร้อนภายใน PC ได้ เนื่องจากการระบายความร้อนด้วย Heatsink หรือ AIO ต่างเป็นการใช้ลมในการระบายความร้อนทั้งสิ้น ดังนั้นยิ่งเคสมีทิศทาง รวมถึงความสามารถในการให้ลมผ่านได้ดีขนาดไหน ก็ยิ่งสามารถระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นเท่านั้น โดยทิศทางลมที่ช่างคอม ส่วนใหญ่มักจะใช้กันคือการดึงลมเย็นเข้าจากข้างหน้า และระบายลมร้อนออกทางด้านบนกับด้านหลังของตัวเคส ดังนั้นหากหน้าเคส ด้านบน และด้านหลัง มีช่องสำหรับให้ลมผ่านได้ มันจะช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่าเคสแบบปิดทุกด้านอย่างแน่นอนการเพิ่มพัดลมให้ดึงลมเข้าจากข้างหน้า และเพิ่มพัดลมให้ดึงลมออกด้านบน และด้านหลังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยการระบายความร้อน ให้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหากจัดการทิศทางลมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ดี ส่วนนี้สามารถช่วยลดความร้อนของ CPU กับ GPU ได้สูงถึง 4 - 5 องศาเลยทีเดียว ในส่วนของวัสดุที่ของเคส จริงอยู่ว่าโลหะนั้นสามารถนำความร้อนได้ดีกว่าพลาสติก แต่ไม่ได้ส่งผลมากขนาดต้องหยิบมานั่งคิดให้ปวดหัวสำหรับการเลือกซื้อครับฝุ่นคือศัตรูตัวร้ายอย่างถึงที่สุดในการระบายความร้อน PCในส่วนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากนักในเมื่อคลิปวิดีโอด้านบนได้อธิบายทุกอย่างไว้หมดแล้ว เนื่องจากหากปล่อยให้ฝุ่นภายในเครื่องของเรามีเยอะมากเกินไป มันจะไปขวางทางการระบายอากาศของลม ทำให้อุณหภูมิสะสมภายในเครื่องมีมากขึ้น และส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของ CPU กับ GPU โดยตรงในเวลาต่อมาRPM ของพัดลม < ความสามารถในการระบายอากาศของเคสRPM หรือ Revolutions Per Minute หมายถึงจำนวนรอบการหมุนของพัดที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆ ของเครื่อง อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างบนว่า การระบายความร้อนของอุปกรณ์ทั้งหมดภายใน PC จำเป็นต้องใช้การผ่านของลมในการช่วย ซึ่งหลายคนอาจกำลังมีความคิดว่า "ถ้าหากว่าเคสของเรามิทิศทางลมที่ไม่ดี ก็น่าจะสามารถใช้พัดลมรอบสูงๆ ในการทำงานทดแทนได้" ความคิดนี้ไม่ผิดเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ถูกเช่นกันจริงอยู่ RPM ที่สูงจะช่วยในให้การระบายความร้อนสามารถทำได้ดีขึ้นจริง แต่การจะเอาเงินไปลงทุนพัดลมที่มีรอบสูงๆ มันจะเป็นการดีกว่าหากเงินไปซื้อเคสที่มีทิศทางการระบายลมที่ดีเลยตั้งแต่แรก หรือต่อให้บอกว่าจะซื้อพัดลมรอบสูงๆ มาติดเพิ่มในเคสปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ และมีทิศทางการระบายอากาศไม่ดี บางครั้งการซื้อเคสใหม่ที่มีการระบายอากาศดีๆ ไปเลย ก็ใช้เงินไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก แถมยังเป็นการดีกว่าสำหรับการใช้งานในระยะยาวด้วยอย่างไรก็ตามนี้ไม่ได้เป็นการบอกว่าสำหรับคนที่ใช้เคสระบายความร้อนไม่ดีจำเป็นต้องไปซื้อเคสใหม่มาเปลี่ยน ถ้าหากเคสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการระบายอากาศที่เพียงพอ CPU กับ GPU ไม่ได้มีอุณหภูมิที่สูงจนน่าใจหายตลอดเวลา (มากกว่า 95 องศา ตลอดเวลา) ก็อาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลยเสียทีเดียว เพียงแต่มันจะเป็นการดีกว่าในระยะยาวเท่านั้นเอง  หมั่นเช็กอุณหภูมิของ CPU และ GPU อยู่เสมอไม่ใช่ทุกครั้งที่เครื่องของเราจะทำงานเป็นปกติ พัดลมหมุนตลอดเวลา การจ่ายไฟเป็นไปอย่างถูกต้อง มันมีบ้างในบางครั้งเช่นกันที่ PC ของเราจะทำงานผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไม่หมุน, PSU จ่ายไฟมากเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ เหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้ความร้อนของอุปกรณ์ภายในเครื่องเพิ่มสูงขึ้น และอาจพังได้หากรู้ตัวช้าเกินไป อันตรายที่สุดอาจถึงขั้นเกิดไฟไหม้ได้เลยดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่ามากหากมีโปรแกรมสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิของเครื่องเราได้ตลอดเวลา หรือเป็นหน้าจอสำหรับติดตั้งภายในเคส อะไรก็ได้ที่ทำให้เราสามารถสังเกตถึงความผิดปกติได้ทัน และหยุดการใช้งานเครื่องก่อนเหตุไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น ส่วนตัวผู้เขียนใช้โปรแกรมของทาง MSI ชื่อว่า MSI Afterburner หรือถ้าใครมีโปรแกรมอะไรแนะนำก็สามารถคอมเมนต์แบ่งปันกันได้หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่สงสัย, ช่วยให้เพื่อนๆ ประกอบคอมได้ง่ายขึ้น หรืออย่างน้อยช่วยให้สามารถเล่นเกมผ่าน PC ได้อย่างสบายใจมากขึ้น แม้ว่าโดยรวมแล้วการควบคุมอุณหภูมิจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เพียง 10 - 15% แต่เชื่อเถอะครับว่านี้ถือเป็นเปอร์เซ็นที่เยอะมากแล้วสำหรับอุปกรณ์ Hardware  
25 Aug 2021
หลุดผลทดสอบ! Intel Core i7-12700 รุ่นธรรมดา แรงเท่ากับ Ryzen 7 5800X
ผู้ใช้งาน PC ทั่วทั้งโลกต่างกำลังจับตามองการมองของ Alder Lake หรือ Core i เจน 12 ที่กำลังจะขายในต้นปีหน้าอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย โดยหลายคนขาดหวังให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำในการผลิต CPU อีกครั้ง หลังจากแพ้ให้กับ AMD ไปในเรื่องของความแรงในเจนปัจจุบัน ซึ่ง intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger ดูมีความหวัง เพราะมันก็นานแล้วที่ CEO ของ intel ไม่ได้เป็นคนจากทางฝั่งวิศวกรแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดก็มีผลทดสอบของ Intel Core i7-12700 รหัสธรรมดา (ไม่มี K) ออกมาผ่านเว็บไซต์ Geekbench ซึ่งดูเหมือนว่า จะแรงเทียบเท่ากับ Ryzen 7 5800X ที่เป็นตัวแรงอันดับต้นๆ ของ AMD ในปัจจุบัน โดยทำคะแนน Single Core ได้ 1595 / Multi-core ได้ 10170 ห่างกับ Ryzen 7 5800X ที่ทำคะแนนได้ 1672 / 10376 ตามลำดับเพียงเล็กน้อยสำหรับข้อมูลที่โชว์บน Geekbench ได้เผยว่า Intel Core i7-12700 เป็น CPU แบบ 8 Core / 16 thread ซึ่งขัดกับข้อมูลก่อนหน้าที่บอกว่า i7-12700K จะเป็น CPU แบบ 12 Core / 20 thread ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผิดพลาดที่ข่าวลือหรือโปรแกรมที่ใช้อ่าน หรือไม่สำหรับซีรีส์ K ของ Alder Lake อาจมีการเพิ่มจำนวน Core ให้กับผู้ใช้งานเลยก็เป็นได้ ในส่วนนี้ต้องรอยืนยันกันอีกครั้งจาก Official ต่อไปCredit : VideoCardZ
25 Aug 2021
Intel วางแผนให้ผู้ใช้งาน OC ตัว GPU ได้โดยง่ายผ่าน Software
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่า ภายในบริษัท intel คงวุ่นวายเป็นอย่างมากกับการเปิดตัว intel ARC การ์ดจอประสิทธิภาพสูงซึ่งจะวางขายในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดเผยข้อมูล กับฟังก์ชันหลายๆ อย่างที่จะมาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ Intel Deep Link ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Hardware เมื่อใช้งาน CPU กับ GPU ของ Intel ด้วยกันอีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นคือ Supersampling Technology หรือที่รู้จักกันในชื่อ DLSS จาก Nvidia และ FidelityFX Super Resolution จาก AMD โดยทางฝั่งของ Intel เองก็ดูเหมือนจะมีระบบตัวนี้ที่ใช้ชื่อว่า XeSS ด้วยเหมือนกัน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของภาพที่ทำได้ออกมาให้เห็นตอนนี้ นอกจากนี้ดูเหมือน Intel วางแผนจะออก Software ตัวใหม่สำหรับใช้งานกับ Intel ARC ในการช่วยจับภาพภายในเกม รวมถึงนอกเกม เพื่อให้เหล่า Youtuber และ Streamer สามารถจับภาพช่วงนาที่สำคัญ หรือ Highlight ได้ง่ายขึ้น เพื่อช่วยในการผลิตคอนเทนต์ดีๆ ต่อไปสุดท้ายในวันนี้ Roger Chandler รองประธาน intel ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มตักเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถทำการ Overclock การ์ดจอของทางบริษัทได้โดยง่ายๆ ผ่าน Software (เพิ่มกำลังไฟ เพิ่ม Hz และเพิ่มความเร็วของพัดลมได้เลยผ่าน Software) กล่าวคือ intel กำลังพยายามจะทำให้การ์ดจอตัวใหม่ของพวกเขา สามารถลองรับการใช้งานเกือบทั้งหมดที่เราสามารถทำได้กับ AMD และ Nvidia มาให้พร้อมกับการวางจำหน่ายเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่จะสามารถใช้งานได้ง่ายขนาดไหนต้องรอดูต่อไปพร้อมกันครับ Credit : Tom's Hardware
25 Aug 2021
รีวิว Acer Swift 3 เครื่องทำงานโมเดล Intel Core i7 Gen 11 ที่สามารถเล่นเกมเบาๆ ได้!
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณ 1 - 2 เดือน ผู้เขียนได้เคยผาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Notebook เล่นเกมราคาไม่แรง น้ำหนักเบา จากทาง Acer ในรุ่น Swift X ไปแล้ว โดยข้อเสียหนึ่งเดียวสำหรับ Notebook รุ่นดังกล่าวคือมีขนาดของหน้าจอที่เล็กไปหน่อย (14 นิ้ว) ซึ่งอาจไม่ถูกใจสำหรับสายทำงานเท่าไหร่นัก เนื่องจากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อให้ตอบสนองต่อกลุ่มผู้ใช้งานที่อยากมี Notebook ไว้ทำงานเป็นหลัก และใช้เล่นเกมเบาๆ บ้างเป็นบางครั้ง ทาง Acer จึงได้มีการออก Swift รหัสอื่นๆ ที่เน้นไปที่ความแรง CPU และลดความแรงของ GPU ลง หนึ่งในนั้นคือ Swift 3 รุ่นราคาเริ่มต้นไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Acer Swift 3 โมเดลใหม่ที่มาพร้อมกับ CPU ตัวแรงอย่าง Intel Core i7-11370H กันคุณสมบัติทางเทคนิคCPU : Intel Core i7-11370H (3.30 GHz, 8 MB L3 Cache up to 4.80 Ghz)GPU : Intel Iris Xe Graphics G7RAM : 8 GB LPDDR4x On Board Monitor : 16.1 inch (1920x1080) Full HD IPS sRGB 91% / AdobeRGB 70%Storage : 512 GB SSD PCIe M.2 Battery : 56WhWeigth : 1.75 kgอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า Swift 3 โมเดลใหม่นี้เป็นเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อสำหรับการทำงานอย่างแท้จริง จะสังเกตได้ว่าจุดเด่นคือ CPU ที่ให้มาเป็นตัวแรงอย่าง Intel Core i7-11370H ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 4.80 Ghz ส่งผลให้สามารถเรนเดอร์วิดีโอ และไฟล์รูปภาพได้รวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ CPU รุ่นดังกล่าวยังมาพร้อมกับ AI สำหรับช่วยในการทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตัดทอนเสียงรบกวน การเบลอพื้นหลัง ความละเอียดวิดีโอสูงสุด และตัวถอดรหัส/เข้ารหัสวิดีโอล่าสุด ก็วางใจให้เพื่อน AI ทำแทนได้เลยด้วยขนาดของหน้าจอ 16.1 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่กว่า Notebook มาตรฐาน จึงทำให้ตัวเครื่องมีขนาดยาวมากกว่า Swift X พอสมควร แน่นอนว่าหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3 KG ด้วย แต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้การใช้งานหลายๆ โปรแกรมสามารถทำได้ง่ายกว่า และสะดวกมากกว่าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้คีย์บอร์ดของตัวเครื่องก็มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งเพิ่ม Numpad เข้ามาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนกันไปในส่วนของการอัปเกรด จุดนี้ต้องยอมรับว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ช่องเสียบ SSD ของตัวเครื่องมีมาให้แค่เพียงช่องเดียว การอัปเกรดจึงจำเป็นต้องถอด SSD ตัวเก่าก่อน และใส่ตัวที่มีความจุมากกว่าเข้าไปแทน ในส่วนของ RAM เองก็มาแบบ On Board ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเข้าไปมากกว่านี้ได้ แต่สำหรับการทำงาน ใช้งานทั่วไป และเล่นเกมไม่หนักมาก เท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้วต่อการใช้งานครับดีไซน์ / ฟีเจอร์สำคัญสำหรับดีไซน์ของ Swift 3 จะเป็นสไตล์เรียบหรูเช่นเดียวกับ Swift X ต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของขนาด ทำให้ถือว่าเป็น Notebook ที่เหมาะสำหรับพกไปทำงาน ด้วยน้ำหนักที่เบาจึงทำให้การพกพาสามารถทำได้สักด้วยในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับอาชีพที่ต้องการความเชื่อถือเมื่อจำเป็นต้องพก Notebook ไปทำงานด้วยหนึ่งในจุดที่เหมือนกันระหว่าง Siwft 3 กับ Swift X คือมีระบบสแกนลายนิ้วมือ บริเวณขวาล่างของคีย์บอร์ดเหมือนกัน ทำให้สะดวกต่อการปลดล็อกเครื่องเวลาจะใช้งาน ทางฝังลำโพงก็มีการใช้งานมาตรฐาน dts เช่นเดียวกัน สามารถขับเสียงออกมาได้ไพเราะ เหมาะกับการรับชมสื่อบันเทิงทุกชนิด ยิ่งมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นด้วย ยิ่งได้อรรถรสมากกว่าเครื่องที่มีหน้าจอเล็กแน่นอนคีย์บอร์ดของ Swift 3 จะมาเป็นแบบ Full Size คือมีส่วนของ Numpad ด้วย มีไฟใต้คีย์แต่ละตัว สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ในที่มืด ซึ่งด้วยขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่เป็นพิเศษ จึงทำให้ Touchpad ของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่มากด้วยเช่นกัน ดีไซน์ออกมาเป็นแบบซ้อนปุ่มคลิกซ้าย / คลิกขวา มีฟังก์ชันใช้งาน 2 นิ้ว 3 นิ้ว พร้อมกันเช่นเดียวกับ Notebook รุ่นอื่นๆ ในตลาดสำหรับกล้อง Webcam กับ Microphone ยังคงมีแถมมาให้ใน Swift 3 บริเวณด้านบนของหน้าจอ เนื่องจาก Acer เข้าใจดีว่า ในการทำงานจริง มันเป็นเรื่องปกติที่เราอาจต้องมีประชุมกับลูกค้าแบบเปิดกล้องเพื่อให้เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย จึงไม่ได้มีการตัดฟังก์ชันออกไปของแถมอื่นๆ ที่มาพร้อมกับ Swift 3 ในเมื่อเป็นเครื่องสำหรับทำงาน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักหาจะมีการแถมโปรแกรมสำหรับทำงานมาด้วย Swift 3 เองก็เช่นกัน โดยทาง Acer มีการแถม Office Home & Student 2019 ทำให้ใช้งาน Word/ Excel / Power Point แบบยาวๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม สำหรับใครที่กำลังมองหา Notebook เครื่องใหม่ ให้เขาได้ใช้สำหรับเรียน ทำงาน และเล่นเกมบ้างเป็นบางครั้ง Swift 3 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยอีกหนึ่งของแถมที่น่าสนใจซึ่งมาด้วยกับ Swift 3 คือ บริการ 3 Hour Service หรือบริการซ้อมด่วนภายใน 3 ชม. เพื่อให้ลูกค้าสามารถกลับไปทำงานเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในส่วนของประกันเครื่องจะอยู่ที่ 3 ปี ตามมาตรฐานของ Acer แต่ในส่วนของซ้อมด่วนจะสามารถใช้บริการได้แค่ภายในปีแรกของประกันเท่านั้นผลทดสอบหลายคนอาจตั้งคำถามว่า "เครื่องนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการ์ดจอแยก จะเล่นเกมไหวเหรอ?" ผมต้องบอกตรงนี้เลยว่า อย่าได้ดูถูก Intel Iris Xe Graphics G7 ไป เนื่องจากนี้คือการ์ดจอที่มากับ CPU และแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว ถ้าถามว่าแรงขนาดไหน? ก็ต้องบอกเลยว่าไม่น้อยหน้า 1050 เท่าไหร่ครับ!สำหรับโปรแกรมที่หยิบมาทดสอบในครั้งนี้ยังคงเป็น 3D Mark Time Spy เช่นเดิม แต่ในส่วนของเกมผมเลือกที่จะหยิบมาเป็นเกม MOBA ชื่อดังอย่าง DOTA 2 กับ LOL มาทดสอบ เนื่องจากโดยปกติคงไม่มีใครเอาคอมสำหรับทำงานไปเล่นเกม AAA หนักๆ อยู่แล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็อยู่ข้างล่างนี้เลยสำหรับ 3D Mark ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับทดสอบ GPU โดยเฉพาะ ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากเราจะได้คะแนนโดยร่วมน้อย เนื่องจาก Intel Iris Xe Graphics G7 ถือเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ไม่ได้มีความสามารถในการประมวลผลมากมายอะไรนัก แต่สังเกตที่คะแนนของ CPU Score ที่ทำได้ถึง 5091 ที่เรียกได้ว่าสูงพอสมควร แต่คะแนนจากโปรแกรม Benchmark อย่างเดียวอาจไม่สามารถบอกอะไรได้มากมายนัก ดังนั้นเรามาดู FPS ที่ทำได้เมื่อเล่นเกมจริงๆ กันบ้างสำหรับเกมแรกที่เราหยิบมาทดสอบคือ MOBA ชื่อดังอย่าง Dota 2 โดยการตั้งค่ากราฟิกจะอยู่ที่ Best ในส่วนของ FPS ที่ทำได้เรียกว่าไม่น่าผิดหวังมีค่าแกว่งอยู่ที่ประมาณ 48 - 80 FPS และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 74 FPS เรียกได้ว่าสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา ต่อมาดูที่เกม MOBA ซึ่งได้รับความนิยมมากๆ ในบ้านเราอย่าง LOL กันบ้าง ในการตั้งค่ากราฟิกระดับปานกลาง Swift 3 สามารถดัด FPS ของเกมให้สูงกว่า 140 FPS ได้สบายๆ และค่าจะแกว่งอยู่ที่ประมาณ 120 - 170 FPS หรือกล่าวคือสามารถเล่นเได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นเดียวกันในส่วนของ FPS ที่ทำได้ในเกมอื่นๆ จากรูปข้างบนจะสังเกตได้ว่าเกม Online ดังๆ อย่าง Rocket League, CS:GO และ Valorant เจ้า  Intel Iris Xe Graphics สามารถทำได้มากกว่า 100 ในทุกๆ เกม ในส่วนของเกม AAA ดังบางเกมอย่าง GTA V, Overwatch และ GRID 2019 (VRS) ก็ยังสามารถทำ FPS ได้ประมาณ 50 - 60 ด้วย กล่าวคือใช้เล่นเกมทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอนราคา ?อ่านกันมาจนถึงตรงนี้เชื่อว่าคำถามสุดท้ายที่อยู่ในใจทุกคนคงเป็นเรื่องของราคาเจ้า Swift 3 โมเดลใหม่นี้ว่าเท่าไหร่? สำหรับรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ 25,900 บาท และรุ่น 29,900 บาท โดยรุ่นราคาเริ่มต้นจะมาพร้อมกับ CPU ตัวน้องอย่าง intel Core i5 11300H ส่วนตัวที่อยู่ในรีวิวฉบับนี้คือตัวรุ่นพี่ที่มีราคาแพงกว่า และมาพร้อมกับ intel Core i7-11370H ทั้งสองรุ่นสามารถหาซื้อได้ง่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือร้านขายคอมพิวเตอร์ชั้นนำอย่าง JIB, Advice และ Banana It ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังมาหา Notebook สำหรับทำงาน ที่เอามาเล่นเกมในยามว่างได้ มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพงจนเกินไป ก็ขอแนะนำ Acer Swift 3 เลย
24 Aug 2021
Samsung เปิดตัว 8-stacked TSV DDR5 เป็นแรมที่มีความจุสูงถึง 512 GB
ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับการแข่งกันเปิดตัวเทคโนโลยีแรม DDR5 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทาง Adata จะทำความจุแรมหนึ่งตัวได้ 64 GB และมีความเร็ว 12600MHz โดยถือเป็นแรมที่แรงมากๆ สำหรับเครื่อง Personal Computer โดยสำหรับแรมบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ดูเหมือนจะมีขนาดความจุเพิ่มเป็น 512 GB เลยทีเดียว!Samsung ได้ทำการเปิดตัว 8-stacked TSV DDR5 ส่งผลให้ต่อแรมหนึ่งตัว มีหน่วยความจำเพิ่มขึ้นสูงสุด 512 GB และใช้แผ่น Wafer ในการช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น Samsung คาดหวังว่า DDR5 จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น 85% เป็นอย่างน้อย ด้วย Bandwidth ที่มากถึง 7.2 Gbp/s แต่ใช้พลังงานลดลงจนเหลือเพียงแค่ 1.1V เท่านั้น กล่าวคือนี่จะเป็นแรมที่แรงระดับไม่เคยเห็นมาก่อนจากการคาดเดาของ Samsung แรม DDR5 จะเริ่มเป็นที่ต้องการ รวมถึงมาตรฐานใหม่ในช่วงปี 2023 - 2024 แต่สำหรับฝั่งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงก่อนฝั่ง Personal  Credit : VideoCardZ
24 Aug 2021
อยากเริ่มสร้างเกมของตัวเองไหม? | แนะนำ 5 คอร์สเรียนสร้างเกม ฟรี บนเว็บคอร์สเรียนออนไลน์
ช่วงกักตัวอยู่บ้าน เกมที่เล่นอยู่ก็เริ่มเบื่อแล้ว เกมใหม่ที่ออกมาก็ไม่สนใจจะเล่นสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นเรามาใช้โอกาสทองนี้มาเรียนคอร์สออนไลน์เพื่อเริ่มสร้างเกมของตัวเองกันดีกว่า แน่นอนว่าทุกคอร์สที่เรายกมานี้ เรียนฟรี! พวกเรา GameFever หามาให้ท่านแล้ว !!Introduction to Game DesignWebsite: Courseraคอร์สนี้เรียกได้ว่าจะมาแนะนำพื้นฐานจากศูนย์เลย โดยจะเน้นที่การเรียนสร้างคอนเซปต์ของเกมและนำมาปรับใช้สร้างเกมสักเกมหนึ่งได้อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่จำกัดเพียงคอมพิวเตอร์เกมเท่านั้น แต่เรายังสามารถไปปรับใช้ในการสร้างเกมแบบอื่นๆได้อีกด้วย คอร์สตัวนี้เหมาะกับการเริ่มต้นเพื่อต่อยอดไปสู่คอร์สอื่นๆ โดยใช้เวลาเรียนเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น และยังมีคอร์สต่อเนื่องในซีรี่ย์ Game Design: Art and Concepts Specialization อีก 4 คอร์สจากทาง California Institute of the Arts ด้วยล่ะStory and Narrative Development for Video GamesWebsite: Courseraอีกหนึ่งคอร์สจากซีรี่ย์ Game Design: Art and Concepts Specialization จาก California Institute of the Arts ที่จะเน้นฝึกไปที่การสร้างเนื้อเรื่องของเกม ซึ่งจะช่วยให้เรากำหนดทิศทางของเกมและวิธีการดำเนินได้อย่างน่าสนใจและไหลลื่นอาจจะไม่ได้ลงมือสร้างมากเช่นเดียวกับคอร์สก่อนหน้าเนื่องจากต้องการให้ผู้เริ่มต้นใหม่จริงๆได้เข้ามาศึกษา แต่ก็เป็นคอร์สที่มองข้ามไม่ได้เลย โดยคอร์สนี้จะใช้เวลาเรียนประมาณ 11 ชั่วโมง และสามารถเรียนต่อจากคอร์สก่อนหน้านี้ได้เลยCode Your First Game: Arcade Classic in JavaScript on CanvasWebsite: Udemyในคอร์สนี้เราจะได้ลงมือสร้างโปรแกรมเกมกันแล้ว! ทั้งการพัฒนา game-play เขียนโค้ด และรันโค้ด ใน JavaScript และฝึกการใช้ภาษา HTML5 ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการหลักสูตรเร่งรัดและเข้าใจง่าย ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นการ Coding ในคอร์สนี้ จะเริ่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวในเกม การป้อนข้อมูล การตอบสนอง การจัดเก็บคะแนน การสร้าง Ai ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการกำหนดเงื่อนไขการจบเกม เรียกได้ว่าลงคอร์สเดียวได้ 1 เกมแน่นอนCreate Video Games with Phaser.jsWebsite: Codecademyในคอร์สนี้เราจะได้ลองสร้างเกมตั้งแต่โปรแกรมที่มีสูตรสำเร็จอย่าง Scratch ก่อนจะพัฒนาไปสู่การเขียน JavaScript และใช้โปรแกรม Phaser ซึ่งนับว่าเป็นการไต่ระดับที่ทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนพอสมควร เพราะแค่เบื้องต้นเราก็สามารถทำเกมออกมาได้แล้ว และถ้าอยากปรับรายละเอียดเกมให้มากขึ้นก็ค่อยๆขยับไปสู่ภาษาที่ยากขึ้นในคอร์สนี้ก็จะเน้นไปที่ JavaScript หนักหน่อย เพราะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างระบบฟังก์ชั่น การเคลื่อนไหว ไปจนถึงสิ่งของต่างๆที่จะปรากฏในฉาก และการใช้ Phaser.js ก็จะช่วยให้เอฟเฟคและโมชั่นออกมาดูดียิ่งขึ้นนั่นเองUnity Certified 3D Artist SpecializationWebsite: Courseraรอบนี้ไม่ได้มาคอร์สเดียว แต่จัดเต็มกันไปเต็มที่ 5 คอร์สจาก Unity ที่มุ่งเน้นในการเป็น 3D Artist และฝึกความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมจากเครือของ Unity เรียกได้ว่าเรียนจบไปสมัครงานสายพัฒนาเกมได้เลยจุดเด่นของคอร์สนี้คือการที่เน้นเรียนสร้างเกม 3D เพราะถ้าเป็นคอร์สฟรีอื่นๆก็จะกั๊กให้เราฝึกแค่การสร้างเกมแบบ 2D เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ในคอร์ได้ระบุไว้ว่าผู้เรียนควรมีพื้นฐานในด้านงาน 3D Art มาก่อน ซึ่งสามารถหาเรียนได้จาก Coursera เองหรือในเว็บอื่นๆก็มีเช่นกัน และเนื่องจากเป็นคอร์สต่อเนื่อง จึงต้องใช้เวลาเรียนราวๆ 7 เดือนกว่าจะจบ ก็ต้องจัดตารางเวลาไว้เพื่อเรียนโดยเฉพาะด้วยล่ะ
23 Aug 2021
Samsung ขึ้นแซงหน้า Intel ขึ้นแท่นโรงงานผลิตชิปอันดับ 1 แล้ว!
วัดจากกำไรที่ทำได้ในช่วง Q2 2022 โรงงานผลิตชิป Semiconductor ของ Samsung สามารถทวงอันดับ 1 กลับมาจาก Intel ได้แล้ว! หลังจากสามารถทำกำไรรวมเพิ่มได้ 19% เมื่อเทียบกับ Q1 2022 ในขณะที่ทาง Intel สามารถทำกำไรเพิ่มได้เพียง 3% จาก Q1 มา Q2 มันคงจะน่าสนใจไม่น้อยหากว่าสักวันหนึ่ง Samsung จะลงมาตีตลาด Computer แข่งกับ Intel กับ AMD แต่จากข่าวล่าสุดที่ Qualcomm ประกาศเตรียมลงมาแข่งในตลาด CPU ของ Notebook ในปีหน้า ด้วย Snapdragon มันก็มีความเป็นไปได้ที่ Samsung เองก็อาจจะเอา Exynos ลงมาแข่งด้วยในตลาดเดียวกัน แต่อันนี้ต้องรอดูต่อไปอีกสักพักการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในแง่ของกำไรที่ทำได้สำหรับโรงงานผลิตชิป ย่อมหมายถึงมีการมีออเดอร์ เข้ามามากขึ้นทั้งจากภายใน และภายนอกบริษัท โดยหนึ่งในลูกค้าของ Samsung ก็คือ Nvidia กรณีนี้อาจหมายความว่า Nvidia เองก็กำลังเร่งผลิตการ์ดจอออกมาขายให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่นั้นเองCredit : Tom's Hardware
23 Aug 2021
รวม App เรียนออนไลน์ เข้าใจง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส
เชื่อว่าผู้อ่านวัยเรียนหลายๆคนน่าจะกำลังประสบปัญหาความน่าเบื่อจากการเรียนออนไลน์ อาจจะด้วยความเครียด ความกดดัน ไปจนถึงการเรียนรูปแบบเดิมที่เปลี่ยนมาอยู่บนหน้าจอจึงทำให้ยิ่งรู้สึกไม่อยากเรียนเข้าไปใหญ่ แต่จะให้สมองโล่งปราศจากความรู้ก็คงไม่ไหววันนี้ทาง Game Fever จึงอยากขอแนะนำ Application ที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ แถมยังดาวน์โหลดได้ ฟรี! อีกต่างหาก และไม่ใช่แค่น้องๆนักเรียนเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปที่ต้องการหาความรู้เพิ่มก็สามารถโหลดมาใช้ได้เช่นกัน ว่าแล้วก็ไปลองดูกันเลยดีกว่า ว่าจะมีแอปไหนน่าสนใจบ้าง=====================================================TEDก่อนจะมาเป็นแอปฯ TED นั้นคือ การประชุมว่าด้วยเทคโนโลยี การบันเทิง และการออกแบบ (Technology Entertainment and Design) ซึ่งเป็นงานประชุมสากลโดยองค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อเผยแพร่ความรู้และแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆทั่วโลก แน่นอนว่ามีคนไทยด้วย โดยการเชิญพวกเขาเหล่านั้นมาบรรยายในงานประชุมนี้ จากนั้นจึงได้นำเทปบันทึกการบรรยายมาเผยแพร่ต่อใน Youtube และได้ต่อยอดเป็นคลิปความรู้ในหัวข้อต่างๆที่นำเสนอด้วยภาพ Motion Graphic ทำให้มีแชแนลแฟรนไชน์เพื่อให้เหมาะกับหัวข้อต่างๆ หลังจากนั้นจึงได้รวมทั้งหมดนั้นเข้ามาอยู่ในแอปเพื่อความสะดวกในการใช้งานนี่แหละข้อดีคือเราจะสามารถหาคำตอบจากทุกเรื่องที่เราสงสัยไปพร้อมๆกับได้แรงบันดาลใจจากผู้บรรยาย และในส่วนของแอปฯ ยังมี Subtitle ภาษาไทยได้ด้วย ได้ฟีลดูซีรี่ย์หรือหนังสักเรื่องเลย หรือถ้าใครจะตามไปดูใน Youtube ก็ได้เช่นกัน ที่แชแนล TED จ้าIELTS Prepอันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง รวมไปถึงต้องการผลสอบ IELTS เพื่อยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศ แอปฯ ตัวนี้สร้างขึ้นโดย British Council ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสอบ IELTS โดยตรง จึงมั่นใจได้ว่าถ้านำมาฝึกต้องทำข้อสอบได้แน่!เราสามารถเลือกฝึกทำข้อสอบในแต่ละพาร์ททั้ง Listening, Reading, Writing ไปจนถึง Speaking ก็ยังได้ หรืออยากเจาะเฉพาะหัวข้อคำศัพท์และแกรมม่าก็มีแบบฝึกหัดให้เช่นกัน เหมือนให้คนออกข้อสอบมาติวให้ที่บ้านเลยล่ะNASAแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเราจะได้ไปผจญภัยกันในอวกาศ!!! และแน่นอนว่าจัดทำโดยองค์การนาซ่าเองด้วย ซึ่งเราจะสามารถดูรูปถ่าย วีดีโอ รายการทีวี และพอดแคสของนาซ่าได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์การสำรวจระบบสุริยะ และสำรวจโมเดลของยานอวกาศในระบบ AR ได้ด้วยนอกจากเราจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานแล้ว เรายังสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภารกิจอวกาศของนาซ่าและสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้แบบทันเหตุการณ์ รวมไปถึงรับชมภาพที่ถ่ายได้จากยานอวกาศแบบ Real-Time ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนขึ้นไปอยู่บนยานกับเหล่านักบินอีกด้วยนะMyScript Calculator 2แอปฯ นี้อาจจะไม่ใช่แอปฯ สอน แต่จะเป็นแอปฯ ที่ช่วยให้การเรียนคณิตศาสตร์ของทุกคนง่ายและสนุกมากขึ้น MyScript Calculator 2 คือแอปฯ เครื่องคิดเลข ที่จะทำให้น้าจอมือถือหรือแท็ปเล็ตของเรากลายเป็นกระดาษอัจฉริยะ! เมื่อเราเจอโจทย์ในหนังสือเรียน เราสามารถเขียนตัวเลขเหล่านั้นลงบนหน้าจอ แล้วแอปฯ จะทำการคำนวณให้เลย และเราสามารถบันทึกคำตอบที่ได้เพื่อมาตรวจทานหรือพลิกแพลงใช้กับขั้นตอนหรือข้อต่อๆไปได้อีกด้วยนอกจากโจทย์พื้นฐานแล้ว MyScript Calculator 2 ยังรองรับการคำนวณฟังก์ชั่นตรีโกณและ Log ได้อีกด้วย นับว่าว้าวมาก และจะทำให้การตะลุยโจทย์คณิตศาสตร์สะดวกขึ้นอีกมากเลยล่ะThe Human Body Liteถ้าใครชอบวิชาชีวะหรือมุ่งไปสายหมอ (รวมไปถึงคนที่อยากรู้ความลับเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ด้วย) ต้องโหลด The Human Body Lite มาลงเครื่องแล้วล่ะ! แอปฯ นี้จะทำให้การศึกษาเรื่อง Anatomy ง่ายขึ้นมากๆ เราจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวและระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์ได้แบบเสมือนจริง เพียงแค่แตะไปที่อวัยวะส่วนนั้นอีกหนึ่งข้อดีมากๆของแอปฯ นี้คือ รองรับภาษาไทย จ้า~ หมดห่วงเรื่องเรียนไปแล้วศัพท์ไม่ตรงข้อสอบ แต่ในตัวฟรีนั้นจะเปิดให้เราลองเล่นแค่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน เท่านั้น ใครคิดจะศึกษาจริงจังให้ครบทั้งร่างกาย ก็ลงทุนแค่ 119 เพื่อซื้อเวอร์ชั่นเต็ม ราคาถูกกว่าหนังสือบ้างเล่มด้วยซ้ำ!Brightถ้าใครมีปัญหากับการเรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี นี่คือแอปฯ ที่เหมาะกับคุณ Bright-English for Beginner เป็นแอปฯ เรียนภาษาอังกฤษที่เน้นในด้าน Vocabulary หรือคำศัพท์ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ 'ดีที่สุด' เลยล่ะ เพราะถ้ายิ่งเรามีคลังคำศัพท์มาก เวลาเราได้ยินหรือเห็นประโยคภาษาอังกฤษมันจะช่วยให้เราเดาได้อย่างถูกต้องมากขึ้น แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของการเรียนภาษาคือการสื่อสารค่ะ ถ้าเราเข้าใจบริบทของประโยคที่ฟังหรืออ่าน แม้จะไม่ 100% แต่ก็ถือว่าการส่งสารนั้นสมบูรณ์แล้วล่ะความเจ๋งคือผู้พัฒนาแอปฯ ใช้ระบบการเรียนรู้ที่ตั้งชื่อไว้ว่า 'Fast Brain' ที่จะป้อนคำศัพท์ให้เราทุกวัน และเมื่อเวลาผ่านไปศัพท์เหล่านั้นจะถูกวนกลับมาให้เราทบทวนซ้ำ เราก็จะได้เช็คตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเรายังจำคำเหล่านั้นได้อยู่หรือไม่ นับเป็นการเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษที่ดีและต่อยอดไปสู่การเรียนภาษาอังกฤษในหัวข้ออื่นได้ง่ายขึ้นมากอีกด้วยCivilisations ARการค้นหาความลับในประวัติศาสตร์โลกเรานั้นเป็นเรื่องน่าสนใจเสมอ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถร่วมสำรวจหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆกับการอ่านประวัติของสิ่งเหล่านั้นได้ และ BBC ก็ได้ให้แนวทางนั้นแล้วล่ะ ด้วยแอปฯ Civilisations AR โดยเราสามารถนำวัตถุโบราณซึ่งอยู่ในระบบ AR มาวางและหมุนดูได้แบบ 360 องศา และเปิดอ่านเรื่องราวได้ แต่ข้อมูลจะเป็นภาษาอังกฤษนะคะ อาจต้องอาศัยทักษะภาษาสักหน่อย หรืออาจจะต้องแคปหน้าจอแล้วไปเข้าแอปฯ แปลภาษาอีกต่อหนึ่งนะในการเลือกของที่จะสำรวจ เราสามารถเปิดลูกโลกแล้วหมุนหาตามแหล่งอารยธรรมได้เลย แค่คลิ๊ก สมบัติก็มาอยู่ในมือเราแล้ว ไม่ต้องลำบากเดินทางไป แถมยังมีคนถอดปริศนามาให้แล้วอีกต่างหาก ยิ่งอยู่บนระบบ AR ที่เสมือนจริงขนาดนี้ สามารถ Roleplay เป็นนักสำรวจได้เลยนะเนี่ยDuolingoต้องบอกว่านี่เป็นแอปฯ ที่มาแรงสำหรับคนที่อยากเรียนภาษาเลยล่ะค่ะ Duolingo มีภาษาจากทั่วโลกให้เราเลือกเรียนเกือบ 40 ภาษา ที่ฮาคือมีภาษา High Valyrian จากซีรี่ย์ Game of Thrones ด้วย! แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นการเรียน base on English นะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเราจะได้เริ่มจากศัพท์และประโยคง่ายๆระดับประถมต้น ซึ่งก็ดีที่เราจะสามารถฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมๆกับภาษาที่สามได้ส่วนสำหรับ Thai Speaker ทางแอปฯ ก็มีหัวข้อการเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะให้ด้วย ข้อดีของแอปฯ นี้คือ เป็นเหมือนครูที่เข้าใจเรา เพราะก่อนเริ่มเรียนจะมีการทดสอบทักษะภาษาของเราก่อนว่าอยู่ระดับไหน หรือถ้าไม่เคยเรียนเลยก็จะเริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุดอย่างการทำความรู้จักกับตัวอักษรและศัพท์พื้นฐานก่อน เมื่อเรียนไปสักระยะเราก็จะค่อยๆเจอไวยากรณ์ที่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันและไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ สามารถฝึกจนใช้คล่องได้เลยล่ะStarfall Catalystจากที่แนะนำมา ส่วนใหญ่จะเน้นสาระอย่างชัดเจนใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูแอปฯ ที่เป็นเกมกันดีกว่า Starfall Catalyst for Student เป็นเกม Third Person Shooter กับกราฟฟิค 3 มิติที่สวยงาม โดยเราจะต้องปฏิบัติภารกิจเพื่อปลดล็อคสูตรเคมีแบบต่างๆ และนำมาใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด ซึ่งเหมาะมากกับการเรียนเคมี โดยที่ไม่ต้องเพ่งกับการท่องตารางธาตุแม้ตัวเกมจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความเรียบง่ายของระบบเชื่อว่าทุกคนจะผ่านด่านไปได้ไม่ยากและได้ความรู้ด้านเคมีแถมไปด้วย ด้วยด่านที่มากกว่า 20 เลเวล ควิซและมินิเกมอีกกว่า 50 เกม เล่นไปเรื่อยๆ เรียนรู้และทบทวนตลอดเกมรับรองได้ว่าเก่งขึ้นแน่นอน=====================================================แล้วถ้าอยากเรียนจริงจังในแต่ละวิชาล่ะ! ก็คงต้องพึ่งแอปฯ คอร์สเรียนแล้วล่ะCoursera แนะนำเพราะเราก็เรียนอยู่เช่นกัน~ Coursera เป็นแอปฯ และเว็บไซต์คอร์สเรียน ที่เราสามารถเลือกเรียนได้ครอบคลุมหลากหลายวิชาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก รวมไปถึงองค์กรอย่าง Google เองก็ได้ทำคอร์สให้เรียนที่นี่เช่นกันนอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกรับ Certificate หรือใบปริญญาจากคอร์สที่เราลงเรียนได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น คอร์สที่เราเรียนจบจะถูกบันทึกลงใน Resume ของเว็บสมัครงาน Linkedin ด้วย นับเป็นใบเบิกทางที่ดีอย่างยิ่งเลยล่ะ สำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา ถ้าคิดว่าเรียนกับอาจารย์ที่พูดภาษาอังกฤษไหว ลุยเลยจ้า! เพราะหลายๆวิชาที่ไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาบ้านเรา ก็สามารถหาเจอได้จากที่นี่แหละStartDeeแต่ถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่แล้วต้องการเนื้อหาตามหลักสูตรกระทรวงล่ะก็ แนะนำ StartDee แอปฯ ที่รวบรวมเนื้อหาการเรียนในรูปแบบวิดีโอ ครอบคลุมทุกวิชา ตั้งแต่ระดับชั้น ป.4 ถึง ม.6 ซึ่งจัดทำโดยทีมครูคุณภาพจากทั่วประเทศไทย ด้วยการสอนที่เข้าใจง่ายและสนุก พร้อมคลังข้อสอบ O-NET GAT/PAT ไปจนถึงทักษธนอกห้องเรียน เช่น เพศศึกษา การเงิน ดิจิทัล และสุขภาพจิต อีกด้วยตัวแอปฯ ยังมีระบบแนะนำแผนการเรียนที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนเพื่อปรับระดับความยากง่ายของเนื้อหาด้วย นับว่าดีกว่าตะบี้คะบันเรียนตามหลักสูตรโดยที่เรื่องเก่าเรายังไม่แตกฉาน และยังสามารถสนุกไปกับการสะสมแต้มเพื่อนำมาแต่งตัวละครหรือแลกของรางวัลได้อีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็มีข้อจำกัดการใช้งานอยู่บ้าง ถ้าอยากเข้าถึงทุกคอนเทนต์ได้แบบไม่จำกัดก็ต้องเสียรายค่าสมาชิกซึ่งก็มีหลายแพคเกจให้เลือก ก็ถือว่าประหยัดค่าติวและสนับสนุนฝีมือคนไทยแล้วกันเนอะ
23 Aug 2021
การ์ดจอใหม่ของ Intel และ AMD อาจแสดงผลภาพได้ถึง 16K / 60 FPS
ในช่วงอายุของ Hardware แต่ละ Generation ผู้ผลิตมักมุ่งเน้นใส่ใจเป็นพิเศษในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านใดด้านหนึ่งของ Hardware เช่น 5 ปีก่อนคือเรื่องของ FPS กับ HZ จอที่สูงๆ, 2-3 ปีก่อนเป็นเรื่องสี กับการแสดงผลที่ถูกต้อง, และสำหรับ Gen ปัจจุบันที่เราอยู่กันตอนนี้คือเรื่องของความละเอียดระดับ 2K, 4K, 8K ซึ่งสำหรับการ์ดจอรุ่นต่อไป อาจแสดงผลภาพได้ถึง 16K เลยจากข้อมูลล่าสุดย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีการประกาศเปิดตัวมาตรฐานสาย DisplayPort 2.0 ที่แสดงผลภาพได้ระดับ 16K / 60 FPS และล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาว่า RDNA3 ของ AMD จะรองรับสาย DisplayPort 2.0 ด้วย ในขณะที่ทาง Intel ได้ยืนยันแล้วว่า Intel ARC จะรองรับสาย DisplayPort 2.0 อย่างแน่นอนการที่รองรับสายที่แสดงผลภาพได้ 16K ก็ย่อมหมายถึงการ์ดจอตัวเรือธงของพวกเขาควรจะสามารถแสดงผลภาพระดับ 16K ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งชื่อว่าทาง Nvidia เองก็คงไม่น้อยหน้าในการแข่งขันครั้งนี้ คำถามคือ GPU เจนต่อไปจำเป็นต้องมีความแรงขนาดไหนถึงสามารถแสดงผลภาพแบบ 16K ได้? และ 16K ในที่นี้หมายถึง Native หรือการ Upscale กันแน่? คงมีแต่คนภายในเท่านั้นที่รู้Credit : VideoCardZ
19 Aug 2021
intel ฉลองเปิดตัว ARC ด้วยกิจกรรมแจกการ์ดจอล็อตแรกให้กับผู้โชคดี!
ตำนานบทใหม่สำหรับการตีตลาด GPU ของทาง Intel กำลังจะเริ่มในช่วงต้นปีหน้า หลังการทำงานอย่างหนักที่ยาวนานของผู้พัฒนา มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากเมื่อ Intel ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี Deep Link ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานด้วยเมื่อใช้งาน CPU กับ GPU ของ Intel ร่วมกัน แต่ที่ดียิ่งกว่าคือทุกคนมีสิทธิได้การ์ดจอรุ่นใหม่ของ Intel นี้มาทดลองใช้งานได้ฟรี!Intel จัดกิจกรรมบนหน้าเว็บไซต์ ARC ของพวกเขาฉลองการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ด้วย การแจกมันให้กับผู้โชคดีฟรี โดยการเข้ารวมเป็นเรื่องง่ายมากๆ เพียงแค่เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ และใส่คำถามที่อยากจะถามกับทีมออกแบบชิปผ่านช่อง Ask A Question ทางซ้าย พร้อมใส่ชื่อกับอีเมลสำหรับการติดต่อกลับ พร้อมกับเข้าไปชมหน้า Youtube ของ Intel Arc ก็ลุ้นรับการ์ดจอใหม่ที่บ้านได้เลยIntel ได้ออกตัวเมื่อวานนี้ผ่านโพสต์ใน Twitter ว่าการ์ดจอ ARC ของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงมากพอ จะสามารถเล่นเกมที่ความละเอียดสูงๆ พร้อมกับเปิด Ray-Tracing ไปพร้อมๆ กันได้ โดยยังไม่มีข้อมูลผลทดสอบออกมาให้เราดูกันในตอนนี้ แต่ถ้าหากเป็นอย่างที่กล่าวมาจริง ก็ถือว่าเป็นการ์ดจอที่น่าจับตามองมากตัวหนึ่งในตลาดเลยทีเดียว ส่วนว่าจะแรงสมกับที่พูดรึเปล่าต้องรอดูพร้อมกันต่อไป เข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านลิงก์นี้Credit : Tom's Hardware
18 Aug 2021
Intel เปิดตัวแบรนด์การ์ดจอ ARC อย่างเป็นทางการ ข้อมูลเพิ่มเติมตามมาในอาทิตย์นี้
หลังจากมีข่าวว่ากำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อลงมาสู้กับ AMD และ Nvidia ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับแบรนด์ ARC จากทาง Intel โดยข้อมูลแรกที่เผยออกมานั้นกล่าวว่า การ์ดจอของ Intel นี้จะมีประสิทธิภาพสูงสามารถใช้งาน Ray-Tracing ได้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วง Q1 ของปี 2022 ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมจะตามมาภายในอาทิตย์นี้ในขณะที่ความแรงเกี่ยวกับ GPU ใหม่นี้ยังคงเป็นปริศนา ทาง Intel ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานดึงศักยภาพของ Hardware ออกมาได้มากยิ่งขึ้นหากใช้สินค้า CPU และ GPU เป็นของทาง Intel ในชื่อ Intel Deep Link แบบเดียวกับ Smart Access Memory ของทาง AMD โดยจะช่วยเพิ่ม FPS ได้มากขนาดไหน อันนี้ต้องรอดูพร้อมกันต่อไปสำหรับการวางจำหน่ายครั้งแรกอย่างเป็นทางการในช่วง Q1 2022 จะมาถึงในรูปแบบของ GPU บน Desktop และ GPU บน Notebook เลย เรียกได้ว่าตื่นเต้นจนรอที่จะได้รู้จักเจ้าการ์ดจอน้องใหม่นี้ไม่ไหวแล้ว! สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านลิงก์นี้ Creditt : Tom's Hardware
17 Aug 2021
ผล Benchmark ใหม่เผย i9-12900K เป็น CPU 12 Core ขัดกับข่าวลือก่อนหน้านี้
ในผลทดสอบที่หลุดออกมาของ i9-12900K ก่อนหน้านี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า CPU รุ่นใหม่ของ Intel จะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 16 Core ที่เป็นแบบ 8 high-performance (big) และ 8 high-efficiency (small) แต่ล่าสุดปรากฏว่าจากผลทดสอบบน Window 11 ได้โชว์ว่า CPU รุ่นใหม่นี้ Core ทั้งหมด 12 Core เพียงเท่านั้นอย่างไรก็ตามทาง Videocardz ได้เผยว่า ที่ระบบพบว่า CPU มี 12 Core อาจเกิดจากการที่ OS เอาจำนวนของ Thread มาหารด้วย 2 เนื่องจาก i9-12900K มีจำนวน Thread เท่ากับ 24 พอดี จึงเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากความผิดพลาดของตัว OS เอง ในรูปผลทดสอบใหม่ไม่ได้มีการพูดถึง Mainboard Z690 เลย ทำให้เราไม่มีข้อมูลของ Motherboard รุ่นใหม่ให้ได้ดูกันด้วยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า Intel มีแผนจะวางขาย CPU รุ่นใหม่นี้ในช่วงต้นปี 2022 ซึ่งตรงกับข่าวลือการมาของ Ram DDR5 รวมถึง SSD เจนใหม่พอดี และมันยังหมายความว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัว Mainboard รุ่นใหม่ด้วยเช่นกันภายในปีนี้ ใครที่กำลังอัปเกรดคอม แนะนำให้รอเพิ่มอีกสักนิดจะดีกว่าครับCredit : VideocardZ
16 Aug 2021
AMD เพิ่ม RDNA3 เข้ามาใน ROCm Developer Tools คาดอาจเป็นตัวการ์ดจอใหม่เร็วๆ นี้
นับเป็นเวลาได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลังการวางขายการ์ดจอซีรีส์ RX 6000 Series ซึ่งตามปกติแล้ว เราน่าจะยังไม่เห็นการเปิดตัวการ์ดจอใหม่ไปจนกว่าจะถึงปีหน้า แต่อยู่ดีๆ ทาง AMD ก็มีการเพิ่ม RDNA3 GPUs เข้ามาใน ROCm Developer Tools โดยไม่แน่ใจว่าเป็นการบอกใบ้ถึงการมาของการ์ดจอใหม่เร็วๆ นี้รึเปล่าแม้ว่าจะยังไม่รู้วันวางขายของการ์ดจอรุ่นใหม่ แต่นี่น่าจะหมายถึงการออกแบบ RDNA3 ได้ทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทาง AMD คงกำลังอยู่ระหว่างทดสอบให้เสถียรก่อน ผลิตจำนวนมากออกมาขายจริง โดยมีข่าวลือว่าการ์ดจอรุ่นใหม่ของ AMD นี้จะเป็นโมเดลการผลิตแบบ MCM (multi-chip-module) ซึ่งเป็นแบบเดียวที่ใช้ในการสร้าง GPU ให้กับเครื่องเซอร์เวอร์คงต้องรออีกสักพักก่อนที่เราจะได้เห็นผลทดสอบของการ์ดจอรุ่นใหม่จากทาง AMD ซึ่งเชื่อว่าจะต้องแรงไม่แพ้ Nvidia อย่างแน่นอนสำหรับการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ โดยภายในปีหน้าเชื่อว่าได้เห็นพร้อมกันอย่างแน่นอนCredit : VGC
16 Aug 2021
CEO ของ Nvidia คุณ Jensen Huang รับรางวัล Robert N. Noyce Award
Jensen Huang ถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจ และวิศวะกรมากความสามารถที่ทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่รุ่งโรจน์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยผลงานดีเด่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จึงทำให้ทาง Semiconductor Industry Association (SIA) ตัดสินใจมอบรางวัล Robert N. Noyce Award อันมีเกียติให้กับเขารางวัล Robert N. Noyce Award ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกียติอันสูงสุดสำหรับวิศวะกรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากมีเพียงแค่คนที่ทำผลงานดีเยี่ยมมากไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้รับรางวัลนี้ไปแล้ว (ประธานของ Intel ยุคทอง 4 คน และ Dr. Lisa Su ของ AMD) “วิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาของ Jensen Huang และการดำเนินการอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทำให้อุตสาหกรรมของเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มันเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง ความสำเร็จของ Jensen ได้เติมพลังให้กับนวัตกรรมมากมาย ตั้งแต่การเล่นเกม การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงรถยนต์ไร้คนขับ และเขายังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและโลกของเราต่อไป เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยกย่อง Jensen กับรางวัล Robert N. Noyce Award ปี 2021 สำหรับความสำเร็จมากมายของเขาในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่ก้าวหน้า” ประธานของ SIA คุณ John Neuffer กล่าวการได้รับรางวัลที่มีเกียติเช่นนี้ ก็หวังว่าจะทำให้คุณ Jensen Huang มีแรงในการพัฒนาเทคโนโลยี GPU เยี่ยมๆ ออกมาให้เราเหล่าเกมเมอร์ และเพื่อนๆ ชาวครีเอเตอร์ รวมถึงเจ้าของ Super Computer ได้ใช้งานอุปกรณ์ดีๆ ต่อไปCredit : VideoCardz
13 Aug 2021
หลุดผลทดสอบโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Aorus ตัวใหม่อาจใช้ Intel Gen 12
หลังจากลงมาตีตลาดโน๊ตบุ๊คครั้งแรกช่วง 2 - 3 ปีก่อน โดยรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับการ์ดจอซีรีส์ RTX 30 ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการระบายความร้อน หรือดีไซน์ และสำหรับรุ่นต่อไปดูเหมือนอาจจะใช้ CPU รุ่นใหม่ของ Intel ด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 4Kในรูปผลทดสอบที่ปล่อยออกมาไม่ได้มีการระบุรุ่น CPU มาด้วย แต่ด้วยความที่สเปคนี้ที่น่าจะเป็นของรุ่นท็อปตัวใหม่ จึงมีการคาดเดาว่าคงเป็นรุ่นท็อปๆ ของทาง Intel ตัวใหม่อย่าง  i7-12700H หรือไม่ก็ i7-12800H ซึ่งจะมีสเปคแบบ 14 Cores / 20 Threads แบ่งเป็น 6 Core ใหญ่ และ 8 Core เล็กช่วยกันทำงานประมวลผล ซึ่งจะตรงกับข้อมูล Intel Alder Lake รุ่น Mobile ที่เคยถูกปล่อยออกมาพอดีในส่วนของ Ram ดูเหมือนรุ่นใหม่นี้จะเริ่มใช้ DDR5 แล้ว โดยมีความเร็วถึง 4800MHz โดยข้อมูลในส่วนนี้ถือว่าขัดกับข้อมูลที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่า DDR5 จะมี BUS สูงถึง 12600MHz แต่ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเครื่องโน๊ตบุ๊ค จึงทำให้ใส่ RAM ที่ BUS สูงมากๆ เข้ามาไม่ได้ Credit : VideoCardZ
11 Aug 2021
Nvidia ปล่อยหนังสือ All About Ray Tracing เล่ม 2 ให้อ่านฟรีแล้ววันนี้!
ย้อนกลับไปในช่วง 2019 ทาง Nvidia ได้มีการปล่อยหนังสือ ที่อธิบายเกี่ยวกับ Ray Tracing ให้ผู้ที่สนใจได้ทำความรู้จักและเรียนรู้การได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมีจุดประสงค์หลักจริงๆ คือช่วยผู้พัฒนาให้นำระบบนี้ไปใส่ในเกมของตัวเองได้ วันนี้หนังสือเล่มต่อ All About Ray Tracing ll ก็ถูกปล่อยออกมาให้อ่านได้ฟรีแล้ว!All About Ray Tracing ll ได้มีการเขียนครอบคลุมเทคนิคการใช้งานเทคโนโลยีการ Render แสงดังกล่าว รวมถึงมีความคิดเห็นจากผู้พัฒนาเกมดังหลายๆ เกมอย่าง Control, Quake 2, และ Fortnite ด้วย ถ้าหากใครสนใจก็สามารถเข้าไปโหลดมาอ่านได้ฟรีเลยผ่านลิงก์นี้แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้คงไม่ได้เป็นที่สนใจสำหรับทุกคน แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีความฝันที่จะเป็นผู้พัฒนาเกม ในบริษัทระดับแนวหน้าแล้ว เชื่อว่าการมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่นี้บ้าง ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรครับCredit : PCGamer
06 Aug 2021
Adata เปิดตัวแรม DDR5 อย่างเป็นทางการมี BUS สูงสุดถึง 12600MHz
หลังจากการประกาศของ Kingston ไปเมื่อวานซืนนี้ ล่าสุดทาง Adata ก็ได้ทำการเปิดตัวแรม DDR5 อย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยสำหรับรุ่นใหม่นี้จะมี BUS เริ่มต้นที่ 8400MHz และสูงสุดถึง 12600MHz แรงกว่า DDR4 ที่มี BUS สูงสุดในตอนนี้ถึง 164%ในส่วนของความจุสูงสุดที่ทำได้ต่อ Ram หนึ่งตัวจะเท่ากับ 64Gb ในส่วนของความเร็ว 12600MHz นั้นเป็นรุ่น XPG ที่ทาง Adata ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะรองรับการ OC มีขนาดสูงสุดจะอยู่ที่ 32GB ส่วนรุ่นที่มีขนาดความจุ 64Gb จะเป็นแรมธรรมดาที่มีความเร็ว 8400MHz แทน ด้วย BUS ที่สูงขนาดนี้ เชื่อว่าการเปิดตัวบอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้งานกับแรมเจนใหม่นี้ได้ จะต้องตามมาจากผู้ผลิต Mainboard เร็วๆ นี้ด้วยแน่นอน ซึ่งอาจเป็นการเปิดตัวที่ประกาศว่าใช้งานร่วมกับ CPU เจนใหม่ด้วยเลยในเวลาเดียวกันก็เป็นได้ ต้องรอดูต่อไปในช่วง ปลายปีนี้ - ต้นปีหน้าครับCredit : VideoCardz
06 Aug 2021
FireFox เสียผู้ใช้งานไป 46 ล้านคนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ผู้ใช้งาน Reddit ที่ใช้ชื่อว่า u/nixcraft ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งาน FireFox ในเว็บไซต์ของ Public Data Report โดยแสดงให้เห็นว่ายอดผู้ใช้งาน FireFox ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาลดลงไปถึง 46 ล้านคน ในช่วงปลายปี 2018 มีผู้ใช้งาน FireFox ประมาณ 244 ล้านคน แต่ในปัจจุบันลดลงเหลือเพียงแค่ 198 ล้านคนเท่านั้น แม้ว่าหากดูจากตัวเลขอย่างเดียวหลายคนอาจมองว่า 198 ล้านก็ยังถือเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ อยู่ แต่การลดลงของผู้ใช้งานในช่วง 3 ปีนี้ ก็ยังถือเป็นความจริง และอาจเป็นเรื่องน่าใจหายสำหรับแฟนๆ FireFox ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปในปี 2002 บริษัท Mozilla ได้เปิดตัว FireFox เป็นครั้งแรก โดยโฟกัสไปที่ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน และได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงนั้น จนกระทั่งโลกได้รู้จักกับ Google Chromeอะไรคือเหตุผลให้ผู้ใช้งานเริ่มหันไปใช้ Browser อื่น? เหตุผลหลักคงไม่พ้นในเรื่องของ Performance ที่ผู้ใช้งานบ่นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และบวกกับการที่ Google Chrome ได้กลายเป็นเหมือนกันสิ่งที่จำเป็นต้องมีติดไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องด้วยแล้ว มันคงไม่แปลกนักหากผู้ใช้งานจะเปิดโอกาสให้กับ Browser ยอดฮิตบ้าง และต้องยอมรับจริงๆ ว่าในขณะที่ Google Chrome ยังคงออกอัปเดตใหม่เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น เร็วขึ้น แถมยังสะดวกมากขึ้นเรื่อย ทางฝั่งของ FireFox เรียกได้ว่ามีพัฒนาการที่ช้ามาก แม้ว่า FireFox จะไม่ได้หายไปเลยในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปคิดว่าอาจจะอีกไม่นานแล้วก็เป็นได้ครับCredit : PCGamer
06 Aug 2021
Asus จดสิทธิบัตร RTX 3070 Noctua บอกใบ้ถึงการร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์
Asus เป็นหนึ่งในผู้ผลิตการ์ดจอที่มีชื่อเสียง สินค้ามีคุณภาพสูงโดยเฉพาะในเรื่องความแรงของชิป และการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ แต่หลังจากนี้เราอาจได้เห็นการ์ดจอจากทาง Asus ในรุ่นที่สามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อล่าสุดเหมือนว่าจะมีการจับมือกับ Noctua เพื่อออก RTX 3070 รุ่นใหม่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Noctua พวกเขาคือแบรนด์ที่ทำอุปกรณ์ระบายความร้อนภายใน PC ที่ยอดเยี่ยมเจ้าหนึ่งของโลก ถ้าหากว่าพูดถึงพัดลมเคสที่มีรอบสูงๆ หรือ Heatsink ลมอันดับต้นๆ ของโลก หนึ่งในนั้นจะต้องมีสินค้าของ Noctua อยู่ด้วยอย่างแน่นอน มันจึงทำให้การร่วมงานครั้งนี้หมายถึงการ์ดจอแรงดีกรีระดับ Asus ที่ระบายความร้อนได้ดีระดับ Noctuaแต่คำถามที่น่าสนใจคือทำไมถึงเป็น RTX 3070 เนื่องจากการระบายความร้อนของ Asus ในการ์ดจอซีรีส์ 30 ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ อยู่แล้ว มันดูไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปจับมือกับแบรนด์เชี่ยวชาญการระบายความร้อนในครั้งนี้ ถ้าหากว่ารุ่นที่ทำเป็น 3080Ti หรือ 3090 ก็ยังพอเข้าใจได้ ในจุดนี้คิดว่าต้องรอดูข้อมูลกันต่อไปCredit: Tom's Hardware 
05 Aug 2021
ราคาหุ้น AMD พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แตะ 120$ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2017 บริษัท AMD มีราคาหุ่นอยู่ที่ประมาณ $13 - $14 เท่านั้น แต่ด้วยการเติบโตจาก AMD Ryzen จึงทำให้ราคาของหุ่นเป็นไปในทิศทางที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดในช่วง 7 วันที่ผ่านมา อยู่ดีๆ ก็มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไปจบที่สูงสุด 120$ราคาหุ้นของ AMD เริ่มต้นไต่ระดับหลังจากมีการประกาศตัวเลขกำไรที่ทำได้ในช่วง Q2 2021 และการประกาศเตรียมปล่อย CPU รุ่นใหม่ในปี 2022 โดย CEO คุณ Lisa Su ทำให้ราคาหุ้นที่จากเดิมอยู่ที่ $97 เมื่อ 8 วันก่อน ขึ้นไปสูงสุดที่ $121 เมื่อเช้านี้ เรียกได้ว่าเป็นการไต่ระดับที่น่ากลัวมากจริงๆการประกาศรายได้ของ AMD ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงยอดขาย และกำไรของบริษัทที่สูงมากขึ้นเป็นเท่าตัวในทุกๆ ปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักหากตลาดจะตอบสนองต่อการประกาศนี้จนทำให้ราคาสูงขึ้นมากๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน และเชื่อว่าถ้าหากชิปรุ่นต่อไปของ AMD ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel เชื่อว่าคงเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทมากขึ้นไปอีก จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไปอีกCredit : Tom's Hardware
05 Aug 2021
Kingston ยืนยัน DDR5 มา Q4 ปี 2021 พร้อมกับ Gen 4 PCIE SSD
ในงานเปิดตัวแบรนด์ Kingston Fury ในวันนี้ มีอีกหนึ่งข่าวที่น่าสนใจนอกจากการเปิดตัวสินค้าชุดใหม่ นั้นก็คือการประกาศ Roadmap ของทาง Kingston ที่จะออกสินค้าหลังจากนี้ และมีการยืนยันว่า DDR5 กับ Gen 4 PCIE SSD ของทาง Kingston จะมาในช่วง Q4 ของปี 2021 ซึ่งหมายถึงการมาของ CPU ใหม่ และ Mainboard รุ่นใหม่ด้วยในส่วนของความแรงของ DDR5 ทาง Kingston ได้มีการเผยว่าความเร็วจะเริ่มต้นที่ 4800 MHz เลยทีเดียว แต่ในส่วนความจุของหนึ่ง Module ถูกประกาศไว้ว่าจะมี 16GB ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นขั้นต่ำ หรือเป็นสูงสุดที่รองรับ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นขั้นต่ำ นี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานขั้นต่ำของ Ram ใน 1 เครื่อง PC ขึ้นมาเป็น 16 Gb แทนเลย โดยต้องรอดูกันต่อไปการออก DDR5 ย่อมหมายถึงการวางขาย Mainboard รุ่นใหม่ รวมถึง CPU รุ่นใหม่ด้วย จากไลฟ์สตรีม Intel Accelerated ที่ผ่านมา เชื่อว่าสินค้ารุ่นใหม่ของ PC ทั้งหมดนี้จะวางขายในช่วงเดียวกันคือต้นปี 2022 ในส่วนของ SSD เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Samsung เตรียมปล่อย PCIE Gen 5 ออกมาในช่วงกลางปีหน้า ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทาง Kingston เองจะมีการออก SSD เจนใหม่ด้วยรึเปล่า
04 Aug 2021
Kingston ประกาศเปิดตัวแบรนด์ Fury ใหม่ ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ HyperX
หลังจากมีการประกาศเข้าซื้อ HyperX จากทาง HP ไปช่วงต้นปี เหล่าผู้ใช้งานต่างสงสัยว่า 'แล้วหลังจากนี้ทิศทางของ Kingston ในตลาดเกมเมอร์จะเป็นอย่างไรต่อไป?' วันนี้ Kingston ยืนยันแล้วว่าจะไม่หายไปไหน พร้อมกับเปิดตัวสินค้าชุดใหม่ภายใต้แบรนด์ Kingston Fury และประกาศเปิดตัว Ram ใหม่ 3 รุ่นที่เปลี่ยนแปลงชื่อจากเดิมที่มีคำว่า HyperX อยู่ในชื่อมาเป็น Fury แทน สินค้าใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นคือ Kingston FURY Renegade DDR4 ซึ่งเป็นรุ่นที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Predator ซึ่งแน่นอนว่ายังคงความแรง กับสีสัน RGB สวยงามเช่นเดิม รุ่นต่อมาคือ Kingston FURY Beast DDR4 ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Fury และสุดท้าย Kingston Fury Impact ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Impact สำหรับผู้ใช้งาน HyperX ดั้งเดิม ก็ไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากทาง Kingston ได้ยืนยันแล้วว่า จะยังคงให้บริการหลังการขายกับกลุ่มที่ยังใช้สินค้าของ HyperX อยู่เช่นเดิม เพียงแต่สินค้าของ Kingston หลังจากนี้จะไม่มีชื่อของ HyperX อยู่ด้วยแล้วเท่านั้น ใครที่กลัวว่าถ้าหากสินค้าเกิดพังขึ้นมาแล้วจะไม่สามารถส่งซ้อมได้ ก็หายห่วงได้เลยครับสำหรับรายละเอียดสินค้าชุดใหม่ของ Kingston สามารถดูได้ข้างล่างนี้คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Renegade DDR4มาพร้อมกับชุดกระจายความร้อนอะลูมิเนียมสีดำดุดัน: ชุดกระจายความร้อนอะลูมิเนียมสีดำขลับพร้อมแผงวงจร PCB สีดำเข้าชุดกัน ยิ่งช่วยให้เครื่องของคุณดูโดดเด่นเหนือใครถูกพัฒนาขึ้นสำหรับ Intel XMP: เทคโนโลยี Intel Extreme Memory Profile ทำให้การโอเวอร์คล็อกไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่เลือกโพรไฟล์ที่ต้องการที่กำหนดไว้สำเร็จใน BIOS เพื่อโอเวอร์คล็อกระบบโดยไม่ต้องปรับเวลาการทำงานของหน่วยความจำด้วยตัวคุณเองรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับระบบที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์จาก AMD ได้อย่างลงตัวตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เชื่อถือได้สำหรับระบบการทำงานของคุณเสถียรภาพในการทำงานเต็มที่ พร้อมรับประกันตลอดอายุการใช้งาน: หน่วยความจำ Kingston FURY ผ่านการทดสอบความเร็ว 100% จึงมั่นใจได้ว่าปราศจากข้อบกพร่องจากการผลิตและวัสดุที่ใช้  Renegade DDR4 รับประกันตลอดอายุการใช้งาน มั่นใจได้กับความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี RGB:เอฟเฟกต์ไฟ RGB แบบไดนามิค: ให้คุณกลายเป็นดาวเด่นระหว่างการต่อสู้กับเอฟเฟกต์ RGB ที่ต่อเนื่องและสะดุดตา1เทคโนโลยี Kingston FURY Infrared Sync™: ซิงค์เอฟเฟกต์ RGB ของคุณได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องต่อสายเพิ่มโดยอาศัยเทคโนโลยี Infrared Sync ภายใต้สิทธิบัตรของ Kingston FURYความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBชุด 8 แถว: 256GBความเร็ว2: 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 4000MHz, 4266MHz, 4600MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.35V, 1.4V, 1.5Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 70°Cขนาด: 133.35 x 42.2 x 8 มม. Non-RGB:ความเร็วระดับสูงกับค่าหน่วงเวลาต่ำเพื่อปลดปล่อยประสิทธิภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด: ความเร็วสูงสุดถึง 5333Mhz2 ที่ค่าหน่วงเวลาเพียง CL13-CL20 ทำให้เครื่องที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ AMD หรือ Intel ของคุณสามารถประมวลผลเกม ตัดต่อวิดีโอและถ่ายทอดสดเนื้อหาได้อย่างเต็มที่ Renegade DDR4 คือตัวเลือกสำหรับนักโอเวอร์คล็อก ผู้ประกอบ PC และเกมเมอร์ตัวจริงความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBชุด 8 แถว: 128GB, 256GBความเร็ว2: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 4000MHz, 4266MHz, 4600MHz, 4800MHz, 5000MHz, 5133MHz, 5333MHzค่าหน่วงเวลา: CL13, CL15, CL16, CL18, CL19, CL20แรงดันไฟฟ้า: 1.35V, 1.4V, 1.5V, 1.55V, 1.6Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 133.35 x 42.2 x 8.3 มม.คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Beast DDR4รองรับ Intel XMP: วิศวกรของเราได้มีการกำหนด Intel Extreme Memory Profiles สำเร็จรูปไว้เพื่อให้หน่วยความจำของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 3733MHzรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับระบบที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์จาก AMD ได้อย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในรูปแบบที่เชื่อถือได้และเข้ากันได้สำหรับระบบการทำงานของคุณPlug N Play – โอเวอร์คล็อกอัตโนมัติสูงสุดที่ 2666MHz3: อัพเกรดแบบ Plug N Play ได้ง่ายๆ Kingston FURY Beast DDR4 สามารถโอเวอร์คล็อกได้อัตโนมัติตามความเร็วสูงสุดที่แจ้งในระบบ BIOS RGB:เอฟเฟกต์ไฟ RGB ปรับแต่งได้เพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยวและดุดัน1: เพิ่มสีสันให้กับสนามรบของคุณด้วยชุดกระจายความร้อนของ Beast DDR4 RGB พร้อมเอฟเฟกต์ไฟ RGB ปรับแต่งได้ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและสวยงาม สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Kingston FURY CTRL ที่ทรงประสิทธิภาพหรือซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อปรับแต่งเอฟเฟกต์ในแบบที่คุณต้องการเทคโนโลยี Kingston FURY™ Infrared Sync™: เอฟเฟกต์ไฟ RGB ที่ซิงค์การทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยี Infrared Sync ภายใต้สิทธิบัตรจาก Kingstonความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBความเร็ว: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 3733MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.2V, 1.35Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 70°Cขนาด: 133.35 x 41.24 x 7 มม. Non-RGB:ชุดกระจายความร้อนแนวต่ำ: ชุดกระจายความร้อนรูปแบบใหม่ที่โฉบเฉี่ยว เหมาะสำหรับเป็นอุปกรณ์อัพเกรดสไตล์ให้กับสนามรบของคุณชุดอัพเกรดประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด: Kingston FURY Beast DDR4 คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มประกอบเครื่อง หรือบุคคลที่กำลังมองหาอุปกรณ์อัพเกรดที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองความจุ:แถวเดี่ยว: 4GB, 8GB, 32GBชุด 2 แถว: 8GB, 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 16GB, 32GB, 64GB, 128GBความเร็ว: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 3733MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.2V, 1.35Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 133.35 x 34 x 7.2 มม.คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Impact DDR4SODIMM ที่ทรงประสิทธิภาพ: ใช้งานหน่วยความจำของคุณอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกม การทำงานแบบมัลติทาสก์ และการเรนเดอร์ข้อมูลPlug N Play โอเวอร์คล็อกได้อัตโนมัติ3: Impact DDR4 จะโอเวอร์คล็อกความเร็วอัตโนมัติเป็นความถี่สูงสุดที่แจ้งไว้โพรไฟล์มาตรฐาน Intel XMP: วิศวกรของเราได้มีการกำหนด Intel Extreme Memory Profiles สำเร็จรูปไว้เพื่อให้หน่วยความจำของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 3200MHzรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ AMD Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับเครื่องที่รองรับ SODIMM จาก AMD ได้อย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในรูปแบบที่เชื่อถือได้สำหรับระบบการทำงานของคุณประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า: เครื่องทำงานโดยไม่เกิดความร้อนและประหยัดมากกว่าด้วย Impact DDR4 ที่ใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 1.2Vเล็ก โฉบเฉี่ยว: PCB สีดำและฉลากความร้อนที่ดูโฉบเฉี่ยว สะท้อนสไตล์ที่เป็นตัวคุณ และขนาดที่กะทัดรัดความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBความเร็ว3: 2666MHz, 2933MHz, 3200MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL20แรงดันไฟฟ้า: 1.2Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 69.6mm x 30 มม.
04 Aug 2021
AMD และ Valve กำลังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ของ Steam Deck
มีรายงานใหม่ล่าสุดเข้ามาว่า AMD และ Valve ดูจะยังไม่พอใจกับประสิทธิภาพ CPU ของ Steam Deck ตอนนี้ และทั้งสองกำลังพยายามหาทางเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ของเจ้าเครื่องเล่นเกมพกพาอยู่ในตอนนี้ โดยการทำงานร่วมกันในที่นี้หมายถึงการ Optimize ระบบของเครื่องให้ส่งผลต่อการทำงานของ CPU จากรายงานของ Phoronix ดูเหมือนตอนนี้ AMD Zen 2 ที่ใส่อยู่ใน Steam Deck ตอนนี้มีการใช้ ACPI CPUFreq driver ซึ่งไม่ใช่อะไรที่มีประสิทธิภาพดีขนาดนั้น เพราะมันเป็นการยากที่จะจำกัดพลังงาน และยังมี Frequency Scaling ที่ไม่น่าพอใจ โดยปัญหานี้ไม่ใช่อะไรที่แก้ไขได้ง่ายหาก AMD ไม่ได้ออกแบบ Driver ใหม่สำหรับเครื่องเล่นเกมของ Valve โดยเฉพาะแม้จะยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมาในตอนนี้ แต่เชื่อว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีเป้าหมายคือการทำให้ Steam Deck สามารถเล่นเกม AAA ได้ลื่นไหลมากขึ้น ก็หวังว่าในตอนที่เครื่องออกมาแล้ว จะสามารถนำมาเล่นเกมได้หลากหลายจริงๆ อย่างที่ Valve สัญญาไว้ครับCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
ราคาเหรียญ Ethereum ตก ทำราคา GDDR SGRAM ตกด้วย คาด GPU อาจราคาลงด้วย
เหล่านักขุดเหรียญ Ethereum อยู่ในช่วง ที่ไม่ได้กำไรกันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากราคาเหรียญที่ตกลง ซึ่งล่าสุดการตกลงของราคาเหรียญไม่ได้ส่งผลต่อกำไรของเหล่านักขุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ราคาของ GDDR SGRAM ที่ใส่อยู่ในการ์ดจอมีราคาตกลงด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณอันดีที่จะทำให้ราคาการ์ดจอตกลงด้วยเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีรายงานการขึ้นราคาชิปของโรงงาน Samsung ไป ซึ่งอาจทำให้ราคาการ์ดจอแพงขึ้นไปด้วย แต่ด้วยการตกลงของราคา Ethereum อย่างต่อเนื่องจนผ่านเส้น 50% ไปแล้วในช่วง 2 เดือน ส่งผลให้ราคาการ์ดจอส่วนใหญ่ในตลาดที่ใช้ GDDR6 เป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง อาจมีราคาตกลงตามมาด้วยเนื่องจาก GDDR SGRAM มีราคาถูกลง โดยเฉพาะการ์ดจอรุ่นแพงๆ ที่มีการใส่เม็ด GDDR เข้าไปเยอะๆอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วสัญญาซื้อขาย GDDR SGRAM ที่ทำระหว่างผู้ผลิต และผู้ซื้อมักมีการกำหนดราคากันไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่การลดราคาของ GDDR SGRAM อาจยังไม่ส่งผลต่อราคาการ์ดจอในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งนี้บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Nvidia หรือ AMD ที่ทำการผลิต GPU เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว มักจะมีการพิจารณาราคาใหม่ทุกไตรมาส เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกต้องที่สุดในแต่ละช่วงของปี ดังนั้นคิดว่าราคาของ GPU จะลงรึเปล่า เราน่าจะได้ทราบกันภายใน 2 - 4 เดือนนี้ครับCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
Cougar เปิดตัวเคสขนาดเล็กรุ่น Dust 2 สำหรับการพกพาไปด้วยได้ทุกที่
ในช่วงหลังๆ มานี้ การหันไปใช้งานเคสขนาดเล็ก เพื่อประกอบ PC ขนาดเล็ก ดูได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมันดูสะอาดตา รวมถึงสามารถพกพาไปนอกสถานที่ได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์สวยๆ ได้อีกด้วย วันนี้ทาง Cougar ได้เปิดตัวเคสขนาดเล็กใหม่ Dust 2 ที่นอกจากเล็กและพกพาง่ายแล้ว ยังออกแบบมาให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสำหรับเคสรุ่นเล็กใหม่นี้ถูกออกแบบมาให้รับลมเย็นเข้าจากทางซ้ายและขวาของเคส จากนั้นจึงระบายความร้อนออกทางข้างบน ส่วน PSU จะระบายความร้อนออกทางด้านล่าง ซึ่งดูเป็นทิศทางการระบายความร้อนที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ที่อากาศร้อนจะลอยตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ความยาวของเจ้า Dust 2 ยังมากพอที่จะใส่การ์ดจอขนาด 3 พัดลมเข้าไปได้สบายๆ ดังนั้นจึงหมายความว่าสามารถประกอบการ์ดจอรุนแรงตัวบนๆ ได้สบายจากวิดีโอเปิดตัว Dust 2 จะมาพร้อมกับ 3 สีให้เลือกซื่อ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีการประกาศราคา รวมถึงวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับเคสรุ่นใหม่นี้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอนCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
AMD ใจดี เปิดให้สามารถทดสอบใช้งานคอมราคาครึ่งล้านได้จากที่บ้าน!
ถือเป็นโอกาสอันดีของคนที่อยากทดลองใช้งานคอมแรงๆ สักครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว เมื่อล่าสุด AMD เปิดให้ทุกคนสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้าทดสอบคอมราคาครึ่งล้าน ได้ฟรีผ่าน Google Form วันนี้โดยสำหรับสเปคของเครื่องที่จะทดสอบจะมาพร้อมกับ CPU ระดับ AMD Ryzen Threadripper พร้อมกับการ์ดจอ AMD Radeon PRO VII และมีสเปคอื่นๆ ดังนี้AMD Ryzen Threadripper Pro 3995WX 64Core 128 ThreadAMD Radeon PRO VII 16GB HBM2Supermico Ram 128GB 16*8 Bus 2666 MHzASUS PRO WS WRX80E-SAGE SE WIFISeagate FireCuda 520 1TB NVMe Gen4Thermaltake Toughpower iRGB PLUS 1250W 80+AMD WRAITHRIPPER CoolerThermaltake Level 20สำหรับสเปคของ PC นี้ เรียกได้เลยว่าจะทดลองตัดต่องาน ทดลองเล่นเกม หรือทดลองใช้งานอะไรก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน แน่นอนว่าโดยปกติแล้วเราคงไม่ได้ประกอบคอมราคาขนาดนี้มาเพื่อใช้งานในบ้านอย่างแน่นอน แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสกับคอมความแรงระดับนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ ครับCredit : AMD
02 Aug 2021
นักออกแบบเครื่อง PS5 คุณ Mark Cerny เผยตัวเลือก SSD ที่เขาเลือกใช้
สำหรับเจ้าของเครื่อง PlayStation 5 ทั้งหลาย น่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของอัปเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ครั้งต่อไปของเครื่อง ที่จะทำให้ PS5 สนับสนุนการใส่ SSD เข้าไปเพื่อเพิ่มความจุเดิมของเครื่อง ในส่วนของรายชื่อ SSD ที่จะสามารถใช้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ได้ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาในขณะนี้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทางผู้ผลิต SSD ชื่อดังอย่าง Western Digital และ Seagate ก็ได้ออกมายืนยันว่าสินค้าของทั้งสองบริษัทจะสนับสนุนการใช้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ด้วย โดยในฝั่งของ Western Digital ได้ยินยันว่า SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของพวกเขาจะใข้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ได้ทันทีที่อัปเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ ในขณะที่ Seagate เองก็เผยว่า SSD รุ่นใหม่ FireCuda 530 PCIe Gen4 NVMe ของพวกเขาจะสนับสนุนการใช้งานตั้งแต่วันแรกที่อัปเดทเช่นกันแน่นอนว่าเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คำถามต่อไปคือแล้วเราควรเลือกใช้รุ่นไหนดีล่ะ? เราอาจจะมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถืออย่างคุณ Mark Cerny นักออกแบบคอนโซลชื่อดังผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังการออกแบบคอนโซล PlayStation 5 เมื่อล่าสุดคุณ Mark เองได้เปิดเผยว่าเขาเลือกที่จะใช้ SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของ Western Digital สำหรับเครื่อง PS5 ของเขาและภรรยา! สำหรับ SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของคุณ Mark เป็นรุ่นที่มีตัว Heatsink ติดมาด้วยเพื่อระบายความร้อน ซึ่งน่าจะช่วยการทำงานของตัว SSD ได้ไม่มากก็น้อย โดยในไทยจะสามารถหาซื้อ SSD รุ่นนี้ได้ในราคาประมาณ 5,000-20,000 บาทต่อชิ้นขึ้นอยู่กับความจุที่ต้องการ (มี 500GB / 1TB / 2TB) ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าแม้แต่คุณ Mark ยังเลือกใช้ก็มั่นใจได้ว่าของเขาคงดีจริงๆ ล่ะนะCredit: Gamingbolt
02 Aug 2021
โรงงาน Samsung ประกาศขึ้นราคาการผลิตชิป คาดอาจทำให้ราคาการ์ด Nvidia ขึ้นไปด้วย
Samsung Foundry โรงงานผลิตชิปได้ประกาศจะขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ในการประมูลหลังจากนี้ เพื่อสร้างกำไรให้มากขึ้น และรองรับการขยายตัวของโรงงาน Samsung Foundry ต้องการแน่ใจว่าจะสามารถผลิตชิปได้มากขึ้นโดยใช้โหนดขั้นสูงต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งหาเงิน สำหรับลงทุนเครื่องจักรการผลิตชิปรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตผลกระทบที่ตามมาจากการปรับราคาผลิตชิปครั้งนี้ของ Samsung อาจทำให้ราคาของ GPUs กับ SoCs มีราคาที่สูงขึ้นในตลาดเนื่องจาก ผู้จัดจำหน่ายต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในการผลิตการ์ดแต่ละใบ และเนื่องจาก Nvidia เองเป็นบริษัทที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง รวมถึงยังเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Samsung Foundry มันจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ราคาการ์ดจอของ Nvidia อาจแพงขึ้นหลังจากนี้ต่อไปS5 Line ของ Samsung Foundry ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของบริษัท มันถูกออกแบบมาเพื่อ แปรรูปเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 5LPP (5 นาโนเมตร) , 4LPE (4 นาโนเมตร) เทคโนโลยีการผลิตที่บางลง เนื่องจาก Fab ใช้ภาพพิมพ์หินอัลตราไวโอเลต (EUV) ทำให้การลงทุนเครื่องจักรจำเป็นต้องใช้เงินถึง 120 - 150 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การประกาศขึ้นราคาในครั้งนี้เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลอย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบว่าการขึ้นราคาของโรงงาน Samsung นี้จะส่งผลต่อตลาดชิปมากน้อยขนาดไหน เบื้องต้นคิดว่าการปรับราคาจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที โดยทางผู้จัดจำหน่ายจะค่อยๆ ปรับราคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสินค้าแต่ละชุดที่จะตามมาหลังจากนี้ เพื่อให้ผู้อุปโภคสามารถปรับตัวได้ทันCredit : Tom's Hardware
02 Aug 2021
รีวิว HyperX Cloud Stinger Core Wireless หูฟังไร้สายคุณภาพดีสำหรับชาว PlayStation
ในยุคที่การเล่นเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจกว้างขวางขึ้น รวมถึงเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าใครก็สามารถเล่นเกมได้ ก็ได้ทำให้การพัฒนาอุปกรณ์เสริมไม่ว่าจะเป็น หูฟัง จอย หรือทีวี ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของเหล่าเกมเมอร์กันมากขึ้น โดยเฉพาะหูฟัง ที่หลังมีรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้เล่นมีอิสระในการเล่นเกมที่มากขึ้นในปัจจุบันมีหูฟังหลายรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตการใช้งานกับเครื่องเล่นเกมคอนโซลแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นของ Sony เองหรือของแบรนด์ดังต่างไม่ว่าจะเป็น Razer, SteelSeries และ HyperX บ้างก็มีราคาถูกไม่กี่พัน บ้างรุ่นก็มีราคาถูกสามารถจับต้องได้โดยง่าย ซึ่งนับเป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้ทดลองใช้เจ้า HyperX Cloud Stinger Core Wireless ที่ต้องบอกเลยว่าน่าจะถูกใจเพื่อนๆ สายคอนโซลอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้จะมีรีวิวเจ้าหูฟังไร้สายนี้ให้เพื่อนๆ ได้ใช้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อต่อไปครับแบตเตอรี่ 17 ชั่วโมง ใช้งานแบบต่อเนื่องไม่มีสะดุดในเมื่อเป็นหูฟังแบบไร้สายแล้วเชื่อว่าเรื่องแรกที่หลายคนน่าจะเป็นห่วงกันคือเรื่องอายุการใช้งานของแบต ต่อหนึ่งรอบการใช้งาน ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าหายห่วงครับ เพราะทาง HyperX ได้ออกแบบมาให้แบตเตอรี่ของหูฟังตัวนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้มากกว่า 17 ชั่วโมง แถมยังใช้วิธีการชาร์จแบตผ่านสาย USB Type-C ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วระบบเสียง 7.1 ได้ยินครบทุกรายละเอียดในเกมอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่มาพร้อมกับหูฟังรุ่นนี้คือระบบเสียงแบบ 7.1 ที่ทำให้ได้ยินทิศทางกำเนิดของเสียงภายในเกมได้ดียิ่งขึ้น ลองจินตนาการว่า เพื่อนๆ กำลังเล่น Watch Dogs Legion สำรวจเมือง London อยู่ เมื่อมีรถกำลังจะขับผ่านเราไป หูฟังตัวนี้จะแสดงผลเสียงได้อย่างถูกต้องชนิดที่ หลับตาอยู่ก็รู้ได้เลยว่ารถกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านเราไปทางซ้าย จนสุดท้ายก็เหลือเสียงทิ้งไว้บริเวณด้านหลังหูด้านซ้าย เพราะว่ารถดังกล่าวเคลื่อนตัวผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประสบการณ์แบบนี้ยังได้รับจากเสียงสะท้อนที่เกิดจากวัตถุกระทบกันภายในเกม เสียงของน้ำที่ไหลผ่าน หรือแม้กระทั่งทิศทางของเสียงเม็ดฝนที่กระทบพื้น คือเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์เกมมิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ แน่นอนว่ามันช่วยให้สามารถเล่นเกม FPS แบบที่ต้องแข่งขันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยน้ำหนักเบา ดีไซน์มาเพื่อสวมใส่นานๆ ได้แบบสบาย    แน่นอนว่าปกติเมื่อเรากำลังสนุกไปกับเกมหนึ่งเกม ผู้เล่นส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายชั่วโมงติดๆ กันสนุกไปกับการออกผจญภัย หรือสำรวจโลกใบนั้น เพื่อให้ตอบสนองต่อประสบการณ์เล่นเกมต่อเนื่องดีที่สุด HyperX ได้ออกแบบหูฟังตัวนี้มาให้มีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 215 กรัมเท่านั้น ทำให้ใส่ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานได้โดยไม่รู้สึกหนัก นอกจากนี้ยังมีการใช้ฟองน้ำหุ้มตาข่ายอย่างดีใส่มาบริเวณที่ครอบหู และส่วนบนของหูฟัง ทำให้รู้สึกสบาย และระคายเคืองเลยแม้แต่น้อยเฟรมภายในใช้เหล็กอย่างดี พร้อมประกัน 2 ปี เชื่อได้เลยเรื่องความทนเมื่อทราบว่าหูฟังมีน้ำหนักเบามาก หลายคนอาจกังวลเรื่องอายุการใช้งานที่อาจจะไม่นานเท่าไหร่เนื่องจากเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งแม้ว่าดูจากภายนอกแล้วจะเหมือนว่าหูฟังนี้เป็นพลาสติกแข็งทั้งอัน แต่โครงภายในของหูฟังจริงๆ แล้วเป็นเหล็กน้ำหนักเบาคุณภาพดี ตรงส่วนของการปรับขนาดเอง ก็มีการใช้โครงสร้างที่เป็นโลหะด้วยเช่นกัน ถ้าหากทั้งหมดนี้ยังไม่พอ HyperX Cloud Stinger Core Wireless ยังมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปีอีกด้วย ไมค์ Noise Cancellation คมชัดทุกการสื่อสารในการเล่นเกม Co-Op หรือ Competitive ขาดไม่ได้เลยสำหรับไมค์ที่ใช้สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างคมชัด ไม่มีเสียงรบกวน ทาง HyperX ได้ใส่ไมค์แบบ Noise Cancellation มาเลยกับรุ่นนี้ ตลอดระยะเวลาที่ได้ทดลองใช้เจ้าหูฟังตัวนี้ พบว่าไม่มีเสียงแทรกหลุดรอดเข้าไปในไมค์เลย ส่งผลให้การสื่อสารทุกอย่างคมชัด ถูกต้อง หมดกังวลเรื่องสื่อสารไม่รู้เรื่องในนาทีสำคัญของเกมการใช้งานกับเครื่อง PS5 / PCหลายคนอาจตั้งคำถามว่า "ในเมื่อหูฟังเป็นแบบ 7.1 แถมเชื่อมต่อผ่าน USB ด้วย จำเป็นต้องตั้งค่าอะไรยุ่งยากรึเปล่าถึงจะใช้งานกับ PS5 ได้" คำตอบคือ "ไม่เลย" เพียงแค่ชาร์จแบตให้เต็ม นำ USB เสียบกับช่องด้านหน้าหรือด้านหลังของเครื่อง PS5 ก็ได้ พร้อมกับกดปุ่มเปิดที่ตัวหูฟัง เพียงเท่านี้ก็สามารถสัมผัสกับระบบเสียงแบบ 7.1 ได้เลย อย่างที่บอกไปแล้วว่าทาง HyperX ได้ใส่ใจการออกแบบให้เหมาะสมจะใช้งานเป็นเวลานานๆ ได้ ตัวผู้เขียนได้ทดลองใช้งานหูฟังนี้ในการเล่นเกม Watch Dogs Legion ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ชั่วโมงติดกันมาแล้ว พบว่าใส่สบายมาก เสียงที่ได้ก็ครบถ้วน แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นความอิสระในการขยับร่างกายลุกไปไหนมาไหนได้ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะดึงสายของหูฟังขาด เนื่องจากเป็นหูฟังแบบไร้สาย จะลุกไปยืดเส้นยืดสายเมื่อเมื่อย หรือไปเข้าห้องน้ำก็สามารถทำได้ทันที (จะใส่หูฟังไปด้วยก็ได้เนื่องจากระยะเชื่อมต่อไกลมากๆ) เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากเลยทีเดียวในการใช้งานกับเครื่อง PC ก็ไม่ได้แตกต่างจาก PS5 เท่าไหร่นัก สามารถเสียบ USB แล้วเปิดใช้งานได้เลย แต่จะดีกว่าหน่อยคือสามารถโหลดแอปจากเว็บไซต์ของ HyperX มาดูได้ว่าตอนนี้แบตเตอรี่ของหูฟังเราเหลืออยู่เท่าไหร่ จำเป็นต้องถอดไปชาร์จเร็วๆ นี้รึเปล่า (โดยปกติเวลาแบตใกล้หมดจะมีเสียงแจ้งเตือนอยู่แล้ว) ซึ่งก็จะช่วยให้การใช้งานลื่นไหลกว่าเล็กน้อยครับสุดท้ายคือในเรื่องของราคาที่น่าจะเป็นคำถามซึ่งเพื่อนๆ อยากได้คำตอบเป็นอย่างสุดท้าย ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าไม่แพงจนกระเป๋าฉีกจนเกินไป โดยหากซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ PC ชั้นนำอย่าง JIB จะมีราคาอยู่ที่ 2,790 เท่านั้น โดยสำหรับรุ่นนี้จะมี 2 สีให้เลือกคือขาว / ดำ บริเวณฟองน้ำลองหู และฟองน้ำลองศีรษะสามารถถอดเปลี่ยนได้ ดังนั้นถ้าหากจะอัปเกรดไปใช้แบบที่นุ่มกว่าสบายกว่า ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองเลยครับ
22 Jul 2021
หลุดผลทดสอบ i9 12900K แรงกว่า Ryzen 9 5950x
หลังจากมีข่าวว่ามี CPU รุ่นใหม่อย่าง i9 12900K หลุดออกมาขายในตลาดมืดของจีนในราคา $30,000 กว่าบาท ล่าสุดก็มีผลทดสอบของเจ้า CPU ตัวนี้หลุดออกมาด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าชิปรุ่นใหม่นี้แรงกว่า Ryzen 9 5950x เสียอีก แถมผู้ปล่อยผลนี้ออกมายังเป็น OneRaichu ซึ่งเคยปล่อยข่าวลือที่ถูกต้องออกมาก่อนหน้านี้ผลทดสอบที่เพื่อนๆ จะได้ดูต่อไปนี้มาจากโปรแกรม Cinebench R20 โดยถ้าเอาจากคะแนนอย่างเดียว I9 ตัวใหม่แรงกว่าถึง 18% เลยทีเดียว ซึ่งผลทดสอบในครั้งนี้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Water Cooling เจ้า CPU รุ่นใหม่นี้ต้องการไฟถึง 200W จึงทำให้เกิดความร้อนสูงด้วยในเวลาเดียวกัน การทดสอบด้วย Water Cooling จึงถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทดสอบ12900KS QS Non-OCIn water cooler.Cinebench R20.ST: >810MT: >11600— Raichu (@OneRaichu) July 20, 2021 แน่นอนว่าผลทดสอบทั้งหมดนี้ยังคงเป็นแค่ข่าวลือ และไม่มีอะไรมายืนยันความถูกต้องของมัน แต่ในเมื่อมีข่าวหลุดเกี่ยวกับผลทดสอบเช่นนี้ เลยทำให้ข่าวลือก่อนหน้าที่บอกว่า CPU รุ่นใหม่นี้จะวางขายในช่วงปลายปีมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ในไลฟ์สตรีมของ intel อาทิตย์จะมีข้อมูลเพิ่มเติมของ Alder Lake เพิ่มเติมแน่นอนไม่ว่าผลทดสอบจริงในตอนใช้งานจะดีเท่า หรือไม่ดีเท่าผลทดสอบที่หลุดออกมานี้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลได้บ่งชี้ว่าทาง intel มีใจจะกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปประมวลผลจริงๆ ไม่ได้พูดแค่ปากเปล่า ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน และผู้ใช้งานอย่างเราๆ จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ยังไงก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับCredit : PCGammer
22 Jul 2021
หลุดผลทดสอบ RX 6600 XT แรงเทียบเท่ากับ RTX 3060 TI
หลังจากปล่อยให้ทาง Nvidia โชว์การ์ดรุ่นเริ่มต้นอย่าง 3060 Ti ไปก่อน ล่าสุดทาง AMD ก็กำลังจะมีแผนเอา RX6600 XT ออกมาขายสู้กันในตลาดราคาเริ่มต้นแล้วเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายออกมาจากทาง official เลย แต่ล่าสุดก็มีผลทดสอบหลุดออกมาให้เราชมก่อนแล้ว!อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลทดสอบออกมาให้ดู แต่ข้อมูลอื่นๆ อย่างจำนวน RAM หรือความสามารถของหัวประมวลผลทางเทคนิค ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาด้วย โดยเคยมีข่าวลือว่ารุ่นนี้จะปลดล็อก Navi 23 มาเลย ทำให้ทำงานแบบ 2,048 stream processors ได้ นับว่าแรงน้อยกว่า RX6700 XT เพียง 20% ในส่วนของ RAM อาจให้มาแบบ 6, 8 หรือ 12 ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนสำหรับรูปภาพที่หลุดออกมามีเพียงโลโก้ Radeon เท่านั้นที่ถูกโชว์ แต่ดีไซน์โดยรวมถือว่าดูแล้วรู้เลยว่าเป็นรุ่นราคาถูก เมื่อเทียบกับดีไซน์ที่สวยกว่าของรุ่นบนๆ อย่าง RX6700, 6800 หรือ 6900 ในส่วนของผลทดสอบรูปที่ปล่อยออกมาเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในจีนชื่อว่า Ludashi การ์ด RX6600 XT สามารถทำคะแนนได้ 599007 โดยใกล้เคียงกับ RTX 3060TI เป็นอย่างมากสำหรับราคายังไม่มีการเปิดตัวจากทาง Official จึงไม่มีราคาจริงๆ ให้ดูในตอนนี้ แต่ในเมื่อ RX6700 XT เปิดตัวในราคา $479 จึงเป็นไปได้ว่า $399 น่าจะเป็นราคาที่สมเหตุสมผลมากที่สุด เพราะว่าจะเท่ากับ 3060Ti พอดี แต่ถ้าหาก AMD อยากแข่งขันในด้านราคาจริงๆ ก็เป็นไปได้ว่าอาจลงไปถึง $349 เลยครับCredit : Tom's Hardware , VideocardZ
21 Jul 2021
RX6900XT จาก Power Color กำลังลดเหลือ 39,900 บน JIB ตอนนี้!
ถือเป็นข่าวดีสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังหาการ์ดจอแรงๆ ตัวใหม่ อยู่เมื่อล่าสุด POWER COLOR RED DEVIL RX6900XT 16GB GDDR6 กำลังลด 25%  จนเหลือราคาแค่ 39,900 บาทอยู่ในตอนนี้ โดยราคาดังกล่าวถือว่าแพงกว่าราคาเปิดตัวที่ต่างประเทศ $999 อยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้บ่อยๆ สำหรับราคาการ์ดจอดีๆ เมื่อเทียบกับราคาตลาดในช่วงนี้!โดยโปรโมชั่นนี้เขียนว่า 'สำหรับการชอปออนไลน์เท่านั้น' ดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนสนใจ เห็นจะจำเป็นต้องรีบกันหน่อยแล้ว เนื่องจากแน่นอนว่าสินค้าต้องมีจำนวนจำกัดอย่างแน่นอน (เข้าไปดูได้ผ่านลิงก์นี้) ส่วนสำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติมอยู่ ตอนนี้ทาง JIB ก็กำลังมีลดราคาสินค้าหลายตัวที่น่าสนใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็น INTEL 1200 CORE I7-10700KF 3.80 GHz ที่ตอนนี้มีราคาไม่ถึงหมื่น หรือ 500 GB SSD WD BLACK SN750 PCIe/NVMe M.2 2280 ที่เหลืออยู่ 1,990 บาทตอนนี้! สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้จริงๆ แรกเริ่มเดิมทีในช่วงอาทิตย์หน้ามีกำหนดจะจัดงาน Commart แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด ซึ่งยังคงเป็นไปได้ที่จะมีการลดราคาครั้งใหญ่กว่าในอาทิตย์หน้า เพื่อทดแทนงานที่ถูกยกเลิกไป อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรการันตีเช่นกันว่า จะมีการลดราคาอีกครั้งจริงๆ ในช่วงอาทิตย์หน้า ดังนั้นใครโอเคกับสินค้าชินไหนก็แนะนำให้ซื้อเลยตอนนี้ครับ!
21 Jul 2021
3D Center เผยสถิติราคาการ์ดจอในช่วง 6 เดือน คาดกลับมาปกติในอีกหลายเดือนหลังจากนี้
ด้วยราคาของเหรียญ Cryptocurrency ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2021 ได้ส่งผลให้การ์ดจอกลายเป็นวัตถุที่มีความต้องการในตลาดสูง และมีราคาที่แพงขึ้นสูงสุดถึง 304% ในช่วงเดือน พฤษภาคม อย่างไรก็ตามจากข่าวการปิดตลาดของจีนในช่วงเดือน มิถุนายน จึงทำให้เกิดการเทขายจนทำให้ราคาของ Cryptocurrency รวมถึงการ์ดจอเป็นจำนวนมากจากชาวจีน ซึ่งการเทขายครั้งนี้ได้ส่งผลให้ราคาของเหรียญ Crypto และการ์ดจอมีราคาตกลงทั้งโลกพร้อมๆ กัน3D Center ได้ปล่อยรูปภาพโชว์สถิติราคาการ์ดจอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ว่ามีราคาขึ้นลงทั้งหมดกี่เปอร์เซ็นต์ในแต่ละเดือน โดยกราฟดังกล่าวได้บ่งชี้ว่า ราคาของการ์ดจอขึ้นเร็วขนาดไหน มันก็ลงเร็วเท่านั้นด้วยจากสถิติจะเห็นได้ว่า ราคาลงมาเร็วถึง 150% ภายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากราคาลงมาถึง 150% แล้วการลงไปจนถึงราคาเปิดตัวภายใน 1 - 2 เดือนหลังจากนี้อาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องคงสมดุลราคาในตลาดเพื่อไม่ให้ตัวเองขาดทุนGraphics Card Prices in ???? July 18, 2021? Party is over, price reductions hit full brakes.? Availability is the same or slightly better.? Without any notable movement, it's difficult to predict when retail prices will come close to MSRP.https://t.co/x8VWKEZIEr pic.twitter.com/xIuOcYEDzS— 3DCenter.org (@3DCenter_org) July 19, 2021 แม้ว่าในปัจจุบันผู้ค้าปลีกจะสามารถซื้อการ์ดจอราคาปกติ จากผู้ผลิตได้แล้ว แต่พวกเขาเองก็ยังมีการ์ดจอที่อยู่ในสต๊อกซึ่งซื้อมาในราคาที่แพงก่อนหน้านี้อยู่ดี ดังนั้นนี้จึงนำไปสู่การเฉลี่ยราคาขาย เพื่อให้อย่างน้อยผู้ค้าปลีกไม่ขาดทุนจากสินค้าที่ขายไม่ออก หรือจำเป็นต้องลดราคาลงมาแล้วขายแบบขาดทุน ทางฝั่งตลาดมือ 2 เอง ก็มักใช้ราคาของผู้ค้าปลีกในการเป็นบรรทัดฐานสำหรับการตั้งราคา ดังนั้นเชื่อว่าราคาของการ์ดจอจะกลับมาเป็นปกติในระยะยาว โดยอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้น 3 - 4 เดือน หรืออาจถึง 6 เดือนในการทำให้ราคากลับมาเป็นปกติCredit : Tom's Hardware
20 Jul 2021
Intel กำลังพยายามซื้อโรงงานผลิตชิป 7nm ขนาดใหญ่ GlobalFoundries
จากรายงานล่าสุดของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal บริษัท Intel ได้เสนอซื้อโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ GlobalFoundries ด้วยเงิน $30,000 ล้าน โดย GlobalFoundries มีกำลังผลิตคิดเป็น 7% ของทั้งโลกเลยทีเดียว โดยล่าสุดทางโรงงานก็เพิ่งจะลงทุนกับเครื่องผลิต 7nm ไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ Intel ต้องการจากข้อเสนอซื้อในครั้งนี้นับตั้งแต่คุณ Pat Gelsinger ขึ้นมาเป็น CEO คนใหม่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางของบริษัทอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือการสร้างโรงงานขนาดใหญ่ที่ Arizona เพื่อเป็นฐานการผลิตชิปรุ่นใหม่ Alder Lake ที่กำลังจะวางขายในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า GlobalFoundries เป็นโรงงานที่ผลิตชิปให้กับบริษัทใหญ่หลายที่ไม่ว่าจะเป็น AMD, Qualcomm, และ NVIDIA หาก Intel สามารถเข้าซื้อโรงงานนี้ได้สำเร็จ การกลับมาเป็นผู้นำในด้านชิปประมวลผล อาจไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินไปเสียทีเดียว นอกจากนี้ GlobalFoundries ยังมีโรงงานอยู่หลายที่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น US Singapore และ Germany โดยมันหมายถึงการกระจายสินค้าที่ง่ายขึ้นสำหรับ intel เช่นกันCredit : Videocardz
19 Jul 2021
ร่วมข้อมูลที่น่ารู้เกี่ยวกับ Steam Deck เครื่องเล่นเกมพกพาใหม่จาก Valve
เปิดตัวอย่างร้อนแรงเมื่อคืนนี้ และสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นทั่วโลก สำหรับเครื่องเล่นเกมพกพาน้องใหม่ Steam Deck จากทาง Valve ซึ่งจับมือกับ AMD ใช้เทคโนโลยี Zen 2 + RDNA 2 ในการผลิต ทำให้สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้ พร้อมทั้งถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานต่อเนื่องได้เป็นเวลานานไม่ต้องกลัวแบตหมดระหว่างช่วงสำคัญในเกม นอกจากนี้ยังมีการแท่นวาง สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ TV ให้สนุกแบบสุดเหวี่ยงได้บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับ Steam Deck ถูกปล่อยออกมาโดยสื่อหลายเจ้า และมีรายละเอียดที่เยอะมากๆ ทาง GameFever Th จึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นเกมพกพาใหม่นี้มาให้แล้วในบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!จุดแตกต่างระหว่าง Steam Deck มาพร้อมกับหน้าจอ OLED แบบ Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งมีขนาดเทียบเท่ากับ Nintendo Switch รุ่นใหม่ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวไม่นานมานี้ ในส่วนของ Controller จะไม่สามารถถอดออกได้ และมีการใส่ Trackpad เข้ามาทั้งสองฝั่งของ Controller เพื่อรองรับการใช้งานเมาส์ สำหรับบางเกมที่อาจจำเป็นต้องใช้ นอกจากนี้ยังมีการใส่ปุ่ม Quick Access กับ Steam เพื่อให้การใช้งานทำได้ง่ายยิ่งขึ้นคุณสมบัติทางเทคนิคCPU : Zen 2 4c/8t, 2.4-3.5GHz (up to 448 GFlops FP32)GPU : 8 RDNA 2 CUs, 1.0-1.6GHz (up to 1.6 TFlops FP32)16 GB LPDDR5 RAM (5500 MT/s)1280 x 800px (16:10 aspect ratio)7' optically bonded LCDBluetooth 5.0 (support for controllers, accessories and audio)Wi-Fi : Dual-band Wi-Fi radio, 2.4GHz and 5GHz, 2 x 2 MIMO, IEEE 802.11a/b/g/n/ac**สำหรับคนที่อ่านสเปคไม่เป็น สามารถทำความเข้าใจง่ายๆ ได้ว่า แรงเทียบเท่ากับ PS5 และ Xbox Series X ครับจากการสัมภาษณ์โดย IGN ผู้พัฒนาของ Valve คุณ Pierre-Loup Griffais ได้ยืนยันว่า Steam Deck มีการใส่ไมค์เข้ามาบริเวณด้านบนของจอ ก็เพื่อให้ผู้เล่นสามารถสนุกไปกับเกม Multiplayer ที่จำเป็นต้องสื่อสารกับผู้อื่นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องหาอุปกรณ์เสริมอื่นมาต่อเพิ่มให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการปรับตั้งค่ากราฟิกให้กับผู้ใช้งานด้วย ในส่วนของแบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 2 - 8 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับผู้เล่นใช้งาน Steam Deck แบบไหน ยกตัวอย่างหากเล่น Portal 2 แบบต่อเนื่อง แบตเตอรี่จะอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง แต่หากจำกัดภาพไว้ที่ 30 FPS แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานขึ้นเป็น 5 - 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ Steam Deck ถือเป็นอุปกรณ์ที่พยายามเลียนแบบ PC พกพา มันใช้งาน SteamOS เวอร์ชันล่าสุด และยังสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือระบบปฏิบัติการอื่นได้ด้วยมี Fast Suspend/Resume (Quick Resume)ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังกังวลว่า 'การใช้งาน Steam บนเจ้าเครื่องนี้จะทำได้ยากรึเปล่า? เพราะไม่ใช่การบังคับแบบเมาส์ คีย์บอร์ด?' ในส่วนนี้ Valve คิดเพื่อไว้เรียบร้อยแล้ว โดยการใช้เมนูแบบ Fast Suspend/Resume ที่สามารถหยุดเกมไว้ชั่วคราว และทำให้เครื่องอยู่ในสภาพ Sleep เมื่อเปิดขึ้นมาเล่นต่อ ผู้เล่นจะเริ่มต่อจากจุดที่หยุดไว้ได้เลยสำหรับหน้าตาของ Ui จะมีความใกล้เคียงกับของ PlayStation คือเป็นปกเกมเรียงในแนวนอน ผู้ใช้งานสามารถเลื่อนเคอเซอร์ไปที่เกมซึ่งต้องการเล่น แล้วกดเข้าไปเล่นได้เลย เรื่องของราคาValve ประกาศว่าจะเปิดให้ Pre-Order เครื่องเล่นเกมพกพานี้ได้ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม นี้เวลา 0.00 บ้านเรา และมีค่าจองอยู่ที่ $5 (อารมณ์แบบค่ามัดจำ) และไปจ่ายส่วนที่เหลืออีกครั้งในตอนที่วางขายอย่างเป็นทางการ โดยจะมี 3 รุ่นให้เลือกดังนี้$400 ได้เครื่องความจุ 64GB$530 ได้เครื่องความจุ 256GB SSD storage และ “exclusive Steam Community profile bundle”$650 ได้เครื่องความจุ 512 GB SSD storage และฟิล์มป้องกันแสงสะท้อนมีการให้เหตุผลสำหรับระบบจองที่จำต้องเป็นจ่าย $5 นี้ว่า "เพื่อเป็นการให้บริษัทเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า มีความต้องการในเครื่องรุ่นไหนมากเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้ทางบริษัทสามารถตัดสินใจได้ว่าจะกระจายสินค้าเท่าไหร่ ไปยังภูมิภาคไหนบ้าง" โดย $5 ที่จ่ายไปก่อนสำหรับ Pre-Order จะถูกนำไปลดราคาของเครื่องในตอนที่วางจำหน่ายเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีพ่อค้าการซื้อเจ้า Steam Deck นี้ไปเก็งกำไรต่อแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ PS5 และ Xbox Series X ทางบริษัทจึงมีการออกข้อกำหนดหลายๆ อย่างสำหรับผู้ที่จะ Pre-Order เจ้า Steam Deck นี้ หนึ่งในนั้นคือการที่บัญชี Steam ของผู้สั่งซื้อจำเป็นต้องเคยซื้อ อะไรบางอย่างบน Steam ก่อนเดือน มิถุนายน 2021 นอกจากนี้หนึ่งบัญชี จะสามารถสั่งจองเครื่องได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ส่งผลให้การสมัครไอดีใหม่จำนวนมากเพื่อมาซื้อ Steam Deck เป็นไปไม่ได้
16 Jul 2021
Razer Blade เปิดตัว 7 โมเดลใหม่ที่มาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 30 Series
แม้จะเปิดตัวช้ากว่าชาวบ้านเขาไปหลายเดือน แต่ในที่สุดแฟนๆ Razer Blade ก็ได้โอกาสเห็นสเปคเครื่อง และราคาของโมเดลใหม่กันแล้ว! งานนี้บอกเลยว่ามาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 3060 ไปจนถึง RTX 3080 กันเลยทีเดียว พร้อมทั้งมีหน้าจอความละเอียดสูงสุดถึง 4K / 120Hzสำหรับดีไซน์โดยร่วมของเครื่องไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ Razer ได้มีการใช้วัสดุ CNC Aluminum Chassis แบบ Anti-Fingerprint Coating เนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้เป็นรอยจากลายนิ้วมือของผู้ใช้งานได้ง่ายมาก นี้จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา Trackpad ให้มีความถูกต้องมากขึ้น มาพร้อมกำลำโพง 4 ตัว THX Spatial Audio จำลองเสียงแบบ 7.1 Surround ได้สำหรับราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ $2,399 และมีราคาสูงสุดที่ $3,699 ซึ่งหลายๆ โมเดลจะมีราคากับสเปคที่เท่ากัน แต่แตกต่างกันในเรื่องของหน้าจอ ที่บ้างให้มาเป็น FHD แบบ Hz หรือมาแบบ QHD แต่มี Hz ลดลงมา โดยเพื่อนๆ ที่สนใจแนะนำให้ดูสไตล์เกมที่ตัวเองเล่นว่าจำเป็นต้องใช้จอ Hz สูงๆ หรือไม่ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหมือนกันว่าเครื่องจะเข้ามาในไทยเมื่อไหร่ และจะมีราคาต่างกันมากน้อยขนาดไหน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานได้รู้กันCredit : Tom's Hardware
15 Jul 2021
AMD's Zen 4 Raphael จะมีจำนวน Core สูงสุดถึง 16 Core
ExecutableFix นักปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับชิปของ AMD ได้มีการปล่อยข้อมูลชุดใหม่เกี่ยวกับ AMD's Zen 4 Raphael ( Ryzen 6000 ) ตัวใหม่ ซึ่งในข่าวที่ปล่อยออกมาได้เผยว่า CPU รุ่นนี้จะมีจำนวน Core สูงสุดถึง 16 Core และจะใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 5nmก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า AMD Ryzen 6000 จะทำจำนวน Core สูงสุดได้ถึง 24 ตัว แต่เหมือนว่าข่าวนั้นจะไม่เป็นความจริงจากการยืนยันของ ExecutableFix อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหลังจากนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะไปถึง 24 Core จริง หาก AMD ยังคงเติบโตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ CPU ซึ่งมาพร้อมกับ 16 Core ดังกล่าวคือ Ryzen 9 6950X อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังไม่รู้ว่ารุ่นรองลงมาอย่าง Ryzen 7, 5, 3 จะมีจำนวน Core เพิ่มมากขึ้นด้วยรึเปล่า แต่อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ CPU รุ่นใหม่นี้จะรองรับการทำงานของ DDR5 แล้ว รวมถึง PCie 4.0 ซึ่งตรงกับข่าวของ Samsung ก่อนหน้านี้ที่จะวางขาย SSD รุ่นใหม่ในปีหน้าพอดีในส่วนของการกินไฟ Raphael จะกินไฟมากกว่าตอน Zen 3 ขึ้นไปเป็น 120W จากเดิม 105W นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า จะมี CPU รุ่นพิเศษที่กินไฟสูงถึง 170W ด้วย ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเป็น Ryzen ซีรีส์ใหม่ (Ryzen 11) หรือเป็นรุ่น OC พิเศษกันแน่ ซึ่งในส่วนของชิป Motherboard จะถูกเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่แทน กล่าวคือหากใครอยากเปลี่ยนไปใช้ CPU รุ่นใหม่ก็ต้องเปลี่ยน Motherboard ด้วยนั้นเองCredit: Tom's Hardware
14 Jul 2021
Intel ประกาศจัดไลฟ์สตรีม 26 กรกฎาคม เผยความคืบหน้าในการพัฒนาชิปตัวใหม่
ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2021 คุณ Pat Gelsinger ผู้เป็น CEO คนปัจจุบันของ Intel ได้สัญญาว่าจะทำให้ Intel กลับไปเป็นผู้ในการผลิตชิปให้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งจะมีการดึงวิศวกรมากความสามารถอย่างคุณ Shlomit Weiss กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และดูเหมือนพวกเขาจะพร้อมอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับชิปรุ่นใหม่กับพวกเราแล้วIntel ประกาศจัดไลฟ์สตรีม Intel Accelerated ในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยจะมีการเผย Roadmap ของบริษัทหลังจากนี้ด้วย โดยเชื่อว่าสิ่งที่คนอยากรู้กันมากที่สุดคนไม่พ้นเรื่องที่ Intel จะสามารถย่อการผลิต Transistor ลงไปเหลือ 10nm หรือ 7nm ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดจอของ Intel ที่ทางบริษัทซุ่มพัฒนามาเป็นเวลานานแล้วด้วยก็เป็นได้ โดยไลฟ์สตรีมจะเริ่มเวลา 4.00 ของวันที่ 27 กรกฎาคม ตามเวลาบ้านเรา ใครที่สนใจก็สามารถอยู่รอดูกันได้ครับCredit : VideoCardz
13 Jul 2021
ASUS เปิดตัว Notebook กับ GPU ลาย Kimitsu No Yaiba สุดเท่!
ดูเหมือนว่าวงการ PC จะเริ่มมีสัมพันธ์อันดีกับวงการการ์ตูนญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อย อย่างก่อนหน้านี้ทาง Asus ได้เคยเปิดตัวเซ็ต PC ที่มาในธีม Gundam กันไปแล้ว ซึ่งล่าสุดแม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ขนาดมาเป็นคอมทั้งเครื่องเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีการเปิดตัว Notebook และ GPU ตัวใหม่ที่มาในลายการ์ตูนดังอย่าง Kimitsu No YaibaNotebook รุ่นพิเศษนี้มาในโมเดล VivoBook Pro 14 ที่เป็นเครื่องทำงานสำหรับ Content Creator ตัว Notebook ไม่ได้มาพร้อมกับการ์ดจอที่แรง แต่มาพร้อมกับจอแบบ 2.8K OLED ที่ให้สีสวยงามสมจริง พร้อมกับ CPU AMD Ryzen 7 5800H และลาย Tanjiro Kamadoในส่วนของการ์ดจอจะมาในรุ่น 3060Ti Tuf พร้อมกับลาย Zenitsu Agatsuma ซึ่งนอกจากการ์ดจอแล้วยังมีการเปิดตัว Motherboard และเคส TUF ที่มาพร้อมกับสีเหลืองสุดพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวสินค้า Gaming Gear สุดพิเศษที่เป็นลายตัวละครดัง นอกจากนี้ยังมี AIO ลาย Zenitsu Agatsuma ด้วย ดูรูปตัวอย่างได้ข้างล่างนี้Credit : VideocardZ
13 Jul 2021
Windows 11 อัปเดตใหม่เอา Start Menu แบบเก่าออก!
Windows 11 เพิ่งจะปล่อยอัปเดตตัวใหม่ออกมาสำหรับผู้ที่ใช้งานตัว Beta อยู่ ซึ่งอัปเดตในครั้งนี้โฟกัสไปที่ Taskbar เกือบทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ได้ตัดสินใจเอาตัวเลือกที่ให้ผู้ใช้งานตั้งค่า Start Menu เป็นแบบเก่าได้ออกไป!หลังจากให้ปุ่ม Start Menu อย่างทางซ้ายล่างของหน้าจอเป็นเวลา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ใช้งานบางส่วนจะชินกับแบบนั้นมากกว่า Microsoft ไม่ได้เปิดเผยว่าทำไมถึงได้นำตัวเลือกดังกล่าวออกไป รวมถึงไม่มีการประกาศด้วยว่าจะมีการนำตัวเลือกนี้กลับมาในภายหลังด้วยหรือไม่อย่างไรก็ตามการ Customize ส่วนอื่นๆ ของ Windows 11 ให้เหมือน Windows 10 ยกตัวอย่างการเพิ่ม File Explorer เข้ามา หรือย้าย Taskbar ไปด้านบนแทน ดูเหมือนยังสามารถทำได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหาก Microsoft ต้องการให้ผู้ใช้งานยึดติดกับรูปแบบเก่าๆ ให้น้อยที่สุด ก็เป็นไปได้ที่ Customize พวกนี้อาจถูกเอาออกไปเช่นเดียวกัน ต้องรอติดตามกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
12 Jul 2021
AMD Radeon RX 6600 XT ลือ! วางขายเดือนหน้าในราคา $399
สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาการ์ดจอตัวใหม่ที่มีราคาเริ่มต้นไม่แพง เดือนหน้าเตรียมเงินกันให้พร้อม เพราะล่าสุดมีข่าวลือว่า AMD Radeon RX 6600 XT จะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในเดือนหน้าด้วยราคา $399 หรือประมาณ 13,000 บาท ก่อนหน้านี้ไม่นานเว็บไซต์ PowerColor ได้มีการพูดถึง Radeon RX 6600 และ 6600 XT เช่นเดียวกัน พร้อมกับยืนยันว่า การ์ดจอทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน เร็วๆ นี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าข่าวลือล่าสุดที่บอกว่าจะขายในเดือนหน้า อาจเป็นความจริง แน่นอนว่าราคาจริงในบ้านเรา คงจะสูงกว่าที่เปิดตัวระดับหนึ่ง แต่ในช่วงที่ราคาการ์ดจอกำลังลงเรื่อยๆ เช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาเปิดตัวในบ้านเราอาจไม่สูงอย่างที่หลายๆ คนคิด และเชื่อว่าหาก AMD จะวางขายการ์ดทั้งสองรุ่นในเดือนหน้าจริงๆ ภายในเดือนนี้น่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครับCredit : PCGamer
09 Jul 2021
Samsung เผย PCie เจนใหม่ 5.0 จะมา Q2 ปี 2022
Windows กำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทางอุปกรณ์เก็บข้อมูลเองก็ดูเหมือนกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน เมื่อล่าสุด Samsung ได้เปิดเผย SSD รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาในช่วง Q2 ปี 2022 ซึ่งจะใช้ PCie 5.0 แล้ว สำหรับ Enterprise Platforms และมีความเป็นไปได้ที่ภายในปีเดียวกันเราจะได้เห็น PCie 5.0 สำหรับ Mainboard ทั่วๆ ไปด้วยไดรฟ์ Samsung PM1743 จะใช้ PCIe Gen 5 x4 (พอร์ตเดียว) หรือพอร์ตคู่ x2  และมาในรูปแบบ E3.S 1T (111.5 มม. × 31.5 มม. (กว้าง x สูง) ที่ออกแบบมาเพื่อ เพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ สำหรับประสิทธิภาพแล้ว PM1743 ในทางตามทฤษฎีสำหรับอินเทอร์ PCIe 5.0 x4 จะสามารถส่งปริมาณงานได้ถึง 15.7 GB/sถ้าแปลให้เข้าใจง่ายคือ PCie 5.0 จะมีความเร็วในการ Read / Write สูงกว่า SSD ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันระดับที่เทียบกันไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามต้องรอดูสเปคอย่างเป็นทางการ จากเหล่าผู้ผลิตกันต่อไปครับCredit : Tom's Hardware
09 Jul 2021
Windows 7 อัปเป็น Windows 11 ได้ผ่านการติดตั้งใหม่ทั้งหมดเท่านั้น
ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนใช้วินโดว์รุ่นเก่าอย่าง Windows 7 เมื่อ Microsoft ได้ยืนยันว่าจะเปิดให้ผู้ใช้งานได้อัปเกรดขึ้นไปเป็นรุ่นใหม่อย่าง Windows 11 ได้ฟรี อย่างไรก็ตามการอัปเกรดอาจไม่ง่ายแบบอัปเดตแล้วจบ แต่ดูเหมือนจำเป็นต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมดเลยครับLenovo ได้เปิดให้แฟนๆ สามารถถามเรื่องสงสัยเกี่ยวกับ Windows 11 ได้ และหนึ่งในคำถามเหล่านั้นมีการถามถึงวิธีอัปเดต Windows 7 ไปเป็น Windows 11 จำเป็นต้องทำด้วยการลงใหม่เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้งาน PC ของ Lenovo แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่วิธีอัปเดตไปเป็น Windows 11 นี้จะถูกใช้แบบมาตรฐานเดียวกันอย่างไรก็ตามการอัปไปใช้ Windows 11 ก็จำเป็นต้องมีคุณสมบัติของเครื่องขั้นต่ำตามที่ Microsoft ซึ่งสำหรับ CPU รุ่นเก่า อาจไม่สามารถอัปเดตไปใช้งาน Windows รุ่นใหม่ได้ต่อให้ จะมีความแรงถึงมาตรฐานก็ตามCredit : PCGamer
09 Jul 2021
เกิดอะไรขึ้นกับ Intel ผู้นำกว่า 10 ปีในตลาด CPU ที่แพ้ให้กับ AMD ในปี 2021
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 - 15 ปีก่อน ผู้นำการผลิต CPU สำหรับ Personal Computer ที่เป็นอันดับ 1 ของโลก คือบริษัท intel อย่างไม่ต้องสงสัย โดยต้องยอมรับเลยว่าในช่วงยุคนั้น CPU ของ AMD ไม่เคยสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ intel เลยแม้แต่รุ่นเดียว ยิ่งในยุคของ Haswell หรือ intel Core I Gen 4 เรียกได้ว่าเป็นยุตที่เห็นความแตกต่างมากที่สุด จนหลายคนคิดว่า intel จะยืนหนึ่งในตลาดนี้ตลอดไป และคงไม่มีวันที่ AMD จะสามารถเอาชนะได้ จนกระทั่งโลกได้รู้จักกับสถาปัตยกรรมใหม่ที่ชื่อว่า AMD Ryzenปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา ซีพียู AMD Ryzen ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาด จนในปัจจุบันทางบริษัทสามารถผลิต CPU ที่แรงกว่าดีกว่า intel ออกมาได้แล้ว แต่อะไรคือจุดเปลี่ยน? ทำไมบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิต CPU มาตลอดอย่าง intel ถึงแพ้ให้กับ AMD ที่ตามหลังมาโดยตลอดได้? คำตอบนั้นมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง และวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน แต่ก่อนอื่นผมขอเริ่มจาก แนวคิดในการออกแบบ CPU ที่ต่างกันของทั้งสองก่อนละกันครับแนวคิดเรื่อง CPU ที่แตกต่าง Intel กับ AMDเรื่องนี้มันเริ่มต้นจากเทคโนโลยีในการสร้าง CPU ของทั้งสองบริษัทครับ โดยปกติแล้วความแรงของ CPU หนึ่งตัวจะมาจากสองอย่างคือจำนวน Core ที่ CPU ตัวนั้นมีความสามารถในการประมวลผลของ Core แต่ละตัวโดยถ้าหากพูดถึงเรื่องความแรงของ Core เพียงอย่างเดียว intel สามารถทำได้ดีกว่า AMD มากๆ ในยุกแรก ซึ่งเพื่อให้ CPU ของตัวเองแรงพอจะสู้กับคู่แข่งได้ AMD จึงตัดสินใจผลิต CPU ที่มี Core เยอะๆ เพื่อทดแทนประสิทธิภาพที่ต่างกันแทน กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือ สู้ด้วยคุณภาพไม่ได้ ก็สู้ด้วยปริมาณนั้นเอง แต่ก็ยังไม่สามารถสู้ประสิทธิภาพโดยรวมกับทาง intel ได้อยู่ดีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แรกมาถึงในยุคของ Haswell ของทาง intel เมื่อสถาปัตยกรรม CPU ของ AMD ในยุคนั้น ดันทำให้เกิดการทำงานแบบแชร์ Floating Point Unit กัน ซึ่งทำให้เกิดอาการคอขวดระหว่างการประมวลผลของ แต่ละ Core และทำให้ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพแบบที่ควรจะเป็นได้ ส่งผลให้ทาง AMD ต้องกลับไปรื้อวิธีการสร้าง CPU ใหม่ทั้งหมด ซึ่งในช่วงที่ AMD กำลังรื้อวิธีสร้าง CPU ใหม่อยู่นี้ ทาง intel เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเจ้าของตลาด CPU แต่เพียงผู้เดียวเลย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นกับ intel เช่นกันในยุคคือ Kaby Lake หรือ Core I Gen 7 โดยก่อนจะเล่าถึงส่วนนี้ผมต้องขอพูดถึง Moore's Law ก่อนเล็กน้อยครับMoore's Law คืออะไรMoore's Law เป็นกฎในการพัฒนาชิปของ Gordon Moore หนึ่งในวิศวกรผู้ก่อตั้ง intel ซึ่งกฎนี้มีอยู่ 2 ข้อด้วยกันคือจำนวน Transistors ของ CPU จะมีขนาดเล็กลง และมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทุกๆ 2 ปีการจะลดขนาด Transistors กับเพิ่มจำนวน Transistors 2 เท่า จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วย Moore's Law นี้จึงทำให้ intel ใช้นโยบายการผลิต CPU แบบ Tick - Tock โดยผมจะขอจำกัดความให้เข้าใจง่ายที่สุดดังนี้Tick : คือการสร้างสถาปัตยกรรม CPU ใหม่เพื่อลดขนาดของ Transistors และเพิ่มจำนวนของ TransistorsTock : คือการพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU เดิมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากภาพข้างบน จะสังเกตได้ว่าขนาดของ Transistors ใน CPU ทุกๆ 2 เจน จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ซึ่งถ้าหากว่าการพัฒนา CPU ยังคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในช่วงปี 2021 ที่เราอยู่นี้ขนาดของ Transistors ใน CPU ควรจะอยู่ที่ประมาณ 5 - 3nm แล้ว แต่ความเป็นจริง CPU เจนล่าสุดของคือ intel ยังคงผลิตแบบ 14nm อยู่ คำถามคือแล้วทำไม intel ถึงไม่ลดขนาดของ Transistors ลงในยุคของ Kaby Lake? คำตอบอยู่ในกฏข้อ 2 ของ Moore's Law นั้นก็คือมันจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการลดขนาดของ Transistors นั้นเอง และพอดีกันในปี 2017 ยุคของ Coffee Lake ที่ intel ไปไม่ออก AMD ก็ได้เปิดตัว AMD Ryzen ที่เป็น CPU ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเรื่อง Floating Point Unit ได้พอดีได้แล้วด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Infinity Fabric ซึ่ง AMD Ryzen เจนแรกก็เป็น CPU แบบ 14nm แบบเดียวกับ intel แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในปี 2019 เมื่อ AMD สามารถลงไป 7nm ได้ในขณะที่ intel ยังคงอยู่ที 14nm เช่นเดิมคำถามคือทำไม AMD ที่น่าจะตามหลังมาตลอด ถึงสามารถแซงหน้า intel ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตชิปได้? คำตอบคือเพราะนโยบายการผลิตที่แตกต่างกันของ intel และ AMD ครับนโยบายที่แตกต่างของ Intel กับ AMDอย่างที่ Moore ได้เคยกล่าวไปว่า "การลงทุนเพื่อลดขนาด Transistors กับเพิ่มจำนวน Transistors 2 เท่า จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่า" ซึ่งการลงทุนในที่นี้ของ Moore ไม่ได้หมายถึงการจ้างวิศวกรเพิ่มมากขึ้น หรือการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น แต่หมายถึงการสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป Transistors ครับ ยกตัวอย่างย้อนกลับไปในตอนที่ intel ลงทุนสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป 14nm ครั้งแรก บริษัทจำเป็นต้องลงทุนถึง $2,000 ล้าน เพื่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิปขึ้นมา แต่ในการที่จะสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป 10nm จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนถึง $7,000 ล้าน โดยโรงงานของ intel จะผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเองเท่านั้น ไม่รับจ้างผลิตชิปให้กับที่ไหน จึงส่งผลให้ตัวโรงงานไม่สามารถทำเงินให้กับตัวเองได้ และกลายเป็นหนึ่งในภาระที่ intel จำเป็นต้องดูแล ในขณะที่ AMD เองก็มีโรงงานผลิตชิปของตัวเองเช่นกันชื่อว่า GlobalFoundries แต่โรงงานของ AMD นอกจากผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเองแล้ว ยังรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นที่มาจ้างด้วย GlobalFoundries จึงเป็นเหมือนบริษัทแยก ที่อยู่ภายใต้ของ AMD มากกว่าเป็นแค่โรงงานผลิตชิป ด้วยนโยบายแบบนี้จึงทำให้ โรงงานสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องใช้เงินจาก AMD ในการลงทุนเรื่องเครื่องจักร หรือการซ่อมแซมปรับปรุง อย่างไรก็ตามการลงทุนเครื่องจักรสร้างชิป 10nm ยังคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับ GlobalFoundries อยู่ดีเนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินสูงมาก งั้นคำถามคือ "แล้ว AMD สร้าง CPU ขนาด 10nm ออกมาได้ยังไง?" คำตอบคือการจ้าง Outsource ครับเมื่อ GlobalFoundries ยืนยันแล้วว่าไม่สามารถลงทุนเครื่องจักรผลิตเองได้จริงๆ AMD จึงได้ติดต่อไปหา TSMC ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ของ ไต้หวัน โดย TSMC เป็นโรงงานรับจ้างเต็มตัว พวกเขาไม่ได้ผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเอง แต่รับจ้างเพียงอย่างเดียว โรงงานแบบนี้จึงมีความยืดหยุ่น รวมถึงพัฒนาการได้สูงกว่า เนื่องจากสามารถเอาเงินทั้งหมดลงทุนเครื่องจักรสำหรับการผลิตได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ลูกค้าสำคัญของ TSMC ยังเป็นบริษัทเจ้าใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงอย่าง Apple, Nvidia ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจยังไม่ทราบ Nvidia ไม่ได้มีโรงงานเป็นของตัวเองนะครับ เขาจ้าง TSMC ผลิตให้ทั้งหมด ดังนั้นยิ่ง Nvidia เติบโตมากขึ้นขนาดไหน TSMC ก็ยิ่งมีเงินไหลเข้ามาในบริษัทมากขึ้นเท่านั้น นี้จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ TSMC เป็นโรงงานที่มีทุนสูงมากๆในขณะที่ intel ลงทุนให้กับตัวเองเท่านั้น ผลิตชิปให้กับตัวเองเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่มีกำลังทรัพย์หรือลูกค้าไม่มากพอ การจะลงทุนเครื่องจักรใหม่ๆ สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ยาก แต่เป็นไปได้จริงๆ หรือที่บริษัทผลิต CPU อันดับ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 2010 - 2017 ในช่วง 7 ปีนี้ AMD ไม่ถูกมองเป็นคู่แข่งของ intel เสียด้วยซ้ำ งั้นทำไมบริษัทถึงไม่เลือกที่จะลงทุนเครื่องจักรใหม่ๆ เสียที? ประเด็นนี้ผมไม่มีคำตอบให้ครับ แต่จากการคาดเดาของผู้เขียนคิดว่าน่าจะมาจากมุมมองจของ CEO ในช่วงปี 2013 - 2020 ครับCEO ของ intel  ช่วงปี 2013 - 2020intel เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นในปี 1968 และเปลี่ยน CEO มาแล้ว 8 ครั้งด้วยกัน โดยสามารถดูรายละเอียดได้ในรูปข้างล่างนี้ ใน 8 คนนี้มี 2 คน ที่ไม่ได้เป็นวิศวกรคือคุณ Brian Krzanich และ Bob Swan เพียงสองคนเท่านั้น โดยทั้งสองคนมาจากสาย Marketing ของบริษัท ซึ่งคุณ Bob Swan ก็ไม่ได้อยากขึ้นเป็น CEO ของบริษัทเท่าไหร่นักในปี 2018 แต่จำเป็นต้องขึ้น เนื่องจากคุณ Brian Krzanich ได้ลาออกอย่างกะทันหันหลัง ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานทั้งที่เจ้าตัวแต่งงานแล้ว ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่าหลังจากนี้จะเป็นการ คาดเดา ของผู้เขียนเองครับหากยังจำกันได้ดีก่อนหน้านี้ผมได้กล่าวไปแล้วว่า AMD จำเป็นต้องออกจากการแข่งขันไปในช่วงปี 2013 พอดี เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง Floating Point Unit และหลังจากนั้นประมาณ 3 ปีในยุคของ Kabylake หรือปี 2016 ทาง intel ก็เริ่มมาถึงทางตันเพราะ ไม่สามารถย่อการผลิตเหลือ 10nm ได้ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง $7,000 ล้าน ซึ่งผู้เขียนคาดเดาว่า ในมุมมองของ CEO จากฝั่ง Marketing เป็นไปได้ว่าคุณ Brian Krzanich อาจมองว่ามันเป็นเงินลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเสียเท่าไหร่ เนื่องจากในตอนนั้นทาง intel ก็ยังไม่มีคู่แข่งตัวฉกาจที่จำเป็นต้องรีบเร่งผลิต CPU รุ่นใหม่ๆ ออกมาขายสู้ บวกกับทางบริษัท ตัดสินใจลงไปตีตลาด InterConnect (Omni-Path ตัว Network ของ Supercomputer เริ่มขายครั้งแรกปี 2016) ด้วยการซื้อเทคโนโลยีการผลิตมาจาก Cray ด้วย จึงเป็นไปได้ที่ในตอนนั้นทางบริษัทเลยไม่ได้ตัดสินใจลงทุน เครื่องจักรสำหรับผลิต CPU ที่มีขนาด Transistors เล็กลงแต่อะไรๆ มันเริ่มไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อช่วงต้นปี 2017 ทางฝั่ง AMD ได้เปิดตัว CPU รุ่นใหม่หรือก็คือ AMD Ryzen ที่ดันมีประสิทธิภาพเกือบเทียบเท่ากัน แถมยังขายในราคาที่ถูกกว่า พร้อมกับให้จำนวน Core มาเยอะกว่า การประกาศเปิดตัว Ryzen จึงทำให้ intel จำเป็นต้องเพิ่มจำนวน Core เข้าไปใน CPU รุ่นเลขหลักเดียวกัน (3, 5, 7) และเอาออกมาขายในราคาที่เท่าๆ กับ AMD กล่าวคือโดนบังคับให้ได้กำไรน้อยลงจาก CPU หนึ่งตัวที่ขายได้ แถมยังเริ่มโดนแย่งลูกค้าในตลาดไปอีก ต่อมาในปี 2018 คุณ Brian Krzanich ได้ประกาศลาออก และคุณ Bob Swan ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็น CEO แทน อย่างที่ผมบอกไปว่าจริงๆ แล้ว เขาเองก็ไม่ได้อยากขึ้นมาเป็น CEO เท่าไหร่ แต่ในเมื่อได้เป็นแล้วก็ต้องพยายามทำหน้าทีให้ดีที่สุดคุณ Bob Swan ได้ตัดสินใจออกนโยบายที่จะเน้นสร้างกำไรให้กับบริษัทมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และน่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันที่ intel ยังคงผลิต CPU ขนาด 14nm แม้ว่าคู่แข่งอย่าง AMD สามารถลงไปถึง 12nm แล้วในปีเดียวกันที่นี้แผลใหญ่ที่สองของ intel เริ่มในปี 2019 เมื่อบริษัทประมูล Supercomputer รุ่นต่อไปแพ้ให้กับ Cray จนส่งผลให้จำเป็นต้องยกเลิกการผลิต Omni-Path รุ่นที่ 2 ในปี 2019 ซึ่งในจุดนี้ส่งผลให้ intel จำเป็นต้องออกจากตลาด InterConnect และสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป ที่นี้ intel ยังเหลือขาสุดท้ายที่ทางบริษัทหวังจะทำกำไรอยู่ ซึ่งก็คือทางฝั่งของ GPU โดย GPU ในที่นี้ไม่ใช่สำหรับเสียบเล่นเกม แต่เป็น GPU สำหรับเครื่อง Supercomputer ชื่อว่า Ponte Vecchio Ponte Vecchio เป็นสิ่งที่ intel ลงเงินไว้เยอะมาก โดยที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อออกมาแล้วจะสามารถสู้กับทาง Nvidia และ AMD ได้รึเปล่า เนื่องจากมีข้อมูลน้อยมากในตอนนี้ (หลายคนอาจไม่รู้แต่จริงๆ แล้ว Nvidia กับ AMD ทำมากกว่าสิ้นค้าตลาด Personal Computer เยอะมากๆ ครับ) แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมต้องการจะสื่อว่า ในช่วงปี 2016 มาจนถึงปัจจุบัน intel มีการลงทุนในด้านอื่นๆ มากมาย พอรวมกับนโยบายของ CEO ที่มาจากฝั่ง Marketing แล้ว จึงทำให้บริษัทไม่ตัดสินใจลงทุนผลิต CPU ขนาดที่เล็กกว่า 14nm เสียทีผลกระทบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2016 - 2021อีกหนึ่งผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว คือการที่ Nvidia ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arm ซึ่งเป็นบริษัทผลิตออกแบบสถาปัตยกรรม CPU โดยหลายคนเชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการของ Nvidia ในครั้งนี้ มีความหมายว่าทางบริษัทสีเขียวจะลงมาแข่งในตลาดของ CPU ด้วยเช่นเดียวกับ AMD ที่ผลิคทั้ง GPU และ CPU การที่ผู้ใช้งานใช้ทั้ง GPU และ CPU ที่มาจากผู้ผลิตเดียวกัน ย่อมแสดงศักยภาพได้ดีกว่าแน่นอน ระบบ Smart Access Memory ตัวใหม่ของ AMD ที่เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องได้เมื่อใช้งาน CPU และ GPU ของ AMD เป็นหลักฐานชั้นดีของเรื่องนี้ จากข่าวนี้จึงทำให้ผู้บริหารเบื้องบนของ intel หลายคนได้ตัดสินใจลาออกไปอยู่กับบริษัทที่ดูมีอนาคตมากกว่าอย่าง Google กับ Amazon หลายคน และได้ทำให้ขวัญกำลังใจของทีมวิศวกรภายในแย่ลงไปอีก Roadmap อะไรที่เคยวางไว้ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไป (และเป็นเหตุผลเดียวกันที่ Ponte Vecchio ยังไม่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย) เมื่อแผนอะไรต่างๆ ที่เคยวางไว้ถูกเลื่อนออกไป ก็ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลง หุ้นก็ตกอีก คือทุกอย่างมันล้มเป็นโดมิโน่ไปหมดintel ที่เหมือนจะจับทางได้แล้ว และความหวังใหม่ Alder Lakeมาจนถึงตอนนี้หลายคนอาจกำลังคิดว่านี้อาจเป็นจุดจบของ intel แล้วหลังจากที่ยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน แต่ยุคสมัยใหม่ของ intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger เป็นอะไรที่น่าคาดหวังเมื่อ CEO ของบริษัทกลับมาเป็นคนจากสายวิศวกรอีกครั้งในรอบ 10 ปี เขาได้ให้สัญญาไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่าจะทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปให้ได้ โดยสิ่งแรกที่เขาทำคือการสร้างโรงงานใหม่ และไปขอแย่งซื้อเครื่องผลิตชิปขนาด 10nm และ 7nm จากทาง ASML ให้ได้ภายในปี 2022 โดยโรงงานใหม่ของ intel นี้จะเริ่มรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นด้วย (เปลี่ยนนโยบายโรงงานเป็นแบบเดียวกับ GlobalFoundries ของ AMD) จากประกาศครั้งนี้ทำให้หุ้นของ intel ขึ้นเลยทีเดียวล่าสุดยังได้มีการนำคุณ Shlomit Weiss อดีตวิศวกรมากความสามารถ หนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จของ Sandy Bridge และ Skylake ยุครุ่งเรืองของ intel กลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปรุ่นใหม่ Alder Lake ที่จะวางขายในปีหน้า โอเคครับนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่า CPU รุ่นใหม่ของ intel จะลงไปถึง 10 หรือ 7nm ได้หรือไม่ ยิ่งล่าสุดข่าวลือใหม่เกี่ยวกับ CPU Zen 4 ของทาง AMD จะลงไปถึง 5nm ได้แล้วด้วย แบบนี้ intel จะสู้ได้หรือเปล่า? และนี้คือสิ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้กับเพื่อนๆ เป็นอย่างสุดท้ายครับคุณไม่ต้องไปสนใจครับว่า ค่ายไหนจะผลิตเทคโนโลยีผลิตชิปกี่ nm หรือมี Transistors มากน้อยขนาดไหนใน CPU หนึ่งตัว สิ่งที่เพื่อนๆ ควรจะให้ความสนใจคือ CPU ตัวนั้นแรงมากขนาดไหนเมื่อเอามาใช้งานจริง! จะผลิตออกมา 28nm ก็ได้ครับ ถ้าหากว่ามันแรงกว่าของเจ้าไหนในโลก เพราะสุดท้ายแล้วประสิทธิภาพของ CPU คือปัจจัยหลักที่ผู้ใช้งานจะเลือกซื้ออยู่ดี โดยเชื่อว่าในปีหน้าการแข่งขันในตลาด CPU จะต้องร้อนแรงขึ้นไปอีกแน่นอน เมื่อล่าสุดทาง Qualcomm เอง ก็ได้ประกาศว่าจะลงมาแข่งขันในตลาด CPU ของ Notebook ด้วยเช่นกัน ไหนจะมี Nvidia ที่เพิ่งซื้อ ARM ไปอีก สำหรับใครที่สนใจอยากตามติด intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger วัน 27 กรกฎาคม นี้จะมีไลฟ์สตรีมเปิดเผย Roadmap ใหม่ของ intel ในไลฟ์สตรีม intel accelerated รอดูกันได้เวลา 4.00 บ้านเรา รอดูกันได้ครับCredit : Blognone, ExtremeIT, 9Arm และ TechOffside
08 Jul 2021
ลือ! Legions รุ่นใหม่จะเป็นสายเลือด AMD แท้ มาพร้อม RX 6600M
PC ที่มาพร้อมกับสายชิป AMD แท้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ได้รับความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Smart Memory Access ช่วยเพิ่มความสามารถของเครื่องได้ 10 - 15% และเครื่องฝั่ง AMD แท้ยังกินไฟน้อยกว่า ใช้งานได้นานกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าหนึ่งในแบรนด์ที่เปิดตัวเครื่อง AMD สุดน่าสนใจมาแล้วก่อนหน้านี้คือ Asus ROG Strix G15 ซึ่งมอบประสิทธิภาพยอดเยี่ยมได้จริงๆ ล่าสุดทาง Lenovo เองก็เหมือนจะมีเครื่อง AMD แท้กำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน โดย rogame ได้โพสต์โชว์สเปคของเครื่องที่อยู่ระหว่างพัฒนาออกมาให้เราชม Legion 5 ใหม่จะมาพร้อมกับ AMD Ryzen 7 5800H / AMD Radeon RX 6600M GPUโดยจากสเปคแล้วถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามองเลยทีเดียว ถ้าหากว่าราคาไม่แพงด้วย ก็จะยิ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมากๆ ในช่วงนี้ ต้องรอดูประกาศอย่างเป็นทางการจาก Lenovo อีกทีครับCredit : Videocardz
08 Jul 2021
สอนวิธีถอนติดตั้ง Windows 11 และกลับไปใช้ Windows 10
เปิดให้อัปเกรดขึ้นไปใช้งานก่อนได้ฟรีมาได้สักพักแล้วสำหรับ WIndows 11 ผ่าน Windows Insider Program ซึ่งหลังจากเปลี่ยนไปทดลองใช้ระบบปฏิบัติการใหม่แล้ว หลายคนน่าจะได้พบกับปัญหาบัคไม่มากก็น้อย เนื่องจากยังอยู่ในช่วง Beta บางคนอาจพบว่าตัวเองไม่สามารถใช้งานโปรแกรมสำคัญๆ ที่ใช้เป็นปกติได้เนื่องจากยังไม่รองรับ หรือบางคนอาจไม่ใช่ UI ใหม่ของ Window 11 เลยนับเป็นโชคดีที่ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับ Windows 10 มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การปรับแต่ง Registry ให้มี File Explorer แบบเดียวกับ Window 10 แต่สำหรับบางคนการกลับไปใช้ Window 10 เลยอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าหลังจากพบว่า Window 11 ยังไม่เข้ามือในตอนนี้ การลง Window ใหม่เลยเป็นหนึ่งในทางออกที่ทำได้ แต่สำหรับคนที่ขี้เกียจลง Window ใหม่วันนี้เรามีวิธีถอดการติดตั้ง Window 11 และกลับไปใช้ Window 10 ง่ายๆ มาฝากครับ (ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Tom's Hardware)1 ไปที่  Settings->System->Recovery2 เลือก Go Back ตรงหัวข้อ Previous version of Windows.3  จะขึ้นหน้าต่างสีฟ้าตามรูป ให้เลือกบอกเหตุผลที่จะกลับไปใช้ Windows 10  ตามเหตุผลส่วนตัวได้เลย เสร็จแล้วกด Next4 Microsoft จะถามว่า 'ไม่รองอัปเดต Windows 11 ดูก่อนไหม' ตรงนี้ถ้าเพื่อนๆ ตัดสินใจจะกลับไปใช้ Windows 10 จริงๆ ให้กด No Thank ได้เลย5 จากนั้นจะมีหน้าต่างสีฟ้าขึ้นมาอีก 2 ครั้งให้กด Next ทั้ง 2 ครั้ง6 หน้าต่างสุดท้ายจะขึ้นมาถามว่าเรายืนยันจะกลับไป Windows 10 จริงๆ ใช่ไหม? ให้กด  Go back to earlier build7 ระบบจะใช้เวลาสักพักในการถอดการติดตั้ง Windows 11 และติดตั้ง 10 8 หลังจาก Windows 10 กลับมาใช้งานได้แล้ว ให้ไปที่   Settings->Update & Security->Windows Insider program แล้วกดเปิด Toggle ตรง   stop getting preview builds จาก Off เป็น On9 หน้าเมนูนี้จะทำการ Refresh ตัวเองอัตโนมัติ จากนั้นจะโชว์ปุ่ม Restart Now ขึ้นมา ให้กดเพื่อทำการ Restart อีกครั้ง10 กลับเข้าไปเช็กที่หน้า Window Insider อีกครั้งว่าเครื่องของเราไม่ได้อยู่ในโครงการแล้ว ซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ควรจะขึ้นรูปแบบเดียวกับด้านล่างนี้ถ้าหาก Windows ขึ้นแจ้งเตือน พยายามจะอัปเกรดขึ้นไปเป็น Windows 11 ใหม่!ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้หากเพื่อนๆ กดออกจาก Insider Program หลังจากที่การดาวน์โหลด WIndows 11 เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ โดยจะมีแจ้งเตือนขึ้นที่ขวาล่างของหน้าจอ ตามภาพด้านล่าง ถ้าหากเพื่อนๆ เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อย่ากด Restart เด็ดขาด! ให้ไปลบไฟล์ Windows 11 ทั้งหมดภายในเครื่องก่อนปิดเครื่อง ซึ่งสามารถทำได้โดยการไปที่  C:\Windows\SoftwareDistribution\Downloadfolder แนะนำให้คลุมดำทั้งหมดแล้วกด Shift + Delete ไปเลย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา จะมีการถามว่าจะลบไฟล์พวกนี้จริงหรือไม่ ก็ให้ตอบตกลงไปหลังจากนั้นให้ไปที่ Power Menu เลือก Update and Restart เพื่อให้เครื่องจำว่าจำต้องใช้ Setting ใหม่ ซึ่งไม่อยู่ใน Insider Program แล้ว และให้จดจำว่าไม่จำเป็นต้อง Download ชุดติดตั้ง Windows 11 อีก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถกลับไปใช้ Windows 10 ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
เปิดตัว Storage Card อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณติดตั้ง SSD m.2 ได้ถึง 16 ตัว!
สำหรับการใช้งาน PC สักเครื่อง จำนวนช่อง SSD เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน? เป็นคำถามที่ถูกตั้งขึ้นโดย Apex Storage โครงการ KickStarter ที่พยายามจะสร้างแผ่น PCB ซึ่งสามารถรองรับการเชื่อมต่อ SSD แบบ M.2 ได้พร้อมกัน 16 ตัว แถมยังสามารถต่อ SSD แบบ Sata ได้อีก 16 ตัว!PCB ดังกล่าวยังรองรับความเร็วในการ Read / Write สูงสุดถึง 7,377 MB/s และ 5,712 MB/s แต่เพื่อให้เจ้าแผงนี้ทำงาน จำเป็นต้องต่อไฟเลี่ยง 6 Pin ให้กับเจ้าแผง PCB นี้ด้วย เบื้องต้นคิดว่าสายเล่นเกมอาจไม่ได้สนใจเจ้า แผ่น SSD นี้มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับสายทำงานโดยเฉพาะคนที่เป็นสายตัดต่อ อาจจะอยากเป็นเจ้าของแผ่น PCB นี้อย่างไรก็ตามสำหรับขนาดไฟล์เกมในปัจจุบัน ก็มักมีขนาดใหญ่ระดับ 50GB + การมีอุปกรณ์สำหรับเพิ่มขนาด SSD M.2 ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่แนะนำว่าให้เริ่มคิดที่จะซื้อเจ้าแผ่น PCB นี้ก็ต่อเมื่อพื้นที่ไม่พอจริงๆ ครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
Intel ประกาศนำวิศวกรมากความสามารถกลับมาพัฒนาชิปอีกครั้ง
หลังจากนอนกินมานานอยู่หลายปีจนปล่อยให้คู่แข่งอย่าง AMD แซงหน้าไปได้ในตลาด CPU สำหรับ Personal Computer ดูเหมือนทาง Intel จะเริ่มตั้งตัวได้แล้ว ล่าสุดทางบริษัทมีการประกาศนำวิศวกรมากความสามารถ Shlomit Weiss กลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปหลังจากเธอออกไปทำงานให้กับ Nvidia มาเป็นเวลา 4 ปีก่อนจะไปทำงานให้กับ Nvidia คุณ Weiss เคยทำงานร่วมกับ Intel มาเป็นเวลา 28 ปี เธอเป็นคนมากความสามารถที่ขึ้นรับรางวัลออกแบบสถาปัตยกรรมชิปประมวลผล โดยชิป Sandy Bridge และ Skylake ก็เป็นผลจากการนำทีมผลิตโดยเธอเช่นกัน การกลับมาเป็นหัวหน้าทีมผลิตอีกครั้ง เชื่อว่าจะนำพายุคทองของ Intel กลับมาอีกครั้งCEO ของบริษัทคนปัจจุบัน Pat Gelsinger เคยประกาศออกมาว่า เขาต้องการทำให้ Intel กลับไปเป็นผู้นำในตลาด CPU อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเวลาได้หลายปีแล้ว ที่เราไม่ได้เห็นวิศวกรเป็นผู้นำของ Intel ซึ่งคิดว่าเราน่าจะคาดหวัง กับยุคใหม่ของ Intel นี้ได้ครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
ราคา GPU ในเยอรมันลงมาเหลือ 153% จาก 304% คาดอาจส่งผลถึงบ้านเราเร็วๆ นี้
นับเป็นข่าวดีสำหรับชาวเกมเมอร์ PC อย่างต่อเนื่องเมื่อราคาการ์ดจอในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มทยอยตกลงมาถึงจุดที่ใกล้กับราคาเปิดตัวแล้ว ซึ่งล่าสุดทางฝั่งประเทศเยอรมัน ดูเหมือนราคาการ์ดจอจะลงมาเหลือประมาณ 154% ของราคาเปิดตัวแล้วจากก่อนหน้านี้ที่สูงถึง 304% แม้นี้จะไม่ได้หมายความว่าราคา GPU บ้านเราจะลงไปเท่าๆ กันในเร็ววัน แต่ก็ยังถือเป็นข่าวดีที่น่าจะสร้างรอยยิ้มให้เราบ้างไม่มากก็น้อยก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีพ่อค้าจำการ์ดจอ 3070 จากจีนเข้ามาขายในบ้านเราในราคาที่ถูกมากๆ อยู่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเรื่องเหมือนๆ กันอาจเกิดขึ้นกับการ์ดจอจากประเทศเยอรมันเช่นกัน หรืออย่างน้อยก็เป็นทางเลือกให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ว่า จะสั่งซื้อการ์ดจอจากต่างประเทศดีรึเปล่า? แม้ว่าการเคลมอาจทำได้ยากเมื่อการ์ดจอเสีย แต่ก็แลกมากับการได้ของในราคาที่อาจจะถูกกว่าในตอนนี้สำหรับราคาในบ้านเรา เชื่อว่าอาจจำเป็นต้องรองาน Commart อีกครั้งเพื่อที่พ่อค้าอื่นๆ จะได้เห็นราคากลางมากขึ้น ก่อนตัดสินใจปรับราคาลงมาเป็นปกติ หรืออย่างน้อยเท่ากับร้านค้าใหญ่ๆ แต่ต่อให้ไม่มีงาน Commart เชื่อว่าอย่างช้าก็ปีหน้าที่ราคาการ์ดจอจะกลับมาเป็นปกติ ใครที่กำลังจะจัด PC เครื่องใหม่มาเพื่อเล่นเกม ถ้าเป็นไปได้ก็รอเพิ่มกันอีกสักนิดครับCredit : PCGamer
06 Jul 2021
รีวิว Asus G15 ใหม่ AMD แท้ Ryzen 9 5900HX + Radeon RX 6800M แรงระดับแนวหน้าของโลก
ถือได้ว่าเป็นปีที่การต่อสู้ระหว่างผู้ผลิต Hardware ร้อนระอุมากๆ เมื่อ AMD เปิดตัวทั้ง CPU / GPU รุ่นใหม่ ที่มีความแรงไม่น้อยหน้าคู่แข่งอย่าง Intel และ Nvidia เลย แถมยังเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Smart Access Memory ที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับ หน่วยประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ทั้ง CPU กับ GPU ของ AMD ทั้งคู่จึงได้รับความสนใจจากแฟนๆ มากขึ้นในช่วงนี้ล่าสุดทางนับเป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้สัมผัสเครื่อง AMD แท้ตัวใหม่ เครื่องแรกจากทาง Asus อย่าง ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ซึ่งแม้ว่าตัวที่เราได้มาทดลองใช้ก่อนนี้จะยังเป็นรุ่นทดลอง แต่ในเรื่องของความแรงถือว่าอยู่ระดับแนวหน้าของโลกสำหรับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเลยทีเดียวสเปก CPU : AMD Ryzen 9 5900HX (8C/16T & 3.30 – 4.60GHz)GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 6800M (12GB GDDR6)RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHzDISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 300HzSTORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GBOS : Windows 10 Homeไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะ แค่ CPU : AMD Ryzen 9 5900HX กับ GPU : Radeon RX 6800M (12GB GDDR6) ซึ่งเป็นชิประดับท็อปทั้งคู่ถูกใส่เข้ามาในเครื่องเดียวกัน ก็คงพอจะบอกเพื่อนๆ ได้แล้วว่าเจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งนี้จะแรงได้มากขนาดไหน แน่นอนว่าหลายคนอาจกังวลในเรื่องของความร้อนที่อาจจะมากมาเป็นเงาตามตัว เมื่อเครื่องมีสเปกที่สูงขนาดนี้ แต่บอกได้เลยว่าหายห่วงครับทาง Asus ได้มีการใส่ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่ชื่อว่า ROG Intelligent Cooling กับสารโลหะเหลวจากทาง Thermal Grizzly แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ นอกจากนี้ยังมีการยกตัวฐานให้สูงจากพื้นเล็กน้อย เพื่อให้อากาศสามารถผ่านใต้เครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การระบายความร้อนทำได้ดีจะใช้งานต่อเนื่อง หรือเล่นเกมหนักๆ ก็ไม่มีปัญหาแอบเสียดายเล็กน้อยที่หน้าจอให้มาที่ความละเอียดเพียงแค่ Full HD ซึ่งเข้าใจว่าทาง Asus ต้องการมอบจอ Refresh Rate สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ แต่ด้วยความที่มีการ์ดจอแรงระดับ RX 6800M แล้ว ก็หวังว่าตอนขายจริง จะมีรุ่นจอความละเอียดสูง 2K / 4K แต่มี Refresh Rate ไม่สูงมากมาให้สายเล่นเกมคนเดียวได้เลือกซื้อกันด้วยดีไซน์สำหรับ ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ยังคงคอนเซ็ปต์แบบเรียบหรู ไม่ต่างจากรุ่นที่ผ่านมา พร้อมใส่ลูกเล่นเล็กน้อยบริเวณไฮไลท์สีแดงขอบด้านซ้ายบนของตัวเครื่อง ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ 3 แบบ คือแดง, เท่า, และดำ โดยแผ่นสีอื่นๆ จะแถมมาด้วยเลยกับตัวเครื่อง ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเป็นสีที่ตัวเองต้องการได้ง่ายๆ เพียงแค่สไลด์เข้าออกเบาๆ ในส่วนของคีย์บอร์ด แน่นอนว่าในเมื่อเป็นรุ่นเกมมิ่งในรหัส Strix แน่นอนเลยว่าต้องมาพร้อมกับของคุณภาพสูง พร้อมไฟ RGB แบบโคตรเท่ สามารถปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้งาน แต่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับ Touch Pad ที่ลื่นไหลมากกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา ส่งผลให้การใช้งานทั่วไปลื่นไหล่ไม่จำเป็นต้องต่อเมาส์แยกเลยสุดท้ายคือในเรื่องของแบตเตอรี่ เรียกได้ว่าต้องขอบคุณที่ Chip ของ AMD มีการกินไฟที่น้อยมาก จึงทำให้เจ้าเครื่องรุ่นนี้สามารถเล่นเว็บ สลับกับดู Yotube ด้วยความสว่าง และเสียงระดับปานกลางได้ยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง คือกล่าวได้เลยว่า หากใช้งานทั่วไปไม่มีแบตหมดระหว่างวันแน่นอนภายใน / อัพเกรด ภายในของ G15 สาย AMD แท้นี้ จะมาพร้อมกับดีไซน์ 2 พัดลมซ้าย / ขวา มีการซ้อน Heat Pipe อย่างดี เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับการจัดระเบียบที่เรียบร้อย สำหรับ Ram จะติดตั้งมาแบบ 8GB X 2 ส่งผลให้หากเพื่อนๆ อยากอัปเกรดเป็น 32 GB ก็จำเป็นต้องถอดตัวเก่าออกก่อนแล้วใส่ตัวใหม่เข้าไป แต่เบื้องต้นเชื่อว่า 16 GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รวมถึงเล่นเกมหนักๆ แล้วครับสำหรับ SSD ที่ให้มาน้อยไปหน่อย 512 GB ทาง Asus ได้มีการทำช่อง SSD M.2 ไว้ให้ด้วยอีก 1 ช่องทางซ้ายด้านล่างของพัดลม สามารถอัปเกรดด้วยตัวเองได้เลยง่ายๆ สำหรับการอัปเกรด SSD แบบ Sata 3 ไม่สามารถทำได้ในเครื่องรุ่นนี้ ดังนั้นหากจะอัปเกรด M.2 แล้ว แนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีความจุสูงๆ แบบ 1 - 2 TB ไปเลย เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าหากใครบอกว่า 512 GB ก็คือเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดครับผลทดสอบสำหรับผลทดสอบในรอบนี้ผมได้ทำการทดสอบกับโปรแกรมที่มีมาตรฐานมากขึ้นอย่าง 3D Mark Time Spy กับเกมระดับแนวหน้าอีก 3 เกมอย่าง Shadow of the Tomb Raider, FARCRY 5 และ Assassin's Creed Valhalla โดยต้องบอกเลยว่าคะแนนที่ได้ รวมถึงค่าเฉลีย FPS เป็นอะไรที่น่าพึงพอใจอย่างมากครับเริ่มด้วยผลทดสอบจาก 3D Mark Time Spy ที่มีคะแนนรวมมากกว่า 10,000 เทียบเท่าได้กับเครื่อง Desktop ระดับ High End เลยก็ว่าได้ อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าเจ้าเครื่องนี้ยังเป็นรุ่น Prototype เท่านั้น กล่าวคือเมื่อเป็นรุ่นผลิตจำนวนมากแล้ว ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition จะต้องสามารถทำคะแนนได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน และจากช่อง Estimated Game จะสังเกตได้ว่า Battlefield V แบบ 2K ปรับ Ultra ก็ยังน่าจะได้ FPS 100+ แต่เพื่อให้แน่ใจมากขึ้น ผมจึงได้ทดสอบ Benchmark เกมแบบหนักๆ มาให้เพื่อนๆ ดูด้วยอีก 3 เกมด้วยกันเริ่มด้วย Shadow of the Tomb Raider ที่ได้ชื่อว่ากินสเปคสูงมาก ผลทดสอบในระดับ Ultra ตัวเครื่องสามารถทำ FPS ได้เฉลี่ย 68 ต่อวินาที และมี Min อยู่ที่ 49 ซึ่งหมายความว่าประสบการณ์ตอนเล่นจริงจะไม่พบกับภาพกระตุกเลยอย่างแน่นอน ต่อด้วย Assassin's Creed Valhalla ผลงานภาคล่าสุดของซีรีส์นักฆ่าชื่อดัง ซึ่งในครั้งนี้กราฟิกก็ถูกตั้งค่าให้อยู่ในระดับ Ultra High เช่นกัน แม้ว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 68 FPS เท่าๆ กับ Shadow of the Tomb Raider แต่ในส่วนของความแกว่ง ถือว่าหนักพอสมควร 20 - 162 FPS แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากการที่เครื่องยังเป็นตัว Prototype อยู่ จึงทำให้ Frameware และระบบอาจยังไม่เสถียรดี ต้องรอทดสอบอีกครั้งในตอนที่เครื่องวางขายจริงๆ อีกครั้งปิดท้ายด้วย FARCRY 5 เกมที่เก่ากว่าเล็กน้อยจาก Ubisoft เช่นกัน ซึ่งผลทดสอบที่กราฟิกระดับ Ultra ก็ได้ FPS ที่นิ่งพอสมควรเลย โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 88 FPS และต่ำสุดอยู่ที่ 68 FPS สูงสุด 110 FPS กล่าวคือสามารถเล่นได้แบบลื่นๆ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนทดสอบการระบายความร้อนในส่วนของการระบายความร้อน ถือว่าทำได้ดีมาก ต่อให้อยู่ระหว่างใช้งานหนักๆ CPU / GPU ก็มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 70 - 80 องศา ในห้องแอร์เปิด 25 องศา ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออะไรเลย ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการดีไซน์ทิศทางการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยมอย่างที่กล่าวไปข้างต้นกับ Thermal Grizzly ที่ช่วยทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานหนักๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง Overheat เลยครับน่าเสียดายที่สำหรับตอนนี้ผมยังไม่สามารถตอบคำถามที่เพื่อนๆ น่าจะอยากรู้ที่สุดอย่างราคาของเจ้า ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ได้ แต่เบื้องต้นทราบมาจากต่างประเทศว่าจะอยู่ที่ประมาณ $1650 นอกจากนี้ทาง Asus จะมีการวางขายรุ่นที่สเปครองลงมาอย่าง Ryzen 5 5600H / Ryzen 7 5800H กับการ์ดจอรุ่นรองอย่าง Radeon RX 6600M / Radeon RX 6700M ด้วย อย่างไรก็ตามขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าเครื่องที่ผมได้มาทดสอบยังเป็น Prototype อยู่ ดังนั้นประสิทธิภาพจริงตอนวางขายอาจยังสูงได้มากกว่านี้อีก และในเรื่องของราคาก็ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official เช่นกัน ดังนั้นต้องรอดูกันต่อไปครับ
05 Jul 2021
Qualcomm เตรียมลงแข่งในตลาด Notebook เผยมั่นใจมากชนะ Intel, AMD และ Apple ได้!
Qualcomm ถือได้ว่าเป็นบริษัทผลิต CPU ของมือถือชื่อดัง ที่มีมือถือหลายรุ่นในตลาดซึ่งใช้ชิปประมวลผลของพวกเขาอยู่ ซึ่งล่าสุดเหมือนว่าทาง Qualcomm จะเตรียมบุกตลาด Notebook ในปีหน้า แถมยังมั่นใจมากๆ อีกด้วยว่า ชิปของพวกเขาจะสามารถเอาชนะ Intel, AMD และ Apple ได้ในเรื่องของประสิทธิภาพ!งQualcomm ประกาศแผนที่จะบุกตลาด Notebook ในช่วงต้นปี 2022 ด้วยชิป Nuvia's architecture ที่ทางบริษัทเพิ่งจ่ายเงินถึง $1.4 พันล้านซื้อมาในช่วงต้นปี ภายใต้การนำของอดีตวิศวกรของ Apple, AMD, Google, และ Broadcom โดย 3 คนจากในนั้นเคยมีประสบการณ์ออกแบบชิป Arm's architecture ที่ใช้งานพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก่อน จึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มวิศวกรมากความสามารถเลยก็ว่าได้ชิปดังกล่าวที่ Nuvia สร้างขึ้นมามีชื่อว่า Phoenix Core ซึ่งสามารถ แสดงประสิทธิภาพได้มากกว่า AMD’s Zen 2, Intel’s Sunny Cove และ  Apple's A13 Lightning cores โดยใช้พลังงานน้อยกว่าบน Geekbench 5 อาจด้วยการประสบความสำเร็จนี้ จึงทำให้บริษัทมั่นใจมากว่าจะสามารถสู้กับทั้ง 3 ได้บนตลาด Notebook ้เช่นกันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Qualcomm พยายามจะบุกตลาด Notebook ย้อนกลับไปเมื่อ 7 - 8  ปีก่อน ทางบริษัทเคยพยายามจะลงมาแข่งขันด้วย Centriq CPUs ต้องรอดูว่าการกลับมาครั้งนี้จะต่างจากครั้งก่อนหรือไม่Credit : Tom's Hardware
05 Jul 2021
บริษัทญี่ปุ่นเปิดตัวจอเกมมิ่งตัวใหม่ ที่มาพร้อมกับ IGZO ที่เห็นได้ใน TV รุ่นราคาแพงๆ
Green House Gaming อาจเป็นชื่อผู้ผลิตสินค้าเกมมิ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ภายในแดนปลาดิบ แบรนด์นี้ถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และที่จำเป็นต้องหยิบแบรนด์นี้ขึ้นมาพูดถึงในวันนี้ เป็นเพราะพวกเขาเพิ่งเปิดตัวจอเกมมิ่งใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี IGZO ส่งผลให้สามารถแสดงภาพความละเอียด และ Refresh Rate ที่สูง รวมถึง Response Time แบบ GTG เพียงแค่ 2 MS พร้อมกับระบบ HDRIGZO เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในโมดูลแบ็คไลท์ของแผง LCD  หนึ่งในจุดเด่นคือการที่จอนี้สามารถแสดงผลของสีได้ตรงระดับ 99.99% SRG และ 96% Adobe RGB coverage. โดยมีเพียงไม่กี่บริษัทในโลกเท่านั้นที่สามารถใช้จอแบบ IGZO ได้ (Samsung และ Sharp) ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้มักเห็นได้ใน TV รุ่นราคาแพงมากๆ เท่านั้นวัสดุจอรุ่นใหม่ของ Green House Gaming นี้ถูกผลิตโดย Sharp ซึ่งล่าสุดทางบริษัทยังไม่มีการเปิดตัวราคาของเจ้าจอรุ่นใหม่นี้ และยังไม่ทราบด้วยว่าเราจะมีโอกาสหาซื้อได้นอกประเทศญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้Credit : Tom's Hardware
05 Jul 2021
Windows 11 จะโชว์ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการอัปเดตแล้ว
ถือได้ว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีจริงๆ สำหรับผู้ใช้งาน Window ทุกคน เมื่อล่าสุดมีข่าวออกมาว่า Window 11 จะระบุเวลาที่ใช้ในการอัปเดตระบบแล้ว!!! ซึ่งมันจะช่วยให้เราสามารถวางแผนได้ง่ายขึ้นว่า จะไปทำอะไรดีในขณะที่รอเจ้าระบบปฏิบัติการทำการพัฒนาตัวเองที่ผ่านมา Window จะโชว์ว่าทำการอัปเดตระบบไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมกับบอกเราว่าอย่าทำการ Restart หรือ Shutdown เท่านั้น ผู้ใช้งานจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการอัปเดตแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ บางครั้งก็ 5 - 10 นาที แต่การอัปเดตที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงก็มีให้เห็นอยู่เช่นกันอย่างไรก็ตามอีกหลายเดือนเลยกว่าเราจะได้สัมผัสกับการอัปเดตที่บอกเวลาเช่นนี้ เนื่องจาก Microsoft จะเปิดให้เราอัปเดตไปใช้งาน Window ใหม่กันอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้าCredit : WindowCentral
02 Jul 2021
รวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการใหม่ Windows 11
นับเป็นเวลาได้ 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่การเปิดตัว Window 10 โดย Microsoft หลายคนคงได้ยินข่าว หรือข้อมูลกันมาบ้างไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับความยอดเยี่ยมของระบบปฏิบัติการใหม่ Window 11 ที่มีแผนจะวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2021 นี้ และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในปัจจุบันสามารถอัปเกรดได้ฟรีในช่วงต้นปี 2022 เพื่อให้เห็นภาพตรงกันวันนี้ผู้เขียนอยากพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Window 11 นี้มากขึ้นสำหรับ Window 11 นั้นได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์เก่าหลายตัว รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้งานทั่วไป, การทำงาน, การเรียน และการเล่นเกม ทั้งยังมีระบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน ปิดฟีเจอร์บางอย่างที่ไม่จำเป็นเมื่อไม่ได้ใช้งาน ลดการทำงานของอุปกรณ์ลงเพื่อไม่ให้กินไฟเกินความจำเป็น รู้แบบนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะตื่นเต้นกันแล้วไม่มากก็น้อย ถ้าพร้อมแล้วไป รู้จักกับ WIndow 11 มากขึ้นกันเลยครับปล่อยตัวเต็มปลายปีนี้ อัปเกรดฟรีมาต้นปีหน้าเคยได้รายงานข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า Microsoft ตัดสินใจจะปล่อย Window 11 ตัวเต็มออกมาเดือน ตุลาคม ปลายปีนี้ และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในปัจจุบันอัปเกรดไปเป็นรุ่นใหม่ได้ฟรีในช่วง ครึ่งปีแรกของปี 2022 ซึ่งภายในช่วงปลายปีนี้ทางบริษัทจะปล่อยโปรแกรมช่วยตรวจสอบเครื่องของผู้ใช้ออกมาช่วยตรวจสอบให้ด้วยว่าเครื่องของเราสามารถอัปเกรดไปใช้ Window 11 ได้หรือไม่ และถ้าหากว่าไม่สามารถส่วนไหนที่ยังขาดไปก็จะถูกแจ้งให้กับผู้ใช้งานด้วย เบื้องต้นมีการเผยสเปคที่ต้องการออกมาแล้วสามารถดูได้ข้างล่างนี้CPU: 1-GHz or faster with 2 or more cores on a 64-bit processor. 4GB of RAM 64GB of storageUEFI BIOS with Secure BootTPM 2.09-inch or larger screen with 720p resolutionInternet connectivity and an MS account. No offline installs.GPU compatible with DirectX 12 นักพัฒนาสามารถอัปเกรดเป็นตัว Preview ได้เลยสำหรับโปรแกรมเมอร์ ที่อาจจำเป็นต้องการเวลาในการพัฒนา หรือทำความรู้จักกับ Window รุ่นใหม่ ถ้าหากมีบัญชี Windows Insider แล้ว สามารถอัปเกรด Window ขึ้นไปเป็นรุ่นใหม่เพื่อทดลองใช้งานก่อนได้เลย ซึ่งทุกคนที่เข้าไปใช้งานในช่วงนี้จะได้รับ Windows 11 Insider builds โดยไม่สนว่าเครื่องของผู้ใช้งานจะสามารถใช้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะสมัคร Windows Insider สามารถทำได้เลยผ่านขึ้นตอนด้านล่างนี้ไปที่ Settings->Update and Security->Windows Insider Program. CPU รุ่นเก่ากว่า Intel Gen 8 และ AMD  Ryzen 2000 อาจไม่สามารถใช้งาน Window 11 ได้แม้จะเป็น CPU ที่มีความแรงมากกว่าความต้องการขั้นต่ำ และมี TPM 2.0 อย่าง Intel Gen 7 หรือ AMD Ryzen 1000 ก็ยังไม่เหมาะสมสำหรับ Window 11 เรื่องนี้ได้รับการยืนยันผ่านข้อความใน Twitter ของ Steve Dispensa ยังไม่มีใครทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนี้ แต่เป็นไปได้ว่า Window 11 อาจมีความต้องการที่เกี่ยวกับ CPU ซึ่ง Microsoft ยังไม่ได้เปิดเผยอยู่ สำหรับรายชื่อ CPU ที่ WIndow 11 จะสามารถใช้งานได้ ถูกอัปโหลดขึ้นผ่านหน้าเว้บไซต์ของ Microsoft แล้ว สามารถเข้าไปดูได้เลยผ่านลิงก์นี้ แต่จากข้อความบน Twitter ของ Steve Dispensa ได้ยืนยันว่ารายชื่อ CPU นี้จะถูดอัปเดตเรื่อยๆ หลังจากนี้ ซึ่งไม่ทราบว่าในความหมายที่รองรับรุ่นเก่ามากขึ้น หรือรองรับรุ่นใหม่ๆ ที่จะตามออกมาหลังจากนี้ ต้องรอดูกันต่อไปครับ Start Menu ถูกออกแบบใหม่ / ปุ่มปิดเครื่อง  และ Taskbar ย้ายมาอยู่ตรงกลาง (เป็นแบบ   Default สามารถตั้งค่าเองได้   )เพื่อให้ดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น มีการออกแบบ UI ในส่วนของ Taskbar ใหม่ให้ย้ายมาอยู่ตรงกลางแทนมุมซ้ายล่างตามแบบฉบับดั่งเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการตั้งค้าแบบ default ซึ่งภายในหน้า Start Menu จะมีการโชว์แอป โปรแกรม ที่เราใช้งานบ่อยๆ หรือแนะนำจากระบบ Cloud จากพฤติกรรมใช้งานของเจ้าของ รวมถึงมีการออกแบบหน้าต่าง Window ให้เป็นแบบกึ่งโปรงแสง เหมือนเอากระจกอีกใบมาซ้อนทับ ปรับมุมให้เป็นแบบโค้งแทนที่ขอบแหลม ดูแล้วสบายตาเหมาะกับการใช้งานเป็นระยะเวลานานมากกว่า ดูรอบตัวอย่างได้ข้างล่างนี้ มี  Dynamic Refresh Rates ให้สารมารถตั้งค่า Hz ของจอไม่ให้สูงเกินจำเป็นได้สำหรับการเล่นเกมแล้ว การมีจอ Refresh Rate สูงๆ หมายถึงการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หมายถึงการกินไฟที่มากกว่าจอ Refresh Rate ต่ำๆ เช่นกัน ดูเหมือน Microsoft จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ออกแบบให้ผู้ใช้งาน Window 11 สามารถปรับ Refresh Rate ของจอที่ต่ออยู่ได้ง่ายๆ ผ่านระบบของ Window เองเลย ให้ลองนึกภาพตอนที่ใช้งานทั่วไปอย่างการดู Youtube, อ่าน Email หรือท่องอินเทอร์เน็ต กิจกรรมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ค่า Refresh Rate สูงๆ ของจอให้เปลืองไฟไปเปล่าๆ แต่ทันทีที่ผู้ใช้งานเลื่อนหน้าจอของเว็บลงมาข้างล่าง หรือขึ้นไปข้างบน Refresh Rate จะถูกปรับกลับมาเป็นค่าสูงสุดทันทีเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากที่สุด ระบบ  Snap Layouts และ Snap Groups ในปัจจุบัน การใช้งานหลายๆ โปรแกรมบนหน้าจอเดียวกัน เริ่มเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปสำหรับผู้ใช้งาน Window โดยเฉพาะการเรียนและการทำงาน Window 11 นำเสนอฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Snap Layouts ให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นหลายส่วนได้เพียงแค่ไม่กี่คลิก โดยช่วยให้การทำงานแบบหลายโปรแกรมสามารถทำได้ง่ายมากขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจชื่อว่า Snap Groups ระบบนี้จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ใช้งาน Laptop และกำลังต่อหน้าจอกับ Monitor อื่นเพื่อทำงานอยู่ โดย Snap Groups จะช่วยจดจำการแบ่งหน้าต่างด้วย Snap Layouts ของจอนั้นไว้ในตอนที่ถอดการเชื่อมต่อ เมื่อนำมาต่อจอใหม่ก็จะโชว์หน้าจอที่แบ่งไว้ขึ้นมาให้อัตโนมัติ ส่งผลให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่จำเป็นต้องมาแบ่งหน้าจอใหม่ โดยเจ้า Snap Groups ไม่ได้ทำงานกับเวลาต่อจอเพิ่มเพียงอย่างเดียว ผู้ใช้งานยังสามารถเก็บรูปแบบการแบ่งหน้าจอได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ดูคลิปประกอบได้ข้างล่างนี้Teams Integrated มาพร้อมกับ Windows 2020 และ 2021 เป็นยุคแห่งการทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home อย่างแท้จริง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่การทำงานต้องมีการประชุมไม่ว่าจะผ่าน Google Meets, Zoom, Skype, Discord หรือ The Teams ซึ่งเพื่อไม่ให้เป็นการยุ่งยาก Microsoft ได้ใส่โปรแกรม The Teams มาให้เลยใน WIndow 11ผู้ใช้งานสามารถกดเข้าโปรแกรม The Team ได้เลยผ่าน Start Menu ตรงกลางหน้าจอด้านล่าง พร้อมทั้งประชุมกับเพื่อนร่วมงาน หรือ Video Call หา ญาติพี่น้องได้เลยระบบ Auto HDR สำหรับเกมต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเล่นเกมผ่าน PC กลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงง่าย เนื่องจาก PC สำหรับเล่นเกมสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านราคา หรือสถานที่ซื้อ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างทั่วถึง Microsoft ได้ใส่ระบบ Auto HDR สำหรับเกมมาด้วยAuto HDR จะช่วยทำให้ภาพที่ผู้เล่นได้สัมผัสมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น Microsoft ได้โชว์ความแตกต่างระหว่างก่อนใช้ฟังก์ชันกับหลังใช้ออกมาให้เราดูด้วยข้างล่างนี้มีหน้าจอ Desktop หลายๆ แบบได้อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพื่อนๆ น่าจะชอบกันคือการให้ผู้ใช้งานสามารถจัดหน้า Desktop หลายๆ แบบเพื่อรองรับการใช้งานของตัวเองได้ โดยเพื่อนๆ อาจมีหน้าจอ Desktop สำหรับทำงาน 1 หน้าจอ สำหรับเล่นเกม 1 หน้าจอ สำหรับเรียนอีก 1 หน้าจอ และแต่ละหน้าจอสามารถตกแต่งภาพ Wallpaper, สีของ UI รวมถึงสไตล์ได้อิสระจากกันด้วย เชื่อว่าถูกใจสายชอบตกแต่งหน้าจออย่างแน่นอนWindows Widgets แบบใหม่ข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศ สิ่งที่น่าสนใจประจำวัน สภาพการเมือง โรคระบาด และอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ใช้งาน PC ในปัจจุบัน โดย Window 11 มาพร้อมกับ Widgets แบบใหม่ที่จะคอยอัปเดตข่าวสารบ้านเมือง รวมถึงสภาพอากาศให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ โดยข่าวที่ถูกหยิบขึ้นมาโชว์ จะอ้างอิงจากการใช้งานของแต่ละคร ว่าสนใจคอนเทนต์แบบไหน หรือเลือกที่จะอ่านข่าวอะไร ซึ่ง Widgets ใหม่จะซ้อนอยู่ทางซ้ายมือของจอ สามารถเปิด หรือเลื่อนปิดได้เลยง่ายๆมี Xbox Game Pass  ติดมาเลย รวมถึง DirectStorage สำหรับช่วยให้โหลดข้อมูลได้เร็วขึ้นXbox Game Pass เป็นระบบ Cloud Gaming ของ Xbox ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัครสมาชิก และเล่นเกมของ Xbox บน PC ได้เลย ซึ่งสำหรับใครที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ก็สามารถเล่นได้เลยไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม และเพื่อให้ได้ประสบการณ์ดีที่สุด ก็มีการใส่ DirectStorage ที่ทำให้สามารถโหลดเกมได้เร็วมากยิ่งขึ้นมาด้วยDirectStorage เป็นระบบที่ให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเกมจาก SSD เข้าไปใน GPU ได้เลย ไม่ต้องผ่าน Pcie และไม่เป็นภาระกับ CPU ส่งผลให้สามารถโหลดเกมได้เร็วมากยิ่งขึ้น  เล่น Android Apps  ได้โดยไม่ต้องผ่าน Imulatorสุดท้ายคือฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกใจสายชอบเล่นเกมมือถือผ่าน PC นั้นก็คือการที่ สามารถเล่นแอปจาก Android ได้เลย ซึ่งการไม่ต้องเล่นเกมหรือใช้แอปผ่าน Imulator ก็หมายถึงการที่เป็นภาระเครื่องน้อยลง และทำให้แอปสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะรองรับแอปมากขนาดไหนในตอนแรก แต่เชื่อว่า Microsoft จะพยายามทำให้รองรับทั้งหมดอย่างแน่นอนนี้คือข้อมูลสำคัญทั้งหมดที่ เราทราบเกี่ยวกับ Window 11 ในตอนนี้ โดยเชื่อว่าทาง Microsoft จะอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมให้กับเรามากขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากนี้ ซึ่งถ้าหากมีการอัปเดตเพิ่มเติมยังไง จะรีบมีอัปเดตให้เพื่อนๆ ได้รู้กันอย่างแน่นอน
01 Jul 2021
Window 11 จะมี Dynamic Refresh Rate ให้ผู้ใช้งานปรับ Refresh Rate จอเองได้
สำหรับการเล่นเกมแล้ว การมีจอ Refresh Rate สูงๆ หมายถึงการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หมายถึงการกินไฟที่มากกว่าจอ Refresh Rate ต่ำๆ เช่นกัน ดูเหมือน Microsoft จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ออกแบบให้ผู้ใช้งาน Window 11 สามารถปรับ Refresh Rate ของจอที่ต่ออยู่ได้ง่ายๆ ผ่าน Window เลย ให้ลองนึกภาพตอนที่ใช้งานทั่วไปอย่างการดู Youtube, อ่าน Email หรือท่องอินเทอร์เน็ต กิจกรรมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ค่า Refresh Rate สูงๆ ของจอให้เปลืองไฟไปเปล่าๆ แต่ทันทีที่ผู้ใช้งานเลื่อนหน้าจอของเว็บลงมาข้างล่าง หรือขึ้นไปข้างบน Refresh Rate จะถูกปรับกลับมาเป็นค่าสูงสุดทันทีเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ฉลากมากๆ จริงๆ แล้วระบบ Dynamic Refresh Rate จะมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน Laptop แต่ Microsoft ไม่ได้ประกาศว่าระบบนี้จะเป็น Exclusive สำหรับเครื่องพกพา จึงคาดว่าระบบนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับเครื่อง Desktop ด้วย แต่ผู้ใช้งานก็จำเป็นต้องมีจอที่รองรับ FreeSync หรือ G-Sync สำหรับด้วย และจำเป็นต้องมี Refresh Rate ที่สูงกว่า 120Hz ขึ้นไป Credit : https://www.tomshardware.com/news/windows-11-dynamic-refresh-rate
01 Jul 2021
Microsoft เตรียมปล่อยโปรแกรมตรวจว่าเครื่องใช้ Window 11 ได้หรือไม่เวอร์ชันเต็มปลายปีนี้
เป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกจับตามองจากผู้ใช้งาน PC ทั้งโลกกับ Window 11 ที่กำลังจะปล่อยอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ และเปิดให้ผู้ใช้งานปัจจุบันสามารถอัปเกรดไปใช้งานได้ฟรีช่วงต้นปีหน้า ทาง Microsoft ได้มีการเผยสเปคแนะนำสำหรับระบบปฏิบัติการใหม่แล้ว แต่สำหรับคนที่อ่านสเปค PC ไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลไปว่า 'เครื่องจะใช้งาน Window รุ่นใหม่ได้หรือไม่?' เพราะในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้จะมีโปรแกรมที่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถูกปล่อยออกมาให้ใช้งานกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ Microsoft ได้มีการปล่อยโปรแกรมที่ชื่อว่า Windows 11 PC Health Check สำหรับช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ออกมาแล้ว แต่มันติดปัญหาตรงที่ว่าเจ้าโปรแกรมนี้ไม่ได้บอกเหตุผลที่เครื่องของผู้ใช้งานไม่สามารถใช้ Window 11 ด้วย มันจะบอกเพียงแค่ว่า 'เครื่องของคุณใช้ Window 11 ไม่ได้' ทาง Microsoft จึงได้ตัดสินใจเอาลิงก์โหลดโปรแกรมนี้ออกจากหน้าเว็บก่อน พร้อมสัญญาว่าจะนำกลับมาให้ใช้อีกครั้งในตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์แล้วกล่าวคือเมื่อโปรแกรมนี้กลับมาอีกครั้ง มันจะสามารถทำการตรวจสอบเครื่องของผู้ใช้งานให้เลยว่า เหมาะสมที่จะใช้ Window 11 หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ก็จะบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆ สามารถเลือกซื้อ Hardware มาอัปเกรด PC ของตัวเองได้อย่างตรงจุดมากขึ้นนั้นเองCredit : https://www.pcgamer.com/windows-11-pc-health-check-app-gone/
30 Jun 2021
Window 11 จะปล่อยปลายปีนี้ แต่สำหรับชาว Window 10 จะอัปเกรดได้ต้นปี 2022
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เห็น Microsoft เป็นตัว Window 11 อย่างไรก็ตามสำหรับเวอร์ชันเต็ม มีการประกาศว่าจะปล่อยในช่วงปลายปีนี้ แต่ดูเหมือนสำหรับคนที่อยากอัปเกรดจากระบบปฏิบัติการรุ่นปัจจุบัน ไปเป็นรุ่นใหม่จะยังไม่สามารถทำได้ในช่วงที่ Window 11 ออก Microsoft ได้ยืนยันว่าการอัปเกรดจะตามมาภายหลังในช่วงครึ่งปีแรกของ 2022ความเป็นไปได้มากที่สุดซึ่งทำให้ Microsoft ต้องประกาศแบบนี้อาจเป็นเพราะทางบริษัทคงต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่มีบัคอะไรเกิดขึ้นจากการอัปเกรดไปเป็นรุ่นใหม่ของ Window รุ่นเก่า ซึ่งก็คงเป็นการดีกว่าถ้าหากระบบปฏิบัติการที่เราได้ใช้เป็นตัวที่สมบูรณ์ เนื่องจากมันจะทำให้การทำงาน การเล่นเกม รวมถึงอื่นๆ สามารถทำได้อย่างลื่นไหล่กว่า Get 3 minutes closer to the release of #Windows11 #MicrosoftEvent pic.twitter.com/qI55tvG6wK— Windows (@Windows) June 24, 2021 Credit : https://www.ign.com/articles/windows-11-free-upgrade-release-date
29 Jun 2021
Windows 11 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ พร้อมให้อัปเกรดปลายปีนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ สำหรับ Window รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้เวลา 22.00 ซึ่งตัวเต็มจะเปิดให้อัปเกรดได้ฟรีช่วงปลายปี 2021 นี้ แต่สำหรับคนที่อยากเข้าไปช่วย Microsoft ทดสอบระบบ ก็สามารถอัปเกรดได้เลยผ่าน เว็บไซต์ของ Microsoft วันนี้ ซึ่งผมจะไม่แนะนำเท่าไหร่สำหรับเครื่องทำงาน เพราะอาจทำให้เปิดโปรแกรมบางตัวไม่ได้ครับสำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าเจ้า Window รุ่นใหม่นี้จำเป็นต้องใช้เครื่องสเปกขนาดไหน วันนี้ทาง Microsoft ก็ได้เผยสเปคที่ต้องใช้ออกมาแล้วเช่นกัน แม้จะเป็น Window รุ่นใหม่ แต่เหมือนในเรื่องของๅ RAM อาจยังไม่ซีเรียสขนาดนั้น เมื่อตัวระบบต้องการแค้ 4GB สำหรับ CPU ก็ถือว่าไม่ได้เป็นความต้องการสูงอะไร ส่วนเรื่องว่าจะเสถียรขนาดไหนปลายปีนี้ได้รู้พร้อมกันครับ
25 Jun 2021
Acer Swift X เครื่องทำงาน + เล่นเกมในราคา 3x,xxx จะลุยหนัก ลุยเบาก็เอาอยู่!
ในยุค 2021 การเล่นเกมบน PC เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ายุคก่อนๆ มาก เกมเมอร์หลายคนเลือกที่จะซื้อเครื่องสำหรับเล่นเกมเป็นแบบ Notebook เพราะสะดวกสบายมากกว่า สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย แต่ก็ยังอาจติดปัญหาสำหรับคนที่ทำงานซึ่งต้องการความเชื่อถือจากลูกค้าสูง และไม่อาจเลือกซื้อ Notebook สำหรับเล่นเกมได้ ซึ่งเหล่าผู้ผลิตเองก็เล็งเห็นถึงปัญหานี้ และมีการออก Notebook รุ่นที่ตอบโจทย์มาให้กับคนกลุ่มนี้ด้วบSwift X คือหนึ่งในผลงานใหม่ล่าสุดจาก Acer ที่บรรจุทุกอย่างซึ่งเป็นความต้องการข้างต้นมาให้ ไม่ว่าจะด้วยดีไซน์เรียบหรู CPU ที่แรง GPU ที่มีความสามารถสูงพอ เพื่อให้การใช้งานของเพื่อนๆ ไม่มีสะดุด จะเล่นเกม หรือทำงานก็พร้อมจบได้ ด้วยน้ำหนักเครื่องเพียง 1.3 กิโล จึงทำให้สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวกประหนึ่งหยิบ IPad ติดตัวไปด้วยเพียงแค่ 1 เครื่อง วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า Acer Swift X นี้มากขึ้นกัน และขอออกตัวเพิ่มเล็กน้อยว่า เครื่องที่เราได้มีรีวิวก่อนนี้เป็นรุ่น Prototype ครับสเปคของ Acer Swift XAMD Ryzen 7 5800U16GB DDR4XSSD512GB DDR4Monitor 14"FHD IPS 100% SrgbNVIDIA® GeForce® RTX 3050 TiBattery 59Wh Weigth 1.39 kgThickness 17.9 mmก่อนอื่นขออธิบายเพิ่มในตัว CPU เล็กน้อย แม้ว่าเครื่องนี้จะให้มาเป็น AMD Ryzen 7 5800U ที่เป็นรหัสรุ่นประหยัดไฟ แต่เท่าที่ผมได้ลองจากการใช้งานจริงทั้งทำงาน และเล่นเกม พบว่า เจ้า AMD Ryzen 7 5800U ถือว่าเอาอยู่ มีความแรงไม่แพ้ CPU รุ่นแรงของเครื่อง PC เลยต่อมาคือเรื่องของหน่วยความจำที่ให้ RAM แบบ Onboard มา 16 GB จึงไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ส่วน SSD แม้จะให้มาแค่ 512 GB แต่ Acer ได้มีการเหลือช่องสำหรับอัปเกรดได้ด้วยตัวเองไว้อีก 1 ช่อง ซึ่งถ้าหากใครคิดว่าไม่พอต่อการใช้งานยังไง ก็สามารถเพิ่มเข้าไปอีก 512 GB, 1TB หรือมากกว่านั้น เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานได้เลยจากรูปข้างบนนี้เพื่อนๆ จะสังเกตได้ว่าเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนตัวเดียว ซึ่งเบื้องต้นตอนแรกผมคิดว่า เครื่องรุ่นนี้อาจมีความสามารถในการระบายความร้อนไม่เพียงพอในการใช้งานจริง แต่จากการใช้งานจริงขอออกตัวก่อนว่าตัวเครื่องสามารถเอาไปเล่นเกมหนักๆ ได้ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยระบายความร้อนอะไร แต่ด้วยดีไซน์ที่ให้ช่องระบายความร้อนอยู่ข้างหน้าของจอ (ด้านบนของคีย์บอร์ด) มันเลยทำให้รู้สึกถึงไอร้อนจากตัวเครื่องได้เลยผ่านมือ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากเพื่อนๆ มีการใช้ตัวช่วยระบายความร้อนสำหรับ Notebook อย่าง Cooling Pad ด้วย หรือใช้งานหนักๆ เฉพาะเวลาที่อยู่ในห้องแอร์เท่านั้นครับสำหรับหน้าจอ Swift X ถือว่ามาในหน้าจอขนาด Notebook สำหรับทำงานคือ 14 นิ้ว Full HD แต่ที่น่าสนใจคือค้าความถูกต้องของสีที่เป็นแบบ 100% Srgb กล่าวคือสีที่ได้เวลาทำงานกราฟิก, ดูหนัง หรือตัดต่อวิดีโอ รวมถึงเล่นเกมจะสวยสมจริงมากๆ อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือลำโพงเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน dts ส่งผลให้ได้เสียงที่ไพเราะ เหมาะกับการรับชมสื่อบันเทิงทุกชนิดสำหรับใครที่ชิน กับการที่ Notebook ทำงานของเราต้องมีระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน Acer ก็ได้มีการใส่ระบบดังกล่าวเข้ามาด้วยใน Notebook รุ่นนี้ ผ่านแถบสีดำทางขวาของ Touchpad กล่าวคือถ้าหากคุณเป็นคนที่ชินกับการใช้งาน Macbook ของทาง Apple มาก่อน มันคงเป็นการง่ายที่จะเปลี่ยนมาทำงานโดยเครื่อง Window หากเริ่มต้นด้วย Acer Swift X เครื่องนี้สำหรับคนที่มักจะเชื่อมต่อ Notebook ด้วย USB หลายๆ ตัว อาจเป็นปัญหาเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนมาใช้เจ้า Swift X เครื่องนี้ เนื่องจากให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาแบบ USB 3.2 : 2 ช่องType C :1 ช่องHDMI :1 ช่องRCA : 1 ช่อง (ช่องเสียบหูฟังแบบ Analog)ยอมรับเลยว่าให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาน้อยไปจริงๆ หากจะใช้เจ้าเครื่องนี้ในการเล่นเกม แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยง่ายด้วย USB Hub ดีๆ สักตัว และคงไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานทั่วไป หรือทำงานมากมายอะไรนัก ประสบการณ์ใช้งานจริงหลังจากมีโอกาสได้นำเจ้า Swift X มาทำงานได้สักพักความประทับใจแรกที่ได้รับคือเรื่องของ คีย์บอร์ดที่พิมพ์ได้ง่าย แป้นทุกตัวมีขนาดใหญ่ช่วยป้องกันการพิมพ์ผิดได้ดี ใช้แรงกดไม่เยอะ ทั้งยังมีไฟ LED อยู่ใต้แต่ละแป้นสามารถใช้งานในที่มืดได้อย่างไม่มีปัญหา ติดตรงพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาน้อยเกินไปหน่อย จนบางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่อย่างที่กล่าวไปว่าสามารถแก้ไขได้โดย USB Hub ดีๆ สักตัวครับความประทับใจที่สองคือเรื่องของน้ำหนักที่เบา สามารถยกเครื่องเดินไปเดินมาในบริษัท เพื่อปรึกษางานกับเพื่อนๆ ทีมอื่น หรือพกออกไปคุยงานกับลูกค้าได้โดยไม่ปวดแขน ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูเลยทำให้มั่นใจในเรื่องภาพลักษณ์ได้ ในช่วงหมดวัน Acer Swift X ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องสำหรับเล่นเกมนอกสถานที่ได้ แต่สำหรับเกมที่ต้องการ Hardware แรงๆ ยังถือว่าลำบากอยู่หากจะให้เล่นได้แบบลื่นไหล่ ส่วนตัวคิดว่าเหมาะจะใช้เล่นเกมไม่หนักมากอย่างพวกเกมออนไลน์มากกว่า
24 Jun 2021
AMD เผย ผู้พัฒนาต้องใช้แค่ 2 - 3 วันเท่านั้นในการเพิ่ม FSR เข้าไปในเกม
เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจจริงๆ สำหรับ FidelityFX Super Resolution ที่มีความสามารถแบบเดียวกับ DLSS ของ Nvidia แต่เปิดให้ใช้งานได้อย่างอิสระไม่จำกัดว่าผู้ใช้งานต้องมีการ์ดจอของ AMD โดยเจ้า FSR จะช่วยเพิ่ม FPS ให้กับเกมของผู้เล่นได้อีก 50 - 100% โดยไม่เสียความละเอียดของภาพ และความสวยงามของกราฟิกไป ก่อนหน้านี้ AMD ได้ประกาศว่ามี 7 เกมที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วอยู่ในตอนนี้AMD ได้มีการอัปโหลดวิดีโอสัมภาษณ์กับผู้พัฒนา 7 - 8 เจ้า ซึ่งแต่ละคนก็กล่าวชมเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ของ AMD ว่าช่วยให้เกมของพวกเขามีกราฟิกที่สวยงามขึ้น แต่ส่วนที่น่าสนใจคือการยืนยันจากผู้พัฒนาว่า เทคโนโลยีตัวนี้สามารถทำงานด้วยง่ายมาก มันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นในการเพิ่มเข้าไปในเกม และด้วยความที่มันจะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใส่มันเข้าไปในเกมของพวกเขาอย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของ FSR ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสินไปอีกสักพัก ยังไม่มีใครรู้ว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีขนาดไหนเมื่อเทียบกับ DLSS ที่ AI มีโอกาสได้เรียนรู้มาก่อนแล้วเป็นเวลา 2 - 3 ปี แต่ถ้าหากว่า FSR สามารถทำงานได้ดีเทียบเท่า หรืออย่างน้อยไม่น้อยหน้า DLSS นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการเกมเลยทีเดียวCredit : https://gamingbolt.com/its-taking-developers-just-a-few-days-to-add-amds-fsr-to-their-games
24 Jun 2021
เปิดรายชื่อ CPU ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมที่สุดประจำปี 2021
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการมาได้สักพักแล้วสำหรับ CPU รุ่นใหม่ของ Intel และ AMD ซึ่งถือว่าแรงมากขึ้นพอสมควรเลยเมื่อเทียบกับโมเดลเก่า บวกกับการที่ราคาของการ์ดจอในตลาดเริ่มจะตกลงแล้ว ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้เริ่มประกอบคอมเพื่อมาใช้เล่นเกม ยิ่งปลายเดือนหน้ากำลังจะมีงาน Commart ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเข้าไปใหญ่ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปีเราได้เคยทำ รายชื่อการ์ดจอที่น่าซื้อมากที่สุดสำหรับเล่นเกมออกมาแล้ว มาคราวนี้ก็ถึงคิวคราวของ CPU กันบ้าง ว่ารุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุด แต่ก่อนจะไปเริ่มตรงนั้นกัน ผู้เขียนอยากอธิบายก่อนว่า CPU ที่เหมาะจะนำมาใช้สำหรับเล่นเกมมากที่สุดเป็นแบบไหน และเพราะอะไร เพื่อที่จะได้เห็นภาพตรงกันว่าทำไม CPU ที่อยู่ในอันดับถึงเหมาะจะนำมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับCPU แบบไหนถึงเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกม?ก่อนอื่นถ้าหากใครกำลังมีความเชื่อว่า "ของที่แพง คือของที่ดี" ขอให้เปลี่ยนความคิดนั้นใหม่ เมื่อพูดถึงการประกอบคอมครับ ในการเล่นเกมสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่ายังไงก็คือในส่วนของการ์ดจอ มันไม่ได้มีประโยชน์มากนักหากจะทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกันการซื้อ CPU ราคาแพงๆ มาใช่ และสำหรับการเล่นเกมการมี Clock Speed สูงๆ มีประโยชน์มากกว่าการที่มีจำนวน Core เยอะๆ ดังนั้น CPU รุ่นที่เหมาะกับการเล่นเกมมากที่สุด จึงมักไม่ใช่รุ่นราคาแพงแต่เป็นรุ่นราคากลางๆ มากกว่าในช่วง 1 - 2 ปีมานี้ หลายคนน่าจะได้ยินคำว่า AMD น่าซื้อกว่า Intel แต่สำหรับการเล่นเกมแล้วอย่างน้อยในตอนนี้ มันไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากถ้าหากวันจัดจาก Clock Speed แล้ว CPU ตัวที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุดยังคงเป็นของ Intel โดยจากผบทดสอบของ CPU เกือบทั้งหมดที่มีในตลาดโดย Tom's Hardware ข้างล่างนี้จึงทำให้ได้ข้อสรูปว่า ตัวไหนเหมาะที่จะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด1.) Intel Core i5-11600KArchitecture: Rocket Lake | Socket: LGA 1200 | Cores/Threads: 6 / 12 | Base Frequency: 3.9GHz | Top Boost Frequency: 4.9GHz | TDP: 125Wโดยประสิทธิภาพแล้ว Core i5-11600K ถือว่าแรงกว่า Ryzen 5 5600X อยู่เล็กน้อย แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าเกือบ 1,000 บาท () แถมยังมีรุ่น Core i5-11600KF ซึ่งไม่มีการ์ดจอแถมยังถูกกว่าให้เลือกซื้ออีก จึงทำให้ CPU ตัวนี้ถือว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แน่นอนว่าในเรื่องการ Overclock เจ้าตัวนี้ก็สามารถลากขึ้นไปได้สูงมากๆ ไม่แพ้ Ryzen 5 5600X เลย อย่างไรก็ตามถ้าหากจะนำไป OC เพื่อนๆ ควรดูแลการระบายความร้อนให้ดีด้วย สำหรับ CPU รุ่นนี้ไม่ได้มี Heat Sink แถมมาให้ด้วย ดังนั้นอย่าลืมเพื่อเงินไว้ซื้อ AIO หรือ Heat Sink Tower ดีๆ ด้วยนะครับอันดับร่วม AMD Ryzen 5 5600XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 6 / 12 | Base Frequency: 4.1GHz | Top Boost Frequency: 4.8GHz | TDP: 65Wอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าถ้าวัดกันที่ความแรง Ryzen 5 5600X แทบจะเท่ากับอันดับ 1 ของเราเลย แต่ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังใช้การ์ดจอของทาง AMD อยู่ เจ้าตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากจะทำให้สามารถใช้งานระบบ smart access memory ของทาง AMD ได้ และมันจะช่วยดัน FPS ให้กับเพื่อนๆ ได้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นสำหรับคนที่ใช้งานการ์ดจอ จากทาง AMD อยู่ เราเชื่อว่า Ryzen 5 5600X คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคุณในตอนนี้สำหรับการเล่นเกมอีกหนึ่งข้อดีคือการที่ CPU ของทาง AMD กินไฟน้อยกว่าทาง Intel ส่งผลให้เพื่อนๆ อาจสามารถลดราคาตัว Power Supply ลงมาเป็นรุ่นที่จ่ายไฟน้อยกว่าได้ และนำส่วนต่างดังกล่าวไปอัปเกรดชิ้นส่วนอื่นเพิ่ม แต่อย่างที่บอกไปว่าราคาตั้งต้นของทาง Intel ในเจนนี้มีราคาที่ถูกกว่า ดังนั้นมันจึงเหมือนทดแทนในส่วนนี้ไปมากกว่า แต่โดยรวมแล้วเจ้ารุ่นนี้กับ Core i5-11600K ถือเป็น CPU ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในตอนนี้ทั้งคู่ครับ 2.)  AMD Ryzen 9 5950XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 16/32 | Base Frequency: 3.4GHz | Top Boost Frequency: 4.9GHz | TDP: 105Wสุดยอด CPU ที่แรงที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในตอนนี้ ด้วยจำนวน Cores/Threads ที่สูงมาก จึงทำให้ดัน FPS ได้มากที่สุด แต่ก็มีราคาเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับ AMD Ryzen 5 5600X และ Intel Core i5-11600K ด้วย Performace ที่ไม่ได้เพิ่มสู่งเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย จึงทำให้ CPU รุ่นนี้ตกมาอยู่ในอัน 2 แต่ถ้าหากเพื่อนๆ เป็นคนที่มักเปิดใช้งานโปรแกรมหลายๆ อย่างพร้อมกันเช่น ตัดต่อวิดีโอ พร้อมกราฟิก หรือสตรีมมิ่งไปด้วย เล่นเกมไปด้วย เจ้า CPU รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกดีที่สุดแล้วในตอนนี้เอาแบบตรงๆ คือ ถ้าหากเพื่อนแค่ต้องการประกอบคอมขึ้นมาเล่นเกมอย่างเดียว เราไม่แนะนำให้ใช้ AMD Ryzen 9 5950X เนื่องจากสิ่งที่ได้มันไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย สู้ซื้อรุ่นรองลงมาอย่าง AMD Ryzen 5 5600X และ Intel Core i5-11600K แล้วเอาส่วนต่างไปลงให้กับ GPU จะช่วยให้ได้ประสบการณ์เกมมิ่งที่ดีกว่า แต่ถ้าหาก PC เครื่องนี้จะใช้สำหรับการทำงานหนักๆ อย่าง 3D, ตัดต่อวิดีโอ, ทำ Visual Effects เจ้า AMD Ryzen 9 5950X คือตัวเลือกดีที่สุดแล้วในตลาดตอนนี้3.) AMD Ryzen 7 5800XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 8 / 16 | Base Frequency: 3.8GHz | Top Boost Frequency: 4.7GHz | TDP: 105Wถ้าหากกำลังตามหา CPU ที่มีราคาไม่แพงเกินไป ใช้ทำงานก็ดี เล่นเกมก็ยอดเยี่ยม AMD Ryzen 7 5800X คือตัวเลือกดีที่สุดในตอนนี้ ขอเสียคืออาจจะหาซื้อยากเสียหน่อยในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีความต้องการในตลาดสูงมาก ด้วยประสิทธิภาพ และราคาจึงทำให้รุ่นนี้ได้อันดับ 3 ไปอย่างไม่มีข้อกังขา และถ้าพูดถึงความแรงของ Single Thread รุ่นนี้ก็ถือว่าเทียบเท่ากับ AMD Ryzen 5 5600X เลย แต่ด้วยจำนวน Cores ที่มากกว่าจึงทำให้มันเหมาะจะใช้ทำงานอื่นๆ ด้วยบางคนอาจตั้งคำถามว่า "แบบนี้ Intel Core I7-11700K ไม่ถือเป็นตัวเลือกที่ควรจะได้อันดับเดียวกันรึเปล่า? เพราะมีราคา และประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน?" คำตอบคือ AMD Ryzen 7 5800X สามารถเอาไปใช้งานกับบอร์ดได้หลากหลายกว่า และช่วยประหยัดเงินในส่วนนั้นได้มากกว่า จึงทำให้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าไป4.) Intel Core i5-11400Architecture: Rocket Lake | Socket: LGA 1200 | Cores/Threads: 6/12 | Base Frequency: 2.6GHz | Top Boost Frequency: 4.4GHz | TDP: 65Wดูรุ่นที่สามารถเอาไป Over Clock ได้กันไปเยอะแล้ว มาดูรุ่นธรรมดาๆ กันบ้าง สำหรับ Intel Core i5-11400 อาจถือเป็นรุ่นราคาถูกที่น่าซื้อมาใช้สำหรับเล่นเกมที่สุดในตลาดแล้ว (ในไทยประมาณ 6,000 - 7,000 เท่านั้น) และยังถูกลงมาได้อีกสำหรับรุ่นที่ไม่มีการ์ดจอมาด้วยอย่าง Intel Core i5-11400F ในเรื่องของประสิทธิภาพก็แรงมากกว่า Ryzen 5 3600 ที่ราคาเท่าๆ อยู่ประมาณ 20%แม้ว่าโดยรวมแล้วจะไม่แรงเทียบเท่ากับรุ่นที่มีรหัส X หรือ K แต่ก็ถือว่าเป็น CPU สำหรับคนงบน้อยที่ดีมากๆ ตัวหนึ่ง สามารถเอางบที่มีจำกัดไปเพิ่มตรงส่วนของ GPU เพื่อให้ได้ FPS และประสบการณ์เกมมิ่งดีที่สุดได้เลย 5.) AMD Ryzen 3 3300XArchitecture: Zen 2 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 4/8 | Base Frequency: 3.8GHz | Top Boost Frequency: 4.3GHz | TDP: 65Wสำหรับคนที่งบน้อยลงมาอีก Ryzen 3 3300X คงถือเป็นรุ่นที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ด้วย Cores/Threads: 4/8 จึงทำให้เจ้ารุ่นนี้สามารถดันกราฟิกระดับ Low - Medium ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ยังเป็น CPU รุ่นที่รองรับ PCIe 4.0 ทำให้ยังสามารถต่อ SSD M.2 รุ่นใหม่ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ CPU ที่กินไฟน้อย มีความแรงระดับเริ่มต้นแบบนี้ ยังช่วยให้ประหยัดค่าอุปกรณ์ระบายความร้อนได้ด้วยอย่างที่บอกไปว่า CPU รุ่นนี้แนะนำสำหรับคนที่งบจำกัดจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากอาจเกิดอาการขอขวดได้เมื่อนำไปใช้กับ GPU รุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง RTX 3070 ขึ้นไป สำหรับบอร์ดที่เราแนะนำสำหรับ CPU รุ่นนี้คือ B550 ขึ้นไปเนื่องจากจะได้สามารถเข้าถึงช่องเสียบ PCIe 4.0 ได้โดยง่าย 
21 Jun 2021
รีวิว Asus Flow X13 ที่สุดของโน๊ตบุ๊ค เล่นเกมได้ ทำงานก็ดี เป็น Tablet ก็สามารถ
โดยปกติแล้วโน๊ตบุ๊คสำหรับชาวเกมเมอร์อย่างเราๆ มักจะมาพร้อมกับสเปคที่แรง หน้าจอ HZ สูงๆ และระบบระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ซึ่งเพื่อให้มีทั้งหมดที่ผมกล่าวมา มันมักจะทำให้ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งต่างๆ มีน้ำหนักมากกว่า 2 KG และพกพาไปที่ต่างๆ ได้ลำบากเนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินไป และเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เลือกที่จะเอาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งมาเป็นเครื่องทำงานเนื่องจากพกพาลำบาก    แล้วถ้าหากว่าโลกใบนี้มีโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีน้ำหนักเพียงแค่เที่ยบเท่ากับ Tablet เพื่อนๆ จะคิดเช่นไร? เป็นไปได้หรือไม่ ที่โน๊ตบุ๊คเล่นเกมจะมีน้ำหนักแค่ 1.3 KG วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Asus Flow X13 เครื่องรุ่นใหม่จากทาง Asus ที่มาพร้อมกับความสามารถทุกอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับสเปคOperating System : Windows 10 HomeCPU : AMD Ryzen™ 9 5900 / 5980 HSGraphic Card : NVIDIA® GeForce® GTX 1650 4GB GDDR6 / 3050TiRAM : 16 / 32 GB LPDDR4X on boardStorage : 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSDDisplay : 13.4-inch WUXGA 1920x1200, 120Hz, Pantone ValidatedKeyboard : Backlit Chiclet Keyboardเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานที่หลากหลายมากที่สุด Flow X13 มาพร้อมกับ CPU รุ่นแรงอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Ryzen 9 5900Hs แรม On Board แบบ 16 / 32 GB และ SSD ความจุเริ่มต้น 1 TB สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ ซึ่งมักจะต่างจากโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่เห็นอยู่เต็มตลาดตรงที่ เราแทบไม่จำเป็นต้องอัพเกรดอะไรเครื่องนี้เพิ่มอีกแล้ว ยกเว้นในส่วนเดียวคือการ์ดจอที่ให้มาเป็นรุ่น GTX 1650 เท่านั้นสำหรับราคาเริ่มต้น แต่จุดขายของ Flow X13 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับ Asus XG Mobile 2021 การ์ดจอต่อแยกสำหรับโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะAsus XG Mobile 2021 คือการ์ดจอ RTX 3080 ที่มาในรูปร่างหน้าตาเหมือน External Harddisk ให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกม หรือใช้งานโปรแกรมที่ต้องการความสามารถของการ์ดจอได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดอาการคอขวดจากการที่ CPU แรงไม่พ่อ เนื่องจาก Flow X13 มาพร้อมกับ CPU ที่แรงระดับต้นๆ ของโลกแล้ว ส่งผลให้การใช้งาน Flow X13 ร่วมกับ Asus XG Mobile 2021 ได้ทำให้มันกลายเป็นโน๊ตบุ๊คระดับ High End ที่สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบอย่างแท้จริงฟีเจอร์สำคัญของ Flow X13จุดเด่นแรกของเจ้าเครื่องรุ่นนี้เห็นจะเป็นการที่สามารถพับหน้าจอได้แบบ 360 องศา คือสามารถพับจนหน้าจอขนานกับตัวเครื่องส่วนคีย์บอร์ดได้เลย บวกกับหน้าจอที่สามารถ Touchscreen ได้ มันจึงทำให้เจ้าเครื่องนี้สามารถเป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊ค และ Tablet ซึ่งมีประโยชน์มากในบางโอกาสเช่นเล่นเกมการ์ดออนไลน์อย่าง Hearthstone, Magic The Gathering หรือเกมอะไรก็ตามที่ใช้การเล่นแบบ Touch Screen ได้ แต่ความพิเศษของเจ้า Flow X13 ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะ Asus ได้แถมปากกาสำหรับหน้าจอมาให้ด้วยด้วยปากกาสำหรับหน้าจอ Touch Screen กับการพับหน้าจอให้อยู่ในลักษณะไหนก็ได้ จึงทำให้ Flow X13 เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบวาดรูป หรือทำงานศิลปะด้วยเช่นกัน ส่งผลให้นอกจากเป็นเครื่องที่เหมาะจะเอาไว้เล่นเกมแล้ว Flow X13 ยังเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการในด่านอื่นๆ ด้วยเช่นกันที่นี่หลายคนอาจกังวลว่า "เครื่องเล่นเกมแบบนี้จะมีแบตที่ใช้งานได้นานรึเปล่า?" เนื่องจากปกติการเอาโน๊ตบุ๊ค ออกไปทำงานนอกบ้าน โดยเฉพาะงานศิลปะจะเป็นเรื่องยุ่งยาก และน่ารำคาญมากหากต้องพกสายชาร์จไปไหนมาไหนด้วย ในส่วนนี้ Asus ก็ได้คิดเพื่อมาให้แล้วเช่นกัน Flow X13 เพราะเจ้าแบตของเครื่องรุ่นนี้สามารถ เล่นวิดีโอได้นานถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นการเอาไปใช้งานนอกสถานที่ก็หมดกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวันได้เลย อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเครื่องรุ่นนี้เมื่อใช้งานร่วมกับ Asus XG Mobile 2021 แล้วจะกลายเป็นเครื่องเล่นเกมระดับ High End เลย พอเอาไปรวมกับการที่สามารถปรับหน้าจอได้อย่างอิสระ จึงทำให้ Flow X13 สามารถใช้เป็นหน้าจอที่สอง สำหรับคนที่ต่อจอมอนิเตอร์แยก เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานด้านอื่นๆ ได้ เช่นใช้สำหรับอ่านข้อความคนดูระหว่างสตรีมมิง, ใช้เป็นหน้าจอสำหรับเล่น Social Media หรือใช้เป็นฐานเมาส์ปากกาสำหรับการทำงานก็ได้เช่นกันBenchmark สำหรับผลการ Benchmark ในรอบนี้ต้องยอมรับเลยว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ผมไม่สามารถหา Asus XG Mobile 2021 มาต่อเพื่อแสดงผลแบบเต็มประสิทธิภาพจริงๆ ได้ ดังนั้นผลที่เพื่อนๆ กำลังจะได้ดูต่อไปนี้คือผลที่ทดสอบด้วยการ์ดจอ GTX 1650 แต่การมาพร้อมกับ AMD Ryzen™ 9 5980HS จะช่วยดัน FPS ของเครื่องได้มากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมากอยู่เหมือนกัน โดย 3 เกมที่ผมจะเอาผลมาโชว์ในวันนี้คือ Assassin's Creed Valhalla, Days Gone และ Shadow of Tomb Raider ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไงไปดูกันShadow of Tomb Raider เรียกได้ว่าไม่แย่เลยสำหรับเกมนี้ที่ต่อให้ตั้งค่าเป็นแบบ High ก็ยังสามารถทำ FPS เฉลี่ยได้อยู่ 47 มีร่วงลงไปถึง 37 บ้าง แต่โดยปกติก็จะอยู่ที่แถวๆ 47 - 64 ถือได้ว่าทดแทนการทำงานในส่วนของ GPU ได้ดีจริงๆ กับ  AMD Ryzen™ 9 5980HDays Goneอดีตเกม Exclusive ของ PS4 ที่เพิ่งจะลงให้กับ PC ไปเมื่อไม่นานนี้เอง เจ้า Flow X13 ก็สามารถเล่นได้ด้วย FPS เฉลี่ยที่ประมาณ 43 FPS โดยจะแกว่งอยู่ที่ประมาณ 39 - 57 FPS เลยทีเดียวตลอดระยะเวลาที่เล่น อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่เกมนี้ไม่ได้มี Benchmark มาให้ด้วย ไม่อย่างนั้นเราคงได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้ครับ Assassin's Creed Valhallaสำหรับเกมนี้เหมือนว่าแรมของการ์ดจอเพียงแค่ 4 GB จะน้อยเกินไปหน่อย และ GTX 1650 ก็ดูจะไม่สามารถเล่นเกมที่จำเป็นต้องใช้พลังของ GPU สูงๆ อย่างเกมนี้ได้หากไม่ต่อการ์ดจอแยก โดย FPS เฉลี่ยที่ทำได้อยู่ที่ 22 FPS เท่านั้นลงไปต่ำสุดที่ 17 FPS และสูงสุดที่ 25 FPS ดังนั้นสำหรับเกมเจนใหม่อื่นๆ คิดว่าลำพังแค่เจ้า Flow X13 น่าจะเอาไม่อยู่ แต่หากต่อ Asus XG Mobile 2021 คิดว่าปรับสุดทุกอย่าง + 4K ก็ยังไหวครับเรื่องของราคาสำหรับราคาของเจ้า Flow X13 ต้องยอมรับว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่าถูกเลย สำหรับสเปคขั้นต่ำสุดที่ได้ CPU เป็น AMD Ryzen™ 9 5900HS และ Ram 16 GB จะเริ่มต้นที่ 49,990 บาท ส่วนรุ่นที่มีการ์ดจอเพิ่มขึ้นมาเป็น 3050Ti จะมีราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ส่วนตัวท็อปที่มาพร้อมกับ CPU ตัวแรง กับ Ram 32 GB พร้อมกับการ์ดจอแยกจะมีราคาสูงถึง 109,900 บาทเลยทีเดียว (ข้อมูลเพิ่มเติมลิงก์นี้)ก็คงต้องยอมรับกันตรงนี้ว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อเจ้า Asus Flow X13 ไปใช้งาน แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีทุน และกำลังมองหาเครื่องพกพาที่สามารถทำงานได้ เล่นเกมดี เป็น Tablet ก็สามารถ คิดว่าในโลกนี้ตอนนี้คงไม่มีเครื่องไหนจะเหมาะสมไปกว่าเจ้า Flow X13 อีกแล้ว ลองพิจารณากันดูครับ ว่าเราอยากได้เจ้าเครื่องนี้มากขนาดไหน รวมถึงปกติเราเป็นคนเล่นเกมอะไร เชื่อว่าจะทำให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าซื้อ หรือไม่ซื้อครับ
07 Jun 2021
AMD ประกาศเตรียมปล่อย FSR วันที่ 22 มิถุนายน โดยจะทำงานแบบเดียวกับ DLSS
ในขณะที่ทาง Nvidia ได้สร้างกระแสด้วยเทคโนโลยี DLSS มาแล้วระยะหนึ่ง ตอนนี้ AMD ก็ได้ประกาศคู่แข่งของ DLSS ออกมาแล้วในชื่อ FidelityFX Super Resolution (FSR) คือ เทคโนโลยีใหม่ที่จะเพิ่ม FPS และคุณภาพของกราฟิกสำหรับเกมที่รองรับ FSR จะมีพรีเซ็ตให้ 4 ตัวที่มีระดับต่างกันให้กับผู้เล่น โดยแต่ละตัวจะเพิ่มความละเอียดและเพิ่ม FPS แตกต่างกันAMD ได้ยืนยันแล้วว่า FSR จะเป็นโอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์ และมันยังสามารถรองรับ Radeon RX ได้ทั้งหมด และยังไม่จำกัดกับ GPU รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย โดยจะสามารถใช้ได้บนการ์ดจอของคู่แข่งด้วยตั้งแต่รุ่น Nvidia’s 10 Series ขึ้นไป และทาง AMD ยังยืนยันด้วยว่ารองรับทั้ง DirectX 12, Vulkan และ DirectX 11 อีกด้วยFidelityFX Super Resolution จะปล่อยให้ใช้งานในวันที่ 22 มิถุนายน โดยสามารถดูการประกาศของ AMD เรื่อง FSR ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/eHPmkJzwOFc' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : https://gamingbolt.com/amd-fidelityfx-super-resolution-is-launching-on-june-22
02 Jun 2021
Gigabyte และ MSI เผยโฉมกล่องการ์ดจอ RTX 3070 TI แล้ว NVIDIA เผยสเปค RTX 3080 TI อย่างละเอียดเช่นกัน
ประกาศไลฟ์สตรีมที่คาดว่าจะเป็นการเปิดตัว 3070 Ti กับ 3080 Ti แล้วตามข่าวลือ แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 วันนี้ทาง Gigabyte กับ MSI ก็ได้ทำการเผยโฉมกล่อง รวมถึงหน้าตาของการ์ด 3070 Ti และ 3080 Ti แล้ว สำหรับโมเดลที่ Gigabyte คือรุ่นสีข่าวอย่าง Vision ส่วน MSI ได้เผยกล่องของรุ่น Ventus และ SuprimX ของ RTX 3070 TI ทั้งหมดไม่ได้มีหน้าตาต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่เคยเปิดตัวมาแล้ว แต่จะต่างกันในเรื่องของสเปคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ 3080 Ti ที่มาพร้อมกับหัวประมวลผลถึง 10240 CUDAs น้อยกว่า 3090 เพียงแค่ 256 CUDAs เท่านั้น(ขอบคุณภาพจาก VideoCardz)สำหรับการกินไฟของ 3080 TI ก็เทียบเท่ากับ 3090 เลยคือ 350W ตัวการ์ดจะมี Base Clock กับ Boost Clock (เอาง่ายๆ ก็ความแรง) น้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ที่ต่างกันเลยคือเรื่องของหน่วยความจำที่ให้มา 12 GB ส่งผลให้การ์ดใบนี้น่าจะเล่นเกมแบบ 8K เช่นเดียวกัน 3090 ไม่ได้ แต่สำหรับ 4K แบบปรับสุดทุกอย่างคิดว่าเอาอยู่แบบสบายๆ เลยครับCredit : https://videocardz.com/newz/nvidia-geforce-rtx-3080-ti-final-specifications-confirmed
28 May 2021
NVIDIA ประกาศไลฟ์สตรีมวันจันทร์หน้า คาดเปิดตัว 3070 Ti กับ 3080 Ti ตามข่าวลือ
หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับรุ่น Ti สำหรับ RTX 3070 กับ RTX 3080 มาหลายวัน ในที่สุด NVIDIA ก็ได้ประกาศเตรียมปล่อยไลฟ์สตรีมในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 ตามข่าวลืออย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ คาดเปิดตัวพร้อมเผยราคา กับวันวางจำหน่ายด้วยพร้อมๆ กันสำหรับ RTX 3080 Ti จากข้อมูลก่อนหน้านี้จะมีหัวประมวลผลที่แรงเกือบเท่ากับ 3090 เลย แต่มาพร้อมกับ RAM เพียงแค่ 12 GB ส่วน 3070 Ti จะแรงมากกว่า 3070 ธรรมดาเล็กน้อย แต่ยังคงให้ Ram มา 8 GB เท่าเดิม สำหรับวันวางจำหน่ายตามข่าวลือคือ 4 มิถุนายน กับ 10 มิถุนายน ตามลำดับข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นความจริงมากน้อยขนาดไหนเชื่อว่า 31 พฤษภาคม 2021 นี้ได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอน สำหรับประสิทธิภาพโดยละเอียด สามารถดูได้ผ่านลิงก์นี้Get Ready. ? pic.twitter.com/VuDCcKXrry— NVIDIA GeForce (@NVIDIAGeForce) May 26, 2021 Credit : https://videocardz.com/newz/nvidia-teases-geforce-rtx-3080ti-3070ti-announcement
27 May 2021
Razer ประเทศจีน เปิดรับสั่งประกอบ PC ด้วยการ์ดจอ RTX 30 Series เครื่องจะมาในสีเขียว ราคาเริ่มต้นประมาณ 65,000 บาท
ถือเป็นเรื่องน่าสนใจโดยเฉพาะช่วงที่การ์ดจอ ขาดตลาดแบบนี้หากจะสามารถเป็นเจ้าของ PC ที่มาพร้อมกับ RTX 30 Series ได้ แถมยังมาในธีมสีเขียว ตกแต่งภายในด้วยโลโก้ของ Razer อีกด้วย โดยการ์ดจอของรุ่นราคาถูกที่สุดก็ยังเป็น RTX 3070 TI ครับสำหรับราคาที่ต่างกันนั้นนอกจากการ์ดจอแล้วยังเป็นในส่วนของ CPU ที่มีให้เลือกตั้งแต่ Ryzen 5 5600X ไปจนถึง Ryzen 9 5900X โดยราคาก็จะสูงขึ้นตามสเปคที่แรงมากขึ้น สามารถดูสเปคทั้งหมดที่จัดได้ รวมถึงราคาได้ข้างล่างนี้Ryzen 9 5900X, B550, RTX 3080 Ti: 22,999 RMB (3,575 USD)Ryzen 9 5900X, X570, RTX 3080 Ti: 24,999 RMB (3,885 US)Ryzen 9 5900X, X570, RTX 3090: 39,999 RMB (6,217 USD) Ryzen 5 5600X, B550, RTX 3070 Ti: 13,499 RMB (2,098 USD) Ryzen 7 5800X, B550, RTX 3070 Ti,  14,999 RMB (2,331 USD)สำหรับราคาที่ได้นี้ถือว่าไม่แพงเลย หากเทียบกับราคาการ์ดจอในตลาดปัจจุบัน (RTX 3070 ก็ประมาณ 45,000 - 50,000 บาทแล้ว) เรียกได้ว่าน่าสนใจมากๆ เลย หวังว่า Razer บ้านเราจะมีอะไรแบบนี้บ้างครับCredit : https://videocardz.com/newz/razer-now-officially-taking-preorders-for-geforce-rtx-3080ti-and-rtx-3070ti-prebuilt-systems
25 May 2021
LEADTEK และ PALIT ยืนยันมีการ์ดจอรุ่น RTX 3080 Ti RAM 12 GB จริง
มีข่าวลือมาได้สักพักแล้ว สำหรับการ์ดจอ 3080 TI ที่มาพร้อมกับ RAM 12 GB วันนี้สองบริษัทผลิตการ์ดจอชื่อดัง LEADTEK กับ PALIT ได้ยืนยันแล้วว่าการ์ดจอรุ่นดังกล่าวมีอยู่จริง ซึ่งอาจเปิดตัวในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 นี้ และวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนหน้าจากข้อมูลก่อนหน้านี้ 3080 TI จะแรงเกือบๆ เท่ากับ 3090 เลย เพียงแต่มาใน RAM ที่น้อยกว่า ส่วนราคาคงอยู่ระหว่าง 3080 กับ 3090 แต่ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเท่าไหร่ (ยิ่งการ์ดจอขาดตลาดแบบตอนนี้ยิ่งคาดเดาได้ยาก) อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป LHR ที่ป้องกันการเอาไปขุดเหมืองรึเปล่า เนื่องจากหากไม่มีชิป LHR การหาซื้ออาจจะเป็นไปได้ยากครับVIdeocardZ ได้เผยว่า Nvidia วางแผนจะเปิดตัว RTX 3080 TI กับ RTX 3070 Ti ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 นี้ สำหรับรีวิวการ์ดทั้งสองรุ่นจะลงให้ได้ในวันที่ 2 มิถุนายน กับ 8 มิถุนายน ตามลำดับ หมายความว่าผลทดสอบจริงๆ จะออกในวันเดียวกันด้วย ใครสนใจก็รอดูได้เลยครับCredit : https://videocardz.com/newz/leadtek-and-palit-confirm-geforce-rtx-3080-ti-with-12gb-gddr6x-memory
21 May 2021
Gigabyte เปิดตัว RTX 3060 รุ่น Lite Hash Rate editions
ข่าวดีคือเรากำลังจะสามารถซื้อ RTX 3060 มาใช้กันได้แล้ว เมื่อล่าสุด Gigabyte เปิดตัว RTX 3060 รุ่น Lite Hash Rate editions ที่จำกัดกำลังในการขุด Cryptocurrency แล้ว 5 รุ่น AORUS Master, Vision OC, Gaming OC, และ Eagle OC/non-OC ส่วนข่าวร้ายคือ เราอาจยังไม่สามารถหาซื้อได้ในช่วงแรกเนื่องจากตอนนี้การ์ดจอเป็นที่ต้องการของตลาดมากจริงๆ ทำให้อาจจะหาซื้อยากเสียหน่อยในช่วงแรก โดยความสามารถในการทำงานของรุ่นนี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่า 3060 ปกติเลย นอกจากการจำกัดกำลังขุด Cryptocurrencyสำหรับ RTX 30 Series อื่นๆ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีการออก รุ่น LTH ให้กับ 3070 / 3080 / 3090 ด้วยหรือไม่ และไม่รู้ด้วยว่าแบรนด์อื่นๆ อย่าง MSI, Asus จะมีการออกรุ่น LTH มาให้ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวผมเชื่อว่า มีแน่นอนครับCredit : https://videocardz.com/newz/gigabyte-refreshes-its-geforce-rtx-3060-lineup-with-lite-hash-rate-editions
18 May 2021
ปกป้อง (PokPong) แอปป้องกันภัยทางไซเบอร์ การันตรีความสามารถ จากบริษัทเบอร์หนึ่งระดับโลก
ถือว่าเป็น Application ที่น่าสนใจมากๆ สำหรับ “ปกป้อง” (PokPong) แอป Mobile Security ที่จะมาช่วยเฝ้าระวัง และ ”ป้องกันภัยทางไซเบอร์” โดยแอปตัวนี้เป็นการจับมือกันระหว่างบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด และทาง Lookout บริษัทเบอร์หนึ่งผู้นำด้าน Mobile Security ที่ได้รับความเชื่อใจไปทั่วโลก แม้กระทั่งบริษัทดังอย่าง Google ก็ยังเคยใช้บริการ ซึ่งทางบริษัทสามารถได้นำเอาเทคโนโลยีของทาง Lookout มาทำให้เหมาะกับคนไทย และยังคงประสิทธิภาพ ในการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บน Smartphone ต่อเหล่า Hacker ผ่านระบบ Lookout Security Cloud ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดด้วยจุดเด่นของแอป  “ปกป้อง” (PokPong) ตัวแอปมีระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด ทำให้สามารถป้องกันมัลร์แวร์ได้เร็วกว่า และครอบคลุมกว่าเป็น Mobile Application ที่ให้ประโยชน์ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนมือถือจาก Hackerปกป้อง” เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านป้องกันไวรัสบนมือถือโดยเฉพาะมีผู้พัฒนา Application ที่ได้มาตรฐานระดับโลกและผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือมีเมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย เหมาะกับคนไทยเหมาะกับใครคนที่มีพฤติกรรมใช้ธุรกรรมทางการเงินบนมือถือ (Mobile Banking)คนที่มีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์ ขายของออนไลน์คนที่เล่นเกมและเติมเงินในเกมออนไลน์คนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือคนดังผู้ที่มีชื่อเสียง โดยแอปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานโซเชียลทั่วไป หรือผู้ที่มีพฤติกรรมในการทำธรุกรรมต่างๆ บนมือถือ ซื้อของ ขายของออนไลน์ เติมเกม หรือเจ้าของธุรกิจและคนดัง ซึ่งเดี๋ยวนี้ภัยอันตรายจากเหล่าแฮกเกอร์นั้นก็รุนแรงมากขึ้นทุกวัน พวกเราได้เห็นเหล่าเพจคนดังต่างๆ นั้นโดนแฮ็ค Account กันเป็นว่าเล่น หรือจะเป็นคนธรรมดาที่มีแอปธนาคารอยู่ในมือถือ ถ้าเกิดเผลอโดนเหล่าแฮกเกอร์เจาะมือถือ เงินของท่านก็สามารถสูญได้เช่นกัน หรือสำหรับเหล่าเกมเมอร์อย่างเราที่เล่นเกมมือถือ บางทีมันก็ชอบมีการส่งลิงก์แปลกๆ ซึ่งถ้าหากเราเผลอกดไป เหล่าคนไม่ประสงค์ดีก็อาจจะสามารถขโมยไอดีเราไปได้ ซึ่งการมีแอป “ปกป้อง” ก็ถือเป็นตัวกรองชั้นดีให้เราใช้งานโซเชียลมิเดีย เล่นเกม หรือทำธุรกรรมออนไลน์ ได้อุ่นใจมากขึ้น แถมยังการันตรีโดยบริษัทอย่าง Lookout เบอร์หนึ่งของวงการนี้อีกด้วยและที่สำคัญคือแอป “ปกป้อง”  (PokPong)  ยังมีค่าบริการรายเดือนที่ค่อนข้างสบายกระเป๋ามากๆ เพียงแค่ 59 บาทต่อเดือน หรือถ้าซื้อเป็นรายปีจาก 708 บาท ลดเหลือ 599 บาทเท่านั้น รวมถึงยังมีการทดลองใช้งานฟรี 30 วันด้วย !! สามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการทั้ง iOS (Version 10.0 ขึ้นไป) และ Android (Version 7.0 ขึ้นไป)สามารถโหลดแอป “ปกป้อง” (PokPong) ได้ที่ - https://app.adjust.com/kbfn35r
26 Apr 2021
Gigabyte ส่งรายชื่อ RTX 3080 Ti กว่า 12 รุ่นให้กับ EEC แล้ว คาดเตรียมวางขายอย่างเป็นทางการ พฤษภาคม
หลังจากมีข่าวออกมาว่า Nvidia เลื่อนวันขาย RTX 3080 TI ออกไปเป็นเดือน พฤษภาคม แทน เหล่า PC เกมเมอร์ก็ดูจะกระหายข้อมูลใหม่ๆ ของการ์ดรุ่นนี้กันพอสมควร ซึ่งล่าสุดทาง Gigabyte ได้ส่งรายชื่อการ์ดทั้ง 12 รุ่นที่เป็น รหัส RTX 3080 Ti ให้กับ Eurasian Economic Commission (EEC) แล้ว คาดว่าจะไม่เลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปอีกการ์ด RTX 3080 Ti จะมาพร้อมกับสเปค NVIDIA CUDA Core 10240 ที่แรงเกือบเทียบเท่ากับ RTX 3090 ในแง่ของความสามารถประมวลผล แต่ตัวการ์ดมาด้วย RAM ที่น้อยกว่าถึง 8 GB ทำให้การเอาไปเล่นแบบ 8K น่าจะเป็นไปได้ยากสำหรับรุ่นนี้ ส่วนเรื่องของราคายังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทาง Nvidia แต่คิดว่าน่าจะเปิดตัวที่ 35,000 โดนประมาณครับอย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ราคาการ์ดจอบ้านเราในตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถหาซื้อการ์ดรุ่นนี้ได้รึเปล่าช่วงเดือนแรกที่วางจำหน่าย ต้องไปรอลุ้นพร้อมกันอีกทีครับCredit : https://videocardz.com/newz/gigabyte-submits-twelve-geforce-rtx-3080-ti-12gb-graphics-cards-to-eec
30 Mar 2021
RTX 3070 ถูก Modder อัพเกรด RAM เป็น 16 GB แล้วใช้งานได้!
วางจำหน่ายกันออกมาหลายรุ่นแล้วสำหรับการ์ดจอ RTX 30 Series จากทาง Nvidia (โดยปัจจุบันขาดตลาดจนหาซื้อไม่ได้ไปแล้ว) ซึ่งหลังจากที่ได้ดูใส่ในของการ์ดบางรุ่นแล้ว อาจสังเกตได้ว่า RAM ที่ใส่มาด้วยยังไม่ถือว่า Maximum บ้างก็เหลือไว้ 2 ช่อง บ้างก็เหลือไว้ 1 ช่อง ทำให้หลายคนคิดว่า "จะต้องมีการออกรุ่น Ti มาให้ด้วยอย่างแน่นอน" ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วโดยการเปิดตัวรุ่น 3080 Ti ที่มี RAM 12 GB น่าเสียดายที่สำหรับ RTX 3070 อาจไม่ใช่แบบนั้นเนื่องจากตัวการ์ดส่วนใหญ่มีการใส่ RAM มาแบบ Maximum แล้ว ดังนั้นคิดว่าคงไม่มีการออกการ์ด RTX 3070 Ti ในอนาคต ซึ่งเอาจริงๆ RAM 8 GB ของการ์ดรุ่นนี้ถือว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับความสามารถของหัวประมวลผล Modder สุดโหดคนหนึ่งจึงได้ทำการอัพเกรด RAM ของการ์ดใบนี้ด้วยตัวเอง!!!! โดยการอัพเกรด RAM ของเขาไม่ใช้การใส่เพิ่มเข้าไป แต่เป็นการเอาตัว RAM ตัวเก่าบนการ์ดออก แล้วใส่ตั่วที่มีความจุช่องละ 2 GB เข้าไปแทนที่ (ปกติ RAM การ์ดจอ 1 ช่องจะเท่ากับ 1 GB) ที่สำคัญคือหลังทำเสร็จแล้ว การ์ดดังกล่าวสามารถทำงานได้เป็นปกติ แถมยังรัน Benchmark ได้ด้วย!! Credit: https://www.pcgamer.com/modder-gives-rtx-3070-a-16gb-upgrade-before-nvidia-has-the-chance/
10 Mar 2021
ทำความรู้จัก ไวรัสเรียกค่าไถ่ ที่คนมีคอมทุกคนควรระวัง
คอมพิวเตอร์ PC กับไวรัสนี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันได้เลยนะคะ จะเอาไดร์ฟไปเสียบเครื่องอื่นทีก็ระทึกทีว่าจะโดนไหม แม้แต่เครื่องเราเอง Anti-Virus ยังใช้งานได้ไหม? ป้องกันได้ดีอยู่หรือเปล่า? ก็เป็นเรื่องที่เหล่าเจ้าของ PC ต้องกังวลกันรายวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ ยังมีไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่น่ากลัวแบบกัดไม่เจ็บแต่ทำได้แสบมาก นั่นคือ "ไวรัสเรียกค่าไถ่" หรือ "Ransomware" ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็เพิ่งโดนต้อนรับปีใหม่ไปหมาดๆ ว่าแต่... เจ้าไวรัสประเภทนี้ทำงานต่างกับไวรัสประเภทอื่นอย่างไร? ไปโดนมาจากไหน? มีวิธีแก้ไขหรือป้องกันอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังเอง!! =========================== Ransomware คืออะไร? * อ้างอิงข้อมูลจาก: สำนักบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย * Ransomware คือมัลแวร์ (Malware) ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่จะทำการล็อคไฟล์ ทั้งไฟล์รูป, เอกสาร, วีดีโอ ฯลฯ ทำให้เราไม่สามารถเปิดใช้งานไฟล์เหล่านั้นได้จนกว่าจะทำการปลอดล็อครหัสเพื่อกู้ข้อมูลคืนมา ซึ่งวิธีการปลดล็อคก็คือการจ่ายเงินให้กับเจ้าของไวรัสนี้ตามข้อความ "ค่าไถ่" ที่ปรากฏขึ้นบนคอมพิวเตอร์ของเรานั่นเอง อย่างตอนที่เราโดน ก็มีข้อความเป็นไฟล์ notepad เขียนเย้ยมาประมาณว่า... "ตกใจล่ะสิที่เปิดไฟล์ไม่ได้ ไม่เป็นไรเราแก้ไขให้คุณได้ จ่ายตังมาสิ! โดยคุณสามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาได้ที่ [อีเมล์] นี้ หรือถ้าไม่เชื่อก็ลองส่งไฟล์ที่โดนล็อคของคุณเข้ามาแล้วเราจะปลดล็อคให้ดูก่อนก็ได้นะ" ตอนอ่านเจอนี่คือแบบถอนหายใจพร้อมบ่นออกมาเป็นเหล่าสรรพสัตว์เลยล่ะ ที่ตลกคือ... พอเราลองใส่ DATA ตัวใหม่เข้าไปในคอม (เช่น ดาวน์โหลดรูปจากกูเกิ้ลมาลงเครื่อง) แล้วรีสตาร์ทไฟล์นั้นก็โดนตามล็อคไปด้วย สรุปคือทั้งเครื่องทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าอินเตอร์เน็ต แต่โชคดีที่เครื่องเพิ่งไปทำการอัปเกรดและลง window มาใหม่ และที่ร้านซ่อมยัง backup ข้อมูลในเครื่องของเราทั้งหมดไว้อยู่ รอดตัวไป~ ก็เอาเครื่องไปล้างและลงโปรแกรมใหม่อีกรอบได้แบบไม่เสียดายอะไร มีโปรแกรมไหนบ้างที่เป็น Ransomware ถ้าตัวที่ชื่อกระฉ่อนโลกเมื่อปี 2017 เลยก็คือ "WannaCry" ที่ได้แพร่กระจายไปหลายเครื่องเพื่อทำการเรียกค่าไถ่จำนวน 300 ดอลล่าร์จากเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นระดับองค์กรทั้งนั้นด้วย WannaCry ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ก็โดนกันไปประมาณ 400,000 เครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลก โดย WannaCry จะทำงานโดยอาศัยช่องโหว่ของ Window XP และ Vista แถมยังแฝงไปกับอีเมล์หรือข้อมูลเอกสารได้ด้วย จึงทำให้มันแพร่อย่างรวดเร็ว SamSam ตัวนี้ก็เห็นว่าร้าย Ransomware ตัวนี้ได้มุ่งโจมตีไปที่ Computer Network ของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศอื่นทั่วโลก เรียกได้ว่าเน้นกลุ่มที่กระเป๋าตังหนักโดยเฉพาะ จนกวาดเงินไปได้กว่า 180 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเจ้าตัวนี้นอกจากปิดกั้นการเข้าถึงไฟล์แล้ว ยังปิดกั้นการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ ด้วย ทำให้แม้จะ backup ไว้ก็เรียกคืนไม่ได้และต้องจำใจจ่ายอย่างปฏิเสธไม่ได้ และตัวที่ฝั่งผู้เขียนโดนก็คือ Garbage Cleaner ชื่อเหมือนโปรแกรมสแกนไวรัสเลย แต่ไม่ใช่! มันนั่นแหละคือไวรัส!! ซึ่งในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาก็มีผู้ใช้หลายคนทั่วโลกโดนเหมือนกัน (สำรวจมาจาก Reddit) ส่วนไปโดนมาได้อย่างไรจะขอเล่าในหัวข้อถัดไปนะ นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมี Ransomware ในโลกอีกหลายตัวเลยที่ไม่รู้จักหรือแทบไม่มีข้อมูลเลย เพราะฉะนั้นเราควรทำความรู้จักกับรูปแบบโปรแกรมและวิธีป้องกันไว้ดีกว่า =========================== Ransomware นั้นมาจากหนใด ช่องทางการแพร่กระจายของ Ransomware นั้นมีหลายช่อทาง ดังเช่น... แฝงมาใน Email - โดยจะมาในลักษณะของไฟล์แนบ โดยอีเมลที่ส่งมาจะถูกทำให้ดูน่าเชื่อถือ ด้วยหัวข้อ สำนวนการเขียน ไปจนถึงชื่อผู้ส่งที่เหมือนมาจากองค์กรใหญ่ และไฟล์แนบก็จะไม่แสดง .exe ให้เราเห็นด้วย จึงทำให้ผู้รับตายใจได้ง่ายๆ เลย โฆษณา - พวกแบนเนอร์โฆษณาที่ดูน่าสนใจ คลิ๊กเข้าไปก็อาจโดนไม่รู้ตัวนะ เชื่อมโยงเข้าเว็บไซต์ - เคยไหมคะ เวลาเล่นเว็บอยู่ดีๆ ชอบมีหน้าต่างใหม่เด้งขึ้นมา ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่ามีแนวโน้มเป็นมัลแวร์ แต่ในบรรดาลิงก์ที่ถูกโยงเหล่านั้นก็มีพวก Ransomware ปนอยู่ด้วยเช่นกัน ซ่อนมาในไฟล์ดาวน์โหลด - อันนี้เราโดนเอง สำหรับใครที่ชอบมองหาโปรแกรมฟรี เช่น โปรแกรมแต่งรูป โปรแกรมบันทึกหน้าจอ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ฯลฯ ไปจนถึงโปแกรม crack สำหรับลงโปรแกรมเถื่อนด้วย ก็จะได้ไวรัสเรียกค่าไถ่มาเป็นของแถมด้วย ยิ่งตัวไหนคนฮิตใช้ก็เดาได้เลยว่ามีลดแลกแจกแถมมาด้วยแน่นอน คอนเฟิร์มโดยคนเขียนจ้า T^T =========================== แล้วจะป้องกัน Ransomware ได้อย่างไร แน่นอนว่าเราจะไม่แนะนำแบบ... ใช้ Anti-Virus สิ เพราะมันไม่ได้ผลหรอกจ้า Ransomware นับเป็นมัลแวร์ที่ฉลาดนะ มีสกิลเจาะเกราะด้วย เพราะตอนที่ทางเราโดนนั้น ก็โดนในขณะที่ Window Defender ของ Window 10 ถูกเปิดอยู่ คือวินโดว์มันก็แจ้งนะว่ามีไฟล์แปลกๆ เรากดบล็อคแล้ว สุดท้ายมันก็ทะลุเข้ามาได้และรีสตาร์ทเครื่องเองโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็โดนล็อคไฟล์ไปตามระเบียบ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ หมั่นจัดการข้อมูลและ backup ไฟล์สำคัญสำรองไว้ข้างนอกเครื่องเสมอ (เช่น external harddisk) ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่อง Ransomware ได้แล้ว ยังช่วยป้องกันเหตุไม่คาดฝันอื่นๆ อย่าง ฮาร์ดดิสก์เสีย วินโดว์พัง ไปจนถึงคอมระเบิด ก็ยังเรียกงานสำคัญคืนมาได้ ที่สำคัญคือ ควรตรวจสอบไฟล์ที่จะมาลงเครื่องทุกครั้งว่ามีความผิดแปลกหรือไม่ ถ้าไม่น่าไว้ใจก็อย่าเสี่ยงดีกว่า และอย่าลืมติดตามข่าวสารในวงการ IT และ Software อย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อจะได้ทราบความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นนั่นเองจ้า =========================== ข้อมูลอ้างอิง Ransomware คืออะไร? โดย IT Chulalongkon University ย้อนรอยเหตุ Ransomware สะเทือนโลก โดย Bangkokbiznews Ransomware - Wikipedia รู้จักกับ Ransomware ตัวใหม่ที่ร้ายกว่าเดิมในชื่อ SamSam โดย monsterconnect
24 Feb 2021
Acer Predator Triton 500 (2020) โน๊ตบุคขั้นเทพขนาดกระทัดรัด ที่เล่น Cyberpunk 2077 ลื่นๆ
ถ้าให้เปรียบเทียบ Notebook Gaming สมัยก่อนนั้น ถึงแม้ว่ามันจะถือว่าเป็นเครื่องเล่นเกมสุดแรง แต่มันก็แลกมากับการที่ตัวเครื่องนั้นจะมีความหนักมาก การที่เรานั้นจะต้องแบกคอมพิวเตอร์ขนาด 4-5 กิโลกรัม ซึ่งมันไม่ค่อยน่าพิศสมัยต่อหลังเรามากๆ และดูเหมือนว่ามันจะผิดหลักจุดประสงค์ของคำว่า Notebook ไปอีกด้วย แต่ในสมัยนี้ปี 2020 มีเหล่าผู้พัฒนาหลายเจ้าได้วิวัฒนาการ Notebook ของตัวเองให้มีขนาดที่กระทัดรัดมากขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานที่จะต้องแบกไปไหนมาไหน หรือจะเอามาเล่นเกมก็แรงไม่แพ้เครื่อง PC ปกติ ซึ่งหนึ่งในเครื่องนั้นที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ก็คือ Notebook อย่าง Acer Predator Triton 500 (2020) ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งคือว่าเซอร์ไพรส์ต่อผู้เขียนสุดๆ เพราะไม่คิดว่า Notebook Gaming จะน้ำหนักเบาขนาดนี้ พร้อมกับความหนาของเครื่องเพียง 17.9 mm ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เบา หรือบางไปกว่า Notebook ทั่วไป แต่ลองคิดสิว่าภายในเครื่องนี้มีการยัดการ์ดจอระดับเทพอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 SUPER เข้าไปด้วย ภายในรูปร่างที่บางเบาขนาดนี้ แถมหน้าจอยังรองรับ Refresh Rate มากถึง 300Hz เลยทีเดียว  ถ้าให้เปรียบเทียบ Acer Predator Triton 500 (2020) ก็เหมือนกับสาวเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยความแซ่บ ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ !! เลยทีเดียว สเปกเครื่องทั้งหมด Processor - Gen Intel® Core™ i7 10875H 2.30 GHz ( บูสได้ถึง 5.10 GHz ) Graphic Card - NVIDIA GeForce RTX 2080 SUPER Display Size - 15.60 นิ้ว Resolution - 1920 x 1080 Refresh Rate - 300Hz Ram - 32 GB Harddisk - 1 TB M.2 SSD (PCIe/NVMe) Wi-Fi - 6 นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับโปรแกรมที่ชื่อว่า PredatorSense ที่จะมีลูกเล่นให้เราใช้เยอะมากๆ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในโปรแกรมนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะการปรับสีไฟของคีย์บอร์ด การปรับรอบความเร็วของพัดลม หรือจะเป็นการปรับ Overclock ให้เครื่องแรงขึ้นก็ได้ และเนื่องจากที่ Acer Predator Triton 500 (2020)  เป็น Notebook ที่ทำมาเพื่อเล่นเกม การที่ไม่พูดเรื่องเกมก็อาจจะกระไรอยู่ ซึ่งจากที่ผู้เขียนนั้นได้เข้าไปลองสัมผัสการเล่นเกมในเครื่องนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์กับเกมที่หลายๆ คนบอกว่ามันกินสเปกมากอย่าง Cyberpunk 2077 มารับชมกันครับว่ามันจะเป็นอย่างไร ตัวผมนั้นได้รับเครื่องนี้จากทางผู้จัดจำหน่ายมาในช่วงที่เกม Cyberpunk 2077 ออกมาพอดีครับ ซึ่งผมก็ได้ใช้เจ้าตัว Acer Predator Triton 500 (2020) เล่นเกมนี้ตั้งแต่วันแรกแบบไม่ได้เล่นเกมนี้บนเครื่องอื่นแต่อย่างใดเลย และเนื่องจากความสนุกของตัวเกม มันทำให้ตัวผมนั้นไม่ได้ติดตาม Feedback จากเหล่าผู้เล่นเกมนี้บนเครื่องอื่นๆ เลยว่าตัวเกมมาพร้อมกับ Bug โหลดเกมที่แย่มหาศาล เพราะว่าจากที่ผมได้ลองเล่นเกมนี้บนเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) ตัวผมแทบไม่เจอปัญหาเรื่อง Bug กราฟิกแต่อย่างใดเลย ตัวเกมมีความลื่นไหลเป็นอย่างมาก โอเคว่ามันอาจจะมี Bug ประปรายที่เป็นสาเหตุมาจากตัวเกมเอง แต่ในเรื่องของความลื่นไหลนี่ตัวเครื่องนี้สามารถรันประสิทธิภาพได้อย่างดีงาม [caption id="attachment_75328" align="aligncenter" width="1920"] ภาพนี้อัดจาก Acer Predator Triton 500 (2020)[/caption] อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตัวเครื่องนี้ใช้การ์ดจออย่าง RTX 2080 Super ซึ่งมันสามารถรองรับ Ray Tracing ได้อยู่แล้ว ซึ่งกราฟิกที่ผมใช้เล่นเกมนี้นั้นผมปรับประสิทธิภาพอยู่ที่ Ray Tracing Medium ซึ่งความละเอียดต่างๆ ในด้านการลบรอยหลัก เงา หรือ Texure นั้นอยู่ที่ระดับสูงสุดทั้งหมด (เพียงแค่ว่ารายละเอียดของ Ray Tracing ไม่ได้ปรับสุด เพราะส่วนตัวอยากให้เกมนั้นสามารถรันได้ถึง 60FPS นั่นเอง) และความละเอียดที่เล่นอยู่ที่ 1920*1080p ซึ่งพอได้ปรับกราฟิกแล้วตัวเกมจะรันอยู่ที่ 60FPS (อาจจะมีตกลงไป 50 บ้างนิดหน่อยในบางฉาก) แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมนั้นตกลงไปแต่อย่างใด และประเด็นสำคัญอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าปัญหาเรื่อง Bug ของเกมแทบไม่มี ปัญหาฉาก และตัวละครดินน้ำมันก็ไม่เคยเจอเลย อาจจะเป็นเพราะ SSD ของเครื่องนี้ [caption id="attachment_75329" align="aligncenter" width="1920"] ภาพนี้อัดจาก Acer Predator Triton 500 (2020)[/caption] แต่ถามว่าเปิดเกมกราฟิกขนาดนี้ ความร้อนบนเครื่อง Notebook นั้นมีไหม ? ซึ่งส่วนตัวก็ต้องยอมรับตามตรงว่ามันก็มีครับเพียงแต่ว่าตัวเครื่องนี้มีปุ่มที่ชื่อว่า Turbo ที่จะเพิ่มรอบพัดลมในการหมุนมากขึ้น ทำให้จากคอมที่ร้อนๆ ให้มันอุ่นขึ้นมาหน่อย ซึ่งถ้าเปิดให้ห้องแอร์มันก็จะช่วยให้เย็นขึ้นอีก (แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หายร้อนเป็นปลิดทิ้ง แค่พออุ่นๆ แต่แค่นี้ก็ดีงามแล้ว) ส่วนถ้าให้ถามถึงจุดติเดียวที่จะพูดได้ก็คือความละเอียดหน้าจอที่จะรองรับได้เพียงแค่ 1920*1080p เท่านั้น ซึ่งการต่อจอเข้า TV ใหญ่ๆ อาจจะไม่ใช่จุดเด่นของตัว Acer Predator Triton 500 (2020) เสียเท่าไหร่ เพราะผู้เขียนเคยลองจะเอาไปต่อในจอใหญ่ 4K และเล่นโดยใช้จอเอา แต่สิ่งที่พบคือตัวโน๊ตบุคเครื่องนี้รัน 4K ไม่ได้และการต่อจอใหญ่ๆ เล่นเกมมันจะทำให้ภาพเกิดการดีเลย์เล็กน้อย เลยอาจจะทำให้รู้สึกไม่สนุกเสียเท่าไร สรุป สรุปเลยว่า Acer Predator Triton 500 (2020) เป็นโน๊ตบุคที่ครบจบทั้งจะเอาไปทำงานหรือจะเอาไปเล่นเกม เพราะความที่มันมีขนาดที่เบาน้ำหนักเพียงแค่ 2.2 กิโลกรัม เท่านั้นพกไปไหนมาไหนสบายมากๆ รวมถึงดีไซน์ของมันเองที่ดูโฉบเฉี่ยวหรูหราทันสมัย ส่วนเรื่องสเปกคอมเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอะไร เพราะมันสามารถเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบปรับสุดได้อย่างสบายๆ มากในตอนนี้ และมันจะยังสามารถปรับสุดแบบนี้ได้อีก 4-5 ปีเลยทีเดียว
21 Dec 2020
เปิดตัว HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่พาคุณก้าวกระโดดไปข้างหน้าสู่โลกอนาคต
กรุงเทพมหานคร, 3 ธันวาคม 2563  - หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์สูงสุดแห่งปี HUAWEI Mate 40 Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ กับคอนเซ็ปต์ “Leap Further Ahead” การก้าวกระโดดไปข้างหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของวงการสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากหัวเว่ย ประเดิมเปิดตัวด้วยรุ่นโปร HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ตทรงประสิทธิภาพ Kirin 9000 ครั้งแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ต 5G SoC ขนาด 5 นาโนเมตร เร็ว แรง เต็มประสิทธิภาพ รองรับสัญญาณ 5G ครบถ้วนทุกย่านความถี่ ทุกผู้ให้บริการ และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว ด้วยโซลูชันระบบกล้อง Leica ที่ทำงานผสานกับเทคโนโลยี AI สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้เทียบชั้นภาพยนตร์ โดย HUAWEI Mate 40 Pro 5G วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 34,990 บาท พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 - 31 ธันวาคม 2563 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่า 7,970 บาท พร้อมบริการหลังการขายสุดพิเศษอีกมากมาย มร.เกวิน เฉิง ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า “หากย้อนมองวิวัฒนาการของ HUAWEI Mate Series หรือตระกูลสมาร์ทโฟนเรือธงสูงสุดของหัวเว่ยจะเห็นได้ว่า หัวเว่ยมุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เราเป็นผู้นำทั้งในด้านความอึดของแบตเตอรี่ เทคโนโลยีชาร์จไว และหน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูง อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่ผสานการประมวลผล AI เข้ากับ NPU และเรายังเป็นแบรนด์แรกที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ 5G SoC ในโมเดล HUAWEI Mate 30 Series เส้นทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมใน HUAWEI Mate Series ของเราจะยังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ วันนี้ HUAWEI Mate 40 Series จะพาเราก้าวกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ Mate ที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งจะกลายมาเป็นหมุดหมายใหม่ให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ยกระดับประสบการณ์ขึ้นไปอีกขั้น กับ HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยและวางจำหน่ายในวันนี้” “ในฐานะบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี หัวเว่ยมุ่งมั่นและทุ่มเทด้านการวิจัยและพัฒนาเสมอมา ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาไปกว่า 6 แสนล้านหยวน (ราว 2.7 ล้านล้านบาท) และด้วยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาระบบและอีโคซิสเต็ม ทำให้ล่าสุดในปี 2020 นี้หัวเว่ยมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (HMS smartphone) แล้วมากกว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ในลำดับถัดไป เราจะมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ ‘ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ’ (Seamless AI Life) หรือ โซลูชันส์เทคโนโลยีเอไอในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของหัวเว่ย ที่จะช่วยแก้ปัญหาการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ในปัจจุบัน พร้อมยกระดับและอำนวยความสะดวกให้แก่ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในอนาคต” มร. เกวิน เฉิง กล่าวเสริม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมด้วยชิปเซ็ต Kirin 9000 นิยามใหม่ของการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพ ขุมพลัง Kirin 9000 ที่มากับ HUAWEI Mate 40 Pro 5G นับเป็นชิปเซ็ตที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ Mate Series อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ชิปเซ็ตแบบ 5G SoC มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.53 หมื่นล้านตัว ทำให้การประมวลผลยิ่งเร็ว แรง และทรงประสิทธิภาพ ได้รับการออกแบบโครงสร้าง CPU ให้ทรงพลังและประหยัดพลังงานถึง 3 ระดับ ประมวลผลแบบ 8 แกน ด้วยแกนหลักที่มีความเร็วสูงสุด 3.13 กิกะเฮิร์ตซ์ และ 24-Core Mali-G78 GPU ซึ่งเป็น GPU ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีไวซ์ของหัวเว่ย สามารถรองรับการประมวลผลขั้นสูงและการใช้งานแบบ multi-tasking ที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด สอดรับกับมาตรฐาน “ชีวิตไอเอไร้รอยต่อ” (Seamless AI Life) ที่หัวเว่ยมุ่งเน้น เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับอย่างแท้จริงให้กับผู้ใช้  ระบบกล้องจาก Leica จัดเต็มนวัตกรรม AI Camera 3 ตัว กล้องหลักของ HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นกล้องเลนส์กว้างพิเศษที่ถ่ายภาพแบบซีเนมาติก หรือให้มุมกล้องเสมือนภาพยนตร์ ที่มีชื่อเรียกว่า Ultra Vision Cine Camera มาพร้อมความละเอียดจัดเต็ม 50 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้คุณภาพสูง ให้คุณไม่พลาดการบันทึกทุกช่วงเวลาพิเศษ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องเลนส์กว้าง Super Sensing Wide Camera และกล้องซูม Periscope Telephoto Camera ที่ซูมแบบออปติคัลได้ที่ 5x และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 50x ส่วนกล้องด้านหน้าเป็น Ultra Vision Selfie Camera ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง 3D Depth Sensing Camera สามารถถ่ายวิดีโอได้ในความละเอียดสูงระดับ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที (fps) นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมด Super Steady Shot ถ่ายวิดีโอได้ไม่สั่นแม้เคลื่อนไหว รองรับการถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยเพิ่มโหมด Story Creator ที่จะทำให้ทุกการถ่ายวิดีโอหรือ Vlog เป็นเรื่องง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเป็น Creator ถ่าย Vlog ได้อย่างมือโปรด้วยตนเอง ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์กับการวางกล้องแบบวงแหวน Space Ring Design และรับสายด้วย Smart Gesture Control อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เน้นย้ำอัตลักษณ์ของ HUAWEI Mate Series ที่โดดเด่นเรื่องดีไซน์ คือการออกแบบวงแหวน Space Ring Design ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยได้แรงบันดาลใจจากการอยู่ท่ามกลางจักรวาลและดวงดาว ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังตอบโจทย์ในแง่ของฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว ด้วยการวางกล้องบนวงแหวนที่สมมาตร ส่วนหน้าจอ HUAWEI Horizon Display โค้ง 88 องศา ทำให้รับชมภาพได้เต็มตาสมจริง ขอบจอโค้งมนหยิบจับใช้งานถนัดมือ กันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68  นอกจากนี้ HUAWEI Mate 40 Pro 5G ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 3D Face Unlock หรือการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าแบบสามมิติ หรือฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Smart Gesture Control ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องสัมผัส เพียงวางมือไว้เหนือสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องแตะก็สามารถเปิดหน้าจอหรือเลื่อนซ้าย-ขวา บน-ล่าง ได้ทันที และยังสามารถรับสายด้วยการใช้มือทำท่าแตะได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Eyes on Display นวัตกรรมที่เข้ามาแทนการเปิดหน้าจอแบบ Always On โดยฟีเจอร์นี้จะตรวจจับได้อัตโนมัติเมื่อสายตาเรามองไปที่หน้าจอ และหน้าจอก็จะติดขึ้นมา พร้อมให้เราใช้งานได้ทันที ระบบการชาร์จที่เร็วที่สุดแห่งยุคด้วย HUAWEI SuperChargeTM 66 วัตต์ เพื่อรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ที่ทั้งแรง เร็ว และทรงประสิทธิภาพ HUAWEI Mate 40 Pro 5G จึงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,400 mAh และที่สุดของนวัตกรรมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperChargeTM รองรับกำลังไฟฟ้าที่สูงสุด 66 วัตต์ เมื่อชาร์จแบบใช้ร่วมกับสายและอะแดปเตอร์ SuperCharge ของหัวเว่ย และรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless HUAWEI SuperChargeTM ที่ 50 วัตต์ ซึ่งเมื่อประกอบกับชิปเซ็ต Kirin 9000 5G SoC แล้วจะทำให้ HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานไม่มีสะดุด อัปเดตล่าสุดกับ EMUI 11 มั่นใจกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบน Huawei Mobile Service  ซอฟต์แวร์ EMUI 11 ซึ่งได้รับการอัปเดตใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ยได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากมนุษย์ปัจจัย (Human Factors) หรือหลักการยศาสตร์ ผสานความลงตัวระหว่างสุนทรียศาสตร์และความสะดวกในการใช้งาน มาพร้อมฟีเจอร์ Multi-Window แสดงผลหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน โดยให้แต่ละแอปพลิเคชันลอยอยู่บนหน้าจอได้อย่างอิสระ รวมถึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration เมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของหัวเว่ยเพื่อให้จอสมาร์ทโฟนไปแสดงผลบนจอแล็ปท็อป และสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านจอแล็ปท็อปได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการทำงานแบบ Multi-tasking มีระบบ Trusted Execution Environment ซึ่งได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัยสูงในระดับ CC EAL5+ ถือว่าเป็นระดับสูงสุด ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนบนไฟล์ เช่น สถานที่ เวลาและรายละเอียดของเครื่อง ก่อนที่จะส่งให้ผู้อื่นได้  HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนในระบบ Huawei Mobile Services (HMS) ที่มาพร้อมกับ HUAWEI AppGallery สำหรับดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันซึ่งการันตีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ด้วยกลไกตรวจสอบและป้องกันความปลอดภัยถึง 4 ขั้นตอน รวมถึงบริการ Petal Search เครื่องมือค้นหาที่จะช่วยเปิดประตูสู่แอปพลิเคชันมากมาย ซึ่งมาพร้อมระบบที่ช่วยคัดกรองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ในตัว ปัจจุบัน HUAWEI AppGallery มีผู้ใช้บริการกว่า 700 ล้านรายทั่วโลก รวมถึงมีแอปพลิเคชันพร้อมให้ใช้งานครอบคลุมถึง 18 ประเภท โดยปัจจุบันแอปพลิเคชันยอดฮิตของไทยกว่า 95% ได้รับการบรรจุไว้ใน HUAWEI AppGallery แล้ว ไม่ว่าจะเป็น LINE, TikTok, Foodpanda, Shopee, Lazada, JD Central, เป๋าตัง, แอปพลิเคชันของธนาคารชั้นนำ เกมยอดนิยม และอื่นๆ อีกมากมาย  HUAWEI Mate 40 Pro 5G วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีให้เลือก 2 สีคือ Black และ Mystic Silver มาพร้อมหน่วยความจำ ROM 256 GB + RAM 8 GB ในราคา 34,990 บาท  พิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 - 31 ธันวาคม 2563 ผ่านทางหน้าร้าน HUAWEI Experience Store ทุกสาขา และเว็บไซต์ HUAWEI Online Store โฉมใหม่ รวมถึงร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รับฟรีทันทีของสมนาคุณมูลค่ารวม 7,970 บาท ประกอบด้วย ปากกา HUAWEI M-Pen 2, เคสไฟวงแหวน HUAWEI Ring Light Case และแท่นชาร์จเร็วไร้สาย HUAWEI SuperChargeTM Wireless Charger Stand พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหัวเว่ยมูลค่า 1,619 บาท อันได้แก่ บริการซ่อมบำรุงถึงบ้าน (Door to Door service), บริการบำรุงรักษาเครื่อง 2 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี, HUAWEI CLOUD STORAGE 5GB ตลอดชีพ + 50GB ให้ใช้ภายในระยะเวลา 1 ปี รวมถึงฟรีค่าใช้บริการ HUAWEI VDO 1 เดือน และเช่าหนังฟรี 5 เรื่องใน HUAWEI Movie Pass โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEIMobileTH , ยูทูป HUAWEIMobileTH, เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และ official account ในไลน์ HUAWEI Mobile Thailand รวมถึงสามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/shop/product/huawei-mate-40-pro/ 
07 Dec 2020
Lenovo ส่งท้ายปีเก่าด้วยแคมเปญ 12.12 GREAT SALE นำทัพแล็ปท็อปรุ่นดังลดสูงสุด 12%
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 4 ธันวาคม 2563 – เลอโนโว บริษัทผู้นำด้านคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทดีไวซ์ระดับโลก ผุดแคมเปญ 12.12 GREAT SALE ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ขนแล็ปท็อปรุ่นดัง อย่าง IdeaPad, Legion, ThinkBook และ ThinkPad มาลดราคาคืนกำไรให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน เกมเมอร์ ผู้ประกอบธุรกิจ หรือองค์กรทั่วประเทศ โดยแคมเปญจะมี ตั้งแต่วันที่ 7 – 16 ธันวาคม 2563 รายละเอียดแคมเปญ ลดออนท็อปสูงสุด 12% ทันที! กับโค้ด LNV12 ตลอด 10 วันของแคมเปญ พิเศษ! วันที่ 12 เดือน 12 มีสินค้าลดพิเศษ 50% ถึง 7 รุ่น ที่เว็บไซต์ https://lnv.gy/3mvl9Bi ThinkPad X1 Carbon Gen 8 (20U9S00R00) ThinkBook 13s (20R900E7TA) ThinkBook Plus (20TG004HTA) ThinkBook Plus (20TG004GTA) ThinkPad T15 (Intel) (20S6S00N00) ThinkBook Plus (20TG005DTA)  ThinkCentre M75n (11BSS01U00) ThinkCentre M720 SFF (10SUSF6400) แล็ปท็อปทุกรุ่นสามารถปรับแต่งสเปคได้ตามความต้องการก่อนกดสั่งซื้อ เช่น ต้องการตัวเลือกหน้าจอสูงสุด หรือต้องการตัวจัดเก็บข้อมูลที่จุได้มากขึ้น สามารถใช้สิทธิ์ ช้อปดีมีคืนได้ : เมื่อช้อปผลิตภัณฑ์จุใจแล้ว ได้ทั้งแล็ปท็อปใหม่ ทั้งเงินภาษีคืน 2 ต่อแบบนี้ ไม่ควรพลาด! สามารถผ่อน 0% ได้สูงสุดถึง 10 เดือน! กับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบัตรกรุงไทย เลอโนโวยังคงส่งมอบเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอันชาญฉลาดให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่นำโดยบริการ การขับเคลื่อนสังคมทั่วโลกให้เข้าถึงโอกาสที่ดีกว่า และการเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน ไฮไลท์แล็ปท็อปที่ร่วมโปรโมชั่น ThinkPad X1 Carbon Gen 8 แล็ปท็อปพรีเมียมบางเบาเพื่องานธุรกิจ มาพร้อมโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยในตัวอย่าง ชุดโปรแกรม ThinkShield อัพเดทใหม่ล่าสุด หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานและเก็บข้อมูล ระบบลำโพง Dolby Atmos ช่วยสร้างประสบการณ์เสียงอันเยี่ยมยอด และการรับรองว่าผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานระดับ military grade 12 ขั้นตอน รวมถึงการทดสอบคุณภาพระดับสูงถึง 200 รูปแบบ โปรเซสเซอร์: 10th Gen Intel® Core™ i5 กราฟิก: Integrated Intel® UHD Graphics 620 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: 1TB SSD จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด 4K in-plane switching พร้อม Dolby Vision HDR400, ความสว่าง 500 nits, 10 bit แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 18 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   ThinkPad X1 Carbon Gen 7 แล็ปท็อประดับโปรสำหรับการทำงานทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมฝาหลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ความบางเพียง 14.9 มม. ระบบสแกนลายนิ้วมือไบโอเมตริกซ์ ให้การเข้าใช้งานเครื่องเป็นเรื่องง่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของ ThinkShield ชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย และตัวเลือกการ์ด LTE-A คู่กับเทคโนโลยี WWAN ออนไลน์ได้เหมือนใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โปรเซสเซอร์: ตัวเลือกสูงสุด 10th Gen Intel® Core™ i7 กราฟิก: Integrated Intel® UHD Graphics 620 หน่วยความจำ: ตัวเลือกสูงสุด 16GB LPDDR3 ตัวจัดเก็บข้อมูล: ตัวเลือกสูงสุด 2TB SSD PCIe จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด 4K in-plane switching พร้อม Dolby Vision HDR400, ความสว่าง 500 nits, 10 bit แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 18 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   ThinkBook ขนาด 15 นิ้ว แล็ปท็อปประสิทธิภาพระดับองค์กร แต่ราคาระดับ mid-range มาพร้อมบานพับโลหะผสมที่ใช้เทคโนโลยี Powdere-Metal ทนทานต่อการเปิด-ปิดกว่า 25,000 รอบ ขอบจอสุดบาง จอมีสัดส่วนพื้นที่การมองมากถึง 83% เมื่อเทียบกับขนาด และพอร์ต USB 3.1 ช่วยให้ผู้ใช้ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ตลอดเวลา แม้เครื่องปิดอยู่ และการรับรองว่าผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานระดับทหาร 12 ขั้นตอน รวมถึงการทดสอบคุณภาพระดับสูงถึง 200 รูปแบบ โปรเซสเซอร์: 10th Gen Intel® Core™ i5 กราฟิก: Intel UHD หรือตัวเลือกกราฟิกแยก AMD Radeon™ 620 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: ตัวเลือกสูงสุด 2TB แบบ HDD หรือ 1TB แบบ M.2 PCIe SSD หรือตัวเลือก Intel® Optane™ Memory H10 + 512GB SSD จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   IdeaPad L340 Gaming แล็ปท็อปเร็วแรงคู่กายสายเกม มาพร้อมคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่มีไฟพื้นหลังสีฟ้าเสริมบรรยากาศ ระบบเสียง Dolby Audio™ พลังที่แท้จริงของเทคโนโลยีเสียงขั้นสูง การเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi 5 ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมแบบพกพา และซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจเช็กสเปคตัวเครื่องได้สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ติดตั้งไว้ได้ด้วย โปรเซสเซอร์: 9th Gen Intel® Core™ i7 กราฟิก: ตัวเลือกสูงสุด NVIDIA® GeForce® GTX 1650 หน่วยความจำ: ตัวเลือกสูงสุด 24GB DDR4 ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 256GB SSD + 1TB จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching กันแสงสะท้อน แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 9 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   Legion 5 (AMD) แล็ปท็อปขั้นเทพเพื่อเกมเมอร์ตัวจริง มาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ และระบายความร้อน Lenovo Legion Coldfront 2.0 ควบคุมอุณหภูมิเครื่องได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี Q Control 3.0 ผู้ใช้สามารถเลือกปรับโหมดได้ด้วยตนเอง ระหว่าง Quiet, Balance และ Performance รีเฟรชเรทที่ 144Hz เล่นเกมได้ลื่นไหลต่อเนื่อง และระบบลำโพง 2W Harman Kardon คู่กับ Dolby Atmos โปรเซสเซอร์: ตัวเลือกสูงสุดโปรเซสเซอร์โมบายล์ AMD Ryzen™ 7 4800H กราฟิก: ตัวเลือกสูงสุด AMD Radeon™ 620 สูงสุด NVIDIA® GeForce® RTX™ 2060 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB SSD จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 300 nits 100% sRGB Dolby Vision แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 8 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   ThinkPad T14s แล็ปท็อปทรงพลังพกพาสะดวกสำหรับการทำงาน มาพร้อมฟีเจอร์ที่ทันสมัยอย่าง Modern Standby เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ภายในหนึ่งวินาที และ Wake On Voice รับฟังคำสั่งของผู้ใช้ได้จากทุกมุมห้อง เมื่อเปิดฝาจอเครื่องไว้ เพิ่มความคล่องตัวให้งานทุกประเภท โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยครบวงจร ThinkShield การ์ด LTE-A WWAN อุปกรณ์เสริมช่วยให้ผู้ใช้งานออนไลน์ได้ทุกที่ และ AMD Memory Guard เข้ารหัสหน่วยความจำเพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น โปรเซสเซอร์: AMD Ryzen™ 5 Pro กราฟิก: AMD Radeon™ Vega หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 500 nits PrivacyGuard Touchscreen แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 16 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   ThinkPad X13 (AMD) แล็ปท็อปที่ตอบโจทย์การใช้งานระดับธุรกิจ มาพร้อม ThinkShutter สำหรับปิดเว็บแคม และหน้าจอ PrivacyGuard with PrivacyAlert ป้องกันไม่ให้คนแอบดูหน้าจอจากข้างหลังผู้ใช้ ทั้งสองเป็นฟีเจอร์ของ ThinkShield ชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม การเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6 เพื่อการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไม่ติดขัด และฟังก์ชันใหม่บนปุ่ม F9-F11 ให้ผู้ใช้โทรออก รับสาย หรือวางสายโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย โปรเซสเซอร์: AMD Ryzen™ 5 Pro กราฟิก: AMD Radeon™ Vega หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB SSD จอ: 13.3 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 500 nits PrivacyGuard แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 13 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro
07 Dec 2020
สมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Galaxy A42 5G” จากซัมซุง เร็วแรงพร้อมลุยทุกการใช้งาน ในราคาหมื่นต้น
ใครว่าเงินหมื่นต้นจะซื้อมือถือสเปคเทพไม่ได้แต่ซัมซุงไม่คิดแบบนั้นเพราะด้วยสเปคและประสิทธิภาพความเร็วแรงที่เหนือราคา ทำให้ Galaxy A42 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในเวลานี้กับราคาค่าตัวเพียง 11,990 บาท เพราะนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อบนสัญญาน 5G คุณภาพแล้ว ซัมซุงยังจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon 750G ที่มีการประมวลผลเร็วแรงแบบ Octa-core และให้ RAM มาสูงถึง 8GB ช่วยเพิ่มสมรรถนะการใช้งานอย่างเต็มพิกัด ตอบโจทย์ทั้งสายเกมเมอร์และสายคอนเทนต์อย่างลงตัว หมดปัญหาเรื่องเครื่องช้า เล่นเกมแล้วกระตุก หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ไม่ทันใจ ที่สำคัญ Galaxy A42 5G ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A ไว้ด้วยฟีเจอร์หลักคุณภาพคับแก้ว จอ-กล้อง-แบต ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอใหญ่คมชัดแบบ Super AMOLED กล้องสวยเลนส์ครบ พร้อมแบตเตอรี่ทรงพลังถึง 5,000 mAh มาดูกันว่า ประสิทธิภาพเหนือราคาของ Galaxy A42 5G เครื่องนี้จะตอบโจทย์และโดนใจสายสปีดขนาดไหน นอกจากนี้ ลูกค้า Galaxy A42 5G ยังได้รับเอกสิทธิ์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้งาน YouTube Premium ฟรี 2 เดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์จาก Galaxy Gift พร้อมบริการช่วยเหลือพิเศษระดับ Galaxy Butler Blue จองคิว เข้ารับบริการที่ศูนย์ล่วงหน้าได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Members พร้อมบริการเครื่องสำรองระหว่างรอการซ่อม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/butler/ สัมผัสประสบการณ์ความเร็วแรงของ Galaxy A42 5G (กาแลคซี่ เอ 42 5G) สมาร์ทโฟนสายพันธุ์สปีด แรงทุกสเปค ได้แล้ววันนี้ ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Store และผู้ให้บริการเครือข่าย มาพร้อมตัวเลือก 3 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ Prism Dot Black, Prism Dot White และ Prism Dot Gray ในราคาเพียง 11,990 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของซัมซุง Galaxy A42 5G ได้ที่ https://bit.ly/3kxWquf
02 Dec 2020
สอนวิธีเลือกซื้อ PC มือ 2 อีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ได้คอมแพงในราคาถูกๆ
ในปัจจุบันวงการเกมได้เข้าสู่ช่วงเจเนอเรชันใหม่แล้ว ส่งผลให้ภาพ / กราฟิก ของเกมที่กำลังจะออกหลังจากนี้ จะมีความสวยงามมากขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันหมายความว่าถ้าหากจะเล่นเกมเหล่านี้บนเครื่อง PC แล้วปรับทุกอย่างแบบเต็มแม็ก เกมเมอร์หลายคนน่าจะต้องอัพเกรดเครื่อง PC ของตัวเองเล็กน้อยเช่นกัน ยิ่งในช่วงที่เพิ่งจะมีการ์ดจอตัวใหม่ออกมาทั้งจากค่าย เขียว และ แดง แบบนี้ยิ่งนับเป็นโอกาสดีที่จะอัพเกรดเครื่องมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามคิดว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะจ่ายเงินหลายหมื่นในตอนนี้ ในจุดนี้ผมคิดว่าตลาด Hardware มือสอง จะสามารถตอบโจทย์ของคุณได้ครับ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ จริงๆ แล้วการซื้ออุปกรณ์ Hardware บางชิ้นในตลาดมือสองจะช่วยประหยัดราคาได้เยอะมาก ซึ่งสินค้ามือสองที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ในที่นี้ หมายถึงตัวที่ยังมีประกันเหลืออยู่ด้วยนะครับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการซื้อของในตลาดมือสองเองก็มีความเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการเลือกซื้อสินค้า Hardware มือสองกันครับ ทำไมตลาดมือสองถึงน่าสนใจในตอนนี้ ? ก่อนจะเริ่มพูดถึงสิ่งที่ควรซื้อ ข้อดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่าสิ่งที่ทุกคนควรรู้เป็นอย่างแรกคือ "ทำไมถึงต้องซื้อของในตลาดมือ 2" ก่อนอื่นผมขอยืนยันว่า "สินค้ามือหนึ่งจะดีกว่า มือสองอย่างแน่นอน" หากแต่ข้อดีของการซื้อสินค้ามือสองคือการที่เรา "ราคาที่ถูกกว่า" ดังนั้นถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ แล้ว ตลาด Hardware มือสองคือ "อีกหนึ่งทางเลือก" ในการประกอบ หรืออัพเกรดคอม สำหรับคนที่มีงบ "จำกัด" ครับ ในช่วงที่วงการเกมกำลังเข้าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่แบบนี้หมายความว่า ภาพ / กราฟิก ของเกมจะสวยมากขึ้น และต้องการ Hardware ที่ทรงพลังมากขึ้น ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงเริ่มอัพเกรด PC กันในช่วงนี้ ส่งผลให้สินค้าในตลาดมีราคาสูงขึ้นมาก เพราะเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ และทำให้การประกอบคอมดีๆ ในงบที่จำกัดทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย ในจุดนี้การซื้อ Hardware บางตัวเป็นของมือสองหรือทั้งเครื่องเลย เป็นหนึ่งในทางออกที่ดีเวลาแบบนี้ครับ นอกจากนี้สินค้าที่หาไม่ได้ในตลาดมือหนึ่งตอนนี้ บางครั้งอาจโผล่มาในตลาดมือสองได้เช่นกัน ยกตัวอย่างการ์ดจอ RTX ซีรีส์ 30 หรือ CPU กับ RAM บางตัว ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆ กำลังจะอัพเกรด PC ช่วงนี้แล้วละก็ การเข้าไปเช็คตลาดมือสองอาจทำให้ได้สินค้าหายากมาก็เป็นได้ครับ [caption id="attachment_71853" align="aligncenter" width="568"] เครดิตรูปภาพจากกลุ่ม "ตลาดนัด คอมฯไทย ระดับโลก - Devas Market Place Thai Society"  [/caption] สินค้า Hardware ตัวไหนบ้างที่เหมาะมากๆ ถ้าจะซื้อแบบมือสอง ? แม้ว่าจริงๆ แล้ว Hardware ทุกชนิดจะสามารถนำมาใช้มือสองได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะมี Hardware อยู่บางชิ้นที่เหมาะจะซื้อมือ 2 มากกว่าชิ้นอื่นๆ ครับ เนื่องจาก Hardware บางชนิด มักมาพร้อมกับประกันที่ยาวนานหลายปี (บางชิ้นอาจนานถึงหลัก 10 ปีเลย) ดังนั้นผมคิดว่าก่อนที่จะไปเลือกซื้อกัน ควรรู้ก่อนว่าสินค้าตัวไหนบ้างที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ที่สุดครับ Power Supply การ์ดจอ RTX ซีรีส์ 30 ใช้กำลังไฟค่อนข้างเยอะ ดังนั้นสำหรับใครที่ใช้ Power Supply ที่น้อยกว่า 750W อยู่อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ตัวรุ่นที่จ่ายไฟได้เยอะขึ้น ซึ่งเจ้าตัวจ่ายไฟในปัจจุบันจะมีหลายเกรดด้วยกันแบ่งเป็น Bronze, Silver, Gold, Platinum และ Titanium โดยส่วนใหญ่ตัวที่เป็น Gold ขึ้นไปมักจะรับประกัน 10 ปี เป็นอย่างน้อยใน ดังนั้นต่อให้เราซื้อ Power Supply มือ 2 แล้ว มันก็ยังมักจะเหลือประกันอีกหลายปีนั้นเองครับ สรุปง่ายๆ ว่า เราสามารถได้ Power Supply ดีๆ ในราคาไม่แพง แล้วยังประกันเหลือนั้นเอง มันจึงทำให้เจ้าตัวจ่ายไฟนี้ เป็นหนึ่งใน Hardware ที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ครับ RAM ในปัจจุบัน Ram จากแบรนด์ชั้นนําส่วนใหญ่ มักจะมีประกันแบบ Life Time ซึ่งมันหมายความว่าถ้าหากทางผู้ผลิตยังคงผลิต Ram ตัวดังกล่าวอยู่ เราก็ยังสามารถนำมันไปเคลมได้เรื่อยๆ ถ้าพัง ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ Ram เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เหมาะจะซื้อมือสองเป็นอย่างมาก ป.ล ถ้าหากว่าเพื่อนๆ ต้องการจะซื้อ Ram มาใส่เครื่องเพิ่ม อย่าลืมดูด้วยว่าปัจจุบันที่เราใช้อยู่คือรุ่นไหนนะครับ เพราะ Ram ใน PC เครื่องเดียวกันควรจะเป็นรุ่น และยี่ห้อเดียวกันเสมอครับ GPU (การ์ดจอ) ขอออกตัวก่อนเลยว่า การ์ดจอ ไม่ใช้สินค้าที่มีการรับประกันยาวนานเหมือนกับ 2 ตัวแรก แต่ที่ผมแนะนำว่า การ์ดจอเป็นหนึ่งในสิ้นค่าที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ด้วย เป็นเพราะการ์ดจอที่หาได้ในตลาดมือสองมักมีราคาที่ถูกกว่ามือ 1 มากพอสมควร และส่วนใหญ่จะเหลือประกันมากกว่า 1 ปีครับ ถ้าโชคดีหน่อยอาจได้สินค้ารุ่นใหม่ๆ อย่าง 3070 หรือ 3080 ในราคาที่ถูกกว่า 2,000 - 3,000 เลย รุ่นเก่าลงมาหน่อยอย่าง 2080 Ti, 2080 Super หรือ 2070 Super ก็มักจะพบได้ในตลาดเช่นกัน ดังนั้นผมจึงให้การ์ดจอเป็นหนึ่งในสินค้าที่เหมาะจะซื้อมือสองด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะกลัวว่าตัวเองจะไปซื้อการ์ดจอที่ถูกเอาไปใช้ขุดเหมืองมา ซึ่งผมขอยืนยันว่าต่อให้การ์ดจอถูกเอาไปใช้ขุดเหมืองมาจริงๆ แต่ถ้าประกันของการ์ดยังเหลือ มันจะยังสามารถเอามาใช้เล่นเกมหนักๆ ได้สบายครับ ต่อให้มันพังขึ้นมาจริงๆ เราก็ยังสามารถส่งไปเคลมได้อยู่ดี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไปเลยครับ วิธีป้องกันตัวเองจากการโดนโกงในตลาดมืสอง ได้ชื่อว่าเป็นการซื้อขายของมือสองแล้ว เรื่องของการโกงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าเพื่อนๆ ควรรู้วิธีป้องกันตัวเองจากการโกงไว้บ้างครับ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วการป้องกันโดนโกงไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดครับ โดยผมจะแบ่งเป็นข้อๆ ให้ทุกคนสามารถอ่านได้ง่ายข้างล่างนี้ครับ ไปรับของด้วยตัวเอง จริงๆ นี้น่าจะถือเป็นวิธีที่ง่าย และปลอดภัยมากที่สุดครับ ในเมื่อกลัวว่าจะไม่ได้รับของหลังจากโอนเงินไปแล้ว เราก็แค่ไปรับสินค้าด้วยตัวเองเลย การทำแบบนี้จะทำให้เราได้เห็นสภาพของสินค้าก่อนด้วย ซึ่งถ้าเกิดรู้สึกว่าหน้าตาสินค้าจริงไม่ได้สภาพดีเหมือนในรูป หรือพบตำหนิเราก็สามารถเลือกที่จะไม่จ่ายเงินได้ แถมยังสามารถขอให้เจ้าของเทสสินค้าตัวที่เราไปรับให้ดูก่อนได้ด้วย โดยมันจะทำให้เรามั่นใจว่า สินค้าที่เรากำลังซื้อนี้สามารถใช้งานได้จริงๆ ครับ จ่ายเงินผ่านคนกลาง ( ง่ายสุดคือ Shoppee ) แน่นอนว่ามันคงไม่ใช้ทุกครั้งที่เราจะไปรับสินค้าด้วยตัวเองได้ ซึ่งในกรณีที่ต้องให้เขาส่งสินค้าให้เราจริง (เช่นคนขายอยู่ต่างจังหวัด หรืออยู่ไกลบ้านเรามากๆ ) ผมแนะนำให้โอนเงินผ่านคนกลางครับ โดยคนกลางสำหรับการโอนเงินที่ทุกคนเข้าถึงง่ายที่สุดก็คือ Shoppee ครับ จริงๆ แล้วสามารถใช้งานคนกลางที่ทั้งสองสบายใจร่วมกันก็ได้ แต่ถ้าไม่รู้จะใช้ใครจริงๆ ผมก็แนะนำ Shoppee เลยครับ ซื้อ - ขาย กับคนที่มีเครดิต หรือโพสต์ถามเครดิตกับคนในกลุ่มก่อน ถ้าหากว่าไม่สามารถใช้สองวิธีข้างบนที่ผมแนะนำมาได้จริงๆ (ซึ่งเอาจริงๆ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย) วิธีสุดท้ายคือพยายามซื้อกับคนที่มีเครดิตครับ เพราะคนที่มีเครดิตหมายถึงคนที่เคย ซื้อ-ขาย สินค้าในกลุ่มมาเยอะแล้ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เขามาทำธุรกิจในกลุ่มซื้อขาย Hardware มือ 2 ครับ ดังนั้นส่วนใหญ่มักจะเชื่อถือได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าคนที่เราจะทำการซื้อขายด้วยมีเครดิตที่ดีจริงหรือไม่ เราสามารถแคปหน้า Facebook ของคนขาย ไปถามหาเครดิตของเขาจากคนในกลุ่มได้ครับ ถ้าหากว่าได้รับ + มากกว่า 10 ผมคิดว่าคนนั้นก็เชื่อถือได้แล้วครับ! แนะนำกลุ่มที่ ซื้อ - ขาย Hardware มือสอง หลังจากรู้ข้อดึ รวมไปจนถึงวิธีการซื้อไปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เพื่อนๆ ควรรู้คือควรจะไปซื้อที่ไหน โดยตลาดมือ 2 ที่ผมบอกก็ไม่ใช่ตลาดในโลกความจริง หรือห้างขายของมือ 2 ครับ แต่เป็นกลุ่มใน Facebook เนี่ยแหละ โดยจะมีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ ด้วยกันที่มีสินค้าเยอะ สามารถดูชื่อกลุ่มได้ข้างล่างนี้เลย ตลาดนัด คอมฯไทย ระดับโลก - Devas Market Place Thai Society ( สมาชิก 270,000 คน ) Deva น่าจะเป็นกลุ่มซื้อขาย Hardware มือสองที่ใหญ่ และมีสมาชิกมากที่สุดแล้วในไทย ซึ่งทาง Deva ยังทำหน้าที่เป็นคนกลางในการซิ้อขายให้ด้วย ดังนั้น Devas Market Place Thai Society จึงเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยสูง ข้อเสียของกลุ่มนี้จะเป็นตรงที่มีขั้นตอนในการขอเข้ากลุ่มที่ยุ่งยากเล็กน้อย แต่ถ้าหากจะหาซื้ออุปกรณ์มือสองแล้ว กลุ่มนี้น่าจะมีสินค้าให้เราดูมากที่สุดครับ Extreme IT ห้องสำหรับ ซื้อ-ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ PC ( สมาชิก 120,000 คน ) แม้จะไม่ใหญ่เท่า Deva แต่ห้องสำหรับ ซื้อ-ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของ Extreme It ก็จัดเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีขนาดใหญ่ และเราสามารถพบกับการ์ดจอ, CPU รวมไปจนถึงสินค้าที่ยังมีประกันได้มากมายในกลุ่มนี้ ข้อดีก็คือเป็นกลุ่มเปิดที่เปิดให้เราสามารถเข้าไปดูโพสต์ได้เลยนั้นเอง ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าการซื่อสินค้ามือ 2 จะดีกว่าการซื้อสินค้ามือ 1 เพียงแต่สำหรับคนที่มีงบอย่างจำกัดบางครั้งการยอมเลือกสินค้าบางตัวเป็นมือ 2 ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีความรู้ และอยากแนะนำเพิ่มเติม หรือข้อมูลที่ผมให้มาในบทความนี้ผิดยังไง ก็สามารถคอมเมนต์คุยกันได้เลยครับ!
27 Nov 2020
รู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์เกมมิ่งของคุณได้
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวมาตรฐาน USB ใหม่จากทาง USB Implementers Forum ชื่อว่า USB4 ซึ่งมีกำหนดจะถูกเอามาใช้จริงในช่วง ปลายปี 2020 หรือก็คือช่วงนี้ และเชื่อหรือไม่ครับว่าเจ้าเทคโนโลยีสายเล็กๆ นี้อาจเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เกมมิ่งของเราชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้รับความรู้ที่เต็มที่ และเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเจ้า USB4 นี้ มันยอดเยี่ยมยังไง ผมจำเป็นต้องเริ่มอธิบายก่อนว่า USB4 คืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน, และสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยตัวบทความนี้อาจมีความยาวที่มากพอสมควร ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ USB4 คืออะไร USB4 คือเทคโนโลยีส่งข้อมูลแบบ External ตัวใหม่ล่าสุดที่ได้รับการยอมรับจากทาง USB Implementers Forum ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูแลมาตรฐานของสาย USB โดยเจ้าสายรับส่งข้อมูลเจเนอเรชันใหม่นี้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 40GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่า USB 3.2 อีกเท่าตัว สายนี้จะมาในรูปแบบ Type-C เท่านั้น และไม่มีรูปแบบ Type-A ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งเหตุผลที่ต้องทำให้ออกมาเป็น Type-C เท่านั้น ก็เพื่อให้สามารถเอาไปใช้งานร่วมกับสาย Thunderbolt 3 ได้ด้วย โดยการที่สามารถใช้ร่วมกันได้แบบนี้ จะส่งผลถึงวงการเกมพอสมควรในเรื่องของราคา Hardware แต่ผมจะขอกล่าวต่อไปข้างล่างนี้ครับ นอกจากนี้จากประกาศของทาง VESA ทำให้เทคโนโลยี DisplayPort 2.0 เอง ก็หันมาใช้สาย USB4 ในการส่งข้อมูลเช่นกัน ซึ่งเจ้า DisplayPort 2.0 เองก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เล่นเกมของเพื่อนๆ ไปเลยเช่นกัน และเหตุผลว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปก็อยู่ข้างล่างนี้แล้วเช่นกันครับ DisplayPort 2.0 คืออะไร หลายคนอาจคุ้นเคยกับการใช้สาย HDMI ในการต่อจอเข้ากับเครื่องเล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วถ้าหากเพื่อนๆ ต้องการใช้งานจอแสดงผลที่มีความละเอียดมากกว่า 4K และมีค่า Refresh Rate สูงกว่า 60 Hz แล้วละก็ เราจะไม่สามารถใช้สาย HDMI ในการเชื่อมต่อได้ ตัวสายมีขนาดของ Bandwidth ที่ไม่เพียงพอครับ โดยเทคโนโลยีล่าสุดของสาย HDMI คือ HDMI 2.0 ซึ่งมีขนาด Bandwidth เท่ากับ 18Gbps ดังนั้นจึงส่งผลให้สาย HDMI สามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K กับค่า Refresh Rate ที่ 60 Hz ครับ ดังนั้นในส่วนนี้สาย DisplayPort 1.4 จึงเข้ามารับหน้าที่แทนเนื่องจากเป็นสายที่มีขนาด Bandwidth สูงถึง 32.4 Gbps  (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/120 Hz และ 8K/60Hz) นอกจากนี้เทคโนโลยี Nvidia G-Sync กับ AMD FreeSync เอง ก็สามารถทำงานผ่านสาย DisplayPort ได้เท่านั้นเช่นกัน เพื่อนๆ อาจสังเกตได้ว่าจอคอมพิวเตอร์แพงๆ ที่มีความละเอียดสูง มีค่า Refresh Rate สูง และมีเทคโนโลยี Nvidia G-Sync หรือ AMD FreeSync มักให้สาย DisplayPort มาด้วยครับ กลับมาที่ประเด็น DisplayPort 2.0 เทคโนโลยีนี้คือตัวใหม่ล่าสุดที่มี Bandwidth สูงถึง 77.4 Gbps (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/144 Hz, 8K/120 Hz และ 16K/60Hz) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการมาของ USB4 คือ การหมายความว่าเราจะสามารถเล่นเกมในความละเอียดที่สูงมากขึ้น หรือ Refresh Rate ที่สูงกว่าเดิมได้นั้นเอง [caption id="attachment_72716" align="aligncenter" width="1280"] เล่นเกมแบบ 16K[/caption] (ขอบคุณภาพจากทาง Linus Tech Tips) USB4 สามารถใช้กับ Thunderbolt 3 = ราคาของ Hardware จะถูกลง ก่อนที่โลกเราจะรู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วที่สุดของโลกคือ Thunderbolt 3 ซึ่งเจ้าสายนี้เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของทาง Intel ส่งผลให้หากผู้ผลิต Hardware จะใช้เทคโนโลยี จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับ Intel ด้วย ผลลัพธ์คือผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่มากขึ้น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Notebook รุ่น Highend รวมไปจนถึง Macbook ของทาง Apple มีราคาที่แพง นอกจากนี้ AMD เองก็ไม่สามารถนำ Thunderbolt 3 มาใช้งานได้เช่นกันเนื่องจาก Intel ไม่ยอม ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ External GPU ที่เอาไว้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Notebook สามารถใช้งานได้กับเครื่องที่ใช้ Chipset ภายในเป็นของ Intel เท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการมาของ USB4 ที่สามารถใช้งานกับ Thunderbolt 3 ได้จึงจะช่วยลดราคาต้นทุนให้กับผู้ผลิตได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกกว่า การลดต้นทุนได้จึงหมายความว่า ราคาของสินค้าที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในส่วนนี้จะถูกลง ซึ่งจะทำให้พวกเราเหล่าเกมเมอร์สามารถจับต้องสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สูงขึ้นในราคาเท่าเดิมได้นั้นเอง และการมี Notebook แรงๆ หรือ Hardware ดีๆ ก็จะทำให้การเล่นเกมของเพื่อนๆ ลื่นไหลมากขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกันครับ ความเปลี่ยนแปลงของวงการเกมที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อ USB4 ถูกใช้งานจริง นอกจากที่ผมกล่าวมาข้างตนแล้วยังมีอีก 2 ประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้น สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ การเปลี่ยนไปใช้จอที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB4 ได้ ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นเกมถูกปรับขึ้นมาเป็น 4K / 60 FPS แล้ว จากการมาของเครื่อง PS5 และ Xbox Series X ดังนั้นในอนาคตมาตรฐานของความละเอียด กับ Refresh Rate จะสูงมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน โดยความละเอียดที่สูงกว่า 4K / 60 FPS นั้นไม่สามารถใช้งานสาย HDMI ได้แล้ว กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือการเปลี่ยนไปใช้ USB4 ในการส่งภาพจะกลายเป็นมามาตรฐานใหม่ของจอ PC อย่างแน่นอน และเมื่อวันนั้นมาถึง เหล่าเกมเมอร์ PC อาจได้เปลี่ยนจอกันทุกคนเลยครับ เอาจริงๆ มันยัง ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ขนาดนั้นสำหรับเราในตอนนี้ เนื่องจากมาตรฐาน USB4 ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในตอนนี้ และน่าจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมที่ควายละเอียดต่ำกว่า 8K / 60 FPS เช่นกัน เนื่องจากสาย DisplayPort 1.4 ยังสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดีอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมาถึงจริงๆ เราก็จะปรับตัวกันได้เอง เหมือนตอนที่โลกเปลี่ยนจากสาย AV มาใช้สาย HDMI แทน นอกจากนี้คิดว่ากว่ายุคที่เราจะไปถึงความละเอียดมากกว่า 8K มันก็น่าจะยังอีก 6 - 8 ปีเลยครับ ถ้าจะพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเลยหลังจากที่ DisplayPort 2.0 กับ USB4 ถูกใช้งานเลย เห็นจะเป็นการที่สามารถต่อจอความละเอียดสูงพร้อมกันหลายตัวได้เลยด้วยสายเพียงเส้นเดียว ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะช่วยให้ประสบการณ์เกมมิ่งของเราดีขึ้นมากน้อยขนาดไหนเช่นกันครับ และอย่าลืมว่าจอที่นำมาใช้ต้องรองรับสายตัวนี้ด้วยเช่นกัน   (ขอบคุณภาพจากทาง BeginnersTech) ตลาด Hardware อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่จะมีราคาถูกลง อ่านผ่านๆ อาจเห็นว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับวงการเกมเท่าไหร่นัก แต่ผมจะบอกว่าแม้ไม่ทางตรง แต่ข้อนี้ก็ส่งผลในทางอ้อมอยู่พอสมควรครับ ซึ่งถ้าให้อธิบายไปทีละขั้นต้อนแล้วละก็ คิดว่าอาจจะยาวเกินไปดังนั้นผมจึงได้เขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้วข้างล่างนี้ครับ มีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น = SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น = การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น = อาจทำให้ราคาของสินค้าจะถูกลง ราคาของสินค้าจะถูกลง = การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง = เราอาจได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ราคาเท่าเดิม เครื่องที่มีประสิทธิภาพ = ประสบการณ์เกมที่ได้จะดีกว่า (4K / 120 FPS หรืออะไรก็แล้วแต่) นี้คือผลกระทบจากการมาของสาย USB4 เท่าที่ผมจะนึกออกในตอนนี้ครับ ซึ่งความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมกล่าวมาจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีหรอกครับ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปี เลยในความคิดของผม และไม่แน่ใจด้วยว่ามีความเป็นไปได้อะไรที่ผมมองข้ามไปหรือไม่ ถ้าหากเพื่อนคิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นต์คุยกันได้ครับ!
17 Nov 2020
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
หัวเว่ยเปิดตัว HUAWEI Y7a สมาร์ทโฟนสุดคุ้มตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์สายเอนเตอร์เทน ครบจบ ราคาโดนใจ
หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดตัว HUAWEI Y7a สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก HUAWEI Y series สมาร์ทโฟนดีไซน์เก๋ นวัตกรรมเป็นเลิศ ในราคาที่จับต้องได้ โดย HUAWEI Y7a รุ่นล่าสุดนี้ เป็นสมาร์ทโฟนครบเครื่องที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่สายเอนเตอร์เทนด้วยหน้าจอใหญ่คมชัดเต็มตา แบตอึดใช้ได้นาน เหมาะกับไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็ไม่ต้องกังวล และยังมาพร้อมกับกล้องหลังอัจฉริยะสุดล้ำ 4 ตัว ที่ทำให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพได้อย่างมืออาชีพ พร้อมฟังก์ชั่นเพื่อความบันเทิงและการใช้งานโซเชียลมีเดียจัดเต็มไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์ไหนๆ ก็เพลิดเพลินไปกับความครบครัน คุ้มค่า อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึง จอใหญ่เต็มตา เสพความบันเทิงคมชัดถึงใจสายเกมและคอหนัง ด้วยหน้าจอใหญ่จุใจเต็มตาขนาด 6.67 นิ้ว HUAWEI Ultra FullView Display ความคมชัดระดับ 2400 x 1080 ทำให้ HUAWEI Y7a เป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในกลุ่มราคาเดียวกัน ทั้งยังมีเทคโนโลยีแสงสีฟ้าถนอมสายตาทำให้เสพความบันเทิงแบบนอนสต็อปได้อย่างไร้กังวล ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็เพลิดเพลินด้วยภาพที่ละเอียด คมชัด เต็มตา ถึงใจ โดยผู้ใช้งานยังสามารถเพลิดเพลินไปกับแอปพลิเคชันฮิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม โซเชียลมีเดีย หรือเสิร์ชเอนจิ้น  ก็หาได้ครบเพียงคลิกเดียวผ่าน HUAWEI AppGallery และ Petal Search ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง ไม่พลาดทุกแอปยอดฮิตกับ HUAWEI AppGallery และ Petal Search ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโปรดนับล้านได้บน HUAWEI AppGallery และ Petal Search ผ่านการใช้งานง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้วโดยการค้นหาแอปที่ต้องการผ่าน HUAWEI AppGallery หรือจะพิมพ์ชื่อแอปที่ต้องการผ่าน Petal Search วิดเจ็ตอัจฉริยะที่ช่วยค้นหาแอปพลิเคชันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม แล้วเลือกติดตั้งลงบนเครื่อง ส่วนการอัปเดตแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก เพียงเปิด Petal Search แล้วไปที่ “ฉัน” บริเวณมุมขวาล่าง แล้วเลือกการดาวน์โหลด และไปที่การอัปเดต อีกทั้งยังสามารถใช้ Petal Search ค้นหาคีย์เวิร์ดต่างๆ ได้แบบเดียวกันกับเสิร์ชเอ็นจินทั่วไป ไม่ว่าจะค้นหาข่าวสาร ความบันเทิง หรือข้อมูลที่ต้องการทราบ ก็ทำได้ครบถ้วน รองรับ 22.5W HUAWEI SuperCharge เพื่อประสบการณ์ที่ไม่มีสะดุด HUAWEI Y7a มาพร้อมกับเทคโนโลยี 22.5W HUAWEI SuperCharge1 ที่ส่งมอบการเชื่อมต่อเพื่อความบันเทิงอย่างการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ใช้แอปพลิเคชันต่างๆ อย่างไม่มีสะดุด ไหลลื่น และมีประสิทธิภาพ ด้วยแบตที่อึดและใช้ได้นาน เพราะใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 10 นาที ก็สามารถดูวิดีโอไปยาวๆ ได้ถึง 2 ชั่วโมง2 แบบจุใจ ถือเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ เพราะเพียงแค่เสียบสายชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 22.5W ก็หมดกังวลว่าแบตจะไม่พอใช้งานจนหมดวัน และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5000 mAh (Typical Value) ก็ยิ่งทำให้ HUAWEI Y7a เป็นสมาร์ทโฟนแบตอึดที่ใช้ได้นานถึงใจโดยสามารถเล่นวิดีโอออฟไลน์ได้แบบมาราธอน 23 ชั่วโมง3  อีกทั้งเทคโนโลยี AI Power Saving ยังช่วยเสริมความอึดของแบต ทำให้ผู้ใช้งานดื่มด่ำไปกับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง และ อื่น ๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม ราบรื่น และไม่มีสะดุด เก็บทุกโมเม้นต์สำคัญด้วยกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล หัวเว่ยได้อัพเกรดกล้องให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ด้วยกล้องหลังที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงกับกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยประมวลผลให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น ให้ภาพที่คมชัด สีสันสมจริงมากขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกับเลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 120 องศา ได้ภาพมุมกว้างที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เลนส์โบเก้ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ช่วยให้วัตถุในภาพเด่นชัดขึ้นจากการไล่ระดับความเบลอของฉากหลังได้ดี เลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายวัตถุขนาดเล็กระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. อย่างคมชัด และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับแฟลชซึ่งช่วยเพิ่มความละมุนให้กับการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย โดยเทคโนโลยี AI ที่นอกจากจะช่วยยกระดับเรื่องของการถ่ายภาพแล้ว ยังช่วยระบายความร้อนจากการประมวลผลของตัวเครื่องได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น HUAWEI Y7a ยังมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพตอนกลางคืนที่น่าประทับใจด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับขั้นสูงและเทคโนโลยี AI ด้วยเทคนิค multi-frame noise reduction หรือการถ่ายภาพหลายช็อตในครั้งเดียวเพื่อลดสัญญาณรบกวนบนภาพ ทำให้ได้ภาพที่สว่างและเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น และโหมดอื่นๆ เช่น โหมดภาพวาดด้วยแสง โหมดรูรับแสง (หน้าชัดหลังเบลอ) และโหมดภาพถ่ายส่วนบุคคล หน่วยความจุที่ใหญ่กว่าเดิมซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ด้วยความจุ RAM 4GB และ ROM 128GB ทำให้เก็บภาพ วิดีโอ และไฟล์เสียงได้แบบไร้กังวล โดย HUAWEI Y7a ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเช่น MeeTime ที่ผู้ใช้งานสามารถวิดีโอคอลระหว่างสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของหัวเว่ย ได้ด้วยความละเอียดสูงสุด 720 พิกเซล Smart Collage ในคลังเก็บภาพ ตลอดจนลูกเล่นและโหมดที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่สามารถเปิดใช้งานเมื่อแบตเหลือน้อยให้ยังใช้งานต่อได้เป็นชั่วโมง ปุ่มควบคุมทิศทางของระบบที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเรียกใช้งานย้อนหลัง ไม่ว่าจะเข้าหน้าโฮม หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ โหมด E-book การเชื่อมต่อกับทีวี และฟังก์ชันแสกนนิ้วด้านข้าง ที่ทำให้เปิดปิดเครื่องได้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม โดยสามารถสั่งการทำงานบนมือถือได้หลายคำสั่ง เช่น ใช้ข้อนิ้วมือเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อ Screenshot หน้าจอ หรือใช้ข้อนิ้วมือวาดเป็นตัว S เพื่อ Screenshot หน้าจอแบบเลื่อนลงมายาวๆ ได้ ทำให้การ Screenshot ทำได้สะดวก รวดเร็ว ทันใจมากขึ้น  HUAWEI Y7a พร้อมให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของกันแล้วตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป ในราคาสุดคุ้ม 5,999 บาทเท่านั้น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Crush Green, Midnight Black และ Blush Gold พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวสุดพิเศษ ด้วยของแถมจุใจอย่างกระเป๋าสะพายหลัง Space Gray Backpack มูลค่า 790 บาท และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน HUAWEI Cloud storage ความจุ 15GB เป็นเวลา 12 เดือน มูลค่า 277 บาท ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ถึง 15 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าของแถมจะหมด โดยวางจำหน่ายที่ HUAWEI Experience Store  และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมทั้ง หัวเว่ยสโตร์ออนไลน์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2TLo4sD  ภายในงาน หัวเว่ยยังได้เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นเรือธง HUAWEI WATCH GT 2 Pro ที่พรีเมียมทั้งดีไซน์และวัสดุซึ่งใช้ไทเทเนียมที่แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และหน้าปัดแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน ที่มาพร้อมกับโหมดออกกำลังกายมากถึง100 โหมด และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมายเช่น พูดคุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ ระบบนำทางกลับ (Route Back) เปลี่ยนหน้าจอผ่าน One-Hop ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย เป็นต้น ในราคาเพียง 9,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นโดนใจอย่าง HUAWEI SuperCharge Wireless Charger มูลค่า 1,690 บาท ตั้งแต่วันที่ 6-15 พฤศจิกายน 2563 หรือจนกว่าของแถมจะหมด ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/35YU9mz
05 Nov 2020
Lenovo Legion Phone Duel ปฐมบทแห่ง Legion เกมมิ่งสมาร์ทโฟน ขั้นสุดแห่งพลังของการเล่นเกมบนมือถือ
(กลาง) คุณธเนศ อังคศิริสรรพ, ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน, (ขวา) คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ, ผู้จัดการทั่วไปประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ประจำไทย และ (ซ้าย) คุณศรัณยพงศ์ สินทิพย์, ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เกมมิ่ง เลอโนโว ถ่ายภาพในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกมมิ่งสมาร์ทโฟน Lenovo Legion Phone Duel เกมมิ่งสมาร์ทโฟน Lenovo Legion Phone Duel ประเทศไทย - 22 ตุลาคม 2020 -– เลอโนโวเปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Lenovo Legion Phone Duel ที่มาพร้อม Duel Technology Architecture ช่วยผสานการออกแบบเครื่องทั้งซอฟต์แวร์ภายใน และฮาร์ดแวร์ภายนอกให้ตอบโจทย์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนอย่างไร้ข้อจำกัดที่แท้จริง Lenovo Legion คือไลน์ผลิตภัณฑ์เกมมิ่งจากเลอโนโวที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียแปซิฟิก1 โดยมีผลิตภัณฑ์เพื่อการเล่นเกมที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จอมอนิเตอร์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อการเล่นเกมอีกมากมาย วันนี้เลอโนโวพร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อการเล่นเกมด้วยการเปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ออกแบบขึ้นจาก feedback ของเกมเมอร์ทั่วโลกว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเค้ามองหาในผลิตภัณฑ์เกมมิ่งสมาร์ทโฟน  ความนิยมของการเล่นเกม e-sport บนมือถือมีการเติบโดอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เกมเมอร์มองหาในเครื่องคือ การจัดการความร้อนที่ต้องทำได้ดี มีปุ่มกดเฉพาะเพื่อการปรับแต่งที่สะดวก และสามารถใช้งาน livestreaming ได้เพื่อที่เกมเมอร์เหล่านี้จะได้โชว์ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีการแข่งขันที่เชื่อมถึงกันทั่วโลก เลอโนโวได้ออกแบบ Legion Phone Duel  ให้ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการที่เหล่าเกมเมอร์มองหา แต่ยังให้คุณสมบัติแห่งอนาคตที่เหนือไปอีกขั้นกับความสามารถในการรองรับการใช้งาน 5G และคลาวด์เกมมิ่ง เหนือสุดแห่งความแรง ที่สุดแห่งความเร็ว Legion Phone Duel มาพร้อมชิปเซ็ตอันทรงพลังอย่าง Qualcomm® Snapdragon™ 865 Plus ที่ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลเครื่องที่เร็วและแรงผ่านเทคโนโลยี Qualcomm Snapdragon Elite Gaming™ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 5G2 เสริมประสิทธิภาพเครื่องด้วย 5th gen ชิปเช็ตหน่วยความจำสูงสุดถึง 16GB LPDDR5, RAM และความจุสูงสุดถึง 512GB3 UFS 3.1.5. เต็มที่กับการแสดงผลบนหน้าจอขนาด 6.65 นิ้ว ความละเอียดมากถึง 2340 x 1080 พิกเซล พร้อมรีเฟรชเรตสูงถึง  144Hz นอกจากนี้ยังรองรับอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ (touch sample rate) ที่สูงถึง 240Hz ช่วยให้ทุกสัมผัสหน้าจอตอบสนองอย่างรวดเร็วในทุกเกมแห่งชัยชนะ ผสานพลังจากภายนอกและภายในด้วย Dual Technology Architecture สองย่อมดีกว่าหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยี Dual Technology Architecture ที่เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ Legion Phone Duel เริ่มต้นตั้งแต่วงจรพลังงานของเครื่อง Dual Batteries - แบตเตอรี่แบบแพ็คคู่ขนาด 2500mAh ที่รวมแล้วให้ความจุแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ถูกจัดวางให้อยู่ด้านซ้ายและขวาในตำแหน่งที่ตรงกับฝ่ามือ เพื่อเว้นที่ตรงกลางสำหรับวาง logic board ที่มีความร้อนให้ไกลกับฝ่ามือของผู้ใช้งานซึ่งมีความร้อนเช่นกัน เพื่อจัดการอุณหภูมิในการเล่นของเครื่องให้สามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่องสบายมือ จะเล่นเกมติดต่อกันแบบมาราธอนก็สามารถทำได้อย่างไร้กังวล ด้วยเทคโนโลยีท่อระบายความร้อนระดับ     ไฮเอนด์แบบ Dual-Liquid, แผ่นกราไฟต์ที่ถ่ายเทความร้อนได้ดีเยี่ยม และแผ่นทองแดง เพื่อให้มั่นใจว่าควบคุมอุณหภูมิได้อย่างเที่ยงตรง ให้เกมเมอร์เต็มที่กับประสบการณ์เล่นเกมที่ยอดเยี่ยมและยาวนาน Dual Type-C Charging ให้ความสะดวกในการชาร์จด้วยพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C  2 ตำแหน่งที่ด้านข้างและด้านล่างของเครื่องเพื่อให้คุณเลือกชาร์จแบตเตอรี่จากที่ชาร์จขนาด 65W ได้ทั้งแบบหนึ่งหรือ 2 ที่ชาร์จพร้อมกันโดยจะให้พลังแบตเตอรี่จาก 0% - 100% ภายใน 34 นาที (หรือ 0% - 60% ใน 15 นาที) Dual Shoulder Controls ปุ่มไกควบคุมแบบอัลตร้าโซนิคด้านซ้ายขวามาพร้อมกลไก Dual Haptics ที่ช่วยให้ทุกการกดในขณะเล่นเกมได้ความลึกสมจริงเสมือนเป็นปุ่มกดจริงทั้งยังสามารถปรับระดับการตอบสนองให้รับกับความต้องการของผู้เล่นได้อย่างอิสระ ตัวอย่างเช่น การปรับโหมดการยิงในเกม (สูงสุดที่การยิง 10 ครั้งต่อวินาที) ด้วยการกดปุ่มไกแบบลากยาว เซ็นเซอร์แบบ gyroscope ช่วยปรับมุมมองในการเล่นให้เป็นแบบเกมมิ่งโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณหมุนเครื่องให้อยู่ในแนวนอนในลักษณะพร้อมเล่นเกม Dual Front-Facing Speakers ลำโพงคู่หน้าที่หันเข้าหาผู้เล่นให้คุณได้ยินเสียงฝีเท้าคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจนด้วยเทคโนโลยีเสียง Dirac Audio ที่มาพร้อมอะคูสติก แชมเบอร์ขนาดใหญ่ถึง 1.4cc ให้เสียงดังแบบ 3 มิติ รับประสบการณ์เสมือนได้เข้าไปอยู่ในเกม Dual Livestreaming ฟังก์ชั่นสำหรับการไลฟ์สตรีมผ่านกล้องหน้าแบบ pop-up ความละเอียดขนาด 20MP ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่โหมดการไลฟ์สตรีมในเวลาเพียง 0.5 วินาที ไลฟ์สตรีมหน้าและเสียงขณะเล่นกับภาพแบบ overlay บนหน้าจอเกมที่เล่น ซึ่งฟังก์ชัน Dual Livestreaming สามารถใช้งานได้บนแอปที่รองรับการไลฟ์สตรีมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวฟังก์ชันยังมาพร้อมความสามารถในการลบภาพพื้นหลัง ปรับแต่งใบหน้าของคุณด้วย selfie editor ที่ใช้ความสามารถของ AI ในการรีทัช ปรับแต่งภาพและสร้างฟิลเตอร์ บันทึกเสียงทุกการไลฟ์ให้ดังฟังชัดด้วยไมโครโฟนแบบรอบทิศทาง 4 ตัวที่มาพร้อมระบบจัดการเสียงรบกวนรอบข้าง Legion Phone Duel มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 64MP และเลนส์แบบ ultrawide ขนาด 16MP ให้ภาพละเอียดคมชัดในทุกมุมมอง นอกจากนี้ยังรอบรับการอัดวีดีโอแบบ 4K ที่เฟรมเรต 30FPS เล่นในแบบที่คุณต้องการ ต่อเนื่องตลอดวัน Legion Phone Duel มาพร้อมอินเตอร์เฟซแบบเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถใช้งานเครื่องในมุมมองแบบแลนด์สแคปได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะเพื่อการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม Legion Realm แดชบอร์ดกลางของเครื่องที่ให้ผู้ใช้ควบคุมปรับแต่งฮาร์ดแวร์เครื่อง ไล่ดูรายชื่อเกมที่ดาวน์โหลดไว้ หรือเลือกเครือข่ายในการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น  WLAN, 5G, หรือ Wi-Fi 6 ได้อย่างรวดเร็ว ดูเกมที่คุณเล่นย้อนหลังเพื่อศึกษากลยุทธในฉากที่ไฮไลท์ก็ทำได้อย่างง่าย ๆ ผ่านฟังก์ชั่นการพรีวิว หรือจะรวมคลิปเข้าด้วยกันเพื่อแชร์ให้เพื่อรวมทีมไปศึกษาก็ทำได้ หรือถ้าคุณเพิ่งผ่านสมรภูมิสุดหิน หรือทำสถิติคะแนนใหม่แต่คุณลืมที่จะกด record ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่คุณสไลด์นิ้วมือไปทางซ้ายบนปุ่มไกควบคุมด้านขวา เกมมิ่งสมาร์ทโฟนสุดอัจฉริยะอย่าง Legion Phone Duel ก็จะรีเพลย์ฉากที่เครื่องอัดไว้แบบอัตโนมัติให้กับคุณเพื่อที่คุณจะสามารถกดอัดบันทึกไว้ดูในอนาคต ไม่พลาดทุกการติดต่อที่สำคัญด้วยการปรับแต่งสีไฟ RGB บน สัญลักษณ์ตัว Y ด้านหลังเครื่องให้เปลี่ยนสีเพื่อเตือนเมื่อคุณมีข้อความเข้า หรือบอกสถานการณ์ชาร์จของแบตเตอรี่ และสุดท้าย หากคุณต้องการเปลี่ยนอรรถรสในการเล่นจากหน้าจอเครื่องไปที่จอมอนิเตอร์เพื่อมุมมองที่แปลกใหม่ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงต่อ Legion Phone Duel เข้ากับจอมอนิเตอร์ คีย์บอร์ด หรือเม้าส์ผ่านพอร์ต USB-C Lenovo Legion Phone Duel จะวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 28 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป ตามรายละเอียดดังนี้ Lenovo Legion Phone Duel 12GB / 256GB Blazing Blue ราคา 23,990 บาท Lenovo Legion Phone Duel 16GB / 512GB Vengeance Red ราคา 30,990 บาท ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ  Lenovo Legion Phone Duel ได้แก่ AIS, Banana, Blue Shop, IT-City, JD, JIB และ Speed Computer  Pre-Order Promotion สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อระหว่างวันที่ 22 – 28 ตุลาคม 2020 รับสิทธิรับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุดกว่า 3,500 บาท ดังนี้  Lenovo Legion Phone Duel 12GB / 256GB Blazing Blue ราคา 23,990 THB รับฟรี Legion Gaming Backpack Recon มูลค่า 1,990 บาท Lenovo Legion Phone Duel 16GB / 512GB Vengeance Red ราคา 30,990 บาท รับฟรี Legion Gaming Backpack Recon มูลค่า 1,990 บาท และ Legion Gaming Headset H300 มูลค่า 1,390 บาท ติดตามความเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ Lenovo Legion ในประเทศไทยได้ที่  www.lenovo.com/th/th/legion และ https://www.facebook.com/lenovolegionTH/
22 Oct 2020
วันพลัสเปิดตัวสมาร์ทโฟนพรีเมียมแฟลกชิป “OnePlus 8T 5G” Ultra Fast. Ultra Smooth.
OnePlus เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นพรีเมียมใหม่ล่าสุด OnePlus 8T 5G อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปท์ Ultra Fast. Ultra Smooth. พร้อมมอบความเร็วแรง และลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด ด้วยการยกระดับเทคโนโลยีชาร์จเร็วอย่าง Warp Charge 65 และหน้าจอ 120Hz แบบ Fluid AMOLED display ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของประสบการณ์การใช้งานบน OnePlus 8T 5G ทลายทุกขีดจำกัดในตัวคุณ ที่คอเกมเมอร์ไม่ควรพลาด กับชิปเซ็ท Qualcomm® SnapdragonTM 865 รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ไม่ว่าจะเป็นเกมเมอร์สายไหนก็เร็วแรงทรงพลัง ลื่นสุด ๆ ไม่มีสะดุด ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Fluid AMOLED  ขนาด 6.55 นิ้ว บนความละเอียดสูง FHD+ ภาพสวยเนียนตา ลื่นไหลทุกการสัมผัส สมูททุกการปัด เอาใจสายโซเซียลตัวจริง ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการออกเดินทางท่องเที่ยวกับชุดกล้องหลัง 4 ตัวแบบ Quad Camera ความสามารถที่หลากหลาย เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ ด้วยกล้องหลักความคมชัดสูงสุด 48 MP พร้อมระบบกันสั่น  ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นด้วยเลนส์อัลตร้าไวด์ มุมมองการรับภาพกว้างที่สุดถึง 123 องศา ความคมชัด 16 MP ให้ภาพที่สวยคมชัด ในสภาพแสงที่หลากหลาย แม้ในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อยกับโหมด Nightscape  เลนส์ Macro ความคมชัด 5 MP ถ่ายชัดใกล้สุดในระยะ 3 เซนติเมตร และเลนส์ Monochrome ความคมชัด 2MP ให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพแบบสตูดิโอได้อย่างที่เป็นตัวคุณ พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและการถ่ายวิดีโอแบบโบเก้ รวมถึงการถ่ายในที่มีแสงน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกช่วงเวลาบันทึกไว้ได้สวยงามและง่ายดาย กับรายละเอียดที่สะกดทุกสายตาได้อย่างน่าทึ่ง บอกลาการชาร์จข้ามคืนด้วย Warp Charge 65 การชาร์จเร็วเท่าที่เคยมีมาของ OnePlus ในความจุแบตเตอรี่อึดถึง 4,500 mAh สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม ใช้เวลาเพียง 39 นาที ให้คุณออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน หมดห่วงเรื่องแบตหมดระหว่างวันไปได้เลย  ที่มาพร้อมกับ OxygenOS 11 ใหม่ล่าสุดบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง กับประสบการณ์การใช้งานซอฟต์แวร์ในรูปแบบที่ได้รับการอัพเดต รวมถึงการออกแบบที่โดดเด่น และมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นใหม่ ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งาน และความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของคุณได้ นอกจากนี้ OxygenOS 11 ยังมีแอนิเมชันและท่านำทางต่าง ๆ ที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นใหม่ ตลอดจนการปรับแต่งมากมายเช่น ตัวเลือกนาฬิกา Always On Display ใหม่ให้เลือกสร้างสรรค์ได้ตามใจชอบอีกด้วย พร้อมด้วยการปรับปรุงการควบคุมท่าทางด้วยมือเดียวที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และ Zen Mode 2.0 รูปลักษณ์หน้าตาการใช้งาน ที่ดูสะอาดตาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความคล่องตัวในชีวิตประจำวัน ให้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานที่ละเอียดอ่อนและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับ OnePlus 8T 5G เปิดตัวด้วยกันถึง 2 รุ่น ดังนี้ RAM 8GB ROM 128GB สี Lunar Silver ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท RAM 12GB ROM 256GB สี Aquamarine Green ราคา 29,990 บาท มั่นใจยิ่งขึ้นกับการบริการหลังการขายทาง OnePlus ซึ่งได้ร่วมจับมือกับ OPPO โดยผู้ใช้งานสามารถเข้ามาใช้รับบริการหลังการขาย ซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ หรือตรวจเช็คสภาพเครื่องผ่าน OnePlus Service Center ที่ MBK Center ชั้น 5 และศูนย์บริการ OPPO Service Center รวมทั้งหมด 42 สาขาทั่วประเทศ  สามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ได้ทันทีทั้ง 12 สาขา OnePlus Service Center ศูนย์การค้ามาบุญครอง (MBK Center) ชั้น 5 ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพระราม 2 ศูนย์บริการออปโป้สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต  ศูนย์บริการออปโป้สาขาอิมพีเรียลฯ สำโรง ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ศูนย์บริการออปโป้สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาอยุธยาพาร์ค ศูนย์บริการออปโป้สาขาชลบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลนครราชสีมา ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ท ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลหาดใหญ่ และสาขาที่สามารถนำไป Drop-off เพื่อรอส่งซ่อมต่อไปได้ทั้ง 29 สาขา ดังนี้ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์บางแค ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลบางนา ศูนย์บริการออปโป้สาขาซีคอนฯ ศรีนครินทร์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์ท่าพระ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ จุดบริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ศูนย์บริการออปโป้สาขากาญจนบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาลพบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขานครปฐม ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสันปราจีนบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาระยอง ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลศาลายา ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสันสระบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาบุรีรัมย์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น ศูนย์บริการออปโป้สาขาร้อยเอ็ด ศูนย์บริการออปโป้สาขาสกลนคร ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุดรธานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเชียงราย ศูนย์บริการออปโป้สาขาลำปาง ศูนย์บริการออปโป้สาขานครสวรรค์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพิษณุโลก ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสัน กำแพงเพชร ศูนย์บริการออปโป้สาขาชุมพร ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต ศูนย์บริการออปโป้สาขานครศรีธรรมราช ศูนย์บริการออปโป้สาขาปัตตานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาสุราษฎ์ธานี หากท่านใดไม่สะดวกเดินทางไปยังศูนย์ซ่อมที่แจ้งมาข้างต้น สามารถติดต่อ Call-Center OnePlus Thailand ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 02-793-3818 เพื่อติดต่อและขอใช้บริการส่งซ่อมผ่าน Kerry Express ได้ (สงวนสิทธิ์การให้บริการเฉพาะเครื่องศูนย์ไทยเท่านั้น) OnePlus 8T 5G เปิดสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 21 – 29 ตุลาคม 2563 ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พิเศษเมื่อสั่งจองล่วงหน้ารับฟรี!! E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง นาน 1 ปี พร้อมกระเป๋าเดินทาง OnePlus Luggage และขวดน้ำสุดพรีเมียม OnePlus Water Bottle รวมมูลค่า 15,170 บาท และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ พิเศษ!! โปรโมชันสำหรับช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, DTAC และ Truemove H รับข้อเสนอสุดพิเศษในช่วงสั่งจองล่วงหน้า OnePlus 8T ในราคาเริ่มต้นเพียง 12,490 บาทเท่านั้น หรือสั่งจองผ่านช่องทางหน้าร้านได้ที่ Banana IT, CSC, IT City, Jaymart, TG Fone  และช่องทางออนไลน์ได้พร้อมกันทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น LAZADA, JD Central, Shopee และ Thisshop พร้อมของสมนาคุณตามแต่ละช่องทางอีกมากมาย ดูรายละเอียดหรือติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านทาง OnePlus Thailand ได้ที่ ช่องทาง Official Website >>> https://www.oneplus.com/th ช่องทาง Facebook Fanpage >>> https://www.facebook.com/oneplusthailand  ช่องทาง Instagram  >>> https://www.instagram.com/oneplus_thai/  หรือติดต่อสอบถาม OnePlus Call Center ได้ที่เบอร์ 02-793-3818
21 Oct 2020
เวสเทิร์น ดิจิตอล เสริมตลาดระบบบันทึกวิดีโอที่รองรับ AI ที่กำลังเติบโตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยโซลูชันในกลุ่มผลิตภัณฑ์ WD Purple
การผสมผสานกันระหว่างฮาร์ดดิสก์ใหม่ขนาด 18TB  การ์ด microSD ขนาด 1TB และซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับเวิร์คโหลดของการสตรีมมิ่งตลอด 24 ชม. ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของเครื่องบันทึก กล้องอัจฉริยะ กล้องแบบ NVR ระบบเรียนรู้เชิงลึกและแอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอในเรื่อง ขนาดความจุ ประสิทธิภาพการทำงาน และความทนทาน กรุงเทพฯ 24 กันยายน 2563 – เวสเทิร์น ดิจิตอล (NASDAQ: WDC) ประกาศเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มสตอเรจโซลูชันในตระกูล WD Purple™ ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถออกแบบและสร้างโซลูชันที่สามารถรองรับเวิร์คโหลดที่หลากหลายของวิดีโออัจฉริยะ โดยจะประกอบด้วย ฮาร์ดดิสค์สำหรับกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพแบบดิจิตอล (DVR) และกล้องไอพีที่ต่อเข้ากับเครื่องบันทึกภาพ (NVR) และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอที่มีขนาดถึง 18TB* ซึ่งเป็นความจุที่สูงสุดในอุตสาหกรรม สำหรับ รวมถึงการ์ด WD Purple SC QD101 microSD™ ขนาด 1TB* สำหรับกล้องที่รองรับการทำงานแบบ AI ไดร์ฟทุกตัวในกลุ่ม WD Purple สร้างมาตรฐานให้กับแอปพลิเคชันสำหรับวิดีโออัจฉริยะ เพราะอุตสาหกรรมกล้องวงจรปิดกำลังขยายขอบเขตของการนำการเรียนรู้และการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้ เวสเทิร์น ดิจิตอลจึงพัฒนาไดร์ฟที่สามารถช่วยลดการสูญเสียเฟรมภาพและการเคลื่อนไหวแบบหยุดเป็นจังหวะ (Pixilation) ปรับปรุงคุณภาพการเล่นวิดีโอที่บันทึกไว้ และเพิ่มประสิทธิภาพการสตรีมเวิร์คโหลดที่ทำงานตลอด 24 ชม. ที่เกิดขึ้นตั้งแต่การรับข้อมูลจนถึงการสำรองข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะ WD ต้องการพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลและ deep learning ปัจจุบันอาคารพาณิชย์ หน่วยงานรัฐ และบริษัทเอกชน ต่างกระตือรือร้นในการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์เชิงลึก (Deep learning) มาใช้เพื่อที่ให้ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) โดยลดการทำงานของคนเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น กล่าวคือ พนักงาน ลูกค้า และชุมชน จะมีประสบกาณณ์การใช้งานที่ดีขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อัลกอริธึมของ  Deep learning ต้องการข้อมูลที่สร้างขึ้นจาก IoT และระบบนิเวศที่สัมพันธ์กันของอุปกรณ์ปลายทางต้องการคุณภาพไฟล์ที่มีความละเอียดที่สูงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในกล้องและการบันทึกวิดีโอแบบ NVR ที่เพิ่มมากขึ้น ตามรายงานฉบับล่าสุดของ Omdia เรื่อง Video Surveillance & Analytics Intelligence Service ตีพิพม์เดือนกรกฎาคม 2563 กล่าวว่า ปริมาณการส่งกล้องที่มีอัลกอริทึม Deep Learning เพื่อจัดจำหน่ายยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2562-2567) โดยอัตราการเติบโต (CAGR) จะอยู่ที่ 67% และการบันทึกวิดีโอแบบ NVR ที่มาพร้อมกับการวิเคราะห์เชิงลึกจะเติบโตตามมาที่ 37% ขณะที่แอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอจะเติบโตที่ 43% นอกจากนี้ จาก การสำรวจที่ เวสเทิร์น ดิจิตอล จัดทำขึ้น ในปี 2563 โดยสำรวจบริษัทผู้ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภับแบบครบวงจรในทวีปอเมริกาเหนือพบว่า 76% เห็นว่าการวิเคราะห์วิดีโอและ AI มีบทบาทกับการนำไปใช้ในงานของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   มีบทบาทมากกว่าแค่ฮาร์ดแวร์ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเฟิร์มแวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ และความสามารถในการจัดการข้อมูลของตัวไดรฟ์ WD Purple ของเวสเทิร์น ดิจิตอล มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงความสามารถของระบบตลอดจนการจัดการอุปกรณ์ผ่านโซลูชันวิดีโออัจฉริยะที่ใช้ AI การผสมผสานดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ความทนทาน และประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวมให้ที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ให้กับลูกค้า เทคโนโลยี AllFrame™ ที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสก์ WD Purple ของเวสเทิร์น ดิจิตอล มอบเทคนิคการจัดการแคชและสตรีมมิ่งที่ครอบคลุมเพื่อช่วยป้องกันข้อมูลสูญหายและติดตามการจัดการสตรีมอย่างต่อเนื่อง Western Digital Device Analytics™ โซลูชันที่มีการบริหารจัดการผ่านซอฟต์แวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ของเวสเทิร์น ดิจิตอล โดยสามารถตรวจสอบและการวิเคราะห์ให้กับผู้ใช้งาน ทำให้สามารถตรวจจับสภาพที่เป็นปัญหาในไดรฟ์และให้คำแนะนำในการแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น   ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ความจุ 18TB ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในเรื่องขนาดความจุของฮาร์ดดิสค์สำหรับกล้องวงจรปิด ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ความจุ 18TB ตัวใหม่ได้รับการออกแบบมาสำหรับ NVR และอุปกรณ์วิเคราะห์วิดีโอรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ GPU ซึ่งสามารถส่งแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ทั้งแบบเรียลไทม์และหลังการบันทึก ด้วยความจุที่มีมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 28% จึงทให้ฮาร์ดดิสก์ขนาด 18TB ตัวใหม่นี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บวิดีโอ ภาพอ้างอิง และเมทาดาทา (metadata) ที่อุปกรณ์ปลายทาง เพื่อรองรับการทำงานแบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ขนาดความจุตั้งแต่ 8TB จนถึง18TB จะมีเทคโนโลยี AllFrame AI ที่สามารถรองรับการบันทึกของกล้องความละเอียดสูงได้มากถึง 64 ตัว รวมถึงข้อมูลการสตรีมของการวิเคราะห์การเรียนรู้เชิงลึกเพิ่มได้อีก 32 รายการ   การ์ด WD Purple SC QD101 microSD™ ขนาด 1TB สำหรับการ์ด WD Purple 1TB microSD  ถูกออกแบบมาสำหรับกล้องที่รองรับ AI กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์แบบ Edge ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลหลักหรือสำรองข้อมูล โดยจะใช้เทคโนโลยีชิป 3D NAND แบบ 96 เลเยอร์ขั้นสูงของเวสเทิร์น ดิจิตอล และยังให้การผสมผสานระหว่างความทนทานขั้นสูงที่มีค่า P/E กว่า 500 รอบและมีความจุขนาด 1TB, 512GB, 256GB, 128GB, 64GB และ 32GB* การ์ด microSD WD Purple ที่แข็งแรงและทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ ความชื้น และอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส สำหรับกล้องที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ฟีเจอร์การตรวจเช็คสถานะการทำงานของการ์ดจะช่วยให้ผู้ติดตั้งและผู้ให้บริการสามารถประเมินความทนทานที่เหลืออยู่และหากจำเป็นก็สามารถเข้าให้บริการดูแลการ์ดก่อนที่จะเกิดปัญหา    การจัดจำหน่าย ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ขนาด 18TB จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2563 ส่วนการ์ด WD Purple SC QD101 microSD ขนาด 1TB คาดว่าจะวางขายในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 นี้   คำพูดอ้างอิงเพิ่มเติม:  ทิม ปาล์มควิสต์ (Tim Palmquist) รองประธานประจำประเทศอเมริกา บริษัท ไมล์สโตน ซิสเท็มส์ กล่าวว่า “ไดรฟ์ WD Purple รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของอุปกรณ์แบบ edge แอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะซึ่ งจะช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลภาพ” และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในฐานะผู้พัฒนาชั้นนำของแพลตฟอร์มกล้องวงจรปิด IP แบบเปิดและอิสระ เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเวสเทิร์น ดิจิตอล และยินดีที่จะทำงานร่วมกันเพื่อจัดหาพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถรองรับ AI และ Deep learning รวมถึงจัดการสตรีมหลายรายการเมื่อความละเอียดของวิดีโอเพิ่มขึ้น” มาร์ติน เรนคิส (Martin Renkis) ผู้จัดการ Global Cloud Solutions Physical Security บริษัท จอห์นสัน คอนโทรล กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยทางกายภาพสู่ยุคดิจิตัลสำหรับลูกค้าทั่วโลก เราไว้เชื่อมั่นและไว้วางใจเวสเทิร์น ดิจิตอล ที่เป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ที่จะส่งมอบโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูง” เพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันโซลูชันวิดีโอเพื่อความปลอดภัยของ Tyco Cloud ทุกตัวทำงานบน WD Purple และเป็นมาเวลาหลายปี ในขณะที่เรายังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตรวจสอบและการแจ้งเตือนพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ เราจะยังคงไว้วางใจเวสเทิร์น ดิจิตอล ว่าจะสามารถมอบโซลูชันขั้นสูงที่ลูกค้าของเราต้องการ เรามุ่งหมายที่จะสร้างโลกที่ปลอดภัยขึ้นด้วยเทคโนโลยีเวสเทิร์น ดิจิตอล” อีริค สแปนเนอร์ (Eric Spanneut) รองประธานส่วน Client Computing และ Smart Video Business บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล กล่าวว่า “การทำงานเคียงข้างลูกค้าและพันธมิตรของระบบที่สัมพันธ์กันทำให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครและมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชันที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับเวิร์คโหลดของวิดีโอด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุด AI กำลังผลักดันความต้องการไดร์ฟที่มีความสามารถมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อความต้องการด้านประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความละเอียดของวิดีโอและจำนวนข้อมูลสตรีมขาเข้ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เราอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจากรายอื่นเพราะการรวมกันของซอฟต์แวร์และการขยายผลิตภัณฑ์ให้มีมากขึ้น ทำให้โซลูชันของเราเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับใช้ในแอปพลิเคชันวิดีโออัจฉริยะที่หลากหลาย”   ผลิตภัณฑ์จากเวสเทิร์น ดิจิตอล ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล WD Purple ที่เพิ่มเข้ามาในสินค้าประเภทฮาร์ดดิกส์และโซลิดสเตทของ เวสเทิร์น ดิจิตอลที่กำลังเติบโต มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงฮาร์ดดิสก์สำหรับแอปพลิเคชัน NAS สำหรับ SMB อย่าง WD Red™ Pro ขนาด 16TB และ 18TB (ดูเพิ่มเติมที่นี่! WD RedTM Pro 16TB & 18TB for Growing Productivity) ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กร WD Gold™ ขนาด 16TB และ 18TB, WD Gold NVMe™ SSD, โซลูชัน WD Black™ ที่ตอบสนองความต้องการขั้นสูงสุดของเกมเมอร์ เช่นเดียวกับ WD Blue™และ WD Green™ SSD ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์* โซลูชันเหล่านี้มีจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายของเวสเทิร์น ดิจิตอล ผู้ค้าปลีก ผู้ติดตั้งระบบและ ช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ของเวสเทิร์น ดิจิตอล   แหล่งข้อมูล: Blog: How is AI Clearing the Vision of Smart Video?  Blog: With WD Purple™ microSD Cards, Security Cameras Endure an AI and 4K Future Blog: Ready for the Rise of the Smart Fleets Blog: Sustaining a Sustainability Company With World-Class Surveillance   เกี่ยวกับเวสเทิร์น ดิจิตอล เวสเทิร์น ดิจิตอลสร้างผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อรองรับข้อมูลที่มีการเติบโต บริษัทได้ผลักดันนวัตกรรมที่จำเป็นเพื่อช่วยทำให้ลูกค้าสามารถจับข้อมูล รักษาข้อมูล เข้าถึงและแปลงความหลากหลายของข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ข้อมูลนั้นมีอยู่ทุกที่ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลขั้นสูงไปจนเซ็นเซอร์ในโทรศัพท์จนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนตัว โซลูชั่นที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมของเรานำเสนอความเป็นไปได้ของข้อมูล โซลูชั่นที่มีข้อมูลเป็นศูนย์กลางของเวสเทิร์น ดิจิตอล วางตลาดภายใต้แบรนด์ Western Digital®, G-Technology™, SanDisk® และ WD®    *ขนาดความจุที่ใช้ 1GB = 1พันล้านไบต์ และ 1TB = หนึ่งล้านล้านไบต์หนึ่งเทราไบต์ (TB) เท่ากับหนึ่งล้านล้านไบต์ ความจุจริงของผู้ใช้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงาน   Western Digital, โลโก้ Western Digital, G-Technology, SanDisk, WD, AllFrame, WD Black, WD Blue, WD Gold, WD Green, WD Purple, WD Red และ Western Digital Device Analytics เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Western Digital Corporation หรือ บริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายและโลโก้ microSD เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SD-3C, LLC เครื่องหมายคำ NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าของ NVM Express, Inc. เครื่องหมายอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รูปภาพที่แสดงอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริง ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจไม่มีจำหน่ายในทุกภูมิภาคของโลก © 2020 เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่นหรือบริษัทในเครือ ทางเวสเทิร์น ดิจิตอลขอสงวนลิขสิทธิ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า: ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าบางประการ รวมถึงความพร้อมใช้งานที่คาดหวัง ประโยชน์ คุณสมบัติ และประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ WD Purple 18TB ใหม่และการ์ด microSD WD Purple SC QD101 และแนวโน้มตลาดและอุตสาหกรรม ข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงตามความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการที่อาจทำให้เนื้อหาที่ปรากฎอยู่ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าแตกต่างจากเดิม ซึ่งรวมถึงผลลัพธ์ในอนาคตและผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดจากมาตรฐานองค์กร ความผันผวนในสภาพเศรษฐกิจโลก สภาพธุรกิจและการเติบโตของระบบนิเวศการจัดเก็บ ผลกระทบของผลิตภัณฑ์และราคาที่แข่งขันได้ การยอมรับของตลาดและต้นทุนของวัสดุสินค้าและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เฉพาะ การกระทำของคู่แข่ง ความก้าวหน้าที่ไม่คาดคิดในเทคโนโลยีการแข่งขัน การพัฒนาและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเราตามเทคโนโลยีใหม่และการขยายสู่ตลาดการจัดเก็บข้อมูลใหม่ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการการขายกิจการการควบรวมกิจการและการร่วมค้า ความยากลำบากหรือความล่าช้าในการผลิต ตลอดจนความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุในรายงานประจำไตรมาสและประจำปีฉบับล่าสุดของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่นที่ส่งถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งคุณควรให้ความสนใจ ผู้อ่านควรระมัดระวังไม่เชื่อมั่นในข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้มากเกินไป และเราไม่มีข้อผูกมัดที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้ตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
24 Sep 2020
RAZER เปิดตัวอุปกรณ์ไร้สายระดับเรือธง มอบประสิทธิภาพขั้นสูงสำหรับเกมเมอร์ทั่วโลก
นำเสนอ Razer™ HyperSpeed Wireless เทคโนโลยีไร้สายสุดไฮเทค เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดสู่ Razer BlackShark V2 Pro, DeathAdder V2 Pro และ BlackWidow V3 Pro 3 โปรดักต์ไฮไลต์ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลจากเกมเมอร์ทั่วโลก กรุงเทพฯ – เรเซอร์ (Razer™) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ เปิดตัว 3 อุปกรณ์ไร้สายระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ชุดหูฟัง BlackShark V2 Pro, เมาส์ DeathAdder V2 Pro และ คีย์บอร์ด BlackWidow V3 Pro มอบขีดสุดแห่งประสบการณ์เกมมิ่งด้วยประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวที่อิสระ ฉับไว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยเทคโนโลยีไร้สายสุดล้ำ Razer™ HyperSpeed Wireless Technology เพื่อให้เกมเมอร์สามารถวาดลวดลายได้ดังใจโดยไม่มีสายไฟที่เกะกะและเชื่อมต่อสัญญาณได้อย่างเสถียรรวดเร็ว “ทุกครั้งที่เราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จะมีแฟน ๆ จำนวนมากที่ถามถึงเวอร์ชั่นไร้สาย” อัลวิน เฉิง รองประธานกรรมการอาวุโส ฝ่าย Peripherals Business Unit ของเรเซอร์ กล่าว “ด้วยการนำเทคโนโลยีไร้สายที่ล้ำหน้าที่สุดในตลาดอย่าง Razer™ HyperSpeed Wireless Technology มาติดตั้งใน 3 อุปกรณ์ยอดนิยมของเรา ทำให้เราสามารถตอบสนองเสียงเรียกร้องของเหล่าเกมเมอร์ด้วยชุดอุปกรณ์ต่อพ่วงไร้สายที่สมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องลดทอนประสิทธิภาพการเชื่อมต่อลงแม้แต่น้อย” เทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ใช้ระบบการสื่อสารข้อมูลที่ผ่านการปรับแต่งขั้นสูง ร่วมกับเทคโนโลยี Adaptive Frequency Technology เพื่อเพิ่มความเร็วและความเสถียรในการส่งสัญญาณ จึงทำให้เกิดความหน่วงสัญญาณต่ำมากเพียง 195 ไมโครวินาที ซึ่งเร็วกว่าเทคโนโลยีไร้สายทั่วไปถึง 25% และจากเทคโนโลยีที่เคยใช้เฉพาะในอุปกรณ์เมาส์ซึ่งผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพโดยนักกีฬาอี-สปอร์ตทั่วโลก วันนี้ เทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ได้ถูกผสานลงในชุดหูฟังระดับแฟล็กชิปสำหรับอี-สปอร์ตและชุดคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกมของเรเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อย   RAZER BLACKSHARK V2 PRO – ที่สุดแห่งพลังเสียงเพื่อชาวอี-สปอร์ต ชุดหูฟัง Razer BlackShark V2 Pro พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีเสียงและไมโครโฟนที่เคยสั่นสะเทือนวงการมาแล้วในรุ่น Razer BlackShark V2 ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยก้านไมค์รุ่นใหม่และการเพิ่มห้องลำโพง และด้วยเทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ทำให้ชุดหูฟังนี้มอบสุดยอดคุณภาพเสียงที่ไม่สูญเสียรายละเอียดเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์เกมมิ่งแบบไร้สายที่มีความหน่วงต่ำ แบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมงและมีขอบเขตสัญญาณไร้สายไกลถึง 12 เมตร Razer BlackShark V2 Pro ยังคงใช้ไดรเวอร์ Razer™ TriForce Titanium 50 มม. เหมือนกับ Razer BlackShark V2 รุ่นก่อนซึ่งคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย  โดยรุ่นใหม่นี้จะเพิ่มห้องลำโพงเพื่อมอบเสียงที่เคลียร์ใสและชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมการปรับแต่งย่านความถี่ทั้งเสียงสูง กลาง และต่ำ แบบแยกแต่ละส่วน เพื่อมอบเสียงแหลมที่ชัดเจน เสียงกลางที่อิ่มแน่น และเสียงเบสที่กระหึ่มทรงพลัง ผสานกับเทคโนโลยี THX® Spatial Audio with Game Profiles สร้างพลังเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศาเพื่อมอบความได้เปรียบที่แตกต่างให้กับเกมเมอร์ ทำให้ Razer BlackShark V2 Pro เป็นชุดหูฟังไร้สายที่สมบูรณ์แบบเพื่อกีฬาอี-สปอร์ตอย่างแท้จริง Razer BlackShark V2 Pro ยังมาพร้อมไมโครโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HyperClear Cardioid Microphone ขนาด 9.9 มม. ให้คุณภาพเสียงพูดที่ชัดเจนระดับอัลตร้าเพื่อการสื่อสารในทีมที่แม่นยำแม้อยู่ท่ามกลางสนามรบที่ดุเดือด ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนที่ปิดกั้นเสียงทั้งจากด้านหลังและด้านข้างได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้สวมใส่ชุดหูฟัง Razer BlackShark V2 สามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำอย่างชัดเจน อีกทั้งตำแหน่งไมค์ยังจัดวางได้อย่างเหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งาน เพื่อให้ทีมของคุณไม่พลาดการสื่อสารในช่วงเวลาสำคัญของเกม Razer BlackShark V2 Pro มีน้ำหนักเบาเพียง 320 กรัม แต่มีความทนทานเป็นเลิศ พร้อมดีไซน์แป้นครอบแบบปิดสนิทหุ้มผ้าที่ให้สัมผัสนุ่มราวกับหนังซึ่งช่วยตัดเสียงรบกวนอันไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับเกมโปรดได้อย่างต่อเนื่องยาวนานและปราศจากการรบกวน แป้นครอบหูยังหุ้มด้วยวัสดุเมมโมรี่โฟมที่มอบความนุ่มสบายเป็นพิเศษและช่วยลดแรงกด โดยทั้งส่วนหุ้มครอบหูและสายครอบศีรษะใช้ผ้าทอแบบ FlowKnit ที่สามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยลดเหงื่อและความร้อนที่เกิดจากการกดทับผิวสัมผัสเป็นเวลานาน ด้วยความประณีตในการออกแบบเหล่านี้ จึงทำให้ Razer BlackShark V2 Pro เป็นสุดยอดหูฟังไร้สายที่ตอบสนองทุกความต้องการของคอเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   RAZER DEATHADDER V2 PRO – ที่สุดแห่งเมาส์ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ DeathAdder เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2006 และจำหน่ายได้มากกว่า 10 ล้านชิ้นทั่วโลก ถือว่าเป็นเมาส์รุ่นยอดนิยมสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมาส์ของเรเซอร์ซึ่งได้รับความชื่อถือจากบรรดานักกีฬาอี-สปอร์ตระดับโลก ด้วยรูปทรงที่สอดคล้องตามหลักสรีระศาสตร์ ทำให้ DeathAdder คือจ้าวแห่งเมาส์ตัวจริง และเรเซอร์ได้ทำการอัปเกรดให้เป็นเวอร์ชั่นไร้สายด้วยเทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless แล้วในวันนี้ เมาส์รุ่นล่าสุด DeathAdder V2 Pro นำเสนอการเชื่อมต่อ 3 โหมด พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 120 ชั่วโมงเมื่อทำงานผ่านสัญญาณบลูทูธ และใช้ได้ 70 ชั่วโมงผ่านระบบไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ซึ่งจะมีความหน่วงสัญญญาณต่ำกว่า และยังสามารถชาร์จไฟด้วยสาย Razer™ Speedflex เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องและชาร์จไฟไปได้พร้อมกัน ซึ่งความล้ำสมัยทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในเมาส์น้ำหนักเพียง 88 กรัม โดยไม่ต้องใช้ปลอกเมาส์ที่เจาะลายรังผึ้งเพื่อลดน้ำหนักแต่อย่างใด  นอกจากนี้ DeathAdder V2 Pro ยังติดตั้ง 2nd Gen Razer Optical Mouse Switches เพื่อสัมผัสการคลิกที่เฉียบคมและปราศจากความเสี่ยงของการเผลอดับเบิลคลิกโดยไม่ตั้งใจ สวิตช์ระบบออปติคัลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้นี้ยังรองรับการคลิกได้มากถึง 70 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดของตลาดเมาส์เกมมิ่งในปัจจุบัน ปุ่มที่ตั้งโปรแกรมได้ทั้ง 8 ปุ่มของ DeathAdder V2 Pro ยังสามารถตั้งค่าได้ตามความถนัดของผู้เล่นแต่ละคนผ่าน Razer Synapse 3 พร้อมความสามารถบันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบออนบอร์ดได้ถึง 5 รูปแบบ จึงสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นในเกมได้ในทันที DeathAdder V2 Pro ยังสามารถชาร์จไฟแบบไร้สายผ่านอุปกรณ์ Razer Mouse Dock Chroma (จำหน่ายแยก) ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ล้ำสมัยให้กับชุดเกมมิ่งของคุณด้วยไฟ RGB ที่โฉบเฉี่ยว ผสานด้วยระบบ Razer Focus+ 20K DPI Optical Sensor อันชาญฉลาด การออกแบบส่วนจับด้านข้างแบบ Injection-molded และแผ่นรองเมาส์ซึ่งใช้วัสดุโพลีเตตระฟลูออโรเอทิลีน 100% ทำให้ DeathAdder V2 Pro คือตัวเลือกเดียวของเกมเมอร์ตัวจริงอย่างไม่มีข้อแม้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   RAZER BLACKWIDOW V3 PRO – ที่สุดแห่งคีย์บอดระดับตำนาน BlackWidow V3 Pro คือสมาชิกใหม่ล่าสุดในคีย์บอร์ดตระกูล BlackWidow ที่มีชื่อเสียงก้องโลกและถือเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดรุ่นแรกของเรเซอร์ เมื่อติดอาวุธด้วยเทคโนโลยีไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ทำให้ Razer BlackWidow V3 Pro นำเสนอประสิทธิภาพของคีย์บอร์ดตระกูล BlackWidow สู่การเล่มเกมแบบไร้สายแบบเต็มตัวด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 200 ชั่วโมง พร้อม Razer Mechanical Switches และ Doubleshot ABS keycaps ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ Razer BlackWidow V3 Pro คือคีย์บอร์ดที่ทำให้โต๊ะเกมของคุณปราศจากความยุ่งเหยิงของสายไฟและดูเรียบร้อยสวยงามมากยิ่งขึ้น Razer BlackWidow V3 Pro ติดตั้ง Razer Mechanical Switches ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่พร้อมแป้นคีย์บอร์ดโปร่งใสเพื่อให้เห็นเอฟเฟกต์ Razer Chroma™ RGB ได้อย่างสวยงาม โดยออกแบบให้ Razer Yellow Mechanical Switches ทำงานได้เงียบขึ้นด้วยตัวดูดซับเสียงซิลิคอนใต้ปุ่มทุกปุ่มเพื่อมอบประสบการณ์เกมมิ่งที่เงียบยิ่งกว่า และด้วย Doubleshot ABS Keycaps อัปเกรดใหม่จึงช่วยต่อต้านการสึกหรอได้สูงสุดจากการใช้งานที่ต่อเนื่อง โดยแต่ละปุ่มสามารถกดได้กว่า 80 ล้านครั้งตลอดอายุการใช้งาน ทำให้เป็นคีย์บอร์ดที่เชื่อถือได้ ตอบสนองได้ฉับไว และพร้อมตะลุยไปกับคุณแม้ในเกมที่ดุเดือดที่สุด   BlackWidow V3 Pro มาพร้อมกรอบอลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทาน มีปุ่มกดที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันพร้อมหน้าปัดดิจิทัลที่ทำงานได้แบบมัลติฟังก์ชั่น และติดตั้งแป้นพักมือเมื่อต้องเล่มเกมเป็นเวลานานและเพิ่มความสบายในการกดปุ่มหรือการพิมพ์ ด้วยโหมดการเชื่อมต่อ 3 โหมดที่เปลี่ยนได้จากสวิตช์ด้านข้าง ทำให้ BlackWidow V3 Pro สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายชิ้น ทั้งผ่านระบบไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ผ่านสาย USB-C ที่ถอดได้ หรือผ่านการจับคู่อุปกรณ์ด้วยสัญญาณบลูทูธได้มากถึง 3 อุปกรณ์ ทำให้เป็นคีย์บอร์ดที่ทำงานได้อเนกประสงค์มากที่สุดในตระกูล BlackWidow ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ กรุณาดูข่าวประชาสัมพันธ์ได้ ที่นี่    เกี่ยวกับ RAZER BLACKSHARK V2 PRO หูฟัง การตอบสนองความถี่: 12 เฮิร์ต – 28 กิโลเฮิร์ตซ์ ความต้านทานต่อไฟฟ้า : 32 Ω @ 1 กิโลเฮิร์ตซ์ ค่าความไวต่อการตอบสนอง (@1 กิโลเฮิร์ตซ์): 100dBSPL/mW, 1 กิโลเฮิร์ตซ์ ไดรเวอร์: Customized Dynamic 50 มม. เส้นผ่าศูนย์กลางแป้นครอบหู: 65 x 40 มม. / 2.56 x 1.57 นิ้ว ประเภทการเชื่อมต่อ: ไร้สายแบบ 2.4 กิกะเฮิร์ต และหัวต่อ 3.5 มม. อายุแบตเตอรี่: ประมาณ 24 ชั่วโมง ความยาวสายไฟ: 1.3 เมตร / 4.27 ฟุต น้ำหนักโดยประมาณ: 320 กรัม / 0.71 ปอนด์  ครอบหูทรงไข่: วัสดุเมโมรี่โฟมนุ่มระบายอากาศได้ ระบบเสียง THX® Spatial Audio   ไมโครโฟน  การตอบสนองความถี่: 100เฮิร์ต – 10 กิโลเฮิร์ตซ์ อัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน: ≥ 60 เดซิเบล ค่าความไวต่อการตอบสนอง (@1 กิโลเฮิร์ตซ์): -42 ± 3 เดซิเบล รูปแบบการรับเสียง: รับเฉพาะเสียงด้านหน้า - Supercardioid การบังคับบนฝาครอบ ปรับระดับเสียงขึ้นลง ปุ่มปิด/เปิดไมค์   การควบคุมเสียงและไมค์ขั้นสูงผ่าน Razer Synapse 3 ระดับเสียงไมค์​  บูสต์เสียงไมค์​ วอยซ์เกต (Voice gate) การปรับสัญญาณเสียงไมค์ (Mic equalizer)​ การปรับค่าเสียงมาตรฐาน (Volume normalization)​ การปรับความชัดของเสียงพูด (Vocal clarity) ​ การลดเสียงรบกวนจากภายนอก   การเชื่อมต่อสัญญาณเสียง เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ  ด้วยสายหัวต่อเครื่องเสียง 3.5 มม. เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ  ด้วยสายหัวต่อ USB    ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 179.99 ดอลลาร์ / 199.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563   เกี่ยวกับ DEATHADDER V2 PRO ระบบ True 20,000 DPI Focus+ Optical Sensor ความแม่นยำ 99.6%  ความไวสูงถึง 650 นิ้วต่อวินาที / อัตราเร่ง 50 G  การปรับค่าระยะ Lift-off/Landing ขั้นสูง Razer™ Optical Mouse Switches กดได้ 70 ล้านครั้ง ระบบไร้สายสองช่องทาง – Razer HyperSpeed (2.4 กิกะเฮิร์ต) และบลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) ปุ่มแบบตั้งโปรแกรมอิสระ (7+1)  แผ่นรองเมาส์ใช้วัสดุโพลีเตตระฟลูออโรเอทิลีน 100% (หนา 0.8 มม.) ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์มือขวาพร้อมทำผิวสัมผัสด้านข้าง ล้อเลื่อนเกรดสำหรับการเล่นเกม On-The-Fly Sensitivity Adjustment (Default stages: 400/800/1600/3200/6400) บันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบออนบอร์ดได้ (4+1 รูปแบบ)  รองรับ Razer Synapse 3      เอฟเฟกต์แสงไฟ Razer Chroma™ RGB ปรับแต่งสีได้ 16.8 ล้านสี การปรับค่าสีให้สอดคล้องกันระหว่างอุปกรณ์ สายชาร์จ Speedflex cable ยาว 1.8 เมตร / 6 ฟุต ใช้ได้กับ Razer Mouse Dock Chroma (จำหน่ายแยก) อายุแบตเตอรี่: ประมาณ 70 ชั่วโมงเมื่อใช้ Razer HyperSpeed Wireless, 120 ชั่วโมงเมื่อใช้ระบบบลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) (ระยะเวลาโดยประมาณเมื่อไม่ใช้แสงไฟ อายุแบตเตอรี่แปรผันตามการตั้งค่าใช้งาน) ขนาดโดยประมาณ: 127.0 มม. / 5 นิ้ว (ความยาว) x 61.7 มม. / 2.43 นิ้ว (ความกว้างส่วนจับ) x 42.7 มม. / 1.68 นิ้ว (ความสูง) น้ำหนักโดยประมาณ: 88 กรัม / 3.1 ออนซ์ (ไม่รวมตัวรับสัญญาณ) ใช้ได้กับ Xbox One สำหรับการป้อนค่าพื้นฐาน   ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 129.99 ดอลลาร์ / 149.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563   เกี่ยวกับ BLACKWIDOW V3 PRO เทคโนโลยไร้สาย Razer HyperSpeed Wireless Technology Razer Mechanical Switches ออกแบบสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ รองรับการกดได้ถึง 80 ล้านครั้ง ระบบไฟแบ็กไลต์ Razer Chroma™ RGB ปรับแต่งได้ 16.8 ล้านสี ประเภทการเชื่อมต่อ: Razer HyperSpeed (2.4 กิกะเฮิร์ต) / บลูทูธ / ต่อสาย (USB-C) อายุแบตเตอรี่: สูงถึง 200 ชั่วโมง (ปิดไฟ RGB) แป้นพักมือหุ้มหนังเทียมตามหลักสรีระศาสตร์  หน้าปัดดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ปุ่ม Media keys 4 ปุ่ม การบันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบผสมออนบอร์ดและบนคลาวด์มากถึง 5 โปรไฟล์ รองรับ Razer Synapse 3 ระบบกดปุ่มพร้อมกันได้หลายปุ่ม (N-key roll-over) ปุ่มตั้งโปรแกรมได้ทั้งหมดพร้อมระบบ on-the-fly macro recording ตัวเลือกโหมดเกมมิ่ง อัตราการตอบสนอง (Ultrapolling) 1000 เฮิร์ต โครงสร้างอลูมิเนียม    ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 229.99 ดอลลาร์ / 249.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563 เกี่ยวกับ Razer เครื่องหมายการค้ารูปงูสามหัวของ Razer ถือเป็นหนึ่งในตราสัญลักษณ์ที่มีผู้คนรู้จักมากที่สุดในชุมชนเกมมิ่งและอี-สปอร์ตระดับโลก โดยบริษัทได้ออกแบบและพัฒนาเครือข่ายสำหรับผู้เล่นเกมโดยเฉพาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผสานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน ภายใต้ฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ทั่วทุกทวีป Razer มีฮาร์ดแวร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย ทั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงประสิทธิภาพสูงสำหรับเกมมิ่ง เกมมิ่งโน้ตบุ๊กตระกูล Blade รวมถึง Razer Phone ที่ได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ขณะเดียวกันแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์จาก Razer ที่รวมแล้วมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านรายนั้น ประกอบด้วย Razer Synapse (แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์) Razer Chroma RGB (ระบบเทคโนโลยีแสงไฟ RGB เอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท) และ Razer Cortex (ซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงการเล่นเกมและศูนย์รวมบริการ) ส่วนทางด้านบริการต่างๆ ของ Razer ก็เช่น Razer Gold ที่ถือเป็นบริการเครดิตแบบเสมือนสำหรับเกมเมอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่ง และ Razer Fintech หนึ่งในหน่วยงานด้านเทคโนโลยีทางการเงินภายใต้การบริหารงานของเรเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 และมีสำนักงานใหญ่สองแห่งในเออร์ไวน์ (แคลิฟอร์เนีย) และสิงคโปร์ Razer ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ 17 แห่งทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ PRESS CONTACTS Thailand Phiroonrak Chaowprom [email protected]  Americas Kham Lam [email protected]   EMEA Maren Epping [email protected] China Evita Zhang [email protected] Asia Pacific Vanessa Li [email protected] Global Jan Horak [email protected] Razer - For Gamers. By Gamers.™ ###
24 Sep 2020
คุ้มไหมกับ PS5 หากเปรียบกับสเปคคอมในราคาที่เท่ากัน !!
เปิดตัวพร้อมเผยราคาค่าตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้วกับเครื่องเกมจากทางค่าย SONY อย่าง PS5 ในงาน PS5 Showcase ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ต่างเรียกเสียงฮือฮากับแฟนๆ ไม่น้อยเลยเพราะราคาจากทั้ง 2 รุ่น ที่เป็นแบบไม่มีช่องใส่แผ่น กับแบบมีช่องใส่แผ่น ถือเป็นราคาที่สามารถจับต้องได้ในราคา $399 - $499 (ราว 12,000 - 15,600 บาท) เท่านั้นเอง ซึ่งหลายๆ คนคงต้องมีการตั้งคำถามในเรื่องของความคุ้มค่าที่จะนำเงินราวหมื่นกว่าบาทไปซื้อเจ้าเครื่อง PS5 นี้ หรือจะนำไปประกอบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำอรรถประโยชน์ได้มากมายกว่า ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบที่ทุกท่านกำลังลังเลว่าจะตัดสินใจอย่างไรดีค่ะ PlayStation 5  ก่อนที่จะพาทุกคนไปหาคำตอบเราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเครื่อง PS5 กันเสียก่อนเพื่อให้เห็นแนวทางในการตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้นค่ะ หนึ่งในเครื่องเกมจากค่าย SONY ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเกมกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เครื่องรุ่นแรกที่ถูกปล่อยออกมาด้วยชื่อ PlayStation จนถึงปัจจุบันที่ PlayStation 5 ซึ่งในแต่ละรุ่นที่ผ่านมาสร้างยอดขายให้กับทางบริษัทได้อย่างมหาศาล เพราะเป็นเครื่องเกมที่มีแฟนๆ ติดตาม และชื่นชอบกันมากมายจากทั่วโลก เทคโนโลยีของตัวเครื่อง พร้อมภาพระดับ 4K ซึ่งในรุ่นปัจจุบันอย่าง PlayStation 5 นั้นต่างได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ กันอย่างหนาแน่นเพราะได้นำเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยเข้ามาสู่เครื่อง พร้อมทั้งยังมอบประสบการณ์ด้านคุณภาพกราฟิกที่สมจริงด้วยความละเอียดภาพที่ตัวเครื่องสามารถขับออกมาได้ถึง 4K จนหลายๆ คนต่างจับตามองตัวเครื่องนี้กันเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีดีแค่เครื่อง เกม Exclusive ก็ดีนะ อีกหนึ่งข้อที่เป็นส่วนในการช่วยตัดสินใจว่าจะต้องซื้อตัวเครื่องคงหนีไม่พ้นเรื่องของ เกม เพราะหากตัวเครื่องมีเพียงเทคโนโลยีล้ำที่หน้าสนใจ แต่มีแค่เกมที่สามารถเล่นได้ทั่วๆ ไป ก็คงไม่มีความพิเศษอะไร ทาง SONY จึงทำการผลิตตัวเกมที่จะลงเฉพาะกับเครื่อง PlayStation เท่านั้น ซึ่งในหลายๆ เกมนั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยจึงเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจให้ผู้เล่นจำเป็นต้องซื้อเครื่อง เพื่อเล่นเกมเหล่านั้นด้วย ในส่วนของราคาหมื่นกลางๆ ทางตัวเครื่องจะให้อะไรมาบ้างนั้นเราไปรับชมได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลยค่ะ สเปคเครื่อง PS5 CPU - x86-64-AMD Ryzen™ “Zen 2” 8 Cores / 16 Threads Variable frequency สูงสุด 3.5 GHz GPU - AMD Radeon™ RDNA 2-based graphics engine Ray Tracing Acceleration Variable frequency สูงสุด 2.23 GHz (10.3 TFLOPS) System Memory - GDDR6 16GB  SSD - 825 GB Optical Drive - Ultra HD Blu-ray  แผ่นเกม PS5 - รองรับสูงสุด 100GB / แผ่น การส่งภาพ - HDMI™ OUT port Support of 4K 120Hz TVs, 8K TVs, VRR (เชื่อมโดย HDMI ver.2.1) เสียง - “Tempest” 3D AudioTech Input/Output - USB Type-A port (Hi-Speed USB)USB / Type-A port (Super-Speed USB 10Gbps) x2 / USB Type-C® port (Super-Speed USB 10Gbps) Networking -  Ethernet (10BASE-T, 100BASE-TX, 1000BASE-T)IEEE 802.11 a/b/g/n/ac/axBluetooth® 5.1 ขนาดของเครื่อง PS5 พร้อมดิสก์ไดรฟ์  390 มม. x 104 มม. x 260 มม.  (กว้าง x สูง x หนา) (ไม่รวมฐาน) หนัก 4.5 กิโลกรัม ใช้ไฟ 350W ราคาประมาณ 15,600 บาท ขนาดของเครื่อง PS5 Digital Edition 390 มม. x 92 มม. x 260 มม. (กว้าง x สูง x หนา) (ไม่รวมฐาน) หนัก 3.9 กิโลกรัม ใช้ไฟ 340W ราคาประมาณ 12,500 บาท สเปคคอมราคาเท่า PS5 ซึ่งจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับสเปคคอมพิวเตอร์ในราคางบไม่เกิน 16,000 บาทตามราคาของ เครื่อง PS5 แล้วได้ออกมาดังนี้ค่ะ CPU : AMD Ryzen 3 1200 ซีพียูสุดคุ้มระดับ 4 คอร์ 4 เทรด ใช้งานทั่วไป เล่นเกมก็ขับการ์ดจอได้ไหว หรือจะตัดต่อวีดีโอ ราคา 2,690 บาท M/B : ASROCK AB350M Pro4 เมนบอร์ดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ออปชั่นครบโดยเฉพาะแรมที่สามารถเพิ่มได้ถึง 4 แถว และ M.2 เพิ่ม SSD ได้อีกด้วย ราคา 1,690 บาท VGA : GIGABYTE AORUS Radeon RX570 4G ราคาการ์ดจอ AMD ดีจนเกินห้ามใจในงบนี้ถือว่าแรงคุ้มเล่นเกมลื่น ราคา 4,990 บาท RAM : TEAMGROUP DARK DDR4 8GB (8GBx1) 3000 บัสสูงหน่อย เผื่ออัพเกรท รองรับการทำงานหนักๆได้ดี ราคา 2,290 บาท HDD : Toshiba P300 1TB HDWD110 ใช้สำรองข้อมูลเก็บรูปเก็บหนังสบายๆ ราคา 1,120 บาท SSD : Apacer PANTHER AS340 240GB เน้นที่ความจุลงวินโดวส์ลงโปรแกรมต่างๆได้อย่างสบายไม่ต้องห่วงเรื่องความจุ ราคา 1,155 บาท PSU : SILVERSTONE ST70F-ES230 700W 80+ เอาทุกอุปกณณ์อยู่เผื่ออัพเกรทได้อีกด้วย ราคา 1,790 บาท Case : อันนี้แล้วแต่ชอบในตัวอย่างให้ดูก่อน แต่รวมๆแล้วงบนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท โดยอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราจัดหามานั้นเทียบแล้วไม่ใกล้เคียงกับสเปคของเครื่อง PS5 ที่ให้เทคโนโลยีทั้งหมดมาในราคาเพียง 15,600 บาท เลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฟรมเรทที่สามารถเล่นได้เพียงแค่เกมทั่วไปบนภาพ Full HD ปกติ ที่ไม่กินสเปคเท่านั้นค่ะ รวมแล้ว 16,245 บาท แล้วถ้าอยากได้สเปคคอมที่เท่ากับ PS5 ราคเท่าไหร่ ? ต้องขอบอกก่อนเลยว่าหากจะจัดสเปคคอมที่มีความสามรถเทียบเท่ากันกับ PS5 ต้องใช้งบที่มากๆ เพราะเรื่องเทคโนโลยีด้านภาพที่สามารถขับได้ถึง 4K จะต้องใช้ CPU รวมถึง VGA ที่รองรับพร้อมทั้งแรงพอที่จะขับภาพออกมาได้ลื่นไหล จึงรวบรวมข้อมูลออกมาได้ดังนี้ CPU : AMD Ryzen 3700x ซีพีระดับ 8 คอร์ 12 เทรด ที่สามารถเล่นเกมก็ขับการ์ดจอได้ดีเยี่ยม หรือจะใช้ในงานตัดต่อวิดีโอก็สามารถทำได้ลื่นไหล ราคา 11,000 บาท M/B : GIGABYTE A520M S2H เมนบอร์ดที่สามารถขับเคลื่อนการทำงานของ CPU VGA ให้สามารถทำงานได้ดีด้วย ราคา 4,990 บาท VGA : NVIDIA RTX 3080 ถ้าอยากได้ภาพ 4K ที่เล่นบนความลื่นไหลแล้วหล่ะก็คงต้องลงทุนกับตัวการ์ดจอให้มีราคาสูงสักหน่อยจึงต้องใช้รุ่นท๊อปๆ ไปเลย ราคา 24,600 บาท RAM : G.SKILL Trident Z RGB DDR4 16GB (8GBx2) 3200 บัสสูงหน่อย เพื่อการทำงานอย่างสูงสุด  ราคา 2,950 บาท SSD : SAMSUNG 970 EVO 1TB M.2 NVMe เน้นที่ความจุลงวินโดวส์ลงโปรแกรมรวมถึงเกมต่างๆ พร้อมทั้งการอ่านข้อมูลที่รวดเร็วจะได้ไม่ต้องรอนาน ราคา 6,490 บาท PSU : Thermaltake Smart Pro RGB 850W Bronz รองรับการใช้งานไฟสูงสุดของทุกอุปกรณ์ได้แบบจัดเต็ม ราคา 3,990 บาท Case : อันนี้แล้วแต่ชอบส่วนของ PS5 เป็นสีขาวจึงหยิบเคสสีคล้ายๆ กันมาจริงๆ ราคาเคสอยู่ที่ความชอบงบนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,240 บาท ซึ่งจริงๆ แล้วราคานี้ยังไม่รวมกับเทคโนโลยีเสียงแบบ 3D ด้วยหากต้องการได้ตามแบบ PS5 เป๊ะๆ คงต้องซื้อหูฟังที่รองรับระบบดังกล่าวอีกซึ่งจากการหาข้อมูลหูฟัง 3D ที่นิยมใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์มีมากมายซึ่งราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่ราวๆ 15,000 บาท รวมแล้ว 55,260 บาท สรุป จากการนำข้อมูลสเปครวมถึงราคาของตัวเครื่องมาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้เห็นกันก็ขอสรุปได้ว่า หากจัดสเปคคอมในราคาเท่ากับตัวเครื่อง PS5 แล้วได้เทคโนโลยีตามตัวเครื่องก็คงต้องยอมรับว่าเป็นไปได้ยากค่ะ เนื่องจากความสามารถของคอมพิวเตอร์มีในด้านความหลากหลายมากกว่าไม่ได้มุ่งเน้นไปทางการเล่นเกมอย่างเดียว จึงไม่สามารถรวบรวมเทคโนโลยีที่อำนวยด้านเกมทั้งหมดมาได้ในราคา 16,000 บาทอย่างแน่นอน เพราะถ้าต้องการสเปคคอมที่สามารถสู้กับเครื่อง PS5 ได้จริงๆ จะต้องเพิ่มราคาขึ้นไปสูงขึ้นหลายเท่าตัวจึงจะสามารถเทียบเท่าสเปคของเครื่องได้ แต่ถ้าต้องการเครื่องคอนโซลไว้เล่นเกมในราคาที่คุ้มค่าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับ 4K รวมถึงเล่นเกมได้หลากหลายก็คงต้องซื้อเครื่อง PS5 จะคุ้มค่าที่สุดค่า Credit สเปคคอม: Notebookspec
18 Sep 2020
Fortnite มือถืออัพเดต 7.30 ใช้จอยเล่นได้แล้ว
Fortnite ได้เพิ่มอัพเดตใหม่ให้ผู้เล่นชาวมือถือใช้จอยเล่นได้แล้ว โดยการอัพเดตในครั้งนี้มาพร้อมกับแพตช์เวอร์ชัน 7.30 ซึ่งมีการอัพเดตเพิ่มเติมหลายๆ อย่าง ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดจาก Patch Notes ได้ที่นี่ สิ่งที่เพิ่มเติมมาสำหรับชาวมือถือมีดังนี้: รองรับคอนโทรลเลอร์ Android: รองรับคอนโทรลเลอร์ Bluetooth เกือบทั้งหมด เช่น Steelseries Stratus XL, Gamevice, XBox1, Razer Raiju, และ Moto Gamepad iOS: รองรับคอนโทรลเลอร์ MFi เช่น Steelseries Nimbus และ Gamevice เกมจะปิดระบบสั่นของมือถือเมื่อทำการเชื่อมต่อจอย รองรับโหมด 60Hz สำหรับมือถือ Android บางรุ่น Samsung Galaxy Note 9 (รุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา) HONOR View20 Huawei Mate 20 X แก้ไขบั้กต่างๆ 
31 Jan 2019
Fortnite เตรียมจัดการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์แข่งเทนนิส Australian Open Grand Slam
ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายเกม Epic Games ประกาศว่าอีเวนท์ Fortnite Summer Smash จะจัดแข่งขันร่วมกับ Australian Open Grand Slam  ในวันที่ 26 - 27 มกราคมนี้ ถือเป็นทัวร์นาเมนท์แรกของซีรีส์แข่งขัน Grand Slam ที่จัดขั้นเป็นประจำทุกปี การแข่งขันเกม Fortnite ในครั้งนี้จะมีแบบทั้งการแข่งขันแบบ Solo และการแข่ง ProAm duos ที่ให้เกมเมอร์และอินฟลูเอนเซอร์มาจับคู่กันเพื่อชิงชัย โดยเงินรางวัลรวมของทั้งสองรายการจะทำลายสถิติ Prize Pool ของการแข่งเกมที่มากที่สุดในออนเตรเลีย คือ 500,000 AUD หรือประมาณ 357,000 USD (11 ล้านบาทไทย) [caption id="attachment_16756" align="alignnone" width="1024"] Epic Games[/caption] ด้านผู้กำกับการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ Australian Open คุณ Craig Tiley เปิดเผยว่า "Fortnite เป็นเกมที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ Gland Slam จะได้จัดการแข่งเกมในเดือนมกราคมนี้ โดยการแข่ง Fortnite Summer Smash ครั้งนี้ เราจะได้เห็นเกมเมอร์ที่เก่งที่สุดจากทั่วประเทศมาแข่งขันกัน ก่อนที่การแข่งขันนัดชิงของเทนนิสชายจะเริ่มต้นขึ้น" นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กีฬากระแสหลักและกีฬาอีสปอร์ตได้มาจัดแข่งร่วมกันของออสเตรเลีย Fortnite Summer Smash ถือเป็นโอกาสที่ดีจะช่วยให้แฟนกีฬากระแสหลักเข้าใจวงการอีสปอร์ตมากขึ้น   ที่มา: DOT ESPORTS
08 Jan 2019
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "it"
[Review] รีวิวหูฟัง HyperX Cloud III กับการอัปเกรดคุณภาพให้ยอดเยี่ยมทวีคูณ
ถ้าให้พูดถึง Gaming Gears หนึ่งในแบรนด์ที่การันตรีคุณภาพและอยู่กับเราชาวไทยมาหลายปี ชื่อของ HyperX ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น และอุปกรณ์ที่แบรนด์นี้ค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ ก็คงจะเป็นหูฟัง Head Set ที่ทางผู้พัฒนานั้นออกมาด้วยกันหลายรุ่น การันตรีคุณภาพเสียง มาก ๆ และล่าสุดทางแบรนด์ก็ได้ออกหูฟังโปรดักษ์ใหม่อย่าง HyperX Cloud III ซึ่งเป็นหูฟังรุ่นอัพเกรดคุณภาพจาก HyperX Cloud II อันโด่งดังที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมารีวิว และพูดถึงสรรพคุณของหูฟังตัวนี้ ว่ามันมีจุดเด่นอะไรบ้าง ซึ่งเราเราก็ขอบคุณทาง HyperX ที่ส่งหูฟังนี้ให้เราได้ลองใช้ครับ-----------------------เริ่มจากพูดถึงดีไซน์ของตัวหูฟังกันก่อน แน่นอนว่าดีไซน์โดยรวมก็ยังเป็นสีดำตัดแสงตามเอกลักษณ์ของซีรีส์ Cloud แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็มีรายละเอียดที่แตกต่างจากเดิม โดยตรง Headband ของหูฟังจะให้ความรู้สึกที่หนาและเด้งมากกว่าตัวเดิม รวมถึงทาง Ear Pads (ฟองน้ำรองหู) ก็จะมีความหนาและนุ่มมากขึ้น รวมถึงความกว้างของ Ear Pads เองก็จะกว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าในระดับหนึ่ง ซึ่งน่าจะเหมาะสำหรับคนหูใหญ่ เพราะมันจะครอบหูคุณได้ครบทั้งหมด แน่นอนว่าในรุ่นก่อนหน้าที่ลองใช้ เวลาใส่นาน ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บหูอยู่แล้ว แต่คุณภาพของ HyperX Cloud III จะทำให้เรานั้นใส่สบายมากขึ้นกว่าเดิม และเหมาะกับผู้คนหลากหลายขึ้นด้วยโดยรุ่นที่เปิดตัวออกมานั้นยังเป็นรุ่นที่มีสายอยู่ ซึ่งตัวสายนั้นเป็นสายถักที่ค่อนข้างแข็งแรงมาก ๆ แถมยังมีความเด้งที่ไม่ทำให้สายพันกันง่ายด้วย โดยตัวสายที่ติดอยู่กับหูฟังนั้นจะเป็นสาย 3.5 mm ซึ่งเราสามารถเสียบกับอุปกรณ์ที่รองรับได้ (อย่างเช่นในการเสียบกับรูหูฟังตรงหน้าจอ) แต่ถึงอย่างนั้นตัวหูฟังก็มีการพ่วงอะแดปเตอร์สายเชื่อมต่อ จากการส่งสัญญาณแบบ Analog ให้กลายเป็นหูฟังแบบ Digital ด้วย USB-C ได้ แต่ก็มีปลั๊กที่แปลงจาก USB-C เป็น USB ธรรมดาเพื่อเสียบคอมได้เช่นกัน และส่วนตัวก็ลองใช้แล้วตัวหูฟังนี้สามารถรองรับโทรศัพท์ หรือ Taplet ที่รองรับ USB-C ได้เช่นกัน รวมถึงความยาวของสายก็มีความยาวที่มากขึ้นถึง 2.5 m แต่น้ำหนักของหูฟังที่อาจจะมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเป็น 300gในด้านของเสียงนั้น ถ้าหากเราเสียบหูฟังแบบ 3.5 กับการใช้อะแดปเตอร์ ส่วนตัวมองว่าเสียงแบบ Analog ของ 3.5 จะค่อนข้างมีเสียงที่ใสกว่าประมาณนึง (แน่นอนเป็นที่รู้กันว่าสัญญาณ Analog จะต้องเสียงดีกว่า Digital อยู่แล้ว) แต่เสียงของ Digital ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ รวมถึงย่านการรับสัญญาณของเสียงนั้นก็มากขึ้นกว่าหูฟังรุ่น HyperX Cloud II มาก ๆ ตัวเสียงค่อนข้างอยู่ในระดับบาลานซ์ที่ดี รวมถึงเวลาฟังเพลงเราจะรู้สึกว่าเสียงของหูฟังที่ออกมาค่อนข้างกว้าง และรายละเอียดได้ครบกว่าเดิมมาก ซึ่งในตอนนี้ผู้เขียนใช้หูฟัง HyperX Cloud II Wireless เป็นหลัก แน่นอนว่ามันตอบโจทย์สำหรับการใช้งานที่สะดวกสบาย ไม่มี่สายที่กวนใจ แต่พอหลังจากได้ลองใช้หูฟัง HyperX Cloud III และแทบไม่อยากกลับไปใช้ตัวเดิมอีกเลย (ต่อให้มีสายก็ยอม เพราะคุณภาพเสียงดีมาก)อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถือว่าอเมซิ่งของหูฟังตัวนี้มาก ๆ ก็คือไมค์โครโฟนที่มีการอัปเกรดได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ปกติแล้วหูฟัง Gaming Gear ที่ราคาไม่แพงมากนั้น ส่วนใหญ่สิ่งที่ต้องแลกมากับเสียงที่ดีก็คือคุณภาพของไมค์ที่ค่อนข้างแย่มาก ๆ แต่ผิดกับหูฟัง HyperX Cloud III ตัวไมค์ค่อนข้างมีเสียงที่ชัดเจนแทบไม่แพ้กับไมค์โครโฟน Condenser ดี ๆ ได้เลย มีการปรับปรุงความคมชัดของเสียงได้ดีขึ้น ซึ่งผู้เขียนเองได้มีหูฟัง HyperX Quadcast ทดสอบ อยากจะบอกว่าไมค์ตัวนี้ทำออกมาได้คุณได้ใกล้เคียงจริง ๆ อาจจะติดตรงที่หูฟังตัวนี้อาจจะไม่สามารถตัด Noise ได้ละเอียดเท่าไมค์โครโฟนตั้งโต๊ะ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ แล้ว นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์ ตัว Pop Fliter ก็ถูก Build In อยู่ภายในหูฟังเลย ไม่ใช่ฟองน้ำสวมเหมือนรุ่นก่อน ๆ ซึ่งก็ทำให้ดีไซน์ดูเท่มากขึ้นHyperX Cloud III ถือว่าเป็นหูฟังที่ตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับผู้ที่มีงบในการซื้อหูฟังที่ไม่สูงมากนัก เพราะตัวหูฟังมีราคาเพียงแค่ 3,090 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นหูฟังที่มาราคาที่ดีมาก ๆ แน่นอนว่าดีไซน์ตัวหูฟังอาจจะไม่ได้แตกต่างจากเดิมมาก แต่ไส้ในที่ถูกอัพเกรดนั้นในราคานี้ถือว่าถูกไปเลย ทั้งในการรับเสียงที่กว้างขึ้น แน่นอนว่าการเล่นเกมนั้นหูฟังนี้ทำได้ดีมาก ๆ แต่ในเรื่องของการฟังเพลงตัวหูฟังก็ทำออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้กับคุณภาพของไมค์โครโฟนที่ดีพอจะสามารถเอาไปใช้อัดเสียง หรือไลฟ์สตรีมได้เลย สำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์ต่าง ๆ บางทีการซื้อหูฟังตัวนี้ก็แทบจะใช้งานได้ครบเลย หูฟัง HyperX Cloud III จะวางจำหน่ายในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 ผ่านร้าน HyperX Flagship Store ในแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางจำหน่ายต่าง ๆ ของ HyperX โดยมีราคาอยู่ที่ 3,090 บาทHyperX Cloud III (สีแดง) – HyperX Flagship Store ใน Shopee | LazadaHyperX Cloud III (สีดำ) – HyperX Flagship Store ใน Shopee | Lazadaโดยราคาทั้งหมดและหน้าร้านจะถูกอัปเดตในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป
26 May 2023
[Review] Xbox Wireless Controller จอยรุ่นใหม่ของทาง Microsoft ใช้ได้ทั้ง Xbox, คอมพิวเตอร์ และมือถือ
เดี๋ยวนี้เหล่าเกมเมอร์ที่เล่นเกม Console บนเครื่อง PC  เป็นหลัก หนึ่งในอุปกรณ๋ที่หลาย ๆ คนเลือกที่จะซื้อติดบ้านเอาไว้นั่นก็คือจอย Controller ซักตัวหนึ่ง และแบรนด์ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนให้ความสนใจมาตลอด เพราะสามารถรองรับได้เกือบทุกเกมที่เล่นบน PC นั่นก็คือจอย Xbox เพราะเราจะได้เอาไปใช้กับระบบปฏิบัติการณ์ Windows ที่มีเจ้าของเดียวกันเป็น Microsoft ได้อย่างสบาย ๆ และล่าสุดทางผู้พัฒนาก็ได้ออกโปรดักษ์ใหม่อย่าง Xbox Wireless Controller ที่พวกเขาเคลมว่าตัวจอยนี้สามารถใช้ได้ทั้งเครื่อง Xbox Series X/S, Xbox One, PC หรือแม้กระทั่ง Android และ iOS ด้วยสำหรับ Xbox Wireless Controller เวอร์ชันนี้ทางผู้พัฒนาทำออกมาด้วยกันหลายสีมาก ไม่ว่าจะเป็นสีฟ้า แดง เขียว ขาว ดำ และดำ Carbon ซึ่งมีให้เลือกตามความชอบได้เลย แต่ว่าทางเรา GameFever TH เองได้รับตัวจอยสีขาวมาลองเล่น ตัวดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายหรูหรา เวลาจัดหน้าคอม (แต่ข้อเสียเดียวก็คงจะเป็นคราบสกปรกในอนาคตที่จะเห็นได้ง่ายกว่า)ส่วนตัวเป็นคนที่เคยใช้จอย Xbox มาหลายรุ่นมาก ๆ แต่จุดเด่นของ Controller รุ่นนี้ก็คือส่วนตรงที่มือจับข้างล่างนั้น ผิวด้านหลังจะไม่ได้เป็นผิวเรียบเหมือนรุ่นก่อน ๆ แต่ตัวผิวจะมีความขรุขระ สาก ๆ (เปรียบเทียบกับจอยของเครื่อง PlayStation 5 ของตัว Xbox Wireless Controller จะมีความสากมากกว่าอีกด้วย) ทำให้การจับรู้สึกมีความกระชับมากยิ่งขึ้นในด้าน D-PAD ก็จะมีความละเอียดมากขึ้น ถ้าให้เปรียบเทียบกับจอยรุ่น Xbox One ตัว D-PAD จะเป็นปุ่มลูกศรบน ล่าง ซ้าย ขวา อย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าเวลากดไปทิศทางตรง ๆ ก็จะมีความแม่นยำ แต่การกดทิศทางแบบเฉียงที่เราจะต้องกดปุ่มสองปุ่มพร้อมกันจะทำได้อยากกว่า แต่สำหรับจอย Xbox Wireless Controller มีการดีไซน์ปุ่ม D-PAD ใหม่ทำให้เราสามารถกดปุ่มเหล่านี้ได้ง่ายและแม่นยำในการกดปุ่มเฉียงมากกว่าเดิมสำหรับตัวจอยจะใช้รูเสียบ USB-C ในการเสียบเพื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แต่ข้อควรระวังก็คือจอยรุ่นนี้จะไม่มีการแถมสายเชื่อมต่อมาให้ (ยกเว้นสีดำ) ทำให้เวลาซื้อจอยมาก็ต้องเช็คดูด้วยว่าที่บ้านคุณนั้นมีสาย USB-C หรือเปล่า ซึ่งการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากใด ๆ เสียบแล้วก็ใช้งานได้เลย ข้อเสียเดียวสำหรับคนที่ซื้อจอยสีที่ไม่ใช่สีดำ และอยากจะจัดคอมให้สวยไปด้วยท่านก็อาจจะต้องหงุดหงิดกับการที่สายเชื่อมต่อสีไม่ตรงกับจอยของท่าน และก็อาจจะต้องไปยุ่งยากในการหาอีก หรือไม่ก็ตัดปัญหาไปใช้แบบ Wireless เลยก็ได้ส่วนสำหรับการเชื่อมต่อ Wireless สำหรับจอยตัวนี้ ถ้าหากว่าคุณเอาจอยไปใช้เล่นบนเครื่อง Xbox Series X/S คุณนั้นสามารถเชื่อมต่อจอยตัวนี้เล่นได้ทันที แต่ถ้าหากคุณอยากจะเล่นแบบไร้สายถ้าหากคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีตัวรับสัญญาณ Bluetooth คุณก็จะต้องทำการหา Adapter ตัวรับสัญญาณมาเสียบบนคอมของคุณด้วย ซึ่งทาง Microsoft ก็มีตัวขายแยกอยู่ (ราคาประมาณ 800-1000 บาท) แต่ตัวผู้เขียนเองมีตัวรับสัญญาณยี่ห้ออื่นที่ราคาไม่แพงอยู่แล้ว ซึ่งพอลองใช้ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ซึ่งวิธีการเชื่อมต่อก็คือกดที่ปุ่มสัญลักษณ์ Xbox ให้ไฟติดและกดที่ปุ่มเล็ก ๆ จนไฟที่สัญลักษณ์กระพริบ ตัวสัญญาณก็จะโผล่มาให้เราเชื่อมต่อทันที ตัวพลังงานเลี้ยงของจอย Xbox Wireless Controller นี้ก็ยังมีรูปแบบเหมือนกับจอย Xbox One อยู่นั่นก็คือการใส่ถ่าน AA สองก้อนเพื่อเป็นพลังงานเลี้ยง โดยตัว Battery จะมีระยะเวลาใช้งานอยู่ราว 40 ชั่วโมง แต่ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดเร็วนะครับ เพราะถ้าหากเราไม่ได้ใช้งานตัวจอยก็จะดับและหยุดการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ จากที่ลองใช้มาวันละ 1-2 ชั่วโมงเล่นเกม FIFA ก็ถือว่าอยู่ได้หลายวันอยู่นะ แต่สาวก Xbox แนะนำกันมาก็คือการใช้ถ่ายชาร์จซึ่งจะอยู่ได้นานกว่า หรือบางคนไม่อยากเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ ท่านก็สามารถซื้อ Rechargeable Battery มาใช้แทนและสามารถเสียบถ่ายชาร์จได้เลยเช่นกัน (แต่ราคาจะแพงในระดับหนึ่ง)อีกหนึ่งจุดเด่นของจอยตัวนี้ก็คือเราสามารถเชื่อมต่อกับทางเครื่องมือถือได้ โดยผู้เขียนสามารถเชื่อมต่อกับ iPAD ได้อย่างง่าย ๆ โดยใช้วิธีในการเชื่อมต่อแบบคอมพิวเตอร์นั่นแหละ ซึ่งก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมเลย ติดตรงที่ต้องยอมรับว่ามีหลาย ๆ แอปบนสมาร์ทโฟนไม่ได้รองรับการเล่น Controller เสียเท่าไร ซึ่งถ้าจะซื้อจอยมาเล่นกับโทรศัพท์ ท่านก็ต้องตรวจสอบให้ดีกว่าเกมที่ท่านเล่นนั้นรองรับหรือไม่สุดท้ายแล้ว Xbox Wireless Controller ก็คือจอย Xbox ที่ปรับปรุงมาให้ดีมากกว่าเดิม เป็นจอยที่คุณภาพคับแก้ว ซื้อมาครั้งเดียวการันตรีเลยว่าคุณจะสามารถใช้จอยตัวนี้ได้อีกยาว ๆ 3-5 ปีอย่างต่ำ (จอยรุ่นนี้เลื่องชื่อเรื่องคุณภาพอยู่แล้ว มีเพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งใช้จอย Xbox 360 เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่พังเลย)รุ่นนี้วางจำหน่ายแล้วที่ร้านIT CityAdvicePower BuyCom7ร้านค้าที่ได้รับอนุญาตจาก Microsoft บน Shopee และ Lazada (marketplaces), .LifeMINE  ราคาและการจัดจำหน่ายสีดำ (ที่มาพร้อมสายกับ USB-C) - ราคา 2,290 บาทสีดำ Carbon (ไม่มีสาย USB-C) - ราคา 2,290 บาทสีขาว Robot White - ราคา 2,290 บาทสีฟ้า Shock Blue - ราคา 2,390 บาทสีแดง Pulse Red - ราคา 2,390 บาทสีเขียว Electric Volt - ราคา 2,390 บาท
17 Apr 2023
SteelSeries เปิดตัวหูฟังสุดเทพตระกูล Arctis Nova เอาใจเกมเมอร์ ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเสียงคุณภาพ
บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เดินหน้ารุกตลาดเกมไม่หยุด ประกาศความสำเร็จโตขึ้น 400% ภายหลังจากเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ SteelSeries มาตั้งแต่ปลายปี 2562  ล่าสุด ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกมมิ่งในตระกูล “Arctis Nova” จำนวน 5 รุ่น จากแบรนด์ SteelSeries โดยปรับเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด ซึ่งดีไซน์หูฟังได้รับการออกแบบมาจากดีไซน์เนอร์ที่ได้รับรางวัลจากประเทศเดนมาร์ก ทำให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัย และการสวมใส่ที่สบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอันแสนทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบเสียง Nova Acoustic System, AI-Powered Noise Cancelling ซึ่งตัดเสียงรบกวนในการสนทนาให้ทั้งผู้ใช้และฝั่งปลายสายได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจน อีกทั้งหูฟังทั้งหมดมาพร้อมโปรแกรม Sonar ที่สามารถปรับแต่งเสียงระบบ Parametirc EQ ได้ในทุกย่านเสียง รวมถึงมีการตั้งค่าให้เหมาะการเล่นเกมในแต่ละเกมได้อย่างดีเยี่ยม  พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรม เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้สัมผัสประสบการณ์จากแบรนด์มากยิ่งขึ้น หวังดันสัดส่วนรายได้เกมมิ่งเพิ่มเป็น 40% มั่นใจตลาดเกมในไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง ดร.บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Gadget รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจเกมในประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโควิด ทำให้คนอยู่บ้านเล่มเกมเยอะขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดเกมมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ระบุว่า ปัจจุบันตลาดเกม และ E-Sport มีมูลค่ารวมประมาณ 33,695 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 15% ทำให้ อาร์ทีบีฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดเกมรุกจับมือ SteelSeries ซึ่งเป็นแบรนด์อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกม และ E-Sport ชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ในประเทศไทยมาตั้งแต่กลางปี 2562  “สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดเกม และ E-Sport ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะคนอยู่บ้านและหันมาเล่นเกมเพื่อคลายเหงากันมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอุปกรณ์เกมมิ่งโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา อุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ของ SteelSeries ได้รับการตอบรับจากคอเกมเป็นอย่างดี โดยเราเริ่มทำการตลาดให้กับแบรนด์ Steelseries มาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงตอนนี้ปี 2565 ยอดขายเราโตขึ้นถึง 4 เท่า และจากการตอบรับของเหล่าเกมเมอร์ที่ดี ในปีนี้อาร์ทีบีฯ จึงมีแผนจะขยายตลาดอุปกรณ์เกมมิ่ง SteelSeries อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เปิดตัวหูฟังเกมมิ่งเกียร์ 5 รุ่นใหม่ในตระกูล “Arctis Nova” เพื่อเจาะกลุ่มเกมเมอร์ตั้งแต่กลุ่มเริ่มต้น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ”ดร.บรรพต กล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯ มีได้ลงทุนกับการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ Steelseries เพราะมั่นใจในคุณภาพของสินค้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่นักแข่งเกมมืออาชีพระดับโลกเลือกใช้ และทาง Steelsiries เอง ก็วางเป้าหมายที่จะเป็นคู่ค้ากับทางอาร์ทีบีฯ ในระยะยาว สำหรับแผนการขยายตลาดอุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์ในช่วงไตรมาส 4 อาร์ทีบีฯ จะเน้นการจัดกิจกรรมกับคอเกมผ่านทางคู่ค้าหลักของเรามากขึ้นเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมและสัมผัสกับแบรนด์มากขึ้น โดยตั้งเป้าในสิ้นปี 2565 ยอดขายจากกลุ่มเกมมิ่งของอาร์ทีบีฯ จะเติบโตขึ้น 30-40% จากปีที่แล้ว พร้อมเชื่อมั่นว่าแบรนด์ SteelSeries จะยังคงเป็นแบรนด์ในใจของคอเกมชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ด้านคุณวิมลมาลย์  วัฒนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า SteelSeries เป็นแบรนด์อุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับการเล่นเกม และ E-Sport ที่พัฒนามาจากประสบการณ์และทักษะของนักเล่นเกมตัวจริง ดังนั้น นอกจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ทางแบรนด์ยังเน้นความเรียบง่าย แต่ทันสมัยและทนทาน ปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์เกมมิ่งของ SteelSeries ได้รับการยอมรับจนครองใจนักเล่นเกมชาวไทย มาจากความเข้าใจและความต้องการของผู้บริโภค ทำให้สามารถออกแบบอุปกรณ์เกมมิ่งให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเกมเมอร์และนักกีฬามืออาชีพได้อย่างตรงจุด ควบคู่ไปกับการมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และมุ่งเน้นการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยตลอด 3 ปีผ่านมา ตั้งแต่บริษัท อาร์ทีบีฯ ได้เข้ามาเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดกับคู่ค้าผ่านหน้าร้าน, เว็บไซต์, การทำงานกับคอมมูนิตี้เกมต่างๆ, การเป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน, การเป็นสปอนเซอร์ทีมเกม รวมไปถึงการทำไวรอลวิดีโอที่มีคนเข้าดูหลายแสนคน โดยหูฟังเกมมิ่งรุ่นล่าสุดที่พร้อมเปิดตัวสู่ตลาดในครั้งนี้ ประกอบด้วย Arctis Nova 1, Arctis Nova 3, Arctis Nova 7 Wireless, Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless ซึ่งมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่เบากว่าเดิม แต่แข็งแรงทนทาน และมาพร้อมเทคโนโลยีด้านเสียงที่พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมอย่างเต็มอิ่ม สำหรับ Arctis Nova 1 เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบครอบหูชั้นเยี่ยม ที่มาพร้อมไดร์เวอร์ขับเสียงคุณภาพ HIGH FIDELITY ขนาด 40 มม. เพื่อให้คอเกมได้สัมผัสถึงเสียงที่คมชัดและครอบคลุมความถี่เสียงได้ถึง 22,000 Hz แถมยังสามารถปรับแต่งเสียงได้เอง โดยรองรับการใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์มเกมอย่าง PC, PLAYSTATION และ SWITCH ผ่านการเชื่อมต่อแบบมีสายแจ็ค 3.5 มม. ที่ถอดเข้าออกได้ ขณะเดียวกัน ยังมาพร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน CLEARCAST GEN 2 ที่ช่วยตัดเสียงรอบตัวและเสียงคีย์บอร์ดเพื่อการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง 360° ที่ใช้งานผ่าน SONAR AUDIO SOFTWARE SUITE แถมยังรองรับระบบเสียง TEMPEST 3D สำหรับ PLAYSTATION 5 และ MICROSOFT SPATIAL SOUND ช่วยให้เกมเมอร์ได้ยินทุกรายละเอียดเสียงในเกมอย่างชัดเจนทุกทิศทาง นอกจากนี้ ยังมีระบบ Parametric EQ ระดับโปร ทำให้คอเกมสามารถควบคุมองค์ประกอบเสียงในเกมอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่ตัวหูฟังยังมีน้ำหนักเบาเพียง 236 กรัม พร้อมจุดปรับ 4 ระดับด้วยระบบ COMFORTMAX และก้านหูฟังแบบปรับความสูงต่ำได้ เสริมด้วยที่ครอบหูทำจากวัสดุผ้าคุณภาพซึ่งผลิตจาก AIRWEAVE Memory Foam ช่วยระบายอากาศได้เป็น อย่างดีแม้จะใช้งานตลอดทั้งวัน โดยมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และ สีขาว  โดยรุ่น Arctis Nova 1 วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท  ส่วน Arctis Nova 3 เป็นหูฟังเกมมิ่งครอบหูแบบมีสาย ที่ชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพเสียงจากไดร์เวอร์ HIGH FIDELITY ขนาด 40 มม.และระบบเสียง Nova Pro Acoustic ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้เอง เพื่อเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมยิ่งขึ้น โดยรองรับการใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์มเกมอย่าง PC, PLAYSTATION และ SWITCH ผ่านการเชื่อมต่อช่องเสียบ USB-C to USB-C / USB-A / หัวแจ็ค 3.5 มม. พร้อมระบบ Parametric EQ ระดับโปร และระบบเสียงแบบรอบทิศทาง ที่ใช้งานผ่าน SONAR AUDIO SOFTWARE SUITE ทำให้สามารถได้ยินเสียงภายในเกมอย่างรวดเร็วและคมชัด ไม่ว่าจะเป็นระยะไกล ระยะใกล้ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้า และกระสุนปืน ซึ่งจะช่วยให้เหล่าเกมเมอร์สามารถวางเกมได้เหนือคู่แข่ง นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสองทาง CLEARCAST GEN 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยจะตัดเสียงรอบตัวและเสียงคีย์บอร์ด เพื่อการสนทนาที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่ตัวหูฟังสามารถปรับแต่งสีแสงไฟ RGB แบบไดนามิกได้ โดยเลือกได้มากถึง 16.8 ล้านสี ทั้งยังน้ำหนักเบาเพียง 253 กรัม แต่แข็งแรงทนทาน สวมใส่สบายด้วย AirWeave Memory Foam และก้านหูฟังที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้ โดยรุ่น Arctis Nova 3 วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท  ในขณะที่ Arctis Nova 7 Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นแรกที่มาพร้อมไดร์เวอร์ขับเสียงคุณภาพสูง High Fidelity ที่มีระบบเสียง Nova Pro Acoustic ซึ่งได้รับการปรับปรุงจากซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้การถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสียงเท้า เสียงปืน และเสียงระเบิด ทั้งยังรองรับระบบเสียง 360° Spatial Sound และระบบ Parametric EQ เพื่อให้คอเกมได้ยินเสียงภายในเกมอย่างแม่นยำ ทั้งยังโดดเด่นด้วยไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนสองทาง CLEARCAST Gen 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยจะตัดเสียงรอบตัว ซึ่งการเชื่อมต่อไร้สายเป็นแบบ Lossless 2.4 GHz Wireless และการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยสามารถจับคู่กับมือถือเพื่อฟังเพลง แชท และรับสายโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมระบบ Chatmix ซึ่งช่วยในการปรับแต่งเสียงไมค์ของเพื่อนในแชทได้เอง แม้ไมค์ของเพื่อนจะมีเสียงเบา ในขณะที่ตัวหูฟังให้ความนุ่มสบายและระบายอากาศได้ดี ด้วย AirWeave Memory Foam เพื่อการเล่นเกมที่ยาวนาน ทั้งยังสามารถปรับระดับความสูงของแถบคาดศรีษะได้ถึง 4 ระดับ โดยแบตเตอรี่รองรับการใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 38 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว เพียงชาร์จ 15 นาที สามารถใช้งานได้ถึง 6 ชั่วโมง โดยรุ่น Arctis Nova 7 Wireless วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท   ในส่วน Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless เป็นหูฟังเกมมิ่งครอบหูระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความมันส์ในการเล่นเกมแบบจัดเต็มสุดๆ โดยมาพร้อมไดรเวอร์ High Fidelity ระดับพรีเมียมขนาด 40 มม.ที่มีระบบเสียง Nova Pro Acoustic ซึ่งได้รับการปรับปรุงจากซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้ได้เสียงที่คมชัดในการเล่นเกมทั้งบน PC / Android และ Console ต่างๆ ทั้งยังให้เสียงที่ครบชัดทุกรายละเอียดในเกมกว่า 78% ด้วยการรับรองจาก Game DAC Gen 2 ที่สำคัญ ยังมีเทคโนโลยี Multi-System Connect ทำให้เปลี่ยน Game DAC ให้เป็นฮับเพื่อให้คอเกมสามารถสลับการเล่นเกมระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียว คอเกมก็สามารถย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น PC, Mac, PlayStation และ Switch นอกจากนี้ ยังมาพร้อมไมโครโฟนแบบสองทิศทาง และระบบตัดเสียงรบกวน ClearCast Gen 2 ที่ทำงานด้วย AI และซอฟต์แวร์ Sonar ทำให้เหล่าเกมเมอร์ดื่มด่ำไปกับทุกรายละเอียดของเกมได้แบบไม่มีสะดุด ทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่ เพราะรองรับการ Hot-Swap โดยสามารถปรับเปลี่ยนก้อนแบตเตอรี่ได้ทันทีระหว่างการเล่นเมื่อแบตหมด สำหรับ Arctis Nova Pro Wireless จะเพิ่มการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Lossless 2.4 GHz Wireless เพื่อให้เหล่าเกมเมอร์เพลิดเพลินกับประสบการณ์ในการเล่นเกมได้อย่างสนุกสุดมันส์ โดยปราศจากการดีเลย์ ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth โดยสามารถจับคู่กับมือถือเพื่อฟังเพลง แชท และรับสายโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว โดยรุ่น Arctis Nova Pro วางจำหน่ายในราคา 11,500 บาท และ รุ่น Arctis Nova Pro Wireless วางจำหน่ายในราคา 16,500 บาท ทางด้านนายดอม โชติวนิช Country Director ทีม FaZe Clan ประเทศไทย ได้เล่าถึงประสบการณ์จากการใช้หูฟังเกมมิ่งจากแบรนด์ SteelSeries ไว้ได้อย่างนาสนใจ โดยเปิดเผยว่า 'Steelseries เป็นอุปกรณ์ที่ทีม FaZe Clan ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยใช้กันตลอดครับ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เพลเยอร์ของเรา มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และทำให้ทีมเราคว้ารางวัลมาแล้วหลากหลายทัวร์นาเมนต์ สำหรับหูฟังในตระกูล Arctis Nova ถือว่าน่าตื่นเต้นมากครับสำหรับทีม FaZe Clan เพราะมีคุณภาพเสียงระดับโปรฯ ทั้งลำโพงและไมค์ โดยเฉพาะยิ่งสามารถปรับแต่งเสียงในย่านต่างๆ ได้อย่างละเอียดให้เหมาะกับแต่ละเกมอีกด้วย นอกจากนั้น หูฟังก็ออกแบบมาให้น้ำหนักเบา และใส่สบายมากขึ้น ทำให้เพลเยอร์สามารถใส่ฝึกซ้อมและแข่งขันได้เป็นเวลานานครับ' ด้านนายเจมส์–ปริเมธ วงศ์สัตยนนท์ นักพัฒนาเกมชื่อดัง และเป็น CEO ของ Urnique Studio สตูดิโอทำเกมไทยเจ้าของผลงานเกม Timelie กล่าวถึงหูฟัง Arctis Nova ไว้ว่า “หูฟังที่ดี ผมว่ามันต้องคิดมากกว่าการมอบแค่เรื่องเสียง ฟีเจอร์ต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวก หรือตัวความใส่สบายของหูฟังเองมีความสำคัญมากๆ มันจะเพิ่ม Quality of Life ได้ดีมากครับ สำหรับตัว  Artics Nova Pro   ชอบสุดคือตัว Multi-System Connect  ผมว่านี้คือ game changer เลยครับ ผมเป็นคนที่เล่นเกมคอนโซล  Arctis Nova Pro ทำให้ผมสามารถใช้หูฟังเดียวแต่สลับ input ได้ง่ายมาก ผมสามารถใช้หูฟังเดียวร่วมกับ 2 เครื่องไปมา ได้สะดวกมากๆ แถมมันมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนและชาร์จได้ มันทำให้ผมไม่ต้องมาคอยพะวงคอยชาร์จเสียบ USB ไป เล่นไปให้กวนใจอีกเลย อยากกราบคนคิดเลยครับ” ในขณะที่นายปรีโรจน์ เกษมศานติ์ หรือ จอร์จจี้ CEO บริษัท รับทราบโปรดักชั่น กล่าวถึงหูฟัง Nova Pro Wireless ว่า “Sound dac ใช้ง่าย เข้าใจง่าย ตัวหูฟังกำลังพอดี ไม่แน่นเกินไม่บีบไป .. เสียงช่วง low-mid กระชับหุบตัวไว เสียงปืนกระหึ่มสะใจ”  สำหรับผู้สนใจสามารถหาซื้อและสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับผลิตภัณฑ์เกมมิ่งในตระกูล “Arctis Nova” จำนวน 5 รุ่น ประกอบด้วย  Arctis Nova 1, Arctis Nova 3, Arctis Nova 7 Wireless, Arctis Nova Pro และ Arctis Nova Pro Wireless จากแบรนด์ SteelSeries ได้แล้ววันนี้ที่  BANANA IT, JIB, DotLife, Advice,  IT City, ACE Gamer, Nadz project , Speed Gaming,Munkonggadget, IT Friend, Mercular,Firster, Sound Proof Bros, Gump , WTF IT , Nadz project ,425degree, Elysium gadget , IT Friend, Aptsoft, GADGET PLAY, Shopee, และ Lazada หรือสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง www.facebook.com/SteelSeriesThai
11 Oct 2022
[บทความ] แนะนำ 5 ไมค์เล่นเกม จะสตรีมเกมไหน ๆ ก็เสียงคมชัด ไม่มีเสียงอื่นรบกวน
(SPONSORED POST)สำหรับชาวสตรีมเมอร์แล้ว การสื่อสารที่ชัดเจนคืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำด้านนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากฝีมือและการเอนเตอร์เทนแล้ว การสื่อสารต้องชัดเจน คนดูจะได้ไม่ต้องทำหน้างงว่าผู้สตรีมนั้นกำลังพูดว่าอะไรอยู่ การสตรีมจึงจะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน และสำหรับการสื่อสารที่ขัดเจนนั้นก็ต้องอาศัย ไมค์ตั้งโต๊ะ ที่มีคุณภาพ โดยที่ใครกำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อไมโครโฟนรุ่นไหนดีเพื่อนำมาใช้งานในการสตรีมเกม ผมนั้นก็อยากมาแนะนำ 5 ไมค์เล่นเกม จะสตรีมเกมไหนๆ ก็เสียงคมชัด ไม่มีเสียงอื่นรบกวน เพื่อให้การสตรีมเกมของคุณนั้นสามารถส่งต่อความสุขให้แก่คนดูได้ตลอดการสตรีมเลยล่ะครับไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 Microphoneราคาโดยประมาณ 890 บาทมาเริ่มกันที่ไมโครโฟนตัวแรกกันเลยดีกว่าครับ กับไมโครโฟนราคาไม่ถึงพันแต่คุณภาพแน่นจนคุ้มค่าเกินราคากับ ไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 Microphone เป็นไมโครโฟนที่พร้อมมอบประสบการณ์ของเสียงสื่อสารที่โดดเด่นและชัดเจนตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงเพื่อลง Youtube หรือร้องเพลงก็จะทำให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจน โดดเด่น หรือจะนำไปใช้ในเวลาสตรีมมิ่งก็จะทำให้ผู้คนได้ยินเสียงอย่างชัดเจนตลอดการสตรีมทำให้ตอนสตรีมนั้นดูสนุกมากยิ่งขึ้น โดยไมค์ตัวนี้นั้นเป็นไมโครโฟนแบบ Cardioid ที่ทำการรับเสียงจากด้านหน้าเพียงแค่ทิศทางเดียว มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน ที่จะช่วยตัดเอาเสียงที่ไม่พึงประสงค์เข้าไปในไมค์ตอนที่กำลังสตรีมอยู่ได้ และ  EGA TYPE-MC ตัวนี้นั้นยังมาพร้อมกับปุ่มควบคุมที่ด้านหน้าของตัวไมโครโฟน สามารถใช้งานได้ง่าย โดยมีปุ่มเปิดปิด ปุ่มปรับระดับเอคโค่ ปุ่มเพิ่มลดความดัง และช่องเสียบหูฟัง Aux 3.5 มม. เอาไว้ใส่หูฟังเพื่อฟังเสียงของตัวเองตอนพูดได้อีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ทำให้การควบคุมไมโครโฟนสามารถทำได้อย่างอิสระ และง่ายดายไม่เสียเวลาในการใช้งาน เพิ่มความสนุกให้แก่การสตรีมของคุณได้เป็นอย่างมากเลยล่ะครับ และยังมาพร้อมกับขาตั้งไมโครโฟนที่ใช้พื้นฐานเป็นแบบ 3 พิน สามารถปรับระดับขึ้นลงได้ถึง 10 เซนติเมตรให้ตัวไมโครโฟนนั้นพอดีกับมุมปากของเราได้เป็นอย่างดี และยังมั่นใจได้ว่าตัวไมโครโฟนจะไม่โคลงเคลงเนื่องจากมีแผ่นกันลื่นที่ตัวพื้นนั่นเองครับ เรียกได้ว่าครบเครื่องในราคาไม่เกินหลักพันจริง ๆ ไมโครโฟน EGA TYPE-MC4 ตัวนี้ไมโครโฟน Fantech Leviosa MCX01 Condenser Microphoneราคาโดยประมาณ 1,290 บาทมาถึงตัวที่สองกับ ไมโครโฟน Fantech Leviosa MCX01  จากแบรนด์ Fantech ปรับได้หลากหลาย สไตล์มือโปร เป็นไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายสุด ๆ ควบคุมได้อย่างใจนึกด้วยปุ่มควบคุมบนตัวไมค์ถึง 3 ปุ่ม ได้แก่ปุ่ม Mute และปุ่มปรับ Gain Control สำหรับปรับความดัง และ Echo control สำหรับปรับเสียงสะท้อน และพอร์ต AUX 3.5 มม. สำหรับใส่หูฟังมอนิเตอร์มาให้ด้วยเพื่อฟังเสียงของตัวเองได้อีกด้วย Fantech Leviosa MCX01 นั้นมีการรับเสียงแบบ Cardioid ที่จะรับเสียงจากพื้นที่ด้านหน้าโดยเฉพาะ ช่วยรับเสียงพูดของเราให้มีความคมชัด เสียงใสน่าฟัง และยังช่วยกันจากเสียงทิศทางอื่น ๆ ไม่ให้เข้ามารบกวนเสียงพูดของเรา การสื่อสารถึงคนที่กำลังดูสตรีมอยู่นั้นจึงชัดเจน และเพื่อความเป็นเกมมิ่งจึงมาพร้อมกับไฟ RGB ที่หัวไมค์ตามสไตล์ของเกมมิ่งเกียร์ยุคปัจจุบัน ซึ่งใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบสายไฟก็ติดขึ้นมาแล้ว โดยแสงไฟนั้นจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบสุ่มอีกด้วย ในส่วนของเรื่องขาตั้งนั้นไมค์ตัวนี้ก็ให้ขาตั้งแบบ Tripod สามารถทำการปรับได้ง่าย ๆ และแข็งแรงมั่นคง จะกางออกหรือพับเก็บก็ทำได้อย่างสะดวกสบาย และยังสามารถปรับความสูงของไมค์ให้พอดีกับปากของเราได้อีกด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งานมาก ๆ เลยล่ะครับไมโครโฟน Razer Seiren Mini Microphoneราคาโดยประมาณ 1,690 บาทสำหรับไมโครโฟนตัวที่สามที่เรานำมาแนะนำสามารถเรียกได้ว่าเป็นไมค์ที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะนี่คือ ไมโครโฟน Razer Seiren Mini Microphone จากแบรนด์ Razer ที่คุ้นหูของชาวเกมเมอร์ชาวไทยกันเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ ด้วยไมโครโฟนขนาดที่เล็กกะทัดรัดที่สูงเพียง 16 เซนติเมตรแต่เพียบพร้อมด้วยความสามารถที่เข้ากับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะอัดเสียง เล่นเกม ประชุมงาน ก็ใช้งานได้หมด เป็นไมค์ที่รับเสียงแบบ Supercardioid ที่มีการรับเสียงจากด้านหน้าคล้ายกับ Cardioid แต่ระยะการรับเสียงซ้าย-ขวาจะแคบกว่า และเน้นไปที่ด้านหน้า ทำให้เสียงพูดมีความคมชัด เนื้อเสียงใสไร้เสียงรบกวน นอกจากขนาดเล็กแล้วยังมั่งคงด้วยขาไมค์ที่สามารถหมุนปรับทิศได้รอบทิศทาง พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับขาบูมขนาด ⅝ นิ้ว หรือขนาดมาตรฐานสตูดิโอนั่นเอง และนอกจากนั้นยังยกระดับการใช้งานให้ยอดเยี่ยมด้วยการออกแบบตัวกันกระแทกภายใน ช่วยลดเสียงรบกวนเมื่อไมค์ได้รับการกระแทกหรือขยับ และเมื่อรวมเข้ากับแคปซูลรับเสียงขนาด 14 มิลลิเมตรที่มีช่วงความถี่ที่แบน ทำให้เสียงที่ได้มีความเที่ยงตรง สมดุลทั้งเสียงต่ำและสูง และด้วยคุณภาพเสียงที่ 16-bit / 48 kHz ก็ยิ่งตอบโจทย์ของไทโครโฟนที่เหล่าสตรีมเมอร์ตามหาอีกด้วยครับ และถ้าลองได้นำมาใช้งานเข้าคู่กับลำโพงต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ลําโพง devialet, ลำโพง JBL หรือลำโพงแบรนด์ที่คุณวางใจ ก็จะยิ่งเพิ่มชั้นเสียงของคุณให้ออกมาได้อย่างทรงพลังและชัดเจนอย่างมากเลยล่ะครับไมโครโฟน HyperX QuadCast Sราคาโดยประมาณ 5,990 บาทเดินทางมาถึงตัวที่สี่กันแล้วกับ ไมโครโฟน HyperX Quadcast S ที่เป็นไมโครโฟนแบบ Condenser ที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายไม่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็น เมาท์กันสั่น หรือฟองน้ำกันลม แบบติดตั้งในตัวและยังมาพร้อมกับไฟ LED RGB ในตัวที่สามารถปรับแต่งได้ 2 พื้นที่  โดยชิ้นส่วนต่าง ๆ อย่างเมาท์กันสั่นและตัวกรองเสียงลมนั้นถูกใส่มาแบบ Built In และยังพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันทีแบบ Plug and Play ในส่วนของการควบคุมบนตัวไมโครโฟนนั้นก็มี Gain Knob มาให้ ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถเลือกปรับได้อย่างอิสระ รับเสียงได้มากถึง 4 รูปแบบ ตามที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นการรับเสียงแบบ Omni-Directional ซึ่งเป็นการรับเสียงรอบทิศทาง เอาไว้ใช้ในกรณีที่สตรีมพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ต่อมาคือการรับเสียงแบบ  Figure-8 ที่เป็นรูปแบบการรับเสียงหน้าหลังเหมาะสำหรับการทำสัมภาษณ์ 2 คนนั่นเอง ส่วนแบบที่สามคือการรับเสียงแบบ Cardioid ที่เป็นรูปแบบการรับเสียงในทิศทางเดียว ชี้ไปข้างหน้า เหมาะสำหรับการสตรีมแบบคนเดียว และรูปแบบที่สี่อย่าง Stereo เป็นการรับเสียงครอสกันซ้ายขวา เสียงที่ได้นั้นจะแยกแชแนลซ้ายขวาไม่เท่ากันแตกต่างจากรูปแบบการรับเสียงอื่น ๆ เหมาะสำหรับการอัดเพลง เสียงร้อง หรือเครื่องดนตรี เป็นพิเศษ ซึ่งเรียกได้ว่าซื้อ HyperX QuadCast S ตัวนี้มาตัวเดียวสามารถทำอะไรได้อย่างหลา่กหลาย พร้อมทั้งเสียงที่คมชัดมาก ๆ อีกด้วยเลยครับ ซึ่งถ้าใครที่ใช้อัดเสียงหลังจากอัดเสียงเสร็จแล้วลองเอาไปเปิดใน soundbar รับรองเลยว่าเสียงที่อัดไปนั้นจะชัดเจนจนอยากจะใช้ไมค์นี้อัดเพลงต่ออย่างแน่นอนไมโครโฟน Signo MP-701 Microphoneราคาโดยประมาณ 750 บาทในส่วนของไมโครโฟนตัวสุดท้ายที่เรามาแนะนำนั้นได้แก่ ไมโครโฟน Signo MP-701 Microphone ที่สามารถทำได้อยากหลากหลายไม่ว่าจะร้องเพลง อัดเสียง หรือจะสตรีมมิ่งกันแบบสด ๆ ก็พร้อมตอบสนองทุกการใช้งานเลย รับเสียงด้านหน้า หมดปัญหาเสียงรบกวน โดยไมโครโฟนตัวนี้มีการรับเสียงแบบ Uni-Directional หรือ Cardioid ที่จะเป็นการรับเสียงจากด้านหน้าเท่านั้น ทำให้ไมค์เกมมิ่งรุ่นนี้สามารถรับเสียงพูดได้อย่างแม่นยำ ฟังชัด ไม่มีเสียงรบกวนจากรอบข้าง ด้วยการเชื่อมต่อแบบ AUX 3.5mm ที่ทั้งง่ายและสะดวกสบายสุด ๆ ทำให้สามารถใช้งานได้ทันทีไม่มีความยุ่งยาก เพียงแค่เสียบแจ๊คเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็พร้อมใช้งานแล้ว ตัวไมค์นั้นมาพร้อมกับ Accessory ที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นขาตั้งไมโครโฟน, Shock Mount ป้องกันไมค์สะเทือน, แผ่น Wind Screen กันเสียงลมเข้าไมค์, ฟองน้ำไมโครโฟน และสายแปลง Aux 3.5mm to XLR มาให้ใช้งานอีกด้วย เรียกได้ว่า ซื้อไมโครโฟนตัว ได้ครบทั้งเซ็ต ซึ่งของทั้งหมดก็มีราคาไม่ถึงหนึ่งพันบาท เรียกได้ว่าคุ่มค่ามาก ๆ เลยล่ะครับ ใครที่กำลังตามหาไมโครโฟนสตรีมมิ่งราคาประหยัดแต่ฟีเจอร์และของตกแต่งหนัก ๆ ไมโครโฟน Signo MP-701 Microphone คืออีกหนึ่งทางเลือกเลยล่ะครับเป็นอย่างไงกันบ้างครับกับการแนะนำไมโครโฟนสำหรับแคสเกม สตรีมเกม ที่เรานำมาแนะนำกันถึง 5 ตัวเลยด้วยกัน ซึ่งตัวไมโครโฟนนี้ทั้งหมดนั้นก็พร้อมที่จะมอบเสียงการสื่อสารอย่างแจ่มแจ้งและชัดเจน ในระหว่างที่คุณกำลังสตรีมอยู่ได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้การถ่ายทอดสดนั้นมีเสียงที่ไม่ชัดเจนจนขาดความสนุกไป ก็อย่าลืมเลือกใช้ไมโครโฟนที่มีคุณภาพดี ๆ กันด้วยนะครับผม
05 Sep 2022
[ไกด์เกม] แก้ปัญหา Window 11 เล่นเกมเก่า ๆ บางเกมไม่ได้
ในปัจจุบันนี้ การซื้อ PC ใหม่ ๆ หรือโน็ตบุ๊กสักเครื่องหนึ่ง ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ จะได้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่ผู้ขายได้แถมมาให้เราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ปรับเปลี่ยนก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ ตามยุคตามสมัยของมันครับ ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็ต้องปรับตัวตาม ๆ มันไป ซึ่งรวมไปถึงเกมเก่า ๆ ที่เราชอบเล่นด้วย อยากจะทันสมัยก็จัดการอัพเกรดคอมให้เป็นวินโดว์ 11 มันซะเลย แต่แล้วมันดันเล่นเกมเก่า ๆ บางเกมไม่ได้ซะอย่างงั้นซึ่งตัวผู้เขียนได้ไปเจอวิธีแก้อาการงอแงของเจ้า Windows 11 ที่ไม่ยอมรันเกมเก่า ๆ ให้เราได้เล่น ด้วยความบังเอิญ เนื่องจากน้องที่รู้จักกันได้ทักมาถามผู้เขียนเพราะเขาเล่นเกมไม่ได้ครับบนโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ ฟ้าอาจจะอยากทดสอบเราเฉย ๆ"พี่ครับผมโหลด Ride 3 เสร็จแล้ว พอกดเริ่มเกมแล้วมันเงียบไปเลย ไม่มีไรเกิดขึ้น พี่พอจะรู้ไหมครับว่ามันแก้ยังไง?" (นายเห็นเราเป็นโปรแกรมเมอร์เหรอ เราเป็นแค่คนที่ชอบเล่นเกมอยู่บ้านคนหนึ่งเท่านั้นเอง ฮ่า ๆ)โดนสาดคำถามนี้มา ผู้เขียนจะตายเอาครับ ฮ่า ๆ (แต่ไม่สนครับ อยากจะชาเลนจ์ตัวเอง ชั้นจะแก้ให้ได้ ไอ้ต้าววิน 11) ชุดข้อมูล ณ ตอนนั้นที่ได้มา รู้แค่ว่ามันเล่นไม่ได้จากปากน้องที่รู้จักเท่านั้น ฮ่า ๆ นอกนั้นไม่มีข้อมูล Error ใด ๆ แจ้งให้คนใช้งานอย่างเราทราบเลย สอบถามทุกอย่างจากน้องเจ้าของเครื่องมาแล้ว ซึ่งคอมน้องเขาแรงมาก ๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสเปคของเครื่องแต่อย่างใด สืบเสาะถามไถ่ไป ๆ มา ๆ ก็คาดว่าอาการน่าจะมาจาก Windows 11 นี่แหละที่เป็นตัวการ เพราะผมลองเอา Account Steam ของน้องมาโหลดเกมและลองเข้าเล่นที่เครื่องผม ซึ่งเป็น Windows 10 เกมสามารถรันและเข้าเล่นได้ปกติ ฉะนั้นใครที่มีอาการเหมือนที่น้องผมเป็น โหลดเกมมาแล้วกดเริ่มเกมปุ๊บมันแน่นิ่งไม่มีอะไรไหวติง มาแก้ไปพร้อม ๆ กันกับผมที่บทความนี้ได้เลย ผู้เขียนรับประกันว่าเพื่อน ๆ จะกลับไปเล่นเกมเก่าในดวงใจบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 ได้แน่นอน เพราะน้องต้นเรื่องตอนนี้สามารถเล่น Ride 3 ได้อย่างปกติสุขเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับวิธีแก้ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน มาเริ่มกันเลยดีกว่า***ผมทำตัวอย่างใน Windows 10 นะครับ ซึ่งเมนูหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ยังมีความเหมือนกันอยู่ สามารถทำตามได้เลยผลลัพธ์เหมือนกันครับ***1. กด Win + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาครับ 2. พิมพ์ SystemPropertiesAdvanced ลงในช่องที่หน้าต่าง Run ครับตามรูป หลังจากนั้นกด OK (สามารถ Copy ไป Paste ได้เลย)3. กดที่ Environment Variables อยู่มุมขวาด้านล่างครับ4. จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้เราดูที่ System Variables แล้วกดปุ่ม New (สังเกตที่ปุ่ม New ก็ได้ครับ ให้เลือกกดที่ปุ่ม New อันล่าง)5. จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เรา เลือกใส่คำสั่งตามนี้ครับ (ถ้าใครไม่เก่งคอม ให้ดูรูปประกอบนะครับ ว่าอะไรใส่ช่องไหนตรงไหน)Variable Name : OPENSSL_ia32capVariable value : ~0x200000006. หลังจากนั้นกด OK ให้หมด แล้ว Restart เครื่อง 1 รอบ แล้วลองเข้าเกมดูครับเรียบร้อยแล้วครับวิธีการต่าง ๆ มีเพียงเท่านี้เลย ถ้าใครแก้ตามวิธีนี้แล้วไม่ได้ เราต้องหาวิธีอื่น ๆ แก้กันต่อไปครับ ฮ่า ๆ แต่ผู้เขียนคิดว่าจากเกม Ride 3 ที่ผมได้ลองทำดูแล้วเล่นได้ เกมอื่น ๆ ก็น่าจะใช้วิธีแก้เดียวกันครับ ยังไงวิธีการนี้ก็เป็นตัวเลือกให้ได้ลองทำลองแก้ดู ดีกว่าเล่นไม่ได้โดยที่ไม่ลองทำอะไรเลยครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อน ๆ ที่ผ่านมาอ่านหาวิธีแก้ และผมหวังว่ามันจะใช้ได้กับเครื่องเพื่อน ๆ นะครับ ขอให้เล่นเกมอย่างมีความสุขและมีวันที่ดี วันนี้ผมขอตัวลาไปก่อน สวัสดีคร้าบบบบบบ
23 Aug 2022
[Review] Lenovo Legion 5 Pro โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งขั้นเทพ เล่นได้ทุกเกมบนโลกนี้
ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งใน Notebook ที่อยู่ในใจหลาย ๆ คนมาอย่างยาวนาน คุณภาพเหมาะสมกับราคาหลาย ๆ คนก็คงจะคิดถึง Notebook ยี่ห้อดังอย่าง Lenovo และในรุ่นที่ชื่อว่า Legion ก็ถูกสร้างออกมาเพื่อตอบโจทย์เหล่าผู้ใช้ที่เน้นไปในทางเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งล่าสุดพวกเขานั้นก็ได้ออก Notebook รุ่นใหม่อย่าง Lenovo Legion 5 Pro ที่ถูกสร้างมาตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์ หรือจะเป็นสายทำงานก็ไม่หวาดหวั่น ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวและแนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเจ้า Notebook Gaming ตัวนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันประการแรกต้องบอกก่อนเลยว่าตัว Lenovo Legion 5 Pro นี้จะถูกใส่ออกมาด้วยกันหลายรุ่น หลายราคา ซึ่งก็อยู่ที่ตัว CPU และการ์ดจอที่เลือกใส่ไป โดย Notebook ที่ทางเราได้รับมารีวิวนั้นจะใช้ CPU 5800 U และการ์ดจอ RTX 3060 (6GB) ที่ต้องบอกเลยว่าตัวเครื่องนี้สามารถรันได้ทุกเกมบนโลกใบนี้ แถมยังรองรับ Ray Tracing รวมถึงตัวเครื่องยังมีระบบ Legion AI Engine ที่จะมีการคำนวนเกมที่เราเล่นและกระจายการทำงานที่เหมาะสมระหว่าง GPU และ CPU แบบไดนามิกทำให้ตัวเครื่องสามารถรีดประสิทธิภาพเฟรมเรทได้มากขึ้น แรมที่มีให้กว่า 32GB DDR 4 3200MHz ตัว SSD ที่ให้มาความจุมากถึง 1 TB เก็บเกมเล่นได้แบบจุก ๆ อ่านข้อมูลได้อย่างว่องไว และสุดท้ายตัวเครื่องมาพร้อมกับ Windows 11 ให้ฟรี ๆในด้านของหน้าจอตัวเครื่องจะให้ขนาดมาที่ 16 นิ้ว หน้าจอแบบ IPS แถมยังรองรับ Refresh Rate ถึง 165Hz อีกด้วย แต่สิ่งที่อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ก็คงจะเป็นอัตราส่วนของภาพที่ให้ขนาดมาเป็น 16:10 (ปกติมาตรฐานมักจะเป็น 16:9) แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงอะไร หรือเวลาเล่นเกมเราก็สามารถปรับคืนเป็น 16:9 (1920*1080p) เหมือนเดิมก็ได้ ส่วนในด้านของดีไซน์เครื่องก็จะมีความหรูหราตามสไตล์ Legion ที่ทางแบรนด์ได้ดีไซน์มาให้ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย ตัวดีไซน์ไม่ได้ดูหุ่นยนต์หรือมีสีฉูดฉาด โดยตัวเครื่องจะมีอยู่ด้วยกันสองสีก็คือ Storm Grey และ Stingray White ซึ่งจะให้ความรู้สึกเรียบหรูทั้งคู่ และถึงแม้ตัวเครื่องจะมีความหนักในระดับหนึ่ง ทั้งตัวเครื่องและแบตเตอรี่หนักพอสมควร (เป็นเพราะการ์ดจอตัวใหญ่ที่ใส่เข้ามา) แต่สำหรับนักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศเกมเมอร์ชายที่ไม่อยากมีเครื่อง PC ใหญ่ ๆ การใช้โน๊ตบุคตัวเดียวทำทั้งงานเล่นทั้งเกมก็ค่อนข้างตอบโจทย์ส่วนในด้านพอร์ตเชื่อมต่อส่วนตัวค่อนข้างชอบมาก ๆ เบื่อไหมกับการที่รูเสียบสายชาร์จ Notebook ที่มักจะอยู่ข้าง ๆ ตัวเครื่อง ถึงแม้ว่ามันจะสะดวกเพราะอยู่ใกล้มือแต่เราก็ต้องแลกมากับความเกะกะของสายที่ระโยงระยางหรือจะเป็นสายของเมาส์และคีย์บอร์ดที่ต่อเข้ามาอีก แต่สำหรับเครื่อง Lenovo Legion 5 Pro นอกจากรูเสียบสายชาร์จจะอยู่ด้านหลังแล้วนั้น รูเสียบ USB บางส่วนก็อยู่ด้านหลังทำให้ลดความเกะกะได้ประมาณหนึ่งเลยทีเดียว แต่รูข้าง ๆ ก็ยังมีอยู่ รวมถึงยังมีพอร์ต USB-C และ Thunderbolt มาให้ใช้ด้วยส่วนในด้านของปุ่มกดก็จะมีไฟ RGB สีสันสวยงามให้เปิดใช้ด้วย ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยนสีไฟต่าง ๆ เราก็จะต้องโหลดโปรแกรม Lenovo Vantage ที่จะช่วยในการปรับสีต่าง ๆ ตามใจ ตั้งค่าลูกเล่นการกระพริบหรือเคลื่อนที่ไปมาของไฟ รวมไปถึงการตั้งค่าให้เครื่องควบคุมอุณภูมิตามการใช้งานของเราว่าจะเล่นเกม ทำงาน หรือทั้งคู่แน่นอนว่าการเล่นเกมหนัก ๆ บน Notebook สิ่งที่เราจะเลี่ยงไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องของความร้อน แต่สำหรับ Lenovo Legion 5 Pro ก็มีรูระบายความร้อนอยู่หลายจุดนั่นก็คือทางสองฝั่งซ้ายขวา และถ้าอยากให้ความร้อนลดลงอีกในบอดี้ด้านล่างก็จะมีรูระบายความร้อนขนาดใหญ่ทั้งแผง ซึ่งถ้าหากเราซื้อพัดลมดี ๆ ซักตัวก็น่าจะช่วยได้เยอะ แต่หนึ่งข้อสังเกตุที่พบเจอก็คือเวลาเล่นเกมที่กราฟิกหนักเราก็จะได้ยินเสียงพัดลมที่ดังในระดับหนึ่งส่วนในด้านเสียงจากที่ได้ลองใช้มา ทางผู้เขียนมองว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในข้อด้อยของตัว Notebook เครื่องนี้ก็ว่าได้ ในด้านของการฟังเพลงหรือดู YouTube ตัวเครื่องไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงอรรถรสมากขนาดนั้น แต่มันก็อาจจะแลกมากับการหาหูฟังดี ๆ หรือลำโพงดี ๆ มาใส่ทดแทนก็ได้สุดท้ายนี้ทางเราเองก็ได้ลองเอา Notebook เจ้า Lenovo Legions 5 Pro ไปทดสอบกับเกมดังต่าง ๆ โดยจะใช้ค่า Ultra ทั้งหมดที่เกมปรับแต่งมาให้ ด้วยความละเอียด 2560*1600 (16:10) โดยเราได้การทดสอบทั้งหมด 5 เกมประกอบด้วย GTA V, Halo Infinite, The Quarry, Overwatch และ Valorant ซึ่งผลเฟรมเรททั้งหมดที่ได้ดังนี้GTA V (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60 FPSHalo Infinite (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60-70 FPSThe Quarry (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 60 FPS ระหว่างเล่นและ 170 FPS ในคัทซีนOverwatch (ปรับระดับ Epic ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 70 FPSValorant (ปรับระดับ Ultra ความละเอียด 2560*1600) ได้ราว ๆ 250 FPSสรุปสุดท้ายแล้วหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Lenovo Legions 5 Pro นั้นโดดเด่นก็คงจะเป็นในด้านของราคาที่ถ้าให้เปรียบเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ก็จะรู้สึกถึงความคุ้มค่า ในเรื่องของสเปกที่ได้รับกลับมา แน่นอนว่าเราเองก็คงจะไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับความแรงใด ๆ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสเปกระดับนี้เราสามารถใช้ได้อีกยาว ๆ ไม่ต่ำกว่า 5 ปีที่สามารถเล่นเกมใหม่ ๆ ได้ทุกเกม แต่ข้อสังเกตุก็อาจจะเป็นในด้านของการพกพาที่น้ำหนักของเครื่องก็อาจจะเยอะไปซักนิด ใครที่จำเป็นต้องพกเครื่องไปนุ่นนี่บ่อย ๆ ก็อาจจะไม่ได้สะดวกมากนัก แต่ถ้าสำหรับใครที่คิดว่ามันคุ้มค่ากับความแรงที่ได้มา หนักนิดหน่อยแบกไหว Lenovo Legions 5 Pro ก็ถือว่าตอบโจทย์ในด้านของดีไซน์ที่เรียบหรูด้วยและอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นของทาง Lenovo ก็คงจะเป็นระบบประกัน Premium Care โดยเราสามารถพูดคุยกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญในการสอบถามปัญหาต่าง ๆ ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเครื่อง หรือถ้ามีเหตุการณ์ที่ต้องซ่อมทางบริษัทก็จะทำการส่งช่างมาซ่อมให้เราที่บ้านในวัดถัดไป ซึ่งตัวประกันนี้จะมีระยะเวลามากกว่า 2 ปีเลยทีเดียว ความคุ้มค่า และบริการที่ดีขนาดนี้ ทำให้หลาย ๆ คนก็มักจะเลือก Lenovo เป็น Notebook คู่กาย
23 Jun 2022
HyperX เปิดตัวหูฟังไร้สาย Alpha Wireless รวมถึงสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายทั้งเมาส์ จอย และคีย์บอร์ดระดับเทพ
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความต้องการในการเล่นเกมที่กว้างขึ้น HyperX ซึ่งเป็นทีมอุปกรณ์เกมมิ่งจาก HP Inc. ประกาศเปิดตัวหูฟังเกมมิ่ง Alpha Wireless คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Alloy Origins 65 Clutch Controller และเมาส์เกมมิ่ง Pulsefire Haste สองสีใหม่ ได้แก่ สีดำแดง และสีขาวชมพู โดยชุดหูฟังเกมมิ่ง HyperX Cloud Alpha Wireless เป็นชุดหูฟังสำหรับเล่นเกมไร้สายรุ่นแรก ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ด้วยความสบายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ HyperX นอกจากนี้ Cloud Alpha Wireless ยังช่วยสร้างประสบการณ์เสียงที่สมจริงด้วย DTS® Headphone:X®2 Spatial Audio และไดรเวอร์แบบ HyperX Dual Chamber เพื่อให้เสียงในเกมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น“Cloud Alpha Wireless ได้รับการออกแบบ และทดสอบในห้องปฏิบัติการของ HyperX มาพร้อมกับประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และให้คุณภาพที่ไม่เหมือนใคร ด้วยระยะเวลาการใช้งานสูงสุด 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง” HyperX กล่าว “นอกจากนี้ HyperX ยังคงตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเหล่าเกมเมอร์ในทุกระดับ รวมถึงผู้ที่มองหาเมาส์สำหรับเล่นเกมแบบบางเบาเป็นพิเศษ คีย์บอร์ดที่ประหยัดพื้นที่ หรืออุปกรณ์ควบคุมเกมที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกมระดับสูงสุด”กลุ่มผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ HyperX เน้นนำเสนอจุดเด่นในด้านความทนทาน ประสิทธิภาพ ไปจนถึงการควบคุมในรูปแบบ ใหม่ ๆ และยังออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมสำหรับเกมเมอร์ในทุกระดับหูฟังเกมมิ่งไร้สาย HyperX Cloud Alpha (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 6,990 บาท): Cloud Alpha Wireless มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดในหูฟังเกมมิ่งไร้สาย2 ด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 300 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ให้ประสบการณ์เสียงที่สมจริงด้วยระบบเสียง DTS® Headphone:X®3 และยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Dual Chamber ที่ได้รับการออกแบบและปรับปรุงใหม่ รวมถึงไดรเวอร์ HyperX ขนาด 50mm ที่ได้รับการออกแบบให้บางและเบาลงกว่าเดิม โดยที่ยังคงประสิทธิภาพเสียงเช่นเดียวกับหูฟังแบบใช้สายอยู่ Cloud Alpha Wireless มอบความสบายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ HyperX ด้วยวัสดุแบบหนังที่นุ่ม ยืดหยุ่น และเมมโมรี่โฟมที่นุ่มเป็นพิเศษ ตลอดจนกรอบอลูมิเนียม เพื่อความทนทานและความมั่นคงของผลิตภัณฑ์ ชุดหูฟังมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแบบถอดได้ พร้อมไฟแสดงสถานะ LED และปุ่มควบคุมเสียงออนบอร์ดบนที่ครอบหูHyperX Alloy Origins 65 คีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบแมคคานิคอล (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 3,290 บาท): Alloy Origins 65 มาพร้อมรูปแบบฟอร์มแฟคเตอร์ที่ประหยัดพื้นที่ ในขนาด 65 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมีปุ่มลูกศร Delete, Page up และ Page down เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานและการใช้งานแบบเดสก์ทอป และให้พื้นที่ในการเคลื่อนที่เมาส์ได้สะดวกที่สุด คีย์บอร์ดเลือกใช้สวิตช์แบบแมคคานิคอลของ HyperX ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเน้นด้านประสิทธิภาพ อายุการใช้งานยาวนาน และสามารถรองรับการกดได้กว่า 80 ล้านครั้งต่อสวิตช์ตลอดอายุการใช้งาน คีย์บอร์ดมาพร้อมแสงไฟ RGB แบ็คไลท์ พร้อมการออกแบบ LED ให้เรืองแสงสว่างได้ดี เพื่อความสว่างที่มากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีเอฟเฟกต์แสงที่ปรับระดับความสว่างได้ห้าระดับ Origins 65 ใช้คีย์แคป PBT แบบดับเบิ้ลช็อตระดับพรีเมียม พร้อมฟังก์ชันคีย์รองเพื่อการใช้งานในระยะยาวและความทนทาน รองรับการทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ HyperX NGENUITY ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งแสงไฟ ตั้งค่า Game Mode และมาโครได้ตามความต้องการ สามารถเก็บโปรไฟล์ได้สูงสุดถึงสามโปรไฟล์ พร้อมหน่วยความจำออนบอร์ด โดยมีสวิตช์ให้เลือกทั้งกลไกแบบ Linear ในรุ่น HyperX Red และแบบ Tactile ในรุ่น HyperX AquaHyperX Clutch Wireless Gaming Controller (ราคาขายปลีกที่แนะนำ 1,490 บาท): เพื่อให้การควบคุมการเล่นเกมบนมือถือได้ดียิ่งขึ้น คอนโทรลเลอร์แบบไร้สาย HyperX Clutch พร้อมมอบรูปแบบการควบคุมในรูปแบบที่คุ้นเคยและพื้นผิวบริเวณที่จับคอนโทรลเลอร์ที่สบายมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม สนับสนุนการใช้งานแบบไร้สายร่วมกับมือถือระบบปฏิบัติการ Android ผ่านทาง Bluetooth 4.2 หรือตัวรับสัญญาณไร้สาย 2.4GHz รวมถึงมีสายเคเบิล USB-C to USB-A ในการเชื่อมต่อแบบใช้สายในการเล่นเกมกับเครื่องพีซี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์ในการเล่นเกมบนระบบคลาวด์ร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลายได้อย่างเต็มที่ คอนโทรลเลอร์ไร้สาย Clutch มาพร้อมคลิปหนีบโทรศัพท์มือถือ ที่ถอดออกและปรับความกว้างของแขนจับได้ ซึ่งขยายได้ตั้งแต่ 41 มม. ถึง 86 มม. และแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ในตัว ซึ่งให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้สูงสุด 19 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
10 Jun 2022
[Review] HyperX Cloud II Wireless หูฟังเสียงขั้นเทพ ใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมง
เป็นแบรนด์ที่ตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้วสำหรับ Hyper X และก็ได้รับกระแสคำชมจากแฟนๆ มากมายในเรื่องของคุณภาพและราคาที่เป็นมิตร ซึ่งเมื่อปี 2015 ทางผู้พัฒนาได้ปล่อยตัวหูฟังอย่าง Hyper X Cloud II ออกมา และมันก็ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณภาพเสียงที่คมชัด ซึ่งล่าทางแบรนด์นี้ก็ได้ปล่อยหูฟังรุ่นใหม่ที่ถือว่าสร้างมาเพื่อสานต่อความสำเร็จกับ HyperX Cloud II Wireless 7.1 ที่นอกจากจะมีคุณภาพที่ดีกว่ารุ่นเดิม ใช้ง่ายกว่า ตัวหูฟังยังมาพร้อมกับระบบไร้สายที่ลดความกวนใจได้มากเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever จะมารีวิวหูฟังและพูดถึงจุดเด่นของ HyperX Cloud II Wireless 7.1 หลังจากที่ได้ลองใช้มาว่ามันควรค่าในการจับจองหรือไม่ ?ใช้ได้นานทั้งวันแน่นอนว่าตัว HyperX Cloud II Wireless 7.1 นั้นคือหูฟังสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าพอเป็นหูฟังไร้สายเราจะต้องพบเจอกับปัญหาแบตหมดเล่นไม่พอระหว่างวันหรือเปล่า แต่ไม่ต้องกลัวเลยครับเพราะจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้คือความอึดของแบตเตอร์รี่ที่จะให้เราใช้ได้ยาวนานกว่า 30 ชั่วโมง แถมเวลาชาร์จแบตก็ยังใช้เวลาที่น้อยมาก ๆ ราว ๆ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ปกติตัวผู้เขียนใช้เวลาอยู่หน้าคอมนานกว่า 15-20 ชั่วโมงต่อวัน เวลาที่ออกไปทานข้าว หรืออาบน้ำก็จะชาร์จทิ้งไว้พอกลับมาแบตก็เต็มตลอด นอกจากนี้ตัวหูฟังยังรับคลื่นสัญญาน 2.4 GHz ซึ่งรับได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียวฟังเสียงเกมระดับเทพ ฟังเพลงก็ยอดเยี่ยมต้องขอเกริ่นก่อนว่าก่อนที่ทางผู้เขียนจะได้ลองใช้หูฟังตัวนี้ ทางผู้เขียนเองก็ได้ใช้แต่หูฟังระบบ 2.0 ปกติซึ่งมันก็ให้เสียงที่โอเคแต่การเล่นเกมนั้นกลับมีปัญหาอย่างยิ่ง (เช่นเกม Valorant) ที่ตัวเกมมีย่านเสียงที่กว้างและละเอียดพอสมควรทำให้เวลาฟังเสียงเท้าค่อนข่างจับทางได้ยาก แต่ตัว  HyperX Cloud II Wireless 7.1 สามารถเก็ยรายละเอียดการฟังเสียงได้ครบ จากที่ได้ใช้ตัวหูฟังนี้เล่นเกมเราสามารถฟังเสียงได้ชัดขึ้น ให้ความรู้สึกสามารถฟังเสียงได้รอบทิศทาง เราจะสามารถฟังได้เลยว่าศัตรูจะมาจากทางไหน ซ้าย ขวา หน้า หลัง รู้ได้หมด ให้เราฟังเสียงเท้าศัตรูและดักยิงรอได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนในด้านของการฟังเพลงนั้นตัวย่านเสียงของ HyperX Cloud II Wireless 7.1 จะเอียงหนักไปทางย่านเสียงแหลม เพราะว่าเสียงที่เหมาะสมในการฟังเสียงเท้าภายในเกมนั้นเสียงแหลมจะได้ประสิทธิภาพที่สุด เลยทำให้ด้านของการฟังเพลงอาจจะถูกดรอปลงไปนิดหน่อย แต่ถ้าต้องการนำไปฟังเพลงจริงๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะเพลงย่านเสียงเบสถึงแม้ว่าจะไม่หนักมากแต่ก็ยังทำได้ดีและชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียวส่วนในเรื่องของไมค์โครโฟนทางหูฟังมีระบบในการตัดเสียงรบกวนต่าง ๆ ตอนที่ผู้เขียนได้ลองใช้ตัวไมค์นี้พูดถึงแม้ว่าจะเปิดพัดลมอยู่ก็ไม่มีเสียง Noise อะไรมารบกวนเลย แต่ถึงอย่างนั้นตัวไมค์ก็เหมาะกับการใช้งานในการสื่อสารพื้นฐานเท่านั้น สำหรับคนที่อยากจะใช้ไมค์ในการอัดเสียง หรือทำคอนเทนต์ต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้เหมาะมาก เพราะไมค์ค่อนข้างเสียงแหลมและเล็กวัสดุทนทาน ใส่สบายอีกหนึ่งจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ก็คือน้ำหนักที่ค่อนข้างเบามากเพียง 309g เท่านั้นซึ่งต่างจากญี่ห้ออื่นที่เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ราวๆ 350 - 400g ในเรื่องของวัสดุก็ค่อนข้างทนทาน ในตัว Body ทั้งสองข้างจะเป็นพลาสติกที่มีความแข็งแรง ตัวโครงทำด้วยอะลูมิเนียมไม่ต้องกังวลเรื่องหูฟังหักหรืองอได้เลย นอกจากนี้ในตัวที่ครอบดูก็จะเป็นยางที่มีเนื้อภายในค่อนข้างนิ่ม ตัวซอฟต์รองหัวด้านบนก็จะใช้วัสดุเดียวกัน ทำให้ใส่สบายมากขึ้น จากที่ได้ลองสัมผัสหูฟังตัวนี้15 ชั่วโมงรวดไม่ได้มีความรู้สึกว่าปวดหูแต่อย่างใดใช้งานง่ายในการใช้งานของ  HyperX Cloud II Wireless 7.1 ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เพียงแค่เราเสียบปลั๊กตัวปล่อยสัญญาน Wireless ที่คอมพิวเตอร์ของเรา เปิดปุ่ม Power ที่หูฟัง และเลือกแสดงเสียงผ่านหูฟังตัวนี้ใน Sound Control ขวาล่าง แค่นี้ก็สามารถใช้งานได้ทันที ตัวปุ่มที่หูฟังทางผู้พัฒนาก็ลดความซับซ้อนลงไป เหลือแค่เพียงปุ่มกดเปิด/ปิด ปุ่ม Must ไมค์ และก็ปุ่มปรับ Volume เท่านั้นส่วนใครอยากจะเข้าไปปรับสิ่งต่างๆ ให้ละเอียดขึ้นท่านก็สามารถโหลดโปรแกรม HyperX NGENUITY ที่สามารถปรับความดังเบาของไมค์ได้ หรือปรับให้หูฟังไปใช้งานเป็นระบบ 7.1 Surround ได้ในนั้นความรู้สึกหลังจากที่ได้ใช้จากที่ได้ลองใช้มาทั้งหมดส่วนตัวค่อนข้างชอบมากๆ สำหรับ HyperX Cloud II Wireless 7.1 อย่างแรกที่ชอบก็คงจะเป็นในด้านการใช้งานที่ยาวนาน จริงๆ แทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่แต่อย่างใดเลย 30 ชั่วโมงในการใช้งานแต่ละครั้งถือว่ามากเกินพอและทำได้ดีกว่าหลายๆ รุ่นที่เป็นหูฟัง Wireless แล้ว ในด้านของการเล่นเกมที่วางระบบเสียงให้เป็น 7.1 Surround ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ถึงแม้ว่าอาจจะพูดไม่ได้เต็มปากว่าการใช้หูฟังนี้จะช่วยให้เราเล่นเกม FPS เก่งขึ้น แต่อย่างน้อยมันช่วยให้เราสามารถฟังเสียงและคาดเดาจุดที่ศัตรูยืนอยู่หรือกำลังเดินมาได้ ทำให้เรามีความประมาทในการเล่นน้อยลงนั่นเองส่วนในย่านด้านแหลมของหูฟังที่อาจจะทำให้การฟังเพลงดรอปลงไปบ้าง แต่ส่วนตัวมองว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ของหูฟังเกมมิ่งอยู่แล้ว แต่ตัวหูฟังนี้ก็ยังทำเสียงได้ค่อนข้างน่าพอใจในการฟังเพลงอยู่ อีกสิ่งหนึ่งที่ชอบก็คงจะเป็นในด้านวัสดุที่ทำออกมาได้เบาแต่แข็งแรง ตัวฟองน้ำก็ทำออกมาได้นิ่มพอสมควร ปกติแล้วตัวผู้เขียนเองไม่ค่อยชอบที่จะใช้หูฟังที่เป็นแนว Headphone เสียเท่าไร เพราะอาการบีบหูจนเจ็บเวลาใส่มากๆ (ปกติเลยจะใช้แต่ Ear Bud) แต่จากที่ได้ลองใช้ HyperX Cloud II Wireless 7.1 กลับไม่มีความรู้สึกในการเจ็บหูเลย แต่ถ้าให้พูดเกี่ยวกับสิ่งเดียวที่ไม่ชอบก็คงจะเป็นการที่ตัว Software ปรับได้ค่อนข้างน้อยไปหน่อย และปรับ EQ ไม่ได้ ส่วนตัวอยากให้สามารถปรับ Preset ต่าง ๆ ให้หลากหลายขึ้นเพื่อเอาไว้ใช้ตามสถานการณ์อย่างเช่น Preset สำหรับเล่นเกม หรือ Preset สำหรับฟังเพลงเป็นต้น โดยหูฟัง HyperX Cloud II Wireless 7.วางขายแล้วตามร้านค้าเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำทั่วไปในราคา 4,890 บาท
08 Apr 2022
[บทความ] รวมสารพัดกิจกรรมที่ทำแล้วได้เงินในโลกของ Blockchain
ต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงของ Blockchain ส่งผลต่อพฤติกรรการใช้ชีวิตของเราอยู่หลายอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่ง 'วิธีการหาเงินแบบใหม่' ที่จะมาเป็นรายได้เสริมให้เรา แลกกับการทำกิจกรรมบางอย่างเท่านั้นซึ่งถ้าให้พูดกันตามจริง ไอเดียนี้ก็คล้ายกับการทำ Cryptocurrency Mining ที่เคยมีข่าวว่าใช้ฮาร์ดดิสก์และการ์ดจอในการมาประมวลผลในการขุดบิตคอยน์จนสินค้าขาดตลาดมาแล้ว แต่ในปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังงานและทรัพยากรณ์ ขนาดนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนมาเป็นการตอบโต้กับระบบเพื่อให้เหรียญคริปโตออกมาแทน ซึ่งจะทำอย่างไรได้บ้างนั้น เราตามไปดูด้านล่างนี้กันเลย+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++Play-to-Earnอันนี้เชื่อว่าเกมเมอร์ต้องคุ้นหูแน่นอน และทาง GameFever เองก็ได้ลงบทความเกี่ยวกับเกมแนวนี้ไปพอสมควร ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็คือการ "เล่นเกมแล้วได้เงิน" นั่นเอง แถมมาอย่างถูกนโยบายเกมและมี Defi เป็นตัวควบคุมและตรวจสอบความโปร่งใสทางธุรกรรมด้วยซึ่งกติกาการรับเงินก็จะแตกต่างกันไปตามแนวเกม ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มทรัพยากรมาแลกเหรียญคริปโต แบบในเกม Morning Moon Village และ A3: Still Alive ประลองให้ชนะเพื่อสะสมคะแนนรับรางวัล อย่างใน Thetan Arena เล่นมินิเกมเพื่อสะสมพลังงานไปทำการผลิตเหรียญ จากเกม Roller Coin สร้าง NFT มาขาย อย่าง Mir4 หรือ Axie Infinity ไปจนถึงแนว Click-to-Earn ที่แค่ส่งคำสั่งเล็กน้อยเหมือนเกม IDLE แล้วรอให้กิจกรรมในเกมดำเนินไปแล้วได้เหรียญคริปโตตอบแทนกลับมา หรือแม้แต่แนว Endless Run ก็มีให้เลือกเล่นกับเขาด้วยนะ! เรียได้ว่าครอบคลุมทุกสไตล์การเล่นเลย และ ณ ตอนนี้เหล่าเกมเก่าระดับตำนานก็กำลังตบเท้ากันลงสนาม Play-to-Earn กันมากขึ้น รับรองว่าจากนี้ไปจะมีเกมสนุก ๆ ให้เราเลือกเล่นอีกเยอะเลยล่ะExcercise-to-Earnสุขภาพดี ๆ ที่ใช้เหงื่อแลกเงิน การออกกำลังกายเพื่อรับเงินนี้ก็คล้ายกับเทรนด์การ Tracking การออกกำลังกาย ที่หลายคนจะบันทึกผลการทำกิจกรรมแล้วโชว์หน้าแอปฯ นี้ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ เช่นเดียวกัน โปรเจคนี้จะติดตามและให้เราส่งผลงานการออกกำลังกายผ่านแอปฯ ต่าง ๆ เข้าไปในระบบเพื่อประมวลผลและส่งเหรียญของแพลตฟอร์มให้เป็นการตอบแทน จากนั้นเราก็นำขึ้นกระดาน Trade ต่อได้เลย!ซึ่งผู้รันโปรเจคนี้ในปัจจุบัน หลัก ๆ ก็ได้แก่ Sweatcoin ที่ให้เราผูกแอปฯ ด้านสุขภาพบนมือถือเข้ากับระบบ จากนั้น Sweatcoin จะตามติดการเดินของเราทุกก้าว เมื่อครบ 1,000 ก้าวก็จะได้เหรียญ Sweat เป็นการตอบแทน ซึ่งผู้ใช้สามารถนไปแลกอุปกรณ์ออกกำลังกาย คลาสเรียนออกกำลังกาย หรือข้อเสนออื่น ๆ จากพาร์ทเนอร์ของแอปฯ ได้และอีกเจ้าที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Wirtual ที่หลักการทำงานก็เหมือน Sweatcoin เลย แต่พิเศษตรงที่ Wirtual สามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, Body Weight, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน ก็ล้วนทำได้ทั้งสิ้น แถมยังมี Avatar พร้อมคอสตูม NFT สวย ๆ ให้เราเลือกใส่เพื่อเตรียมการเข้าสู่โลก Metaverse ด้วยWear-to-Earnสายแฟชั่นต้องมาทางนี้เลย~ เมื่อการแต่งตัวสวย ๆ จะไม่ใช่เรื่องเสียเงิน (อย่างเดียว) อีกต่อไป แต่เรายังสามารถรับค่าตอบแทนจากการสร้างกระแสแฟชั่นได้ ในโลกของ Blockchain ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่เราจะนำมาใส่นั้นอยู่ในรูปของ NFT โดยแรงบันดาลใจของโปรเจคก็มาจากผลสำเร็จของ Play-to-Earn นั่นแหละ หลายคนน่าจะเคยเล่นแต่งตัวตุ๊กตากันมาบ้าง นั่นแหละคอนเซปต์ของ Wear-to-Earn ที่จะให้เราแต่งตัวให้ Avatar ในโลกเสมือนอย่าง Metaverse โดยเราสามารถออกแบบหรือซื้อจากแบรนด์ที่มี มาสวมให้ Avatar แทนตัวเรา และถ้ามันเป็นกระแสล่ะก็ ชุดนั้นก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นมา และเราก็สามารถซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนแบบเดียวกับตลาด NFT Art ได้เลย แถมยังส่งผลดีต่อุตสาหกรรมแฟชั่นในโลกจริงได้ดีด้วย เพราะจะสามารถลดการผลิตเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนตามเทรนด์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้โรงงานปล่อยมลภาวะน้อยลง และแบรนด์ที่ลงมาเล่นโปรเจคนี้ก็จะมีโอกาสได้โปรโมตตัวเองในช่องทางที่หลากหลายขึ้นอีกด้วยโปรเจคชื่อดังที่เข้ามาร่วมสร้างกรแสแฟชั้นในโลดิจดทัลแล้ว ก็ได้แก่ DressX ที่เราสามารถอัปโหลดรูปตัวเองแล้วนำชุดที่ปรับแต่งในโปรแกรมมาสวมใส่เป็นชุดใหม่ได้, Dolce & Gabbana (D&G) แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ที่ได้นำสินค้าลงมาในรูปแบบ NFT ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และแน่นอน รีบซื้อมาใส่อวดแล้วรีบขายต่อรับรองคืนทุนเร็ว รวมไปถึง Wear-to-Earn ที่มาอยู่ในรูปแบบเกมเลยอย่าง Fortnite x Balenciaga และ Louis: The Game ที่ GameFever เราเคยรีวิวไว้แล้วนั่นเองListen-to-Earnจะดีแค่ไหนถ้าฟังเพลงอยู่ดี ๆ เงินก็เด้งเข้าบัญชี นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ Gala เชนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงเจ้าหนึ่งของวงการ ได้สร้างแพลตฟอร์มชื่อ Gala Music ขึ้นมา โดยเขาบอกว่าแพลตฟอร์มนี้จะ "เป็นศูนย์กลางของโลกที่จะให้ผลตอบแทนศิลปินและแฟนเพลง" โดยวิธีการทำงานคือ ศิลปินจะอัปโหลด (mint) NFT Song ลงใน Gala Music เพื่อให้แฟนเพลงและ Collector เข้ามาซื้อ จากนั้นผู้ที่ถือครอง NFT ก็จะนำไปจับคู่กับ Music Node เพื่อเล่นเพลง และทุกครั้งที่มีการเล่นเพลงทั้งศิลปินและเจ้าของ NFT ก็จะได้ค่าตอบแทนคืนมารวมถึงผู้ที่เข้ามาฟังเองก็จะได้เหรียญกับเขาด้วยซึ่ง Node ก็คาดว่าน่าจะคล้ายกับ Streaming Platform ซึ่งจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อเราซื้อ License มาก่อนและ NFT ที่ปล่อยออกมาแล้วในตอนนี้ก็มี 1 เพลงถ้วน นั่นคือ The Stash Box ของ Snoop Dogg โดยมีจำนวนจำกัดในการขายรอบแรกที่ 25,000 node และแน่นอนว่า หมดแล้วจ้า~ ถึงแม้โปรเจคนี้จะยังไม่ได้เริ่มทำงานอย่างเต็มตัว แต่ก็มีผลลัพธ์ให้เห็นแล้วว่ามีคนให้ความสนใจและมั่นใจในโปรเจคนี้มากแค่ไหน ก็ต้องรอดูต่อไปว่า หากเปิดใช้งานแบบเต็มอัตราแล้วจะมีฟังก์ชั่นอะไรเจ๋ง ๆ เพิ่มเข้ามาอีกบ้างSleep-to-Earn"ถ้าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอยากทำอาชีพอะไร" เชื่อว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายคนคงอยากจะตอบ (ไม่ว่าจะตั้งใจตอบจริง หรืออยากกวนบาทาก็ตาม) ก็คือ "นอน" และอาชีพในฝันนี้กำลังจะกำเนิดขึ้นจริง เมื่อ Sleep Future ได้ปล่อยโปรเจค Sleep-to-Earn ที่เราจะได้รับเงินขณะหลับ ผ่านเหรียญ $SLEEPEEโดยหลักการทำงานก็มาทางเดียวกับ Exercise-to-Earn เลย นั่นก็คือการ Tracking การนอนของเราผ่านแอปฯ ตระกูล Wellness โดยจะนับคะแนนเป็น % ตัวอย่างเช่น 100% = 10 USDT นั่นหมายความว่ายิ่งเราหลับได้ลึกและมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับโทเค็นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้เรายังสามารถ Stake สะสมเพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีก รวมทั้งเหรียญ $SLEEPEE ที่เราได้รับยังสามารถนำไปแลกสินค้าผ่านร้านค้าของ Sleep Future ได้อีกด้วยแม้โปรเจคจะดูกาว แต่โอกาสเป็นไปได้ก็ยังสูงอยู่นะถ้าเทียบกับความใกล้เคียง Exercise-to-Earn ที่กำลังไปได้สวย โดยตอนนี้ Sleep Future กำลังปล่อย Pre-sale whitelist อยู่ ก็จับตามองกันต่อไปว่าจะท้ายที่สุดแล้วระบบการทำงานจะออกมาเป็นอย่างไร? เวิร์คแค่ไหน? คุ้มค่ากับการเข้าร่วมหรือเปล่า? แต่เชื่อว่าอ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเทใจให้โปเจคไปกว่าครึ่งแล้วล่ะ
22 Mar 2022
เตรียมโบกมือลา Microsoft เตือนผู้ใช้ Internet Explorer ถึงการปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้
Internet Explorer เป็นหนึ่งใน Browser ที่อยู่คู่กับชาวอินเทอร์เน็ตมาอย่างนานนม มันถูกเปิดตัวพร้อมกับ Windows 95 โดยหากนับแบบง่าย ๆ ก็จะถือว่า Internet Explorer นั้น มีอายุปาเข้าไปถึง 27 ปีแล้วเลยทีเดียวซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติที่ทาง Microsoft เจ้าของ Browser สุดเก๋าตัวนี้ จะได้ประกาศหยุดให้บริการออกมา เนื่องจากตัวโค้ดของโปรแกรมที่มีความล้าสมัย บวกกับทาง Windows ยังได้รับ Browser ใหม่ในชื่อ Microsoft Edge อีกด้วยโดยทาง Microsoft ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนถึงผู้ใช้งาน Internet Explorer กันอีกครั้งว่า ตัว Browser กำลังจะปิดให้บริการในวันที่ 15 มิถุนายนนี้แล้วนะ ใครที่กำลังใช้อยู่ ก็ควรเตรียมตัวย้ายข้าวย้ายของ ย้ายบุ๊กมาร์กไปยัง Browser อื่น ๆ กันได้แล้วทั้งนี้ทาง Microsoft ยังได้ทำการสนับสนุน Microsoft Edge อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Xbox หรือเครื่อง Steam Deck ที่ยืมใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ให้คล้ายกับ PC ก็ตามยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า Internet Explorer ไม่ได้จำเป็นกับ Microsoft อีกต่อไปแล้วใครที่อยากจะหวนระลึกถึงความหลัง ก็สามารถเข้าไปใช้งาน เก็บเกี่ยวความทรงจำครั้งสุดท้าย ก่อนที่ Internet Explorer จะปิดตัวลงในวันที่ 15 มิถุนายน 2022 นี้ได้นะครับ  แหล่งข้อมูล: gamerant
22 Mar 2022
[บทความ] ทำความเข้าใจประเภทจอมอนิเตอร์ TN / VA / IPS ต่างกันอย่างไร
ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าปัจจัยหลักที่คุณให้ความสำคัญเลยนั้นก็คือ สเปกคอมพิวเตอร์ที่ต้องเร็วแรง ประมวลผลให้ลื่นไหล ตามมาด้วยเหล่าเกมมิ่งเกียร์ ที่ต้องเป็นของมีคุณภาพ แต่อีกสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั้นก็คือหน้าจอ เพราะว่าหน้าจอนั้นจะมีหน้าที่แสดงผล เรียกได้ว่าทุกความบันเทิงของคุณจะทำได้ดีแค่ไหน หน้าจอเองก็สำคัญ นอกจากเรื่อง Refresh Rate ที่จำเป็น ประเภทของพาเนลหน้าจอเองก็ไม่ควรละเลย หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจอนั้นเเบ่งพาเนลออกมาเป็นทั้งหมดได้ถึง 3 ประเภท ประกอบด้วย TN,IPS เเละ VA เเน่นอนว่าเรื่องของข้อดีข้อเสียก็จะเเตกต่างกันออกไป โดยพาเนลสามประเภทนั้นจะมีลักษณะอย่างไร อะไรที่ทำให้มันเเตกต่างกัน วันนี้ GameFever TH มีคำตอบให้ครับ อะไรคือความเเตกต่างของละประเภทหลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพไม่เข้าใจว่าทั้งสามประเภทนั้นเเตกต่างกันที่อะไร อย่างเเรกที่ต้องบอกเลยนั้นก็คือ มุมมองของภายในเเต่ละทิศ TN นั้นจะมีมุมมองที่เเคปมากที่สุดอยู่ที่ 170/160 องศา เเต่ก็ไม่อาจที่จะเทียบเท่ากับ IPS เเละ VN ได้ โดย IPS จะมีองศามากที่สุด 178/178 องศา ถามว่ามีผลอะไร ก็จะเป็นเรื่องของความเเม่นยำของสีนั้นเอง ความสว่างเเละความเข้ม ปัจจัยที่สำคัญของจอ ในด้านความสว่าง เเต่ละจอจะไม่มีความเเตกต่างกันสักเท่าไร เเต่สิ่งที่ทำให้ไม่เหมือนกันเลยก็คือ Contrast Ratio ที่จะทำให้ความจัดของสีมากขึ้น อย่างเช่น ขาวสุด ดำสุด ทำให้การเล่นเกมในบางจุด สีดำจะมีความดำสนิทเเละเป็นธรรมชาติมากกว่า ในขณะที่ค่า Contrast Ratio น้อย สีดำนั้นก็จะดูดำไม่สนิท ไม่เป็นธรรมชาติ โดยหน้าจอที่โดดเด่นในเรื่องนี้ก็คือประเภท VA นั้นเองที่สามารถทำค่า Contrast Ratio ได้มากกว่าทุกประเภทคุณภาพของสีข้อนี้สำคัญไม่เเพ้ข้อไหนความเเตกต่างของสีนั้นเเยกเป็นสองเเบบได้เเก่ Color Depth เเละ Colo Gamut ซึ่งถ้าหากต้องนับเรื่องสี VN เทียบกับประเภทอื่นไม่ได้เลย ที่มีค่า Color Depth ที่ 6 bit เเต่สำหรับ VA จะมีค่าเฉลี่ยที่ 8 bit ส่วน IPS นั้นสูงถึง 10 bit ทำให้ประเภท IPS ชนะขาดลอย เรื่องความสวยของสี Twisted nematic (TN)เป็นหนึ่งในพาเนลหน้าจอที่อยู่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ว่า ปัจจุบันเอง มันก็ถูกพัฒนามาให้ใช้งานได้ดีตามยุคสมัย จุดเด่นของพาเนล TN ก็คือราคาไม่แพง การแสดงผล Input Lag ก็ต่ำ เหมาะสำหรับหน้าจอที่ต้องการ Refresh Rate ที่สูง สายอีสปอร์ตที่ชอบเล่น FPS ไม่ควรพลาดเลยนั้นเอง แต่ต้องบอกก่อนว่าข้อเสียเองก็มี นั้นก็คือเรื่องของเฉดสีที่ไม่ค่อยสดสวย ถ้าเอาไปทำกราฟิก บอกเลยว่าสีเพี้ยน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณไม่ใช่เกมเมอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต สาย FPS หน้าจอประเภทพาเนล Twisted Mematic (TN) ก็ไม่ควรใช้งานIPS (In-Plane Switching)ถ้าหากคุณเป็นคนที่ต้องการหน้าจอที่สมดุลในทุกด้าน รวมถึงมาตรฐานการแสดงผลของสี IPS นั้นคือคำตอบ IPS นั้นคือพาเนลที่นำ TN มาพัฒนาข้อด้อยทั้งในด้านการเเสดงค่าสี เเละ มุมมองที่จำกัดได้ดีขึ้น รวมถึงการแสดงผลของสีดำในมุมมืด เรียกได้ว่าด้านสี ไม่มีพาเนลไหนเทียบชั้นกับ IPS ได้เลยแม้แต่น้อย จะเอาไปดูหนัง เล่นเกม หน้าจอนี้ก็พร้อมจบให้คุณ ใครที่ให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานสี ควรหาหน้าจอประเภท IPS (In-Plane Switchng) มาใช้งานอย่างยิ่งครับVA (Vertical Alignment)สำหรับคนที่ชอบหน้าจอแสดงผลที่เน้นเรื่องสีเป็นหลัก ก็ต้องขอแนะนำพาเนลประเภท VA จุดเด่นของมันก็คือการเเสดงออกของเฉดสีที่มีมิติมากกว่าพาเนลชนิดอื่นๆ Contast Ratios ที่สูง เหมาะสำหรับการนำไปเล่นเกมประเภทเกมฟอร์มยักษ์ ระดับ AAA หรือแม้แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากเอาไปใช้ด้านการเล่นเกมแนวแข่งขันอีสปอร์ต บอกเลยว่าไม่ควรอย่างยิ่งเพราะ การตอบสนองของหน้าจอที่ช้ากว่า เเละยังมีโอกาสเกิดภาพ Ghosting เเละ Motion Blur ได้ง่าย ใครอยากได้หน้าจอแสดงผลดีๆไปตอบโจทย์ความบันเทิงเป็นหลัก รูปแบบพาเนล VA (Vertical Alignment) บอกเลยว่าโดนสุดๆ สุดท้ายแล้วแต่ละพาเนลก็ล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ว่าตัวไหนดีไม่ดี ถ้าหากคุณรู้ว่าคุณอยากได้หน้าจอไปทำอะไรเป็นหลัก ก็ขอให้เลือกให้ถูกแล้วคุณจะสนุกและเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่ได้จากหน้าจอเหล่านี้อย่างแน่นอนครับ รวมๆแล้วก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ ส่วนครั้งหน้าจะมีเนื้อหาอะไรน่าสนใจมาฝาก ก็รอติดตามกันได้เลย
05 Mar 2022
[บทความ] Simulator Game: โลกแฟนตาซีของเหล่าเกมเมอร์ ก่อนการมาถึงของ Metaverse
นับตั้งแต่ Mark Zuckerberg ประกาศว่า บริษัทของเขาจะพุ่งเป้าไปที่การพัฒนา Metaverse ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ทั้งโลกตื่นตัวกันว่า 'โลกเสมือน' นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร? มีอะไรให้ทำบ้าง? แล้วจะเป็นโอกาสในการสร้างงานมากแค่ไหน? เรียกได้ว่าจินตนาการไปถึงความแฟนตาซีที่ไม่สามารถทำได้บนโลกจริงกันเลยทีเดียวแต่สำหรับเกมเมอร์ Metaverse อาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะเราสามารถจำลองการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงหรือไม่มีทางเป็นไปได้จริงในเกมแนว Simulator อยู่แล้ว จริงหรือไม่เรามาวิเคราะห์ไปด้วยกันเลย******************************************เกมแนว Simulator คือการจำลองกิจกรรมต่าง ๆ จากโลกแห่งความจริงลงมาอยู่ในเกม โดยจะมีจุดประสงค์ให้ผู้เล่นพัฒนาชีวิตในเกมให้เติบโตขึ้น ผ่านการฝึกฝน สะสมสิ่งของ หรือการค้นพบพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์ การวางแผน และการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในแต่ละขั้นตามที่ตัวเกมกำหนดหรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ มันเป็นเกมที่เรามีสามารถมีตัวตนอีกคนได้ในโลกคู่ขนาน อารมณ์เหมือนหนังเรื่อง Jumanji หรือการ์ตูน Sword Art Online นั่นแหละ โดยสามารถแบ่งการจำลองได้หลายประเภท เช่น กีฬา อย่าง Wii Sport ที่ให้เราได้ออกแรงราวกับเล่นกีฬาเหล่านั้นจริง ๆ, การก่อสร้างและบริหาร อย่าง SimCity ที่เราจะได้สร้างและบริหารเมืองในฝันให้เป็นดั่งใจนึก, การจำลองอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านเกม อย่าง Microsoft Flight Simulator ที่เราจะได้ลองขับเครื่องบินโดยไม่ต้องเสี่ยงขึ้นฟ้าจริงแถมยังได้เที่ยวรอบโลกด้วย และแนวเกมที่บทความเราอยากเน้นที่สุดในตอนนี้ก็คือ Life Simulator ที่เราสามารถสร้างตัวตนและใช้ชีวิตได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น Internet Café Simulator กับการเป็นเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตที่แต่ละวันเราต้องทำกำไรและปรับปรุงร้านให้ดีขึ้นเพื่อเรียกลูกค้านั่นเองหลายครั้งเกมแนวนี้ก็ถูกนำไปใช้ในเป็นกรณีศึกษา อย่างเช่นการฝึกบริหารบ้านเมืองผ่านเกม Civilization หรือการใช้เกม Plague inc มาจำลองการแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นต้นทางด้าน Metaverse นั้น จะเป็นโลกเสมือนจริงที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาทำกิจกรรมและมีปฏิสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจะเป็น การประชุม การท่องเที่ยว ไปจนถึงการซื้อขายแลกเปลี่ยน ผ่าน Avatar แทนตัวที่ควบคุมโดยใช้เทคโนโลยี AR หรือ VR และเนื่องด้วยเราอยู่ในยุคดิจิทัลที่ไร้พรมแดน ผู้คนจากทุกที่บนโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ผ่านอินเทอร์เน็ตรวมถึงการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้น การเข้ามาของ Metaverse จึงเป็นการเติมเต็ม Lifestyle ใหม่นี้ ให้สมจริงและดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในโลกเสมือนนี้จะอยู่ในรูปแบบ NFT ซึ่งรันอยู่บนระบบ Blockchain จึงมั่นใจได้ในความโปร่งใสณ ปัจจุบัน หลายองค์กรได้เริ่มกระโดดเข้ามาสร้างพื้นที่ของตัวเองบนแพลตฟอร์ม Metaverse เพื่อเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ รวมถึงกิจกรรมขององค์กรที่กำลังทำอยู่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า งานแสดง สถาบันการศึกษา หรือแม้แต่การสร้างโรงพยาบาล ต่างก็มุ่งหน้าวางโปรเจคกันยกใหญ่เลยล่ะ******************************************ส่วนเกมที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Metaverse ที่มาก่อนกาล ก็ได้แก่... GTA กับการสวมบทบาทเป็นอาชญากรในเมืองศิวิไลซ์ ซึ่งเราสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนโลกแห่งความจริง เพิ่มเติมคือมีภารกิจนอกกฎหมายรอท้าทายเราอยู่ หรือ The Sims ที่ผู้เล่นสามารถเนรมิตเมือง สร้างครอบครัว แล้วรอดูพวกเขาใช้ชีวิต หรืออาจจะเข้าไปควบคุมให้ทำอะไรแปลก ๆ ก็ยังได้แต่ถ้าอยากให้การเล่นเป็น Community มากขึ้น ก็มีเกมยอดฮิตอย่าง Minecraft ที่ให้เราผจญภัยเก็บทรัพยากรและใช้ชีวิตตามการบริหารของที่ได้มา หรือแม้แต่ Roblox ที่เราสามารถสร้างเมืองของตัวเองแล้วเชิญเพื่อนเข้ามาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ สำหรับเกมที่เข้าข่าย Metaverse แบบเต็มตัวที่สุด ต้องยกให้ Second Life ที่เปิดบริการมาเกือบจะ 10 แล้ว ตัวเกมเป็นแนว Simulator คล้าย The Sims เพิ่มเติมคือผู้เล่นจะสวม Avatar และกลายเป็นผู้อาศัยในเมืองเสียเอง ซึ่งสามารถเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้เล่นอื่นได้ เพิ่มเติมคือ เกมนี้เขามีระบบเศรษฐกิจที่เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันจริง ด้วยเงินจริง ซึ่งนี่แหละ! โมเดลของ Metaverse ที่เรากำลังตื่นเต้นกันอยู่นี้เลย ซึ่งไม่แน่ว่าเหตุการณ์อะไรที่เราเคยเจอในเกมเหล่านี้ ก็อาจจะได้เห็นกันอีกครั้งบนแพลตฟอร์ม Metaverse ก็ได้อย่างไรก็ดี ยังมีเกมใหม่ ๆ ที่เป็นทั้ง Play-to-Earn และ Metaverse ตามรอย Second Life มาแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็น Illuvium เกม MMORPG Open-World ที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซี The Sandbox ที่ผู้เล่นสามารถสร้างโลกของตัวเองด้วยไอเทมในเกมที่มีลักษณะเฉพาะตัว Decentraland ที่เราสามารถถือครองที่ดิน สร้าง ซื้อ ขาย ได้ราวกับเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึง Speed Star กับโลกที่เต็มไปด้วยฟาร์มม้าจากผู้พัฒนาชาวไทยเองด้วยจ้า ******************************************แน่นอนว่า สำหรับชาวเกมเมอร์แล้ว พวกเราคุ้นเคยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Metaverse กันพอสมควรอยู่แล้ว จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราน่าจะศึกษาเพิ่มเติมในด้านระบบ Blockchain และการทำงานของ Smart Contract ที่เป็นพื้นฐานของการสร้าง Metaverse หรือตามไปส่องแพลตฟอร์มและโปรเจคต่าง ๆ ที่กำลังตั้งตัวกันอยู่ในตอนนี้ เผื่อเป็นโอกาสในการต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ให้กับงานที่ทำอยู่ และพวกเราเคยผ่านการสวมบทบาทในโลกเสมือนมาแล้ว เชื่อเลยว่าการเข้าไปมีบทบาทในโลก Metaverse จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหล่าเกมเมอร์แน่นอน ไม่แน่นะ เราอาจจะได้เห็นร้านขาย NFT จากเกมต่าง ๆ หรือบริษัทรับบิน (รับจ้างเก็บเลเวล) ก็เป็นได้SOURCEhttps://en.wikipedia.org/wiki/Simulation_video_game https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=dGNBeTFPb1hSZUU9 
22 Feb 2022
[บทความ] คอมเครื่องใหม่ต้องโดน Intel 12th Gen Alder Lake สุดยอด CPU ที่เหล่าเกมเมอร์ไม่ควรพลาด
ต้นปี 2022 แบบนี้ หลายคนก็อาจจะใช้โอกาสนี้สำหรับการประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่สักตัว เพื่อไปใช้ทำงาน เล่นเกม หรืออะไรก็แล้วแต่ตามจุดประสงค์ของตัวเอง โดยการประกอบคอมพิวเตอร์นั้น สิ่งที่ต้องนึกถึงเป็นอย่างแรงเลยก็คือ CPU (Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เหมือนสมองที่คอยออกคำสั่ง ให้กับขั้นตอนต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าเลือก CPU ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ซึ่งตัวเลือกในปัจจุบันเองก็จะแบ่งออกเป็นสองค่ายไม่ว่าจะเป็น Intel ค่ายฟ้า และ AMD ค่ายแดง โดยวันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำ CPU รุ่นที่เรียกได้ว่าน่าใช้งานที่สุด คุ้มค่าที่สุดในตอนนี้อย่าง Intel 12th Gen Alder Lake สุดยอด CPU แห่งยุค รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกันรู้จักกับ Intel 12th Gen Alder Lake ในช่วงที่ผ่านมานั้น ต้องบอกตามตรงเลยว่า เวลามีใครมาถามผู้เขียนว่า ควรประกอบคอมด้วย CPU อะไร ? ผู้เขียนก็มักจะตอบไปว่า ตอนนี้ Intel ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะที่ผ่านมา AMD Ryzen นั้นทำผลงานได้ดีจริงๆ ทั้งในเรื่องของราคาที่คุ้มค่า สเปกต่าง ๆ ที่ชนกันหมัดต่อหมัดแล้วทำได้ดี ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ ร้านคอมพิวเตอร์ไหนๆ AMD Ryzen ก็จะขายดีกว่าใครเป็นพิเศษ ทำให้ช่วงนั้นคะแนนของ Intel นั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจนในช่วงปลายปี 2021 การมาของ Intel 12th Gen Alder Lake ได้กลับมากอบกู้ Intel ให้กลับมาตีตลาดอีกครั้ง เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนวงการไม่น้อย จุดเด่นของ CPU ซีรีส์นี้ก็คือ ความสามารถในการทำงานแบบ Multitasking ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไม่ใช่การแยกคอร์แบบธรรมดาทั่วไป แต่แยก CPU ให้ประมวลผลคนละส่วนไปเลย ไม่ว่าจะเป็น P-core ที่ทำหน้าที่ประมวลผลหลักๆบนคอมพิวเตอร์ ส่วน E-core ทำหน้าที่สำหรับโปรแกรมที่ทำงานเบื้องหลัง ทำให้พวกมันทำหน้าที่ได้อย่างชัดเจน  ใครที่ชอบเปิดโปรแกรมไปด้วย เล่นเกมไปด้วย คุณจะเห็นความแตกต่างในส่วนนี้อย่างมาก   ที่สำคัญยังได้ทาง Microsoft มาช่วยพัฒนาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบน Windows 11 ด้วยนั้นเองPerformance Core และ Efficient Core สิ่งที่ทำให้ Intel 12th Gen Alder Lake เหนือกว่าคู่แข่งอย่างที่เกริ่นไปด้านบนนั้น สิ่งที่เด่นชัดในซีรีส์นี้คือเรื่องของการทำงานแบบ Multitasking  ทำให้การใช้งานนั้นไหลลื่นแบบสุด ๆ สรุปให้เข้าใจแบบง่ายและเข้าใจได้ไวก็คือ- P-Core คอร์ประสิทธิภาพ ใช้สำหรับการเล่นเกม เน้นการประมวลผลแบบ Single Thread- E-Core คอร์ประหยัดพลังงาน ใช้งานโปรแกรมพื้นหลังทั่วไป เช่น เล่นเว็บไซต์ Spoitfy หรืออื่น ๆ โดยจะใช้ คอร์ E ที่เน้นประหยัดพลังงานผลทดสอบการเล่นเกมเบื้องต้นForza Horizon 5 i7-12700K : AVG 167 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 166 FPSRed Dead Redemption 2 i7-12700K : AVG 178 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 183 FPSCyberpunk 2077 i7-12700K : AVG 149 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 132 FPSDeath Stranding i7-12700K : AVG 193 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 204 FPSHitman 3 i7-12700K : AVG 253 FPS Ryzen 9 5900X : AVG 244 FPSคะเเนนจาก benchmarks ขอบคุณข้อมูลจาก Testing Game รายชื่อรุ่นของ Intel 12th Gen Alder Lake- Intel Core i9 16C/24Ti9-12900Ki9-12900KF- Intel Core i7 12C/20Ti7-12700Ki7-12700KF- Intel Core i5 10C/16Ti5-12600Ki5-12600KF - รุ่นอื่นๆเพิ่มเติมIntel Core i9-12900 , i9-12900FIntel Core i7-12700 , i7-12700FIntel Core i7-12700H (Notebook)Intel Core i5-12600 , i5-12600FIntel Core i5-12400 , i5-12400FIntel Core i5-12400H (Notebook)Intel Core i3-12300 , i3-12100 , i3-12100F สรุปแล้ว Intel 12th Gen Alder Lake ถือว่าเป็น CPU ที่ในตอนนี้ยังคุ้มค่าอย่างมากสำหรับการนำมาประกอบคอมพิวเตอร์ต้อนรับปีใหม่ ด้วยราคาที่สมเหตุสมผล และ สเปกที่ได้กลับมา ถ้าหากคุณซื้อไปใช้งาน เชื่อว่ามันสามารถใช้งานแบบระยะยาวได้อย่างดีแน่นอน เรียกได้ว่าเจ็บและจบ นอกจากนี้แล้วคะแนนจากสื่อต่าง ๆ มากมาย ก็ยังเทให้ Intel 12th Gen Alder Lake จึงไม่มีเหตุผลเลยที่คุณจะไม่ลองใช้ CPU ซีรีส์นี้จาก Intel ข้อมูลจาก benchmarks.ul.com
14 Jan 2022
มีรายงานว่าการ์ดจอ Nvidia ที่ถูกปล้นไปเมื่อปีที่แล้ว อาจจะอยู่ในประเทศเวียดนาม
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข่าวว่าทางรถบรรทุกการ์ดจอของ Nvidia นั้นถูกปล้นไป ซึ่งภายในนั้นมีการ์ดจอซีรีส์ RTX 30 รุ่นต่างๆ ในนั้นมากมาย (อ่านข่าว LINK ) แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าการ์ดจอที่ถูกปล้นไปนั้นจะถูกพบเจอใน Outlet ขายของถูกในประเทศเวียดนาม เพราะมีรายงานว่าพบเห็นการขายการ์ดจอจำนวนหนึ่งในราคาถูกกว่าตลาดแต่แลกกับการประกันเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น และทางผู้ขายจะเตือนผู้ซื้อว่ารหัสเครื่องนั้นไม่สามารถลงทะเบียนแบบ Official ได้แม้จะไม่มีการยืนยันว่าใครเป็นคนปล้นการ์ดจอเหล่านี้ไป แต่ที่ตรวจสอบได้เพราะมีผู้ใช้คนหนึ่งรายงานปัญหาในการยืนยันหมายเลข Serial Number หลังจากซื้อการ์ด Nvidia RTX 3080 Ti ไปสองใบ ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ที่ซื้อไปอาจจะไม่ทราบว่าที่มาของการ์ดจอเหล่านี้มาจากไหน แต่ที่ซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูกนั่นเอง และตามรายงานไม่ได้กล่าวว่าผู้ที่รับผิดชอบในการถูกปล้นครั้งนี้เป็นใคร แต่แน่นอนไม่ใช่ผู้ชายปลีกรายย่อยCredit - GameRant
12 Jan 2022
อย่างเจ๋ง! ชาวนาต่างประเทศให้วัวสวมแว่น VR ช่วยเพิ่มน้ำนมได้จริง
ในยุคที่มีโรคระบาดเช่นนี้ การออกไปข้างนอกนับว่าเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง แน่นอนว่าหลังจากที่ต้องอยู่ติดบ้านมาเป็นเวลานานนม ก็จะต้องมีบางคนที่เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ซึ่งตรงจุดนี้นี่เอง ที่ทำให้เทคโนโลยี VR (Virtual reality) หรือการจำลองสภาพแวดล้อมเสมือจริงมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพียงแค่สวมอุปกรณ์ให้ครบครัน คุณก็สามารถไปท่องไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลกโดยที่ไม่ต้องก้าวขาออกจากบ้านด้วยซ้ำและล่าสุดได้มีชาวนาในต่างประเทศคนหนึ่งที่ชื่อว่า Izzet Kocak ได้นำเทคโนโลยี VR มาประยุกต์ใช้กับปศุสัตว์ของเขาอีกด้วยโดยในฤดูหนาวนั้น พวกปศุสัตว์จะไม่สามารถออกหากินไปตามทุ่งหญ้าได้ เขาจึงได้เลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนส่วนที่ขาดหายไปKocak ได้นำแว่น VR ไปสวมให้กับวัวในฟาร์มของเขา โดยตั้งค่าให้ตัวแว่นแสดงภาพถึงทุ่งหญ้ากว้างอันแสนเขียวชอุ่ม เพื่อให้วัวสามารถผลิตน้ำนมออกมาได้มากยิ่งขึ้น“ปกติแล้ว วัวของพวกเราจะผลิตน้ำนมได้ประมาณ 22 ลิตรต่อวัน แต่วัวที่สวมแว่น VR นั้นจะผลิตน้ำนมได้มากถึง 27 ลิตรต่อวันเลยทีเดียว เพราะพวกมันจะมีความรู้สึกและอารมณ์ที่ดีขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในทุ่งหญ้า ความเครียดของพวกมันจะลดน้อยลง” Kocak กล่าวนอกจากนี้ Kocak ยังเผยอีกว่า เขาเคยเปิดเพลงคลาสสิคให้ปศุสัตว์ฟังมาก่อน หวังให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งแว่น VR นี้ก็ทำผลลัพธ์ออกมาได้ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะซื้อแว่น VR มาใช้เพิ่มในอนาคตอย่างแน่นอนแหล่งข้อมูล: thegamer
10 Jan 2022
Nvdia เปิดตัว RTX3090 Ti รุ่นใหญ่ประจำค่าย พร้อมชื่อเล่น "การ์ดจอระดับสัตว์ประหลาด"
ในงานแถลงข่าวของ CES 2022 ทาง Nvdia ได้เปิดตัวการ์จอสองรุ่นใหม่อย่าง RTX 3050 การ์ดจอรุ่นประหยัด ราคาย่อมเยาว์ กับ RTX 3090 Ti การ์ดจอตัวท็อปสุดของค่าย โดยทางโฆษกของ Nvdia ได้ตั้งชื่อเล่นให้ว่า "การ์ดจอระดับสัตว์ประหลาด”โดยตัวการ์ดจอ RTX 3090 Ti นั้น ใช้โมเดล GA102 มีจำนวน CUDA cores มากถึง 10,752 ตัว มี RAM 24 GB GDDR6X และยังทำความเร็วไปได้ถึง 21 Gbps เลยทีเดียว (RTX 3090 ทำได้เพียง 19.5 Gbps เท่านั้น)นอกจากนี้ตัว RTX 3090 Ti รุ่นอัปเกรดยังทำความเร็วคล็อกไปได้ 1,560 MHz และมีประสิทธิภาพเกือบถึง 5 TFLOPS ซึ่งทิ้งห่างรุ่นต้นฉบับอย่าง RTX 3090 ไปได้อย่างสวยงามรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งราคาขายและวันวางจำหน่ายของตัว RTX 3090Ti ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดเบื้องต้นทาง Nvdia ได้บอกถึงแค่วันวางจำหน่ายและราคาของ RTX 3050 เท่านั้นซึ่งตัวน้องเล็กของตระกูล 30 จะวางจำหน่ายในวันที่ 27 มกราคม โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 269$ (ประมาณ 8,900 บาท)แหล่งข้อมูล: pcgamerIGN
05 Jan 2022
ญี่ปุ่นเจ๋ง! ผลิต TV ที่ปล่อยรสชาติออกมาได้มากกว่า 10 รส เพียงแค่เลียจอ
เคยสงสัยกันไหมว่า อาหารในเกมที่ดูน่ากินเหล่านั้นรสชาติมันเป็นอย่างไรทั้งอาหารก่อนออกล่าใน Monster Hunter World หรืออาหารที่ทำเองใน Final Fantasy XV ก็มีภาพที่สวยสดสามจริง จนทำให้ผู้เล่นบางคนถึงกับต้องลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันทีเดียวและเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ Homei Miyashita ได้ทำการเปิดตัวสิ่งที่จะมายุติความสงสัยของเหล่าเกมเมอร์กับรสชาติอาหารในเกมได้ นั่นก็คือ ทีวีที่สามารถลิ้มรสผ่านหน้าจอได้นั่นเอง!!โดยเขาได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า TTTV (Taste the TV)หลักการทำงานของ TTTV จะประกอบไปด้วยถังที่เก็บกลิ่นเอาเอาไว้ 10 แบบ ที่คอยทำหน้าผสมผสานกันเพื่อให้ผู้ชิมสามารถรับรู้ถึงรสชาติผ่านปลายลิ้นที่สัมผัสกับหน้าจอของทีวีด้านศาสตราารย์ Miyashita ที่เป็นผู้พัฒนาได้กล่าวว่า “ผมพัฒนา TTTV เพราะมีเป้าหมายที่อยากให้ผู้ชมทุกคนสามารถลองลิ้มชิมรสอาหารจากทั่วทุกมุมโลกได้ แม้จะนั่งอยู่ที่บ้านก็ตาม”สำหรับใครที่คิดอยากจะลองซื้อ TTTV มาลองใช้ชิมรสชาติอาหารในเกม ก็น่าจะต้องคิดหนักกันหน่อยละครับ เพราะราคาที่เปิดตัวมาในตอนนี้อยู่ 100,000 เยน (ประมาณ 29,324 บาท) ถ้าไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจริง ๆ แนะนำไปซื้อการ์ดจอ หรือซื้อจอแบบเกมมิ่งน่าจะเหมาะสมกว่านะแหล่งข้อมูล: pcgamesn
24 Dec 2021
[Play-to-Earn] รวมศัพท์ควรรู้ ในโลกของคริปโตและ NFT
ช่วงนี้กระแส Crypto-base Game ที่เป็นการเล่นเกมแบบ Play-to-Earn กำลังพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่สำหรับบางคนที่เป็นมือใหม่หรือเพิ่งจะเริ่มศึกษา คงเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จักเต็มไปหมดเลยใช่ไหมล่ะ! วันนี้ GameFever เลยรวบรวมศัพท์ทางเทคนิคที่นิยมใช้บ่อยๆในโลกของ Crypto-base Game เวลาไปศึกษาต่อจะได้ไม่งงยังไงล่ะ จะมีคำว่าอะไรบ้างลองไปดูกันเลยBlockchainคือเทคโนโลยีรูปแบบหนึ่ง ที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลการทำธุรกรรมออนไลน์ไว้ภายใน “กล่อง” ที่เชื่องโยงข้อมูลต่อกันเป็นรายการเรียงต่อ ๆ กันคล้ายกับห่วงโซ่ เมื่อข้อมูลถูกบันทึกแล้วจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้ และเพราะไม่มีใครสามารถแทรกแทรงเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้นี้เอง จึงทำให้เทคโนโลยี Blockchain โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดย Blockchain จะเข้ามาเป็นกลไกหลักในโลกของ Crypto Currency เพราะสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ไม่มีตัวกลางในการทำธุรกรรมแบบธนาคาร และเหรียญดิจิทัลหลายตัวก็มี Chain เป็นของตัวเอง เช่น Ethereum และ Bitcoin นั่นเองDecentralized Exchange (DEX)กระดานสำหรับการแลกเปลี่ยน (Trade) สกุลเงินดิจิทัลโดยไม่มีตัวกลางคอยควบคุม แต่จะสร้างตลาดโดยการใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาดูแลแทน เช่น Pancakeswap, Uniswap และ Deri Protocol ซึ่งมีข้อดีคือ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาปิดระบบได้ ทำให้ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นในนี้และเหรียญทุกเหรียญจะเป็นของเราโดยสมบูรณ์ CryptoCurrencyเป็นการรวมกันของคำว่า Crypto Graphy ที่แปลว่าเข้ารหัส กับ Currency ที่หมายถึงสกุลเงิน รวมแล้วจะหมายถึงสกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ถูกเขารหัสไว้ ซึ่งแน่นอนว่าการจะยืนยันการทำธุรกรรมทุกประเภทจะต้องยืนยันผ่าน Blochchain เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและทรัพย์สินFiat Moneyคำนี้ใช้สื่อถึงสกุลเงินที่ถูกใช้งานกันในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างเงินบาท ดอลล่าร์สหรัฐ หรือยูโร โดยเราสามารถเทียบมูลค่าเหรียญคริปโตของเรากับเงินเฟียต (Fiat) บน Exchange เพื่อที่จะได้ทราบมูลค่ากับสกุลเงินจริง รวมถึงสามารถทำธุรกรรมถอนจาก CryptoCurrency เป็น Fiat Money สกุลต่างๆ ที่เราต้องการผ่านแพลตฟอร์ม Exchange ได้ด้วยCoin & Tokenในกรณีที่เหรียญอย่าง Ethereum (ETH) และ Bitcoin (BTC) นั้นมี Chain เป็นของตัวเอง เราจะเรียกเหรีญตัวนั้นว่า Coin ในขณะที่เหรียญอื่นๆที่ต้องการศัยการทำธุรกรรมผ่าน chain อื่น เราจะเรียกว่า Tokenซึ่งในเกม Play-to-Earn ที่เราเล่นกัน เหรียญที่ได้รับจากในเกมแทบจะทั้งหมดเป็น Token ที่อาศัย chain ใด chain หนึ่งในการดำเนินการทางธุรกรรมWalletกระเป๋าเก็บเหรียญ ที่จะแสดงข้อมูลว่าขณะนี้เราถือเหรียญแต่ละเหรียญไว้เป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยบาง Wallet สามารถเช็คเหรียญหลายสกุลหรือหลาย chain ได้ บาง Wallet ก็สามารถเทียบเป็นมูลค่าเงิน Fiat ได้เลยก็มี ขึ้นอยู๋กับฟังก์ชั่นและการรองรับการใช้งานของแต่ละ Walletตัวอย่างเช่น Metamask ซึ่งเป็น No.1 ของ Wallet ทั้งหมดในตอนนี้ เราสามารถเพิ่ม Chain ใน Network ได้ตามความต้องการในการใช้งาน ซึ่งถือว่ารองรับ Chain ได้ครอบคลุมมากเลยทีเดียว เทียบกับ Wemix ที่จะมีแต่ Chain ในเครือของตัวเองเท่านั้น แต่แลกมากับการเชื่อมต่อ DEX และเทียบค่าเงิน Fiat ได้จากในกระเป๋าโดยไม่ต้องขึ้นกระดานเทรดเลยDeFi & GameFiDecentralized Finance (DeFi) คือระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง โดยอาศัย Blockchain และ Smart Contact เข้ามาเป็นตัวควบคุมการทำธุรกรรม ซึ่งระบบนี้ถูกนำมาใช้กับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนั่นเองส่วน GameFi เป็นรวมคำว่า Game เข้ากับ Defi เป็นการเล่นเกมโดยเพิ่มระบบการเงินแบบ Defi เข้ามาด้วย ทำให้เกิดการทำธุรกรรมต่างๆที่มาจากการเล่นเกม เข้าสู่การแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญดิจิทัลแบบต่างๆ รวมถึงเงิน Fiat ด้วยยังไงล่ะSwapคือการแลกเปลี่ยนเหรียญจากสกุลหนึ่งไปเป็นอีกสกุลหนึ่ง ซึ่งคำๆนี้ถูกใช้มาตั้งแต่การเทรดหุ้นหรือสกุลเงินมาก่อนแล้ว และด้วยหลักการเดียวกัน คือเทียบมูลค่าของ CryptoCurrency ที่เราถืออยู่ในมือกับอีกสกุลหนึ่งแล้วแลกออกมาตามค่าเงินของช่วงนั้นListed Exchangeหลายครั้งที่เกม Play-to-Earn จะโปรโมตตัวเองว่า 'ตอนนี้เหรียญของเราได้ Listed บน xxx Exchange แล้วนะ' ในที่นี้จะหมายถึงเราสามารถนำเหรียญจากเกมไปแลกเปลี่ยนบนตลาดและกระดานเทรดนั้นๆได้ โดยไม่ต้องทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่น เรียกง่ายๆว่าเหรียญนี้ได้รับการยอมรับบนกระดานเทรดแล้วนั่นเอง ซึ่งสำหรับค่ายเกม นี่ยังเป็นหนึ่งในการแสดงความเชื่อมั่นต่อผู้เล่นอีกด้วยNFTNon-Fungible Token (NFT) คือเหรียญดิจิทัลประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่สามารถมีเหรียญใดเข้ามาทดแทนได้ ทำให้ NFT นับเป็นสินทรัพย์ทางดิจิทัลตัวหนึ่ง ที่รันอยู่บน Blockchain โดยเราสามารถทำธุรกรรม ซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน ได้เหมือน CryptoCurrency ทุกประการ เพียงแต่จำนวนที่มีอยู่บนโลกจะจำกัดมากกว่า โดยอาจมีเพียงชิ้นเดียวก็ได้ใครจะไปรู้และใน GameFi การสร้าง NFT ถือเป็นอีกหนึ่ง Gimmik หลักที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะการที่เราสามารถหาไอเท็มที่มีเฉพาะในเกมได้ หรือสร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเพียงตัวเดียวบนโลก ทำให้พวกมันมีมูลค่ามากพอที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกันหรือซื้อสะสมไว้เช่นกันLiquidity Poolคือคลังเหรียญของ DEX หรือในเกมนั้นๆ โดยควบคุมและสามารถซื้อขายผ่าน Smart Contact ได้เลย ซึ่งจำนวน Liquidity Pool ที่แพลตฟอร์มนั้นๆมี จะรับประกันสภาพคล่องของสินทรัพย์ระหว่างผู้ที่เข้าร่วมในตลาดได้อีกด้วยและอย่างที่เรารู้กันว่า เหรียญ CryptoCurrency มีจำนวนที่แน่นอน ว่าง่ายๆก็คือวันหนึ่งมันจะไม่สามารถถูกขุดขึ้นมาใหม่ได้อีก Token ในเกมก็เช่นกัน ฉะนั้นบางเกมที่เหรียญออกมาจนครบในเวลาอันรวดเร็ว หรือคนเทขายเหรียญจนไม่เหลือใน Pool เลย ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกมเหล่านั้นแตกได้อย่างง่ายดายYield Farmingเป็นรูปแบบการทำกำไรหนึ่งบนโลกของ CryptoCurrency ด้วยการฟาร์มเหรียญ วิธีการคือให้เรานำเหรียญของเราเข้าไปใน Liquidity Pool แล้วรอรับผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมหรือ Governance Token ของแพลตฟอร์ม เรียกอีกอย่างว่าเราเข้าไป Stake เหรียญแล้วรอให้กำไรงอกเงยด้วยตัวเองโดยเกม Play-to-Earn ส่วนใหญ่ต่างก็เข้าข่ายนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ชัดเจนเลยคือ Morning Moon Village ที่ใช้ระบบนี้มาสร้างเป็นเกมเลย ซึ่งมีส่วนช่วยในการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในเกมได้อย่างดี ส่วนคนที่ลงเหรียญไว้ก็ได้กำไรกลับคืนมาเรื่อยๆ win-win ทั้งผู้เล่นและทีมงานสร้างเกมเลยROIReturn of Investment หรือผลตอบแทนจากการลงทุนนั่นเอง โดยจะคิดเทียบกับเงินแรกเข้าที่วางไว้แล้วได้เงินจำนวนนั้นคืนในเวลาเท่าไหร่ รวมถึงมีกำไรเข้ามาเท่าไหร่ด้วย ซึ่งในวงการ GameFi จะมีการนำเสนอข้อมูลนี้กันเพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือของเกมแต่ละเกม รวมถึงความคุ้มค่าในการเข้าไป Play-to-Earn กับเกมนั้นๆ ด้วยนั่นเองHODLในทางการเงินดิจิทัล คำนี้หมายถึงพฤติกรรมของรักลงทุนที่ตัดสินใจลงทุนกับเหรียญหรือเกมนั้นในระยะยาว โดยไม่กังวลกับราคาที่ผันผวนในปัจจุบัน ซึ่งก็มีเกมเมอร์หลายคนที่เป็นสายนี้หากเขามั่นใจกับแผนงานของเกมนั้นมากพอ ก็จะไม่สนการวิ่งของกราฟที่ขึ้นสุดลงสุด แต่จะรอจนถึงช่วงที่เหมาะสมจริงๆ หรือรอไปยาวๆจนกว่าจะถึงช่วงที่เจ้าตัวพอใจนั่นเอง อย่างไรก็ดี คำนี้ยังมีไว้แซวคนที่อดทนถือเหรียญไว้ไม่ยอมขาย เพราะราคาต่ำกว่าที่ซื้อมาได้ด้วยเช่นกันFOMO & JOMOFOMO (Fear of Missing out) เป็นอีกพฤติกรรมที่ส่งผลต่อระบบเกมอย่างมาก เมื่อมีผู้คนส่วนมากกลัวที่จะขาดทุน จึงเร่งเทขายเหรียญก่อนที่ราคาจะร่วงไปมากกว่านี้ ซึ่งส่งผลต่อ Liquidity Pool และความน่าเชื่อถือของเกม อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ CryptoMine มาแล้ว ฉะนั้นเมื่อเห็นว่าเกมเจอภาวะนี้เมื่อไหร่ก็เตรียมกุมขมับได้เลยส่วนพฤติกรรมตรงกันข้ามก็คือ JOMO (Joy of Missing out) ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่เจอเหรียญราคาร่วงหรือแม้แต่ตัวเองกำลังขาดทุนกับเกมหรือการเทรดนั้นอยู่ก็ตาม และอาจเห็นเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำไปRug Pullกลโกงรูปแบบหนึ่ง ที่แสร้งทำเป็นเปิดแพลตฟอร์มให้เรานำเงินไปลงทุน เมื่อมีเงินในระบบจำนวนมากแล้วเจ้าของแพลตฟอร์มนั้นก็ปิดแล้วหนีหายไปพร้อมกับเงินก้อนโต เป็นเหมือนการ 'ดึงพรมให้คนที่ยืนอยู่ล้มหน้าทิ่ม' เป็นการหักหลังผู้ลงทุนที่เจ็บแสบมากวิธีหนึ่งเลยซึ่งในวงการ Defi และ GameFi ก็มีไม่น้อย ที่ในช่วงแรกพยายามโฆษณาตัวเองให้น่าเชื่อถือ หรือสามารถลงเงินได้แต่ยังไม่ให้ถอนออก ก่อนที่ Dev จะสละโปรเจคทิ้งอย่างไม่ใยดีและไม่ทิ้งเงินคืนมาให้ด้วย ฉะนั้นเมื่อมีคนเตือนว่าเกมนี้ Rug Pull ล่ะก็รีบถอยให้ห่างเลยนะAirdropถ้าเล่นเกมแนว Battle Royale กันมาก็น่าจะคุ้นกับคำนี้ดีเลยล่ะ เพราะมันคือของดีของฟรีที่ระบบจะปล่อยมาให้ผู้เล่นแย่งชิงเพื่อให้ได้ Supplies ในจำนวนที่มากขึ้นหรือดีกว่าเดิม คล้ายๆกันในโลกของ Crypto-base Game การจัดกิจกรรม Aridrop ก็คือการแจกของให้ผู้ที่สนใจแบบฟรีๆ เพียงแค่กดติดตามหรือทำตามกติกาเล็กๆน้อยๆ โดยจะได้ของรางวัลตอบแทนเป็นเหรียญหรือ NFT ของเกม เพื่อเป็นการโปรโมตและกระจายเหรียญให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงสร้างมูลค่าให้กับเหรียญของเกมนั้นๆด้วย
23 Dec 2021
Audiophile ดัดแปลง SSD รุ่นพิเศษ อ้างช่วยให้เสียงดีขึ้น!!
วงการนักฟังหูทองอย่าง Audiophile (กลุ่มคนที่นิยมชมชอบในการเล่นเครื่องเสียงแบบจริงจัง) ยังคงพยายามพัฒนาอุปกรณ์รอบตัวต่าง ๆ เพื่อให้ได้เสียงออกมาคมชัดแจ่มใส่มากที่สุด และในไทยก็เคยเกิดประเด็นเรื่องการใช้สาย LAN ที่ราคาสูงจะช่วยทำให้เสียงที่ออกมาดีกว่าอยู่เหมือนกัน ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นก็ได้มีคนออกมาแสดงผลทดสอบ รวมไปถึงออกมาอธิบายทฤษฎีต่าง ๆ และแสดงความเห็นเป็นจำนวนมากล่าสุดทางฝั่งต่างประเทศได้มี Audiophile รายหนึ่งโพสต์ภาพของ SSD ที่ถูกปรับแต่งมา และเขาอ้างว่า ไฟล์เสียงที่เล่นผ่าน SSD ตัวนี้จะมีคุณภาพที่ดีขึ้น แตกต่างจาก SSD ทั่วไปตามท้องตลาดโดยทางผู้พัฒนา SSD Audiophile รายนี้กล่าวว่า เขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิต SSD ที่ไม่ประสงค์ออกนามซึ่งทางตัวไดรฟ์ SSD ตัวนี้มีความจุดั้งเดิมที่ 1 TB แต่ถูกเปิดให้ใช้งานได้แค่ 333 GB เพียงเท่านั้นเนื่องจากตัว SSD กำลังทำงานอยู่ในโหมด pseudo-SLC (pSLC) ที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพและความทนทานเพิ่มขึ้น โดยแลกกับความจุที่ลดลงและทางผู้พัฒนาเชื่อว่าการใช้โหมด pSLC จะช่วยทำให้ไฟล์เสียงมีคุณภาพที่ดีมากกว่าโหมด TLC แบบปกตินอกจากนี้ ตัว SSD ยังได้ถูกปรับแต่งอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวแผงวงจรแปดชั้น ท่อระบายความร้อนทองแดง ไปจนถึงการรับพลังงานจากภายนอก (พลังงานของ SSD ตัวนี้จะไม่ได้รับไฟฟ้ามาจาก Motherboard) ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงให้ได้มากที่สุดและแม้ทางผู้พัฒนาจะได้เปิดให้คนอื่นร่วมทดสอบการใช้ SSD ดัดแปลงที่เขาอ้างว่าทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นตัวนี้แต่ผลตอบรับที่ออกมาก็ไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวกับเสียงมากนัก โดยผู้ดทดลองคนหนึ่งกล่าวว่า ค่อนข้างประทับใจนะ เพราะต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์และทำงานได้ปกติ ไว้จะลองอย่างอื่นเพิ่มเติม ด้านเว็บไซต์ข่าวสารข้อมูล Hardware ชื่อดังอย่าง tom’sHARDWARE ได้ออกมาให้ความเห็นว่า โดยหลักการแล้ว การทำงานของ SSD จะรับส่งข้อมูลในรูปแบบของ 0 กับ 1 เท่านั้น เพราะงั้นต่อให้มีการเสริมเติมแต่งตัว SSD หรือทำให้ใช้แหล่งพลังงานจากภายนอก มันก็ไม่น่าจะเปลี่ยนข้อมูลของ 0 กับ 1 ไปเป็นอย่างอื่นที่ดีกว่าได้หรอกนะ ดูท่าว่าผู้พัฒนา SSD Audiophile รายนี้จะต้องรอผลการทดสอบจากคนอื่น ๆ อีกต่อไป เพื่อยืนยันถึงความคิดและประสาทรับฟังอันแสนเฉียบแหลมของเขาแล้วล่ะครับแหล่งข้อมูล: tomshardware
22 Dec 2021
เบาได้เบา! บริษัท SK Hynix แถลงข่าวเปิดตัวชุดแรม 96 GB
บริษัทผู้ผลิต RAM สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง SK Hynix ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะผลิตชุด RAM DDR5 48 GB และ ชุด RAM DDR5 96 GB ซึ่งทางตัวบริษัทจะเป็นแห่งแรกที่ผลิต DRAM ที่มีความหนาแน่นสูงถึง 24 GB จากแต่เดิมที่มีแค่ 16 GB อีกด้วยการออกแบบใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทภาพในการผลิตมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผลิตโมดูลรวดเร็วขึ้นถึง 33% เลยทีเดียวนอกจากนี้ SK Hynix ยังกล่าวว่า ตัวโมดูลของ DD5 จะกินพลังงานน้อยกว่าเดิมถึง 25% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนของทางบริษัทและทางบริษัทยังได้อ้างว่า โมดูลความหนาแน่นสูงตัวใหม่จะช่วยในการรันแอปพลิเคชันจาก Metaverse อีกด้วย ซึ่งนี่น่าจะช่วยให้เครื่อง Meta’s Oculus Quest 2 VR ได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้เช่นกันตอนนี้ชิปตัวอย่างจากทาง SK Hynix ได้เริ่มส่งออกกันแล้ว แต่ยังไม่มีวันเวลาในการออกจำหน่ายที่แน่ชัดซึ่งว่ากันตามตรง สำหรับชาวเกมเมอร์ดูจะยังไม่ค่อยต้องการตัว RAM มากถึงขนาดนั้นสักเท่าไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นเกมก็คงหนีไม่พ้นการ์ดจอเสียมากกว่า นอกจากนี้ CPU ที่สนับสนุน DDR5 ได้ ในท้องตลาดตอนนี้ก็ยังมีไม่เยอะมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงอาจจะดูไกลตัวไปสักหน่อย สำหรับชาวเกมเมอร์ที่ใช้ PC เล่นเกมเพียงอย่างเดียวแหล่งข้อมูล: pcgamesn
16 Dec 2021
ผลทดสอบหลุด! AMD Ryzen ตัวใหม่ อาจรองรับ DDR5
ณ ตอนนี้ มีเพียง CPU ของทางค่ายสีฟ้าอย่าง Intel เท่านั้นที่สามารถรองรับการใช้งานแรม DDR5 ได้ จนกระทั่งมีข่าวลือหลุดจากผลการทดสอบ Benchmark ของค่ายสีแดงอย่าง AMD กับ CPU รุ่นใหม่ที่คาดว่าน่าจะเป็น AMD Ryzen Zen 4 ที่อาจจะทำมารองรับการใช้งาน DDR5 ด้วยก็เป็นได้โดยผลการทดสอบนี้ได้มาจากเว็บไซต์ BAPCo แม้ในเว็บจะไม่ได้ระบุชื่อรุ่นของ CPU เอาไว้ แต่ผลที่ทดสอบก็ออกมามีความคล้ายคลึงกับ AMD Rembrandt Zen 3+ APU ที่ใช้บนเครื่องแล็ปท็อป ซึ่งมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า CPU ตัวนี้จะสนับสนุน DDR5ดังนั้นเราจึงพอจะอนุมานได้ว่า CPU อะไรก็ตามของ AMD ที่ได้ทำการทดสอบไปนั้น น่าจะรองรับ DDR5 ด้วยเช่นกันทางเว็บไซต์ BAPCo ได้ระบุว่า CPU ที่เป็นของ AMD ตัวนี้ มี 8 cores 16 threds ทดสอบด้วยแรมคู่ 8 GB (รวม 16 GB) ทำความเร็วได้ถึง 4800 MHzถึงอย่างไรก็ดี ทาง AMD ยังไม่ได้ออกมายืนยันเกี่ยวกับการรองรับการใช้ DDR5 ของ CPU ทั้งสองรุ่น ดังนั้นข่าวลือนี้ควรจะฟังหูไว้หูจะดีกว่าไม่แน่ว่าในงาน CES หนึ่งในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ทาง AMD อาจจะออกมาประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เป็นได้แหล่งข้อมูล: pcgamesn
15 Dec 2021
กลุ่ม Hacker เจาะระบบ PS4 สำเร็จ พร้อมอ้างว่า PS5 น่าจะมีช่องโหว่เดียวกัน
กลุ่มแฮ็กเกอร์สามคนประกอบไปด้วย SpecterDev, ChendoChap และ Znullptr ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาสามารถแฮ็กเครื่องคอนโซลของ PlayStation 4 ได้แล้วโดยในวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา บัญชี Twitter ของ SpecterDev ได้ทวีตวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า เครื่อง PlayStation 4 ของเขากำลังรันโปรแกรมภายนอกอยู่บน firmware รุ่น 9.00 ของเครื่องคอนโซลนั่นเองซึ่งทาง Znullptr หนึ่งในแฮ็กเกอร์ได้ออกมาทวีตยืนยันว่า ช่องโหว่ที่พวกเขาพบนั้นสามารถใช้งานได้จริง นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า ช่องโหว่นี้อาจจะใช้ได้ผลกับเครื่องเกม PlayStation 5 อีกด้วยอันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฮ็กเกอร์สามารถเจาะระบบของเครื่อง PlayStation 4 ได้สำเร็จ เพียงแต่ว่าในการเจาะระบบก่อนหน้านี้ ผู้ที่ต้องการจะทำเช่นนั้นจะต้องรักษา firmware ของตัวเครื่องให้เป็นรุ่นเก่าเอาไว้ดังเดิม ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะอัปเดตตัว firmware ของเครื่องอยู่แล้ว เพื่อรองรับเกมใหม่ ๆ ในอนาคต ดังนั้นการแฮ็กในครั้งก่อน ๆ จึงไม่ค่อยสร้างผลกระทบมากเท่าไรนักกลับกันการแฮ็กในครั้งนี้สามารถทำได้ภายในระยะเวลาไม่นาน เพราะตัว firmware รุ่น 9.00 ถูกปล่อยมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2021 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชัน 9.03 ที่ยังไม่สามารถหาช่องโหว่ได้ ถูกปล่อยให้อัปเดตในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา นั่นจึงหมายความว่า หากใครที่ไม่ได้เปิดเครื่องเกม PlayStation 4 เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ พวกเขาก็จะยังสามารถแฮ็กเครื่องเกม และสามารถลงเกมหรือแอปอะไรก็ได้ตามใจชอบทั้งนี้ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ไม่มีคอนโซลเครื่องไหนที่จะสามารถป้องกันการถูกเจาะระบบไปได้ตลอดกาล และ PlayStation 4 ก็สามารถทำหน้าที่ของมันจนลุล่วงแล้วยุคต่อไปเป็นหน้าที่ของ PlayStation 5 ที่รับช่วงต่อต่างหากที่น่าเป็นห่วง หากช่องโหว่ที่ Znullptr ได้ทวีตเอาไว้เป็นความจริงแหล่งข้อมูล: kotaku
14 Dec 2021
ชาว PC เฮ Google ยัน พร้อมขนเกมจาก Android ลง PC ในปี 2022
Google หนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ได้ประกาศข่าวที่น่าดีใจให้กับชาวเกมเมอร์นั่นคือ การเปิดให้บริการ Google Play Games ที่จะช่วยให้สามารถเล่นเกมข้ามแพลตฟอร์มจากระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถืออย่าง Android ข้ามมาสู่ PC ได้อย่างลื่นไหลดูเหมือนว่า Google จะเริ่มรุกตลาดของชาวเกมเมอร์มากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา  ทั้งระบบการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งที่เรียกว่า Stadia ที่ออกมาได้ตรงจังหวะพอเหมาะพอเจาะกับช่วงการ์ดจอ และเครื่องคอนโซลขาดตลาด แต่ก็ดูท่าว่าจะไปได้ไม่ค่อยสวยเสียเท่าไร เนื่องจากทาง Google ได้ประกาศปิดตัวสตูดิโอที่พัฒนาเกมของตัวเองไปแล้วซึ่งทาง Google ก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาได้วางแผนที่จะนำเกมจากเครื่องมือถือเข้ามาสู่บนเครื่อง PC ในปี 2022 ที่จะถึงนี้ด้านคุณ Greg Hartrell ที่นั่งตำแหน่ง Product director ของเกมบนระบบ Android และ Google Play กล่าวว่า“Google Play Games จะให้ผู้บริโภคมากกว่าเพียงแค่นำเกมจากโทรศัพท์มือถือมาลงคอมพิวเตอร์เท่านั้น มันจะมีกลไกที่ช่วยให้สามารถสลับการเล่นเกมระหว่างมือถือกับคอมพิวเตอร์แบบไร้รอยต่ออยู่ด้วย”ทั้งนี้ทาง Google ยังไม่ได้ออกมายืนยันถึงวันที่จะปล่อยระบบ Google Play Games ให้ทั่วโลกได้ใช้แต่อย่างใด โดยบอกมาคร่าว ๆ เพียงว่า ระบบนี้จะถูกปล่อยในปี 2022 เท่านั้นแหล่งข้อมูล: gamerant
13 Dec 2021
ผลทดสอบชี้ RTX 2060 12 GB ใช้ขุดเหมืองแรงกว่า RTX 3060!!
จากข่าวการกลับมาของการ์ดจอ RTX 2060 ที่จะเพิ่มแรมการ์ดจอไปถึง 12 GB โดยหวังว่าการ์ดจอตัวนี้จะเข้ามาช่วยปัญหาเรื่องการ์ดจอขาดตลาดในปัจจุบันได้แต่ดูเหมือนว่าการ์ดจอที่หวังจะเป็นผู้กอบกู้สถานการณ์กลับกลายไปอีกหนึ่งปัญหาใหม่ไปเสียแล้ว เนื่องจากมีผลทดสอบรายงานว่า ตัวการ์ดจอ RTX 2060 รุ่น 12 GB นี้ มีอัตราขุดเหมืองที่แซงหน้า RTX 3060 ที่ใช้เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมใหม่กว่าไปซะอย่างงั้นเหตุผลมันมาจากตัวการ์ดจอ RTX 3060 สามารถจำกัดความแรงของตัวเองได้ เมื่อมันตรวจเจออัลกอริทึมของการขุดเหมือง กลับกันเจ้าการ์ดจอ RTX 2060 ไม่สามารถตรวจจับการขุดเหมืองได้ จึงทำให้มันยังคงทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาซึ่งผลการทดสอบจากทาง pcmarket’s ได้ออกมาบอกว่า ตัว RTX 2060 รุ่น 12 GB สามารถทำความเร็วไปได้ถึง 31.65 MH/S ส่วนตัว RTX 3060 สามารถทำความเร็วไปได้เพียง 22.17 MH/S เท่านั้น (แต่ก็กินพลังงานน้อยกว่าเช่นกัน)โดยผลกาารทดสอบนี้ เป็นการทดสอบจากเพียงแหล่งเดียว เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปักใจเชื่อเต็มร้อย เราต้องรอการทดสอบจากแหล่งอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เพื่อความแม่นยำของข้อมูลที่มากยิ่งขึ้น ส่วนผลทดสอบในด้านประสิทธิภาพการเล่นเกมนั้น RTX 3060 ยังคงเอาชนะ RTX 2060 ได้อยู่ แม้จะเป็นรุ่น 12 GB ก็ตามที ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสักเท่าไร เพราะตัว RTX 3060 ใช้เทคโนโลยีสถาปัตยกรรมที่ใหม่กว่านั่นเองแหล่งข้อมูล: pcgamer
08 Dec 2021
Alder Lake ก็ฉุดไม่อยู่ Ryzen ยังคงตีตลาดเกมเมอร์อย่างต่อเนื่อง
จากรายงานผลสำรวจการใช้ฮาร์ดแวร์ของ Steam ทาง Valve ได้รายงานว่า AMD ยังคงเป็นผู้ชนะในการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตที่มั่นคง อยู่ที่ 31.53% (+0.69%) สวนทางกับ Intel ที่มีอัตราผู้ใช้งานลดลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แม้ว่าทาง Intel จะปล่อย CPU รุ่นใหม่มาเรียกลูกค้าอย่าง Alder Lake ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไรนัก เพราะทาง Ryzen ยังคงดึงฐานลูกค้าออกจาก Intel ได้อย่างไม่ลดละและถึงแม้คะแนนจาก Benchmarks จะบอกว่าตัว CPU ของ Intel รุ่นที่ 12 สามารถสู้กับ CPU ตัวเรือธงของ AMD ได้อย่างสูสีคู่คี่ แต่ทางผู้บริโภคคงต้องการให้ค่ายสีฟ้านี้พิสูจน์ตัวเองกันอีกสักพักว่าพวกเขาจะทำการพัฒนานวัตกรรมต่อไป ไม่หยุดอยู่กับที่เป็นเสือนอนกินเหมือนที่แล้ว ๆ มา จน AMD สามารถเข้าแย่งส่วนแบ่งตลาดได้นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจอย่าง การ์ดจอยอดนิยม โดยอิงจากภาวะการ์ดจอขาดตลาดในตอนนี้ เราจะเห็นได้ว่าแล็ปท็อปเกมมิ่งเติบโตขึ้นมาก เพราะหาซื้อได้ง่ายกว่าการ์ดจอปกติ โดย RTX 3060 Laptop โตขึ้น 1.75% (+0.39%) ขึ้นเป็นการ์ดจอซีรีส์ 30 ที่มีคนนิยมใช้มากที่สุดส่วนการ์ดจอซีรีส์ 10, 16 และ 20 ยังคงติดในอันดับต้น ๆ แม้จะเริ่มมีอายุมากแล้วก็ตามอ้างอิง: pcgamesnsteam
03 Dec 2021
ชาวแอนดรอยด์เฮ! Snapdragon ตัวใหม่ แรงกว่าเดิม 20% กินไฟน้อยลง 30% พ่วงด้วยเทคโนโลยีเพิ่มเฟรมเรต
บริษัท Qualcomm ได้เปิดตัวชิปเซ็ตใหม่ของ Snapdragon หนึ่งในชิปยอดนิยมของชาวแอนดรอยด์ ในชื่อ Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งเป็นชิปตัวแรกของ Snapdragon ในรูปแบบ SoC (System on Chip) หรือทุกอย่างอยู่ในชิปเดียวนั่นเองด้วยการใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมของ ARM v9 จึงทำให้ทาง Qualcomm เชื่อว่า ชิปตัวใหม่นี้จะแสดงประสิทธิภาพได้มากกว่า Snapdragon 888 ถึง 20% แถมยังกินพลังงานน้อยกว่า 30% อีกด้วยด้านการ์ดจอ Adreno ที่เป็นตัวคู่บุญของ Snapdragon ก็ได้รับการอัปเกรดไปด้วยเช่นกัน ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 30% และประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 25%ชิป Snapdragon 8 Gen 1 มีขนาดเพียง 4 นาโนเมตร มาพร้อมกับ CPU ถึง 8 ตัว ประกอบไปด้วย Cortex-X2 ความเร็ว 3.0 GHz 1 ตัวCortex-A710 ความเร็ว 2.5 GHz 3 ตัวและ Cortex-A510 ความเร็ว 1.8 GHz 4 ตัวแม้ว่าทาง Qualcomm จะยังไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดของการ์ดจอ แต่เชื่อได้ว่าชิปเซ็ตรูปแบบ SoC ตัวนี้จะต้องเป็นหนึ่งในชิปที่มีความแรงอันดับต้น ๆ ของฝั่งแอนดรอยด์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังพ่วงมาด้วยฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องในชื่อ Adreno Frame Motion Engine ซึ่งทาง Qualcomm อ้างว่า ระบบนี้จะช่วยเพิ่มเฟรมเรตเป็นสองเท่าโดยที่ไม่กินพลังงานเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ฟังดูแล้วก็คล้าย ๆ กับเทคโนโลยี Supersampling ที่เรารู้จักกันเลยต้องมาตามดูกันในปี 2022 ว่า ทั้งหมดที่ทาง Qualcomm นำเสนอมานั้นจะใช้ได้จริงมากสักแค่ไหนกันอ้างอิง: pcgamer gsmarena
03 Dec 2021
จีนผลิตการ์ดจอเอง อ้างแรงเท่า RTX 3070!!
บริษัท Innosilicon จากจีนได้แถลงข่าวเปิดตัว GPU ใหม่ในชื่อ Fantasy One ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 รุ่นโดยแบ่งเป็น Type A ที่จะมีการ์ดจอแบบ Single กับ Dualและ Type B ที่จะมีการ์ดจอแบบ Dual เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ Type B น่าสนใจคือ รุ่นหนึ่งจะมีพัดลมสามตัว ส่วนอีกรุ่นจะไม่มีพัดลมอยู่บนตัวการ์ดจอเลย!!ด้านประสิทธิภาพ ทาง Innosilicon ยังไม่ได้ออกมาบอกถึงตัวเลขที่แน่ชัด แต่พวกเขาอ้างว่าตัว Type A แบบ Single จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการ์ดจอ RTX 3070 หรือ RX 6600 XT เมื่อนำไปใช้งานเลยทีเดียวนอกจากนี้ตัวการ์ดจอ Fantasy One Type A ยังมี RAM GDDR6X สูงถึง 16 GB และให้พลังประมวลผลมากถึง 5 Teraflops อีกด้วยนี่ยังไม่ได้พูดถึงตัว Type B ที่จะเป็นการ์ดจอแบบ Dual เท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า ตัวเลขประสิทธิภาพทุกอย่างจะต้องพุ่งสูงไปอย่างน้อยก็ 2 เท่าจาก Type A แถมทางฝั่ง Innosilicon ยังเซอร์ไพรส์ด้วยการบอกว่า ตัว Type B จะมีรุ่นหนึ่งที่ไม่มีพัดลมอยู่บนการ์ดจอเลย งั้นแสดงว่าการ์ดจอตัวนี้มีระบบระบายความร้อนในตัวเองอย่างนั้นเหรอ? นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ และน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมากทั้งนี้ด้านราคาและตัวเลขที่แน่ชัดจากการทดสอบโดยคนทั่วไปยังไม่ออกมาให้เห็น นั่นจึงทำให้เราได้แต่หวังว่า บริษัทจากจีนเจ้านี้จะทำได้จริงตามที่พวกเขาพูดเอาไว้ และก็หวังว่าการ์ดจอที่จีนผลิตได้ในครั้งนี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการ์ดจอขาดตลาดในปัจจุบันได้เสียทีอ้างอิง: pcgamernotebookcheck
02 Dec 2021
RTX 3090 Ti จะมาพร้อมกับแรม GDDR6X แรงถึง 21Gbps
สำหรับรุ่นที่น่าจะเป็นตัวแรงที่สุดสำหรับ RTX 30 Series อย่าง RTX 3090TI คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากจะมีการคัดชิปดีที่สุด เพื่อให้สามารถแสดงประสิทธิภาพดีที่สุดให้กับตัวการ์ด อย่างน้อยในส่วนของแรมล่าสุดมีรายงานว่าการ์ดรุ่นนี้จะใช้ สินค้าจากทาง Micron เป็น GDDR6X รุนแรงรหัส 'MT61K512M32KPA-21U' และจะมี Bandwidth ถึง 21Gbpsนอกเหนือจากความเร็ว การ์ดยังเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ใช้โมดูล 16Gb (2GB) ที่ใช้เทคโนโลยี GDDR6X ด้วยรุ่น Ti ที่กำลังจะถึงนี้ NVIDIA จะสามารถจำกัดจำนวนโมดูลไว้ที่ 12 โมดูล ซึ่งจะทำให้การออกแบบการ์ดง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้แผ่นรองด้านหลังที่มีช่วยในการระบายความร้อน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางบริษัทยังคงใส่แผ่นรองหลังมาช่วยระบายความร้อนอยู่ดี เนื่องจากการ์ดตัวนี้กินไฟดุถึง 450W (มากกว่าโมเดลปกติถึง 100W) ซึ่งน่าจะทำให้เกิดความร้อนสูงในขณะทำงานในส่วนของความแรง VideoCardZ รายงานว่าการ์ดตัวนี้จะมีหัวประมวลผลถึง 10752 CUDA cores และแรมความเร็วสูง เป็นไปได้ที่ RTX 3090TI จะสามารถข้ามแบนด์วิดธ์ 1 TB/s ได้ ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นการ์ดจอใช้งานในบ้าน ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตัวใหม่อย่างแน่นอน Credit : VideoCardZ
30 Nov 2021
RTX 2060 ฉบับ 12GB มีการอัปเกรดแกนประมวลผลด้วย!
ทุกคนรับรู้แล้วว่า Nvidia กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอเก่า RTX 2060 ที่มาในฉบับอัปเกรดเพิ่มแรมเป็น 12 GB ในวันที่ 7 ธันวาคม 2021 นี้ โดยล่าสุดดูเหมือนจะมีเรื่องน่ายินดีสำหรับคนที่เล็งจะซื้อการ์ดจอรุ่นนี้อยู่ เพราะนอกจากแรมแล้ว ดูเหมือนหัวประมวลผลเอง ก็ได้รับการอัปเกรดเช่นเดียวกันจากรายงานของ VideoCardZ ดูเหมือน RTX 2060 รุ่นใหม่นี้จะมีการเพิ่มหัวประมวลผลจากเดิม 1920 CUDA cores เป็น 2176 CUDA cores ส่งผลให้การ์ด RTX 2060 ตัวใหม่นี้แรงเทียบเท่ากับ RTX 2060 Super แต่มีแรมที่มากกว่า และกินไฟมากกว่าเดิมจาก  175W เป็น 184W หากว่ากันตามตรง RTX 2060 Super มีความแรงน้อยกว่า RTX 3060 เพียงแค่ 8% เท่านั้น ซึ่งการมาพร้อมกับแรมที่อัปเกรดขึ้นเป็น 12GB จะช่วยให้ RTX 2060 ใหม่นี้สามารถเล่นเกมเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แต่หวังว่าในตอนที่วางขาย จะมีสินค้าหลุดมาถึงมือของเหล่าเกมเมอร์ที่มากขึ้นครับCredit : VideoCardZ
29 Nov 2021
ลือ! Nvidia จะวางขาย RTX 3050 ช่วงกลางปี 2022 โดยจะแรงกว่า GTX 1660 SUPER
เรียกได้ว่าข่าวลือเก่ายังไม่ได้รับการพิสูจน์ ข่าวลือใหม่ก็มาอีกแล้วสำหรับการ์ดจอรุ่นใหม่จากทาง Nvidia ล่าสุดดูเหมือน RTX 30 Series กำลังจะได้น้องเล็กคนใหม่ RTX 3050 มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว โดยการ์ดรุ่นนี้จะแรงกว่า 1660 Supper และคาดว่าจะวางขายในช่วง Q2 ของปี 2022เอาจริงๆ ต้องบอกว่าข่าวเกี่ยวกับ RTX 3050 ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่เงียบหาบไปนานจนอาจจะลืมกันไปแล้ว อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดน้องเล็กนี้น้อยมาก VideoCardZ ได้ยืนยันว่าจากแหล่งข้อมูลของพวกเขา การ์ดน้องเล็กนี้อาจมาพร้อมกับ Vram 8 GB และในส่วนของกำลังประมวลผลจะเร็วกว่า 1660 Super แต่จะแรงน้อยกว่า RTX 2060 รุ่น 12GB ที่กำลังจะมา โดยคาดว่าจะเป็นรุ่นที่ออกมาเพื่อแข่งขันกับ RX 6500XT ที่มีข่าวลือว่าจะขายช่วงต้นปีหน้าหากนับข่าวลือเกี่ยวกับการ์ดใหม่จากทาง Nvidia ตอนนี้ จะมี 4 รุ่นด้วยกันที่กำลังรอการเปิดตัวอยู่คือ RTX 3050, RTX 3070Ti รุ่น 16GB, RTX 3080 รุ่น 12GB และ RTX 3090Ti ทั้งหมดนี้คาดเดาว่าจะมีการเปิดตัวภายในช่วงกลางปี 2022 ซึ่งนอกจาก Vram ที่เพิ่มขึ้นมาในบางรุ่นแล้ว ในส่วนของความแรงเองก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกันCredit ; VideoCardZ
29 Nov 2021
GALAX เปิดตัว RTX 3060 Metaltop Mini ที่มาในขนาดเล็ก 1 พัดลม
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์ชาว PC ที่กำลังมีแผนจะประกอบเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไซซ์ ITX เครื่องขาว เมื่อล่าสุด Galax ได้ทำการเปิดตัวการจอ RTX 3060 Metaltop Mini ที่มีขนาดเพียงแค่ 1 พัดลม และให้ระบายอากาศออกทางข้างหลังเหมือนกับการ์ดจอโมเดลเก่าๆ สิ่งที่น่าตกใจคือ  RTX 3060 Metaltop Mini นับเป็นการ์ดจอรุ่นแรกที่ใช้การระบายความร้อนแบบ 1 พัดลมในเจน Ampere Series (RTX 30 Series) โดยใช้ชิป GA106-302 GPU หรือรุ่น LHR ในการผลิต เพื่อให้ไม่เป็นเป้าหมายของเหล่านักขุด Crypto แน่นอนว่าไม่ได้มีการลดความแรงของสเปกดั้งเดิมที่เราเห็นใน RTX 3060 ลงเลย เพียงแต่ในส่วนของการระบายความร้อน อาจจำเป็นต้องทดสอบกันอีกทีนอกจาก Galax แล้ว ดูเหมือนทาง IGame จากประเทศจีนเอง ก็กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอ RTX 3060 แบบ 1 พัดลมเช่นเดียวกัน อย่างที่ผมยืนยันไปในช่วงแรกของข่าว ว่าการ์ดจอเล็กๆ แบบนี้เป็นของชอบสำหรับนักประกอบสาย ITX ที่มีพื้นที่ภายในเครื่องจำกัดอย่างแน่นอน ในส่วนของราคาเชื่อว่าจะถูกกว่า RTX 3060 ที่เห็นในตลาดตอนนี้ แต่เท่าไหร่ก็ต้องรอดูกันCredit : VideoCardZ
25 Nov 2021
ประเทศ Sweden ต้องการให้ทวีป Europe แบนการขุด Bitcoin
การขุดเหรียญ Cryptocurrency กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรงในปี 2021 ซึ่งแน่นอนว่า GPU อันเป็นอุปกรณ์สำคัญในการขุด จึงกลายเป็นสิ่งหายากไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันการขุด Bitcoin จำเป็นต้องใช้กำลังไฟฟ้าที่สูง และต่อเนื่อง ส่งผลให้มันส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมทางอ้อมในเวลาเดียวกัน ซึ่งประเทศ Sweden เหมือนจะกังวลถึงปัญหาระยะยาวที่จะตามมาเป็นอย่างมากจากรายงานของ Euronews คุณ Erik Thedéen และคุณ Bjorn Risinger กรรมการของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน และสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่ง ได้แสดงออกถึงความกังวลต่อปัญหาสภาพอากาศที่อาจตามมาหลังจากนี้ ด้วยการขุด Bitcoin ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของคนในประเทศตอนนี้ ได้ส่งผลให้จำเป็นต้องผลิตไฟฟ้าสูงกว่าที่มันควรจะเป็นเทียบเท่ากับ การใช้ไฟในบ้าน 200,000 หลัง โดยหมายถึงการทำงานของโรงงานไฟฟ้าที่ต้องหนักขึ้น และปล่อยมลพิษออกมามากขึ้นในเวลาเดียวกันปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินและสิ่งแวดล้อม กำลังมีการเรียกร้องให้สวีเดนยุติการทำเหมือง Crypto ใหม่ ๆ และห้ามบริษัทใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือลงทุนในทรัพย์สิน Crypto ยังไม่รู้ว่าการเรียกร้องดังกล่าวจะจบลงยังไง แต่หาก Sweden สามารถทำให้ Europe ทั้งทวีปแบนการขุด Bitcoin ได้จริงๆ เรื่องนี้จะส่งในหลายๆ ด้านอย่างแน่นอนCredit : PCGamer
25 Nov 2021
Modder ชาว Russian ที่การเพิ่มแรม RTX 2060 เป็น 12 GB ด้วยตัวเอง!
หลายคนทราบจากข่าวก่อนหน้านี้แล้วว่า Nvidia กำลังวางแผนจะผลิต RTX 2060 รุ่นใหม่ที่มีการอัปเกรด RAM ขึ้นเป็น 12GB ออกมาขายหลังจากนี้ โดยการมีแรมเพิ่มเข้ามาอีกเท่าตัวจะทำให้สามารถเล่นเกมยุคใหม่ได้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันจะดีขึ้นขนาดไหนจากรุ่นต้นฉบับที่มีแรม 6GB แม้ว่าผลการทดสอบอย่างเป็นทางการจะยังไม่ถูกปล่อยออกมา แต่วันนี้ Modder ชาว Russian ได้ทดลองเพิ่มแรมเข้าไปเป็น 12GB ให้เราได้ดูประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นกันก่อนแล้วVIK-on คือ Modder ที่เคยทำการทดลองเพิ่มแรมเข้าไปใน GPU หลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าการอัปเกรดแรมของ GPU ด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันทั่วไปเนื่องจากมีเรื่อง ข้อมูลของความเข้ากันได้ของชิป IC ไม่ได้ประกาศอยู่ทั่วไป และ GPU แต่ละตัวก็รองรับชิปพวกนี้ไม่เหมือกัน มันจึงเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยหากจะอัปเกรด RAM ของ GPU ดวยตัวเอง อย่างไรก็ตามมันก็เกิดขึ้นแล้วสำหรับ RTX 2060 ของ Asusจากผลทดสอบในวิดีโอจะ VIK-on เปิดเผยว่าการมี Ram เพิ่มนี้ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของการ์ดจอดีขึ้น หรือขุดเหรียญ Cryptocurrency ได้ดีขึ้น แต่สำหรับการเล่นเกมจะแตกต่างออกไปเนื่องจากสามารถใช้ VRam ที่เพิ่มขึ้นมาในการช่วยจัดเก็บข้อมูลได้ เนื่องจากเอาจริงความแรงของหัวประมวลผล 2060 ถือว่าเอาเกมยุคใหม่แบบตั้งค่า High ไหว แต่มักไปตายเพราะมี Vram ไม่เพียงพอจนทำให้ตั้งค่าสูงๆ ไม่ได้ การมี Vram เพิ่มมาอีก 1 เท่าจึงเป็นอะไรที่น่าจะดีกว่าสำหรับเกมเมอร์ ปัญหา Vram ไม่เพียงพอ เริ่มถูกพบเห็นบ่อยมากยิ่งขึ้นในปี 2021 เมื่อวงการเกมได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่กราฟิกถูกอัปเกรดไปอีก 1 ขั้น และมีความต้องการของ Vram ใน GPU ที่มากขึ้นตามไปด้วย หลายคนอาจไม่สามารถเล่นเกม AAA ยุคใหม่บางเกมได้เนื่องจากมี Vram ที่น้อยเกินไป แม้ว่าจะตั้งค่าภาพภายในเกมเป็น Low แล้วก็ตาม การมาของการ์ดจอรุ่นราคาเริ่มต้น แต่มี Vram ถึง 12 GB จึงเป็นเรื่องน่ายินดีCredit : Tom's Hardware
24 Nov 2021
หนึ่งปีหลังเปิดตัวปัจจุบันการ์ดจอมีราคาอยู่ 190% ในยุโรป
วนกลับมาถึงปลายปีกันอีกครั้ง และหมายถึงการวนครบรอบ 1 ปีแล้วหลังจากการ์ดจอรุ่นใหม่อย่าง RTX 30 Series และ Radeon RX 6000 Series วางขายครั้งแรก ราคาในช่วง 1 ปีที่ผ่านเรียกได้ว่าแกว่งไปมาพอสมควร แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือในช่วงปลายปีนี้คงไม่ต่างจากปลายปีก่อนที่การ์ดจอเป็นของหายาก และหามาครอบครองในราคาปกติไม่ได้ ราคาการ์ดจอในยุโรปจาก 3DCenter เจ้าเดิม ปัจจุบันราคาการ์ดจอในเยอรมัน และออสเตรียไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 190 - 195% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าการ์ดจอจากทั้งค่ายเขียว และแดงเหมือนจะมีราคาถูกลงเรื่อยในช่วงเดือน 4 ที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นก็เป็นการไต่ระดับแพงขึ้นอย่างช้าๆ มาตลอด จนปัจจุบันของค่ายแดงใกล้กลับไปจุดที่เคยแพงที่สุดอีกครั้งแล้ว ในขณะที่ค่ายเขียวยังอีกห่างไกลกว่าจะกลับไปแตะราคาแพงสุดในจุดต้องยอมรับแล้วว่าหากจะหาซื้อการ์ดจอมาเพื่อเล่นเกม สามารถทำได้ 2 วิธีคือซื้อตอนนี้เลยในราคาที่แพงมาก หรือยอมรอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการรอในที่นี้หมายถึงอีก 6 - 12 เดือนเป็นอย่างน้อย และหากเลวร้ายจริงๆ ก็อาจต้องรอนานยิ่งกว่านั้นอีกครับ สำหรับราคาการ์ดจอในบ้านเราเช็กช่วงบ่ายวันนี้ในตลาดมือ 2 ถ้าหากมีเงินอยู่ 20,000 บาทจะสามารถซื้อได้แค่ 1660 Super เท่านั้น แม้ว่าเงินดังกล่าวจะเพียงพอในการซื้อ RTX 3070 ในราคาเปิดตัวก็ตามCredit : VideoCardZ
23 Nov 2021
สภาวะชิปขาดแคลนทำ IPhone 13 มือ 2 ราคาตกน้อยกว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 50%
ถ้าหากจะมีเรื่องดีๆ สักเรื่องในสภาวะชิปขาดแคลนตลาดอย่างตอนนี้ คงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งาน iPhone 13 ที่ตอนนี้มีค่าเสื่อมสภาพน้อยกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ ถึง 50% หลังจากใช้งานไป 1 ถึง 2 เดือนแล้ว วิจัยโดย SellCell พบว่าราคาของเครื่องทั้ง 4 รุ่นตกลงเฉลี่ย 25.5% เท่านั้นหลังผ่านไป 2 เดือน ในขณะที่รุ่นก่อนหน้าจะตกถึง 50% อย่างรวดเร็วดูได้ในแผนภูมิด้านล่างคำถามคือเรื่องนี้ทำไมถึงเกิดขึ้นกับ iPhone 13 เท่านั้น? SellCell เชื่อว่าในสภาวะที่ชิปขาดตลาดอยู่เช่นนี้ ทำให้สินค้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าสามารถรักษาราคาของตัวมันเองไว้ได้ดีกว่าในสภาวะปกติ หรือบางครั้งอาจมีราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคาการ์ดจอที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน Tim Cook ผู้เป็น CEO ของ Apple ได้ยืนยันว่าบริษัทพยายามที่จะผลิตสินค้าให้ออกมาเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากในสภาวะเช่นนี้สำหรับสภาวะขาดแคลนชิปในการผลิตนี้ เชื่อว่าจะต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และหากเลวร้ายมากๆ ก็อาจต่อเนื่องยาว 7 - 8 ปี ซึ่งเชื่อว่า iPhone รุ่นอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาหลังจากนี้เองก็น่าจะมีสภาพไม่ต่างกัน โดยรวมแล้วถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์ของ Apple  ครับCredit : Wccftech
23 Nov 2021
หลุดข้อมูลการ์ดจอรุ่นเริ่มต้นของ Intel แรงประมาณ 1650 Super และน่าจะมีราคาถูกกว่า $200
ARC Alchemist Gaming Graphics เป็นการ์ดจอสำหรับเล่นเกมน้องใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในตอนนี้ ซึ่งล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่า นอกจากรุ่นแรงที่เทียบเท่ากับ RTX 3070 แล้ว Intel มีแผนจะผลิตรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาถูกกว่าออกมาขายด้วย โดยล่าสุดมีข้อมูลอีกชุดเดียวกับสเปคของการ์ดจอน้องเล็กหลุดออกมาMoore's Law Is Dead คนเดิมที่เป็นต้นต่อของข่าวลือของ ARC Alchemist ทั้งหมดได้ปล่อยวิดีโอใหม่ กล่าวถึงโครงสร้างของ GPU รุ่นเล็กที่อาจเป็นตัวเลือกดีสำหรับคอมราคาเริ่มต้น โดยสำหรับการ์ดจอรุ่นแรกนี้จะมาพร้อม SKU with 1024 cores in 8 Xe cores, มี bus 96-bit พร้อมกับแรมสูงสุด GDDR6 อีก 6 GB และมีความแรงอยู่ที่ 2.2 - 2.5 GHz ชิปผลิตโดย TSMC โดยเข้าง่ายๆ ได้ว่าน่าจะแรงกว่า GTX 1650 Superในส่วนของราคาถือว่าน่าตกใจที่สุด Moore's Law Is Dead คาดเดาว่าการ์ดจอรุ่นเล็กจะเปิดตัวในราคา $179 ซึ่งจะถือว่าถูกมาก และน่าจะกลายเป็นตัวเลือกการ์ดจอดีที่สุด สำหรับคนที่ต้องการประกอบ PC เล่นเกมในราคาไม่แพง เบื่องต้นเชื่อว่าสินค้าน่าจะออกในช่วง Q2 ของปี 2022 สเปคจริงๆ เป็นยังไงต้องรอติดตามชมCredit : wccftech
22 Nov 2021
i5-12400 ทำคะแนนตีคู่ Ryzen 5 5600X ในผลทดสอบกับโปรแกรม Adobe Premiere
ตลาด CPU เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงร้อนระอุเลยทีเดียวหลังการวางขายของ Alder Lake ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งในเรื่องของความแรงรุ่นเรือธงคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีอดีตผู้นำจริงๆ ซึ่งสำหรับรุ่นราคาเริ่มต้นอย่าง Core i5-12400 ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน แม้ว่า CPU รุ่นดังกล่าวยังไม่ถูกเอาออกมาวางขาย แต่ผลทดสอบที่หลุดออกมาวันนี้ได้บอกเราว่ามันแรงเทียบเท่ากับ Ryzen 5 5600X เลยทีเดียวผู้ใช้งานเว็บไซต์ Bilibili คนหนึ่งได้แชร์ผลทดสอบ i5-12400 กับ Ryzen 5 5600X บน PugetBench Benchmark กับโปรแกรม Adobe Premiere ซึ่งหากรวมข่าวลือทั้งหมดเข้าด้วยกัน i5-2400 เป็น CPU แบบ 6 Core ที่มีความแรงอยู่ที่ 2.5 - 4.4 GHz มี L3 cache อยู่ที่ 18MB และกินไฟประมาณ 65W ถือว่าแตกต่างพอสมควรกับ Ryzen 5 5600X ที่มี 6 Core แรง 3.7 - 4.6 GHz มี L3 cache อยู่ที่ 32MB กินไฟประมาณ 65W แต่คะแนนทดสอบสุดท้ายของทั้ง CPU ทั้งสองตัวกลับต่างกันไม่มากจากผลทดสอบของ Tom's Hardware ผลทดสอบระหว่าง Alder Lake และ Ryzen 5000 ไม่แตกต่างกันมากนักบนโปรแกรม Adobe Premiere ไม่ว่าจะบน Windows 10 หรือ Windows 11 อย่างไรก็ตามมันเป็นคนละเรื่องกันสำหรับ CPU รุ่นที่ไม่ใช่รหัส K แล้วจะแรงได้เกือบเท่ากับรุ่นรหัส X จริงๆ อยู่ว่า CPU ทั้ง 2 ตัวอาจกล่าวได้ว่ามาจากคนละเจเนอเรชั่นกัน แต่ความแรงของ i5-12400 ก็เป็นอะไรที่น่าชมไม่เปลี่ยนแปลงCredit : Tom's Hardware
18 Nov 2021
Gigabyte ยืนยัน RTX 2060 ฉบับ RAM 12 GB มาจริง คาดเริ่มขายต้นปี 2022
หลังจากมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ได้ไม่นานว่า Nvidia เตรียมอัปเกรด Ram ให้กับการ์ดจอ 3 รุ่น ในการวางขายครั้งต่อไป RTX 2060, 3070Ti และ 3080 ล่าสุดมีการยืนยันจากหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายการ์ดจอฉบับ Custom อย่าง Gigabyte แล้วว่า RTX 2060 รุ่น Ram 12 GB มีอยู่จริง จากเว็บไซต์ Eurasian Economic Commission ดูเหมือนทางบริษัทมีแผนจะวางขายการ์ดจอรุ่นอัปเกรดนี้ 4 โมเดลด้วยกันRTX 2060 ฉบับอัปเกรดนี้จะมาพร้อมกับ RAM ที่มากขึ้น Tom's Hardware เชื่อว่า การออก RTX 2060 รุ่นที่มี RAM เยอะออกมา จะไม่ตกเป็นเป้าหมายของนักขุด ช่วยบรรเทาการขาดแคลน GPU โดยใช้เงินน้อยที่สุด การมี Ram เพิ่มมากขึ้นหมายถึงการสามารถเล่นเกมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น พอรวมกับผลสำรวจ Steam survey ที่บอกว่าตอนนี้เกมเมอร์ PC ส่วนใหญ่นิยมใช้กันอยู่ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่ที่เลือก RTX 2060 มาเป็นรุ่นอัปเกรดแทนที่จะเป็นรุ่นที่แรงกว่านี้อีกเล็กน้อยTom's Hardware เชื่อว่าการ์ดจอรุ่นอัปเกรดนี้จะวางขายในช่วงเดือน มกราคม 2022 แต่ในเมื่อวันที่ดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดา จึงยังต้องรอดูกันต่อไปว่าจะขายจริงเมื่อไหร่ แม้ว่าอาจไม่ใช่ข่าวดีที่สุด แต่ก็น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับเพื่อนๆ บางคนที่การ์ดจอเริ่มไม่ไหวแล้วในปัจจุบันครับCredit : VideoCardZ
17 Nov 2021
ลุ้นรับ RTX 3070Ti/3080Ti ลาย Resident Evil เพียงเข้าร่วมมินิเกมกับ Zotac
การ์ดจอฉบับลายพิเศษเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีโอกาสเห็นบ่อยนัก ยิ่งเป็นรายละที่มาจากการ Cross-Over กับเกมแล้วยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ และแฟน Resident Evil ชาว PC จะต้องดีใจ เมื่อล่าสุดทาง Zotac ได้เปิดตัวการ์ดจอ RTX 3070TI/3080Ti ฉบับพิเศษ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ที่มาในลายสีแดงสวยงาม แต่พิเศษยิ่งกว่าคือมันจะถูกแจกฟรีให้กับผู้โชคดีด้วยนอกจากการ์ดจอสุดพิเศษทั้งสองตัวแล้วยังมีสินค้าเป็น PC ทั้งเครื่องเล่นอีก 1 ชุดที่มาในธีม Resident Evil: Welcome to Raccoon City เช่นกัน การเข้าร่วมไม่ใช่เรื่องยากเพียงถ่าย QR Code ข้างล่างนี้ ตอบคำถามเล็กน้อยบน Facebook หรือ Google ก่อนเริ่มเกม จากนั้นเล่นเกมแก้ Puzzle ให้ได้ตามเวลาที่กำหนด ก่อนจะใส่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อลุ้นให้สินค้าส่งมายังบ้าน รายชื่อผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจะถูกประกาศในวันที่ 22 ธันวาคม 2021 ผ่าน Social Media ของ Zotac (กิจกรรมเข้าร่วมได้ก่อน 17 ธันวาคม 2021 นะ)โอกาสที่จะได้รับการ์ดจอซึ่งเป็นของหายากแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ และยิ่งรุ่นที่แจกเป็นโมเดลแรงอย่าง 3070Ti/3080Ti ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดจริงๆ สำหรับเครื่อง PC ลายพิเศษเองก็มาพร้อมกับ CPU ระดับ i7 และการ์ดจอ RTX 3070 เช่นกัน สำหรับคนที่ไม่มี PC ก็ต้องบอกเลยว่าลุ้นรับไปแบบทั้งเครื่องกันได้!Credit : VideoCardZ
15 Nov 2021
หลุดภาพโครงสร้างของ Zen 4 Dense ที่ทำให้ CPU ของ AMD มีได้ถึง 16 Cores
intel เปิดตัว CPU รุ่นใหม่ในโครงสร้างแบบผสมที่มี Cores ใหญ่ / เล็ก ในการช่วยกันทำงาน และมีจำนวน Cores รวมกันมากถึง 16 Core ใน CPU หนึ่งตัว จากผลทดสอบที่หลุดออกมามากมาย ไม่ต้องสงสัยแล้วว่า Alder Lake คือ CPU ที่แรงมากจริงๆ คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัยคือ 'แล้ว AMD จะตอบโต้ยังไงในการแข่งขันครั้งนี้' คำตอบเหมือนจะง่ายกว่าที่เราคิด นั้นก็คือการทำให้ CPU มีจำนวน Cores รวม 16 เหมือนกันก็สิ้นเรื่อง!แม้จะฟังดูเหมือนง่าย แต่ในการทำจริงมันไม่ง่ายเลย ซึ่งจากรายงานของ Moore’s Law is Dead นักปล่อยข่าวลือที่โชว์รูปภาพของ Intel ARC ออกมาก่อนหน้านี้ ได้เผยให้เราเห็นว่า Zen4 จะมีการลดขนาดของ Cache รวมถึงลด Frequency ต่อพลังงาน ซึ่งจะส่งผลให้ตัว Cache มีขนาดที่เล็กลง แต่กลับกันจะทำให้สามารถใส่ Core ถึง 16 ตัวเข้าไปใน CPU ได้แทนที่จะออกแบบสถาปัตยกรรมขึ้นมาใหม่เลย AMD ได้เลือกใช้การ Redesign สถาปัตยกรรมที่มีอยู่แล้วให้ตอบโจทย์ต่อเป้าหมายที่อยากได้ ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการประหยัดเวลา และเงินทุนมากกว่าด้วย ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีความหมายว่าเราอาจได้เห็นการเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ AMD เร็วๆ นี้นั้นเอง อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือโดย Youtuber ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น โครงสร้าง Zen4 ของจริงอาจแตกต่างออกไปก็ได้ ยังไงต้องรอยืนยันจากทาง Official อีกครั้งครับ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/dE9N95uSqHA' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : VideoCardZ
04 Nov 2021
หลุดผลทดสอบบน Cinebench ของ i9-12900K, i7-12700K และ i5-12600K
พร้อมส่งให้ในบ้านเราวันพรุ่งนี้แล้วสำหรับ CPU รุ่นใหม่จาก Intel Alder Lake ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ชมผลทดสอบที่หลุดออกมา รวมถึงคะแนน และราคากันไปหมดแล้ว แต่สำหรับคนที่กำลังจะเลือกสิ่งดีที่สุดให้กับ PC ของตัวเอง ยิ่งมีผลทดสอบให้เปรียบเทียบมากเท่าไหร่ก็นับยิ่งเป็นเรื่องดี ซึ่งก่อนที่สินค้าจะไปถึงมือเพื่อนๆ กันในวันพรุ่งนี้ ก็มีผลทดสอบบน Cinebench หลุดออกมาอีก 1 ตัวพิเศษกว่าครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีแต่ตัวเลขคะแนนให้ดู ผลการทดสอบครั้งนี้มีการโชว์ความร้อนของ CPU ที่ใช่งาน Heat Sink แบบลมตัวใหญ่ Dark Rock Pro 4 จากทาง Bequiet โชว์ให้เห็นด้วย ซึ่งการทดสอบเป็นแบบปลดล็อกพลังงานเต็มที่เพื่อให้ CPU กินไฟมากที่สุด และทำงานได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยอุณหภูมิเรียกได้ว่าขึ้นเร็วมากจริงๆ เพียงแค่ 1 วินาทีหลังกดเริ่มทดสอบก็วิ่งไปแตะที่ 100 องศาเลย ชนกับ Tjunction เลยทีเดียวในส่วนของคะแนนถือได้ว่าแรงสมคำคุยจริง I9 สามารถทำคะแนนได้สูงสุดถึง 27000 แต้ม ที่การปลดล็อกพลังงานแบบเต็มพิกัด ส่วน i7 ทำคะแนนได้ 22000 แต้ม ซึ่งก็ยังถือว่าสูงมาก ปิดท้ายด้วย i5 ที่ไม่น้อยหน้าได้ 17000 คะแนนไป ในส่วนของการทดสอบ i9 ยังมีการปรับโครงสร้างพลังงานที่แตกต่างกันอื่นๆ ให้รับชมด้วย สามารถดูได้ที่ภาพข้างล่าง (ขอบคุณ VIdeoCardZ)
04 Nov 2021
intel Alder Lake หลุดสเปค และราคาครั้งสุดท้ายก่อนวางขายจริงพรุ่งนี้!
หลุดกันจนวินาทีสุดท้ายเลยจริงๆ สำหรับประสิทธิภาพ และราคาของ intel Alder Lake ซีพียูว่าที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากที่สุดตัวใหม่ โดยแม้ว่าการโชว์ประสิทธิภาพจริงๆ ของชิปโดยเหล่า Youtuber น่าจะมาในวันพรุ่งนี้ แต่วันนี้มีสเปคเปรียบเทียบคร่าวๆ ให้เราได้ดูก่อนแล้ว เรือหลัก12900K เอาชนะตัวท็อปค่ายแดงไปหลายเกมเลยแม้ว่าการวัดผลในการเล่นเกมเป็นอะไรที่มีปัจจัยหลายอย่างมาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แต่รูปภาพจาก VideoCardZ ได้เผยให้เห็นแล้วว่า Alder Lake ใหม่นี้แรงสมคำคุยของ intel อย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีบางเกมที่แพ้ในเรื่องของ FPS อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่ถูกโชว์ในรูปภาพก็ชนะอยู่หลายเกมเช่นเดียวกันในส่วนของราคารุ่นเริ่มต้นที่ขายก่อนนี้จะเป็นรหัส K ที่เป็นตัวแรงสุดก่อน มีราคาเริ่มต้นที่ $264 สำหรับ 12600KF จากนั้นจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ต่างกันประมาณ $100 - $150 สำหรับรุ่นต่างระดับกัน แต่ต่างกันประมาณ $30 เท่านั้นสำหรับรหัส K และ KF เพื่อนๆ คนไหนสนใจก็รอติดตามราคาในไทยกันอีกทีได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าห่างกันมากเท่าไหร่นักCredit : VideocardZ
03 Nov 2021
GPU ราคากลับแตะ 200% ใน EU คาดขึ้นตามเหรียญ BTC
ราคาเหรียญ Bitcoin เพิ่มตัวสูงขึ้นถึงหลัก 2,000,000 บาทแล้วในอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งการขึ้นราคาของเหรียญในครั้งนี้ดูเหมือนจะส่งผลให้ตลาดการ์ดจอในยุโรปที่มีแนวโน้มว่าจะมีราคาที่ลดลงเรื่อยๆ ในช่วง 3 เดือนก่อน มีราคาถีบตัวขึ้นสูงอีกครั้ง และในวันที่ 31 ตุลาคม 2021 ทางฝั่ง AMD ก็กลับไปถึงจุด 200% แล้ว ในขณะที่ Nvidia ยังอยู่ที่ 188%สาเหตุหลักที่ราคาการ์ดฝั่ง AMD ขึ้นเร็วกว่า เป็นเพราะไม่มีการลดแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และทำลายสถิติเดิม 214% ในอีก 1 - 2 อาทิตย์หลังจากนี้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลจากประเทศของเรามาก แต่การขึ้นราคาของการ์ดจอในยุโรปอาจส่งผลต่อราคาของการ์ดจอทั่วโลก รวมถึงบ้านเราด้วยในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับชาวเกมเมอร์ที่กำลังมองหาการ์ดจอใหม่ครับสำหรับการลงของราคาการ์ดจอในช่วงนี้เกิดขึ้นได้ 2 วิธีคือราคาเหรียญ BTC มีราคาตกลง หรือการ์ดจอมีเพียงพอต่อความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตามในประเด็นแรกเชื่อว่าเลิกหวังได้เลยเพราะราคาเหรียญคงไม่ยอมลงมาง่ายๆ ส่วนการที่การ์ดจอจะกลับมาเพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้ก็คงเป็นเรื่องในอีก 6 - 12 เดือนข้างหน้า ยังไงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับใครที่มีแผนจะซื้อการ์ดจอในช่วงนี้ แนะนำว่าให้รีบซื้อเลย เพราะราคาน่าจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ใครรอได้ก็แนะนำให้รอครับCredit : Tom's Hardware
02 Nov 2021
RTX 3070 Ti, RTX 3080 อาจวางขายรุ่น Refresh ที่อัปเกรดแรมมากขึ้นในช่วง 3 เดือนนี้!
คิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเกมเมอร์หลายๆ คน เมื่อมีข่าวลือว่า Nvidia เตรียมผลิตการ์ดจอ 3 รุ่น 2060 3070Ti และ 3080 ชุด Refresh ที่เพิ่มความจุของแรมให้มากขึ้นให้เพียงพอต่อการใช้งาน และไม่น้อยหน้าการ์ดจอรุ่นอื่นๆ ที่มีในตลาด พร้อมทั้งสามารถเล่นเกมในยุคปัจจุบันซึ่งมีการใช้แรมของการ์ดจอมากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 2060 มีกำหนดจะมาในช่วงต้นเดือน ธันวาคม นี้ ส่วนรหัส 30 จะมาช่วงต้นปีหน้า@hongxing2020 ผู้ปล่อยข่าวเชื่อว่า 2060 ใหม่จะมาพร้อมความจุแรม 12GB ส่วน 3070Ti จะให้เยอะถึง 16GB ในสินค้าชุดใหม่ สำหรับ 3080 จะเพิ่มจากเดิมอีกเล็กน้อยเป็น 12GB เทียบเท่ากับพี่ใหญ่ 3080Ti เอาจริงๆ เป็นเรื่องแปลกที่ Nvidia ตัดสินใจจะปล่อยสินค้าเวอร์ชันอัปเกรดจากปี 2019 ออกมาในช่วงปลายปี 2021 แต่เมื่อมองไปที่สถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน มันอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยคงไม่พ้นเรื่องการลดแรงขุด ส่วนตัวผู้เขียนเชื่อว่ารุ่นใหม่เองก็จะลดแรงขุดไม่ต่างจากหลายๆ รุ่นที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ แต่ประเด็นสำคัญจริงๆ คงเป็นเรื่องว่าจะมีของขายในตลาดรึเปล่า? มากกว่า เนื่องจากความต้องการการ์ดจอในตลาดประเทศไทยเรียกได้ว่าสูงมากจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีพ่อค้าทำการซื้อการ์ดบางส่วนไปเก็งกําไร ยังไงต้องรอดูกันต่อไป11.1 update:1. 2060 12G —12/7 on-shelf。2.3070Ti 16G、3080/12G —12/17 PPT發佈, 2022/1/11 正式開賣。— hongxing2020 (@hongxing2020) November 1, 2021 Credit : Tom's Hardware
02 Nov 2021
Intel Arc Alchemist เผยโฉมการ์ดในแบบ 1 กับ 2 พัดลม
แม้ว่าจะยังไม่มีการหยิบสินค้าออกมาโชว์เองโดย intel แต่ Youtuber ที่ใช้ชื่อว่า Moore’s Law Is Dead เหมือนจะเป็นคนวงในที่มีโอกาสได้ถ่ายรูปของการ์ดจอตัวใหม่ Intel Arc Alchemist ออกมาให้เราได้ดูก่อนแล้ว! ซึ่งดีไซน์จะมีหลักๆ 2 แบบ คือรุ่น 1 พัดลม และรุ่นสองพัดลมสิ่งแรกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนกับการ์ดจอที่มีในตลาดตอนนี้คือดีไซน์ของแผ่น PCB ที่ยืนยันได้ว่าเป็นการออกแบบโดยใช้ DG2-512EU เป็นฐาน สำหรับการกินไฟในรุ่น 2 พัดลมจะใช้แบบ 8-pin และ 6-pin อย่างละหนึ่งตัว ยังไม่รู้ว่ารองรับการจ่ายไฟแบบ PCIe 5.0 ด้วยรึเปล่า แต่จากข่าวลือก่อนหน้านี้เหมือนการ์ดตัวนี้จะแรงเท่ากับ RTX 3070 และไม่ลดลงแรงขุดโมเดลต่อมาที่ถูกโชว์เป็นรุ่นเล็กแบบ 1 พัดลมที่ไม่จำเป็นต้องต่อไฟเลี่ยงเพิ่มเหมือนรุ่นบน แต่ก็เป็นเพียงแค่ภาพ Render เท่านั้น ไม่ใช่ภาพถ่ายจากสินค้าตัวจริงเหมือนรูปด้านบน อย่างไรก็ตามด้วยความที่รูปภาพของเขามีความถูกต้องมาแล้วครั้งหนึ่งก็เป็นไปได้สูงที่การ์ดรุ่นนี้เองก็จะมีโมเดลตามรูปข้างล่างจริงๆ เมื่อวางขายเช่นกัน สำหรับประสิทธิภาพเมื่อไม่ต้องต่อไฟเลี่ยงก็หมายความว่าใช้ไฟประมาณ 75W ซึ่งคงไม่ต้องคาดหวังว่าจะแรงเท่ากับ RTX 30 Series แต่ก็น่าจะเทียบเท่ากับ GTX ได้อยู่ต้องรอดูกันไปIntel Arc Alchemist มีแผนจะวางขายในช่วง Q1 ของปี 2022 ดังนั้นอีกไม่นานเกินรอก่อนเราจะได้รู้จักกับเจ้าการ์ดจอน้องใหม่นี้มากขึ้น ส่วนว่าจะแรงได้เท่ากับที่ Intel หวังไว้รึเปล่าก็ต้องรอดูพร้อมๆ กันCredit : VideoCardZ
01 Nov 2021
i9-12900K สามารถ Overclocked ได้ถึง 5.2 GHz ทำคะแนน Multi เท่า R9 5950X
หลังจากเผยวันวางขายอย่างเป็นทางการ ผลทดสอบที่เป็นตัวเลขจริงๆ ก็เริ่มออกมาให้เราได้เห็นกันแล้วสำหรับ Alder Lake จากทาง Intel โดยล่าสุดมีผู้ใช้งานรายหนึ่งได้แชร์ผลทดสอบจากหน้า CPU-Z ของ i9-12900K ที่ทำการ Overclocked ไปถึง 5.2 GHz ออกมาให้ชม ซึ่งคะแนน Multi-Thread เท่ากับ R9 5950X ที่แรงสุดจากทาง AMD ในตอนนี้เลยแม้จะมีคะแนน Multi ที่เท่ากันแต่ในส่วนของ Single Thread เรียกได้ว่าเอาชนะ R9 5950X ไปไกลเลยทีเดียว (851 กับ 648 แต้ม) อย่างไรก็ตามการ Overclocked ไม่ใช่เรื่องทั่วๆ ไปเลยสำหรับ Alder Lake เนื่องจาก CPU มีหัวการประมวลผลแบบผสม การจะเพิ่มความแรงให้กับ Golden Cove Cores ที่เป็นหัวประมวลผลหลัก พร้อมกับทำให้ Gracemont cores คงความเร็วในระดับ Stock Speeds เป็นอะไรที่ต้องใช้ฝีมือพอสมควรอย่างไรก็ตามแม้ว่าการ OC ไปจนถึง 5.2 GHz จะเป็นอะไรที่น่าตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ Alder Lake กินไฟถึง 330W ด้วย ซึ่งเป็นปริมาณพลังงานที่เยอะมากๆ สำหรับ CPU (กินเท่ากับการ์ดจอรุนแรงๆ เลยทีเดียว) ซึ่งหมายถึงความร้อนมหาศาลที่เกิดขึ้นด้วย ดังนั้นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควรในการ OC ไปให้ถึงจุดดังกล่าวครับCredit : Tom's Hardware
21 Oct 2021
มีคนลง Windows 11 บน Intel Pentium 4 ได้ในขณะที่รุ่นใหม่กว่าหลายตัวทำไม่ได้!
กลายเป็นเรื่องงงในงง เมื่อผู้ใช้งาน Twitter คนหนึ่ง @Carlos_SM1995 สามารถลง Windows 11 บนเครื่องที่ใช้ CPU Intel Pentium 4 ได้ ในขณะที่หากว่ากันตามคำแนะนำของ Microsoft แล้ว CPU ที่เก่ากว่า intel Core i Gen 8 ได้ ต่อให้เป็น Pentium ก็ต้องเป็นรุ่น Gold หรือตั้งแต่ที่ผลิตปี 2017 เป็นต้นไป ไม่น่าจะเอา CPU จากยุค 2010 มาใช้งานได้ที่น่าตกใจคือ Windows 11 สามารถทำงาน เล่นเน็ต รวมถึงใช้งาน Microsoft Store ได้เหมือนเป็นเรื่องปกติเลย แล้วเชื่อหรือไม่ว่าผู้ใช้งานคนนี้ยังทำใหั Winodws สามารถอัปเดตตัวเองได้ด้วย! ทั้งที่ Microsoft เคยออกมาบอกว่า Windows 11 สามารถเอาไปลงให้กับเครื่องที่ Hardware ไม่รองรับได้ แต่จะไม่สามารถอัปเดตได้! (ดูได้ตอนกด PC health Check ตรงกล่อง Update จะขึ้นว่า Last Update Checked คือ ศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2021 ที่ผ่านมา)เบื้องหลังความสำเร็จดูเหมือนผู้ใช้งานท่านนี้จะปิดการทำงาน หรือลบ features บางตัวออกเพื่อให้มันใช้งานกับ Intel Pentium 4 ได้ ซึ่งผู้เขียนเองไม่ได้มีความรู้มากมายนักในเรื่องนี้ จึงตอบให้ไม่ได้ว่ามันจะส่งผลต่อการทำงานของ Windows 11 ยังไงบ้าง แต่มันก็เป็นความจริงๆ เช่นกันว่า การเอา features บางอย่างออก ได้ทำให้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ ใช้งานกับ Hardware เก่าๆ ได้Credit : Wccftech
20 Oct 2021
Intel ประกาศเปิดให้สั่งจอง Alder Lake ได้ 27 ตุลานี้ ขายจริง 4 พฤศจิกายน
ประกาศอย่างเป็นทางการเสียที่หลังจากปล่อยให้ลุ้นอยู่นาน Intel Alder Lake หรือ Core i Gen 12 จะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้วันที่ 27 ตุลาคม 2021 นี้ และมีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021พร้อมกับการวางขาย CPU ตัวรุ่นใหม่ Motherboard รุ่น Z690 มีกำหนดจำวางขายในวันเดียวกัน ซึ่งสินค้าชุดแรกที่วางขายก่อน จะเป็นรุ่นรหัส K และ KF ของเรือหลัก 3 รำได้แก่ i9-12900, i7-12700 กับ i5-12600 โชว์ประสิทธิภาพจะเริ่มปล่อยได้ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021ข่าวในครั้งนี้ตรงกับข่าวลือที่เคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ว่าสินค้าจะวางขายในช่วงต้นเดือน พฤศจิกายน 2021 จากผลทดสอบที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ Alder Lake อาจจะเป็น CPU สำหรับเล่นเกมดีที่สุดสำหรับเจนต่อไป ยังไงต้องรอดูผลทดสอบกันอีกครั้งเดือนหน้าCredit : VideocardZ
19 Oct 2021
Alder Lake อาจใช้เล่นเกมเก่าๆ ไม่ได้ เนื่องจากมีโครงสร้างที่ทันสมัยเกินไป
CPU ตัวใหม่ของ Intel ที่กำลังจะเปิดตัวปลายเดือนนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามอง ในแง่คะแนน Single Thread ที่ทำได้มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็น CPU ซึ่งเหมาะสำหรับเล่นเกมตัวใหม่ อย่างไรก็ตามในขณะที่โครงสร้างใหม่ของ Alder Lake ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มันก็อาจทำให้ CPU ตัวนี้ใช้เล่นเกมเก่าๆ ไม่ได้ด้วยIntel ได้ปล่อย Developer Guide ใหม่ที่พูดถึงโครงสร้าง และความสามารถของ Alder Lake ออกมา ซึ่งมีอยู่จุดหนึ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับการเล่นเกม เนื่องจาก Alder Lake มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบผสมที่มีทั้ง Core ตัวใหญ่ และตัวแรก จึงอาจทำให้ Data Relationship Management ของเกมบางเกมไม่รองรับ การทำงานในส่วนนี้เกมใหม่ที่กำลังจะออกหลังจากนี้ ย่อมมีการพัฒนา Software เพื่อให้รองรับต่อการทำงาน Alder Lake อยู่แล้ว แต่เกมเก่าๆ บางเกมไม่เป็นเช่นนั้น บางเกมไม่ได้รับการอัปเดตมานานแล้ว และเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนมาใช้ Alder Lake ของเหล่าเกมเมอร์อาจทำให้เล่นเกมเก่าบางเกมไม่ได้ Credit : Tom's Hardware
18 Oct 2021
Windows 11 Insider ปล่อยอัปเดตแก้ปัญหา CPU Ryzen แล้ว!
หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับปัญหา L3 caching จนทำให้ CPU AMD Ryzen ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพบน Windows 11 ล่าสุดดูเหมือน Microsoft จะปล่อยอัปเดตสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าวออกมาแล้วบนระบบปฏิบัติการฉบับ insiderซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ CPU AMD และทำการอัปเดต Windows ไปแล้ว แม้ว่าตัวอัปเดตดังกล่าวจะถูกปล่อยออกมาก่อนให้กับ Insider แต่หลังจากการทดสอบจำแน่ใจว่าสมบูรณ์แล้ว อัปเดตนี้จะถูกเอามาลงให้กับ Windows 11 ฉบับใช้งานด้วยแน่นอนAMD ยืนยันว่าการอัปเดตจะมาภายใน 1 อาทิตย์นี้ หลังจากที่อัปเดตแรกของ Windows 11 เมื่อ 4 วันก่อนไม่ได้แก้ปัญหาดังกล่าว ดังนั้นเชื่อว่าถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดภายในอาทิตย์นี้ CPU Ryzen ของเพื่อนๆ จะกลับมาทำงานอย่างปกติบน Windows 11 ครับ<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Hello <a href='https://twitter.com/hashtag/WindowsInsiders?src=hash&amp;ref_src=twsrc%5Etfw'>#WindowsInsiders</a>, we have released Windows 11 Build 22000.282 to the Beta and Release Preview Channels - see details on fixes in the blog post. <a href='https://t.co/PebwMaOJpx'>https://t.co/PebwMaOJpx</a></p>&mdash; Windows Insider (@windowsinsider) <a href='https://twitter.com/windowsinsider/status/1449058618762952705?ref_src=twsrc%5Etfw'>October 15, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : PCGamer
18 Oct 2021
G.Skill เปิดตัว Trident Z5 DDR5 มาพร้อมกับบัสสูงสุด 6400 MT/s
ทยอยเปิดตัวกันมาเรื่อยๆ แล้วสำหรับแรม DDR5 จากค่ายต่างๆ และวันนี้น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมื่อ G.Skill ได้ทำการเปิดตัว Trident Z5 โมเดลใหม่ที่เป็นแบบ DDR5 อย่างเป็นทางการ พร้อมโชว์รูปโฉมสุดเท่ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา และมีให้เลือกซื้อทั้งแบบมีไฟ และไม่มีไฟสำหรับคนไม่ต้องการ RGBTrident เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นแรมที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย เนื่องจากมีทั้งดีไซน์ที่สวย และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม พูดถึงเรื่องความแรงแล้ว สำหรับฉบับ DDR5 นี้ก็มีรอบบัสเริ่มต้นที่ 5600 MT/s และสูงสุดถึง 6400 MT/s พร้อมมีความจุ 16GB เป็นอย่างน้อยในรุ่นนี้ ในส่วนของการ OverClock เชื่อว่าเดี๋ยวตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะแรงมากน้อยแค่ไหนต้องติดตามชมCredit : VideoCardZ
15 Oct 2021
เปิดตัว Radeon RX 6600 แรงเท่า RTX 3060 ในราคาเท่ากัน
ทยอยเปิดตัวตามมาเรื่อยๆ สำหรับการ์ดจอรุ่นเริ่มต้นจากทาง AMD อย่าง Radeon RX 6600 โดยมาพร้อมกับหัวประมวลผล 1792 ตัว และแรมอีก 8GB ในส่วนของประสิทธิภาพถือว่าเทียบเท่ากับ RTX 3060 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดของ Nvidia แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะได้ในทุกๆ เกม แต่ทาง AMD เคลมว่าประสิทธิภาพต่อกำลังไฟที่จ่ายเข้าการ์ดจอของพวกเขาดีกว่าในส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่าง Radeon RX 6600 กับ RTX 3060 คือเรื่องของแรมที่ AMD ให้มา 8GB ในขณะที่ Nvidia ให้มาถึง 12GB ดังนั้นในการเล่นเกมบางเกมอาจมีปัญหาเรื่องของแรมการ์ดจอไม่พอได้ แต่เชื่อว่ามีน้อยมากจริงๆ ที่แรมการ์ดจอ 8GB ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน (ต่อให้ไม่พอจริงๆ ก็สามารถลดกราฟิกเพื่อให้เพียงพอได้)ราคาเปิดตัวของ Radeon RX 6600 อยู่ที่ $329 เทียบเท่ากับ RTX 3060 แต่ด้วยสภาพตลาดในปัจจุบัน จึงทำให้ RTX 3060 ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ $500 ในต่างประเทศ และคิดว่า RX 6600 เองก็อาจไม่ต่างกัน ถ้าหากใครรับได้กับราคานี้ก็ลองหาซื้อกันดูได้ครับCredit : VideoCardZ
14 Oct 2021
การ์ดจอ Intel Arc จะไม่ล็อกห้ามขุด และล็อตแรกอาจมีไม่เยอะ
เป็นเรื่องดีที่ intel ประกาศเปิดตัวการ์ดจอของตัวเองหลังจากซุ่มพัฒนาอยู่นาน แต่คำถามที่ผู้ใช้งานสงสัยกันมากที่สุดคงเป็นเรื่องที่ 'จะลดแรงขุดรึเปล่า?', 'จะมีสินค้าหรือเปล่า?' เนื่องจากชาว PC หลายคนอยากจะอัปเกรด PC กันมาก แต่ติดตรงที่ไม่มี GPU ขายเลยในตลาดเนื่องจากถูกกว้านซื้อไปใช้ขุด Cryptocurrency หมดยืนยันโดย intel แล้ววันนี้ว่า การ์ดจอง ARC จะไม่ได้ทำการลดแรงขุดแต่อย่างใด สายขุดเหมืองสามารถซื้อไปขุดกันได้ ซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะจริงๆ ก็ยังไม่ได้มีการ์ดจอรุ่นไหน หรือของค่ายไหนที่สามารถทำการลดแรงขุดได้จริงๆ ในส่วนของคำถามที่สอง Intel ก็ไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่าสินค้าที่ผลิตออกมาจะเพียงพอต่อความต้องการของตลาดหรือไม่ ส่วนตัวผู้เขียนเองคิดว่ายากเช่นกันอีกหนึ่งคำถามที่บางคนอาจสงสัย 'intel Arc จะมีฉบับ Custom Design โดยแบรนด์อื่นหรือไม่?' เรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากทาง intel แล้วว่าจะมีอย่างแน่นอน ในส่วนของดีไซน์แบรนด์อื่นๆ เชื่อว่าคงไม่แตกต่างจากที่เราเห็นในตลาดตอนนี้มากเท่าไหร่นัก ใครรักแบรนด์ไหน ชอบดีไซน์อะไรก็น่าจะมีให้เลือกซื้อกันCredit : VideoCardZ
12 Oct 2021
PCIe 5.0 ถูกออกแบบให้จ่ายไฟ GPU ได้ถึง 600W ประสิทธิภาพที่มากขึ้น?
CPU รุ่นใหม่ Mainboard รุ่นใหม่ และแรม DDR5 กำลังจะมาในอีกไม่ช้า ซึ่งการมาของ Hardware รุ่นใหม่นี้ยังรวมถึง PCIe 5.0 ด้วย และมันน่าตื่นเต้นมากเมื่อล่าสุดมีรายงานว่าสายดังกล่าวจะสามารถจ่ายไฟให้กับ GPU ได้สูงถึง 600W โดยมันหมายความว่า GPU จะสามารถถูกออกแบบให้กินไฟมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้นได้จากข้อมูลของ Igor Wallossek ระบบจ่ายพลังงานที่มีอยู่ ถือว่ากำลังล้าสมัย โดยสามารถสังเกตได้จากการเริ่มเห็นการ์ด RTX 3090 และ 3080Ti บางรุ่นที่ต้องการสาย 8-Pin ถึง 3 ตัวในการต่อไฟเลี่ยง ดังนั้นในการ์ดจอเจนต่อไปที่อาจขอพลังงานเพิ่มอีก หากไม่มีการอัปเกรด ความสามารถในการจ่ายพลังงานของสาย อาจกลายเป็นเรื่องลำบากได้ในส่วนของดีไซน์นั้นไม่ต่างจากเดิมมาก เพียงเพิ่มหัวสำหรับเชื่อมต่อมาด้านล่างของดีไซน์เดิมอีก 4 จุด แต่ในขณะเดียวกันนี่อาจหมายถึงการที่เหล่าเกมเมอร์อาจจำเป็นต้องเปลี่ยน MotherBoard และ PSU หากจะประกอบคอมที่ใช้ RTX 40 Series หรือ Radeon RX 7000 Series อันนี้ต้องรอดูกันต่อไปCredit : Wccftech
11 Oct 2021
ADATA เผยแรม DDR5 สามารถ OC ได้ความเร็วมากกว่า 8100 MT/S แล้ว
เป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าเราจะได้เห็นแรม DDR5 อย่างแน่นอนหลังจากนี้ ซึ่งในเมื่อเป็นการเข้าสู่เจนใหม่ของ Hardware ผู้ใช้งานสามารถคาดหวังความจุ และความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน รวมถึงนัก Overclock ที่ไล่ตามความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย เมื่อล่าสุด Adata ได้ยืนยันว่า XPG ของพวกเขาสามารถทำได้ถึง 8100 MT/S เลยทีเดียวMT/S หมายถึงปริมาณข้อมูลที่แรมสามารถส่งได้ต่อ 1 วินาที ซึ่งยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้การทำงานของ PC เร็วมากขึ้นเท่านั้น (รวมถึงความร้อนที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน) การทำได้มากกว่า 8100 MT/S ถือว่าเร็วยิ่งกว่าแรมทั่วๆ ไปที่เราใช้งานกันประมาณ 2.5 - 3.0 เท่า เรียกได้ว่าเป็นความเร็วที่จินตนาการ ไม่ออกเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม 8100 MT/S ยังไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของทางบริษัท เนื่องจากในการเปิดตัว DDR5 ของบริษัทก่อนหน้านี้ ได้เผยให้เห็นแรมรุ่นหนึ่งที่สามารถทำได้ถึง 12600 MT/S ซึ่งจะเป็นแรมสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ ส่วนตัวผู้เขียนยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะเร็วขนาดไหนครับCredit : VideoCardZ
11 Oct 2021
Intel โชว์หน้าตา Alder Lake อย่างเป็นทางการ ผลทดสอบตามมาเร็วๆ นี้
หลังจากลือมาอย่างยาวนาน หลุดทั้งราคา ทั้งผลทดสอบจนไม่รู้จะหลุดยังไงแล้ว ในที่สุด Intel ก็ได้ฤกษ์โชว์หน้าตาที่แท้จริงของ Alder Lake เสียที่ ซึ่งแน่นอนว่าเหมือนกับที่เคยมีภาพ Render ออกมาก่อนหน้านี้ คือมีขนาดที่ใหญ่กว่า CPU รุ่นก่อนมาก ในส่วนของผลทดสอบจริงจากทาง intel รวมถึงการ Overclock จะตามมาในภายหลังการเปิดตัว Alder Lake อย่างเป็นทางการ มีกำหนดจัดขึ้นวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือนนี้ และจะวางขายหน้าร้านอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 รวมถึงยังเป็นวันที่เหล่านัก Overclock รวมถึง Youtuber สามารถปล่อยผลทดสอบออกมาเราชมได้ งานนี้จะแรงสมคำอวยของ CEO ก่อนหน้านี้รึเปล่าต้องรอชมกันแม้วจากผลทดสอบก่อนหน้านี้ Multi Thread จะดูเหมือนก้าวข้าม AMD ยังไม่ได้ แต่ในส่วนของ Single Thread ถือว่าแรงกว่าเป็นอย่างมาก ซึ่งมันจะทำให้ CPU ของ Intel มาภาษีดีกว่าในด้านของการเล่นเกม อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลทดสอบของ CPU รุ่นต่อไปของ AMD กันด้วยถึงจะตัดสินเรื่องนี้ได้จริงๆComing soon to PCs globally: #12thGen Intel Core processors. We can’t wait to show you the experiences they unlock! #IntelOn pic.twitter.com/nrCDextcIT— Gregory M Bryant (@gregorymbryant) October 6, 2021 Credit : VideoCardZ
07 Oct 2021
AMD เตือนผู้ใช้งานอย่าเพิ่งอัปเดต Windows 11 เพราะจะทำให้ CPU ทำงานด้อยลง 15%
สำหรับเกมเมอร์ที่ใช้งาน CPU จากทาง AMD อยู่ ขออย่าเพิ่งอัปเดตเป็น Windows 11 ในตอนนี้ เนื่องจากทางบริษัทพบปัญหาว่า CPU ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่อใช้งานบางโปรแกรมผ่าน Windows 11 ซึ่งกำลังมีการเร่งแก้ไขปัญหาดังนี้ให้อยู่ ยืนยันแล้วว่ามีบางเกมที่ได้รับผลกระทบจากการลดการทำงาน 15% นี้ด้วย ดังนั้นถ้าหากใครใช้ CPU ของ AMD และอัปเดต Windows 11 ไปแล้วเล่นเกมพบว่าทำ FPS ได้น้อยลงยังไม่ต้องแปลกใจ ให้อดใจรออีกนิด เดี๋ยวจะมีอัปเดต Windows ที่ช่วยแก้ไขปัญหานี้ตามมาอย่างแน่นอนCPU ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีกว่า 100 รุ่น และครอบคลุม Ryzen ทั้งหมดตั้งแต่เจน 2 มาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นนี่ถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และจำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว เชื่อว่าไม่เกินวันอาทิตย์นี้เราน่าจะได้เห็นการอัปเดตกันแล้วครับCredit : PCGamer
07 Oct 2021
CEO ของ Intel ท้าทาย AMD ลั่น 'ยุคสมัยผู้นำของพวกคุณมันจบลงแล้ว'
เรียกได้ว่าเป็นการประกาศสงครามที่ดุเดือดมากโดยคุณ Pat Gelsinger ผู้นำคนปัจจุบันของ intel ต่อ AMD ในบทสัมภาษณ์จากทาง CRN ด้วยประโยคที่ว่า 'ยุคสมัยการเป็นผู้นำของ AMD กำลังจะจบลง เพราะ intel กลับมาแล้ว' ไม่ว่าอะไรที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น แต่เหมือนว่า CEO ของค่ายฟ้าจะมั่นใจในแนวทางของบริษัทตอนนี้มากๆ'ในช่วงนี้ใครๆ ก็พูดว่า AMD คือผู้นำ ผมอยากจะบอกว่าช่วงเวลานั้นมันได้จบลงแล้ว intel กลับมาอีกครั้งด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าเดิม พวกเราทราบดีว่าต้องทำอะไรบ้างถึงจะเป็นผู้นำได้อย่างแท้จริงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การบรรจุภัณฑ์ การสร้าง Software รองรับ รวมไปจนถึงด้าน AI, ด้าน power-performance, ฯลฯ เรายืนยันว่าจะมุ่งมั่นในเส้นทางนี้' คุณ Pat Gelsinger กล่าวในขณะเดียวกันคุณ Pat Gelsinger ก็ยอมรับว่าในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา AMD ทำได้ดีมากจริงๆ แต่ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงด้วยพลังของ Alder Lake และ Sapphire Rapids (เครื่องเซิฟเวอร์) หน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุดของ Intel ด้วยความมั่นใจระดับนี้ คงต้องรอดูผลทดสอบจริงในตอนสิ้นค่าวางขายกันแล้วว่าจะสามารถเอาชนะ AMD ได้จริงๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามการแข่งขันระหว่าง intel และ AMD ถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ใช้งานอย่างเร็ว เพราะจะได้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมกับมีราคาที่ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปCredit : Tom's Hardware
06 Oct 2021
จีน สั่งลดการผลิต Silicon ทำราคาพุ่ง โรงงานในสแกนดิเนเวียลดการผลิตตาม
Silicon เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต Semiconductor สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU, เครื่องเล่นเกม Console, รถยนต์, ตู้เย็น หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งสภาวะขาดแคลน Silicon มีมาสักพักแล้วตั้งแต่ COVID-19 ระบาด และหลังจากนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีกเมื่อ จีน ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด ได้สั่งลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลนถ่านหิน อันเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญการลดผลิตของจีนได้ทำให้ราคา Silicon ถีบตัวสูงขึ้น 300% แล้วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้โรงงานผลิตชิปเองก็เริ่มสู้ไม่ไหว และประกาศกำลังผลิตลงแล้วเช่นกัน (อย่างน้อยในสแกนดิเนเวีย) แต่ในขณะที่กำลังผลิตลดลง ความต้องการของตลาดยังคงพุ่งสูงขึ้นสวนทางกัน โดยยังไม่รู้เหมือนกันว่าสภาวะเลวร้ายนี้จะจบลงเมื่อไหร่แม้ว่าทั้งหมดนี้จะดูเหมือนเป็นข่าวร้าย แต่โรงงานใหญ่ๆ ดูเหมือนจะเริ่มปรับตัวกันได้แล้ว เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เราน่าจะเริ่มเห็นสถานการณ์ดีขึ้นกันบ้างแล้วในแง่ของความสามารถในการผลิตชิปของโรงงาน แต่ปัญหา Silicon ขาดตลาดนี้ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถแก้ได้อย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
05 Oct 2021
Windows 11 มาแล้ว ติดตั้งใหม่ หรืออัปเกรดได้เลยตอนนี้!
Microsoft ได้ตัดสินใจปล่อย Windows 11 ออกมาก่อนกำหนดการเดิมเป็นเวลา 1 วัน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่ได้แล้ววันนี้ โดยจะอัปเกรดจาก Windows 10 ขึ้นไปโดยใช้ Installation Assistant หรือจะ Clean Install ใหม่เลยก็ได้ อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการดีที่สุด อย่าลืมตรวจ PC Health Check ก่อนด้วย เพื่อไม่ให้เครื่อง PC ของเพื่อนๆ พังไปเสียก่อนสำหรับคนที่ตรวจ PC Health Check แล้วไม่ผ่าน ผู้เขียนยังไม่แนะนำให้กดอัปเกรดไปใช้ Windows 11 เลย เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อ PC ได้ นอกจากนี้เครื่องที่ Hardware ไม่รองรับจะไม่ได้รับการอัปเดต Windows จากทาง Microsoft ด้วย สำหรับคนที่จะทำการอัปเกรดหากไม่มีในส่วนของการ์ดจอด้วยคิดว่าสามารถอัปเกรดได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนคนที่กำลังคิดว่าจะเปลี่ยน GPU ด้วย จะแนะนำว่าซื้อเครื่องใหม่แบบสำเร็จรูปไปเลยอาจจะดีกว่า เนื่องจากการ์ดจอแยกเพียงอย่างเดียวมีราคาที่แพงมากๆ ในตอนนี้Windwos 11 เรียกได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่ Microsoft ภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก มันถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การออกแบบซอฟต์แวร์ การเล่นเกม รวมไปจนถึงสำหรับผู้ที่ใช้งานประจำวันเท่านั้น 'ยุคสมัยใหม่ของการใช้งาน PC ได้เริ่มขึ้นแล้ว' คำนี้อาจไม่เกินจริงเสียทีเดียวCredit : VideoCardZ
05 Oct 2021
ASUS เผยโฉม RTX 3070 โมเดลพิเศษที่ใช้พัดลมจาก Noctua
กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดเมื่อสุดยอดแบรนด์ผลิตการ์ดจออย่าง Asus ได้ประกาศจับมือกับสุดยอดแบรนด์ระบายความร้อนอย่าง Noctua เพื่อผลิตการ์ดจอ RTX 3070 ฉบับพิเศษ ประสิทธิภาพที่ได้จะขนาดไหนเป็นเรื่องที่เกิดคาดเดา แต่วันนี้เรามีโอกาสได้เห็นหน้าตาดีไซน์ของเจ้า RTX 3070 รุ่นพิเศษนี้ก่อนแล้ว!ดีไซน์โดยรวมไม่ได้แตกต่างจาก RTX 3070 รุ่นสองพัดลม ที่เราเคยเห็นกันมาแล้วเท่าไหร่นัก แต่จุดที่แตกต่างออกไปคือพัดลมที่ใช้ในการระบายความร้อนครั้งนี้เป็นของที่ผลิตโดย Noctua และมีการเปลี่ยนสีโดยรวมของการ์ดให้เป็นสีทราย กับน้ำตาล พร้อมกับโลโก้ยืนยันว่า RTX 3070 รุ่นพิเศษนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Asus และ Noctuaการที่ระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น ย่อมหมายถึงการดึงประสิทธิภาพของการ์ดออกมาได้มากยิ่งขึ้น การ Overclock สามารถทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าเหล่านัก OC ทั้งหลาย จะต้องอยากสัมผัสกับการ์ดรุ่นพิเศษนี้กันสักครั้งอย่างแน่นอน โดยยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะสามารถหาซื้อได้ในบ้านเราหรือไม่Credit : VideoCardZ
01 Oct 2021
ลือ Radeon RX 7600 จะแรงอย่างน้อยเทียบเท่ากับ 6900XT
ถือเป็นข่าวที่น่าตกใจเมื่อมีข้อมูลบอกว่า RDNA 3 Navi 33 ที่ใช้กับ Radeon RX 7000 จะมีจำนวน Core ถึง 4096 ตัว มีขนาดการผลิตอยู่ที่ 6nm คุณ Greymon55 นักปล่อยข่าวเกี่ยวกับ AMD ได้ยืนยันว่า มันถูกออกแบบมาให้แรงกว่า 6900XT ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายแล้วการพัฒนาอาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ อย่างน้อยมันก็จะแรงเทียบเท่ากับ 6900XTรหัส 23 มักถูกใช้กับการ์ด X600 ของแต่ละซีรีส์ ดังนั้น Navi 33 น่าจะหมายถึง Radeon RX 7600 ดังนั้นสำหรับรหัส Navi 31 ซึ่งน่าจะเป็นของ Radeon RX 7900 จะต้องแรงมากกว่าตัวท็อปสุดของ AMD ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่มีผลทดสอบออกมาให้เราอ่านกัน แต่ล่าสุดมีสเปคเบื้องต้นออกมาให้อ่านแล้วอย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเลขในกระดาษจะดูแรงขนาดไหน ในการใช้งานจริงอาจไม่เป็นแบบนั้น ดังนั้นขอให้เพื่อนๆ อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลทั้งหมดที่หลุดออกมาในตอนนี้ แต่อยากให้ไปรอดูผลทดสอบจริงCredit : Wccftech
29 Sep 2021
CEO ของ AMD เผย คาดว่าชิปจะขาดตลาดไปจนถึงกลางปี 2022 เป็นอย่างน้อย
Dr. Lisa Su ได้เข้าร่วมงาน Code Conference ที่ Beverly Hills, California และได้ให้สัมภาษณ์บนเวทีเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด CPU กับ GPU หลังจากนี้ เธอพูดถึงสภาวะที่ Silicon รวมไปจนถึงส่วนประกอบอื่นๆ ในการผลิตชิปที่ขาดตลาดในตอนนี้ รวมไปจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจาก COVID-19 ตั้งแต่ปลายปี 2019 ซึ่งผู้ผลิตมีปัญหาอย่างมากในการผลิตสินค้าออกมาให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากเหรียญ Cryptocurrency ด้วย ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อราคา GPU ในตลาด เมื่อเหล่านักขุดเหมืองทำการเหมาการ์ดจอไปจนหมดตลาด ทั้งนี้ Dr. Lisa Su ได้คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 โลกจะยังคงพบกับสภาวะชิปขาดตลาดเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยปัญหาของขาดตลาดจะเริ่มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง 2022 แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่นักสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการหาการ์ดจอใหม่มาเล่นเกมที่กำลังจะออก ในช่วงปลายปีนี้เชื่อว่าสินค้าต่างๆ จะเริ่มกลับเข้ามาในตลาดให้เราได้ซื้อเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของราคาคงจะโหดร้ายกว่าช่วงปลายปี 2020 เสียอีก ยังไงต้องติดตามดูกันต่อไปCredit : VideoCardZ
29 Sep 2021
Alder Lake อาจวางขาย 4 พฤศจิกายน 2021
หลังจากหลุดทั้งผลทดสอบ ทั้งตัวสินค้ามากมาย ในที่สุดก็มีการยืนยันแล้วจากทาง MSI ว่า Alder Lake อาจวางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 ซึ่งทาง (Wccftech) เองมีการยืนยันเช่นเดียวกันว่าการเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมาในวันที่ 27 ตุลาคม 2021 พร้อมทั้งมีการเปิดให้ Pre-Order ก่อนขายเป็นเวลา 1 อาทิตย์จริงๆ แล้วทาง MSI ไม่ได้ยืนยันวันวางขายของ Alder Lake ออกมาตรงๆ แต่เป็นการประกาศช่วงเวลาที่เปิดให้ลูกค้าสามารถขอ Upgrade Kit สำหรับ Intel LGA1700 CPUs และ Coreliquid CPU Coolers สำหรับ Alder Lake ได้ฟรี ซึ่งการขอ Upgrade Kit ฟรีนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ 4 พฤศจิกายน 2021 ไปจนถึง 30 เมษายน 2022 ยังคงเป็นไปได้ว่าการวางขายจริงอาจอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 เลยเสียทีเดียวก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า Alder Lake จะวางขายจริงในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2021 ซึ่งในจุดนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าข่าวไหนถูกข่าวไหนผิด แต่ถ้าหากในช่วงปลายเดือนหน้าจะมีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการจริง หมายความว่าวันวางขายจะถูกเปิดตัวในวันเดียวกันด้วย ยังไงรอยืนยันพร้อมกันช่วงปลายเดือนหน้าได้ครับCredit : VideoCardZ
28 Sep 2021
iPhone 13 Pro กับ Pro Max อึดมาก! ตกจากความสูงโต๊ะหลายรอบยังใช้งานได้
iPhone 13 Pro กับ Pro Max ใกล้วางขายอย่างเป็นทางการในบ้านเราแล้ว ซึ่งสำหรับบางประเทศก็เริ่มวางขายกันไปแล้ว ช่อง EverythingApplePro E A P เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเครื่องแล้ว และมาทำทดสอบ Drop Test ให้เราได้ดูกัน โดยต้องบอกเลยว่าสำหรับรุ่นใหม่ที่กำลังจะออกนี้อึดเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะตกจากความสูงระดับโต๊ะหลายรอบ แต่ก็ยังใช้งานได้เป็นปกติที่น่าตกใจคือแม้จะหันด้านหน้าจอที่บอบบางที่สุดตกลงพื้น iPhone 13 Pro Max ก็ยังไม่เกิดรอยขีดข่วนเลย ส่วนรุ่น Pro เกิดรอยร้าวบนหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้เป็นปกติ ปิดท้ายด้วยการตกจากที่สูงเกือบ 3 เมตร ซึ่งครั้งแรกสำหรับรุ่น Pro Max ไม่เกิดรอยขีดข่วนเลย! ไปรับชมคลิปกันได้ข้างล่างแม้ว่าตัวมือถือเองจะอึดมากๆ เหมือนไม่ต้องใส่อะไรป้องกันเพิ่มเติมก็ไม่มีปัญหา EverythingApplePro E A P ยังคงแนะนำให้เพื่อนๆ ใส่ Case และกระจกเพื่อป้องกันการตกกระแทกแตกอยู่เหมือนเดิม เนื่องจาก iPhone เครื่องหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ ยังไงป้องกันไว้ก่อนก็ยังเป็นเรื่องที่ดีกว่าครับ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/MxZhVAfJjmc' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Wccftech
27 Sep 2021
Intel เริ่มสร้างโรงงานผลิตชิปใหม่หวังสู้ TSMC กับ Samsung เสร็จหลังปี 2024!
หลังจากการประกาศของคุณ Pat Gelsinger ช่วงขึ้นมารับตำแหน่ง CEO ใหม่ในปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีการเคลื่อนไหวจาก intel ในการสร้างโรงงานใหม่สำหรับผลิตชิปรุ่นใหม่ในชื่อ Fab 52 และ Fab 62 ในรัฐ Arizona แล้ว โดยทางบริษัทหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โรงงานใหม่ทั้งสองแห่งจะทำให้สามารถขึ้นไปแข่งขันในด้านการผลิตชิปกับ TSMC กับ Samsung ที่เป็นโรงงานอันดับต้นๆ ของโลกได้แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นข่าวดี รวมถึงอีกหนึ่งเรื่องยืนยันว่า intel กำลังจะกลับมา แต่โรงงานทั้งสองแห่งจะสร้างเสร็จอย่างเร็วก็ปี 2024 ซึ่งหมายความว่าเรายังอีกนานเลยกว่าเราจะได้เห็นการกลับมาอย่างเป็นทางการจริงๆ ของ intel และด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายโรงงานที่จะรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นด้วย จะทำให้ intel ทำเงินต่อปีได้มากขึ้นหากมีกำลังผลิตที่มากขึ้นในเวลาเดียวกัน ซึ่งย้อนกลับไปในช่วงเดือน กรกฎาคม มีการยืนยันจากแผนก Intel Foundry Services (IFS) ที่ทำหน้าที่นี้ว่าพวกเขาได้ Qualcomm กับ Amazon มาเป็นลูกค้าเรียบร้อยแล้วการลงทุนกว่า $20 พันล้าน นี้จะสำเร็จไปได้ด้วยดี และเราจะได้เห็นชิประดับแนวหน้าของโลกอีกครั้งจากทาง intel หรือไม่ต้องติดตามกันต่อไปครับCredit : Wccftech
27 Sep 2021
i9-12900K ทำคะแนน Single ได้ 825 บน CPU-Z แรงกว่า i9-11900K ถึง 20%
มาอย่างต่อเนื่องสำหรับผลทดสอบของ Alder Lake โดยล่าสุดสำหรับผลทดสอบบน CPU-Z รุ่นใหม่นี้ก็มีคะแนน Single ที่สูงถึง 825 แต้ม แรงกว่ารุ่นแรงสุดก่อนหน้าอย่าง i9-11900K ถึง 20% และแรงกว่า Ryzen 9 5950X ถึง 27% อย่างไรก็ตามสำหรับรูปที่ปล่อยออกมามีการเซนเซอร์ในส่วนของคะแนน Multi-Threaded ไว้ โดยคิดว่าเป็นไปได้ที่อาจจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าไหร่นักเบื้องต้นเชื่อว่า Multi-Threaded ต้องแรงกว่า i9-11900K ที่ทำคะแนนได้ 6000 - 7000 อย่างแน่นอน เพียงแต่อาจยังไปไม่ถึง 11000 เท่ากับ Ryzen 9 5950X ดังนั้นในส่วนของความแรงในการทำงานอาจยังไม่สามารถสู้ Ryzen ได้ในเจนนี้ แต่ในส่วนของการเล่นเกมแล้ว 825 คะแนนไม่ใช่อะไรที่มองข้ามได้เลยจริงๆ เป็นไปได้ว่า Alder Lake อาจยังคงเป็น CPU ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่เช่นเดิมในเจนต่อไปแม้ว่าผลทดสอบนี้เกือบจะบอกได้ทุกอย่างแล้วในส่วนของความแรงของ Alder Lake แต่อย่าลืมว่า CPU ดังกล่าวยังไม่ถูกเอาออกมาขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่า Bios ตัวสมบูรณ์ยังไม่ถูกปล่อยออกมาประสิทธิภาพที่แท้จริง อาจแรงมากกว่านี้อีกในตอนวางขายอันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป Credit : VideocardZ
27 Sep 2021
การ์ดจอรุ่นเก่าของ AMD ได้รับการสนับสนุนให้ใช้งาน Ray Tracing ได้แล้วผ่าน Mesa3D!
MESA3D เป็น Driver การ์ดจออิสระที่ร่วมกันพัฒนาระหว่าง Developer หลายเจ้า ซึ่งดูเหมือน Driver ตัวล่าสุดของพวกเขาจะทำให้การ์ดจอรุ่นเก่าของ AMD สามารถเปิดใช้งาน Ray-Tracing ได้ แม้ว่าจะไม่ได้มี Ray Accelerators อยู่ในส่วนประมวลผลเช่นเดียวกับ RX 6000 Series โดยการใช้ Software ในการช่วยจำลองทิศทางการตกกระทบของแสง!เราได้รับการยืนยันแล้วว่า Software ตัวนี้สามารถใช้กับการ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง RDNA 1, Vulkan และ Polaris ได้จากจดหมาย PR นอกจากนี้ผู้เล่นบางยังยืนยันด้วยแล้วว่า MESA สามารถทำให้เปิด Ray-Tracing บนเกม Quake II ได้จริงๆ โดนยอมรับกันตรงๆ ว่าผู้เขียนเองไม่เห็นภาพเหมือนกันว่า การใช้ Software จำลองแทนเช่นนี้ จะเป็นภาระให้กับ Hardware ส่วนอื่นหรือ CPU ขนาดไหนไม่ว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะใช้ได้จริง หรือเราสามารถเปิด Ray-Tracing ในการ์ดจอรุ่นเก่าได้หรือไม่ นี่ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้พัฒนาอาจได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงผล Ray-Tracing ได้ดีขึ้นจากการเรียนรู้การทำงานของ MESA รวมไปจนถึงผลิตเกมที่ใช้เทคโนโลยี Ray-Tracing ซึ่งกินทรัพยากรเครื่องน้อยลงต่อไปในอนาคต และต้องขอยอมรับตรงนี้อีกครั้งว่า หากการ์ดจอรุ่นเก่าๆ ของ AMD จะสามารถใช้งาน Ray-Tracing ได้จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีCredit : VideoCardZ
23 Sep 2021
หลุดข้อมูล RTX 30 ซีรีส์ Super มีตั้งแต่ 3060 ไปจนถึง 3090
สดๆ ร้อนๆ จากข่าวลือเกี่ยวกับ 3080 Super เมื่อวาน วันนี้หลุดข้อมูลชุดใหญ่เลยตั้งแต่ 3060 Super - 3090 Super โดยข้อมูลชุดใหม่นี้มีการเปิดเผยทั้งจำนวนหัวประมวลผลไปจนถึง Ram ของการ์ดจอ โดยส่วนใหญ่น่าจะมีความแรงมากกว่ารุ่นรหัสธรรมดา แต่แน่นอนว่าน่าจะแรงน้อยกว่ารุ่นรหัส Ti ด้วยเช่นกัน3080 Super จะมาพร้อมกับ 8960 CUDA cores ซึ่งมากกว่ารหัสธรรมดาอยู่ประมาณ 200 Core แต่น้อยกว่า Ti อยู่ 1,280 Core ในส่วนของ Ram จะมีทั้งหมด 12GB เท่ากับรหัส Ti ส่วน 3070 Super กับ 3060 Super ยังไม่มีข้อมูลจำนวน Core เผยออกมา แต่ในส่วนของ Ram จะเทียบเท่ากับรุ่นรหัส Ti ของตัวเองเช่นกันการมีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อการ์ดจออย่างน้อยในช่วงนี้ ถือเป็นผลดีกับผู้บริโภค เนื่องจากราคาเปิดตัวของรหัส Super ควรจะมากกว่ารหัสปกติ แต่ไม่แพงกว่ารหัส Ti ของรุ่นเดียวกัน ดังนั้นก็เหมือนเรามีรุ่นที่แรงขึ้นมาอีกเล็กน้อยเป็นตัวเลือกในการซื้อ ในขณะที่ส่วนของ 3080 Super ถือว่าต่างกันเป็นอย่างมากในส่วนของ Ram ที่เพิ่มมาให้อีก 2GB เนื่องจากเกม AAA ในยุคนี้หากจะปรับทุกอย่างจัดเต็มแล้ว มักใช้ Ram การ์ดจออยู่ที่ประมาณ 10-11GB ทำให้บางครั้งอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับ 3080 รหัสธรรมดา<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Let&#39;s make a summary. <br>3090S 10752 24GB G6X<br>3080S 8960 12GB G6X<br>3070S 5888 8G G6X<br>3060S 5632 12G G6<br>Although I doubt the specs of some of them and the name of 90S. <br>???</p>&mdash; kopite7kimi (@kopite7kimi) <a href='https://twitter.com/kopite7kimi/status/1440516490164260868?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 22, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : VideoCardZ
23 Sep 2021
ผลทดสอบเผยอัปเกรด SSD บน PS5 เผย ราคาถูกกับแพงให้ FPS ในเกมไม่ต่างกัน!
เปิดให้อัปเกรด SSD เพิ่มเติมได้แล้ววันนี้สำหรับ PS5 ซึ่งการอัปเกรดเพิ่มจะช่วยให้เพื่อนๆ สามารถเก็บเกมได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับการอัปเกรดก็มีข้อแนะนำจากทาง Sony ว่า Read / Write ของ SSD ควรไม่น้อยกว่า 5,000 แต่ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า ต่อให้เอา SSD ที่มีค่า Read / Write น้อยกว่าที่ Sony แนะนำ ก็สามารถนำมาใช้กับ PS5 ได้อย่างไม่มีปัญหาทั้งยังให้ FPS ในเกมไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย!Digital Foundry ได้ทำการทดสอบนำ SSD ที่มีความเร็วต่ำมาใช้งานกับ PS5 เปรียบเทียบกับ SSD ที่มีประสิทธิภาพตามที่ Sony ระบุไว้ทุกอย่าง ซึ่ง 2 ตัวที่นำมาทดสอบในครั้งนี้ได้แก่ Western Digital SN750 (3,200 MB/s Reads), กับ Western Digital's SN850 (7,000 MB/s Reads) ร่วมทดสอบกับ SSD ที่มากับเครื่องเลยอีกตัว (5,500 MB/s Reads) โดยในการเล่น Ratchet & Clank: A Rift Apart ทั้ง 3 ตัวให้ FPS เท่ากันในฉากเดียวกัน แบบไม่ต่างกันแม้แต่ 1 FPS เลยจุดที่แตกต่างกันแรกที่พบคือการโหลดเข้าเกมที่ตัว SN850 ใช้เวลา 8 วินาที, SN750 ใช้เวลา 10 วินาที และที่มากับ PS5 เลยใช้เวลาแค่ 7 วินาที ซึ่งไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันขนาดนั้นในการเล่นเกมจริงๆ จุดแตกต่างที่สองซึ่งเห็นผลชัดเจนคือการย้ายไฟล์เกมไปมาระหว่าง SSD ภายในเครื่อง กับ SSD ที่ใส่เข้าไปเพิ่ม SN850 ใช้เวลา 49 วินาทีในการย้ายไฟล์ 60GB ของ Ghost of Tsushima ในขณะที่ SN750 ต้องใช้เวลาถึง 7 นาที ในการย้ายไฟล์จากการทดลองนี้เป็นเหมือนการเปิดทางเลือกในการซื้อ SSD มาอัปเกรดของ PS5 ของเพื่อนๆ เนื่องจาก SSD ที่มีค่า Read / Write มากกว่า 5,000 ในตลาดตอนนี้มักมีราคามากกว่า 6,000 บาท ในขณะที่รุ่นประมาณ 3,000 MB/s reads จะมีราคาถูกกว่ามาก (รุ่น 1 TB ประมาณ 3 - 5 พันบาท) <iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/zWQs4UpiKlg' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Tom's Hardware
23 Sep 2021
Microsoft ไม่ขอรับผิดชอบหากลง Windows 11 บนเครื่องที่ไม่รองรับแล้วพัง!
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วสำหรับวันปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจากข่าวก่อนหน้านี้แม้ว่าเครื่องจะขอรุ่น CPU ที่ใหม่มากในการติดตั้ง แต่ทาง Microsoft ก็ได้เปิดให้ สามารถโหลดไฟล์ ISO ของ Windows 11 ไปติดตั้งกันเองได้ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถเอาไปลงกับเครื่องที่มีสเปคไม่ถึงตามที่ระบุเช่นกัน แต่ในทางกลับกันหาก PC เครื่องนั้นพังเพราะ Windows 11 ทางบริษัทจะไม่ขอรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น!พบเห็นได้ในช่วง Set-Up ของ Windows 11 จะมีแจ้งสำหรับเครื่องที่มีสเปคไม่ถึงว่า 'PC เครื่องนี้มีสเปคไม่ถึงขั้นต่ำของ Windows 11 ตามที่บริษัทได้เคยระบุไว้ เราไม่แนะนำให้ติดตั้ง Windows 11 บน PC เครื่องนี้ หากผู้ใช้งานยังคงติดตั้ง Windows 11 ต่อไป PC เครื่องนี้จะไม่ได้รับการอัปเดตเวอร์ชันจากทาง Microsoft และเราไม่ขอรับผิดชอบหาก PC เครื่องนี้พังจากการไม่สามารถรองรับการทำงานของ Windows 11 ได้' พร้อมปุ่มยอมรับเงื่อนไข้ทางขวาดังนั้นนี้เป็นคำเตือนสุดท้ายจาก Microsoft ว่า หาก PC ของคุณไม่ไหวจริงๆ ก็อย่าฝืนติดตั้ง Windows 11 ลงไป เนื่องจากมันอาจสามารถทำให้ PC ของผู้ใช้งานพังได้เลย มันเป็นเรื่องยากจริงสำหรับการอัปเกรด PC ในช่วงนี้ แต่ก็เชื่อว่าดีกว่าทำให้ PC พังไปเลย ใครที่จำเป็นต้องอัปเกรด PC ก่อน ก็แนะนำให้อดทนรอกันไปอีกนิดครับCredit : WindowCentral
22 Sep 2021
HP เปิดตัว AIO PC ที่ใช้การ์ดจอ 3080 Super!
สภาวะการ์ดจอขาดตลาดยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องผันผวนตามราคาของ Cryptocurrency มันจึงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่แม้ว่าการ์ดจอในซีรีส์ RTX 30 กับ RX 6000 Series จะมีหลายรุ่น หลายราคาให้เราเลือกซื้อ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีขายในตลาด และเชื่อหรือไม่ว่า Nvidia อาจยังมีแผนเพิ่มรุ่นการ์ดจอเข้ามาอีก เมื่อล่าสุด HP มีการเปิดตัว PC ที่ใช้การ์ดจอ RTX 3080 Super ออกมาถูกเอามาใช้ครั้งแรกในยุคของ RTX 20 กับ GTX 16 สำหรับรหัส Super ซึ่งแรงกว่ารหัสปกติ แต่ด้อยกว่ารหัส Ti คือเรียกได้ว่าเป็นรุ่นทางเลือก ลดความกว้างของราคาในแต่ละรุ่นลง แม้ว่าสำหรับ RTX 3080 อาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นเท่าไหร่ในเมื่อตัว 3080 เองก็สามารถเล่นเกมแบบ 4K ปรับสุดได้แล้ว แต่ในเมื่อของในตลาดมันไม่มีในตอนนี้ หากอนาคตจะมีรุ่นที่แรงกว่า และแพงกว่าเล็กน้อยออกมาให้เลือกซื้อด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องดีอย่างไรก็ตามไม่มีการประกาศจากทาง Nvidia ออกมาในตอนนี้เกี่ยวกับ RTX 3080 Super ว่าเป็นของจริงหรือไม่ และจะมีการทำออกมาขายแยกหรือเปล่า? แต่หากมองจากความต้องการของตลาดแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำออกมาขาย ส่วนที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเรื่องของการผลิตที่จะไปเอามาจากไหน เนื่องจากตอนนี้ทุกโรงงานผลิตชิปก็จัดได้ว่าทำงานกันแบบ 100% แล้ว Credit : Wccftech
22 Sep 2021
NVIDIA ปล่อย Driver การ์ดจอ 472.12 รองรับ Windows 11 อย่างเป็นทางการ
Windows 11 ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า Windows 10 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่อาจยังไม่ใช่สำหรับฉบับ Alpha ในตอนนี้ เนื่องจากการทำงานของ Driver บางตัวอาจยังไม่รอบรับบน Windows 11 ซึ่งล่าสุด NVIDIA ก็ได้ปล่อย Driver ตัวใหม่ 472.12 ที่รองรับการทำงานบน Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว!นี้จึงหมายความว่าการ์ดจอของ NVIDIA จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และถูกต้องบน Windows 11 เสียที นอกจากนี้ Driver ตัวใหม่ยังมาพร้อมกับการรองรับ DLSS ในเกมดังที่กำลังจะออกอีกหลายเกมด้วยไม่ว่าจะเป็น Alan Wake Remastered,  Diablo II: Resurrected, Far Cry 6, และ World War Z: Aftermath.Driver ที่เพิ่งนำมาใช้ใหม่ยังทำงานนอกเหนือวัตถุประสงค์ในการเล่นเกมด้วย สำหรับสายสร้างและพนักงานของบริษัทที่เกี่ยวข้อง จะได้รับวิธีการใหม่ในการจัดระเบียบ และจัดการเดสก์ท็อปโดยใช้เครื่องมือ Snap Tools  การทำงานหลายจอภาพที่ได้รับการปรับปรุง และการสนับสนุนขั้นสูงสำหรับหน้าจอสัมผัส การควบคุมด้วยเสียง รวมถึงปากกาสำหรับเพื่อนๆ ที่ทดลองใช้งาน Windows 11 กันอยู่ในตอนนี้ และพบปัญหาระหว่างเล่นเกม ลองอัปเดต Driver การ์ดจอกันดู เชื่อว่าปัญหาที่พบอยู่จะหายไป หรืออย่างน้อยลดลงมาอย่างแน่นอนCredit : Wccftech
21 Sep 2021
AU Optronics เปิดตัวทีวี 85 นิ้ว 4K / 240Hz พร้อมความถูกต้องสี 96% DCI-P3
ถือเป็นเรื่องน่าตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการเปิดตัวจอ 4K / 240Hz ขนาด 85 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับความถูกต้องของสี 96% DCI-P3 แต่ที่น่าตกใจสำหรับเกมเมอร์ทุกคนมากที่สุดคงเป็นเรื่อง Refresh Rate ขนาด 240Hz ที่อาจนับเป็นครั้งแรกเลย สำหรับจอที่มีความละเอียดระดับ 4Kเหตุผลหลักที่เรายังไม่เคยได้เห็นจอ 4K / 240Hz มาก่อนในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะสาย HDMI 2.1 และ Display Port 2.0 สามารถส่งภาพได้แค่ 4K/ 144Hz เท่านั้นในตอนนี้ สำหรับเจ้า TV จากทาง AU Optronics ตัวนี้จำเป็นต้องใช้ Display Stream Compression อีกต่อหนึ่งด้วยในการที่จะส่งภาพ Refresh Rate 240Hz ได้ในส่วนของพอร์ตการเชื่อมต่อด้านหลังของ TV ยังไม่มีการยืนยันว่าจะให้อะไรมาบ้าง หรือรองรับเทคโนโลยีเล่นเกมอย่าง G-Sync และอื่นๆ อะไรบ้าง AU Optronics เป็นบริษัทชั้นนำในการผลิตเทคโนโลยีสำหรับใช้งานกับหน้าจอ ดังนั้นสินค้าของพวกเขาก็สามารถเชื่อได้เลยว่าจะมีประสิทธิภาพที่ดีอย่างแน่นอนCredit :  VideoCardZ
21 Sep 2021
intel ยอมรับจ้าง TSMC ผลิตชิปการ์ดจอ เพราะผลิตเองไม่ไหว
แม้ว่าการมาของการ์ดจอ ARC จากทาง intel จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหล่าช่างคอม และเกมเมอร์ให้ความสนใจกันอยู่ แต่หนึ่งในข้อสงสัยที่ใครหลายคนไม่เข้าใจคือ 'ทำไมการ์ดจอของ intel ที่มีโรงงานสำหรับผลิตชิปขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ถึงไปจ้าง TSMC ซึ่งเป็น Outsourced ในการผลิต?' โดยวันนี้คุณ Raja Koduri รองประธานของบริษัทได้ออกมายอมรับแล้วว่า โรงงานของ intel ยังมีประสิทธิภาพไม่พอที่จะผลิตชิปของ ARCแม้ว่า intel จะเป็นผู้ออกแบบชิปของ GPU ชนิดนี้ และเข้าใจโครงสร้างของชิปมากที่สุด แต่การผลิตมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากจะไปขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องจักรเสียมากกว่า โดยทางบริษัทรู้ตัวดีว่าโรงงานของ intel ในตอนนี้ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะผลิตชิปออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือต่อให้ทำได้ก็อาจมี % ความผิดพลาดที่สูงเกินไป จนเอามาขายจริงในปริมาณสูงๆ ไม่ได้เมื่อหักลบกันจริงๆ แล้ว intel พบว่าการให้ Outsourced เป็นผู้ผลิตชิปให้เล่นเช่นนี้ จะใช้ต้นทุนที่น้อยกว่า นอกจากนี้ TSMC ยังเป็นโรงงานระดับชั้นนำของโลกที่ผลิตชิปให้ทั้ง Nvidia, AMD, Apple และบริษัทชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเรื่องของคุณภาพเองก็ไว้ใจได้อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายสถาปัตยกรรมนี้จะแรง จะดีขนาดไหน ก็ต้องรอดูผลทดสอบกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
21 Sep 2021
ผลทดสอบ GPU ของ iPhone 13 Pro แรงกว่า iPhone 12 PRo ถึง 55%
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ iPhone 13 ซึ่งกำลังจะเปิดให้สั่งจองได้ 1 ตุลาคม 2021 นี้ โดยแน่นอนว่าฟีเจอร์ใหม่ๆ ระบบกล้องเทพๆ ถูกใส่เข้ามาในรุ่นนี้อย่างจัดเต็ม รวมไปจนถึงชิปประมวลผลอย่าง A15 Bionic ที่มาการเพิ่มหัว GPU ให้อีก 1-Core และล่าสุดผลทดสอบของเจ้า GPU รุ่นใหม่ ก็แรงกว่า iPhone 12 Pro ถึง 55% เลยทีเดียวจากผลทดสอบ Geekbench การ์ดจอของ iPhone 13 Pro ได้คะแนนไปถึง 14,216 แต้ม มากกว่า iPhone 12 Pro ที่ทำคะแนนได้ 9,123 หรือก็คือได้คะแนนมากกว่าถึง 55% ซึ่งสำหรับหน้าจอของ iPhone 13 Pro ในที่สุดก็เป็นแบบ 120Hz แล้วด้วย เชื่อว่าการ์ดจอใหม่ที่แรงขึ้นนี้จะทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล และสนุกจุดที่น่าเสียดายเห็นจะเป็นในเรื่องของ Ram ที่ iPhone 13 ยังคงให้ Ram มาสูงสุด 6GB เท่าเดิม โดยไม่รู้เหมือนกันว่าในยุคที่กราฟิกของเกมมือถือเองพัฒนาไปมาก มีความสวยงามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 6GB จะถือว่าเป็นหน่วยความจำสำรองที่น้อยเกินไปสำหรับการเล่นเกมหรือเปล่า แต่เบื้องต้นเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อ iPhone มาเพื่อเล่นเกมอยู่แล้ว แม้ว่าทางบริษัทจะมีการให้บริการ Apple Arcade ก็ตามCredit : Wccftech
16 Sep 2021
iPhone 13 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ GPU แรงขึ้น น้ำหนักมากขึ้นเล็กน้อย และยาวขึ้น!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาสำหรับ iPhone 13 มือถือรุ่นใหม่จากทาง Apple โดยจะพร้อมให้สั่งซื้อล่วงหน้ากันในวันที่ 1 ตุลาคม 2021 และวางขายหน้าร้านอย่างเป็นทางในวันที่ 8 ตุลาคม 2021 สำหรับราคาของเครื่องแต่ละรุ่น ก็มีเป็นราคาไทยเรียบร้อยแล้ว สามารถดูได้ข้างล่างนี้เลย128GB256GB512GB1TBiPhone 13 Mini25,90029,90037,900-iPhone 1329,90033,90041,900-iPhone 13 Pro38,90042,90050,90058,900iPhone 13 Pro Max 42,90046,90054,90062,900Pro กับ Pro Max กล้องเหมือนกันในส่วนของกล้อง สำหรับ iPhone 13 จะให้กล้องมา 3 ตัวเช่นกันสำหรับ iPhone 13 Pro กับ iPhone 13 Pro Max รวมถึงเลนส์กล้อง ความสามารถ และฟีเจอร์จะมีเหมือนกันทั้งหมด ในส่วนของความแตกต่างจริงๆ ที่ทราบในตอนนี้คือขนาดของหน้าจอระหว่าง 6.1 นิ้ว กับ 6.7 นิ้ว กับแบตเตอรี่ที่อาจแตกต่างกันประมาณ 1-3 ชั่วโมงการใช้งานรอยบากบนหน้าจอเล็กลง 20% แต่สูงขึ้นเล็กน้อยในขณะที่กล้องหลังมีการปรับคุณภาพให้ดีขึ้น ในส่วนของหน้าจอเองก็มีการลดขนาดของรอยบากลง 20% เพิ่มพื้นที่หน้าจอให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ในขณะที่ขนาดของตัวเครื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่กล้องหลังดูจะกินพื้นที่มากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้ามาพร้อมกับชิป A15 Bionic มีการอัปเกรด GPU ให้เป็น 5-Coreในเรื่องของชิปประมวลผลเอง CPU ของเครื่องจะเป็นแบบ 6-Core และมีการเพิ่มหัวประมวลผลให้กับ GPU ของเครื่องอีก 1 Core จากที่มีเพียง 4-Core ตอน iPhone 12 ในส่วนของประสิทธิภาพยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะแรงกว่ารุ่นก่อนหน้ากี่ % แต่เชื่อว่าคงแรงติดอันดับ 1 - 3 ของโลกเช่นเดิม อันนี้ต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปเครื่องจะหนากว่า และหนักหว่า iPhone 12 เล็กน้อยด้วยฟีเจอร์ที่มากขึ้น กล้องที่ดีขึ้น แบตเตอรี่ที่อึดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลกหาก iPhone 13 จะมีนำหนัก กับความหนาที่มากกว่า iPhone 12 ความหนาจะต่างกันเล็กน้อยแค่ 7.65mm กับ 7.4mm และในส่วนของน้ำหนักจะต่างกันเพียงไม่กี่กรัมเท่านั้นดูความแตกต่างได้ข้างล่างนี้iPhone 13 mini (141 กรัม) vs. iPhone 12 mini (135กรัม)iPhone 13 (174 กรัม) vs. iPhone 12 (164 กรัม)iPhone 13 Pro (204 กรัม) vs. iPhone 12 Pro (189 กรัม)iPhone 13 Pro Max (240 กรัม) vs. iPhone 12 Pro Max (228 กรัม)ทั้งหมดนี้คือข้อมูลเกี่ยวกับ iPhone 13 ที่เรารู้ในตอนนี้ ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนสนใจก็สามารถรอสั่งจองได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2021 นี้ และคาสดว่าเครื่องน่าจะไปถึงมือภายในวันที่ 8 ตุลาคม 20218 ตุลาคม 2021
15 Sep 2021
ร้านคอมใน US หลุดราคา intel Gen 12 ทั้งซีรีส์เริ่ม $260 - $600
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการหลุดข้อมูลจอง intel Alder Lake ออกมาว่าราคาจะแพงกว่าเจนปัจจุบันถึง 3,000 บาท จนทุกคนงงว่า 'ทำไมถึงแพงได้ขนาดนั้น' เหตุผลจริงๆ คือ เหมือนราคาก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เนื่องจากล่าสุดร้านขายคอมใน US เพิ่งหลุดราคาของ CPU ทุกรุ่นออกมาราคาเริ่มต้นของซีรีส์นี้ Core i5-12600KF มีราคาอยู่ที่ $260 (ประมาณ 8,500 บาท) และมีตัวราคาแพงสุดคือ Core i9-12700K อยู่ที่ $600 (ประมาณ 20,000 บาท) ซึ่งราคาทั้งหมดที่หลุดออกมานี้ ดูมีความสมเหตุสมผลกว่าราคาก่อนหน้านี้มาก คาดว่าราคานี้อาจเป็นของจริงในตอนที่วางขายเลยแน่นอนว่าเมื่อเข้ามาขายในไทยแล้ว จะต้องบวกค่าภาษี ค่าขนส่งจนอาจจะแพงขึ้นจากราคานี้อีกประมาณ 1,000 - 2,000 บาท ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวออกมาว่า DDR5 จะรองรับเฉพาะใน Motherboard รุ่นแพงๆ ของ Asus เท่านั้น ดังนั้นใครอยากใช้ของรุ่นใหม่หมดเลย ก็ต้องเตรียมเงินกันมาเยอะๆ หน่อยครับCredit : VideoCardZ
15 Sep 2021
หลุดข้อมูล Z690 จากทาง Asus ไม่ใช่ทุกรุ่นที่จะใส่แรม DDR5 ได้
เป็นเรื่องที่แทบจะแน่นอนแล้วว่า Motherboard รุ่นต่อไป Z690 สำหรับ intel Alder Lake จะมาพร้อมกับการรองรับ DDR5 รวมถึง PCie 5.0 ด้วย แน่นอนว่าเทคโนโลยีเจนใหม่นี้ จะทำให้ประสบการณ์ใช้งาน PC ของเรารวดเร็วมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามจากข้อมูลล่าสุดดูเหมือนไม่ใช่ Motherboard ทุกราคา ที่จะสามารถใช้งานแรม DDR5 กับ PCie 5.0 ได้!ข้อมูลหลุดล่าสุดเผยว่ามีเพียงแค่ Maximus, ProART และ Prime บางรุ่นเท่านั้นที่จะสามารถใช้งาน DDR5 กับ PCie 5.0 ได้ ซึ่งน่าแปลกใจที่ไม่มี ROG Strix กับ TUF Gaming อยู่ในรายชื่อบอร์ดที่รองรับ DDR5 ด้วย! ในขณะที่ Prime มีการออกทั้งโมเดลที่รองรับ DDR5 และ DDR4 มาให้ทั้งคู่ อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงแรกที่วางขาย Asus น่าจะปล่อยรหัส Apex กับ Impact ตามมาในภายหลังด้วย ซึ่งคาดว่าอาจเป็นอีกรุ่นที่รองรับ DDR5ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงมากน้อยขนาดไหน แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริงหมายความว่าการ จะประกอบคอมให้ใช้ DDR5 ได้จำเป็นต้องจ่ายเงินแพงขึ้นพอสมควร แถมตัว Ram รุ่นใหม่เองก็เชื่อว่าคงมีราคาสูงไม่ต่างกัน อาจต้องรอกันไปอีกสักพักเพื่อรอให้ราคาถูกลงCredit : Tom's Hardware
15 Sep 2021
Qualcomm กำลังพัฒนาชิปรุ่นใหม่สำหรับมือถือเล่นเกมราคาไม่แพง
เหล่าเกมเมอร์บนมือถือรู้จัก Snapdragon ชิปประมวลผลของมือถือซึ่งชื้นชื่อเรื่องความแรงที่ใช้เล่นเกมหนักขนาดไหนก็ไม่มีปัญหา โดยข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ Snapdragon ตัวแรงๆ มีเพียงข้อเดียวคือ มักจะใส่มาในมือถือรุ่นเรือธงของค่ายต่างๆ ทำให้มีราคาที่แพง และไม่ใช่เกมเมอร์ทุกคนจะสามารถหาซื้อมาใช้งานได้Qualcomm เหมือนต้องการจะทำให้ชิปสำหรับเล่นเกมสามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้มากขึ้น ตอนนี้ทางบริษัทจึงกำลังพัฒนาชิปตัวใหม่ในชื่อ SM6375 และ SM6225 โดยเป็นรุ่นราคาไม่แพง หวังจะใส่มาในมือถือราคากลางๆ ไปจนถึงรุ่นราคาเริ่มต้น แต่ยังคงแรงมากพอที่จะเล่นเกมแบบ 144Hz ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งทางบริษัทกำลังทดสอบความเร็วของชิปรุ่นใหม่นี้อยู่4x Gold cores at 2.5GHz + 4x Silver cores 2.2GHz4x Gold cores at 2.3GHz + 4x Silver cores 2.1GHz 4x Gold cores at 2.2GHz + 4x Silver cores 2.0GHz 4x Gold cores at 2.1GHz + 4x Silver cores 1.8GHzถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์บนมือถือ ที่จะสามารถมีชิปแรงๆ ไว้เล่นเกม โดยจ่ายเงินน้อยลงสำหรับการซื้อมือถือ แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไหร่กว่าชิปเหล่านี้จะเข้าสู่ท้องตลาด และสามารถหาซื้อมาใช้งานได้ Credit : Wccftech
14 Sep 2021
intel เปิดตัวพัดลม CPU ใหม่ ที่คาดว่าจะแถมมาให้ด้วยกับ Alder Lake
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปีที่แล้ว - ต้นปีนี้ intel และ AMD ประกาศว่าจะไม่แถมพัดลมมา CPU มาให้ด้วยแล้ว สำหรับ CPU รุ่นแรง แต่สำหรับ Alder Lake ที่เป็นรุ่นต่อไปของ intel เหมือนจะกลับมาแถมพัดลม CPU มาให้เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่าจะเป็นรุนแรงอย่าง i7, i9 หรือรุ่นเริ่มต้นอย่าง i3 และ i5โพสต์โดย Ayxerious บน Twttier ด้วยภาพของดีไซน์พัดลม CPU ใหม่จากทาง intel ที่มีหน้าตา และขนาดต่างกัน 3 รุ่น พร้อมกับ Icon ประกอบทางซ้ายของแต่ละตัว ใช้กับ CPU ตัวไหน จุดแรกที่สังเกตได้เลยคือดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น กับสีของบอดี้ที่เป็นโทนเข้มทั้งหมด แต่ในส่วนของความสามารถในการระบายความร้อนดูจะยังไม่มีข้อมูลให้ได้ดูกันปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้ราคาของ Heatsink ดีๆ ถือว่าถูกลงอย่างมาก และเหล่าเกมเมอร์ก็นิยมใช้ชุดระบายความร้อนด้วยน้ำ AIO มากกว่า Heatsink ที่แถมมากับกล่อง CPU แล้ว การไม่แถม Heatsink มาด้วยในยุค CPU เจนปัจจุบัน จึงอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้ว ต้องรอดูว่าพัดลม Heatsink ของ Alder Lake จะทำหน้าที่ของมันได้ดีขนาดไหน<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Not sure if real, intel hasn&#39;t gotten the hint if these are real lol. <a href='https://t.co/8YTFtiylMz'>pic.twitter.com/8YTFtiylMz</a></p>&mdash; Ayxerious (@ayxerious) <a href='https://twitter.com/ayxerious/status/1436343672669233158?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 10, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>Credit : VideoCardZ
14 Sep 2021
นักวิเคราะห์ชี้ การขึ้นราคาชิป TSMC จะส่งผลให้ราคาทุกอย่างแพงขึ้น ไปจนถึงอย่างน้อยกลางปีหน้า
การขึ้นราคาของโรงงานผลิตชิปในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งาน Hardware หลายคน ว่าราคาของสินค้าหลังจากนี้จะแพงขึ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งนักวิเคราะห์ Counterpoint ได้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่นอกจากอุปกรณ์ Hardware ของ PC แล้ว มีความเป็นไปได้ที่ฝั่ง Smart Phone เองก็จะมีราคาแพงขึ้นเช่นเดียวกัน และจะเป็นการผลักให้ลูกค้าจำเป็นต้องเปลี่ยนไปซื้อสินค้าราคาระดับเริ่มต้นมากขึ้นแม้ว่าการเพิ่มราคาของชิปโดยโรงงานจะส่งผลต่อกำไรที่ได้ของบริษัทที่ชาย Hardware โดยตรง แต่ผู้ออกแบบชิปส่วนใหญ่รวมบริษัทอื่นๆ ก็ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาของสินค้าแบบทันที เพื่อไม่ให้ลูกค้าที่อ่อนไหวต่อราคาตกใจ แต่การขึ้นราคาของ TSMC นี้จะส่งผลให้ต้นทุนสะสมที่เพิ่มขึ้นสำหรับชิปบางตัวจากปี 2020 เป็น 2022 ประมาณ 30% และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ส่งผลถึงราคาของสินค้าที่วางขายจากทั้งหมดทั้งมวลนี้นักวิเคราะห์คาดว่า สินค้า Hardware จะมีราคาที่แพงขึ้นอย่างแน่นอน และน่าจะแพงขึ้นอย่างน้อยไปจนถึงกลางปี 2023 เป็นอย่างน้อย และในขณะนี้โรงงานส่วนใหญ่ก็มีการผลิตที่มากกว่า 100% ที่โรงงานสามารถทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากๆ ทำให้นักวิเคราะห์ เชื่อว่าเดี๋ยวจะต้องมีการลดปริมาณการผลิตลงในเร็วๆ นี้ และส่งผลให้ชิปขาดตลาดมากขึ้น นำไปสู่การขึ้นราคาของสินค้าต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
Adata จับมือกับ Asus เปิดตัว RAM DDR4 ที่มาพร้อมลายการ์ตูนสุดน่ารัก!
สายแต่งคอมที่ชื่นชอบ Anime ต้องดีใจกับสิ่งนี้ เมื่อล่าสุด Adata ได้จับมือกับ Asus ออก RAM DDR4 รุ่นพิเศษ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX ในตลาดประเทศจีน โดยใช้โมเดลของ XPS D50 ในสีขาวพร้อมกับไฟ RGB และภาพตัวการ์ตูน น้องแมวสีฟ้าสุดน่ารัก ในราคาเริ่มต้น 1,099 หยวน หรือประมาณ 5,500 บาทพูดถึงเรื่องความแรง กับความจุของ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX จะมีสองราคาให้เลือกคือ 16GB (8GB x 2) และ 32GB (16GB x 2) มี Bus อยู่ที่ 3600 - 3733Mhz และมีการยืนยันอีกว่าจะมีการออกรุ่น Bus ที่หลากหลายกว่านี้อย่าง 3200Mhz กับ 3800 - 4000Mhz ตามมาในภายหลัง ในส่วนของโลโก้ ROG ที่อยู่ขวาบน มีการเขียนข้อความภาษาจีนที่แปลว่า SnowStorm ไว้ด้วย โดยไม่แน่ใจว่ามีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่านับตั้งแต่การวางขายสินค้าลายพิเศษในซีรีส์ Gundam ในช่วงปีที่ผ่านมา Asus ประเทศจีน ได้มีการทำสินค้า Hardware จากการ์ตูนดัง หรือรายพิเศษออกมาวางขายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้ได้รับความนิยมมากพอสมควรทั้งใน และนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าเราคงจะได้เห็นสินค้าแบบนี้มากขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
AMD Zen 4 จะสามารถอ่านอุณหภูมิได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
หลังจากได้เห็นข่าวลือเกี่ยวกับ CPU ตัวใหม่จากทาง intel กันมาเยอะมากในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ในที่สุดทางฝั่ง AMD ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Zen 4 Raphael กันบ้างแล้ว โดยรายงานล่าสุดได้เปิดเผยว่า CPU รุ่นใหม่นี้จะมีความร้อนที่น้อยกว่า รวมถึงใช้พลังงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นAMD ได้พยายามปรับปรุงปัญหาโดยรวมเกี่ยวกับเรื่องการอ่านค้าความร้อนของ CPU จากทาง AMD ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่นัก และด้วยการอ่านความร้อนที่ผิด บางครั้งจึงทำให้พัดลมทำงานมากเกินความจำเป็นเพื่อระบายความร้อนออกจาก CPU ไปด้วย ปัญหานี้ทำให้การ Overclock เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถรับรู้ความร้อนที่ถูกต้องของ CPU ได้CUR_TEMP คือระบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับ Raphael ทำหน้าที่อ่านความร้อนของ CPU โดยเฉพาะ และทำการส่งสัญญาณไปเพิ่ม / ลด รอบของพัดลมโดยตรง ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาการอยู่ดีๆ พัดลมเพิ่มรอบเอง ลดรอบเองแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้มีเสียงรบกวนจาก PC ลดลง Credit : Tom's Hardware
10 Sep 2021
มนุษย์ผลิต PC ขนาดเล็กที่ใส่กระเป๋าเดินไปเดินมาได้สำเร็จแล้ว!
เพื่อนๆ เคยจินตนาการถึงวันที่เราจะสามารถพกพา PC ขนาดเล็กไปไหนมาไหนได้ โดยใช้เพียงแค่กระเป๋าเสื้อกันหนาวออกหรือไม่? วันนี้ความฝันนั้นถูกทำให้เป็นจริงแล้วโดย XDO Tech และในขณะเดียวกันนี่ก็เป็น PC ที่ใช้งาน CPU Gemini Lake เครื่องเล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งเจ้า PC ขนาดจิ๋วนี้ใช้พลังงานเพียงไม่กี่วัตต์ในการทำงานCPU ที่ใช้คือ Celeron J4125 จากยุค Gemini Lake มีความเร็วเริ่มต้น 2.0 GHz และแรงสุดอยู่ที่ 2.7 GHz มาพร้อมกับการ์ดจอ Intel's UHD 600 มี Ram ความจุ 8GB LPDDR4 ใส่มาแบบ dual-channel และมีความจุเป็น M.2 SSDs ที่ใส่ได้ตั้งแต่ 64Gb ไปจนถึง 1TB แม้ว่าด้วยสเปคนี้จะไม่สามารถเล่นเกมเป็นจริงเป็นจังได้ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างดูหนัง ฟังเพลง ท่องเว็บสามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาโปรเจกต์นี้เป็น Kickstarter ที่ทุกคนสามารถเข้าไปสนับสนุนพวกเขา หรือซื้อได้ในราคาเริ่มต้น $149 สำหรับเครื่อง Ram 4GB กับ M.2 SSDs ขนาด 64GB สำหรับเครื่องที่สเปคสูงขึ้นก็จะมีราคาที่แพงขึ้นไปด้วย ทางผู้ผลิตเผยว่าจะพร้อมส่งให้กับคนที่สั่งซื้อในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2021 นี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/VxwEkvocZfE' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : Tom's Hardware
09 Sep 2021
5 ส่วนขยายของ Microsoft Edge (และ Google Chrome) ที่ทุกคนควรใช้
ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนก็มีเบราว์เซอร์ที่ตัวเองชื่นชอบอย่าง Microsoft Edge หรือ Google Chrome อยู่ ผมมั่นใจว่าหลายๆ ครั้งเราก็อยากจะให้เบราว์เซอร์เหล่านี้มีฟีเจอร์ที่ทำให้เราสะดวกสะบายมากและปลอดภัยขึ้น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะผมกำลังจะแนะนำส่วนขยายของเบราเซอร์ที่จะทำให้การใช้งานนั้นง่ายและสะดวกสะบายกว่าที่เคยเป็นมาแต่ก่อนที่ผมจะเล่าให้ฟังต้องจำให้ขึ้นใจก่อนว่าไม่ใช่ทุกเบราว์เซอร์ที่จะมีระบบการทำงานของส่วนขยายเหมือนกัน ต่างเบราว์เซอร์ย่อมมีความต่างในการทำงานเช่นกัน ฉะนั้นตรวจสอบส่วนขยายให้ดีก่อนนำไปใช้งานจริงจะเป็นการดีที่สุดจริงๆ แล้วส่วนขยายที่มีประโยชน์นั้นมีมากกว่า 1000 พันอันด้วยซ้ำแต่ผมเลือกมาแนะนำแค่ 5 อันที่คิดว่าน่าจะทำให้การใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น หากใครไม่รู้วิธีติดตั้งส่วนขยายสามารถเลื่อนไปดูที่หัวข้อด้านล่างสุดได้เลยMicrosoft Editorเคยมั้ยกับการพิมพ์งานผิดๆ ถูกๆ ในการเขียนส่งงานหรือธุระสำคัญต่างๆ ผมขอแนะนำส่วนขยาย Microsoft Editor เลย เพราะส่วนขยายนี้จะช่วยคุณไม่ให้เขียนคำผิดในหลายเวลาไม่ว่าจะเป็นใน Gmail, Outlook.com และเว็บไซต์อื่นๆ อีกมากมาย  ตัวปลั๊กอินนี้สามารถตรวจสอบคำ แก้คำ และ วัยกรณ์ได้มากถึง 3 ภาษา นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ระดับสูงที่สามารถใช้ตรวจภาษาที่เราเลือกและคำสุภาพหรือแม้แต่การใช้คำต่างๆ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงแต่ว่าผ้ใช้จะต้องเข้าระบบด้วยบัญชี Microsoft ที่มีการ Subscription กับ Microsoft 365 ซะก่อนถึงจะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ Microsoft Editor มีให้บริการใน Microsoft Edge และ Google Chrome   ข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายที่คล้ายๆ กันก็คือ Grammarly ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับ Microsoft Editor ที่ใช้ในงานทางการได้แต่ค่อนข้างอ่อนกว่าในด้านของการพูดคุยทั่วไปBlockSiteมีมั้ยกับการเข้าเว็บไซต์แล้วเจอป๊อปอัพขึ้นมาเต็มไปหมด น่ารำคาญสุดๆ ไปเลยใช่มั้ยที่อยู่ดีๆ ก็มีอะไรไม่รู้โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นเรื่อยๆ หากคุณเจอปัญหาแบบเดียวกันผมขอเสนอ BlockSite ตัวช่วยที่จะทำให้คุณหงุดหงิดน้อยลง ด้วยความสามารถในการปรับให้ป๊อปอัพของเว็บไซต์ต่างๆ ไม่น่ารำคาญได้ตามใจชอบ BlockSite จะมีบริการฟรีและบริการรายเดือนให้เลือกใช้งานBlockSite สามารถใช้ได้บน Microsoft Edgeข้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายคล้ายๆ กันบน Google Chrome ก็คือ Forest LastPassผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคงจะทราบดีว่าการลืมรหัสผ่านมันแย่แค่ไหน ฉะนั้นสำหรับทุกท่านที่ไม่อยากเจอประสบการณืแบบนั้นผมก็แนะนำให้ใช้ LastPass หนึ่งในส่วนขยายที่จะช่วยคุณเก็บ Password ได้อย่างง่ายดาย ส่วนขยายนี้จะต้องจ่ายเงินเป็นรายปีเพื่อแลกกับพื้นที่ในการจำรหัสและปกป้องไม่ให้ถูกขโมยแถมยังสามารถนำข้อมูลรหัสไปยังเครื่องอื่นได้ตามต้องการอีกด้วยLastPass เป็นหนึ่งในส่วนขยายที่สามารถใช้งานได้แบบอัตโนมัติหลังใช้ในเบราว์เซอร์หนึ่งจะทำให้อีกหลายๆ เบราว์เซอร์ทำงานได้อย่างต่อเนื่องตามนี้ Microsoft Edge, Chrome, Firefox, Opera and Internet Explorer ช้อมูลเพิ่มเติม: ส่วนขยายที่คล้ายๆ กันคือ Dashlane ที่จะดูแลรหัสและความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ส่วนขยายนี้เองก็ใช้ระบบจ่ายรายปีAdblock Plusตัวนี้เป็นส่วนขยายที่จะทำให้โฆษณาที่น่ารำคาญหายไป ค่อนข้างมั่นใจว่าหลายๆ คนจะรู้อยู่แล้วว่า Adblock Plus คือส่วนขยายแบบไหนแต่สำหรับคนที่ไม่รู้มันคือส่วนขยายที่ทำให้โฆษณาและป๊อปอัพที่อาจจะทำให้ผู้ใช้งานเจอกับอันตรายหายไปได้ Adblock Plus สามารถใช้งานได้ในเบราว์เซอร์ดังต่างๆ เช่น Microsoft Edge และ Google Chrome เป็นต้น ข้อมูลเพิ่มเติม: สำหรับตัวเลือกที่ดีกว่าก็คือ Ghostery ที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Adblock PlusMicrosoft Rewardsอันนี้เป็นส่วนขยายที่เอามาแนะนำคนที่ใช้ Microsoft Edge เพื่อรับโบนัสต่างๆ จากกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ แล้วเอาไปแลกกับของรางวัลต่างๆ อย่าง ตั๋วส่วนลด Xbox Game Pass หรือบริการต่างๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Microsoft บอกเลยว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ใช้สินค้าของ Microsoft บ่อยๆMicrosoft Rewards สามารถใช้งานได้ทั้งบน Microsoft Edge และ Google Chrome ข้อมูลเพิ่มเติม: อีกอันที่คล้ายๆ กันคือ The Camelizer ที่เป็นปลั๊กอินของ Google Chrome ที่มีประวัติการใช้จ่ายให้ด้วย แต่ตอนนี้ยังใช้งานได้กับแค่ Amazon เท่านั้นทำให้ตัวเลือกในของรางวัลน้อยกว่า Microsoft Rewardsวิธีลงส่วนขยายใน Microsoft Edge หรือ Google Chromeการลงส่วนขยายในเบราว์เซอร์นั้นทำได้ง่ายโดยการเข้าลิงก์หรือค้นหาชื่อได้แล้วกดเพิ่มได้เลย แต่ที่คนมักไม่รู้จริงๆ คือการปรับหรือปิดส่วนขยายบนเบราว์เซอร์ของตัวเองต่างหากเริ่มแรกก็ให้คลิ๊กไปที่แถบบนขวาของเบราว์เซอร์ก่อน จากนั้นก็เลือกแทบที่เขียนว่า "ส่วนขยาย" พอเข้าไปเสร็จเราก็จะเห็นรายชื่อของส่วนขยายทั้งหมดที่เรามีทั้งหมด จากหน้านี้เราสามารถปิดหรือลบส่วนขยายที่เรามีก็ได้ ใน Google Chrome ก็มีกระบวนการคล้ายๆ กันแต่จะต่างกันตรงที่ส่วนขยายจะอยู่ในแทบที่มีชื่อว่า "เครื่องมือเพิ่มเติม" จากนั้นก็จะเจอหน้าแบบเดียวกับของ Microsoft Edgeถ้าผู้ใช้งานอยากจะลงส่วนขยายของ Google Chrome ลงบน Microsoft Edge ก็สามารถทำได้โดยการมองไปที่ช่องซ้ายล้างในหน้าของส่วนขยายแล้วกดใส่ปุ่มที่มีคำเขียนข้างๆว่า “อนุญาติให้ใช้ส่วนขยายจากร้านค้าอื่น” หลังจากนั้นคุณก็จะสามารถลงส่วนขยายจากร้านค้าอื่นได้เลยบน Microsoft Edgeแต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจำเอาไว้ให้ดีคือ "ยิ่งมีส่วนขยายมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้คอมพิวเตอร์ช้าลงมากเท่านั้น" ฉะนั้นจะใช้อะไรก็ระวังให้ดีล่ะ
08 Sep 2021
AMD Ryzen 5000 Series กำลังมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันวางขาย Alder Lake
หลังจากเป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัดมากๆ มาสักระยะหนึ่ง ในที่สุดช่วงนี้เราก็เริ่มจะหาซื้อเจ้า CPU เจนใหม่นี้ได้ง่ายขึ้นแล้ว แต่ที่ดีกว่านั้นคือเว็บไซต์ Overclock3D ได้สังเกตว่าราคาของ CPU รุ่นนี้กำลังถูกลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วันวางขาย intel Alder Lake มากขึ้นด้วย โดยตอนนี้ราคาลงมาประมาณ 15 - 18% แล้วในประเทศใหญ่ๆAMD Ryzen 5 5600X – เปิดตัว £289.99 – ล่าสุด £245.99AMD Ryzen 7 5800X – เปิดตัว £428.99 – ล่าสุด £354.79AMD Ryzen 9 5900X – เปิดตัว £529.99 – ล่าสุด £450.00AMD Ryzen 9 5950X – เปิดตัว £749.99 – ล่าสุด £718.88ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก หากการลดราคานี้มาจากทาง AMD เอง เนื่องจากราคาที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ของ intel มีราคาที่สูงมาก หากสินค้าของ AMD จะมีราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ด้วยแบบนี้ ก็ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสทางการตลาดที่มากขึ้น อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนคาดหวังจะได้เห็นกันอยู่คงเป็นประสิทธิภาพของ CPU เจนใหม่ของทาง AMD เองที่ก็ใกล้วันเปิดตัวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน และแน่นอนว่ามันจะต้องแรงต่อกรกับของ intel ได้อย่างแน่นอน ต้องติดตามชมกันต่อไปCredit : VideocardZ
08 Sep 2021
ลือ intel ตั้งเป้าให้ GPU รุ่นแรก Alchemist แรงอย่างน้อยเทียบเท่า RTX 3070
แม้จะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่หลังจากนี้การแข่งขันในตลาด GPU จะร้อนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยการเข้ามาแข่งขันของ intel แต่ในเรื่องของความแรง GPU เจนแรกของค่ายฟ้า ดูเหมือนจะยังห่างไกลในเรื่องความแรงเมื่อเทียบกับ Nvidia และ AMD เมื่อล่าสุดนักปล่อยข่าวลือ Greymon55 ได้โพสต์ข้อความบน Twitter ถึงเรื่องนี้ ก่อนจะถูกโต้ตอบโดย VideocardZ ทำให้ข่าวนี้มีความน่าเชื่อถือสูงมากสำหรับ GPU รุ่นแรก ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี พอรวมกับคำพูดของ CEO คุณ Pat Gelsinger ก่อนหน้านี้ที่ยืนยันว่า intel ยังต้องใช้เวลาอีก 4 - 5 ปีก่อนจะตาม Nvidia ทัน ก็ยิ่งทำให้ข้อมูลนี้มีความน่าเชื่อถือสูงมากขึ้น อีกหนึ่งข้อมูลที่ช่วยยืนยันความแรงของ GPU Alchemist ได้ คือพลังงานที่ชื่อ ซึ่งมีข่าวลือออกมาว่าจะอยู่ในช่วง 225–275W ที่ใกล้เคียงกับ RTX 3070 ที่ใช้พลังงาน 220W และยังใกล้เคียงกับ RX 6700 XT ที่กินไฟ 230W ด้วยในเวลาเดียวกันอย่างไรก็ตามความแรงของการ์ดจอไม่ได้มาจากความสามารถของชิปเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถของ Driver ด้วย ยั่งไม่ทราบเหมือนกันว่าสินค้าตัวจริง จะมีหน้าตาแบบไหน และแรงตามข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงนี้หรือไม่ เชื่อว่าภายในต้นปีหน้าเราจะได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอน<blockquote class='twitter-tweet'><p lang='en' dir='ltr'>Define official ?</p>&mdash; VideoCardz.com (@VideoCardz) <a href='https://twitter.com/VideoCardz/status/1435186683222401025?ref_src=twsrc%5Etfw'>September 7, 2021</a></blockquote> <script async src='https://platform.twitter.com/widgets.js' charset='utf-8'></script>credit : PCGamer
08 Sep 2021
รีวิว HP Victus 16 ราคา 30,000 ต้นๆ แต่เล่น AAA ได้แบบเอาอยู่!
ในการซื้อ Notebook สำหรับเล่นเกมหนึ่งเครื่องด้วยเงิน 30,000 กว่าบาท เพื่อนๆ คาดหวังอะไรบ้าง? HP Victus 16 อาจเป็นเครื่องนั้นที่เพื่อนๆ ตามหากันอยู่ ด้วยขุมพลังระดับ Ryzen 5 5600H + RTX 3050 ทำให้เจ้าเครื่องนี้สามารถเล่นเกมส่วนใหญ่ในโลกได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ส่วนที่น่าตื่นเต้นกว่าคือมันมีราคาไม่ถึง 32,000 บาทในตอนนี้!อีกหนึ่งจุดเด่นที่สังเกตได้ตั้งแต่แวบแรกคือบอดี้ และดีไซน์ที่สวยมาก มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 16.1 นิ้ว ใหญ่มองเห็นชัดครบทุกรายละเอียด แต่ก่อนจะไปลงลึกถึงรายละเอียดในส่วนอื่น เรามาเริ่มจากการดูสเปคทางเทคนิคกันก่อนดีกว่าสเปคCPU : AMD Ryzen 5 5600H (3.30 GHz up to 4.20 GHz, 16 MB L3 Cache)GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 (4GB GDDR6)Monitor : 16.1 นิ้ว Panel Type : IPS, Refresh Rate : 144 Hz sRGB 100%Ram : 8 GB DDR4Battery : 4-Cell Li-Polymer, 70Whr Storage : 512 GB SSD PCIe M.2Weight 2.4 Kgถ้าว่ากันด้วยความแรงเพียงอย่างเดียว AMD Ryzen 5 5600H + RTX 3050 ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ อาจไม่สามารถปรับกราฟิกจัดเต็มได้ในทุกๆ เกม แต่สามารถเล่นไหวได้อย่างแน่นอนหากกราฟิกถูกปรับอยู่ในระดับ Medium แม้แต่ในเกมระดับ AAA ยุคใหม่ ในส่วนของ Ram กับ Storage ถือว่าอาจต้องอัปเกรดเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของ Notebook ราคาช่วงนี้ในปัจจุบันด้วยหน้าจอขนาด 16.1 นิ้ว ทำให้ Notebook เครื่องนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่มากกว่ามาตรฐาน แต่ด้วยบอดี้ที่ใหญ่ก็ทำให้ใส่คีย์บอร์ดแบบ Full Size มาแล้วไม่รู้สึกอึดอัดอะไร ง่ายต่อการพิมพ์เป็นอย่างมากไม่ว่าผู้ใช้งานจะมีขนาดของนิ้วที่ใหญ่หรือเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าได้ชื่อ Notebook Gaming ก็หมายถึงการมาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบมีไฟสวยงาม ในส่วนของ Touchpad เป็นแบบซ้อมปุ่มขนาดใหญ่ ง่ายต่อการใช้งานในส่วนของการอัปเกรด ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม Ram และ SSD ได้อีกอย่างละ 1 ตัว สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองเพียงเปิดฝาเครื่องด้านหลังออกมา แล้วสังเกตที่บริเวณตรงกลางของ Mainboard และแถบทองแดงทางขวามือสำหรับช่องเสียบ SSD ดีไซน์ / ฟีเจอร์สำคัญHP Victus 16 มาด้วยบอดี้ 3 สีแบบด้านให้เลือก ไม่ทิ้งรอยนิ้วมือเมื่อสัมผัส และมีโลโก้ V ตัวใหญ่ด้านหลังเครื่อง โดยรวมจะรู้สึกว่าเป็นเครื่องที่น่าจะมีราคาแพงในแวบแรกที่สังเกตเห็น ถึงแม้ว่าเครื่องจะมีขนาดที่ใหญ่ และมีน้ำหนักถึง 2.4 Kg แต่ดีไซน์แบบเรียบหรู จึงทำให้ไม่ดูเทอะทะ หน้าจอของ Victus 16 ฉบับปี 2021 มาเป็นแบบ Panel IPS ที่ให้ความถูกต้องของสีได้ถึง sRGB 100% ที่มี Refresh Rate : 144 Hz เหมาะทั้งสำหรับการเล่นเกม และรับชมสื่อความบันเทิง ในเรื่องการระบายความร้อน จากรูปข้างบนจะสังเกตได้ว่า HP ดีไซน์เครื่องรุ่นนี้มาให้ใช้พัดลมสองตัวในการระบายความร้อน และมีท้อ Heat Pipe อีก 5 เส้นทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อน ใช้การดึงลมเย็นเข้าจากข้างล่างของเครื่อง จากนั้นระบายออกทางด้านหลัง มีการยกบริเวณด้านหลังเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อดึงอากาศเย็นเข้าได้ง่ายขึ้น กล่าวคือออกแบบมาให้ใช้งานแบบหนักๆ เป็นระยะเวลานานได้อย่างไม่มีปัญหาแม้ว่าจะใช้ชื่อรุ่นว่า Victus แต่ก็ยังถือว่าเป็นรุ่นสำหรับเล่นเกมของทาง HP ทำให้ในเครื่องรุ่นนี้มีการใส่ Software สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่อง Omen เข้ามาด้วย ดังนั้นการปรับรอบพัดลม กำลังไฟของ CPU และ GPU สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่าน Software ตัวนี้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Software ตัวเดียวกันในการสังเกตอุณหภูมิเครื่อง รวมถึงควบคุมความสำคัญในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้กับโปรแกรมต่างๆ ภายในเครื่องได้อีกด้วยระบบเสียงที่ดีมีส่วนช่วยอย่างมากในการเพิ่มความสนุกที่ได้จากการเล่นเกม โมเดลใหม่นี้มีการใช้ลำโพงจาก Bang & Olufsen จากประเทศเดนมาร์กทำให้มีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม สุดท้ายคือในเรื่องของ Battery ที่ให้มาเป็นแบบก้อนใหญ่ 4-Cell Li-Polymer, 70Whr สามารถใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้ผลทดสอบสำหรับโปรแกรมแรกที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ยังคงเป็นโปรแกรม 3Dmark Time Spy ในส่วนของ Benchmark จากภายในเกม ครั้งนี้เรายังคงใช้ Shadow of The Tomb Raider กับ Assassin's Creed Valhalla เช่นเดิม โดยผลลัพธ์เป็นไปตามคาด เครื่องสามารถทำ FPS ได้ในระดับที่เล่นได้ มีข้อมูลโดยละเอียดตามนี้ส่วนที่อยากให้สังเกตคือคะแนนของ CPU และ GPU ที่ไม่ห่างกันเกินไป ซึ่งมันหมายถึงการทำงานที่ไม่มีอาการขอขวด ในส่วนของการคาดเดา 3DMark Time Spy ได้บอกว่าสเปคระดับนี้สามารถเล่น Battlefield V แบบ 2K ปรับ Ultra ได้สบายๆ ดังนั้นเชื่อว่าสามารถเล่นเกมแทบทั้งหมดในโลกนี้ได้แล้วในเวลาเดียวกัน ที่นี่มาดูคะแนนจากเกมต่างๆ บ้างสำหรับ Shadow of The Tomb Raider  สามารถทำ FPS ได้อยู่ที่ 52 - 113 FPS มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 66 FPS ในกราฟิกระดับ High ก็คือสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอนสำหรับเกมที่เจนใหม่ ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง Assassin's Creed Valhalla ที่กราฟิกระดับ Medium ทำ FPS ได้อยู่ที่ 23 - 96 FPS และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 58 FPS สรุปHP Victus 16 ถือได้ว่าเป็นเครื่องราคาสบายกระเป๋าที่เอาอยู่อย่างแน่นอนไม่ว่าจะใช้งานในด้านไหน ซึ่งสำหรับคนที่มีงบมากกว่านี้อยากจะได้สเปคที่แรงกว่านี้ ทาง HP ก็ยังมีโมเดลอื่นที่มาพร้อมสเปคระดับกับ RTX 3060 และเครื่องรุ่นแรงสุดสเปคระดับ Ryzen 7 5800H + RTX 3060 ด้วย ที่น่ายินดีคือเครื่องรุ่นนี้ยังคงมีให้สั่งซื้อแบบออนไลน์ได้จากร้านชั้นนำอย่าง JIB, Advice และ Banana ใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูได้ผ่านเว็บไซต์ หรือติดต่อร้านใกล้บ้านได้เลย
07 Sep 2021
CEO บริษัท Intel มั่นใจ ARC จะสามารถกดดัน Nvidia ได้อย่างแน่นอน
Pat Gelsinger ผู้นำคนปัจจุบันของ intel ได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลแผนพัฒนาชิปของบริษัท รวมถึงแนวทางใหม่ของ intel ที่ดูมีอนาคตมากขึ้นออกมาตั้งแต่เขาขึ้นรับตำแหน่ง เว็บไซต์เกี่ยวกับ Hardware หลายที่ทั่วโลก เชื่อว่า intel กำลังกลับมาภายใต้การนำของ Pat Gelsinger แต่ทางฝั่งของ CEO เองหละ เขามีความมั่นใจในทิศทางของบริษัทมากขนาดไหน ในบทสัมภาษณ์ใหม่เราได้ข้อมูลนี้แล้วintel จะสามารถแข่งขันกับ AMD และ Nvidia ได้ในตลาด HPC ด้วยผลิตภัณฑ์ Xeon Scalable เจเนอเรชันถัดไป และยังรวมถึง Ponte Vecchio และ Xe-HP Arctic Sound GPUs ด้วย บริษัทวางแผนที่จะแข่งขันอย่างมากในอีก 3 ถึง 4 ปีข้างหน้าโดยมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำให้ได้Pat ยังกล่าวอีกว่า intel จะสามารถแข่งขันกับ Nvidia ในตลาดสถาปัตยกรรม GPU และจะสร้างแรงกดดันให้กับ Nvidia ได้เป็นครั้งแรก ด้วยการประกาศล่าสุดของเทคโนโลยี intel XeSS Supersampling และแผนงานหลายปีสำหรับสถาปัตยกรรม Xe-HPG intel จะไม่เพียงแต่ต้องแข่งขันกับ Nvdia แต่ยังรวมถึง AMD ที่จะเปิดตัว MCM GPUs ตัวแรกด้วย Radeon 7000 series ในปลายปีหน้าด้วยเรากำลังเปิดตัวสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Alder Lake ที่ซึ่งเรามีคอร์ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก และผมเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าเจ้า Alder Lake และสถาปัตยกรรมของเราหลังจากนี้จะสามารถแข่งขันกับ AMD ได้อย่างแน่นอน Pat Gelsinger กล่าว Credit : VideocardZ
07 Sep 2021
Intel เปิดตัว Alchemist Artwork ตัวแทนของ GPU ตัวใหม่!
นอกจาก Alder Lake ที่กำลังจะมาแล้ว intel ARC การ์ดจอตัวใหม่เองก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เหล่านักประกอบคอมทั่วโลกต่างให้ความสนใจอยู่ ซึ่งวันนี้ก็มีการปล่อยภาพ Artwork ของ Alchemist ที่เป็นชื่อ GPU รุ่นแรกที่จะปล่อยออกมา เพื่อให้ตรงกับชื่อภาพจึงเป็นหญิงสาวที่เหมือนกำลังเล่นแร่แปรธาตุอยู่เช่นกันนอกจากภาพของ Alchemist แล้วรุ่นอื่นที่กำลังจะมาตามมาอย่าง Battlemage, Celestal และ Druid เองก็มีภาพ Concept ART ขาวดำ ให้ดูเช่นเดียวกัน โดยเหตุผลที่ใช้ชื่อ Code Name แต่ละรุ่นเป็นเหมือนอาชีพจากเกม คิดว่าคงเป็นเพราะอยากจะสื่อว่า Intel ARC ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์อย่างแท้จริงจุดที่น่าแปลกคือตัวละครทั้ง 4 นี้ ดูจะตั้งใจออกแบบมามากกว่าใช้เป็นภาพสำหรับโปรโมทเพียงอย่างเดียว ไม่แน่ว่า Intel อาจกำลังวางแผนจะเอาตัวละครเหล่านี้มาใช้งานต่อไปในอนาคตด้วยก็เป็นได้!Credit : VideoCardZ
03 Sep 2021
หลุดราคา Alder Lake จากร้านในยุโรปเจนนี้เริ่มต้นที่ 12,000 บาท!
หลังจากหลุดผลทดสอบรวมถึงคะแนนบน Geekbench ล่าสุดแม้ว่าทาง Official ยังไม่มีประกาศอะไรออกมา แต่ราคาเหมือนจะหลุดออกมาจากร้านในยุโรปแล้ว โดยต้องบอกเลยว่าถือเป็นเรื่องน่าตกใจมาก และทำให้ราคาที่หลุดออกมานี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก เนื่องจากมันแพงกว่าเจนที่แล้วประมาณ 3,000 บาทในรุ่นรหัสเดียวกันเลย!ในขณะที่รุ่นแรงอย่าง i9 และ i7 ดูจะมีราคาที่แพงกว่าเดิมถึง $300 แต่รหัส i5 เหมือนจะแพงขึ้นมาเพียงแค่ $100 เท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหมือนกันว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่แพงขึ้น หรือเพราะวัตถุดิบอย่าง Silicon ขาดตลาดกันแน่ถึงทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปขนาดนั้น โดยอาจต้องรอดูราคา CPU เจนใหม่จากทาง AMD ด้วยว่าจะแพงขนาดไหนส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า ราคาที่หลุดออกมานี้ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักหาก intel ต้องการแข่งในเรื่องของยอดขายกับ AMD จริงๆ ยกเว้นว่า CPU ของ intel เองจะแรงกว่าของ AMD มากๆ แต่เนื่องด้วยการที่ AMD เองก็ยังไม่ได้มีการเปิดตัว CPU เจนใหม่ของพวกเขา จึงคิดว่าควรจะรอดูกันไปก่อนครับ Credit : Tom's Hardware
03 Sep 2021
EVGA เผย รู้สาเหตุของ RTX 3090 ที่พังหลังจากเล่น New World แล้ว!
ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับการ์ดจอ RTX 3090 ของทาง EVGA ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายที่น่าเชื่อถือมากๆ ค่ายหนึ่งของโลก อยู่ดีๆ ก็พังหลังจากผู้ใช้งานเอาไปใช้เล่นเกม New World ซึ่งหลังจากงงกันทั้งโลกรวมถึงผู้พัฒนา และตัวผู้ผลิตเองด้วย ซึ่งหลังจากงงกันมาเป็นเวลานานในที่สุดก็ดูเหมือนจะรู้สาเหตุจริงๆ ของเรื่องนี้แล้วในตอนแรกมีรายงานว่าหน้าจอ Main Menu ของ New World ที่ไม่มีการล็อก FPS เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้การ์ดจอทำงานหนักจนเกินไป และผู้พัฒนามีการออกแพตช์มาแก้ไขในส่วนนั้นแล้ว แต่เหมือนนั้นจะไม่ใช่สาเหตุเดียว เนื่องจากล่าสุดจากเว็บไซต์ PC World มีรายงานว่าการ์ดจอ RTX 3090 ทั้งหมดที่พังเป็นสินค้าที่มาจากล็อตเดียวกันสินค้าล็อตนี้ถูกผลิตในปี 2019 และเป็นล็อตที่มี 'ฝีมือในการบัดกรีรอบวงจร MOSFET ไม่ดี' และเป็นเหตุทำให้การจ่ายไฟในการ์ดทำได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ EVGA ไม่ได้เปิดเผยว่าขายการ์ดไปเท่าไหร่ แต่พวกเขายืนยันแทนว่าการ์ดที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นส่วนน้อยจำนวนประมาณ 1% ของทั้งหมด ซึ่งจะมีการส่งการ์ดใบใหม่ให้กับลูกค้าที่พบปัญหาต่อไปCredit : VideoCardZ
02 Sep 2021
Windows 11 จะยังไม่รองรับ Android App จนกว่าจะปีหน้า!
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้ทราบวันปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว แต่ก็มีหนึ่งข่าวที่น่าเศร้าสำหรับคนที่อยากใช้แอป Android บน Windows 11 เนื่องจากระบบดังกล่าวอาจยังไม่ Support ในช่วงแรกที่ปล่อยออกมา แต่จะตามมาทีหลังในช่วงปี 2022 แทนยังไม่มีการระบุวันที่ชัดเจน แต่เหมือนว่าระบบเกี่ยวกับส่วนนี้จะยังไม่เรียบร้อยดี และ Microsoft เองก็ไม่อยากปล่อยระบบที่ยังไม่สมบูรณ์ออกมาให้เราใช้งานกันในตอนนี้ ซึ่งในเมื่อเป็นหนึ่งในระบบที่ผู้ใช้งานดูตื่นเต้นกันมากๆ เชื่อว่าทาง Microsoft เองก็คงอยากให้ Windows 11 สามารถใช้งานระบบนี้ได้เร็วๆ ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นกันอย่างไรก็ตามสำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ใช้ชิ้นส่วน Hardware รุ่นใหม่อะไรขนาดนั้นในเครื่อง PC ตอนนี้ การอัปเดตเป็น Windows 11 อาจทำได้พร้อมๆ กับการเพิ่มระบบให้ใช้งาน Android ได้พร้อมๆ กัน อันนี่ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นเช่นไรCredit : Wccftech
01 Sep 2021
Microsoft ประกาศปล่อย Windows 11 อย่างเป็นทางการวันที่ 5 ตุลาคม 2021
หลังจากเปิดให้เหล่า Insider Program ได้เข้าไปใช้งานก่อนสักพัก ในที่สุดก็มีการประกาศวันวางขาย Windows 11 อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมันก็เร็วกว่าที่คิดไว้มาก เพราะมันคืออีก 35 วันข้างหน้านี้เอง สำหรับผู้ใช้งานเก่า สามารถอัปเดตเป็น Windows รุ่นใหม่ได้ฟรี อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่ PC ทุกเครื่องจะสามารถอัปเกรดได้เลยตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2021 โดยเครื่องที่ใช้ Hardware รุ่นใหม่ๆ จะได้สิทธิในการอัปเกรดก่อนMicrosoft ต้องการเวลาศึกษาเพิ่มอีกเล็กน้อยถึงความเข้ากันได้กับระหว่าง Hardware รุ่นเก่าๆ กับระบบปฏิบัติการใหม่ ว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง โดยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งนี้ Microsoft หมายถึงเครื่องรุ่นใหม่ในที่นี้ หมายถึงเครื่องที่ใช้ CPU ตั้งแต่เจน 8 เป็นต้นมาอย่างที่เคยประกาศไว้ หรือหมายถึงรุ่นใหม่เลยจริงๆ อย่าง intel Core i เจน 11 กับ AMD Ryzen เจน 5 กันแน่ จะสามารถตรวจสอบได้ว่าจะมีสิทธิ์อัปเกรดเมื่อใดโดยดำเนินการผ่าน Windows Update แต่เบื่องต้น Microsoft วางแผนจะให้เครื่องทั้งหมดอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ภายในกลางปี 2022 สำหรับการเล่นเกมแล้ว Windows 11 มาพร้อมกับ DirectX12 Ultimate, DirectStorage และ Auto HDR นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Xbox Game Pass ที่จะทำให้สามารถเล่นเกมยอดเยี่ยมมากมายได้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Windows 11 เพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้!Credit : Tom's Hardware
01 Sep 2021
ลือ AMD เตรียมเปิดตัว Radeon RX 6900 XTX แรงกว่า RTX 3090
แม้ว่าเมื่อวานนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงของ AMD ออกมาให้เรารู้สึกใจหาย แต่วันนี้มีหนึ่งข่าวที่น่าดีใจสำหรับแฟนๆ ค่ายแดง เพราะดูเหมือน AMD จะมีการ์ดจอรุ่นแรงอีกหนึ่งตัวที่เตรียมจะออกมาสู้กับตัวแรงของ Nvidia ซึ่งรหัสของรุ่นดังกล่าวก็คือ Radeon RX 6900 XTX จากข่าวลือที่ปล่อยออกมาโดย CyberPunkCat การ์ดจอตัวใหม่รหัส XTX นี้จะมาพร้อมกับแรมถึง 16 GB เท่าเดิม แต่มีความเร็วถึง 576 GB/s (เร็วกว่า 6900 XT อยู่ประมาณ 12%) และในขณะเดียวกันก็น่าจะกินไฟมากขึ้นอีก 50W ด้วย สำหรับหัวประมวลผลจะเป็นแบบ 24.93 TFLOPs. ที่ Boost Clock ขึ้นไปเป็น 2435 MHz ดูภาพเปรียบเทียบแต่ละรุ่นได้ชัดๆ ข้างล่างนีัยังไม่มีการยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นความจริงมากน้อยขนาดไหน และการ์ดรุ่นใหม่จะวางจำหน่ายเมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าจะมีการวางขายในช่วงก่อนการ์ดจอรุ่นใหม่ออก หรือภายใน 1 ปีหลังจากนี้สักช่วงหนึ่ง ต้องรอดูประกาศอย่างเป็นทางการจาก AMD ต่อไปCredit : Wccftech
31 Aug 2021
ประเทศญี่ปุ่นทำตู้กาชา CPU ค่ากดครั้งละ 300 บาท!
ในยุคที่การประกอบคอมแบบ DIY ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะ CPU ของ AMD ที่ขายดีจนสามารถเอาชนะ intel ได้แล้วในปีที่ผ่านมา จึงมีพ่อค้าสมองใส ทำตู้กาชาสำหรับ CPU ออกมาวางให้ลูกค้าได้สนุกกัน โดยภายนอกจะเห็นได้ว่าเป็นกล่อง Ryzen 5 5600X แต่ภายในกล่องจะไม่ใช่ CPU ตัวเดียวกับหน้ากล่อง แต่เป็นรุ่นเก่าของ Intel ไม่ก็ AMD ผสมๆ กันไปถือได้ว่าเป็นไอเดียที่สนุก และน่าสนใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าภายในตู้มี CPU รุ่นใหม่ด้วยจริงๆ รึเปล่า ซึ่งถ้าหากว่ามีอยู่ด้วย การกดได้มาในราคาเพียง 1000 เยน หรือ 300 บาท จะเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ โดยจากรูปที่โพสต์ลงบน Twitter เมื่อวานนี้ที่ในตู้แทบจะไม่เหลือกล่อง CPU แล้ว เป็นเครื่องยืนยันว่า เจ้าตู้กาชานี้ได้รับความนิยมอย่างมาก片付けがめんどいので休憩室居座り中~風前の灯火...Ryzenガチャ週末まで持たんかも...(´・ω・`) pic.twitter.com/oAZEC2lhBU— 大須パソコンショップ パウ (@OSU_PC_SHOP_PAW) August 30, 2021 Credit : Wccftech
31 Aug 2021
Microsoft ยอมให้ทุกคนลง Windows 11 ได้ แม้ว่า CPU อาจไม่เหมาะสมจะใช้งานก็ตาม
ในช่วงแรกที่มีการเปิดตัว Windows 11 ทาง Microsoft ได้ยืนยันว่า ไม่ใช่ CPU ทุกรุ่นจะสามารถใช้งานระบบปฏิบัติการใหม่นี้ได้ โดยเฉพาะรุ่นที่เก่ากว่า intel Core i7 และ AMD Ryzen เจนแรก แต่สำหรับคนที่อยากลองใช้งาน Windows 11 แม้ว่า CPU จะไม่ผ่านเกณฑ์ ยังสามารถทำได้ด้วยการติดตั้งเองผ่านไฟล์ ISOแม้ว่าข่าวนี้จะไม่ได้ถูกประกาศโดยทาง Official เอง แต่ 3 เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถืออย่าง Thurrot, ZDNet และ The Verge ได้รายงานตรงกันว่า Microsoft จะยอมให้สามารถติดตั้ง Windows 11 ลงบนเครื่องที่ไม่ผ่าน PC Health Check ได้ แต่แน่นอนว่าไม่มีการรับประกันว่า Windows 11 จะสามารถใช้งานได้ปกติแน่นอนว่าจะมีการแจ้งเตือนเมื่อเปิดใช้งานด้วยว่า Hardware ของผู้ใช้งานไม่รองรับการทำงานของ Windows 11 และจะไม่สามารถอัปเดตต่อไปในอนาคตได้เช่นกัน แต่เหล่าโปรแกรมเมอร์ก็สามารถทดลองกันด้วยตัวเองได้ Credit : Tom's Hardware
30 Aug 2021
ผลทดสอบ Geekbench เผย i9-12900K แรงกว่า Ryzen 9 5950X
เรียกได้ว่าหลุดผลทดสอบกันอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับข้อมูล CPU รุ่นใหม่ของ Intel ซึ่งมีแผนจะวางจำหน่ายในปีหน้า ก่อนหน้านี้เราได้เห็นกันไปแล้วว่า ตัวรหัสธรรมอย่าง i7-12700 ก็แรงเทียบเท่ากับ Ryzen 7 5800X ได้ และวันนี้ผลทดสอบของ i9-12900K ก็ได้เผยว่ามันแรงกว่า Ryzen 9 5950X เสียอีกจากผลทดสอบ i9-12900K เอาชนะ Ryzen 9 5950X ได้ทั้งในด้าน Single-Core และ Multi-Core ซึ่งผลทดสอบทั้งหมดนี้ ยังเป็นการจะมีการปล่อย Bios เวอร์ชันสมบูรณ์ออกมา ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ผลทดสอบจากการใช้งานจริง CPU อาจสามารถทำคะแนนได้มากกว่านี้อีก ทั้งนี้จากข่าวก่อนหน้า AMD เองก็มีแผนจะเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ในการผลิตเช่นเดียวกัน โดยจากความก้าวหน้าในช่วง 2 - 4 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่า AMD ไม่มีทางยอมแพ้ในเรื่องของความแรงง่ายๆ อย่างแน่นอน และการแข่งขันระหว่างทั้งสองบริษัทจะเป็นผลดีต่อผู้ใช้งานอย่างๆ เรา ที่จะได้ CPU แรง ดี ในราคาที่คู้ควรมาใช้งานกันCredit : Tom's Hardware
27 Aug 2021
TIPS & TRICKS ช่างคอม อยากให้คอมแรงเริ่มง่ายๆ ด้วยการดูแลเรื่องความร้อน
ในช่วง 3 - 4 ปี ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าการเล่นเกมบนเครื่อง PC เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากการที่ ราคาเครื่องประกอบดีๆ ไม่ได้แพงเทียบเท่ากับเมื่อก่อนแล้ว เพียงแค่มีเงิน 2 - 3 หมื่น ทุกคนก็สามารถมีเครื่อง PC ดีๆ ซึ่งสามารถเล่นเกมเกือบทั้งหมดในโลกได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่อาจจำเป็นต้องใช้เงินถึง 4 - 5 หมื่น เพื่อให้ได้ PC ดีๆ สำหรับเล่นเกมเครื่องหนึ่งมา ซึ่งถ้าหากใช้เงินจำนวน 4 - 5 หมื่นในการประกอบ PC เครื่องหนึ่งในยุคนี้ เราก็จะได้เครื่องที่มีความแรงมากพอจะเปิดกราฟิกแบบจัดเต็มมาเล่นได้เลยแทนอย่างไรก็ตามด้วยงบที่มีอยู่อย่างจำกัด หลายคนจึงให้ความสนใจไปกับการซื้อชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องให้แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยลืมคำนึงถึงการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพไป หลายคนมองว่าเจียดเอาเงินบางส่วนนำไปลงทุนให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีไม่ใช่เรื่องที่ควรให้ความสำคัญอะไร ซึ่งขอยืนยันตรงนี้เลยว่า มันเป็นความเชื่อที่ผิด ส่วนว่าทำไมถึงผิด วันนี้ผู้เขียนจะอธิบายให้ได้อ่านกันความร้อนจริงๆ แล้วส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรงปกติแล้วการทำงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ทุกชนิดในโลกที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจะทำให้เกิดความร้อนตามมาเสมอ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่กับเครื่อง PC เองที่จำเป็นต้องจ่ายไฟเลี่ยงให้กับ Mainboard, CPU, GPU, RAM และ Harddisk อยู่ตลอดเวลา ที่ย่อมทำให้เกิดความร้อนในการทำงานเช่นเดียวกัน โดยในอุปกรณ์เหล่านี้จะมีกลไกตัวหนึ่งถูกใส่มาเหมือนกันๆ นั้นคือ "การลดประสิทธิภาพในการทำงาน หรือกำลังไฟที่จ่ายลงเมื่ออุปกรณ์มีความร้อนมากเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้ Overheat จนทำให้อุปกรณ์เสียหาย" ดังนั้นการดูแลเรื่องความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะหมายถึงการทำให้ชิ้นส่วนภายในของ PC เราสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลาด้วย ยิ่งชิ้นส่วนที่เราหยิบมาใส่ PC ใช้ไฟ หรือมีความแรงมากขนาดไหน ความสามารถในการระบายความร้อนของเครื่อง PC เราก็ควรจะมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการจะทำให้ PC สามารถระบายความร้อนได้จะมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง โดยจะขอกล่าวถึงเป็นข้อๆ ต่อไป สำหรับคลิปข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งช่วยยืนยันว่า การทำให้เครื่อง PC ของเรามีอุณหภูมิที่เย็นอยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (FPS ในเกมเพิ่มมา 10 - 15 FPS)อุณหภูมิเท่าไหร่ถึงเรียกว่าร้อน?ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องเข้าใจผิด ที่มีกันอยู่ในทุกวันนี้ว่า "อุณหภูมิของ CPU กับ GPU ต้องเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าร้อน?" หลายคนอาจบอกว่ามากกว่า 90 องศาคือเรียกว่าร้อน บางคนก็บอกว่ามากกว่า 95 องศา แต่ในความเป็นจริง CPU ตั้งแต่เจเนอเรชั่น 7 เป็นต้นมา (Core i3,5,7,9 - 7xxx) จริงๆ มีอุณหภูมิปลอดภัยจริงๆ อยู่ที่ประมาณ 100 องศาแล้ว (สามารถดูได้ที่ค่า Tjunction Max ของ CPU แต่ละรุ่น) ดังนั้นต้องอุณหภูมิมากกว่า 100 องศาขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าอันตราย และเริ่มมีการลดประสิทธิภาพการทำงานลง ทางฝั่งของ GPU เองก็จะมีอุณหภูมิสูงสุดที่รับได้เช่นกัน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 91 - 100 องศา สามารถดูข้อมูลถูกต้องจริงๆ ได้ในเว็บไซต์ Official ของแต่ละรุ่น ตรง Thermal and Power Specs ของแต่ละรุ่นได้เลย อย่างไรก็ตามสำหรับตัวผู้เขียนเองส่วนตัวคิดว่าอุณหภูมิมากกว่า 95 องศา ก็ถือว่าอันตรายแล้ว เนื่องจากเซนเซอร์ที่วัดอุณหภูมิเองอาจมีความคลาดเคลื่อนไม่มากก็น้อย และในการใช้งานจริงอุณหภูมิของชิ้นส่วนเหล่านี้จะแกว่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว  ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เลี้ยงความร้อนให้ไม่เกิน 90 องศา ไว้เลยตั้งแต่แรกจะเป็นการดีที่สุด เพราะต่อให้เกิดการแกว่งของอุณหภูมิก็จะแน่ใจได้ว่าไม่ขึ้นไปสูงกว่า 100 องศา แน่ๆ (ส่วนฝั่ง GPU ก็อย่าให้เกิน 84-86 องศา จะเป็นการดีที่สุด)สำรวจความต้องการของอุปกรณ์ ความสามารถ และของแถมให้ดีในส่วนของ GPU นั้นไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนักเนื่องจาก ส่วนใหญ่แล้วผู้ผลิตมักออกแบบความสามารถในการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากพอมาให้เลย สำหรับ CPU รุ่นเริ่มต้นอย่าง i3, R3, i5 และ R5 ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เนื่องจากมีการแถม Heatsink สำหรับระบายความร้อนมาให้ด้วย ซึ่งผมขอยืนยันตรงนี้ว่า Heatsink ที่แถมมาให้กับ CPU มีความสามารถมากพอในการระบายความร้อนได้อยู่แล้ว หากใช้งานทั่วไป หรือเล่นเกมไม่หนักมาก แต่หากใช้ในการเล่นเกมหนักๆ เมื่อไหร่ เมื่อ CPU ทำงานเต็มที่แบบ 100% ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จะสามารถสังเกตได้ว่าความร้อนจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงขีดจำกัดเมื่อไหร่ CPU ก็จะลดการทำงานของตัวเองลงเพื่อให้ไม่เกิดอาการ Overheat ดังนั้นการอัปเกรด Heatsink ให้ระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่จะเอาไปใช้เล่นเกมหนัก ซึ่งการอัปเกรดในที่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อรุ่นแพงๆ แค่ตัวราคาประมาณ 1,000 - 2,000 บาท ก็สามารถช่วยระบายความร้อนได้แบบเอาอยู่แล้วสำหรับคนที่ซื้อรุ่นแรงๆ อย่าง i7, R7, i9 หรือ R9 ยิ่งเป็นรหัส K กับ X ด้วย การซื้อ Heatsink หรือ AIO ดีๆ มาช่วยระบายความร้อน จะเป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะ CPU รุ่นเหล่านี้ใช้พลังงานเยอะ และมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ดังนั้นจึงเกิดความร้อนที่สูงมากเป็นเงาตามตัวมาด้วย ผู้เขียนแนะนำให้มองหา Heatsink แบบ Tower ที่ใสพัดลมได้ 2 ตัวขึ้นไป หรือ AIO ขนาด 2 ตอนขึ้นไป มาใช้งาน ราคาก็มีตั้งแต่ 2,500 - 10,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนว่ารุ่นไหนระบายความร้อนได้มีประสิทธิภาพขนาดไหน อันนี้แนะนำให้ไปลองหาดูรีวิวก่อนใน Youtube ครับความสามารถในการระบายลมของเคส เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเคสของ PC ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความร้อนภายใน PC ได้ เนื่องจากการระบายความร้อนด้วย Heatsink หรือ AIO ต่างเป็นการใช้ลมในการระบายความร้อนทั้งสิ้น ดังนั้นยิ่งเคสมีทิศทาง รวมถึงความสามารถในการให้ลมผ่านได้ดีขนาดไหน ก็ยิ่งสามารถระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นเท่านั้น โดยทิศทางลมที่ช่างคอม ส่วนใหญ่มักจะใช้กันคือการดึงลมเย็นเข้าจากข้างหน้า และระบายลมร้อนออกทางด้านบนกับด้านหลังของตัวเคส ดังนั้นหากหน้าเคส ด้านบน และด้านหลัง มีช่องสำหรับให้ลมผ่านได้ มันจะช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่าเคสแบบปิดทุกด้านอย่างแน่นอนการเพิ่มพัดลมให้ดึงลมเข้าจากข้างหน้า และเพิ่มพัดลมให้ดึงลมออกด้านบน และด้านหลังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยการระบายความร้อน ให้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหากจัดการทิศทางลมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ดี ส่วนนี้สามารถช่วยลดความร้อนของ CPU กับ GPU ได้สูงถึง 4 - 5 องศาเลยทีเดียว ในส่วนของวัสดุที่ของเคส จริงอยู่ว่าโลหะนั้นสามารถนำความร้อนได้ดีกว่าพลาสติก แต่ไม่ได้ส่งผลมากขนาดต้องหยิบมานั่งคิดให้ปวดหัวสำหรับการเลือกซื้อครับฝุ่นคือศัตรูตัวร้ายอย่างถึงที่สุดในการระบายความร้อน PCในส่วนนี้คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากนักในเมื่อคลิปวิดีโอด้านบนได้อธิบายทุกอย่างไว้หมดแล้ว เนื่องจากหากปล่อยให้ฝุ่นภายในเครื่องของเรามีเยอะมากเกินไป มันจะไปขวางทางการระบายอากาศของลม ทำให้อุณหภูมิสะสมภายในเครื่องมีมากขึ้น และส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของ CPU กับ GPU โดยตรงในเวลาต่อมาRPM ของพัดลม < ความสามารถในการระบายอากาศของเคสRPM หรือ Revolutions Per Minute หมายถึงจำนวนรอบการหมุนของพัดที่ติดอยู่ตามจุดต่างๆ ของเครื่อง อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างบนว่า การระบายความร้อนของอุปกรณ์ทั้งหมดภายใน PC จำเป็นต้องใช้การผ่านของลมในการช่วย ซึ่งหลายคนอาจกำลังมีความคิดว่า "ถ้าหากว่าเคสของเรามิทิศทางลมที่ไม่ดี ก็น่าจะสามารถใช้พัดลมรอบสูงๆ ในการทำงานทดแทนได้" ความคิดนี้ไม่ผิดเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ถูกเช่นกันจริงอยู่ RPM ที่สูงจะช่วยในให้การระบายความร้อนสามารถทำได้ดีขึ้นจริง แต่การจะเอาเงินไปลงทุนพัดลมที่มีรอบสูงๆ มันจะเป็นการดีกว่าหากเงินไปซื้อเคสที่มีทิศทางการระบายลมที่ดีเลยตั้งแต่แรก หรือต่อให้บอกว่าจะซื้อพัดลมรอบสูงๆ มาติดเพิ่มในเคสปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ และมีทิศทางการระบายอากาศไม่ดี บางครั้งการซื้อเคสใหม่ที่มีการระบายอากาศดีๆ ไปเลย ก็ใช้เงินไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก แถมยังเป็นการดีกว่าสำหรับการใช้งานในระยะยาวด้วยอย่างไรก็ตามนี้ไม่ได้เป็นการบอกว่าสำหรับคนที่ใช้เคสระบายความร้อนไม่ดีจำเป็นต้องไปซื้อเคสใหม่มาเปลี่ยน ถ้าหากเคสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีการระบายอากาศที่เพียงพอ CPU กับ GPU ไม่ได้มีอุณหภูมิที่สูงจนน่าใจหายตลอดเวลา (มากกว่า 95 องศา ตลอดเวลา) ก็อาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลยเสียทีเดียว เพียงแต่มันจะเป็นการดีกว่าในระยะยาวเท่านั้นเอง  หมั่นเช็กอุณหภูมิของ CPU และ GPU อยู่เสมอไม่ใช่ทุกครั้งที่เครื่องของเราจะทำงานเป็นปกติ พัดลมหมุนตลอดเวลา การจ่ายไฟเป็นไปอย่างถูกต้อง มันมีบ้างในบางครั้งเช่นกันที่ PC ของเราจะทำงานผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไม่หมุน, PSU จ่ายไฟมากเกินไป หรืออะไรก็แล้วแต่ เหตุการณ์เหล่านี้จะทำให้ความร้อนของอุปกรณ์ภายในเครื่องเพิ่มสูงขึ้น และอาจพังได้หากรู้ตัวช้าเกินไป อันตรายที่สุดอาจถึงขั้นเกิดไฟไหม้ได้เลยดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่ามากหากมีโปรแกรมสำหรับตรวจวัดอุณหภูมิของเครื่องเราได้ตลอดเวลา หรือเป็นหน้าจอสำหรับติดตั้งภายในเคส อะไรก็ได้ที่ทำให้เราสามารถสังเกตถึงความผิดปกติได้ทัน และหยุดการใช้งานเครื่องก่อนเหตุไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น ส่วนตัวผู้เขียนใช้โปรแกรมของทาง MSI ชื่อว่า MSI Afterburner หรือถ้าใครมีโปรแกรมอะไรแนะนำก็สามารถคอมเมนต์แบ่งปันกันได้หวังว่าบทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่สงสัย, ช่วยให้เพื่อนๆ ประกอบคอมได้ง่ายขึ้น หรืออย่างน้อยช่วยให้สามารถเล่นเกมผ่าน PC ได้อย่างสบายใจมากขึ้น แม้ว่าโดยรวมแล้วการควบคุมอุณหภูมิจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เพียง 10 - 15% แต่เชื่อเถอะครับว่านี้ถือเป็นเปอร์เซ็นที่เยอะมากแล้วสำหรับอุปกรณ์ Hardware  
25 Aug 2021
หลุดผลทดสอบ! Intel Core i7-12700 รุ่นธรรมดา แรงเท่ากับ Ryzen 7 5800X
ผู้ใช้งาน PC ทั่วทั้งโลกต่างกำลังจับตามองการมองของ Alder Lake หรือ Core i เจน 12 ที่กำลังจะขายในต้นปีหน้าอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย โดยหลายคนขาดหวังให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำในการผลิต CPU อีกครั้ง หลังจากแพ้ให้กับ AMD ไปในเรื่องของความแรงในเจนปัจจุบัน ซึ่ง intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger ดูมีความหวัง เพราะมันก็นานแล้วที่ CEO ของ intel ไม่ได้เป็นคนจากทางฝั่งวิศวกรแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดก็มีผลทดสอบของ Intel Core i7-12700 รหัสธรรมดา (ไม่มี K) ออกมาผ่านเว็บไซต์ Geekbench ซึ่งดูเหมือนว่า จะแรงเทียบเท่ากับ Ryzen 7 5800X ที่เป็นตัวแรงอันดับต้นๆ ของ AMD ในปัจจุบัน โดยทำคะแนน Single Core ได้ 1595 / Multi-core ได้ 10170 ห่างกับ Ryzen 7 5800X ที่ทำคะแนนได้ 1672 / 10376 ตามลำดับเพียงเล็กน้อยสำหรับข้อมูลที่โชว์บน Geekbench ได้เผยว่า Intel Core i7-12700 เป็น CPU แบบ 8 Core / 16 thread ซึ่งขัดกับข้อมูลก่อนหน้าที่บอกว่า i7-12700K จะเป็น CPU แบบ 12 Core / 20 thread ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผิดพลาดที่ข่าวลือหรือโปรแกรมที่ใช้อ่าน หรือไม่สำหรับซีรีส์ K ของ Alder Lake อาจมีการเพิ่มจำนวน Core ให้กับผู้ใช้งานเลยก็เป็นได้ ในส่วนนี้ต้องรอยืนยันกันอีกครั้งจาก Official ต่อไปCredit : VideoCardZ
25 Aug 2021
Intel วางแผนให้ผู้ใช้งาน OC ตัว GPU ได้โดยง่ายผ่าน Software
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่า ภายในบริษัท intel คงวุ่นวายเป็นอย่างมากกับการเปิดตัว intel ARC การ์ดจอประสิทธิภาพสูงซึ่งจะวางขายในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดเผยข้อมูล กับฟังก์ชันหลายๆ อย่างที่จะมาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ Intel Deep Link ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Hardware เมื่อใช้งาน CPU กับ GPU ของ Intel ด้วยกันอีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นคือ Supersampling Technology หรือที่รู้จักกันในชื่อ DLSS จาก Nvidia และ FidelityFX Super Resolution จาก AMD โดยทางฝั่งของ Intel เองก็ดูเหมือนจะมีระบบตัวนี้ที่ใช้ชื่อว่า XeSS ด้วยเหมือนกัน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของภาพที่ทำได้ออกมาให้เห็นตอนนี้ นอกจากนี้ดูเหมือน Intel วางแผนจะออก Software ตัวใหม่สำหรับใช้งานกับ Intel ARC ในการช่วยจับภาพภายในเกม รวมถึงนอกเกม เพื่อให้เหล่า Youtuber และ Streamer สามารถจับภาพช่วงนาที่สำคัญ หรือ Highlight ได้ง่ายขึ้น เพื่อช่วยในการผลิตคอนเทนต์ดีๆ ต่อไปสุดท้ายในวันนี้ Roger Chandler รองประธาน intel ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มตักเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถทำการ Overclock การ์ดจอของทางบริษัทได้โดยง่ายๆ ผ่าน Software (เพิ่มกำลังไฟ เพิ่ม Hz และเพิ่มความเร็วของพัดลมได้เลยผ่าน Software) กล่าวคือ intel กำลังพยายามจะทำให้การ์ดจอตัวใหม่ของพวกเขา สามารถลองรับการใช้งานเกือบทั้งหมดที่เราสามารถทำได้กับ AMD และ Nvidia มาให้พร้อมกับการวางจำหน่ายเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่จะสามารถใช้งานได้ง่ายขนาดไหนต้องรอดูต่อไปพร้อมกันครับ Credit : Tom's Hardware
25 Aug 2021
รีวิว Acer Swift 3 เครื่องทำงานโมเดล Intel Core i7 Gen 11 ที่สามารถเล่นเกมเบาๆ ได้!
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณ 1 - 2 เดือน ผู้เขียนได้เคยผาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Notebook เล่นเกมราคาไม่แรง น้ำหนักเบา จากทาง Acer ในรุ่น Swift X ไปแล้ว โดยข้อเสียหนึ่งเดียวสำหรับ Notebook รุ่นดังกล่าวคือมีขนาดของหน้าจอที่เล็กไปหน่อย (14 นิ้ว) ซึ่งอาจไม่ถูกใจสำหรับสายทำงานเท่าไหร่นัก เนื่องจากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อให้ตอบสนองต่อกลุ่มผู้ใช้งานที่อยากมี Notebook ไว้ทำงานเป็นหลัก และใช้เล่นเกมเบาๆ บ้างเป็นบางครั้ง ทาง Acer จึงได้มีการออก Swift รหัสอื่นๆ ที่เน้นไปที่ความแรง CPU และลดความแรงของ GPU ลง หนึ่งในนั้นคือ Swift 3 รุ่นราคาเริ่มต้นไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Acer Swift 3 โมเดลใหม่ที่มาพร้อมกับ CPU ตัวแรงอย่าง Intel Core i7-11370H กันคุณสมบัติทางเทคนิคCPU : Intel Core i7-11370H (3.30 GHz, 8 MB L3 Cache up to 4.80 Ghz)GPU : Intel Iris Xe Graphics G7RAM : 8 GB LPDDR4x On Board Monitor : 16.1 inch (1920x1080) Full HD IPS sRGB 91% / AdobeRGB 70%Storage : 512 GB SSD PCIe M.2 Battery : 56WhWeigth : 1.75 kgอย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า Swift 3 โมเดลใหม่นี้เป็นเครื่องที่ออกแบบมาเพื่อสำหรับการทำงานอย่างแท้จริง จะสังเกตได้ว่าจุดเด่นคือ CPU ที่ให้มาเป็นตัวแรงอย่าง Intel Core i7-11370H ซึ่งสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 4.80 Ghz ส่งผลให้สามารถเรนเดอร์วิดีโอ และไฟล์รูปภาพได้รวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ CPU รุ่นดังกล่าวยังมาพร้อมกับ AI สำหรับช่วยในการทำงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตัดทอนเสียงรบกวน การเบลอพื้นหลัง ความละเอียดวิดีโอสูงสุด และตัวถอดรหัส/เข้ารหัสวิดีโอล่าสุด ก็วางใจให้เพื่อน AI ทำแทนได้เลยด้วยขนาดของหน้าจอ 16.1 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่กว่า Notebook มาตรฐาน จึงทำให้ตัวเครื่องมีขนาดยาวมากกว่า Swift X พอสมควร แน่นอนว่าหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นประมาณ 0.3 KG ด้วย แต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้การใช้งานหลายๆ โปรแกรมสามารถทำได้ง่ายกว่า และสะดวกมากกว่าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้คีย์บอร์ดของตัวเครื่องก็มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งเพิ่ม Numpad เข้ามาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนกันไปในส่วนของการอัปเกรด จุดนี้ต้องยอมรับว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ช่องเสียบ SSD ของตัวเครื่องมีมาให้แค่เพียงช่องเดียว การอัปเกรดจึงจำเป็นต้องถอด SSD ตัวเก่าก่อน และใส่ตัวที่มีความจุมากกว่าเข้าไปแทน ในส่วนของ RAM เองก็มาแบบ On Board ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเข้าไปมากกว่านี้ได้ แต่สำหรับการทำงาน ใช้งานทั่วไป และเล่นเกมไม่หนักมาก เท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้วต่อการใช้งานครับดีไซน์ / ฟีเจอร์สำคัญสำหรับดีไซน์ของ Swift 3 จะเป็นสไตล์เรียบหรูเช่นเดียวกับ Swift X ต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของขนาด ทำให้ถือว่าเป็น Notebook ที่เหมาะสำหรับพกไปทำงาน ด้วยน้ำหนักที่เบาจึงทำให้การพกพาสามารถทำได้สักด้วยในเวลาเดียวกัน เหมาะสำหรับอาชีพที่ต้องการความเชื่อถือเมื่อจำเป็นต้องพก Notebook ไปทำงานด้วยหนึ่งในจุดที่เหมือนกันระหว่าง Siwft 3 กับ Swift X คือมีระบบสแกนลายนิ้วมือ บริเวณขวาล่างของคีย์บอร์ดเหมือนกัน ทำให้สะดวกต่อการปลดล็อกเครื่องเวลาจะใช้งาน ทางฝังลำโพงก็มีการใช้งานมาตรฐาน dts เช่นเดียวกัน สามารถขับเสียงออกมาได้ไพเราะ เหมาะกับการรับชมสื่อบันเทิงทุกชนิด ยิ่งมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นด้วย ยิ่งได้อรรถรสมากกว่าเครื่องที่มีหน้าจอเล็กแน่นอนคีย์บอร์ดของ Swift 3 จะมาเป็นแบบ Full Size คือมีส่วนของ Numpad ด้วย มีไฟใต้คีย์แต่ละตัว สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ในที่มืด ซึ่งด้วยขนาดของตัวเครื่องที่ใหญ่เป็นพิเศษ จึงทำให้ Touchpad ของรุ่นนี้มีขนาดใหญ่มากด้วยเช่นกัน ดีไซน์ออกมาเป็นแบบซ้อนปุ่มคลิกซ้าย / คลิกขวา มีฟังก์ชันใช้งาน 2 นิ้ว 3 นิ้ว พร้อมกันเช่นเดียวกับ Notebook รุ่นอื่นๆ ในตลาดสำหรับกล้อง Webcam กับ Microphone ยังคงมีแถมมาให้ใน Swift 3 บริเวณด้านบนของหน้าจอ เนื่องจาก Acer เข้าใจดีว่า ในการทำงานจริง มันเป็นเรื่องปกติที่เราอาจต้องมีประชุมกับลูกค้าแบบเปิดกล้องเพื่อให้เห็นหน้าตาของอีกฝ่าย จึงไม่ได้มีการตัดฟังก์ชันออกไปของแถมอื่นๆ ที่มาพร้อมกับ Swift 3 ในเมื่อเป็นเครื่องสำหรับทำงาน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักหาจะมีการแถมโปรแกรมสำหรับทำงานมาด้วย Swift 3 เองก็เช่นกัน โดยทาง Acer มีการแถม Office Home & Student 2019 ทำให้ใช้งาน Word/ Excel / Power Point แบบยาวๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่ม สำหรับใครที่กำลังมองหา Notebook เครื่องใหม่ ให้เขาได้ใช้สำหรับเรียน ทำงาน และเล่นเกมบ้างเป็นบางครั้ง Swift 3 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยอีกหนึ่งของแถมที่น่าสนใจซึ่งมาด้วยกับ Swift 3 คือ บริการ 3 Hour Service หรือบริการซ้อมด่วนภายใน 3 ชม. เพื่อให้ลูกค้าสามารถกลับไปทำงานเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในส่วนของประกันเครื่องจะอยู่ที่ 3 ปี ตามมาตรฐานของ Acer แต่ในส่วนของซ้อมด่วนจะสามารถใช้บริการได้แค่ภายในปีแรกของประกันเท่านั้นผลทดสอบหลายคนอาจตั้งคำถามว่า "เครื่องนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการ์ดจอแยก จะเล่นเกมไหวเหรอ?" ผมต้องบอกตรงนี้เลยว่า อย่าได้ดูถูก Intel Iris Xe Graphics G7 ไป เนื่องจากนี้คือการ์ดจอที่มากับ CPU และแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว ถ้าถามว่าแรงขนาดไหน? ก็ต้องบอกเลยว่าไม่น้อยหน้า 1050 เท่าไหร่ครับ!สำหรับโปรแกรมที่หยิบมาทดสอบในครั้งนี้ยังคงเป็น 3D Mark Time Spy เช่นเดิม แต่ในส่วนของเกมผมเลือกที่จะหยิบมาเป็นเกม MOBA ชื่อดังอย่าง DOTA 2 กับ LOL มาทดสอบ เนื่องจากโดยปกติคงไม่มีใครเอาคอมสำหรับทำงานไปเล่นเกม AAA หนักๆ อยู่แล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็อยู่ข้างล่างนี้เลยสำหรับ 3D Mark ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับทดสอบ GPU โดยเฉพาะ ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหากเราจะได้คะแนนโดยร่วมน้อย เนื่องจาก Intel Iris Xe Graphics G7 ถือเป็นการ์ดจอระดับเริ่มต้นที่ไม่ได้มีความสามารถในการประมวลผลมากมายอะไรนัก แต่สังเกตที่คะแนนของ CPU Score ที่ทำได้ถึง 5091 ที่เรียกได้ว่าสูงพอสมควร แต่คะแนนจากโปรแกรม Benchmark อย่างเดียวอาจไม่สามารถบอกอะไรได้มากมายนัก ดังนั้นเรามาดู FPS ที่ทำได้เมื่อเล่นเกมจริงๆ กันบ้างสำหรับเกมแรกที่เราหยิบมาทดสอบคือ MOBA ชื่อดังอย่าง Dota 2 โดยการตั้งค่ากราฟิกจะอยู่ที่ Best ในส่วนของ FPS ที่ทำได้เรียกว่าไม่น่าผิดหวังมีค่าแกว่งอยู่ที่ประมาณ 48 - 80 FPS และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 74 FPS เรียกได้ว่าสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา ต่อมาดูที่เกม MOBA ซึ่งได้รับความนิยมมากๆ ในบ้านเราอย่าง LOL กันบ้าง ในการตั้งค่ากราฟิกระดับปานกลาง Swift 3 สามารถดัด FPS ของเกมให้สูงกว่า 140 FPS ได้สบายๆ และค่าจะแกว่งอยู่ที่ประมาณ 120 - 170 FPS หรือกล่าวคือสามารถเล่นเได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นเดียวกันในส่วนของ FPS ที่ทำได้ในเกมอื่นๆ จากรูปข้างบนจะสังเกตได้ว่าเกม Online ดังๆ อย่าง Rocket League, CS:GO และ Valorant เจ้า  Intel Iris Xe Graphics สามารถทำได้มากกว่า 100 ในทุกๆ เกม ในส่วนของเกม AAA ดังบางเกมอย่าง GTA V, Overwatch และ GRID 2019 (VRS) ก็ยังสามารถทำ FPS ได้ประมาณ 50 - 60 ด้วย กล่าวคือใช้เล่นเกมทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอนราคา ?อ่านกันมาจนถึงตรงนี้เชื่อว่าคำถามสุดท้ายที่อยู่ในใจทุกคนคงเป็นเรื่องของราคาเจ้า Swift 3 โมเดลใหม่นี้ว่าเท่าไหร่? สำหรับรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ 25,900 บาท และรุ่น 29,900 บาท โดยรุ่นราคาเริ่มต้นจะมาพร้อมกับ CPU ตัวน้องอย่าง intel Core i5 11300H ส่วนตัวที่อยู่ในรีวิวฉบับนี้คือตัวรุ่นพี่ที่มีราคาแพงกว่า และมาพร้อมกับ intel Core i7-11370H ทั้งสองรุ่นสามารถหาซื้อได้ง่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือร้านขายคอมพิวเตอร์ชั้นนำอย่าง JIB, Advice และ Banana It ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังมาหา Notebook สำหรับทำงาน ที่เอามาเล่นเกมในยามว่างได้ มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพงจนเกินไป ก็ขอแนะนำ Acer Swift 3 เลย
24 Aug 2021
Samsung เปิดตัว 8-stacked TSV DDR5 เป็นแรมที่มีความจุสูงถึง 512 GB
ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับการแข่งกันเปิดตัวเทคโนโลยีแรม DDR5 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทาง Adata จะทำความจุแรมหนึ่งตัวได้ 64 GB และมีความเร็ว 12600MHz โดยถือเป็นแรมที่แรงมากๆ สำหรับเครื่อง Personal Computer โดยสำหรับแรมบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ดูเหมือนจะมีขนาดความจุเพิ่มเป็น 512 GB เลยทีเดียว!Samsung ได้ทำการเปิดตัว 8-stacked TSV DDR5 ส่งผลให้ต่อแรมหนึ่งตัว มีหน่วยความจำเพิ่มขึ้นสูงสุด 512 GB และใช้แผ่น Wafer ในการช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น Samsung คาดหวังว่า DDR5 จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น 85% เป็นอย่างน้อย ด้วย Bandwidth ที่มากถึง 7.2 Gbp/s แต่ใช้พลังงานลดลงจนเหลือเพียงแค่ 1.1V เท่านั้น กล่าวคือนี่จะเป็นแรมที่แรงระดับไม่เคยเห็นมาก่อนจากการคาดเดาของ Samsung แรม DDR5 จะเริ่มเป็นที่ต้องการ รวมถึงมาตรฐานใหม่ในช่วงปี 2023 - 2024 แต่สำหรับฝั่งเครื่องเซิร์ฟเวอร์ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงก่อนฝั่ง Personal  Credit : VideoCardZ
24 Aug 2021
อยากเริ่มสร้างเกมของตัวเองไหม? | แนะนำ 5 คอร์สเรียนสร้างเกม ฟรี บนเว็บคอร์สเรียนออนไลน์
ช่วงกักตัวอยู่บ้าน เกมที่เล่นอยู่ก็เริ่มเบื่อแล้ว เกมใหม่ที่ออกมาก็ไม่สนใจจะเล่นสักเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นเรามาใช้โอกาสทองนี้มาเรียนคอร์สออนไลน์เพื่อเริ่มสร้างเกมของตัวเองกันดีกว่า แน่นอนว่าทุกคอร์สที่เรายกมานี้ เรียนฟรี! พวกเรา GameFever หามาให้ท่านแล้ว !!Introduction to Game DesignWebsite: Courseraคอร์สนี้เรียกได้ว่าจะมาแนะนำพื้นฐานจากศูนย์เลย โดยจะเน้นที่การเรียนสร้างคอนเซปต์ของเกมและนำมาปรับใช้สร้างเกมสักเกมหนึ่งได้อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่จำกัดเพียงคอมพิวเตอร์เกมเท่านั้น แต่เรายังสามารถไปปรับใช้ในการสร้างเกมแบบอื่นๆได้อีกด้วย คอร์สตัวนี้เหมาะกับการเริ่มต้นเพื่อต่อยอดไปสู่คอร์สอื่นๆ โดยใช้เวลาเรียนเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น และยังมีคอร์สต่อเนื่องในซีรี่ย์ Game Design: Art and Concepts Specialization อีก 4 คอร์สจากทาง California Institute of the Arts ด้วยล่ะStory and Narrative Development for Video GamesWebsite: Courseraอีกหนึ่งคอร์สจากซีรี่ย์ Game Design: Art and Concepts Specialization จาก California Institute of the Arts ที่จะเน้นฝึกไปที่การสร้างเนื้อเรื่องของเกม ซึ่งจะช่วยให้เรากำหนดทิศทางของเกมและวิธีการดำเนินได้อย่างน่าสนใจและไหลลื่นอาจจะไม่ได้ลงมือสร้างมากเช่นเดียวกับคอร์สก่อนหน้าเนื่องจากต้องการให้ผู้เริ่มต้นใหม่จริงๆได้เข้ามาศึกษา แต่ก็เป็นคอร์สที่มองข้ามไม่ได้เลย โดยคอร์สนี้จะใช้เวลาเรียนประมาณ 11 ชั่วโมง และสามารถเรียนต่อจากคอร์สก่อนหน้านี้ได้เลยCode Your First Game: Arcade Classic in JavaScript on CanvasWebsite: Udemyในคอร์สนี้เราจะได้ลงมือสร้างโปรแกรมเกมกันแล้ว! ทั้งการพัฒนา game-play เขียนโค้ด และรันโค้ด ใน JavaScript และฝึกการใช้ภาษา HTML5 ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการหลักสูตรเร่งรัดและเข้าใจง่าย ภายในเวลา 2 ชั่วโมง 10 นาทีเท่านั้นการ Coding ในคอร์สนี้ จะเริ่มตั้งแต่การเคลื่อนไหวในเกม การป้อนข้อมูล การตอบสนอง การจัดเก็บคะแนน การสร้าง Ai ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการกำหนดเงื่อนไขการจบเกม เรียกได้ว่าลงคอร์สเดียวได้ 1 เกมแน่นอนCreate Video Games with Phaser.jsWebsite: Codecademyในคอร์สนี้เราจะได้ลองสร้างเกมตั้งแต่โปรแกรมที่มีสูตรสำเร็จอย่าง Scratch ก่อนจะพัฒนาไปสู่การเขียน JavaScript และใช้โปรแกรม Phaser ซึ่งนับว่าเป็นการไต่ระดับที่ทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนพอสมควร เพราะแค่เบื้องต้นเราก็สามารถทำเกมออกมาได้แล้ว และถ้าอยากปรับรายละเอียดเกมให้มากขึ้นก็ค่อยๆขยับไปสู่ภาษาที่ยากขึ้นในคอร์สนี้ก็จะเน้นไปที่ JavaScript หนักหน่อย เพราะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างระบบฟังก์ชั่น การเคลื่อนไหว ไปจนถึงสิ่งของต่างๆที่จะปรากฏในฉาก และการใช้ Phaser.js ก็จะช่วยให้เอฟเฟคและโมชั่นออกมาดูดียิ่งขึ้นนั่นเองUnity Certified 3D Artist SpecializationWebsite: Courseraรอบนี้ไม่ได้มาคอร์สเดียว แต่จัดเต็มกันไปเต็มที่ 5 คอร์สจาก Unity ที่มุ่งเน้นในการเป็น 3D Artist และฝึกความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรมจากเครือของ Unity เรียกได้ว่าเรียนจบไปสมัครงานสายพัฒนาเกมได้เลยจุดเด่นของคอร์สนี้คือการที่เน้นเรียนสร้างเกม 3D เพราะถ้าเป็นคอร์สฟรีอื่นๆก็จะกั๊กให้เราฝึกแค่การสร้างเกมแบบ 2D เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ในคอร์ได้ระบุไว้ว่าผู้เรียนควรมีพื้นฐานในด้านงาน 3D Art มาก่อน ซึ่งสามารถหาเรียนได้จาก Coursera เองหรือในเว็บอื่นๆก็มีเช่นกัน และเนื่องจากเป็นคอร์สต่อเนื่อง จึงต้องใช้เวลาเรียนราวๆ 7 เดือนกว่าจะจบ ก็ต้องจัดตารางเวลาไว้เพื่อเรียนโดยเฉพาะด้วยล่ะ
23 Aug 2021
Samsung ขึ้นแซงหน้า Intel ขึ้นแท่นโรงงานผลิตชิปอันดับ 1 แล้ว!
วัดจากกำไรที่ทำได้ในช่วง Q2 2022 โรงงานผลิตชิป Semiconductor ของ Samsung สามารถทวงอันดับ 1 กลับมาจาก Intel ได้แล้ว! หลังจากสามารถทำกำไรรวมเพิ่มได้ 19% เมื่อเทียบกับ Q1 2022 ในขณะที่ทาง Intel สามารถทำกำไรเพิ่มได้เพียง 3% จาก Q1 มา Q2 มันคงจะน่าสนใจไม่น้อยหากว่าสักวันหนึ่ง Samsung จะลงมาตีตลาด Computer แข่งกับ Intel กับ AMD แต่จากข่าวล่าสุดที่ Qualcomm ประกาศเตรียมลงมาแข่งในตลาด CPU ของ Notebook ในปีหน้า ด้วย Snapdragon มันก็มีความเป็นไปได้ที่ Samsung เองก็อาจจะเอา Exynos ลงมาแข่งด้วยในตลาดเดียวกัน แต่อันนี้ต้องรอดูต่อไปอีกสักพักการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในแง่ของกำไรที่ทำได้สำหรับโรงงานผลิตชิป ย่อมหมายถึงมีการมีออเดอร์ เข้ามามากขึ้นทั้งจากภายใน และภายนอกบริษัท โดยหนึ่งในลูกค้าของ Samsung ก็คือ Nvidia กรณีนี้อาจหมายความว่า Nvidia เองก็กำลังเร่งผลิตการ์ดจอออกมาขายให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอยู่นั้นเองCredit : Tom's Hardware
23 Aug 2021
รวม App เรียนออนไลน์ เข้าใจง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส
เชื่อว่าผู้อ่านวัยเรียนหลายๆคนน่าจะกำลังประสบปัญหาความน่าเบื่อจากการเรียนออนไลน์ อาจจะด้วยความเครียด ความกดดัน ไปจนถึงการเรียนรูปแบบเดิมที่เปลี่ยนมาอยู่บนหน้าจอจึงทำให้ยิ่งรู้สึกไม่อยากเรียนเข้าไปใหญ่ แต่จะให้สมองโล่งปราศจากความรู้ก็คงไม่ไหววันนี้ทาง Game Fever จึงอยากขอแนะนำ Application ที่ทั้งสนุกและได้ความรู้ แถมยังดาวน์โหลดได้ ฟรี! อีกต่างหาก และไม่ใช่แค่น้องๆนักเรียนเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปที่ต้องการหาความรู้เพิ่มก็สามารถโหลดมาใช้ได้เช่นกัน ว่าแล้วก็ไปลองดูกันเลยดีกว่า ว่าจะมีแอปไหนน่าสนใจบ้าง=====================================================TEDก่อนจะมาเป็นแอปฯ TED นั้นคือ การประชุมว่าด้วยเทคโนโลยี การบันเทิง และการออกแบบ (Technology Entertainment and Design) ซึ่งเป็นงานประชุมสากลโดยองค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อเผยแพร่ความรู้และแนวคิดจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆทั่วโลก แน่นอนว่ามีคนไทยด้วย โดยการเชิญพวกเขาเหล่านั้นมาบรรยายในงานประชุมนี้ จากนั้นจึงได้นำเทปบันทึกการบรรยายมาเผยแพร่ต่อใน Youtube และได้ต่อยอดเป็นคลิปความรู้ในหัวข้อต่างๆที่นำเสนอด้วยภาพ Motion Graphic ทำให้มีแชแนลแฟรนไชน์เพื่อให้เหมาะกับหัวข้อต่างๆ หลังจากนั้นจึงได้รวมทั้งหมดนั้นเข้ามาอยู่ในแอปเพื่อความสะดวกในการใช้งานนี่แหละข้อดีคือเราจะสามารถหาคำตอบจากทุกเรื่องที่เราสงสัยไปพร้อมๆกับได้แรงบันดาลใจจากผู้บรรยาย และในส่วนของแอปฯ ยังมี Subtitle ภาษาไทยได้ด้วย ได้ฟีลดูซีรี่ย์หรือหนังสักเรื่องเลย หรือถ้าใครจะตามไปดูใน Youtube ก็ได้เช่นกัน ที่แชแนล TED จ้าIELTS Prepอันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง รวมไปถึงต้องการผลสอบ IELTS เพื่อยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศ แอปฯ ตัวนี้สร้างขึ้นโดย British Council ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสอบ IELTS โดยตรง จึงมั่นใจได้ว่าถ้านำมาฝึกต้องทำข้อสอบได้แน่!เราสามารถเลือกฝึกทำข้อสอบในแต่ละพาร์ททั้ง Listening, Reading, Writing ไปจนถึง Speaking ก็ยังได้ หรืออยากเจาะเฉพาะหัวข้อคำศัพท์และแกรมม่าก็มีแบบฝึกหัดให้เช่นกัน เหมือนให้คนออกข้อสอบมาติวให้ที่บ้านเลยล่ะNASAแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเราจะได้ไปผจญภัยกันในอวกาศ!!! และแน่นอนว่าจัดทำโดยองค์การนาซ่าเองด้วย ซึ่งเราจะสามารถดูรูปถ่าย วีดีโอ รายการทีวี และพอดแคสของนาซ่าได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์การสำรวจระบบสุริยะ และสำรวจโมเดลของยานอวกาศในระบบ AR ได้ด้วยนอกจากเราจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนานแล้ว เรายังสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับภารกิจอวกาศของนาซ่าและสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้แบบทันเหตุการณ์ รวมไปถึงรับชมภาพที่ถ่ายได้จากยานอวกาศแบบ Real-Time ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนขึ้นไปอยู่บนยานกับเหล่านักบินอีกด้วยนะMyScript Calculator 2แอปฯ นี้อาจจะไม่ใช่แอปฯ สอน แต่จะเป็นแอปฯ ที่ช่วยให้การเรียนคณิตศาสตร์ของทุกคนง่ายและสนุกมากขึ้น MyScript Calculator 2 คือแอปฯ เครื่องคิดเลข ที่จะทำให้น้าจอมือถือหรือแท็ปเล็ตของเรากลายเป็นกระดาษอัจฉริยะ! เมื่อเราเจอโจทย์ในหนังสือเรียน เราสามารถเขียนตัวเลขเหล่านั้นลงบนหน้าจอ แล้วแอปฯ จะทำการคำนวณให้เลย และเราสามารถบันทึกคำตอบที่ได้เพื่อมาตรวจทานหรือพลิกแพลงใช้กับขั้นตอนหรือข้อต่อๆไปได้อีกด้วยนอกจากโจทย์พื้นฐานแล้ว MyScript Calculator 2 ยังรองรับการคำนวณฟังก์ชั่นตรีโกณและ Log ได้อีกด้วย นับว่าว้าวมาก และจะทำให้การตะลุยโจทย์คณิตศาสตร์สะดวกขึ้นอีกมากเลยล่ะThe Human Body Liteถ้าใครชอบวิชาชีวะหรือมุ่งไปสายหมอ (รวมไปถึงคนที่อยากรู้ความลับเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ด้วย) ต้องโหลด The Human Body Lite มาลงเครื่องแล้วล่ะ! แอปฯ นี้จะทำให้การศึกษาเรื่อง Anatomy ง่ายขึ้นมากๆ เราจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวและระบบการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์ได้แบบเสมือนจริง เพียงแค่แตะไปที่อวัยวะส่วนนั้นอีกหนึ่งข้อดีมากๆของแอปฯ นี้คือ รองรับภาษาไทย จ้า~ หมดห่วงเรื่องเรียนไปแล้วศัพท์ไม่ตรงข้อสอบ แต่ในตัวฟรีนั้นจะเปิดให้เราลองเล่นแค่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน เท่านั้น ใครคิดจะศึกษาจริงจังให้ครบทั้งร่างกาย ก็ลงทุนแค่ 119 เพื่อซื้อเวอร์ชั่นเต็ม ราคาถูกกว่าหนังสือบ้างเล่มด้วยซ้ำ!Brightถ้าใครมีปัญหากับการเรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี นี่คือแอปฯ ที่เหมาะกับคุณ Bright-English for Beginner เป็นแอปฯ เรียนภาษาอังกฤษที่เน้นในด้าน Vocabulary หรือคำศัพท์ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ 'ดีที่สุด' เลยล่ะ เพราะถ้ายิ่งเรามีคลังคำศัพท์มาก เวลาเราได้ยินหรือเห็นประโยคภาษาอังกฤษมันจะช่วยให้เราเดาได้อย่างถูกต้องมากขึ้น แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของการเรียนภาษาคือการสื่อสารค่ะ ถ้าเราเข้าใจบริบทของประโยคที่ฟังหรืออ่าน แม้จะไม่ 100% แต่ก็ถือว่าการส่งสารนั้นสมบูรณ์แล้วล่ะความเจ๋งคือผู้พัฒนาแอปฯ ใช้ระบบการเรียนรู้ที่ตั้งชื่อไว้ว่า 'Fast Brain' ที่จะป้อนคำศัพท์ให้เราทุกวัน และเมื่อเวลาผ่านไปศัพท์เหล่านั้นจะถูกวนกลับมาให้เราทบทวนซ้ำ เราก็จะได้เช็คตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเรายังจำคำเหล่านั้นได้อยู่หรือไม่ นับเป็นการเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษที่ดีและต่อยอดไปสู่การเรียนภาษาอังกฤษในหัวข้ออื่นได้ง่ายขึ้นมากอีกด้วยCivilisations ARการค้นหาความลับในประวัติศาสตร์โลกเรานั้นเป็นเรื่องน่าสนใจเสมอ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถร่วมสำรวจหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆกับการอ่านประวัติของสิ่งเหล่านั้นได้ และ BBC ก็ได้ให้แนวทางนั้นแล้วล่ะ ด้วยแอปฯ Civilisations AR โดยเราสามารถนำวัตถุโบราณซึ่งอยู่ในระบบ AR มาวางและหมุนดูได้แบบ 360 องศา และเปิดอ่านเรื่องราวได้ แต่ข้อมูลจะเป็นภาษาอังกฤษนะคะ อาจต้องอาศัยทักษะภาษาสักหน่อย หรืออาจจะต้องแคปหน้าจอแล้วไปเข้าแอปฯ แปลภาษาอีกต่อหนึ่งนะในการเลือกของที่จะสำรวจ เราสามารถเปิดลูกโลกแล้วหมุนหาตามแหล่งอารยธรรมได้เลย แค่คลิ๊ก สมบัติก็มาอยู่ในมือเราแล้ว ไม่ต้องลำบากเดินทางไป แถมยังมีคนถอดปริศนามาให้แล้วอีกต่างหาก ยิ่งอยู่บนระบบ AR ที่เสมือนจริงขนาดนี้ สามารถ Roleplay เป็นนักสำรวจได้เลยนะเนี่ยDuolingoต้องบอกว่านี่เป็นแอปฯ ที่มาแรงสำหรับคนที่อยากเรียนภาษาเลยล่ะค่ะ Duolingo มีภาษาจากทั่วโลกให้เราเลือกเรียนเกือบ 40 ภาษา ที่ฮาคือมีภาษา High Valyrian จากซีรี่ย์ Game of Thrones ด้วย! แต่ทั้งหมดนี้จะเป็นการเรียน base on English นะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะเราจะได้เริ่มจากศัพท์และประโยคง่ายๆระดับประถมต้น ซึ่งก็ดีที่เราจะสามารถฝึกภาษาอังกฤษไปพร้อมๆกับภาษาที่สามได้ส่วนสำหรับ Thai Speaker ทางแอปฯ ก็มีหัวข้อการเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะให้ด้วย ข้อดีของแอปฯ นี้คือ เป็นเหมือนครูที่เข้าใจเรา เพราะก่อนเริ่มเรียนจะมีการทดสอบทักษะภาษาของเราก่อนว่าอยู่ระดับไหน หรือถ้าไม่เคยเรียนเลยก็จะเริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุดอย่างการทำความรู้จักกับตัวอักษรและศัพท์พื้นฐานก่อน เมื่อเรียนไปสักระยะเราก็จะค่อยๆเจอไวยากรณ์ที่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันและไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ สามารถฝึกจนใช้คล่องได้เลยล่ะStarfall Catalystจากที่แนะนำมา ส่วนใหญ่จะเน้นสาระอย่างชัดเจนใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูแอปฯ ที่เป็นเกมกันดีกว่า Starfall Catalyst for Student เป็นเกม Third Person Shooter กับกราฟฟิค 3 มิติที่สวยงาม โดยเราจะต้องปฏิบัติภารกิจเพื่อปลดล็อคสูตรเคมีแบบต่างๆ และนำมาใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด ซึ่งเหมาะมากกับการเรียนเคมี โดยที่ไม่ต้องเพ่งกับการท่องตารางธาตุแม้ตัวเกมจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความเรียบง่ายของระบบเชื่อว่าทุกคนจะผ่านด่านไปได้ไม่ยากและได้ความรู้ด้านเคมีแถมไปด้วย ด้วยด่านที่มากกว่า 20 เลเวล ควิซและมินิเกมอีกกว่า 50 เกม เล่นไปเรื่อยๆ เรียนรู้และทบทวนตลอดเกมรับรองได้ว่าเก่งขึ้นแน่นอน=====================================================แล้วถ้าอยากเรียนจริงจังในแต่ละวิชาล่ะ! ก็คงต้องพึ่งแอปฯ คอร์สเรียนแล้วล่ะCoursera แนะนำเพราะเราก็เรียนอยู่เช่นกัน~ Coursera เป็นแอปฯ และเว็บไซต์คอร์สเรียน ที่เราสามารถเลือกเรียนได้ครอบคลุมหลากหลายวิชาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของโลก รวมไปถึงองค์กรอย่าง Google เองก็ได้ทำคอร์สให้เรียนที่นี่เช่นกันนอกจากนี้ เรายังสามารถเลือกรับ Certificate หรือใบปริญญาจากคอร์สที่เราลงเรียนได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น คอร์สที่เราเรียนจบจะถูกบันทึกลงใน Resume ของเว็บสมัครงาน Linkedin ด้วย นับเป็นใบเบิกทางที่ดีอย่างยิ่งเลยล่ะ สำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา ถ้าคิดว่าเรียนกับอาจารย์ที่พูดภาษาอังกฤษไหว ลุยเลยจ้า! เพราะหลายๆวิชาที่ไม่มีสอนในสถาบันการศึกษาบ้านเรา ก็สามารถหาเจอได้จากที่นี่แหละStartDeeแต่ถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่แล้วต้องการเนื้อหาตามหลักสูตรกระทรวงล่ะก็ แนะนำ StartDee แอปฯ ที่รวบรวมเนื้อหาการเรียนในรูปแบบวิดีโอ ครอบคลุมทุกวิชา ตั้งแต่ระดับชั้น ป.4 ถึง ม.6 ซึ่งจัดทำโดยทีมครูคุณภาพจากทั่วประเทศไทย ด้วยการสอนที่เข้าใจง่ายและสนุก พร้อมคลังข้อสอบ O-NET GAT/PAT ไปจนถึงทักษธนอกห้องเรียน เช่น เพศศึกษา การเงิน ดิจิทัล และสุขภาพจิต อีกด้วยตัวแอปฯ ยังมีระบบแนะนำแผนการเรียนที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลผู้เรียนเพื่อปรับระดับความยากง่ายของเนื้อหาด้วย นับว่าดีกว่าตะบี้คะบันเรียนตามหลักสูตรโดยที่เรื่องเก่าเรายังไม่แตกฉาน และยังสามารถสนุกไปกับการสะสมแต้มเพื่อนำมาแต่งตัวละครหรือแลกของรางวัลได้อีกด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็มีข้อจำกัดการใช้งานอยู่บ้าง ถ้าอยากเข้าถึงทุกคอนเทนต์ได้แบบไม่จำกัดก็ต้องเสียรายค่าสมาชิกซึ่งก็มีหลายแพคเกจให้เลือก ก็ถือว่าประหยัดค่าติวและสนับสนุนฝีมือคนไทยแล้วกันเนอะ
23 Aug 2021
การ์ดจอใหม่ของ Intel และ AMD อาจแสดงผลภาพได้ถึง 16K / 60 FPS
ในช่วงอายุของ Hardware แต่ละ Generation ผู้ผลิตมักมุ่งเน้นใส่ใจเป็นพิเศษในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านใดด้านหนึ่งของ Hardware เช่น 5 ปีก่อนคือเรื่องของ FPS กับ HZ จอที่สูงๆ, 2-3 ปีก่อนเป็นเรื่องสี กับการแสดงผลที่ถูกต้อง, และสำหรับ Gen ปัจจุบันที่เราอยู่กันตอนนี้คือเรื่องของความละเอียดระดับ 2K, 4K, 8K ซึ่งสำหรับการ์ดจอรุ่นต่อไป อาจแสดงผลภาพได้ถึง 16K เลยจากข้อมูลล่าสุดย้อนกลับไปในปี 2019 ได้มีการประกาศเปิดตัวมาตรฐานสาย DisplayPort 2.0 ที่แสดงผลภาพได้ระดับ 16K / 60 FPS และล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาว่า RDNA3 ของ AMD จะรองรับสาย DisplayPort 2.0 ด้วย ในขณะที่ทาง Intel ได้ยืนยันแล้วว่า Intel ARC จะรองรับสาย DisplayPort 2.0 อย่างแน่นอนการที่รองรับสายที่แสดงผลภาพได้ 16K ก็ย่อมหมายถึงการ์ดจอตัวเรือธงของพวกเขาควรจะสามารถแสดงผลภาพระดับ 16K ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งชื่อว่าทาง Nvidia เองก็คงไม่น้อยหน้าในการแข่งขันครั้งนี้ คำถามคือ GPU เจนต่อไปจำเป็นต้องมีความแรงขนาดไหนถึงสามารถแสดงผลภาพแบบ 16K ได้? และ 16K ในที่นี้หมายถึง Native หรือการ Upscale กันแน่? คงมีแต่คนภายในเท่านั้นที่รู้Credit : VideoCardZ
19 Aug 2021
intel ฉลองเปิดตัว ARC ด้วยกิจกรรมแจกการ์ดจอล็อตแรกให้กับผู้โชคดี!
ตำนานบทใหม่สำหรับการตีตลาด GPU ของทาง Intel กำลังจะเริ่มในช่วงต้นปีหน้า หลังการทำงานอย่างหนักที่ยาวนานของผู้พัฒนา มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากเมื่อ Intel ได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี Deep Link ที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานด้วยเมื่อใช้งาน CPU กับ GPU ของ Intel ร่วมกัน แต่ที่ดียิ่งกว่าคือทุกคนมีสิทธิได้การ์ดจอรุ่นใหม่ของ Intel นี้มาทดลองใช้งานได้ฟรี!Intel จัดกิจกรรมบนหน้าเว็บไซต์ ARC ของพวกเขาฉลองการเปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ด้วย การแจกมันให้กับผู้โชคดีฟรี โดยการเข้ารวมเป็นเรื่องง่ายมากๆ เพียงแค่เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ และใส่คำถามที่อยากจะถามกับทีมออกแบบชิปผ่านช่อง Ask A Question ทางซ้าย พร้อมใส่ชื่อกับอีเมลสำหรับการติดต่อกลับ พร้อมกับเข้าไปชมหน้า Youtube ของ Intel Arc ก็ลุ้นรับการ์ดจอใหม่ที่บ้านได้เลยIntel ได้ออกตัวเมื่อวานนี้ผ่านโพสต์ใน Twitter ว่าการ์ดจอ ARC ของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงมากพอ จะสามารถเล่นเกมที่ความละเอียดสูงๆ พร้อมกับเปิด Ray-Tracing ไปพร้อมๆ กันได้ โดยยังไม่มีข้อมูลผลทดสอบออกมาให้เราดูกันในตอนนี้ แต่ถ้าหากเป็นอย่างที่กล่าวมาจริง ก็ถือว่าเป็นการ์ดจอที่น่าจับตามองมากตัวหนึ่งในตลาดเลยทีเดียว ส่วนว่าจะแรงสมกับที่พูดรึเปล่าต้องรอดูพร้อมกันต่อไป เข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านลิงก์นี้Credit : Tom's Hardware
18 Aug 2021
Intel เปิดตัวแบรนด์การ์ดจอ ARC อย่างเป็นทางการ ข้อมูลเพิ่มเติมตามมาในอาทิตย์นี้
หลังจากมีข่าวว่ากำลังพัฒนา GPU ของตัวเองเพื่อลงมาสู้กับ AMD และ Nvidia ล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับแบรนด์ ARC จากทาง Intel โดยข้อมูลแรกที่เผยออกมานั้นกล่าวว่า การ์ดจอของ Intel นี้จะมีประสิทธิภาพสูงสามารถใช้งาน Ray-Tracing ได้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วง Q1 ของปี 2022 ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมจะตามมาภายในอาทิตย์นี้ในขณะที่ความแรงเกี่ยวกับ GPU ใหม่นี้ยังคงเป็นปริศนา ทาง Intel ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานดึงศักยภาพของ Hardware ออกมาได้มากยิ่งขึ้นหากใช้สินค้า CPU และ GPU เป็นของทาง Intel ในชื่อ Intel Deep Link แบบเดียวกับ Smart Access Memory ของทาง AMD โดยจะช่วยเพิ่ม FPS ได้มากขนาดไหน อันนี้ต้องรอดูพร้อมกันต่อไปสำหรับการวางจำหน่ายครั้งแรกอย่างเป็นทางการในช่วง Q1 2022 จะมาถึงในรูปแบบของ GPU บน Desktop และ GPU บน Notebook เลย เรียกได้ว่าตื่นเต้นจนรอที่จะได้รู้จักเจ้าการ์ดจอน้องใหม่นี้ไม่ไหวแล้ว! สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านลิงก์นี้ Creditt : Tom's Hardware
17 Aug 2021
ผล Benchmark ใหม่เผย i9-12900K เป็น CPU 12 Core ขัดกับข่าวลือก่อนหน้านี้
ในผลทดสอบที่หลุดออกมาของ i9-12900K ก่อนหน้านี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า CPU รุ่นใหม่ของ Intel จะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 16 Core ที่เป็นแบบ 8 high-performance (big) และ 8 high-efficiency (small) แต่ล่าสุดปรากฏว่าจากผลทดสอบบน Window 11 ได้โชว์ว่า CPU รุ่นใหม่นี้ Core ทั้งหมด 12 Core เพียงเท่านั้นอย่างไรก็ตามทาง Videocardz ได้เผยว่า ที่ระบบพบว่า CPU มี 12 Core อาจเกิดจากการที่ OS เอาจำนวนของ Thread มาหารด้วย 2 เนื่องจาก i9-12900K มีจำนวน Thread เท่ากับ 24 พอดี จึงเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากความผิดพลาดของตัว OS เอง ในรูปผลทดสอบใหม่ไม่ได้มีการพูดถึง Mainboard Z690 เลย ทำให้เราไม่มีข้อมูลของ Motherboard รุ่นใหม่ให้ได้ดูกันด้วยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่า Intel มีแผนจะวางขาย CPU รุ่นใหม่นี้ในช่วงต้นปี 2022 ซึ่งตรงกับข่าวลือการมาของ Ram DDR5 รวมถึง SSD เจนใหม่พอดี และมันยังหมายความว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัว Mainboard รุ่นใหม่ด้วยเช่นกันภายในปีนี้ ใครที่กำลังอัปเกรดคอม แนะนำให้รอเพิ่มอีกสักนิดจะดีกว่าครับCredit : VideocardZ
16 Aug 2021
AMD เพิ่ม RDNA3 เข้ามาใน ROCm Developer Tools คาดอาจเป็นตัวการ์ดจอใหม่เร็วๆ นี้
นับเป็นเวลาได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลังการวางขายการ์ดจอซีรีส์ RX 6000 Series ซึ่งตามปกติแล้ว เราน่าจะยังไม่เห็นการเปิดตัวการ์ดจอใหม่ไปจนกว่าจะถึงปีหน้า แต่อยู่ดีๆ ทาง AMD ก็มีการเพิ่ม RDNA3 GPUs เข้ามาใน ROCm Developer Tools โดยไม่แน่ใจว่าเป็นการบอกใบ้ถึงการมาของการ์ดจอใหม่เร็วๆ นี้รึเปล่าแม้ว่าจะยังไม่รู้วันวางขายของการ์ดจอรุ่นใหม่ แต่นี่น่าจะหมายถึงการออกแบบ RDNA3 ได้ทำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทาง AMD คงกำลังอยู่ระหว่างทดสอบให้เสถียรก่อน ผลิตจำนวนมากออกมาขายจริง โดยมีข่าวลือว่าการ์ดจอรุ่นใหม่ของ AMD นี้จะเป็นโมเดลการผลิตแบบ MCM (multi-chip-module) ซึ่งเป็นแบบเดียวที่ใช้ในการสร้าง GPU ให้กับเครื่องเซอร์เวอร์คงต้องรออีกสักพักก่อนที่เราจะได้เห็นผลทดสอบของการ์ดจอรุ่นใหม่จากทาง AMD ซึ่งเชื่อว่าจะต้องแรงไม่แพ้ Nvidia อย่างแน่นอนสำหรับการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ โดยภายในปีหน้าเชื่อว่าได้เห็นพร้อมกันอย่างแน่นอนCredit : VGC
16 Aug 2021
CEO ของ Nvidia คุณ Jensen Huang รับรางวัล Robert N. Noyce Award
Jensen Huang ถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจ และวิศวะกรมากความสามารถที่ทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่รุ่งโรจน์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ด้วยผลงานดีเด่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จึงทำให้ทาง Semiconductor Industry Association (SIA) ตัดสินใจมอบรางวัล Robert N. Noyce Award อันมีเกียติให้กับเขารางวัล Robert N. Noyce Award ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกียติอันสูงสุดสำหรับวิศวะกรในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากมีเพียงแค่คนที่ทำผลงานดีเยี่ยมมากไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้รับรางวัลนี้ไปแล้ว (ประธานของ Intel ยุคทอง 4 คน และ Dr. Lisa Su ของ AMD) “วิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดาของ Jensen Huang และการดำเนินการอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยทำให้อุตสาหกรรมของเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มันเป็นการปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง ความสำเร็จของ Jensen ได้เติมพลังให้กับนวัตกรรมมากมาย ตั้งแต่การเล่นเกม การคำนวณทางวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงรถยนต์ไร้คนขับ และเขายังคงพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมและโลกของเราต่อไป เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยกย่อง Jensen กับรางวัล Robert N. Noyce Award ปี 2021 สำหรับความสำเร็จมากมายของเขาในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่ก้าวหน้า” ประธานของ SIA คุณ John Neuffer กล่าวการได้รับรางวัลที่มีเกียติเช่นนี้ ก็หวังว่าจะทำให้คุณ Jensen Huang มีแรงในการพัฒนาเทคโนโลยี GPU เยี่ยมๆ ออกมาให้เราเหล่าเกมเมอร์ และเพื่อนๆ ชาวครีเอเตอร์ รวมถึงเจ้าของ Super Computer ได้ใช้งานอุปกรณ์ดีๆ ต่อไปCredit : VideoCardz
13 Aug 2021
หลุดผลทดสอบโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง Aorus ตัวใหม่อาจใช้ Intel Gen 12
หลังจากลงมาตีตลาดโน๊ตบุ๊คครั้งแรกช่วง 2 - 3 ปีก่อน โดยรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับการ์ดจอซีรีส์ RTX 30 ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการระบายความร้อน หรือดีไซน์ และสำหรับรุ่นต่อไปดูเหมือนอาจจะใช้ CPU รุ่นใหม่ของ Intel ด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 4Kในรูปผลทดสอบที่ปล่อยออกมาไม่ได้มีการระบุรุ่น CPU มาด้วย แต่ด้วยความที่สเปคนี้ที่น่าจะเป็นของรุ่นท็อปตัวใหม่ จึงมีการคาดเดาว่าคงเป็นรุ่นท็อปๆ ของทาง Intel ตัวใหม่อย่าง  i7-12700H หรือไม่ก็ i7-12800H ซึ่งจะมีสเปคแบบ 14 Cores / 20 Threads แบ่งเป็น 6 Core ใหญ่ และ 8 Core เล็กช่วยกันทำงานประมวลผล ซึ่งจะตรงกับข้อมูล Intel Alder Lake รุ่น Mobile ที่เคยถูกปล่อยออกมาพอดีในส่วนของ Ram ดูเหมือนรุ่นใหม่นี้จะเริ่มใช้ DDR5 แล้ว โดยมีความเร็วถึง 4800MHz โดยข้อมูลในส่วนนี้ถือว่าขัดกับข้อมูลที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่า DDR5 จะมี BUS สูงถึง 12600MHz แต่ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นเครื่องโน๊ตบุ๊ค จึงทำให้ใส่ RAM ที่ BUS สูงมากๆ เข้ามาไม่ได้ Credit : VideoCardZ
11 Aug 2021
Nvidia ปล่อยหนังสือ All About Ray Tracing เล่ม 2 ให้อ่านฟรีแล้ววันนี้!
ย้อนกลับไปในช่วง 2019 ทาง Nvidia ได้มีการปล่อยหนังสือ ที่อธิบายเกี่ยวกับ Ray Tracing ให้ผู้ที่สนใจได้ทำความรู้จักและเรียนรู้การได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมีจุดประสงค์หลักจริงๆ คือช่วยผู้พัฒนาให้นำระบบนี้ไปใส่ในเกมของตัวเองได้ วันนี้หนังสือเล่มต่อ All About Ray Tracing ll ก็ถูกปล่อยออกมาให้อ่านได้ฟรีแล้ว!All About Ray Tracing ll ได้มีการเขียนครอบคลุมเทคนิคการใช้งานเทคโนโลยีการ Render แสงดังกล่าว รวมถึงมีความคิดเห็นจากผู้พัฒนาเกมดังหลายๆ เกมอย่าง Control, Quake 2, และ Fortnite ด้วย ถ้าหากใครสนใจก็สามารถเข้าไปโหลดมาอ่านได้ฟรีเลยผ่านลิงก์นี้แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้คงไม่ได้เป็นที่สนใจสำหรับทุกคน แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีความฝันที่จะเป็นผู้พัฒนาเกม ในบริษัทระดับแนวหน้าแล้ว เชื่อว่าการมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่นี้บ้าง ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไรครับCredit : PCGamer
06 Aug 2021
Adata เปิดตัวแรม DDR5 อย่างเป็นทางการมี BUS สูงสุดถึง 12600MHz
หลังจากการประกาศของ Kingston ไปเมื่อวานซืนนี้ ล่าสุดทาง Adata ก็ได้ทำการเปิดตัวแรม DDR5 อย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน โดยสำหรับรุ่นใหม่นี้จะมี BUS เริ่มต้นที่ 8400MHz และสูงสุดถึง 12600MHz แรงกว่า DDR4 ที่มี BUS สูงสุดในตอนนี้ถึง 164%ในส่วนของความจุสูงสุดที่ทำได้ต่อ Ram หนึ่งตัวจะเท่ากับ 64Gb ในส่วนของความเร็ว 12600MHz นั้นเป็นรุ่น XPG ที่ทาง Adata ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะรองรับการ OC มีขนาดสูงสุดจะอยู่ที่ 32GB ส่วนรุ่นที่มีขนาดความจุ 64Gb จะเป็นแรมธรรมดาที่มีความเร็ว 8400MHz แทน ด้วย BUS ที่สูงขนาดนี้ เชื่อว่าการเปิดตัวบอร์ดรุ่นใหม่ที่ใช้งานกับแรมเจนใหม่นี้ได้ จะต้องตามมาจากผู้ผลิต Mainboard เร็วๆ นี้ด้วยแน่นอน ซึ่งอาจเป็นการเปิดตัวที่ประกาศว่าใช้งานร่วมกับ CPU เจนใหม่ด้วยเลยในเวลาเดียวกันก็เป็นได้ ต้องรอดูต่อไปในช่วง ปลายปีนี้ - ต้นปีหน้าครับCredit : VideoCardz
06 Aug 2021
FireFox เสียผู้ใช้งานไป 46 ล้านคนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ผู้ใช้งาน Reddit ที่ใช้ชื่อว่า u/nixcraft ได้พบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งาน FireFox ในเว็บไซต์ของ Public Data Report โดยแสดงให้เห็นว่ายอดผู้ใช้งาน FireFox ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาลดลงไปถึง 46 ล้านคน ในช่วงปลายปี 2018 มีผู้ใช้งาน FireFox ประมาณ 244 ล้านคน แต่ในปัจจุบันลดลงเหลือเพียงแค่ 198 ล้านคนเท่านั้น แม้ว่าหากดูจากตัวเลขอย่างเดียวหลายคนอาจมองว่า 198 ล้านก็ยังถือเป็นจำนวนที่เยอะมากๆ อยู่ แต่การลดลงของผู้ใช้งานในช่วง 3 ปีนี้ ก็ยังถือเป็นความจริง และอาจเป็นเรื่องน่าใจหายสำหรับแฟนๆ FireFox ด้วยเช่นกัน ย้อนกลับไปในปี 2002 บริษัท Mozilla ได้เปิดตัว FireFox เป็นครั้งแรก โดยโฟกัสไปที่ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน และได้รับการตอบรับที่ดีในช่วงนั้น จนกระทั่งโลกได้รู้จักกับ Google Chromeอะไรคือเหตุผลให้ผู้ใช้งานเริ่มหันไปใช้ Browser อื่น? เหตุผลหลักคงไม่พ้นในเรื่องของ Performance ที่ผู้ใช้งานบ่นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และบวกกับการที่ Google Chrome ได้กลายเป็นเหมือนกันสิ่งที่จำเป็นต้องมีติดไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องด้วยแล้ว มันคงไม่แปลกนักหากผู้ใช้งานจะเปิดโอกาสให้กับ Browser ยอดฮิตบ้าง และต้องยอมรับจริงๆ ว่าในขณะที่ Google Chrome ยังคงออกอัปเดตใหม่เพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น เร็วขึ้น แถมยังสะดวกมากขึ้นเรื่อย ทางฝั่งของ FireFox เรียกได้ว่ามีพัฒนาการที่ช้ามาก แม้ว่า FireFox จะไม่ได้หายไปเลยในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปคิดว่าอาจจะอีกไม่นานแล้วก็เป็นได้ครับCredit : PCGamer
06 Aug 2021
Asus จดสิทธิบัตร RTX 3070 Noctua บอกใบ้ถึงการร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์
Asus เป็นหนึ่งในผู้ผลิตการ์ดจอที่มีชื่อเสียง สินค้ามีคุณภาพสูงโดยเฉพาะในเรื่องความแรงของชิป และการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ แต่หลังจากนี้เราอาจได้เห็นการ์ดจอจากทาง Asus ในรุ่นที่สามารถระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อล่าสุดเหมือนว่าจะมีการจับมือกับ Noctua เพื่อออก RTX 3070 รุ่นใหม่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Noctua พวกเขาคือแบรนด์ที่ทำอุปกรณ์ระบายความร้อนภายใน PC ที่ยอดเยี่ยมเจ้าหนึ่งของโลก ถ้าหากว่าพูดถึงพัดลมเคสที่มีรอบสูงๆ หรือ Heatsink ลมอันดับต้นๆ ของโลก หนึ่งในนั้นจะต้องมีสินค้าของ Noctua อยู่ด้วยอย่างแน่นอน มันจึงทำให้การร่วมงานครั้งนี้หมายถึงการ์ดจอแรงดีกรีระดับ Asus ที่ระบายความร้อนได้ดีระดับ Noctuaแต่คำถามที่น่าสนใจคือทำไมถึงเป็น RTX 3070 เนื่องจากการระบายความร้อนของ Asus ในการ์ดจอซีรีส์ 30 ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ อยู่แล้ว มันดูไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปจับมือกับแบรนด์เชี่ยวชาญการระบายความร้อนในครั้งนี้ ถ้าหากว่ารุ่นที่ทำเป็น 3080Ti หรือ 3090 ก็ยังพอเข้าใจได้ ในจุดนี้คิดว่าต้องรอดูข้อมูลกันต่อไปCredit: Tom's Hardware 
05 Aug 2021
ราคาหุ้น AMD พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แตะ 120$ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2017 บริษัท AMD มีราคาหุ่นอยู่ที่ประมาณ $13 - $14 เท่านั้น แต่ด้วยการเติบโตจาก AMD Ryzen จึงทำให้ราคาของหุ่นเป็นไปในทิศทางที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และล่าสุดในช่วง 7 วันที่ผ่านมา อยู่ดีๆ ก็มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนไปจบที่สูงสุด 120$ราคาหุ้นของ AMD เริ่มต้นไต่ระดับหลังจากมีการประกาศตัวเลขกำไรที่ทำได้ในช่วง Q2 2021 และการประกาศเตรียมปล่อย CPU รุ่นใหม่ในปี 2022 โดย CEO คุณ Lisa Su ทำให้ราคาหุ้นที่จากเดิมอยู่ที่ $97 เมื่อ 8 วันก่อน ขึ้นไปสูงสุดที่ $121 เมื่อเช้านี้ เรียกได้ว่าเป็นการไต่ระดับที่น่ากลัวมากจริงๆการประกาศรายได้ของ AMD ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงยอดขาย และกำไรของบริษัทที่สูงมากขึ้นเป็นเท่าตัวในทุกๆ ปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักหากตลาดจะตอบสนองต่อการประกาศนี้จนทำให้ราคาสูงขึ้นมากๆ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน และเชื่อว่าถ้าหากชิปรุ่นต่อไปของ AMD ยังคงมีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel เชื่อว่าคงเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทมากขึ้นไปอีก จนทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นไปอีกCredit : Tom's Hardware
05 Aug 2021
Kingston ยืนยัน DDR5 มา Q4 ปี 2021 พร้อมกับ Gen 4 PCIE SSD
ในงานเปิดตัวแบรนด์ Kingston Fury ในวันนี้ มีอีกหนึ่งข่าวที่น่าสนใจนอกจากการเปิดตัวสินค้าชุดใหม่ นั้นก็คือการประกาศ Roadmap ของทาง Kingston ที่จะออกสินค้าหลังจากนี้ และมีการยืนยันว่า DDR5 กับ Gen 4 PCIE SSD ของทาง Kingston จะมาในช่วง Q4 ของปี 2021 ซึ่งหมายถึงการมาของ CPU ใหม่ และ Mainboard รุ่นใหม่ด้วยในส่วนของความแรงของ DDR5 ทาง Kingston ได้มีการเผยว่าความเร็วจะเริ่มต้นที่ 4800 MHz เลยทีเดียว แต่ในส่วนความจุของหนึ่ง Module ถูกประกาศไว้ว่าจะมี 16GB ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นขั้นต่ำ หรือเป็นสูงสุดที่รองรับ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นขั้นต่ำ นี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานขั้นต่ำของ Ram ใน 1 เครื่อง PC ขึ้นมาเป็น 16 Gb แทนเลย โดยต้องรอดูกันต่อไปการออก DDR5 ย่อมหมายถึงการวางขาย Mainboard รุ่นใหม่ รวมถึง CPU รุ่นใหม่ด้วย จากไลฟ์สตรีม Intel Accelerated ที่ผ่านมา เชื่อว่าสินค้ารุ่นใหม่ของ PC ทั้งหมดนี้จะวางขายในช่วงเดียวกันคือต้นปี 2022 ในส่วนของ SSD เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Samsung เตรียมปล่อย PCIE Gen 5 ออกมาในช่วงกลางปีหน้า ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทาง Kingston เองจะมีการออก SSD เจนใหม่ด้วยรึเปล่า
04 Aug 2021
Kingston ประกาศเปิดตัวแบรนด์ Fury ใหม่ ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ HyperX
หลังจากมีการประกาศเข้าซื้อ HyperX จากทาง HP ไปช่วงต้นปี เหล่าผู้ใช้งานต่างสงสัยว่า 'แล้วหลังจากนี้ทิศทางของ Kingston ในตลาดเกมเมอร์จะเป็นอย่างไรต่อไป?' วันนี้ Kingston ยืนยันแล้วว่าจะไม่หายไปไหน พร้อมกับเปิดตัวสินค้าชุดใหม่ภายใต้แบรนด์ Kingston Fury และประกาศเปิดตัว Ram ใหม่ 3 รุ่นที่เปลี่ยนแปลงชื่อจากเดิมที่มีคำว่า HyperX อยู่ในชื่อมาเป็น Fury แทน สินค้าใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นคือ Kingston FURY Renegade DDR4 ซึ่งเป็นรุ่นที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Predator ซึ่งแน่นอนว่ายังคงความแรง กับสีสัน RGB สวยงามเช่นเดิม รุ่นต่อมาคือ Kingston FURY Beast DDR4 ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Fury และสุดท้าย Kingston Fury Impact ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก HyperX Impact สำหรับผู้ใช้งาน HyperX ดั้งเดิม ก็ไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากทาง Kingston ได้ยืนยันแล้วว่า จะยังคงให้บริการหลังการขายกับกลุ่มที่ยังใช้สินค้าของ HyperX อยู่เช่นเดิม เพียงแต่สินค้าของ Kingston หลังจากนี้จะไม่มีชื่อของ HyperX อยู่ด้วยแล้วเท่านั้น ใครที่กลัวว่าถ้าหากสินค้าเกิดพังขึ้นมาแล้วจะไม่สามารถส่งซ้อมได้ ก็หายห่วงได้เลยครับสำหรับรายละเอียดสินค้าชุดใหม่ของ Kingston สามารถดูได้ข้างล่างนี้คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Renegade DDR4มาพร้อมกับชุดกระจายความร้อนอะลูมิเนียมสีดำดุดัน: ชุดกระจายความร้อนอะลูมิเนียมสีดำขลับพร้อมแผงวงจร PCB สีดำเข้าชุดกัน ยิ่งช่วยให้เครื่องของคุณดูโดดเด่นเหนือใครถูกพัฒนาขึ้นสำหรับ Intel XMP: เทคโนโลยี Intel Extreme Memory Profile ทำให้การโอเวอร์คล็อกไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่เลือกโพรไฟล์ที่ต้องการที่กำหนดไว้สำเร็จใน BIOS เพื่อโอเวอร์คล็อกระบบโดยไม่ต้องปรับเวลาการทำงานของหน่วยความจำด้วยตัวคุณเองรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับระบบที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์จาก AMD ได้อย่างลงตัวตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เชื่อถือได้สำหรับระบบการทำงานของคุณเสถียรภาพในการทำงานเต็มที่ พร้อมรับประกันตลอดอายุการใช้งาน: หน่วยความจำ Kingston FURY ผ่านการทดสอบความเร็ว 100% จึงมั่นใจได้ว่าปราศจากข้อบกพร่องจากการผลิตและวัสดุที่ใช้  Renegade DDR4 รับประกันตลอดอายุการใช้งาน มั่นใจได้กับความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี RGB:เอฟเฟกต์ไฟ RGB แบบไดนามิค: ให้คุณกลายเป็นดาวเด่นระหว่างการต่อสู้กับเอฟเฟกต์ RGB ที่ต่อเนื่องและสะดุดตา1เทคโนโลยี Kingston FURY Infrared Sync™: ซิงค์เอฟเฟกต์ RGB ของคุณได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องต่อสายเพิ่มโดยอาศัยเทคโนโลยี Infrared Sync ภายใต้สิทธิบัตรของ Kingston FURYความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBชุด 8 แถว: 256GBความเร็ว2: 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 4000MHz, 4266MHz, 4600MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.35V, 1.4V, 1.5Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 70°Cขนาด: 133.35 x 42.2 x 8 มม. Non-RGB:ความเร็วระดับสูงกับค่าหน่วงเวลาต่ำเพื่อปลดปล่อยประสิทธิภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด: ความเร็วสูงสุดถึง 5333Mhz2 ที่ค่าหน่วงเวลาเพียง CL13-CL20 ทำให้เครื่องที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ AMD หรือ Intel ของคุณสามารถประมวลผลเกม ตัดต่อวิดีโอและถ่ายทอดสดเนื้อหาได้อย่างเต็มที่ Renegade DDR4 คือตัวเลือกสำหรับนักโอเวอร์คล็อก ผู้ประกอบ PC และเกมเมอร์ตัวจริงความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBชุด 8 แถว: 128GB, 256GBความเร็ว2: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 4000MHz, 4266MHz, 4600MHz, 4800MHz, 5000MHz, 5133MHz, 5333MHzค่าหน่วงเวลา: CL13, CL15, CL16, CL18, CL19, CL20แรงดันไฟฟ้า: 1.35V, 1.4V, 1.5V, 1.55V, 1.6Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 133.35 x 42.2 x 8.3 มม.คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Beast DDR4รองรับ Intel XMP: วิศวกรของเราได้มีการกำหนด Intel Extreme Memory Profiles สำเร็จรูปไว้เพื่อให้หน่วยความจำของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 3733MHzรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับระบบที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์จาก AMD ได้อย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในรูปแบบที่เชื่อถือได้และเข้ากันได้สำหรับระบบการทำงานของคุณPlug N Play – โอเวอร์คล็อกอัตโนมัติสูงสุดที่ 2666MHz3: อัพเกรดแบบ Plug N Play ได้ง่ายๆ Kingston FURY Beast DDR4 สามารถโอเวอร์คล็อกได้อัตโนมัติตามความเร็วสูงสุดที่แจ้งในระบบ BIOS RGB:เอฟเฟกต์ไฟ RGB ปรับแต่งได้เพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยวและดุดัน1: เพิ่มสีสันให้กับสนามรบของคุณด้วยชุดกระจายความร้อนของ Beast DDR4 RGB พร้อมเอฟเฟกต์ไฟ RGB ปรับแต่งได้ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและสวยงาม สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Kingston FURY CTRL ที่ทรงประสิทธิภาพหรือซอฟต์แวร์ของผู้ผลิตเมนบอร์ดเพื่อปรับแต่งเอฟเฟกต์ในแบบที่คุณต้องการเทคโนโลยี Kingston FURY™ Infrared Sync™: เอฟเฟกต์ไฟ RGB ที่ซิงค์การทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยเทคโนโลยี Infrared Sync ภายใต้สิทธิบัตรจาก Kingstonความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 32GB, 64GB, 128GBความเร็ว: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 3733MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.2V, 1.35Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 70°Cขนาด: 133.35 x 41.24 x 7 มม. Non-RGB:ชุดกระจายความร้อนแนวต่ำ: ชุดกระจายความร้อนรูปแบบใหม่ที่โฉบเฉี่ยว เหมาะสำหรับเป็นอุปกรณ์อัพเกรดสไตล์ให้กับสนามรบของคุณชุดอัพเกรดประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด: Kingston FURY Beast DDR4 คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มประกอบเครื่อง หรือบุคคลที่กำลังมองหาอุปกรณ์อัพเกรดที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองความจุ:แถวเดี่ยว: 4GB, 8GB, 32GBชุด 2 แถว: 8GB, 16GB, 32GB, 64GBชุด 4 แถว: 16GB, 32GB, 64GB, 128GBความเร็ว: 2666MHz, 3000MHz, 3200MHz, 3600MHz, 3733MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL18, CL19แรงดันไฟฟ้า: 1.2V, 1.35Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 133.35 x 34 x 7.2 มม.คุณสมบัติและรายละเอียดทางเทคนิคของ Kingston FURY Impact DDR4SODIMM ที่ทรงประสิทธิภาพ: ใช้งานหน่วยความจำของคุณอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกม การทำงานแบบมัลติทาสก์ และการเรนเดอร์ข้อมูลPlug N Play โอเวอร์คล็อกได้อัตโนมัติ3: Impact DDR4 จะโอเวอร์คล็อกความเร็วอัตโนมัติเป็นความถี่สูงสุดที่แจ้งไว้โพรไฟล์มาตรฐาน Intel XMP: วิศวกรของเราได้มีการกำหนด Intel Extreme Memory Profiles สำเร็จรูปไว้เพื่อให้หน่วยความจำของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 3200MHzรองรับ AMD Ryzen: หน่วยความจำที่พร้อมสำหรับ AMD Ryzen และสามารถประสานการทำงานกับเครื่องที่รองรับ SODIMM จาก AMD ได้อย่างลงตัว เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในรูปแบบที่เชื่อถือได้สำหรับระบบการทำงานของคุณประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ใช้กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า: เครื่องทำงานโดยไม่เกิดความร้อนและประหยัดมากกว่าด้วย Impact DDR4 ที่ใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 1.2Vเล็ก โฉบเฉี่ยว: PCB สีดำและฉลากความร้อนที่ดูโฉบเฉี่ยว สะท้อนสไตล์ที่เป็นตัวคุณ และขนาดที่กะทัดรัดความจุ:แถวเดี่ยว: 8GB, 16GB, 32GBชุด 2 แถว: 16GB, 32GB, 64GBความเร็ว3: 2666MHz, 2933MHz, 3200MHzค่าหน่วงเวลา: CL15, CL16, CL17, CL20แรงดันไฟฟ้า: 1.2Vอุณหภูมิการทำงาน: 0°C ถึง 85°Cขนาด: 69.6mm x 30 มม.
04 Aug 2021
AMD และ Valve กำลังพยายามเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ของ Steam Deck
มีรายงานใหม่ล่าสุดเข้ามาว่า AMD และ Valve ดูจะยังไม่พอใจกับประสิทธิภาพ CPU ของ Steam Deck ตอนนี้ และทั้งสองกำลังพยายามหาทางเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ของเจ้าเครื่องเล่นเกมพกพาอยู่ในตอนนี้ โดยการทำงานร่วมกันในที่นี้หมายถึงการ Optimize ระบบของเครื่องให้ส่งผลต่อการทำงานของ CPU จากรายงานของ Phoronix ดูเหมือนตอนนี้ AMD Zen 2 ที่ใส่อยู่ใน Steam Deck ตอนนี้มีการใช้ ACPI CPUFreq driver ซึ่งไม่ใช่อะไรที่มีประสิทธิภาพดีขนาดนั้น เพราะมันเป็นการยากที่จะจำกัดพลังงาน และยังมี Frequency Scaling ที่ไม่น่าพอใจ โดยปัญหานี้ไม่ใช่อะไรที่แก้ไขได้ง่ายหาก AMD ไม่ได้ออกแบบ Driver ใหม่สำหรับเครื่องเล่นเกมของ Valve โดยเฉพาะแม้จะยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมาในตอนนี้ แต่เชื่อว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีเป้าหมายคือการทำให้ Steam Deck สามารถเล่นเกม AAA ได้ลื่นไหลมากขึ้น ก็หวังว่าในตอนที่เครื่องออกมาแล้ว จะสามารถนำมาเล่นเกมได้หลากหลายจริงๆ อย่างที่ Valve สัญญาไว้ครับCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
ราคาเหรียญ Ethereum ตก ทำราคา GDDR SGRAM ตกด้วย คาด GPU อาจราคาลงด้วย
เหล่านักขุดเหรียญ Ethereum อยู่ในช่วง ที่ไม่ได้กำไรกันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากราคาเหรียญที่ตกลง ซึ่งล่าสุดการตกลงของราคาเหรียญไม่ได้ส่งผลต่อกำไรของเหล่านักขุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ราคาของ GDDR SGRAM ที่ใส่อยู่ในการ์ดจอมีราคาตกลงด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณอันดีที่จะทำให้ราคาการ์ดจอตกลงด้วยเมื่อวานนี้เพิ่งจะมีรายงานการขึ้นราคาชิปของโรงงาน Samsung ไป ซึ่งอาจทำให้ราคาการ์ดจอแพงขึ้นไปด้วย แต่ด้วยการตกลงของราคา Ethereum อย่างต่อเนื่องจนผ่านเส้น 50% ไปแล้วในช่วง 2 เดือน ส่งผลให้ราคาการ์ดจอส่วนใหญ่ในตลาดที่ใช้ GDDR6 เป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง อาจมีราคาตกลงตามมาด้วยเนื่องจาก GDDR SGRAM มีราคาถูกลง โดยเฉพาะการ์ดจอรุ่นแพงๆ ที่มีการใส่เม็ด GDDR เข้าไปเยอะๆอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วสัญญาซื้อขาย GDDR SGRAM ที่ทำระหว่างผู้ผลิต และผู้ซื้อมักมีการกำหนดราคากันไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่การลดราคาของ GDDR SGRAM อาจยังไม่ส่งผลต่อราคาการ์ดจอในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งนี้บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Nvidia หรือ AMD ที่ทำการผลิต GPU เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว มักจะมีการพิจารณาราคาใหม่ทุกไตรมาส เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกต้องที่สุดในแต่ละช่วงของปี ดังนั้นคิดว่าราคาของ GPU จะลงรึเปล่า เราน่าจะได้ทราบกันภายใน 2 - 4 เดือนนี้ครับCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
Cougar เปิดตัวเคสขนาดเล็กรุ่น Dust 2 สำหรับการพกพาไปด้วยได้ทุกที่
ในช่วงหลังๆ มานี้ การหันไปใช้งานเคสขนาดเล็ก เพื่อประกอบ PC ขนาดเล็ก ดูได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมันดูสะอาดตา รวมถึงสามารถพกพาไปนอกสถานที่ได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์สวยๆ ได้อีกด้วย วันนี้ทาง Cougar ได้เปิดตัวเคสขนาดเล็กใหม่ Dust 2 ที่นอกจากเล็กและพกพาง่ายแล้ว ยังออกแบบมาให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสำหรับเคสรุ่นเล็กใหม่นี้ถูกออกแบบมาให้รับลมเย็นเข้าจากทางซ้ายและขวาของเคส จากนั้นจึงระบายความร้อนออกทางข้างบน ส่วน PSU จะระบายความร้อนออกทางด้านล่าง ซึ่งดูเป็นทิศทางการระบายความร้อนที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ที่อากาศร้อนจะลอยตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ความยาวของเจ้า Dust 2 ยังมากพอที่จะใส่การ์ดจอขนาด 3 พัดลมเข้าไปได้สบายๆ ดังนั้นจึงหมายความว่าสามารถประกอบการ์ดจอรุนแรงตัวบนๆ ได้สบายจากวิดีโอเปิดตัว Dust 2 จะมาพร้อมกับ 3 สีให้เลือกซื่อ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีการประกาศราคา รวมถึงวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับเคสรุ่นใหม่นี้ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอนCredit : Tom's Hardware
03 Aug 2021
AMD ใจดี เปิดให้สามารถทดสอบใช้งานคอมราคาครึ่งล้านได้จากที่บ้าน!
ถือเป็นโอกาสอันดีของคนที่อยากทดลองใช้งานคอมแรงๆ สักครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว เมื่อล่าสุด AMD เปิดให้ทุกคนสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้าทดสอบคอมราคาครึ่งล้าน ได้ฟรีผ่าน Google Form วันนี้โดยสำหรับสเปคของเครื่องที่จะทดสอบจะมาพร้อมกับ CPU ระดับ AMD Ryzen Threadripper พร้อมกับการ์ดจอ AMD Radeon PRO VII และมีสเปคอื่นๆ ดังนี้AMD Ryzen Threadripper Pro 3995WX 64Core 128 ThreadAMD Radeon PRO VII 16GB HBM2Supermico Ram 128GB 16*8 Bus 2666 MHzASUS PRO WS WRX80E-SAGE SE WIFISeagate FireCuda 520 1TB NVMe Gen4Thermaltake Toughpower iRGB PLUS 1250W 80+AMD WRAITHRIPPER CoolerThermaltake Level 20สำหรับสเปคของ PC นี้ เรียกได้เลยว่าจะทดลองตัดต่องาน ทดลองเล่นเกม หรือทดลองใช้งานอะไรก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน แน่นอนว่าโดยปกติแล้วเราคงไม่ได้ประกอบคอมราคาขนาดนี้มาเพื่อใช้งานในบ้านอย่างแน่นอน แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสกับคอมความแรงระดับนี้ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ ครับCredit : AMD
02 Aug 2021
นักออกแบบเครื่อง PS5 คุณ Mark Cerny เผยตัวเลือก SSD ที่เขาเลือกใช้
สำหรับเจ้าของเครื่อง PlayStation 5 ทั้งหลาย น่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการมาถึงของอัปเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ครั้งต่อไปของเครื่อง ที่จะทำให้ PS5 สนับสนุนการใส่ SSD เข้าไปเพื่อเพิ่มความจุเดิมของเครื่อง ในส่วนของรายชื่อ SSD ที่จะสามารถใช้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ได้ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาในขณะนี้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทางผู้ผลิต SSD ชื่อดังอย่าง Western Digital และ Seagate ก็ได้ออกมายืนยันว่าสินค้าของทั้งสองบริษัทจะสนับสนุนการใช้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ด้วย โดยในฝั่งของ Western Digital ได้ยินยันว่า SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของพวกเขาจะใข้งานบนเครื่อง PlayStation 5 ได้ทันทีที่อัปเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ ในขณะที่ Seagate เองก็เผยว่า SSD รุ่นใหม่ FireCuda 530 PCIe Gen4 NVMe ของพวกเขาจะสนับสนุนการใช้งานตั้งแต่วันแรกที่อัปเดทเช่นกันแน่นอนว่าเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว คำถามต่อไปคือแล้วเราควรเลือกใช้รุ่นไหนดีล่ะ? เราอาจจะมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถืออย่างคุณ Mark Cerny นักออกแบบคอนโซลชื่อดังผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังการออกแบบคอนโซล PlayStation 5 เมื่อล่าสุดคุณ Mark เองได้เปิดเผยว่าเขาเลือกที่จะใช้ SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของ Western Digital สำหรับเครื่อง PS5 ของเขาและภรรยา! สำหรับ SSD รุ่น WD_BLACK SN850 NVMe ของคุณ Mark เป็นรุ่นที่มีตัว Heatsink ติดมาด้วยเพื่อระบายความร้อน ซึ่งน่าจะช่วยการทำงานของตัว SSD ได้ไม่มากก็น้อย โดยในไทยจะสามารถหาซื้อ SSD รุ่นนี้ได้ในราคาประมาณ 5,000-20,000 บาทต่อชิ้นขึ้นอยู่กับความจุที่ต้องการ (มี 500GB / 1TB / 2TB) ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าแม้แต่คุณ Mark ยังเลือกใช้ก็มั่นใจได้ว่าของเขาคงดีจริงๆ ล่ะนะCredit: Gamingbolt
02 Aug 2021
โรงงาน Samsung ประกาศขึ้นราคาการผลิตชิป คาดอาจทำให้ราคาการ์ด Nvidia ขึ้นไปด้วย
Samsung Foundry โรงงานผลิตชิปได้ประกาศจะขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ในการประมูลหลังจากนี้ เพื่อสร้างกำไรให้มากขึ้น และรองรับการขยายตัวของโรงงาน Samsung Foundry ต้องการแน่ใจว่าจะสามารถผลิตชิปได้มากขึ้นโดยใช้โหนดขั้นสูงต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งหาเงิน สำหรับลงทุนเครื่องจักรการผลิตชิปรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตผลกระทบที่ตามมาจากการปรับราคาผลิตชิปครั้งนี้ของ Samsung อาจทำให้ราคาของ GPUs กับ SoCs มีราคาที่สูงขึ้นในตลาดเนื่องจาก ผู้จัดจำหน่ายต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในการผลิตการ์ดแต่ละใบ และเนื่องจาก Nvidia เองเป็นบริษัทที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง รวมถึงยังเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Samsung Foundry มันจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ราคาการ์ดจอของ Nvidia อาจแพงขึ้นหลังจากนี้ต่อไปS5 Line ของ Samsung Foundry ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของบริษัท มันถูกออกแบบมาเพื่อ แปรรูปเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 5LPP (5 นาโนเมตร) , 4LPE (4 นาโนเมตร) เทคโนโลยีการผลิตที่บางลง เนื่องจาก Fab ใช้ภาพพิมพ์หินอัลตราไวโอเลต (EUV) ทำให้การลงทุนเครื่องจักรจำเป็นต้องใช้เงินถึง 120 - 150 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การประกาศขึ้นราคาในครั้งนี้เป็นอะไรที่สมเหตุสมผลอย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบว่าการขึ้นราคาของโรงงาน Samsung นี้จะส่งผลต่อตลาดชิปมากน้อยขนาดไหน เบื้องต้นคิดว่าการปรับราคาจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที โดยทางผู้จัดจำหน่ายจะค่อยๆ ปรับราคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสินค้าแต่ละชุดที่จะตามมาหลังจากนี้ เพื่อให้ผู้อุปโภคสามารถปรับตัวได้ทันCredit : Tom's Hardware
02 Aug 2021
รีวิว HyperX Cloud Stinger Core Wireless หูฟังไร้สายคุณภาพดีสำหรับชาว PlayStation
ในยุคที่การเล่นเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจกว้างขวางขึ้น รวมถึงเข้าถึงได้ง่ายไม่ว่าใครก็สามารถเล่นเกมได้ ก็ได้ทำให้การพัฒนาอุปกรณ์เสริมไม่ว่าจะเป็น หูฟัง จอย หรือทีวี ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของเหล่าเกมเมอร์กันมากขึ้น โดยเฉพาะหูฟัง ที่หลังมีรุ่นที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยใช้สายอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้เล่นมีอิสระในการเล่นเกมที่มากขึ้นในปัจจุบันมีหูฟังหลายรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตการใช้งานกับเครื่องเล่นเกมคอนโซลแบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นของ Sony เองหรือของแบรนด์ดังต่างไม่ว่าจะเป็น Razer, SteelSeries และ HyperX บ้างก็มีราคาถูกไม่กี่พัน บ้างรุ่นก็มีราคาถูกสามารถจับต้องได้โดยง่าย ซึ่งนับเป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้ทดลองใช้เจ้า HyperX Cloud Stinger Core Wireless ที่ต้องบอกเลยว่าน่าจะถูกใจเพื่อนๆ สายคอนโซลอย่างแน่นอน ดังนั้นวันนี้จะมีรีวิวเจ้าหูฟังไร้สายนี้ให้เพื่อนๆ ได้ใช้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อต่อไปครับแบตเตอรี่ 17 ชั่วโมง ใช้งานแบบต่อเนื่องไม่มีสะดุดในเมื่อเป็นหูฟังแบบไร้สายแล้วเชื่อว่าเรื่องแรกที่หลายคนน่าจะเป็นห่วงกันคือเรื่องอายุการใช้งานของแบต ต่อหนึ่งรอบการใช้งาน ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าหายห่วงครับ เพราะทาง HyperX ได้ออกแบบมาให้แบตเตอรี่ของหูฟังตัวนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้มากกว่า 17 ชั่วโมง แถมยังใช้วิธีการชาร์จแบตผ่านสาย USB Type-C ทำให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วระบบเสียง 7.1 ได้ยินครบทุกรายละเอียดในเกมอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญที่มาพร้อมกับหูฟังรุ่นนี้คือระบบเสียงแบบ 7.1 ที่ทำให้ได้ยินทิศทางกำเนิดของเสียงภายในเกมได้ดียิ่งขึ้น ลองจินตนาการว่า เพื่อนๆ กำลังเล่น Watch Dogs Legion สำรวจเมือง London อยู่ เมื่อมีรถกำลังจะขับผ่านเราไป หูฟังตัวนี้จะแสดงผลเสียงได้อย่างถูกต้องชนิดที่ หลับตาอยู่ก็รู้ได้เลยว่ารถกำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านเราไปทางซ้าย จนสุดท้ายก็เหลือเสียงทิ้งไว้บริเวณด้านหลังหูด้านซ้าย เพราะว่ารถดังกล่าวเคลื่อนตัวผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประสบการณ์แบบนี้ยังได้รับจากเสียงสะท้อนที่เกิดจากวัตถุกระทบกันภายในเกม เสียงของน้ำที่ไหลผ่าน หรือแม้กระทั่งทิศทางของเสียงเม็ดฝนที่กระทบพื้น คือเรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์เกมมิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ แน่นอนว่ามันช่วยให้สามารถเล่นเกม FPS แบบที่ต้องแข่งขันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยน้ำหนักเบา ดีไซน์มาเพื่อสวมใส่นานๆ ได้แบบสบาย    แน่นอนว่าปกติเมื่อเรากำลังสนุกไปกับเกมหนึ่งเกม ผู้เล่นส่วนใหญ่มักใช้เวลาหลายชั่วโมงติดๆ กันสนุกไปกับการออกผจญภัย หรือสำรวจโลกใบนั้น เพื่อให้ตอบสนองต่อประสบการณ์เล่นเกมต่อเนื่องดีที่สุด HyperX ได้ออกแบบหูฟังตัวนี้มาให้มีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 215 กรัมเท่านั้น ทำให้ใส่ต่อเนื่องกันเป็นเวลานานได้โดยไม่รู้สึกหนัก นอกจากนี้ยังมีการใช้ฟองน้ำหุ้มตาข่ายอย่างดีใส่มาบริเวณที่ครอบหู และส่วนบนของหูฟัง ทำให้รู้สึกสบาย และระคายเคืองเลยแม้แต่น้อยเฟรมภายในใช้เหล็กอย่างดี พร้อมประกัน 2 ปี เชื่อได้เลยเรื่องความทนเมื่อทราบว่าหูฟังมีน้ำหนักเบามาก หลายคนอาจกังวลเรื่องอายุการใช้งานที่อาจจะไม่นานเท่าไหร่เนื่องจากเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งแม้ว่าดูจากภายนอกแล้วจะเหมือนว่าหูฟังนี้เป็นพลาสติกแข็งทั้งอัน แต่โครงภายในของหูฟังจริงๆ แล้วเป็นเหล็กน้ำหนักเบาคุณภาพดี ตรงส่วนของการปรับขนาดเอง ก็มีการใช้โครงสร้างที่เป็นโลหะด้วยเช่นกัน ถ้าหากทั้งหมดนี้ยังไม่พอ HyperX Cloud Stinger Core Wireless ยังมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปีอีกด้วย ไมค์ Noise Cancellation คมชัดทุกการสื่อสารในการเล่นเกม Co-Op หรือ Competitive ขาดไม่ได้เลยสำหรับไมค์ที่ใช้สื่อสารกับเพื่อนร่วมทีม และเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างคมชัด ไม่มีเสียงรบกวน ทาง HyperX ได้ใส่ไมค์แบบ Noise Cancellation มาเลยกับรุ่นนี้ ตลอดระยะเวลาที่ได้ทดลองใช้เจ้าหูฟังตัวนี้ พบว่าไม่มีเสียงแทรกหลุดรอดเข้าไปในไมค์เลย ส่งผลให้การสื่อสารทุกอย่างคมชัด ถูกต้อง หมดกังวลเรื่องสื่อสารไม่รู้เรื่องในนาทีสำคัญของเกมการใช้งานกับเครื่อง PS5 / PCหลายคนอาจตั้งคำถามว่า "ในเมื่อหูฟังเป็นแบบ 7.1 แถมเชื่อมต่อผ่าน USB ด้วย จำเป็นต้องตั้งค่าอะไรยุ่งยากรึเปล่าถึงจะใช้งานกับ PS5 ได้" คำตอบคือ "ไม่เลย" เพียงแค่ชาร์จแบตให้เต็ม นำ USB เสียบกับช่องด้านหน้าหรือด้านหลังของเครื่อง PS5 ก็ได้ พร้อมกับกดปุ่มเปิดที่ตัวหูฟัง เพียงเท่านี้ก็สามารถสัมผัสกับระบบเสียงแบบ 7.1 ได้เลย อย่างที่บอกไปแล้วว่าทาง HyperX ได้ใส่ใจการออกแบบให้เหมาะสมจะใช้งานเป็นเวลานานๆ ได้ ตัวผู้เขียนได้ทดลองใช้งานหูฟังนี้ในการเล่นเกม Watch Dogs Legion ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ชั่วโมงติดกันมาแล้ว พบว่าใส่สบายมาก เสียงที่ได้ก็ครบถ้วน แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดเห็นจะเป็นความอิสระในการขยับร่างกายลุกไปไหนมาไหนได้ โดยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะดึงสายของหูฟังขาด เนื่องจากเป็นหูฟังแบบไร้สาย จะลุกไปยืดเส้นยืดสายเมื่อเมื่อย หรือไปเข้าห้องน้ำก็สามารถทำได้ทันที (จะใส่หูฟังไปด้วยก็ได้เนื่องจากระยะเชื่อมต่อไกลมากๆ) เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากเลยทีเดียวในการใช้งานกับเครื่อง PC ก็ไม่ได้แตกต่างจาก PS5 เท่าไหร่นัก สามารถเสียบ USB แล้วเปิดใช้งานได้เลย แต่จะดีกว่าหน่อยคือสามารถโหลดแอปจากเว็บไซต์ของ HyperX มาดูได้ว่าตอนนี้แบตเตอรี่ของหูฟังเราเหลืออยู่เท่าไหร่ จำเป็นต้องถอดไปชาร์จเร็วๆ นี้รึเปล่า (โดยปกติเวลาแบตใกล้หมดจะมีเสียงแจ้งเตือนอยู่แล้ว) ซึ่งก็จะช่วยให้การใช้งานลื่นไหลกว่าเล็กน้อยครับสุดท้ายคือในเรื่องของราคาที่น่าจะเป็นคำถามซึ่งเพื่อนๆ อยากได้คำตอบเป็นอย่างสุดท้าย ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าไม่แพงจนกระเป๋าฉีกจนเกินไป โดยหากซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ PC ชั้นนำอย่าง JIB จะมีราคาอยู่ที่ 2,790 เท่านั้น โดยสำหรับรุ่นนี้จะมี 2 สีให้เลือกคือขาว / ดำ บริเวณฟองน้ำลองหู และฟองน้ำลองศีรษะสามารถถอดเปลี่ยนได้ ดังนั้นถ้าหากจะอัปเกรดไปใช้แบบที่นุ่มกว่าสบายกว่า ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองเลยครับ
22 Jul 2021
หลุดผลทดสอบ i9 12900K แรงกว่า Ryzen 9 5950x
หลังจากมีข่าวว่ามี CPU รุ่นใหม่อย่าง i9 12900K หลุดออกมาขายในตลาดมืดของจีนในราคา $30,000 กว่าบาท ล่าสุดก็มีผลทดสอบของเจ้า CPU ตัวนี้หลุดออกมาด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าชิปรุ่นใหม่นี้แรงกว่า Ryzen 9 5950x เสียอีก แถมผู้ปล่อยผลนี้ออกมายังเป็น OneRaichu ซึ่งเคยปล่อยข่าวลือที่ถูกต้องออกมาก่อนหน้านี้ผลทดสอบที่เพื่อนๆ จะได้ดูต่อไปนี้มาจากโปรแกรม Cinebench R20 โดยถ้าเอาจากคะแนนอย่างเดียว I9 ตัวใหม่แรงกว่าถึง 18% เลยทีเดียว ซึ่งผลทดสอบในครั้งนี้ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Water Cooling เจ้า CPU รุ่นใหม่นี้ต้องการไฟถึง 200W จึงทำให้เกิดความร้อนสูงด้วยในเวลาเดียวกัน การทดสอบด้วย Water Cooling จึงถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทดสอบ12900KS QS Non-OCIn water cooler.Cinebench R20.ST: >810MT: >11600— Raichu (@OneRaichu) July 20, 2021 แน่นอนว่าผลทดสอบทั้งหมดนี้ยังคงเป็นแค่ข่าวลือ และไม่มีอะไรมายืนยันความถูกต้องของมัน แต่ในเมื่อมีข่าวหลุดเกี่ยวกับผลทดสอบเช่นนี้ เลยทำให้ข่าวลือก่อนหน้าที่บอกว่า CPU รุ่นใหม่นี้จะวางขายในช่วงปลายปีมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ในไลฟ์สตรีมของ intel อาทิตย์จะมีข้อมูลเพิ่มเติมของ Alder Lake เพิ่มเติมแน่นอนไม่ว่าผลทดสอบจริงในตอนใช้งานจะดีเท่า หรือไม่ดีเท่าผลทดสอบที่หลุดออกมานี้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลได้บ่งชี้ว่าทาง intel มีใจจะกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปประมวลผลจริงๆ ไม่ได้พูดแค่ปากเปล่า ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน และผู้ใช้งานอย่างเราๆ จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ยังไงก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับCredit : PCGammer
22 Jul 2021
หลุดผลทดสอบ RX 6600 XT แรงเทียบเท่ากับ RTX 3060 TI
หลังจากปล่อยให้ทาง Nvidia โชว์การ์ดรุ่นเริ่มต้นอย่าง 3060 Ti ไปก่อน ล่าสุดทาง AMD ก็กำลังจะมีแผนเอา RX6600 XT ออกมาขายสู้กันในตลาดราคาเริ่มต้นแล้วเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายออกมาจากทาง official เลย แต่ล่าสุดก็มีผลทดสอบหลุดออกมาให้เราชมก่อนแล้ว!อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลทดสอบออกมาให้ดู แต่ข้อมูลอื่นๆ อย่างจำนวน RAM หรือความสามารถของหัวประมวลผลทางเทคนิค ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาด้วย โดยเคยมีข่าวลือว่ารุ่นนี้จะปลดล็อก Navi 23 มาเลย ทำให้ทำงานแบบ 2,048 stream processors ได้ นับว่าแรงน้อยกว่า RX6700 XT เพียง 20% ในส่วนของ RAM อาจให้มาแบบ 6, 8 หรือ 12 ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนสำหรับรูปภาพที่หลุดออกมามีเพียงโลโก้ Radeon เท่านั้นที่ถูกโชว์ แต่ดีไซน์โดยรวมถือว่าดูแล้วรู้เลยว่าเป็นรุ่นราคาถูก เมื่อเทียบกับดีไซน์ที่สวยกว่าของรุ่นบนๆ อย่าง RX6700, 6800 หรือ 6900 ในส่วนของผลทดสอบรูปที่ปล่อยออกมาเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในจีนชื่อว่า Ludashi การ์ด RX6600 XT สามารถทำคะแนนได้ 599007 โดยใกล้เคียงกับ RTX 3060TI เป็นอย่างมากสำหรับราคายังไม่มีการเปิดตัวจากทาง Official จึงไม่มีราคาจริงๆ ให้ดูในตอนนี้ แต่ในเมื่อ RX6700 XT เปิดตัวในราคา $479 จึงเป็นไปได้ว่า $399 น่าจะเป็นราคาที่สมเหตุสมผลมากที่สุด เพราะว่าจะเท่ากับ 3060Ti พอดี แต่ถ้าหาก AMD อยากแข่งขันในด้านราคาจริงๆ ก็เป็นไปได้ว่าอาจลงไปถึง $349 เลยครับCredit : Tom's Hardware , VideocardZ
21 Jul 2021
RX6900XT จาก Power Color กำลังลดเหลือ 39,900 บน JIB ตอนนี้!
ถือเป็นข่าวดีสำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังหาการ์ดจอแรงๆ ตัวใหม่ อยู่เมื่อล่าสุด POWER COLOR RED DEVIL RX6900XT 16GB GDDR6 กำลังลด 25%  จนเหลือราคาแค่ 39,900 บาทอยู่ในตอนนี้ โดยราคาดังกล่าวถือว่าแพงกว่าราคาเปิดตัวที่ต่างประเทศ $999 อยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้บ่อยๆ สำหรับราคาการ์ดจอดีๆ เมื่อเทียบกับราคาตลาดในช่วงนี้!โดยโปรโมชั่นนี้เขียนว่า 'สำหรับการชอปออนไลน์เท่านั้น' ดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนสนใจ เห็นจะจำเป็นต้องรีบกันหน่อยแล้ว เนื่องจากแน่นอนว่าสินค้าต้องมีจำนวนจำกัดอย่างแน่นอน (เข้าไปดูได้ผ่านลิงก์นี้) ส่วนสำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติมอยู่ ตอนนี้ทาง JIB ก็กำลังมีลดราคาสินค้าหลายตัวที่น่าสนใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็น INTEL 1200 CORE I7-10700KF 3.80 GHz ที่ตอนนี้มีราคาไม่ถึงหมื่น หรือ 500 GB SSD WD BLACK SN750 PCIe/NVMe M.2 2280 ที่เหลืออยู่ 1,990 บาทตอนนี้! สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้จริงๆ แรกเริ่มเดิมทีในช่วงอาทิตย์หน้ามีกำหนดจะจัดงาน Commart แต่ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด ซึ่งยังคงเป็นไปได้ที่จะมีการลดราคาครั้งใหญ่กว่าในอาทิตย์หน้า เพื่อทดแทนงานที่ถูกยกเลิกไป อย่างไรก็ตามก็ไม่มีอะไรการันตีเช่นกันว่า จะมีการลดราคาอีกครั้งจริงๆ ในช่วงอาทิตย์หน้า ดังนั้นใครโอเคกับสินค้าชินไหนก็แนะนำให้ซื้อเลยตอนนี้ครับ!
21 Jul 2021
3D Center เผยสถิติราคาการ์ดจอในช่วง 6 เดือน คาดกลับมาปกติในอีกหลายเดือนหลังจากนี้
ด้วยราคาของเหรียญ Cryptocurrency ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2021 ได้ส่งผลให้การ์ดจอกลายเป็นวัตถุที่มีความต้องการในตลาดสูง และมีราคาที่แพงขึ้นสูงสุดถึง 304% ในช่วงเดือน พฤษภาคม อย่างไรก็ตามจากข่าวการปิดตลาดของจีนในช่วงเดือน มิถุนายน จึงทำให้เกิดการเทขายจนทำให้ราคาของ Cryptocurrency รวมถึงการ์ดจอเป็นจำนวนมากจากชาวจีน ซึ่งการเทขายครั้งนี้ได้ส่งผลให้ราคาของเหรียญ Crypto และการ์ดจอมีราคาตกลงทั้งโลกพร้อมๆ กัน3D Center ได้ปล่อยรูปภาพโชว์สถิติราคาการ์ดจอในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ว่ามีราคาขึ้นลงทั้งหมดกี่เปอร์เซ็นต์ในแต่ละเดือน โดยกราฟดังกล่าวได้บ่งชี้ว่า ราคาของการ์ดจอขึ้นเร็วขนาดไหน มันก็ลงเร็วเท่านั้นด้วยจากสถิติจะเห็นได้ว่า ราคาลงมาเร็วถึง 150% ภายในเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจากราคาลงมาถึง 150% แล้วการลงไปจนถึงราคาเปิดตัวภายใน 1 - 2 เดือนหลังจากนี้อาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องคงสมดุลราคาในตลาดเพื่อไม่ให้ตัวเองขาดทุนGraphics Card Prices in ???? July 18, 2021? Party is over, price reductions hit full brakes.? Availability is the same or slightly better.? Without any notable movement, it's difficult to predict when retail prices will come close to MSRP.https://t.co/x8VWKEZIEr pic.twitter.com/xIuOcYEDzS— 3DCenter.org (@3DCenter_org) July 19, 2021 แม้ว่าในปัจจุบันผู้ค้าปลีกจะสามารถซื้อการ์ดจอราคาปกติ จากผู้ผลิตได้แล้ว แต่พวกเขาเองก็ยังมีการ์ดจอที่อยู่ในสต๊อกซึ่งซื้อมาในราคาที่แพงก่อนหน้านี้อยู่ดี ดังนั้นนี้จึงนำไปสู่การเฉลี่ยราคาขาย เพื่อให้อย่างน้อยผู้ค้าปลีกไม่ขาดทุนจากสินค้าที่ขายไม่ออก หรือจำเป็นต้องลดราคาลงมาแล้วขายแบบขาดทุน ทางฝั่งตลาดมือ 2 เอง ก็มักใช้ราคาของผู้ค้าปลีกในการเป็นบรรทัดฐานสำหรับการตั้งราคา ดังนั้นเชื่อว่าราคาของการ์ดจอจะกลับมาเป็นปกติในระยะยาว โดยอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้น 3 - 4 เดือน หรืออาจถึง 6 เดือนในการทำให้ราคากลับมาเป็นปกติCredit : Tom's Hardware
20 Jul 2021
Intel กำลังพยายามซื้อโรงงานผลิตชิป 7nm ขนาดใหญ่ GlobalFoundries
จากรายงานล่าสุดของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal บริษัท Intel ได้เสนอซื้อโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ GlobalFoundries ด้วยเงิน $30,000 ล้าน โดย GlobalFoundries มีกำลังผลิตคิดเป็น 7% ของทั้งโลกเลยทีเดียว โดยล่าสุดทางโรงงานก็เพิ่งจะลงทุนกับเครื่องผลิต 7nm ไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ Intel ต้องการจากข้อเสนอซื้อในครั้งนี้นับตั้งแต่คุณ Pat Gelsinger ขึ้นมาเป็น CEO คนใหม่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางของบริษัทอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือการสร้างโรงงานขนาดใหญ่ที่ Arizona เพื่อเป็นฐานการผลิตชิปรุ่นใหม่ Alder Lake ที่กำลังจะวางขายในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า GlobalFoundries เป็นโรงงานที่ผลิตชิปให้กับบริษัทใหญ่หลายที่ไม่ว่าจะเป็น AMD, Qualcomm, และ NVIDIA หาก Intel สามารถเข้าซื้อโรงงานนี้ได้สำเร็จ การกลับมาเป็นผู้นำในด้านชิปประมวลผล อาจไม่ใช่ฝันที่ไกลเกินไปเสียทีเดียว นอกจากนี้ GlobalFoundries ยังมีโรงงานอยู่หลายที่ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น US Singapore และ Germany โดยมันหมายถึงการกระจายสินค้าที่ง่ายขึ้นสำหรับ intel เช่นกันCredit : Videocardz
19 Jul 2021
ร่วมข้อมูลที่น่ารู้เกี่ยวกับ Steam Deck เครื่องเล่นเกมพกพาใหม่จาก Valve
เปิดตัวอย่างร้อนแรงเมื่อคืนนี้ และสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นทั่วโลก สำหรับเครื่องเล่นเกมพกพาน้องใหม่ Steam Deck จากทาง Valve ซึ่งจับมือกับ AMD ใช้เทคโนโลยี Zen 2 + RDNA 2 ในการผลิต ทำให้สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้ พร้อมทั้งถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานต่อเนื่องได้เป็นเวลานานไม่ต้องกลัวแบตหมดระหว่างช่วงสำคัญในเกม นอกจากนี้ยังมีการแท่นวาง สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ TV ให้สนุกแบบสุดเหวี่ยงได้บนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับ Steam Deck ถูกปล่อยออกมาโดยสื่อหลายเจ้า และมีรายละเอียดที่เยอะมากๆ ทาง GameFever Th จึงได้รวบรวมข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับเจ้าเครื่องเล่นเกมพกพาใหม่นี้มาให้แล้วในบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!จุดแตกต่างระหว่าง Steam Deck มาพร้อมกับหน้าจอ OLED แบบ Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งมีขนาดเทียบเท่ากับ Nintendo Switch รุ่นใหม่ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวไม่นานมานี้ ในส่วนของ Controller จะไม่สามารถถอดออกได้ และมีการใส่ Trackpad เข้ามาทั้งสองฝั่งของ Controller เพื่อรองรับการใช้งานเมาส์ สำหรับบางเกมที่อาจจำเป็นต้องใช้ นอกจากนี้ยังมีการใส่ปุ่ม Quick Access กับ Steam เพื่อให้การใช้งานทำได้ง่ายยิ่งขึ้นคุณสมบัติทางเทคนิคCPU : Zen 2 4c/8t, 2.4-3.5GHz (up to 448 GFlops FP32)GPU : 8 RDNA 2 CUs, 1.0-1.6GHz (up to 1.6 TFlops FP32)16 GB LPDDR5 RAM (5500 MT/s)1280 x 800px (16:10 aspect ratio)7' optically bonded LCDBluetooth 5.0 (support for controllers, accessories and audio)Wi-Fi : Dual-band Wi-Fi radio, 2.4GHz and 5GHz, 2 x 2 MIMO, IEEE 802.11a/b/g/n/ac**สำหรับคนที่อ่านสเปคไม่เป็น สามารถทำความเข้าใจง่ายๆ ได้ว่า แรงเทียบเท่ากับ PS5 และ Xbox Series X ครับจากการสัมภาษณ์โดย IGN ผู้พัฒนาของ Valve คุณ Pierre-Loup Griffais ได้ยืนยันว่า Steam Deck มีการใส่ไมค์เข้ามาบริเวณด้านบนของจอ ก็เพื่อให้ผู้เล่นสามารถสนุกไปกับเกม Multiplayer ที่จำเป็นต้องสื่อสารกับผู้อื่นได้ทันที ไม่จำเป็นต้องหาอุปกรณ์เสริมอื่นมาต่อเพิ่มให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการปรับตั้งค่ากราฟิกให้กับผู้ใช้งานด้วย ในส่วนของแบตเตอรี่จะใช้งานได้ประมาณ 2 - 8 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับผู้เล่นใช้งาน Steam Deck แบบไหน ยกตัวอย่างหากเล่น Portal 2 แบบต่อเนื่อง แบตเตอรี่จะอยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง แต่หากจำกัดภาพไว้ที่ 30 FPS แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานขึ้นเป็น 5 - 6 ชั่วโมง นอกจากนี้ Steam Deck ถือเป็นอุปกรณ์ที่พยายามเลียนแบบ PC พกพา มันใช้งาน SteamOS เวอร์ชันล่าสุด และยังสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือระบบปฏิบัติการอื่นได้ด้วยมี Fast Suspend/Resume (Quick Resume)ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังกังวลว่า 'การใช้งาน Steam บนเจ้าเครื่องนี้จะทำได้ยากรึเปล่า? เพราะไม่ใช่การบังคับแบบเมาส์ คีย์บอร์ด?' ในส่วนนี้ Valve คิดเพื่อไว้เรียบร้อยแล้ว โดยการใช้เมนูแบบ Fast Suspend/Resume ที่สามารถหยุดเกมไว้ชั่วคราว และทำให้เครื่องอยู่ในสภาพ Sleep เมื่อเปิดขึ้นมาเล่นต่อ ผู้เล่นจะเริ่มต่อจากจุดที่หยุดไว้ได้เลยสำหรับหน้าตาของ Ui จะมีความใกล้เคียงกับของ PlayStation คือเป็นปกเกมเรียงในแนวนอน ผู้ใช้งานสามารถเลื่อนเคอเซอร์ไปที่เกมซึ่งต้องการเล่น แล้วกดเข้าไปเล่นได้เลย เรื่องของราคาValve ประกาศว่าจะเปิดให้ Pre-Order เครื่องเล่นเกมพกพานี้ได้ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม นี้เวลา 0.00 บ้านเรา และมีค่าจองอยู่ที่ $5 (อารมณ์แบบค่ามัดจำ) และไปจ่ายส่วนที่เหลืออีกครั้งในตอนที่วางขายอย่างเป็นทางการ โดยจะมี 3 รุ่นให้เลือกดังนี้$400 ได้เครื่องความจุ 64GB$530 ได้เครื่องความจุ 256GB SSD storage และ “exclusive Steam Community profile bundle”$650 ได้เครื่องความจุ 512 GB SSD storage และฟิล์มป้องกันแสงสะท้อนมีการให้เหตุผลสำหรับระบบจองที่จำต้องเป็นจ่าย $5 นี้ว่า "เพื่อเป็นการให้บริษัทเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า มีความต้องการในเครื่องรุ่นไหนมากเท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้ทางบริษัทสามารถตัดสินใจได้ว่าจะกระจายสินค้าเท่าไหร่ ไปยังภูมิภาคไหนบ้าง" โดย $5 ที่จ่ายไปก่อนสำหรับ Pre-Order จะถูกนำไปลดราคาของเครื่องในตอนที่วางจำหน่ายเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีพ่อค้าการซื้อเจ้า Steam Deck นี้ไปเก็งกำไรต่อแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ PS5 และ Xbox Series X ทางบริษัทจึงมีการออกข้อกำหนดหลายๆ อย่างสำหรับผู้ที่จะ Pre-Order เจ้า Steam Deck นี้ หนึ่งในนั้นคือการที่บัญชี Steam ของผู้สั่งซื้อจำเป็นต้องเคยซื้อ อะไรบางอย่างบน Steam ก่อนเดือน มิถุนายน 2021 นอกจากนี้หนึ่งบัญชี จะสามารถสั่งจองเครื่องได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ส่งผลให้การสมัครไอดีใหม่จำนวนมากเพื่อมาซื้อ Steam Deck เป็นไปไม่ได้
16 Jul 2021
Razer Blade เปิดตัว 7 โมเดลใหม่ที่มาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 30 Series
แม้จะเปิดตัวช้ากว่าชาวบ้านเขาไปหลายเดือน แต่ในที่สุดแฟนๆ Razer Blade ก็ได้โอกาสเห็นสเปคเครื่อง และราคาของโมเดลใหม่กันแล้ว! งานนี้บอกเลยว่ามาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 3060 ไปจนถึง RTX 3080 กันเลยทีเดียว พร้อมทั้งมีหน้าจอความละเอียดสูงสุดถึง 4K / 120Hzสำหรับดีไซน์โดยร่วมของเครื่องไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ Razer ได้มีการใช้วัสดุ CNC Aluminum Chassis แบบ Anti-Fingerprint Coating เนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้เป็นรอยจากลายนิ้วมือของผู้ใช้งานได้ง่ายมาก นี้จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา Trackpad ให้มีความถูกต้องมากขึ้น มาพร้อมกำลำโพง 4 ตัว THX Spatial Audio จำลองเสียงแบบ 7.1 Surround ได้สำหรับราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ $2,399 และมีราคาสูงสุดที่ $3,699 ซึ่งหลายๆ โมเดลจะมีราคากับสเปคที่เท่ากัน แต่แตกต่างกันในเรื่องของหน้าจอ ที่บ้างให้มาเป็น FHD แบบ Hz หรือมาแบบ QHD แต่มี Hz ลดลงมา โดยเพื่อนๆ ที่สนใจแนะนำให้ดูสไตล์เกมที่ตัวเองเล่นว่าจำเป็นต้องใช้จอ Hz สูงๆ หรือไม่ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ตามไม่ทราบเหมือนกันว่าเครื่องจะเข้ามาในไทยเมื่อไหร่ และจะมีราคาต่างกันมากน้อยขนาดไหน แต่เชื่อว่าอีกไม่นานได้รู้กันCredit : Tom's Hardware
15 Jul 2021
AMD's Zen 4 Raphael จะมีจำนวน Core สูงสุดถึง 16 Core
ExecutableFix นักปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับชิปของ AMD ได้มีการปล่อยข้อมูลชุดใหม่เกี่ยวกับ AMD's Zen 4 Raphael ( Ryzen 6000 ) ตัวใหม่ ซึ่งในข่าวที่ปล่อยออกมาได้เผยว่า CPU รุ่นนี้จะมีจำนวน Core สูงสุดถึง 16 Core และจะใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 5nmก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า AMD Ryzen 6000 จะทำจำนวน Core สูงสุดได้ถึง 24 ตัว แต่เหมือนว่าข่าวนั้นจะไม่เป็นความจริงจากการยืนยันของ ExecutableFix อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหลังจากนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะไปถึง 24 Core จริง หาก AMD ยังคงเติบโตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่ CPU ซึ่งมาพร้อมกับ 16 Core ดังกล่าวคือ Ryzen 9 6950X อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังไม่รู้ว่ารุ่นรองลงมาอย่าง Ryzen 7, 5, 3 จะมีจำนวน Core เพิ่มมากขึ้นด้วยรึเปล่า แต่อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ CPU รุ่นใหม่นี้จะรองรับการทำงานของ DDR5 แล้ว รวมถึง PCie 4.0 ซึ่งตรงกับข่าวของ Samsung ก่อนหน้านี้ที่จะวางขาย SSD รุ่นใหม่ในปีหน้าพอดีในส่วนของการกินไฟ Raphael จะกินไฟมากกว่าตอน Zen 3 ขึ้นไปเป็น 120W จากเดิม 105W นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า จะมี CPU รุ่นพิเศษที่กินไฟสูงถึง 170W ด้วย ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเป็น Ryzen ซีรีส์ใหม่ (Ryzen 11) หรือเป็นรุ่น OC พิเศษกันแน่ ซึ่งในส่วนของชิป Motherboard จะถูกเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่แทน กล่าวคือหากใครอยากเปลี่ยนไปใช้ CPU รุ่นใหม่ก็ต้องเปลี่ยน Motherboard ด้วยนั้นเองCredit: Tom's Hardware
14 Jul 2021
Intel ประกาศจัดไลฟ์สตรีม 26 กรกฎาคม เผยความคืบหน้าในการพัฒนาชิปตัวใหม่
ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2021 คุณ Pat Gelsinger ผู้เป็น CEO คนปัจจุบันของ Intel ได้สัญญาว่าจะทำให้ Intel กลับไปเป็นผู้ในการผลิตชิปให้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งจะมีการดึงวิศวกรมากความสามารถอย่างคุณ Shlomit Weiss กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และดูเหมือนพวกเขาจะพร้อมอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับชิปรุ่นใหม่กับพวกเราแล้วIntel ประกาศจัดไลฟ์สตรีม Intel Accelerated ในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยจะมีการเผย Roadmap ของบริษัทหลังจากนี้ด้วย โดยเชื่อว่าสิ่งที่คนอยากรู้กันมากที่สุดคนไม่พ้นเรื่องที่ Intel จะสามารถย่อการผลิต Transistor ลงไปเหลือ 10nm หรือ 7nm ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เราจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการ์ดจอของ Intel ที่ทางบริษัทซุ่มพัฒนามาเป็นเวลานานแล้วด้วยก็เป็นได้ โดยไลฟ์สตรีมจะเริ่มเวลา 4.00 ของวันที่ 27 กรกฎาคม ตามเวลาบ้านเรา ใครที่สนใจก็สามารถอยู่รอดูกันได้ครับCredit : VideoCardz
13 Jul 2021
ASUS เปิดตัว Notebook กับ GPU ลาย Kimitsu No Yaiba สุดเท่!
ดูเหมือนว่าวงการ PC จะเริ่มมีสัมพันธ์อันดีกับวงการการ์ตูนญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อย อย่างก่อนหน้านี้ทาง Asus ได้เคยเปิดตัวเซ็ต PC ที่มาในธีม Gundam กันไปแล้ว ซึ่งล่าสุดแม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่ขนาดมาเป็นคอมทั้งเครื่องเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีการเปิดตัว Notebook และ GPU ตัวใหม่ที่มาในลายการ์ตูนดังอย่าง Kimitsu No YaibaNotebook รุ่นพิเศษนี้มาในโมเดล VivoBook Pro 14 ที่เป็นเครื่องทำงานสำหรับ Content Creator ตัว Notebook ไม่ได้มาพร้อมกับการ์ดจอที่แรง แต่มาพร้อมกับจอแบบ 2.8K OLED ที่ให้สีสวยงามสมจริง พร้อมกับ CPU AMD Ryzen 7 5800H และลาย Tanjiro Kamadoในส่วนของการ์ดจอจะมาในรุ่น 3060Ti Tuf พร้อมกับลาย Zenitsu Agatsuma ซึ่งนอกจากการ์ดจอแล้วยังมีการเปิดตัว Motherboard และเคส TUF ที่มาพร้อมกับสีเหลืองสุดพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวสินค้า Gaming Gear สุดพิเศษที่เป็นลายตัวละครดัง นอกจากนี้ยังมี AIO ลาย Zenitsu Agatsuma ด้วย ดูรูปตัวอย่างได้ข้างล่างนี้Credit : VideocardZ
13 Jul 2021
Windows 11 อัปเดตใหม่เอา Start Menu แบบเก่าออก!
Windows 11 เพิ่งจะปล่อยอัปเดตตัวใหม่ออกมาสำหรับผู้ที่ใช้งานตัว Beta อยู่ ซึ่งอัปเดตในครั้งนี้โฟกัสไปที่ Taskbar เกือบทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ได้ตัดสินใจเอาตัวเลือกที่ให้ผู้ใช้งานตั้งค่า Start Menu เป็นแบบเก่าได้ออกไป!หลังจากให้ปุ่ม Start Menu อย่างทางซ้ายล่างของหน้าจอเป็นเวลา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ใช้งานบางส่วนจะชินกับแบบนั้นมากกว่า Microsoft ไม่ได้เปิดเผยว่าทำไมถึงได้นำตัวเลือกดังกล่าวออกไป รวมถึงไม่มีการประกาศด้วยว่าจะมีการนำตัวเลือกนี้กลับมาในภายหลังด้วยหรือไม่อย่างไรก็ตามการ Customize ส่วนอื่นๆ ของ Windows 11 ให้เหมือน Windows 10 ยกตัวอย่างการเพิ่ม File Explorer เข้ามา หรือย้าย Taskbar ไปด้านบนแทน ดูเหมือนยังสามารถทำได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหาก Microsoft ต้องการให้ผู้ใช้งานยึดติดกับรูปแบบเก่าๆ ให้น้อยที่สุด ก็เป็นไปได้ที่ Customize พวกนี้อาจถูกเอาออกไปเช่นเดียวกัน ต้องรอติดตามกันต่อไปCredit : Tom's Hardware
12 Jul 2021
AMD Radeon RX 6600 XT ลือ! วางขายเดือนหน้าในราคา $399
สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาการ์ดจอตัวใหม่ที่มีราคาเริ่มต้นไม่แพง เดือนหน้าเตรียมเงินกันให้พร้อม เพราะล่าสุดมีข่าวลือว่า AMD Radeon RX 6600 XT จะเริ่มวางขายอย่างเป็นทางการในเดือนหน้าด้วยราคา $399 หรือประมาณ 13,000 บาท ก่อนหน้านี้ไม่นานเว็บไซต์ PowerColor ได้มีการพูดถึง Radeon RX 6600 และ 6600 XT เช่นเดียวกัน พร้อมกับยืนยันว่า การ์ดจอทั้งสองรุ่นจะวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน เร็วๆ นี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าข่าวลือล่าสุดที่บอกว่าจะขายในเดือนหน้า อาจเป็นความจริง แน่นอนว่าราคาจริงในบ้านเรา คงจะสูงกว่าที่เปิดตัวระดับหนึ่ง แต่ในช่วงที่ราคาการ์ดจอกำลังลงเรื่อยๆ เช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาเปิดตัวในบ้านเราอาจไม่สูงอย่างที่หลายๆ คนคิด และเชื่อว่าหาก AMD จะวางขายการ์ดทั้งสองรุ่นในเดือนหน้าจริงๆ ภายในเดือนนี้น่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครับCredit : PCGamer
09 Jul 2021
Samsung เผย PCie เจนใหม่ 5.0 จะมา Q2 ปี 2022
Windows กำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทางอุปกรณ์เก็บข้อมูลเองก็ดูเหมือนกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน เมื่อล่าสุด Samsung ได้เปิดเผย SSD รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาในช่วง Q2 ปี 2022 ซึ่งจะใช้ PCie 5.0 แล้ว สำหรับ Enterprise Platforms และมีความเป็นไปได้ที่ภายในปีเดียวกันเราจะได้เห็น PCie 5.0 สำหรับ Mainboard ทั่วๆ ไปด้วยไดรฟ์ Samsung PM1743 จะใช้ PCIe Gen 5 x4 (พอร์ตเดียว) หรือพอร์ตคู่ x2  และมาในรูปแบบ E3.S 1T (111.5 มม. × 31.5 มม. (กว้าง x สูง) ที่ออกแบบมาเพื่อ เพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ สำหรับประสิทธิภาพแล้ว PM1743 ในทางตามทฤษฎีสำหรับอินเทอร์ PCIe 5.0 x4 จะสามารถส่งปริมาณงานได้ถึง 15.7 GB/sถ้าแปลให้เข้าใจง่ายคือ PCie 5.0 จะมีความเร็วในการ Read / Write สูงกว่า SSD ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันระดับที่เทียบกันไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามต้องรอดูสเปคอย่างเป็นทางการ จากเหล่าผู้ผลิตกันต่อไปครับCredit : Tom's Hardware
09 Jul 2021
Windows 7 อัปเป็น Windows 11 ได้ผ่านการติดตั้งใหม่ทั้งหมดเท่านั้น
ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนใช้วินโดว์รุ่นเก่าอย่าง Windows 7 เมื่อ Microsoft ได้ยืนยันว่าจะเปิดให้ผู้ใช้งานได้อัปเกรดขึ้นไปเป็นรุ่นใหม่อย่าง Windows 11 ได้ฟรี อย่างไรก็ตามการอัปเกรดอาจไม่ง่ายแบบอัปเดตแล้วจบ แต่ดูเหมือนจำเป็นต้องติดตั้งใหม่ทั้งหมดเลยครับLenovo ได้เปิดให้แฟนๆ สามารถถามเรื่องสงสัยเกี่ยวกับ Windows 11 ได้ และหนึ่งในคำถามเหล่านั้นมีการถามถึงวิธีอัปเดต Windows 7 ไปเป็น Windows 11 จำเป็นต้องทำด้วยการลงใหม่เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้งาน PC ของ Lenovo แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่วิธีอัปเดตไปเป็น Windows 11 นี้จะถูกใช้แบบมาตรฐานเดียวกันอย่างไรก็ตามการอัปไปใช้ Windows 11 ก็จำเป็นต้องมีคุณสมบัติของเครื่องขั้นต่ำตามที่ Microsoft ซึ่งสำหรับ CPU รุ่นเก่า อาจไม่สามารถอัปเดตไปใช้งาน Windows รุ่นใหม่ได้ต่อให้ จะมีความแรงถึงมาตรฐานก็ตามCredit : PCGamer
09 Jul 2021
เกิดอะไรขึ้นกับ Intel ผู้นำกว่า 10 ปีในตลาด CPU ที่แพ้ให้กับ AMD ในปี 2021
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 - 15 ปีก่อน ผู้นำการผลิต CPU สำหรับ Personal Computer ที่เป็นอันดับ 1 ของโลก คือบริษัท intel อย่างไม่ต้องสงสัย โดยต้องยอมรับเลยว่าในช่วงยุคนั้น CPU ของ AMD ไม่เคยสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ intel เลยแม้แต่รุ่นเดียว ยิ่งในยุคของ Haswell หรือ intel Core I Gen 4 เรียกได้ว่าเป็นยุตที่เห็นความแตกต่างมากที่สุด จนหลายคนคิดว่า intel จะยืนหนึ่งในตลาดนี้ตลอดไป และคงไม่มีวันที่ AMD จะสามารถเอาชนะได้ จนกระทั่งโลกได้รู้จักกับสถาปัตยกรรมใหม่ที่ชื่อว่า AMD Ryzenปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา ซีพียู AMD Ryzen ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาด จนในปัจจุบันทางบริษัทสามารถผลิต CPU ที่แรงกว่าดีกว่า intel ออกมาได้แล้ว แต่อะไรคือจุดเปลี่ยน? ทำไมบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิต CPU มาตลอดอย่าง intel ถึงแพ้ให้กับ AMD ที่ตามหลังมาโดยตลอดได้? คำตอบนั้นมีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้อง และวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน แต่ก่อนอื่นผมขอเริ่มจาก แนวคิดในการออกแบบ CPU ที่ต่างกันของทั้งสองก่อนละกันครับแนวคิดเรื่อง CPU ที่แตกต่าง Intel กับ AMDเรื่องนี้มันเริ่มต้นจากเทคโนโลยีในการสร้าง CPU ของทั้งสองบริษัทครับ โดยปกติแล้วความแรงของ CPU หนึ่งตัวจะมาจากสองอย่างคือจำนวน Core ที่ CPU ตัวนั้นมีความสามารถในการประมวลผลของ Core แต่ละตัวโดยถ้าหากพูดถึงเรื่องความแรงของ Core เพียงอย่างเดียว intel สามารถทำได้ดีกว่า AMD มากๆ ในยุกแรก ซึ่งเพื่อให้ CPU ของตัวเองแรงพอจะสู้กับคู่แข่งได้ AMD จึงตัดสินใจผลิต CPU ที่มี Core เยอะๆ เพื่อทดแทนประสิทธิภาพที่ต่างกันแทน กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือ สู้ด้วยคุณภาพไม่ได้ ก็สู้ด้วยปริมาณนั้นเอง แต่ก็ยังไม่สามารถสู้ประสิทธิภาพโดยรวมกับทาง intel ได้อยู่ดีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แรกมาถึงในยุคของ Haswell ของทาง intel เมื่อสถาปัตยกรรม CPU ของ AMD ในยุคนั้น ดันทำให้เกิดการทำงานแบบแชร์ Floating Point Unit กัน ซึ่งทำให้เกิดอาการคอขวดระหว่างการประมวลผลของ แต่ละ Core และทำให้ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพแบบที่ควรจะเป็นได้ ส่งผลให้ทาง AMD ต้องกลับไปรื้อวิธีการสร้าง CPU ใหม่ทั้งหมด ซึ่งในช่วงที่ AMD กำลังรื้อวิธีสร้าง CPU ใหม่อยู่นี้ ทาง intel เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเจ้าของตลาด CPU แต่เพียงผู้เดียวเลย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นกับ intel เช่นกันในยุคคือ Kaby Lake หรือ Core I Gen 7 โดยก่อนจะเล่าถึงส่วนนี้ผมต้องขอพูดถึง Moore's Law ก่อนเล็กน้อยครับMoore's Law คืออะไรMoore's Law เป็นกฎในการพัฒนาชิปของ Gordon Moore หนึ่งในวิศวกรผู้ก่อตั้ง intel ซึ่งกฎนี้มีอยู่ 2 ข้อด้วยกันคือจำนวน Transistors ของ CPU จะมีขนาดเล็กลง และมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่า ทุกๆ 2 ปีการจะลดขนาด Transistors กับเพิ่มจำนวน Transistors 2 เท่า จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วย Moore's Law นี้จึงทำให้ intel ใช้นโยบายการผลิต CPU แบบ Tick - Tock โดยผมจะขอจำกัดความให้เข้าใจง่ายที่สุดดังนี้Tick : คือการสร้างสถาปัตยกรรม CPU ใหม่เพื่อลดขนาดของ Transistors และเพิ่มจำนวนของ TransistorsTock : คือการพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU เดิมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากภาพข้างบน จะสังเกตได้ว่าขนาดของ Transistors ใน CPU ทุกๆ 2 เจน จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ซึ่งถ้าหากว่าการพัฒนา CPU ยังคงเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในช่วงปี 2021 ที่เราอยู่นี้ขนาดของ Transistors ใน CPU ควรจะอยู่ที่ประมาณ 5 - 3nm แล้ว แต่ความเป็นจริง CPU เจนล่าสุดของคือ intel ยังคงผลิตแบบ 14nm อยู่ คำถามคือแล้วทำไม intel ถึงไม่ลดขนาดของ Transistors ลงในยุคของ Kaby Lake? คำตอบอยู่ในกฏข้อ 2 ของ Moore's Law นั้นก็คือมันจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการลดขนาดของ Transistors นั้นเอง และพอดีกันในปี 2017 ยุคของ Coffee Lake ที่ intel ไปไม่ออก AMD ก็ได้เปิดตัว AMD Ryzen ที่เป็น CPU ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเรื่อง Floating Point Unit ได้พอดีได้แล้วด้วยเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Infinity Fabric ซึ่ง AMD Ryzen เจนแรกก็เป็น CPU แบบ 14nm แบบเดียวกับ intel แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในปี 2019 เมื่อ AMD สามารถลงไป 7nm ได้ในขณะที่ intel ยังคงอยู่ที 14nm เช่นเดิมคำถามคือทำไม AMD ที่น่าจะตามหลังมาตลอด ถึงสามารถแซงหน้า intel ในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตชิปได้? คำตอบคือเพราะนโยบายการผลิตที่แตกต่างกันของ intel และ AMD ครับนโยบายที่แตกต่างของ Intel กับ AMDอย่างที่ Moore ได้เคยกล่าวไปว่า "การลงทุนเพื่อลดขนาด Transistors กับเพิ่มจำนวน Transistors 2 เท่า จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่า" ซึ่งการลงทุนในที่นี้ของ Moore ไม่ได้หมายถึงการจ้างวิศวกรเพิ่มมากขึ้น หรือการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น แต่หมายถึงการสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป Transistors ครับ ยกตัวอย่างย้อนกลับไปในตอนที่ intel ลงทุนสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป 14nm ครั้งแรก บริษัทจำเป็นต้องลงทุนถึง $2,000 ล้าน เพื่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิปขึ้นมา แต่ในการที่จะสร้างโรงงานสำหรับผลิตชิป 10nm จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนถึง $7,000 ล้าน โดยโรงงานของ intel จะผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเองเท่านั้น ไม่รับจ้างผลิตชิปให้กับที่ไหน จึงส่งผลให้ตัวโรงงานไม่สามารถทำเงินให้กับตัวเองได้ และกลายเป็นหนึ่งในภาระที่ intel จำเป็นต้องดูแล ในขณะที่ AMD เองก็มีโรงงานผลิตชิปของตัวเองเช่นกันชื่อว่า GlobalFoundries แต่โรงงานของ AMD นอกจากผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเองแล้ว ยังรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นที่มาจ้างด้วย GlobalFoundries จึงเป็นเหมือนบริษัทแยก ที่อยู่ภายใต้ของ AMD มากกว่าเป็นแค่โรงงานผลิตชิป ด้วยนโยบายแบบนี้จึงทำให้ โรงงานสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง และไม่จำเป็นต้องใช้เงินจาก AMD ในการลงทุนเรื่องเครื่องจักร หรือการซ่อมแซมปรับปรุง อย่างไรก็ตามการลงทุนเครื่องจักรสร้างชิป 10nm ยังคงเป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับ GlobalFoundries อยู่ดีเนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินสูงมาก งั้นคำถามคือ "แล้ว AMD สร้าง CPU ขนาด 10nm ออกมาได้ยังไง?" คำตอบคือการจ้าง Outsource ครับเมื่อ GlobalFoundries ยืนยันแล้วว่าไม่สามารถลงทุนเครื่องจักรผลิตเองได้จริงๆ AMD จึงได้ติดต่อไปหา TSMC ซึ่งเป็นโรงงานผลิตชิปขนาดใหญ่ของ ไต้หวัน โดย TSMC เป็นโรงงานรับจ้างเต็มตัว พวกเขาไม่ได้ผลิตชิปให้กับบริษัทของตัวเอง แต่รับจ้างเพียงอย่างเดียว โรงงานแบบนี้จึงมีความยืดหยุ่น รวมถึงพัฒนาการได้สูงกว่า เนื่องจากสามารถเอาเงินทั้งหมดลงทุนเครื่องจักรสำหรับการผลิตได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ลูกค้าสำคัญของ TSMC ยังเป็นบริษัทเจ้าใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูงอย่าง Apple, Nvidia ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจยังไม่ทราบ Nvidia ไม่ได้มีโรงงานเป็นของตัวเองนะครับ เขาจ้าง TSMC ผลิตให้ทั้งหมด ดังนั้นยิ่ง Nvidia เติบโตมากขึ้นขนาดไหน TSMC ก็ยิ่งมีเงินไหลเข้ามาในบริษัทมากขึ้นเท่านั้น นี้จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ TSMC เป็นโรงงานที่มีทุนสูงมากๆในขณะที่ intel ลงทุนให้กับตัวเองเท่านั้น ผลิตชิปให้กับตัวเองเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่มีกำลังทรัพย์หรือลูกค้าไม่มากพอ การจะลงทุนเครื่องจักรใหม่ๆ สำหรับการผลิตชิปรุ่นใหม่ๆ ก็ทำได้ยาก แต่เป็นไปได้จริงๆ หรือที่บริษัทผลิต CPU อันดับ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 2010 - 2017 ในช่วง 7 ปีนี้ AMD ไม่ถูกมองเป็นคู่แข่งของ intel เสียด้วยซ้ำ งั้นทำไมบริษัทถึงไม่เลือกที่จะลงทุนเครื่องจักรใหม่ๆ เสียที? ประเด็นนี้ผมไม่มีคำตอบให้ครับ แต่จากการคาดเดาของผู้เขียนคิดว่าน่าจะมาจากมุมมองจของ CEO ในช่วงปี 2013 - 2020 ครับCEO ของ intel  ช่วงปี 2013 - 2020intel เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นในปี 1968 และเปลี่ยน CEO มาแล้ว 8 ครั้งด้วยกัน โดยสามารถดูรายละเอียดได้ในรูปข้างล่างนี้ ใน 8 คนนี้มี 2 คน ที่ไม่ได้เป็นวิศวกรคือคุณ Brian Krzanich และ Bob Swan เพียงสองคนเท่านั้น โดยทั้งสองคนมาจากสาย Marketing ของบริษัท ซึ่งคุณ Bob Swan ก็ไม่ได้อยากขึ้นเป็น CEO ของบริษัทเท่าไหร่นักในปี 2018 แต่จำเป็นต้องขึ้น เนื่องจากคุณ Brian Krzanich ได้ลาออกอย่างกะทันหันหลัง ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพนักงานทั้งที่เจ้าตัวแต่งงานแล้ว ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่าหลังจากนี้จะเป็นการ คาดเดา ของผู้เขียนเองครับหากยังจำกันได้ดีก่อนหน้านี้ผมได้กล่าวไปแล้วว่า AMD จำเป็นต้องออกจากการแข่งขันไปในช่วงปี 2013 พอดี เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง Floating Point Unit และหลังจากนั้นประมาณ 3 ปีในยุคของ Kabylake หรือปี 2016 ทาง intel ก็เริ่มมาถึงทางตันเพราะ ไม่สามารถย่อการผลิตเหลือ 10nm ได้ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง $7,000 ล้าน ซึ่งผู้เขียนคาดเดาว่า ในมุมมองของ CEO จากฝั่ง Marketing เป็นไปได้ว่าคุณ Brian Krzanich อาจมองว่ามันเป็นเงินลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเสียเท่าไหร่ เนื่องจากในตอนนั้นทาง intel ก็ยังไม่มีคู่แข่งตัวฉกาจที่จำเป็นต้องรีบเร่งผลิต CPU รุ่นใหม่ๆ ออกมาขายสู้ บวกกับทางบริษัท ตัดสินใจลงไปตีตลาด InterConnect (Omni-Path ตัว Network ของ Supercomputer เริ่มขายครั้งแรกปี 2016) ด้วยการซื้อเทคโนโลยีการผลิตมาจาก Cray ด้วย จึงเป็นไปได้ที่ในตอนนั้นทางบริษัทเลยไม่ได้ตัดสินใจลงทุน เครื่องจักรสำหรับผลิต CPU ที่มีขนาด Transistors เล็กลงแต่อะไรๆ มันเริ่มไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อช่วงต้นปี 2017 ทางฝั่ง AMD ได้เปิดตัว CPU รุ่นใหม่หรือก็คือ AMD Ryzen ที่ดันมีประสิทธิภาพเกือบเทียบเท่ากัน แถมยังขายในราคาที่ถูกกว่า พร้อมกับให้จำนวน Core มาเยอะกว่า การประกาศเปิดตัว Ryzen จึงทำให้ intel จำเป็นต้องเพิ่มจำนวน Core เข้าไปใน CPU รุ่นเลขหลักเดียวกัน (3, 5, 7) และเอาออกมาขายในราคาที่เท่าๆ กับ AMD กล่าวคือโดนบังคับให้ได้กำไรน้อยลงจาก CPU หนึ่งตัวที่ขายได้ แถมยังเริ่มโดนแย่งลูกค้าในตลาดไปอีก ต่อมาในปี 2018 คุณ Brian Krzanich ได้ประกาศลาออก และคุณ Bob Swan ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็น CEO แทน อย่างที่ผมบอกไปว่าจริงๆ แล้ว เขาเองก็ไม่ได้อยากขึ้นมาเป็น CEO เท่าไหร่ แต่ในเมื่อได้เป็นแล้วก็ต้องพยายามทำหน้าทีให้ดีที่สุดคุณ Bob Swan ได้ตัดสินใจออกนโยบายที่จะเน้นสร้างกำไรให้กับบริษัทมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และน่าจะเป็นเหตุผลเดียวกันที่ intel ยังคงผลิต CPU ขนาด 14nm แม้ว่าคู่แข่งอย่าง AMD สามารถลงไปถึง 12nm แล้วในปีเดียวกันที่นี้แผลใหญ่ที่สองของ intel เริ่มในปี 2019 เมื่อบริษัทประมูล Supercomputer รุ่นต่อไปแพ้ให้กับ Cray จนส่งผลให้จำเป็นต้องยกเลิกการผลิต Omni-Path รุ่นที่ 2 ในปี 2019 ซึ่งในจุดนี้ส่งผลให้ intel จำเป็นต้องออกจากตลาด InterConnect และสูญเสียรายได้ในส่วนนี้ไป ที่นี้ intel ยังเหลือขาสุดท้ายที่ทางบริษัทหวังจะทำกำไรอยู่ ซึ่งก็คือทางฝั่งของ GPU โดย GPU ในที่นี้ไม่ใช่สำหรับเสียบเล่นเกม แต่เป็น GPU สำหรับเครื่อง Supercomputer ชื่อว่า Ponte Vecchio Ponte Vecchio เป็นสิ่งที่ intel ลงเงินไว้เยอะมาก โดยที่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อออกมาแล้วจะสามารถสู้กับทาง Nvidia และ AMD ได้รึเปล่า เนื่องจากมีข้อมูลน้อยมากในตอนนี้ (หลายคนอาจไม่รู้แต่จริงๆ แล้ว Nvidia กับ AMD ทำมากกว่าสิ้นค้าตลาด Personal Computer เยอะมากๆ ครับ) แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมต้องการจะสื่อว่า ในช่วงปี 2016 มาจนถึงปัจจุบัน intel มีการลงทุนในด้านอื่นๆ มากมาย พอรวมกับนโยบายของ CEO ที่มาจากฝั่ง Marketing แล้ว จึงทำให้บริษัทไม่ตัดสินใจลงทุนผลิต CPU ขนาดที่เล็กกว่า 14nm เสียทีผลกระทบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2016 - 2021อีกหนึ่งผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่แล้ว คือการที่ Nvidia ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Arm ซึ่งเป็นบริษัทผลิตออกแบบสถาปัตยกรรม CPU โดยหลายคนเชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการของ Nvidia ในครั้งนี้ มีความหมายว่าทางบริษัทสีเขียวจะลงมาแข่งในตลาดของ CPU ด้วยเช่นเดียวกับ AMD ที่ผลิคทั้ง GPU และ CPU การที่ผู้ใช้งานใช้ทั้ง GPU และ CPU ที่มาจากผู้ผลิตเดียวกัน ย่อมแสดงศักยภาพได้ดีกว่าแน่นอน ระบบ Smart Access Memory ตัวใหม่ของ AMD ที่เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องได้เมื่อใช้งาน CPU และ GPU ของ AMD เป็นหลักฐานชั้นดีของเรื่องนี้ จากข่าวนี้จึงทำให้ผู้บริหารเบื้องบนของ intel หลายคนได้ตัดสินใจลาออกไปอยู่กับบริษัทที่ดูมีอนาคตมากกว่าอย่าง Google กับ Amazon หลายคน และได้ทำให้ขวัญกำลังใจของทีมวิศวกรภายในแย่ลงไปอีก Roadmap อะไรที่เคยวางไว้ก็จำเป็นต้องเลื่อนออกไป (และเป็นเหตุผลเดียวกันที่ Ponte Vecchio ยังไม่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย) เมื่อแผนอะไรต่างๆ ที่เคยวางไว้ถูกเลื่อนออกไป ก็ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทลดลง หุ้นก็ตกอีก คือทุกอย่างมันล้มเป็นโดมิโน่ไปหมดintel ที่เหมือนจะจับทางได้แล้ว และความหวังใหม่ Alder Lakeมาจนถึงตอนนี้หลายคนอาจกำลังคิดว่านี้อาจเป็นจุดจบของ intel แล้วหลังจากที่ยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน แต่ยุคสมัยใหม่ของ intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger เป็นอะไรที่น่าคาดหวังเมื่อ CEO ของบริษัทกลับมาเป็นคนจากสายวิศวกรอีกครั้งในรอบ 10 ปี เขาได้ให้สัญญาไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่าจะทำให้บริษัทกลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปให้ได้ โดยสิ่งแรกที่เขาทำคือการสร้างโรงงานใหม่ และไปขอแย่งซื้อเครื่องผลิตชิปขนาด 10nm และ 7nm จากทาง ASML ให้ได้ภายในปี 2022 โดยโรงงานใหม่ของ intel นี้จะเริ่มรับจ้างผลิตชิปให้กับบริษัทอื่นด้วย (เปลี่ยนนโยบายโรงงานเป็นแบบเดียวกับ GlobalFoundries ของ AMD) จากประกาศครั้งนี้ทำให้หุ้นของ intel ขึ้นเลยทีเดียวล่าสุดยังได้มีการนำคุณ Shlomit Weiss อดีตวิศวกรมากความสามารถ หนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จของ Sandy Bridge และ Skylake ยุครุ่งเรืองของ intel กลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปรุ่นใหม่ Alder Lake ที่จะวางขายในปีหน้า โอเคครับนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่า CPU รุ่นใหม่ของ intel จะลงไปถึง 10 หรือ 7nm ได้หรือไม่ ยิ่งล่าสุดข่าวลือใหม่เกี่ยวกับ CPU Zen 4 ของทาง AMD จะลงไปถึง 5nm ได้แล้วด้วย แบบนี้ intel จะสู้ได้หรือเปล่า? และนี้คือสิ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้กับเพื่อนๆ เป็นอย่างสุดท้ายครับคุณไม่ต้องไปสนใจครับว่า ค่ายไหนจะผลิตเทคโนโลยีผลิตชิปกี่ nm หรือมี Transistors มากน้อยขนาดไหนใน CPU หนึ่งตัว สิ่งที่เพื่อนๆ ควรจะให้ความสนใจคือ CPU ตัวนั้นแรงมากขนาดไหนเมื่อเอามาใช้งานจริง! จะผลิตออกมา 28nm ก็ได้ครับ ถ้าหากว่ามันแรงกว่าของเจ้าไหนในโลก เพราะสุดท้ายแล้วประสิทธิภาพของ CPU คือปัจจัยหลักที่ผู้ใช้งานจะเลือกซื้ออยู่ดี โดยเชื่อว่าในปีหน้าการแข่งขันในตลาด CPU จะต้องร้อนแรงขึ้นไปอีกแน่นอน เมื่อล่าสุดทาง Qualcomm เอง ก็ได้ประกาศว่าจะลงมาแข่งขันในตลาด CPU ของ Notebook ด้วยเช่นกัน ไหนจะมี Nvidia ที่เพิ่งซื้อ ARM ไปอีก สำหรับใครที่สนใจอยากตามติด intel ภายใต้การนำของคุณ Pat Gelsinger วัน 27 กรกฎาคม นี้จะมีไลฟ์สตรีมเปิดเผย Roadmap ใหม่ของ intel ในไลฟ์สตรีม intel accelerated รอดูกันได้เวลา 4.00 บ้านเรา รอดูกันได้ครับCredit : Blognone, ExtremeIT, 9Arm และ TechOffside
08 Jul 2021
ลือ! Legions รุ่นใหม่จะเป็นสายเลือด AMD แท้ มาพร้อม RX 6600M
PC ที่มาพร้อมกับสายชิป AMD แท้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ได้รับความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Smart Memory Access ช่วยเพิ่มความสามารถของเครื่องได้ 10 - 15% และเครื่องฝั่ง AMD แท้ยังกินไฟน้อยกว่า ใช้งานได้นานกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าหนึ่งในแบรนด์ที่เปิดตัวเครื่อง AMD สุดน่าสนใจมาแล้วก่อนหน้านี้คือ Asus ROG Strix G15 ซึ่งมอบประสิทธิภาพยอดเยี่ยมได้จริงๆ ล่าสุดทาง Lenovo เองก็เหมือนจะมีเครื่อง AMD แท้กำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน โดย rogame ได้โพสต์โชว์สเปคของเครื่องที่อยู่ระหว่างพัฒนาออกมาให้เราชม Legion 5 ใหม่จะมาพร้อมกับ AMD Ryzen 7 5800H / AMD Radeon RX 6600M GPUโดยจากสเปคแล้วถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าจับตามองเลยทีเดียว ถ้าหากว่าราคาไม่แพงด้วย ก็จะยิ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อมากๆ ในช่วงนี้ ต้องรอดูประกาศอย่างเป็นทางการจาก Lenovo อีกทีครับCredit : Videocardz
08 Jul 2021
สอนวิธีถอนติดตั้ง Windows 11 และกลับไปใช้ Windows 10
เปิดให้อัปเกรดขึ้นไปใช้งานก่อนได้ฟรีมาได้สักพักแล้วสำหรับ WIndows 11 ผ่าน Windows Insider Program ซึ่งหลังจากเปลี่ยนไปทดลองใช้ระบบปฏิบัติการใหม่แล้ว หลายคนน่าจะได้พบกับปัญหาบัคไม่มากก็น้อย เนื่องจากยังอยู่ในช่วง Beta บางคนอาจพบว่าตัวเองไม่สามารถใช้งานโปรแกรมสำคัญๆ ที่ใช้เป็นปกติได้เนื่องจากยังไม่รองรับ หรือบางคนอาจไม่ใช่ UI ใหม่ของ Window 11 เลยนับเป็นโชคดีที่ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับ Windows 10 มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การปรับแต่ง Registry ให้มี File Explorer แบบเดียวกับ Window 10 แต่สำหรับบางคนการกลับไปใช้ Window 10 เลยอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าหลังจากพบว่า Window 11 ยังไม่เข้ามือในตอนนี้ การลง Window ใหม่เลยเป็นหนึ่งในทางออกที่ทำได้ แต่สำหรับคนที่ขี้เกียจลง Window ใหม่วันนี้เรามีวิธีถอดการติดตั้ง Window 11 และกลับไปใช้ Window 10 ง่ายๆ มาฝากครับ (ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Tom's Hardware)1 ไปที่  Settings->System->Recovery2 เลือก Go Back ตรงหัวข้อ Previous version of Windows.3  จะขึ้นหน้าต่างสีฟ้าตามรูป ให้เลือกบอกเหตุผลที่จะกลับไปใช้ Windows 10  ตามเหตุผลส่วนตัวได้เลย เสร็จแล้วกด Next4 Microsoft จะถามว่า 'ไม่รองอัปเดต Windows 11 ดูก่อนไหม' ตรงนี้ถ้าเพื่อนๆ ตัดสินใจจะกลับไปใช้ Windows 10 จริงๆ ให้กด No Thank ได้เลย5 จากนั้นจะมีหน้าต่างสีฟ้าขึ้นมาอีก 2 ครั้งให้กด Next ทั้ง 2 ครั้ง6 หน้าต่างสุดท้ายจะขึ้นมาถามว่าเรายืนยันจะกลับไป Windows 10 จริงๆ ใช่ไหม? ให้กด  Go back to earlier build7 ระบบจะใช้เวลาสักพักในการถอดการติดตั้ง Windows 11 และติดตั้ง 10 8 หลังจาก Windows 10 กลับมาใช้งานได้แล้ว ให้ไปที่   Settings->Update & Security->Windows Insider program แล้วกดเปิด Toggle ตรง   stop getting preview builds จาก Off เป็น On9 หน้าเมนูนี้จะทำการ Refresh ตัวเองอัตโนมัติ จากนั้นจะโชว์ปุ่ม Restart Now ขึ้นมา ให้กดเพื่อทำการ Restart อีกครั้ง10 กลับเข้าไปเช็กที่หน้า Window Insider อีกครั้งว่าเครื่องของเราไม่ได้อยู่ในโครงการแล้ว ซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ควรจะขึ้นรูปแบบเดียวกับด้านล่างนี้ถ้าหาก Windows ขึ้นแจ้งเตือน พยายามจะอัปเกรดขึ้นไปเป็น Windows 11 ใหม่!ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้หากเพื่อนๆ กดออกจาก Insider Program หลังจากที่การดาวน์โหลด WIndows 11 เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ โดยจะมีแจ้งเตือนขึ้นที่ขวาล่างของหน้าจอ ตามภาพด้านล่าง ถ้าหากเพื่อนๆ เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อย่ากด Restart เด็ดขาด! ให้ไปลบไฟล์ Windows 11 ทั้งหมดภายในเครื่องก่อนปิดเครื่อง ซึ่งสามารถทำได้โดยการไปที่  C:\Windows\SoftwareDistribution\Downloadfolder แนะนำให้คลุมดำทั้งหมดแล้วกด Shift + Delete ไปเลย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา จะมีการถามว่าจะลบไฟล์พวกนี้จริงหรือไม่ ก็ให้ตอบตกลงไปหลังจากนั้นให้ไปที่ Power Menu เลือก Update and Restart เพื่อให้เครื่องจำว่าจำต้องใช้ Setting ใหม่ ซึ่งไม่อยู่ใน Insider Program แล้ว และให้จดจำว่าไม่จำเป็นต้อง Download ชุดติดตั้ง Windows 11 อีก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถกลับไปใช้ Windows 10 ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
เปิดตัว Storage Card อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณติดตั้ง SSD m.2 ได้ถึง 16 ตัว!
สำหรับการใช้งาน PC สักเครื่อง จำนวนช่อง SSD เท่าไหร่ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งาน? เป็นคำถามที่ถูกตั้งขึ้นโดย Apex Storage โครงการ KickStarter ที่พยายามจะสร้างแผ่น PCB ซึ่งสามารถรองรับการเชื่อมต่อ SSD แบบ M.2 ได้พร้อมกัน 16 ตัว แถมยังสามารถต่อ SSD แบบ Sata ได้อีก 16 ตัว!PCB ดังกล่าวยังรองรับความเร็วในการ Read / Write สูงสุดถึง 7,377 MB/s และ 5,712 MB/s แต่เพื่อให้เจ้าแผงนี้ทำงาน จำเป็นต้องต่อไฟเลี่ยง 6 Pin ให้กับเจ้าแผง PCB นี้ด้วย เบื้องต้นคิดว่าสายเล่นเกมอาจไม่ได้สนใจเจ้า แผ่น SSD นี้มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับสายทำงานโดยเฉพาะคนที่เป็นสายตัดต่อ อาจจะอยากเป็นเจ้าของแผ่น PCB นี้อย่างไรก็ตามสำหรับขนาดไฟล์เกมในปัจจุบัน ก็มักมีขนาดใหญ่ระดับ 50GB + การมีอุปกรณ์สำหรับเพิ่มขนาด SSD M.2 ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่แนะนำว่าให้เริ่มคิดที่จะซื้อเจ้าแผ่น PCB นี้ก็ต่อเมื่อพื้นที่ไม่พอจริงๆ ครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
Intel ประกาศนำวิศวกรมากความสามารถกลับมาพัฒนาชิปอีกครั้ง
หลังจากนอนกินมานานอยู่หลายปีจนปล่อยให้คู่แข่งอย่าง AMD แซงหน้าไปได้ในตลาด CPU สำหรับ Personal Computer ดูเหมือนทาง Intel จะเริ่มตั้งตัวได้แล้ว ล่าสุดทางบริษัทมีการประกาศนำวิศวกรมากความสามารถ Shlomit Weiss กลับมาเป็นผู้นำในการผลิตชิปหลังจากเธอออกไปทำงานให้กับ Nvidia มาเป็นเวลา 4 ปีก่อนจะไปทำงานให้กับ Nvidia คุณ Weiss เคยทำงานร่วมกับ Intel มาเป็นเวลา 28 ปี เธอเป็นคนมากความสามารถที่ขึ้นรับรางวัลออกแบบสถาปัตยกรรมชิปประมวลผล โดยชิป Sandy Bridge และ Skylake ก็เป็นผลจากการนำทีมผลิตโดยเธอเช่นกัน การกลับมาเป็นหัวหน้าทีมผลิตอีกครั้ง เชื่อว่าจะนำพายุคทองของ Intel กลับมาอีกครั้งCEO ของบริษัทคนปัจจุบัน Pat Gelsinger เคยประกาศออกมาว่า เขาต้องการทำให้ Intel กลับไปเป็นผู้นำในตลาด CPU อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเวลาได้หลายปีแล้ว ที่เราไม่ได้เห็นวิศวกรเป็นผู้นำของ Intel ซึ่งคิดว่าเราน่าจะคาดหวัง กับยุคใหม่ของ Intel นี้ได้ครับCredit : Tom's Hardware
07 Jul 2021
ราคา GPU ในเยอรมันลงมาเหลือ 153% จาก 304% คาดอาจส่งผลถึงบ้านเราเร็วๆ นี้
นับเป็นข่าวดีสำหรับชาวเกมเมอร์ PC อย่างต่อเนื่องเมื่อราคาการ์ดจอในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มทยอยตกลงมาถึงจุดที่ใกล้กับราคาเปิดตัวแล้ว ซึ่งล่าสุดทางฝั่งประเทศเยอรมัน ดูเหมือนราคาการ์ดจอจะลงมาเหลือประมาณ 154% ของราคาเปิดตัวแล้วจากก่อนหน้านี้ที่สูงถึง 304% แม้นี้จะไม่ได้หมายความว่าราคา GPU บ้านเราจะลงไปเท่าๆ กันในเร็ววัน แต่ก็ยังถือเป็นข่าวดีที่น่าจะสร้างรอยยิ้มให้เราบ้างไม่มากก็น้อยก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีพ่อค้าจำการ์ดจอ 3070 จากจีนเข้ามาขายในบ้านเราในราคาที่ถูกมากๆ อยู่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเรื่องเหมือนๆ กันอาจเกิดขึ้นกับการ์ดจอจากประเทศเยอรมันเช่นกัน หรืออย่างน้อยก็เป็นทางเลือกให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ว่า จะสั่งซื้อการ์ดจอจากต่างประเทศดีรึเปล่า? แม้ว่าการเคลมอาจทำได้ยากเมื่อการ์ดจอเสีย แต่ก็แลกมากับการได้ของในราคาที่อาจจะถูกกว่าในตอนนี้สำหรับราคาในบ้านเรา เชื่อว่าอาจจำเป็นต้องรองาน Commart อีกครั้งเพื่อที่พ่อค้าอื่นๆ จะได้เห็นราคากลางมากขึ้น ก่อนตัดสินใจปรับราคาลงมาเป็นปกติ หรืออย่างน้อยเท่ากับร้านค้าใหญ่ๆ แต่ต่อให้ไม่มีงาน Commart เชื่อว่าอย่างช้าก็ปีหน้าที่ราคาการ์ดจอจะกลับมาเป็นปกติ ใครที่กำลังจะจัด PC เครื่องใหม่มาเพื่อเล่นเกม ถ้าเป็นไปได้ก็รอเพิ่มกันอีกสักนิดครับCredit : PCGamer
06 Jul 2021
รีวิว Asus G15 ใหม่ AMD แท้ Ryzen 9 5900HX + Radeon RX 6800M แรงระดับแนวหน้าของโลก
ถือได้ว่าเป็นปีที่การต่อสู้ระหว่างผู้ผลิต Hardware ร้อนระอุมากๆ เมื่อ AMD เปิดตัวทั้ง CPU / GPU รุ่นใหม่ ที่มีความแรงไม่น้อยหน้าคู่แข่งอย่าง Intel และ Nvidia เลย แถมยังเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Smart Access Memory ที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับ หน่วยประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ทั้ง CPU กับ GPU ของ AMD ทั้งคู่จึงได้รับความสนใจจากแฟนๆ มากขึ้นในช่วงนี้ล่าสุดทางนับเป็นโชคดีของเราที่มีโอกาสได้สัมผัสเครื่อง AMD แท้ตัวใหม่ เครื่องแรกจากทาง Asus อย่าง ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ซึ่งแม้ว่าตัวที่เราได้มาทดลองใช้ก่อนนี้จะยังเป็นรุ่นทดลอง แต่ในเรื่องของความแรงถือว่าอยู่ระดับแนวหน้าของโลกสำหรับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเลยทีเดียวสเปก CPU : AMD Ryzen 9 5900HX (8C/16T & 3.30 – 4.60GHz)GPU : AMD Radeon 8 + Radeon RX 6800M (12GB GDDR6)RAM : 16GB DDR4 Bus 3200MHzDISPLAY: 15.6″ Full HD IPS 300HzSTORAGE : SSD M.2 NVMe PCIe 512GBOS : Windows 10 Homeไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะ แค่ CPU : AMD Ryzen 9 5900HX กับ GPU : Radeon RX 6800M (12GB GDDR6) ซึ่งเป็นชิประดับท็อปทั้งคู่ถูกใส่เข้ามาในเครื่องเดียวกัน ก็คงพอจะบอกเพื่อนๆ ได้แล้วว่าเจ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งนี้จะแรงได้มากขนาดไหน แน่นอนว่าหลายคนอาจกังวลในเรื่องของความร้อนที่อาจจะมากมาเป็นเงาตามตัว เมื่อเครื่องมีสเปกที่สูงขนาดนี้ แต่บอกได้เลยว่าหายห่วงครับทาง Asus ได้มีการใส่ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่ชื่อว่า ROG Intelligent Cooling กับสารโลหะเหลวจากทาง Thermal Grizzly แทนการใช้ซิลิโคนนำความร้อนแบบปกติ นอกจากนี้ยังมีการยกตัวฐานให้สูงจากพื้นเล็กน้อย เพื่อให้อากาศสามารถผ่านใต้เครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การระบายความร้อนทำได้ดีจะใช้งานต่อเนื่อง หรือเล่นเกมหนักๆ ก็ไม่มีปัญหาแอบเสียดายเล็กน้อยที่หน้าจอให้มาที่ความละเอียดเพียงแค่ Full HD ซึ่งเข้าใจว่าทาง Asus ต้องการมอบจอ Refresh Rate สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มากับโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ แต่ด้วยความที่มีการ์ดจอแรงระดับ RX 6800M แล้ว ก็หวังว่าตอนขายจริง จะมีรุ่นจอความละเอียดสูง 2K / 4K แต่มี Refresh Rate ไม่สูงมากมาให้สายเล่นเกมคนเดียวได้เลือกซื้อกันด้วยดีไซน์สำหรับ ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ยังคงคอนเซ็ปต์แบบเรียบหรู ไม่ต่างจากรุ่นที่ผ่านมา พร้อมใส่ลูกเล่นเล็กน้อยบริเวณไฮไลท์สีแดงขอบด้านซ้ายบนของตัวเครื่อง ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ 3 แบบ คือแดง, เท่า, และดำ โดยแผ่นสีอื่นๆ จะแถมมาด้วยเลยกับตัวเครื่อง ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเป็นสีที่ตัวเองต้องการได้ง่ายๆ เพียงแค่สไลด์เข้าออกเบาๆ ในส่วนของคีย์บอร์ด แน่นอนว่าในเมื่อเป็นรุ่นเกมมิ่งในรหัส Strix แน่นอนเลยว่าต้องมาพร้อมกับของคุณภาพสูง พร้อมไฟ RGB แบบโคตรเท่ สามารถปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้งาน แต่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับ Touch Pad ที่ลื่นไหลมากกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา ส่งผลให้การใช้งานทั่วไปลื่นไหล่ไม่จำเป็นต้องต่อเมาส์แยกเลยสุดท้ายคือในเรื่องของแบตเตอรี่ เรียกได้ว่าต้องขอบคุณที่ Chip ของ AMD มีการกินไฟที่น้อยมาก จึงทำให้เจ้าเครื่องรุ่นนี้สามารถเล่นเว็บ สลับกับดู Yotube ด้วยความสว่าง และเสียงระดับปานกลางได้ยาวนานกว่า 12 ชั่วโมง คือกล่าวได้เลยว่า หากใช้งานทั่วไปไม่มีแบตหมดระหว่างวันแน่นอนภายใน / อัพเกรด ภายในของ G15 สาย AMD แท้นี้ จะมาพร้อมกับดีไซน์ 2 พัดลมซ้าย / ขวา มีการซ้อน Heat Pipe อย่างดี เมื่อเปิดขึ้นมาจะพบกับการจัดระเบียบที่เรียบร้อย สำหรับ Ram จะติดตั้งมาแบบ 8GB X 2 ส่งผลให้หากเพื่อนๆ อยากอัปเกรดเป็น 32 GB ก็จำเป็นต้องถอดตัวเก่าออกก่อนแล้วใส่ตัวใหม่เข้าไป แต่เบื้องต้นเชื่อว่า 16 GB ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รวมถึงเล่นเกมหนักๆ แล้วครับสำหรับ SSD ที่ให้มาน้อยไปหน่อย 512 GB ทาง Asus ได้มีการทำช่อง SSD M.2 ไว้ให้ด้วยอีก 1 ช่องทางซ้ายด้านล่างของพัดลม สามารถอัปเกรดด้วยตัวเองได้เลยง่ายๆ สำหรับการอัปเกรด SSD แบบ Sata 3 ไม่สามารถทำได้ในเครื่องรุ่นนี้ ดังนั้นหากจะอัปเกรด M.2 แล้ว แนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีความจุสูงๆ แบบ 1 - 2 TB ไปเลย เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าหากใครบอกว่า 512 GB ก็คือเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดครับผลทดสอบสำหรับผลทดสอบในรอบนี้ผมได้ทำการทดสอบกับโปรแกรมที่มีมาตรฐานมากขึ้นอย่าง 3D Mark Time Spy กับเกมระดับแนวหน้าอีก 3 เกมอย่าง Shadow of the Tomb Raider, FARCRY 5 และ Assassin's Creed Valhalla โดยต้องบอกเลยว่าคะแนนที่ได้ รวมถึงค่าเฉลีย FPS เป็นอะไรที่น่าพึงพอใจอย่างมากครับเริ่มด้วยผลทดสอบจาก 3D Mark Time Spy ที่มีคะแนนรวมมากกว่า 10,000 เทียบเท่าได้กับเครื่อง Desktop ระดับ High End เลยก็ว่าได้ อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าเจ้าเครื่องนี้ยังเป็นรุ่น Prototype เท่านั้น กล่าวคือเมื่อเป็นรุ่นผลิตจำนวนมากแล้ว ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition จะต้องสามารถทำคะแนนได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน และจากช่อง Estimated Game จะสังเกตได้ว่า Battlefield V แบบ 2K ปรับ Ultra ก็ยังน่าจะได้ FPS 100+ แต่เพื่อให้แน่ใจมากขึ้น ผมจึงได้ทดสอบ Benchmark เกมแบบหนักๆ มาให้เพื่อนๆ ดูด้วยอีก 3 เกมด้วยกันเริ่มด้วย Shadow of the Tomb Raider ที่ได้ชื่อว่ากินสเปคสูงมาก ผลทดสอบในระดับ Ultra ตัวเครื่องสามารถทำ FPS ได้เฉลี่ย 68 ต่อวินาที และมี Min อยู่ที่ 49 ซึ่งหมายความว่าประสบการณ์ตอนเล่นจริงจะไม่พบกับภาพกระตุกเลยอย่างแน่นอน ต่อด้วย Assassin's Creed Valhalla ผลงานภาคล่าสุดของซีรีส์นักฆ่าชื่อดัง ซึ่งในครั้งนี้กราฟิกก็ถูกตั้งค่าให้อยู่ในระดับ Ultra High เช่นกัน แม้ว่าค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 68 FPS เท่าๆ กับ Shadow of the Tomb Raider แต่ในส่วนของความแกว่ง ถือว่าหนักพอสมควร 20 - 162 FPS แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากการที่เครื่องยังเป็นตัว Prototype อยู่ จึงทำให้ Frameware และระบบอาจยังไม่เสถียรดี ต้องรอทดสอบอีกครั้งในตอนที่เครื่องวางขายจริงๆ อีกครั้งปิดท้ายด้วย FARCRY 5 เกมที่เก่ากว่าเล็กน้อยจาก Ubisoft เช่นกัน ซึ่งผลทดสอบที่กราฟิกระดับ Ultra ก็ได้ FPS ที่นิ่งพอสมควรเลย โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 88 FPS และต่ำสุดอยู่ที่ 68 FPS สูงสุด 110 FPS กล่าวคือสามารถเล่นได้แบบลื่นๆ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนทดสอบการระบายความร้อนในส่วนของการระบายความร้อน ถือว่าทำได้ดีมาก ต่อให้อยู่ระหว่างใช้งานหนักๆ CPU / GPU ก็มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 70 - 80 องศา ในห้องแอร์เปิด 25 องศา ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออะไรเลย ส่วนหนึ่งเชื่อว่ามาจากการดีไซน์ทิศทางการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยมอย่างที่กล่าวไปข้างต้นกับ Thermal Grizzly ที่ช่วยทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานหนักๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง Overheat เลยครับน่าเสียดายที่สำหรับตอนนี้ผมยังไม่สามารถตอบคำถามที่เพื่อนๆ น่าจะอยากรู้ที่สุดอย่างราคาของเจ้า ASUS ROG Strix G15 Advantage Edition ได้ แต่เบื้องต้นทราบมาจากต่างประเทศว่าจะอยู่ที่ประมาณ $1650 นอกจากนี้ทาง Asus จะมีการวางขายรุ่นที่สเปครองลงมาอย่าง Ryzen 5 5600H / Ryzen 7 5800H กับการ์ดจอรุ่นรองอย่าง Radeon RX 6600M / Radeon RX 6700M ด้วย อย่างไรก็ตามขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าเครื่องที่ผมได้มาทดสอบยังเป็น Prototype อยู่ ดังนั้นประสิทธิภาพจริงตอนวางขายอาจยังสูงได้มากกว่านี้อีก และในเรื่องของราคาก็ยังไม่มีการยืนยันจากทาง Official เช่นกัน ดังนั้นต้องรอดูกันต่อไปครับ
05 Jul 2021
Qualcomm เตรียมลงแข่งในตลาด Notebook เผยมั่นใจมากชนะ Intel, AMD และ Apple ได้!
Qualcomm ถือได้ว่าเป็นบริษัทผลิต CPU ของมือถือชื่อดัง ที่มีมือถือหลายรุ่นในตลาดซึ่งใช้ชิปประมวลผลของพวกเขาอยู่ ซึ่งล่าสุดเหมือนว่าทาง Qualcomm จะเตรียมบุกตลาด Notebook ในปีหน้า แถมยังมั่นใจมากๆ อีกด้วยว่า ชิปของพวกเขาจะสามารถเอาชนะ Intel, AMD และ Apple ได้ในเรื่องของประสิทธิภาพ!งQualcomm ประกาศแผนที่จะบุกตลาด Notebook ในช่วงต้นปี 2022 ด้วยชิป Nuvia's architecture ที่ทางบริษัทเพิ่งจ่ายเงินถึง $1.4 พันล้านซื้อมาในช่วงต้นปี ภายใต้การนำของอดีตวิศวกรของ Apple, AMD, Google, และ Broadcom โดย 3 คนจากในนั้นเคยมีประสบการณ์ออกแบบชิป Arm's architecture ที่ใช้งานพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก่อน จึงถือได้ว่าเป็นกลุ่มวิศวกรมากความสามารถเลยก็ว่าได้ชิปดังกล่าวที่ Nuvia สร้างขึ้นมามีชื่อว่า Phoenix Core ซึ่งสามารถ แสดงประสิทธิภาพได้มากกว่า AMD’s Zen 2, Intel’s Sunny Cove และ  Apple's A13 Lightning cores โดยใช้พลังงานน้อยกว่าบน Geekbench 5 อาจด้วยการประสบความสำเร็จนี้ จึงทำให้บริษัทมั่นใจมากว่าจะสามารถสู้กับทั้ง 3 ได้บนตลาด Notebook ้เช่นกันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Qualcomm พยายามจะบุกตลาด Notebook ย้อนกลับไปเมื่อ 7 - 8  ปีก่อน ทางบริษัทเคยพยายามจะลงมาแข่งขันด้วย Centriq CPUs ต้องรอดูว่าการกลับมาครั้งนี้จะต่างจากครั้งก่อนหรือไม่Credit : Tom's Hardware
05 Jul 2021
บริษัทญี่ปุ่นเปิดตัวจอเกมมิ่งตัวใหม่ ที่มาพร้อมกับ IGZO ที่เห็นได้ใน TV รุ่นราคาแพงๆ
Green House Gaming อาจเป็นชื่อผู้ผลิตสินค้าเกมมิ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ภายในแดนปลาดิบ แบรนด์นี้ถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และที่จำเป็นต้องหยิบแบรนด์นี้ขึ้นมาพูดถึงในวันนี้ เป็นเพราะพวกเขาเพิ่งเปิดตัวจอเกมมิ่งใหม่ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี IGZO ส่งผลให้สามารถแสดงภาพความละเอียด และ Refresh Rate ที่สูง รวมถึง Response Time แบบ GTG เพียงแค่ 2 MS พร้อมกับระบบ HDRIGZO เป็นวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในโมดูลแบ็คไลท์ของแผง LCD  หนึ่งในจุดเด่นคือการที่จอนี้สามารถแสดงผลของสีได้ตรงระดับ 99.99% SRG และ 96% Adobe RGB coverage. โดยมีเพียงไม่กี่บริษัทในโลกเท่านั้นที่สามารถใช้จอแบบ IGZO ได้ (Samsung และ Sharp) ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้มักเห็นได้ใน TV รุ่นราคาแพงมากๆ เท่านั้นวัสดุจอรุ่นใหม่ของ Green House Gaming นี้ถูกผลิตโดย Sharp ซึ่งล่าสุดทางบริษัทยังไม่มีการเปิดตัวราคาของเจ้าจอรุ่นใหม่นี้ และยังไม่ทราบด้วยว่าเราจะมีโอกาสหาซื้อได้นอกประเทศญี่ปุ่นด้วยหรือไม่ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านลิงก์นี้Credit : Tom's Hardware
05 Jul 2021
Windows 11 จะโชว์ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการอัปเดตแล้ว
ถือได้ว่าเป็นข่าวที่น่ายินดีจริงๆ สำหรับผู้ใช้งาน Window ทุกคน เมื่อล่าสุดมีข่าวออกมาว่า Window 11 จะระบุเวลาที่ใช้ในการอัปเดตระบบแล้ว!!! ซึ่งมันจะช่วยให้เราสามารถวางแผนได้ง่ายขึ้นว่า จะไปทำอะไรดีในขณะที่รอเจ้าระบบปฏิบัติการทำการพัฒนาตัวเองที่ผ่านมา Window จะโชว์ว่าทำการอัปเดตระบบไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว พร้อมกับบอกเราว่าอย่าทำการ Restart หรือ Shutdown เท่านั้น ผู้ใช้งานจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการอัปเดตแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เวลามากเท่าไหร่ บางครั้งก็ 5 - 10 นาที แต่การอัปเดตที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงก็มีให้เห็นอยู่เช่นกันอย่างไรก็ตามอีกหลายเดือนเลยกว่าเราจะได้สัมผัสกับการอัปเดตที่บอกเวลาเช่นนี้ เนื่องจาก Microsoft จะเปิดให้เราอัปเดตไปใช้งาน Window ใหม่กันอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้าCredit : WindowCentral
02 Jul 2021
รวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการใหม่ Windows 11
นับเป็นเวลาได้ 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่การเปิดตัว Window 10 โดย Microsoft หลายคนคงได้ยินข่าว หรือข้อมูลกันมาบ้างไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับความยอดเยี่ยมของระบบปฏิบัติการใหม่ Window 11 ที่มีแผนจะวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 2021 นี้ และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในปัจจุบันสามารถอัปเกรดได้ฟรีในช่วงต้นปี 2022 เพื่อให้เห็นภาพตรงกันวันนี้ผู้เขียนอยากพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Window 11 นี้มากขึ้นสำหรับ Window 11 นั้นได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์เก่าหลายตัว รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้งานทั่วไป, การทำงาน, การเรียน และการเล่นเกม ทั้งยังมีระบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน ปิดฟีเจอร์บางอย่างที่ไม่จำเป็นเมื่อไม่ได้ใช้งาน ลดการทำงานของอุปกรณ์ลงเพื่อไม่ให้กินไฟเกินความจำเป็น รู้แบบนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะตื่นเต้นกันแล้วไม่มากก็น้อย ถ้าพร้อมแล้วไป รู้จักกับ WIndow 11 มากขึ้นกันเลยครับปล่อยตัวเต็มปลายปีนี้ อัปเกรดฟรีมาต้นปีหน้าเคยได้รายงานข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า Microsoft ตัดสินใจจะปล่อย Window 11 ตัวเต็มออกมาเดือน ตุลาคม ปลายปีนี้ และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในปัจจุบันอัปเกรดไปเป็นรุ่นใหม่ได้ฟรีในช่วง ครึ่งปีแรกของปี 2022 ซึ่งภายในช่วงปลายปีนี้ทางบริษัทจะปล่อยโปรแกรมช่วยตรวจสอบเครื่องของผู้ใช้ออกมาช่วยตรวจสอบให้ด้วยว่าเครื่องของเราสามารถอัปเกรดไปใช้ Window 11 ได้หรือไม่ และถ้าหากว่าไม่สามารถส่วนไหนที่ยังขาดไปก็จะถูกแจ้งให้กับผู้ใช้งานด้วย เบื้องต้นมีการเผยสเปคที่ต้องการออกมาแล้วสามารถดูได้ข้างล่างนี้CPU: 1-GHz or faster with 2 or more cores on a 64-bit processor. 4GB of RAM 64GB of storageUEFI BIOS with Secure BootTPM 2.09-inch or larger screen with 720p resolutionInternet connectivity and an MS account. No offline installs.GPU compatible with DirectX 12 นักพัฒนาสามารถอัปเกรดเป็นตัว Preview ได้เลยสำหรับโปรแกรมเมอร์ ที่อาจจำเป็นต้องการเวลาในการพัฒนา หรือทำความรู้จักกับ Window รุ่นใหม่ ถ้าหากมีบัญชี Windows Insider แล้ว สามารถอัปเกรด Window ขึ้นไปเป็นรุ่นใหม่เพื่อทดลองใช้งานก่อนได้เลย ซึ่งทุกคนที่เข้าไปใช้งานในช่วงนี้จะได้รับ Windows 11 Insider builds โดยไม่สนว่าเครื่องของผู้ใช้งานจะสามารถใช้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะสมัคร Windows Insider สามารถทำได้เลยผ่านขึ้นตอนด้านล่างนี้ไปที่ Settings->Update and Security->Windows Insider Program. CPU รุ่นเก่ากว่า Intel Gen 8 และ AMD  Ryzen 2000 อาจไม่สามารถใช้งาน Window 11 ได้แม้จะเป็น CPU ที่มีความแรงมากกว่าความต้องการขั้นต่ำ และมี TPM 2.0 อย่าง Intel Gen 7 หรือ AMD Ryzen 1000 ก็ยังไม่เหมาะสมสำหรับ Window 11 เรื่องนี้ได้รับการยืนยันผ่านข้อความใน Twitter ของ Steve Dispensa ยังไม่มีใครทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังเรื่องนี้ แต่เป็นไปได้ว่า Window 11 อาจมีความต้องการที่เกี่ยวกับ CPU ซึ่ง Microsoft ยังไม่ได้เปิดเผยอยู่ สำหรับรายชื่อ CPU ที่ WIndow 11 จะสามารถใช้งานได้ ถูกอัปโหลดขึ้นผ่านหน้าเว้บไซต์ของ Microsoft แล้ว สามารถเข้าไปดูได้เลยผ่านลิงก์นี้ แต่จากข้อความบน Twitter ของ Steve Dispensa ได้ยืนยันว่ารายชื่อ CPU นี้จะถูดอัปเดตเรื่อยๆ หลังจากนี้ ซึ่งไม่ทราบว่าในความหมายที่รองรับรุ่นเก่ามากขึ้น หรือรองรับรุ่นใหม่ๆ ที่จะตามออกมาหลังจากนี้ ต้องรอดูกันต่อไปครับ Start Menu ถูกออกแบบใหม่ / ปุ่มปิดเครื่อง  และ Taskbar ย้ายมาอยู่ตรงกลาง (เป็นแบบ   Default สามารถตั้งค่าเองได้   )เพื่อให้ดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น มีการออกแบบ UI ในส่วนของ Taskbar ใหม่ให้ย้ายมาอยู่ตรงกลางแทนมุมซ้ายล่างตามแบบฉบับดั่งเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการตั้งค้าแบบ default ซึ่งภายในหน้า Start Menu จะมีการโชว์แอป โปรแกรม ที่เราใช้งานบ่อยๆ หรือแนะนำจากระบบ Cloud จากพฤติกรรมใช้งานของเจ้าของ รวมถึงมีการออกแบบหน้าต่าง Window ให้เป็นแบบกึ่งโปรงแสง เหมือนเอากระจกอีกใบมาซ้อนทับ ปรับมุมให้เป็นแบบโค้งแทนที่ขอบแหลม ดูแล้วสบายตาเหมาะกับการใช้งานเป็นระยะเวลานานมากกว่า ดูรอบตัวอย่างได้ข้างล่างนี้ มี  Dynamic Refresh Rates ให้สารมารถตั้งค่า Hz ของจอไม่ให้สูงเกินจำเป็นได้สำหรับการเล่นเกมแล้ว การมีจอ Refresh Rate สูงๆ หมายถึงการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หมายถึงการกินไฟที่มากกว่าจอ Refresh Rate ต่ำๆ เช่นกัน ดูเหมือน Microsoft จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ออกแบบให้ผู้ใช้งาน Window 11 สามารถปรับ Refresh Rate ของจอที่ต่ออยู่ได้ง่ายๆ ผ่านระบบของ Window เองเลย ให้ลองนึกภาพตอนที่ใช้งานทั่วไปอย่างการดู Youtube, อ่าน Email หรือท่องอินเทอร์เน็ต กิจกรรมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ค่า Refresh Rate สูงๆ ของจอให้เปลืองไฟไปเปล่าๆ แต่ทันทีที่ผู้ใช้งานเลื่อนหน้าจอของเว็บลงมาข้างล่าง หรือขึ้นไปข้างบน Refresh Rate จะถูกปรับกลับมาเป็นค่าสูงสุดทันทีเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากที่สุด ระบบ  Snap Layouts และ Snap Groups ในปัจจุบัน การใช้งานหลายๆ โปรแกรมบนหน้าจอเดียวกัน เริ่มเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปสำหรับผู้ใช้งาน Window โดยเฉพาะการเรียนและการทำงาน Window 11 นำเสนอฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Snap Layouts ให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็นหลายส่วนได้เพียงแค่ไม่กี่คลิก โดยช่วยให้การทำงานแบบหลายโปรแกรมสามารถทำได้ง่ายมากขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจชื่อว่า Snap Groups ระบบนี้จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ใช้งาน Laptop และกำลังต่อหน้าจอกับ Monitor อื่นเพื่อทำงานอยู่ โดย Snap Groups จะช่วยจดจำการแบ่งหน้าต่างด้วย Snap Layouts ของจอนั้นไว้ในตอนที่ถอดการเชื่อมต่อ เมื่อนำมาต่อจอใหม่ก็จะโชว์หน้าจอที่แบ่งไว้ขึ้นมาให้อัตโนมัติ ส่งผลให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่จำเป็นต้องมาแบ่งหน้าจอใหม่ โดยเจ้า Snap Groups ไม่ได้ทำงานกับเวลาต่อจอเพิ่มเพียงอย่างเดียว ผู้ใช้งานยังสามารถเก็บรูปแบบการแบ่งหน้าจอได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ดูคลิปประกอบได้ข้างล่างนี้Teams Integrated มาพร้อมกับ Windows 2020 และ 2021 เป็นยุคแห่งการทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home อย่างแท้จริง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่การทำงานต้องมีการประชุมไม่ว่าจะผ่าน Google Meets, Zoom, Skype, Discord หรือ The Teams ซึ่งเพื่อไม่ให้เป็นการยุ่งยาก Microsoft ได้ใส่โปรแกรม The Teams มาให้เลยใน WIndow 11ผู้ใช้งานสามารถกดเข้าโปรแกรม The Team ได้เลยผ่าน Start Menu ตรงกลางหน้าจอด้านล่าง พร้อมทั้งประชุมกับเพื่อนร่วมงาน หรือ Video Call หา ญาติพี่น้องได้เลยระบบ Auto HDR สำหรับเกมต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเล่นเกมผ่าน PC กลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงง่าย เนื่องจาก PC สำหรับเล่นเกมสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านราคา หรือสถานที่ซื้อ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานอย่างทั่วถึง Microsoft ได้ใส่ระบบ Auto HDR สำหรับเกมมาด้วยAuto HDR จะช่วยทำให้ภาพที่ผู้เล่นได้สัมผัสมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น Microsoft ได้โชว์ความแตกต่างระหว่างก่อนใช้ฟังก์ชันกับหลังใช้ออกมาให้เราดูด้วยข้างล่างนี้มีหน้าจอ Desktop หลายๆ แบบได้อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพื่อนๆ น่าจะชอบกันคือการให้ผู้ใช้งานสามารถจัดหน้า Desktop หลายๆ แบบเพื่อรองรับการใช้งานของตัวเองได้ โดยเพื่อนๆ อาจมีหน้าจอ Desktop สำหรับทำงาน 1 หน้าจอ สำหรับเล่นเกม 1 หน้าจอ สำหรับเรียนอีก 1 หน้าจอ และแต่ละหน้าจอสามารถตกแต่งภาพ Wallpaper, สีของ UI รวมถึงสไตล์ได้อิสระจากกันด้วย เชื่อว่าถูกใจสายชอบตกแต่งหน้าจออย่างแน่นอนWindows Widgets แบบใหม่ข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศ สิ่งที่น่าสนใจประจำวัน สภาพการเมือง โรคระบาด และอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้ใช้งาน PC ในปัจจุบัน โดย Window 11 มาพร้อมกับ Widgets แบบใหม่ที่จะคอยอัปเดตข่าวสารบ้านเมือง รวมถึงสภาพอากาศให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ โดยข่าวที่ถูกหยิบขึ้นมาโชว์ จะอ้างอิงจากการใช้งานของแต่ละคร ว่าสนใจคอนเทนต์แบบไหน หรือเลือกที่จะอ่านข่าวอะไร ซึ่ง Widgets ใหม่จะซ้อนอยู่ทางซ้ายมือของจอ สามารถเปิด หรือเลื่อนปิดได้เลยง่ายๆมี Xbox Game Pass  ติดมาเลย รวมถึง DirectStorage สำหรับช่วยให้โหลดข้อมูลได้เร็วขึ้นXbox Game Pass เป็นระบบ Cloud Gaming ของ Xbox ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัครสมาชิก และเล่นเกมของ Xbox บน PC ได้เลย ซึ่งสำหรับใครที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ก็สามารถเล่นได้เลยไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม และเพื่อให้ได้ประสบการณ์ดีที่สุด ก็มีการใส่ DirectStorage ที่ทำให้สามารถโหลดเกมได้เร็วมากยิ่งขึ้นมาด้วยDirectStorage เป็นระบบที่ให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดเกมจาก SSD เข้าไปใน GPU ได้เลย ไม่ต้องผ่าน Pcie และไม่เป็นภาระกับ CPU ส่งผลให้สามารถโหลดเกมได้เร็วมากยิ่งขึ้น  เล่น Android Apps  ได้โดยไม่ต้องผ่าน Imulatorสุดท้ายคือฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกใจสายชอบเล่นเกมมือถือผ่าน PC นั้นก็คือการที่ สามารถเล่นแอปจาก Android ได้เลย ซึ่งการไม่ต้องเล่นเกมหรือใช้แอปผ่าน Imulator ก็หมายถึงการที่เป็นภาระเครื่องน้อยลง และทำให้แอปสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะรองรับแอปมากขนาดไหนในตอนแรก แต่เชื่อว่า Microsoft จะพยายามทำให้รองรับทั้งหมดอย่างแน่นอนนี้คือข้อมูลสำคัญทั้งหมดที่ เราทราบเกี่ยวกับ Window 11 ในตอนนี้ โดยเชื่อว่าทาง Microsoft จะอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมให้กับเรามากขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากนี้ ซึ่งถ้าหากมีการอัปเดตเพิ่มเติมยังไง จะรีบมีอัปเดตให้เพื่อนๆ ได้รู้กันอย่างแน่นอน
01 Jul 2021
Window 11 จะมี Dynamic Refresh Rate ให้ผู้ใช้งานปรับ Refresh Rate จอเองได้
สำหรับการเล่นเกมแล้ว การมีจอ Refresh Rate สูงๆ หมายถึงการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หมายถึงการกินไฟที่มากกว่าจอ Refresh Rate ต่ำๆ เช่นกัน ดูเหมือน Microsoft จะเล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้ออกแบบให้ผู้ใช้งาน Window 11 สามารถปรับ Refresh Rate ของจอที่ต่ออยู่ได้ง่ายๆ ผ่าน Window เลย ให้ลองนึกภาพตอนที่ใช้งานทั่วไปอย่างการดู Youtube, อ่าน Email หรือท่องอินเทอร์เน็ต กิจกรรมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้ค่า Refresh Rate สูงๆ ของจอให้เปลืองไฟไปเปล่าๆ แต่ทันทีที่ผู้ใช้งานเลื่อนหน้าจอของเว็บลงมาข้างล่าง หรือขึ้นไปข้างบน Refresh Rate จะถูกปรับกลับมาเป็นค่าสูงสุดทันทีเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ฉลากมากๆ จริงๆ แล้วระบบ Dynamic Refresh Rate จะมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน Laptop แต่ Microsoft ไม่ได้ประกาศว่าระบบนี้จะเป็น Exclusive สำหรับเครื่องพกพา จึงคาดว่าระบบนี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับเครื่อง Desktop ด้วย แต่ผู้ใช้งานก็จำเป็นต้องมีจอที่รองรับ FreeSync หรือ G-Sync สำหรับด้วย และจำเป็นต้องมี Refresh Rate ที่สูงกว่า 120Hz ขึ้นไป Credit : https://www.tomshardware.com/news/windows-11-dynamic-refresh-rate
01 Jul 2021
Microsoft เตรียมปล่อยโปรแกรมตรวจว่าเครื่องใช้ Window 11 ได้หรือไม่เวอร์ชันเต็มปลายปีนี้
เป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกจับตามองจากผู้ใช้งาน PC ทั้งโลกกับ Window 11 ที่กำลังจะปล่อยอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ และเปิดให้ผู้ใช้งานปัจจุบันสามารถอัปเกรดไปใช้งานได้ฟรีช่วงต้นปีหน้า ทาง Microsoft ได้มีการเผยสเปคแนะนำสำหรับระบบปฏิบัติการใหม่แล้ว แต่สำหรับคนที่อ่านสเปค PC ไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลไปว่า 'เครื่องจะใช้งาน Window รุ่นใหม่ได้หรือไม่?' เพราะในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้จะมีโปรแกรมที่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถูกปล่อยออกมาให้ใช้งานกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ Microsoft ได้มีการปล่อยโปรแกรมที่ชื่อว่า Windows 11 PC Health Check สำหรับช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ออกมาแล้ว แต่มันติดปัญหาตรงที่ว่าเจ้าโปรแกรมนี้ไม่ได้บอกเหตุผลที่เครื่องของผู้ใช้งานไม่สามารถใช้ Window 11 ด้วย มันจะบอกเพียงแค่ว่า 'เครื่องของคุณใช้ Window 11 ไม่ได้' ทาง Microsoft จึงได้ตัดสินใจเอาลิงก์โหลดโปรแกรมนี้ออกจากหน้าเว็บก่อน พร้อมสัญญาว่าจะนำกลับมาให้ใช้อีกครั้งในตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์แล้วกล่าวคือเมื่อโปรแกรมนี้กลับมาอีกครั้ง มันจะสามารถทำการตรวจสอบเครื่องของผู้ใช้งานให้เลยว่า เหมาะสมที่จะใช้ Window 11 หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ก็จะบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆ สามารถเลือกซื้อ Hardware มาอัปเกรด PC ของตัวเองได้อย่างตรงจุดมากขึ้นนั้นเองCredit : https://www.pcgamer.com/windows-11-pc-health-check-app-gone/
30 Jun 2021
Window 11 จะปล่อยปลายปีนี้ แต่สำหรับชาว Window 10 จะอัปเกรดได้ต้นปี 2022
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เห็น Microsoft เป็นตัว Window 11 อย่างไรก็ตามสำหรับเวอร์ชันเต็ม มีการประกาศว่าจะปล่อยในช่วงปลายปีนี้ แต่ดูเหมือนสำหรับคนที่อยากอัปเกรดจากระบบปฏิบัติการรุ่นปัจจุบัน ไปเป็นรุ่นใหม่จะยังไม่สามารถทำได้ในช่วงที่ Window 11 ออก Microsoft ได้ยืนยันว่าการอัปเกรดจะตามมาภายหลังในช่วงครึ่งปีแรกของ 2022ความเป็นไปได้มากที่สุดซึ่งทำให้ Microsoft ต้องประกาศแบบนี้อาจเป็นเพราะทางบริษัทคงต้องการให้แน่ใจว่าจะไม่มีบัคอะไรเกิดขึ้นจากการอัปเกรดไปเป็นรุ่นใหม่ของ Window รุ่นเก่า ซึ่งก็คงเป็นการดีกว่าถ้าหากระบบปฏิบัติการที่เราได้ใช้เป็นตัวที่สมบูรณ์ เนื่องจากมันจะทำให้การทำงาน การเล่นเกม รวมถึงอื่นๆ สามารถทำได้อย่างลื่นไหล่กว่า Get 3 minutes closer to the release of #Windows11 #MicrosoftEvent pic.twitter.com/qI55tvG6wK— Windows (@Windows) June 24, 2021 Credit : https://www.ign.com/articles/windows-11-free-upgrade-release-date
29 Jun 2021
Windows 11 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ พร้อมให้อัปเกรดปลายปีนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ สำหรับ Window รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้เวลา 22.00 ซึ่งตัวเต็มจะเปิดให้อัปเกรดได้ฟรีช่วงปลายปี 2021 นี้ แต่สำหรับคนที่อยากเข้าไปช่วย Microsoft ทดสอบระบบ ก็สามารถอัปเกรดได้เลยผ่าน เว็บไซต์ของ Microsoft วันนี้ ซึ่งผมจะไม่แนะนำเท่าไหร่สำหรับเครื่องทำงาน เพราะอาจทำให้เปิดโปรแกรมบางตัวไม่ได้ครับสำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าเจ้า Window รุ่นใหม่นี้จำเป็นต้องใช้เครื่องสเปกขนาดไหน วันนี้ทาง Microsoft ก็ได้เผยสเปคที่ต้องใช้ออกมาแล้วเช่นกัน แม้จะเป็น Window รุ่นใหม่ แต่เหมือนในเรื่องของๅ RAM อาจยังไม่ซีเรียสขนาดนั้น เมื่อตัวระบบต้องการแค้ 4GB สำหรับ CPU ก็ถือว่าไม่ได้เป็นความต้องการสูงอะไร ส่วนเรื่องว่าจะเสถียรขนาดไหนปลายปีนี้ได้รู้พร้อมกันครับ
25 Jun 2021
Acer Swift X เครื่องทำงาน + เล่นเกมในราคา 3x,xxx จะลุยหนัก ลุยเบาก็เอาอยู่!
ในยุค 2021 การเล่นเกมบน PC เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ายุคก่อนๆ มาก เกมเมอร์หลายคนเลือกที่จะซื้อเครื่องสำหรับเล่นเกมเป็นแบบ Notebook เพราะสะดวกสบายมากกว่า สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย แต่ก็ยังอาจติดปัญหาสำหรับคนที่ทำงานซึ่งต้องการความเชื่อถือจากลูกค้าสูง และไม่อาจเลือกซื้อ Notebook สำหรับเล่นเกมได้ ซึ่งเหล่าผู้ผลิตเองก็เล็งเห็นถึงปัญหานี้ และมีการออก Notebook รุ่นที่ตอบโจทย์มาให้กับคนกลุ่มนี้ด้วบSwift X คือหนึ่งในผลงานใหม่ล่าสุดจาก Acer ที่บรรจุทุกอย่างซึ่งเป็นความต้องการข้างต้นมาให้ ไม่ว่าจะด้วยดีไซน์เรียบหรู CPU ที่แรง GPU ที่มีความสามารถสูงพอ เพื่อให้การใช้งานของเพื่อนๆ ไม่มีสะดุด จะเล่นเกม หรือทำงานก็พร้อมจบได้ ด้วยน้ำหนักเครื่องเพียง 1.3 กิโล จึงทำให้สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อย่างสะดวกประหนึ่งหยิบ IPad ติดตัวไปด้วยเพียงแค่ 1 เครื่อง วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า Acer Swift X นี้มากขึ้นกัน และขอออกตัวเพิ่มเล็กน้อยว่า เครื่องที่เราได้มีรีวิวก่อนนี้เป็นรุ่น Prototype ครับสเปคของ Acer Swift XAMD Ryzen 7 5800U16GB DDR4XSSD512GB DDR4Monitor 14"FHD IPS 100% SrgbNVIDIA® GeForce® RTX 3050 TiBattery 59Wh Weigth 1.39 kgThickness 17.9 mmก่อนอื่นขออธิบายเพิ่มในตัว CPU เล็กน้อย แม้ว่าเครื่องนี้จะให้มาเป็น AMD Ryzen 7 5800U ที่เป็นรหัสรุ่นประหยัดไฟ แต่เท่าที่ผมได้ลองจากการใช้งานจริงทั้งทำงาน และเล่นเกม พบว่า เจ้า AMD Ryzen 7 5800U ถือว่าเอาอยู่ มีความแรงไม่แพ้ CPU รุ่นแรงของเครื่อง PC เลยต่อมาคือเรื่องของหน่วยความจำที่ให้ RAM แบบ Onboard มา 16 GB จึงไม่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ส่วน SSD แม้จะให้มาแค่ 512 GB แต่ Acer ได้มีการเหลือช่องสำหรับอัปเกรดได้ด้วยตัวเองไว้อีก 1 ช่อง ซึ่งถ้าหากใครคิดว่าไม่พอต่อการใช้งานยังไง ก็สามารถเพิ่มเข้าไปอีก 512 GB, 1TB หรือมากกว่านั้น เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานได้เลยจากรูปข้างบนนี้เพื่อนๆ จะสังเกตได้ว่าเครื่องรุ่นนี้มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนตัวเดียว ซึ่งเบื้องต้นตอนแรกผมคิดว่า เครื่องรุ่นนี้อาจมีความสามารถในการระบายความร้อนไม่เพียงพอในการใช้งานจริง แต่จากการใช้งานจริงขอออกตัวก่อนว่าตัวเครื่องสามารถเอาไปเล่นเกมหนักๆ ได้ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยระบายความร้อนอะไร แต่ด้วยดีไซน์ที่ให้ช่องระบายความร้อนอยู่ข้างหน้าของจอ (ด้านบนของคีย์บอร์ด) มันเลยทำให้รู้สึกถึงไอร้อนจากตัวเครื่องได้เลยผ่านมือ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากเพื่อนๆ มีการใช้ตัวช่วยระบายความร้อนสำหรับ Notebook อย่าง Cooling Pad ด้วย หรือใช้งานหนักๆ เฉพาะเวลาที่อยู่ในห้องแอร์เท่านั้นครับสำหรับหน้าจอ Swift X ถือว่ามาในหน้าจอขนาด Notebook สำหรับทำงานคือ 14 นิ้ว Full HD แต่ที่น่าสนใจคือค้าความถูกต้องของสีที่เป็นแบบ 100% Srgb กล่าวคือสีที่ได้เวลาทำงานกราฟิก, ดูหนัง หรือตัดต่อวิดีโอ รวมถึงเล่นเกมจะสวยสมจริงมากๆ อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือลำโพงเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน dts ส่งผลให้ได้เสียงที่ไพเราะ เหมาะกับการรับชมสื่อบันเทิงทุกชนิดสำหรับใครที่ชิน กับการที่ Notebook ทำงานของเราต้องมีระบบสแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน Acer ก็ได้มีการใส่ระบบดังกล่าวเข้ามาด้วยใน Notebook รุ่นนี้ ผ่านแถบสีดำทางขวาของ Touchpad กล่าวคือถ้าหากคุณเป็นคนที่ชินกับการใช้งาน Macbook ของทาง Apple มาก่อน มันคงเป็นการง่ายที่จะเปลี่ยนมาทำงานโดยเครื่อง Window หากเริ่มต้นด้วย Acer Swift X เครื่องนี้สำหรับคนที่มักจะเชื่อมต่อ Notebook ด้วย USB หลายๆ ตัว อาจเป็นปัญหาเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนมาใช้เจ้า Swift X เครื่องนี้ เนื่องจากให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาแบบ USB 3.2 : 2 ช่องType C :1 ช่องHDMI :1 ช่องRCA : 1 ช่อง (ช่องเสียบหูฟังแบบ Analog)ยอมรับเลยว่าให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาน้อยไปจริงๆ หากจะใช้เจ้าเครื่องนี้ในการเล่นเกม แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้โดยง่ายด้วย USB Hub ดีๆ สักตัว และคงไม่ได้ส่งผลต่อการใช้งานทั่วไป หรือทำงานมากมายอะไรนัก ประสบการณ์ใช้งานจริงหลังจากมีโอกาสได้นำเจ้า Swift X มาทำงานได้สักพักความประทับใจแรกที่ได้รับคือเรื่องของ คีย์บอร์ดที่พิมพ์ได้ง่าย แป้นทุกตัวมีขนาดใหญ่ช่วยป้องกันการพิมพ์ผิดได้ดี ใช้แรงกดไม่เยอะ ทั้งยังมีไฟ LED อยู่ใต้แต่ละแป้นสามารถใช้งานในที่มืดได้อย่างไม่มีปัญหา ติดตรงพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาน้อยเกินไปหน่อย จนบางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่อย่างที่กล่าวไปว่าสามารถแก้ไขได้โดย USB Hub ดีๆ สักตัวครับความประทับใจที่สองคือเรื่องของน้ำหนักที่เบา สามารถยกเครื่องเดินไปเดินมาในบริษัท เพื่อปรึกษางานกับเพื่อนๆ ทีมอื่น หรือพกออกไปคุยงานกับลูกค้าได้โดยไม่ปวดแขน ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูเลยทำให้มั่นใจในเรื่องภาพลักษณ์ได้ ในช่วงหมดวัน Acer Swift X ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องสำหรับเล่นเกมนอกสถานที่ได้ แต่สำหรับเกมที่ต้องการ Hardware แรงๆ ยังถือว่าลำบากอยู่หากจะให้เล่นได้แบบลื่นไหล่ ส่วนตัวคิดว่าเหมาะจะใช้เล่นเกมไม่หนักมากอย่างพวกเกมออนไลน์มากกว่า
24 Jun 2021
AMD เผย ผู้พัฒนาต้องใช้แค่ 2 - 3 วันเท่านั้นในการเพิ่ม FSR เข้าไปในเกม
เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจจริงๆ สำหรับ FidelityFX Super Resolution ที่มีความสามารถแบบเดียวกับ DLSS ของ Nvidia แต่เปิดให้ใช้งานได้อย่างอิสระไม่จำกัดว่าผู้ใช้งานต้องมีการ์ดจอของ AMD โดยเจ้า FSR จะช่วยเพิ่ม FPS ให้กับเกมของผู้เล่นได้อีก 50 - 100% โดยไม่เสียความละเอียดของภาพ และความสวยงามของกราฟิกไป ก่อนหน้านี้ AMD ได้ประกาศว่ามี 7 เกมที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วอยู่ในตอนนี้AMD ได้มีการอัปโหลดวิดีโอสัมภาษณ์กับผู้พัฒนา 7 - 8 เจ้า ซึ่งแต่ละคนก็กล่าวชมเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ของ AMD ว่าช่วยให้เกมของพวกเขามีกราฟิกที่สวยงามขึ้น แต่ส่วนที่น่าสนใจคือการยืนยันจากผู้พัฒนาว่า เทคโนโลยีตัวนี้สามารถทำงานด้วยง่ายมาก มันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้นในการเพิ่มเข้าไปในเกม และด้วยความที่มันจะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใส่มันเข้าไปในเกมของพวกเขาอย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของ FSR ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสินไปอีกสักพัก ยังไม่มีใครรู้ว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ดีขนาดไหนเมื่อเทียบกับ DLSS ที่ AI มีโอกาสได้เรียนรู้มาก่อนแล้วเป็นเวลา 2 - 3 ปี แต่ถ้าหากว่า FSR สามารถทำงานได้ดีเทียบเท่า หรืออย่างน้อยไม่น้อยหน้า DLSS นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของวงการเกมเลยทีเดียวCredit : https://gamingbolt.com/its-taking-developers-just-a-few-days-to-add-amds-fsr-to-their-games
24 Jun 2021
เปิดรายชื่อ CPU ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมที่สุดประจำปี 2021
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการมาได้สักพักแล้วสำหรับ CPU รุ่นใหม่ของ Intel และ AMD ซึ่งถือว่าแรงมากขึ้นพอสมควรเลยเมื่อเทียบกับโมเดลเก่า บวกกับการที่ราคาของการ์ดจอในตลาดเริ่มจะตกลงแล้ว ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้เริ่มประกอบคอมเพื่อมาใช้เล่นเกม ยิ่งปลายเดือนหน้ากำลังจะมีงาน Commart ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะเข้าไปใหญ่ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปีเราได้เคยทำ รายชื่อการ์ดจอที่น่าซื้อมากที่สุดสำหรับเล่นเกมออกมาแล้ว มาคราวนี้ก็ถึงคิวคราวของ CPU กันบ้าง ว่ารุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุด แต่ก่อนจะไปเริ่มตรงนั้นกัน ผู้เขียนอยากอธิบายก่อนว่า CPU ที่เหมาะจะนำมาใช้สำหรับเล่นเกมมากที่สุดเป็นแบบไหน และเพราะอะไร เพื่อที่จะได้เห็นภาพตรงกันว่าทำไม CPU ที่อยู่ในอันดับถึงเหมาะจะนำมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับCPU แบบไหนถึงเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกม?ก่อนอื่นถ้าหากใครกำลังมีความเชื่อว่า "ของที่แพง คือของที่ดี" ขอให้เปลี่ยนความคิดนั้นใหม่ เมื่อพูดถึงการประกอบคอมครับ ในการเล่นเกมสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่ายังไงก็คือในส่วนของการ์ดจอ มันไม่ได้มีประโยชน์มากนักหากจะทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกันการซื้อ CPU ราคาแพงๆ มาใช่ และสำหรับการเล่นเกมการมี Clock Speed สูงๆ มีประโยชน์มากกว่าการที่มีจำนวน Core เยอะๆ ดังนั้น CPU รุ่นที่เหมาะกับการเล่นเกมมากที่สุด จึงมักไม่ใช่รุ่นราคาแพงแต่เป็นรุ่นราคากลางๆ มากกว่าในช่วง 1 - 2 ปีมานี้ หลายคนน่าจะได้ยินคำว่า AMD น่าซื้อกว่า Intel แต่สำหรับการเล่นเกมแล้วอย่างน้อยในตอนนี้ มันไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากถ้าหากวันจัดจาก Clock Speed แล้ว CPU ตัวที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุดยังคงเป็นของ Intel โดยจากผบทดสอบของ CPU เกือบทั้งหมดที่มีในตลาดโดย Tom's Hardware ข้างล่างนี้จึงทำให้ได้ข้อสรูปว่า ตัวไหนเหมาะที่จะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด1.) Intel Core i5-11600KArchitecture: Rocket Lake | Socket: LGA 1200 | Cores/Threads: 6 / 12 | Base Frequency: 3.9GHz | Top Boost Frequency: 4.9GHz | TDP: 125Wโดยประสิทธิภาพแล้ว Core i5-11600K ถือว่าแรงกว่า Ryzen 5 5600X อยู่เล็กน้อย แต่ด้วยราคาที่ถูกกว่าเกือบ 1,000 บาท () แถมยังมีรุ่น Core i5-11600KF ซึ่งไม่มีการ์ดจอแถมยังถูกกว่าให้เลือกซื้ออีก จึงทำให้ CPU ตัวนี้ถือว่าดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แน่นอนว่าในเรื่องการ Overclock เจ้าตัวนี้ก็สามารถลากขึ้นไปได้สูงมากๆ ไม่แพ้ Ryzen 5 5600X เลย อย่างไรก็ตามถ้าหากจะนำไป OC เพื่อนๆ ควรดูแลการระบายความร้อนให้ดีด้วย สำหรับ CPU รุ่นนี้ไม่ได้มี Heat Sink แถมมาให้ด้วย ดังนั้นอย่าลืมเพื่อเงินไว้ซื้อ AIO หรือ Heat Sink Tower ดีๆ ด้วยนะครับอันดับร่วม AMD Ryzen 5 5600XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 6 / 12 | Base Frequency: 4.1GHz | Top Boost Frequency: 4.8GHz | TDP: 65Wอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าถ้าวัดกันที่ความแรง Ryzen 5 5600X แทบจะเท่ากับอันดับ 1 ของเราเลย แต่ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังใช้การ์ดจอของทาง AMD อยู่ เจ้าตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากจะทำให้สามารถใช้งานระบบ smart access memory ของทาง AMD ได้ และมันจะช่วยดัน FPS ให้กับเพื่อนๆ ได้มากขึ้นไปอีก ดังนั้นสำหรับคนที่ใช้งานการ์ดจอ จากทาง AMD อยู่ เราเชื่อว่า Ryzen 5 5600X คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคุณในตอนนี้สำหรับการเล่นเกมอีกหนึ่งข้อดีคือการที่ CPU ของทาง AMD กินไฟน้อยกว่าทาง Intel ส่งผลให้เพื่อนๆ อาจสามารถลดราคาตัว Power Supply ลงมาเป็นรุ่นที่จ่ายไฟน้อยกว่าได้ และนำส่วนต่างดังกล่าวไปอัปเกรดชิ้นส่วนอื่นเพิ่ม แต่อย่างที่บอกไปว่าราคาตั้งต้นของทาง Intel ในเจนนี้มีราคาที่ถูกกว่า ดังนั้นมันจึงเหมือนทดแทนในส่วนนี้ไปมากกว่า แต่โดยรวมแล้วเจ้ารุ่นนี้กับ Core i5-11600K ถือเป็น CPU ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในตอนนี้ทั้งคู่ครับ 2.)  AMD Ryzen 9 5950XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 16/32 | Base Frequency: 3.4GHz | Top Boost Frequency: 4.9GHz | TDP: 105Wสุดยอด CPU ที่แรงที่สุดในโลกสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนตัวในตอนนี้ ด้วยจำนวน Cores/Threads ที่สูงมาก จึงทำให้ดัน FPS ได้มากที่สุด แต่ก็มีราคาเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับ AMD Ryzen 5 5600X และ Intel Core i5-11600K ด้วย Performace ที่ไม่ได้เพิ่มสู่งเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย จึงทำให้ CPU รุ่นนี้ตกมาอยู่ในอัน 2 แต่ถ้าหากเพื่อนๆ เป็นคนที่มักเปิดใช้งานโปรแกรมหลายๆ อย่างพร้อมกันเช่น ตัดต่อวิดีโอ พร้อมกราฟิก หรือสตรีมมิ่งไปด้วย เล่นเกมไปด้วย เจ้า CPU รุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกดีที่สุดแล้วในตอนนี้เอาแบบตรงๆ คือ ถ้าหากเพื่อนแค่ต้องการประกอบคอมขึ้นมาเล่นเกมอย่างเดียว เราไม่แนะนำให้ใช้ AMD Ryzen 9 5950X เนื่องจากสิ่งที่ได้มันไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่าย สู้ซื้อรุ่นรองลงมาอย่าง AMD Ryzen 5 5600X และ Intel Core i5-11600K แล้วเอาส่วนต่างไปลงให้กับ GPU จะช่วยให้ได้ประสบการณ์เกมมิ่งที่ดีกว่า แต่ถ้าหาก PC เครื่องนี้จะใช้สำหรับการทำงานหนักๆ อย่าง 3D, ตัดต่อวิดีโอ, ทำ Visual Effects เจ้า AMD Ryzen 9 5950X คือตัวเลือกดีที่สุดแล้วในตลาดตอนนี้3.) AMD Ryzen 7 5800XArchitecture: Zen 3 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 8 / 16 | Base Frequency: 3.8GHz | Top Boost Frequency: 4.7GHz | TDP: 105Wถ้าหากกำลังตามหา CPU ที่มีราคาไม่แพงเกินไป ใช้ทำงานก็ดี เล่นเกมก็ยอดเยี่ยม AMD Ryzen 7 5800X คือตัวเลือกดีที่สุดในตอนนี้ ขอเสียคืออาจจะหาซื้อยากเสียหน่อยในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีความต้องการในตลาดสูงมาก ด้วยประสิทธิภาพ และราคาจึงทำให้รุ่นนี้ได้อันดับ 3 ไปอย่างไม่มีข้อกังขา และถ้าพูดถึงความแรงของ Single Thread รุ่นนี้ก็ถือว่าเทียบเท่ากับ AMD Ryzen 5 5600X เลย แต่ด้วยจำนวน Cores ที่มากกว่าจึงทำให้มันเหมาะจะใช้ทำงานอื่นๆ ด้วยบางคนอาจตั้งคำถามว่า "แบบนี้ Intel Core I7-11700K ไม่ถือเป็นตัวเลือกที่ควรจะได้อันดับเดียวกันรึเปล่า? เพราะมีราคา และประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน?" คำตอบคือ AMD Ryzen 7 5800X สามารถเอาไปใช้งานกับบอร์ดได้หลากหลายกว่า และช่วยประหยัดเงินในส่วนนั้นได้มากกว่า จึงทำให้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าไป4.) Intel Core i5-11400Architecture: Rocket Lake | Socket: LGA 1200 | Cores/Threads: 6/12 | Base Frequency: 2.6GHz | Top Boost Frequency: 4.4GHz | TDP: 65Wดูรุ่นที่สามารถเอาไป Over Clock ได้กันไปเยอะแล้ว มาดูรุ่นธรรมดาๆ กันบ้าง สำหรับ Intel Core i5-11400 อาจถือเป็นรุ่นราคาถูกที่น่าซื้อมาใช้สำหรับเล่นเกมที่สุดในตลาดแล้ว (ในไทยประมาณ 6,000 - 7,000 เท่านั้น) และยังถูกลงมาได้อีกสำหรับรุ่นที่ไม่มีการ์ดจอมาด้วยอย่าง Intel Core i5-11400F ในเรื่องของประสิทธิภาพก็แรงมากกว่า Ryzen 5 3600 ที่ราคาเท่าๆ อยู่ประมาณ 20%แม้ว่าโดยรวมแล้วจะไม่แรงเทียบเท่ากับรุ่นที่มีรหัส X หรือ K แต่ก็ถือว่าเป็น CPU สำหรับคนงบน้อยที่ดีมากๆ ตัวหนึ่ง สามารถเอางบที่มีจำกัดไปเพิ่มตรงส่วนของ GPU เพื่อให้ได้ FPS และประสบการณ์เกมมิ่งดีที่สุดได้เลย 5.) AMD Ryzen 3 3300XArchitecture: Zen 2 | Socket: AM4 | Cores/Threads: 4/8 | Base Frequency: 3.8GHz | Top Boost Frequency: 4.3GHz | TDP: 65Wสำหรับคนที่งบน้อยลงมาอีก Ryzen 3 3300X คงถือเป็นรุ่นที่เหมาะสมมากที่สุดแล้ว ด้วย Cores/Threads: 4/8 จึงทำให้เจ้ารุ่นนี้สามารถดันกราฟิกระดับ Low - Medium ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ยังเป็น CPU รุ่นที่รองรับ PCIe 4.0 ทำให้ยังสามารถต่อ SSD M.2 รุ่นใหม่ได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ CPU ที่กินไฟน้อย มีความแรงระดับเริ่มต้นแบบนี้ ยังช่วยให้ประหยัดค่าอุปกรณ์ระบายความร้อนได้ด้วยอย่างที่บอกไปว่า CPU รุ่นนี้แนะนำสำหรับคนที่งบจำกัดจริงๆ เท่านั้น เนื่องจากอาจเกิดอาการขอขวดได้เมื่อนำไปใช้กับ GPU รุ่นใหม่ตัวแรงอย่าง RTX 3070 ขึ้นไป สำหรับบอร์ดที่เราแนะนำสำหรับ CPU รุ่นนี้คือ B550 ขึ้นไปเนื่องจากจะได้สามารถเข้าถึงช่องเสียบ PCIe 4.0 ได้โดยง่าย 
21 Jun 2021
รีวิว Asus Flow X13 ที่สุดของโน๊ตบุ๊ค เล่นเกมได้ ทำงานก็ดี เป็น Tablet ก็สามารถ
โดยปกติแล้วโน๊ตบุ๊คสำหรับชาวเกมเมอร์อย่างเราๆ มักจะมาพร้อมกับสเปคที่แรง หน้าจอ HZ สูงๆ และระบบระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ซึ่งเพื่อให้มีทั้งหมดที่ผมกล่าวมา มันมักจะทำให้ โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งต่างๆ มีน้ำหนักมากกว่า 2 KG และพกพาไปที่ต่างๆ ได้ลำบากเนื่องจากน้ำหนักที่มากเกินไป และเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เลือกที่จะเอาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งมาเป็นเครื่องทำงานเนื่องจากพกพาลำบาก    แล้วถ้าหากว่าโลกใบนี้มีโน๊ตบุ๊คสำหรับเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีน้ำหนักเพียงแค่เที่ยบเท่ากับ Tablet เพื่อนๆ จะคิดเช่นไร? เป็นไปได้หรือไม่ ที่โน๊ตบุ๊คเล่นเกมจะมีน้ำหนักแค่ 1.3 KG วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ Asus Flow X13 เครื่องรุ่นใหม่จากทาง Asus ที่มาพร้อมกับความสามารถทุกอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับสเปคOperating System : Windows 10 HomeCPU : AMD Ryzen™ 9 5900 / 5980 HSGraphic Card : NVIDIA® GeForce® GTX 1650 4GB GDDR6 / 3050TiRAM : 16 / 32 GB LPDDR4X on boardStorage : 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSDDisplay : 13.4-inch WUXGA 1920x1200, 120Hz, Pantone ValidatedKeyboard : Backlit Chiclet Keyboardเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานที่หลากหลายมากที่สุด Flow X13 มาพร้อมกับ CPU รุ่นแรงอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Ryzen 9 5900Hs แรม On Board แบบ 16 / 32 GB และ SSD ความจุเริ่มต้น 1 TB สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ ซึ่งมักจะต่างจากโน๊ตบุ๊คเล่นเกมที่เห็นอยู่เต็มตลาดตรงที่ เราแทบไม่จำเป็นต้องอัพเกรดอะไรเครื่องนี้เพิ่มอีกแล้ว ยกเว้นในส่วนเดียวคือการ์ดจอที่ให้มาเป็นรุ่น GTX 1650 เท่านั้นสำหรับราคาเริ่มต้น แต่จุดขายของ Flow X13 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากมันถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับ Asus XG Mobile 2021 การ์ดจอต่อแยกสำหรับโน๊ตบุ๊คโดยเฉพาะAsus XG Mobile 2021 คือการ์ดจอ RTX 3080 ที่มาในรูปร่างหน้าตาเหมือน External Harddisk ให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกม หรือใช้งานโปรแกรมที่ต้องการความสามารถของการ์ดจอได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดอาการคอขวดจากการที่ CPU แรงไม่พ่อ เนื่องจาก Flow X13 มาพร้อมกับ CPU ที่แรงระดับต้นๆ ของโลกแล้ว ส่งผลให้การใช้งาน Flow X13 ร่วมกับ Asus XG Mobile 2021 ได้ทำให้มันกลายเป็นโน๊ตบุ๊คระดับ High End ที่สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบอย่างแท้จริงฟีเจอร์สำคัญของ Flow X13จุดเด่นแรกของเจ้าเครื่องรุ่นนี้เห็นจะเป็นการที่สามารถพับหน้าจอได้แบบ 360 องศา คือสามารถพับจนหน้าจอขนานกับตัวเครื่องส่วนคีย์บอร์ดได้เลย บวกกับหน้าจอที่สามารถ Touchscreen ได้ มันจึงทำให้เจ้าเครื่องนี้สามารถเป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊ค และ Tablet ซึ่งมีประโยชน์มากในบางโอกาสเช่นเล่นเกมการ์ดออนไลน์อย่าง Hearthstone, Magic The Gathering หรือเกมอะไรก็ตามที่ใช้การเล่นแบบ Touch Screen ได้ แต่ความพิเศษของเจ้า Flow X13 ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะ Asus ได้แถมปากกาสำหรับหน้าจอมาให้ด้วยด้วยปากกาสำหรับหน้าจอ Touch Screen กับการพับหน้าจอให้อยู่ในลักษณะไหนก็ได้ จึงทำให้ Flow X13 เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบวาดรูป หรือทำงานศิลปะด้วยเช่นกัน ส่งผลให้นอกจากเป็นเครื่องที่เหมาะจะเอาไว้เล่นเกมแล้ว Flow X13 ยังเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการในด่านอื่นๆ ด้วยเช่นกันที่นี่หลายคนอาจกังวลว่า "เครื่องเล่นเกมแบบนี้จะมีแบตที่ใช้งานได้นานรึเปล่า?" เนื่องจากปกติการเอาโน๊ตบุ๊ค ออกไปทำงานนอกบ้าน โดยเฉพาะงานศิลปะจะเป็นเรื่องยุ่งยาก และน่ารำคาญมากหากต้องพกสายชาร์จไปไหนมาไหนด้วย ในส่วนนี้ Asus ก็ได้คิดเพื่อมาให้แล้วเช่นกัน Flow X13 เพราะเจ้าแบตของเครื่องรุ่นนี้สามารถ เล่นวิดีโอได้นานถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นการเอาไปใช้งานนอกสถานที่ก็หมดกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวันได้เลย อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเครื่องรุ่นนี้เมื่อใช้งานร่วมกับ Asus XG Mobile 2021 แล้วจะกลายเป็นเครื่องเล่นเกมระดับ High End เลย พอเอาไปรวมกับการที่สามารถปรับหน้าจอได้อย่างอิสระ จึงทำให้ Flow X13 สามารถใช้เป็นหน้าจอที่สอง สำหรับคนที่ต่อจอมอนิเตอร์แยก เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานด้านอื่นๆ ได้ เช่นใช้สำหรับอ่านข้อความคนดูระหว่างสตรีมมิง, ใช้เป็นหน้าจอสำหรับเล่น Social Media หรือใช้เป็นฐานเมาส์ปากกาสำหรับการทำงานก็ได้เช่นกันBenchmark สำหรับผลการ Benchmark ในรอบนี้ต้องยอมรับเลยว่าน่าเสียดายจริงๆ ที่ผมไม่สามารถหา Asus XG Mobile 2021 มาต่อเพื่อแสดงผลแบบเต็มประสิทธิภาพจริงๆ ได้ ดังนั้นผลที่เพื่อนๆ กำลังจะได้ดูต่อไปนี้คือผลที่ทดสอบด้วยการ์ดจอ GTX 1650 แต่การมาพร้อมกับ AMD Ryzen™ 9 5980HS จะช่วยดัน FPS ของเครื่องได้มากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมากอยู่เหมือนกัน โดย 3 เกมที่ผมจะเอาผลมาโชว์ในวันนี้คือ Assassin's Creed Valhalla, Days Gone และ Shadow of Tomb Raider ผลลัพธ์ที่ได้เป็นไงไปดูกันShadow of Tomb Raider เรียกได้ว่าไม่แย่เลยสำหรับเกมนี้ที่ต่อให้ตั้งค่าเป็นแบบ High ก็ยังสามารถทำ FPS เฉลี่ยได้อยู่ 47 มีร่วงลงไปถึง 37 บ้าง แต่โดยปกติก็จะอยู่ที่แถวๆ 47 - 64 ถือได้ว่าทดแทนการทำงานในส่วนของ GPU ได้ดีจริงๆ กับ  AMD Ryzen™ 9 5980HDays Goneอดีตเกม Exclusive ของ PS4 ที่เพิ่งจะลงให้กับ PC ไปเมื่อไม่นานนี้เอง เจ้า Flow X13 ก็สามารถเล่นได้ด้วย FPS เฉลี่ยที่ประมาณ 43 FPS โดยจะแกว่งอยู่ที่ประมาณ 39 - 57 FPS เลยทีเดียวตลอดระยะเวลาที่เล่น อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่เกมนี้ไม่ได้มี Benchmark มาให้ด้วย ไม่อย่างนั้นเราคงได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากกว่านี้ครับ Assassin's Creed Valhallaสำหรับเกมนี้เหมือนว่าแรมของการ์ดจอเพียงแค่ 4 GB จะน้อยเกินไปหน่อย และ GTX 1650 ก็ดูจะไม่สามารถเล่นเกมที่จำเป็นต้องใช้พลังของ GPU สูงๆ อย่างเกมนี้ได้หากไม่ต่อการ์ดจอแยก โดย FPS เฉลี่ยที่ทำได้อยู่ที่ 22 FPS เท่านั้นลงไปต่ำสุดที่ 17 FPS และสูงสุดที่ 25 FPS ดังนั้นสำหรับเกมเจนใหม่อื่นๆ คิดว่าลำพังแค่เจ้า Flow X13 น่าจะเอาไม่อยู่ แต่หากต่อ Asus XG Mobile 2021 คิดว่าปรับสุดทุกอย่าง + 4K ก็ยังไหวครับเรื่องของราคาสำหรับราคาของเจ้า Flow X13 ต้องยอมรับว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่าถูกเลย สำหรับสเปคขั้นต่ำสุดที่ได้ CPU เป็น AMD Ryzen™ 9 5900HS และ Ram 16 GB จะเริ่มต้นที่ 49,990 บาท ส่วนรุ่นที่มีการ์ดจอเพิ่มขึ้นมาเป็น 3050Ti จะมีราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ส่วนตัวท็อปที่มาพร้อมกับ CPU ตัวแรง กับ Ram 32 GB พร้อมกับการ์ดจอแยกจะมีราคาสูงถึง 109,900 บาทเลยทีเดียว (ข้อมูลเพิ่มเติมลิงก์นี้)ก็คงต้องยอมรับกันตรงนี้ว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อเจ้า Asus Flow X13 ไปใช้งาน แต่ถ้าหากเพื่อนๆ มีทุน และกำลังมองหาเครื่องพกพาที่สามารถทำงานได้ เล่นเกมดี เป็น Tablet ก็สามารถ คิดว่าในโลกนี้ตอนนี้คงไม่มีเครื่องไหนจะเหมาะสมไปกว่าเจ้า Flow X13 อีกแล้ว ลองพิจารณากันดูครับ ว่าเราอยากได้เจ้าเครื่องนี้มากขนาดไหน รวมถึงปกติเราเป็นคนเล่นเกมอะไร เชื่อว่าจะทำให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ไม่ยากว่าซื้อ หรือไม่ซื้อครับ
07 Jun 2021
AMD ประกาศเตรียมปล่อย FSR วันที่ 22 มิถุนายน โดยจะทำงานแบบเดียวกับ DLSS
ในขณะที่ทาง Nvidia ได้สร้างกระแสด้วยเทคโนโลยี DLSS มาแล้วระยะหนึ่ง ตอนนี้ AMD ก็ได้ประกาศคู่แข่งของ DLSS ออกมาแล้วในชื่อ FidelityFX Super Resolution (FSR) คือ เทคโนโลยีใหม่ที่จะเพิ่ม FPS และคุณภาพของกราฟิกสำหรับเกมที่รองรับ FSR จะมีพรีเซ็ตให้ 4 ตัวที่มีระดับต่างกันให้กับผู้เล่น โดยแต่ละตัวจะเพิ่มความละเอียดและเพิ่ม FPS แตกต่างกันAMD ได้ยืนยันแล้วว่า FSR จะเป็นโอเพ่นซอร์สซอฟต์แวร์ และมันยังสามารถรองรับ Radeon RX ได้ทั้งหมด และยังไม่จำกัดกับ GPU รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย โดยจะสามารถใช้ได้บนการ์ดจอของคู่แข่งด้วยตั้งแต่รุ่น Nvidia’s 10 Series ขึ้นไป และทาง AMD ยังยืนยันด้วยว่ารองรับทั้ง DirectX 12, Vulkan และ DirectX 11 อีกด้วยFidelityFX Super Resolution จะปล่อยให้ใช้งานในวันที่ 22 มิถุนายน โดยสามารถดูการประกาศของ AMD เรื่อง FSR ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/eHPmkJzwOFc' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : https://gamingbolt.com/amd-fidelityfx-super-resolution-is-launching-on-june-22
02 Jun 2021
Gigabyte และ MSI เผยโฉมกล่องการ์ดจอ RTX 3070 TI แล้ว NVIDIA เผยสเปค RTX 3080 TI อย่างละเอียดเช่นกัน
ประกาศไลฟ์สตรีมที่คาดว่าจะเป็นการเปิดตัว 3070 Ti กับ 3080 Ti แล้วตามข่าวลือ แต่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 วันนี้ทาง Gigabyte กับ MSI ก็ได้ทำการเผยโฉมกล่อง รวมถึงหน้าตาของการ์ด 3070 Ti และ 3080 Ti แล้ว สำหรับโมเดลที่ Gigabyte คือรุ่นสีข่าวอย่าง Vision ส่วน MSI ได้เผยกล่องของรุ่น Ventus และ SuprimX ของ RTX 3070 TI ทั้งหมดไม่ได้มีหน้าตาต่างจากรุ่นอื่นๆ ที่เคยเปิดตัวมาแล้ว แต่จะต่างกันในเรื่องของสเปคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ 3080 Ti ที่มาพร้อมกับหัวประมวลผลถึง 10240 CUDAs น้อยกว่า 3090 เพียงแค่ 256 CUDAs เท่านั้น(ขอบคุณภาพจาก VideoCardz)สำหรับการกินไฟของ 3080 TI ก็เทียบเท่ากับ 3090 เลยคือ 350W ตัวการ์ดจะมี Base Clock กับ Boost Clock (เอาง่ายๆ ก็ความแรง) น้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ที่ต่างกันเลยคือเรื่องของหน่วยความจำที่ให้มา 12 GB ส่งผลให้การ์ดใบนี้น่าจะเล่นเกมแบบ 8K เช่นเดียวกัน 3090 ไม่ได้ แต่สำหรับ 4K แบบปรับสุดทุกอย่างคิดว่าเอาอยู่แบบสบายๆ เลยครับCredit : https://videocardz.com/newz/nvidia-geforce-rtx-3080-ti-final-specifications-confirmed
28 May 2021
NVIDIA ประกาศไลฟ์สตรีมวันจันทร์หน้า คาดเปิดตัว 3070 Ti กับ 3080 Ti ตามข่าวลือ
หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับรุ่น Ti สำหรับ RTX 3070 กับ RTX 3080 มาหลายวัน ในที่สุด NVIDIA ก็ได้ประกาศเตรียมปล่อยไลฟ์สตรีมในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 ตามข่าวลืออย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ คาดเปิดตัวพร้อมเผยราคา กับวันวางจำหน่ายด้วยพร้อมๆ กันสำหรับ RTX 3080 Ti จากข้อมูลก่อนหน้านี้จะมีหัวประมวลผลที่แรงเกือบเท่ากับ 3090 เลย แต่มาพร้อมกับ RAM เพียงแค่ 12 GB ส่วน 3070 Ti จะแรงมากกว่า 3070 ธรรมดาเล็กน้อย แต่ยังคงให้ Ram มา 8 GB เท่าเดิม สำหรับวันวางจำหน่ายตามข่าวลือคือ 4 มิถุนายน กับ 10 มิถุนายน ตามลำดับข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นความจริงมากน้อยขนาดไหนเชื่อว่า 31 พฤษภาคม 2021 นี้ได้รู้พร้อมกันอย่างแน่นอน สำหรับประสิทธิภาพโดยละเอียด สามารถดูได้ผ่านลิงก์นี้Get Ready. ? pic.twitter.com/VuDCcKXrry— NVIDIA GeForce (@NVIDIAGeForce) May 26, 2021 Credit : https://videocardz.com/newz/nvidia-teases-geforce-rtx-3080ti-3070ti-announcement
27 May 2021
Razer ประเทศจีน เปิดรับสั่งประกอบ PC ด้วยการ์ดจอ RTX 30 Series เครื่องจะมาในสีเขียว ราคาเริ่มต้นประมาณ 65,000 บาท
ถือเป็นเรื่องน่าสนใจโดยเฉพาะช่วงที่การ์ดจอ ขาดตลาดแบบนี้หากจะสามารถเป็นเจ้าของ PC ที่มาพร้อมกับ RTX 30 Series ได้ แถมยังมาในธีมสีเขียว ตกแต่งภายในด้วยโลโก้ของ Razer อีกด้วย โดยการ์ดจอของรุ่นราคาถูกที่สุดก็ยังเป็น RTX 3070 TI ครับสำหรับราคาที่ต่างกันนั้นนอกจากการ์ดจอแล้วยังเป็นในส่วนของ CPU ที่มีให้เลือกตั้งแต่ Ryzen 5 5600X ไปจนถึง Ryzen 9 5900X โดยราคาก็จะสูงขึ้นตามสเปคที่แรงมากขึ้น สามารถดูสเปคทั้งหมดที่จัดได้ รวมถึงราคาได้ข้างล่างนี้Ryzen 9 5900X, B550, RTX 3080 Ti: 22,999 RMB (3,575 USD)Ryzen 9 5900X, X570, RTX 3080 Ti: 24,999 RMB (3,885 US)Ryzen 9 5900X, X570, RTX 3090: 39,999 RMB (6,217 USD) Ryzen 5 5600X, B550, RTX 3070 Ti: 13,499 RMB (2,098 USD) Ryzen 7 5800X, B550, RTX 3070 Ti,  14,999 RMB (2,331 USD)สำหรับราคาที่ได้นี้ถือว่าไม่แพงเลย หากเทียบกับราคาการ์ดจอในตลาดปัจจุบัน (RTX 3070 ก็ประมาณ 45,000 - 50,000 บาทแล้ว) เรียกได้ว่าน่าสนใจมากๆ เลย หวังว่า Razer บ้านเราจะมีอะไรแบบนี้บ้างครับCredit : https://videocardz.com/newz/razer-now-officially-taking-preorders-for-geforce-rtx-3080ti-and-rtx-3070ti-prebuilt-systems
25 May 2021
LEADTEK และ PALIT ยืนยันมีการ์ดจอรุ่น RTX 3080 Ti RAM 12 GB จริง
มีข่าวลือมาได้สักพักแล้ว สำหรับการ์ดจอ 3080 TI ที่มาพร้อมกับ RAM 12 GB วันนี้สองบริษัทผลิตการ์ดจอชื่อดัง LEADTEK กับ PALIT ได้ยืนยันแล้วว่าการ์ดจอรุ่นดังกล่าวมีอยู่จริง ซึ่งอาจเปิดตัวในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 นี้ และวางขายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนหน้าจากข้อมูลก่อนหน้านี้ 3080 TI จะแรงเกือบๆ เท่ากับ 3090 เลย เพียงแต่มาใน RAM ที่น้อยกว่า ส่วนราคาคงอยู่ระหว่าง 3080 กับ 3090 แต่ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเท่าไหร่ (ยิ่งการ์ดจอขาดตลาดแบบตอนนี้ยิ่งคาดเดาได้ยาก) อีกหนึ่งคำถามสำคัญคือรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป LHR ที่ป้องกันการเอาไปขุดเหมืองรึเปล่า เนื่องจากหากไม่มีชิป LHR การหาซื้ออาจจะเป็นไปได้ยากครับVIdeocardZ ได้เผยว่า Nvidia วางแผนจะเปิดตัว RTX 3080 TI กับ RTX 3070 Ti ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2021 นี้ สำหรับรีวิวการ์ดทั้งสองรุ่นจะลงให้ได้ในวันที่ 2 มิถุนายน กับ 8 มิถุนายน ตามลำดับ หมายความว่าผลทดสอบจริงๆ จะออกในวันเดียวกันด้วย ใครสนใจก็รอดูได้เลยครับCredit : https://videocardz.com/newz/leadtek-and-palit-confirm-geforce-rtx-3080-ti-with-12gb-gddr6x-memory
21 May 2021
Gigabyte เปิดตัว RTX 3060 รุ่น Lite Hash Rate editions
ข่าวดีคือเรากำลังจะสามารถซื้อ RTX 3060 มาใช้กันได้แล้ว เมื่อล่าสุด Gigabyte เปิดตัว RTX 3060 รุ่น Lite Hash Rate editions ที่จำกัดกำลังในการขุด Cryptocurrency แล้ว 5 รุ่น AORUS Master, Vision OC, Gaming OC, และ Eagle OC/non-OC ส่วนข่าวร้ายคือ เราอาจยังไม่สามารถหาซื้อได้ในช่วงแรกเนื่องจากตอนนี้การ์ดจอเป็นที่ต้องการของตลาดมากจริงๆ ทำให้อาจจะหาซื้อยากเสียหน่อยในช่วงแรก โดยความสามารถในการทำงานของรุ่นนี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่า 3060 ปกติเลย นอกจากการจำกัดกำลังขุด Cryptocurrencyสำหรับ RTX 30 Series อื่นๆ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีการออก รุ่น LTH ให้กับ 3070 / 3080 / 3090 ด้วยหรือไม่ และไม่รู้ด้วยว่าแบรนด์อื่นๆ อย่าง MSI, Asus จะมีการออกรุ่น LTH มาให้ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวผมเชื่อว่า มีแน่นอนครับCredit : https://videocardz.com/newz/gigabyte-refreshes-its-geforce-rtx-3060-lineup-with-lite-hash-rate-editions
18 May 2021
ปกป้อง (PokPong) แอปป้องกันภัยทางไซเบอร์ การันตรีความสามารถ จากบริษัทเบอร์หนึ่งระดับโลก
ถือว่าเป็น Application ที่น่าสนใจมากๆ สำหรับ “ปกป้อง” (PokPong) แอป Mobile Security ที่จะมาช่วยเฝ้าระวัง และ ”ป้องกันภัยทางไซเบอร์” โดยแอปตัวนี้เป็นการจับมือกันระหว่างบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด และทาง Lookout บริษัทเบอร์หนึ่งผู้นำด้าน Mobile Security ที่ได้รับความเชื่อใจไปทั่วโลก แม้กระทั่งบริษัทดังอย่าง Google ก็ยังเคยใช้บริการ ซึ่งทางบริษัทสามารถได้นำเอาเทคโนโลยีของทาง Lookout มาทำให้เหมาะกับคนไทย และยังคงประสิทธิภาพ ในการปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บน Smartphone ต่อเหล่า Hacker ผ่านระบบ Lookout Security Cloud ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดด้วยจุดเด่นของแอป  “ปกป้อง” (PokPong) ตัวแอปมีระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด ทำให้สามารถป้องกันมัลร์แวร์ได้เร็วกว่า และครอบคลุมกว่าเป็น Mobile Application ที่ให้ประโยชน์ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนมือถือจาก Hackerปกป้อง” เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านป้องกันไวรัสบนมือถือโดยเฉพาะมีผู้พัฒนา Application ที่ได้มาตรฐานระดับโลกและผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือมีเมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย เหมาะกับคนไทยเหมาะกับใครคนที่มีพฤติกรรมใช้ธุรกรรมทางการเงินบนมือถือ (Mobile Banking)คนที่มีพฤติกรรมซื้อของออนไลน์ ขายของออนไลน์คนที่เล่นเกมและเติมเงินในเกมออนไลน์คนที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คกลุ่มลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือคนดังผู้ที่มีชื่อเสียง โดยแอปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานโซเชียลทั่วไป หรือผู้ที่มีพฤติกรรมในการทำธรุกรรมต่างๆ บนมือถือ ซื้อของ ขายของออนไลน์ เติมเกม หรือเจ้าของธุรกิจและคนดัง ซึ่งเดี๋ยวนี้ภัยอันตรายจากเหล่าแฮกเกอร์นั้นก็รุนแรงมากขึ้นทุกวัน พวกเราได้เห็นเหล่าเพจคนดังต่างๆ นั้นโดนแฮ็ค Account กันเป็นว่าเล่น หรือจะเป็นคนธรรมดาที่มีแอปธนาคารอยู่ในมือถือ ถ้าเกิดเผลอโดนเหล่าแฮกเกอร์เจาะมือถือ เงินของท่านก็สามารถสูญได้เช่นกัน หรือสำหรับเหล่าเกมเมอร์อย่างเราที่เล่นเกมมือถือ บางทีมันก็ชอบมีการส่งลิงก์แปลกๆ ซึ่งถ้าหากเราเผลอกดไป เหล่าคนไม่ประสงค์ดีก็อาจจะสามารถขโมยไอดีเราไปได้ ซึ่งการมีแอป “ปกป้อง” ก็ถือเป็นตัวกรองชั้นดีให้เราใช้งานโซเชียลมิเดีย เล่นเกม หรือทำธุรกรรมออนไลน์ ได้อุ่นใจมากขึ้น แถมยังการันตรีโดยบริษัทอย่าง Lookout เบอร์หนึ่งของวงการนี้อีกด้วยและที่สำคัญคือแอป “ปกป้อง”  (PokPong)  ยังมีค่าบริการรายเดือนที่ค่อนข้างสบายกระเป๋ามากๆ เพียงแค่ 59 บาทต่อเดือน หรือถ้าซื้อเป็นรายปีจาก 708 บาท ลดเหลือ 599 บาทเท่านั้น รวมถึงยังมีการทดลองใช้งานฟรี 30 วันด้วย !! สามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการทั้ง iOS (Version 10.0 ขึ้นไป) และ Android (Version 7.0 ขึ้นไป)สามารถโหลดแอป “ปกป้อง” (PokPong) ได้ที่ - https://app.adjust.com/kbfn35r
26 Apr 2021
Gigabyte ส่งรายชื่อ RTX 3080 Ti กว่า 12 รุ่นให้กับ EEC แล้ว คาดเตรียมวางขายอย่างเป็นทางการ พฤษภาคม
หลังจากมีข่าวออกมาว่า Nvidia เลื่อนวันขาย RTX 3080 TI ออกไปเป็นเดือน พฤษภาคม แทน เหล่า PC เกมเมอร์ก็ดูจะกระหายข้อมูลใหม่ๆ ของการ์ดรุ่นนี้กันพอสมควร ซึ่งล่าสุดทาง Gigabyte ได้ส่งรายชื่อการ์ดทั้ง 12 รุ่นที่เป็น รหัส RTX 3080 Ti ให้กับ Eurasian Economic Commission (EEC) แล้ว คาดว่าจะไม่เลื่อนวันวางจำหน่ายออกไปอีกการ์ด RTX 3080 Ti จะมาพร้อมกับสเปค NVIDIA CUDA Core 10240 ที่แรงเกือบเทียบเท่ากับ RTX 3090 ในแง่ของความสามารถประมวลผล แต่ตัวการ์ดมาด้วย RAM ที่น้อยกว่าถึง 8 GB ทำให้การเอาไปเล่นแบบ 8K น่าจะเป็นไปได้ยากสำหรับรุ่นนี้ ส่วนเรื่องของราคายังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทาง Nvidia แต่คิดว่าน่าจะเปิดตัวที่ 35,000 โดนประมาณครับอย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ราคาการ์ดจอบ้านเราในตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถหาซื้อการ์ดรุ่นนี้ได้รึเปล่าช่วงเดือนแรกที่วางจำหน่าย ต้องไปรอลุ้นพร้อมกันอีกทีครับCredit : https://videocardz.com/newz/gigabyte-submits-twelve-geforce-rtx-3080-ti-12gb-graphics-cards-to-eec
30 Mar 2021
RTX 3070 ถูก Modder อัพเกรด RAM เป็น 16 GB แล้วใช้งานได้!
วางจำหน่ายกันออกมาหลายรุ่นแล้วสำหรับการ์ดจอ RTX 30 Series จากทาง Nvidia (โดยปัจจุบันขาดตลาดจนหาซื้อไม่ได้ไปแล้ว) ซึ่งหลังจากที่ได้ดูใส่ในของการ์ดบางรุ่นแล้ว อาจสังเกตได้ว่า RAM ที่ใส่มาด้วยยังไม่ถือว่า Maximum บ้างก็เหลือไว้ 2 ช่อง บ้างก็เหลือไว้ 1 ช่อง ทำให้หลายคนคิดว่า "จะต้องมีการออกรุ่น Ti มาให้ด้วยอย่างแน่นอน" ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วโดยการเปิดตัวรุ่น 3080 Ti ที่มี RAM 12 GB น่าเสียดายที่สำหรับ RTX 3070 อาจไม่ใช่แบบนั้นเนื่องจากตัวการ์ดส่วนใหญ่มีการใส่ RAM มาแบบ Maximum แล้ว ดังนั้นคิดว่าคงไม่มีการออกการ์ด RTX 3070 Ti ในอนาคต ซึ่งเอาจริงๆ RAM 8 GB ของการ์ดรุ่นนี้ถือว่าน้อยไปเมื่อเทียบกับความสามารถของหัวประมวลผล Modder สุดโหดคนหนึ่งจึงได้ทำการอัพเกรด RAM ของการ์ดใบนี้ด้วยตัวเอง!!!! โดยการอัพเกรด RAM ของเขาไม่ใช้การใส่เพิ่มเข้าไป แต่เป็นการเอาตัว RAM ตัวเก่าบนการ์ดออก แล้วใส่ตั่วที่มีความจุช่องละ 2 GB เข้าไปแทนที่ (ปกติ RAM การ์ดจอ 1 ช่องจะเท่ากับ 1 GB) ที่สำคัญคือหลังทำเสร็จแล้ว การ์ดดังกล่าวสามารถทำงานได้เป็นปกติ แถมยังรัน Benchmark ได้ด้วย!! Credit: https://www.pcgamer.com/modder-gives-rtx-3070-a-16gb-upgrade-before-nvidia-has-the-chance/
10 Mar 2021
ทำความรู้จัก ไวรัสเรียกค่าไถ่ ที่คนมีคอมทุกคนควรระวัง
คอมพิวเตอร์ PC กับไวรัสนี่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันได้เลยนะคะ จะเอาไดร์ฟไปเสียบเครื่องอื่นทีก็ระทึกทีว่าจะโดนไหม แม้แต่เครื่องเราเอง Anti-Virus ยังใช้งานได้ไหม? ป้องกันได้ดีอยู่หรือเปล่า? ก็เป็นเรื่องที่เหล่าเจ้าของ PC ต้องกังวลกันรายวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ ยังมีไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่น่ากลัวแบบกัดไม่เจ็บแต่ทำได้แสบมาก นั่นคือ "ไวรัสเรียกค่าไถ่" หรือ "Ransomware" ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนก็เพิ่งโดนต้อนรับปีใหม่ไปหมาดๆ ว่าแต่... เจ้าไวรัสประเภทนี้ทำงานต่างกับไวรัสประเภทอื่นอย่างไร? ไปโดนมาจากไหน? มีวิธีแก้ไขหรือป้องกันอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังเอง!! =========================== Ransomware คืออะไร? * อ้างอิงข้อมูลจาก: สำนักบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย * Ransomware คือมัลแวร์ (Malware) ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่จะทำการล็อคไฟล์ ทั้งไฟล์รูป, เอกสาร, วีดีโอ ฯลฯ ทำให้เราไม่สามารถเปิดใช้งานไฟล์เหล่านั้นได้จนกว่าจะทำการปลอดล็อครหัสเพื่อกู้ข้อมูลคืนมา ซึ่งวิธีการปลดล็อคก็คือการจ่ายเงินให้กับเจ้าของไวรัสนี้ตามข้อความ "ค่าไถ่" ที่ปรากฏขึ้นบนคอมพิวเตอร์ของเรานั่นเอง อย่างตอนที่เราโดน ก็มีข้อความเป็นไฟล์ notepad เขียนเย้ยมาประมาณว่า... "ตกใจล่ะสิที่เปิดไฟล์ไม่ได้ ไม่เป็นไรเราแก้ไขให้คุณได้ จ่ายตังมาสิ! โดยคุณสามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาได้ที่ [อีเมล์] นี้ หรือถ้าไม่เชื่อก็ลองส่งไฟล์ที่โดนล็อคของคุณเข้ามาแล้วเราจะปลดล็อคให้ดูก่อนก็ได้นะ" ตอนอ่านเจอนี่คือแบบถอนหายใจพร้อมบ่นออกมาเป็นเหล่าสรรพสัตว์เลยล่ะ ที่ตลกคือ... พอเราลองใส่ DATA ตัวใหม่เข้าไปในคอม (เช่น ดาวน์โหลดรูปจากกูเกิ้ลมาลงเครื่อง) แล้วรีสตาร์ทไฟล์นั้นก็โดนตามล็อคไปด้วย สรุปคือทั้งเครื่องทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าอินเตอร์เน็ต แต่โชคดีที่เครื่องเพิ่งไปทำการอัปเกรดและลง window มาใหม่ และที่ร้านซ่อมยัง backup ข้อมูลในเครื่องของเราทั้งหมดไว้อยู่ รอดตัวไป~ ก็เอาเครื่องไปล้างและลงโปรแกรมใหม่อีกรอบได้แบบไม่เสียดายอะไร มีโปรแกรมไหนบ้างที่เป็น Ransomware ถ้าตัวที่ชื่อกระฉ่อนโลกเมื่อปี 2017 เลยก็คือ "WannaCry" ที่ได้แพร่กระจายไปหลายเครื่องเพื่อทำการเรียกค่าไถ่จำนวน 300 ดอลล่าร์จากเหยื่อ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นระดับองค์กรทั้งนั้นด้วย WannaCry ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ก็โดนกันไปประมาณ 400,000 เครื่องใน 150 ประเทศทั่วโลก โดย WannaCry จะทำงานโดยอาศัยช่องโหว่ของ Window XP และ Vista แถมยังแฝงไปกับอีเมล์หรือข้อมูลเอกสารได้ด้วย จึงทำให้มันแพร่อย่างรวดเร็ว SamSam ตัวนี้ก็เห็นว่าร้าย Ransomware ตัวนี้ได้มุ่งโจมตีไปที่ Computer Network ของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศอื่นทั่วโลก เรียกได้ว่าเน้นกลุ่มที่กระเป๋าตังหนักโดยเฉพาะ จนกวาดเงินไปได้กว่า 180 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเจ้าตัวนี้นอกจากปิดกั้นการเข้าถึงไฟล์แล้ว ยังปิดกั้นการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ ด้วย ทำให้แม้จะ backup ไว้ก็เรียกคืนไม่ได้และต้องจำใจจ่ายอย่างปฏิเสธไม่ได้ และตัวที่ฝั่งผู้เขียนโดนก็คือ Garbage Cleaner ชื่อเหมือนโปรแกรมสแกนไวรัสเลย แต่ไม่ใช่! มันนั่นแหละคือไวรัส!! ซึ่งในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาก็มีผู้ใช้หลายคนทั่วโลกโดนเหมือนกัน (สำรวจมาจาก Reddit) ส่วนไปโดนมาได้อย่างไรจะขอเล่าในหัวข้อถัดไปนะ นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมี Ransomware ในโลกอีกหลายตัวเลยที่ไม่รู้จักหรือแทบไม่มีข้อมูลเลย เพราะฉะนั้นเราควรทำความรู้จักกับรูปแบบโปรแกรมและวิธีป้องกันไว้ดีกว่า =========================== Ransomware นั้นมาจากหนใด ช่องทางการแพร่กระจายของ Ransomware นั้นมีหลายช่อทาง ดังเช่น... แฝงมาใน Email - โดยจะมาในลักษณะของไฟล์แนบ โดยอีเมลที่ส่งมาจะถูกทำให้ดูน่าเชื่อถือ ด้วยหัวข้อ สำนวนการเขียน ไปจนถึงชื่อผู้ส่งที่เหมือนมาจากองค์กรใหญ่ และไฟล์แนบก็จะไม่แสดง .exe ให้เราเห็นด้วย จึงทำให้ผู้รับตายใจได้ง่ายๆ เลย โฆษณา - พวกแบนเนอร์โฆษณาที่ดูน่าสนใจ คลิ๊กเข้าไปก็อาจโดนไม่รู้ตัวนะ เชื่อมโยงเข้าเว็บไซต์ - เคยไหมคะ เวลาเล่นเว็บอยู่ดีๆ ชอบมีหน้าต่างใหม่เด้งขึ้นมา ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่ามีแนวโน้มเป็นมัลแวร์ แต่ในบรรดาลิงก์ที่ถูกโยงเหล่านั้นก็มีพวก Ransomware ปนอยู่ด้วยเช่นกัน ซ่อนมาในไฟล์ดาวน์โหลด - อันนี้เราโดนเอง สำหรับใครที่ชอบมองหาโปรแกรมฟรี เช่น โปรแกรมแต่งรูป โปรแกรมบันทึกหน้าจอ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ฯลฯ ไปจนถึงโปแกรม crack สำหรับลงโปรแกรมเถื่อนด้วย ก็จะได้ไวรัสเรียกค่าไถ่มาเป็นของแถมด้วย ยิ่งตัวไหนคนฮิตใช้ก็เดาได้เลยว่ามีลดแลกแจกแถมมาด้วยแน่นอน คอนเฟิร์มโดยคนเขียนจ้า T^T =========================== แล้วจะป้องกัน Ransomware ได้อย่างไร แน่นอนว่าเราจะไม่แนะนำแบบ... ใช้ Anti-Virus สิ เพราะมันไม่ได้ผลหรอกจ้า Ransomware นับเป็นมัลแวร์ที่ฉลาดนะ มีสกิลเจาะเกราะด้วย เพราะตอนที่ทางเราโดนนั้น ก็โดนในขณะที่ Window Defender ของ Window 10 ถูกเปิดอยู่ คือวินโดว์มันก็แจ้งนะว่ามีไฟล์แปลกๆ เรากดบล็อคแล้ว สุดท้ายมันก็ทะลุเข้ามาได้และรีสตาร์ทเครื่องเองโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็โดนล็อคไฟล์ไปตามระเบียบ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ หมั่นจัดการข้อมูลและ backup ไฟล์สำคัญสำรองไว้ข้างนอกเครื่องเสมอ (เช่น external harddisk) ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่อง Ransomware ได้แล้ว ยังช่วยป้องกันเหตุไม่คาดฝันอื่นๆ อย่าง ฮาร์ดดิสก์เสีย วินโดว์พัง ไปจนถึงคอมระเบิด ก็ยังเรียกงานสำคัญคืนมาได้ ที่สำคัญคือ ควรตรวจสอบไฟล์ที่จะมาลงเครื่องทุกครั้งว่ามีความผิดแปลกหรือไม่ ถ้าไม่น่าไว้ใจก็อย่าเสี่ยงดีกว่า และอย่าลืมติดตามข่าวสารในวงการ IT และ Software อย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อจะได้ทราบความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นนั่นเองจ้า =========================== ข้อมูลอ้างอิง Ransomware คืออะไร? โดย IT Chulalongkon University ย้อนรอยเหตุ Ransomware สะเทือนโลก โดย Bangkokbiznews Ransomware - Wikipedia รู้จักกับ Ransomware ตัวใหม่ที่ร้ายกว่าเดิมในชื่อ SamSam โดย monsterconnect
24 Feb 2021
Acer Predator Triton 500 (2020) โน๊ตบุคขั้นเทพขนาดกระทัดรัด ที่เล่น Cyberpunk 2077 ลื่นๆ
ถ้าให้เปรียบเทียบ Notebook Gaming สมัยก่อนนั้น ถึงแม้ว่ามันจะถือว่าเป็นเครื่องเล่นเกมสุดแรง แต่มันก็แลกมากับการที่ตัวเครื่องนั้นจะมีความหนักมาก การที่เรานั้นจะต้องแบกคอมพิวเตอร์ขนาด 4-5 กิโลกรัม ซึ่งมันไม่ค่อยน่าพิศสมัยต่อหลังเรามากๆ และดูเหมือนว่ามันจะผิดหลักจุดประสงค์ของคำว่า Notebook ไปอีกด้วย แต่ในสมัยนี้ปี 2020 มีเหล่าผู้พัฒนาหลายเจ้าได้วิวัฒนาการ Notebook ของตัวเองให้มีขนาดที่กระทัดรัดมากขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานที่จะต้องแบกไปไหนมาไหน หรือจะเอามาเล่นเกมก็แรงไม่แพ้เครื่อง PC ปกติ ซึ่งหนึ่งในเครื่องนั้นที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ก็คือ Notebook อย่าง Acer Predator Triton 500 (2020) ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องน้ำหนักที่เบามากๆ เพียงแค่ 2.2 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งคือว่าเซอร์ไพรส์ต่อผู้เขียนสุดๆ เพราะไม่คิดว่า Notebook Gaming จะน้ำหนักเบาขนาดนี้ พร้อมกับความหนาของเครื่องเพียง 17.9 mm ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เบา หรือบางไปกว่า Notebook ทั่วไป แต่ลองคิดสิว่าภายในเครื่องนี้มีการยัดการ์ดจอระดับเทพอย่าง NVIDIA GeForce RTX 2080 SUPER เข้าไปด้วย ภายในรูปร่างที่บางเบาขนาดนี้ แถมหน้าจอยังรองรับ Refresh Rate มากถึง 300Hz เลยทีเดียว  ถ้าให้เปรียบเทียบ Acer Predator Triton 500 (2020) ก็เหมือนกับสาวเซ็กซี่ที่เต็มไปด้วยความแซ่บ ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ !! เลยทีเดียว สเปกเครื่องทั้งหมด Processor - Gen Intel® Core™ i7 10875H 2.30 GHz ( บูสได้ถึง 5.10 GHz ) Graphic Card - NVIDIA GeForce RTX 2080 SUPER Display Size - 15.60 นิ้ว Resolution - 1920 x 1080 Refresh Rate - 300Hz Ram - 32 GB Harddisk - 1 TB M.2 SSD (PCIe/NVMe) Wi-Fi - 6 นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับโปรแกรมที่ชื่อว่า PredatorSense ที่จะมีลูกเล่นให้เราใช้เยอะมากๆ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในโปรแกรมนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะการปรับสีไฟของคีย์บอร์ด การปรับรอบความเร็วของพัดลม หรือจะเป็นการปรับ Overclock ให้เครื่องแรงขึ้นก็ได้ และเนื่องจากที่ Acer Predator Triton 500 (2020)  เป็น Notebook ที่ทำมาเพื่อเล่นเกม การที่ไม่พูดเรื่องเกมก็อาจจะกระไรอยู่ ซึ่งจากที่ผู้เขียนนั้นได้เข้าไปลองสัมผัสการเล่นเกมในเครื่องนี้อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์กับเกมที่หลายๆ คนบอกว่ามันกินสเปกมากอย่าง Cyberpunk 2077 มารับชมกันครับว่ามันจะเป็นอย่างไร ตัวผมนั้นได้รับเครื่องนี้จากทางผู้จัดจำหน่ายมาในช่วงที่เกม Cyberpunk 2077 ออกมาพอดีครับ ซึ่งผมก็ได้ใช้เจ้าตัว Acer Predator Triton 500 (2020) เล่นเกมนี้ตั้งแต่วันแรกแบบไม่ได้เล่นเกมนี้บนเครื่องอื่นแต่อย่างใดเลย และเนื่องจากความสนุกของตัวเกม มันทำให้ตัวผมนั้นไม่ได้ติดตาม Feedback จากเหล่าผู้เล่นเกมนี้บนเครื่องอื่นๆ เลยว่าตัวเกมมาพร้อมกับ Bug โหลดเกมที่แย่มหาศาล เพราะว่าจากที่ผมได้ลองเล่นเกมนี้บนเครื่อง Acer Predator Triton 500 (2020) ตัวผมแทบไม่เจอปัญหาเรื่อง Bug กราฟิกแต่อย่างใดเลย ตัวเกมมีความลื่นไหลเป็นอย่างมาก โอเคว่ามันอาจจะมี Bug ประปรายที่เป็นสาเหตุมาจากตัวเกมเอง แต่ในเรื่องของความลื่นไหลนี่ตัวเครื่องนี้สามารถรันประสิทธิภาพได้อย่างดีงาม [caption id="attachment_75328" align="aligncenter" width="1920"] ภาพนี้อัดจาก Acer Predator Triton 500 (2020)[/caption] อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตัวเครื่องนี้ใช้การ์ดจออย่าง RTX 2080 Super ซึ่งมันสามารถรองรับ Ray Tracing ได้อยู่แล้ว ซึ่งกราฟิกที่ผมใช้เล่นเกมนี้นั้นผมปรับประสิทธิภาพอยู่ที่ Ray Tracing Medium ซึ่งความละเอียดต่างๆ ในด้านการลบรอยหลัก เงา หรือ Texure นั้นอยู่ที่ระดับสูงสุดทั้งหมด (เพียงแค่ว่ารายละเอียดของ Ray Tracing ไม่ได้ปรับสุด เพราะส่วนตัวอยากให้เกมนั้นสามารถรันได้ถึง 60FPS นั่นเอง) และความละเอียดที่เล่นอยู่ที่ 1920*1080p ซึ่งพอได้ปรับกราฟิกแล้วตัวเกมจะรันอยู่ที่ 60FPS (อาจจะมีตกลงไป 50 บ้างนิดหน่อยในบางฉาก) แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมนั้นตกลงไปแต่อย่างใด และประเด็นสำคัญอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าปัญหาเรื่อง Bug ของเกมแทบไม่มี ปัญหาฉาก และตัวละครดินน้ำมันก็ไม่เคยเจอเลย อาจจะเป็นเพราะ SSD ของเครื่องนี้ [caption id="attachment_75329" align="aligncenter" width="1920"] ภาพนี้อัดจาก Acer Predator Triton 500 (2020)[/caption] แต่ถามว่าเปิดเกมกราฟิกขนาดนี้ ความร้อนบนเครื่อง Notebook นั้นมีไหม ? ซึ่งส่วนตัวก็ต้องยอมรับตามตรงว่ามันก็มีครับเพียงแต่ว่าตัวเครื่องนี้มีปุ่มที่ชื่อว่า Turbo ที่จะเพิ่มรอบพัดลมในการหมุนมากขึ้น ทำให้จากคอมที่ร้อนๆ ให้มันอุ่นขึ้นมาหน่อย ซึ่งถ้าเปิดให้ห้องแอร์มันก็จะช่วยให้เย็นขึ้นอีก (แต่ก็ยังไม่ได้ทำให้หายร้อนเป็นปลิดทิ้ง แค่พออุ่นๆ แต่แค่นี้ก็ดีงามแล้ว) ส่วนถ้าให้ถามถึงจุดติเดียวที่จะพูดได้ก็คือความละเอียดหน้าจอที่จะรองรับได้เพียงแค่ 1920*1080p เท่านั้น ซึ่งการต่อจอเข้า TV ใหญ่ๆ อาจจะไม่ใช่จุดเด่นของตัว Acer Predator Triton 500 (2020) เสียเท่าไหร่ เพราะผู้เขียนเคยลองจะเอาไปต่อในจอใหญ่ 4K และเล่นโดยใช้จอเอา แต่สิ่งที่พบคือตัวโน๊ตบุคเครื่องนี้รัน 4K ไม่ได้และการต่อจอใหญ่ๆ เล่นเกมมันจะทำให้ภาพเกิดการดีเลย์เล็กน้อย เลยอาจจะทำให้รู้สึกไม่สนุกเสียเท่าไร สรุป สรุปเลยว่า Acer Predator Triton 500 (2020) เป็นโน๊ตบุคที่ครบจบทั้งจะเอาไปทำงานหรือจะเอาไปเล่นเกม เพราะความที่มันมีขนาดที่เบาน้ำหนักเพียงแค่ 2.2 กิโลกรัม เท่านั้นพกไปไหนมาไหนสบายมากๆ รวมถึงดีไซน์ของมันเองที่ดูโฉบเฉี่ยวหรูหราทันสมัย ส่วนเรื่องสเปกคอมเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอะไร เพราะมันสามารถเล่นเกมทุกเกมบนโลกแบบปรับสุดได้อย่างสบายๆ มากในตอนนี้ และมันจะยังสามารถปรับสุดแบบนี้ได้อีก 4-5 ปีเลยทีเดียว
21 Dec 2020
เปิดตัว HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่พาคุณก้าวกระโดดไปข้างหน้าสู่โลกอนาคต
กรุงเทพมหานคร, 3 ธันวาคม 2563  - หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์สูงสุดแห่งปี HUAWEI Mate 40 Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ กับคอนเซ็ปต์ “Leap Further Ahead” การก้าวกระโดดไปข้างหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของวงการสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากหัวเว่ย ประเดิมเปิดตัวด้วยรุ่นโปร HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่มาพร้อมชิปเซ็ตทรงประสิทธิภาพ Kirin 9000 ครั้งแรกของโลกที่ใช้ชิปเซ็ต 5G SoC ขนาด 5 นาโนเมตร เร็ว แรง เต็มประสิทธิภาพ รองรับสัญญาณ 5G ครบถ้วนทุกย่านความถี่ ทุกผู้ให้บริการ และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว ด้วยโซลูชันระบบกล้อง Leica ที่ทำงานผสานกับเทคโนโลยี AI สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้เทียบชั้นภาพยนตร์ โดย HUAWEI Mate 40 Pro 5G วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 34,990 บาท พร้อมโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 - 31 ธันวาคม 2563 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่า 7,970 บาท พร้อมบริการหลังการขายสุดพิเศษอีกมากมาย มร.เกวิน เฉิง ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวว่า “หากย้อนมองวิวัฒนาการของ HUAWEI Mate Series หรือตระกูลสมาร์ทโฟนเรือธงสูงสุดของหัวเว่ยจะเห็นได้ว่า หัวเว่ยมุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เราเป็นผู้นำทั้งในด้านความอึดของแบตเตอรี่ เทคโนโลยีชาร์จไว และหน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูง อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่ผสานการประมวลผล AI เข้ากับ NPU และเรายังเป็นแบรนด์แรกที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ 5G SoC ในโมเดล HUAWEI Mate 30 Series เส้นทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมใน HUAWEI Mate Series ของเราจะยังคงไม่หยุดเพียงเท่านี้ วันนี้ HUAWEI Mate 40 Series จะพาเราก้าวกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง ด้วยการแนะนำ Mate ที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งจะกลายมาเป็นหมุดหมายใหม่ให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้ยกระดับประสบการณ์ขึ้นไปอีกขั้น กับ HUAWEI Mate 40 Pro 5G ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยและวางจำหน่ายในวันนี้” “ในฐานะบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี หัวเว่ยมุ่งมั่นและทุ่มเทด้านการวิจัยและพัฒนาเสมอมา ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเราลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาไปกว่า 6 แสนล้านหยวน (ราว 2.7 ล้านล้านบาท) และด้วยการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาระบบและอีโคซิสเต็ม ทำให้ล่าสุดในปี 2020 นี้หัวเว่ยมีผู้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ย (HMS smartphone) แล้วมากกว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ในลำดับถัดไป เราจะมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ ‘ชีวิตเอไอไร้รอยต่อ’ (Seamless AI Life) หรือ โซลูชันส์เทคโนโลยีเอไอในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของหัวเว่ย ที่จะช่วยแก้ปัญหาการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ในปัจจุบัน พร้อมยกระดับและอำนวยความสะดวกให้แก่ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในอนาคต” มร. เกวิน เฉิง กล่าวเสริม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมด้วยชิปเซ็ต Kirin 9000 นิยามใหม่ของการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพ ขุมพลัง Kirin 9000 ที่มากับ HUAWEI Mate 40 Pro 5G นับเป็นชิปเซ็ตที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ Mate Series อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่ชิปเซ็ตแบบ 5G SoC มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 1.53 หมื่นล้านตัว ทำให้การประมวลผลยิ่งเร็ว แรง และทรงประสิทธิภาพ ได้รับการออกแบบโครงสร้าง CPU ให้ทรงพลังและประหยัดพลังงานถึง 3 ระดับ ประมวลผลแบบ 8 แกน ด้วยแกนหลักที่มีความเร็วสูงสุด 3.13 กิกะเฮิร์ตซ์ และ 24-Core Mali-G78 GPU ซึ่งเป็น GPU ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีไวซ์ของหัวเว่ย สามารถรองรับการประมวลผลขั้นสูงและการใช้งานแบบ multi-tasking ที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด สอดรับกับมาตรฐาน “ชีวิตไอเอไร้รอยต่อ” (Seamless AI Life) ที่หัวเว่ยมุ่งเน้น เพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับอย่างแท้จริงให้กับผู้ใช้  ระบบกล้องจาก Leica จัดเต็มนวัตกรรม AI Camera 3 ตัว กล้องหลักของ HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นกล้องเลนส์กว้างพิเศษที่ถ่ายภาพแบบซีเนมาติก หรือให้มุมกล้องเสมือนภาพยนตร์ ที่มีชื่อเรียกว่า Ultra Vision Cine Camera มาพร้อมความละเอียดจัดเต็ม 50 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้คุณภาพสูง ให้คุณไม่พลาดการบันทึกทุกช่วงเวลาพิเศษ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องเลนส์กว้าง Super Sensing Wide Camera และกล้องซูม Periscope Telephoto Camera ที่ซูมแบบออปติคัลได้ที่ 5x และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 50x ส่วนกล้องด้านหน้าเป็น Ultra Vision Selfie Camera ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง 3D Depth Sensing Camera สามารถถ่ายวิดีโอได้ในความละเอียดสูงระดับ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที (fps) นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมด Super Steady Shot ถ่ายวิดีโอได้ไม่สั่นแม้เคลื่อนไหว รองรับการถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยเพิ่มโหมด Story Creator ที่จะทำให้ทุกการถ่ายวิดีโอหรือ Vlog เป็นเรื่องง่ายและสนุกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่าตอบโจทย์ยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถเป็น Creator ถ่าย Vlog ได้อย่างมือโปรด้วยตนเอง ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์กับการวางกล้องแบบวงแหวน Space Ring Design และรับสายด้วย Smart Gesture Control อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เน้นย้ำอัตลักษณ์ของ HUAWEI Mate Series ที่โดดเด่นเรื่องดีไซน์ คือการออกแบบวงแหวน Space Ring Design ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยได้แรงบันดาลใจจากการอยู่ท่ามกลางจักรวาลและดวงดาว ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังตอบโจทย์ในแง่ของฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว ด้วยการวางกล้องบนวงแหวนที่สมมาตร ส่วนหน้าจอ HUAWEI Horizon Display โค้ง 88 องศา ทำให้รับชมภาพได้เต็มตาสมจริง ขอบจอโค้งมนหยิบจับใช้งานถนัดมือ กันน้ำและฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68  นอกจากนี้ HUAWEI Mate 40 Pro 5G ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น 3D Face Unlock หรือการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าแบบสามมิติ หรือฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Smart Gesture Control ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องสัมผัส เพียงวางมือไว้เหนือสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องแตะก็สามารถเปิดหน้าจอหรือเลื่อนซ้าย-ขวา บน-ล่าง ได้ทันที และยังสามารถรับสายด้วยการใช้มือทำท่าแตะได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Eyes on Display นวัตกรรมที่เข้ามาแทนการเปิดหน้าจอแบบ Always On โดยฟีเจอร์นี้จะตรวจจับได้อัตโนมัติเมื่อสายตาเรามองไปที่หน้าจอ และหน้าจอก็จะติดขึ้นมา พร้อมให้เราใช้งานได้ทันที ระบบการชาร์จที่เร็วที่สุดแห่งยุคด้วย HUAWEI SuperChargeTM 66 วัตต์ เพื่อรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ที่ทั้งแรง เร็ว และทรงประสิทธิภาพ HUAWEI Mate 40 Pro 5G จึงมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,400 mAh และที่สุดของนวัตกรรมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperChargeTM รองรับกำลังไฟฟ้าที่สูงสุด 66 วัตต์ เมื่อชาร์จแบบใช้ร่วมกับสายและอะแดปเตอร์ SuperCharge ของหัวเว่ย และรองรับการชาร์จไร้สาย Wireless HUAWEI SuperChargeTM ที่ 50 วัตต์ ซึ่งเมื่อประกอบกับชิปเซ็ต Kirin 9000 5G SoC แล้วจะทำให้ HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องยาวนานไม่มีสะดุด อัปเดตล่าสุดกับ EMUI 11 มั่นใจกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบน Huawei Mobile Service  ซอฟต์แวร์ EMUI 11 ซึ่งได้รับการอัปเดตใหม่ล่าสุดจากหัวเว่ยได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากมนุษย์ปัจจัย (Human Factors) หรือหลักการยศาสตร์ ผสานความลงตัวระหว่างสุนทรียศาสตร์และความสะดวกในการใช้งาน มาพร้อมฟีเจอร์ Multi-Window แสดงผลหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน โดยให้แต่ละแอปพลิเคชันลอยอยู่บนหน้าจอได้อย่างอิสระ รวมถึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Multi-screen Collaboration เมื่อเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของหัวเว่ยเพื่อให้จอสมาร์ทโฟนไปแสดงผลบนจอแล็ปท็อป และสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านจอแล็ปท็อปได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการทำงานแบบ Multi-tasking มีระบบ Trusted Execution Environment ซึ่งได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัยสูงในระดับ CC EAL5+ ถือว่าเป็นระดับสูงสุด ผู้ใช้สามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนบนไฟล์ เช่น สถานที่ เวลาและรายละเอียดของเครื่อง ก่อนที่จะส่งให้ผู้อื่นได้  HUAWEI Mate 40 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนในระบบ Huawei Mobile Services (HMS) ที่มาพร้อมกับ HUAWEI AppGallery สำหรับดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันซึ่งการันตีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ด้วยกลไกตรวจสอบและป้องกันความปลอดภัยถึง 4 ขั้นตอน รวมถึงบริการ Petal Search เครื่องมือค้นหาที่จะช่วยเปิดประตูสู่แอปพลิเคชันมากมาย ซึ่งมาพร้อมระบบที่ช่วยคัดกรองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ในตัว ปัจจุบัน HUAWEI AppGallery มีผู้ใช้บริการกว่า 700 ล้านรายทั่วโลก รวมถึงมีแอปพลิเคชันพร้อมให้ใช้งานครอบคลุมถึง 18 ประเภท โดยปัจจุบันแอปพลิเคชันยอดฮิตของไทยกว่า 95% ได้รับการบรรจุไว้ใน HUAWEI AppGallery แล้ว ไม่ว่าจะเป็น LINE, TikTok, Foodpanda, Shopee, Lazada, JD Central, เป๋าตัง, แอปพลิเคชันของธนาคารชั้นนำ เกมยอดนิยม และอื่นๆ อีกมากมาย  HUAWEI Mate 40 Pro 5G วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีให้เลือก 2 สีคือ Black และ Mystic Silver มาพร้อมหน่วยความจำ ROM 256 GB + RAM 8 GB ในราคา 34,990 บาท  พิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อระหว่างวันที่ 3 - 31 ธันวาคม 2563 ผ่านทางหน้าร้าน HUAWEI Experience Store ทุกสาขา และเว็บไซต์ HUAWEI Online Store โฉมใหม่ รวมถึงร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รับฟรีทันทีของสมนาคุณมูลค่ารวม 7,970 บาท ประกอบด้วย ปากกา HUAWEI M-Pen 2, เคสไฟวงแหวน HUAWEI Ring Light Case และแท่นชาร์จเร็วไร้สาย HUAWEI SuperChargeTM Wireless Charger Stand พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากหัวเว่ยมูลค่า 1,619 บาท อันได้แก่ บริการซ่อมบำรุงถึงบ้าน (Door to Door service), บริการบำรุงรักษาเครื่อง 2 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี, HUAWEI CLOUD STORAGE 5GB ตลอดชีพ + 50GB ให้ใช้ภายในระยะเวลา 1 ปี รวมถึงฟรีค่าใช้บริการ HUAWEI VDO 1 เดือน และเช่าหนังฟรี 5 เรื่องใน HUAWEI Movie Pass โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEIMobileTH , ยูทูป HUAWEIMobileTH, เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ และ official account ในไลน์ HUAWEI Mobile Thailand รวมถึงสามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/shop/product/huawei-mate-40-pro/ 
07 Dec 2020
Lenovo ส่งท้ายปีเก่าด้วยแคมเปญ 12.12 GREAT SALE นำทัพแล็ปท็อปรุ่นดังลดสูงสุด 12%
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 4 ธันวาคม 2563 – เลอโนโว บริษัทผู้นำด้านคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทดีไวซ์ระดับโลก ผุดแคมเปญ 12.12 GREAT SALE ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ขนแล็ปท็อปรุ่นดัง อย่าง IdeaPad, Legion, ThinkBook และ ThinkPad มาลดราคาคืนกำไรให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน เกมเมอร์ ผู้ประกอบธุรกิจ หรือองค์กรทั่วประเทศ โดยแคมเปญจะมี ตั้งแต่วันที่ 7 – 16 ธันวาคม 2563 รายละเอียดแคมเปญ ลดออนท็อปสูงสุด 12% ทันที! กับโค้ด LNV12 ตลอด 10 วันของแคมเปญ พิเศษ! วันที่ 12 เดือน 12 มีสินค้าลดพิเศษ 50% ถึง 7 รุ่น ที่เว็บไซต์ https://lnv.gy/3mvl9Bi ThinkPad X1 Carbon Gen 8 (20U9S00R00) ThinkBook 13s (20R900E7TA) ThinkBook Plus (20TG004HTA) ThinkBook Plus (20TG004GTA) ThinkPad T15 (Intel) (20S6S00N00) ThinkBook Plus (20TG005DTA)  ThinkCentre M75n (11BSS01U00) ThinkCentre M720 SFF (10SUSF6400) แล็ปท็อปทุกรุ่นสามารถปรับแต่งสเปคได้ตามความต้องการก่อนกดสั่งซื้อ เช่น ต้องการตัวเลือกหน้าจอสูงสุด หรือต้องการตัวจัดเก็บข้อมูลที่จุได้มากขึ้น สามารถใช้สิทธิ์ ช้อปดีมีคืนได้ : เมื่อช้อปผลิตภัณฑ์จุใจแล้ว ได้ทั้งแล็ปท็อปใหม่ ทั้งเงินภาษีคืน 2 ต่อแบบนี้ ไม่ควรพลาด! สามารถผ่อน 0% ได้สูงสุดถึง 10 เดือน! กับธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบัตรกรุงไทย เลอโนโวยังคงส่งมอบเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอันชาญฉลาดให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่นำโดยบริการ การขับเคลื่อนสังคมทั่วโลกให้เข้าถึงโอกาสที่ดีกว่า และการเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน ไฮไลท์แล็ปท็อปที่ร่วมโปรโมชั่น ThinkPad X1 Carbon Gen 8 แล็ปท็อปพรีเมียมบางเบาเพื่องานธุรกิจ มาพร้อมโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยในตัวอย่าง ชุดโปรแกรม ThinkShield อัพเดทใหม่ล่าสุด หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานและเก็บข้อมูล ระบบลำโพง Dolby Atmos ช่วยสร้างประสบการณ์เสียงอันเยี่ยมยอด และการรับรองว่าผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานระดับ military grade 12 ขั้นตอน รวมถึงการทดสอบคุณภาพระดับสูงถึง 200 รูปแบบ โปรเซสเซอร์: 10th Gen Intel® Core™ i5 กราฟิก: Integrated Intel® UHD Graphics 620 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: 1TB SSD จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด 4K in-plane switching พร้อม Dolby Vision HDR400, ความสว่าง 500 nits, 10 bit แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 18 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   ThinkPad X1 Carbon Gen 7 แล็ปท็อประดับโปรสำหรับการทำงานทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมฝาหลังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ความบางเพียง 14.9 มม. ระบบสแกนลายนิ้วมือไบโอเมตริกซ์ ให้การเข้าใช้งานเครื่องเป็นเรื่องง่าย ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ของ ThinkShield ชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย และตัวเลือกการ์ด LTE-A คู่กับเทคโนโลยี WWAN ออนไลน์ได้เหมือนใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โปรเซสเซอร์: ตัวเลือกสูงสุด 10th Gen Intel® Core™ i7 กราฟิก: Integrated Intel® UHD Graphics 620 หน่วยความจำ: ตัวเลือกสูงสุด 16GB LPDDR3 ตัวจัดเก็บข้อมูล: ตัวเลือกสูงสุด 2TB SSD PCIe จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด 4K in-plane switching พร้อม Dolby Vision HDR400, ความสว่าง 500 nits, 10 bit แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 18 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   ThinkBook ขนาด 15 นิ้ว แล็ปท็อปประสิทธิภาพระดับองค์กร แต่ราคาระดับ mid-range มาพร้อมบานพับโลหะผสมที่ใช้เทคโนโลยี Powdere-Metal ทนทานต่อการเปิด-ปิดกว่า 25,000 รอบ ขอบจอสุดบาง จอมีสัดส่วนพื้นที่การมองมากถึง 83% เมื่อเทียบกับขนาด และพอร์ต USB 3.1 ช่วยให้ผู้ใช้ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ตลอดเวลา แม้เครื่องปิดอยู่ และการรับรองว่าผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานระดับทหาร 12 ขั้นตอน รวมถึงการทดสอบคุณภาพระดับสูงถึง 200 รูปแบบ โปรเซสเซอร์: 10th Gen Intel® Core™ i5 กราฟิก: Intel UHD หรือตัวเลือกกราฟิกแยก AMD Radeon™ 620 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: ตัวเลือกสูงสุด 2TB แบบ HDD หรือ 1TB แบบ M.2 PCIe SSD หรือตัวเลือก Intel® Optane™ Memory H10 + 512GB SSD จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 10 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   IdeaPad L340 Gaming แล็ปท็อปเร็วแรงคู่กายสายเกม มาพร้อมคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่มีไฟพื้นหลังสีฟ้าเสริมบรรยากาศ ระบบเสียง Dolby Audio™ พลังที่แท้จริงของเทคโนโลยีเสียงขั้นสูง การเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi 5 ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมแบบพกพา และซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจเช็กสเปคตัวเครื่องได้สะดวกขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ติดตั้งไว้ได้ด้วย โปรเซสเซอร์: 9th Gen Intel® Core™ i7 กราฟิก: ตัวเลือกสูงสุด NVIDIA® GeForce® GTX 1650 หน่วยความจำ: ตัวเลือกสูงสุด 24GB DDR4 ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 256GB SSD + 1TB จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching กันแสงสะท้อน แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 9 ชั่วโมง มีระบบ Rapid Charge ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   Legion 5 (AMD) แล็ปท็อปขั้นเทพเพื่อเกมเมอร์ตัวจริง มาพร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ และระบายความร้อน Lenovo Legion Coldfront 2.0 ควบคุมอุณหภูมิเครื่องได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี Q Control 3.0 ผู้ใช้สามารถเลือกปรับโหมดได้ด้วยตนเอง ระหว่าง Quiet, Balance และ Performance รีเฟรชเรทที่ 144Hz เล่นเกมได้ลื่นไหลต่อเนื่อง และระบบลำโพง 2W Harman Kardon คู่กับ Dolby Atmos โปรเซสเซอร์: ตัวเลือกสูงสุดโปรเซสเซอร์โมบายล์ AMD Ryzen™ 7 4800H กราฟิก: ตัวเลือกสูงสุด AMD Radeon™ 620 สูงสุด NVIDIA® GeForce® RTX™ 2060 หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB SSD จอ: 15.6 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 300 nits 100% sRGB Dolby Vision แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 8 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: Windows 10 Home   ThinkPad T14s แล็ปท็อปทรงพลังพกพาสะดวกสำหรับการทำงาน มาพร้อมฟีเจอร์ที่ทันสมัยอย่าง Modern Standby เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ภายในหนึ่งวินาที และ Wake On Voice รับฟังคำสั่งของผู้ใช้ได้จากทุกมุมห้อง เมื่อเปิดฝาจอเครื่องไว้ เพิ่มความคล่องตัวให้งานทุกประเภท โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยครบวงจร ThinkShield การ์ด LTE-A WWAN อุปกรณ์เสริมช่วยให้ผู้ใช้งานออนไลน์ได้ทุกที่ และ AMD Memory Guard เข้ารหัสหน่วยความจำเพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น โปรเซสเซอร์: AMD Ryzen™ 5 Pro กราฟิก: AMD Radeon™ Vega หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB จอ: 14 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 500 nits PrivacyGuard Touchscreen แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 16 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro   ThinkPad X13 (AMD) แล็ปท็อปที่ตอบโจทย์การใช้งานระดับธุรกิจ มาพร้อม ThinkShutter สำหรับปิดเว็บแคม และหน้าจอ PrivacyGuard with PrivacyAlert ป้องกันไม่ให้คนแอบดูหน้าจอจากข้างหลังผู้ใช้ ทั้งสองเป็นฟีเจอร์ของ ThinkShield ชุดโปรแกรมรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม การเชื่อมต่อไร้สาย WiFi 6 เพื่อการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไม่ติดขัด และฟังก์ชันใหม่บนปุ่ม F9-F11 ให้ผู้ใช้โทรออก รับสาย หรือวางสายโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย โปรเซสเซอร์: AMD Ryzen™ 5 Pro กราฟิก: AMD Radeon™ Vega หน่วยความจำ: 8GB ตัวจัดเก็บข้อมูล: HDD 512GB SSD จอ: 13.3 นิ้ว ตัวเลือกสูงสุด FHD in-plane switching ความสว่าง 500 nits PrivacyGuard แบตเตอรี่: ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 13 ชั่วโมง ระบบปฏิบัติการ: ตัวเลือกสูงสุด Windows 10 Pro
07 Dec 2020
สมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Galaxy A42 5G” จากซัมซุง เร็วแรงพร้อมลุยทุกการใช้งาน ในราคาหมื่นต้น
ใครว่าเงินหมื่นต้นจะซื้อมือถือสเปคเทพไม่ได้แต่ซัมซุงไม่คิดแบบนั้นเพราะด้วยสเปคและประสิทธิภาพความเร็วแรงที่เหนือราคา ทำให้ Galaxy A42 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในเวลานี้กับราคาค่าตัวเพียง 11,990 บาท เพราะนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อบนสัญญาน 5G คุณภาพแล้ว ซัมซุงยังจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon 750G ที่มีการประมวลผลเร็วแรงแบบ Octa-core และให้ RAM มาสูงถึง 8GB ช่วยเพิ่มสมรรถนะการใช้งานอย่างเต็มพิกัด ตอบโจทย์ทั้งสายเกมเมอร์และสายคอนเทนต์อย่างลงตัว หมดปัญหาเรื่องเครื่องช้า เล่นเกมแล้วกระตุก หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ไม่ทันใจ ที่สำคัญ Galaxy A42 5G ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A ไว้ด้วยฟีเจอร์หลักคุณภาพคับแก้ว จอ-กล้อง-แบต ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอใหญ่คมชัดแบบ Super AMOLED กล้องสวยเลนส์ครบ พร้อมแบตเตอรี่ทรงพลังถึง 5,000 mAh มาดูกันว่า ประสิทธิภาพเหนือราคาของ Galaxy A42 5G เครื่องนี้จะตอบโจทย์และโดนใจสายสปีดขนาดไหน นอกจากนี้ ลูกค้า Galaxy A42 5G ยังได้รับเอกสิทธิ์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้งาน YouTube Premium ฟรี 2 เดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์จาก Galaxy Gift พร้อมบริการช่วยเหลือพิเศษระดับ Galaxy Butler Blue จองคิว เข้ารับบริการที่ศูนย์ล่วงหน้าได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Members พร้อมบริการเครื่องสำรองระหว่างรอการซ่อม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/butler/ สัมผัสประสบการณ์ความเร็วแรงของ Galaxy A42 5G (กาแลคซี่ เอ 42 5G) สมาร์ทโฟนสายพันธุ์สปีด แรงทุกสเปค ได้แล้ววันนี้ ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Store และผู้ให้บริการเครือข่าย มาพร้อมตัวเลือก 3 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ Prism Dot Black, Prism Dot White และ Prism Dot Gray ในราคาเพียง 11,990 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของซัมซุง Galaxy A42 5G ได้ที่ https://bit.ly/3kxWquf
02 Dec 2020
สอนวิธีเลือกซื้อ PC มือ 2 อีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้ได้คอมแพงในราคาถูกๆ
ในปัจจุบันวงการเกมได้เข้าสู่ช่วงเจเนอเรชันใหม่แล้ว ส่งผลให้ภาพ / กราฟิก ของเกมที่กำลังจะออกหลังจากนี้ จะมีความสวยงามมากขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันหมายความว่าถ้าหากจะเล่นเกมเหล่านี้บนเครื่อง PC แล้วปรับทุกอย่างแบบเต็มแม็ก เกมเมอร์หลายคนน่าจะต้องอัพเกรดเครื่อง PC ของตัวเองเล็กน้อยเช่นกัน ยิ่งในช่วงที่เพิ่งจะมีการ์ดจอตัวใหม่ออกมาทั้งจากค่าย เขียว และ แดง แบบนี้ยิ่งนับเป็นโอกาสดีที่จะอัพเกรดเครื่องมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามคิดว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะจ่ายเงินหลายหมื่นในตอนนี้ ในจุดนี้ผมคิดว่าตลาด Hardware มือสอง จะสามารถตอบโจทย์ของคุณได้ครับ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ จริงๆ แล้วการซื้ออุปกรณ์ Hardware บางชิ้นในตลาดมือสองจะช่วยประหยัดราคาได้เยอะมาก ซึ่งสินค้ามือสองที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ในที่นี้ หมายถึงตัวที่ยังมีประกันเหลืออยู่ด้วยนะครับ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการซื้อของในตลาดมือสองเองก็มีความเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการเลือกซื้อสินค้า Hardware มือสองกันครับ ทำไมตลาดมือสองถึงน่าสนใจในตอนนี้ ? ก่อนจะเริ่มพูดถึงสิ่งที่ควรซื้อ ข้อดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่าสิ่งที่ทุกคนควรรู้เป็นอย่างแรกคือ "ทำไมถึงต้องซื้อของในตลาดมือ 2" ก่อนอื่นผมขอยืนยันว่า "สินค้ามือหนึ่งจะดีกว่า มือสองอย่างแน่นอน" หากแต่ข้อดีของการซื้อสินค้ามือสองคือการที่เรา "ราคาที่ถูกกว่า" ดังนั้นถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ แล้ว ตลาด Hardware มือสองคือ "อีกหนึ่งทางเลือก" ในการประกอบ หรืออัพเกรดคอม สำหรับคนที่มีงบ "จำกัด" ครับ ในช่วงที่วงการเกมกำลังเข้าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่แบบนี้หมายความว่า ภาพ / กราฟิก ของเกมจะสวยมากขึ้น และต้องการ Hardware ที่ทรงพลังมากขึ้น ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงเริ่มอัพเกรด PC กันในช่วงนี้ ส่งผลให้สินค้าในตลาดมีราคาสูงขึ้นมาก เพราะเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ และทำให้การประกอบคอมดีๆ ในงบที่จำกัดทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย ในจุดนี้การซื้อ Hardware บางตัวเป็นของมือสองหรือทั้งเครื่องเลย เป็นหนึ่งในทางออกที่ดีเวลาแบบนี้ครับ นอกจากนี้สินค้าที่หาไม่ได้ในตลาดมือหนึ่งตอนนี้ บางครั้งอาจโผล่มาในตลาดมือสองได้เช่นกัน ยกตัวอย่างการ์ดจอ RTX ซีรีส์ 30 หรือ CPU กับ RAM บางตัว ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆ กำลังจะอัพเกรด PC ช่วงนี้แล้วละก็ การเข้าไปเช็คตลาดมือสองอาจทำให้ได้สินค้าหายากมาก็เป็นได้ครับ [caption id="attachment_71853" align="aligncenter" width="568"] เครดิตรูปภาพจากกลุ่ม "ตลาดนัด คอมฯไทย ระดับโลก - Devas Market Place Thai Society"  [/caption] สินค้า Hardware ตัวไหนบ้างที่เหมาะมากๆ ถ้าจะซื้อแบบมือสอง ? แม้ว่าจริงๆ แล้ว Hardware ทุกชนิดจะสามารถนำมาใช้มือสองได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะมี Hardware อยู่บางชิ้นที่เหมาะจะซื้อมือ 2 มากกว่าชิ้นอื่นๆ ครับ เนื่องจาก Hardware บางชนิด มักมาพร้อมกับประกันที่ยาวนานหลายปี (บางชิ้นอาจนานถึงหลัก 10 ปีเลย) ดังนั้นผมคิดว่าก่อนที่จะไปเลือกซื้อกัน ควรรู้ก่อนว่าสินค้าตัวไหนบ้างที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ที่สุดครับ Power Supply การ์ดจอ RTX ซีรีส์ 30 ใช้กำลังไฟค่อนข้างเยอะ ดังนั้นสำหรับใครที่ใช้ Power Supply ที่น้อยกว่า 750W อยู่อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ตัวรุ่นที่จ่ายไฟได้เยอะขึ้น ซึ่งเจ้าตัวจ่ายไฟในปัจจุบันจะมีหลายเกรดด้วยกันแบ่งเป็น Bronze, Silver, Gold, Platinum และ Titanium โดยส่วนใหญ่ตัวที่เป็น Gold ขึ้นไปมักจะรับประกัน 10 ปี เป็นอย่างน้อยใน ดังนั้นต่อให้เราซื้อ Power Supply มือ 2 แล้ว มันก็ยังมักจะเหลือประกันอีกหลายปีนั้นเองครับ สรุปง่ายๆ ว่า เราสามารถได้ Power Supply ดีๆ ในราคาไม่แพง แล้วยังประกันเหลือนั้นเอง มันจึงทำให้เจ้าตัวจ่ายไฟนี้ เป็นหนึ่งใน Hardware ที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ครับ RAM ในปัจจุบัน Ram จากแบรนด์ชั้นนําส่วนใหญ่ มักจะมีประกันแบบ Life Time ซึ่งมันหมายความว่าถ้าหากทางผู้ผลิตยังคงผลิต Ram ตัวดังกล่าวอยู่ เราก็ยังสามารถนำมันไปเคลมได้เรื่อยๆ ถ้าพัง ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ Ram เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เหมาะจะซื้อมือสองเป็นอย่างมาก ป.ล ถ้าหากว่าเพื่อนๆ ต้องการจะซื้อ Ram มาใส่เครื่องเพิ่ม อย่าลืมดูด้วยว่าปัจจุบันที่เราใช้อยู่คือรุ่นไหนนะครับ เพราะ Ram ใน PC เครื่องเดียวกันควรจะเป็นรุ่น และยี่ห้อเดียวกันเสมอครับ GPU (การ์ดจอ) ขอออกตัวก่อนเลยว่า การ์ดจอ ไม่ใช้สินค้าที่มีการรับประกันยาวนานเหมือนกับ 2 ตัวแรก แต่ที่ผมแนะนำว่า การ์ดจอเป็นหนึ่งในสิ้นค่าที่เหมาะจะซื้อมือ 2 ด้วย เป็นเพราะการ์ดจอที่หาได้ในตลาดมือสองมักมีราคาที่ถูกกว่ามือ 1 มากพอสมควร และส่วนใหญ่จะเหลือประกันมากกว่า 1 ปีครับ ถ้าโชคดีหน่อยอาจได้สินค้ารุ่นใหม่ๆ อย่าง 3070 หรือ 3080 ในราคาที่ถูกกว่า 2,000 - 3,000 เลย รุ่นเก่าลงมาหน่อยอย่าง 2080 Ti, 2080 Super หรือ 2070 Super ก็มักจะพบได้ในตลาดเช่นกัน ดังนั้นผมจึงให้การ์ดจอเป็นหนึ่งในสินค้าที่เหมาะจะซื้อมือสองด้วยครับ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะกลัวว่าตัวเองจะไปซื้อการ์ดจอที่ถูกเอาไปใช้ขุดเหมืองมา ซึ่งผมขอยืนยันว่าต่อให้การ์ดจอถูกเอาไปใช้ขุดเหมืองมาจริงๆ แต่ถ้าประกันของการ์ดยังเหลือ มันจะยังสามารถเอามาใช้เล่นเกมหนักๆ ได้สบายครับ ต่อให้มันพังขึ้นมาจริงๆ เราก็ยังสามารถส่งไปเคลมได้อยู่ดี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลมากจนเกินไปเลยครับ วิธีป้องกันตัวเองจากการโดนโกงในตลาดมืสอง ได้ชื่อว่าเป็นการซื้อขายของมือสองแล้ว เรื่องของการโกงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของคู่กันเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าเพื่อนๆ ควรรู้วิธีป้องกันตัวเองจากการโกงไว้บ้างครับ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วการป้องกันโดนโกงไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิดครับ โดยผมจะแบ่งเป็นข้อๆ ให้ทุกคนสามารถอ่านได้ง่ายข้างล่างนี้ครับ ไปรับของด้วยตัวเอง จริงๆ นี้น่าจะถือเป็นวิธีที่ง่าย และปลอดภัยมากที่สุดครับ ในเมื่อกลัวว่าจะไม่ได้รับของหลังจากโอนเงินไปแล้ว เราก็แค่ไปรับสินค้าด้วยตัวเองเลย การทำแบบนี้จะทำให้เราได้เห็นสภาพของสินค้าก่อนด้วย ซึ่งถ้าเกิดรู้สึกว่าหน้าตาสินค้าจริงไม่ได้สภาพดีเหมือนในรูป หรือพบตำหนิเราก็สามารถเลือกที่จะไม่จ่ายเงินได้ แถมยังสามารถขอให้เจ้าของเทสสินค้าตัวที่เราไปรับให้ดูก่อนได้ด้วย โดยมันจะทำให้เรามั่นใจว่า สินค้าที่เรากำลังซื้อนี้สามารถใช้งานได้จริงๆ ครับ จ่ายเงินผ่านคนกลาง ( ง่ายสุดคือ Shoppee ) แน่นอนว่ามันคงไม่ใช้ทุกครั้งที่เราจะไปรับสินค้าด้วยตัวเองได้ ซึ่งในกรณีที่ต้องให้เขาส่งสินค้าให้เราจริง (เช่นคนขายอยู่ต่างจังหวัด หรืออยู่ไกลบ้านเรามากๆ ) ผมแนะนำให้โอนเงินผ่านคนกลางครับ โดยคนกลางสำหรับการโอนเงินที่ทุกคนเข้าถึงง่ายที่สุดก็คือ Shoppee ครับ จริงๆ แล้วสามารถใช้งานคนกลางที่ทั้งสองสบายใจร่วมกันก็ได้ แต่ถ้าไม่รู้จะใช้ใครจริงๆ ผมก็แนะนำ Shoppee เลยครับ ซื้อ - ขาย กับคนที่มีเครดิต หรือโพสต์ถามเครดิตกับคนในกลุ่มก่อน ถ้าหากว่าไม่สามารถใช้สองวิธีข้างบนที่ผมแนะนำมาได้จริงๆ (ซึ่งเอาจริงๆ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย) วิธีสุดท้ายคือพยายามซื้อกับคนที่มีเครดิตครับ เพราะคนที่มีเครดิตหมายถึงคนที่เคย ซื้อ-ขาย สินค้าในกลุ่มมาเยอะแล้ว คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เขามาทำธุรกิจในกลุ่มซื้อขาย Hardware มือ 2 ครับ ดังนั้นส่วนใหญ่มักจะเชื่อถือได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าคนที่เราจะทำการซื้อขายด้วยมีเครดิตที่ดีจริงหรือไม่ เราสามารถแคปหน้า Facebook ของคนขาย ไปถามหาเครดิตของเขาจากคนในกลุ่มได้ครับ ถ้าหากว่าได้รับ + มากกว่า 10 ผมคิดว่าคนนั้นก็เชื่อถือได้แล้วครับ! แนะนำกลุ่มที่ ซื้อ - ขาย Hardware มือสอง หลังจากรู้ข้อดึ รวมไปจนถึงวิธีการซื้อไปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เพื่อนๆ ควรรู้คือควรจะไปซื้อที่ไหน โดยตลาดมือ 2 ที่ผมบอกก็ไม่ใช่ตลาดในโลกความจริง หรือห้างขายของมือ 2 ครับ แต่เป็นกลุ่มใน Facebook เนี่ยแหละ โดยจะมีอยู่ 2 กลุ่มหลักๆ ด้วยกันที่มีสินค้าเยอะ สามารถดูชื่อกลุ่มได้ข้างล่างนี้เลย ตลาดนัด คอมฯไทย ระดับโลก - Devas Market Place Thai Society ( สมาชิก 270,000 คน ) Deva น่าจะเป็นกลุ่มซื้อขาย Hardware มือสองที่ใหญ่ และมีสมาชิกมากที่สุดแล้วในไทย ซึ่งทาง Deva ยังทำหน้าที่เป็นคนกลางในการซิ้อขายให้ด้วย ดังนั้น Devas Market Place Thai Society จึงเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยสูง ข้อเสียของกลุ่มนี้จะเป็นตรงที่มีขั้นตอนในการขอเข้ากลุ่มที่ยุ่งยากเล็กน้อย แต่ถ้าหากจะหาซื้ออุปกรณ์มือสองแล้ว กลุ่มนี้น่าจะมีสินค้าให้เราดูมากที่สุดครับ Extreme IT ห้องสำหรับ ซื้อ-ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ PC ( สมาชิก 120,000 คน ) แม้จะไม่ใหญ่เท่า Deva แต่ห้องสำหรับ ซื้อ-ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของ Extreme It ก็จัดเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีขนาดใหญ่ และเราสามารถพบกับการ์ดจอ, CPU รวมไปจนถึงสินค้าที่ยังมีประกันได้มากมายในกลุ่มนี้ ข้อดีก็คือเป็นกลุ่มเปิดที่เปิดให้เราสามารถเข้าไปดูโพสต์ได้เลยนั้นเอง ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าการซื่อสินค้ามือ 2 จะดีกว่าการซื้อสินค้ามือ 1 เพียงแต่สำหรับคนที่มีงบอย่างจำกัดบางครั้งการยอมเลือกสินค้าบางตัวเป็นมือ 2 ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่มีความรู้ และอยากแนะนำเพิ่มเติม หรือข้อมูลที่ผมให้มาในบทความนี้ผิดยังไง ก็สามารถคอมเมนต์คุยกันได้เลยครับ!
27 Nov 2020
รู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายเล็กๆ ที่อาจเปลี่ยนประสบการณ์เกมมิ่งของคุณได้
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัวมาตรฐาน USB ใหม่จากทาง USB Implementers Forum ชื่อว่า USB4 ซึ่งมีกำหนดจะถูกเอามาใช้จริงในช่วง ปลายปี 2020 หรือก็คือช่วงนี้ และเชื่อหรือไม่ครับว่าเจ้าเทคโนโลยีสายเล็กๆ นี้อาจเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เกมมิ่งของเราชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้รับความรู้ที่เต็มที่ และเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเจ้า USB4 นี้ มันยอดเยี่ยมยังไง ผมจำเป็นต้องเริ่มอธิบายก่อนว่า USB4 คืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน, และสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยตัวบทความนี้อาจมีความยาวที่มากพอสมควร ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ USB4 คืออะไร USB4 คือเทคโนโลยีส่งข้อมูลแบบ External ตัวใหม่ล่าสุดที่ได้รับการยอมรับจากทาง USB Implementers Forum ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยควบคุมดูแลมาตรฐานของสาย USB โดยเจ้าสายรับส่งข้อมูลเจเนอเรชันใหม่นี้ สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 40GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่า USB 3.2 อีกเท่าตัว สายนี้จะมาในรูปแบบ Type-C เท่านั้น และไม่มีรูปแบบ Type-A ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งเหตุผลที่ต้องทำให้ออกมาเป็น Type-C เท่านั้น ก็เพื่อให้สามารถเอาไปใช้งานร่วมกับสาย Thunderbolt 3 ได้ด้วย โดยการที่สามารถใช้ร่วมกันได้แบบนี้ จะส่งผลถึงวงการเกมพอสมควรในเรื่องของราคา Hardware แต่ผมจะขอกล่าวต่อไปข้างล่างนี้ครับ นอกจากนี้จากประกาศของทาง VESA ทำให้เทคโนโลยี DisplayPort 2.0 เอง ก็หันมาใช้สาย USB4 ในการส่งข้อมูลเช่นกัน ซึ่งเจ้า DisplayPort 2.0 เองก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์เล่นเกมของเพื่อนๆ ไปเลยเช่นกัน และเหตุผลว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปก็อยู่ข้างล่างนี้แล้วเช่นกันครับ DisplayPort 2.0 คืออะไร หลายคนอาจคุ้นเคยกับการใช้สาย HDMI ในการต่อจอเข้ากับเครื่องเล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์อยู่ในตอนนี้ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วถ้าหากเพื่อนๆ ต้องการใช้งานจอแสดงผลที่มีความละเอียดมากกว่า 4K และมีค่า Refresh Rate สูงกว่า 60 Hz แล้วละก็ เราจะไม่สามารถใช้สาย HDMI ในการเชื่อมต่อได้ ตัวสายมีขนาดของ Bandwidth ที่ไม่เพียงพอครับ โดยเทคโนโลยีล่าสุดของสาย HDMI คือ HDMI 2.0 ซึ่งมีขนาด Bandwidth เท่ากับ 18Gbps ดังนั้นจึงส่งผลให้สาย HDMI สามารถแสดงผลได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K กับค่า Refresh Rate ที่ 60 Hz ครับ ดังนั้นในส่วนนี้สาย DisplayPort 1.4 จึงเข้ามารับหน้าที่แทนเนื่องจากเป็นสายที่มีขนาด Bandwidth สูงถึง 32.4 Gbps  (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/120 Hz และ 8K/60Hz) นอกจากนี้เทคโนโลยี Nvidia G-Sync กับ AMD FreeSync เอง ก็สามารถทำงานผ่านสาย DisplayPort ได้เท่านั้นเช่นกัน เพื่อนๆ อาจสังเกตได้ว่าจอคอมพิวเตอร์แพงๆ ที่มีความละเอียดสูง มีค่า Refresh Rate สูง และมีเทคโนโลยี Nvidia G-Sync หรือ AMD FreeSync มักให้สาย DisplayPort มาด้วยครับ กลับมาที่ประเด็น DisplayPort 2.0 เทคโนโลยีนี้คือตัวใหม่ล่าสุดที่มี Bandwidth สูงถึง 77.4 Gbps (สามารถแสดงผลได้ถึง 4K/144 Hz, 8K/120 Hz และ 16K/60Hz) ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าการมาของ USB4 คือ การหมายความว่าเราจะสามารถเล่นเกมในความละเอียดที่สูงมากขึ้น หรือ Refresh Rate ที่สูงกว่าเดิมได้นั้นเอง [caption id="attachment_72716" align="aligncenter" width="1280"] เล่นเกมแบบ 16K[/caption] (ขอบคุณภาพจากทาง Linus Tech Tips) USB4 สามารถใช้กับ Thunderbolt 3 = ราคาของ Hardware จะถูกลง ก่อนที่โลกเราจะรู้จักกับ USB4 เทคโนโลยีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วที่สุดของโลกคือ Thunderbolt 3 ซึ่งเจ้าสายนี้เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของทาง Intel ส่งผลให้หากผู้ผลิต Hardware จะใช้เทคโนโลยี จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับ Intel ด้วย ผลลัพธ์คือผู้ผลิตจำเป็นต้องใช้ต้นทุนที่มากขึ้น และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Notebook รุ่น Highend รวมไปจนถึง Macbook ของทาง Apple มีราคาที่แพง นอกจากนี้ AMD เองก็ไม่สามารถนำ Thunderbolt 3 มาใช้งานได้เช่นกันเนื่องจาก Intel ไม่ยอม ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ External GPU ที่เอาไว้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Notebook สามารถใช้งานได้กับเครื่องที่ใช้ Chipset ภายในเป็นของ Intel เท่านั้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นการมาของ USB4 ที่สามารถใช้งานกับ Thunderbolt 3 ได้จึงจะช่วยลดราคาต้นทุนให้กับผู้ผลิตได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกกว่า การลดต้นทุนได้จึงหมายความว่า ราคาของสินค้าที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในส่วนนี้จะถูกลง ซึ่งจะทำให้พวกเราเหล่าเกมเมอร์สามารถจับต้องสินค้าที่มีประสิทธิภาพ สูงขึ้นในราคาเท่าเดิมได้นั้นเอง และการมี Notebook แรงๆ หรือ Hardware ดีๆ ก็จะทำให้การเล่นเกมของเพื่อนๆ ลื่นไหลมากขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกันครับ ความเปลี่ยนแปลงของวงการเกมที่น่าจะเกิดขึ้นเมื่อ USB4 ถูกใช้งานจริง นอกจากที่ผมกล่าวมาข้างตนแล้วยังมีอีก 2 ประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเกิดขึ้น สามารถอ่านได้ข้างล่างนี้เลยครับ การเปลี่ยนไปใช้จอที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB4 ได้ ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นเกมถูกปรับขึ้นมาเป็น 4K / 60 FPS แล้ว จากการมาของเครื่อง PS5 และ Xbox Series X ดังนั้นในอนาคตมาตรฐานของความละเอียด กับ Refresh Rate จะสูงมากขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน โดยความละเอียดที่สูงกว่า 4K / 60 FPS นั้นไม่สามารถใช้งานสาย HDMI ได้แล้ว กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือการเปลี่ยนไปใช้ USB4 ในการส่งภาพจะกลายเป็นมามาตรฐานใหม่ของจอ PC อย่างแน่นอน และเมื่อวันนั้นมาถึง เหล่าเกมเมอร์ PC อาจได้เปลี่ยนจอกันทุกคนเลยครับ เอาจริงๆ มันยัง ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ขนาดนั้นสำหรับเราในตอนนี้ เนื่องจากมาตรฐาน USB4 ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในตอนนี้ และน่าจะไม่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมที่ควายละเอียดต่ำกว่า 8K / 60 FPS เช่นกัน เนื่องจากสาย DisplayPort 1.4 ยังสามารถทำงานในส่วนนี้ได้ดีอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมาถึงจริงๆ เราก็จะปรับตัวกันได้เอง เหมือนตอนที่โลกเปลี่ยนจากสาย AV มาใช้สาย HDMI แทน นอกจากนี้คิดว่ากว่ายุคที่เราจะไปถึงความละเอียดมากกว่า 8K มันก็น่าจะยังอีก 6 - 8 ปีเลยครับ ถ้าจะพูดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเลยหลังจากที่ DisplayPort 2.0 กับ USB4 ถูกใช้งานเลย เห็นจะเป็นการที่สามารถต่อจอความละเอียดสูงพร้อมกันหลายตัวได้เลยด้วยสายเพียงเส้นเดียว ซึ่งผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะช่วยให้ประสบการณ์เกมมิ่งของเราดีขึ้นมากน้อยขนาดไหนเช่นกันครับ และอย่าลืมว่าจอที่นำมาใช้ต้องรองรับสายตัวนี้ด้วยเช่นกัน   (ขอบคุณภาพจากทาง BeginnersTech) ตลาด Hardware อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่จะมีราคาถูกลง อ่านผ่านๆ อาจเห็นว่าประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับวงการเกมเท่าไหร่นัก แต่ผมจะบอกว่าแม้ไม่ทางตรง แต่ข้อนี้ก็ส่งผลในทางอ้อมอยู่พอสมควรครับ ซึ่งถ้าให้อธิบายไปทีละขั้นต้อนแล้วละก็ คิดว่าอาจจะยาวเกินไปดังนั้นผมจึงได้เขียนอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เอาไว้แล้วข้างล่างนี้ครับ มีสายที่ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น = SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น SSD พกพาจะสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับ SSD ที่อยู่ในเครื่องมากขึ้น = การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์เก็บข้อมูลจะสูงขึ้น = อาจทำให้ราคาของสินค้าจะถูกลง ราคาของสินค้าจะถูกลง = การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง การประกอบ PC หรือ Console จะใช้ต้นทุนถูกลง = เราอาจได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ราคาเท่าเดิม เครื่องที่มีประสิทธิภาพ = ประสบการณ์เกมที่ได้จะดีกว่า (4K / 120 FPS หรืออะไรก็แล้วแต่) นี้คือผลกระทบจากการมาของสาย USB4 เท่าที่ผมจะนึกออกในตอนนี้ครับ ซึ่งความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ผมกล่าวมาจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีหรอกครับ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 5 - 10 ปี เลยในความคิดของผม และไม่แน่ใจด้วยว่ามีความเป็นไปได้อะไรที่ผมมองข้ามไปหรือไม่ ถ้าหากเพื่อนคิดเห็นอย่างไรก็คอมเม้นต์คุยกันได้ครับ!
17 Nov 2020
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
หัวเว่ยเปิดตัว HUAWEI Y7a สมาร์ทโฟนสุดคุ้มตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์สายเอนเตอร์เทน ครบจบ ราคาโดนใจ
หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดตัว HUAWEI Y7a สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก HUAWEI Y series สมาร์ทโฟนดีไซน์เก๋ นวัตกรรมเป็นเลิศ ในราคาที่จับต้องได้ โดย HUAWEI Y7a รุ่นล่าสุดนี้ เป็นสมาร์ทโฟนครบเครื่องที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่สายเอนเตอร์เทนด้วยหน้าจอใหญ่คมชัดเต็มตา แบตอึดใช้ได้นาน เหมาะกับไลฟ์สไตล์แอคทีฟ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็ไม่ต้องกังวล และยังมาพร้อมกับกล้องหลังอัจฉริยะสุดล้ำ 4 ตัว ที่ทำให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพได้อย่างมืออาชีพ พร้อมฟังก์ชั่นเพื่อความบันเทิงและการใช้งานโซเชียลมีเดียจัดเต็มไม่ว่าจะไลฟ์สไตล์ไหนๆ ก็เพลิดเพลินไปกับความครบครัน คุ้มค่า อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึง จอใหญ่เต็มตา เสพความบันเทิงคมชัดถึงใจสายเกมและคอหนัง ด้วยหน้าจอใหญ่จุใจเต็มตาขนาด 6.67 นิ้ว HUAWEI Ultra FullView Display ความคมชัดระดับ 2400 x 1080 ทำให้ HUAWEI Y7a เป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในกลุ่มราคาเดียวกัน ทั้งยังมีเทคโนโลยีแสงสีฟ้าถนอมสายตาทำให้เสพความบันเทิงแบบนอนสต็อปได้อย่างไร้กังวล ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็เพลิดเพลินด้วยภาพที่ละเอียด คมชัด เต็มตา ถึงใจ โดยผู้ใช้งานยังสามารถเพลิดเพลินไปกับแอปพลิเคชันฮิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกม โซเชียลมีเดีย หรือเสิร์ชเอนจิ้น  ก็หาได้ครบเพียงคลิกเดียวผ่าน HUAWEI AppGallery และ Petal Search ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง ไม่พลาดทุกแอปยอดฮิตกับ HUAWEI AppGallery และ Petal Search ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโปรดนับล้านได้บน HUAWEI AppGallery และ Petal Search ผ่านการใช้งานง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้วโดยการค้นหาแอปที่ต้องการผ่าน HUAWEI AppGallery หรือจะพิมพ์ชื่อแอปที่ต้องการผ่าน Petal Search วิดเจ็ตอัจฉริยะที่ช่วยค้นหาแอปพลิเคชันได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม แล้วเลือกติดตั้งลงบนเครื่อง ส่วนการอัปเดตแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ทำได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก เพียงเปิด Petal Search แล้วไปที่ “ฉัน” บริเวณมุมขวาล่าง แล้วเลือกการดาวน์โหลด และไปที่การอัปเดต อีกทั้งยังสามารถใช้ Petal Search ค้นหาคีย์เวิร์ดต่างๆ ได้แบบเดียวกันกับเสิร์ชเอ็นจินทั่วไป ไม่ว่าจะค้นหาข่าวสาร ความบันเทิง หรือข้อมูลที่ต้องการทราบ ก็ทำได้ครบถ้วน รองรับ 22.5W HUAWEI SuperCharge เพื่อประสบการณ์ที่ไม่มีสะดุด HUAWEI Y7a มาพร้อมกับเทคโนโลยี 22.5W HUAWEI SuperCharge1 ที่ส่งมอบการเชื่อมต่อเพื่อความบันเทิงอย่างการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ใช้แอปพลิเคชันต่างๆ อย่างไม่มีสะดุด ไหลลื่น และมีประสิทธิภาพ ด้วยแบตที่อึดและใช้ได้นาน เพราะใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 10 นาที ก็สามารถดูวิดีโอไปยาวๆ ได้ถึง 2 ชั่วโมง2 แบบจุใจ ถือเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ เพราะเพียงแค่เสียบสายชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 22.5W ก็หมดกังวลว่าแบตจะไม่พอใช้งานจนหมดวัน และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 5000 mAh (Typical Value) ก็ยิ่งทำให้ HUAWEI Y7a เป็นสมาร์ทโฟนแบตอึดที่ใช้ได้นานถึงใจโดยสามารถเล่นวิดีโอออฟไลน์ได้แบบมาราธอน 23 ชั่วโมง3  อีกทั้งเทคโนโลยี AI Power Saving ยังช่วยเสริมความอึดของแบต ทำให้ผู้ใช้งานดื่มด่ำไปกับความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง และ อื่น ๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม ราบรื่น และไม่มีสะดุด เก็บทุกโมเม้นต์สำคัญด้วยกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล หัวเว่ยได้อัพเกรดกล้องให้ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ด้วยกล้องหลังที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงกับกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/2 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยประมวลผลให้สามารถเก็บรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น ให้ภาพที่คมชัด สีสันสมจริงมากขึ้น ทั้งยังมาพร้อมกับเลนส์อัลตร้าไวด์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล 120 องศา ได้ภาพมุมกว้างที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เลนส์โบเก้ ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ช่วยให้วัตถุในภาพเด่นชัดขึ้นจากการไล่ระดับความเบลอของฉากหลังได้ดี เลนส์มาโครความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายวัตถุขนาดเล็กระยะใกล้ได้ถึง 4 ซม. อย่างคมชัด และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับแฟลชซึ่งช่วยเพิ่มความละมุนให้กับการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย โดยเทคโนโลยี AI ที่นอกจากจะช่วยยกระดับเรื่องของการถ่ายภาพแล้ว ยังช่วยระบายความร้อนจากการประมวลผลของตัวเครื่องได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น HUAWEI Y7a ยังมาพร้อมกับความสามารถในการถ่ายภาพตอนกลางคืนที่น่าประทับใจด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับขั้นสูงและเทคโนโลยี AI ด้วยเทคนิค multi-frame noise reduction หรือการถ่ายภาพหลายช็อตในครั้งเดียวเพื่อลดสัญญาณรบกวนบนภาพ ทำให้ได้ภาพที่สว่างและเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น และโหมดอื่นๆ เช่น โหมดภาพวาดด้วยแสง โหมดรูรับแสง (หน้าชัดหลังเบลอ) และโหมดภาพถ่ายส่วนบุคคล หน่วยความจุที่ใหญ่กว่าเดิมซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ด้วยความจุ RAM 4GB และ ROM 128GB ทำให้เก็บภาพ วิดีโอ และไฟล์เสียงได้แบบไร้กังวล โดย HUAWEI Y7a ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเช่น MeeTime ที่ผู้ใช้งานสามารถวิดีโอคอลระหว่างสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ของหัวเว่ย ได้ด้วยความละเอียดสูงสุด 720 พิกเซล Smart Collage ในคลังเก็บภาพ ตลอดจนลูกเล่นและโหมดที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงที่สามารถเปิดใช้งานเมื่อแบตเหลือน้อยให้ยังใช้งานต่อได้เป็นชั่วโมง ปุ่มควบคุมทิศทางของระบบที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเรียกใช้งานย้อนหลัง ไม่ว่าจะเข้าหน้าโฮม หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ โหมด E-book การเชื่อมต่อกับทีวี และฟังก์ชันแสกนนิ้วด้านข้าง ที่ทำให้เปิดปิดเครื่องได้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิม โดยสามารถสั่งการทำงานบนมือถือได้หลายคำสั่ง เช่น ใช้ข้อนิ้วมือเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อ Screenshot หน้าจอ หรือใช้ข้อนิ้วมือวาดเป็นตัว S เพื่อ Screenshot หน้าจอแบบเลื่อนลงมายาวๆ ได้ ทำให้การ Screenshot ทำได้สะดวก รวดเร็ว ทันใจมากขึ้น  HUAWEI Y7a พร้อมให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของกันแล้วตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป ในราคาสุดคุ้ม 5,999 บาทเท่านั้น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Crush Green, Midnight Black และ Blush Gold พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวสุดพิเศษ ด้วยของแถมจุใจอย่างกระเป๋าสะพายหลัง Space Gray Backpack มูลค่า 790 บาท และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน HUAWEI Cloud storage ความจุ 15GB เป็นเวลา 12 เดือน มูลค่า 277 บาท ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ถึง 15 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าของแถมจะหมด โดยวางจำหน่ายที่ HUAWEI Experience Store  และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมทั้ง หัวเว่ยสโตร์ออนไลน์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2TLo4sD  ภายในงาน หัวเว่ยยังได้เปิดตัวนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นเรือธง HUAWEI WATCH GT 2 Pro ที่พรีเมียมทั้งดีไซน์และวัสดุซึ่งใช้ไทเทเนียมที่แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา และหน้าปัดแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน ที่มาพร้อมกับโหมดออกกำลังกายมากถึง100 โหมด และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมากมายเช่น พูดคุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ ระบบนำทางกลับ (Route Back) เปลี่ยนหน้าจอผ่าน One-Hop ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย เป็นต้น ในราคาเพียง 9,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นโดนใจอย่าง HUAWEI SuperCharge Wireless Charger มูลค่า 1,690 บาท ตั้งแต่วันที่ 6-15 พฤศจิกายน 2563 หรือจนกว่าของแถมจะหมด ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/35YU9mz
05 Nov 2020
Lenovo Legion Phone Duel ปฐมบทแห่ง Legion เกมมิ่งสมาร์ทโฟน ขั้นสุดแห่งพลังของการเล่นเกมบนมือถือ
(กลาง) คุณธเนศ อังคศิริสรรพ, ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน, (ขวา) คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ, ผู้จัดการทั่วไปประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ประจำไทย และ (ซ้าย) คุณศรัณยพงศ์ สินทิพย์, ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ผลิตภัณฑ์เกมมิ่ง เลอโนโว ถ่ายภาพในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกมมิ่งสมาร์ทโฟน Lenovo Legion Phone Duel เกมมิ่งสมาร์ทโฟน Lenovo Legion Phone Duel ประเทศไทย - 22 ตุลาคม 2020 -– เลอโนโวเปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรก Lenovo Legion Phone Duel ที่มาพร้อม Duel Technology Architecture ช่วยผสานการออกแบบเครื่องทั้งซอฟต์แวร์ภายใน และฮาร์ดแวร์ภายนอกให้ตอบโจทย์การเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนอย่างไร้ข้อจำกัดที่แท้จริง Lenovo Legion คือไลน์ผลิตภัณฑ์เกมมิ่งจากเลอโนโวที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียแปซิฟิก1 โดยมีผลิตภัณฑ์เพื่อการเล่นเกมที่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จอมอนิเตอร์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อการเล่นเกมอีกมากมาย วันนี้เลอโนโวพร้อมขยายไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อการเล่นเกมด้วยการเปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ออกแบบขึ้นจาก feedback ของเกมเมอร์ทั่วโลกว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเค้ามองหาในผลิตภัณฑ์เกมมิ่งสมาร์ทโฟน  ความนิยมของการเล่นเกม e-sport บนมือถือมีการเติบโดอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เกมเมอร์มองหาในเครื่องคือ การจัดการความร้อนที่ต้องทำได้ดี มีปุ่มกดเฉพาะเพื่อการปรับแต่งที่สะดวก และสามารถใช้งาน livestreaming ได้เพื่อที่เกมเมอร์เหล่านี้จะได้โชว์ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีการแข่งขันที่เชื่อมถึงกันทั่วโลก เลอโนโวได้ออกแบบ Legion Phone Duel  ให้ไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อความต้องการที่เหล่าเกมเมอร์มองหา แต่ยังให้คุณสมบัติแห่งอนาคตที่เหนือไปอีกขั้นกับความสามารถในการรองรับการใช้งาน 5G และคลาวด์เกมมิ่ง เหนือสุดแห่งความแรง ที่สุดแห่งความเร็ว Legion Phone Duel มาพร้อมชิปเซ็ตอันทรงพลังอย่าง Qualcomm® Snapdragon™ 865 Plus ที่ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลเครื่องที่เร็วและแรงผ่านเทคโนโลยี Qualcomm Snapdragon Elite Gaming™ นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน 5G2 เสริมประสิทธิภาพเครื่องด้วย 5th gen ชิปเช็ตหน่วยความจำสูงสุดถึง 16GB LPDDR5, RAM และความจุสูงสุดถึง 512GB3 UFS 3.1.5. เต็มที่กับการแสดงผลบนหน้าจอขนาด 6.65 นิ้ว ความละเอียดมากถึง 2340 x 1080 พิกเซล พร้อมรีเฟรชเรตสูงถึง  144Hz นอกจากนี้ยังรองรับอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ (touch sample rate) ที่สูงถึง 240Hz ช่วยให้ทุกสัมผัสหน้าจอตอบสนองอย่างรวดเร็วในทุกเกมแห่งชัยชนะ ผสานพลังจากภายนอกและภายในด้วย Dual Technology Architecture สองย่อมดีกว่าหนึ่ง ด้วยเทคโนโลยี Dual Technology Architecture ที่เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ Legion Phone Duel เริ่มต้นตั้งแต่วงจรพลังงานของเครื่อง Dual Batteries - แบตเตอรี่แบบแพ็คคู่ขนาด 2500mAh ที่รวมแล้วให้ความจุแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ถูกจัดวางให้อยู่ด้านซ้ายและขวาในตำแหน่งที่ตรงกับฝ่ามือ เพื่อเว้นที่ตรงกลางสำหรับวาง logic board ที่มีความร้อนให้ไกลกับฝ่ามือของผู้ใช้งานซึ่งมีความร้อนเช่นกัน เพื่อจัดการอุณหภูมิในการเล่นของเครื่องให้สามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่องสบายมือ จะเล่นเกมติดต่อกันแบบมาราธอนก็สามารถทำได้อย่างไร้กังวล ด้วยเทคโนโลยีท่อระบายความร้อนระดับ     ไฮเอนด์แบบ Dual-Liquid, แผ่นกราไฟต์ที่ถ่ายเทความร้อนได้ดีเยี่ยม และแผ่นทองแดง เพื่อให้มั่นใจว่าควบคุมอุณหภูมิได้อย่างเที่ยงตรง ให้เกมเมอร์เต็มที่กับประสบการณ์เล่นเกมที่ยอดเยี่ยมและยาวนาน Dual Type-C Charging ให้ความสะดวกในการชาร์จด้วยพอร์ตเชื่อมต่อ USB-C  2 ตำแหน่งที่ด้านข้างและด้านล่างของเครื่องเพื่อให้คุณเลือกชาร์จแบตเตอรี่จากที่ชาร์จขนาด 65W ได้ทั้งแบบหนึ่งหรือ 2 ที่ชาร์จพร้อมกันโดยจะให้พลังแบตเตอรี่จาก 0% - 100% ภายใน 34 นาที (หรือ 0% - 60% ใน 15 นาที) Dual Shoulder Controls ปุ่มไกควบคุมแบบอัลตร้าโซนิคด้านซ้ายขวามาพร้อมกลไก Dual Haptics ที่ช่วยให้ทุกการกดในขณะเล่นเกมได้ความลึกสมจริงเสมือนเป็นปุ่มกดจริงทั้งยังสามารถปรับระดับการตอบสนองให้รับกับความต้องการของผู้เล่นได้อย่างอิสระ ตัวอย่างเช่น การปรับโหมดการยิงในเกม (สูงสุดที่การยิง 10 ครั้งต่อวินาที) ด้วยการกดปุ่มไกแบบลากยาว เซ็นเซอร์แบบ gyroscope ช่วยปรับมุมมองในการเล่นให้เป็นแบบเกมมิ่งโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณหมุนเครื่องให้อยู่ในแนวนอนในลักษณะพร้อมเล่นเกม Dual Front-Facing Speakers ลำโพงคู่หน้าที่หันเข้าหาผู้เล่นให้คุณได้ยินเสียงฝีเท้าคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจนด้วยเทคโนโลยีเสียง Dirac Audio ที่มาพร้อมอะคูสติก แชมเบอร์ขนาดใหญ่ถึง 1.4cc ให้เสียงดังแบบ 3 มิติ รับประสบการณ์เสมือนได้เข้าไปอยู่ในเกม Dual Livestreaming ฟังก์ชั่นสำหรับการไลฟ์สตรีมผ่านกล้องหน้าแบบ pop-up ความละเอียดขนาด 20MP ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่โหมดการไลฟ์สตรีมในเวลาเพียง 0.5 วินาที ไลฟ์สตรีมหน้าและเสียงขณะเล่นกับภาพแบบ overlay บนหน้าจอเกมที่เล่น ซึ่งฟังก์ชัน Dual Livestreaming สามารถใช้งานได้บนแอปที่รองรับการไลฟ์สตรีมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวฟังก์ชันยังมาพร้อมความสามารถในการลบภาพพื้นหลัง ปรับแต่งใบหน้าของคุณด้วย selfie editor ที่ใช้ความสามารถของ AI ในการรีทัช ปรับแต่งภาพและสร้างฟิลเตอร์ บันทึกเสียงทุกการไลฟ์ให้ดังฟังชัดด้วยไมโครโฟนแบบรอบทิศทาง 4 ตัวที่มาพร้อมระบบจัดการเสียงรบกวนรอบข้าง Legion Phone Duel มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 64MP และเลนส์แบบ ultrawide ขนาด 16MP ให้ภาพละเอียดคมชัดในทุกมุมมอง นอกจากนี้ยังรอบรับการอัดวีดีโอแบบ 4K ที่เฟรมเรต 30FPS เล่นในแบบที่คุณต้องการ ต่อเนื่องตลอดวัน Legion Phone Duel มาพร้อมอินเตอร์เฟซแบบเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถใช้งานเครื่องในมุมมองแบบแลนด์สแคปได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะเพื่อการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม Legion Realm แดชบอร์ดกลางของเครื่องที่ให้ผู้ใช้ควบคุมปรับแต่งฮาร์ดแวร์เครื่อง ไล่ดูรายชื่อเกมที่ดาวน์โหลดไว้ หรือเลือกเครือข่ายในการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น  WLAN, 5G, หรือ Wi-Fi 6 ได้อย่างรวดเร็ว ดูเกมที่คุณเล่นย้อนหลังเพื่อศึกษากลยุทธในฉากที่ไฮไลท์ก็ทำได้อย่างง่าย ๆ ผ่านฟังก์ชั่นการพรีวิว หรือจะรวมคลิปเข้าด้วยกันเพื่อแชร์ให้เพื่อรวมทีมไปศึกษาก็ทำได้ หรือถ้าคุณเพิ่งผ่านสมรภูมิสุดหิน หรือทำสถิติคะแนนใหม่แต่คุณลืมที่จะกด record ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่คุณสไลด์นิ้วมือไปทางซ้ายบนปุ่มไกควบคุมด้านขวา เกมมิ่งสมาร์ทโฟนสุดอัจฉริยะอย่าง Legion Phone Duel ก็จะรีเพลย์ฉากที่เครื่องอัดไว้แบบอัตโนมัติให้กับคุณเพื่อที่คุณจะสามารถกดอัดบันทึกไว้ดูในอนาคต ไม่พลาดทุกการติดต่อที่สำคัญด้วยการปรับแต่งสีไฟ RGB บน สัญลักษณ์ตัว Y ด้านหลังเครื่องให้เปลี่ยนสีเพื่อเตือนเมื่อคุณมีข้อความเข้า หรือบอกสถานการณ์ชาร์จของแบตเตอรี่ และสุดท้าย หากคุณต้องการเปลี่ยนอรรถรสในการเล่นจากหน้าจอเครื่องไปที่จอมอนิเตอร์เพื่อมุมมองที่แปลกใหม่ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงต่อ Legion Phone Duel เข้ากับจอมอนิเตอร์ คีย์บอร์ด หรือเม้าส์ผ่านพอร์ต USB-C Lenovo Legion Phone Duel จะวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 28 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป ตามรายละเอียดดังนี้ Lenovo Legion Phone Duel 12GB / 256GB Blazing Blue ราคา 23,990 บาท Lenovo Legion Phone Duel 16GB / 512GB Vengeance Red ราคา 30,990 บาท ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ  Lenovo Legion Phone Duel ได้แก่ AIS, Banana, Blue Shop, IT-City, JD, JIB และ Speed Computer  Pre-Order Promotion สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อระหว่างวันที่ 22 – 28 ตุลาคม 2020 รับสิทธิรับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุดกว่า 3,500 บาท ดังนี้  Lenovo Legion Phone Duel 12GB / 256GB Blazing Blue ราคา 23,990 THB รับฟรี Legion Gaming Backpack Recon มูลค่า 1,990 บาท Lenovo Legion Phone Duel 16GB / 512GB Vengeance Red ราคา 30,990 บาท รับฟรี Legion Gaming Backpack Recon มูลค่า 1,990 บาท และ Legion Gaming Headset H300 มูลค่า 1,390 บาท ติดตามความเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ Lenovo Legion ในประเทศไทยได้ที่  www.lenovo.com/th/th/legion และ https://www.facebook.com/lenovolegionTH/
22 Oct 2020
วันพลัสเปิดตัวสมาร์ทโฟนพรีเมียมแฟลกชิป “OnePlus 8T 5G” Ultra Fast. Ultra Smooth.
OnePlus เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นพรีเมียมใหม่ล่าสุด OnePlus 8T 5G อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปท์ Ultra Fast. Ultra Smooth. พร้อมมอบความเร็วแรง และลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด ด้วยการยกระดับเทคโนโลยีชาร์จเร็วอย่าง Warp Charge 65 และหน้าจอ 120Hz แบบ Fluid AMOLED display ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของประสบการณ์การใช้งานบน OnePlus 8T 5G ทลายทุกขีดจำกัดในตัวคุณ ที่คอเกมเมอร์ไม่ควรพลาด กับชิปเซ็ท Qualcomm® SnapdragonTM 865 รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ไม่ว่าจะเป็นเกมเมอร์สายไหนก็เร็วแรงทรงพลัง ลื่นสุด ๆ ไม่มีสะดุด ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Fluid AMOLED  ขนาด 6.55 นิ้ว บนความละเอียดสูง FHD+ ภาพสวยเนียนตา ลื่นไหลทุกการสัมผัส สมูททุกการปัด เอาใจสายโซเซียลตัวจริง ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการออกเดินทางท่องเที่ยวกับชุดกล้องหลัง 4 ตัวแบบ Quad Camera ความสามารถที่หลากหลาย เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ ด้วยกล้องหลักความคมชัดสูงสุด 48 MP พร้อมระบบกันสั่น  ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้นด้วยเลนส์อัลตร้าไวด์ มุมมองการรับภาพกว้างที่สุดถึง 123 องศา ความคมชัด 16 MP ให้ภาพที่สวยคมชัด ในสภาพแสงที่หลากหลาย แม้ในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อยกับโหมด Nightscape  เลนส์ Macro ความคมชัด 5 MP ถ่ายชัดใกล้สุดในระยะ 3 เซนติเมตร และเลนส์ Monochrome ความคมชัด 2MP ให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพแบบสตูดิโอได้อย่างที่เป็นตัวคุณ พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นและการถ่ายวิดีโอแบบโบเก้ รวมถึงการถ่ายในที่มีแสงน้อย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกช่วงเวลาบันทึกไว้ได้สวยงามและง่ายดาย กับรายละเอียดที่สะกดทุกสายตาได้อย่างน่าทึ่ง บอกลาการชาร์จข้ามคืนด้วย Warp Charge 65 การชาร์จเร็วเท่าที่เคยมีมาของ OnePlus ในความจุแบตเตอรี่อึดถึง 4,500 mAh สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม ใช้เวลาเพียง 39 นาที ให้คุณออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน หมดห่วงเรื่องแบตหมดระหว่างวันไปได้เลย  ที่มาพร้อมกับ OxygenOS 11 ใหม่ล่าสุดบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง กับประสบการณ์การใช้งานซอฟต์แวร์ในรูปแบบที่ได้รับการอัพเดต รวมถึงการออกแบบที่โดดเด่น และมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นใหม่ ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งาน และความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของคุณได้ นอกจากนี้ OxygenOS 11 ยังมีแอนิเมชันและท่านำทางต่าง ๆ ที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นใหม่ ตลอดจนการปรับแต่งมากมายเช่น ตัวเลือกนาฬิกา Always On Display ใหม่ให้เลือกสร้างสรรค์ได้ตามใจชอบอีกด้วย พร้อมด้วยการปรับปรุงการควบคุมท่าทางด้วยมือเดียวที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และ Zen Mode 2.0 รูปลักษณ์หน้าตาการใช้งาน ที่ดูสะอาดตาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความคล่องตัวในชีวิตประจำวัน ให้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานที่ละเอียดอ่อนและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับ OnePlus 8T 5G เปิดตัวด้วยกันถึง 2 รุ่น ดังนี้ RAM 8GB ROM 128GB สี Lunar Silver ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท RAM 12GB ROM 256GB สี Aquamarine Green ราคา 29,990 บาท มั่นใจยิ่งขึ้นกับการบริการหลังการขายทาง OnePlus ซึ่งได้ร่วมจับมือกับ OPPO โดยผู้ใช้งานสามารถเข้ามาใช้รับบริการหลังการขาย ซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ หรือตรวจเช็คสภาพเครื่องผ่าน OnePlus Service Center ที่ MBK Center ชั้น 5 และศูนย์บริการ OPPO Service Center รวมทั้งหมด 42 สาขาทั่วประเทศ  สามารถซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ได้ทันทีทั้ง 12 สาขา OnePlus Service Center ศูนย์การค้ามาบุญครอง (MBK Center) ชั้น 5 ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพระราม 2 ศูนย์บริการออปโป้สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต  ศูนย์บริการออปโป้สาขาอิมพีเรียลฯ สำโรง ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ศูนย์บริการออปโป้สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาอยุธยาพาร์ค ศูนย์บริการออปโป้สาขาชลบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลนครราชสีมา ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ท ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลหาดใหญ่ และสาขาที่สามารถนำไป Drop-off เพื่อรอส่งซ่อมต่อไปได้ทั้ง 29 สาขา ดังนี้ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์บางแค ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลบางนา ศูนย์บริการออปโป้สาขาซีคอนฯ ศรีนครินทร์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์ท่าพระ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ จุดบริการออปโป้สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ศูนย์บริการออปโป้สาขากาญจนบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาลพบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขานครปฐม ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสันปราจีนบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาระยอง ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลศาลายา ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสันสระบุรี ศูนย์บริการออปโป้สาขาบุรีรัมย์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลขอนแก่น ศูนย์บริการออปโป้สาขาร้อยเอ็ด ศูนย์บริการออปโป้สาขาสกลนคร ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลอุดรธานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาเชียงราย ศูนย์บริการออปโป้สาขาลำปาง ศูนย์บริการออปโป้สาขานครสวรรค์ ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลพิษณุโลก ศูนย์บริการออปโป้สาขาโรบินสัน กำแพงเพชร ศูนย์บริการออปโป้สาขาชุมพร ศูนย์บริการออปโป้สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต ศูนย์บริการออปโป้สาขานครศรีธรรมราช ศูนย์บริการออปโป้สาขาปัตตานี ศูนย์บริการออปโป้สาขาสุราษฎ์ธานี หากท่านใดไม่สะดวกเดินทางไปยังศูนย์ซ่อมที่แจ้งมาข้างต้น สามารถติดต่อ Call-Center OnePlus Thailand ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ 02-793-3818 เพื่อติดต่อและขอใช้บริการส่งซ่อมผ่าน Kerry Express ได้ (สงวนสิทธิ์การให้บริการเฉพาะเครื่องศูนย์ไทยเท่านั้น) OnePlus 8T 5G เปิดสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 21 – 29 ตุลาคม 2563 ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พิเศษเมื่อสั่งจองล่วงหน้ารับฟรี!! E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง นาน 1 ปี พร้อมกระเป๋าเดินทาง OnePlus Luggage และขวดน้ำสุดพรีเมียม OnePlus Water Bottle รวมมูลค่า 15,170 บาท และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ พิเศษ!! โปรโมชันสำหรับช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, DTAC และ Truemove H รับข้อเสนอสุดพิเศษในช่วงสั่งจองล่วงหน้า OnePlus 8T ในราคาเริ่มต้นเพียง 12,490 บาทเท่านั้น หรือสั่งจองผ่านช่องทางหน้าร้านได้ที่ Banana IT, CSC, IT City, Jaymart, TG Fone  และช่องทางออนไลน์ได้พร้อมกันทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็น LAZADA, JD Central, Shopee และ Thisshop พร้อมของสมนาคุณตามแต่ละช่องทางอีกมากมาย ดูรายละเอียดหรือติดต่อสอบถามข้อมูลผ่านทาง OnePlus Thailand ได้ที่ ช่องทาง Official Website >>> https://www.oneplus.com/th ช่องทาง Facebook Fanpage >>> https://www.facebook.com/oneplusthailand  ช่องทาง Instagram  >>> https://www.instagram.com/oneplus_thai/  หรือติดต่อสอบถาม OnePlus Call Center ได้ที่เบอร์ 02-793-3818
21 Oct 2020
เวสเทิร์น ดิจิตอล เสริมตลาดระบบบันทึกวิดีโอที่รองรับ AI ที่กำลังเติบโตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยโซลูชันในกลุ่มผลิตภัณฑ์ WD Purple
การผสมผสานกันระหว่างฮาร์ดดิสก์ใหม่ขนาด 18TB  การ์ด microSD ขนาด 1TB และซอฟต์แวร์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับเวิร์คโหลดของการสตรีมมิ่งตลอด 24 ชม. ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของเครื่องบันทึก กล้องอัจฉริยะ กล้องแบบ NVR ระบบเรียนรู้เชิงลึกและแอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอในเรื่อง ขนาดความจุ ประสิทธิภาพการทำงาน และความทนทาน กรุงเทพฯ 24 กันยายน 2563 – เวสเทิร์น ดิจิตอล (NASDAQ: WDC) ประกาศเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มสตอเรจโซลูชันในตระกูล WD Purple™ ที่จะทำให้ลูกค้าสามารถออกแบบและสร้างโซลูชันที่สามารถรองรับเวิร์คโหลดที่หลากหลายของวิดีโออัจฉริยะ โดยจะประกอบด้วย ฮาร์ดดิสค์สำหรับกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพแบบดิจิตอล (DVR) และกล้องไอพีที่ต่อเข้ากับเครื่องบันทึกภาพ (NVR) และแอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอที่มีขนาดถึง 18TB* ซึ่งเป็นความจุที่สูงสุดในอุตสาหกรรม สำหรับ รวมถึงการ์ด WD Purple SC QD101 microSD™ ขนาด 1TB* สำหรับกล้องที่รองรับการทำงานแบบ AI ไดร์ฟทุกตัวในกลุ่ม WD Purple สร้างมาตรฐานให้กับแอปพลิเคชันสำหรับวิดีโออัจฉริยะ เพราะอุตสาหกรรมกล้องวงจรปิดกำลังขยายขอบเขตของการนำการเรียนรู้และการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้ เวสเทิร์น ดิจิตอลจึงพัฒนาไดร์ฟที่สามารถช่วยลดการสูญเสียเฟรมภาพและการเคลื่อนไหวแบบหยุดเป็นจังหวะ (Pixilation) ปรับปรุงคุณภาพการเล่นวิดีโอที่บันทึกไว้ และเพิ่มประสิทธิภาพการสตรีมเวิร์คโหลดที่ทำงานตลอด 24 ชม. ที่เกิดขึ้นตั้งแต่การรับข้อมูลจนถึงการสำรองข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะ WD ต้องการพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูลและ deep learning ปัจจุบันอาคารพาณิชย์ หน่วยงานรัฐ และบริษัทเอกชน ต่างกระตือรือร้นในการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์เชิงลึก (Deep learning) มาใช้เพื่อที่ให้ระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) โดยลดการทำงานของคนเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น กล่าวคือ พนักงาน ลูกค้า และชุมชน จะมีประสบกาณณ์การใช้งานที่ดีขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อัลกอริธึมของ  Deep learning ต้องการข้อมูลที่สร้างขึ้นจาก IoT และระบบนิเวศที่สัมพันธ์กันของอุปกรณ์ปลายทางต้องการคุณภาพไฟล์ที่มีความละเอียดที่สูงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในกล้องและการบันทึกวิดีโอแบบ NVR ที่เพิ่มมากขึ้น ตามรายงานฉบับล่าสุดของ Omdia เรื่อง Video Surveillance & Analytics Intelligence Service ตีพิพม์เดือนกรกฎาคม 2563 กล่าวว่า ปริมาณการส่งกล้องที่มีอัลกอริทึม Deep Learning เพื่อจัดจำหน่ายยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2562-2567) โดยอัตราการเติบโต (CAGR) จะอยู่ที่ 67% และการบันทึกวิดีโอแบบ NVR ที่มาพร้อมกับการวิเคราะห์เชิงลึกจะเติบโตตามมาที่ 37% ขณะที่แอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอจะเติบโตที่ 43% นอกจากนี้ จาก การสำรวจที่ เวสเทิร์น ดิจิตอล จัดทำขึ้น ในปี 2563 โดยสำรวจบริษัทผู้ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภับแบบครบวงจรในทวีปอเมริกาเหนือพบว่า 76% เห็นว่าการวิเคราะห์วิดีโอและ AI มีบทบาทกับการนำไปใช้ในงานของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   มีบทบาทมากกว่าแค่ฮาร์ดแวร์ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเฟิร์มแวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ และความสามารถในการจัดการข้อมูลของตัวไดรฟ์ WD Purple ของเวสเทิร์น ดิจิตอล มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงความสามารถของระบบตลอดจนการจัดการอุปกรณ์ผ่านโซลูชันวิดีโออัจฉริยะที่ใช้ AI การผสมผสานดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ ความทนทาน และประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยรวมให้ที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ให้กับลูกค้า เทคโนโลยี AllFrame™ ที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสก์ WD Purple ของเวสเทิร์น ดิจิตอล มอบเทคนิคการจัดการแคชและสตรีมมิ่งที่ครอบคลุมเพื่อช่วยป้องกันข้อมูลสูญหายและติดตามการจัดการสตรีมอย่างต่อเนื่อง Western Digital Device Analytics™ โซลูชันที่มีการบริหารจัดการผ่านซอฟต์แวร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ของเวสเทิร์น ดิจิตอล โดยสามารถตรวจสอบและการวิเคราะห์ให้กับผู้ใช้งาน ทำให้สามารถตรวจจับสภาพที่เป็นปัญหาในไดรฟ์และให้คำแนะนำในการแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น   ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ความจุ 18TB ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในเรื่องขนาดความจุของฮาร์ดดิสค์สำหรับกล้องวงจรปิด ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ความจุ 18TB ตัวใหม่ได้รับการออกแบบมาสำหรับ NVR และอุปกรณ์วิเคราะห์วิดีโอรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ GPU ซึ่งสามารถส่งแอปพลิเคชันการวิเคราะห์ทั้งแบบเรียลไทม์และหลังการบันทึก ด้วยความจุที่มีมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 28% จึงทให้ฮาร์ดดิสก์ขนาด 18TB ตัวใหม่นี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บวิดีโอ ภาพอ้างอิง และเมทาดาทา (metadata) ที่อุปกรณ์ปลายทาง เพื่อรองรับการทำงานแบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ขนาดความจุตั้งแต่ 8TB จนถึง18TB จะมีเทคโนโลยี AllFrame AI ที่สามารถรองรับการบันทึกของกล้องความละเอียดสูงได้มากถึง 64 ตัว รวมถึงข้อมูลการสตรีมของการวิเคราะห์การเรียนรู้เชิงลึกเพิ่มได้อีก 32 รายการ   การ์ด WD Purple SC QD101 microSD™ ขนาด 1TB สำหรับการ์ด WD Purple 1TB microSD  ถูกออกแบบมาสำหรับกล้องที่รองรับ AI กล้องวงจรปิด และอุปกรณ์แบบ Edge ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่เก็บข้อมูลหลักหรือสำรองข้อมูล โดยจะใช้เทคโนโลยีชิป 3D NAND แบบ 96 เลเยอร์ขั้นสูงของเวสเทิร์น ดิจิตอล และยังให้การผสมผสานระหว่างความทนทานขั้นสูงที่มีค่า P/E กว่า 500 รอบและมีความจุขนาด 1TB, 512GB, 256GB, 128GB, 64GB และ 32GB* การ์ด microSD WD Purple ที่แข็งแรงและทนทาน ทนต่อสภาพอากาศ ความชื้น และอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส สำหรับกล้องที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ฟีเจอร์การตรวจเช็คสถานะการทำงานของการ์ดจะช่วยให้ผู้ติดตั้งและผู้ให้บริการสามารถประเมินความทนทานที่เหลืออยู่และหากจำเป็นก็สามารถเข้าให้บริการดูแลการ์ดก่อนที่จะเกิดปัญหา    การจัดจำหน่าย ฮาร์ดดิสก์ WD Purple ขนาด 18TB จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2563 ส่วนการ์ด WD Purple SC QD101 microSD ขนาด 1TB คาดว่าจะวางขายในเดือนพฤศจิกายนปี 2563 นี้   คำพูดอ้างอิงเพิ่มเติม:  ทิม ปาล์มควิสต์ (Tim Palmquist) รองประธานประจำประเทศอเมริกา บริษัท ไมล์สโตน ซิสเท็มส์ กล่าวว่า “ไดรฟ์ WD Purple รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของอุปกรณ์แบบ edge แอปพลิเคชันการวิเคราะห์วิดีโอการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะซึ่ งจะช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลภาพ” และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ในฐานะผู้พัฒนาชั้นนำของแพลตฟอร์มกล้องวงจรปิด IP แบบเปิดและอิสระ เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเวสเทิร์น ดิจิตอล และยินดีที่จะทำงานร่วมกันเพื่อจัดหาพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถรองรับ AI และ Deep learning รวมถึงจัดการสตรีมหลายรายการเมื่อความละเอียดของวิดีโอเพิ่มขึ้น” มาร์ติน เรนคิส (Martin Renkis) ผู้จัดการ Global Cloud Solutions Physical Security บริษัท จอห์นสัน คอนโทรล กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยทางกายภาพสู่ยุคดิจิตัลสำหรับลูกค้าทั่วโลก เราไว้เชื่อมั่นและไว้วางใจเวสเทิร์น ดิจิตอล ที่เป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ที่จะส่งมอบโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูง” เพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันโซลูชันวิดีโอเพื่อความปลอดภัยของ Tyco Cloud ทุกตัวทำงานบน WD Purple และเป็นมาเวลาหลายปี ในขณะที่เรายังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตรวจสอบและการแจ้งเตือนพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ เราจะยังคงไว้วางใจเวสเทิร์น ดิจิตอล ว่าจะสามารถมอบโซลูชันขั้นสูงที่ลูกค้าของเราต้องการ เรามุ่งหมายที่จะสร้างโลกที่ปลอดภัยขึ้นด้วยเทคโนโลยีเวสเทิร์น ดิจิตอล” อีริค สแปนเนอร์ (Eric Spanneut) รองประธานส่วน Client Computing และ Smart Video Business บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล กล่าวว่า “การทำงานเคียงข้างลูกค้าและพันธมิตรของระบบที่สัมพันธ์กันทำให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครและมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชันที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับเวิร์คโหลดของวิดีโอด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุด AI กำลังผลักดันความต้องการไดร์ฟที่มีความสามารถมากขึ้น เพื่อให้ทันต่อความต้องการด้านประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความละเอียดของวิดีโอและจำนวนข้อมูลสตรีมขาเข้ามีจำนวนเพิ่มขึ้น เราอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างจากรายอื่นเพราะการรวมกันของซอฟต์แวร์และการขยายผลิตภัณฑ์ให้มีมากขึ้น ทำให้โซลูชันของเราเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับใช้ในแอปพลิเคชันวิดีโออัจฉริยะที่หลากหลาย”   ผลิตภัณฑ์จากเวสเทิร์น ดิจิตอล ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการ ผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล WD Purple ที่เพิ่มเข้ามาในสินค้าประเภทฮาร์ดดิกส์และโซลิดสเตทของ เวสเทิร์น ดิจิตอลที่กำลังเติบโต มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงฮาร์ดดิสก์สำหรับแอปพลิเคชัน NAS สำหรับ SMB อย่าง WD Red™ Pro ขนาด 16TB และ 18TB (ดูเพิ่มเติมที่นี่! WD RedTM Pro 16TB & 18TB for Growing Productivity) ฮาร์ดดิสก์ระดับองค์กร WD Gold™ ขนาด 16TB และ 18TB, WD Gold NVMe™ SSD, โซลูชัน WD Black™ ที่ตอบสนองความต้องการขั้นสูงสุดของเกมเมอร์ เช่นเดียวกับ WD Blue™และ WD Green™ SSD ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์* โซลูชันเหล่านี้มีจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายของเวสเทิร์น ดิจิตอล ผู้ค้าปลีก ผู้ติดตั้งระบบและ ช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ของเวสเทิร์น ดิจิตอล   แหล่งข้อมูล: Blog: How is AI Clearing the Vision of Smart Video?  Blog: With WD Purple™ microSD Cards, Security Cameras Endure an AI and 4K Future Blog: Ready for the Rise of the Smart Fleets Blog: Sustaining a Sustainability Company With World-Class Surveillance   เกี่ยวกับเวสเทิร์น ดิจิตอล เวสเทิร์น ดิจิตอลสร้างผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อรองรับข้อมูลที่มีการเติบโต บริษัทได้ผลักดันนวัตกรรมที่จำเป็นเพื่อช่วยทำให้ลูกค้าสามารถจับข้อมูล รักษาข้อมูล เข้าถึงและแปลงความหลากหลายของข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ข้อมูลนั้นมีอยู่ทุกที่ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลขั้นสูงไปจนเซ็นเซอร์ในโทรศัพท์จนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนตัว โซลูชั่นที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรมของเรานำเสนอความเป็นไปได้ของข้อมูล โซลูชั่นที่มีข้อมูลเป็นศูนย์กลางของเวสเทิร์น ดิจิตอล วางตลาดภายใต้แบรนด์ Western Digital®, G-Technology™, SanDisk® และ WD®    *ขนาดความจุที่ใช้ 1GB = 1พันล้านไบต์ และ 1TB = หนึ่งล้านล้านไบต์หนึ่งเทราไบต์ (TB) เท่ากับหนึ่งล้านล้านไบต์ ความจุจริงของผู้ใช้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงาน   Western Digital, โลโก้ Western Digital, G-Technology, SanDisk, WD, AllFrame, WD Black, WD Blue, WD Gold, WD Green, WD Purple, WD Red และ Western Digital Device Analytics เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนหรือเครื่องหมายการค้าของ Western Digital Corporation หรือ บริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายและโลโก้ microSD เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SD-3C, LLC เครื่องหมายคำ NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าของ NVM Express, Inc. เครื่องหมายอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รูปภาพที่แสดงอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์จริง ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจไม่มีจำหน่ายในทุกภูมิภาคของโลก © 2020 เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่นหรือบริษัทในเครือ ทางเวสเทิร์น ดิจิตอลขอสงวนลิขสิทธิ์ แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า: ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าบางประการ รวมถึงความพร้อมใช้งานที่คาดหวัง ประโยชน์ คุณสมบัติ และประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ WD Purple 18TB ใหม่และการ์ด microSD WD Purple SC QD101 และแนวโน้มตลาดและอุตสาหกรรม ข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงตามความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการที่อาจทำให้เนื้อหาที่ปรากฎอยู่ในแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าแตกต่างจากเดิม ซึ่งรวมถึงผลลัพธ์ในอนาคตและผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดจากมาตรฐานองค์กร ความผันผวนในสภาพเศรษฐกิจโลก สภาพธุรกิจและการเติบโตของระบบนิเวศการจัดเก็บ ผลกระทบของผลิตภัณฑ์และราคาที่แข่งขันได้ การยอมรับของตลาดและต้นทุนของวัสดุสินค้าและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เฉพาะ การกระทำของคู่แข่ง ความก้าวหน้าที่ไม่คาดคิดในเทคโนโลยีการแข่งขัน การพัฒนาและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเราตามเทคโนโลยีใหม่และการขยายสู่ตลาดการจัดเก็บข้อมูลใหม่ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการการขายกิจการการควบรวมกิจการและการร่วมค้า ความยากลำบากหรือความล่าช้าในการผลิต ตลอดจนความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ ที่ระบุในรายงานประจำไตรมาสและประจำปีฉบับล่าสุดของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่นที่ส่งถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งคุณควรให้ความสนใจ ผู้อ่านควรระมัดระวังไม่เชื่อมั่นในข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้มากเกินไป และเราไม่มีข้อผูกมัดที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อความที่มองไปยังอนาคตเหล่านี้ตามเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
24 Sep 2020
RAZER เปิดตัวอุปกรณ์ไร้สายระดับเรือธง มอบประสิทธิภาพขั้นสูงสำหรับเกมเมอร์ทั่วโลก
นำเสนอ Razer™ HyperSpeed Wireless เทคโนโลยีไร้สายสุดไฮเทค เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดสู่ Razer BlackShark V2 Pro, DeathAdder V2 Pro และ BlackWidow V3 Pro 3 โปรดักต์ไฮไลต์ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลจากเกมเมอร์ทั่วโลก กรุงเทพฯ – เรเซอร์ (Razer™) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ เปิดตัว 3 อุปกรณ์ไร้สายระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ชุดหูฟัง BlackShark V2 Pro, เมาส์ DeathAdder V2 Pro และ คีย์บอร์ด BlackWidow V3 Pro มอบขีดสุดแห่งประสบการณ์เกมมิ่งด้วยประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวที่อิสระ ฉับไว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยเทคโนโลยีไร้สายสุดล้ำ Razer™ HyperSpeed Wireless Technology เพื่อให้เกมเมอร์สามารถวาดลวดลายได้ดังใจโดยไม่มีสายไฟที่เกะกะและเชื่อมต่อสัญญาณได้อย่างเสถียรรวดเร็ว “ทุกครั้งที่เราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จะมีแฟน ๆ จำนวนมากที่ถามถึงเวอร์ชั่นไร้สาย” อัลวิน เฉิง รองประธานกรรมการอาวุโส ฝ่าย Peripherals Business Unit ของเรเซอร์ กล่าว “ด้วยการนำเทคโนโลยีไร้สายที่ล้ำหน้าที่สุดในตลาดอย่าง Razer™ HyperSpeed Wireless Technology มาติดตั้งใน 3 อุปกรณ์ยอดนิยมของเรา ทำให้เราสามารถตอบสนองเสียงเรียกร้องของเหล่าเกมเมอร์ด้วยชุดอุปกรณ์ต่อพ่วงไร้สายที่สมบูรณ์แบบ โดยไม่ต้องลดทอนประสิทธิภาพการเชื่อมต่อลงแม้แต่น้อย” เทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ใช้ระบบการสื่อสารข้อมูลที่ผ่านการปรับแต่งขั้นสูง ร่วมกับเทคโนโลยี Adaptive Frequency Technology เพื่อเพิ่มความเร็วและความเสถียรในการส่งสัญญาณ จึงทำให้เกิดความหน่วงสัญญาณต่ำมากเพียง 195 ไมโครวินาที ซึ่งเร็วกว่าเทคโนโลยีไร้สายทั่วไปถึง 25% และจากเทคโนโลยีที่เคยใช้เฉพาะในอุปกรณ์เมาส์ซึ่งผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพโดยนักกีฬาอี-สปอร์ตทั่วโลก วันนี้ เทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ได้ถูกผสานลงในชุดหูฟังระดับแฟล็กชิปสำหรับอี-สปอร์ตและชุดคีย์บอร์ดสำหรับการเล่นเกมของเรเซอร์อย่างสมบูรณ์แบบเป็นที่เรียบร้อย   RAZER BLACKSHARK V2 PRO – ที่สุดแห่งพลังเสียงเพื่อชาวอี-สปอร์ต ชุดหูฟัง Razer BlackShark V2 Pro พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีเสียงและไมโครโฟนที่เคยสั่นสะเทือนวงการมาแล้วในรุ่น Razer BlackShark V2 ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยก้านไมค์รุ่นใหม่และการเพิ่มห้องลำโพง และด้วยเทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless ทำให้ชุดหูฟังนี้มอบสุดยอดคุณภาพเสียงที่ไม่สูญเสียรายละเอียดเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์เกมมิ่งแบบไร้สายที่มีความหน่วงต่ำ แบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมงและมีขอบเขตสัญญาณไร้สายไกลถึง 12 เมตร Razer BlackShark V2 Pro ยังคงใช้ไดรเวอร์ Razer™ TriForce Titanium 50 มม. เหมือนกับ Razer BlackShark V2 รุ่นก่อนซึ่งคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย  โดยรุ่นใหม่นี้จะเพิ่มห้องลำโพงเพื่อมอบเสียงที่เคลียร์ใสและชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมการปรับแต่งย่านความถี่ทั้งเสียงสูง กลาง และต่ำ แบบแยกแต่ละส่วน เพื่อมอบเสียงแหลมที่ชัดเจน เสียงกลางที่อิ่มแน่น และเสียงเบสที่กระหึ่มทรงพลัง ผสานกับเทคโนโลยี THX® Spatial Audio with Game Profiles สร้างพลังเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศาเพื่อมอบความได้เปรียบที่แตกต่างให้กับเกมเมอร์ ทำให้ Razer BlackShark V2 Pro เป็นชุดหูฟังไร้สายที่สมบูรณ์แบบเพื่อกีฬาอี-สปอร์ตอย่างแท้จริง Razer BlackShark V2 Pro ยังมาพร้อมไมโครโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด HyperClear Cardioid Microphone ขนาด 9.9 มม. ให้คุณภาพเสียงพูดที่ชัดเจนระดับอัลตร้าเพื่อการสื่อสารในทีมที่แม่นยำแม้อยู่ท่ามกลางสนามรบที่ดุเดือด ด้วยระบบตัดเสียงรบกวนที่ปิดกั้นเสียงทั้งจากด้านหลังและด้านข้างได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้สวมใส่ชุดหูฟัง Razer BlackShark V2 สามารถได้ยินเสียงความถี่ต่ำอย่างชัดเจน อีกทั้งตำแหน่งไมค์ยังจัดวางได้อย่างเหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งาน เพื่อให้ทีมของคุณไม่พลาดการสื่อสารในช่วงเวลาสำคัญของเกม Razer BlackShark V2 Pro มีน้ำหนักเบาเพียง 320 กรัม แต่มีความทนทานเป็นเลิศ พร้อมดีไซน์แป้นครอบแบบปิดสนิทหุ้มผ้าที่ให้สัมผัสนุ่มราวกับหนังซึ่งช่วยตัดเสียงรบกวนอันไม่พึงประสงค์จากภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับเกมโปรดได้อย่างต่อเนื่องยาวนานและปราศจากการรบกวน แป้นครอบหูยังหุ้มด้วยวัสดุเมมโมรี่โฟมที่มอบความนุ่มสบายเป็นพิเศษและช่วยลดแรงกด โดยทั้งส่วนหุ้มครอบหูและสายครอบศีรษะใช้ผ้าทอแบบ FlowKnit ที่สามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยลดเหงื่อและความร้อนที่เกิดจากการกดทับผิวสัมผัสเป็นเวลานาน ด้วยความประณีตในการออกแบบเหล่านี้ จึงทำให้ Razer BlackShark V2 Pro เป็นสุดยอดหูฟังไร้สายที่ตอบสนองทุกความต้องการของคอเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   RAZER DEATHADDER V2 PRO – ที่สุดแห่งเมาส์ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ DeathAdder เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2006 และจำหน่ายได้มากกว่า 10 ล้านชิ้นทั่วโลก ถือว่าเป็นเมาส์รุ่นยอดนิยมสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมาส์ของเรเซอร์ซึ่งได้รับความชื่อถือจากบรรดานักกีฬาอี-สปอร์ตระดับโลก ด้วยรูปทรงที่สอดคล้องตามหลักสรีระศาสตร์ ทำให้ DeathAdder คือจ้าวแห่งเมาส์ตัวจริง และเรเซอร์ได้ทำการอัปเกรดให้เป็นเวอร์ชั่นไร้สายด้วยเทคโนโลยี Razer™ HyperSpeed Wireless แล้วในวันนี้ เมาส์รุ่นล่าสุด DeathAdder V2 Pro นำเสนอการเชื่อมต่อ 3 โหมด พร้อมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 120 ชั่วโมงเมื่อทำงานผ่านสัญญาณบลูทูธ และใช้ได้ 70 ชั่วโมงผ่านระบบไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ซึ่งจะมีความหน่วงสัญญญาณต่ำกว่า และยังสามารถชาร์จไฟด้วยสาย Razer™ Speedflex เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องและชาร์จไฟไปได้พร้อมกัน ซึ่งความล้ำสมัยทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ในเมาส์น้ำหนักเพียง 88 กรัม โดยไม่ต้องใช้ปลอกเมาส์ที่เจาะลายรังผึ้งเพื่อลดน้ำหนักแต่อย่างใด  นอกจากนี้ DeathAdder V2 Pro ยังติดตั้ง 2nd Gen Razer Optical Mouse Switches เพื่อสัมผัสการคลิกที่เฉียบคมและปราศจากความเสี่ยงของการเผลอดับเบิลคลิกโดยไม่ตั้งใจ สวิตช์ระบบออปติคัลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้นี้ยังรองรับการคลิกได้มากถึง 70 ล้านครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดของตลาดเมาส์เกมมิ่งในปัจจุบัน ปุ่มที่ตั้งโปรแกรมได้ทั้ง 8 ปุ่มของ DeathAdder V2 Pro ยังสามารถตั้งค่าได้ตามความถนัดของผู้เล่นแต่ละคนผ่าน Razer Synapse 3 พร้อมความสามารถบันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบออนบอร์ดได้ถึง 5 รูปแบบ จึงสามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นในเกมได้ในทันที DeathAdder V2 Pro ยังสามารถชาร์จไฟแบบไร้สายผ่านอุปกรณ์ Razer Mouse Dock Chroma (จำหน่ายแยก) ซึ่งช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ล้ำสมัยให้กับชุดเกมมิ่งของคุณด้วยไฟ RGB ที่โฉบเฉี่ยว ผสานด้วยระบบ Razer Focus+ 20K DPI Optical Sensor อันชาญฉลาด การออกแบบส่วนจับด้านข้างแบบ Injection-molded และแผ่นรองเมาส์ซึ่งใช้วัสดุโพลีเตตระฟลูออโรเอทิลีน 100% ทำให้ DeathAdder V2 Pro คือตัวเลือกเดียวของเกมเมอร์ตัวจริงอย่างไม่มีข้อแม้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   RAZER BLACKWIDOW V3 PRO – ที่สุดแห่งคีย์บอดระดับตำนาน BlackWidow V3 Pro คือสมาชิกใหม่ล่าสุดในคีย์บอร์ดตระกูล BlackWidow ที่มีชื่อเสียงก้องโลกและถือเป็นเกมมิ่งคีย์บอร์ดรุ่นแรกของเรเซอร์ เมื่อติดอาวุธด้วยเทคโนโลยีไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ทำให้ Razer BlackWidow V3 Pro นำเสนอประสิทธิภาพของคีย์บอร์ดตระกูล BlackWidow สู่การเล่มเกมแบบไร้สายแบบเต็มตัวด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 200 ชั่วโมง พร้อม Razer Mechanical Switches และ Doubleshot ABS keycaps ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้ Razer BlackWidow V3 Pro คือคีย์บอร์ดที่ทำให้โต๊ะเกมของคุณปราศจากความยุ่งเหยิงของสายไฟและดูเรียบร้อยสวยงามมากยิ่งขึ้น Razer BlackWidow V3 Pro ติดตั้ง Razer Mechanical Switches ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่พร้อมแป้นคีย์บอร์ดโปร่งใสเพื่อให้เห็นเอฟเฟกต์ Razer Chroma™ RGB ได้อย่างสวยงาม โดยออกแบบให้ Razer Yellow Mechanical Switches ทำงานได้เงียบขึ้นด้วยตัวดูดซับเสียงซิลิคอนใต้ปุ่มทุกปุ่มเพื่อมอบประสบการณ์เกมมิ่งที่เงียบยิ่งกว่า และด้วย Doubleshot ABS Keycaps อัปเกรดใหม่จึงช่วยต่อต้านการสึกหรอได้สูงสุดจากการใช้งานที่ต่อเนื่อง โดยแต่ละปุ่มสามารถกดได้กว่า 80 ล้านครั้งตลอดอายุการใช้งาน ทำให้เป็นคีย์บอร์ดที่เชื่อถือได้ ตอบสนองได้ฉับไว และพร้อมตะลุยไปกับคุณแม้ในเกมที่ดุเดือดที่สุด   BlackWidow V3 Pro มาพร้อมกรอบอลูมิเนียมที่แข็งแรงทนทาน มีปุ่มกดที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันพร้อมหน้าปัดดิจิทัลที่ทำงานได้แบบมัลติฟังก์ชั่น และติดตั้งแป้นพักมือเมื่อต้องเล่มเกมเป็นเวลานานและเพิ่มความสบายในการกดปุ่มหรือการพิมพ์ ด้วยโหมดการเชื่อมต่อ 3 โหมดที่เปลี่ยนได้จากสวิตช์ด้านข้าง ทำให้ BlackWidow V3 Pro สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายชิ้น ทั้งผ่านระบบไร้สาย Razer™ HyperSpeed Wireless ผ่านสาย USB-C ที่ถอดได้ หรือผ่านการจับคู่อุปกรณ์ด้วยสัญญาณบลูทูธได้มากถึง 3 อุปกรณ์ ทำให้เป็นคีย์บอร์ดที่ทำงานได้อเนกประสงค์มากที่สุดในตระกูล BlackWidow ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี่   องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ กรุณาดูข่าวประชาสัมพันธ์ได้ ที่นี่    เกี่ยวกับ RAZER BLACKSHARK V2 PRO หูฟัง การตอบสนองความถี่: 12 เฮิร์ต – 28 กิโลเฮิร์ตซ์ ความต้านทานต่อไฟฟ้า : 32 Ω @ 1 กิโลเฮิร์ตซ์ ค่าความไวต่อการตอบสนอง (@1 กิโลเฮิร์ตซ์): 100dBSPL/mW, 1 กิโลเฮิร์ตซ์ ไดรเวอร์: Customized Dynamic 50 มม. เส้นผ่าศูนย์กลางแป้นครอบหู: 65 x 40 มม. / 2.56 x 1.57 นิ้ว ประเภทการเชื่อมต่อ: ไร้สายแบบ 2.4 กิกะเฮิร์ต และหัวต่อ 3.5 มม. อายุแบตเตอรี่: ประมาณ 24 ชั่วโมง ความยาวสายไฟ: 1.3 เมตร / 4.27 ฟุต น้ำหนักโดยประมาณ: 320 กรัม / 0.71 ปอนด์  ครอบหูทรงไข่: วัสดุเมโมรี่โฟมนุ่มระบายอากาศได้ ระบบเสียง THX® Spatial Audio   ไมโครโฟน  การตอบสนองความถี่: 100เฮิร์ต – 10 กิโลเฮิร์ตซ์ อัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน: ≥ 60 เดซิเบล ค่าความไวต่อการตอบสนอง (@1 กิโลเฮิร์ตซ์): -42 ± 3 เดซิเบล รูปแบบการรับเสียง: รับเฉพาะเสียงด้านหน้า - Supercardioid การบังคับบนฝาครอบ ปรับระดับเสียงขึ้นลง ปุ่มปิด/เปิดไมค์   การควบคุมเสียงและไมค์ขั้นสูงผ่าน Razer Synapse 3 ระดับเสียงไมค์​  บูสต์เสียงไมค์​ วอยซ์เกต (Voice gate) การปรับสัญญาณเสียงไมค์ (Mic equalizer)​ การปรับค่าเสียงมาตรฐาน (Volume normalization)​ การปรับความชัดของเสียงพูด (Vocal clarity) ​ การลดเสียงรบกวนจากภายนอก   การเชื่อมต่อสัญญาณเสียง เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ  ด้วยสายหัวต่อเครื่องเสียง 3.5 มม. เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ  ด้วยสายหัวต่อ USB    ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 179.99 ดอลลาร์ / 199.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563   เกี่ยวกับ DEATHADDER V2 PRO ระบบ True 20,000 DPI Focus+ Optical Sensor ความแม่นยำ 99.6%  ความไวสูงถึง 650 นิ้วต่อวินาที / อัตราเร่ง 50 G  การปรับค่าระยะ Lift-off/Landing ขั้นสูง Razer™ Optical Mouse Switches กดได้ 70 ล้านครั้ง ระบบไร้สายสองช่องทาง – Razer HyperSpeed (2.4 กิกะเฮิร์ต) และบลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) ปุ่มแบบตั้งโปรแกรมอิสระ (7+1)  แผ่นรองเมาส์ใช้วัสดุโพลีเตตระฟลูออโรเอทิลีน 100% (หนา 0.8 มม.) ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์มือขวาพร้อมทำผิวสัมผัสด้านข้าง ล้อเลื่อนเกรดสำหรับการเล่นเกม On-The-Fly Sensitivity Adjustment (Default stages: 400/800/1600/3200/6400) บันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบออนบอร์ดได้ (4+1 รูปแบบ)  รองรับ Razer Synapse 3      เอฟเฟกต์แสงไฟ Razer Chroma™ RGB ปรับแต่งสีได้ 16.8 ล้านสี การปรับค่าสีให้สอดคล้องกันระหว่างอุปกรณ์ สายชาร์จ Speedflex cable ยาว 1.8 เมตร / 6 ฟุต ใช้ได้กับ Razer Mouse Dock Chroma (จำหน่ายแยก) อายุแบตเตอรี่: ประมาณ 70 ชั่วโมงเมื่อใช้ Razer HyperSpeed Wireless, 120 ชั่วโมงเมื่อใช้ระบบบลูทูธพลังงานต่ำ (BLE) (ระยะเวลาโดยประมาณเมื่อไม่ใช้แสงไฟ อายุแบตเตอรี่แปรผันตามการตั้งค่าใช้งาน) ขนาดโดยประมาณ: 127.0 มม. / 5 นิ้ว (ความยาว) x 61.7 มม. / 2.43 นิ้ว (ความกว้างส่วนจับ) x 42.7 มม. / 1.68 นิ้ว (ความสูง) น้ำหนักโดยประมาณ: 88 กรัม / 3.1 ออนซ์ (ไม่รวมตัวรับสัญญาณ) ใช้ได้กับ Xbox One สำหรับการป้อนค่าพื้นฐาน   ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 129.99 ดอลลาร์ / 149.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563   เกี่ยวกับ BLACKWIDOW V3 PRO เทคโนโลยไร้สาย Razer HyperSpeed Wireless Technology Razer Mechanical Switches ออกแบบสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ รองรับการกดได้ถึง 80 ล้านครั้ง ระบบไฟแบ็กไลต์ Razer Chroma™ RGB ปรับแต่งได้ 16.8 ล้านสี ประเภทการเชื่อมต่อ: Razer HyperSpeed (2.4 กิกะเฮิร์ต) / บลูทูธ / ต่อสาย (USB-C) อายุแบตเตอรี่: สูงถึง 200 ชั่วโมง (ปิดไฟ RGB) แป้นพักมือหุ้มหนังเทียมตามหลักสรีระศาสตร์  หน้าปัดดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่น ปุ่ม Media keys 4 ปุ่ม การบันทึกโปรไฟล์การตั้งค่าใช้งานแบบผสมออนบอร์ดและบนคลาวด์มากถึง 5 โปรไฟล์ รองรับ Razer Synapse 3 ระบบกดปุ่มพร้อมกันได้หลายปุ่ม (N-key roll-over) ปุ่มตั้งโปรแกรมได้ทั้งหมดพร้อมระบบ on-the-fly macro recording ตัวเลือกโหมดเกมมิ่ง อัตราการตอบสนอง (Ultrapolling) 1000 เฮิร์ต โครงสร้างอลูมิเนียม    ราคาและการวางจำหน่าย ราคาจำหน่ายปลีก 229.99 ดอลลาร์ / 249.99 ยูโร เว็บไซต์ Razer.com และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 22 กันยายน 2563 เกี่ยวกับ Razer เครื่องหมายการค้ารูปงูสามหัวของ Razer ถือเป็นหนึ่งในตราสัญลักษณ์ที่มีผู้คนรู้จักมากที่สุดในชุมชนเกมมิ่งและอี-สปอร์ตระดับโลก โดยบริษัทได้ออกแบบและพัฒนาเครือข่ายสำหรับผู้เล่นเกมโดยเฉพาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผสานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน ภายใต้ฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ทั่วทุกทวีป Razer มีฮาร์ดแวร์ที่ได้รับรางวัลมากมาย ทั้งอุปกรณ์ต่อพ่วงประสิทธิภาพสูงสำหรับเกมมิ่ง เกมมิ่งโน้ตบุ๊กตระกูล Blade รวมถึง Razer Phone ที่ได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ขณะเดียวกันแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์จาก Razer ที่รวมแล้วมีผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านรายนั้น ประกอบด้วย Razer Synapse (แพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์) Razer Chroma RGB (ระบบเทคโนโลยีแสงไฟ RGB เอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท) และ Razer Cortex (ซอฟต์แวร์เพื่อปรับปรุงการเล่นเกมและศูนย์รวมบริการ) ส่วนทางด้านบริการต่างๆ ของ Razer ก็เช่น Razer Gold ที่ถือเป็นบริการเครดิตแบบเสมือนสำหรับเกมเมอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่ง และ Razer Fintech หนึ่งในหน่วยงานด้านเทคโนโลยีทางการเงินภายใต้การบริหารงานของเรเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 และมีสำนักงานใหญ่สองแห่งในเออร์ไวน์ (แคลิฟอร์เนีย) และสิงคโปร์ Razer ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ 17 แห่งทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่าเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ PRESS CONTACTS Thailand Phiroonrak Chaowprom [email protected]  Americas Kham Lam [email protected]   EMEA Maren Epping [email protected] China Evita Zhang [email protected] Asia Pacific Vanessa Li [email protected] Global Jan Horak [email protected] Razer - For Gamers. By Gamers.™ ###
24 Sep 2020
คุ้มไหมกับ PS5 หากเปรียบกับสเปคคอมในราคาที่เท่ากัน !!
เปิดตัวพร้อมเผยราคาค่าตัวอย่างเป็นทางการกันไปแล้วกับเครื่องเกมจากทางค่าย SONY อย่าง PS5 ในงาน PS5 Showcase ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ต่างเรียกเสียงฮือฮากับแฟนๆ ไม่น้อยเลยเพราะราคาจากทั้ง 2 รุ่น ที่เป็นแบบไม่มีช่องใส่แผ่น กับแบบมีช่องใส่แผ่น ถือเป็นราคาที่สามารถจับต้องได้ในราคา $399 - $499 (ราว 12,000 - 15,600 บาท) เท่านั้นเอง ซึ่งหลายๆ คนคงต้องมีการตั้งคำถามในเรื่องของความคุ้มค่าที่จะนำเงินราวหมื่นกว่าบาทไปซื้อเจ้าเครื่อง PS5 นี้ หรือจะนำไปประกอบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำอรรถประโยชน์ได้มากมายกว่า ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบที่ทุกท่านกำลังลังเลว่าจะตัดสินใจอย่างไรดีค่ะ PlayStation 5  ก่อนที่จะพาทุกคนไปหาคำตอบเราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับเครื่อง PS5 กันเสียก่อนเพื่อให้เห็นแนวทางในการตัดสินใจได้ชัดเจนขึ้นค่ะ หนึ่งในเครื่องเกมจากค่าย SONY ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเกมกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เครื่องรุ่นแรกที่ถูกปล่อยออกมาด้วยชื่อ PlayStation จนถึงปัจจุบันที่ PlayStation 5 ซึ่งในแต่ละรุ่นที่ผ่านมาสร้างยอดขายให้กับทางบริษัทได้อย่างมหาศาล เพราะเป็นเครื่องเกมที่มีแฟนๆ ติดตาม และชื่นชอบกันมากมายจากทั่วโลก เทคโนโลยีของตัวเครื่อง พร้อมภาพระดับ 4K ซึ่งในรุ่นปัจจุบันอย่าง PlayStation 5 นั้นต่างได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ กันอย่างหนาแน่นเพราะได้นำเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยเข้ามาสู่เครื่อง พร้อมทั้งยังมอบประสบการณ์ด้านคุณภาพกราฟิกที่สมจริงด้วยความละเอียดภาพที่ตัวเครื่องสามารถขับออกมาได้ถึง 4K จนหลายๆ คนต่างจับตามองตัวเครื่องนี้กันเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีดีแค่เครื่อง เกม Exclusive ก็ดีนะ อีกหนึ่งข้อที่เป็นส่วนในการช่วยตัดสินใจว่าจะต้องซื้อตัวเครื่องคงหนีไม่พ้นเรื่องของ เกม เพราะหากตัวเครื่องมีเพียงเทคโนโลยีล้ำที่หน้าสนใจ แต่มีแค่เกมที่สามารถเล่นได้ทั่วๆ ไป ก็คงไม่มีความพิเศษอะไร ทาง SONY จึงทำการผลิตตัวเกมที่จะลงเฉพาะกับเครื่อง PlayStation เท่านั้น ซึ่งในหลายๆ เกมนั้นมีความน่าสนใจไม่น้อยจึงเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจให้ผู้เล่นจำเป็นต้องซื้อเครื่อง เพื่อเล่นเกมเหล่านั้นด้วย ในส่วนของราคาหมื่นกลางๆ ทางตัวเครื่องจะให้อะไรมาบ้างนั้นเราไปรับชมได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลยค่ะ สเปคเครื่อง PS5 CPU - x86-64-AMD Ryzen™ “Zen 2” 8 Cores / 16 Threads Variable frequency สูงสุด 3.5 GHz GPU - AMD Radeon™ RDNA 2-based graphics engine Ray Tracing Acceleration Variable frequency สูงสุด 2.23 GHz (10.3 TFLOPS) System Memory - GDDR6 16GB  SSD - 825 GB Optical Drive - Ultra HD Blu-ray  แผ่นเกม PS5 - รองรับสูงสุด 100GB / แผ่น การส่งภาพ - HDMI™ OUT port Support of 4K 120Hz TVs, 8K TVs, VRR (เชื่อมโดย HDMI ver.2.1) เสียง - “Tempest” 3D AudioTech Input/Output - USB Type-A port (Hi-Speed USB)USB / Type-A port (Super-Speed USB 10Gbps) x2 / USB Type-C® port (Super-Speed USB 10Gbps) Networking -  Ethernet (10BASE-T, 100BASE-TX, 1000BASE-T)IEEE 802.11 a/b/g/n/ac/axBluetooth® 5.1 ขนาดของเครื่อง PS5 พร้อมดิสก์ไดรฟ์  390 มม. x 104 มม. x 260 มม.  (กว้าง x สูง x หนา) (ไม่รวมฐาน) หนัก 4.5 กิโลกรัม ใช้ไฟ 350W ราคาประมาณ 15,600 บาท ขนาดของเครื่อง PS5 Digital Edition 390 มม. x 92 มม. x 260 มม. (กว้าง x สูง x หนา) (ไม่รวมฐาน) หนัก 3.9 กิโลกรัม ใช้ไฟ 340W ราคาประมาณ 12,500 บาท สเปคคอมราคาเท่า PS5 ซึ่งจากการหาข้อมูลเกี่ยวกับสเปคคอมพิวเตอร์ในราคางบไม่เกิน 16,000 บาทตามราคาของ เครื่อง PS5 แล้วได้ออกมาดังนี้ค่ะ CPU : AMD Ryzen 3 1200 ซีพียูสุดคุ้มระดับ 4 คอร์ 4 เทรด ใช้งานทั่วไป เล่นเกมก็ขับการ์ดจอได้ไหว หรือจะตัดต่อวีดีโอ ราคา 2,690 บาท M/B : ASROCK AB350M Pro4 เมนบอร์ดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่ออปชั่นครบโดยเฉพาะแรมที่สามารถเพิ่มได้ถึง 4 แถว และ M.2 เพิ่ม SSD ได้อีกด้วย ราคา 1,690 บาท VGA : GIGABYTE AORUS Radeon RX570 4G ราคาการ์ดจอ AMD ดีจนเกินห้ามใจในงบนี้ถือว่าแรงคุ้มเล่นเกมลื่น ราคา 4,990 บาท RAM : TEAMGROUP DARK DDR4 8GB (8GBx1) 3000 บัสสูงหน่อย เผื่ออัพเกรท รองรับการทำงานหนักๆได้ดี ราคา 2,290 บาท HDD : Toshiba P300 1TB HDWD110 ใช้สำรองข้อมูลเก็บรูปเก็บหนังสบายๆ ราคา 1,120 บาท SSD : Apacer PANTHER AS340 240GB เน้นที่ความจุลงวินโดวส์ลงโปรแกรมต่างๆได้อย่างสบายไม่ต้องห่วงเรื่องความจุ ราคา 1,155 บาท PSU : SILVERSTONE ST70F-ES230 700W 80+ เอาทุกอุปกณณ์อยู่เผื่ออัพเกรทได้อีกด้วย ราคา 1,790 บาท Case : อันนี้แล้วแต่ชอบในตัวอย่างให้ดูก่อน แต่รวมๆแล้วงบนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท โดยอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราจัดหามานั้นเทียบแล้วไม่ใกล้เคียงกับสเปคของเครื่อง PS5 ที่ให้เทคโนโลยีทั้งหมดมาในราคาเพียง 15,600 บาท เลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเฟรมเรทที่สามารถเล่นได้เพียงแค่เกมทั่วไปบนภาพ Full HD ปกติ ที่ไม่กินสเปคเท่านั้นค่ะ รวมแล้ว 16,245 บาท แล้วถ้าอยากได้สเปคคอมที่เท่ากับ PS5 ราคเท่าไหร่ ? ต้องขอบอกก่อนเลยว่าหากจะจัดสเปคคอมที่มีความสามรถเทียบเท่ากันกับ PS5 ต้องใช้งบที่มากๆ เพราะเรื่องเทคโนโลยีด้านภาพที่สามารถขับได้ถึง 4K จะต้องใช้ CPU รวมถึง VGA ที่รองรับพร้อมทั้งแรงพอที่จะขับภาพออกมาได้ลื่นไหล จึงรวบรวมข้อมูลออกมาได้ดังนี้ CPU : AMD Ryzen 3700x ซีพีระดับ 8 คอร์ 12 เทรด ที่สามารถเล่นเกมก็ขับการ์ดจอได้ดีเยี่ยม หรือจะใช้ในงานตัดต่อวิดีโอก็สามารถทำได้ลื่นไหล ราคา 11,000 บาท M/B : GIGABYTE A520M S2H เมนบอร์ดที่สามารถขับเคลื่อนการทำงานของ CPU VGA ให้สามารถทำงานได้ดีด้วย ราคา 4,990 บาท VGA : NVIDIA RTX 3080 ถ้าอยากได้ภาพ 4K ที่เล่นบนความลื่นไหลแล้วหล่ะก็คงต้องลงทุนกับตัวการ์ดจอให้มีราคาสูงสักหน่อยจึงต้องใช้รุ่นท๊อปๆ ไปเลย ราคา 24,600 บาท RAM : G.SKILL Trident Z RGB DDR4 16GB (8GBx2) 3200 บัสสูงหน่อย เพื่อการทำงานอย่างสูงสุด  ราคา 2,950 บาท SSD : SAMSUNG 970 EVO 1TB M.2 NVMe เน้นที่ความจุลงวินโดวส์ลงโปรแกรมรวมถึงเกมต่างๆ พร้อมทั้งการอ่านข้อมูลที่รวดเร็วจะได้ไม่ต้องรอนาน ราคา 6,490 บาท PSU : Thermaltake Smart Pro RGB 850W Bronz รองรับการใช้งานไฟสูงสุดของทุกอุปกรณ์ได้แบบจัดเต็ม ราคา 3,990 บาท Case : อันนี้แล้วแต่ชอบส่วนของ PS5 เป็นสีขาวจึงหยิบเคสสีคล้ายๆ กันมาจริงๆ ราคาเคสอยู่ที่ความชอบงบนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1,240 บาท ซึ่งจริงๆ แล้วราคานี้ยังไม่รวมกับเทคโนโลยีเสียงแบบ 3D ด้วยหากต้องการได้ตามแบบ PS5 เป๊ะๆ คงต้องซื้อหูฟังที่รองรับระบบดังกล่าวอีกซึ่งจากการหาข้อมูลหูฟัง 3D ที่นิยมใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์มีมากมายซึ่งราคาเฉลี่ยก็อยู่ที่ราวๆ 15,000 บาท รวมแล้ว 55,260 บาท สรุป จากการนำข้อมูลสเปครวมถึงราคาของตัวเครื่องมาเปรียบเทียบให้ทุกคนได้เห็นกันก็ขอสรุปได้ว่า หากจัดสเปคคอมในราคาเท่ากับตัวเครื่อง PS5 แล้วได้เทคโนโลยีตามตัวเครื่องก็คงต้องยอมรับว่าเป็นไปได้ยากค่ะ เนื่องจากความสามารถของคอมพิวเตอร์มีในด้านความหลากหลายมากกว่าไม่ได้มุ่งเน้นไปทางการเล่นเกมอย่างเดียว จึงไม่สามารถรวบรวมเทคโนโลยีที่อำนวยด้านเกมทั้งหมดมาได้ในราคา 16,000 บาทอย่างแน่นอน เพราะถ้าต้องการสเปคคอมที่สามารถสู้กับเครื่อง PS5 ได้จริงๆ จะต้องเพิ่มราคาขึ้นไปสูงขึ้นหลายเท่าตัวจึงจะสามารถเทียบเท่าสเปคของเครื่องได้ แต่ถ้าต้องการเครื่องคอนโซลไว้เล่นเกมในราคาที่คุ้มค่าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีระดับ 4K รวมถึงเล่นเกมได้หลากหลายก็คงต้องซื้อเครื่อง PS5 จะคุ้มค่าที่สุดค่า Credit สเปคคอม: Notebookspec
18 Sep 2020
Fortnite มือถืออัพเดต 7.30 ใช้จอยเล่นได้แล้ว
Fortnite ได้เพิ่มอัพเดตใหม่ให้ผู้เล่นชาวมือถือใช้จอยเล่นได้แล้ว โดยการอัพเดตในครั้งนี้มาพร้อมกับแพตช์เวอร์ชัน 7.30 ซึ่งมีการอัพเดตเพิ่มเติมหลายๆ อย่าง ผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดจาก Patch Notes ได้ที่นี่ สิ่งที่เพิ่มเติมมาสำหรับชาวมือถือมีดังนี้: รองรับคอนโทรลเลอร์ Android: รองรับคอนโทรลเลอร์ Bluetooth เกือบทั้งหมด เช่น Steelseries Stratus XL, Gamevice, XBox1, Razer Raiju, และ Moto Gamepad iOS: รองรับคอนโทรลเลอร์ MFi เช่น Steelseries Nimbus และ Gamevice เกมจะปิดระบบสั่นของมือถือเมื่อทำการเชื่อมต่อจอย รองรับโหมด 60Hz สำหรับมือถือ Android บางรุ่น Samsung Galaxy Note 9 (รุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา) HONOR View20 Huawei Mate 20 X แก้ไขบั้กต่างๆ 
31 Jan 2019
Fortnite เตรียมจัดการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์แข่งเทนนิส Australian Open Grand Slam
ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายเกม Epic Games ประกาศว่าอีเวนท์ Fortnite Summer Smash จะจัดแข่งขันร่วมกับ Australian Open Grand Slam  ในวันที่ 26 - 27 มกราคมนี้ ถือเป็นทัวร์นาเมนท์แรกของซีรีส์แข่งขัน Grand Slam ที่จัดขั้นเป็นประจำทุกปี การแข่งขันเกม Fortnite ในครั้งนี้จะมีแบบทั้งการแข่งขันแบบ Solo และการแข่ง ProAm duos ที่ให้เกมเมอร์และอินฟลูเอนเซอร์มาจับคู่กันเพื่อชิงชัย โดยเงินรางวัลรวมของทั้งสองรายการจะทำลายสถิติ Prize Pool ของการแข่งเกมที่มากที่สุดในออนเตรเลีย คือ 500,000 AUD หรือประมาณ 357,000 USD (11 ล้านบาทไทย) [caption id="attachment_16756" align="alignnone" width="1024"] Epic Games[/caption] ด้านผู้กำกับการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ Australian Open คุณ Craig Tiley เปิดเผยว่า "Fortnite เป็นเกมที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ Gland Slam จะได้จัดการแข่งเกมในเดือนมกราคมนี้ โดยการแข่ง Fortnite Summer Smash ครั้งนี้ เราจะได้เห็นเกมเมอร์ที่เก่งที่สุดจากทั่วประเทศมาแข่งขันกัน ก่อนที่การแข่งขันนัดชิงของเทนนิสชายจะเริ่มต้นขึ้น" นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กีฬากระแสหลักและกีฬาอีสปอร์ตได้มาจัดแข่งร่วมกันของออสเตรเลีย Fortnite Summer Smash ถือเป็นโอกาสที่ดีจะช่วยให้แฟนกีฬากระแสหลักเข้าใจวงการอีสปอร์ตมากขึ้น   ที่มา: DOT ESPORTS
08 Jan 2019