GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "psvr"
Sony ลือ!! PSVR รุ่นใหม่วางจำหน่ายปลายปีหน้า
Sony เคยยืนยันว่ากำลังทำ PSVR รุ่นใหม่สำหรับ PS5 เพื่อให้เล่นเกม VR บนเครื่อง PS5 ได้อย่างราบรื่น โดยเมื่อต้นปีนี้ Sony ได้เปิดตัวชุด VR ใหม่ตามด้วยรูปภาพและรายละเอียดเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์ตัวใหม่ที่ออกวางจำหน่าย แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าจะวางขายตอนไหนในขณะที่ Sony ยังไม่ได้ระบุเรื่องวันวางขายอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดจาก Bloomberg ดูเหมือน PSVR รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายช่วงปลายปี 2022 และยังมีข้อมูลอีกว่า PSVR รุ่นใหม่จะใช้หน้าจอ Samsung OLED ในการแสดงผลข่าวช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้บอกว่า PSVR รุ่นใหม่จะแสดงผลความละเอียดได้สูงถึง 4000x2040 พิกเซล (2000x2040 พิกเซลต่อตา) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Gaze Tracking ที่แสดงผลด้วย Foveated Rendering ซึ่งจะทำให้กราฟิกคมชัดเฉพาะจุดระยะสายตาของเราเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Inside-Out Tracking ที่จะใช้กล้องในตัว VR เพื่อติดตามตำแหน่งของคอนโทรลเลอร์เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระด้วยCredit : https://gamingbolt.com/next-gen-psvr-is-reportedly-launching-in-holiday-2022
17 Jun 2021
SONY ซุ่มเตรียมพัฒนาแว่น PSVR รุ่นใหม่แล้ว !!
ในช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่ายในช่วงปีนี้ ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง และนอกจากเรื่องของเครื่องคอนโซลแล้ว หลายๆคนต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมของทาง SONY อย่าง PSVR ที่เหล่าแฟนๆ กำลังรอคอยรุ่นต่อไปกันอยู่ค่ะ จากข้อมูลในเว็บไซต์ job listing ประเทศญี่ปุ่นได้มีรายงานว่า ดูเหมือนทาง SONY เองก็มีท่าทีว่ากำลังพัฒนา PSVR รุ่นต่อไปด้วยเช่นกัน ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเขาต้องการความพิเศษของแว่น PSVR ที่มากขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาในการสร้างมากกว่าปกติ และจะไม่ได้เปิดตัวพร้อมกับเครื่อง PS5 ด้วย หากแว่น PSVR ตัวใหม่จะเปิดตัวมาอย่างอลังการพร้อมกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจ โดยแรกมากับการใช้เวลานานพอสมควรนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่น่ารอคอยไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เหล่าแฟนๆ คงคาดหวังกันมากขึ้นเพราะ ระยะเวลาในการพัฒนายิ่งมากคงจะต้องมีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจออกมาให้แฟนๆตื่นเต้นเพิ่มให้สมกับการรอคอยแล้วหล่ะ Credit: Gamingbolt
17 Aug 2020
สัมภาษณ์ผู้พัฒนา Marvels Iron Man VR: กับการสร้างประสบการณ์ Iron Man ที่สมจริงที่สุด
ในยุคที่ภาพยนตร์จากค่าย Marvel กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เชื่อว่าฮีโร่ในดวงใจของหลายๆ คนคงหนีไม่พ้น Tony Stark หรือ Iron Man นั่นเอง หลายคนเติบโตมาพร้อมกับภาพยนตร์ของฮีโร่เกราะเหล็กคนนี้ตั้งแต่ที่ภาคแรกออกฉายในปี 2008 มากกว่าทศวรรษหนึ่งมาแล้ว ประสบการณ์ของการได้ก้าวเข้าไปสวมใส่เกราะเหล็กที่ประดับประดาไปด้วยอาวุธและเทคโนโลยีสุดล้ำ ก่อนจะเหินฟ้าไปด้วยไอพ่นที่ติดอยู่ตามมือและเท้า เป็นอะไรที่หลายคนน่าจะใฝ่ฝันถึงมาก่อนไม่มากก็น้อย และประสบการณ์นี้แหละ คือเป้าหมายที่ผู้พัฒนา Camouflaj ต้องการจะมอบให้ผู้เล่นในเกม Marvels Iron Man VR ที่เพิ่งจะวางจำหน่ายสำหรับเครื่อง PS4/PSVR ไปเมื่อวันที่ 2 กรกฏาคมนี้ เพื่อพูดถึงกระบวนการพัฒนาอันแสนท้าทายของเกม รวมไปถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลัง "ประสบการณ์ VR ระดับ AAA" ทีมงาน GameFever (พร้อมกับสื่อเจ้าอื่นๆ ทั่วเอเซีย) จึงถือโอกาสพูดคุยกับผู้พัฒนาตำแหน่งผู้ออกแบบเกม (Game Designer) ของเกม Iron Man VR คุณ Ryan Darcey (RD) ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการพัฒนาเกมครั้งนี้จ้าาา การพัฒนาเกมขนาดใหญ่สำหรับแพลตฟอร์ม VR ที่สามารถมอบประสบการณ์เกมเต็มๆ ให้ผู้เล่น ถือเป็นสิ่งที่ยังคงท้าทายผู้พัฒนาหลายๆ คนมาตลอด ในฐานะเกมที่ชูจุดขายด้านการเล่น VR รอบทิศทางแบบ 360 องศา คุณค้นพบความท้าทายอะไรบ้างระหว่างการพัฒนาเกมนี้ RD: สิ่งแรกๆ ที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญที่สุดตลอดกระบวนการพัฒนาเกม ก็คือการทำให้ระบบการบินในเกมให้รู้สึกเป็นธรรมชาติและสนุกสำหรับผู้เล่น ให้พวกเขาได้รู้สึกเหมือนเป็น Iron Man ตัวจริงเลย ซึ่งเราคิดกันว่าถ้าทำแค่นั้นไม่ได้ ก็คงไม่คุ้มที่จะพยายามสร้างเกมนี้แต่ต้น และถ้าให้พูดแบบกว้างๆ การแก้ปัญหาเรื่องการเคลื่อนที่ในเกมถือเป็นความท้าทายอันดับหนึ่งในการสร้างเกม VR อยู่แล้วด้วย ถือเป็นโชคดีของเราที่ประสบการณ์การเป็น Iron Man สามารถแปลงให้เข้ากับการเล่นเกม VR ได้อย่างดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ตัวแว่น PSVR ที่ให้ความรู้สึกเหมือนการใส่หมวกของชุดเกราะ ที่พอใส่แล้วมีหน้าต่าง HUD เด้งขึ้นมาตรงหน้า และการบินด้วยไอพ่นบนข้อมือ ที่สามารถดัดแปลงให้กับการใช้ตัว Move Controller ได้ไม่ยาก ซึ่งระบบทั้งสองนี้เป็นระบบแรกๆ ที่เราใส่เข้าไปในเกม และเป็นระบบที่ท้าทายที่สุดอีกด้วย แต่ในความรู้สึกของผม ระบบการบินของเราถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของเกมนี้เลย เพราะการเคลื่อนที่ในพื้นที่แบบ 360 องศามันสำคัญมากต่อประสบการณ์การเป็น Iron Man เกม Marvels Iron Man VR จะตั้งอยู่ในจักรวาล Marvel ใหม่ของตัวเอง แยกกันกับทั้งจักรวาล MCU ของภาพยนตร์ และจักรวาลของ Marvels Spider-man ใน PS4 อีกด้วย อะไรทำให้คุณตัดสินใจสร้างเกมในจักรวาลใหม่ทั้งหมด RD: ถ้าให้พูดจากมุมของผู้พัฒนา ผมรู้สึกชอบมากกว่าที่เราได้มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ในเนื้อเรื่องที่เราสร้างขึ้นเองทั้งหมด แถมการไม่ขึ้นตรงกับจักรวาลใดๆ ทำให้เราสามารถดึงแรงบันดาลใจมาจากหลากหลายต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือแม้แต่เกมอื่นๆ เพื่อมาสร้างประสบการณ์ที่เราคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับ VR นั่นเอง เราได้เลือกสถานที่ที่ผู้เล่นจะได้สำรวจด้วยตัวเอง ทำให้เราสามารถเลือกสถานที่ที่จะเหมาะกับระบบการบิน 360 องศาของเราได้ เกมจะมีโหมด TPP (มุมมองบุคคลที่สาม) หรือโหมดถ่ายรูปให้ผู้เล่นได้ส่องชุดเกราะใกล้ๆ หรือไม่ RD: ในเดโมที่ผ่านมา เราได้แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบหลักของเกม Iron Man VR สองอย่าง นั่นก็คือระบบการต่อสู้อันดุเดือด และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครผู้เล่นหรือ Tony Stark และตัวละครเสริมจากจักรวาล Marvel อย่าง Pepper Potts และ Nick Fury อีกด้วย พูดง่ายๆ ว่าให้คุณได้รู้จักกับบุรุษเบื้องหลังหน้ากาก Iron Man อีกที จริงๆ แล้วหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่เรายังไม่เคยแสดงให้ผู้เล่นได้ลองในเดโมของเกม ก็คือระบบการตกแต่งชุดเกราะที่โรงรถของโทนี่ (Tonys Garage) ระหว่างภารกิจ โดยคุณจะสามารถส่องชุดได้ทุกซอกทุกมุมอย่างใกล้ชิด แถมยังสามารถปรับแต่งชุดเกราะของตัวเอง ไปจนถึงการเพิ่มอาวุธ Auxiliary Weapon อย่างจรวดข้อมือ ที่คุณสามารถเลือกใส่ในมือได้ข้างละอย่าง นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการอัปเกรดเช่นการเพิ่มความเร็วในการบิน หรือความเร็วในการเพิ่มเลือด และการตกแต่งเพื่อเน้นสวยงามอย่างเดียวด้วย เดิมทีเกมมีแผนจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลับถูกเลื่อนมาเป็นวันวางจำหน่ายปัจจุบัน (2 กรกฏาคม) การเลื่อนครั้งนี้เป็นผลกระทบจากไวรัส COVID-19 หรือไม่ และพวกคุณใช้เวลาพัฒนาเกมเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง RD: เอาจริงๆ ว่าเราใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการขัดเกลาองค์ประกอบทุกอย่างในเกมเลย ทีมงานของเราตอบสนองต่อไวรัส COVID-19 ได้อย่างยอดเยี่ยม และนอกจากปัญหาติดขัดเล็กน้อยไม่กี่อย่าง ทีมงาน Camouflaj สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานจากบ้านได้ไม่ยากเลย ในระหว่างนั้นเราก็ถือโอกาสขัดเกลาระบบทั้งหมดให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดที่เราจะทำได้ ตั้งแต่การนำความเห็นของผู้เล่นที่ได้ทดลองระบบการบินและการต่อสู้มาปรับใช้ ไปจนถึงการการพัฒนาฉากคัตซีนให้สวยขึ้น มันเป็นช่วงเวลาที่เราก้าวถอยหลังออกมาเพื่อมองเกมในภาพกว้างและตัดสินใจว่าเรายังสามารถพัฒนาจุดไหนของเกมได้บ้างภายในเวลาที่เหลืออยู่ก่อนวางจำหน่าย Iron Man VR เล็งจะผลักดันขีดจำกัดของเกม VR โดยรวมอย่างไรบ้าง อะไรในเกม Iron Man VR ที่คุณคิดว่าจะมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เล่น ที่เกม VR อื่นๆ มอบให้ไม่ได้ RD: เป็นคำถามที่ดีนะ ผมว่ามันมีอยู่สองจุด อย่างแรกก็คือสิ่งที่เรากล่าวถึงกันไปแล้ว ก็คือความอิสระในการบิน ซึ่งผมมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกมเราเลยนะ โดยเฉพาะเมื่อใช้ PSVR เพราะคุณจะต้องหันตัวแบบ 360 องศาจริงๆ ในการเล่นเกม และยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น Iron Man ด้วย อีกอย่างคือเรื่องของเนื้อเรื่อง เพราะเราให้ความสำคัญมากกับการเล่าเนื้อเรื่องที่มีความหมาย ตั้งแต่ฉากคัตซีนที่คุณสามารถปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ ไปจนถึงการพัฒนาตัวละครและบทพูด มันเป็นสิ่งที่เราทุ่มเวลาและกายใจลงไปมาก ซึ่งในความเห็นของผม คือสิ่งที่ผลักให้เกมของเรากลายเป็นเกมระดับ AAA แบบ VR ที่หลายคนรอจะได้สัมผัสอยู่จริงๆ นั่นคือเกมที่ให้ประสบการณ์เต็มๆ มากกว่ารู้สึกเหมือนเป็นแค่เดโมทดลองอุปกรณ์ คุณมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเวียนหัวบ้างไหม RD: แน่นอนว่าในเกมของเราจะมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ผู้พัฒนาทุกคนพยายามใส่เข้าไปในเกมเพื่อให้รู้สึกดีสำหรับผู้เล่นมากขึ้น อย่างการคงเฟรมรูตเอาไว้สูงๆ เป็นต้น แต่ก็คงจะช่วยได้ถึงแค่ระดับหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะคือการทำให้การกระทำของผู้เล่นและตัวละครในเกมมีความสัมพันธ์กันแบบ 1 ต่อ 1 ให้ได้มากที่สุด เช่นถ้าผู้เล่นงอข้อมือ ตัวละครในเกมก็จะงอข้อมือเหมือนกัน หรือถ้าผู้เล่นกดปุ่ม ตัวละครก็จะกดเหมือนกัน เพื่อให้สมองและร่างกายของผู้เล่นสามารถหลอมรวมเข้ากับภาพในเกมได้จริงๆ แม้แต่การพัฒนาระบบการบิน ให้คุณต้องเอี้ยวตัวจริงๆ เพื่อเลี้ยวในเกม ทั้งหมดทำเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุดระหว่างเล่น คุณพบข้อจำกัดของตัวเครื่อง PSVR บ้างไหมระหว่างการพัฒนา มีระบบในเกมที่คุณจำเป็นต้องตัดออกเพราะข้อจำกัดเหล่านี้บ้างไหม RD: ผมพูดได้เลยว่าเกม Iron Man VR ไม่ได้ถูกตัดคอนเทนต์ใดๆ เลยจากองค์ประกอบด้านอาร์ดแวร์ ความท้าทายใหญ่อย่างเดียวที่เราพบคือการที่ตัวเซนเซอร์ของ PSVR เป็นกล้องที่หันหน้าออกด้านเดียว ทำให้เกิดความท้าทายเมื่อผู้เล่นจำเป็นต้องหมุนตัวจนร่างกายไปบังเซนเซอร์เข้า แต่เราก็คิดค้นระบบการคาดเดาที่เรียกว่า Lost Tracking ที่ทำให้เกมสามารถ "คาดเดา" ได้ว่าคุณต้องการจะให้มือของคุณอยู่ในตำแหน่งใดเมื่อออกนอกระยะเซนเซอร์ และตรวจจับการเคลื่อนที่ของมือคุณได้อย่างแม่นยำเมื่อกลับเข้าสู่ระยะ ซึ่งเกมของเราสามารถสลับเข้า-ออกโหมดนี้ได้อย่างลื่นไหลตลอดเวลา เมื่อเราสามารถข้ามขีดจำกัดนี้ไปได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เราจำเป็นต้องตัดออกอีกเลย Marvels Iron Man VR วางจำหน่ายแล้ววันนี้สำหรับ PS4 และ PSVR โดยเฉพาะ
02 Jul 2020
ข่าวลือ! Resident Evil 8 อาจจะรองรับระบบ VR!
จากเกมใหม่ทั้งหมดที่ประกาศลงเครื่อง PlayStation 5 นั้น Resident Evil 8 เป็นเกมที่แฟนๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ นับแต่การวางจำหน่ายของภาค 7 แฟนๆ ก็รอการมาของภาค 8 มาโดยตลอด และในตอนนี้ได้มีการข่าวลือเรื่องใหม่มาว่าภาคนี้จะรองรับ PlayStation VR ด้วยครับ นับตั้งแต่การเปิดตัวของ Resident Evil 8 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เราก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเกมเพิ่มเติมมากนัก แต่ก็ได้มีข่าวลือจำนวนมากแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์จากนักปล่อยข่าวลือรายหนึ่งที่หลายๆ คนรู้จักกันดี Dusk Golem โพสต์ข้อความบน Twitter ของตัวเองยืนยันว่า การรองรับ PlayStation VR สอดคล้องกับอัตราเฟรมเรทของเกม แม้ว่าตัว Dusk Golem จะเคยบอกว่า เกมนี้จะไม่รองรับ PSVR แต่ตอนนี้เกมดังกล่าวดูเหมือนจะยอมรับระบบนี้เมื่อพิจารณาจากความนิยมของ Resident Evil 7 VR อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ดังนั้นผู้เล่นทุกท่านไม่จำเป็นที่จะต้องคาดหวังมากจนเกินไปนัก นอกเสียจากว่าทาง Capcom หรือ ทีมผู้พัฒนาออกมาประกาศในเรื่องนี้ For anyone worried about RE8s frame rate, dont. The trailer played kinda weirdly on the stream, but the game does support PSVR from what I hear so they will be aiming for a stable 60fps. — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 11, 2020 Credit : Gamerant สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
23 Jun 2020
XSEED ประกาศรายชื่อเกมที่จัดแสดงใน E3 2018
XSEED ประกาศรายชื่อเกมที่จะเปิดให้ได้เล่นในงาน E3 2018 แล้วจ้า มีแต่เกมที่สายอนิเมะไม่ควรพลาดทั้งนั้น! Fate/Extella Link (PS4, PS Vita) เกมแอคชั่นล้างผลาญจากซีรี่ย์อนิเมะสุดอมตะอย่าง Fate โดยเกมนี้เป็นภาคต่อของเกม Fate/Extella: The Umbral Star และจะเพิ่มตัวละคร Servant ให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นอีกถึง 10 ตัว แถมเกมยังมีระบบออนไลน์ให้เราสามารถต่อสู้กับเพื่อนแบบเป็นทีม 4 vs 4 ได้ด้วย! Freedom Planet (Switch) เกม platformer ใหม่สำหรับเครื่อง Nintendo Switch ที่ดูจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Sonic ยุคคลาสสิค ผู้เล่นจะรับบทเป็นมังกรสาวน้อย และต้องเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนและปีศาจมากมาย โดยเกมมีตัวละครหลักให้เลือกเล่นถึงสามตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีวิธีการเล่นและเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันไป! Gal Metal (Switch) เกมดนตรีที่ให้เราได้รับบทเป็นมือกลองในวงร๊อค Metal ที่สมาชิกเป็นสาวน้อยอนิเมะน่ารัก ผู้เล่นจะต้องใช้จอย Joy-con ืั้งสองแทนไม้กลอง และทำคะแนนด้วยการตีกลองให้เข้ากับจังหวะและทำนองเพลง ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกตีได้อย่างอิสระ! Gungrave VR (PSVR) เกมยิงปืนแบบ VR สุดมันส์ที่ให้เราได้รับบทเป็น Grave ตัวละครหลักจากอนิเมะชื่อดัง โดยเกมจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างฉากแอคชั่นแบบมุมมองบุคคลที่สามและหนึ่ง ให้ผู้เล่นได้รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นตัวละครอนิเมะจริงๆ เลยทีเดียว! Sakuna: Of Rice and Ruin (PS4, PC) เกมแอคชั่น 2D สุดน่ารัก โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยวชื่อซากุนะ ที่โดนเนรเทศจากบ้านเกิดพร้อมมนุษย์กลุ่มนึง และต้องต่อสู้กับปีศาจไปพร้อมๆ กับการดูและพืชผลของเหล่ามนุษย์ไปด้วย Senran Kagura Burst Re:Newal (PS4, PC) กลับมาอีกแล้วกับสาวๆ นินจานมขวัญใจเกมเมอร์ทั้งหลาย โดยภาคนี้จะเป็นการรีเมคเกมภาค 3DS ให้กลายเป็นเกมสำหรับคอนโซลและพีซี มาพร้อมกับกราฟิคและระบบการเล่นที่ทันสมัยมากขึ้น แถมยังคงมีระบบห้องแต่งตัวสุดฮิตอีกด้วยนะ อิอิ...
07 Jun 2018
รีวิว Stifled (PS4) พวกมันได้ยินเสียงความกลัวของคุณ!
Stifled เป็นเกมสยองขวัญบน Playstation 4 ที่มีระบบการเล่นที่แปลกใหม่ด้วยการใช้เสียงเป็นส่วนสำคัญในเกม โดยมีคำโปรยต่อท้ายชื่อเกมว่า THEY HEAR YOU FEAR (พวกมันได้ยินเสียงความกลัวของคุณ!) เพื่อนๆ สามารถใช้ Playstation VR และไมโครโฟนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่น ตัวเกมออกไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะมาลง PSN โซนเอเชียเมื่อไม่นานมานี้ โดยการกลับมาครั้งนี้ยังมาพร้อมกับเสียงพากย์และคำบรรยายภาษาไทยอีกด้วย ไปดูกันเลยว่าทีมงาน GameFever มีความเห็นอย่างไรหลังจากเล่นเกมที่ได้รับรางวัลด้านความสร้างสรรค์มากมายเกมนี้จนจบ ในเกมนี้เราจะรับบทเป็นชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในบ้านด้วยเสียงนาฬิกาปลุก เนื้อเรื่องเริ่มต้นของเกมมีแค่นั้นจริงๆ โดยผู้เล่นจะรู้เรื่องราวที่เหลือจากการเล่นเกม ผ่านบันทึก จดหมาย เสียงข้อความที่เพื่อนบ้านฝากไว้กับโทรศัพท์ และสิ่งอื่นๆ ที่เราสามารถสำรวจได้ เกมแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นฉากภายในอาคารซึ่งเป็นส่วนที่เราจะได้เดินสำรวจ ปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ โดยไม่ได้มีการใช้ฟังก์ชันเสียงของเกมเท่าไหร่นัก ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วถ้าผู้เล่นไม่สนใจก็ไม่จำเป็นต้องอ่านหรือฟังอะไรเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่ต้องการในการเล่นผ่านส่วนนี้จริงๆ ก็คือการเดินไปถึงจุดที่กำหนด รวมถึงสำรวจอะไรที่เกมกำหนดไว้ ส่วนที่สองของเกมคือส่วนที่เป็นจุดเด่นของเกมนี้ เป็นส่วนที่ผู้เล่นจะได้ใช้ฟังก์ชันเสียงของเกม เป็นส่วนที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นลุ้นระทึกกว่า เนื่องจากเป็นส่วนที่เราจะต้องคอยหลบหนีศัตรู รวมทั้งรอบกายเรายังเต็มไปด้วยความมืดมิด โดยภาพในเกมจะเปลี่ยนเป็นฉากสีดำและเราจะเห็นสิ่งรอบกายเป็นเพียงโครงร่างสีขาวในระยะการมองเห็นที่จำกัดมากๆ จุดนี้เราจะต้องใช้เสียงเพื่อสำรวจเส้นทาง (Echolocation) โดยเราสามารถหยิบข้าวของที่อยู่ตามพื้นเพื่อปาให้เกิดเสียง หรือใช้การส่งเสียงของเราเองผ่านไมโครโฟน (หรือใช้ปุ่มบนจอยในกรณีที่ไม่มีไมโครโฟน) ซึ่งเสียงที่เกิดจากการกระทำทั้งสองอย่างจะไปสะท้อนกับสิ่งรอบตัวเรา ปรากฏเป็นโครงร่างสีขาวขึ้นมา ทำให้พื้นที่การมองเห็นของเรามากขึ้นกว่าเดิม เราจะต้องใช้การสำรวจด้วยเสียงภายในฉากแบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะที่เราใช้เสียงเพื่อสำรวจเส้นทางนั้นเราจะต้องคอยระวังว่าเสียงของเราจะไปถึงเหล่าปีศาจภายในเกมด้วย โดยศัตรูจะมองไม่เห็นเรา แต่หากเราส่งเสียงเมื่อไหร่ แม้จะเป็นเพียงเสียงเดิน ศัตรูที่เดินอยู่จะพุ่งเข้าโจมตีเราทันที และเราไม่สามารถที่จะจู่โจมกลับได้ ส่วนนี้เราจะต้องหาทางหลอกล่อศัตรูให้ไปทางอื่นด้วยเสียง แบบเดียวกับที่เราใช้เพื่อสำรวจฉาก รูปแบบการเล่นในส่วนนี้ซึ่งเป็นจุดขายของเกมนี้ซึ่งดูเหมือนจะน่าสนใจ เอาเข้าจริงๆ แล้วกลายเป็นจุดอ่อนของเกมเพราะทำมาได้ไม่ดีพอ ถึงแม้จะบอกว่าเราใช้เสียงเพื่อสำรวจฉากแต่เอาเข้าจริงๆ เรายังต้องใช้การมองเห็นเป็นส่วนหลักของเกมอยู่ดี การส่งเสียงเพื่อสำรวจเส้นทางน่าสนุกอยู่ในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการพูดหรือตะโกนซ้ำๆ เพื่อทำให้ตัวละครเรามองเห็นฉากเท่านั้นเอง ถึงแม้เสียงเบาหรือดังจะมีผลต่อระยะการมองเห็นแต่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าไหร่ การหยิบของตามพื้นเพื่อปาล่อศัตรูไปที่อื่นนั้นมีประโยชน์และได้ผลดีกว่ามาก และการสำรวจฉากส่วนใหญ่ก็ดำเนินไปด้วยการพูดเสียงปกติเนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่การมองเห็นที่มากขึ้นด้วยการพูดเสียงดัง เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาภาพที่เรามองเห็นก็จะกลับมามืดเหมือนเดิมและต้องส่งเสียงใหม่อยู่ดี และการพูดเสียงเบาก็ให้พื้นที่ในการมองเห็นน้อยเกินไป กลายเป็นว่าการสำรวจฉากด้วยวิธีนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการย้ายฟังก์ชันที่อยู่ในปุ่มมาทำให้มีลูกเล่นมากขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง เกมนี้เป็นเกมสยองขวัญที่แทบไม่มีความน่ากลัวเลย สาเหตุอย่างแรกก็คือกราฟิกที่มีคุณภาพต่ำ ความประทับใจแรกที่ผู้เล่นจะได้พบเมื่อสวมแว่น VR เพื่อดำดิ่งเข้าสู่โลกของเกมก็คือสิ่งแวดล้อมที่ดูราวกับเป็นของปลอม และเพราะแบบนั้นประสบการณ์ร่วมจากการคิดว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริงๆ จึงลดลงอย่างมาก ในส่วนที่เราต้องคอยหลบศัตรูซึ่งถึงแม้จะตื่นเต้นกว่าแต่เนื่องด้วยกราฟิกที่เปลี่ยนเป็นสไตล์แบบภาพโครงร่างของสิ่งรอบตัวทำให้เหล่าปีศาจในเกมแทบไม่มีความน่ากลัวเหลืออยู่เลย ความตกใจที่เกิดขึ้นเป็นแบบความตกใจแบบที่เกิดขึ้นเวลามีเพื่อนแอบแกล้งให้เราตกใจแค่นั้นเอง ซึ่งพอผู้เล่นปรับตัวให้เข้ากับความตกใจแบบนั้นได้ การเจอศัตรูแต่ละครั้งก็กลายเป็นความรำคาญมากกว่าความล้นระทึก เหล่าปีศาจกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อที่คอยขัดขวางไม่ให้เราไปต่อมากกว่าที่จะเป็นความน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้เราขนลุก และเนื่องจากเราไม่ค่อยจะตกใจกลัว ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการที่ศัตรูสัมผัสความกลัวจากเสียงตกใจของเราได้จึงแทบไม่ได้ทำงานเลย เป็นเรื่องน่ายินดีมากๆ ที่ได้เห็นเกมที่มีทั้งเสียงพากย์และคำบรรยายภาษาไทย เมื่อคิดถึงความรู้สึกร่วมที่มากขึ้นและความเข้าใจเนื้อเรื่องที่มากขึ้น โดยเฉพาะกับเกมที่ส่วนหนึ่งของเกมคือการค่อยๆ เผยเนื้อเรื่องจากการอ่าน การฟังสิ่งต่างๆ ในเกม คำบรรยายของเกมทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน แต่สิ่งที่ดีจริงๆ คือพวกเอกสารหรือบันทึกต่างๆ ในเกมที่สามารถกดดูคำแปลได้หมด ช่วยทำให้เข้าใจเรื่องราวในเกมได้ง่ายขึ้นมาก ส่วนเสียงพากย์นั้นถือว่าทำได้น่าผิดหวังพอสมควร นั่นเพราะเสียงของตัวละครหลักมีการเลือกนักพากย์มาได้ไม่เข้ากับตัวละครเลย และน้ำเสียงค่อนข้างขัดกับบรรยากาศอยู่พอสมควร โดยเฉพาะถ้าเราเลือกเล่นแบบไม่ใช้ไมโครโฟน เราจะได้ยินเสียงตัวละครหลักอยู่ตลอดเวลาเมื่อกดปุ่มให้ตัวละครส่งเสียงเพื่อสำรวจเส้นทาง จากบรรยากาศที่ควรจะน่ากลัวก็กลายเป็นว่าตลกไปเลย ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนให้ใช้เฉพาะคำบรรยายภาษาไทยแต่ใช่เสียงพากย์ต้นฉบับได้ หากอยากเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นก็ต้องแลกมากับเสียงพากย์แบบนี้ สรุปคะแนน: 6.5/10 Stifled เป็นเกมที่มีรูปแบบการเล่นที่น่าสนใจแต่ทำออกมาได้ไม่ดีพอ บวกกับกราฟิกที่ทำให้เราไม่อินไปกับเกมความน่ากลัวที่ปรับตัวให้ชินได้อย่างรวดเร็ว และเนื้อเรื่องที่เราต้องปะติดปะต่อเอาเองก็ไม่ได้น่าติดตามขนาดนั้น ทำให้เกมนี้สนุกน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ ความคุ้มค่าในการเล่นกับ VR: 2/5 การเล่นกับ VR ทำให้เกมนี้สนุกขึ้นกว่าการเล่นแบบปกติ หากใครมี VR อยู่แล้วและสนใจเล่นเกมนี้ แนะนำให้เล่นด้วย VR ไปเลย แต่หากยังไม่มี VR มาก่อน เกมนี้ก็ยังไม่ใช่เหตุผลในการซื้อหามาเล่น เพราะทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก
11 May 2018
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "psvr"
Sony ลือ!! PSVR รุ่นใหม่วางจำหน่ายปลายปีหน้า
Sony เคยยืนยันว่ากำลังทำ PSVR รุ่นใหม่สำหรับ PS5 เพื่อให้เล่นเกม VR บนเครื่อง PS5 ได้อย่างราบรื่น โดยเมื่อต้นปีนี้ Sony ได้เปิดตัวชุด VR ใหม่ตามด้วยรูปภาพและรายละเอียดเกี่ยวกับคอนโทรลเลอร์ตัวใหม่ที่ออกวางจำหน่าย แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าจะวางขายตอนไหนในขณะที่ Sony ยังไม่ได้ระบุเรื่องวันวางขายอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดจาก Bloomberg ดูเหมือน PSVR รุ่นใหม่จะวางจำหน่ายช่วงปลายปี 2022 และยังมีข้อมูลอีกว่า PSVR รุ่นใหม่จะใช้หน้าจอ Samsung OLED ในการแสดงผลข่าวช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้บอกว่า PSVR รุ่นใหม่จะแสดงผลความละเอียดได้สูงถึง 4000x2040 พิกเซล (2000x2040 พิกเซลต่อตา) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Gaze Tracking ที่แสดงผลด้วย Foveated Rendering ซึ่งจะทำให้กราฟิกคมชัดเฉพาะจุดระยะสายตาของเราเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Inside-Out Tracking ที่จะใช้กล้องในตัว VR เพื่อติดตามตำแหน่งของคอนโทรลเลอร์เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระด้วยCredit : https://gamingbolt.com/next-gen-psvr-is-reportedly-launching-in-holiday-2022
17 Jun 2021
SONY ซุ่มเตรียมพัฒนาแว่น PSVR รุ่นใหม่แล้ว !!
ในช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่ายในช่วงปีนี้ ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง และนอกจากเรื่องของเครื่องคอนโซลแล้ว หลายๆคนต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมของทาง SONY อย่าง PSVR ที่เหล่าแฟนๆ กำลังรอคอยรุ่นต่อไปกันอยู่ค่ะ จากข้อมูลในเว็บไซต์ job listing ประเทศญี่ปุ่นได้มีรายงานว่า ดูเหมือนทาง SONY เองก็มีท่าทีว่ากำลังพัฒนา PSVR รุ่นต่อไปด้วยเช่นกัน ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเขาต้องการความพิเศษของแว่น PSVR ที่มากขึ้น จึงมีการคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาในการสร้างมากกว่าปกติ และจะไม่ได้เปิดตัวพร้อมกับเครื่อง PS5 ด้วย หากแว่น PSVR ตัวใหม่จะเปิดตัวมาอย่างอลังการพร้อมกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจ โดยแรกมากับการใช้เวลานานพอสมควรนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่น่ารอคอยไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เหล่าแฟนๆ คงคาดหวังกันมากขึ้นเพราะ ระยะเวลาในการพัฒนายิ่งมากคงจะต้องมีฟีเจอร์อะไรน่าสนใจออกมาให้แฟนๆตื่นเต้นเพิ่มให้สมกับการรอคอยแล้วหล่ะ Credit: Gamingbolt
17 Aug 2020
สัมภาษณ์ผู้พัฒนา Marvels Iron Man VR: กับการสร้างประสบการณ์ Iron Man ที่สมจริงที่สุด
ในยุคที่ภาพยนตร์จากค่าย Marvel กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เชื่อว่าฮีโร่ในดวงใจของหลายๆ คนคงหนีไม่พ้น Tony Stark หรือ Iron Man นั่นเอง หลายคนเติบโตมาพร้อมกับภาพยนตร์ของฮีโร่เกราะเหล็กคนนี้ตั้งแต่ที่ภาคแรกออกฉายในปี 2008 มากกว่าทศวรรษหนึ่งมาแล้ว ประสบการณ์ของการได้ก้าวเข้าไปสวมใส่เกราะเหล็กที่ประดับประดาไปด้วยอาวุธและเทคโนโลยีสุดล้ำ ก่อนจะเหินฟ้าไปด้วยไอพ่นที่ติดอยู่ตามมือและเท้า เป็นอะไรที่หลายคนน่าจะใฝ่ฝันถึงมาก่อนไม่มากก็น้อย และประสบการณ์นี้แหละ คือเป้าหมายที่ผู้พัฒนา Camouflaj ต้องการจะมอบให้ผู้เล่นในเกม Marvels Iron Man VR ที่เพิ่งจะวางจำหน่ายสำหรับเครื่อง PS4/PSVR ไปเมื่อวันที่ 2 กรกฏาคมนี้ เพื่อพูดถึงกระบวนการพัฒนาอันแสนท้าทายของเกม รวมไปถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลัง "ประสบการณ์ VR ระดับ AAA" ทีมงาน GameFever (พร้อมกับสื่อเจ้าอื่นๆ ทั่วเอเซีย) จึงถือโอกาสพูดคุยกับผู้พัฒนาตำแหน่งผู้ออกแบบเกม (Game Designer) ของเกม Iron Man VR คุณ Ryan Darcey (RD) ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการพัฒนาเกมครั้งนี้จ้าาา การพัฒนาเกมขนาดใหญ่สำหรับแพลตฟอร์ม VR ที่สามารถมอบประสบการณ์เกมเต็มๆ ให้ผู้เล่น ถือเป็นสิ่งที่ยังคงท้าทายผู้พัฒนาหลายๆ คนมาตลอด ในฐานะเกมที่ชูจุดขายด้านการเล่น VR รอบทิศทางแบบ 360 องศา คุณค้นพบความท้าทายอะไรบ้างระหว่างการพัฒนาเกมนี้ RD: สิ่งแรกๆ ที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญที่สุดตลอดกระบวนการพัฒนาเกม ก็คือการทำให้ระบบการบินในเกมให้รู้สึกเป็นธรรมชาติและสนุกสำหรับผู้เล่น ให้พวกเขาได้รู้สึกเหมือนเป็น Iron Man ตัวจริงเลย ซึ่งเราคิดกันว่าถ้าทำแค่นั้นไม่ได้ ก็คงไม่คุ้มที่จะพยายามสร้างเกมนี้แต่ต้น และถ้าให้พูดแบบกว้างๆ การแก้ปัญหาเรื่องการเคลื่อนที่ในเกมถือเป็นความท้าทายอันดับหนึ่งในการสร้างเกม VR อยู่แล้วด้วย ถือเป็นโชคดีของเราที่ประสบการณ์การเป็น Iron Man สามารถแปลงให้เข้ากับการเล่นเกม VR ได้อย่างดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ตัวแว่น PSVR ที่ให้ความรู้สึกเหมือนการใส่หมวกของชุดเกราะ ที่พอใส่แล้วมีหน้าต่าง HUD เด้งขึ้นมาตรงหน้า และการบินด้วยไอพ่นบนข้อมือ ที่สามารถดัดแปลงให้กับการใช้ตัว Move Controller ได้ไม่ยาก ซึ่งระบบทั้งสองนี้เป็นระบบแรกๆ ที่เราใส่เข้าไปในเกม และเป็นระบบที่ท้าทายที่สุดอีกด้วย แต่ในความรู้สึกของผม ระบบการบินของเราถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของเกมนี้เลย เพราะการเคลื่อนที่ในพื้นที่แบบ 360 องศามันสำคัญมากต่อประสบการณ์การเป็น Iron Man เกม Marvels Iron Man VR จะตั้งอยู่ในจักรวาล Marvel ใหม่ของตัวเอง แยกกันกับทั้งจักรวาล MCU ของภาพยนตร์ และจักรวาลของ Marvels Spider-man ใน PS4 อีกด้วย อะไรทำให้คุณตัดสินใจสร้างเกมในจักรวาลใหม่ทั้งหมด RD: ถ้าให้พูดจากมุมของผู้พัฒนา ผมรู้สึกชอบมากกว่าที่เราได้มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ในเนื้อเรื่องที่เราสร้างขึ้นเองทั้งหมด แถมการไม่ขึ้นตรงกับจักรวาลใดๆ ทำให้เราสามารถดึงแรงบันดาลใจมาจากหลากหลายต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือแม้แต่เกมอื่นๆ เพื่อมาสร้างประสบการณ์ที่เราคิดว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับ VR นั่นเอง เราได้เลือกสถานที่ที่ผู้เล่นจะได้สำรวจด้วยตัวเอง ทำให้เราสามารถเลือกสถานที่ที่จะเหมาะกับระบบการบิน 360 องศาของเราได้ เกมจะมีโหมด TPP (มุมมองบุคคลที่สาม) หรือโหมดถ่ายรูปให้ผู้เล่นได้ส่องชุดเกราะใกล้ๆ หรือไม่ RD: ในเดโมที่ผ่านมา เราได้แสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบหลักของเกม Iron Man VR สองอย่าง นั่นก็คือระบบการต่อสู้อันดุเดือด และการปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครผู้เล่นหรือ Tony Stark และตัวละครเสริมจากจักรวาล Marvel อย่าง Pepper Potts และ Nick Fury อีกด้วย พูดง่ายๆ ว่าให้คุณได้รู้จักกับบุรุษเบื้องหลังหน้ากาก Iron Man อีกที จริงๆ แล้วหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่เรายังไม่เคยแสดงให้ผู้เล่นได้ลองในเดโมของเกม ก็คือระบบการตกแต่งชุดเกราะที่โรงรถของโทนี่ (Tonys Garage) ระหว่างภารกิจ โดยคุณจะสามารถส่องชุดได้ทุกซอกทุกมุมอย่างใกล้ชิด แถมยังสามารถปรับแต่งชุดเกราะของตัวเอง ไปจนถึงการเพิ่มอาวุธ Auxiliary Weapon อย่างจรวดข้อมือ ที่คุณสามารถเลือกใส่ในมือได้ข้างละอย่าง นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการอัปเกรดเช่นการเพิ่มความเร็วในการบิน หรือความเร็วในการเพิ่มเลือด และการตกแต่งเพื่อเน้นสวยงามอย่างเดียวด้วย เดิมทีเกมมีแผนจะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กลับถูกเลื่อนมาเป็นวันวางจำหน่ายปัจจุบัน (2 กรกฏาคม) การเลื่อนครั้งนี้เป็นผลกระทบจากไวรัส COVID-19 หรือไม่ และพวกคุณใช้เวลาพัฒนาเกมเพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง RD: เอาจริงๆ ว่าเราใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการขัดเกลาองค์ประกอบทุกอย่างในเกมเลย ทีมงานของเราตอบสนองต่อไวรัส COVID-19 ได้อย่างยอดเยี่ยม และนอกจากปัญหาติดขัดเล็กน้อยไม่กี่อย่าง ทีมงาน Camouflaj สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานจากบ้านได้ไม่ยากเลย ในระหว่างนั้นเราก็ถือโอกาสขัดเกลาระบบทั้งหมดให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดที่เราจะทำได้ ตั้งแต่การนำความเห็นของผู้เล่นที่ได้ทดลองระบบการบินและการต่อสู้มาปรับใช้ ไปจนถึงการการพัฒนาฉากคัตซีนให้สวยขึ้น มันเป็นช่วงเวลาที่เราก้าวถอยหลังออกมาเพื่อมองเกมในภาพกว้างและตัดสินใจว่าเรายังสามารถพัฒนาจุดไหนของเกมได้บ้างภายในเวลาที่เหลืออยู่ก่อนวางจำหน่าย Iron Man VR เล็งจะผลักดันขีดจำกัดของเกม VR โดยรวมอย่างไรบ้าง อะไรในเกม Iron Man VR ที่คุณคิดว่าจะมอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เล่น ที่เกม VR อื่นๆ มอบให้ไม่ได้ RD: เป็นคำถามที่ดีนะ ผมว่ามันมีอยู่สองจุด อย่างแรกก็คือสิ่งที่เรากล่าวถึงกันไปแล้ว ก็คือความอิสระในการบิน ซึ่งผมมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกมเราเลยนะ โดยเฉพาะเมื่อใช้ PSVR เพราะคุณจะต้องหันตัวแบบ 360 องศาจริงๆ ในการเล่นเกม และยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น Iron Man ด้วย อีกอย่างคือเรื่องของเนื้อเรื่อง เพราะเราให้ความสำคัญมากกับการเล่าเนื้อเรื่องที่มีความหมาย ตั้งแต่ฉากคัตซีนที่คุณสามารถปฏิสัมพันธ์ด้วยได้ ไปจนถึงการพัฒนาตัวละครและบทพูด มันเป็นสิ่งที่เราทุ่มเวลาและกายใจลงไปมาก ซึ่งในความเห็นของผม คือสิ่งที่ผลักให้เกมของเรากลายเป็นเกมระดับ AAA แบบ VR ที่หลายคนรอจะได้สัมผัสอยู่จริงๆ นั่นคือเกมที่ให้ประสบการณ์เต็มๆ มากกว่ารู้สึกเหมือนเป็นแค่เดโมทดลองอุปกรณ์ คุณมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเวียนหัวบ้างไหม RD: แน่นอนว่าในเกมของเราจะมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ผู้พัฒนาทุกคนพยายามใส่เข้าไปในเกมเพื่อให้รู้สึกดีสำหรับผู้เล่นมากขึ้น อย่างการคงเฟรมรูตเอาไว้สูงๆ เป็นต้น แต่ก็คงจะช่วยได้ถึงแค่ระดับหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งที่เราพยายามทำสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะคือการทำให้การกระทำของผู้เล่นและตัวละครในเกมมีความสัมพันธ์กันแบบ 1 ต่อ 1 ให้ได้มากที่สุด เช่นถ้าผู้เล่นงอข้อมือ ตัวละครในเกมก็จะงอข้อมือเหมือนกัน หรือถ้าผู้เล่นกดปุ่ม ตัวละครก็จะกดเหมือนกัน เพื่อให้สมองและร่างกายของผู้เล่นสามารถหลอมรวมเข้ากับภาพในเกมได้จริงๆ แม้แต่การพัฒนาระบบการบิน ให้คุณต้องเอี้ยวตัวจริงๆ เพื่อเลี้ยวในเกม ทั้งหมดทำเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุดระหว่างเล่น คุณพบข้อจำกัดของตัวเครื่อง PSVR บ้างไหมระหว่างการพัฒนา มีระบบในเกมที่คุณจำเป็นต้องตัดออกเพราะข้อจำกัดเหล่านี้บ้างไหม RD: ผมพูดได้เลยว่าเกม Iron Man VR ไม่ได้ถูกตัดคอนเทนต์ใดๆ เลยจากองค์ประกอบด้านอาร์ดแวร์ ความท้าทายใหญ่อย่างเดียวที่เราพบคือการที่ตัวเซนเซอร์ของ PSVR เป็นกล้องที่หันหน้าออกด้านเดียว ทำให้เกิดความท้าทายเมื่อผู้เล่นจำเป็นต้องหมุนตัวจนร่างกายไปบังเซนเซอร์เข้า แต่เราก็คิดค้นระบบการคาดเดาที่เรียกว่า Lost Tracking ที่ทำให้เกมสามารถ "คาดเดา" ได้ว่าคุณต้องการจะให้มือของคุณอยู่ในตำแหน่งใดเมื่อออกนอกระยะเซนเซอร์ และตรวจจับการเคลื่อนที่ของมือคุณได้อย่างแม่นยำเมื่อกลับเข้าสู่ระยะ ซึ่งเกมของเราสามารถสลับเข้า-ออกโหมดนี้ได้อย่างลื่นไหลตลอดเวลา เมื่อเราสามารถข้ามขีดจำกัดนี้ไปได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เราจำเป็นต้องตัดออกอีกเลย Marvels Iron Man VR วางจำหน่ายแล้ววันนี้สำหรับ PS4 และ PSVR โดยเฉพาะ
02 Jul 2020
ข่าวลือ! Resident Evil 8 อาจจะรองรับระบบ VR!
จากเกมใหม่ทั้งหมดที่ประกาศลงเครื่อง PlayStation 5 นั้น Resident Evil 8 เป็นเกมที่แฟนๆ ตื่นเต้นเป็นพิเศษ นับแต่การวางจำหน่ายของภาค 7 แฟนๆ ก็รอการมาของภาค 8 มาโดยตลอด และในตอนนี้ได้มีการข่าวลือเรื่องใหม่มาว่าภาคนี้จะรองรับ PlayStation VR ด้วยครับ นับตั้งแต่การเปิดตัวของ Resident Evil 8 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เราก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเกมเพิ่มเติมมากนัก แต่ก็ได้มีข่าวลือจำนวนมากแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์จากนักปล่อยข่าวลือรายหนึ่งที่หลายๆ คนรู้จักกันดี Dusk Golem โพสต์ข้อความบน Twitter ของตัวเองยืนยันว่า การรองรับ PlayStation VR สอดคล้องกับอัตราเฟรมเรทของเกม แม้ว่าตัว Dusk Golem จะเคยบอกว่า เกมนี้จะไม่รองรับ PSVR แต่ตอนนี้เกมดังกล่าวดูเหมือนจะยอมรับระบบนี้เมื่อพิจารณาจากความนิยมของ Resident Evil 7 VR อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ดังนั้นผู้เล่นทุกท่านไม่จำเป็นที่จะต้องคาดหวังมากจนเกินไปนัก นอกเสียจากว่าทาง Capcom หรือ ทีมผู้พัฒนาออกมาประกาศในเรื่องนี้ For anyone worried about RE8s frame rate, dont. The trailer played kinda weirdly on the stream, but the game does support PSVR from what I hear so they will be aiming for a stable 60fps. — AestheticGamer aka Dusk Golem (@AestheticGamer1) June 11, 2020 Credit : Gamerant สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
23 Jun 2020
XSEED ประกาศรายชื่อเกมที่จัดแสดงใน E3 2018
XSEED ประกาศรายชื่อเกมที่จะเปิดให้ได้เล่นในงาน E3 2018 แล้วจ้า มีแต่เกมที่สายอนิเมะไม่ควรพลาดทั้งนั้น! Fate/Extella Link (PS4, PS Vita) เกมแอคชั่นล้างผลาญจากซีรี่ย์อนิเมะสุดอมตะอย่าง Fate โดยเกมนี้เป็นภาคต่อของเกม Fate/Extella: The Umbral Star และจะเพิ่มตัวละคร Servant ให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นอีกถึง 10 ตัว แถมเกมยังมีระบบออนไลน์ให้เราสามารถต่อสู้กับเพื่อนแบบเป็นทีม 4 vs 4 ได้ด้วย! Freedom Planet (Switch) เกม platformer ใหม่สำหรับเครื่อง Nintendo Switch ที่ดูจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกม Sonic ยุคคลาสสิค ผู้เล่นจะรับบทเป็นมังกรสาวน้อย และต้องเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนและปีศาจมากมาย โดยเกมมีตัวละครหลักให้เลือกเล่นถึงสามตัว ซึ่งแต่ละตัวจะมีวิธีการเล่นและเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันไป! Gal Metal (Switch) เกมดนตรีที่ให้เราได้รับบทเป็นมือกลองในวงร๊อค Metal ที่สมาชิกเป็นสาวน้อยอนิเมะน่ารัก ผู้เล่นจะต้องใช้จอย Joy-con ืั้งสองแทนไม้กลอง และทำคะแนนด้วยการตีกลองให้เข้ากับจังหวะและทำนองเพลง ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกตีได้อย่างอิสระ! Gungrave VR (PSVR) เกมยิงปืนแบบ VR สุดมันส์ที่ให้เราได้รับบทเป็น Grave ตัวละครหลักจากอนิเมะชื่อดัง โดยเกมจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างฉากแอคชั่นแบบมุมมองบุคคลที่สามและหนึ่ง ให้ผู้เล่นได้รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับบทเป็นตัวละครอนิเมะจริงๆ เลยทีเดียว! Sakuna: Of Rice and Ruin (PS4, PC) เกมแอคชั่น 2D สุดน่ารัก โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยวชื่อซากุนะ ที่โดนเนรเทศจากบ้านเกิดพร้อมมนุษย์กลุ่มนึง และต้องต่อสู้กับปีศาจไปพร้อมๆ กับการดูและพืชผลของเหล่ามนุษย์ไปด้วย Senran Kagura Burst Re:Newal (PS4, PC) กลับมาอีกแล้วกับสาวๆ นินจานมขวัญใจเกมเมอร์ทั้งหลาย โดยภาคนี้จะเป็นการรีเมคเกมภาค 3DS ให้กลายเป็นเกมสำหรับคอนโซลและพีซี มาพร้อมกับกราฟิคและระบบการเล่นที่ทันสมัยมากขึ้น แถมยังคงมีระบบห้องแต่งตัวสุดฮิตอีกด้วยนะ อิอิ...
07 Jun 2018
รีวิว Stifled (PS4) พวกมันได้ยินเสียงความกลัวของคุณ!
Stifled เป็นเกมสยองขวัญบน Playstation 4 ที่มีระบบการเล่นที่แปลกใหม่ด้วยการใช้เสียงเป็นส่วนสำคัญในเกม โดยมีคำโปรยต่อท้ายชื่อเกมว่า THEY HEAR YOU FEAR (พวกมันได้ยินเสียงความกลัวของคุณ!) เพื่อนๆ สามารถใช้ Playstation VR และไมโครโฟนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่น ตัวเกมออกไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะมาลง PSN โซนเอเชียเมื่อไม่นานมานี้ โดยการกลับมาครั้งนี้ยังมาพร้อมกับเสียงพากย์และคำบรรยายภาษาไทยอีกด้วย ไปดูกันเลยว่าทีมงาน GameFever มีความเห็นอย่างไรหลังจากเล่นเกมที่ได้รับรางวัลด้านความสร้างสรรค์มากมายเกมนี้จนจบ ในเกมนี้เราจะรับบทเป็นชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในบ้านด้วยเสียงนาฬิกาปลุก เนื้อเรื่องเริ่มต้นของเกมมีแค่นั้นจริงๆ โดยผู้เล่นจะรู้เรื่องราวที่เหลือจากการเล่นเกม ผ่านบันทึก จดหมาย เสียงข้อความที่เพื่อนบ้านฝากไว้กับโทรศัพท์ และสิ่งอื่นๆ ที่เราสามารถสำรวจได้ เกมแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะเป็นฉากภายในอาคารซึ่งเป็นส่วนที่เราจะได้เดินสำรวจ ปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ โดยไม่ได้มีการใช้ฟังก์ชันเสียงของเกมเท่าไหร่นัก ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้วถ้าผู้เล่นไม่สนใจก็ไม่จำเป็นต้องอ่านหรือฟังอะไรเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่ต้องการในการเล่นผ่านส่วนนี้จริงๆ ก็คือการเดินไปถึงจุดที่กำหนด รวมถึงสำรวจอะไรที่เกมกำหนดไว้ ส่วนที่สองของเกมคือส่วนที่เป็นจุดเด่นของเกมนี้ เป็นส่วนที่ผู้เล่นจะได้ใช้ฟังก์ชันเสียงของเกม เป็นส่วนที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นลุ้นระทึกกว่า เนื่องจากเป็นส่วนที่เราจะต้องคอยหลบหนีศัตรู รวมทั้งรอบกายเรายังเต็มไปด้วยความมืดมิด โดยภาพในเกมจะเปลี่ยนเป็นฉากสีดำและเราจะเห็นสิ่งรอบกายเป็นเพียงโครงร่างสีขาวในระยะการมองเห็นที่จำกัดมากๆ จุดนี้เราจะต้องใช้เสียงเพื่อสำรวจเส้นทาง (Echolocation) โดยเราสามารถหยิบข้าวของที่อยู่ตามพื้นเพื่อปาให้เกิดเสียง หรือใช้การส่งเสียงของเราเองผ่านไมโครโฟน (หรือใช้ปุ่มบนจอยในกรณีที่ไม่มีไมโครโฟน) ซึ่งเสียงที่เกิดจากการกระทำทั้งสองอย่างจะไปสะท้อนกับสิ่งรอบตัวเรา ปรากฏเป็นโครงร่างสีขาวขึ้นมา ทำให้พื้นที่การมองเห็นของเรามากขึ้นกว่าเดิม เราจะต้องใช้การสำรวจด้วยเสียงภายในฉากแบบนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะที่เราใช้เสียงเพื่อสำรวจเส้นทางนั้นเราจะต้องคอยระวังว่าเสียงของเราจะไปถึงเหล่าปีศาจภายในเกมด้วย โดยศัตรูจะมองไม่เห็นเรา แต่หากเราส่งเสียงเมื่อไหร่ แม้จะเป็นเพียงเสียงเดิน ศัตรูที่เดินอยู่จะพุ่งเข้าโจมตีเราทันที และเราไม่สามารถที่จะจู่โจมกลับได้ ส่วนนี้เราจะต้องหาทางหลอกล่อศัตรูให้ไปทางอื่นด้วยเสียง แบบเดียวกับที่เราใช้เพื่อสำรวจฉาก รูปแบบการเล่นในส่วนนี้ซึ่งเป็นจุดขายของเกมนี้ซึ่งดูเหมือนจะน่าสนใจ เอาเข้าจริงๆ แล้วกลายเป็นจุดอ่อนของเกมเพราะทำมาได้ไม่ดีพอ ถึงแม้จะบอกว่าเราใช้เสียงเพื่อสำรวจฉากแต่เอาเข้าจริงๆ เรายังต้องใช้การมองเห็นเป็นส่วนหลักของเกมอยู่ดี การส่งเสียงเพื่อสำรวจเส้นทางน่าสนุกอยู่ในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการพูดหรือตะโกนซ้ำๆ เพื่อทำให้ตัวละครเรามองเห็นฉากเท่านั้นเอง ถึงแม้เสียงเบาหรือดังจะมีผลต่อระยะการมองเห็นแต่ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าไหร่ การหยิบของตามพื้นเพื่อปาล่อศัตรูไปที่อื่นนั้นมีประโยชน์และได้ผลดีกว่ามาก และการสำรวจฉากส่วนใหญ่ก็ดำเนินไปด้วยการพูดเสียงปกติเนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่การมองเห็นที่มากขึ้นด้วยการพูดเสียงดัง เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาภาพที่เรามองเห็นก็จะกลับมามืดเหมือนเดิมและต้องส่งเสียงใหม่อยู่ดี และการพูดเสียงเบาก็ให้พื้นที่ในการมองเห็นน้อยเกินไป กลายเป็นว่าการสำรวจฉากด้วยวิธีนี้ให้ความรู้สึกเหมือนการย้ายฟังก์ชันที่อยู่ในปุ่มมาทำให้มีลูกเล่นมากขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง เกมนี้เป็นเกมสยองขวัญที่แทบไม่มีความน่ากลัวเลย สาเหตุอย่างแรกก็คือกราฟิกที่มีคุณภาพต่ำ ความประทับใจแรกที่ผู้เล่นจะได้พบเมื่อสวมแว่น VR เพื่อดำดิ่งเข้าสู่โลกของเกมก็คือสิ่งแวดล้อมที่ดูราวกับเป็นของปลอม และเพราะแบบนั้นประสบการณ์ร่วมจากการคิดว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมจริงๆ จึงลดลงอย่างมาก ในส่วนที่เราต้องคอยหลบศัตรูซึ่งถึงแม้จะตื่นเต้นกว่าแต่เนื่องด้วยกราฟิกที่เปลี่ยนเป็นสไตล์แบบภาพโครงร่างของสิ่งรอบตัวทำให้เหล่าปีศาจในเกมแทบไม่มีความน่ากลัวเหลืออยู่เลย ความตกใจที่เกิดขึ้นเป็นแบบความตกใจแบบที่เกิดขึ้นเวลามีเพื่อนแอบแกล้งให้เราตกใจแค่นั้นเอง ซึ่งพอผู้เล่นปรับตัวให้เข้ากับความตกใจแบบนั้นได้ การเจอศัตรูแต่ละครั้งก็กลายเป็นความรำคาญมากกว่าความล้นระทึก เหล่าปีศาจกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อที่คอยขัดขวางไม่ให้เราไปต่อมากกว่าที่จะเป็นความน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้เราขนลุก และเนื่องจากเราไม่ค่อยจะตกใจกลัว ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการที่ศัตรูสัมผัสความกลัวจากเสียงตกใจของเราได้จึงแทบไม่ได้ทำงานเลย เป็นเรื่องน่ายินดีมากๆ ที่ได้เห็นเกมที่มีทั้งเสียงพากย์และคำบรรยายภาษาไทย เมื่อคิดถึงความรู้สึกร่วมที่มากขึ้นและความเข้าใจเนื้อเรื่องที่มากขึ้น โดยเฉพาะกับเกมที่ส่วนหนึ่งของเกมคือการค่อยๆ เผยเนื้อเรื่องจากการอ่าน การฟังสิ่งต่างๆ ในเกม คำบรรยายของเกมทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน แต่สิ่งที่ดีจริงๆ คือพวกเอกสารหรือบันทึกต่างๆ ในเกมที่สามารถกดดูคำแปลได้หมด ช่วยทำให้เข้าใจเรื่องราวในเกมได้ง่ายขึ้นมาก ส่วนเสียงพากย์นั้นถือว่าทำได้น่าผิดหวังพอสมควร นั่นเพราะเสียงของตัวละครหลักมีการเลือกนักพากย์มาได้ไม่เข้ากับตัวละครเลย และน้ำเสียงค่อนข้างขัดกับบรรยากาศอยู่พอสมควร โดยเฉพาะถ้าเราเลือกเล่นแบบไม่ใช้ไมโครโฟน เราจะได้ยินเสียงตัวละครหลักอยู่ตลอดเวลาเมื่อกดปุ่มให้ตัวละครส่งเสียงเพื่อสำรวจเส้นทาง จากบรรยากาศที่ควรจะน่ากลัวก็กลายเป็นว่าตลกไปเลย ซึ่งเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนให้ใช้เฉพาะคำบรรยายภาษาไทยแต่ใช่เสียงพากย์ต้นฉบับได้ หากอยากเข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นก็ต้องแลกมากับเสียงพากย์แบบนี้ สรุปคะแนน: 6.5/10 Stifled เป็นเกมที่มีรูปแบบการเล่นที่น่าสนใจแต่ทำออกมาได้ไม่ดีพอ บวกกับกราฟิกที่ทำให้เราไม่อินไปกับเกมความน่ากลัวที่ปรับตัวให้ชินได้อย่างรวดเร็ว และเนื้อเรื่องที่เราต้องปะติดปะต่อเอาเองก็ไม่ได้น่าติดตามขนาดนั้น ทำให้เกมนี้สนุกน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ ความคุ้มค่าในการเล่นกับ VR: 2/5 การเล่นกับ VR ทำให้เกมนี้สนุกขึ้นกว่าการเล่นแบบปกติ หากใครมี VR อยู่แล้วและสนใจเล่นเกมนี้ แนะนำให้เล่นด้วย VR ไปเลย แต่หากยังไม่มี VR มาก่อน เกมนี้ก็ยังไม่ใช่เหตุผลในการซื้อหามาเล่น เพราะทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก
11 May 2018