GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "gaming"
Xbox Cloud Gaming จะมาบนแพลตฟอร์ม Xbox Series X/S และ Xbox One ในวันหยุดตามเทศกาล ปี 2021
ทาง Microsoft ได้ทำการพลักดันระบบ Cloud Gaming อย่างหนักแน่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ xCloud ไปจนถึงการปรับความเข้ากันของเครื่องต่างๆ และตอนนี้เราก็กำลังจะมีเกมให้เล่นมากกว่า 100 เกมบน Xbox Series X/S และ Xbox One ในช่วงวันหยุดตามเทศกาลที่จะถึงนี้ นั่นหมายความว่าคุณจะได้ลองเกมใหม่ๆ บน Xbox One ที่มาพร้อมกับภาพกราฟิกที่สุดยอด (คุณภาพเกมอยู่ที่ 1080p/60 FPS) แม้จะเล่นบนเครื่องรุ่นเก่าก็ตาม สะดวกสะบายในการเล่นมากขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องโหลดเกมอีกต่อไป ฉะนั้นปัญหาพื้นที่ความจำเต็มจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแน่นอนว่าเราสามารถเล่นได้เฉพาะเกมที่รองรับระบบ Cloud เท่านั้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าฟีเจอร์สำหรับเกมบางอันจะเปลี่ยนไปตามคอนโซลที่ใช้ ประสิทธิภาพในการทำงานนั้นจะดูกันที่อินเทอร์เน็ตของแต่ละคน ฉะนั้นผู้เล่นอาจจะต้องใช้เวลาในการรอมากขึ้นตามความเร็วของอินเทอร์เน็ตยังไงก็ตามในอีกไม่กี่เดือนหน้าที่จะถึงนี้เราก็จะได้สัมผัส Xbox Cloud Gaming อย่างแน่นอนCredit: Gamingbolt
25 Aug 2021
Battlefield 1 แจกฟรีฟรีบน Amazon Prime Gaming แล้ว และเตรียมจะแจก Battlefield 5 ฟรี เกมถัดไป
แฟนๆ เกม Battlefield เตรียมเฮ เพราะตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 4 สิงหาคม สมาชิกของ Prime Gaming จะมีสิทธิ์ขอรับเกม Battlefield 1 บนเครื่อง PC ไปเล่นได้ฟรี! ซึ่งจะสามารถรับได้บน Origin และหลังจากนั้นในวันที่ 2 สิงหาคมไปจนถึง 1 ตุลาคม Battlefield 5 ก็จะเปิดให้บริการฟรีด้วยเช่นกัน โดยคุณจะสามารถรับเกมในรูปแบบ standard edition ไปเล่นได้ แบบไม่รวม DLC ค่ะซึ่งนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองเลย ที่ผู้เล่นจะมีโอกาสได้กลับไปเล่นเกมภาคก่อนในซีรีส์นี้ ก่อนที่ Battlefield 2042 จะเปิดตัว ถ้าหากว่า Battlefield 4 เปิดให้สามารถเล่นได้ฟรีด้วย มันก็น่าจะเรียกผู้เล่นกลับมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียวอย่างไรก็ดีคุณสามารถเข้าไปรับเกมได้ที่หน้าเว็บไซต์หลักของ Prime Gaming โดยส่วนของ Prime Gaming จะรวมอยู่ในการสมัครสมาชิก Amazon Prime นั่นเองค่ะCredit: VG247
22 Jul 2021
PC Gaming Show ประกาศเตรียมกลับมาอีกครั้ง มิถุนายน 2021
ว่ากันว่าปี 2021 เป็นภาคที่ 2 ของปี 2020 ซึ่งคิดว่าคำนี้มีความถูกต้องอยู่ไม่น้อยเลยอย่างน้อยในเรื่องของงานอีเวนต์ออนไลน์ ประกาศเปิดตัว และโชว์เกมต่างๆ เราได้ทราบไปแล้วว่าช่วงกลางปีนี้จะมี Summer Game Fest ไลฟ์สตรีมประกาศเกมชุดใหญ่กลับมาให้ดูอีกครั้ง ล่าสุด PC Gaming Show ก็ประกาศกลับมาช่วงกลางปีนี้เช่นกัน ในปี 2020 งาน PC Gaming Show ได้โชว์ให้เราเห็นเกม Indie น่าสนใจ รวมถึงโปรเจกต์เกมที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือประกาศ Persona 4 Golden ลงให้กับ PC ซึ่งคิดว่าในปีนี้เองงาน PC Gaming Show เอง ก็ต้องน่าสนใจไม่น้อยเลยอย่างแน่นอนครับ แม้ยังคงอีกนานเลยกว่าเราจะได้รับชมงานนี้ แต่จากข้อความใน Twitter เหมือนว่าผู้พัฒนาเกม Indie จะเริ่มสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกันแล้วครับ pic.twitter.com/1vXoEt7O4w — PC Gamer (@pcgamer) March 12, 2021 Credit: Siliconera
15 Mar 2021
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
รีวิวคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ]
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่หลายๆ คนให้ความไว้วางใจ หนึ่งในชื่อที่จะต้องถูกพูดถึงมาเป็นอันดับแรกๆ ก็น่าจะเป็นแบรนด์อย่าง HyperX ที่เข้ามาตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้ว แต่หนึ่งในโปรดักส์ที่หลายๆ คนชอบนั่นก็คือตัวคีย์บอร์ดเกมมิ่งเกียร์ Mechanical ที่วัสดุอันทนทานแข็งแรง และตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ทาง HyperX ส่งมาให้เรารีวิวนั่นก็คือ HyperX Alloy Origins ที่เป็นรุ่นอัพเกรดจากคีย์บอร์ด Hyperx Alloy FPS ที่เคยออกมาขายในปี 2017 แต่ในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับไฟ RGB สุดสวยงามที่มีลูกเล่นให้ปรับได้เยอะและละเอียดมากด้วย Software ที่ใช่คู่กัน ใครอยากรู้ประสิทธิภาพของคีบอร์ดตัวนี้ ตามพวกเรามาเลยครับ HyperX Alloy Origins จริงๆ แล้วภายในรุ่นนี้จะมีให้เลือก Switch ทั้งหมด 3 แบบนั่นคือ Clicky (Blue Switch), Linear (Red Switch) และ Tactile (Green Switch) แต่ตัวที่เราได้รับมานั่นคือตัว Blue Switch ซึ่งเป็นสไตล์ที่เกมเมอร์ในท้องตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้ ด้วยปุ่ม Mechanical ที่ทาง HyperX ผลิตขึ้นมาเอง รวมถึงยังมีความทนทานรองรับการกดได้มากถึง 80 ล้านครั้งเลยทีเดียว รายละเอียด Switch HyperX Blue Operation Style - Clicky ควมแรงในการกด - 50g ระยะสั่งการ - 1.8 mm ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm จำนวนการกด - 80 million วัสดุและดีไซน์ ในด้านของวัสดุที่ทำตัว Body ของตัวคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นอัลลูมีเนียมทั้งหมด ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่แข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักของตัวมันเอง เอาจริงๆ มันไม่ได้หนักมากจนเกินไป ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผู้เขียนได้ลองสัมผัสมา รวมถึงในด้านของดีไซน์ตัว Body เองจะเป็นหน้าตาแบบไร้ขอบ ซึ่งข้อดีของมันคือการดึงปุ่มกดออกมาง่าย รวมถึงการทำความสะอาดที่เพียงแค่เขย่าๆ ฝุ่นก็ออกมาทั้งหมดแล้ว ด้านการกด เรามาดูเรื่องของปุ่มกดกันก่อนดิกว่า โดยตัวผู้เขียนนั้นได้ลองเอามาใช้ในที่ทำงาน ได้ลองทั้งเล่นเกมและพิมพ์งานด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าจากที่เคยได้ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดยาง หรือคีย์บอร์ดจาก Notebook ความรู้สึกที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากเดิมเยอะมาก การกดพิมพ์งานหรือเล่นเกมตัวคีย์บอร์ดค่อนข้างตอบสนองได้ดีพอสมควร รวมถึงระยะห่างของคีย์บอร์ดเองอยู่ในระดับที่พอดี ทำให้เราพิมพ์ไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องของการพิมพ์งาน HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ] ค่อนข้างพิมพ์ได้ดีมากกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้ Switch ของ Cherry ทั่วไปเสียอีก เพราะ Switch ของ HyperX มันใช้น้ำหนักในการกดที่น้อยกว่าถึง 10 กรัมเลยทีเดียว ตัวคีบอร์ดมาพร้อมกันสาย USB Type-C ที่ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาจะดีไซน์มาให้ถอดเสียบได้ แต่ตัวคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นแบบ Wireless เราจะต้องเสียบไฟอยู่ตลอดเวลาในการใช้งาน แต่ที่ตัวคีย์บอร์มีสาย Type-C ให้เสียบเพราะเพื่อการส่งข้อมูลที่ไวกว่าเดิมนั่นเอง ไฟ RGB และเรามาพูดถึงจุดขายของตัวคีย์บอร์ดนี้กันดีกว่าครับ นั่นคือในเรื่องของไฟ RGB ที่สามารถปรับได้ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียวด้วย Software ที่ชื่อว่า HyperX NGENUITY ซึ่งมันค่อนข้างปรับรายละเอียดได้เยอะมากๆ ซึ่งประกอบไปด้วย Effect สีของปุ่ม Breathing - เหมือนการหายใจเข้าออก ค่อยๆ ดับ ค่อยๆ สว่าง Confetti - สีทุกปุ่มเปลี่ยน Random Swipe - เกรดจากอีกสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง (ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบคลื่น) Twilight - สีกระพริบบางจุดแบบ Random Wave - สีออกมาเป็นแบบคลื่น Sun - สีแบบดวงอาทิตย์พื้นเป็นสีส้ม บางปุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดง Effect ในการกด Fade - กดปุ่มไหน ปุ่มนั้นจะเปลี่ยนสี Explosion กดแล้วจะเกิดคลื่นออกข้างๆ ไปจนถึงปุ่มสุดท้าย Flame - กดแล้วจะเกิดคลื่นเปลี่ยนสีในระยะสั้นๆ เหมือนกระกายไฟ หรือจะเป็นการตั้งไฟแบบเฉพาะจุดที่เราสามารถกำหนดเลือกได้เองเลยว่าเราอยากให้ปุ่มนี้สีอะไร สามารถตั้งได้อย่างใจชอบเลยทีเดียว รวมถึงยังสามารถตั้งค่า Preset ไว้บนคีย์บอร์ดได้ถึง 3 แบบ เวลาเราเอาคีย์บอร์ดตัวนี้ไปเสียบที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราเองก็สามารถใช้ Preset ที่เคยตั้งมาได้อย่างอัตโนมัติเลยทีเดียว แต่ถ้าให้พูดถึงจุดสังเกตุเกี่ยวกับคีย์บอร์ดตัวนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ตัวคีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์ไร้ขอบซึ่งข้อดีของมันคือการทำความสะอาดที่สามารถเคาะฝุ่นออกได้อย่างง่ายได้แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้สวยงามในด้านของดีไซน์เสียเท่าไร ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดที่มีขอบ ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะสวยงามกว่า แต่ถ้าให้ดูในเรื่องของฟังชั่นก็ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins มีลูกเล่นทุกอย่างที่ค่อนข้างครบครัน และเหมาะสมกับราคา 3290 บาทเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคีย์บอร์ดราคาสบายกระเป๋า ใครอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical จากแบรนด์ชั้นนำ ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทุกท่านได้ไม่ยาก โดย HyperX Alloy Origins สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้าน Gaming Gears ชั้นนำ
16 Oct 2020
Microsoft ประกาศปิด Mixer ส่วน Ninja และ Shroud ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว!
นับเป็นข่าวใหญ่ของวงการสตรีมเมอร์เลยครับ เมื่อล่าสุดทาง Microsoft ได้ออกมาประกาศว่าจะยุติการให้บริการ Mixer และหันไปเป็น Partner กับทาง Facebook Gaming แทน โดยเปิดโอากาสให้เหล่าสตรีมเมอร์ที่ยังคงติดสัญญาอยู่สามารถย้ายไปสตรีมต่อได้ทั้งบน Facebook Gaming หรือ Twitch ครับ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Verge ว่า "พวกเราเริ่มต้นช้าเกินไป เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ แล้ว Mixer มีจำนวนคนดูต่อเดือนที่น้อยมาก และมันเป็นเรื่องยากมาก ที่จะทำให้ Mixer เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตอนนี้" ซึ่งต้องยอมรับว่าถึงแม้ว่าทาง Mixer จะมีสตรีมเมอร์ฝีมือระดับพระกาฬ Ninja และ Shroud อยู่ แต่แพลตฟอร์มดังกล่าวก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอยู่ดีครับ! อย่างไรก็ตาม จากเหตุการดังกล่าวหนึ่งในประเด็นที่คนสนใจมากๆ คือ "Ninja และ Shroud จะไปสตรีมต่อที่ไหน?" หลายคนคงคิดว่าพวกเขาจะต้องไปสตรีมต่อบน Facebook อย่างแน่นอน แต่ความเป็นจริงเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะล่าสุด Twitter ที่ใช้ชื่อว่า Rod "4475 SR & Immortal peak" Breslau ได้ออกมาโพสต์ข้อความบอกว่า ทั้งสองปฏิเสธที่จะไปสตรีมต่อบน Facebook Gaming ถึงแม้ว่าจะได้รับข้อเสนอเป็นเงินจำนวนมากก็ตาม Sources: Facebook offered an insane offer at almost double for the original Mixer contracts of Ninja and Shroud but Loaded/Ninja/Shroud said no and forced Mixer to buy them out. Ninja made ~$30M from Mixer, and Shroud made ~$10M Ninja and Shroud are now free agents — Rod "4475 SR & Immortal peak" Breslau (@Slasher) June 22, 2020 แบบนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองสตรีมเมอร์ชื่อดังอาจกลับมาสตรีมต่อบนแพลตฟอร์ม Twitch ก็เป็นได้คงต้องรอดูต่อไปครับ Credit : VG247 / GameRant สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
23 Jun 2020
เผยตัวอย่าง The Outlast Trials หลอนอีกครั้งแบบฉบับ Co-op
หลังจากที่มีข่าวเปิดตัวเกม The Outlast Trials ออกมาเมื่อช่วงสิ้นปี !! ล่าสุดทางผู้พัฒนาได้เผยวีดีโอตัวอย่างในช่วงตอนท้ายของงาน PC Gaming Show 2020 หลังจากปล่อยให้แฟนๆ นั่งลุ้นกันว่าจะเป็นเกมอะไร ภายในวีดีโอตัวอย่างของเกมแสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวผ่านมุมมองแบบ FPS เช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือรองรับ VR ด้วย !! หากสังเกตุจากตัววีดีโอจะพบได้ว่ามีอีกตัวละครหนึ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นไปจากสถานการณ์อันลุ้นระทึกนี้ โดยทางตัวเกมได้เคยบอกไว้ว่าจะมาในรูปแบบ Co-op ที่ชวนเพื่อนมาหลอนได้อีกด้วย อาจจะมีลูกเล่นใหม่ภายในเกมเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งตัวเกมมีกำหนดพร้อมจะให้ผู้เล่นได้กลับไปหลอนกันอีกครั้งในช่วงปี 2021 นี้ใครที่เป็นแฟนเกมนี้พลาดกันไม่ได้เลยล่ะ!! สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
13 Jun 2020
Evil Genius 2 ปล่อยตัวอย่างวีดีโอเกมเพลย์ให้รับชมครั้งแรก!!
ถือเป็นอีกเกมที่เรียกว่าน่าสนใจจากงาน PC Gaming Show 2020 กับเกมที่มีชื่อว่า Evil Genius 2 ที่ได้ปล่อยตัวอย่างวีดีโอเกมเพลย์ออกมาแล้ว โดยเนื้อหาภายในเป็นการตั้งคำถามกับผู้ชมว่าจะเป็นอย่างไรหากเราได้เป็นผู้ยึดครองโลก!! ตัวเกมจะเป็นการจำลองให้ผู้เล่นรับบทเป็นวายร้ายที่มีแผนจะยึดครองโลก โดยผู้เล่นจะได้ทำตามขั้นตอนที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ร้าย และยึดครองโลกได้สำเร็จ เริ่มจากการสร้างฐานทัพ , ฝึกลูกสมุนวายร้าย , เลือกสมุนวายร้ายตัวพิเศษที่จะมีความสามารถแตกต่างกัน , ส่งลูกน้องไปทำภารกิจ ,วางแผนขโมยข้อมูลลับสำคัญ และจะมาถึงขึ้นตอนสุดท้ายอย่างการยึดครองโลก หากอยากจะลองยึดครองโลกดูเกมนี้เป็นเกมที่น่าสนใจเลยที่เดียว! ส่วนเรื่องตัวเกมจะพร้อมให้เล่นกันเมื่อไหร่นั้นยังไม่มีกำหนดแต่ภายในปี 2020 นี้แน้นอน!! LINK สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!  
13 Jun 2020
PC Gaming Show ประกาศเลื่อนเป็นวันที่ 13 มิถุนายนแทน!!
PC Gaming Show คืองานเกมโชว์ออนไลน์จากทางเว็บไซต์ PCGamer ซึ่งเดิมที่ประกาศว่าจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2020 แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ตอนนี้ประเด็นเรื่อง Black Lives Matter เป็นอะที่ร้อนแรงมาก และทางผู้จัดงานต้องการให้ผู้คนเห็นความสำคัญกับเหตุการณ์นี้ จึงได้มีการประกาศเลื่อนวันเปิดงานออกไปก่อนครับ PC Gaming Show จึงมีกำหนดการจะจัดขึ่นในวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2020 แทน ซึ่งจะออกอากาศบน Twitch และแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยจะมีการเปิดตัวเกมใหม่ๆ ทั้งจากค่ายเล็ก และค่ายใหญ่ในงานดังกล่าวด้วย ต้องรอดูต่อไปว่าเกมที่จะมาเปิดตัวในงานนี้ จะมีเกมที่พวกเรารอคอยอยู่ด้วยรึเปล่าครับ PC Gaming Show จะ จัดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน 2020! Credit: Pcgamer สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
04 Jun 2020
[บทความพิเศษ] Gaming Gear ในปี 2020 ยังน่าซื้อหรือไม่ ?
ปัจจุบันยุคปี 2020 สิ่งที่เหล่าชาวเกมเมอร์ไม่ว่าจะสาย PC, Console หรือแม้กระทั่งสายเกมมือถือเอง ที่มักจะมีประดับบารมีหรือใช้งานเพิ่มเสริมขีดความสามารถในการเล่นเกมก็คงไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า Gaming Gear  ด้วยที่ว่ามันมีหลายแบรนด์ให้เลือกมากมายตามสไตล์ผู้ใช้และราคาจับต้องได้ ทำให้ไม่ว่าจะหูฟัง เมาส์ คีย์บอร์ด Controller หรือแม้แต่อุปกรณ์เสริมอย่างน้อยเหล่าเกมเมอร์จะต้องมีสักชิ้นบ้างล่ะ ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คนเขียนเองก็ชื่นชอบใน Gaming Gear ไม่ต่างอะไรไปกับการแต่งรถให้ดูสวยดูเท่เพื่อประดับบารมี ซึ่งทางนี้ใช้ยี่ห้อที่ชื่อว่า SS เป็นหลัก ( ขอเรียกแบบตัวย่อเพื่อไม่ให้มองว่าเป็นการโฆษณา ) ไม่ว่าจะหูฟัง. คีย์บอร์ด เมาส์ หรือแม้กระทั่งจอยก็ต้องเป็นของ SS ซึ่งราคาแต่ละชิ้นก็...เอาเรื่อง โดยเฉพาะตัวหูฟังพร้อมซาวนด์การ์ดก็ราคาตกรวมกันอยู่ที่ 15,000 บาทไปแล้ว ( แต่ปัจจุบันราคาน่าจะลดลงมาเยอะ ) แม้ว่าอาจจะเป็นแบรนด์ที่บ้านเราไม่คุ้นหูมากนัก แต่สำหรับเราแล้วถือว่าไว้ใจยี่ห้อนี้มาตลอดสิบปีนับตั้งแต่ที่ได้ลองใช้ Gaming Gear ที่ผ่านมา กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ทำไมคนเราต้องยอมทุ่นเงินเพื่อซื้อ Gaming Gear ดีๆ ล่ะ มันสำคัญขนาดไหนกัน มันดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไปหรือเปล่า ? ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักนิยามของ Gaming Gear กันก่อน และบทความหลังจากนี้เป็นความคิดเห็นและสิ่งที่ได้ประสบมา ไม่มีถูก ไม่มีผิด สามารถพูดคุยสนทนากันทั้งในแฟนเพจ Facebook หรือส่ง Comment ใต้บทความนี้เพื่อที่เราได้เข้าใจตรงกันมากขึ้น ================================================== Gaming Gear คืออะไร ? Gaming Gear หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงรูปแบบหนึ่ง ที่จะมอบประสบการณ์ผู้เล่นให้เหนือกว่าการเล่นปกติทั่วไปทั้งการบังคับที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มอรรถรสหรือเพิ่มความสามารถ เพิ่มลูกเล่นในการเล่นเกม ซึ่งเอาจริงๆ มันมีมานานกว่าเกือบครึ่งศตวรรตแล้วตั้งแต่คนเขียนบทความนี้ยังไม่เกิดเลย ถ้าเอาที่เริ่มเห็น ก็สมัยเกมคอนโซลรุ่นเก่า Famicom เลยล่ะ อย่างไอ้เจ้า Light gun นั้นแหละที่ใช้กับเกม Duck Hunt หรือไม่ก็เกมยิงโจรคาวบอย ( เริ่มมาก็ดักแก่กันซะแล้ว ) แต่หากเริ่มได้ยินเป็นที่รู้จักจริงๆ จังๆ ก็น่าจะเริ่มตั้งแต่สมัย PlayStation 1 ไม่ก็เครื่อง Gameboy ที่มีอุปกรณ์เสริมมากมาย จึงนับได้ว่ามันคือ Gaming Gear จริงๆ นะ ในวัยเด็ก มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งฐานะค่อนข้างดีมีเกมบอยเล่น สมัยนั้นราคาก็แรงอยู่แล้ว เพื่อนมันมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ นานา เช่นแว่นขยายพร้อมไฟส่องสว่างเวลาเล่นตอนกลางคืน, ระบบลำโพงคู่ที่ต้องติดบนตัวเครื่องพร้อมเคสที่มีการเสริมปุ่มบังคับต่างๆ ให้ตอบสนองกับเกมได้ฉับไวยิ่งขึ้น บอกเลยว่าใครเห็นเป็นอิจฉา แต่ว่ามันก็ใหญ่เทอะทะไปเสียหน่อยแต่ก็โคตะระเท่ระเบิดสุดๆ ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน คำว่า Gamine Gear ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ใน Console หรือ PC เพราะอุตสาหกรรมเกมมือถือเริ่มขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น ผู้พัฒนาก็สรรหาที่จะทำให้เกมมือถือมีอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเล่นของเราอย่าง Controller หรือเคสที่มีปุ่มพิเศษเพื่อต่อกับมือถือโดยเฉพาะ และยิ่งกับเกมแนวที่จะต้องใช้กลยุทธ์สูงๆ หรือการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างแนว MOBA หรือแนว Shooting ทำให้ Gaming Gear สำหรับมือถือออกมาวางขายเต็มไปหมดและราคาย่อมเยาว์อีกต่างหาก Gaming Gear สำคัญกับเราขนาดไหน เหมาะกับใครบ้าง ? หากบอกว่า Gaming Gear ในปัจจุบันสำคัญขนาดไหน คงต้องแบ่งออกเป็นบุคคลสี่กลุ่มใหญ่ๆ นั้นก็คือ Casual Gamer: แคชชัวล์เกมเมอร์หรือนักเล่นเกมทั่วไปที่ไม่ได้เน้นหรือสนใจ Gaming Gear อาจจะด้วยมุมมองที่ว่าเรื่องราคาสูงเกินไปหรืออาจจะมองว่าไม่ว่าอุปกรณ์ Gaming gear ก็เหมือนๆ กัน ใช้ของธรรมดาดีกว่าหรืออาจจะใช้แค่ทั่วไปจริงๆ ไม่ได้ไปแข่งขันหรือไม่ได้จำเป็นต้องเพิ่มสมรรถนะในการเล่นเพราะเน้นเล่นเกมที่เล่นคนเดียวเป็นหลักหรือเกมเบาๆ คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Gaming Gear แต่อย่างใด Hardcore Gamer: เกมเมอร์สายจริงจังนี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สอง คือใช้เพื่อเสริมสมรรถนะให้กับเราหรือเพื่อให้ตอบสนองเราดีขึ้น มีมาโครให้เลือกสรร แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับว่า ใช้งานแล้วจะเข้ามือเราหรือไม่โดยอาจจะมีเรื่องงบและสไตล์การใช้งานเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างคนเขียนบทความนี้ที่ใช้ยี่ห้อ SS ตัวท็อปๆ เพราะนอกจากอยากได้การตอบสนองที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานหลายๆ ด้านไม่ใช่ด้านเกมก็ดี การใช้พิมพ์งานที่ไวขึ้นและผิดพลาดน้อยลงหรือการดูหนังที่ให้เสียงกระหึ่มสะใจ รวมถึงสรีระต่างๆ ที่ออกแบบให้เข้ากันได้อย่างลงตัว แต่สรีระและการใช้งานบางคนไม่เหมือนกัน อาจจะถูกใจยี่ห้ออื่นก็ได้ Fashion Gamer: เกมเมอร์สายตามแฟชั่นซึ่งถามว่ามีไหม มันก็มีแหละ บางคนอาจจะซื้อเพราะมันเท่ มันสวย มีไฟ RGB อาจจะไม่ได้สนยี่ห้อหรือสรรพคุณมากนัก หรือไม่ได้สนว่าราคาไหน ขอถูกใจเป็นอันใช้ได้ เหมือนเราไปแต่งรถอะไรแบบนั้น หรืออาจจะหาของแรร์มาใส่อย่าง Razer สี Quartz หรือหูฟังทรง D.va จากเกม Overwatch ใส่ไว้เพื่อประดับบารมี E-Sport Gamer: เกมเมอร์สายแข่งขันนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับ Hardcore Gamer แต่จะมีความแตกต่างอยู่นั้นก็คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่พวกเขาใช้จะต้องพกพาง่าย พกพาสะดวก ใช้งานได้ดีแบบว่าเสียบกับเครื่องปุ๊บใช้งานได้ทันที ไม่ต้องการลูกเล่นมากมาย เพราะการแข่งขันบางรายการเขาจะมีกฎห้ามใช้มาโครหรือลูกเล่นแปลกประหลาด ฉะนั้นจึงเป็นสายที่เน้นการใช้งานอย่างแท้จริง Gaming Gear คุ้มไหมที่หากคิดเริ่มต้นจะซื้อ ? แล้วหากวันหนึ่ง จากที่เราใช้อุปกรณ์ธรรมดาๆ หันมาใช้ Gaming Gear ล่ะ ? แน่นอนเลยว่าคำตอบจะมีสองอย่างเลยคือ คุ้มและไม่คุ้มในขณะเดียวกัน ที่คุ้มคือหากเราหาซื้อ Gaming Gear ที่เหมาะกับเราแล้ว มันจะเปลี่ยนโลกของเราและอาจจะไม่กลับมาใช้อุปกรณ์เดิมๆ อีกเลยก็มีเพราะทั้งวัสดุและคุณภาพย่อมดีกว่าของธรรมดา แต่ว่ามันก็ขึ้นกับราคาด้วย ส่วนที่ไม่คุ้มคือ Gaming Gear บางตัวอายุการใช้งานไม่ได้สูงนัก เผลอๆ อุปกรณ์ธรรมดาใช้มาสิบปียังไม่เบิ้ลไม่หลอน หรือหูฟังยังไม่ดับไปข้างใช้งานได้ปกติก็มี ฉะนั้นซื้อ Gaming Gear ก็เหมือนซื้อรถ ต้องคิดก่อนว่าเราซื้อไปเน้นใช้งานอะไรรวมถึงตรวจสอบข้อมูลอายุการใช้งานของพวกมันด้วย แล้วเราควรจะซื้อ Gaming Gear ชิ้นไหนเป็นอันดับแรก ? เมื่อเราตัดสินใจที่จะลองซื้อ Gamine Gear แล้ว อุปกรณ์ชิ้นไหนสำคัญที่สุดแล้วล่ะก็ หากเป็นสาย PC คงตอบได้แบบไม่ลังเลเลยก็คือเมาส์นั้นแหละ เพราะการควบคุม 50% นั้นก็มาจากเมาส์เพียงตัวเดียว และหากเลือกตัวที่มีการตอบสนองดี ตรงใจเรา มันจะเปลี่ยนโลกของเราไปตลอดกาลเลย แต่หากเป็นสาย Console ก็อาจจะมองหา Controller ประเภท Modular ที่ถอดหรือสับเปลี่ยนตำแหน่งปุ่มรวมถึงวัสดุปุ่มต่างๆ รวมถึงขนาดก้าน Analog ได้ตามใจชอบ และหากเป็นสายมือถือก็คงไม่พ้นปุ่มเสริมพิเศษหรือเคสติดตั้งปุ่มเสริมเพิ่มการตอบสนองที่ไวขึ้น ทีนี้หากอยากมองหาชิ้นต่อไปก็อาจจะมองหาหูฟังและคีย์บอร์ดตามลำดับ เพราะการให้เสียงที่แม่นยำก็สำคัญสำหรับนักเล่นเกม รวมถึงการกดปุ่มยิ่งตอบสนองได้ไวหรือตอบสนองได้สัมผันกับคนใช้ มันก็จะยิ่งส่งผลต่อการเล่นด้วยเช่นกัน ราคาเกม Gaming Gear ในปัจจุบันล่ะ ? แน่นอนว่า Gaming Gear ในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อ หลายเกรด หลายคุณภาพ หลายระดับ มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนไปถึงหลักหมื่น ซึ่งหาซื้อมาเป็นเจ้าของกันง่ายกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ฉะนั้นหมดห่วงเรื่องราคาไปเลย แต่ก็อย่าลืมว่าบางตัวราคาถูกแต่คุณภาพอาจจะอีกเรื่องหนึ่ง อย่างกรณีที่เคยซื้อ Controller ราคา 300 กว่าบาท ใช้ได้สองเดือนต้องเอาไปเคลม เอาไปซ่อมเพราะปัญหาปุ่มเบิ้ล ปุ่มค้าง เสียเวลา เสียความรู้สึกอีกต่างหาก ================================================== สรุปแล้ว Gaming Gear เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันจำเป็นสำหรับทุกคนหรือไม่ แต่ด้วยอุตสาหกรรมเกมที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเกมแนว E-Sport หรือเกมที่ใช้ทักษะสูง ทำให้ Gaming Gear มีการแข่งขันสูงเพื่อครองตลาดอุปกรณ์เสริมของเกมนั้นเอง ทำให้ราคาถูกลงและบางโอกาสก็มีช่วงเวลาลดราคาด้วย ฉะนั้นหากใครที่ไม่เคยลองสัมผัส Gaming Gear แล้วสนใจแล้วล่ะก็การเริ่มต้นกับอุปกรณ์สักตัวในราคาที่ไม่ต้องแพงมากก็ได้เพื่อหาดูว่ามันเหมาะมือกับเราหรือไม่และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเราว่ามันใช่สำหรับเรา และหากมันใช่จริงๆ เราอาจจะไม่หวนกลับมาจับของธรรมดาก็ได้เพราะมันให้ความรู้สึกที่สุดยอดยังไงล่ะ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
27 Mar 2020
Green Man Gaming ปล่อยเทศกาล March Mayhem ลดราคาเกมแบบจัดเต็ม!
ในช่วงที่ทุกคนกำลังโดนกักตัวอยู่บ้านแบบนี้ คงไม่ใช้เรื่องแย่อะไรถ้าหากว่าจะหาเกมดีๆ มาเล่นเพื่อฆ่าเวลา โดยจากสถิถิ SteamDB ล่าสุดก็พอจะทำให้รู้ได้ว่ามีคนเล่นเกมเยอะขนาดไหนในหนึ่งวันช่วงนี้ และเหมือนว่าทางเหล่าพ่อค้าคนกลางขายเกมเอง ก็รู้ว่านี้เป็นโอกาสอันดีที่จะทำการลดราคาเกมเพื่อเพิ่มยอดขาย อย่างล่าสุดเว็บไซต์ขายเกม Green Man Gaming ก็ประกาศเทศกาล March Mayhem ลดราคาเกมแบบจัดเต็มอยู่ครับ! การลดราคา March Mayhem ในครั้งนี้จะอยู่จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2020 เท่านั้น โดยในการลดราคาครั้งนี้ก็มีเกมที่น่าสนใจมากมายเลยด้วยไม่ว่าจะเป็น Borderlands 3, Nier Automata, Shadow of the Tomb Raider, หรือ Final Fantasy XV ถ้าหากว่าใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายชื่อเกมทั้งหมดที่กำลังลดราคาอยู่ในตอนนี้ได้เลยผ่านลิงก์นี้ อย่าลืมว่าการลดราคาครั้งนี้จะอยู่จนถึงวันี่ 31 มีนาคม 2020 เท่านั้นครับ Credit: PCGamer ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
25 Mar 2020
Annaboii สตรีมเมอร์สาวลุคใสๆ ใจเกินร้อย (Q&A)
วันนี้แอดจะพามาทำความรู้จัก Streaming สาวน้อยลุคใสๆใจเกินร้อย ตัวน้องเขาชื่อว่า แอนทองประสม เห้ยไม่ใช่!! ชื่อ นัชดา พงษ์ธัญญกรณ์ ชื่อเล่น น้องแอน  ฉายาวงในคือ Annaboii บอกเลยชื่อน่ารักมั่กๆ >_<’ ที่มาจากชื่อคือมาจาก Annabelle จากตอนสมัยสาวๆเล่นเกมใน CS:GO กับเพื่อนๆ แต่ด้วยเสียงตัวเองที่คล้ายเด็กตัวเล็กๆน่ารัก คนในทีมชอบถามว่า “ เป็นผู้หญิงหรือเป็นเสียงเด็กเกรียน!! “ ด้วยสาเหตุนี้เองเพื่อนที่เล่นด้วยกันเปลี่ยนคำเรียกเธอเองโดยอัตโนมัติจาก Annabelle (แอนนาเบล) กลายเป็น Annaboy ( แอนนาบอย ) ซึ่งตัวน้องเองก็บอกว่ามันดูแปลกๆและตลกยังไงไม่รู้ ในตอนนั้นเองแอนก็มีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งชื่อตัวละคร เพราะว่า Annabelle ชื่อมันโหลมากๆ ก็เลยตั้งชื่อตามฉายาที่เพื่อนเรียกว่า “ Annaboii “ แต่เดิมที น้องแอนเป็นคนที่ติดเกมมากตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่เป็นศูนย์รวมเพื่อนทำให้มีเพื่อนมากมายเข้าหา แต่แล้วก็มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่พามาบ้านบ่อยๆ เพื่อให้เขามาดูเราเล่นเกม ( เหมือนกับผู้ชายที่พาแฟนตัวเองไปดูตอนเตะบอลนั้นหล่ะ ) เพราะว่าเราอยากแบ่งปันเนื้อหา และ ความสนุกสดใสในเกม ให้เพื่อนของเราได้ดู พอเวลาผ่านไปสักระยะก็มีการ Steaming เกิดขึ้นในประเทศไทยน้องแอนจึงสนใจและการใฝ่ฝันในการเป็น Streaming หรือ Steamer ( บ้านเราเรียกแบบนี้ ) มานานจนน้องเริ่มฝึกการเรียนรู้ในการเล่นเกมและการทำรูปแบบการแสดงสด Live ในช่วงแรกของน้องนั้นจะบอกว่าลำบากก็คงถูกเพราะว่าน้องลองหมดแล้วในช่วงนั้นไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมแนว RPG MOBA หรือแม้กระทั้งเกมออฟไลน์เองก็ตาม บอกตรงๆเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในด้านของอาชีพนี้ได้ แต่!! … น้องแอนก็ไม่ย่อท้อทำการหาเกมเล่นไปเรื่อยๆ จับเกมดังๆอย่าง DOTA2 ก็แล้วแต่รู้สึกว่าไม่ใช่แนวอยู่ดี จนไปพบเจอเกมอย่า LOL น้องเขารู้สึกได้ทันทีว่าหลงใหลตัวละคร และ แนวทางการเล่นที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ  ปัจจุบันน้องก็ยังคงสตรีมบน Twitch สตรีมเกมบ้างและ ร้องเพลง!! ท่านอ่านไม่ผิดหรอกเพราะว่าในการแสดงสดหรือ Live จะมีการแสดงกริยาบทต่างๆไม่ว่าจะเป็นร้องเพลงก็ได้หรือเล่นเกมก็ดี น้องแอนสตรีมวันสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เนื่องจากว่าน้องแอนต้องช่วยงานที่บ้านและบางครั้งก็ต้องไปสอน ภาษาอังกฤษ น้องๆเยาวชน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกสตรีมถึงแม้ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน เพราะการสตรีมทำให้เราได้เจอเพื่อนๆใหม่ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนและได้สร้าง Community เล็กๆของเราและได้รู้จักงานสายนี้พร้อมทั้งบุกเบิกเพื่อนหรือคนที่ทำงานแบบเดียวกับเราได้มากมาย  ที่สำคัญ “ เราได้ทำในสิ่งที่เรารักและชอบมันจริงๆ “ แอนเลยมีความสุขกับมันค่ะ เราจะพาคุณมาทำความรู้จัก Annaboii ได้มากขึ้นจาก Q:A ดังนี้เจ้าคะ Q : ทำไมถึงเลือกอาชีพสตรีมเมอร์เป็นงานเสริมทำไมไม่ทุ่มเทเป็นงานหลัก ? A : จริงๆแล้ว อยากทำให้เป็นงานหลักเหมือนกันค่ะ แต่นอกจากการสตรีมแล้ว แอนยังชื่นชอบในภาษาอีกด้วย และอยากถ่ายถอดความรู้ของเราให้เด็กๆเหมือนเราอยากใช้ความรู้ในด้านภาษาของเรา เผยแพร่ผ่าน 2 รูปแบบทั้งการสตรีม และ การเป็นครูสอนพิเศษอีกด้วยเจ้าคะ Q: ทำไมเราถึงมองว่าอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้นอกเหนือจากความสุข ? A : ตอนมาสตรีมครั้งแรกไม่ได้มองว่าอาชีพนี้จะสร้างรายได้ให้กับตัวแอนเองเลยค่ะ ที่สตรีมเพราะอยากลองทำดู แต่พอทำไปได้เรื่อยๆ ก็มีคนเข้ามาสนับสนุนมากมาย จนทำให้เราเริ่มมีรายได้ ซึ่งเราก็ดีใจมาก ที่นอกจากจะทำเพราะเราชอบมันแล้ว เรายังสามารถสร้างรายได้จากตรงนี้อีกด้วยค่ะ Q: การเป็นตัวเองในที่สาธารณะเรามีการเตรียมตัวยังไงก่อน LIVE บ้าง ? A : ไม่กดดันตัวเองและผ่อนคลายค่ะ ถ้าเรากดดันตัวเองจนเกินไป มันอาจทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง และไม่มึวามสุขในการสตรีมได้ค่ะ Q: ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมากลายเป็น IDOL GAMING สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ? A : การเป็นไอดอลทางด้านเกมคงเป็นอะไรที่เป็นความฝันของคนหลายคนเลยค่ะ แอนเองก็เช่นกัน ซึ่งสิ่งแรกที่อยากทำคงอยากให้คนอื่นที่ไม่ได้เล่นเกม ได้เข้าใจมุมมองของเกมเมอร์ เพราะเกมก็ไม่ได้แย่ในแบบที่หลายๆคนคิด เกมทำให้เราได้ผ่อนคลาย ได้ใช้สมอง ได้เรียนรู้ถึงทีมเวิร์ค  และเราสามารถเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเกมได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นทางด้านภาษาค่ะ แต่ที่สำคัญ เราควรแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วยค่ะ ไม่ติดจนเกินไป ติดตามน้องได้ทาง twitch/annaboii https://youtu.be/it2lkd9uYaw
29 Jan 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "gaming"
Xbox Cloud Gaming จะมาบนแพลตฟอร์ม Xbox Series X/S และ Xbox One ในวันหยุดตามเทศกาล ปี 2021
ทาง Microsoft ได้ทำการพลักดันระบบ Cloud Gaming อย่างหนักแน่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ xCloud ไปจนถึงการปรับความเข้ากันของเครื่องต่างๆ และตอนนี้เราก็กำลังจะมีเกมให้เล่นมากกว่า 100 เกมบน Xbox Series X/S และ Xbox One ในช่วงวันหยุดตามเทศกาลที่จะถึงนี้ นั่นหมายความว่าคุณจะได้ลองเกมใหม่ๆ บน Xbox One ที่มาพร้อมกับภาพกราฟิกที่สุดยอด (คุณภาพเกมอยู่ที่ 1080p/60 FPS) แม้จะเล่นบนเครื่องรุ่นเก่าก็ตาม สะดวกสะบายในการเล่นมากขึ้นเพราะไม่จำเป็นต้องโหลดเกมอีกต่อไป ฉะนั้นปัญหาพื้นที่ความจำเต็มจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแน่นอนว่าเราสามารถเล่นได้เฉพาะเกมที่รองรับระบบ Cloud เท่านั้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าฟีเจอร์สำหรับเกมบางอันจะเปลี่ยนไปตามคอนโซลที่ใช้ ประสิทธิภาพในการทำงานนั้นจะดูกันที่อินเทอร์เน็ตของแต่ละคน ฉะนั้นผู้เล่นอาจจะต้องใช้เวลาในการรอมากขึ้นตามความเร็วของอินเทอร์เน็ตยังไงก็ตามในอีกไม่กี่เดือนหน้าที่จะถึงนี้เราก็จะได้สัมผัส Xbox Cloud Gaming อย่างแน่นอนCredit: Gamingbolt
25 Aug 2021
Battlefield 1 แจกฟรีฟรีบน Amazon Prime Gaming แล้ว และเตรียมจะแจก Battlefield 5 ฟรี เกมถัดไป
แฟนๆ เกม Battlefield เตรียมเฮ เพราะตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 4 สิงหาคม สมาชิกของ Prime Gaming จะมีสิทธิ์ขอรับเกม Battlefield 1 บนเครื่อง PC ไปเล่นได้ฟรี! ซึ่งจะสามารถรับได้บน Origin และหลังจากนั้นในวันที่ 2 สิงหาคมไปจนถึง 1 ตุลาคม Battlefield 5 ก็จะเปิดให้บริการฟรีด้วยเช่นกัน โดยคุณจะสามารถรับเกมในรูปแบบ standard edition ไปเล่นได้ แบบไม่รวม DLC ค่ะซึ่งนี่อาจเรียกได้ว่าเป็นโอกาสทองเลย ที่ผู้เล่นจะมีโอกาสได้กลับไปเล่นเกมภาคก่อนในซีรีส์นี้ ก่อนที่ Battlefield 2042 จะเปิดตัว ถ้าหากว่า Battlefield 4 เปิดให้สามารถเล่นได้ฟรีด้วย มันก็น่าจะเรียกผู้เล่นกลับมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียวอย่างไรก็ดีคุณสามารถเข้าไปรับเกมได้ที่หน้าเว็บไซต์หลักของ Prime Gaming โดยส่วนของ Prime Gaming จะรวมอยู่ในการสมัครสมาชิก Amazon Prime นั่นเองค่ะCredit: VG247
22 Jul 2021
PC Gaming Show ประกาศเตรียมกลับมาอีกครั้ง มิถุนายน 2021
ว่ากันว่าปี 2021 เป็นภาคที่ 2 ของปี 2020 ซึ่งคิดว่าคำนี้มีความถูกต้องอยู่ไม่น้อยเลยอย่างน้อยในเรื่องของงานอีเวนต์ออนไลน์ ประกาศเปิดตัว และโชว์เกมต่างๆ เราได้ทราบไปแล้วว่าช่วงกลางปีนี้จะมี Summer Game Fest ไลฟ์สตรีมประกาศเกมชุดใหญ่กลับมาให้ดูอีกครั้ง ล่าสุด PC Gaming Show ก็ประกาศกลับมาช่วงกลางปีนี้เช่นกัน ในปี 2020 งาน PC Gaming Show ได้โชว์ให้เราเห็นเกม Indie น่าสนใจ รวมถึงโปรเจกต์เกมที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือประกาศ Persona 4 Golden ลงให้กับ PC ซึ่งคิดว่าในปีนี้เองงาน PC Gaming Show เอง ก็ต้องน่าสนใจไม่น้อยเลยอย่างแน่นอนครับ แม้ยังคงอีกนานเลยกว่าเราจะได้รับชมงานนี้ แต่จากข้อความใน Twitter เหมือนว่าผู้พัฒนาเกม Indie จะเริ่มสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกันแล้วครับ pic.twitter.com/1vXoEt7O4w — PC Gamer (@pcgamer) March 12, 2021 Credit: Siliconera
15 Mar 2021
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
รีวิวคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ]
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่หลายๆ คนให้ความไว้วางใจ หนึ่งในชื่อที่จะต้องถูกพูดถึงมาเป็นอันดับแรกๆ ก็น่าจะเป็นแบรนด์อย่าง HyperX ที่เข้ามาตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้ว แต่หนึ่งในโปรดักส์ที่หลายๆ คนชอบนั่นก็คือตัวคีย์บอร์ดเกมมิ่งเกียร์ Mechanical ที่วัสดุอันทนทานแข็งแรง และตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ทาง HyperX ส่งมาให้เรารีวิวนั่นก็คือ HyperX Alloy Origins ที่เป็นรุ่นอัพเกรดจากคีย์บอร์ด Hyperx Alloy FPS ที่เคยออกมาขายในปี 2017 แต่ในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับไฟ RGB สุดสวยงามที่มีลูกเล่นให้ปรับได้เยอะและละเอียดมากด้วย Software ที่ใช่คู่กัน ใครอยากรู้ประสิทธิภาพของคีบอร์ดตัวนี้ ตามพวกเรามาเลยครับ HyperX Alloy Origins จริงๆ แล้วภายในรุ่นนี้จะมีให้เลือก Switch ทั้งหมด 3 แบบนั่นคือ Clicky (Blue Switch), Linear (Red Switch) และ Tactile (Green Switch) แต่ตัวที่เราได้รับมานั่นคือตัว Blue Switch ซึ่งเป็นสไตล์ที่เกมเมอร์ในท้องตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้ ด้วยปุ่ม Mechanical ที่ทาง HyperX ผลิตขึ้นมาเอง รวมถึงยังมีความทนทานรองรับการกดได้มากถึง 80 ล้านครั้งเลยทีเดียว รายละเอียด Switch HyperX Blue Operation Style - Clicky ควมแรงในการกด - 50g ระยะสั่งการ - 1.8 mm ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm จำนวนการกด - 80 million วัสดุและดีไซน์ ในด้านของวัสดุที่ทำตัว Body ของตัวคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นอัลลูมีเนียมทั้งหมด ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่แข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักของตัวมันเอง เอาจริงๆ มันไม่ได้หนักมากจนเกินไป ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผู้เขียนได้ลองสัมผัสมา รวมถึงในด้านของดีไซน์ตัว Body เองจะเป็นหน้าตาแบบไร้ขอบ ซึ่งข้อดีของมันคือการดึงปุ่มกดออกมาง่าย รวมถึงการทำความสะอาดที่เพียงแค่เขย่าๆ ฝุ่นก็ออกมาทั้งหมดแล้ว ด้านการกด เรามาดูเรื่องของปุ่มกดกันก่อนดิกว่า โดยตัวผู้เขียนนั้นได้ลองเอามาใช้ในที่ทำงาน ได้ลองทั้งเล่นเกมและพิมพ์งานด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าจากที่เคยได้ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดยาง หรือคีย์บอร์ดจาก Notebook ความรู้สึกที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากเดิมเยอะมาก การกดพิมพ์งานหรือเล่นเกมตัวคีย์บอร์ดค่อนข้างตอบสนองได้ดีพอสมควร รวมถึงระยะห่างของคีย์บอร์ดเองอยู่ในระดับที่พอดี ทำให้เราพิมพ์ไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องของการพิมพ์งาน HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ] ค่อนข้างพิมพ์ได้ดีมากกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้ Switch ของ Cherry ทั่วไปเสียอีก เพราะ Switch ของ HyperX มันใช้น้ำหนักในการกดที่น้อยกว่าถึง 10 กรัมเลยทีเดียว ตัวคีบอร์ดมาพร้อมกันสาย USB Type-C ที่ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาจะดีไซน์มาให้ถอดเสียบได้ แต่ตัวคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นแบบ Wireless เราจะต้องเสียบไฟอยู่ตลอดเวลาในการใช้งาน แต่ที่ตัวคีย์บอร์มีสาย Type-C ให้เสียบเพราะเพื่อการส่งข้อมูลที่ไวกว่าเดิมนั่นเอง ไฟ RGB และเรามาพูดถึงจุดขายของตัวคีย์บอร์ดนี้กันดีกว่าครับ นั่นคือในเรื่องของไฟ RGB ที่สามารถปรับได้ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียวด้วย Software ที่ชื่อว่า HyperX NGENUITY ซึ่งมันค่อนข้างปรับรายละเอียดได้เยอะมากๆ ซึ่งประกอบไปด้วย Effect สีของปุ่ม Breathing - เหมือนการหายใจเข้าออก ค่อยๆ ดับ ค่อยๆ สว่าง Confetti - สีทุกปุ่มเปลี่ยน Random Swipe - เกรดจากอีกสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง (ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบคลื่น) Twilight - สีกระพริบบางจุดแบบ Random Wave - สีออกมาเป็นแบบคลื่น Sun - สีแบบดวงอาทิตย์พื้นเป็นสีส้ม บางปุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดง Effect ในการกด Fade - กดปุ่มไหน ปุ่มนั้นจะเปลี่ยนสี Explosion กดแล้วจะเกิดคลื่นออกข้างๆ ไปจนถึงปุ่มสุดท้าย Flame - กดแล้วจะเกิดคลื่นเปลี่ยนสีในระยะสั้นๆ เหมือนกระกายไฟ หรือจะเป็นการตั้งไฟแบบเฉพาะจุดที่เราสามารถกำหนดเลือกได้เองเลยว่าเราอยากให้ปุ่มนี้สีอะไร สามารถตั้งได้อย่างใจชอบเลยทีเดียว รวมถึงยังสามารถตั้งค่า Preset ไว้บนคีย์บอร์ดได้ถึง 3 แบบ เวลาเราเอาคีย์บอร์ดตัวนี้ไปเสียบที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราเองก็สามารถใช้ Preset ที่เคยตั้งมาได้อย่างอัตโนมัติเลยทีเดียว แต่ถ้าให้พูดถึงจุดสังเกตุเกี่ยวกับคีย์บอร์ดตัวนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ตัวคีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์ไร้ขอบซึ่งข้อดีของมันคือการทำความสะอาดที่สามารถเคาะฝุ่นออกได้อย่างง่ายได้แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้สวยงามในด้านของดีไซน์เสียเท่าไร ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดที่มีขอบ ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะสวยงามกว่า แต่ถ้าให้ดูในเรื่องของฟังชั่นก็ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins มีลูกเล่นทุกอย่างที่ค่อนข้างครบครัน และเหมาะสมกับราคา 3290 บาทเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคีย์บอร์ดราคาสบายกระเป๋า ใครอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical จากแบรนด์ชั้นนำ ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทุกท่านได้ไม่ยาก โดย HyperX Alloy Origins สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้าน Gaming Gears ชั้นนำ
16 Oct 2020
Microsoft ประกาศปิด Mixer ส่วน Ninja และ Shroud ยังไม่ออกมาเคลื่อนไหว!
นับเป็นข่าวใหญ่ของวงการสตรีมเมอร์เลยครับ เมื่อล่าสุดทาง Microsoft ได้ออกมาประกาศว่าจะยุติการให้บริการ Mixer และหันไปเป็น Partner กับทาง Facebook Gaming แทน โดยเปิดโอากาสให้เหล่าสตรีมเมอร์ที่ยังคงติดสัญญาอยู่สามารถย้ายไปสตรีมต่อได้ทั้งบน Facebook Gaming หรือ Twitch ครับ Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Verge ว่า "พวกเราเริ่มต้นช้าเกินไป เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ แล้ว Mixer มีจำนวนคนดูต่อเดือนที่น้อยมาก และมันเป็นเรื่องยากมาก ที่จะทำให้ Mixer เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตอนนี้" ซึ่งต้องยอมรับว่าถึงแม้ว่าทาง Mixer จะมีสตรีมเมอร์ฝีมือระดับพระกาฬ Ninja และ Shroud อยู่ แต่แพลตฟอร์มดังกล่าวก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักอยู่ดีครับ! อย่างไรก็ตาม จากเหตุการดังกล่าวหนึ่งในประเด็นที่คนสนใจมากๆ คือ "Ninja และ Shroud จะไปสตรีมต่อที่ไหน?" หลายคนคงคิดว่าพวกเขาจะต้องไปสตรีมต่อบน Facebook อย่างแน่นอน แต่ความเป็นจริงเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะล่าสุด Twitter ที่ใช้ชื่อว่า Rod "4475 SR & Immortal peak" Breslau ได้ออกมาโพสต์ข้อความบอกว่า ทั้งสองปฏิเสธที่จะไปสตรีมต่อบน Facebook Gaming ถึงแม้ว่าจะได้รับข้อเสนอเป็นเงินจำนวนมากก็ตาม Sources: Facebook offered an insane offer at almost double for the original Mixer contracts of Ninja and Shroud but Loaded/Ninja/Shroud said no and forced Mixer to buy them out. Ninja made ~$30M from Mixer, and Shroud made ~$10M Ninja and Shroud are now free agents — Rod "4475 SR & Immortal peak" Breslau (@Slasher) June 22, 2020 แบบนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองสตรีมเมอร์ชื่อดังอาจกลับมาสตรีมต่อบนแพลตฟอร์ม Twitch ก็เป็นได้คงต้องรอดูต่อไปครับ Credit : VG247 / GameRant สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
23 Jun 2020
เผยตัวอย่าง The Outlast Trials หลอนอีกครั้งแบบฉบับ Co-op
หลังจากที่มีข่าวเปิดตัวเกม The Outlast Trials ออกมาเมื่อช่วงสิ้นปี !! ล่าสุดทางผู้พัฒนาได้เผยวีดีโอตัวอย่างในช่วงตอนท้ายของงาน PC Gaming Show 2020 หลังจากปล่อยให้แฟนๆ นั่งลุ้นกันว่าจะเป็นเกมอะไร ภายในวีดีโอตัวอย่างของเกมแสดงให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวผ่านมุมมองแบบ FPS เช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือรองรับ VR ด้วย !! หากสังเกตุจากตัววีดีโอจะพบได้ว่ามีอีกตัวละครหนึ่งที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นไปจากสถานการณ์อันลุ้นระทึกนี้ โดยทางตัวเกมได้เคยบอกไว้ว่าจะมาในรูปแบบ Co-op ที่ชวนเพื่อนมาหลอนได้อีกด้วย อาจจะมีลูกเล่นใหม่ภายในเกมเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งตัวเกมมีกำหนดพร้อมจะให้ผู้เล่นได้กลับไปหลอนกันอีกครั้งในช่วงปี 2021 นี้ใครที่เป็นแฟนเกมนี้พลาดกันไม่ได้เลยล่ะ!! สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
13 Jun 2020
Evil Genius 2 ปล่อยตัวอย่างวีดีโอเกมเพลย์ให้รับชมครั้งแรก!!
ถือเป็นอีกเกมที่เรียกว่าน่าสนใจจากงาน PC Gaming Show 2020 กับเกมที่มีชื่อว่า Evil Genius 2 ที่ได้ปล่อยตัวอย่างวีดีโอเกมเพลย์ออกมาแล้ว โดยเนื้อหาภายในเป็นการตั้งคำถามกับผู้ชมว่าจะเป็นอย่างไรหากเราได้เป็นผู้ยึดครองโลก!! ตัวเกมจะเป็นการจำลองให้ผู้เล่นรับบทเป็นวายร้ายที่มีแผนจะยึดครองโลก โดยผู้เล่นจะได้ทำตามขั้นตอนที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ร้าย และยึดครองโลกได้สำเร็จ เริ่มจากการสร้างฐานทัพ , ฝึกลูกสมุนวายร้าย , เลือกสมุนวายร้ายตัวพิเศษที่จะมีความสามารถแตกต่างกัน , ส่งลูกน้องไปทำภารกิจ ,วางแผนขโมยข้อมูลลับสำคัญ และจะมาถึงขึ้นตอนสุดท้ายอย่างการยึดครองโลก หากอยากจะลองยึดครองโลกดูเกมนี้เป็นเกมที่น่าสนใจเลยที่เดียว! ส่วนเรื่องตัวเกมจะพร้อมให้เล่นกันเมื่อไหร่นั้นยังไม่มีกำหนดแต่ภายในปี 2020 นี้แน้นอน!! LINK สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!  
13 Jun 2020
PC Gaming Show ประกาศเลื่อนเป็นวันที่ 13 มิถุนายนแทน!!
PC Gaming Show คืองานเกมโชว์ออนไลน์จากทางเว็บไซต์ PCGamer ซึ่งเดิมที่ประกาศว่าจะมีขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2020 แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ตอนนี้ประเด็นเรื่อง Black Lives Matter เป็นอะที่ร้อนแรงมาก และทางผู้จัดงานต้องการให้ผู้คนเห็นความสำคัญกับเหตุการณ์นี้ จึงได้มีการประกาศเลื่อนวันเปิดงานออกไปก่อนครับ PC Gaming Show จึงมีกำหนดการจะจัดขึ่นในวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2020 แทน ซึ่งจะออกอากาศบน Twitch และแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยจะมีการเปิดตัวเกมใหม่ๆ ทั้งจากค่ายเล็ก และค่ายใหญ่ในงานดังกล่าวด้วย ต้องรอดูต่อไปว่าเกมที่จะมาเปิดตัวในงานนี้ จะมีเกมที่พวกเรารอคอยอยู่ด้วยรึเปล่าครับ PC Gaming Show จะ จัดขึ้นในวันที่ 13 มิถุนายน 2020! Credit: Pcgamer สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!
04 Jun 2020
[บทความพิเศษ] Gaming Gear ในปี 2020 ยังน่าซื้อหรือไม่ ?
ปัจจุบันยุคปี 2020 สิ่งที่เหล่าชาวเกมเมอร์ไม่ว่าจะสาย PC, Console หรือแม้กระทั่งสายเกมมือถือเอง ที่มักจะมีประดับบารมีหรือใช้งานเพิ่มเสริมขีดความสามารถในการเล่นเกมก็คงไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า Gaming Gear  ด้วยที่ว่ามันมีหลายแบรนด์ให้เลือกมากมายตามสไตล์ผู้ใช้และราคาจับต้องได้ ทำให้ไม่ว่าจะหูฟัง เมาส์ คีย์บอร์ด Controller หรือแม้แต่อุปกรณ์เสริมอย่างน้อยเหล่าเกมเมอร์จะต้องมีสักชิ้นบ้างล่ะ ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คนเขียนเองก็ชื่นชอบใน Gaming Gear ไม่ต่างอะไรไปกับการแต่งรถให้ดูสวยดูเท่เพื่อประดับบารมี ซึ่งทางนี้ใช้ยี่ห้อที่ชื่อว่า SS เป็นหลัก ( ขอเรียกแบบตัวย่อเพื่อไม่ให้มองว่าเป็นการโฆษณา ) ไม่ว่าจะหูฟัง. คีย์บอร์ด เมาส์ หรือแม้กระทั่งจอยก็ต้องเป็นของ SS ซึ่งราคาแต่ละชิ้นก็...เอาเรื่อง โดยเฉพาะตัวหูฟังพร้อมซาวนด์การ์ดก็ราคาตกรวมกันอยู่ที่ 15,000 บาทไปแล้ว ( แต่ปัจจุบันราคาน่าจะลดลงมาเยอะ ) แม้ว่าอาจจะเป็นแบรนด์ที่บ้านเราไม่คุ้นหูมากนัก แต่สำหรับเราแล้วถือว่าไว้ใจยี่ห้อนี้มาตลอดสิบปีนับตั้งแต่ที่ได้ลองใช้ Gaming Gear ที่ผ่านมา กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ทำไมคนเราต้องยอมทุ่นเงินเพื่อซื้อ Gaming Gear ดีๆ ล่ะ มันสำคัญขนาดไหนกัน มันดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไปหรือเปล่า ? ก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักนิยามของ Gaming Gear กันก่อน และบทความหลังจากนี้เป็นความคิดเห็นและสิ่งที่ได้ประสบมา ไม่มีถูก ไม่มีผิด สามารถพูดคุยสนทนากันทั้งในแฟนเพจ Facebook หรือส่ง Comment ใต้บทความนี้เพื่อที่เราได้เข้าใจตรงกันมากขึ้น ================================================== Gaming Gear คืออะไร ? Gaming Gear หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงรูปแบบหนึ่ง ที่จะมอบประสบการณ์ผู้เล่นให้เหนือกว่าการเล่นปกติทั่วไปทั้งการบังคับที่ดีขึ้น ช่วยเพิ่มอรรถรสหรือเพิ่มความสามารถ เพิ่มลูกเล่นในการเล่นเกม ซึ่งเอาจริงๆ มันมีมานานกว่าเกือบครึ่งศตวรรตแล้วตั้งแต่คนเขียนบทความนี้ยังไม่เกิดเลย ถ้าเอาที่เริ่มเห็น ก็สมัยเกมคอนโซลรุ่นเก่า Famicom เลยล่ะ อย่างไอ้เจ้า Light gun นั้นแหละที่ใช้กับเกม Duck Hunt หรือไม่ก็เกมยิงโจรคาวบอย ( เริ่มมาก็ดักแก่กันซะแล้ว ) แต่หากเริ่มได้ยินเป็นที่รู้จักจริงๆ จังๆ ก็น่าจะเริ่มตั้งแต่สมัย PlayStation 1 ไม่ก็เครื่อง Gameboy ที่มีอุปกรณ์เสริมมากมาย จึงนับได้ว่ามันคือ Gaming Gear จริงๆ นะ ในวัยเด็ก มีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งฐานะค่อนข้างดีมีเกมบอยเล่น สมัยนั้นราคาก็แรงอยู่แล้ว เพื่อนมันมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ นานา เช่นแว่นขยายพร้อมไฟส่องสว่างเวลาเล่นตอนกลางคืน, ระบบลำโพงคู่ที่ต้องติดบนตัวเครื่องพร้อมเคสที่มีการเสริมปุ่มบังคับต่างๆ ให้ตอบสนองกับเกมได้ฉับไวยิ่งขึ้น บอกเลยว่าใครเห็นเป็นอิจฉา แต่ว่ามันก็ใหญ่เทอะทะไปเสียหน่อยแต่ก็โคตะระเท่ระเบิดสุดๆ ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน คำว่า Gamine Gear ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ใน Console หรือ PC เพราะอุตสาหกรรมเกมมือถือเริ่มขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น ผู้พัฒนาก็สรรหาที่จะทำให้เกมมือถือมีอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเล่นของเราอย่าง Controller หรือเคสที่มีปุ่มพิเศษเพื่อต่อกับมือถือโดยเฉพาะ และยิ่งกับเกมแนวที่จะต้องใช้กลยุทธ์สูงๆ หรือการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างแนว MOBA หรือแนว Shooting ทำให้ Gaming Gear สำหรับมือถือออกมาวางขายเต็มไปหมดและราคาย่อมเยาว์อีกต่างหาก Gaming Gear สำคัญกับเราขนาดไหน เหมาะกับใครบ้าง ? หากบอกว่า Gaming Gear ในปัจจุบันสำคัญขนาดไหน คงต้องแบ่งออกเป็นบุคคลสี่กลุ่มใหญ่ๆ นั้นก็คือ Casual Gamer: แคชชัวล์เกมเมอร์หรือนักเล่นเกมทั่วไปที่ไม่ได้เน้นหรือสนใจ Gaming Gear อาจจะด้วยมุมมองที่ว่าเรื่องราคาสูงเกินไปหรืออาจจะมองว่าไม่ว่าอุปกรณ์ Gaming gear ก็เหมือนๆ กัน ใช้ของธรรมดาดีกว่าหรืออาจจะใช้แค่ทั่วไปจริงๆ ไม่ได้ไปแข่งขันหรือไม่ได้จำเป็นต้องเพิ่มสมรรถนะในการเล่นเพราะเน้นเล่นเกมที่เล่นคนเดียวเป็นหลักหรือเกมเบาๆ คนกลุ่มนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Gaming Gear แต่อย่างใด Hardcore Gamer: เกมเมอร์สายจริงจังนี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สอง คือใช้เพื่อเสริมสมรรถนะให้กับเราหรือเพื่อให้ตอบสนองเราดีขึ้น มีมาโครให้เลือกสรร แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับว่า ใช้งานแล้วจะเข้ามือเราหรือไม่โดยอาจจะมีเรื่องงบและสไตล์การใช้งานเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างคนเขียนบทความนี้ที่ใช้ยี่ห้อ SS ตัวท็อปๆ เพราะนอกจากอยากได้การตอบสนองที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานหลายๆ ด้านไม่ใช่ด้านเกมก็ดี การใช้พิมพ์งานที่ไวขึ้นและผิดพลาดน้อยลงหรือการดูหนังที่ให้เสียงกระหึ่มสะใจ รวมถึงสรีระต่างๆ ที่ออกแบบให้เข้ากันได้อย่างลงตัว แต่สรีระและการใช้งานบางคนไม่เหมือนกัน อาจจะถูกใจยี่ห้ออื่นก็ได้ Fashion Gamer: เกมเมอร์สายตามแฟชั่นซึ่งถามว่ามีไหม มันก็มีแหละ บางคนอาจจะซื้อเพราะมันเท่ มันสวย มีไฟ RGB อาจจะไม่ได้สนยี่ห้อหรือสรรพคุณมากนัก หรือไม่ได้สนว่าราคาไหน ขอถูกใจเป็นอันใช้ได้ เหมือนเราไปแต่งรถอะไรแบบนั้น หรืออาจจะหาของแรร์มาใส่อย่าง Razer สี Quartz หรือหูฟังทรง D.va จากเกม Overwatch ใส่ไว้เพื่อประดับบารมี E-Sport Gamer: เกมเมอร์สายแข่งขันนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับ Hardcore Gamer แต่จะมีความแตกต่างอยู่นั้นก็คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่พวกเขาใช้จะต้องพกพาง่าย พกพาสะดวก ใช้งานได้ดีแบบว่าเสียบกับเครื่องปุ๊บใช้งานได้ทันที ไม่ต้องการลูกเล่นมากมาย เพราะการแข่งขันบางรายการเขาจะมีกฎห้ามใช้มาโครหรือลูกเล่นแปลกประหลาด ฉะนั้นจึงเป็นสายที่เน้นการใช้งานอย่างแท้จริง Gaming Gear คุ้มไหมที่หากคิดเริ่มต้นจะซื้อ ? แล้วหากวันหนึ่ง จากที่เราใช้อุปกรณ์ธรรมดาๆ หันมาใช้ Gaming Gear ล่ะ ? แน่นอนเลยว่าคำตอบจะมีสองอย่างเลยคือ คุ้มและไม่คุ้มในขณะเดียวกัน ที่คุ้มคือหากเราหาซื้อ Gaming Gear ที่เหมาะกับเราแล้ว มันจะเปลี่ยนโลกของเราและอาจจะไม่กลับมาใช้อุปกรณ์เดิมๆ อีกเลยก็มีเพราะทั้งวัสดุและคุณภาพย่อมดีกว่าของธรรมดา แต่ว่ามันก็ขึ้นกับราคาด้วย ส่วนที่ไม่คุ้มคือ Gaming Gear บางตัวอายุการใช้งานไม่ได้สูงนัก เผลอๆ อุปกรณ์ธรรมดาใช้มาสิบปียังไม่เบิ้ลไม่หลอน หรือหูฟังยังไม่ดับไปข้างใช้งานได้ปกติก็มี ฉะนั้นซื้อ Gaming Gear ก็เหมือนซื้อรถ ต้องคิดก่อนว่าเราซื้อไปเน้นใช้งานอะไรรวมถึงตรวจสอบข้อมูลอายุการใช้งานของพวกมันด้วย แล้วเราควรจะซื้อ Gaming Gear ชิ้นไหนเป็นอันดับแรก ? เมื่อเราตัดสินใจที่จะลองซื้อ Gamine Gear แล้ว อุปกรณ์ชิ้นไหนสำคัญที่สุดแล้วล่ะก็ หากเป็นสาย PC คงตอบได้แบบไม่ลังเลเลยก็คือเมาส์นั้นแหละ เพราะการควบคุม 50% นั้นก็มาจากเมาส์เพียงตัวเดียว และหากเลือกตัวที่มีการตอบสนองดี ตรงใจเรา มันจะเปลี่ยนโลกของเราไปตลอดกาลเลย แต่หากเป็นสาย Console ก็อาจจะมองหา Controller ประเภท Modular ที่ถอดหรือสับเปลี่ยนตำแหน่งปุ่มรวมถึงวัสดุปุ่มต่างๆ รวมถึงขนาดก้าน Analog ได้ตามใจชอบ และหากเป็นสายมือถือก็คงไม่พ้นปุ่มเสริมพิเศษหรือเคสติดตั้งปุ่มเสริมเพิ่มการตอบสนองที่ไวขึ้น ทีนี้หากอยากมองหาชิ้นต่อไปก็อาจจะมองหาหูฟังและคีย์บอร์ดตามลำดับ เพราะการให้เสียงที่แม่นยำก็สำคัญสำหรับนักเล่นเกม รวมถึงการกดปุ่มยิ่งตอบสนองได้ไวหรือตอบสนองได้สัมผันกับคนใช้ มันก็จะยิ่งส่งผลต่อการเล่นด้วยเช่นกัน ราคาเกม Gaming Gear ในปัจจุบันล่ะ ? แน่นอนว่า Gaming Gear ในปัจจุบันก็มีหลายยี่ห้อ หลายเกรด หลายคุณภาพ หลายระดับ มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนไปถึงหลักหมื่น ซึ่งหาซื้อมาเป็นเจ้าของกันง่ายกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน ฉะนั้นหมดห่วงเรื่องราคาไปเลย แต่ก็อย่าลืมว่าบางตัวราคาถูกแต่คุณภาพอาจจะอีกเรื่องหนึ่ง อย่างกรณีที่เคยซื้อ Controller ราคา 300 กว่าบาท ใช้ได้สองเดือนต้องเอาไปเคลม เอาไปซ่อมเพราะปัญหาปุ่มเบิ้ล ปุ่มค้าง เสียเวลา เสียความรู้สึกอีกต่างหาก ================================================== สรุปแล้ว Gaming Gear เราอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันจำเป็นสำหรับทุกคนหรือไม่ แต่ด้วยอุตสาหกรรมเกมที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเกมแนว E-Sport หรือเกมที่ใช้ทักษะสูง ทำให้ Gaming Gear มีการแข่งขันสูงเพื่อครองตลาดอุปกรณ์เสริมของเกมนั้นเอง ทำให้ราคาถูกลงและบางโอกาสก็มีช่วงเวลาลดราคาด้วย ฉะนั้นหากใครที่ไม่เคยลองสัมผัส Gaming Gear แล้วสนใจแล้วล่ะก็การเริ่มต้นกับอุปกรณ์สักตัวในราคาที่ไม่ต้องแพงมากก็ได้เพื่อหาดูว่ามันเหมาะมือกับเราหรือไม่และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเราว่ามันใช่สำหรับเรา และหากมันใช่จริงๆ เราอาจจะไม่หวนกลับมาจับของธรรมดาก็ได้เพราะมันให้ความรู้สึกที่สุดยอดยังไงล่ะ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
27 Mar 2020
Green Man Gaming ปล่อยเทศกาล March Mayhem ลดราคาเกมแบบจัดเต็ม!
ในช่วงที่ทุกคนกำลังโดนกักตัวอยู่บ้านแบบนี้ คงไม่ใช้เรื่องแย่อะไรถ้าหากว่าจะหาเกมดีๆ มาเล่นเพื่อฆ่าเวลา โดยจากสถิถิ SteamDB ล่าสุดก็พอจะทำให้รู้ได้ว่ามีคนเล่นเกมเยอะขนาดไหนในหนึ่งวันช่วงนี้ และเหมือนว่าทางเหล่าพ่อค้าคนกลางขายเกมเอง ก็รู้ว่านี้เป็นโอกาสอันดีที่จะทำการลดราคาเกมเพื่อเพิ่มยอดขาย อย่างล่าสุดเว็บไซต์ขายเกม Green Man Gaming ก็ประกาศเทศกาล March Mayhem ลดราคาเกมแบบจัดเต็มอยู่ครับ! การลดราคา March Mayhem ในครั้งนี้จะอยู่จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2020 เท่านั้น โดยในการลดราคาครั้งนี้ก็มีเกมที่น่าสนใจมากมายเลยด้วยไม่ว่าจะเป็น Borderlands 3, Nier Automata, Shadow of the Tomb Raider, หรือ Final Fantasy XV ถ้าหากว่าใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายชื่อเกมทั้งหมดที่กำลังลดราคาอยู่ในตอนนี้ได้เลยผ่านลิงก์นี้ อย่าลืมว่าการลดราคาครั้งนี้จะอยู่จนถึงวันี่ 31 มีนาคม 2020 เท่านั้นครับ Credit: PCGamer ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
25 Mar 2020
Annaboii สตรีมเมอร์สาวลุคใสๆ ใจเกินร้อย (Q&A)
วันนี้แอดจะพามาทำความรู้จัก Streaming สาวน้อยลุคใสๆใจเกินร้อย ตัวน้องเขาชื่อว่า แอนทองประสม เห้ยไม่ใช่!! ชื่อ นัชดา พงษ์ธัญญกรณ์ ชื่อเล่น น้องแอน  ฉายาวงในคือ Annaboii บอกเลยชื่อน่ารักมั่กๆ >_<’ ที่มาจากชื่อคือมาจาก Annabelle จากตอนสมัยสาวๆเล่นเกมใน CS:GO กับเพื่อนๆ แต่ด้วยเสียงตัวเองที่คล้ายเด็กตัวเล็กๆน่ารัก คนในทีมชอบถามว่า “ เป็นผู้หญิงหรือเป็นเสียงเด็กเกรียน!! “ ด้วยสาเหตุนี้เองเพื่อนที่เล่นด้วยกันเปลี่ยนคำเรียกเธอเองโดยอัตโนมัติจาก Annabelle (แอนนาเบล) กลายเป็น Annaboy ( แอนนาบอย ) ซึ่งตัวน้องเองก็บอกว่ามันดูแปลกๆและตลกยังไงไม่รู้ ในตอนนั้นเองแอนก็มีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งชื่อตัวละคร เพราะว่า Annabelle ชื่อมันโหลมากๆ ก็เลยตั้งชื่อตามฉายาที่เพื่อนเรียกว่า “ Annaboii “ แต่เดิมที น้องแอนเป็นคนที่ติดเกมมากตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่เป็นศูนย์รวมเพื่อนทำให้มีเพื่อนมากมายเข้าหา แต่แล้วก็มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่พามาบ้านบ่อยๆ เพื่อให้เขามาดูเราเล่นเกม ( เหมือนกับผู้ชายที่พาแฟนตัวเองไปดูตอนเตะบอลนั้นหล่ะ ) เพราะว่าเราอยากแบ่งปันเนื้อหา และ ความสนุกสดใสในเกม ให้เพื่อนของเราได้ดู พอเวลาผ่านไปสักระยะก็มีการ Steaming เกิดขึ้นในประเทศไทยน้องแอนจึงสนใจและการใฝ่ฝันในการเป็น Streaming หรือ Steamer ( บ้านเราเรียกแบบนี้ ) มานานจนน้องเริ่มฝึกการเรียนรู้ในการเล่นเกมและการทำรูปแบบการแสดงสด Live ในช่วงแรกของน้องนั้นจะบอกว่าลำบากก็คงถูกเพราะว่าน้องลองหมดแล้วในช่วงนั้นไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมแนว RPG MOBA หรือแม้กระทั้งเกมออฟไลน์เองก็ตาม บอกตรงๆเลยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในด้านของอาชีพนี้ได้ แต่!! … น้องแอนก็ไม่ย่อท้อทำการหาเกมเล่นไปเรื่อยๆ จับเกมดังๆอย่าง DOTA2 ก็แล้วแต่รู้สึกว่าไม่ใช่แนวอยู่ดี จนไปพบเจอเกมอย่า LOL น้องเขารู้สึกได้ทันทีว่าหลงใหลตัวละคร และ แนวทางการเล่นที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ  ปัจจุบันน้องก็ยังคงสตรีมบน Twitch สตรีมเกมบ้างและ ร้องเพลง!! ท่านอ่านไม่ผิดหรอกเพราะว่าในการแสดงสดหรือ Live จะมีการแสดงกริยาบทต่างๆไม่ว่าจะเป็นร้องเพลงก็ได้หรือเล่นเกมก็ดี น้องแอนสตรีมวันสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง เนื่องจากว่าน้องแอนต้องช่วยงานที่บ้านและบางครั้งก็ต้องไปสอน ภาษาอังกฤษ น้องๆเยาวชน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเลิกสตรีมถึงแม้ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน เพราะการสตรีมทำให้เราได้เจอเพื่อนๆใหม่ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนและได้สร้าง Community เล็กๆของเราและได้รู้จักงานสายนี้พร้อมทั้งบุกเบิกเพื่อนหรือคนที่ทำงานแบบเดียวกับเราได้มากมาย  ที่สำคัญ “ เราได้ทำในสิ่งที่เรารักและชอบมันจริงๆ “ แอนเลยมีความสุขกับมันค่ะ เราจะพาคุณมาทำความรู้จัก Annaboii ได้มากขึ้นจาก Q:A ดังนี้เจ้าคะ Q : ทำไมถึงเลือกอาชีพสตรีมเมอร์เป็นงานเสริมทำไมไม่ทุ่มเทเป็นงานหลัก ? A : จริงๆแล้ว อยากทำให้เป็นงานหลักเหมือนกันค่ะ แต่นอกจากการสตรีมแล้ว แอนยังชื่นชอบในภาษาอีกด้วย และอยากถ่ายถอดความรู้ของเราให้เด็กๆเหมือนเราอยากใช้ความรู้ในด้านภาษาของเรา เผยแพร่ผ่าน 2 รูปแบบทั้งการสตรีม และ การเป็นครูสอนพิเศษอีกด้วยเจ้าคะ Q: ทำไมเราถึงมองว่าอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้นอกเหนือจากความสุข ? A : ตอนมาสตรีมครั้งแรกไม่ได้มองว่าอาชีพนี้จะสร้างรายได้ให้กับตัวแอนเองเลยค่ะ ที่สตรีมเพราะอยากลองทำดู แต่พอทำไปได้เรื่อยๆ ก็มีคนเข้ามาสนับสนุนมากมาย จนทำให้เราเริ่มมีรายได้ ซึ่งเราก็ดีใจมาก ที่นอกจากจะทำเพราะเราชอบมันแล้ว เรายังสามารถสร้างรายได้จากตรงนี้อีกด้วยค่ะ Q: การเป็นตัวเองในที่สาธารณะเรามีการเตรียมตัวยังไงก่อน LIVE บ้าง ? A : ไม่กดดันตัวเองและผ่อนคลายค่ะ ถ้าเรากดดันตัวเองจนเกินไป มันอาจทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง และไม่มึวามสุขในการสตรีมได้ค่ะ Q: ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมากลายเป็น IDOL GAMING สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ? A : การเป็นไอดอลทางด้านเกมคงเป็นอะไรที่เป็นความฝันของคนหลายคนเลยค่ะ แอนเองก็เช่นกัน ซึ่งสิ่งแรกที่อยากทำคงอยากให้คนอื่นที่ไม่ได้เล่นเกม ได้เข้าใจมุมมองของเกมเมอร์ เพราะเกมก็ไม่ได้แย่ในแบบที่หลายๆคนคิด เกมทำให้เราได้ผ่อนคลาย ได้ใช้สมอง ได้เรียนรู้ถึงทีมเวิร์ค  และเราสามารถเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเกมได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นทางด้านภาษาค่ะ แต่ที่สำคัญ เราควรแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วยค่ะ ไม่ติดจนเกินไป ติดตามน้องได้ทาง twitch/annaboii https://youtu.be/it2lkd9uYaw
29 Jan 2020