GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Unbox"
[Unbox & Review] Digivice 2020 เปิดจักรวาลใหม่ อุปกรณ์ของเด็กที่ถูกเลือก
เครื่องเล่นพกพาแบบ Pixel ในตัวก็มีทำอยู่แค่สองซีรี่ส์หลักๆ ที่รู้จักกันคือ Tamagotchi และ Digimon ซึ่งทั้งคู่เป็นเครื่องเล่นประเภท Vitual Pet หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า V-Pet มันยังคงได้รับความนิยมที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มในสมัยก่อน เพราะยังไงซะมันก็อาจจะสู้เครื่องเล่นพกพายุคใหม่ๆ ที่เป็นจอสีหรือมือถือที่มีเกมมากมายให้เล่น แต่ทว่าทางบริษัท Bandai ผู้พัฒนาของเล่นและสร้างซีรื่ย์ Digimon ได้ดำเนินรุกการตลาดให้เข้าถึงเด็กรุ่นใหม่และรุ่นเดอะอย่างคนเขียนมากขึ้น ด้วยการนำเสนอเครื่องเล่นที่ผสมผสานแสงสีเสียงที่เรียกว่า Digivice รุ่นปี 2020 พร้อมกับทำอนิเมะเรื่อง Digimon Adventure: Reboot 2020 ควบคู่กัน ทำให้กระแสคนรักดิจิมอนกลับมาอย่างคึกคักและดึงดูดผู้สนใจดิจิมอนหน้าใหม่มาเพียบ และในอนาคต ก็จะมี V-pet รุ่นใหม่อย่าง Pendulum Z และ Vital Bracelet ที่จะเป็นการผสมผสานระหว่าง Smart band แบบจอสีและการเลี้ยง Digimon เข้าด้วยกัน และบทความนี้เราไม่ได้มารีวิวเกม แต่มารีวิวตอบรับกระแสด้วยการ Unboxing และรีวิวเครื่องเล่นเกม Digivice รุ่น 2020 ให้คุณผู้ชมได้รับชมกันว่า เครื่องเล่นพกพานี้มันมีความน่าเล่นในยุคปัจจุบันมากขนาดไหนกัน ================================================== เริ่มแกะกล่องและทำความรู้จักกับ Digivice เสียก่อน ซึ่งขออธิบายในส่วนนี้ก่อนว่าเครื่องเล่นพกพาซีรี่ย์ Digimon จะมีสองประเภทนั้นก็คือ V-Pet ซึ่งเน้นพักไข่, เลี้ยงดูและเอาไปต่อสู้ ซึ่งรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบเควสต์หรือโคลอสเซี่ยมให้ต่อสู้เพื่อเอาชนะ, เก็บ Level และปลดล็อคเงื่อนไขลับภายในเครื่อง ส่วนอีกประเภทจะเรียกว่า Digivice ซึ่งดีไซน์จะมาจาก Digivice ภายในอนิเมะชั่น Digimon ภาคนั้นๆ โดยจะมีลูกเล่นที่เน้นการผจญภัยตามเนื้อเรื่องอนิเมะ และ Easter Egg ให้ไขความลับภายในเครื่อง ไม่เน้นการเลี้ยงดูและไม่มีวันหมดอายุขัยหรือตายแบบ V-Pet และส่วนที่รีวิวอันนี้คือ Digivice รุ่นปี 2020 ที่มีลูกเล่นเน้นการผจญภัยตะลุยด่านตามเนื้อเรื่องของอนิเมะ Digimon Adventure ภาค Reboot 2020 อันนี้คือตัว Package ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาเลย แบบห่อกระดาษไขป้องกันรอยและสิ่งสกปรก ซึ่งพอแกะกระดาษสาออกไปก็จะเป็นกล่องสีขาวกันกระแทกอีกที ไม่ใช่ตัวกล่องของ Digivice จริงๆ หรือพูดง่ายๆ นี่แค่เป็นกล่องชั้นนอกสำหรับกันกระแทกเท่านั้น แต่พอแกะกระดาษสาและเปิด Package ชั้นนอกเท่านั้นแหละถึงกับอุทานว่า "ลุง Bandai จะห่อเยอะไปไหน" เพราะคุณจะได้เห็นตัวกล่องใส่ Digivice รุ่น 2020 จริงๆ ที่มีกระดาษสาห่ออีกชั้นข้างใน นับถือตัวลุงแกเลยว่าใส่ใจเรื่องการป้องกันการเป็นรอยระหว่างขนส่งจริงๆ พอแกะกระดาษสารอบที่สองออก คุณก็จะได้พบกับความ Premium ของตัว Package อย่างแท้จริง ลายบนกล่องเป็นเจ้าตัว Agumon ซึ่งเป็นมาสคอตของซีรี่ย์ Digimon ไม่ว่าจะภาคอนิเมะหรือในเกมก็ตาม ถอดมาก็เป็นตัวอักษรสีเงินสะท้อนแสงเขียนว่า "DIGIMON ADVENTURE" ดูเรียบหรูสุดๆ ส่วนข้างล่างก็เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "DIGIVICE" ภายในกล่องที่เห็นก็มีตัว Digivice ที่เป็นสีขาว ดูเหมือนไม่มีปุ่มอะไรให้กดเลย และฝ่าหลังที่โชว์ให้เห็น ดูจากสายตาแล้วมันมีขนาดใหญ่น่าจะทำออกมาในอัตราส่วน 1 : 1 แน่ๆ ใหญ๋กว่า Digivce รุ่น D-2 เสียอีก ด้านตัวกล่องทั้งสองข้างก็เขียนคำว่า "DIGIMON ADVENTURE" และคำว่า "DIGIVICE" เป็นสีเงินสะท้อนแสงสวยงาม และใต้ฝากล่องก็พบกับ Easter Egg อย่างแรกของตัว Package เลยนั้นก็คือ ภาพเหล่า Digimon คู่หูของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคนเป็นลวดลาย Pixel สีขาว ทำให้เรานึกถึงวัยเด็กที่ได้เล่น Digivice รุ่น D-2 เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก่อนจะดูตัวเครื่อง Digivice เราก็ขอยกตัวพลาสติคกันกระแทกของตัวเครื่องออกเสียก่อน ใต้กล่องก็จะพบกับคู่มือการเปิดเครื่องเบื้องตน ซึ่งคราวนี้มาแปลกเพราะว่ามันเป็นคู่มือแบบย่อเท่านั้น ให้รู้ว่าตัวเครื่องใส่ถ่าน AAA จำนวนสามก้อน และสัญญาณแบตเตอร์รี่อ่อนว่าเป็นอย่างไร และควรเปลี่ยนตอนไหน ส่วนคู่มือวืธีเล่นตัวเต็มต้องใชมือถือ Scan QR Code อีกทีหนึ่ง ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องไปดูก็ได้ ใช้วิธีงมโข่งเล่นเอาหลังเปิดเครื่องไปเลย ด้านข้างของใต้กล่องก็มี Easter Egg อีกส่วนหนึ่งนั้นก็คือ ตราสัญลักษณ์ประจำตัวของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคน เห็นแล้วทำให้เราคิดถึงอนิเมะชั่นภาคแรกที่เคยดูมากันเลย คราวนี้ก็ถือคอร์สหลักสักทีก็คือ ตัวเครื่องนั้นเอง หลักๆ จะมีสองส่วนด้วยกันคือ ตัวเครื่อง Digivice สีขาว มีรอบวงแหวนสีน้ำเงิน เขียนอักษรภาษา Digital World สีทองบนตัววงสีน้ำเงิน พร้อมจอแบบ Pixel ที่คุ้นเคยและฝ่าหลังปิดถ่านโดยใช้น็อตหัวสี่แฉกเป็นตัวยึด ส่วนแบตเตอร์รี่ที่ใช้ จะใช้ถ่านขนาด AAA ทั้งหมดสามก้อน หลังจากใส่ครั้งแรกให้กดปุ่ม Reset อยู่ตรงรูเล็กๆ เยื้องทางขวาของหลังเครื่อง ที่ต้องใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มเข้าไปรูตรงนั้น ลองได้สัมผัสตัวเครื่องครั้งแรกก็เป็นอย่างที่คิด ตัว Digivice ใหญ่เต็มไม้เต็มมือมากเหมือนขนาด 1 : 1 จากในอนิเมะเลย และพอลองได้เปิดเครื่อง ก็มีไฟ LED แปดสี ซึ่งเป็นสีประจำตัวของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคนสว่างรอบตัวเครื่องพร้อมตรา BANDAI เด่นขึ้นมากลางจอ Pixel ส่วนปุ่มกดนั้นดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีปุ่ม แต่จริงๆ แล้วมีปุ่มให้กดสี่ปุ่ม ด้านซ้ายและขวามีอย่างละสองปุ่ม ตำแหน่งแถวเยื้องข้างบนและข้างล่าง ทั้งสองข้าง โดยเมื่อเรากดปุ่มใดก็ได้ เริ่มต้นจะมี Digimon ให้เลือกเล่นสองตัวระหว่าง Agumon และ Gabumon ซึ่งไม่ว่าเลือกตัวไหนก่อน เราก็จะได้เล่นทั้งสองตัวตั้งแต่แรก ไม่มีผลต่อการเล่นช่วงต้นเกมแต่อย่างใด คำสั่งปุ่มทั่วไปและเมนูต่างๆ Digivice รุ่น 2020 นี้อย่างที่บอกข้างต้นว่าดูเหมือนจะไม่มีปุ่ม แต่จริงๆ แล้วปุ่มกดจะมีทั้งหมดสี่ตำแหน่งตามหมายเลขที่ระบุไว้ ซึ่งปุ่มสัมผัมเป็นพลาสติคแข็งๆ และเมื่อกดลงไปมันมีเสียงคลิ๊กเด้งมือมากๆ ราวกับกดปุ่ม Machanical Keyboard แบบจังหวะเดียว ให้ความรู้สึกแตกต่างจากปุ่มยางที่เคยใช้ใน Digivice หรือ V-Pet รุ่นอื่นๆ โดยคำสั่งปุ่มต่างๆ มีฟังก์ชั่นการใช้งานดังนี้ ปุ่มที่ 1: ปุ่มเลื่อนขึ้นบนคำสั่งทั่วไปและย้อนหลังในเมนูบางอย่าง ปุ่มที่ 2: ปุ่มเลื่อนลงบนคำสั่งทั่วไปและหน้าถัดไปในเมนูบางอย่าง ปุ่มที่ 3: เป็นปุ่มสำหรับกดตกลงและเข้าหน้าเมนู ( จริงๆ ปุ่ม 1 2 และ 3 สามารถกดเข้าเมนูได้หมดบนหน้าหลัก ) ปุ่มที่ 4: เป็นปุ่มสำหรับยกเลิกเมนูและกดดู Emotion เล็กๆ ของ Digimon ทั้งสองตัวเมื่ออยู่หน้าหลักแบบสุ่มอารมณ์ เมื่อเข้าหน้าเมนู เมนูแรกที่จะเจอนั้นก็คือเมนู Status ซึ่งเป็นเมนูที่สามารถเข้าไปเช็คสถานะข้อมูลของ Digimon คู่หูของเราว่าเป็น Digimon ประเภทอะไร ลักษณะของสายเป็นแบบไหน ซึ่งปกติมีสามสายคือ Data, Virus และ Vaccine ซึ่งมีการแพ้ทางกันและกัน รวมไปถึงเช็คสถานะจำนวนที่ Digimon คู่หูตัวนั้นๆ ว่าชนะไปกี่ครั้ง ไปถึงระดับไหนแล้วซึ่งมีผลต่อการปลดระดับพัฒนาร่างในเมนู Quest ด้วย ถัดมาเป็นเมนู Quest ซึ่งมันคือโหมดตะลุยด่านอ้างอิงจากอนิเมะเรื่อง Digimon Adventure: Reboot 2020 เลย โดยจะมีด่านให้เล่นทั้งหมด 11 Stage และมี Stage ลับขอปลดล็อคอยู่อีก เมื่อเข้าไปในแต่ละ Stage จะมีด่านย่อยๆ ให้เล่นสิบด่านซึ่งด่านย่อนที่สิบจะเป็น Boss ประจำ Stage นั้นๆ หากเอาชนะได้ก็จะสามารถไป Stage ต่อไปได้นั้นเอง ส่วนวิธีการต่อสู้นั้น จะใช้วิธีการต่อสู้แบบ Roulette หรือหมุนวงล้อให้เกจพลังขึ้นสูงที่สุด ซึ่งหากทำได้ก็มีโอกาสชนะศัตรูได้มาก และมีโอกาสได้เจอ Cutscene ที่ Digimon คู่หูจะใช้ท่า Burst โจมตีศัตรูตายภายในครั้งเดียวและต้องกดปุ่มที่ 3 รัวๆ ให้เกจเต็มก่อนหมดเวลา ส่วนรายละเอียดการเล่นนั้น หากมีโอกาสได้ทำ Guide จะได้พูดถึงระบบนี้แบบละเอียดอย่างแน่นอน เมนูสุดท้ายของเครื่องนั้นก็คือ Setting ซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากให้เราสามารถเลือกปิดหรือเปิดลูกเล่นไฟ LED และเสียงของตัวเครื่องสามารถปรับให้ปิดหรือเปิดได้เช่นกัน เหมาะกับกรณีไม่ชอบไฟที่แสบตาเกินไปหรือเสียงดังจนรบกวนคนอื่น Feature ต่างๆ ที่เป็นหัวใจของเครื่องนี้ Digivice รุ่น 2020 นี้ได้ตัดระบบการเขย่านับก้าวเดินที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของ Digivice ออกไป ซึ่งฟังแล้วน่าเสียดายมากๆ แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยระบบเมนู Quest ที่มีด่านให้เล่นเยอะมากๆ ฉะนั้นเมื่อเราปล่อยจอเข้าสู่หน้าหลัก Digimon คู่หูของเราจะทำการขยับและเดินเล่นไปมาแบบนั้นพร้อมแสดงท่าทางดีใจให้เราเห็นด้วย เมื่อเรากดปุ่มที่ 4 หรือปุ่มยกเลิกเมื่ออยู่หน้าจอหลัก จะเป็นการแสดง Animation เล็กๆ ระหว่าง Digimon คู่หูทั้งสองตัวแบบสุ่ม จะเป็นทั้งดีใจด้วยกัน โกรธกัน หรือหลับด้วยกันซึ่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากให้เรากดดูเพลินๆ และ Digivice รุ่น 2020 นี้ไม่มีปุ่มกดเปิด/ปิดเครื่อง ดังนั้นจึงใช้ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ได้เล่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยสังเกตจากการปล่อยเครื่องสักพัก Digimon คู่หูเราจะนอนหลับ และหลังจากนั้นไม่นาน เครื่องจะปิดหน้าจออัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงานของแบตเตอร์รี่ และนี่คือทีเด็ดของ Digivice รุ่นนี้เลยก็คือ เมื่อเราทำการวิวัฒนาการตอนต่อสู้ จะมีไฟ LED สว่างขึ้นมาโดยการพัฒนาแต่ละร่างจะมีการไล่ไฟเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และ Digimon คู่หูแต่ละตัวเมื่อพัฒนาร่างก็จะมีสีไฟที่ไม่เหมือนกันอีก โดยสีไฟจะแสดงเป็นสีต่างๆ ตามสีประจำตัวของ Digimon คู่หูตัวนั้นๆ ที่สำคัญเลยก็คือ หากพัฒนาร่างสุดยอดด้วยการ Jogress ระหว่าง WarGreymon และ MetalGarurumon จะเป็นไฟ LED วิ่งวนสองสีที่ดูสวยงามสุดๆ แต่แอบใช้เวลาแปลงร่างนานไปหน่อยนะ ยังไงก็ตามแลกกับความสวยงามของไฟถือว่ายินดีเลย หากไม่รู้สึกแสบตาไปเสียก่อนเพราะไฟมันสว่างมาก และอีก Feature หนึ่งที่เรียกว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเลยก็คือ ระบบ Emergency Enemy หรือระบบสุ่มเจอศัตรู โดยมีโอกาสสุ่มเจอเมื่อเราเอาชนะ Boss ประจำ Stage นั้นๆ ซึ่งข้อดีของมันก็คือ ตื่นเต้นมากๆ และจะได้เจอศัตรูที่เราเห็นแล้วจะต้องร้องพระเจ้าซึ่งหากชนะศัตรูพวกนี้ เราจะได้พวกเขามาเป็นพวก แต่หากแพ้ก็ต้องรอสุ่มกันต่อไป ส่วนข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับคนที่อยู่ๆ มาเจออะไรแบบนี้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว อาจจะทำให้หงุดหงิดได้เช่นกัน ================================================== และนี่คือทั้งหมดของการ Unboxing และ Review ของเครื่องเล่น Digivice รุ่น 2020 ซึ่งบอกตามตรงเลยว่า ดีต่อใจมากๆ สำหรับคนรักและสะสม Digimon หรือถึงแฟนบอยของ Digimon ที่ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างยิ่ง ทำไฟ LED ที่มีลูกเล่นไล่ไฟตอนพัฒนาร่าง รวมถึงระบบ Quest ที่เข้ามาแทนที่การเขย่านับก้าวเดิน ก็เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยเหมือนกัน อีกทั้งด้วยสัดส่วนขนาดแบบ 1 : 1 และมีไฟตามแบบฉบับอนิเมะ ถ้าหากในแง่สะสมถือว่าคุ้มค่าอย่างมากหรือหากเอามาเล่นจริงจังให้เคลียร์เกมก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มกับเงินที่จ่ายไปราวๆ 3,XXX บาทเช่นกัน เพราะระดับความยากถือว่าทำเอาคนเขียนบทความหัวอุ่นใช้ได้เหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่น่าเสียดายคือ การที่เอาระบบเขย่าออก มันทำให้เสน่ห์ของมันหายไปเยอะพอสมควร และไฟที่สว่างมากๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะแสบตาหรือไวต่อแสง และราคาค่อนข้างสูง หากเป็นคนที่ไม่ใช่แฟนบอยอาจจะมองว่าแพงก็ได้ หากใครชอบบทความนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เยอะๆ เลยนะ และหากมีโอกาสได้ทำบทความ Digivice 2020 อีก ก็จะทำ Guide ระบบการเล่นระบบ Quest ให้อ่านกันนะ
06 Jan 2021
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นต้นเดือนมีนาคม 2020
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคมกันแล้ว โดยเดือนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนที่สำคัญของโลก เพราะเป็นเดือนแรกที่เราจะได้ก้าวสู่หน้าร้อนกันอย่างเต็มตัว ซึ่งแน่นอน เมื่อก้าวเข้าสู่หน้าร้อน เกมที่เราจะเล่น ย่อมยิ่งสำคัญมากๆ เพราะจะเป็นเกมที่จะช่วยให้เราสามารถหลบร้อนอยู่ในบ้านได้แบบสบายๆ ซึ่งในต้นเดือนนี้เองก็มีเกมที่น่าสนใจแนะนำออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dragon Raja เกมแนว MMO สุดไฮ, Story of a Gladiator เกมนักรบยุคกลาง, LEGO Legacy: Heroes Unboxed เกิมเทิร์นเบสสไตล์ RPG, Knighthood เกมแฟนตาซี RPG ที่ทุกคนรอคอย, และ Knockdown Heroes เป็นเกมแนว PVP สไตล์แบบ 1v1 ที่รวดเร็ว เกมที่ 1 : Dragon Raja ค่ายเกม : Archosaur Games แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] สำหรับในบทความนี้ Dragon Raja น่าจะถือเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดในทั้ง 5 เกมของสัปดาห์นี้แล้วก็ว่าได้  ตัวเกมมีกราฟฟิกที่ดูน่าประทับใจมากๆ รวมไปถึงเรื่องราวภายในเกมก็ดูเป็นแฟนตาซีที่ดูน่าสนใจมากๆ ตัวเกมมีโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด ตามการตัดสินใจของตัวผู้เล่นเอง นั่นหมายความว่าเกมเกมนี้จะมีหลายตอนจบ และมี NPC ที่ตอบสนองแตกต่างกันออกไป เกร็ดเสริม : ตัวเกมมียอดลงทะเบียนล่วงหน้ามากกว่า 1.5 ล้านคนด้วยกัน ทางนักพัฒนาได้ทำการใช้เทคโนโลยี Motion Capture ควบคู่ไปกับเอฟเฟกต์แสง และเงาที่สมจริงเพื่อสร้างมหนานคร Toyko ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกไซเบอร์ขึ้นมา ซึ่งมีวัฏจักรทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมไปถึงยังมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน โดยตัวละครของเราจะมีการทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นฐานหิมะ และพื้นจะลื่นหลังจากฝนตก เกมที่ 2 : Story of a Gladiator ค่ายเกม : Brain Seal Ltd แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Story of a Gladiator เป็นเกมที่มีกราฟฟิกเกมที่ดูน่าสนใจ และดูยอดเยี่ยมมากๆ เราจะได้รับบทเป็น Gladiator หน้าใหม่ ที่จะต้องต่อสู้ฝ่าฟัน เพื่อพาตัวเองเป็นแชมป์อันดับ 1 ของกรุงโรม ตัวเกมไม่มีไรมาก เมื่อเราจะต้องวางกลยุทธ์ทีม Gladiator ของตนเองไปต่อสู้กับทีม Gladiator ของทีมอื่นๆ เราสามารถใช้เงินที่ได้จากการแข่งขันมาอัพเกรดกลุ่มตัวละครของเราให้มีอาวุธ หรือชุดเกราะดีๆ ใส่ได้อีกด้วย เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีทั้งหมด 3 ด่าน 36 การต่อสู้ 3 บอส ศัตรูอีกกว่า 80 รูปแบบ และสัตว์อีก 20 ตัว ซึ่งตัวละครแต่ละตัวล้วนมีเอกลักษณ์ความสามารถในการต่อสู้เป็นของตนเอง เกมที่ 3 : LEGO Legacy: Heroes Unboxed ค่ายเกม : Gameloft SE แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] LEGO Legacy: Heroes Unboxed มาในรูปแบบของเกมแนว RPG สไตล์เทิร์นเบส ที่ได้ทำการรวบรวมทีม Minifigs จากกว่า 50 ตัวละครที่ครอบคลุมประวัติศาสตร์ ของ LEGO ที่มีมานานกว่า 40 ปี มารวมกันทั้งหมด ตัวเกมจะให้เราสร้างทีมตัวละคร ซึ่งมีลักษณะและความสามารถที่แตกต่างกันให้ออกมาสมดุล เพื่อส่งไปต่อสู้กับทีมโลโก้ทีมอื่นๆ ซึ่งหากใครเป็นแฟน LEGO เกมเกมนี้ถือว่าตอบโจทย์มากมายทีเดียว เกมที่ 4 : Knighthood ค่ายเกม : Gameloft SE แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Knighthood เป็นเกม RPG ชื่อดังที่เปิดตัวอย่างออกมานานแล้วกว่า 19 เดือน ตัวเกมจะทำให้เราได้กลายเป็น Rage Knight ยุคใหม่ที่ปล่อยออกมาเพื่อต่อสู้ และพิชิต ในฐานะ Order of Rage เราสาบานว่าจะปกป้องโลกของตัวเองจากอันตราย อย่างไรก็ดี เราสามารถอัปเกรดตัวละครของเราให้แข็งแกร่งได้ในแบบที่เราต้องการ เกร็ดเสริม : ตัวเกมอยู่ในโลกของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ และอัศวินผู้กล้าหาญ ตัวมีทั้งโหมดทั่วไป ไปจนถึงโหมด PVP ให้เราได้ปะทะกับผู้เล่นด้วยกันเอง เกมที่ 5 : Knockdown Heroes ค่ายเกม : Rogue Games, Inc. แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Knockdown Heroes เป็นเกมแนว Action ที่ทำการผสม top-down PvP action เข้ากับระบบการเล่นแบบ card collecting นั่นทำให้ทุกๆ การแข่งขันไม่ต่างไปจากศึกการเอาตัวรอดอย่างดุเดือด เมื่อผู้เล่นอย่างเราโฟกัสที่รางวัล และชัยชนะเป็นหลัก เกร็ดเสริม : ในตัวเกม เราจะต้องเลือกฮีโร่ที่จะหยิบมาเล่นจาก 1 ใน 9  โดยทั้ง 9 ตัวล้วนเป็นตัวละครที่มีลักษณะแตกต่างกันทั้งสกิลทักษะ และสไตล์การเล่น การต่อสู้เป็นรูปแบบ 1v1 แบบ Real-time โดยหากเราสามารถเอาชนะผ่านไปได้ เราจะได้รับสกิลใหม่ๆ  บัฟ และอื่นๆ อีกหลากหลายอย่าง ซึ่งจะนำมาอัปเกรดตัวฮีโร่ของเราให้แข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพื่อปลดล็อคความสามารถใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นออกมามากมาย
03 Mar 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Unbox"
[Unbox & Review] Digivice 2020 เปิดจักรวาลใหม่ อุปกรณ์ของเด็กที่ถูกเลือก
เครื่องเล่นพกพาแบบ Pixel ในตัวก็มีทำอยู่แค่สองซีรี่ส์หลักๆ ที่รู้จักกันคือ Tamagotchi และ Digimon ซึ่งทั้งคู่เป็นเครื่องเล่นประเภท Vitual Pet หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า V-Pet มันยังคงได้รับความนิยมที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มในสมัยก่อน เพราะยังไงซะมันก็อาจจะสู้เครื่องเล่นพกพายุคใหม่ๆ ที่เป็นจอสีหรือมือถือที่มีเกมมากมายให้เล่น แต่ทว่าทางบริษัท Bandai ผู้พัฒนาของเล่นและสร้างซีรื่ย์ Digimon ได้ดำเนินรุกการตลาดให้เข้าถึงเด็กรุ่นใหม่และรุ่นเดอะอย่างคนเขียนมากขึ้น ด้วยการนำเสนอเครื่องเล่นที่ผสมผสานแสงสีเสียงที่เรียกว่า Digivice รุ่นปี 2020 พร้อมกับทำอนิเมะเรื่อง Digimon Adventure: Reboot 2020 ควบคู่กัน ทำให้กระแสคนรักดิจิมอนกลับมาอย่างคึกคักและดึงดูดผู้สนใจดิจิมอนหน้าใหม่มาเพียบ และในอนาคต ก็จะมี V-pet รุ่นใหม่อย่าง Pendulum Z และ Vital Bracelet ที่จะเป็นการผสมผสานระหว่าง Smart band แบบจอสีและการเลี้ยง Digimon เข้าด้วยกัน และบทความนี้เราไม่ได้มารีวิวเกม แต่มารีวิวตอบรับกระแสด้วยการ Unboxing และรีวิวเครื่องเล่นเกม Digivice รุ่น 2020 ให้คุณผู้ชมได้รับชมกันว่า เครื่องเล่นพกพานี้มันมีความน่าเล่นในยุคปัจจุบันมากขนาดไหนกัน ================================================== เริ่มแกะกล่องและทำความรู้จักกับ Digivice เสียก่อน ซึ่งขออธิบายในส่วนนี้ก่อนว่าเครื่องเล่นพกพาซีรี่ย์ Digimon จะมีสองประเภทนั้นก็คือ V-Pet ซึ่งเน้นพักไข่, เลี้ยงดูและเอาไปต่อสู้ ซึ่งรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบเควสต์หรือโคลอสเซี่ยมให้ต่อสู้เพื่อเอาชนะ, เก็บ Level และปลดล็อคเงื่อนไขลับภายในเครื่อง ส่วนอีกประเภทจะเรียกว่า Digivice ซึ่งดีไซน์จะมาจาก Digivice ภายในอนิเมะชั่น Digimon ภาคนั้นๆ โดยจะมีลูกเล่นที่เน้นการผจญภัยตามเนื้อเรื่องอนิเมะ และ Easter Egg ให้ไขความลับภายในเครื่อง ไม่เน้นการเลี้ยงดูและไม่มีวันหมดอายุขัยหรือตายแบบ V-Pet และส่วนที่รีวิวอันนี้คือ Digivice รุ่นปี 2020 ที่มีลูกเล่นเน้นการผจญภัยตะลุยด่านตามเนื้อเรื่องของอนิเมะ Digimon Adventure ภาค Reboot 2020 อันนี้คือตัว Package ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาเลย แบบห่อกระดาษไขป้องกันรอยและสิ่งสกปรก ซึ่งพอแกะกระดาษสาออกไปก็จะเป็นกล่องสีขาวกันกระแทกอีกที ไม่ใช่ตัวกล่องของ Digivice จริงๆ หรือพูดง่ายๆ นี่แค่เป็นกล่องชั้นนอกสำหรับกันกระแทกเท่านั้น แต่พอแกะกระดาษสาและเปิด Package ชั้นนอกเท่านั้นแหละถึงกับอุทานว่า "ลุง Bandai จะห่อเยอะไปไหน" เพราะคุณจะได้เห็นตัวกล่องใส่ Digivice รุ่น 2020 จริงๆ ที่มีกระดาษสาห่ออีกชั้นข้างใน นับถือตัวลุงแกเลยว่าใส่ใจเรื่องการป้องกันการเป็นรอยระหว่างขนส่งจริงๆ พอแกะกระดาษสารอบที่สองออก คุณก็จะได้พบกับความ Premium ของตัว Package อย่างแท้จริง ลายบนกล่องเป็นเจ้าตัว Agumon ซึ่งเป็นมาสคอตของซีรี่ย์ Digimon ไม่ว่าจะภาคอนิเมะหรือในเกมก็ตาม ถอดมาก็เป็นตัวอักษรสีเงินสะท้อนแสงเขียนว่า "DIGIMON ADVENTURE" ดูเรียบหรูสุดๆ ส่วนข้างล่างก็เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "DIGIVICE" ภายในกล่องที่เห็นก็มีตัว Digivice ที่เป็นสีขาว ดูเหมือนไม่มีปุ่มอะไรให้กดเลย และฝ่าหลังที่โชว์ให้เห็น ดูจากสายตาแล้วมันมีขนาดใหญ่น่าจะทำออกมาในอัตราส่วน 1 : 1 แน่ๆ ใหญ๋กว่า Digivce รุ่น D-2 เสียอีก ด้านตัวกล่องทั้งสองข้างก็เขียนคำว่า "DIGIMON ADVENTURE" และคำว่า "DIGIVICE" เป็นสีเงินสะท้อนแสงสวยงาม และใต้ฝากล่องก็พบกับ Easter Egg อย่างแรกของตัว Package เลยนั้นก็คือ ภาพเหล่า Digimon คู่หูของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคนเป็นลวดลาย Pixel สีขาว ทำให้เรานึกถึงวัยเด็กที่ได้เล่น Digivice รุ่น D-2 เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก่อนจะดูตัวเครื่อง Digivice เราก็ขอยกตัวพลาสติคกันกระแทกของตัวเครื่องออกเสียก่อน ใต้กล่องก็จะพบกับคู่มือการเปิดเครื่องเบื้องตน ซึ่งคราวนี้มาแปลกเพราะว่ามันเป็นคู่มือแบบย่อเท่านั้น ให้รู้ว่าตัวเครื่องใส่ถ่าน AAA จำนวนสามก้อน และสัญญาณแบตเตอร์รี่อ่อนว่าเป็นอย่างไร และควรเปลี่ยนตอนไหน ส่วนคู่มือวืธีเล่นตัวเต็มต้องใชมือถือ Scan QR Code อีกทีหนึ่ง ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องไปดูก็ได้ ใช้วิธีงมโข่งเล่นเอาหลังเปิดเครื่องไปเลย ด้านข้างของใต้กล่องก็มี Easter Egg อีกส่วนหนึ่งนั้นก็คือ ตราสัญลักษณ์ประจำตัวของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคน เห็นแล้วทำให้เราคิดถึงอนิเมะชั่นภาคแรกที่เคยดูมากันเลย คราวนี้ก็ถือคอร์สหลักสักทีก็คือ ตัวเครื่องนั้นเอง หลักๆ จะมีสองส่วนด้วยกันคือ ตัวเครื่อง Digivice สีขาว มีรอบวงแหวนสีน้ำเงิน เขียนอักษรภาษา Digital World สีทองบนตัววงสีน้ำเงิน พร้อมจอแบบ Pixel ที่คุ้นเคยและฝ่าหลังปิดถ่านโดยใช้น็อตหัวสี่แฉกเป็นตัวยึด ส่วนแบตเตอร์รี่ที่ใช้ จะใช้ถ่านขนาด AAA ทั้งหมดสามก้อน หลังจากใส่ครั้งแรกให้กดปุ่ม Reset อยู่ตรงรูเล็กๆ เยื้องทางขวาของหลังเครื่อง ที่ต้องใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มเข้าไปรูตรงนั้น ลองได้สัมผัสตัวเครื่องครั้งแรกก็เป็นอย่างที่คิด ตัว Digivice ใหญ่เต็มไม้เต็มมือมากเหมือนขนาด 1 : 1 จากในอนิเมะเลย และพอลองได้เปิดเครื่อง ก็มีไฟ LED แปดสี ซึ่งเป็นสีประจำตัวของเด็กที่ถูกเลือกทั้งแปดคนสว่างรอบตัวเครื่องพร้อมตรา BANDAI เด่นขึ้นมากลางจอ Pixel ส่วนปุ่มกดนั้นดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีปุ่ม แต่จริงๆ แล้วมีปุ่มให้กดสี่ปุ่ม ด้านซ้ายและขวามีอย่างละสองปุ่ม ตำแหน่งแถวเยื้องข้างบนและข้างล่าง ทั้งสองข้าง โดยเมื่อเรากดปุ่มใดก็ได้ เริ่มต้นจะมี Digimon ให้เลือกเล่นสองตัวระหว่าง Agumon และ Gabumon ซึ่งไม่ว่าเลือกตัวไหนก่อน เราก็จะได้เล่นทั้งสองตัวตั้งแต่แรก ไม่มีผลต่อการเล่นช่วงต้นเกมแต่อย่างใด คำสั่งปุ่มทั่วไปและเมนูต่างๆ Digivice รุ่น 2020 นี้อย่างที่บอกข้างต้นว่าดูเหมือนจะไม่มีปุ่ม แต่จริงๆ แล้วปุ่มกดจะมีทั้งหมดสี่ตำแหน่งตามหมายเลขที่ระบุไว้ ซึ่งปุ่มสัมผัมเป็นพลาสติคแข็งๆ และเมื่อกดลงไปมันมีเสียงคลิ๊กเด้งมือมากๆ ราวกับกดปุ่ม Machanical Keyboard แบบจังหวะเดียว ให้ความรู้สึกแตกต่างจากปุ่มยางที่เคยใช้ใน Digivice หรือ V-Pet รุ่นอื่นๆ โดยคำสั่งปุ่มต่างๆ มีฟังก์ชั่นการใช้งานดังนี้ ปุ่มที่ 1: ปุ่มเลื่อนขึ้นบนคำสั่งทั่วไปและย้อนหลังในเมนูบางอย่าง ปุ่มที่ 2: ปุ่มเลื่อนลงบนคำสั่งทั่วไปและหน้าถัดไปในเมนูบางอย่าง ปุ่มที่ 3: เป็นปุ่มสำหรับกดตกลงและเข้าหน้าเมนู ( จริงๆ ปุ่ม 1 2 และ 3 สามารถกดเข้าเมนูได้หมดบนหน้าหลัก ) ปุ่มที่ 4: เป็นปุ่มสำหรับยกเลิกเมนูและกดดู Emotion เล็กๆ ของ Digimon ทั้งสองตัวเมื่ออยู่หน้าหลักแบบสุ่มอารมณ์ เมื่อเข้าหน้าเมนู เมนูแรกที่จะเจอนั้นก็คือเมนู Status ซึ่งเป็นเมนูที่สามารถเข้าไปเช็คสถานะข้อมูลของ Digimon คู่หูของเราว่าเป็น Digimon ประเภทอะไร ลักษณะของสายเป็นแบบไหน ซึ่งปกติมีสามสายคือ Data, Virus และ Vaccine ซึ่งมีการแพ้ทางกันและกัน รวมไปถึงเช็คสถานะจำนวนที่ Digimon คู่หูตัวนั้นๆ ว่าชนะไปกี่ครั้ง ไปถึงระดับไหนแล้วซึ่งมีผลต่อการปลดระดับพัฒนาร่างในเมนู Quest ด้วย ถัดมาเป็นเมนู Quest ซึ่งมันคือโหมดตะลุยด่านอ้างอิงจากอนิเมะเรื่อง Digimon Adventure: Reboot 2020 เลย โดยจะมีด่านให้เล่นทั้งหมด 11 Stage และมี Stage ลับขอปลดล็อคอยู่อีก เมื่อเข้าไปในแต่ละ Stage จะมีด่านย่อยๆ ให้เล่นสิบด่านซึ่งด่านย่อนที่สิบจะเป็น Boss ประจำ Stage นั้นๆ หากเอาชนะได้ก็จะสามารถไป Stage ต่อไปได้นั้นเอง ส่วนวิธีการต่อสู้นั้น จะใช้วิธีการต่อสู้แบบ Roulette หรือหมุนวงล้อให้เกจพลังขึ้นสูงที่สุด ซึ่งหากทำได้ก็มีโอกาสชนะศัตรูได้มาก และมีโอกาสได้เจอ Cutscene ที่ Digimon คู่หูจะใช้ท่า Burst โจมตีศัตรูตายภายในครั้งเดียวและต้องกดปุ่มที่ 3 รัวๆ ให้เกจเต็มก่อนหมดเวลา ส่วนรายละเอียดการเล่นนั้น หากมีโอกาสได้ทำ Guide จะได้พูดถึงระบบนี้แบบละเอียดอย่างแน่นอน เมนูสุดท้ายของเครื่องนั้นก็คือ Setting ซึ่งไม่มีอะไรมากนอกจากให้เราสามารถเลือกปิดหรือเปิดลูกเล่นไฟ LED และเสียงของตัวเครื่องสามารถปรับให้ปิดหรือเปิดได้เช่นกัน เหมาะกับกรณีไม่ชอบไฟที่แสบตาเกินไปหรือเสียงดังจนรบกวนคนอื่น Feature ต่างๆ ที่เป็นหัวใจของเครื่องนี้ Digivice รุ่น 2020 นี้ได้ตัดระบบการเขย่านับก้าวเดินที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของ Digivice ออกไป ซึ่งฟังแล้วน่าเสียดายมากๆ แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยระบบเมนู Quest ที่มีด่านให้เล่นเยอะมากๆ ฉะนั้นเมื่อเราปล่อยจอเข้าสู่หน้าหลัก Digimon คู่หูของเราจะทำการขยับและเดินเล่นไปมาแบบนั้นพร้อมแสดงท่าทางดีใจให้เราเห็นด้วย เมื่อเรากดปุ่มที่ 4 หรือปุ่มยกเลิกเมื่ออยู่หน้าจอหลัก จะเป็นการแสดง Animation เล็กๆ ระหว่าง Digimon คู่หูทั้งสองตัวแบบสุ่ม จะเป็นทั้งดีใจด้วยกัน โกรธกัน หรือหลับด้วยกันซึ่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากให้เรากดดูเพลินๆ และ Digivice รุ่น 2020 นี้ไม่มีปุ่มกดเปิด/ปิดเครื่อง ดังนั้นจึงใช้ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ได้เล่นช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยสังเกตจากการปล่อยเครื่องสักพัก Digimon คู่หูเราจะนอนหลับ และหลังจากนั้นไม่นาน เครื่องจะปิดหน้าจออัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงานของแบตเตอร์รี่ และนี่คือทีเด็ดของ Digivice รุ่นนี้เลยก็คือ เมื่อเราทำการวิวัฒนาการตอนต่อสู้ จะมีไฟ LED สว่างขึ้นมาโดยการพัฒนาแต่ละร่างจะมีการไล่ไฟเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน และ Digimon คู่หูแต่ละตัวเมื่อพัฒนาร่างก็จะมีสีไฟที่ไม่เหมือนกันอีก โดยสีไฟจะแสดงเป็นสีต่างๆ ตามสีประจำตัวของ Digimon คู่หูตัวนั้นๆ ที่สำคัญเลยก็คือ หากพัฒนาร่างสุดยอดด้วยการ Jogress ระหว่าง WarGreymon และ MetalGarurumon จะเป็นไฟ LED วิ่งวนสองสีที่ดูสวยงามสุดๆ แต่แอบใช้เวลาแปลงร่างนานไปหน่อยนะ ยังไงก็ตามแลกกับความสวยงามของไฟถือว่ายินดีเลย หากไม่รู้สึกแสบตาไปเสียก่อนเพราะไฟมันสว่างมาก และอีก Feature หนึ่งที่เรียกว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียเลยก็คือ ระบบ Emergency Enemy หรือระบบสุ่มเจอศัตรู โดยมีโอกาสสุ่มเจอเมื่อเราเอาชนะ Boss ประจำ Stage นั้นๆ ซึ่งข้อดีของมันก็คือ ตื่นเต้นมากๆ และจะได้เจอศัตรูที่เราเห็นแล้วจะต้องร้องพระเจ้าซึ่งหากชนะศัตรูพวกนี้ เราจะได้พวกเขามาเป็นพวก แต่หากแพ้ก็ต้องรอสุ่มกันต่อไป ส่วนข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับคนที่อยู่ๆ มาเจออะไรแบบนี้โดยไม่ทันได้ตั้งตัว อาจจะทำให้หงุดหงิดได้เช่นกัน ================================================== และนี่คือทั้งหมดของการ Unboxing และ Review ของเครื่องเล่น Digivice รุ่น 2020 ซึ่งบอกตามตรงเลยว่า ดีต่อใจมากๆ สำหรับคนรักและสะสม Digimon หรือถึงแฟนบอยของ Digimon ที่ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างยิ่ง ทำไฟ LED ที่มีลูกเล่นไล่ไฟตอนพัฒนาร่าง รวมถึงระบบ Quest ที่เข้ามาแทนที่การเขย่านับก้าวเดิน ก็เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยเหมือนกัน อีกทั้งด้วยสัดส่วนขนาดแบบ 1 : 1 และมีไฟตามแบบฉบับอนิเมะ ถ้าหากในแง่สะสมถือว่าคุ้มค่าอย่างมากหรือหากเอามาเล่นจริงจังให้เคลียร์เกมก็ถือว่าค่อนข้างคุ้มกับเงินที่จ่ายไปราวๆ 3,XXX บาทเช่นกัน เพราะระดับความยากถือว่าทำเอาคนเขียนบทความหัวอุ่นใช้ได้เหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่น่าเสียดายคือ การที่เอาระบบเขย่าออก มันทำให้เสน่ห์ของมันหายไปเยอะพอสมควร และไฟที่สว่างมากๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะแสบตาหรือไวต่อแสง และราคาค่อนข้างสูง หากเป็นคนที่ไม่ใช่แฟนบอยอาจจะมองว่าแพงก็ได้ หากใครชอบบทความนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เยอะๆ เลยนะ และหากมีโอกาสได้ทำบทความ Digivice 2020 อีก ก็จะทำ Guide ระบบการเล่นระบบ Quest ให้อ่านกันนะ
06 Jan 2021
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นต้นเดือนมีนาคม 2020
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงเดือนมีนาคมกันแล้ว โดยเดือนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนที่สำคัญของโลก เพราะเป็นเดือนแรกที่เราจะได้ก้าวสู่หน้าร้อนกันอย่างเต็มตัว ซึ่งแน่นอน เมื่อก้าวเข้าสู่หน้าร้อน เกมที่เราจะเล่น ย่อมยิ่งสำคัญมากๆ เพราะจะเป็นเกมที่จะช่วยให้เราสามารถหลบร้อนอยู่ในบ้านได้แบบสบายๆ ซึ่งในต้นเดือนนี้เองก็มีเกมที่น่าสนใจแนะนำออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dragon Raja เกมแนว MMO สุดไฮ, Story of a Gladiator เกมนักรบยุคกลาง, LEGO Legacy: Heroes Unboxed เกิมเทิร์นเบสสไตล์ RPG, Knighthood เกมแฟนตาซี RPG ที่ทุกคนรอคอย, และ Knockdown Heroes เป็นเกมแนว PVP สไตล์แบบ 1v1 ที่รวดเร็ว เกมที่ 1 : Dragon Raja ค่ายเกม : Archosaur Games แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] สำหรับในบทความนี้ Dragon Raja น่าจะถือเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดในทั้ง 5 เกมของสัปดาห์นี้แล้วก็ว่าได้  ตัวเกมมีกราฟฟิกที่ดูน่าประทับใจมากๆ รวมไปถึงเรื่องราวภายในเกมก็ดูเป็นแฟนตาซีที่ดูน่าสนใจมากๆ ตัวเกมมีโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอด ตามการตัดสินใจของตัวผู้เล่นเอง นั่นหมายความว่าเกมเกมนี้จะมีหลายตอนจบ และมี NPC ที่ตอบสนองแตกต่างกันออกไป เกร็ดเสริม : ตัวเกมมียอดลงทะเบียนล่วงหน้ามากกว่า 1.5 ล้านคนด้วยกัน ทางนักพัฒนาได้ทำการใช้เทคโนโลยี Motion Capture ควบคู่ไปกับเอฟเฟกต์แสง และเงาที่สมจริงเพื่อสร้างมหนานคร Toyko ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกไซเบอร์ขึ้นมา ซึ่งมีวัฏจักรทั้งกลางวัน และกลางคืน รวมไปถึงยังมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน โดยตัวละครของเราจะมีการทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นฐานหิมะ และพื้นจะลื่นหลังจากฝนตก เกมที่ 2 : Story of a Gladiator ค่ายเกม : Brain Seal Ltd แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Story of a Gladiator เป็นเกมที่มีกราฟฟิกเกมที่ดูน่าสนใจ และดูยอดเยี่ยมมากๆ เราจะได้รับบทเป็น Gladiator หน้าใหม่ ที่จะต้องต่อสู้ฝ่าฟัน เพื่อพาตัวเองเป็นแชมป์อันดับ 1 ของกรุงโรม ตัวเกมไม่มีไรมาก เมื่อเราจะต้องวางกลยุทธ์ทีม Gladiator ของตนเองไปต่อสู้กับทีม Gladiator ของทีมอื่นๆ เราสามารถใช้เงินที่ได้จากการแข่งขันมาอัพเกรดกลุ่มตัวละครของเราให้มีอาวุธ หรือชุดเกราะดีๆ ใส่ได้อีกด้วย เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีทั้งหมด 3 ด่าน 36 การต่อสู้ 3 บอส ศัตรูอีกกว่า 80 รูปแบบ และสัตว์อีก 20 ตัว ซึ่งตัวละครแต่ละตัวล้วนมีเอกลักษณ์ความสามารถในการต่อสู้เป็นของตนเอง เกมที่ 3 : LEGO Legacy: Heroes Unboxed ค่ายเกม : Gameloft SE แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] LEGO Legacy: Heroes Unboxed มาในรูปแบบของเกมแนว RPG สไตล์เทิร์นเบส ที่ได้ทำการรวบรวมทีม Minifigs จากกว่า 50 ตัวละครที่ครอบคลุมประวัติศาสตร์ ของ LEGO ที่มีมานานกว่า 40 ปี มารวมกันทั้งหมด ตัวเกมจะให้เราสร้างทีมตัวละคร ซึ่งมีลักษณะและความสามารถที่แตกต่างกันให้ออกมาสมดุล เพื่อส่งไปต่อสู้กับทีมโลโก้ทีมอื่นๆ ซึ่งหากใครเป็นแฟน LEGO เกมเกมนี้ถือว่าตอบโจทย์มากมายทีเดียว เกมที่ 4 : Knighthood ค่ายเกม : Gameloft SE แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Knighthood เป็นเกม RPG ชื่อดังที่เปิดตัวอย่างออกมานานแล้วกว่า 19 เดือน ตัวเกมจะทำให้เราได้กลายเป็น Rage Knight ยุคใหม่ที่ปล่อยออกมาเพื่อต่อสู้ และพิชิต ในฐานะ Order of Rage เราสาบานว่าจะปกป้องโลกของตัวเองจากอันตราย อย่างไรก็ดี เราสามารถอัปเกรดตัวละครของเราให้แข็งแกร่งได้ในแบบที่เราต้องการ เกร็ดเสริม : ตัวเกมอยู่ในโลกของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ และอัศวินผู้กล้าหาญ ตัวมีทั้งโหมดทั่วไป ไปจนถึงโหมด PVP ให้เราได้ปะทะกับผู้เล่นด้วยกันเอง เกมที่ 5 : Knockdown Heroes ค่ายเกม : Rogue Games, Inc. แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Knockdown Heroes เป็นเกมแนว Action ที่ทำการผสม top-down PvP action เข้ากับระบบการเล่นแบบ card collecting นั่นทำให้ทุกๆ การแข่งขันไม่ต่างไปจากศึกการเอาตัวรอดอย่างดุเดือด เมื่อผู้เล่นอย่างเราโฟกัสที่รางวัล และชัยชนะเป็นหลัก เกร็ดเสริม : ในตัวเกม เราจะต้องเลือกฮีโร่ที่จะหยิบมาเล่นจาก 1 ใน 9  โดยทั้ง 9 ตัวล้วนเป็นตัวละครที่มีลักษณะแตกต่างกันทั้งสกิลทักษะ และสไตล์การเล่น การต่อสู้เป็นรูปแบบ 1v1 แบบ Real-time โดยหากเราสามารถเอาชนะผ่านไปได้ เราจะได้รับสกิลใหม่ๆ  บัฟ และอื่นๆ อีกหลากหลายอย่าง ซึ่งจะนำมาอัปเกรดตัวฮีโร่ของเราให้แข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพื่อปลดล็อคความสามารถใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นออกมามากมาย
03 Mar 2020