GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Galax"
GALAX เปิดตัว RTX 3060 Metaltop Mini ที่มาในขนาดเล็ก 1 พัดลม
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์ชาว PC ที่กำลังมีแผนจะประกอบเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไซซ์ ITX เครื่องขาว เมื่อล่าสุด Galax ได้ทำการเปิดตัวการจอ RTX 3060 Metaltop Mini ที่มีขนาดเพียงแค่ 1 พัดลม และให้ระบายอากาศออกทางข้างหลังเหมือนกับการ์ดจอโมเดลเก่าๆ สิ่งที่น่าตกใจคือ  RTX 3060 Metaltop Mini นับเป็นการ์ดจอรุ่นแรกที่ใช้การระบายความร้อนแบบ 1 พัดลมในเจน Ampere Series (RTX 30 Series) โดยใช้ชิป GA106-302 GPU หรือรุ่น LHR ในการผลิต เพื่อให้ไม่เป็นเป้าหมายของเหล่านักขุด Crypto แน่นอนว่าไม่ได้มีการลดความแรงของสเปกดั้งเดิมที่เราเห็นใน RTX 3060 ลงเลย เพียงแต่ในส่วนของการระบายความร้อน อาจจำเป็นต้องทดสอบกันอีกทีนอกจาก Galax แล้ว ดูเหมือนทาง IGame จากประเทศจีนเอง ก็กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอ RTX 3060 แบบ 1 พัดลมเช่นเดียวกัน อย่างที่ผมยืนยันไปในช่วงแรกของข่าว ว่าการ์ดจอเล็กๆ แบบนี้เป็นของชอบสำหรับนักประกอบสาย ITX ที่มีพื้นที่ภายในเครื่องจำกัดอย่างแน่นอน ในส่วนของราคาเชื่อว่าจะถูกกว่า RTX 3060 ที่เห็นในตลาดตอนนี้ แต่เท่าไหร่ก็ต้องรอดูกันCredit : VideoCardZ
25 Nov 2021
Marvel's Guardians Of The Galaxy โชว์สู้กับบอสปลาหมึกอวกาศ
ใกล้วันวางขายเข้ามาเรื่อยๆ แล้วสำหรับ Marvel’s Guardians Of The Galaxy ที่หลังจากปล่อยให้รออยู่นานในที่สุดก็ปล่อยตัวเองเกมเพลย์ออกมาให้ดูเสียที แต่ที่พิเศษกว่าคือพร้อมๆ กันยังมีการปล่อยเกมเพลย์สู้กับบอสออกมาให้รับชมด้วย โดยดูเหมือนว่าการต่อสู้ด้วยทีม Guardians จะมีลูกเล่นให้ใช้เยอะมากเลยทีเดียวหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าในเกม Marvel’s Guardians Of The Galaxy เราจะสามารถบังคับเป็น Star-Lord ได้เพียงคนเดียว โดยคนอื่นจะช่วยเราต่อสู้ด้วยในฐานะ Ai แต่ผู้เล่นยังสามารถบอกให้พวกเขาออกท่าโจมตีได้ผ่านคำสั่งที่ตั้งไว้ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวก็มีความสามารถเด่นๆ แตกต่างกัน เช่น Groot สามารถล็อกการเคลื่อนไหวของศัตรูได้, Rocket มีการโจมตีด้วยอาวุธระเบิดที่รุนแรง ยิ่งใช้งานความสามารถของ Guardians ในการสู้มากขนาดไหน ก็จะยิ่งเพิ่มระดับของเกจ Momentum มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเกจเต็มก็จะทำให้ใช้ท่าโจมตีแบบมี Cut-In สร้างดาเมจแบบรุนแรงได้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/eF_Tm-lPO38' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>วิดีโอตัวที่ 2 เป็นการโชว์เกมเพลย์สู้กับบอสปลาหมึกอวกาศ ที่เหมือนออกมาจากหนังสือของ H.P Lovecraft โดยในการต่อสู้นี้ผู้เล่นจำเป็นต้องตัดหนวด หรือมือของบอสทั้ง 4 ออกจากตัวมันให้ได้ ด้วยการทำดาเมจ ในจุดนี้ความสามารถของ Groot จะเข้ามามีบทบาทมาก เนื่องจากเขาสามารถล็อกหน่วยของปลาหมึกให้ติดอยู่กับพื้น และให้เพื่อนๆ สามารถเข้าไปช่วยกันทำดาเมจได้ รับชมวิดีโอได้ข้างล่างนี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/14iwKIaVhIw' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : GamingBolt
15 Oct 2021
Marvel's Guardians of the Galaxy จะเล่นได้แบบ 8K + Ray บน PC
ในยุคที่การ์ดจอมีความสามารถในการแสดงผลภาพมากกว่าที่เคยเป็นมา และ Ray Tracing เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเล่นเกมมากขึ้น ภาพที่เราได้จากวิดีโอเกมจึงมีความสวยงาม ละเอียด และอลังการมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยล่าสุดยุคที่สามารถเล่นเกมแบบ 8K + Ray-Tracing ดูเหมือนจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด! ผู้พัฒนา Marvel’s Guardians of the Galaxy ได้ยืนยันว่าเกมของพวกเขาจะเล่นได้แบบ 8K + Ray Tracing นอกจากนี้ยังรอบรับ Diffuse Illumination, HDR and Wide Color Gamut ในตัวอย่างใหม่ล่าสุดของเกมได้โชว์ให้เราเห็นว่า เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ทำให้ได้ภาพที่สวยงามอลังการมากขนาดไหนภายในเกม รับชมได้เลยข้างล่างในขณะที่การเล่นเกมแบบ 8K + Ray เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริง แต่ก็ต้องยอมรับในเวลาเดียวกันว่า คงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนั้น เนื่องจากต้องใช้ทั้ง GPU ที่แรงมากพอ รวมถึงทีวีที่สามารถฉายภาพได้ 8K ด้วยในเวลาเดียวกัน แต่แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสภาพแบบ 8K ก็เชื่อว่ากราฟิกของเกมก็จะสวยมากๆ อยู่แล้วในความละเอียด Full HD ไปจนถึง 4K<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/6affEgA9Rbk' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : GamingBolt
01 Oct 2021
ตัวอย่างใหม่ของ Marvel's Guardians of the Galaxy โชว์การต่อสู้ในอวกาศและการปรากฏตัวของ Nova Corps!
ช่วงงาน PlayStation Showcase 2021 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยข่าวการเปิดตัวเกมของ Marvel มากมาย จากฝีมือทีมพัฒนาอย่าง Insomniac Games ทั้ง Marvel’s Wolverine และ Marvel’s Spider-Man 2 ทำให้ทาง Eidos Montreal เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยพวกเขาก็ได้ทำการปล่อยวิดีโอตัวอย่างใหม่ของ Marvel’s Guardians of the Galaxy ออกมาด้วยเช่นกันซึ่งในวิดีโอตัวดังกล่าวนี้เราก็จะได้เห็น Cinematic ที่บอกเล่าเหตุหารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมตัว Peter Quill ที่แสดงท่าทางตลกๆ ชวนให้ส่ายหน้าใส่ รวมถึงยาน Milano ของทีม Guardians ที่ทำการต่อสู้กลางอวกาศสุดอลังกาล เกมเพลย์ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์แสงสีพราวระยับ สมกับความเป็น Guardians ไปจนถึงการปรากฏตัวของ Nova Corps ที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นจนอดคาดหวังไม่ได้ว่าจะมีตัวละครอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นมาอีกในอนาคตหรือไม่อย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians of the Galaxy จะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม สำหรับ Xbox One, Xbox Series X/S, PS4, PS5, PC และ Nintendo Switch ค่ะCredit: GamingBolt
10 Sep 2021
ผู้จัดการฝ่ายครีเอทีฟของ Marvel's Guardians Of The Galaxy อธิบายว่าทำไมผู้เล่นจึงควบคุม Star-Lord ได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ติดตามความเคลื่อนไหวกันมาได้พักใหญ่ๆ ในที่สุดช่วงปลายปี 2021 นี้เอง เราก็จะได้ท่องเข้าไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ของ MCU อีกครั้ง พร้อมกับแก๊งตัวเอกสุดกวนในโลกของ Marvel’s Guardians Of The Galaxy เกมที่แตกต่างกับเกมอื่นๆ ของทาง Marvel ที่เราได้เห็นกันมาโดยตลอดอย่างสิ้นเชิง ด้วยการตัดสินใจว่าจะนำเสนอแบบ single player เน้นไปที่เนื้อเรื่องของเกมเป็นหลัก โดยที่ผู้เล่นจะสามารถควบคุม Star-Lord ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นโดยจากบทสัมภาษณ์ในเชิงลึกของ VG กับทางผู้จัดการฝ่ายครีเอทีฟของเกมอย่าง Jean-François Dugas ถึงสาเหตุของการตัดสินใจในครั้งนี้ เขาก็ได้ให้เหตุผลว่ามันเป็นจุดสำคัญมากๆ ที่จะให้ผู้เล่นได้เป็นทั้งผู้นำของเหล่า Guardians และได้สัมผัสกับบรรยากาศในการทำงานร่วมกับผู้คนอื่นๆ ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ต้องรับมือกับความคิดเห็นที่แตกต่างไปด้วยตัวเอง “ก็เหมือนกับในชีวิตจริงเวลาที่ต้องรวมกลุ่มทำงานกับคนอื่น มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอและหาทางรับมือกับผู้คนที่มีบุคลิก รวมถึงแนวความคิดที่แตกต่างหลากหลาย และแม้ว่าคุณจะเป็นผู้นำก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคน จะเห็นด้วยกับแนวทางของคุณเสมอไป ดังนั้นแล้วคุณจะต้องเป็นคนที่หาวิธีทำให้คนอื่นๆ มองเห็นเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสำเร็จภารกิจต่างๆ ไปให้ได้ตามเป้าหมาย และเราก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เนี่ยแหละในการนำเสนอตัวเกมของเรา”“เราตื่นเต้นมากเลยจริงๆ กับทิศทางในการนำเสนอบุคลิกของ Star-Lord, Gamora, Rocket, Drax และ Groot ซึ่งหลังจากที่เราตั้งคำถามว่า ‘สมมติว่าผู้เล่นได้รับบทเป็นหนึ่งในเหล่า Guardians  ล่ะ? ถ้าเราให้ผู้เล่นรับบทเป็นผู้นำกลุ่มล่ะ แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ใน Event ต่างๆ เองล่ะ?’ พวกเราก็ตัดสินใจได้ว่าเราจะให้ผู้เล่น ได้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้ หาทางปรับตัวให้เข้ากับคนในกลุ่ม และตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง”“อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เราสร้างขึ้นมาในการผจญภัยครั้งนี้เลยก็คือ การที่คุณจะได้ออกเดินทางโดยห้อมล้อมไปด้วยบรรดาสมาชิก Guardians คนอื่นๆ และไม่ใช่แค่เพียงสามารถพูดคุยหยอกล้อด้วยได้เท่านั้น เพราะคุณก็ยังสามารถเรียกให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกด้วย อย่างที่เราเชื่อว่ามันจะเป็นการมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้เล่นได้ และนี่จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเหล่า Guardians ได้อย่างแท้จริง”อย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians Of The Galaxy มีแผนจะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคมนี้สำหรับ PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X/S, Xbox One, Switch (ผ่าน Cloud), PC และ Stadia ค่ะ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/tOMQjqdauCY' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
25 Aug 2021
Marvel's Guardians of the Galaxy ยังไม่ได้มีแผนจะทำ DLC ตอนนี้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่นึกถึงเกม Marvel’s Avengers ในตอนที่เราได้เห็นตัวอย่างเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ถูกปล่อยออกมา และนั่นก็ทำให้เราอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเกม IP ของ Marvel จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Square Enix จะดำเนินต่อไปในแนวทางไหนกันแน่ ซึ่งทางทีมพัฒนาอย่าง Eidos Montreal เอง ก็ได้ออกมาพูดถึงตัวเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ในแง่ที่ว่า ตัวเกมนี้นั้นจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากเกมอื่นโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่การที่มันเป็นเกมประเภท Single Player และเน้นการเล่าเรื่องเป็นหลักจากบทสัมภาษณ์กับทาง VGC ของผู้กำกับอาวุโสจากทาง Marvel’s Guardians of the Galaxy อย่าง Jean-François Dugas เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้มีการให้รายละเอียดว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา Guardians อย่างจริงจัง ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่เกม Avengers ถูกปล่อยออกมาสักพักแล้ว และจากกระแสเสียงตอบรับที่ได้กลับมา ก็ทำให้เราต้องพิจารณาเกี่ยวกับการทำ DLC ให้ถี่ถ้วนขึ้นไปอีกสรุปแล้วก็คือไม่ว่าทางทีมผู้พัฒนาจะวางแผนในการทำ DLC ของ Guardians มาก่อนหรือไม่ก็ตาม จากกระแสตอบรับของแฟนๆ ต่อเกม Marvel’s Avengers ก็ทำให้พวกเขายังอยู่ในช่วงการพิจารณาอย่างจริงจังเท่านั้นอย่างไรก็ดี Marvel's Guardians of the Galaxy จะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม สำหรับ PS5, Xbox Series X/S, PS4, Xbox One และ PC รวมถึง Nintendo Switch ในระบบ Cloud เท่านั้นค่ะCredit: GamingBolt
20 Aug 2021
วิดีโอตัวอย่างใหม่ของ Marvel's Guardians of the Galaxy จะเป็นการเปิดตัว Lady Hellbender
ในขณะที่ทางทีม Crystal Dynamics ยังคงทำการอัปเดต Marvel’s Avengers อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเตรียมวางจำหน่ายส่วนเสริมอย่าง Black Panther War for Wakanda แล้วในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ทางทีม Eidos Montreal เองก็กำลังมุมานะกับการพัฒนาเกมของตัวเองอย่าง Marvel’s Guardians of the Galaxy ภายใต้ธีมที่แตกต่างกันออกไปของกลุ่มฮีโร่สุดเกรียน ป่วนจักรวาลที่ตะลุยท่องไปทั่วอวกาศอยู่เหมือนกัน และความเคลื่อนไหวล่าสุดของพวกเขาเลยก็คือ การปล่อยวิดีโอตัวอย่างใหม่ออกมา โดยภายในวิดีโอดังกล่าว ก็จะมาพร้อมการเปิดตัวของ Lady Hellbender ราชินีแห่ง Seknarf Nine ผู้ชื่นชอบในการสะสมสัตว์ประหลาดหายาก อย่างที่หากว่าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์ในจักรวาล MCU แล้ว ก็คงจะจดจำฉากที่เหล่า Guardians โหวตให้ Groot หรือ Rocket แสร้งว่าเป็นสัตว์หายากเพื่อเป็นตัวล่อ  Lady Hellbender ได้เป็นอย่างดีแน่...และดูเหมือนว่าเธอเองจะถูกใจตัว Drax หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Guardians ของเราไม่น้อยเลยทีเดียวอนาคตของเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ยังคงมีความเป็นไปได้มากมายให้เราได้คาดเดากันต่อไป แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้แล้วอย่างหนึ่งในวันนี้เลยก็คือ Lady Hellbender คือหนึ่งในตัวละครที่ทรงพลัง อย่างที่เราจะประมาทกันไม่ได้เลยทีเดียวอย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians of the Galaxy กำลังพัฒนาเพื่อเตรียมจะลงให้กับ Xbox One, Xbox Series X/S, PS4, PS5, Nintendo Switch และ PC ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เกาะจอรอกันไว้ได้เลยค่ะ!Credit: GamingBolt
06 Aug 2021
เจาะลึกรายละเอียดสเปกเครื่อง Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra พร้อมราคาขายในบ้านเรา!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับมือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ของแบรนด์กิมจิอย่าง “Samsung” โดยรอบนี้จะเป็นตระกูล Galaxy S21 Series แถมบ้านเราเองก็เปิดให้สั่งจองพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้เกวลินเองก็เลยตัดสินใจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของ Galaxy S21 Series ในแต่ละรุ่นมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน รวมไปถึงราคาในแต่ละรุ่นว่าในบ้านเราวางจำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วมีโปรโมชั่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง เผื่อใครที่อยากจะเปลี่ยนมือถือในช่วงเวลานี้ Samsung Galaxy S21 Series อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจก็เป็นได้ค่ะ ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Samsung Galaxy S21 Series ที่เปิดตัวมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันประกอบไปด้วย Samsung Galaxy S21, Samsung Galaxy S21+ และ Samsung Galaxy S21 Ultra โดยแต่ละรุ่นก็จะมีสเปกภายในที่แตกต่างกันพอสมควรเริ่มจากขนาดหน้าจอกันก่อนเลยค่ะ เริ่มจาก Galaxy S21 จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.2 นิ้วไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไปถือกำลังเหมาะมือเลยค่ะ ตามมาด้วย Galaxy S21+ มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.7 นิ้วถือว่าใหญ่ใกล้เคียงกับรุ่นท็อปเลยนะคะ ทั้งสองรุ่นนี้ตัวหน้าจอจะไม่ได้เป็นจอโค้งนะคะ สุดท้าย S21 Ultra มีขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว เล็กกว่า Note 20 Ultra 1 นิ้วค่ะ แต่ความพิเศษของ S21 Ultra อยู่ตรงที่ความละเอียดของหน้าจอเป็นรูปแบบ WQHD+ ทำให้เราสามารถรับชมวีดีโอคอนเทนต์ที่มีความละเอียดสูงได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถขับรีเฟรชเรทได้สูงถึง 120Hz อีกด้วย หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่อง “รีเฟรชเรท” ว่าถ้ามือถือสมาร์ทโฟนยิ่งมีค่านี้สูงมันดียังไง!? มันจะดีตรงที่เวลาเราเลื่อนสไลด์หน้าจอมันจะดูลื่นไหลไม่ปวดตา แล้วถ้าเราดูพวกวีดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์จากระบบสตรีมมิ่ง หรือ ดู Youtube ที่มีความละเอียดสูง ๆ จะเห็นความแตกต่างชัดเจนด้วย แต่ทั้งนี้การเปิดใช้งานรีเฟรชเรทสูงก็ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วด้วย ดังนั้นแนะนำให้ตั้งค่าปรับอัตโนมัติดีที่สุดค่ะ เกือบลืมบอกไปตัวท็อปอย่าง S21 Ultra สามารถตั้งค่ารีเฟรทเรชแบบต่ำสุด 10Hz ได้ด้วย เพื่อใช้งานกับการทำงานบางอย่างเพื่อลดการกินแบตเตอรี่ได้ดีในส่วนหนึ่งค่ะ แล้วด้วยตัวหน้าจอ Samsung Galaxy S21 Series ทุกรุ่นใช้หน้าจอ “Dynamic AMOLED 2X” จะมีความสว่างสูงทำให้เมื่อเราใช้งานกลางแดดก็สามารถมองเห็นถึงรายละเอียดหน้าจอได้อย่างสบาย ๆ โดย Galaxy S21 และ S21+ จะมีค่าความสว่างที่ปรีับได้สูงสุดอยู่ที่ 1,300 nits ส่วนตัวท็อปสุด Galaxy S21 Ultra ค่าความสว่างก็ดันได้มากถึง 1,500 nits แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือหน้าจอจะแบนไม่ได้มีวิถีจอโค้งเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ ใครที่รู้สึกว่าจอโค้งใช้งานลำบากาฟิล์มติดก็ยาก หรือเคสที่บางทีติดฟิล์มกระจกแล้วมีการดันฟิล์มออก โอ๊ย...ปัญหาเยอะแบบนี้ก็ลองมาเล่นรุ่นนี้ดูกันได้ค่ะ แม้ว่า CPU ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะไม่ใช่ Snapdragon เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม แต่ชิปเซ็ตขุมพลังตัวใหม่อย่าง “Exynos 2100” ก็มีความแตกตางจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน เริ่มจากสายการผลิตเป็นสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร เล็กแบบนี้แต่ก็มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก ภายในชิปเซ็ตมีโมเด็ม 5G ในทุก ๆ รุ่นของ Samsung Galaxy S21 Series ในด้านของ GPU หรือตัวประมวลผลกราฟฟิกรอบนี้มาแปลกนิดหน่อยค่ะ เพราะเขาเลือกใช้ “Mali-G78 MP14” จากปกติแล้วจะเป็นตระกูล Adreno ทำให้เมื่อนำมาทดสอบกับการเล่นเกมพบว่า  “เกมส่วนใหญ่สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ยกเว้นเกมที่จะต้องปรับรายละเอียดกราฟฟิกหรือประมวลผลสูง ๆ อย่าง Genshin Impact ยังมีเฟรมเรตดรอปเป็นระยะ ๆ ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร”  ในด้านของความร้อนเมื่อเครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพ สื่อที่ได้ลองเทสก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันรู้สึกอุ่น ๆ ไม่ได้ร้อนจนเกินไป แล้วถ้าปล่อยให้เครื่องทำงานปกติแบบไม่ต้องทำอะไรใช้ระยะเวลาไม่กี่นาทีเครื่องก็จะกลับสู่ในอุณหภูมิสภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม Samsung Galaxy S21 Series ไม่ได้ดูออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมอย่างเดียวนะคะ แต่หน้าที่หลัก ๆ ของมันก็คือ “สมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง” ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจในส่วนนี้กันด้วยนะคะ ตามมาด้วยหน่วยความจำหรือ Ram กันหน่อยค่ะ Galaxy S21 และ S21+ ทาง Samsung จัดมาให้แค่ 8GB. เท่านั้น ส่วนตัวท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra จัดมาให้ทั้งหมด 2 รุ่นคือ 12GB. กับ 16GB. ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ ทำให้เราสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นหลาย ๆ ตัวได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ ทั้งนี้เกวลินก็คิดว่า Ram แค่ 8GB. ก็เพียงพอในการใช้งานทั่วไปหรือในการเล่นเกมแล้วค่ะ แต่ถ้าใครอยากจะเอาไว้เยอะ ๆ ก่อนก็ได้เหมือนกันถ้างบเพื่อน ๆ ถึงนะคะ จุดต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “เลนส์กล้องที่ใช้ในการถ่ายรูป” ก็ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S21 Series ทำเอารุ่นพี่ที่อยู่ในมือของเกวลินอย่าง Galaxy Note 20 Ultra 5G สั่นไปหมดเลยค่ะ เพราะมีการพัฒนาก้าวกระโดดไปอีกขั้น ( ชิ! น้อยใจซะจริงเลย ) โดยมีการเปิดเผยออกมาแล้วนะคะว่า Galaxy S21 Ultra จัดไปเลยเรื่องเลนส์กล้องเหนือกว่า Galaxy S21 และ S21+ ชนิดที่ไม่เห็นฝุุ่นกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ติดอะไร ฉันมีงบเพียงแค่นี้จะเล่นรุ่นเล็ก รุ่นกลางก็ได้ทั้งนั้นค่ะ โดยทั้งสองรุ่นนี้ในเรื่องของสเปกเลนส์กล้องจะเหมือนกันนั้นก็คือเลนส์กล้องหลัก ( ด้านหลัง ) จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP, เลนส์ Ultra-Wide ที่เก็บมุมกว้างได้ถึง 120 องศาความละเอียด 12MP และ เลนส์ Telephoto คุณพระ! จัดความละเอียดมาให้ 64MP เลยค๊าคุณผู้อ่าน! แถมยังสามารถซูม Hybrid Optic ได้ถึง 3 เท่าแล้วก็ยังมีระบบกันสั่นแบบ OIS ติดมาด้วย ส่วนตัวท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra สเปกเลนส์กล้องอัดมาให้เน้น ๆ เลนส์กล้องหลัก ( ด้านหลัง ) มีความละเอียด 108MP, เลนส์ Ultra-Wide ที่เก็บมุมกว้างได้ถึง 120 องศาความละเอียด 12MP และ เลนส์ Telephoto ที่จัดมาให้ถึง 2 ตัว โดยเราจะสามารถซูมแบบ Optical ได้ 3 กับ 10 เท่า แล้วก็ยังสามารถดันซูมในรูปแบบ Digital ได้ถึง 100 เท่ากันไปเลย ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้นมีระบบกันสั่นแบบ OIS ติดมาให้กับเลนส์ตัวนี้ทั้ง 2 ตัวเลยค่ะ สุดท้ายก็ยังมี Laser AF มาช่วยโฟกัสภาพที่แม่นยำและไวมากยิ่งขึ้น  ในส่วนของแบตเตอรี่ Samsung Galaxy S21 Series จะมีขนาดที่แตกต่างกันพอสมควรค่ะ เริ่มจากน้องเล็กสุด Galaxy S21 มีขนาดแบตเตอรี่ 4,000 mAh ตามมาด้วยพี่รอง Galaxy S21+ มีขนาดแบตเตอรี่ 4,800 mAh และ พี่ใหญ่ Galaxy S21 Ultra จัดมาให้ถึง 5,000 mAh ซึ่งทาง Samsung ก็ยังเครมเอาไว้ว่ามันสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเรียกว่าอยู่ได้เกือบทั้งวันเลยค่ะ แต่เราก็ต้องเข้าใจกันก่อนนะ ถ้าผู้ใช้งานเปิดการทำงานเต็มที่ของเครื่องไม่ว่าจะเป็นรีเฟรชเรท 120Hz แล้วก็ 5G ไปด้วยมันก็อาจจะซูมแบตเตอรี่เหมือนกัน แต่ในเมื่อเขาเครมมาแบบนี้ก็ต้องลองเทสด้วยตนเองแล้วค่ะ อย่างไรก็ตามพก Power Bank ดี ๆ สักตัวติดไว้หน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนะคะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทราบกันก่อนก็คือ Samsung Galaxy S21 Series จะไม่แถมอะแดปเตอร์และหูฟังมาให้เราอีกแล้ว ซึ่งถ้าเราต้องการจะต้องซื้อเพิ่มเติมแล้วก็สามารถใช้อะแดปเตอร์จากรุ่นก่อนหน้านี้ชาร์จได้ ซึ่งทั้ง 3 รุ่นในซีรีส์นี้รองรับการชาร์จเร็ว Fast Charging สูงสุด 25 วัตต์ ส่วนเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด 15 วัตต์ แล้วถ้าเราเอาอุปกรณ์อื่น ๆ มาชาร์จกับตัวเครื่องของเราก็จะได้ความเร็วในการชาร์จอยู่ที่ 4.5 วัตต์ ฟังดูอาจจะน้อยแต่ทาง Samsung เข้ามาเพื่อใช้ในกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในเวลาที่จำเป็น นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดคร่าว ๆ ของ Samsung Galaxy S21 Series ทั้ง 3 รุ่น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Galaxy S21 Ultra มีปากกา S-Pen ที่สามารถใช้งานได้เหมือนกับของ Galaxy Note 20 Ultra 5G เพียงแต่ว่าปากกาเล่มดังกล่าวจะไม่มีที่เก็บเหมือนกับของ Note นะคะ ซึ่งทาง Samsung ก็ออกแบบเคสพิเศษสำหรับใช้ในการเก็บปากกาพร้อมกับป้องกันตัวของเราจากการกระแทกได้ดีซะด้วยค่ะ รวมไปถึงรุ่นนี้ยังมีมาตรฐานป้องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 มีระบบลำโพงคู่แบบสเตอริโอ แล้วการสแกนลายนิ้วมือก็เป็นแบบ Ultrasonic ตัวใหม่จากทาง Qualcomm อีกด้วย ท้ายสุดนี้เราไปดูราคาเครื่องของแต่ละที่กันหน่อยดีกว่าค่ะ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก AIS ( สำหรับลูกค้า Serenade ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 16,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 9,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 23,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 21,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 16,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 27,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 24,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 23,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 26,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 25,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 19,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 33,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 27,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 26,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 21,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 38,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 35,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 34,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 30,900 บาท ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย AIS ได้ที่ คลิกที่นี่ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก DTAC ( สำหรับลูกค้า Platinum Blue Member ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 19,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 13,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 9,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 21,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 17,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 11,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 25,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 21,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 17,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 27,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 23,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 23,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 27,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 22,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 35,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 31,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 29,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 26,900 บาท ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย DTAC ได้ที่ คลิกที่นี่ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก TrueMove H ( สำหรับลูกค้าที่ใช้อยู่ปัจจุบัน, เปิดเบอร์ใหม่ และ ย้ายค่ายเบอร์เดิม ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาทแต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 23,900 บาท *20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 21,400 บาท *18,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 20,400 บาท * 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 18,900 บาท *13,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 25,900 บาท *22,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 23,900 บาท *20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 22,900 บาท *17,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 21,400 บาท *16,400 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาทแต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,400 บาท *26,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 26,900 บาท *26,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 24,900 บาท * 23,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 23,900 บาท *19,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท *28,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 28,900 บาท *25,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 26,900 บาท *21,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 25,900 บาท *20,900 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 34,400 บาท *31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 31,900 บาท *28,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 29,900 บาท * 24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 27,900 บาท *22,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 36,400 บาท *33,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 33,900 บาท *30,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 31,900 บาท *26,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 29,900 บาท *24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 40,400 บาท *37,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 37,900 บาท *34,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 35,900 บาท *30,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 33,900 บาท *28,900 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย TrueMove H ได้ที่ คลิกที่นี่
04 Feb 2021
ส่องลูกเล่นใหม่ ๆ ของ One UI 3.0 และ Android 11 ที่อัปเดตให้กับ Samsung A I S I Note I Z Series
อัปเดตมาได้ราว ๆ เกือบจะ 1 เดือนเห็นจะได้แล้วค่ะ สำหรับ Android 11 และ One UI 3.0 ของแบรนด์ Samsung ที่มาการทยอยอัปเดตให้ในแต่ละรุ่น โดยทางเกวลินเองได้ใช้ Samsung Galaxy Note 20 Ultra ก็เลยทำการอัปเดตแล้วทดลองใช้งานดูตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วันนี้เลยจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาว่ามันมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมกันบ้างค่ะ ส่วนใครที่ใครแบรนด์นี้อยู่แล้วแต่เป็นรุ่นที่รองท็อปลงมาก็จะมีการอัปเดตให้ในแต่ละเดือน ( ส่วนนี้เดี๋ยวจะมาอธิบายให้ทราบในช่วงท้ายบทความนะคะ ) เอาละเมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ ต้องเข้าใจ “การอัปเดตในครั้งนี้ก่อน!” สำหรับ “One UI 3.0” คือระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมกับ Android 11 เพื่อที่จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงตอนนี้ทาง Samsung ก็ได้ไล่อัปเดตมาตั้งแต่ Series A, Series M, Galaxy Note 20 Series, Galaxy S20 Series, Galaxy Z Fold 2, Galaxy Z Fold 2, Galaxy Z Flip, Galaxy Note 10 Series, Galaxy Fold และ Galaxy S10 Series ทั้งนี้ก็ต้องแจ้งให้ทราบกันก่อนว่ามันคือการไล่อัปเดตในแต่ละรุ่นตามลำดับนะคะ แล้ว “One UI 3.0” มันมีอะไรที่แตกต่างไปจากรุ่นเดิมก่อนหน้านี้บ้าง!? อันดับแรกที่ต้องพูดถึงก่อนก็คือพวกไอคอนต่าง ๆ ที่เราใช้งานจะไม่แตกต่างจาก One UI 2.5 เลยค่ะ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมาเรียนรู้ในส่วนนี้ใหม่แต่อย่างใดนะคะ แต่ที่จะต้องมาศึกษาอะไรเพิ่มเติมนิดหน่อยก็คือ “ระบบการแจ้งเตือน” ที่ตรงนี้ทาง Samsung ได้มีการดีไซน์ใหม่คือบอกระบุชัดเจนว่าการแจ้งเตือนนั้นมาจากของอะไร จากเดิมเวอร์ชั่นก่อนที่ไม่มีการแบ่งหมวดหมู่ในเวอร์ชั่นนี้ก็จะทำให้เราทราบแล้วว่าที่เด้ง ๆ แจ้งเตือนนั้นมาจากแอพพลิเคชั่นอะไรค่ะ รวมไปถึงมีการปรับโทนสีของโซนแสดงผลจากเดิมที่เป็นแบบสีขาวทึบแต่เมื่ออัปเดตเป็น One UI 3.0 ในส่วนนี้จะทำให้ดูโปร่งแสงมากขึ้น ความรู้สึกส่วนตัวก็คือมันดูสบายตามากกว่าเวอร์ชั่นก่อนเยอะเลย ตามมาด้วยเหล่าไอคอนด้านบนพวกนี้ก็มีการออกแบบไอคอนบางส่วนใหม่รวมไปถึงปรับปรุงระบบการใช้งานบางส่วนให้ดีมากขึ้น นอกจากนี้พวกรายละเอียดเวลา, วัน และ เดือนก็จะมีการขยับมาให้เราได้เห็นชัดเจน โดยย้ายมาอยู่ตรงกลางแทนจากเดิมที่อยู่บริเวณมุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วพวกปุ่มเปิดปิดหรือค้นหาก็จะย้ายไปอยู่ด้านมุมขวาบนสุดของเครื่องก็เรียกว่าเป็นการจัดระเบียบที่ดูสวยงามไม่ใช่น้อยค่ะ ต่อมาก็คือ “ระบบ Reset แอพพลิเคชั่น” ปกติแล้วเรากดไอคอนที่เป็น “III” เมื่อกดแล้วตอนเราเลื่อนมันจะดูไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ แต่พออัปเดตเป็น One UI 3.0 ก็มีการปรับให้เวลาเราเลื่อนหน้าต่างส่วนพวกนี้ดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ส่วนถ้าต้องการอยากจะปิดแอพพลิเคชั่นนั้นก็ทำเหมือนเดิมคือปัดขึ้นหรือกดปุ่มปิดทั้งหมดเลยก็ได้ แล้วระบบที่ถูกปรับปรุงอีกส่วนหนึ่งก็คือ “ระบบเพิ่ม-ลดเสียง” ที่ออกแบบมาใหม่ เมื่อเรากดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงมันจะมีแถบสีขาวขึ้นมาที่หน้าจอ ซึ่งเราสามารถเลื่อนขึ้น เลื่อนลงเพื่อปรับระดับเสียงตามที่ต้องการหรือจะแตะที่ไอคอนลำโพงเพื่อเปิดปิดโหมดใช้เสียงหรือโหมดสั่นได้ด้วย แล้วไอคอน “...” เมื่อกดเข้ามาก็ยังสามารถตั้งค่าในการปรับแต่งการใช้เสียงหรือสั่นในโหมดการใช้งานที่ต้องการได้ตลอดเวลาค่ะ แล้วเมื่อเรากดเข้ามาที่ตั้งค่า “เหล่าไอคอนต่าง ๆ” ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกันค่ะ แต่เรื่องการใช้งานต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าเปลี่ยนแปลงไอคอนไปแล้วระบบการทำงานจะเปลี่ยนไปด้วย นอกจากนี้ในส่วนของโปรไฟล์ของเราใน One UI 2.5 จะมีขนาดเล็กแต่พอมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ก็มีการปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นแล้วเมื่อเรากดเข้ามาจะเห็นรายละเอียดในการเชื่อมต่อกับ “Samsung Account” ตรงนี้เราสามารถตั้งค่ารายละเอียดเชิงลึกของบัญชีโปรไฟล์ตัวเองได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ เรามาพูดถึงลูกเล่นต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาใน One UI 3.0 กันบ้างดีกว่าค่ะ อันดับแรกเลยก็คือ “Dynamic Lock Screen” ที่มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามาจากเดิมมีเพียงไม่กี่อันเท่านั้น บางคนอาจจะไม่เข้าใจมันคืออะไร เมื่อเราตั้งค่าเรียบร้อยแล้วจะทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เราเปิดปิดหน้าจอภาพที่แสดงผลจะเปลี่ยนแปลงไปตามธีมที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถตั้งรูปวอลเปเปอร์ในแบบที่เราต้องการได้ ตามมาด้วยฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ “การปิดหน้าจอด้วยการแตะเพียงแค่ 2 ครั้ง” ใน One UI 2.5 และ Android 10 ถ้าเราจะต้องการเปิดหน้าจอเพียงแค่เราแตะที่หน้าจอ 2 ครั้งมันจะทำการเปิดหน้าจอขึ้นมาทันที แต่เมื่ออัปเดตเป็น One UI 3.0 และ Android 11 ได้เพิ่มลูกเล่นการปิดหน้าจอเข้ามาด้วยการแตะที่หน้าจอ 2 ครั้งตัวเครื่องก็จะปิดหน้าจอให้ทันทีเลยค่ะ แอบแปลกใจว่าทำไมไม่ทำมาตั้งแต่แรกนะเนี่ย จุดต่อมาที่ปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ “ตัวสแกนลายนิ้วมือ” ที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ตัวเกวลินเองเป็นคนที่จะใช้นิ้วที่ใหญ่ก็จะใช้นิ้วโป้งในการสแกนเพื่อเปิดเครื่อง ผลที่ได้ก็คือมันก็ช่วยให้การสแกนง่ายขึ้นเร็วขึ้นจากเดิมพอสมควรเลยค่ะ แต่ถ้าเราติดพวกกระจกหรือฟิล์มกันรอยที่มีความหนาก็อาจจะสแกนยากเล็กน้อย ดังนั้นเมื่ออัปเดตแล้วขอแนะนำให้ไปตั้งค่าในการสแกนลายนิ้วมือใหม่อีกครั้งจะดีมากเลยค่ะ ตามมาด้วยเพิ่มลูกเล่น “พื้นหลังการโทร” ที่เราสามารถปรับแต่งได้จะเปลี่ยนพื้นหลังเป็นรูปหรือวีดีโอที่ต้องการได้ แถมเรายังกำหนดให้เสียงจากวีดีโอที่เก็บเอาไว้มาเป็นเสียงเรียกเข้าได้อีกด้วย ใครที่อยากได้เสียงพี่เอก HRK เป็นเสียงเรียกเข้าก็ทำได้นะ แล้วสิ่งที่หลายคนชื่นชอบคงหนีไม่พ้นเรื่อง “การถ่ายรูปหรือวีดีโอ” ตัวแพทช์ One UI 3.0 และ Android 11 ก็มีการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้กับการถ่ายรูปด้วยนั้นก็คือระบบที่เรียกว่า “Lock Focus” ปกติแล้วถ้าเราแตะเบา ๆ 1 ครั้งมันจะเป็นการ Focus ภาพแม้ว่าจะเคลื่อนจอไปทางไหนมันก็จะตามจุดที่เราต้องการเอาไว้ แต่บางครั้งแสงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการแถมจะมีแถบให้เลื่อนปรับแต่ง แต่สักพักมันก็จะเปลี่ยนแสงกลับไปสภาพเดิมทำให้ระบบใหม่นี้จะมาช่วยแก้ไขในส่วนนี้ค่ะ เมื่อเราแตะค้างเอาไว้มันจะขึ้นเป็นวงกลมมีลูกแม่กุญแจเราสามารถลากเพื่อปรับแสงในแบบที่เราต้องการได้จากนั้นกดล็อค ก็เป็นระบบที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของเราสนุกขึ้นไปอีกขั้นเลยค่ะ แล้วฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาก็ยังมีลูกเล่นที่เรียกว่า “AR Emoji” ที่ทำให้เราสามารถสร้างตัวละคร AR ของตัวเองขึ้นมาได้ โดยตัวละครพวกนี้มีความสามารถในการแสดงสีหน้า ท่าทางต่าง ๆ ของเราได้แบบเรียล์ไทม์เลยนะคะ แถมยังเปลี่ยนชุดของพวกเขาในแบบที่เราต้องการอีกด้วย แล้วตัวละครที่เราสร้างขึ้นมายังสามารถนำไปใช้เป็น AR Sticker ได้อีกด้วย สรุปหลังจากการใช้งานจริงร่วม 1 เดือน! จริง ๆ แล้วรายละเอียดของการอัปเดต One UI 3.0 และ Android 11 ยังมีมากกว่านี้มาก แต่เกวลินขอหยิบที่น่าสนใจมาพูดก็แล้วกันนะคะ หลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่เห็นว่ามันเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra เป็นอย่างมากเลยค่ะ ซึ่งรุ่นที่ใช้เป็น CPU “Samsung Exynos 990 Octa Core” ที่บางคนอาจจะบอกว่าใช้ไปนาน ๆ แล้วร้อน ส่วนตัวเมื่อมีการอัปเดตเรื่องความร้อนดีขึ้นถูกแก้ไขให้ดีขึ้นเยอะ ก่อนอัปเดตเวลาถ่ายรูปนาน ๆ ตัวกล้องจะร้อนเร็วมาก แต่พออัปเดตปัญหานี้ก็ดีขึ้นในระดับหนึ่งค่ะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่อง “สแกนคิวอาร์โค้ด” ต่าง ๆ ที่ดูแม่นยำและเที่ยงตรงกว่าเดิมมาก ๆ แค่เปิดกล้องขึ้นมายังอ่านคิวอาร์โค้ดนั้นไม่เต็มจอก็เข้าสู่รหัสนั้นอย่างรวดเร็วเลยค่ะ  นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในการใช้งาน One UI 3.0 และ Android 11 ใครที่ใช้มือถือแบรนด์ Samsung รุ่นไหนอยู่เตรียมตัวรอการอัปเดตได้เลย รายละเอียดดังต่อไปนี้ ( แต่ละรุ่นอาจจะมีการอัปเดตอาจจะเลื่อนมาเร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับทาง Samsung อีกทีค่ะ ) มกราคม Galaxy S10 Lite Galaxy S20 FE Galaxy S20 FE 5G Galaxy Note 10 Galaxy Note 10+ Galaxy Z Flip Galaxy Z Flop 2 5G กุมภาพันธ์ Galaxy S10e Galaxy S10 Galaxy S10+ Galaxy Fold มีนาคม Galaxy M30s Galaxy XCover Pro Galaxy A51 Galaxy Note 10 Lite Galaxy M31 Galaxy M31 Galaxy A71 5G Galaxy Tab S7 Galaxy Tab S7+ เมษายน Galaxy A50 Galaxy A50s Galaxy M51 พฤภาคม Galaxy A70 Galaxy A80 Galaxy Tab S6 Galaxy A71 Galaxy A31 Galaxy A21s Galaxy A42 5G Galaxy Tab S6 Lite มิถุนายน Galaxy A01 Galaxy A11 Galaxy A12 Galaxy M11 Galaxy Tab A Galaxy Tab Active 3 Galaxy A02s กรกฎาคม Galaxy A10 Galaxy A10s Galaxy A20 Galaxy A30 Galaxy XCover 4s Galaxy Tab S5e สิงหาคม Galaxy A20s Galaxy A30s Galaxy Tab A8 Plus (2019) Galaxy Tab A8 (2019) Galaxy Tab A10.1 (2019) Galaxy Tab Active Pro Galaxy A01 Core
19 Jan 2021
สมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Galaxy A42 5G” จากซัมซุง เร็วแรงพร้อมลุยทุกการใช้งาน ในราคาหมื่นต้น
ใครว่าเงินหมื่นต้นจะซื้อมือถือสเปคเทพไม่ได้แต่ซัมซุงไม่คิดแบบนั้นเพราะด้วยสเปคและประสิทธิภาพความเร็วแรงที่เหนือราคา ทำให้ Galaxy A42 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในเวลานี้กับราคาค่าตัวเพียง 11,990 บาท เพราะนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อบนสัญญาน 5G คุณภาพแล้ว ซัมซุงยังจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon 750G ที่มีการประมวลผลเร็วแรงแบบ Octa-core และให้ RAM มาสูงถึง 8GB ช่วยเพิ่มสมรรถนะการใช้งานอย่างเต็มพิกัด ตอบโจทย์ทั้งสายเกมเมอร์และสายคอนเทนต์อย่างลงตัว หมดปัญหาเรื่องเครื่องช้า เล่นเกมแล้วกระตุก หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ไม่ทันใจ ที่สำคัญ Galaxy A42 5G ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A ไว้ด้วยฟีเจอร์หลักคุณภาพคับแก้ว จอ-กล้อง-แบต ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอใหญ่คมชัดแบบ Super AMOLED กล้องสวยเลนส์ครบ พร้อมแบตเตอรี่ทรงพลังถึง 5,000 mAh มาดูกันว่า ประสิทธิภาพเหนือราคาของ Galaxy A42 5G เครื่องนี้จะตอบโจทย์และโดนใจสายสปีดขนาดไหน นอกจากนี้ ลูกค้า Galaxy A42 5G ยังได้รับเอกสิทธิ์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้งาน YouTube Premium ฟรี 2 เดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์จาก Galaxy Gift พร้อมบริการช่วยเหลือพิเศษระดับ Galaxy Butler Blue จองคิว เข้ารับบริการที่ศูนย์ล่วงหน้าได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Members พร้อมบริการเครื่องสำรองระหว่างรอการซ่อม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/butler/ สัมผัสประสบการณ์ความเร็วแรงของ Galaxy A42 5G (กาแลคซี่ เอ 42 5G) สมาร์ทโฟนสายพันธุ์สปีด แรงทุกสเปค ได้แล้ววันนี้ ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Store และผู้ให้บริการเครือข่าย มาพร้อมตัวเลือก 3 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ Prism Dot Black, Prism Dot White และ Prism Dot Gray ในราคาเพียง 11,990 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของซัมซุง Galaxy A42 5G ได้ที่ https://bit.ly/3kxWquf
02 Dec 2020
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นกลางเดือนกันยายน 2019
ปุ๊บปั๊บๆ  เวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงกลางเดือนกันยายนกันแล้ว สำหรับสัปดาห์นี้เกมใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกมาในฐานะเกม Global ที่เกมเมอร์ชาวไทยอย่างเราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทันที ถือว่ามีไม่เยอะมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นเกมเล็กๆ เสียมากกว่า แต่ที่ดูจะยิ่งใหญ่น่าเล่นมากๆ คงไม่พ้น Second Galaxy เกม sci-fi RPG ฟอร์มยักษ์ และต่อด้วยเกมอย่าง This is the Police 2 ซีรีส์เกมแนวจำลองการบริหารจัดหารหน่วยงานสายตำรวจสุดเข้มข้น เกมที่ 1 : Second Galaxy ค่ายเกม : ZlongGames แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Second Galaxy ถือเป็นหนึ่งเกมฟอร์มยักษ์ที่ดูน่าเล่นที่สุดในสัปดาห์นี้ ตัวเกมเป็นเกมแนว open-world sci-fi RPG ที่เราจะได้เดินทางออกไปสำรวจอวกาศอันไร้สิ้นสุดขอบเขต ภายในเกมมีกาแลคซีกว่า 4,961 แห่งให้ออกไปสำรวจ ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีอุปสรรค และความพิศวงรอให้เราไปพบเจออยู่ ในเกมเราจะได้ควบคุมยานอวกาศของเราเอง เดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อเก็บทรัพยากรณ์ในที่แห่งนั้นๆ แล้วนำมาค้าขายเพื่อสร้างกำไรให้กับตนเอง และแน่นอนว่าเมื่อมีผลประโยชน์ ก็ย่อมก่อเกิดสงคราม และความขัดแย้งตามมา เกร็ดเสริม : ในเกมจะมีโซนกลาง ที่เราสามารถเข้าไปค้าขายกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้อย่างอิสระ ในลักษณะการเล่นแบบ Real-time เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรณ์ หรือไอเทมต่างๆ กันได้ มี 5 ประเทศให้เราได้เลือกเล่น มียานอวกาศอยู่ 5 ระดับ  ประกอบไปด้วยยานรบหน้าตาต่างกันกว่า 150 แบบ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งความสามารถได้อย่างอิสระ https://youtu.be/Qr-8C_hKIDk เกมที่ 2 : This Is the Police 2 ค่ายเกม : HandyGames แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] This Is the Police 2 เป็นเกมใหญ่เกมที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ตัวเกมเป็นเกมแนว Simulation จำลองเป็นนายอำเภอที่ต้องควบคุมกองตำรวจ และดูแลความเรียบร้อยของเมือง ภายในเกมเราจะได้รับบทเป็น Lilly Reed นายอำเภอคนใหม่แห่งเมือง Sharpwood เมืองสุดแสนอันตราย และหนาวเหน็บ ที่เรานอกจากจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ตัวเรายังต้องทำให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่อยู่ในกรมให้ความเคารพ และเชื่อถือในตัวเรามากยิ่งขึ้น ตัวเกมมี 2 โหมด คือโหมดบริหารจัดการ และโหมดปฎิบัติการ ที่จะเปลี่ยนตัวเกมกลายเป็นแนวเทิร์นเบส ในการทำภารกิจต่างๆ เกร็ดเสริม : ตัวเกมนอกจากจะมีบนแพลตฟอร์มมือถือแล้ว บนแพลตฟอร์ม PC ก็มีให้เราได้เล่นเหมือนกัน ตัวเกมค่อนข้างมีความลึก ลูกน้องที่เราสั่งการได้ ไม่ได้เป็นแค่สิ่งของสำหรับใช้งานเพียงอย่างเดียว เขาเปรียบเสมือนเป็นคนจริงๆ ที่มีทั้งชีวิต และจิตใจ พวกเขามีทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ความกลัว และอคติของตนเอง รวมไปถึงพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทาย ที่เราต้องเข้ามาบริหารจัดการ https://youtu.be/UYN0olP0rwE เกมที่ 3 : Million Lords: Stratégie & Conquête ค่ายเกม : MILLION VICTORIES แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Million Lords: Stratégie & Conquête แม้จะไม่ใช่เกมที่ผมหยิบมาแนะนำเป็นหลักในสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าตัวเกมน่าจะถูกใจคอเกมสายวางแผนอยู่ไม่มากก็น้อย โดย Million Lords เป็นเกมแนว Strategy สไตล์ Multiplayer ที่เราและผู้เล่นคนอื่นๆ จะมีอาณาจักรเป็นของตนเอง ภายใต้แผนที่ผืนเดียวกัน เราจะต้องทำการพัฒนาเมืองของตน พัฒนาฮีโร่ และทหารที่เรามี ฟาร์มทรัพยากรณ์ เพื่อนำเอามาอัปเกรดสิ่งต่างๆ และทำการควบคุมเหล่ากองทหารใต้อาญัติเรา ไปบุกเมืองต่างๆ เพื่อชิงอาณาเขต และทรัพยากรณ์มาไว้เป็นของตนเอง https://youtu.be/_641ThK-BVc เกมที่ 4 : Stomped! ค่ายเกม : Noodlecake Studios Inc แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Stomped! ไม่ใช่เกมใหญ่อะไร แต่เป็นเกมที่ผมโหลดมาลองเล่นในสัปดาห์นี้ !! สิ่งที่ Stomped! นำเสนอคือเกมเพลย์ง่ายๆ กับการเล่นสโนว์บอร์ดสุดเท่ห์ ที่มีกราฟฟิกค่อนข้างเรียบ แต่ดูโดดเด่น และสบายตา โดยตัวเกมจะให้เราควบคุมสโนว์บอร์ดของเราด้วยท่าต่างๆ เพื่อรักษาความเร็ว และทำคะแนนให้ได้มากที่สุด เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีด่านให้เล่นมากถึง 36 ด่าน บนภูเขา 6 ที่ มี 9 ความท้าทายที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง สามารถเลือกตัวละครใช้เล่นได้ 6 แบบ และตัวเกมไม่มีระบบ IAP  https://youtu.be/l9XblIs-aGM เกมที่ 5 : Death Squared ค่ายเกม : SMG Studio แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Death Squared เป็นเกมแนว puzzle ครับ ที่เราจะต้องแก้ปริศนาอย่างไรก็ได้ ให้หุ่น หรือตัวละครของเราไม่ระเบิดก็พอ ปริศนาภายในเกมจะคล้ายๆ กับเกม Portal 2 แต่จะไม่มีการเปิดประตูมิติเหมือนกับในเกม Portal โดยจะมีเพียงเลเซอร์ บล็อคเคลื่อนที่ และหุ่นยนต์ระเบิดเท่านั้น ตัวเกมรองรับการเล่นแบบ Co-op Multiplayer แต่ต้องเล่นบนเครื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีระบบออนไลน์สำหรับเล่นกับผู้เล่นทั่วโลก เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีมากกว่า 80 ด่านให้เล่น มีเนื้อเรื่องให้เสพ และสามารถตกแต่งหุ่นด้วยหมวกต่างๆ ได้ https://youtu.be/97A1ZPSZeM4
16 Sep 2019
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Galax"
GALAX เปิดตัว RTX 3060 Metaltop Mini ที่มาในขนาดเล็ก 1 พัดลม
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับเกมเมอร์ชาว PC ที่กำลังมีแผนจะประกอบเครื่องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากไซซ์ ITX เครื่องขาว เมื่อล่าสุด Galax ได้ทำการเปิดตัวการจอ RTX 3060 Metaltop Mini ที่มีขนาดเพียงแค่ 1 พัดลม และให้ระบายอากาศออกทางข้างหลังเหมือนกับการ์ดจอโมเดลเก่าๆ สิ่งที่น่าตกใจคือ  RTX 3060 Metaltop Mini นับเป็นการ์ดจอรุ่นแรกที่ใช้การระบายความร้อนแบบ 1 พัดลมในเจน Ampere Series (RTX 30 Series) โดยใช้ชิป GA106-302 GPU หรือรุ่น LHR ในการผลิต เพื่อให้ไม่เป็นเป้าหมายของเหล่านักขุด Crypto แน่นอนว่าไม่ได้มีการลดความแรงของสเปกดั้งเดิมที่เราเห็นใน RTX 3060 ลงเลย เพียงแต่ในส่วนของการระบายความร้อน อาจจำเป็นต้องทดสอบกันอีกทีนอกจาก Galax แล้ว ดูเหมือนทาง IGame จากประเทศจีนเอง ก็กำลังจะมีการวางขายการ์ดจอ RTX 3060 แบบ 1 พัดลมเช่นเดียวกัน อย่างที่ผมยืนยันไปในช่วงแรกของข่าว ว่าการ์ดจอเล็กๆ แบบนี้เป็นของชอบสำหรับนักประกอบสาย ITX ที่มีพื้นที่ภายในเครื่องจำกัดอย่างแน่นอน ในส่วนของราคาเชื่อว่าจะถูกกว่า RTX 3060 ที่เห็นในตลาดตอนนี้ แต่เท่าไหร่ก็ต้องรอดูกันCredit : VideoCardZ
25 Nov 2021
Marvel's Guardians Of The Galaxy โชว์สู้กับบอสปลาหมึกอวกาศ
ใกล้วันวางขายเข้ามาเรื่อยๆ แล้วสำหรับ Marvel’s Guardians Of The Galaxy ที่หลังจากปล่อยให้รออยู่นานในที่สุดก็ปล่อยตัวเองเกมเพลย์ออกมาให้ดูเสียที แต่ที่พิเศษกว่าคือพร้อมๆ กันยังมีการปล่อยเกมเพลย์สู้กับบอสออกมาให้รับชมด้วย โดยดูเหมือนว่าการต่อสู้ด้วยทีม Guardians จะมีลูกเล่นให้ใช้เยอะมากเลยทีเดียวหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าในเกม Marvel’s Guardians Of The Galaxy เราจะสามารถบังคับเป็น Star-Lord ได้เพียงคนเดียว โดยคนอื่นจะช่วยเราต่อสู้ด้วยในฐานะ Ai แต่ผู้เล่นยังสามารถบอกให้พวกเขาออกท่าโจมตีได้ผ่านคำสั่งที่ตั้งไว้ ซึ่งตัวละครแต่ละตัวก็มีความสามารถเด่นๆ แตกต่างกัน เช่น Groot สามารถล็อกการเคลื่อนไหวของศัตรูได้, Rocket มีการโจมตีด้วยอาวุธระเบิดที่รุนแรง ยิ่งใช้งานความสามารถของ Guardians ในการสู้มากขนาดไหน ก็จะยิ่งเพิ่มระดับของเกจ Momentum มากขึ้นเท่านั้น เมื่อเกจเต็มก็จะทำให้ใช้ท่าโจมตีแบบมี Cut-In สร้างดาเมจแบบรุนแรงได้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/eF_Tm-lPO38' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>วิดีโอตัวที่ 2 เป็นการโชว์เกมเพลย์สู้กับบอสปลาหมึกอวกาศ ที่เหมือนออกมาจากหนังสือของ H.P Lovecraft โดยในการต่อสู้นี้ผู้เล่นจำเป็นต้องตัดหนวด หรือมือของบอสทั้ง 4 ออกจากตัวมันให้ได้ ด้วยการทำดาเมจ ในจุดนี้ความสามารถของ Groot จะเข้ามามีบทบาทมาก เนื่องจากเขาสามารถล็อกหน่วยของปลาหมึกให้ติดอยู่กับพื้น และให้เพื่อนๆ สามารถเข้าไปช่วยกันทำดาเมจได้ รับชมวิดีโอได้ข้างล่างนี้<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/14iwKIaVhIw' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : GamingBolt
15 Oct 2021
Marvel's Guardians of the Galaxy จะเล่นได้แบบ 8K + Ray บน PC
ในยุคที่การ์ดจอมีความสามารถในการแสดงผลภาพมากกว่าที่เคยเป็นมา และ Ray Tracing เริ่มเข้ามามีบทบาทในการเล่นเกมมากขึ้น ภาพที่เราได้จากวิดีโอเกมจึงมีความสวยงาม ละเอียด และอลังการมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยล่าสุดยุคที่สามารถเล่นเกมแบบ 8K + Ray-Tracing ดูเหมือนจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด! ผู้พัฒนา Marvel’s Guardians of the Galaxy ได้ยืนยันว่าเกมของพวกเขาจะเล่นได้แบบ 8K + Ray Tracing นอกจากนี้ยังรอบรับ Diffuse Illumination, HDR and Wide Color Gamut ในตัวอย่างใหม่ล่าสุดของเกมได้โชว์ให้เราเห็นว่า เทคโนโลยีทั้งหมดนี้ทำให้ได้ภาพที่สวยงามอลังการมากขนาดไหนภายในเกม รับชมได้เลยข้างล่างในขณะที่การเล่นเกมแบบ 8K + Ray เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริง แต่ก็ต้องยอมรับในเวลาเดียวกันว่า คงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สัมผัสประสบการณ์เช่นนั้น เนื่องจากต้องใช้ทั้ง GPU ที่แรงมากพอ รวมถึงทีวีที่สามารถฉายภาพได้ 8K ด้วยในเวลาเดียวกัน แต่แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสภาพแบบ 8K ก็เชื่อว่ากราฟิกของเกมก็จะสวยมากๆ อยู่แล้วในความละเอียด Full HD ไปจนถึง 4K<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/6affEgA9Rbk' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit : GamingBolt
01 Oct 2021
ตัวอย่างใหม่ของ Marvel's Guardians of the Galaxy โชว์การต่อสู้ในอวกาศและการปรากฏตัวของ Nova Corps!
ช่วงงาน PlayStation Showcase 2021 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยข่าวการเปิดตัวเกมของ Marvel มากมาย จากฝีมือทีมพัฒนาอย่าง Insomniac Games ทั้ง Marvel’s Wolverine และ Marvel’s Spider-Man 2 ทำให้ทาง Eidos Montreal เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดยพวกเขาก็ได้ทำการปล่อยวิดีโอตัวอย่างใหม่ของ Marvel’s Guardians of the Galaxy ออกมาด้วยเช่นกันซึ่งในวิดีโอตัวดังกล่าวนี้เราก็จะได้เห็น Cinematic ที่บอกเล่าเหตุหารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมตัว Peter Quill ที่แสดงท่าทางตลกๆ ชวนให้ส่ายหน้าใส่ รวมถึงยาน Milano ของทีม Guardians ที่ทำการต่อสู้กลางอวกาศสุดอลังกาล เกมเพลย์ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์แสงสีพราวระยับ สมกับความเป็น Guardians ไปจนถึงการปรากฏตัวของ Nova Corps ที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นจนอดคาดหวังไม่ได้ว่าจะมีตัวละครอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นมาอีกในอนาคตหรือไม่อย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians of the Galaxy จะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม สำหรับ Xbox One, Xbox Series X/S, PS4, PS5, PC และ Nintendo Switch ค่ะCredit: GamingBolt
10 Sep 2021
ผู้จัดการฝ่ายครีเอทีฟของ Marvel's Guardians Of The Galaxy อธิบายว่าทำไมผู้เล่นจึงควบคุม Star-Lord ได้แค่ตัวเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ติดตามความเคลื่อนไหวกันมาได้พักใหญ่ๆ ในที่สุดช่วงปลายปี 2021 นี้เอง เราก็จะได้ท่องเข้าไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ของ MCU อีกครั้ง พร้อมกับแก๊งตัวเอกสุดกวนในโลกของ Marvel’s Guardians Of The Galaxy เกมที่แตกต่างกับเกมอื่นๆ ของทาง Marvel ที่เราได้เห็นกันมาโดยตลอดอย่างสิ้นเชิง ด้วยการตัดสินใจว่าจะนำเสนอแบบ single player เน้นไปที่เนื้อเรื่องของเกมเป็นหลัก โดยที่ผู้เล่นจะสามารถควบคุม Star-Lord ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นโดยจากบทสัมภาษณ์ในเชิงลึกของ VG กับทางผู้จัดการฝ่ายครีเอทีฟของเกมอย่าง Jean-François Dugas ถึงสาเหตุของการตัดสินใจในครั้งนี้ เขาก็ได้ให้เหตุผลว่ามันเป็นจุดสำคัญมากๆ ที่จะให้ผู้เล่นได้เป็นทั้งผู้นำของเหล่า Guardians และได้สัมผัสกับบรรยากาศในการทำงานร่วมกับผู้คนอื่นๆ ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ต้องรับมือกับความคิดเห็นที่แตกต่างไปด้วยตัวเอง “ก็เหมือนกับในชีวิตจริงเวลาที่ต้องรวมกลุ่มทำงานกับคนอื่น มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพบเจอและหาทางรับมือกับผู้คนที่มีบุคลิก รวมถึงแนวความคิดที่แตกต่างหลากหลาย และแม้ว่าคุณจะเป็นผู้นำก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคน จะเห็นด้วยกับแนวทางของคุณเสมอไป ดังนั้นแล้วคุณจะต้องเป็นคนที่หาวิธีทำให้คนอื่นๆ มองเห็นเป้าหมายร่วมกัน เพื่อสำเร็จภารกิจต่างๆ ไปให้ได้ตามเป้าหมาย และเราก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เนี่ยแหละในการนำเสนอตัวเกมของเรา”“เราตื่นเต้นมากเลยจริงๆ กับทิศทางในการนำเสนอบุคลิกของ Star-Lord, Gamora, Rocket, Drax และ Groot ซึ่งหลังจากที่เราตั้งคำถามว่า ‘สมมติว่าผู้เล่นได้รับบทเป็นหนึ่งในเหล่า Guardians  ล่ะ? ถ้าเราให้ผู้เล่นรับบทเป็นผู้นำกลุ่มล่ะ แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ใน Event ต่างๆ เองล่ะ?’ พวกเราก็ตัดสินใจได้ว่าเราจะให้ผู้เล่น ได้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้ หาทางปรับตัวให้เข้ากับคนในกลุ่ม และตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง”“อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่เราสร้างขึ้นมาในการผจญภัยครั้งนี้เลยก็คือ การที่คุณจะได้ออกเดินทางโดยห้อมล้อมไปด้วยบรรดาสมาชิก Guardians คนอื่นๆ และไม่ใช่แค่เพียงสามารถพูดคุยหยอกล้อด้วยได้เท่านั้น เพราะคุณก็ยังสามารถเรียกให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกด้วย อย่างที่เราเชื่อว่ามันจะเป็นการมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้เล่นได้ และนี่จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเหล่า Guardians ได้อย่างแท้จริง”อย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians Of The Galaxy มีแผนจะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคมนี้สำหรับ PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox Series X/S, Xbox One, Switch (ผ่าน Cloud), PC และ Stadia ค่ะ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/tOMQjqdauCY' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
25 Aug 2021
Marvel's Guardians of the Galaxy ยังไม่ได้มีแผนจะทำ DLC ตอนนี้
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่นึกถึงเกม Marvel’s Avengers ในตอนที่เราได้เห็นตัวอย่างเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ถูกปล่อยออกมา และนั่นก็ทำให้เราอดจะสงสัยไม่ได้ว่าเกม IP ของ Marvel จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Square Enix จะดำเนินต่อไปในแนวทางไหนกันแน่ ซึ่งทางทีมพัฒนาอย่าง Eidos Montreal เอง ก็ได้ออกมาพูดถึงตัวเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ในแง่ที่ว่า ตัวเกมนี้นั้นจะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากเกมอื่นโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่การที่มันเป็นเกมประเภท Single Player และเน้นการเล่าเรื่องเป็นหลักจากบทสัมภาษณ์กับทาง VGC ของผู้กำกับอาวุโสจากทาง Marvel’s Guardians of the Galaxy อย่าง Jean-François Dugas เมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้มีการให้รายละเอียดว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา Guardians อย่างจริงจัง ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่เกม Avengers ถูกปล่อยออกมาสักพักแล้ว และจากกระแสเสียงตอบรับที่ได้กลับมา ก็ทำให้เราต้องพิจารณาเกี่ยวกับการทำ DLC ให้ถี่ถ้วนขึ้นไปอีกสรุปแล้วก็คือไม่ว่าทางทีมผู้พัฒนาจะวางแผนในการทำ DLC ของ Guardians มาก่อนหรือไม่ก็ตาม จากกระแสตอบรับของแฟนๆ ต่อเกม Marvel’s Avengers ก็ทำให้พวกเขายังอยู่ในช่วงการพิจารณาอย่างจริงจังเท่านั้นอย่างไรก็ดี Marvel's Guardians of the Galaxy จะวางจำหน่ายในวันที่ 26 ตุลาคม สำหรับ PS5, Xbox Series X/S, PS4, Xbox One และ PC รวมถึง Nintendo Switch ในระบบ Cloud เท่านั้นค่ะCredit: GamingBolt
20 Aug 2021
วิดีโอตัวอย่างใหม่ของ Marvel's Guardians of the Galaxy จะเป็นการเปิดตัว Lady Hellbender
ในขณะที่ทางทีม Crystal Dynamics ยังคงทำการอัปเดต Marvel’s Avengers อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเตรียมวางจำหน่ายส่วนเสริมอย่าง Black Panther War for Wakanda แล้วในวันที่ 17 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ทางทีม Eidos Montreal เองก็กำลังมุมานะกับการพัฒนาเกมของตัวเองอย่าง Marvel’s Guardians of the Galaxy ภายใต้ธีมที่แตกต่างกันออกไปของกลุ่มฮีโร่สุดเกรียน ป่วนจักรวาลที่ตะลุยท่องไปทั่วอวกาศอยู่เหมือนกัน และความเคลื่อนไหวล่าสุดของพวกเขาเลยก็คือ การปล่อยวิดีโอตัวอย่างใหม่ออกมา โดยภายในวิดีโอดังกล่าว ก็จะมาพร้อมการเปิดตัวของ Lady Hellbender ราชินีแห่ง Seknarf Nine ผู้ชื่นชอบในการสะสมสัตว์ประหลาดหายาก อย่างที่หากว่าคุณเป็นแฟนภาพยนตร์ในจักรวาล MCU แล้ว ก็คงจะจดจำฉากที่เหล่า Guardians โหวตให้ Groot หรือ Rocket แสร้งว่าเป็นสัตว์หายากเพื่อเป็นตัวล่อ  Lady Hellbender ได้เป็นอย่างดีแน่...และดูเหมือนว่าเธอเองจะถูกใจตัว Drax หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Guardians ของเราไม่น้อยเลยทีเดียวอนาคตของเกม Marvel’s Guardians of the Galaxy ยังคงมีความเป็นไปได้มากมายให้เราได้คาดเดากันต่อไป แต่สิ่งที่เรามั่นใจได้แล้วอย่างหนึ่งในวันนี้เลยก็คือ Lady Hellbender คือหนึ่งในตัวละครที่ทรงพลัง อย่างที่เราจะประมาทกันไม่ได้เลยทีเดียวอย่างไรก็ดี Marvel’s Guardians of the Galaxy กำลังพัฒนาเพื่อเตรียมจะลงให้กับ Xbox One, Xbox Series X/S, PS4, PS5, Nintendo Switch และ PC ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เกาะจอรอกันไว้ได้เลยค่ะ!Credit: GamingBolt
06 Aug 2021
เจาะลึกรายละเอียดสเปกเครื่อง Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra พร้อมราคาขายในบ้านเรา!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับมือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ของแบรนด์กิมจิอย่าง “Samsung” โดยรอบนี้จะเป็นตระกูล Galaxy S21 Series แถมบ้านเราเองก็เปิดให้สั่งจองพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้เกวลินเองก็เลยตัดสินใจรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของ Galaxy S21 Series ในแต่ละรุ่นมาอัปเดตให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน รวมไปถึงราคาในแต่ละรุ่นว่าในบ้านเราวางจำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วมีโปรโมชั่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง เผื่อใครที่อยากจะเปลี่ยนมือถือในช่วงเวลานี้ Samsung Galaxy S21 Series อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจก็เป็นได้ค่ะ ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Samsung Galaxy S21 Series ที่เปิดตัวมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันประกอบไปด้วย Samsung Galaxy S21, Samsung Galaxy S21+ และ Samsung Galaxy S21 Ultra โดยแต่ละรุ่นก็จะมีสเปกภายในที่แตกต่างกันพอสมควรเริ่มจากขนาดหน้าจอกันก่อนเลยค่ะ เริ่มจาก Galaxy S21 จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.2 นิ้วไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไปถือกำลังเหมาะมือเลยค่ะ ตามมาด้วย Galaxy S21+ มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.7 นิ้วถือว่าใหญ่ใกล้เคียงกับรุ่นท็อปเลยนะคะ ทั้งสองรุ่นนี้ตัวหน้าจอจะไม่ได้เป็นจอโค้งนะคะ สุดท้าย S21 Ultra มีขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว เล็กกว่า Note 20 Ultra 1 นิ้วค่ะ แต่ความพิเศษของ S21 Ultra อยู่ตรงที่ความละเอียดของหน้าจอเป็นรูปแบบ WQHD+ ทำให้เราสามารถรับชมวีดีโอคอนเทนต์ที่มีความละเอียดสูงได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถขับรีเฟรชเรทได้สูงถึง 120Hz อีกด้วย หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่อง “รีเฟรชเรท” ว่าถ้ามือถือสมาร์ทโฟนยิ่งมีค่านี้สูงมันดียังไง!? มันจะดีตรงที่เวลาเราเลื่อนสไลด์หน้าจอมันจะดูลื่นไหลไม่ปวดตา แล้วถ้าเราดูพวกวีดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งภาพยนตร์จากระบบสตรีมมิ่ง หรือ ดู Youtube ที่มีความละเอียดสูง ๆ จะเห็นความแตกต่างชัดเจนด้วย แต่ทั้งนี้การเปิดใช้งานรีเฟรชเรทสูงก็ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วด้วย ดังนั้นแนะนำให้ตั้งค่าปรับอัตโนมัติดีที่สุดค่ะ เกือบลืมบอกไปตัวท็อปอย่าง S21 Ultra สามารถตั้งค่ารีเฟรทเรชแบบต่ำสุด 10Hz ได้ด้วย เพื่อใช้งานกับการทำงานบางอย่างเพื่อลดการกินแบตเตอรี่ได้ดีในส่วนหนึ่งค่ะ แล้วด้วยตัวหน้าจอ Samsung Galaxy S21 Series ทุกรุ่นใช้หน้าจอ “Dynamic AMOLED 2X” จะมีความสว่างสูงทำให้เมื่อเราใช้งานกลางแดดก็สามารถมองเห็นถึงรายละเอียดหน้าจอได้อย่างสบาย ๆ โดย Galaxy S21 และ S21+ จะมีค่าความสว่างที่ปรีับได้สูงสุดอยู่ที่ 1,300 nits ส่วนตัวท็อปสุด Galaxy S21 Ultra ค่าความสว่างก็ดันได้มากถึง 1,500 nits แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือหน้าจอจะแบนไม่ได้มีวิถีจอโค้งเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ ใครที่รู้สึกว่าจอโค้งใช้งานลำบากาฟิล์มติดก็ยาก หรือเคสที่บางทีติดฟิล์มกระจกแล้วมีการดันฟิล์มออก โอ๊ย...ปัญหาเยอะแบบนี้ก็ลองมาเล่นรุ่นนี้ดูกันได้ค่ะ แม้ว่า CPU ที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะไม่ใช่ Snapdragon เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม แต่ชิปเซ็ตขุมพลังตัวใหม่อย่าง “Exynos 2100” ก็มีความแตกตางจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน เริ่มจากสายการผลิตเป็นสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร เล็กแบบนี้แต่ก็มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก ภายในชิปเซ็ตมีโมเด็ม 5G ในทุก ๆ รุ่นของ Samsung Galaxy S21 Series ในด้านของ GPU หรือตัวประมวลผลกราฟฟิกรอบนี้มาแปลกนิดหน่อยค่ะ เพราะเขาเลือกใช้ “Mali-G78 MP14” จากปกติแล้วจะเป็นตระกูล Adreno ทำให้เมื่อนำมาทดสอบกับการเล่นเกมพบว่า  “เกมส่วนใหญ่สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ยกเว้นเกมที่จะต้องปรับรายละเอียดกราฟฟิกหรือประมวลผลสูง ๆ อย่าง Genshin Impact ยังมีเฟรมเรตดรอปเป็นระยะ ๆ ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร”  ในด้านของความร้อนเมื่อเครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพ สื่อที่ได้ลองเทสก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันรู้สึกอุ่น ๆ ไม่ได้ร้อนจนเกินไป แล้วถ้าปล่อยให้เครื่องทำงานปกติแบบไม่ต้องทำอะไรใช้ระยะเวลาไม่กี่นาทีเครื่องก็จะกลับสู่ในอุณหภูมิสภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม Samsung Galaxy S21 Series ไม่ได้ดูออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมอย่างเดียวนะคะ แต่หน้าที่หลัก ๆ ของมันก็คือ “สมาร์ทโฟนเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง” ดังนั้นเราจะต้องเข้าใจในส่วนนี้กันด้วยนะคะ ตามมาด้วยหน่วยความจำหรือ Ram กันหน่อยค่ะ Galaxy S21 และ S21+ ทาง Samsung จัดมาให้แค่ 8GB. เท่านั้น ส่วนตัวท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra จัดมาให้ทั้งหมด 2 รุ่นคือ 12GB. กับ 16GB. ซึ่งถือว่าเยอะมาก ๆ ทำให้เราสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นหลาย ๆ ตัวได้อย่างสบาย ๆ เลยค่ะ ทั้งนี้เกวลินก็คิดว่า Ram แค่ 8GB. ก็เพียงพอในการใช้งานทั่วไปหรือในการเล่นเกมแล้วค่ะ แต่ถ้าใครอยากจะเอาไว้เยอะ ๆ ก่อนก็ได้เหมือนกันถ้างบเพื่อน ๆ ถึงนะคะ จุดต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “เลนส์กล้องที่ใช้ในการถ่ายรูป” ก็ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S21 Series ทำเอารุ่นพี่ที่อยู่ในมือของเกวลินอย่าง Galaxy Note 20 Ultra 5G สั่นไปหมดเลยค่ะ เพราะมีการพัฒนาก้าวกระโดดไปอีกขั้น ( ชิ! น้อยใจซะจริงเลย ) โดยมีการเปิดเผยออกมาแล้วนะคะว่า Galaxy S21 Ultra จัดไปเลยเรื่องเลนส์กล้องเหนือกว่า Galaxy S21 และ S21+ ชนิดที่ไม่เห็นฝุุ่นกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ติดอะไร ฉันมีงบเพียงแค่นี้จะเล่นรุ่นเล็ก รุ่นกลางก็ได้ทั้งนั้นค่ะ โดยทั้งสองรุ่นนี้ในเรื่องของสเปกเลนส์กล้องจะเหมือนกันนั้นก็คือเลนส์กล้องหลัก ( ด้านหลัง ) จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP, เลนส์ Ultra-Wide ที่เก็บมุมกว้างได้ถึง 120 องศาความละเอียด 12MP และ เลนส์ Telephoto คุณพระ! จัดความละเอียดมาให้ 64MP เลยค๊าคุณผู้อ่าน! แถมยังสามารถซูม Hybrid Optic ได้ถึง 3 เท่าแล้วก็ยังมีระบบกันสั่นแบบ OIS ติดมาด้วย ส่วนตัวท็อปอย่าง Galaxy S21 Ultra สเปกเลนส์กล้องอัดมาให้เน้น ๆ เลนส์กล้องหลัก ( ด้านหลัง ) มีความละเอียด 108MP, เลนส์ Ultra-Wide ที่เก็บมุมกว้างได้ถึง 120 องศาความละเอียด 12MP และ เลนส์ Telephoto ที่จัดมาให้ถึง 2 ตัว โดยเราจะสามารถซูมแบบ Optical ได้ 3 กับ 10 เท่า แล้วก็ยังสามารถดันซูมในรูปแบบ Digital ได้ถึง 100 เท่ากันไปเลย ยังค่ะ ยังไม่หมดแค่นั้นมีระบบกันสั่นแบบ OIS ติดมาให้กับเลนส์ตัวนี้ทั้ง 2 ตัวเลยค่ะ สุดท้ายก็ยังมี Laser AF มาช่วยโฟกัสภาพที่แม่นยำและไวมากยิ่งขึ้น  ในส่วนของแบตเตอรี่ Samsung Galaxy S21 Series จะมีขนาดที่แตกต่างกันพอสมควรค่ะ เริ่มจากน้องเล็กสุด Galaxy S21 มีขนาดแบตเตอรี่ 4,000 mAh ตามมาด้วยพี่รอง Galaxy S21+ มีขนาดแบตเตอรี่ 4,800 mAh และ พี่ใหญ่ Galaxy S21 Ultra จัดมาให้ถึง 5,000 mAh ซึ่งทาง Samsung ก็ยังเครมเอาไว้ว่ามันสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเรียกว่าอยู่ได้เกือบทั้งวันเลยค่ะ แต่เราก็ต้องเข้าใจกันก่อนนะ ถ้าผู้ใช้งานเปิดการทำงานเต็มที่ของเครื่องไม่ว่าจะเป็นรีเฟรชเรท 120Hz แล้วก็ 5G ไปด้วยมันก็อาจจะซูมแบตเตอรี่เหมือนกัน แต่ในเมื่อเขาเครมมาแบบนี้ก็ต้องลองเทสด้วยตนเองแล้วค่ะ อย่างไรก็ตามพก Power Bank ดี ๆ สักตัวติดไว้หน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนะคะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทราบกันก่อนก็คือ Samsung Galaxy S21 Series จะไม่แถมอะแดปเตอร์และหูฟังมาให้เราอีกแล้ว ซึ่งถ้าเราต้องการจะต้องซื้อเพิ่มเติมแล้วก็สามารถใช้อะแดปเตอร์จากรุ่นก่อนหน้านี้ชาร์จได้ ซึ่งทั้ง 3 รุ่นในซีรีส์นี้รองรับการชาร์จเร็ว Fast Charging สูงสุด 25 วัตต์ ส่วนเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging มีความเร็วในการชาร์จสูงสุด 15 วัตต์ แล้วถ้าเราเอาอุปกรณ์อื่น ๆ มาชาร์จกับตัวเครื่องของเราก็จะได้ความเร็วในการชาร์จอยู่ที่ 4.5 วัตต์ ฟังดูอาจจะน้อยแต่ทาง Samsung เข้ามาเพื่อใช้ในกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในเวลาที่จำเป็น นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดคร่าว ๆ ของ Samsung Galaxy S21 Series ทั้ง 3 รุ่น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Galaxy S21 Ultra มีปากกา S-Pen ที่สามารถใช้งานได้เหมือนกับของ Galaxy Note 20 Ultra 5G เพียงแต่ว่าปากกาเล่มดังกล่าวจะไม่มีที่เก็บเหมือนกับของ Note นะคะ ซึ่งทาง Samsung ก็ออกแบบเคสพิเศษสำหรับใช้ในการเก็บปากกาพร้อมกับป้องกันตัวของเราจากการกระแทกได้ดีซะด้วยค่ะ รวมไปถึงรุ่นนี้ยังมีมาตรฐานป้องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 มีระบบลำโพงคู่แบบสเตอริโอ แล้วการสแกนลายนิ้วมือก็เป็นแบบ Ultrasonic ตัวใหม่จากทาง Qualcomm อีกด้วย ท้ายสุดนี้เราไปดูราคาเครื่องของแต่ละที่กันหน่อยดีกว่าค่ะ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก AIS ( สำหรับลูกค้า Serenade ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 16,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 9,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 23,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 21,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 16,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 27,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 24,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 23,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 26,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 25,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 19,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 33,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 27,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 26,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 21,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 38,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 35,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 34,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,699 บาท - ราคา 30,900 บาท ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย AIS ได้ที่ คลิกที่นี่ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก DTAC ( สำหรับลูกค้า Platinum Blue Member ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 19,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 13,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 9,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 21,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 17,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 11,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 25,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 21,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 17,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 27,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 23,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 18,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 23,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 20,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 27,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 25,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 22,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 35,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,099 บาท - ราคา 31,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,499 บาท - ราคา 29,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 2,199 บาท - ราคา 26,900 บาท ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย DTAC ได้ที่ คลิกที่นี่ โปรโมชั่นในการสั่งซื้อ Samsung Galaxy S21 Series จาก TrueMove H ( สำหรับลูกค้าที่ใช้อยู่ปัจจุบัน, เปิดเบอร์ใหม่ และ ย้ายค่ายเบอร์เดิม ) Galaxy S21 ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 27,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 29,900 บาทแต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 23,900 บาท *20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 21,400 บาท *18,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 20,400 บาท * 15,400 บาท Galaxy S21 ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 18,900 บาท *13,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 25,900 บาท *22,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 23,900 บาท *20,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 22,900 บาท *17,900 บาท Galaxy S21 ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 21,400 บาท *16,400 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 33,900 และ ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 35,900 บาทแต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 29,400 บาท *26,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 26,900 บาท *26,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 24,900 บาท * 23,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 23,900 บาท *19,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 31,400 บาท *28,400 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 28,900 บาท *25,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 26,900 บาท *21,900 บาท Galaxy S21+ ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 25,900 บาท *20,900 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. ราคาปกติอยู่ที่ 39,900 ,ความจุ 256GB. ราคาปกติอยู่ที่ 41,900 บาท และ ความจุ 512GB. ราคาปกติอยู่ที่ 45,900 บาท แต่ถ้าซื้อราคาในแพ็คเกจก็จะได้รับส่วนลดดังต่อไปนี้ Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 34,400 บาท *31,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 31,900 บาท *28,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 29,900 บาท * 24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 128GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 27,900 บาท *22,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 36,400 บาท *33,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 33,900 บาท *30,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 31,900 บาท *26,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 256GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 29,900 บาท *24,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 699 บาท - ราคา 40,400 บาท *37,400 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,199 บาท - ราคา 37,900 บาท *34,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,399 บาท - ราคา 35,900 บาท *30,900 บาท Galaxy S21 Ultra ความจุ 512GB. แพ็คเกจ 1,599 บาท - ราคา 33,900 บาท *28,900 บาท หมายเหตุ: * คือเครื่องหมายราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายมาแล้วใช้เบอร์เดิมค่ะ ดูรายละเอียดราคาจากแพ็คเกจอื่น ๆ ของค่าย TrueMove H ได้ที่ คลิกที่นี่
04 Feb 2021
ส่องลูกเล่นใหม่ ๆ ของ One UI 3.0 และ Android 11 ที่อัปเดตให้กับ Samsung A I S I Note I Z Series
อัปเดตมาได้ราว ๆ เกือบจะ 1 เดือนเห็นจะได้แล้วค่ะ สำหรับ Android 11 และ One UI 3.0 ของแบรนด์ Samsung ที่มาการทยอยอัปเดตให้ในแต่ละรุ่น โดยทางเกวลินเองได้ใช้ Samsung Galaxy Note 20 Ultra ก็เลยทำการอัปเดตแล้วทดลองใช้งานดูตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วันนี้เลยจะเขียนบทความนี้ขึ้นมาว่ามันมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมกันบ้างค่ะ ส่วนใครที่ใครแบรนด์นี้อยู่แล้วแต่เป็นรุ่นที่รองท็อปลงมาก็จะมีการอัปเดตให้ในแต่ละเดือน ( ส่วนนี้เดี๋ยวจะมาอธิบายให้ทราบในช่วงท้ายบทความนะคะ ) เอาละเมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ ต้องเข้าใจ “การอัปเดตในครั้งนี้ก่อน!” สำหรับ “One UI 3.0” คือระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมกับ Android 11 เพื่อที่จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในช่วงปลายเดือนธันวาคมจนถึงตอนนี้ทาง Samsung ก็ได้ไล่อัปเดตมาตั้งแต่ Series A, Series M, Galaxy Note 20 Series, Galaxy S20 Series, Galaxy Z Fold 2, Galaxy Z Fold 2, Galaxy Z Flip, Galaxy Note 10 Series, Galaxy Fold และ Galaxy S10 Series ทั้งนี้ก็ต้องแจ้งให้ทราบกันก่อนว่ามันคือการไล่อัปเดตในแต่ละรุ่นตามลำดับนะคะ แล้ว “One UI 3.0” มันมีอะไรที่แตกต่างไปจากรุ่นเดิมก่อนหน้านี้บ้าง!? อันดับแรกที่ต้องพูดถึงก่อนก็คือพวกไอคอนต่าง ๆ ที่เราใช้งานจะไม่แตกต่างจาก One UI 2.5 เลยค่ะ ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมาเรียนรู้ในส่วนนี้ใหม่แต่อย่างใดนะคะ แต่ที่จะต้องมาศึกษาอะไรเพิ่มเติมนิดหน่อยก็คือ “ระบบการแจ้งเตือน” ที่ตรงนี้ทาง Samsung ได้มีการดีไซน์ใหม่คือบอกระบุชัดเจนว่าการแจ้งเตือนนั้นมาจากของอะไร จากเดิมเวอร์ชั่นก่อนที่ไม่มีการแบ่งหมวดหมู่ในเวอร์ชั่นนี้ก็จะทำให้เราทราบแล้วว่าที่เด้ง ๆ แจ้งเตือนนั้นมาจากแอพพลิเคชั่นอะไรค่ะ รวมไปถึงมีการปรับโทนสีของโซนแสดงผลจากเดิมที่เป็นแบบสีขาวทึบแต่เมื่ออัปเดตเป็น One UI 3.0 ในส่วนนี้จะทำให้ดูโปร่งแสงมากขึ้น ความรู้สึกส่วนตัวก็คือมันดูสบายตามากกว่าเวอร์ชั่นก่อนเยอะเลย ตามมาด้วยเหล่าไอคอนด้านบนพวกนี้ก็มีการออกแบบไอคอนบางส่วนใหม่รวมไปถึงปรับปรุงระบบการใช้งานบางส่วนให้ดีมากขึ้น นอกจากนี้พวกรายละเอียดเวลา, วัน และ เดือนก็จะมีการขยับมาให้เราได้เห็นชัดเจน โดยย้ายมาอยู่ตรงกลางแทนจากเดิมที่อยู่บริเวณมุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วพวกปุ่มเปิดปิดหรือค้นหาก็จะย้ายไปอยู่ด้านมุมขวาบนสุดของเครื่องก็เรียกว่าเป็นการจัดระเบียบที่ดูสวยงามไม่ใช่น้อยค่ะ ต่อมาก็คือ “ระบบ Reset แอพพลิเคชั่น” ปกติแล้วเรากดไอคอนที่เป็น “III” เมื่อกดแล้วตอนเราเลื่อนมันจะดูไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่ แต่พออัปเดตเป็น One UI 3.0 ก็มีการปรับให้เวลาเราเลื่อนหน้าต่างส่วนพวกนี้ดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ส่วนถ้าต้องการอยากจะปิดแอพพลิเคชั่นนั้นก็ทำเหมือนเดิมคือปัดขึ้นหรือกดปุ่มปิดทั้งหมดเลยก็ได้ แล้วระบบที่ถูกปรับปรุงอีกส่วนหนึ่งก็คือ “ระบบเพิ่ม-ลดเสียง” ที่ออกแบบมาใหม่ เมื่อเรากดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียงมันจะมีแถบสีขาวขึ้นมาที่หน้าจอ ซึ่งเราสามารถเลื่อนขึ้น เลื่อนลงเพื่อปรับระดับเสียงตามที่ต้องการหรือจะแตะที่ไอคอนลำโพงเพื่อเปิดปิดโหมดใช้เสียงหรือโหมดสั่นได้ด้วย แล้วไอคอน “...” เมื่อกดเข้ามาก็ยังสามารถตั้งค่าในการปรับแต่งการใช้เสียงหรือสั่นในโหมดการใช้งานที่ต้องการได้ตลอดเวลาค่ะ แล้วเมื่อเรากดเข้ามาที่ตั้งค่า “เหล่าไอคอนต่าง ๆ” ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่นกันค่ะ แต่เรื่องการใช้งานต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือนเดิมนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าเปลี่ยนแปลงไอคอนไปแล้วระบบการทำงานจะเปลี่ยนไปด้วย นอกจากนี้ในส่วนของโปรไฟล์ของเราใน One UI 2.5 จะมีขนาดเล็กแต่พอมาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ก็มีการปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นแล้วเมื่อเรากดเข้ามาจะเห็นรายละเอียดในการเชื่อมต่อกับ “Samsung Account” ตรงนี้เราสามารถตั้งค่ารายละเอียดเชิงลึกของบัญชีโปรไฟล์ตัวเองได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ เรามาพูดถึงลูกเล่นต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาใน One UI 3.0 กันบ้างดีกว่าค่ะ อันดับแรกเลยก็คือ “Dynamic Lock Screen” ที่มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ เข้ามาจากเดิมมีเพียงไม่กี่อันเท่านั้น บางคนอาจจะไม่เข้าใจมันคืออะไร เมื่อเราตั้งค่าเรียบร้อยแล้วจะทำให้ทุก ๆ ครั้งที่เราเปิดปิดหน้าจอภาพที่แสดงผลจะเปลี่ยนแปลงไปตามธีมที่เราได้ตั้งค่าเอาไว้ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถตั้งรูปวอลเปเปอร์ในแบบที่เราต้องการได้ ตามมาด้วยฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ “การปิดหน้าจอด้วยการแตะเพียงแค่ 2 ครั้ง” ใน One UI 2.5 และ Android 10 ถ้าเราจะต้องการเปิดหน้าจอเพียงแค่เราแตะที่หน้าจอ 2 ครั้งมันจะทำการเปิดหน้าจอขึ้นมาทันที แต่เมื่ออัปเดตเป็น One UI 3.0 และ Android 11 ได้เพิ่มลูกเล่นการปิดหน้าจอเข้ามาด้วยการแตะที่หน้าจอ 2 ครั้งตัวเครื่องก็จะปิดหน้าจอให้ทันทีเลยค่ะ แอบแปลกใจว่าทำไมไม่ทำมาตั้งแต่แรกนะเนี่ย จุดต่อมาที่ปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ “ตัวสแกนลายนิ้วมือ” ที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ตัวเกวลินเองเป็นคนที่จะใช้นิ้วที่ใหญ่ก็จะใช้นิ้วโป้งในการสแกนเพื่อเปิดเครื่อง ผลที่ได้ก็คือมันก็ช่วยให้การสแกนง่ายขึ้นเร็วขึ้นจากเดิมพอสมควรเลยค่ะ แต่ถ้าเราติดพวกกระจกหรือฟิล์มกันรอยที่มีความหนาก็อาจจะสแกนยากเล็กน้อย ดังนั้นเมื่ออัปเดตแล้วขอแนะนำให้ไปตั้งค่าในการสแกนลายนิ้วมือใหม่อีกครั้งจะดีมากเลยค่ะ ตามมาด้วยเพิ่มลูกเล่น “พื้นหลังการโทร” ที่เราสามารถปรับแต่งได้จะเปลี่ยนพื้นหลังเป็นรูปหรือวีดีโอที่ต้องการได้ แถมเรายังกำหนดให้เสียงจากวีดีโอที่เก็บเอาไว้มาเป็นเสียงเรียกเข้าได้อีกด้วย ใครที่อยากได้เสียงพี่เอก HRK เป็นเสียงเรียกเข้าก็ทำได้นะ แล้วสิ่งที่หลายคนชื่นชอบคงหนีไม่พ้นเรื่อง “การถ่ายรูปหรือวีดีโอ” ตัวแพทช์ One UI 3.0 และ Android 11 ก็มีการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้กับการถ่ายรูปด้วยนั้นก็คือระบบที่เรียกว่า “Lock Focus” ปกติแล้วถ้าเราแตะเบา ๆ 1 ครั้งมันจะเป็นการ Focus ภาพแม้ว่าจะเคลื่อนจอไปทางไหนมันก็จะตามจุดที่เราต้องการเอาไว้ แต่บางครั้งแสงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการแถมจะมีแถบให้เลื่อนปรับแต่ง แต่สักพักมันก็จะเปลี่ยนแสงกลับไปสภาพเดิมทำให้ระบบใหม่นี้จะมาช่วยแก้ไขในส่วนนี้ค่ะ เมื่อเราแตะค้างเอาไว้มันจะขึ้นเป็นวงกลมมีลูกแม่กุญแจเราสามารถลากเพื่อปรับแสงในแบบที่เราต้องการได้จากนั้นกดล็อค ก็เป็นระบบที่จะช่วยให้การถ่ายภาพของเราสนุกขึ้นไปอีกขั้นเลยค่ะ แล้วฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาก็ยังมีลูกเล่นที่เรียกว่า “AR Emoji” ที่ทำให้เราสามารถสร้างตัวละคร AR ของตัวเองขึ้นมาได้ โดยตัวละครพวกนี้มีความสามารถในการแสดงสีหน้า ท่าทางต่าง ๆ ของเราได้แบบเรียล์ไทม์เลยนะคะ แถมยังเปลี่ยนชุดของพวกเขาในแบบที่เราต้องการอีกด้วย แล้วตัวละครที่เราสร้างขึ้นมายังสามารถนำไปใช้เป็น AR Sticker ได้อีกด้วย สรุปหลังจากการใช้งานจริงร่วม 1 เดือน! จริง ๆ แล้วรายละเอียดของการอัปเดต One UI 3.0 และ Android 11 ยังมีมากกว่านี้มาก แต่เกวลินขอหยิบที่น่าสนใจมาพูดก็แล้วกันนะคะ หลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่เห็นว่ามันเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra เป็นอย่างมากเลยค่ะ ซึ่งรุ่นที่ใช้เป็น CPU “Samsung Exynos 990 Octa Core” ที่บางคนอาจจะบอกว่าใช้ไปนาน ๆ แล้วร้อน ส่วนตัวเมื่อมีการอัปเดตเรื่องความร้อนดีขึ้นถูกแก้ไขให้ดีขึ้นเยอะ ก่อนอัปเดตเวลาถ่ายรูปนาน ๆ ตัวกล้องจะร้อนเร็วมาก แต่พออัปเดตปัญหานี้ก็ดีขึ้นในระดับหนึ่งค่ะ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงเป็นเรื่อง “สแกนคิวอาร์โค้ด” ต่าง ๆ ที่ดูแม่นยำและเที่ยงตรงกว่าเดิมมาก ๆ แค่เปิดกล้องขึ้นมายังอ่านคิวอาร์โค้ดนั้นไม่เต็มจอก็เข้าสู่รหัสนั้นอย่างรวดเร็วเลยค่ะ  นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในการใช้งาน One UI 3.0 และ Android 11 ใครที่ใช้มือถือแบรนด์ Samsung รุ่นไหนอยู่เตรียมตัวรอการอัปเดตได้เลย รายละเอียดดังต่อไปนี้ ( แต่ละรุ่นอาจจะมีการอัปเดตอาจจะเลื่อนมาเร็วขึ้นหรือช้าขึ้นอยู่กับทาง Samsung อีกทีค่ะ ) มกราคม Galaxy S10 Lite Galaxy S20 FE Galaxy S20 FE 5G Galaxy Note 10 Galaxy Note 10+ Galaxy Z Flip Galaxy Z Flop 2 5G กุมภาพันธ์ Galaxy S10e Galaxy S10 Galaxy S10+ Galaxy Fold มีนาคม Galaxy M30s Galaxy XCover Pro Galaxy A51 Galaxy Note 10 Lite Galaxy M31 Galaxy M31 Galaxy A71 5G Galaxy Tab S7 Galaxy Tab S7+ เมษายน Galaxy A50 Galaxy A50s Galaxy M51 พฤภาคม Galaxy A70 Galaxy A80 Galaxy Tab S6 Galaxy A71 Galaxy A31 Galaxy A21s Galaxy A42 5G Galaxy Tab S6 Lite มิถุนายน Galaxy A01 Galaxy A11 Galaxy A12 Galaxy M11 Galaxy Tab A Galaxy Tab Active 3 Galaxy A02s กรกฎาคม Galaxy A10 Galaxy A10s Galaxy A20 Galaxy A30 Galaxy XCover 4s Galaxy Tab S5e สิงหาคม Galaxy A20s Galaxy A30s Galaxy Tab A8 Plus (2019) Galaxy Tab A8 (2019) Galaxy Tab A10.1 (2019) Galaxy Tab Active Pro Galaxy A01 Core
19 Jan 2021
สมาร์ทโฟน 5G สุดคุ้ม “Galaxy A42 5G” จากซัมซุง เร็วแรงพร้อมลุยทุกการใช้งาน ในราคาหมื่นต้น
ใครว่าเงินหมื่นต้นจะซื้อมือถือสเปคเทพไม่ได้แต่ซัมซุงไม่คิดแบบนั้นเพราะด้วยสเปคและประสิทธิภาพความเร็วแรงที่เหนือราคา ทำให้ Galaxy A42 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดในเวลานี้กับราคาค่าตัวเพียง 11,990 บาท เพราะนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อบนสัญญาน 5G คุณภาพแล้ว ซัมซุงยังจัดเต็มด้วยชิปเซ็ตทรงพลัง Snapdragon 750G ที่มีการประมวลผลเร็วแรงแบบ Octa-core และให้ RAM มาสูงถึง 8GB ช่วยเพิ่มสมรรถนะการใช้งานอย่างเต็มพิกัด ตอบโจทย์ทั้งสายเกมเมอร์และสายคอนเทนต์อย่างลงตัว หมดปัญหาเรื่องเครื่องช้า เล่นเกมแล้วกระตุก หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ไม่ทันใจ ที่สำคัญ Galaxy A42 5G ยังคงเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy A ไว้ด้วยฟีเจอร์หลักคุณภาพคับแก้ว จอ-กล้อง-แบต ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอใหญ่คมชัดแบบ Super AMOLED กล้องสวยเลนส์ครบ พร้อมแบตเตอรี่ทรงพลังถึง 5,000 mAh มาดูกันว่า ประสิทธิภาพเหนือราคาของ Galaxy A42 5G เครื่องนี้จะตอบโจทย์และโดนใจสายสปีดขนาดไหน นอกจากนี้ ลูกค้า Galaxy A42 5G ยังได้รับเอกสิทธิ์พิเศษอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้งาน YouTube Premium ฟรี 2 เดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์จาก Galaxy Gift พร้อมบริการช่วยเหลือพิเศษระดับ Galaxy Butler Blue จองคิว เข้ารับบริการที่ศูนย์ล่วงหน้าได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Members พร้อมบริการเครื่องสำรองระหว่างรอการซ่อม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/butler/ สัมผัสประสบการณ์ความเร็วแรงของ Galaxy A42 5G (กาแลคซี่ เอ 42 5G) สมาร์ทโฟนสายพันธุ์สปีด แรงทุกสเปค ได้แล้ววันนี้ ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Store และผู้ให้บริการเครือข่าย มาพร้อมตัวเลือก 3 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ Prism Dot Black, Prism Dot White และ Prism Dot Gray ในราคาเพียง 11,990 บาท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของซัมซุง Galaxy A42 5G ได้ที่ https://bit.ly/3kxWquf
02 Dec 2020
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นกลางเดือนกันยายน 2019
ปุ๊บปั๊บๆ  เวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงกลางเดือนกันยายนกันแล้ว สำหรับสัปดาห์นี้เกมใหม่ๆ ที่เปิดตัวออกมาในฐานะเกม Global ที่เกมเมอร์ชาวไทยอย่างเราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ทันที ถือว่ามีไม่เยอะมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นเกมเล็กๆ เสียมากกว่า แต่ที่ดูจะยิ่งใหญ่น่าเล่นมากๆ คงไม่พ้น Second Galaxy เกม sci-fi RPG ฟอร์มยักษ์ และต่อด้วยเกมอย่าง This is the Police 2 ซีรีส์เกมแนวจำลองการบริหารจัดหารหน่วยงานสายตำรวจสุดเข้มข้น เกมที่ 1 : Second Galaxy ค่ายเกม : ZlongGames แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Second Galaxy ถือเป็นหนึ่งเกมฟอร์มยักษ์ที่ดูน่าเล่นที่สุดในสัปดาห์นี้ ตัวเกมเป็นเกมแนว open-world sci-fi RPG ที่เราจะได้เดินทางออกไปสำรวจอวกาศอันไร้สิ้นสุดขอบเขต ภายในเกมมีกาแลคซีกว่า 4,961 แห่งให้ออกไปสำรวจ ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีอุปสรรค และความพิศวงรอให้เราไปพบเจออยู่ ในเกมเราจะได้ควบคุมยานอวกาศของเราเอง เดินทางไปในที่ต่างๆ เพื่อเก็บทรัพยากรณ์ในที่แห่งนั้นๆ แล้วนำมาค้าขายเพื่อสร้างกำไรให้กับตนเอง และแน่นอนว่าเมื่อมีผลประโยชน์ ก็ย่อมก่อเกิดสงคราม และความขัดแย้งตามมา เกร็ดเสริม : ในเกมจะมีโซนกลาง ที่เราสามารถเข้าไปค้าขายกับผู้เล่นคนอื่นๆ ได้อย่างอิสระ ในลักษณะการเล่นแบบ Real-time เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรณ์ หรือไอเทมต่างๆ กันได้ มี 5 ประเทศให้เราได้เลือกเล่น มียานอวกาศอยู่ 5 ระดับ  ประกอบไปด้วยยานรบหน้าตาต่างกันกว่า 150 แบบ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งความสามารถได้อย่างอิสระ https://youtu.be/Qr-8C_hKIDk เกมที่ 2 : This Is the Police 2 ค่ายเกม : HandyGames แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] This Is the Police 2 เป็นเกมใหญ่เกมที่ 2 ในสัปดาห์นี้ ตัวเกมเป็นเกมแนว Simulation จำลองเป็นนายอำเภอที่ต้องควบคุมกองตำรวจ และดูแลความเรียบร้อยของเมือง ภายในเกมเราจะได้รับบทเป็น Lilly Reed นายอำเภอคนใหม่แห่งเมือง Sharpwood เมืองสุดแสนอันตราย และหนาวเหน็บ ที่เรานอกจากจะต้องจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ตัวเรายังต้องทำให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่อยู่ในกรมให้ความเคารพ และเชื่อถือในตัวเรามากยิ่งขึ้น ตัวเกมมี 2 โหมด คือโหมดบริหารจัดการ และโหมดปฎิบัติการ ที่จะเปลี่ยนตัวเกมกลายเป็นแนวเทิร์นเบส ในการทำภารกิจต่างๆ เกร็ดเสริม : ตัวเกมนอกจากจะมีบนแพลตฟอร์มมือถือแล้ว บนแพลตฟอร์ม PC ก็มีให้เราได้เล่นเหมือนกัน ตัวเกมค่อนข้างมีความลึก ลูกน้องที่เราสั่งการได้ ไม่ได้เป็นแค่สิ่งของสำหรับใช้งานเพียงอย่างเดียว เขาเปรียบเสมือนเป็นคนจริงๆ ที่มีทั้งชีวิต และจิตใจ พวกเขามีทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ความกลัว และอคติของตนเอง รวมไปถึงพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทาย ที่เราต้องเข้ามาบริหารจัดการ https://youtu.be/UYN0olP0rwE เกมที่ 3 : Million Lords: Stratégie & Conquête ค่ายเกม : MILLION VICTORIES แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Million Lords: Stratégie & Conquête แม้จะไม่ใช่เกมที่ผมหยิบมาแนะนำเป็นหลักในสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าตัวเกมน่าจะถูกใจคอเกมสายวางแผนอยู่ไม่มากก็น้อย โดย Million Lords เป็นเกมแนว Strategy สไตล์ Multiplayer ที่เราและผู้เล่นคนอื่นๆ จะมีอาณาจักรเป็นของตนเอง ภายใต้แผนที่ผืนเดียวกัน เราจะต้องทำการพัฒนาเมืองของตน พัฒนาฮีโร่ และทหารที่เรามี ฟาร์มทรัพยากรณ์ เพื่อนำเอามาอัปเกรดสิ่งต่างๆ และทำการควบคุมเหล่ากองทหารใต้อาญัติเรา ไปบุกเมืองต่างๆ เพื่อชิงอาณาเขต และทรัพยากรณ์มาไว้เป็นของตนเอง https://youtu.be/_641ThK-BVc เกมที่ 4 : Stomped! ค่ายเกม : Noodlecake Studios Inc แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Stomped! ไม่ใช่เกมใหญ่อะไร แต่เป็นเกมที่ผมโหลดมาลองเล่นในสัปดาห์นี้ !! สิ่งที่ Stomped! นำเสนอคือเกมเพลย์ง่ายๆ กับการเล่นสโนว์บอร์ดสุดเท่ห์ ที่มีกราฟฟิกค่อนข้างเรียบ แต่ดูโดดเด่น และสบายตา โดยตัวเกมจะให้เราควบคุมสโนว์บอร์ดของเราด้วยท่าต่างๆ เพื่อรักษาความเร็ว และทำคะแนนให้ได้มากที่สุด เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีด่านให้เล่นมากถึง 36 ด่าน บนภูเขา 6 ที่ มี 9 ความท้าทายที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง สามารถเลือกตัวละครใช้เล่นได้ 6 แบบ และตัวเกมไม่มีระบบ IAP  https://youtu.be/l9XblIs-aGM เกมที่ 5 : Death Squared ค่ายเกม : SMG Studio แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Death Squared เป็นเกมแนว puzzle ครับ ที่เราจะต้องแก้ปริศนาอย่างไรก็ได้ ให้หุ่น หรือตัวละครของเราไม่ระเบิดก็พอ ปริศนาภายในเกมจะคล้ายๆ กับเกม Portal 2 แต่จะไม่มีการเปิดประตูมิติเหมือนกับในเกม Portal โดยจะมีเพียงเลเซอร์ บล็อคเคลื่อนที่ และหุ่นยนต์ระเบิดเท่านั้น ตัวเกมรองรับการเล่นแบบ Co-op Multiplayer แต่ต้องเล่นบนเครื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีระบบออนไลน์สำหรับเล่นกับผู้เล่นทั่วโลก เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีมากกว่า 80 ด่านให้เล่น มีเนื้อเรื่องให้เสพ และสามารถตกแต่งหุ่นด้วยหมวกต่างๆ ได้ https://youtu.be/97A1ZPSZeM4
16 Sep 2019