GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Cyberpunk2077"
เป็นเรื่อง! กลุ่มแฮ๊คเกอร์พร้อมเปิดประมูลไฟล์ที่แฮ๊คมาจาก CDPR แล้ว!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาเกมชื่อดัง CD Projekt Red ได้ออกมาเปิดเผยข่าวร้ายว่าพวกเขาได้ตกเป็นเหยื่อของการขโมยข้อมูลโดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์นิรนามที่ขู่ว่าจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ขโมยมา ซึ่งรวมถึงเอกสาร Source Code ของเกมอย่าง Cyberpunk 2077, The Witcher 3, และ Gwent ออกเผยแพร่และ/หรือวางขายในอินเตอร์เน็ตหากค่ายไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง CD Projekt Reds ransomed data has been leaked online. pic.twitter.com/T4Zzqfn78F — vx-underground (@vxunderground) February 10, 2021 ดูเหมือนว่ากลุ่มแฮ๊คเกอร์จะเอาจริงซะแล้ว เมื่อล่าสุดมีผู้ที่อ้างตัวเป็นสมาชิกของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้โพสต์ประมูลไฟล์เกมและเอกสารต่างๆ ที่พวกเขาขโมยมาบนเว็บบอร์ด Exploit ของประเทศรัซเซีย โดยมีราคาเริ่มต้นสูงถึง $1 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (ราวๆ 30 ล้านบาทไทย) อย่างที่รายงานไปก่อนหน้านี้ นอกจากไฟล์ Source Code ของเกมแล้ว ยังมีเอกสารการสื่อสารภายในบริษัทของ CDPR จำนวนมากที่ถูกขโมยไปด้วย โดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์ขู่ว่าเอกสารเหล่านี้อาจจะส่งผลลบร้ายแรงต่อชื่อเสียงของ CDPR ได้หากถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งนี้ ทางฝั่ง CDPR ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่คิดจะเจรจาต่อรองใดๆ กับอาชญากร และขอให้วางใจว่าไม่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นหลุดไปอยู่ในมือของกลุ่มแฮ๊คเกอร์อย่างแน่นอน โดยพวกเขากำลังร่วมมือกับหน่วยงานทางกฏหมายเพื่อตามตัวกลุ่มอาชญากรมาลงโทษให้จงได้ นับเป็นอีกหนึ่งบทในมหากาพย์ความโชคร้ายที่ CDPR ต้องเผชิญในขณะนี้ หวังว่าทางค่ายจะไม่ได้รับความเสียหายมากจนเกินไปจากเหตุการณ์นี้ และจะสามารถจับตัวคิดผิดได้โดยเร็ว Credit: Kotaku  
11 Feb 2021
เป็นเรื่อง! กลุ่มแฮ๊คเกอร์พร้อมเปิดประมูลไฟล์ที่แฮ๊คมาจาก CDPR แล้ว!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาเกมชื่อดัง CD Projekt Red ได้ออกมาเปิดเผยข่าวร้ายว่าพวกเขาได้ตกเป็นเหยื่อของการขโมยข้อมูลโดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์นิรนามที่ขู่ว่าจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ขโมยมา ซึ่งรวมถึงเอกสาร Source Code ของเกมอย่าง Cyberpunk 2077, The Witcher 3, และ Gwent ออกเผยแพร่และ/หรือวางขายในอินเตอร์เน็ตหากค่ายไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง CD Projekt Reds ransomed data has been leaked online. pic.twitter.com/T4Zzqfn78F — vx-underground (@vxunderground) February 10, 2021 ดูเหมือนว่ากลุ่มแฮ๊คเกอร์จะเอาจริงซะแล้ว เมื่อล่าสุดมีผู้ที่อ้างตัวเป็นสมาชิกของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้โพสต์ประมูลไฟล์เกมและเอกสารต่างๆ ที่พวกเขาขโมยมาบนเว็บบอร์ด Exploit ของประเทศรัซเซีย โดยมีราคาเริ่มต้นสูงถึง $1 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (ราวๆ 30 ล้านบาทไทย) อย่างที่รายงานไปก่อนหน้านี้ นอกจากไฟล์ Source Code ของเกมแล้ว ยังมีเอกสารการสื่อสารภายในบริษัทของ CDPR จำนวนมากที่ถูกขโมยไปด้วย โดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์ขู่ว่าเอกสารเหล่านี้อาจจะส่งผลลบร้ายแรงต่อชื่อเสียงของ CDPR ได้หากถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งนี้ ทางฝั่ง CDPR ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่คิดจะเจรจาต่อรองใดๆ กับอาชญากร และขอให้วางใจว่าไม่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นหลุดไปอยู่ในมือของกลุ่มแฮ๊คเกอร์อย่างแน่นอน โดยพวกเขากำลังร่วมมือกับหน่วยงานทางกฏหมายเพื่อตามตัวกลุ่มอาชญากรมาลงโทษให้จงได้ นับเป็นอีกหนึ่งบทในมหากาพย์ความโชคร้ายที่ CDPR ต้องเผชิญในขณะนี้ หวังว่าทางค่ายจะไม่ได้รับความเสียหายมากจนเกินไปจากเหตุการณ์นี้ และจะสามารถจับตัวคิดผิดได้โดยเร็ว Credit: Kotaku  
11 Feb 2021
ด่วน! CDPR ถูกแฮ๊คเกอร์เข้าขโมยข้อมูล พร้อมขู่จะนำข้อมูลทั้งหมดออกเผยแพร่ใน 48 ชั่วโมง
ยังคงประสบเคราะห์ร้ายต่อเนื่องกับผู้พัฒนา CD Projekt Red ที่นอกจากจะต้องรับมือกับเสียงก่นด่าของผู้เล่น รวมไปถึงคดีความมากมายที่เกิดจากเกม Cyberpunk 2077 ในขณะนี้ ล่าสุดค่ายยังต้องเผชิญวิกฤติใหม่อีกแล้ว เมื่อมีแฮ๊คเกอร์ไม่ทราบชื่อออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาได้เข้าไปขโมยข้อมูลสำคัญในเซิฟเวอร์ของค่ายออกมาเป็นจำนวนมาก แถมยังขู่จะปล่อยข้อมูลทั้งหมดบนอินเตอร์เน็ตหากไม่ได้รับความร่วมมือ! Important Update pic.twitter.com/PCEuhAJosR — CD PROJEKT RED (@CDPROJEKTRED) February 9, 2021 อย่างที่เห็นในประกาศที่ทาง CDPR เผยแพร่ออกมาเองทางทวิตเตอร์ กลุ่มแฮ๊คเกอร์ดังกล่าวอ้างว่าพวกเขาสามารถขโมย Source Code (เอกสารที่บันทึกโค้ดทั้งหมดของซอฟต์แวร์ชิ้นหนึ่ง) ของเกมต่างๆ ตั้งแต่ Cyberpunk 2077, The Witcher 3 (มีเวอร์ชั่นที่ยังไม่วางจำหน่ายด้วย), และ Gwent มาได้ แถมยังมีเอกสารภายในบริษัทตั้งแต่ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายบริหาร, ฝ่ายกฏหมาย, HR, และอื่นๆ อีกมากมาย กลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้ทิ้งคำขู่เอาไว้ตอนท้ายว่าหาก CDPR ไม่ยอมทำตามความต้องการของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง ข้อมูล Source Code ทั้งหมดของบริษัทจะถูกขายหรือเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต แถมพวกเขายังจะส่งเอกสารภายในบริษัทไปให้สื่อมวลชนทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ "ภาพลักษณ์ของบริษัทพวกคุณห่วยลงกว่าเดิม เพราะทุกคนจะได้รับรู้ถึงความเฮงซวยในการบริหารงานของพวกคุณ นักลงทุนจะสูญเสียความมั่นใจในตัวพวกคุณ และราคาหุ้นของพวกคุณก็จะตกต่ำลงไปอีกในที่สุด" ในฝั่งของ CDPR ได้ออกมายืนยันว่าพวกเขาได้ทำการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว และจะไม่ต่อรองหรือทำตามข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ พร้อมกับเปิดเผยว่ายังไม่พบข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นเกมหลุดไปถึงมือแฮ๊คเกอร์ โดยพวกเขาดูจะทำใจไว้แล้วว่าข้อมูลที่ว่าไปนี้อาจจะหลุดออกไปสู่สาธารณะจริงๆ และจะพยายามทำทุกวิถีทางให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทน้อยที่สุด ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในขณะนี้พวกเขาได้เข้าติดต่อกับหน่วยงานด้านกฏหมายแล้ว และจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมายอย่างเร็วที่สุด ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับค่าย CD Projekt Red คงต้องยอมรับว่าการถูกแฮ๊คครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดกับใครทั้งนั้น และหวังว่าค่ายจะสามารถจับผู้กระทำผิดได้ก่อนที่พวกเขาจะสร้างความเสียหายมากไปกว่านี้ Credit: Twitter
09 Feb 2021
Cyberpunk 2077: CDPR ประกาศกร้าวอีกครั้งหลังโดนฟ้องคดีที่สอง ขอปกป้องตัวเองถึงที่สุด
ยังไม่ถึง 1 เดือนหลังจากที่โดนกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่งฟ้องร้องไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าผู้พัฒนา CD Projekt Red จะต้องรับศึกสองด้านเข้าแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งได้ยื่นฟ้องบริษัทต่อศาลในประเทศอเมรีกาแล้ว จากรายละเอียดที่เปิดเผยในคำประกาศทางเว็บไซต์ของบริษัท CD Projekt S.A. (บริษัทแม่ของผู้พัฒนา CD Projekt Red อีกที) ดูเหมือนว่ารายละเอียดต่างๆ ของการฟ้องร้องครั้งที่ 2 นี้จะไม่ต่างกับของครั้งแรกที่เล็งเอาผิดบริษัทสำหรับการ "ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อนักลงทุน" เกี่ยวกับเกม และการ "ปกปิดสภาพการทำงานอันบกพร่่องของเกมบนเครื่องคอนโซล PS4 และ Xbox One" ด้วย และเช่นเดียวกับการประกาศการฟ้องร้อยครั้งก่อนหน้า บริษัท CDPR ก็ยังย้ำคำเดิมว่าจะ "ปกป้องตนเองอย่างถึงที่สุด" ต่อการฟ้องร้องครั้งนี้ โดยไม่ได้เปิดเผยถึงตัวเลขค่าเสียหายที่ทางฝั่งผู้ฟ้องเรียกร้องมา นับเป็นอีกบทในมหากาพย์ความวุ่นวายของเกม Cyberpunk 2077 เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทั้งฝั่งผู้บริหารและเหล่าผู้พัฒนาได้ออกมาให้ข้อมูลขัดแย้งกันเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาเกม จนทำให้มีกระแสข่าวว่าค่ายอาจจะถูกเข้ายึดกิจการได้ในอนาคตอันใกล้ Credit: PCGamer
19 Jan 2021
Cyberpunk 2077: รายงานใหม่เผย ผู้พัฒนา CDPR รู้อยู่เต็มอกถึงปัญหาของเกมก่อนวางจำหน่าย
ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องกับมหากาพย์อันน่าเศร้าของเกม Cyberpunk 2077 เมื่อล่าสุดมีรายงานจากผู้สื่อข่าววงในชื่อดัง Jason Schreier ที่เปิดเผยว่ากลุ่มผู้พัฒนาของค่าย CD Projekt Red หลายคนที่ทราบดีอยู่แล้วถึงปัญหาทั้งหมดภายในเกม ขัดแย้งกับคำขอโทษของผู้บริหารคุณ Marcin Iwinski ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง คุณ Jason เปิดเผยว่าเขาได้ทำการสัมภาษณ์ผู้พัฒนา CDPR ถึง 20 คน (ทั้งที่ยังอยู่ในบริษัทและลาออกมาแล้ว) โดยพวกเขาทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าปัญหาต่างๆ ของเกมเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่รับรู้อยู่แล้ว และคำพูดของคุณ Marcin ที่กล่าวว่า "ไม่พบปัญหาหลายๆ อย่างที่ผู้เล่นพบ" ระหว่างการทดสอบเกมไม่เป็นความจริงเลย ในทางกลับกัน ผู้พัฒนาหลายคนรู้มาตั้งแต่ปี 2019 แล้วด้วยซ้ำว่าเกมไม่มีทางพัฒนาได้เสร็จก่อนปี 2022 เป็นอย่างต่ำแน่นอน ซึ่งปัจจัยหลักๆ มาจากการที่ผู้พัฒนาจำเป็นต้องสร้าง Engine ของเกมไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเกมด้วย ทำให้กระบวนการพัฒนาเกมมีสภาพเหมือนการ "ขับรถไฟไปพร้อมกับการปูราง" ยิ่งไปกว่านั้น ผู้พัฒนายังเปิดเผยว่าผู้กำกับเกมคุณ Adam Badowski ยังเรียกร้องให้ทำการยกเครื่องระบบเกมใหม่หลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ผู้พัฒนารุ่นเก๋าๆ ที่สร้างเกม The Witcher 3 จำนวนมากทนไม่ไหวจนลาออกกันหมด โดยแม้ว่าค่าย CDPR จะพยายามรับสมัครผู้พัฒนาเข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมากถึง 500 คน แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด อันเป็นเหตุมาจากความไร้ประสบการณ์ของผู้บริหารในการจัดการทีมพัฒนาขนาดใหญ่เช่นนี้ นำไปสู่ปัญหาในด้านการสื่อสารมากมายระหว่างทีมงาน นอกจากนี้ ยังมีผู้พัฒนาหลายคนที่รายงานว่าพวกเขาถูกกดดัน (กึ่งบังคับ) ให้ต้องทำงานล่วงเวลาติดต่อกันเป็นเวลานานมากๆ ซึ่งก็ขัดแย้งกับคำกล่าวของคุณ Marcin อีกเช่นกัน โดยผู้พัฒนาคนหนึ่งกล่าวว่าเขาเคยต้องทำงาน "เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 13 ชั่วโมง" ตลอดสัปดาห์ โดยเขาเปิดเผยว่าทีมบริหารมีความต้องการที่จะดันเกมออกมาก่อนที่คอนโซลรุ่นใหม่ของทั้ง Microsoft และ Sony จะวางจำหน่ายเพื่อที่จะสามารถขายเกมได้สองต่อทั้งในคอนโซลเจนเก่าและใหม่อีกด้วย ภายในรายงานยังเปิดเผยความเป็นจริงอันน่าเหนื่อยใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเดโมเกม 50 นาทีที่เปิดเผยในงาน E3 2018 ที่ผู้พัฒนาบอกว่าเป็น "ของปลอมทั้งหมด" อีกด้วย แม้ว่าทางผู้บริหารจะออกมารับปากว่าจะแก้ไขบั๊คทั้งหมดในเกมให้ได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ แต่ทีมพัฒนาก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าเกมจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของค่ายได้จริงแค่ไหน หรือกระทั่งว่า Sony จะยอมให้เกมวางจำหน่ายบนร้านค้า PS Store อีกหรือไม่ Credit: PCGamer
16 Jan 2021
Cyberpunk 2077: Mod ใหม่เอาใจสายขี้เหงา ทำให้ V มีเพื่อน NPC ติดตามตลอดเวลา
ในเกม Cyberpunk 2077 แม้ว่าจะมี NPC บางตัวมาร่วมทำภารกิจด้วยแบบประปราย แต่ตัวเอก V ของเราก็มักจะต้องฉายเดี่ยวซะส่วนใหญ่ อาจทำให้เกมเมอร์สายขี้เหงาหลายคนรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจขึ้นมาได้ไม่น้อย แต่ความเหงาของคุณจะหมดไปเมื่อใช้ Mod เกมตัวใหม่ที่พัฒนาโดยคุณ SiJiaoCunDeDaZhuangJi จากเว็บ NexusMod เพราะจะทำให้เหล่า NPC เพื่อนร่วมทางทั้งหมด (River, Saul, Judy, Takemura) ร่วมเดินทางและทำภารกิจไปกับคุณพร้อมๆ กันตลอดเวลา! สำหรับ Mod ตัวนี้จะมาในรูปแบบของไฟล์เซฟเกม ซึ่งจะทำให้ Cyberpunk 2077 รู้สึกเหมือนเกม Mass Effect ที่มีเพื่อนๆ เดินตามหลังคุณตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Mod ตัวนี้ก็ยังมีข้อจำกัดแปลกๆ อยู่หลายข้อ เช่นในกรณีที่ทำการ Fast Travel จะมีเพียง Saul เท่านั้นที่จะวาร์ปตามผู้เล่นไป ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ จะยืนรอผู้เล่นอยู่เฉยๆ ตรงจุดที่กด Fast Travel (สามารถเดินทางกลับไปรับมาร่วมทีมอีกครั้งได้) นอกจากนี้ หากผู้เล่นทำภารกิจเนื้อเรื่องประจำตัวละครนั้นๆ จบ (ทั้งภารกิจหลักและภารกิจเสริม) จะทำให้ตัวละครตัวหยุดติดตามผู้เล่นไปเลย โดยภารกิจของตัวละครแต่ละตัวประกอบไปด้วย: Judy: ภารกิจเสริม Ex-factor River: ภารกิจเสริม I Fought the Law Takemura: ภารกิจเนื้อเรื่อง Room 303 Saul: ภารกิจเสริม Riders on the Storm ที่สำคัญที่สุด ผู้เล่นจะไม่สามารถสร้างตัวละครใหม่จองตัวเองได้ และ Mod จะบังคับให้ต้องเล่นเป็นตัวละคร V ชายเลเวล 50 ที่ปลดล๊อค Perk ทั้งหมดมาแล้วเท่านั้น นับว่าเป็น Mod ที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งที่น่าจะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกม Cyberpunk 2077 ของผู้เล่นหลายๆ คนมีความหลากหลายมากขึ้น ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีเกมเมอร์มือดีทำ Mod แปลกๆ อะไรออกมาให้เราได้ลองเล่นกันอีกในอนาคต Credit: Polygon
15 Jan 2021
Cyberpunk 2077: CDPR งานเข้าจนได้ โดนฟ้องร้องแบบกลุ่มไปเรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าวิบากกรรมของค่าย CD PROJEKT RED และเกม Cyberpunk 2077 ของพวกเขาจะเพิ่งเริ่มต้น เมื่อล่าสุดค่ายได้ถูกนักลงทุนบางคนฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มซะแล้วในศาลของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมรีกา สำหรับการฟ้องร้องครั้งนี้จะดำเนินการโดยบริษัททนาย Rosen Law Firm ซึ่งจะดำเนินคดีกับผู้พัฒนา CDPR เพื่อเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับนักลงทุนทุกคนที่ซื้อหุ้นของบริษัทระหว่างวันที่ 16 มกราคมถึง 17 ธันวาคม 2020 จากการที่คณะผู้บริหารของค่ายให้ข้อมูลเป็นเท็จต่อนักลงทุน โดยเฉพาะบนเครื่องคอนโซลเจนเก่าที่เกม "แทบจะเล่นไม่ได้เลย" ทั้งที่ผู้บริหารเคยออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่าเกมพัฒนาเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม แถมผู้บริหารอย่างคุณ Adam Kiciński ยังเคยพูดซ้ำอีกว่าเกมสามารถเล่นบนเครื่องคอนโซลเจนเก่าได้ "ดีกว่าที่คิด" ทางกลุ่มทนายความที่เป็นผู้ฟ้องร้องกล่าวเสริมอีกว่าจากการหลอกลวงของผู้บริหาร ทำให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัทในช่วงเวลาดังกล่าวต้องสูญเสียทรัพย์จากการที่ราคาหุ้นของบริษัทถูกปั่นจนสูงเกินความเป็นจริง ก่อนที่มูลค่าหุ้นจะตกลงอย่างน่าใจหายถึง 40% เพียงไม่กี่วันหลังเกมวางจำหน่าย ในขณะนี้ คดีดังกล่าวยังไม่ได้ถูกส่งไปสู่ศาลของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการล่ารายชื่อผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก โดยกลุ่มทนายกล่าวด้วยว่าอาจจะรอส่งเรื่องฟ้องร้องพร้อมๆ กับสำนักงานกฏหมายอื่นๆ ที่กำลังเล็งฟ้อง CDPR อยู่เหมือนกัน เช่นกลุ่มนักลงทุนในประเทศโปแลนด์ที่กำลังรวมตัวกัน รวมไปถึงคดีฉ้อโกงที่กำลังดำเนินการโดยสำนักกฏหมาย Wolf Haldenstein Adler Freeman & Herz อีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวต่างๆ ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับผู้พัฒนา CDPR ตั้งแต่ราคาหุ้นที่หล่นลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงความเชื่อใจของผู้เล่นหลายๆ คนที่อาจจะกู้กลับมาได้ลำบาก คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเหตุการณ์ทั้งหมด รวมไปถึงอนาคตของ CDPR จะดำเนินต่อไปอย่างไร Credit: Polygon
25 Dec 2020
Cyberpunk 2077: CDPR ปล่อยแพทช์ 1.06 แก้ไขปัญหาไฟล์เซฟเกมแล้ว
หลังจากที่เพิ่งปล่อยอัพเดท 1.05 สำหรับเกม Cyberpunk 2077 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ก็ได้ปล่อยแพทช์แก้ไขเกม 1.06 ตามออกมาแล้วทั้งสำหรับคอนโซลและ PC แล้ว Hotfix 1.06 is available on PC and consoles! Here is the full list of changes: https://t.co/z7vI1cCQri pic.twitter.com/TYFqC7Kv4d — Cyberpunk 2077 (@CyberpunkGame) December 23, 2020 แม้ว่าสำหรับผู้เล่นคอนโซลจะไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากไปกว่าการปรับปรุงความเสถียรของเกม แต่สำหรับผู้เล่นฝั่ง PC ถือเป็นแพทช์สำคัญเลยทีเดียว เพราะจะแก้ไขปัญหาเซฟเกมเสียหายจากการที่ไฟล์เซฟใหญ่กว่า 8MB แม้ผู้พัฒนาจะกล่าวว่าสำหรับไฟล์เซฟที่พังไปแล้วคงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่ก็ถือเป็นข่าวดีมากๆ สำหรับผู้เล่น PC ที่อาจจะหยุดเล่นไปเพราะไฟล์เกือบถึง 8MB แล้ว หรือผู้ที่อาจยังไม่กล้าซื้อเกมจากปัญหาดังกล่าว
24 Dec 2020
Final Review: Cyberpunk 2077
หลังจากที่ปล่อยให้ผู้เล่นเฝ้ารอกันมาเกือบสิบปี นับตั้งแต่ที่เกมประกาศเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2012 บวกกับความคาดหวังในฝีมือและคำสัญญามากมายของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับความลึกล้ำของเกมที่พวกเขาต้องการจะสร้าง คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกม Cyberpunk 2077 จะต้องแบกรับความคาดหวังมโหฬารจากเกมเมอร์ทั่วโลกในฐานะเกม RPG โลกเปิดที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน หลังจากที่เล่นเกมมาเป็นเวลาเกือบ 40 ชั่วโมงจนจบเนื้อเรื่อง ถ้าถามว่าเกม Cyberpunk 2077 นับเป็นเกมที่จะพลิกความคาดหวังของผู้เล่นอย่างที่หลายคนอยากเห็นหรือไม่ คำตอบที่มอบได้คงเป็น “ไม่” ด้วยระบบเกมเพลย์ที่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ใหม่หรือน่าตื่นตาไปกว่าที่เคยเห็นมาในเกมอื่นนัก ถ้ามองโครงสร้างของเกมในภาพใหญ่ Cyberpunk 2077 ก็คงไม่ได้ต่างจากเกม RPG โลกเปิดอย่าง Fallout หรือ Mass Effect มากขนาดนั้น ด้วยความเป็นเกม RPG ที่ให้ความสำคัญกับระบบบทสนทนา แต่ในขณะเดียวกับ เกม Cyberpunk 2077 ก็เปรียบเสมือนจุดสูงสุดของการออกแบบเกม Open World ทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยโลกที่ละเอียดและน่าค้นหาที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์เราด้วยเรื่องราวอันหลากหลายทั้งอารมณ์และรสชาติเกี่ยวกับชีวิตในมหานคร Night City เมืองแห่งอนาคตและอิสระที่สวยงามและโสมมในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีระบบเกมเพลย์ที่สนับสนุนให้ผู้เล่นแต่ละคนได้มีโอกาสแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และให้รางวัลกับคนที่ยินดีจะเรียนรู้ระบบ RPG อันซับซ้อนนี้จริงๆ      แม้จะไม่ใช่เกมที่จะกลายเป็นตำนานชั่วข้ามคืน แต่ Cyberpunk 2077 ก็เป็นผลลัพธ์ของการขัดเกลาระบบเกมเพลย์หลายๆ อย่างที่เห็นในวงการเกมในยุคที่ผ่านมาจนเปล่งประกาย และถือเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีและลึกเป็นอันดับต้นๆ ในรอบหลายปีมานี้อย่างแน่นอน *อ่านรีวิวช่วงต้นเกม (คลิ๊ก) และรีวิวอัปเดท 1 (คลิ๊ก) เพื่ออ่านความเห็นและรับชมภาพบทบรรยายไทย ตำนานที่มีชีวิต สำหรับคนที่อาจไม่ทราบ เกม Cyberpunk 2077 จะติดตามตัวละครเอกที่ชื่อ ‘V’ ทหารรับจ้างหน้าใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำนานในมหานคร Night City บ้านเกิดของเขา แต่หลังจากที่ภารกิจหนึ่งของเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาอย่างร้ายแรง ทำให้ V ถูกปลูกถ่ายจิดสำนึกของนักร๊อคและ “ผู้ก่อการร้าย” ในตำนานอย่าง Johnny Silverhand เอาไว้ในหัว และทำให้จิตสำนึกแปลกปลอมนั้นค่อยๆ กัดกินสมองของเขาไปเรื่อยๆ โดย V จะต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาวิธีรักษาชีวิตตัวเอง พร้อมกับไขปริศนาเบื้องหลังภารกิจอันผิดพลาดนั้น อย่างที่น่าจะพอทราบกันดีจากรายงานของสื่อต่างชาติที่มีเวลารีวิวเกมมากกว่าผู้เขียน เนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 จะค่อนข้างสั้น และสามารถเล่นให้จบได้ในระยะเวลาไม่เกิน 20-25 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งจากที่เล่นมาก็ดูจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพอผู้เขียนตัดสินใจนั่งเล่นเนื้อเรื่องอย่างเดียวเพื่อให้จบเกมเร็วที่สุด ก็พบว่าที่รู้สึกเหมือนอยู่กลางๆ เรื่องมันใกล้จะจบแล้ว และเล่นต่อไปอีกไม่เยอะก็พบฉากจบแล้ว โดยถ้าให้วิจารณ์ในแง่ของภารกิจเนื้อเรื่องเพียวๆ ก็คงต้องบอกว่าเนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 เขียนบทมาได้อย่างเข้มข้นและน่าติดตาม พร้อมกับมีตัวละครที่ล้วนมีแง่มุมที่น่าสนใจของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นหรือแตกต่างจากเกม RPG ที่มีตอนจบหลายแบบที่เคยเล่นมา แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือการที่เนื้อเรื่องของเกมสามารถเปลี่ยนแปลงและขยายขอบเขตของตัวเองไปได้ตามเนื้อหาเสริมที่เราเล่น ถ้าให้อธิบายโดยไม่สปอย ผู้เขียนได้มีโอกาสเล่นภารกิจเสริมอันหนึ่งจาก NPC ในเนื้อเรื่อง โดยภายในภารกิจผู้เขียนในฐานะ V ก็ได้มีโอกาสคุยเปิดใจกับตัวละครตัวนั้นอย่างลึกซึ้งถึงความเชื่อและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ จนเหมือนจะช่วยคลายปมในใจบางอย่างให้กับ NPC ตัวนั้นได้ เป็นบทสนทนาที่น่าสนใจแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะสำคัญอะไรต่อเนื้อเรื่องขนาดนั้น แต่เมื่อไปถึงช่วงใกล้ๆ จบเนื้อเรื่อง ผู้เขียนก็ได้พบกับทางเลือกหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าต่อยอดมาจากทางเลือกที่ว่านี้ โดยตัวละครดังกล่าวเป็นคนพูดออกมาเองว่าถ้าไม่ได้มีบทสนทนานั้น ก็คงไม่ได้นำมาสู่เรื่องราวเช่นนี้ หมายความว่าถ้าไม่ได้เล่นภารกิจเสริมที่ว่านั้น ตอนจบของผู้เขียนก็อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่ายังมีอีกกี่ภารกิจเสริมที่จะส่งผลต่อตอนจบได้แบบนี้อีก แต่ก็หมายความว่ายิ่งเราทำภารกิจเสริมมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะภารกิจเสริมที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้มีโอกาสได้พบกับตอนจบหลากหลายขึ้นเท่านั้น มาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วมันต่างกับที่พบในเกมอย่าง Fallout 4 อย่างไร? ก็ต้องบอกว่าแม้ในภาพใหญ่อาจไม่ต่างมาก แต่วิธีที่ Cyberpunk 2077 ผูกโยงเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกันต่างหากที่ทำให้เกมรู้สึกน่าทึ่ง เหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องอย่างเป็นนัยยะสำคัญไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุการณ์ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่บางครั้งแค่บทสนทนาธรรมดาๆ เกี่ยวกับชีวิตก็อาจย้อนกลับมามีความสำคัญในแบบที่ไม่ได้จินตนาการเอาไว้ในตอนแรก ทำให้ Cyberpunk 2077 รู้สึกมีความเป็น “มนุษย์” หรืออาจะเรียกว่าความ “เป็นธรรมชาติ” (ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคงใช้คำว่า ‘organic’) ในแบบที่เกมปลายเปิดลักษณะเดียวกันเทียบไม่ติดเลย เมื่อมนุษย์คืออาวุธที่น่ากลัวที่สุด แม้ว่าการต่อสู้ของ Cyberpunk 2077 จะค่อนข้างจำกัดในชั่วโมงแรกๆ ของเกม (เอาจริงๆ ก็เป็นสิบชั่วโมงอยู่เหมือนกัน) ที่ผู้เล่นยังเข้าไม่ถึงอาวุธและ Cyberware ที่น่าสนใจ และรู้สึกไม่ค่อยต่างจากเกมแอคชั่น FPS ทั่วไปเท่าไหร่ แต่เกมก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่เล่นเช่นกัน ยิ่งผู้เล่นสามารถปลดล๊อค Perk และ Cyberware ได้เยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเปิดทางเลือกให้กับผู้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ความน่าสนใจอีกอย่างของเกมอยู่ที่ระบบการพัฒนาตัวละคร ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวละครได้ตามใจอยากแค่จากการเล่นเกมตามที่อยากเล่น เพราะนอกจากระบบ Perk และ Attribute ที่จะพัฒนาขึ้นตามการอัปเลเวลแล้ว ยังมีระบบความชำนาญที่จะมอบโบนัสต่างๆ ให้ผู้เล่นตามการกระทำของเราอีกด้วย อย่างผู้เขียนค่อนข้างจะเน้นการอัปเกรด Attribute Reflex (การตอบสนอง) ที่ทำให้ผู้เขียนได้รับโบนัสจากการใช้อาวุธดาบ แต่เมื่อเล่นเกมไปเรื่อยๆ ก็พบว่าต้องใช้การแฮ๊คเยอะ ทำให้ผู้เขียนได้รับความชำนาญในด้านนั้นเพิ่มขึ้นตลอดที่เล่น และทำให้ได้รับโบนัสสำหรับทักษะการแฮ๊คไปด้วย แน่นอนว่าสุดท้ายทุกอย่างก็ยังขึ้นกับค่า Attribute ที่จะกำหนดว่าเราจะอัปเกรด Perk อะไรได้บ้าง จากการทดลองเล่นในระดับความยากปานกลาง พบว่าระดับความท้าทายของเกมโดยรวมจะค่อนไปทางง่ายซะมากกว่าโดยเฉพาะเมื่อเราอัปเกรดตัวละครไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของผู้เขียน ได้เลือกที่จะเน้นไปที่ความสามารถด้านการใช้ดาบควบคู่กับ Perk สายร่างกายที่ทำให้ถึกทนและฟื้นฟูพลังชีวิตเร็วขึ้น ซึ่งพออัปเกรดทั้งของสวมใส่และ Perk ถึงจุดหนึ่งก็พบว่าแทบจะสามารถวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปฟันหัวศัตรูทีละตัวโดยแทบไม่ต้องกลัวตายเลย แม้จะยอมรับว่าสะใจยิ่งนัก แต่ก็ทำให้เกมช่วงท้ายๆ รู้สึกง่ายไปเลยเช่นกัน จุดอ่อนอย่างหนึ่งของเกมมาจากการที่อาวุธและ Cyberware ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์มากๆ มักจะถูกกันออกไปไว้ช่วงท้ายหมดเลย ไม่ว่าจะเพราะต้องการระดับ Street Cred สูง หรือไม่ก็ต้องใช้ Attribute สูงระดับหนึ่ง ส่งผลให้เกมเพลย์ช่วงต้นๆ รู้สึกธรรมดาๆ ไปซะหน่อย และกว่าจะเริ่มรู้สึกว่ามันเปิดกว้างให้เรามากขึ้นก็ปาไป 20 ชั่วโมงแล้วสำหรับผู้เขียน ซึ่งถ้าใครไม่ทำภารกิจเสริมเลย หรือทำน้อย เผลอๆ จะเล่นเนื้อเรื่องจบก่อนจะได้ลองใช้ Cyberware เท่ๆ เลยด้วยซ้ำ มหานครแห่งแสง สี และ RTX อีกหนึ่งแรงขับสำคัญเบื้องหลังความน่าทึ่งของเกมคงหนีไม่พ้นกราฟิกและการนำเสนอ ที่ทำให้เมือง Night City รู้สึกเป็น “โลกที่มีชีวิต” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมไหนๆ ซึ่งในจุดนี้ต้องกล่าวชมทีมออกแบบของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED มากๆ ที่สามารถทำให้โลกของเกม Open World นี้รู้สึกละเอียดไม่ต่างจากเกมแนวเส้นตรงหลายเกมที่ผ่านมา จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนทุกกระเบียดนิ้วของเมือง Night City ถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ ทำให้เมืองรู้สึกมีเรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ในแบบที่คล้ายกับสถานที่จริงอย่างไรอย่างนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากๆ คือการที่แต่ละเขตจะมีบุคลิกที่ชัดเจนมากๆ ของตัวเอง ที่สะท้อนออกมาทั้งทางการออกแบบถนนหนทางและอาคาร ไปจนถึงการแต่งตัวของประชากรและอาชญากรในเขตนั้นๆ เปรียบเสมือนกับว่าแต่ละเขตเป็น “เมือง” ย่อมๆ ในเกม RPG แฟนตาซีที่มักจะมีธีมและเนื้อเรื่องของตัวเอง โดยแต่ละเขตในเมือง Night City ที่เราเยี่ยมเยียมจะมี NPC ที่เรียกว่า Fixer คอยมอบงานให้เรา ซึ่งงานเหล่านี้ก็มักจะแสดงออกถึงวิถีชีวิตของแต่ละเขตอีกด้วย ทำให้รู้สึกราวกับว่าเกมมีเรื่องราวใหม่ๆ มานำเสนอให้เราตลอดเวลา แม้กระทั่งเมื่อจบเนื้อเรื่องไปแล้วกลับมาเล่นก็ตาม  สำหรับการรีวิว ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มีการ์ดจอ RTX 2060 และ 16GB RAM โดยเล่นเกมส่วนใหญ่ที่การตั้งค่ากราฟิก Preset Ray Tracing - Medium ซึ่งพบว่าเกมสามารถแสดงผลได้ที่ประมาณ 40-45 FPS (ตกไปถึง 35 เวลาบู๊ๆ) และสามารถดันได้ถึง RTX Ultra แลกกับเฟรมเรต 30 FPS ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ประมาณหนึ่ง คนที่กลัวว่าคอมพิวเตอร์ของตัวเองจะเล่นเกมไม่ไหวไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วง ตราบใดที่มีคอม Spec ขั้นต่ำคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหากับการเล่นเกม (ตั้งค่าได้เท่าไหร่อีกเรื่องหนึ่ง) อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือเกมเวอร์ชั่นทีเล่นเพื่อรีวิวนี้ยังไม่ได้อัปเดทแพทช์ Day One ที่ว่ากันว่าจะปรับปรุงการทำงานของเกม แถมยังไม่ได้อัปเดท Driver ของการ์ดจอ และมีซอฟต์แวร์ Denuvo Anti-Tampering มาฉุดเฟรมเรตของเกมลงอีก โดยเชื่อได้ว่าเกมเวอร์ชั่นที่ผู้เล่นทุกคนได้รับการน่าจะมีปัญหาน้อยกว่าเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนเจอ  สรุป แม้จะไม่ใช่เกมที่เปรียบเสมือนตัวแทนแห่ง Next-Gen ที่หลายคนหวังจะเห็น แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตำหนิเลยสำหรับ Cyberpunk 2077 เกมที่เปรียบเสมือนร่างสุดยอดของแนวคิดการออกแบบเกม Open World โดยรวมตลอดทศวรรตที่ผ่านมา ที่ทั้งสนุกและน่าหลงใหลได้ไม่รู้จบ ราวกับการนั่งดูซีรี่ส์ไซไฟดราม่าเข้มข้นหลายซีซั่นในเกมเดียว ที่สำคัญคือเกมเป็นเกมที่ยิ่งให้เวลาสำรวจโลกของเกมได้เท่าไหร่ ก็จะยิ่งเปิดกว้างและหลากหลายขึ้นเท่านั้น หากคุณเคยเล่นเกม Open World อะไรก็แล้วแต่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาแล้วชอบ เชื่อได้เลยว่า Cyberpunk 2077 จะมีอะไรให้คุณแน่นอน
09 Dec 2020
Review-In-Progress: Cyberpunk 2077 อัปเดท 1 (8/12/20) [NO SPOILER]
เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ทำให้ไม่สามารถเพิ่มส่วนอัปเดทลงไปในบทความเดิมได้ ใครที่สนใจอยากอ่านความเห็นจากช่วงต้นเกม สามารถอ่านได้ ที่นี่ Update 1: 8/12/20 ยุคนี้ใครเค้าเล็งปืนกัน! จากที่คราวที่แล้วผู้เขียนไม่ค่อยประทับใจกับการต่อสู้ จากการที่เกมช่วงที่เล่นยังมักจะมีแต่ปืนและอาวุธแบบมนุษย์ธรรมดาๆ แม้ว่าศัตรูจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปนักในเวลาเกือบสิบชั่วโมงที่ผู้เขียนเล่นเพิ่มเติม แต่ปืนที่ได้รับมาเริ่มจะพิศดารมากขึ้นแล้ว เช่นปืน Smart Gun ที่เราเห็นในตัวอย่างเกมที่ผ่านมาที่จะปล่อยกระสุนนำวิถีไปโจมตีศัตรู หรือปืนสไนเปอร์ Nekomata ที่สามารถยิงทะลุกำแพงจากระยะไกลได้ และอาจจะด้วยการพัฒนาความสามารถสายแฮ๊คกิ้งมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าการต่อสู้และลอบเร้นในเกมมีความหลากหลายกว่าที่คิดเอาไว้ในตอนแรกอีกด้วย ผลเสียอย่างหนึ่งของการที่ตัวละครของผู้เขียนพัฒนาขึ้นแต่ศัตรูส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนาตามเท่าไหร่ ทำให้การต่อสู้ในช่วงนี้เริ่มรู้สึกง่ายขึ้นไปเยอะ เรียกว่าผู้เขียนแทบจะวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปเอาดาบเสียบศัตรูได้เรียงตัวแล้ว แต่ก็เริ่มจะได้เห็นศัตรูแปลกๆ บ้างในฐานะมินิบอส เช่นศัตรูตัวหนึ่งที่ใส่ Cyberware เพิ่มความเร็วจนวิ่งหลบกระสุนได้ หรือศัตรูที่จะพยายามแฮ๊คเราซะเองพร้อมกับวิ่งเข้ามาโจมตีระยะประชิด ผู้เขียนมักต้องเปลี่ยนวิธีเล่นกลางคันเพื่อรับมือกับศัตรูเหล่านี้เสมอ ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้ท้าทายขึ้นมาบ้าง แม่ในภาพรวมจะยังถือว่า Cyberpunk 2077 (อย่างน้อยในระดับความยากปานกลางที่ผู้เขียนเล่น) น่าจะเป็นเกมที่ค่อนไปทางง่ายสำหรับผู้เล่นหลายๆ คน  โดยรวมก็ต้องบอกว่าการต่อสู้เริ่มมีความสร้างสรรค์และปลายเปิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำให้เกมง่ายขึ้นไปด้วย นี่ถ้าซื้อ Cyberware โหดๆ มาใส่ได้เมื่อไหร่น่าจะล้างบางศัตรูได้สบายๆ ผลบุญผลกรรมมันหนีกันไม่พ้น ในส่วนของทางเลือก ผู้เขียนเริ่มจะได้เห็นผลของทางเลือกและการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้บ้างแล้ว และได้รับเควสที่ดูเหมือนจะผูกกับเนื้อเรื่องของ Lifepath โดยเฉพาะอีกด้วย หลังจากที่เริ่มเล่นเกมต่อจากที่เล่นค้างไว้ได้ไม่กี่ชั่วโมง ผู้เขียนได้รับการติดต่อจาก NPC คนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะรู้จักกับ V อยู่แล้ว เมื่อไปเจอตัวเธอเข้าจริงๆ จึงจำได้ว่าเธอคือ NPC หญิงสาวที่ผู้เขียนช่วยชีวิตเอาไว้ในอีกภารกิจหนึ่งที่ทำตั้งแต่ตอนเริ่มเกมเลย! แถมตอนสนทนากัน เธอยังเอ่ยถึงทางเลือกของผู้เขียนในภารกิจนั้นๆ ด้วย โดยในจุดนี้ไม่ค่อยมั่นใจว่าถ้าตอนที่เล่นภารกิจเลือกทางเลือกอีกแบบจะได้เจอเธออยู่ไหม แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นรายละเอียดสนุกๆ ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าควรจะใส่ใจกับทางเลือกในแต่ละสถานการณ์ยิ่งกว่านี้อีก ในส่วนของ Lifepath ผู้เขียนได้รับการติดต่อมาจาก NPC ตัวหนึ่งที่เคยเจอกันครั้งแรกในช่วงเนื้อเรื่องของ Lifepath Corpo ตั้งแต่ต้นเกมเลย โดยเขาบอกตัวละคร V ว่าเขากำลังโดนเจ้านายหมายหัวอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปูมาตั้งแต่ตอนที่คุยกับเขาครั้งแรกในเนื้อเรื่องตอนต้นเลย แถมเช่นเดียวกับตัวอย่างด้านบน เขายังเอ่ยถึงรายละเอียดที่คุยกันก่อนหน้านี้อีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนั้น แม้ว่าตัวอย่างที่ยกมาจะเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ (จริงๆ มีเหตุการณ์ใหญ่กว่านี้แต่ไม่อยากสปอย) แต่แค่รายละเอียดเหล่านี้ก็ช่วยเสริมความรู้สึกว่าเรื่องราวของ V มันเป็นของผู้เล่นแต่ละคนโดยเฉพาะจริงๆ และการกระทำทุกอย่างของเรา แม้จะดูเหมือนเล็กน้อยหรือไม่มีความหมาย แต่เราไม่รู้เลยว่าจะย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบใดได้บ้าง ภารกิจเยอะ ข้อมูลน้อย อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้เขียนเริ่มสังเกติชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือการที่เกมค่อนข้างมีปัญหาในการสื่อสารข้อมูลให้ผู้เล่น แม้ว่าเกมจะมีระบบมากมายที่ลึกซึ้งและสัมพันธ์กันในระดับที่น่าทึ่ง แต่เกมกลับไม่ค่อยสอนหรือแนะนำอะไรกับผู้เล่นเท่าไหร่เลย และกระทั่งเรื่องที่ควรจะง่ายอย่างการหาคำตอบว่า “เราสามารถรีเซ็ตค่า Stat และ Perk ทำอย่างไร” กลับเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าผู้เล่นต้องหาเอาเอง (ผู้เขียนยังหาไม่เจอ) อีกจุดที่น่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ในแง่ของข้อมูลคือหน้าต่างภารกิจของเกม ด้วยความที่เกมตั้งอยู่ในโลกอนาคตที่ทุกคนมีมือถือ (หรือสื่อสารกันผ่าน Cyberware) ผู้เล่นจะไม่ต้องเดินไปคุยกับ NPC หรือกระดานข่าวเพื่อรับภารกิจอีกต่อไป แต่ NPC เหล่านั้นจะ้วิธีส่งข้อความหรือโทรมาหา V โดยตรง ทำให้เรามักจะมีภารกิจเสริมน้อยใหญ่อยู่เต็มหน้าตลอดเวลา ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเรามักไม่มีทางรู้ได้เลยว่าของรางวัลจากการทำภารกิจแต่ละอันจะมีอะไรบ้าง หรือว่าภารกิจนี้จะพัฒนาเนื้อเรื่องของใครบ้าง ซึ่งก็ทำให้ตัดสินใจค่อนข้างยากว่าจะทำภารกิจไหนก่อนดี ในบางช่วงเราอาจจะกำลังอยากเก็บเงิน แต่ก็ไม่รู้ว่าภารกิจไหนบ้างที่ทำแล้วจะได้เงิน บางทีเราอยากอัปเลเวลตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าภารกิจไหนให้ค่าประสบการณ์ หรืออันไหนให้ค่า Street Cred แทน ทำให้การเล่นภารกิจเพื่อเป้าหมายเฉพาะบางอย่างทำได้ยาก และส่วนใหญ่ผู้เขียนก็มักจะแค่เลือกภารกิจที่ใกล้ที่สุดแล้วตรงไปที่นั่น แต่ก็ทำให้รู้สึกขาดตอนได้เหมือนกันเวลาที่เพิ่งเล่นภารกิจบู๊ๆ มาแล้วมาเจอภารกิจเน้นคุยอย่างเดียว ชีวิตมัวๆ ที่ไม่มีวีรบุรุษ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือตัวละครที่เราสามารถพบได้ในเกม โดยเฉพาะเหล่าตัวละครที่มีบทบาทในเนื้อเรื่อง ที่ล้วนมีมิติที่น่าค้นหาของตัวเอง แม้ในช่วงต้นเกมจะรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับ NPC เหล่านี้นักนอกเหนือไปจากในภารกิจเนื้อเรื่อง แต่พอเริ่มได้ใช้เวลาและเรียนรู้ภูมิหลังของพวกเขามากขึ้น ก็พบว่าตัวละครหลายตัวมักมีอะไรน่าสนใจจะพูดหรือเล่าให้ฟังเสมอ และบ่อยครั้งมักเป็นเรื่องที่ช่วยเสริมเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหรือช่วยพัฒนาตัวละครให้ลึกขึ้น แม้ในเกม RPG ส่วนใหญ่ผู้เขียนอาจจะชอบข้ามตัวเลือกบทสนทนาที่ไม่ได้ดำเนินเนื้อเรื่องต่อ (ในเกมนี้จะเป็นสีฟ้า ส่วนที่ดำเนินเนื้อเรื่องจะเป็นสีเหลือง) แต่ในเกมนี้ มักจะต้องเลือกฟังตัวเลือกบทสนทนาทั้งหมดก่อนจะดำเนินเรื่องต่อไปเสมอ แถม: สำหรับคนที่อยากเห็นภาพซับไทยมากกว่านี้ อังกฤษ: ไทย: เอาจริงๆ ถามว่าซับไทยรู้เรื่องแค่ไหน ก็คงบอกว่ารู้เรื่องซัก 85-90% นั่นแหละ อีก 10-15% ก็น่าจะพอตีความจากบริบทได้ แต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนจริงๆ คือการคงอารมณ์ความรู้สึกของบทเดิมเอาไว้ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่ติดขัด แต่เผอิญว่าผู้เขียนเป็นคนติดอ่านซับด้วย เวลาเปิดซับไทยก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะอ่านตาม พอไม่ตรงกับเสียงอังกฤษขึ้นมาก็ทำให้เสียอารมณ์เวลาเล่นได้ แต่เชื่อว่าสำหรับผู้เล่นอีกส่วนใหญ่ๆ น่าจะไม่มีปัญหากับซับไทย แต่ให้ระวังคำแปลหน้าเมนูเช่นในตัวอย่างบนก็พอ สรุปอัปเดท 1: ตอนนี้ยังไม่ได้ Cyberware มาใช้ (เงินไม่พอซื้อ) แต่เริ่มได้อาวุธใหม่ๆ มากขึ้น เริ่มสนุกขึ้นกว่าช่วงต้นๆ เกม / เนื้อเรื่องเริ่มผูกโยงกับการกระทำของผู้เล่นมากขึ้น เริ่มเห็นผลของทางเลือกก่อนหน้านี้ / เกมไม่ค่อยให้ข้อมูลเท่าไหร่ทำให้วางแผนการเล่นยาก อยากฟาร์มเงินก็ไม่รู้ภารกิจไหนให้เงิน อยากฟาร์มของก็ไม่รู้ภารกิจไหนให้ของ
08 Dec 2020
Review-In-Progress: Cyberpunk 2077 [NO SPOILER]
ตั้งแต่ที่ประกาศเปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 เกม Cyberpunk 2077 ก็กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับการรอคอยมากที่สุดของเกมเมอร์หลายๆ คนแทบจะชั่วข้ามคืน ทั้งจากชื่อเสียงอันเลื่องลือของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED และผลงาน The Witcher 3 ที่ได้รับความนิยมถล่มทลาย ไปจนถึงจักรวาลต้นฉบับ Cyberpunk 2020 ที่เกมใช้อ้างอิง ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่เกมเมอร์รุ่นเก๋าที่เติมโตมาในยุคของเกม RPG ตั้งโต๊ะทั้งหลาย ตั้งแต่ที่ได้โค้ดเกมเวอร์ชั่น PC มาจากผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนได้ลองเล่นเกมไปแล้วราว 20 ชั่วโมง และทำให้ได้เห็นภาพของสุดยอดเกมแห่งปี 2020 มากกว่าเดิมพอสมควร แต่ด้วยขนาดของเกมและเนื้อหาเสริมที่มีอยู่เยอะจนตาลาย ทำให้ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งสัมผัสเกมได้เพียงผิวเผินเท่านั้น และยังมีองค์ประกอบสำคัญหลายๆ อย่างที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส เช่นอาวุธหรือ Cyberware ระดับสูงทั้งหลาย รวมไปถึงผลของทางเลือกในระยะยาว ด้วยประการฉะนี้ เราจึงเลือกที่จะยังไม่ให้คะแนนเกมในรีวิวนี้ทันที แต่จะทำการอัปเดทความเห็นความรู้สึกของผู้เขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าที่เกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อให้สามารถวิจารณ์แง่มุมต่างๆ ของเกมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด หากใครมีคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเกม ที่ไม่ได้รับการตอบในบทความนี้ สามารถคอมเมนต์เข้ามาถามเอาไว้ได้ แล้วเราจะพยายามตอบคำถามของคุณในอัปเดทบทความครั้งถัดไป หมายเหตุ: เกมเวอร์ชั่นรีวิวนี้จะยังไม่ได้รับการปรับปรุงจาก Day One Patch และจะมีโปรแกรม Denuvo Anti-Tampering เข้ามาด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเกมช่วงก่อนวางจำหน่าย ทำให้อาจจะมีข้อบกพร่องบางประการที่ผู้เขียนพบ แต่ผู้เล่นจะไม่พบ ต้องรอดูกันอีกทีว่าแพทช์ดังกล่าวจะปรับแก้อะไรบ้าง (อ่านช่วงอัปเดทด้านล่าง) *ขอขอบคุณบริษัท CD PROJEKT RED สำหรับโค้ดรีวิว และบริษัท Sicom, Nvidia สำหรับอุปกรณ์รีวิว* ชะตากรรมของนักเลงแห่งโลกอนาคตที่คุณเป็นคนลิขิต เนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 จะเล่าเรื่องราวของตัวเอกที่ชื่อว่า V ทหารรับจ้างหน้าใหม่ไฟแรงของเมือง Night City ผู้ซึ่งถูกดึงเข้าไปพัวพันกับแผนการแย่งชิงอำนาจของเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ (ที่เกมเรียกว่าเหล่า Megacorp) ที่ปกครองเมือง และต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเขาในการไขปริศนาเบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด โดยสิ่งที่ผู้พัฒนายกเป็นจุดขายสำคัญมาโดยตลอดคือเรื่องของทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเสื้อผ้า หน้าตา หรือคำพูดของตัวละคร ที่ล้วนแล้วแต่จะส่งผลต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าด้วยระยะเวลาเล่นที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้เรายังไม่อยากวิจารณ์เนื้อเรื่องในภาพใหญ่ แต่จากระยะเวลาที่ทดลองเล่น พบว่าเนื้อเรื่องของเกมมีความเข้มข้นและ "เป็นผู้ใหญ่" ในแบบที่น้อยเกมจะกล้าทำ เกมให้เวลากับการพัฒนาตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ เยอะมากจนในบางครั้งเราอาจจะเล่นเกมเป็นชั่วโมงโดยที่คุยกับ NPC อย่างเดียวเลยก็ได้ ซึ่งในแง่นี้ก็อาจจะถูกใจคนที่ชื่นชอบการเล่น RPG อินๆ เหมือนดูซีรี่ส์ยาวๆ มากกว่าคนที่โหยหาประสบการณ์บู๊กระหน่ำดุเดือดเลือดพล่านแบบหนังฮอลลีวู้ด เมื่อเริ่มต้นเกมครั้งแรก สิ่งแรกที่ผู้เล่นจะได้พบก็คือหน้าจอการเลือก Lifepath หรือภูมิหลังของตัวละคร และเมนูการสร้างตัวละคร โดยเราสามารถกำหนดรูปร่างหน้าตาของตัวละครได้ตั้งแต่เล็บมือยันอวัยวะเพศ แถมยังสามารถผสมคอมโบเพศตัวละครได้ตามใจอีกด้วย ซึ่งแม้จะเรียกเสียงฮือฮาจากหมู่ผู้เล่นที่ติดตามเกมได้พอสมควร แต่เอาเข้าจริงๆ ระบบสร้างตัวละครของเกมก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร และยังจำกัดกว่าการสร้างตัวละครในเกม RPG อีกหลายๆ เกมด้วยซ้ำ ที่สำคัญ ทางเลือกเหล่านี้กลับไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเกมมากเท่าที่ผู้พัฒนาเคยบอกไว้ และเราแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าตาของตัวละครเลยในการเล่นทั่วไป (ยกเว้นเวลาเข้าหน้าต่างของสวมใส่) จึงอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับการสร้างตัวละครมากนัก โดยทางเลือกที่เห็นว่าน่าจะส่งผลต่อผู้เล่นจริงๆ มีเพียงเสียงพูด (ที่จะสรรพนามทางเพศที่ตัวละครในเกมใช้เรียกเรา) และเล็บมือ (อวัยวะที่เราเห็นได้บ่อยที่สุด) นอกนั้นเอาเข้าจริงอยากเลือกอะไรก็ได้ไม่ต่างกัน เช่นเดียวกับหน้าตา เมื่ออ้างอิงจากระยะเวลาที่ใช้เล่นเกมมา Lifepath ของตัวละครเองก็ไม่ได้ส่งผลต่อเกมอย่างใหญ่หลวงนัก หลักๆ แล้วก็จะมอบตัวเลือกบทสนทนาประจำสายให้ประปราย แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้เล่นอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด ไม่ได้มีภารกิจเฉพาะสาย Lifepath หรือมีความสามารถหรือเหตุการณ์ใดๆ เพิ่มขึ้นมานอกจากช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกของเกม เสมือนเป็นเพียง "สีสัน" อีกระดับหนึ่งมากกว่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่อง เช่นผู้เขียนที่เลือกเล่นเป็นตัวละคร Corpo มักจะทำให้สามารถเลือกตัวเลือกบทสนทนาที่เป็นลักษณะ "รู้ทัน" กลโกงของเหล่าตัวละคร NPC ที่เป็นสาย Corpo เช่นเดียวกับเรา หรือช่วยให้เราตีสนิท NPC สายนี้ได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าถ้าไม่มีทางเลือกเหล่านี้ก็อาจจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปอีกแบบ แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเราก็ยังสามารถพบกับผลลัพธ์แบบเดียวกันได้แม้ไม่ได้เลือก Lifepath นั้นมาก็ตาม คนที่คาดหวังว่าการเล่นเกม 3 รอบ 3 Lifepath จะได้ประสบการณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงอาจต้องปรับความคาดหวังกันซักนิด ทางเลือกที่ส่งผลสำคัญจริงๆ มักจะเกิดขึ้นในบทสนทนาระหว่างภารกิจ ที่อาจจะส่งผลสำคัญต่อเกมจริงๆ เช่นบางตัวเลือกอาจจะทำให้เราเลี่ยงการเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มใหญ่ได้ หรืออาจจะถึงขนาดเปลี่ยนเป้าหมายของภารกิจไปเลยก็ยังได้ แต่สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนจากระยะเวลาที่ได้เล่นคือทางเลือกเหล่านี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเกมแค่ไหน เช่นถ้าในภารกิจหนึ่งผู้เขียนเลือกเข้าข้างฝ่าย A เพื่อสู้กับฝ่าย B มันจะส่งผลเป็นวงกว้างต่อไปอย่างไร จะมีคนของฝ่าย B มาตามล้างแค้นไหม หรือเนื้อเรื่องหลักจะเปลี่ยนไปไหม ยังเป็นสิ่งที่ยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ กล่าวโดยสรุป แม้ว่าเราจะพอฝันธงได้ระดับหนึ่งแล้วว่าทางเลือกทั้งหลายที่เราได้เลือกในช่วงต้นเกมจะไม่ได้ส่งผลต่อเกมที่เหลือขนาดนั้น แต่สิ่งที่ยังตอบลำบากคือเรื่องผลกระทบของทางเลือกบทสนทนาต่อเนื้อเรื่อง ซึ่งน่าจะต้องดูกันต่อไปอีกว่าจะส่งผลมากเท่าที่ผู้พัฒนาเคยคุยไว้แค่ไหน แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพของเนื้อเรื่องและบทเท่าที่เล่นมา ก็ต้องบอกว่าเกมให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนเข้มข้นๆ เรื่องหนึ่งอยู่ และเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงน่าตื่นเต้นจริงๆ เท่านั้นเอง แถม: สำหรับคนที่อ่านรีวิวนี้ก่อนเกมวางจำหน่าย อยากแนะนำให้ได้ไปศึกษาเนื้อเรื่องและตัวละครจากเกมตั้งโต๊ะ Cyberpunk 2020 ให้ดีๆ เพราะเนื้อเรื่องของเกมจะอ้างอิงถึงตัวละครและเหตุการณ์เหล่านี้อย่างมีนัยยะสำคัญ จึงควรลองหาอ่านซะหน่อยเพื่อกันงง และเพื่อให้เข้าใจถึง "น้ำหนัก" หรือ "ความสำคัญ" ของเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องต่อโลกของเกม ก็บอกแล้วว่าเป็น RPG ไงเล่า! ในแง่ของความเป็น RPG เกม CP2077 จะแบ่งการพัฒนาตัวละครออกเป็นสองด้านหลักๆ คือเลเวลของตัวละคร ซึ่งจะกำหนดค่า Stat และความสามารถ Perk ที่เราสามารถเลือกอัปเกรดได้ และระดับ Street Cred ซึ่งจะปลดล๊อคไอเทมและ Cyberware ที่เราสามารถซื้อได้นั่นเอง โดยทั้งสองมักจะพัฒนาไปพร้อมๆ กันขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่น (ไม่ค่อยชัดเจนนักว่าอะไรเพิ่ม Level เป็นหลัก และอะไรเพิ่ม Street Cred เป็นหลัก) สำหรับค่า Level ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้น เราจะได้รับแต้ม Stat และ Perk มาอย่างละหนึ่งแต้ม โดยค่า Stat จะมีทั้งหมด 5 ค่า (Body, Reflexes, Intelligence, Tech, Cool) ซึ่งจะให้ผลไม่เหมือนกัน Stat หนึ่งอาจเพิ่มพลังชีวิตและการโจมตีระยะประชิด ในขณะที่อีก Stat ลดเวลาในการเติมกระสุนปืนเป็นต้น นอกจากนี้ ในแต่ละ Stat ยังจะมีสาย Perk อีกถึง Stat ละ 2-3 สาย เปรียบเสมือนความสามารถติดตัวที่ช่วยเสริมสายการเล่นของเรา เช่นทำให้ปืนไรเฟิลส่ายน้อยลง หรือทำให้ชักปืนลูกซองออกมาได้เร็วขึ้น ยิ่งเราอัปค่า Stat ที่เกี่ยวข้องกับสาย Perk นั้นๆ ก็จะยิ่งปลดล๊อค Perk ในสายนั้นๆ ให้อัปได้เยอะขึ้น อีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่เราสามารถพัฒนาสาย Perk แยกกับการอัป Stat ได้ด้วย ตราบใดที่เราใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับสายนั้นบ่อยๆ เช่นเราอาจจะไม่ได้อัป Stat Intelligence ที่ช่วยพัฒนาความสามารถในการแฮ๊ค แต่ตราบใดที่เราแฮ๊คสิ่งของบ่อยๆ เราก็จะได้ค่าความชำนาญในการแฮ๊คเพิ่มขึ้นจนปลดแต้ม Perk หรือโบนัสความสามารถติดตัวที่เกี่ยวข้องกับการแฮ๊คได้อีกด้วย ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการพัฒนาตัวละครตามสายที่เล่นจริงๆ มากกว่าแค่การเลือกอัป Perk เพียงอย่างเดียว ถือเป็นระบบที่น่าสนใจ ที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองกำลัง "ก้าวหน้า" อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับการเลือกอัปค่า Stat เป็นสำคัญ เพราะต่อให้มีแต้ม Perk มากมาย แต่ถ้าไม่ได้ปลดล๊อคตัว Perk ด้วยการอัปเกรด Stat ก็ใช้ไม่ได้ แถมค่า Stat ทั้งหลายยังสามารถเปิดทางเลือกบทสนทนา ตัวเลือก Cyberware ที่สวมใส่ได้ หรือการกระทำเพิ่มเติมให้เรามากขึ้นอีกด้วย (เช่นถ้าอัปค่า Body สูงๆ จะทำให้พังประตูบางบานเพื่อเปิดเส้นทางผ่านด่านใหม่ๆ ได้) เราจึงควรให้ความสำคัญกับการวางแผนเส้นทางการอัป Stat ให้ดีๆ ไม่งั้นอาจทำให้ตัวละครเกิดช้าได้ในกรณีที่เกลี่ยอัปหลาย Stat พร้อมกัน และที่สำคัญคือผู้เขียนยังไม่พบวิธีการรีเซ็ตค่า Stat หรือ Perk เลยด้วย ซึ่งถ้ามันเลือกแล้วเลือกเลยจริงๆ ก็ยิ่งต้องวางแผนกันให้ดีขึ้นไปอีก การพัฒนาตัวละครเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก อาจจะสำคัญยิ่งกว่าฝีมือในการเล่น FPS ของแต่ละคนซะอีก เพราะทุกอย่างในเกมนี้จะอ้างอิงการคำนวนตัวเลขแบบ RPG แทบทั้งหมดโดยไม่สนใจตรรกะของเกมแนวอื่นเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่นตรรกะของเกม FPS ส่วนใหญ่ที่บอกว่าปืนลูกซองต้องแรงกว่าปืนพกแน่ๆ แต่ในเกมนี้ ยิงปืนพกเข้าอกศัตรูก็ยังอาจจะแรงกว่ายัดลูกซองใส่หน้าตราบใดที่เราอัปเกรดความสามารถสายปืนพกมา การทำความเข้าใจระบบพัฒนาตัวละครและความสามารถต่างๆ ของ Perk จึงมีความสำคัญมาก ในขณะที่ค่า Level จะเป็นการพัฒนาความสามารถแบบติดตัวซะเยอะกว่า (มีความสามารถกดใช้ประปราย) Street Cred จะเป็นตัวที่ปลดล๊อคไอเทมที่ช่วยมอบวิธีการเล่นใหม่ๆ ได้จริงๆ เช่นดาบ Mantis Blade ยอดนิยม หรือขากลที่มีไอพ่นทำให้เราสามารถลอยตัวกลางอากาศได้ โดยในช่วง 20 ชั่วโมงแรกของผู้เขียนยังไม่มีโอกาสสัมผัสกับแง่มุมนี้นักเพราะยังปลดล๊อคไม่ได้ ส่วน Cyberware ช่วงต้นเกมก็ยังไม่ค่อยมีอะไร ส่วนใหญ่ก็เพิ่มความสามารถติดตัวไม่ต่างจาก Perk เท่าไหร่ ถ้าได้ปลดล๊อคหรือทดลองเล่น Cyberware เจ๋งๆ จะลองมาเล่าให้ฟังในอัปเดทต่อๆ ไป ...แต่ก็ใช่ว่าอย่างอื่นจะไม่ดี? เสน่ห์อย่างหนึ่งในการเล่นเกม Cyberpunk 2077 คือแม้ว่าเกมจะยึดมั่นในความเป็น RPG ก่อนเหนืออื่นใด แต่ก็ไม่ได้ละเลยองค์ประกอบเกมเพลย์อื่นๆ ไปเลยแต่อย่างใด และสามารถรักษามาตรฐานของเกม Open World แง่มุมต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน แม้จะไม่ได้เทียบเทียมกับเกมแนวนั้นๆ โดยตรง (กล่าวคือยังไง Call of Duty ก็ทำการยิงปืนได้ดีกว่า หรือ Dishonored ก็ทำการลอบเร้นได้ดีกว่า) แต่ทุกอย่างกลับดีพอในระดับที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ "แย่" เลยซักอย่าง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าชมสำหรับเกมที่ใหญ่และลึกมากขนาดนี้ การที่ Cyberware และอาวุธเจ๋งๆ ส่วนใหญ่ดูจะถูกกีดกันจากผู้เล่นในช่วงต้นเกม ทำให้การต่อสู้ในเกมช่วงแรกๆ ค่อนข้างรู้สึกธรรมดาไปซะหน่อย เพราะปืนแทบทั้งหมดที่ได้ก็ยังเป็นเพียงปืนกระสุนโลหะทั่วๆ ไป อาวุธระยะประชิดอย่างมีดหรือดาบคาตะนะก็ยังไม่มีความสามารถหรือหน้าตาพิเศษอะไรนัก โดยผู้เขียนเพิ่งจะเริ่มพบปืนชนิด Tech Weapon ที่สามารถชาร์จยิงทะลุกำแพงได้ก็ตอนเล่นเกมมาเกิน 15 ชั่วโมงแล้ว และได้ปืนพก Smart Gun กระบอกแรกมาตอนเกือบ 20 ชั่วโมงพอดี ไม่แน่ใจว่าชนิดของอาวุธที่เก็บได้จากศัตรูจะขึ้นอยู่กับเลเวลของผู้เล่น หรือดูจากว่าเล่นเนื้อเรื่องไปไกลแค่ไหนแล้วหรืออย่างไร แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบกับอาวุธที่มีลูกเล่นแปลกตามากขึ้น ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้มีความแปลกใหม่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ด้วยความที่อาวุธและอุปกรณ์ในช่วงที่ผู้เขียนเล่นมายังค่อนข้างธรรมดาอย่างที่ว่า ทำให้การต่อสู้พลอยรู้สึก "ธรรมดา" ไปด้วยซะอย่างนั้น แม้ว่าความรู้สึกของการยิงปืนในเกมจะดีกว่าเกม RPG แนวเดียวกันที่ผ่านมา แต่กลับรู้สึก "เฉยๆ" คือไม่ได้แย่หรือมีปัญหาอะไรนัก แต่โดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกสนุกหรือพิเศษไปกว่าเกม FPS กึ่ง RPG นับสิบๆ เกมที่เคยเล่นมาก่อนแล้ว อีกส่วนอาจจะมาจากเหล่าศัตรูที่พบในเกมตอนนี้ด้วย ที่ส่วนมากยังคงเป็น "คนธรรมดา" อยู่ (คือยังไม่ได้ใส่ Cyberware จนเหนือมนุษย์อะไร) และ A.I. ของศัตรูก็มักมีความไม่สม่ำเสมอ เพราะส่วนใหญ่มักจะค่อนข้างโง่ในการต่อสู้ (เช่นรัวกระสุนใส่พื้น วิ่งวนไปมาอย่างไร้จุดหมาย หรือกระทั่งวิ่งสะดุดศพเพื่อนจนล้ม ซึ่งผู้เขียนเคยเห็นมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง) แต่ครั้นจะพยายามท้าทายตัวเองด้วยการลอบเร้นผ่าน ศัตรูกลับหูตาไวขึ้นมาซะงั้น ทำให้สุดท้ายเรามักจะโดนบังคับให้ต้องต่อสู้จนได้แม้จะไม่อยากทำ ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้เขียนอยากเห็นคืออาวุธระดับสูงที่สามารถมอบความสามารถที่อาวุธอื่นๆ ไม่มีได้ ยกตัวอย่างในช่วงหนึ่งของเกม ผู้เล่นจะเปลี่ยนจากควบคุม V มาควบคุมตัวละครอีกตัวหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งตัวละครนี้จะมาพร้อมกับปืนพกประจำตัวที่นอกจากจะยิงแรงเท่าปืนสไนเปอร์แล้ว ยังยิงทะลุกำแพงได้ (เพราะเป็นอาวุธ Tech Weapon) และเมื่อกดโจมตีระยะประชิด แทนที่จะใช้ด้ามปืนฟาดศัตรูเหมือนปืนพกทั่วไป ปืนกระบอกนี้จะปล่อยไฟออกมารอบตัวผู้ใช้เพื่อโจมตีศัตรู เป็นความสามารถที่ผู้เขียนยังไม่พบในปืนกระบอกใดๆ อีกเลยตลอดระยะเวลาที่เล่น และหวังว่าอาวุธระดับสูงๆ ชิ้นอื่นจะสามารถมอบลูกเล่นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองได้เช่นกัน ในส่วนของการขับรถ ผู้เขียนต้องออกตัวก่อนว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการขับรถในเกมเป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้รู้สึกประทับใจหรือให้ความสนใจกับการขับรถในเกมเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะให้เปรียบความรู้สึกในการขับรถ อาจจะควบคุมยากกว่าในเกมอย่าง GTA V นิดหน่อย โดยเฉพาะในจังหวะเข้าโค้งที่รถหมุนแทบจะทุกครั้ง แต่ก็ยังดีกว่าที่พบได้ในเกมอย่าง Watch Dogs: Legion มากมายนัก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเวลาต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ ซึ่งสำหรับผู้เขียนถือเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของการขับรถในเกมได้ประมาณหนึ่ง ถ้าจะมีระบบหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึก "ไม่ชอบ" ไปแล้วคงเป็นระบบการแฮ๊คกิ้ง ที่ในขณะนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยมีผลอะไร แถมยังมีตัวเลือกจำกัดมาก โดยระบบแฮ๊คในเกมนี้จะมีความคล้ายคลึงกับระบบเวทย์มนตร์ในเกม RPG ทั่วไป เราจะต้องสวมใส่โปรแกรมแฮ๊คที่ต้องการในหน้าของสวมใส่ซะก่อนจึงจะใช้ได้ แต่ละโปรแกรมจะใช้หน่วย RAM (เปรียบกับ MP) ไม่เท่ากัน บางโปรแกรมสามารถสร้างความเสียหายได้โดยตรง ในขณะที่บางโปรแกรมอาจก่อกวนศัตรูในรุปแบบต่างๆ เช่นทำให้ตาบอดชั่วขณะ หรือลบความทรงจำระยะสั้น (ให้ศัตรูที่ตามหาเราอยู่เลิกตาม) โดยผู้เขียนพบว่าใช้ยาก และบางครั้งก็เหมือนจะติดบ้างไม่ติดบ้าง จึงอาจยังไม่สามารถให้คำวิจารณ์ที่ชัดเจนนักเพราะไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้อัปสายนี้มาหรือเป็นบั๊ค แต่โดยรวมรู้สึกว่ามันทำอะไรได้น้อยกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น คงต้องบอกว่าใน 20 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับเกม เกมเพลย์ของ Cyberpunk 2077 ยังไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกประทับใจหรือน่าจดจำเป็นพิเศษ จากอาวุธที่ยังค่อนข้างธรรมดา และศัตรูที่ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่าที่พบในเกมทั่วไป แต่ในช่วงที่เล่นอยู่นี้ก็เริ่มเห็นอาวุธแปลกๆ โผล่มาให้เก็บบ้างแล้ว หวังว่าจะยิ่งพัฒนาไปเรื่อยๆ เมื่อเล่นเกมต่อไป นิยามใหม่ของความเป็น "Open World" เมื่อพูดถึงเกม Open World สิ่งหนึ่งที่ผู้พัฒนามักจะกล่าวถึงคือเรื่องของ "Immersion" หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยบ้านๆ ก็คือความอินนั่นแหละ โดยเกม Open World ระดับแนวหน้าแทบทุกเกมล้วนสามารถสร้างความรู้สึกอินไปกับโลกและเรื่องราวของเกมได้ผ่านการสร้างบรรยากาศและการออกแบบฉากที่สื่อถึง "ประวัติศาสตร์" หรือ "วิถีชีวิต" ของผู้ที่อาศัยในโลกนั้นๆ ซึ่งในแง่นี้อาจบอกได้ว่า Cyberpunk 2077 ได้วางมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบโลก Open World ไปแล้วเรียบร้อย แม้ผู้เขียนจะยังไม่มีโอกาสได้สำรวจทุกเขตในเมือง แต่แค่ในเขตที่ได้ลองสำรวจดูก็บอกได้แล้วว่าเมือง Night City ของเกมอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดเล็กน้อยที่ช่วยเล่าความเป็นไปของชีวิตในเมืองเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆณษาสีสันฉูดฉาดตามที่เชิญชวนให้คนตัดอวัยวะตัวเองทิ้งเพื่อเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจักรกลที่สื่อถึงความธรรมดาของการปรับแต่งร่างกาย ไปจนถึงรายการทีวีและวิทยุที่พูดถึงโศกฆนาตกรรมในเมืองพร้อมประกาศยอดผู้เสียชีวิตประจำวันอย่างอารมณ์ดีราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน ทุกสิ่งทุกอย่างในเกม Cyberpunk 2077 ให้ความรู้สึกว่าถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ Night City สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองไปสู่ผู้เล่นได้ตลอดเวลาผ่านการเล่นเกมไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับเกมในขณะนี้ สำหรับการรีวิวเกม Cyberpunk 2077 ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 2060 / 16GB RAM และสามารถเล่นเกมที่การตั้งค่า Preset Ray Tracing - Medium (1080p) ได้ด้วยเฟรมเรตราวๆ 40-45 FPS และสามารถดันถึง Ray Tracing - Ultra ได้โดยที่เฟรมเรตเหลือราวๆ 30 FPS ซึ่งถือว่าไม่แย่เลยเมื่อเทียบกับระดับรายละเอียดที่ได้ โดยเฉพาะในแง่ของ Texture หรือพื้นผิวต่างๆ ที่ดูสมจริงมาก และช่วยทำให้เกมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น แถมต้องไม่ลืมว่าเกมฉบับรีวิวนี้เป็นเกมตัวเต็มที่พ่วงซอฟต์แวร์ Denuvo Anti-Tampering มาด้วย ซึ่งทางผู้พัฒนาเองแจ้งว่าจะทำให้เฟรมเรตลดลงราว 10-15 FPS อยู่แล้ว จึงยิ่งเชื่อได้ว่าเกมน่าจะทำงานบนการ์ดจอรุ่นเก่ากว่านี้ได้ไม่มีปัญหานัก (ปรับ Medium-High) เผลอๆ อาจจะดีกว่าที่แจ้งเอาไว้ใน Spec Sheet ที่ CDPR เคยปล่อยออกมาเองด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าได้ Day One Patch ช่วยอีก คงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเล่นเกมไม่ได้ตราบใดที่เครื่องถึง Spec ขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้จะบอกว่าเกมไร้ที่ติไปซะหมด เพราะด้วยขนาดและความละเอียดระดับนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีบั๊คติดมาบ้างไม่มากก็น้อย ข้อดีคือบั๊คในเกม CP2077 ที่พบส่วนใหญ่มักจะเป็นบั๊คตลกๆ เช่นบั๊คที่ทำให้อาวุธของศัตรูที่ตายแล้วค้างอยู่กลางอากาศเหนือศพพวกเขา (ซึ่งเอาจริงๆ เป็นบั๊คที่แอบมีประโยชน์) หรือบั๊คด้านกราฟิกเล็กน้อย เช่นครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนขับมอเตอร์ไซค์ชนถังขยะจนมอเตอร์ไซค์ทะลุลงไปในพื้นและติดอยู่อย่างนั้น หรือบางครั้งเดินๆ อยู่ก็จะเห็น NPC ยืนท่าตัว T กลางถนน ซึ่งทั้งหมดเป็นบั๊คเล็กๆ ที่ชวนให้ขำกับตัวเองมากกว่าจะทำให้เสียประสบการณ์เล่นเกม ผู้เขียนเจอบั๊คที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวเมื่อประตูที่ควรเปิดตามเนื้อเรื่องดันไม่ยอมเปิด จนทำให้ดำเนินเรื่องต่อไม่ได้ แต่พอโหลดเกมกลับมาลองใหม่ก็ผ่านได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ เกมยังมักจะมีปัญหาในด้านการนำทาง ที่มักไม่สามารถรับมือกับความต่างระดับของเมือง Night City เอง และมักมีปัญหาในการคำนวนเส้นทางไปสู่พื้นที่ต่างระดับจนผู้เขียนถึงกับ "หลงทาง" มาแล้ว แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเราจะสามารถจดจำถนนหนทางของเมืองได้โดยธรรมชาติจากจุดสังเกติในฉาก เหมือนกับการเดินผ่านถนนเส้นหนึ่งในชีวิตจริงทุกวัน ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งข้อดีของฉากในเกม แม้ระบบนำทางจะตามไม่ค่อยทันก็ตาม ซับไทยร่วงหรือรอด?! ถ้าให้พูดตามตรง แม้จะเห็นใจทีมงานแปลซับและเมนูภาษาไทยที่ต้องแปลข้อความเยอะมากขนาดในเกม Cyberpunk 2077 แต่ต้องเรียนตามตรงว่าคุณภาพของซับและเมนูยังปรับปรุงได้อีกเยอะมากๆ ผู้เขียนพบว่าซับโดยรวมแม้จะสื่อความหมายได้ถูกต้องในระดับหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถสื่ออามรมณ์ของเกมได้ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือหน้าเมนูหลายส่วนที่มีความไม่สม่ำเสมอ แปลคำเดียวกันออกมาหลายแบบ หรือกระทั่งแปลตกความหมายของคำบรรยาย Perk ไปเลยก็มี ตัวอย่างหนึ่งที่พอนึกออก (เพราะเปิดเมนูเล่นได้แปบเดียวต้องเปลี่ยนกลับเป็นภาษาอังกฤษเพราะอ่านไม่เข้าใจ) คือการที่หน้าเมนูเดี๋ยวก็แปลคำว่า Light Machine Gun เป็นคำว่าปืนกลเบาบ้าง ปืนกลมือบ้าง หรือคำว่า Recoil บางครั้งก็แปลว่าการส่าย บางครั้งก็แปลว่าการถีบ ซึ่งทั้งหมดมันทำให้สับสนเวลาพยายามทำความเข้าใจระบบ Perk และมั่นใจได้ว่าน่าจะรวมไปถึงคำบรรยายไอเทมหลายๆ ชิ้นด้วย จริงๆ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ซับจะไม่สามารถคงอารมณ์ของเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด ด้วยเนื้อหาที่ไม่น่าจะถูกใจกองเซ็นเซอร์ของบ้านเรา แต่อย่างน้อยๆ ทีมงานซับและเมนูน่าจะตรวจทานให้การแปลคำมันมีความสม่ำเสมอมากกว่านี้หน่อย เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเป็นงานเผามากขนาดนี้ หวังว่าใน Day One Patch จะมีการปรับแก้ไขบ้างไม่มากก็น้อย เพราะในสภาพปัจจุบันอยากจะแนะนำให้เปิดเฉพาะจำเป็น ส่วนใครที่พออ่าน/ฟังอังกฤษได้บ้างก็อยู่กับภาษาอังกฤษน่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า สรุป: ยังไม่ประทับใจมากเป็นพิเศษ เนื้อเรื่องเพิ่งเริ่มเข้มข้นหลังจากเล่นไปแล้ว 20 ชั่วโมง / ต้องลองดูต่อไปก่อนว่าเกมเพลย์ระดับสูงๆ จะน่าสนใจขึ้นกว่าช่วงแรกหรือไม่ / กราฟิกไม่ได้สวยที่สุด แต่มีรายละเอียดหนาตาที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แล้วพบกับความเห็นฉบับอัปเดทได้ในเวลา 22.00 ของทุกวัน จนถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ *เนื่องจากความขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเนื้อหาเข้าไปท้ายบทความเดิมได้ สามารถหาอ่านบทความอัปเดทความเห็นได้ ที่นี่
07 Dec 2020
Cyberpunk 2077: CDPR ปล่อยคลิปเสียงปริศนา แย้มถึง "งานใหญ่" ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้
อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์พอดิบพอดี ก็จะถึงวันวางจำหน่ายของเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดเกมหนึ่งของปี 2020 อย่าง Cyberpunk 2077 กันแล้ว! โดยในต่างประเทศบางพื้นที่ถึงขนาดเริ่มมีแผ่นเกมหลุดออกมาแล้วจำนวนหนึ่ง จนผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ต้องออกประกาศขอร้องผู้เล่นที่ได้รับแผ่นไปก่อน ไม่ให้นำภาพในเกมมาสปอยผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ยังรอเกมอยู่ ล่าสุด นอกจากจะปล่อยตัวอย่างเกมใหม่ที่เปิดเผยรายละเอียดของโหมดถ่ายภาพ (Photo Mode) อันลึกล้ำของเกมแล้ว ผู้พัฒนา CDPR ยังได้ทำการปล่อยคลิปเสียงปริศนาออกมาทางทวิตเตอร์ ที่ดูจะเป็นเสียงของตัวเอก V ร่างหญิงกำลังพูดถึง "งานใหญ่ครั้งใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือ" โดยจะเปิดเผยรายะละเอียดเร็วๆ นี้ Hey, you. We’ve got a transmission for you. #Cybernight pic.twitter.com/13VBbfUMMV — Cyberpunk 2077 (@CyberpunkGame) December 2, 2020 สำหรับข้อความเต็มๆ สามารถแปลออกมาได้ว่า: "เฮ้ นี่ฉันเอง เพิ่งได้ข่าวเกี่ยวกับงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามา แต่ฉันคงต้องการความช่วยเหลือถ้าจะทำให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดไปให้ทีหลัง แต่เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้โอเคไหม? ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะงานใหญ่ซะด้วย" จากบทความนี้ อาจจะสามารถตีความได้ว่ากำลังพูดถึงโหมด Multiplayer ของเกม จากเนื้อหาในข้อความที่เป็นการขอความช่วยเหลือเพื่อทำงานอะไรซักอย่าง โดยผู้พัฒนาเคยประกาศออกมาแล้วว่า Multiplayer ของเกม Cyberpunk 2077 จะเป็นเกมแยกออกมาจากเกมต้นฉบับเลย เข้ากับคำพูดที่บอกว่าเป็น "งานใหญ่" ได้ แต่ก็อาจตีความได้ว่าเป็นการพูดถึงส่วนเสริมและ DLC เนื้อเรื่องที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในเกมหลังจากที่วางจำหน่ายไปแล้วเช่นกัน จะอย่างอย่างไรก็แล้วแต่ มั่นใจได้ว่าเกมเมอร์อย่างเราๆ คงไม่ต้องรอนานกว่าจะได้รับรู้ถึงอนาคตของเกม Cyberpunk 2077 กันต่อจ้า! Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (เกมสามารถเล่นบนคอนโซล PS5, Xbox Series X/S ได้ด้วย โดยจะมีอัปเดทสำหรับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่โดยเฉพาะตามมาในปี 2021)
03 Dec 2020
Cyberpunk 2077: ผู้พัฒนาคาด ยอดขายกว่าครึ่งหนึ่งน่าจะมาจากฝั่งดิจิตอล
ยิ่งเทคโนโลยีคอนโซลและอินเตอร์เน็ตพัฒนามากขึ้น การซื้อขายเกมในรูปแบบดิจิตอลก็เริ่มเข้ามาทดแทนการซื้อแผ่นเกมมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากตลาดเกม PC ที่แทบจะเป็นแบบดิจิตอลไปแล้วเกือบ 100% ไปจนถึงตลาดเกมคอนโซลที่เริ่มจะขยับตาม ดูได้จากเครื่อง PS5 ที่ออกรุ่นที่ไม่มีช่องใส่แผ่นไปเลย สำหรับผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ย่อมต้องรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยพวกเขาได้คาดการณ์ว่าจะมีผู้เล่นที่ซื้อเกม Cyberpunk 2077 ในรูปแบบดิจิตอลในอัตราส่วนที่มากกว่า The Witcher 3 โดยพวกเขาคาดว่ายอดขายของเกม Cyberpunk 2077 ไม่ต่ำกว่า 50% จะเป็นรูปแบบดิจิตอล "ในด้านอัตราส่วนระหว่างผู้ที่ซื้อเกมแบบดิจิตอลและแบบแผ่น เราเห็นว่ายอดพรีออเดอร์ฝั่งดิจิตอลมีค่อนข้างเยอะ ทางบริษัทเองจึงเริ่มจะให้ความสำคัญกับฝั่งดิจิตอลมากขึ้นด้วยเช่นกัน" ผู้บริหารตำแหน่ง CFO ของ CD PROJEKT RED กล่าวต่อผู้ถือหุ้น Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (PS5, Xbox Series X/S) Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: เกมทำงานบนคอนโซล PS4, Xbox One ได้ "ดีกว่าที่คิด"
หลังจากที่มีการเปิดเผยถึงเบื้องหลังการประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ครั้งล่าสุด ที่มีปัจจัยมาจากการทำงานของเกมบนคอนโซลรุ่นเก่า (PS4, Xbox One) ได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้เล่นหลายๆ คนรู้สึกกังวลใจกับสภาพของเกมบนคอนโซลเครื่องโปรด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่แผนการวางจำหน่ายเครื่อง PlayStation 5 ยังคงเป็นปริศนา ล่าสุด คนที่วางแผนจะเล่นเกมบนเครื่องคอนโซล PS4, Xbox One อาจจะวางใจได้มากขึ้น เมื่อประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kicisnki ได้เปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นว่าเกมสามารถทำงานบนเครื่องคอนโซลรุ่นเก่าได้ "ดีกว่าที่คิดสำหรับเกมที่ใหญ่ขนาดนี้" "แน่นอนว่าเครื่อง PS5 สามารถเล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ PS4 ก็ยังเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่งเลย เราได้มีเวลาเพิ่มอีกสามสัปดาห์ในการแก้ปัญหานี้ และเราก็สามารถแก้ปัญหามากมายได้สำเร็จในระยะเวลานั้น เราจึงพูดได้อย่างมั่นใจแล้วว่าเกมสามารถเล่นได้อย่างน่าพอใจบนแพลตฟอร์มทุกแพลตฟอร์มแล้ว" ในส่วนของเครื่อง PS4 รุ่นอ้วน (หรือรุ่น Slim) คุณ Adam ก็ยังยืนยันว่าทำงานได้ค่อนข้างดี แม้จะยังไม่เท่ากับของเครื่อง PS4 Pro แน่นอน "แน่นอนว่าเกมคงไม่สามารถแสดงสมรรถภาพได้ดีเท่าเครื่องรุ่น Pro แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าที่เราคาดเอาไว้" สำหรับคนที่อาจจะอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง สามารถรับชมคลิปเกมเพลย์เปรียบเทียบกราฟิกระหว่างเครื่อง PS4 Pro และ PS5 ได้ ที่นี่ Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (PS5, Xbox Series X/S ก็เล่นได้นะ) Credit: GamingBolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ผู้พัฒนายืนยัน เกมจะมีเพียงบั๊ค "ระดับต่ำ" เท่านั้น
จากความเห็นของสื่อมวลชนที่ได้ทดลองเล่นเกมกันไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเกม Cyberpunk 2077 จะมีดีสมราคาคุยอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะในแง่ของภาพกราฟิก เกมเพลย์ หรือเนื้อเรื่อง ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับคำชมถล่มทลายจากสื่อที่ลองเล่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลายคนที่กล่าวตำหนิไปถึงบั๊คและข้อบกพร่องภายในเกม จนทำให้ประเด็นเรื่องบั๊คของเกมกลายเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้เล่น ล่าสุด จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยประธานของค่าย CD PROJEKT RED ในรายงานผลกำไรของบริษัท เกม Cyberpunk 2077 จะยังมีบั๊คอยู่แม้กระทั่งในเวอร์ชั่นที่วางจำหน่าย แต่จะเป็นเพียงบั๊ค "ระดับต่ำ" เท่านั้น และจะไม่มีบั๊คที่ร้ายแรงมากๆ ในเกมแน่นอน "ในส่วนของบั๊ค แน่นอนว่าเรารับรู้ว่ามันมีอยู่ ซึ่งว่ากันตามตรงมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เกมใหญ่ระดับนี้จะไม่มีข้อบกพร่องเลยซักนิดเดียว แต่แทบทั้งหมดน่าจะเป็นเพียงบั๊คระดับต่ำที่ผู้เล่นไม่น่าจะสังเกติเห็นด้วยซ้ำ และที่สำคัญคือบั๊คที่ถูกตรวจพบก่อนหน้านี้หลายจุดก็ได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว มั่นใจได้ว่าเกมเวอร์ชั่นที่ผู้เล่นได้เล่นจะไม่เหมือนเวอร์ชั่นที่สื่อได้ทดลองแน่นอน" การออกมาพูดครั้งนี้อาจจะพอทำให้บางคนวางใจกับเกมไปได้ไม่มากก็น้อย แต่จะจริงหรือไม่แค่ไหน รอหาคำตอบด้วยตัวเองทาง PS4, Xbox One, PC (และ PS5, Xbox Series X/S) วันที่ 10 ธันวาคมนี้! Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: เลื่อน...วันเปิดเผยรายละเอียด DLC และส่วนเสริมของเกม
เช่นเดียวกับเกม The Witcher 3 ลูกรักของค่าย เกม Cyberpunk 2077 ของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เองก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะมี DLC และส่วนเสริมเนื้อเรื่องเพิ่มเติมตามมาหลังวางจำหน่ายอีกมากมายเลยทีเดียว (ทั้งแบบแจกฟรีและแบบจ่ายตัง) โดยก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเคยบอกว่าจะเปิดเผยรายละเอียดส่วนนี้ก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย แต่ล่าสุด! ดูเหมือนว่าโรคเลื่อนของผู้พัฒนาจะยังไม่หายดี เมื่อประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kiciński ได้เปิดเผยในรายงานผลกำไรของบริษัทว่าการเปิดเผยรายละเอียดส่วนเสริมเหล่านี้จะถูกเลื่อนออกไปหลังวันวางจำหน่ายเกม เช่นเดียวกับรายละเอียดเรื่องโหมด Multiplayer นั่นเอง "แผนดั้งเดิมของเราคือจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนเสริมทั้วหมดก่อนวางจำหน่ายเกม แต่เพราะการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งที่ผ่านมา เราจึงอยากจะมุ่งปล่อยเกมให้ผู้เล่นก่อนค่อยเริ่มพูดถึงอนาคต เราจึงตัดสินใจว่าจะเลื่อนการประกาศข้อมูลเหล่านี้ไปหลังวันวางจำหน่าย" ในส่วนของโหมด Multiplayer ของเกม คุณ Adam กล่าวย้ำคำเดิมที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ โดยเขาบอกว่าโหมดที่ว่าจะไม่ใช่โหมดใหม่ในเกม Cyberpunk 2077 แต่จะเป็นสินค้าที่แยกออกมาของตัวเองที่ตั้งอยู่ในจักรวาลเดียวกัน ที่ต่อยอดมาจากพื้นฐานเกมเพลย์เดียวกันเท่านั้น แต่รายละเอียดจะเปิดเผยหลังจากที่เกมตัวหลักออก แม้จะน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมมากกว่านี้ แต่ในอีกมุมก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะการพูดถึงรายละเอียดส่วนเสริมอาจจะมีข้อมูลที่เป็นการสปอยเกมต้นฉบับได้ และการที่เราได้มีโอกาสเล่นเกมก่อนอาจจะทำให้เราเข้าใจบริบทของส่วนเสริมมากขึ้น และรู้สึกตื่นเต้นกับมันมากกว่าเก่าก็เป็นได้ Cyberpunk 2077 มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (สามารถเล่นบน PS5, Xbox Series X/S ได้ด้วย) Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: Keanu Reeves ได้ลองเล่นเกมแล้ว และเขาชอบมันมากๆ
ใกล้เข้ามา(อีก)แล้วกับวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ที่คราวนี้เหล่าผู้บริหารนั่งยันนอนยันสุดชีวิตว่าไม่เลื่อนอีกแน่นอน! ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็เริ่มมีคนที่ได้เล่นเกมตัวเต็มไปบ้างแล้วเป็นบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับแผ่นหลุดไปก่อนหน้านี้ ไปจนถึงผู้พัฒนาเกมที่เล่นไปแล้วกว่า 175 ชั่วโมง อีกคนหนึ่งที่ดูจะได้เล่นเกม Cyberpunk 2077 ตัวเต็มไปแล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือนักแสดง Keanu Reeves ผู้รับบท Johnny Silverhand ในเกมนั่นเอง! โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kiciński ในรายงานผลกำไรไตรมาศล่าสุดของค่าย ภายในรายงานดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับคุณ Adam ว่า Keanu Reeves ได้ทดลองเล่นเกมที่เขาร่วมสร้างแล้วหรือยัง โดยคุณ Adam ตอบว่า "เขาได้ลองเล่นเกมแล้ว แต่เท่าที่ผมรู้คือยังเล่นไม่จบนะ แต่เขาได้เล่นเกมแล้วแน่ๆ และเขาก็ชอบมันมากๆ เลย" เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่คิดว่าคุณ Adam เขาจะตอบเป็นแบบอื่นๆ ได้น่ะนะ ได้แต่หวังว่าทั้งคุณ Adam และ Keanu จะไม่ขี้จุ๊ผู้เล่นก็แล้วกัน! Credit: Gaming Bolt 
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ผู้บริหาร CD PROJEKT RED วอนนักลงทุนวางใจ ไม่มีการเลื่อนอีกแน่นอน!
เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางผู้บริหารค่าย CD PROJEKT RED ได้มีการประชุมเพื่อแจ้งผลกำไรของบริษัทต่อผู้ถือหุ้น โดยมีประเด็นที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์อยู่สองประเด็นด้วยกัน อย่างแรกคือยอดขายของเกมตระกูล The Witcher (1-3, Gwent) ที่ยังคงมาแรงจนสามารถทำกำไรจากเกมไปได้ถึง $28 ล้าน (เหรียญสหรัฐ) ในช่วงไตรมาสธุรกิจที่ผ่านมา ส่วนประเด็นที่สอง คือการยืนยันอย่างหนักแน่นกว่าเดิมว่าเกม Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายตามกำหนดการล่าสุด วันที่ 10 ธันวาคมนี้อย่างแน่นอน! สำหรับหลายๆ คน ประเด็นเรื่องวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่มิใช่น้อย จากท่าทีของผู้บริหารค่ายที่ดูจะไม่กล้าฝันธงวันวางจำหน่ายนี้หลังจากที่ประกาศเลื่อนใหม่ๆ รวมไปถึงข่าวหลุดข่าวลือจำนวนมากว่าเกมอาจถูกเลื่อนออกไปวางจำหน่ายปีหน้าเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยการที่แผ่นเกมถูกส่งออกไปยังตัวแทนจำหน่ายแล้วหลายแห่ง รวมไปถึงการที่มีแผ่นเกมหลุดออกไปสู่มือผู้เล่นบ้างแล้ว ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้เกือบ 100% ว่าเกมคงไม่เลื่อนวันวางจำหน่ายอีกแล้ว แต่ก็คงไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จนกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายเกม 10 ธันวาคมนี้จ้า! Credit: PCGamer
26 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ความเห็นเพิ่มเติมจากสื่อที่ลองเล่น ตอบคำถามสุดร้อนแรงจากผู้เล่น 11 ข้อ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ออกอากาศรายการ Night City Wire #5 จนจบ ก็มีสื่อมวลชนจากต่างประเทศหลายๆ สำนักที่เริ่มตีพิมพ์บทความพรีวิวเกม Cyberpunk 2077 ที่บอกเล่าประสบการณ์และความรู้สึกของสื่อมวลชนเหล่านี้ หลังจากที่ได้มีโอกาสทดลองเล่นเกมกันไปถึงคนละ 16 ชั่วโมงเต็ม หนึ่งในสื่อที่ออกมาบรรยายความรู้สึกดังกล่าวก็คือเว็บข่าวเกมชื่อดัง IGN โดยแม้ว่าในบทความดังกล่าวจะกล่าวถึงเกมไปแล้วในหลายแง่มุม (อ่านสรุปความเห็นสื่อมวลชนได้ที่ > ลิงค์) แต่ก็ยังมีประเด็นร้อนแรงมากมายที่ผู้เล่นอยากจะได้คำตอบ แต่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความของเว็บ เพื่อตอบคำถามคาใจของเกมเมอร์ ผู้สื่อข่าวที่ได้ทดลองเล่นเกมคุณ Tom Marks จึงได้ปล่อยคลิปวิดีโอตอบคำถามสุดฮ๊อตจากฝั่งผู้เล่นมากถึง 11 ข้อด้วยกัน จะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง ไปอ่านบทสรุปของ GameFever ได้เลย! การขับรถรู้สึกอย่างไร? สำหรับประเด็นแรกที่พูดถึงคือเรื่องของการขับรถ โดยผู้เล่นหลายคนตั้งคำถามถึงความรู้สึกของการขับรถในเกมว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน คุณ Tom กล่าวว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าการขับรถในเกมมีความโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ คือไม่ได้จะบอกว่าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเกมขับรถตรงๆ คุณ Tom กล่าวว่าเขาชอบรายละเอียดภายในของรถแต่ละคันมาก เพราะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างรถแต่ละรุ่น ในแง่ของความเร็ว คุณ Tom กล่าวว่ารถที่เขาได้ขับในช่วงต้นๆ ของเกมนั้นค่อนข้างอืดอาดมาก แต่พอเล่นไปซักพัก เขาก็มีโอกาสขโมยรุสปอร์ตราคาแพงมาใช้ และทำให้การขับรถรู้สึกเร็วขึ้นเยอะ คุณ Tom บอกว่าเขาชอบการขับรถมอเตอร์ไซค์มากกว่ารถยนตร์ เพราะมันมีความคล่องตัวสูงกว่า ทำให้สามารถขับรถซอกแซกตามถนนหนทางของเมือง Night City ได้ดีกว่า  ถนนในเกมจะโล่งๆ ร้างๆ เหมือนที่เห็นในตัวอย่างไหม? จากตัวอย่างเกมเพลย์หลายๆ คลิปที่ปล่อยออกมา มีฉากหลายฉากที่แสดงให้เห็นถนนของเมือง Night City ที่แลดูโล่งๆ ไม่ค่อยมี NPC หนาตาเหมือนในตัวอย่างที่ปล่อยออกมาแรกๆ ทำให้ผู้เล่นหลายคนเป็นห่วงว่าเมืองของเกมตัวเต็มจะร้างแบบเดียวกันไหม? คุณ Tom กล่าวว่าเขารู้สึกว่าความรู้สึก "ร้างๆ โล่งๆ" ที่ว่านี่น่าจะเป็นเหตุมาจากคลิปตัวอย่างซะเองมากกว่าตัวเกม เพราะจากที่เขาเล่นมา เขาบอกว่าแม้จะมีบางพื้นที่ในเมือง (เช่นบริเวณชานเมืองหรือเขต Badlands) อาจจะไม่ค่อยมีคนมาก แต่ในเขตกลางเมือง หรือตามสถานที่อย่างตลาดหรือย่านการค้า ก็ยังมี NPC เดินกันขวักไขว่ไปหมดแน่นอน คุณ Tom ก็กล่าวด้วยว่าแต่ละเขตในเกมจะมีตัวตนที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้คุณ Tom ไม่ได้รู้สึกขัดที่เกมบางเขตไม่ได้มีผู้คน ทั้งนี้ คุณ Tom ก็มีข้อตำหนิเล็กน้อย โดยเขาบอกว่าแม้ในบางฉากจะมีผู้คนและร้านค้ามากมาย แต่มักจะมีเพียงส่วนน้อยที่ผู้เล่นจะสามารถเข้าไปปฏิสัมพันธ์ด้วยได้จริงๆ และส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนเพียงของประกอบฉากเท่านั้น ซึ่งคุณ Tom บอกว่าแอบรู้สึกผิดหวังกับจุดนี้ แต่ก็คงไม่ถึงกับใช้คำว่าโลกของเกมมัน "ร้าง" ไปเลยเช่นกัน มีอาคารที่เราสามารถเข้าไปสำรวจได้มากน้อยแค่ไหน? สำหรับคำถามนี้ คุณ Tom ตอบตรงๆ เลยว่ามีอยู่ "ไม่มาก" กระทั่งอาคารที่เราสามารถเข้าไปได้ (เช่นตึกอพาร์ตเมนต์ของ V) ก็ใช่ว่าเราจะสามารถสำรวจอาคารทั้งอาคารได้อย่างอิสระ โดยในตัวอย่างของตึกอพาร์ตเมนต์ เขาบอกว่าเราจะสามารถเลือกสำรวจได้จริงๆ เพียง 2-3 ห้องเท่านั้น แต่คุณ Tom กล่าวว่าเมื่อได้เล่นจริงๆ เขาก็ค้นพบว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับจุดนี้เท่าไหร่ เพราะ 1. เขารู้สึกว่าผู้เล่นไม่น่าจะมีเหตุผลให้ต้องเข้าไปในอาคารส่วนใหญ่ๆ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Night City และ 2. เขาพบว่าอาคารหลายอาคารที่เขาเข้าไปไม่ได้ มักจะมีประตูที่ถูกล๊อคเอาไว้ ทำให้เขาเชื่อว่าเราจะสามารถเข้าไปในตึกเหล่านี้จนได้ในภายหลัง โดยอาจจะต้องเข้าไปเพื่อทำภารกิจเฉพาะ กล่าวโดยสรุป คุณ Tom บอกว่าแม้ว่าผู้เล่นจะ "ไม่สามารถเดินเข้าตึกไหนก็ได้" อย่างอิสระ แต่ภารกิจทั้งหลายในเกมก็อาจจะ "ส่งผู้เล่นเข้าไปในตึกไหนก็ได้" ทุกเมื่อเหมือนกัน ซึ่งแม้จะไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว แต่ในทางปฏิบัติเขาพบว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการเล่น และทำให้เกมมีโอกาสพาผู้เล่นเข้าไปสำรวจมุมใหม่ๆ ในเขตเดิมๆ ได้ตลอด การต่อสู้ระยะประชิดเป็นอย่างไร? คุณ Tom กล่าวว่าสำหรับเขา การต่อสู้ระยะประชิดในเกมอยู่ในระดับที่ "พอใช้" เท่านั้น แต่เขาก็รีบเสริมว่าโดยส่วนตัวแล้วเขาก็ค่อนข้าง "เฉยๆ" กับระบบต่อสู้โดยรวมอยู่แล้วเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ ซึ่งการต่อสู้ระยะประชิดก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้จะบอกว่าการต่อสู้ระยะประชิด (หรือการต่อสู้โดยรวม) จะไม่สนุก แต่อาจจะเป็นจุดที่โดดเด่นน้อยกว่าจุดอื่นๆ เขาได้ค้นพบดาบคาตะนะเล่มหนึ่งระหว่างที่เล่น และเขาสนุกกับการใช้มันมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาสามารถผนวกระบบสกิลและระบบการปรับแต่งร่างกาขเข้าไปเพื่อเอื้อต่อการเล่นดาบโดยตรงมากขึ้น ระบบต่อสู้ระยะประชิดของเกมค่อนข้างเรียบง่าย มีการโจมตีหนัก-เบา / มีการปัดป้องการโจมตีศัตรูด้วยการกดป้องกันให้ถูกจังหวะ / ฯลฯ เกมจะมีกิจกรรมการต่อสู้มือเปล่าให้ทำเต็มไปหมด แม้เขาจะไม่ได้มีโอกาสลองเล่นกับระบบการต่อสู้ประชิดมากนัก และคุณ Tom ก็ไม่ได้รู้สึกว่าระบบการต่อสู้ระยะประชิดของเกมในขณะนี้ "ลึก" พอจะทำให้เขาเลือกเล่นตัวละครสายประชิดไปเลย แต่เขาก็คิดว่าระบบต่อสู้ของเกมถือเป็นรากฐานที่ดี ที่สามารถต่อยอดไปได้อีกมากเมื่อเล่นเกมไปเรื่อยๆ ทางเลือก Lifepath ของผู้เล่นส่งผลต่อเกมมากไหม? คุณ Tom บอกว่าการเลือก Lifepath เป็นตัวเลือกที่ส่งผลใหญ่หลวงต่อเกมแน่นอน โดยเขายกตัวอย่างว่าเขาเองเลือกเล่นเป็น Corpo ทำให้ได้รับตัวเลือกบทสนทนามากขึ้นเมื่อคุยกับ NPC ชนิดนักธุรกิจ ทำให้สามารถคลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ต้องคิดอะไรมาก อย่างน้อยก็จากระยะเวลา 16 ชั่วโมงที่เขาได้เล่นเกม แต่ไม่รู้ว่าถ้าเล่นไปเรื่อยๆ จะเริ่มมีผลมาขึ้นไหม ในขณะเดียวกัน คุณ Tom ยอมรับว่าถ้าเขาเลือกเล่น Lifepath อื่นๆ อาจจะทำให้เหตุการณ์หลายอย่างที่เขาพบดำเนินไปอีกแบบหนึ่งอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ใหญ่หลวงมากจนทำให้แต่ละ Lifepath แตกต่างกันราวกับเป็นคนละเกมไปเลยเช่นกัน การปรับแต่งหน้าตาหรือเสื้อผ้าของตัวละครจะส่งผลต่อเกมหรือไม่/แค่ไหน? คำตอบคือไม่มาก (หรือไม่เลย) โดยคุณ Tom กล่าวว่าเขามักจะบอกกับเพื่อนๆ สื่อมวลชนเสมอว่าให้ใส่ใจเลือกเล็บของตัวละครให้ดีๆ เพราะมันคืออวัยวะที่คุณจะได้เห็นบ่อยที่สุดแล้วในเกม แม้จะได้เห็นหน้าตาตัวละครทุกครั้งที่เข้าเมนูเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ แต่เกมก็ไม่มีคัตซีนมุมมองบุคคลที่ 3 ให้เราเห็นตัวละครของเราเดินไปมาแต่อย่างใด จึงอาจจะบอกได้ว่ารูปลักษณ์ของตัวละครจะไม่ได้มีผลต่อเกมมากขนาดนั้น ระบบคลาสในเกมเป็นอย่างไร? สามารถเลือกผสมความสามารถข้ามสายได้มากน้อยแค่ไหน? ระบบ Perk และ Skill จะเป็นการเพิ่มตัวเลขเป็น % เฉยๆ หรือจะสามารถเปลี่ยนวิธีการเล่นไปเลย? คุณ Tom ยอมรับว่าด้วยระยะเวลาอันจำกัดที่เขาได้ทดสอบเกม ทำให้เขาไม่ได้ใช้เวลาไปกับการสำรวจระบบสกิลอย่างลึกซึ้งนัก เขาอธิบายว่าเกมนี้จะไม่ได้มีระบบคลาสตายตัวเหมือน RPG ทั่วไป แต่จะเน้นการเลือกอัปทักษะหรือสกิลที่ต้องการไปเลย ทำให้เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นมาก นอกจากนี้ เกมยังมีระบบที่จะมอบค่าประสบการณ์ให้กับสกิลหรือความสามารถที่เราใช้บ่อยๆ โดยอัตโนมัติด้วย ในกรณีของคุณ Tom เขาเริ่มเล่นเกมด้วยการเน้นค่าสถานะ Body ที่เน้นความแข็งแรงทนทานของร่างกายโดยตรง แต่เมื่อเขาเล่นไปเรื่อยๆ เขากลับพบเขาใช้สกิล Hacking บ่อยมาก และเห็นว่า Perk สาย0 Hacking ของเขาก็ได้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นไปด้วยแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจอัปเองก็ตาม ในส่วนของ Perk คุณ Tom ยอมรับว่ามีบางส่วนที่เป็นเพียงการเพิ่มตัวเลขเป็น % เท่านั้น (เช่นรับความเสียหายน้อยลง 10% เป็นต้น) แต่ก็มี Perk ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์โดยตรงเช่นกัน คุณ Tom ยกตัวอย่าง Perk หนึ่งที่อยู่ในหมวดของค่าสถานะ Cool ที่ชื่อว่า Cold Blooded ที่จะมอบบัฟให้ผู้เล่นทุกครั้งที่ฆ่าศัตรูได้ โดยเราสามารถเลือกอัป Perk อื่นๆ ผสมกันเพื่อทำให้บัฟ Cold Blooded แสดงผลเปลี่ยนไปได้ เช่น Perk หนึ่งอาจจะเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ อีก Perk อาจเพิ่มความเร็วในการเติมกระสุน โดยแม้จะฟังดูเหมือนเป็นความสามารถติดตัวมากกว่า แต่ก็เป็นการเพิ่ม "วิธีเล่น" หรือ "ระบบใหม่" ที่ไม่มีมาก่อนถ้าคุณไม่ได้อัปมันเช่นกัน ทำไมคุณถึงดูจะไม่ค่อยถูกใจระบบการยิงปืนในเกมเลย? ประเด็นหนึ่งที่คุณ Tom กล่าวถึงในบทความของเขา คือเขาไม่ได้รู้สึกประทับใจกับระบบต่อสู้หรือยิงปืนเป็นพิเศษ คุณ Tom ขยายความว่าในขณะที่เขายังไม่ได้เข้าถึงระบบการพัฒนาตัวละครหรืออาวุธขั้นสูง เขารู้สึกว่าระบบยิงปืนค่อนข้าง "เฉยๆ" เมื่อวัดด้วยมาตรฐานของเกม FPS ทั่วไป ไม่ได้ดีหรือแย่เป็นพิเศษอะไรเลย เขาพบว่าศัตรูในเกมตายค่อนข้างยาก แถมปืนช่วงต้นๆ ยังถีบแรงเป็นม้าจนยิงลำบาก แต่เขาบอกว่าข้อตำหนิในใจเขาค่อยๆ มลายหายไปเมื่อเขาเริ่มเข้าถึงระบบพัฒนาตัวละครทั้งหลายที่กล่าวถึงไป ที่มอบทางเลือกในการเล่นมากขึ้น จนไม่รู้สึกว่าเกมสามารถจำกัดความด้วยมาตรฐานของ FPS ได้อีกต่อไป เขาสรุปว่าเขาคงยังไม่สามารถวิจารณ์ระบบอย่างจริงจังได้ในขณะนี้ และคิดว่าเป็นเรื่องที่แต่ละคนน่าจะต้องลองเล่นเองมากกว่าจึงจะเข้าใจ ระดับความยากของเกมเป็นอย่างไร? เกมจะแบ่งระดับความยากให้เลือกทั้งหมด 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับ Story ที่ปรับเกมให้ง่ายสำหรับคนที่ต้องการเสพเนื้อเรื่องอย่างเดียว ไปจนถึงระดับ Hard และ Very Hard คุณ Tom กล่าวว่าเขาเล่นเกมในระดับปกติหรือ Normal ซึ่งเขาบอกว่ามีจังหวะที่รู้สึกว่าเกมท้าทายเรา และบังคับให้เราต้องใช้สมองในการแก้ปัญหาจริงๆ เกมเปิดช่องให้เราทำผิดพลาดไม่มาก และคุณ Tom บอกว่าเขามักจะกด Quick Save ทุกครั้งก่อนการต่อสู้เพราะรู้ว่าสามารถพลาดพลั้งได้เสมอ ไม่ว่าจะในแง่ของการต่อสู้หรือตัวเลือกบทสนทนาหลังการต่อสู้ แต่ก็อาจจะขึ้นอยู่กับภารกิจด้วย เพราะบางภารกิจก็อาจจะพาเราไปยังเขตที่มีศัตรูระดับสูงๆ ในขณะที่บางภารกิจก็อาจจะวนเวียนอยู่แต่ในเขตระดับต่ำ ทำให้มีความหลากหลายในระดับความยากของเกม Pacing ของเกมเป็นอย่างไรถ้าเปรียบเทียบกับ Red Dead Redemption 2? *Pacing หมายถึงจังหวะหรือ "ความเร็ว" ในการดำเนินเรื่อง คุณ Tom ออกตัวก่อนว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบเกม Red Dead Redemption 2 ขนาดนั้น แม้เขาจะยอมรับว่ามันเป็นเกมที่สุดยอดในแง่ของกราฟิก แต่คุณ Tom ก็รู้สึกว่าเกมมี Pacing ที่ช้ามากเกินไปจนเขาเล่นเกมไม่ค่อยสนุกเลย เขาบอกว่า CP2077 ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะบอกว่าเกมมี Pacing ค่อนข้างยืดยาด แต่มันเป็นความยืดยาดแบบ RPG คลาสสิคมากกว่า โดยเขาเปรียบเทียบกับเกมอย่าง Divinity: Original Sin ที่ให้ผู้เล่นใช้เวลาอยู่ในเมืองเริ่มต้นหลายชั่วโมงกว่าจะได้ออกสู่โลกกว้าง ทั้งนี้ เขาไม่ได้จะบอกว่า CP2077 จะช้าขนาดนั้น (เพราะไม่งั้นก็คงช้าไปเหมือนกัน) แต่มันเป็น "ความรู้สึก" แบบเดียวกันมากกว่า กล่าวคือเกมไม่ได้เพ่งไปสนใจฉากแอ๊คชั่นเลือดพล่านสาดกระสุนเพียงอย่างเดียว แต่มักจะให้เวลากับการสร้างโลกหรือตัวละครในมุมเงียบๆ มากกว่า ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะสื่อในบทความ เกมจะมีเนื้อหาที่เปิดให้เล่นซ้ำได้เรื่อยๆ บ้างไหม? หรือว่าเป็นเกมที่มีเนื้อหาจำกัดและเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำทุกอย่างจนครบได้? คุณ Tom กล่าวว่าเขาเพิ่งเล่นเกมไปเพียง 16 ชั่วโมง จึงยังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้จริงๆ เขาบอกว่าจากที่เขาเล่นมาเอง ยังไม่พบอะไรในลักษณะนั้น แต่ก็ไม่แน่ว่าพอเล่นไปเรื่อยๆ อาจจะมีอยู่ได้เช่นกัน ขอบคุณเนื้อหาดั้งเดิมจาก: IGN
25 Nov 2020
Cyberpunk 2077: สรุปความเห็นจากสื่อต่างประเทศที่ได้ทดลองเล่นเกม!
เมื่อคืนนี้ (11/20/2020) ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ทำการออกอากาศรายการ Night City Wire #5 ตอนสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งนอกจากจะเน้นการพูดถึงหนึ่งในตัวละครหลักในเกมอย่าง Johnny Silverhand แล้ว ยังมีการแสดงตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่จากเกม ที่แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมมากมายที่ผู้เล่นจะสามารถทำได้ในเมือง Night City ของเกม นอกจากนี้ หลังจากที่รายการจบลง ก็ได้มีสื่อต่างชาติหลายสำนักที่เปิดเผยว่าพวกเขาได้ทดลองเล่นเกม Cyberpunk 2077 มาแล้วกว่า 16 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับปล่อยบทความที่บรรยายถึงประสบการณ์และความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเกมอีกด้วย เราจึงได้รวบรวมความเห็นหลักๆ ของสื่อแต่ละสำนักมาไว้ให้แล้ว เพื่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถรับรู้ถึงสภาพของเกมในปัจจุบัน IGN: พรีวิวโดยคุณ Tom Marks ใช้เวลาเล่นราว 6 ชั่วโมงก่อนจะจบส่วน Tutorial ของเกม (เริ่มสาย Corpo) เวลา 16 ชั่วโมงที่ใช้ไป รู้สึกเหมือนยังเข้าถึงเกมแค่ระดับพื้นผิวเท่านั้น ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมหาศาล เนื้อเรื่องเปิดมาค่อนข้างเนิบ แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้มข้น แผนที่ของเกมไม่ใหญ่มาก และไม่สามารถเดินเข้าอาคารอะไรก็ได้อย่างอิสระ แต่อัดรายละเอียดเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้ว คุณ Tom บอกว่าสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือการขับรถวนในเมือง Night City ไปเรื่อยๆ เพราะฉากของเกมออกแบบมาให้น่าค้นหามากๆ มีรายละเอียดสนุกๆ ให้มองหาตลอด คุณสามารถสำรวจแผนที่ทั้งหมดได้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่ศัตรูในเขตบางเขตอาจจะเลเวลสูงเกินกว่าจะรับมือไหวในตอนแรก เมื่อเข้าสู่เขตใหม่ของเมือง จะมี NPC โทรมาบอกจุดสนใจทั้งหมดในเขตนั้น นอกจากภารกิจเสริมและภารกิจหลัก ยังมีกิจกรรมเล็กน้อยให้ทำอีกเยอะมากๆ ในแต่ละเขต คนที่คาดหวังเกมเพลย์แบบแอคชั่นดุเดือดเลือดพล่านอาจจะผิดหวัง เพราะระบบต่อสู้มีความช้าๆ เหมือนเกม RPG อย่าง Fallout 4 มากกว่า ระบบต่อสู้ช่วงแรกจำกัดมากๆ แต่เมื่อเริ่มปลดล๊อคอาวุธและความสามารถเพิ่มขึ้นก็พบว่าเกมมอบทางเลือกให้เยอะมากๆ เทียบกับเกมแนวเดียวกัน คุณ Tom ยกตัวอย่างว่าเขาได้พบกับปืนไรเฟิลระดับสูงกระบอกหนึ่งที่สามารถยิงทะลุกำแพงได้ เขาจึงใช้คู่กับ cyberware ที่สามารถมาร์คตำแหน่งศัตรูได้ และเน้นยิงศัตรูจากห้องข้างๆ แทน ด้วยความที่เป็นเมือง ทำให้เราไม่ค่อยเจอศัตรูยืนโดดๆ อยู่ใน Open World เท่าไหร่ โดยคุณ Tom กล่าวว่าเขาสามารถเล่นเกมเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่ได้ต่อสู้กับใครเลย และหลายๆ ครั้งต้องตั้งใจเดินหาศัตรูเมื่ออยากต่อสู้ คุณ Tom ได้ทดลองเล่นเกมเวอร์ชั่นที่อยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งเขาบอกว่ามีบั๊คอยู่เยอะมากๆ และเขาพบกับบั๊คที่ทำให้ดำเนินเนื้อเรื่องต่อไม่ได้ด้วย หนึ่งในข้อติใหญ่ๆ ที่คุณ Tom พูดถึงคือการที่หน้าเมนูภารกิจของเกมจะเพิ่มภารกิจเข้ามาเองโดยอัตโนมัติทีละเยอะมากๆ แต่ไม่ค่อยให้ข้อมูลอะไรเลย เช่นว่าภารกิจนี้จะให้รางวัลอะไรบ้าง หรือภารกิจนี้เหมาะกับช่วงเลเวลเท่าไหร่ (มีบอกแค่ระดับความยาก) ทำให้คุณ Tom รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ถูกว่าควรไปทำอะไรก่อน-หลังดี แต่แม้จะเจอบั๊คมากมาย คุณ Tom ก็ยังบอกว่าการได้ลองเล่นเกมด้วยตัวเองครั้งนี้ยิ่งทำให้เขาอยากเล่นเกมเต็มๆ มากขึ้นไปอีก Gamespot: พรีวิวโดยคุณ Phil Hornshaw *บทความเต็มมีสปอยเนื้อหาของภารกิจเสริมเยอะพอสมควร จึงขอสรุปมาเป็นความเห็นย่อๆ เพื่อกันสปอย บทความของคุณ Phil เน้นพูดถึงตัวละครเสริมในเกม และการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเหล่านี้ เกมให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมาก จากตัวอย่างที่เขายกมา คุณ Phil กล่าวว่าเขาได้สานสัมพันธ์อันดีเอาไว้กับ NPC ตัวหนึ่ง ทำให้ NPC ตัวนั้นคอยเมสเสจมาถามไถ่เขาเกี่ยวกับเกมอยู่เรื่อยๆ (บางคนถึงกับมอบภารกิจเสริมเพิ่มเติมให้ด้วย) ซึ่งถ้าเราไม่ตอบแชตของ NPC ไปเรื่อยๆ หรือถ้าพูดจากับเขาไม่ดี พวกเขาก็อาจจะตัดสัมพันธ์กับเราไปเลยได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะทำให้พลาดภารกิจของพวกเขาไปด้วย คุณ Phil พูดถึงทางเลือกต่างๆ ในเกม ที่สามารถส่งผลต่อโลกของเกมอย่างใหญ่หลวง โดยเขาอธิบายว่าเขาได้ลองเล่นภารกิจเนื้อเรื่องหนึ่งที่เคยเล่นมาตอนทีไ่ด้พรีวิว 4 ชั่วโมงรอบก่อนหน้านี้ แต่เปลี่ยนทางเลือกของตัวเองทั้งหมด ซึ่งจุดจบของภารกิจก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเกมในหลายๆ แง่ ความสัมพันธ์ระหว่าง Johnny Silverhand และ V จะมีความสำคัญอย่างมากต่อเกม ผู้เล่นจะสามารถเลือกที่จะคุยกับเขาดีๆ เพื่อสานสัมพันธ์ก็ได้ หรือจะชวนทะเลาะกับเขาไปเลยก็ได้ โดยคุณ Phil สันนิษฐานว่าสภาพความสัมพันธ์นี้จะส่งผลสำคัญต่อทิศทางของเนื้อเรื่องและตอนจบแน่นอน  คุณ Phil ได้มีโอกาสทดลองเล่นฉากเซ๊กส์ในเกมด้วย โดยเขาอธิบายว่าฉากเซ๊กส์ในเกมนี้จะแสดงในมุมมองบุคคลที่ 1 ทั้งหมด และเขายังบอกว่าฉากเหล่านี้มีความ "ล่อแหลม" กว่าฉากในเกม The Witcher 3 ซะอีก แต่กระทั่งในแง่ของเซ๊กส์ก็ยังมีพื้นที่ให้เกมสอดใส้ประเด็นเรื่อง "ความเป็นมนุษย์" เข้ามา เช่นฉากหนึ่งที่ V เข้าไปในซ่องระดับไฮโซที่สามารถแสกนหา "ความต้องการ" ของเหล่าลูกค้าและเลือกโสเภณีที่เหมาะสมให้ โดยเมื่อคุณ Phil เข้าไปในห้อง เขากลับพบว่าไม่มีฉากเซ๊กส์ แต่กลับเป็นฉากที่ V และโสเภณีนอนจับมือกันเฉยๆ และพูดคุยถึงชีวิตในเมือง Night City ซึ่งคุณ Phil มองว่ามีความลึกซึ้งกินใจในระดับที่เขาไม่คาดคิดเลยทีเดียว PCGamer: พรีวิวโดยคุณ Andy Kelly คุณ Andy เปิดบทความด้วยการพูดถึงดาบคาตะนะระดับสูงที่เขาพบในเกม และพูดถึงความสนุกของการใช้ดาบในการต่อสู้ โดยเขาถึงกับบอกว่าทันทีที่เริ่มใช้ดาบคล่อง เขาก็ไม่อยากกลับไปจับปืนอีกเลย เกมจะมีสกิลเฉพาะสำหรับอาวุธแต่ละชนิดเยอะมากๆ ทำให้คุณสามารถเลือกใช้อาวุธที่อยากใช้ได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะสู้อาวุธชนิดอื่นไม่ได้ ต่อให้ใช้ดาบก็เคลียร์ฐานศัตรูที่ใช้ปืนได้ตราบใดที่อัปสกิลมาดี คุณ Andy เปรียบเกม Cyberpunk 2077 กับเกมตระกูล Deus Ex ของค่าย Eidos Montreal ที่เปิดช่องทางให้ผู้เล่นทำภารกิจได้อย่างหลากหลายมาก ในตัวอย่างที่เขายกมา เขาได้รับมอบหมายให้ลักลอบเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง โดยในระหว่างที่เขากำลังสำรวจอาคารดังกล่าวจากภายนอก เขาค้นพบว่าจะมีรถบรรทุกขับเข้า-ออกอาคารอย่างสม่ำเสมอ เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีปล้นรถบรรทุกคันหนึ่งและขับมันเข้าไปในอาคารตรงๆ เลย แถมรปภ.หน้าอาคารยังโบกมือทักทายเขาด้วย นอกจากวิธีปล้นรถแล้ว คุณ Andy ยังบอกด้วยว่าเขาพบเส้นทางที่จะลอบเข้าไปในตึกอีกอย่างน้อยสองทาง โดยคุณ Andy กล่าวว่าเขารู้สึกได้จริงๆ ว่าเกมต้องการให้ผู้เล่นสามารถคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาอย่างอิสระจริงๆ คุณ Andy เล่าว่าเขาเลือกเล่น Lifepath Corpo ต่างจากครั้งที่เขาได้ทดลองเล่นเกม 4 ชั่วโมงเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ที่เขาเลือกเล่นเป็น Nomad โดยเขากล่าวชื่นชมความแตกต่างระหว่าง Lifepath ทั้งสอง ที่ทำให้ตัวละคร V รู้สึกมีตัวตนต่างกันไปเลย ภารกิจเสริมและเนื้อเรื่องหลักคุณภาพสูงมาก ทัดเทียบกับเควสระดับท๊อปในเกม The Witcher 3 ได้สบาย คุณ Andy กล่าวถึงข้อตำหนิของเกมเอาไว้ด้วย โดยเขากล่าวว่าในเดโมที่เขาเล่น เขาต้องพบกับฉากที่เป็น on-rail shooting (การยิงปืนแบบวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดเรื่อยๆ) ซึ่งมักจะให้ V ยื่นตัวออกไปนอกกระจกรถที่คนอื่นขับเพื่อโจมตีศัตรูหรือหุ่นโดรนที่ตามไล่ล่าเรา โดยเขาบอกว่าระบบแบบนี้มันเก่าและเชยไปแล้ว และไม่น่าใส่มาให้เจอบ่อยเท่านี้ เช่นเดียวกับคุณ Tom Marks จาก IGN คุณ Andy เองก็กล่าวตำหนิหน้าเมนูเลือกภารกิจของเกม ที่จะคอยเพิ่มภารกิจเข้ามาเองเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าทำเท่าไหร่ก็ไม่หมด ซึ่งเขามองว่าอาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกท้อได้ โดยเฉพาะคนอย่างคุณ Andy เองที่ชอบเก็บเควสทั้งหมด สิ่งสุดท้ายที่เขาตำหนิคือเรื่องของเสียงรบกวนมากมาย จาก NPC ที่มักจะชอบส่งเมสเสจหรือโทรมาหาเราอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งจากข้อมูลที่คุณ Tom Marks เปิดเผยมา จะไม่สนใจก็ไม่ได้) จนเขารู้สึกว่าตัวเองโดนรบกวนสมาธิเวลาเล่น คุณ Andy กล่าวว่าเขาไม่คิดว่า Cyberpunk 2077 เป็นเกมที่เป็น Next-Gen แต่เป็นเกมที่นำสิ่งที่เกมอื่นๆ ใน Gen ที่ผ่านมาเคยทำมาก่อนแล้ว และขัดเกลามันจนเหมือนใหม่มากกว่า GamesRadar: พรีวิวโดยคุณ Sam Loveridge คุณ Sam เริ่มกล่าวชมตั้งแต่ระบบการสร้างตัวละคร ที่ให้ผู้เล่นสามารถ "สร้าง" V ได้ดั่งใจ ตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงขนาดของหัวนม ทำให้ V ของผู้เล่นแต่ละคนกลายเป็นตัวละครของพวกเขาโดยเฉพาะ ทางเลือกในเกมหลายๆ อย่างมักมีผลกระทบที่คาดไม่ถึง โดยระบบทางเลือกในเกมนี้มีความลึกซึ้งกว่าเกมอื่นๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และคำตอบในบทสนทนาคำตอบหนึ่งอาจจะส่งผลถึงขั้นเปลี่ยนเป้าหมายของภารกิจที่ทำอยู่ไปได้เลย กระทั่งบทสนทนาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร (เช่นบทสนทนาทางเมสเสจกับ NPC) ก็อาจจะส่งผลใหญ่หลวงต่อเกมได้ แต่ทางเลือกที่ว่าไม่ใช่เพียงตัวเลือกบทสนทนาที่กดเลือกปุ่มเดียวเท่านั้น แต่นับรวมการกระทำน้อยใหญ่ทั้งหมดของ V ตั้งแต่เริ่มเกมเลย แค่คุณทำอะไรที่ธรรมดามากๆ ในเกมอื่นเช่นเดินหนี NPC ระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่ก็อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ลำดับที่คุณกระทำบางอย่างก็มีผลต่อเกมเช่นกัน คุณ Sam ยกตัวอย่างว่าในช่วงหนึ่งของเกมเขาได้รับภารกิจเสริมให้ไปทวงหนี้จากตัวละครตัวหนึ่ง แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจภารกิจนั้นและทำเนื้อเรื่องต่อ โดยเขาพบว่าเขาสามารถเลือกตัวเลือกบทสนทนาที่พูดถึง "เงินที่ยังไม่ได้รับ" จากภารกิจเสริมที่ว่านี้ได้ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซะทีเดียว ทำให้เห็นว่าเกมสามารถปรับตัวให้เข้ากับการกระทำ (หรือไม่กระทำ) ของ V ได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เจอบั๊คที่รุนแรงเท่าผู้ทดสอบคนอื่นๆ แต่คุณ Sam ก็บอกว่าเขาสังเกติเห็นบั๊คด้านกราฟิกเยอะมาก โดยแม้ว่าผู้พัฒนา CDPR จะยืนยันว่าพวกเขารับทราบถึงการมีอยู่ของบั๊คเหล่านี้ แต่ด้วยขนาดและความลึกซึ้งของเกม คงจะคาดหวังให้บั๊คที่ว่าทั้งหมดถูกแก้ทันวันวางจำหน่ายยากเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น คุณ Sam ก็บอกว่าเขายังคงเชื่อมั่นในความสุดยอดของเกมนี้เต็มเปี่ยม และเขามั่นใจว่าผู้เล่นหลายๆ คนจะต้องหลงเกมนี้หัวปักหัวปำทันทีที่เริ่มเล่นแน่นอน Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายสำหรับเครื่อง PS4, Xbox One, PC ในวันที่ 10 ธันวาคม โดยเกมจะสามารถทำงานได้บนเครื่อง PS5, Xbox Series X เช่นเดียวกัน และจะมีเวอร์ชั่นปรับปรุงที่สร้างมาสำหรับคอนโซล Gen ใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งจะมอบให้ผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชั่น PS4, Xbox One แบบฟรีๆ ในปี 2021 Credit: Reddit
20 Nov 2020
Exclusive! สนทนากับทีมพัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ของ Cyberpunk 2077
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์สมาชิกจากทีมพัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับเกม Cyberpunk 2077 หลายประเด็น ตั้งแต่การออกแบบเนื้อเรื่องอันสลับซับซ้อนที่ให้อิสระกับผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และระบบการต่อสู้ระยะประชิด ที่พัฒนาต่อยอดมาจากระบบในเกม The Witcher 3 โดยตรง ไปจนถึงคำถามคาใจผู้เล่นหลายๆ คนอย่างเรื่องมุมมองบุคคลที่ 1 ของเกม Q: พวกคุณมักจะพูดเสมอว่าทุกๆ สถานการณ์ในเกม Cyberpunk 2077 จะสามารถตอบสนองต่อทางเลือกของผู้เล่นได้อย่างหลากหลายและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมนิดนึงได้ไหมว่าพวกคุณทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าเกมจะสามารถรับมือกับการกระทำของผู้เล่นได้ทุกอย่างจริงๆ ลองยกตัวอย่างหน่อยได้ไหมว่าเหตุการณ์หนึ่งในเกมมันจะดำเนินไปอย่างไรได้บ้าง Andrzej Zawadzki/AZ (ผู้พัฒนาตำแหน่ง RPG Lead): ประเด็นนี้มันพูดถึงโดยไม่สปอยอะไรเลยยากอ่ะนะ แต่ถ้าจากใจจริงๆ ของเรา เราเชื่อว่าถ้าเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่มันจะมีผลกระทบต่อผู้เสพได้จริงๆ มันจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอย่างที่ชีวิตจริงมักจะทำให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ คือเราไม่สามารถคาดเดาทุกอย่างได้ และเราก็มักจะเซอร์ไพรส์กับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเสมอๆ การจะนำสิ่งนั้นมาใส่ไว้ในเกมเป็นอะไรที่ยากแสนเข็ญเลยล่ะ เพราะเราต้องคำนึงถึงทางเลือกและความคาดหวังทั้งหมดของผู้เล่นต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ในการออกแบบเส้นเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเรื่องหลักหรือไม่ก็ตาม เรามักจะพยายามจินตนาการถึงทุกอย่างที่ผู้เล่นอาจจะทำในแต่ละช่วงเวลา เกมของเราไม่ใช่เกมที่คุณจะสามารถเลือกทางเลือกทั้งหมดได้ด้วยการกดปุ่มๆ หนึ่ง แต่คุณอาจจะรู้สึกรำคาญ NPC จนเดินหนีไปกลางบทสนทนา หรือกระทั่งซัดหน้ามันไปเลยก็ได้ แค่การคิดว่า “เราคาดหวังให้ผู้เล่นทำอะไร” มันตื้นเกินไปสำหรับเรา [caption id="attachment_72856" align="aligncenter" width="400"] Andrzej Zawadzki (รูปจาก Twitter)[/caption] ถ้าให้ยกตัวอย่าง มันมีภารกิจหนึ่งในเกมที่จะส่งคุณไปช่วยหมอที่ถูกขังตัวเอาไว้ในคลินิคแห่งหนึ่งโดยแก๊งหนึ่งของเมือง เมื่อคุณไปถึง คุณก็พบว่าเป้าหมายของคุณกำลังพยายามช่วยชีวิตของสมาชิกแก๊งคนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอถูกแก๊งกักตัวเอาไว้ ตัวละครของคุณจะบอกเธอว่ามันไม่มีเวลาแล้ว และพวกคุณจะต้องออกไปจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ แต่เธอกลับปฏิเสธที่จะละทิ้งคนไข้ของเธอและเอาตัวรอดคนเดียว ทีนี้คุณก็มีทางเลือกละ คุณจะถ่วงเวลารอให้เธอผ่าตัดคนไข้ให้เสร็จไหม หรือจะช่างแม่งแล้วทิ้งเธอไว้ตรงนั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณกำลังใจร้อนและตัดสินใจยิงหัวไอ้คนไข้ให้ตายไปซะเลยล่ะ? มันทำได้จริงในเกมหรือเปล่า? ไว้รอให้คุณไปหาคำตอบเอาเองดีกว่า สิ่งที่เราต้องการจะสื่อคือใน “ชีวิตจริง” ในแทบทุกสถานการณ์มันมักจะมีทางเลือกที่เรามองไม่เห็นในแวบแรก เราอยากให้ผู้เล่นได้มีโอกาสทดลองเล่นกับทางเลือกเหล่านั้น ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่เราใช้ออกแบบแทบทุกส่วนของเกมเลย ทางเลือกมากมายที่เกมจะมอบให้กับผู้เล่นจะไม่เพียงกำหนดตอนจบและเรื่องราวของตัวละครของคุณ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกทางเลือกที่จะสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้คุณได้ แต่อย่างน้อยคุณจะจดจำผลลัพธ์ของทางเลือกเหล่านั้นเพราะมันทำให้คุณรู้สึกเหมือนเกมมัน “เข้าใจตัวตน” ของคุณ Q: Lifepath ทั้ง 3 จะมีตอนจบเหมือนกันไหม หรือว่าจะมีตอนจบเฉพาะของตัวเอง? Paweł Ciemniewski (นักเขียนบทเกม): ระบบ Lifepath ในเกม Cyberpunk 2077 เปรียบเสมือนการเลือก “จุดเริ่มต้น” ของตัวละคร V และผู้เล่นจะได้พบกับเหตุการณ์และตัวละครเฉพาะของแต่ละ Lifepath ในช่วงแรก และสามารถใช้สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาในช่วงต้นเหล่านี้ในการดำเนินเรื่องของเกมที่เหลือเพื่อเข้าถึงเส้นเรื่องที่สร้างมาสำหรับ Lifepath แต่ละอันโดยเฉพาะ อาจจะเป็นตัวเลือกบทสนทนาที่เปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในเนื้อเรื่อง หรืออาจจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครที่เราได้รู้จักภายหลัง ทำให้เรามีความได้เปรียบพวกเขาในการต่อรองเป็นต้น [caption id="attachment_72859" align="aligncenter" width="400"] Paweł Ciemniewski (รูปจาก Twitter)[/caption] ทางเลือกทั้งหมดในเกมจะสามารถนำไปสู่ตอนจบอันหลากหลายของเกมได้ แต่ไม่มีตอนจบใดที่ผูกอยู่กับ Lifepath ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นอย่างไร เรื่องราวของคุณก็ยังสามารถมาบรรจบลงที่ตอนจบไหนก็ได้ในเกม แต่ในขณะเดียวกัน ตอนจบแต่ละแบบก็จะคำนึงถึง Lifepath ของผู้เล่นด้วย เพื่อสร้างความรู้สึกที่ว่าผู้เล่นคือคนที่สร้างตัวละครนี้มาเอง และทางเลือกทั้งหมดของเขาคือสิ่งที่นำพาเขามาสู่ตอนจบที่ได้พบ Q: เราสามารถปรับแต่งร่างกายของ V ได้แค่ไหน? สามารถปรับจนกลายเป็น Cyborg เต็มตัวไปเลยได้ไหม? มีเครื่องจักร cyberware อะไรบ้างที่พวกคุณชอบเป็นพิเศษ? AZ: การปรับแต่งร่างกายเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญมากๆ อยู่แล้วในธีม Cyberpunk ซึ่งแน่นอนว่าเราก็มีทางเลือกการปรับแต่งร่างกายให้เลือกมากมาย ตั้งแต่การปรับแต่งผิวหนังไปจนถึงการปลูกถ่ายอวัยวะจักรกล หรืออาจจะปลูกถ่ายทั้งระบบร่างกายเลยก็ได้ บางชนิดอาจจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวละครได้ หรืออาจจะมอบอาวุธใหม่อย่างดาบ Mantis Blade โดยเราคำนึงถึงการมอบอิสระให้ผู้เล่นเสมอ ถ้าคุณอยากจะเล่นแบบลอบเร้น คุณก็สามารถเปลี่ยนตัวละครให้เป็นนินจาได้ด้วยการใส่ตัวช่วยกลบเสียงฝีเท้า หรือกระทั่งเพิ่มปฏิกิริยาตอบสนองจนเหมือนเวลาช้าลงเมื่อโดนเจอตัว หรือถ้าอยากเล่นสายบู๊แหลก ก็สามารถเสริมเกราะป้องกันใต้ผิวหนังเพื่อลดความเสียหายที่ได้รับเป็นต้น และคุณสามารถเลือกปรับแต่งร่างกายมากเท่าไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำคือการปรับแต่งร่างกายด้วยเครื่องจักรมันถือเป็นเรื่องธรรมดาในโลกของเกม Cyberpunk 2077 คุณอาจจะเจอคนที่ปรับแต่งร่างกายจนแทบจะไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้ว หรือคนที่ปรับน้อยมาก หรือกระทั่งไม่ปรับแต่งอะไรเลย เราจึงอยากให้คุณสบายใจว่าคุณจะสามารถเล่นเกมโดยที่ไม่ปรับแต่งอะไรเลยก็ได้ เพราะเราอยากให้คุณสามารถเล่นเป็นตัวละครที่คุณอยากเป็น ในส่วนของ cyberware ชิ้นโปรด ผมคงไม่กล้าตอบแทนสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมนะ เพราะแต่ละคนก็มีของที่ชอบไม่เหมือนกันจริงๆ แต่สำหรับผมชอบ cyberware Sandevistan มาก เป็นเครื่องจักรที่ทดแทนระบบประสาททั้งร่างกายของคุณ ทำให้คุณมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมากจนเหมือนเวลาเดินช้าลงตามที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้ แถมผมยังชอบใส่ cyberware ที่จะปล่อยคลื่นระเบิด EMP ออกมาทุกครั้งที่ V โดนโจมตี ทำให้ผมสามารถบู๊แหลกได้โดยไม่ต้องกลัวอันตรายมากนัก และสุดท้ายคือ Gorilla Arms ที่ทำให้ผมสามารถฆ่าศัตรูด้วยมือเปล่าได้ในระยะประชิด ผมว่าเดี๋ยวพอผู้เล่นแต่ละคนได้ลองก็จะเข้าใจเอง และผมตื่นเต้นมากว่าผู้เล่นจะเลือกผสม cyberware ออกมาอย่างไรบ้างระหว่างการเล่น Q: คุณเคยกล่าวในบทสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าระบบการต่อสู้ระยะประชิดของเกม CP2077 จะถอดแบบมาจากของ The Witcher 3 ช่วยอธิบายได้ไหมว่าคุณปรับระบบการต่อสู้แบบบุคคลที่ 3 แบบนั้นมาไว้ในเกมบุคคลที่ 1 ได้อย่างไร AZ: การทำระบบต่อสู้ระยะประชิดในมุมมองบุคลลที่ 1 ให้ดีมันยากกว่าในบุคคลที่ 3 แน่ๆ เราเริ่มจากการตัดสินใจกันก่อนว่าเราอยากให้ระบบต่อสู้ของเราออกมาเป็นแบบไหน เราอยากให้มันเป็นระบบที่ต้องใช้การวางแผนหรือใช้เทคนิคสูง หรือเราอยากให้เป็นเกมเดินหน้าบู๊แหลก? เราอยากให้ผู้เล่นจำเป็นต้องใส่ใจกับทรัพยากรณ์อย่างพลังชีวิตหรือพลังงาน Stamina มากแค่ไหน? ซึ่งผมว่าเราหาจุดสมดุลที่ดีระหว่างการต่อสู้ทุกแบบ เพราะในขณะที่ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้จุดอ่อนของศัตรูชนิดปีศาจเพื่อหาช่องโจมตี แต่ก็ยังมีจังหวะที่สามารถปล่อยของกับศัตรูมนุษย์ได้เต็มที่อยู่ด้วย ซึ่งนี่เป็นจุดที่เราอยากคงเอาไว้สำหรับเกมนี้ เราอยากให้ผู้เล่นได้มีโอกาสวางแผนและบริหารพลังชีวิตและ Stamina ไปพร้อมกัน แต่ก็ยังมีจังหวะให้แบกหมัดกับศัตรูมันส์ๆ เหมือนกัน การจะนำความรู้สึกนั้นมาใส่เอาไว้ในเกมบุคคลที่หนึ่งมันท้าทายมากในระดับเทคนิค และในระดับการออกแบบท่าทางด้วย เพราะคุณมีพื้นที่ในการออกแบบอนิเมชั่นต่างๆ ได้หลากหลายกว่าในบุคคลที่ 3 ซึ่งผมว่าเราสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดีในเกม และผมเชื่อว่ามุมมองบุคคลที่ 1 จะสามารถให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังอยู่ในการต่อสู้มากกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างตัวตนเฉพาะให้กับอาวุธระยะประชิดแต่ละชนิดของเรา ให้มอบความรู้สึกที่ต่างกันอย่างชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นดาบคาตะนะ ค้อนยักษ์ มีดพก หรืออะไรก็แล้วแต่ และเรายังมีระบบสกิลและ perk ที่ลึกซึ้ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถใช้อาวุธแต่ละชนิดในแบบที่เข้ากับตัวเองได้ หมายความว่าต่อให้คุณและเพื่อนคุณเลือกใช้ดาวคาตะนะเป็นอาวุธหลักเหมือนกัน ก็ยังอาจจะได้ประสบการณ์ที่ต่างกันไปเลยก็ได้ ซึ่งเราให้ความสำคัญมากๆ กับจุดนี้ เราตั้งใจมากๆ กับการทำให้การต่อสู้ระยะประชิดในเกม CP2077 ให้ความรู้สึกสม่ำเสมอ เราใส่ใจกับการทำให้จังหวะของการโจมตีมีความลงตัว ให้ทุกอย่างรู้สึกลื่นไหล ให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงจังหวะจะโคนของการต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการวางแผน ซึ่งผมก็คิดว่าสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีในมุมมองบุคคลที่ 1 เช่นกัน Q: ในขญะที่เกม RPG หลายๆ เกมเลือกใช้มุมมองบุคคลที่ 3 กัน ทำไมคุณถึงเลือกใช้มุมมองบุคคลที่ 1? คุณคำนึงถึงอะไรบ้างสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ Mateusz Tomaszkiewicz (หัวหน้าทีมออกแบบระบบเควส):  การสร้างอารมณ์ร่วม (Immersion) เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราในการเลือกมุมมองของเกม และในแง่นี้ เรามองว่ามุมมองบุคคลที่ 1 ให้ตัวเลือกมากกว่า ผู้เล่นจะมองเห็นทุกอย่างที่ V เห็น ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้ผู้เล่นกับ V มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้วโดยปริยาย และเมื่อคุณเดินทางไปในเมือง Night City คุณจะสามารถรับรู้ได้ถึงสเกลของเมืองในแบบที่สมจริงกว่ามาก มุมมองบุคคลที่ 1 ถือเป็นตัวช่วยในการสร้างความรู้สึกเสมือนว่าคุณอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ และเราเชื่อว่ามันจะส่งผลดีต่อระบบเกมเพลย์ของเราเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการต่อสู้ การเดินทาง หรือบทสนทนา ผู้เล่นจะยังควบคุมตัวละครได้อย่างอิสระตลอดเวลา และเราเชื่อว่ามุมมองบุคคลที่ 1 นี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเล่าเรื่องที่เราอยากเล่า และมอบประสบการณ์ที่เราอยากมอบให้ผู้เล่น  [caption id="attachment_72869" align="aligncenter" width="400"] Mateusz Tomaszkiewicz (รูปจาก Twitter)[/caption]   Q: จากคลิปเกมเพลย์และตัวอย่างมากมายที่ออกมา เราได้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่อโลกของเกมอย่างชัดเจน และ Night City จะมีอิทธิพลของชาติเอเซียอื่นๆ อีกบ้างไหม? แล้วประเทศไทยล่ะ? AZ: เมือง Night City เป็นแหล่งรวมของผู้คนจากทุกเชื้อชาติและวัฒนธรรม ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการสื่อ “วัฒนธรรม” อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองมากๆ โดยอ้างอิงจากเรื่องราวในเกมต้นฉบับ Cyberpunk 2020 วางใจได้เลยว่าเมื่อคุณเดินทางจากเขตหนึ่งไปอีกเขตหนึ่งของเมือง คุณจะมีโอกาสได้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมอันหลากหลายจากทุกมุมโลกตามโฆษณา เสียงเพลง อาหาร หรือแฟชั่นของผู้คนในเมือง สำหรับประเทศไทย ขอให้ทุกคนไปหาคำตอบในเกมดีกว่า :) Q: สุดท้ายนี้ อยากถามว่าพวกคุณรู้สึกอย่างไรกับการมาถึงของคอนโซล Gen ใหม่? พวกคุณมีแผนการบ้างหรือยังว่าจะใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างไรได้บ้าง? AZ: เอาจริงๆ ตอนนี้เรากำลังตื่นเต้นกับการให้ผู้เล่นได้เล่น Cyberpunk 2077 ซะทีเท่านั้นแหละ! แน่นอนว่าเกมจะวางจำหน่ายสำหรับ PC, Xbox One, PS4 แต่ผู้เล่นทุกคนก็สามารถนำเกมไปเล่นบนเครื่อง Xbox Series S/X และ PS5 ได้ด้วย โดยเรามีแผนจะปล่อยเกมเวอร์ชั่นปรับปรุงสำหรับคอนโซล Gen ใหม่โดยเฉพาะในอนาคตให้กับผู้ที่ซื้อเกมในคอนโซล PS4, Xbox One ฟรีๆ ด้วย แต่จะปรับปรุงอย่างไรบ้าง ขออุบไว้บอกกันวันหลังนะ เกม Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยผู้พัฒนา CDPR ได้ปล่อยวิดีโอเกมเพลย์ความยาวกว่า 10 นาทีออกมาให้ชมกันเพื่อเปรียบเทียบกราฟิกระหว่างเครื่องคอนโซล Xbox One X และ Xbox Series X และจะปล่อยเกมเพลย์ออกมาอีกในตัวอย่างใหม่ที่จะเปิดเผยในรายการ Night City Wire #5 ที่จะจัดขึ้นในเวลา 00.00 (เที่ยงคืน) ของวันศุกร์ที่ 20 พฤษจิกายนนี้ (เวลาไทย)
19 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ชมเกมเพลย์ใหม่เปรียบเทียบกราฟิกเครื่อง Xbox One / Series X กว่า 10 นาที!
อย่างที่ได้ประกาศออกมาอย่างกระทันหันไปเมื่อเร็วๆ นี้ ล่าสุดทางทีมงานผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ก็ได้ปล่อยรายการไลฟ์สตรีม Night City Wire Special ตอนพิเศษออกมา ซึ่งแม้จะมีความยาวเพียงราวๆ 10 นาที แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นการโชว์เกมเพลย์ใหม่จากเกม Cyberpunk 2077 ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน! ภายในคลิปเกมเพลย์มีการแสดงระบบต่างๆ ทั้งการขับรถ การต่อสู้ การสนทนา รวมไปถึงบรรยากาศโดยรวมๆ ของเมือง Night City ยามค่ำคืนที่ชโลมไปด้วยแสงสีนีออน อย่างที่กล่าวไปว่าคลิปนี้จะเน้นแสดงเกมเพลย์เปรียบเทียบระหว่างเครื่อง Xbox One X และเครื่อง Xbox Series X โดยต้องบอกว่าแม้จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนในแง่ของแสงสี และการสะท้อนแสงจากแทคโนโลยี Ray Tracing ของเครื่องคอนโซล Next-gen แต่เกมเพลย์ของเครื่อง Xbox One X ก็ยังนับว่าสวยมากๆ และน่าจะเหนือความคาดหมายของหลายคน หลังจากที่มีข่าวลือว่าคอนโซลรุ่นเก่า (PS4, Xbox One) คือสาเหตุเบื้องหลังการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งล่าสุด (รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย) สำหรับแฟนๆ ฝั่ง PlayStation ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ยืนยันต่อสื่อในอีเมล์ในภายหลังว่าจะมีการแสดงเกมเพลย์จากคอนโซล PlayStation เร็วๆ นี้ด้วย (คาดหว่าน่าจะเป็นเครื่อง PS4 Pro และ PS5 ตามสูตร) เชื่อได้ว่าถ้าเหมือนคลิปเกมเพลย์รอบนี้ คงจะไม่ต้องรอกันนานกว่าจะได้เห็น ผู้พัฒนายังย้ำอีกครั้ง (อีกครั้ง) ว่า Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้อย่างแน่นอน โดยจะมีเวอร์ชั่นอัปเกรดสำหรับคอนโซลรุ่นใหม่ๆ ตามมาในปีหน้า (ผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมจะได้รับเวอร์ชั่นอัปเกรดฟรีๆ) Credit: GamingBolt
18 Nov 2020
Cyberpunk 2077 หลุดโผรางวัล The Game Awards 2020 อย่างเป็นทางการ
กลายเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับเกมเมอร์ทั่วโลก เมื่อผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ออกมาประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายเกม Cyberpunk 2077 ออกไปอีกครั้ง โดยแม้จะเลื่อนออกไปเพียง 21 วัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะผู้พัฒนาเพิ่งจะประกาศวาเกมได้พัฒนาเสร็จสิ้นจน Gone Gold ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง ล่าสุด พิธีกรและผู้จัดงานประกาศรางวัลเกมประจำปี The Game Awards คุณ Geoff Keighley ก็ได้ออกมายืนยันอีกด้วยว่าจากการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งนี้ ทำให้เกม Cyberpunk 2077 จะไม่ได้รับการส่งชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน The Game Awards 2020 ของปีนี้ และจะได้รับการพิจารณาเพื่อรับรางวัลในงานของปี 2021 แทน Much like Super Smash Bros. Ultimate a few years ago, Cyberpunk 2077 will first be eligible at next year’s Game Awards. https://t.co/1gV1J4sDpV — Geoff Keighley (@geoffkeighley) October 27, 2020 สำหรับงาน The Game Awards 2020 จะจัดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังจากวันวางจำหน่ายใหม่ล่าสุดของเกม Cyberpunk 2077 หนึ่งวันพอดี (เกมวางจำหน่ายวันที่ 10 ธันวาคม 2020) Credit: GamingBolt
28 Oct 2020
Cyberpunk 2077 ประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายอีกครั้ง เจอกันอีกทีเดือนธันวาคม
กลายเป็นเรื่องตลกร้ายไปซะแล้วกับวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ที่ล่าสุดได้ถูกเลื่อนออกไปอีก 21 วัน จากเดิมที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษจิกายนนี้ ไปเป็นวันที่ 10 ธันวาคมนี้แทน ตามที่ผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ประกาศผ่านสื่อ Social Media ของตัวเอง จากข้อความที่ผู้พัฒนาเผยแพร่ออกมา ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการเลื่อนวันวางจำหน่ายอีกครั้ง เนื่องจากเกมได้พัฒนาไปถึงจุดที่แทบจะเป็นเกม Next-Gen อยู่แล้ว ทำให้ผู้พัฒนาต้องวางจำหน่ายเกมพร้อมกันถึง 9 เวอร์ชั่น (Xbox One S/X, PS4/PS4 Pro, Xbox Series S/X, PS5, PC, Stadia) ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อให้เกมสามารถแสดงผลบนแพลตฟอร์มทั้งหมดได้อย่างลื่นไหลที่สุด แม้ว่าทีมพัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงทำงานจากที่บ้านตามมาตรการรับมือไวรัส COVID-19 ด้วย ทั้งนี้ ผู้พัฒนาได้เคยออกมาประกาศว่าเกม Cyberpunk 2077 อยู่ในสภาพ Gone Gold แล้ว และการพัฒนาเพื่อแก้ไขปรับปรุงในขณะนี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในรูปแบบของ Patch Update แทน อาจจะเป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ ที่เล็งจะได้เล่นเกมนี้ในช่วงเดือนพฤษจิกายน บางคนอาจจะถึงกับลางานเตรียมไว้แล้ว แต่อย่างน้อยก็น่าจะวางใจได้มากขึ้นว่าเกมจะวางจำหน่ายในสภาพที่ดีที่สุดจริงๆ ไม่ว่าจะเล่นบนเครื่องอะไรก็ตาม Credit: CD PROJEKT RED
28 Oct 2020
Cyberpunk 2077 จะเปิดให้ผู้เล่นสับเปลี่ยนอวัยวะเพศด้วย "Cyberware สำหรับเซ๊กส์"
เว็บข่าว The Gamer ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์กับผู้พัฒนาตำแหน่งผู้กำกับระบบเควส (Quest Director) ของ CD PROJEKT RED คุณ Mateusz Tomaszkiewicz ที่มีการพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการ "ปรับแต่ง" อวัยวะเพศในเกม Cyberpunk 2077 โดยแม้ว่าข้อมูลที่ว่าเกมจะเปิดให้ผู้เล่นทำแบบนี้ได้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผู้พัฒนาเกมได้พูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระบบนี้ตรงๆ และทำให้เรา "เห็นภาพ" ตัวเลือกในการปรับแต่งอวัยวะเพศมากขึ้นด้วย ในระหว่างที่ตอบคำถามเกี่ยวกับแก๊ง The Moxes ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเหล่าผู้ให้บริการทางเพศในเมือง Night City ที่รวมตัวกันเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมอาชีพ คุณ Mateusz ก็ได้อธิบายถึงเหล่าเครื่องปรับแต่งร่างกายที่พวกเขามี รวมไปถึงอวัยวะเพศจักรกลที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของทั้งชายและหญิงขายบริการเหล่านี้ "แน่นอนว่าเราจะมีอวัยวะเพศจักรกลในเกม ซึ่งจริงๆ แล้วบางอย่างก็มีมาตั้งแต่สมัยบอร์ดเกมต้นตำหรับแล้ว เช่น Cyberware ของผู้หญิง Mrs. Midnight ที่ใช้ใส่แทน "น้องสาว" ของพวกเธอ รวมไปถึงเครื่องจักรที่ช่วยเสริมหน้าอกหน้าใจ หรือของฝั่งเพศชายก็มี Cyberware ชื่อ Mr. Stud ที่เอาไว้ใส่แทนไอ้จ้อนให้ปึ๋งปั๋งทั้งคืน" นอกจากนี้ คุณ Mateusz ยังพูดถึงสถานบริการทางเพศในเมือง Night City ที่ถูกบริหารโดยเหล่าแก๊งที่เรียกว่า "Doll House" (บ้านตุ๊กตา) ซึ่งมีหนุ่มๆ สาวๆ กลางคืนที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำตามความต้องการทุกอย่างของลูกค้าเหล่านั้นได้ แถมยังช่วยลบความทรงจำของเหล่าผู้ให้บริการหลังเสร็จงานด้วย ซึ่งคุณ Mateusz กล่าวว่าเหล่า "Doll House" เหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจของความ "บิดเบี้ยว" ที่มาคู่กับธีม Cyberpunk ของเกมด้วย Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษจิกายนนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC โดยผู้ที่ซื้อเกมผ่านทางคอนโซลจะได้รับเวอร์ชั่นปรับปรุงสำหรับคอนโซล Next-gen (PS5, Xbox Series X) ด้วยในภายหลัง Credit: VG24/7 
21 Sep 2020
Night City Wire #3: แนะนำแก๊งอาชญากรโฉดที่จะได้พบในเกม Cyberpunk 2077
กลับมาอีกครั้งแล้วกับรายการไลฟ์สด Night City Wire จากผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ที่จะพาผู้เล่นไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของเกม Cyberpunk 2077 นั่นเอง! สำหรับตอนล่าสุดนี้ (ตอนที่ 3 วันที่ 18 กันยายน 2020) นอกจากจะมีตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่ที่พูดถึงเขตและสถานที่สำคัญในเมืองแล้ว ยังมีการพูดถึงเหล่าแก๊งนักเลงมากหน้าหลายตาในเมือง Night City ที่ผู้เล่นจะต้องรับมือด้วย แม้จะเคยเปิดเผยรายละเอียดแก๊งไปแล้วมากมายตั้งแต่ก่อนหน้านี้ (อ่านบทความรวมรายละเอียดแก๊ง) แต่งาน Night City Wire #3 นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นหน้าตาในเกมของแก๊งทั้งหมดแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว อยากเล่นขึ้นมาแล้วล่ะสิ เช๊กความพร้อมของ PC คุณในบทความเผย Spec PC สำหรับเกม สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับเกม Cyberpunk 2077 ตั้งแต่เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ ไปจนถึงรายละเอียดเบื้องหลังตัวละครสำคัญ สามารถรับชมได้ที่ เว็บรวมข่าวเกม Cyberpunk 2077 
18 Sep 2020
10 เกมแนวโลกอนาคตที่คุณควรเล่นระหว่างรอเกม Cyberpunk 2077
ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่ากระแสเกม Cyberpunk 2077 นั้นกำลังมาแรงมากๆ มีคนเฝ้ารอที่จะเล่นเกมนี้กันมากมาย และอดใจรอกันไม่ไหวแล้ว ดังนั้นวันนี้เรา GameFever TH จึงขอแนะนำ 10 เกมแนวโลกอนาคต โลกอดีต และแนวแฟนตาซีมาให้แฟนๆ ที่อดใจรอไม่ไหวมาเล่นระหว่างรอเกมระดับ AAA อย่าง Cyberpunk 2077 กันครับ มาดูกันเลยครับว่าเกมไหนน่าสนใจสำหรับผู้อ่านกันบ้าง 1.Death Stranding หนึ่งในเกมที่เปิดตัวมาพร้อมความแปลกใหม่ในระดับนึงของวงการเกม พัฒนาโดยผู้กำกับเกมดังอย่าง Metal Gear Solid ชื่อว่าฮิเดโอะโคจิมะ สาเหตุที่ผมนำเกมนี้มาเพราะมันเป็นเกมที่สร้างสรรค์และน่าสนใจที่มาพร้อมบรรยากาศแห่งอนาคตอันน่าหลงไหล ถึงแม้ว่าเกม Death Stranding จะเป็นภาพของทุ่งโล่งกว้าง ซึ่งแตกต่างจากภาพเมืองในตัวอย่างของเกม Cyberpunk 2077 แต่ตัวเกมมีความเป็นโลกอนาคตที่ห่างไกลมีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกันมาก ที่สำคัญเลยคือทั้ง 2 เกมนี้ยังมีดาราคนดังอย่างคุณ Norman Reedus และ Mads Mikkelsen เป็นตัวละครหลักและทั้งคู่ต่างก็พยายามเล่าเรื่องราวเพื่อสื่ออารมณ์ให้เข้าถึงเหล่าเกมเมอร์ ถึงแม้รูปแบบการเล่นจะต่างกันมาก แต่เกมนี้ก็ควรค่าแก่การเข้าไปเล่นเพื่อรอ Cyberpunk 2077. 2.The Outer Worlds หนึ่งในเกมโลกอนาคตและใส่ความเป็น RPG / Sci-Fi ได้อย่างลงตัวฝีมือการสร้างจากผู้พัฒนาอย่าง Obsidian เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นได้เห็นอารยธรรมต่างๆ ของกลุ่มดาวมากมาย และมีความเป็นเกมที่ใกล้เคียงกับ Cyberpunk 2077 มากที่สุดเท่าที่ผมจะหามาได้ในขณะนี้ครับ เช่น ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นจะมีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นซึ่งผู้เล่นจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกทำอะไร และทุกอย่างที่ทำจะมีผลกับอนาคตของการเล่นเกมด้วยเช่นกัน 3.Cloudpunk เกมที่จะให้เรารับบทเป็นคนขับรถส่งของให้แก่บริษัทคลาวด์พังก์ (Cloudpunk) ในเมืองไซเบอร์พังก์ Nivalis ที่กว้างขวางและอยู่ในตรีมที่คล้ายคลึงของเกม Cyberpunk 2077 โดยผู้เล่นจะได้เพลิดเพลินไปกับการสำรวจเมืองที่กว้างมากๆ ทั้งยังมีปริศนา Puzzle ให้ผู้เล่นคอยแก้อยู่มากมาย ตัวละคนที่หลากหลายก็จะมีลักษณะนิสัยที่หลากหลายแตกต่างกัน ที่สำคัญคือทุกการกระทำของเราจะมีผลต่อตัวเกมด้วย! 4.Anthem ก่อนอื่นนะครับผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะได้ยินข่าวกระแสเกมด้านลบของเกมนี้กันมาเยอะในระดับนึงแล้ว แต่ผมอยากให้ทุกคนหยุดคิดแบบนั้นแล้วอ่านในข้อนี้ก่อนนะครับ เพราะว่าทางผู้พัฒนาหลังจากที่เล็งเห็นถึงปัญหาของเกมพวกเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉย ได้ออกมาประกาศยืนยันว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงเกมแทบจะทั้งหมดให้ดีขึ้น และผมเชื่อว่าเกมนี้จะกลายเป็นที่มอบประสบการณ์อันแสนคุ้มค่าของความเป็นนักยิงตะลุย Sci-Fi ที่มีการต่อสู้คล้ายคลึงกับ Cyberpunk 2077 แน่นอนครับ. 5.Deus Ex: Human Revolution ในข้อที่ 5 นี้ขอแนะนำซีรีส์เกม Deus Ex ภาค Human Revolution ที่ออกมาในปี 2011 กล่าวถึงโลกอนาคตที่มี่ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Adam Jensen หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยสำหรับแผนก R&D ของผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังชิปในไซเบอร์เนติก เขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์บุกโจมตีโรงงานและเขาฟื้นตัวมาในสภาพกึ่งมนุษย์กึ่งจักรกล สิ่งที่เขาต้องทำคือค้นหาความจริงของโลกใบนี้ ยิ่งถ้าให้พูดถึงระบบการต่อสู้จะมีความคล้ายกับ Cyberpunk  2077 มากๆ คือเราสามารถเลือกได้ว่าจะโจมตีตรงๆ จะเน้นลอบสังหาร หรือวางกับดักก็ได้ ระหว่างรอเกม Cyberpunk ขอแนะนำให้เล่นเกมนี้ไปก่อนก็ได้นะครับ เก่าแต่ยังเก๋าแน่นอน! 6.Watch Dogs หลายๆ คนคงสงสัยว่าเกมนี้มาอยู่ในหัวข้อนี้ได้อย่างไรเพราะไม่ได้อยู่ในโลกอนาคตอันแสนไกลมากนัก ทั้งยังน่าจะอยู่ในหมวดเกมแนวเดียวกับ GTA ด้วยซ้ำ แต่ผมอยากให้ลองไปเล่นดูนะครับแล้วจะรู้ว่าเกมนี้มีเอกลักษณ์และสเนห์ของมัน ในส่วนที่คล้ายๆ Cyberpunk 2077 คือระบบการเจาะข้อมูลหรือ Hack และลูกเล่นต่างๆ อีกมากมายดังนั้นขอแนะนำว่าถ้ากลัวจะเล่น Cyberpunk 2077 แล้วจะงงหรือไม่เข้าใจในระบบให้ลองเล่นเกมนี้ไปก่อนได้นะครับ. 7.Vampire The Masquerade: Bloodlines ในข้อที่ 7 นี้แม้ว่าจะยิ่งออกห่างจากคำว่าโลกอนาคตแต่เกมนี้ถูกประกาศให้เป็น หนึ่งในเกมคลาสสิคของหมวดหมู่เกม RPG ตัวเกมจะเริ่มต้นด้วยการให้ผู้เล่นอยู่ท่ามกลางเมืองที่แฝงไปด้วยสงครามแวมไพร์และระบบการเมืองที่น่าสนใจ ในช่วงแรกผู้เล่นจะเป็นเหมือนฝ่ายกลางที่ต้องคอยดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกข้างและกลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสงความโลกใต้พิภพ เกมนี้เป็นเกม RPG ที่ลึกล้ำ ซึ่งเคยมีคนกล่าวว่าเป็นต้นกำเนิดเกม Cyberpunk 2077 ดังนั้นระหว่างที่เกม Cyberpunk ยังไม่เปิดให้เล่น ผมก็ขอแนะนำให้เราลองย้อนยุคมาเล่นเกมนี้ดูครับ. 8.Fallout: New Vegas ในซีรีส์เกม Fallout ภาค New Vegas นี่แหละครับถือเป็นหนึ่งในภาคที่ดีอันดับต้นๆ ของซีรีส์ New Vegas เป็นเกม RPG ที่มีรายละเอียดและความล้ำลึกอย่างมาก เช่น วิธีผ่านหนึ่งภารกิจผู้เล่นสามารถทำได้มากกว่า 3 แบบ หรือถ้าผู้เล่นทำการฆ่าแก็งค์ไหนบ่อยๆ ผลก็คือเวลาไปยังถิ่นของพวกเขาจะไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้นถูกยิงลูกเดียว ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในช่วงทศวรรษ ทั้งยังเป็นเหตุผลหลักว่าทำไม  The Outer Worlds  จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและเป็นประสบการณ์ที่เราไม่เคยเห็นจากซีรี่ส์ Fallout เลยทีเดียวครับ 9.Detroit: Become Human เกมที่ใช้รูปแบบการเล่นเน้นไปที่การตัดสินใจของผู้เล่นในแต่ละฉากแต่ละเหตุการณ์ ว่าด้วยเรื่องการกบฎของหุ่นยนต์ Androids ในครัวเรือนยุคของโลกอนาคต ตัวเกมได้สร้างความประทับใจด้วยผลลัพธ์ในตอนจบที่มีมากมายและเล่าถึงความสัมพันธ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี รวมถึงความสุดยอดของผู้พัฒนาที่ใส่เรื่องการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ไว้หลายร้อยรายการ นอกจากนี้เกมนี้ได้ใช่นักแสดงที่จะให้ความรู้สึกอินไปกับมันเหมือนกำลังดูภาพยนต์ที่คุณคือผู้ดำเนินเรื่องนั่นเอง! 10.The Witcher 3 อันนี้ชัดเจนมากๆ ผมอยากแนะนำให้มาลองเล่น The Witcher 3 ก่อนนะครับเพราะเกมนี้ได้รับการพัฒนาโดยผู้พัฒนาเดียวกันในเบื้องหลังเกมที่กำลังจะมาถึงอย่าง Cyberpunk 2077  และเกมนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดตลอดกาล เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายโปแลนด์ชุด  The Witcher 3  พูดถึงการผจญภัยแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ที่นำแสดงโดย Geralt ของ Rivia และได้มีการแต่งเติมได้อย่างเพอร์เฟ็คถูกใจคอแฟนนิยายและไม่ขัดกับเจ้าของผู้แต่งนวนิยายเลย ผมจะขอไม่สปอยด์เนื้อหาหรือระบบอะไรเยอะนะครับ แต่ผมรับประกันเลยว่าถ้าคุณได้ลองไปสัมผัสเกมนี้แล้วคุณจะหลงรักมันแน่นอน!
04 Jun 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Cyberpunk2077"
เป็นเรื่อง! กลุ่มแฮ๊คเกอร์พร้อมเปิดประมูลไฟล์ที่แฮ๊คมาจาก CDPR แล้ว!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาเกมชื่อดัง CD Projekt Red ได้ออกมาเปิดเผยข่าวร้ายว่าพวกเขาได้ตกเป็นเหยื่อของการขโมยข้อมูลโดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์นิรนามที่ขู่ว่าจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ขโมยมา ซึ่งรวมถึงเอกสาร Source Code ของเกมอย่าง Cyberpunk 2077, The Witcher 3, และ Gwent ออกเผยแพร่และ/หรือวางขายในอินเตอร์เน็ตหากค่ายไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง CD Projekt Reds ransomed data has been leaked online. pic.twitter.com/T4Zzqfn78F — vx-underground (@vxunderground) February 10, 2021 ดูเหมือนว่ากลุ่มแฮ๊คเกอร์จะเอาจริงซะแล้ว เมื่อล่าสุดมีผู้ที่อ้างตัวเป็นสมาชิกของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้โพสต์ประมูลไฟล์เกมและเอกสารต่างๆ ที่พวกเขาขโมยมาบนเว็บบอร์ด Exploit ของประเทศรัซเซีย โดยมีราคาเริ่มต้นสูงถึง $1 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (ราวๆ 30 ล้านบาทไทย) อย่างที่รายงานไปก่อนหน้านี้ นอกจากไฟล์ Source Code ของเกมแล้ว ยังมีเอกสารการสื่อสารภายในบริษัทของ CDPR จำนวนมากที่ถูกขโมยไปด้วย โดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์ขู่ว่าเอกสารเหล่านี้อาจจะส่งผลลบร้ายแรงต่อชื่อเสียงของ CDPR ได้หากถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งนี้ ทางฝั่ง CDPR ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่คิดจะเจรจาต่อรองใดๆ กับอาชญากร และขอให้วางใจว่าไม่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นหลุดไปอยู่ในมือของกลุ่มแฮ๊คเกอร์อย่างแน่นอน โดยพวกเขากำลังร่วมมือกับหน่วยงานทางกฏหมายเพื่อตามตัวกลุ่มอาชญากรมาลงโทษให้จงได้ นับเป็นอีกหนึ่งบทในมหากาพย์ความโชคร้ายที่ CDPR ต้องเผชิญในขณะนี้ หวังว่าทางค่ายจะไม่ได้รับความเสียหายมากจนเกินไปจากเหตุการณ์นี้ และจะสามารถจับตัวคิดผิดได้โดยเร็ว Credit: Kotaku  
11 Feb 2021
เป็นเรื่อง! กลุ่มแฮ๊คเกอร์พร้อมเปิดประมูลไฟล์ที่แฮ๊คมาจาก CDPR แล้ว!
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางผู้พัฒนาเกมชื่อดัง CD Projekt Red ได้ออกมาเปิดเผยข่าวร้ายว่าพวกเขาได้ตกเป็นเหยื่อของการขโมยข้อมูลโดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์นิรนามที่ขู่ว่าจะนำข้อมูลต่างๆ ที่ขโมยมา ซึ่งรวมถึงเอกสาร Source Code ของเกมอย่าง Cyberpunk 2077, The Witcher 3, และ Gwent ออกเผยแพร่และ/หรือวางขายในอินเตอร์เน็ตหากค่ายไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง CD Projekt Reds ransomed data has been leaked online. pic.twitter.com/T4Zzqfn78F — vx-underground (@vxunderground) February 10, 2021 ดูเหมือนว่ากลุ่มแฮ๊คเกอร์จะเอาจริงซะแล้ว เมื่อล่าสุดมีผู้ที่อ้างตัวเป็นสมาชิกของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้โพสต์ประมูลไฟล์เกมและเอกสารต่างๆ ที่พวกเขาขโมยมาบนเว็บบอร์ด Exploit ของประเทศรัซเซีย โดยมีราคาเริ่มต้นสูงถึง $1 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว (ราวๆ 30 ล้านบาทไทย) อย่างที่รายงานไปก่อนหน้านี้ นอกจากไฟล์ Source Code ของเกมแล้ว ยังมีเอกสารการสื่อสารภายในบริษัทของ CDPR จำนวนมากที่ถูกขโมยไปด้วย โดยกลุ่มแฮ๊คเกอร์ขู่ว่าเอกสารเหล่านี้อาจจะส่งผลลบร้ายแรงต่อชื่อเสียงของ CDPR ได้หากถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งนี้ ทางฝั่ง CDPR ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่คิดจะเจรจาต่อรองใดๆ กับอาชญากร และขอให้วางใจว่าไม่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นหลุดไปอยู่ในมือของกลุ่มแฮ๊คเกอร์อย่างแน่นอน โดยพวกเขากำลังร่วมมือกับหน่วยงานทางกฏหมายเพื่อตามตัวกลุ่มอาชญากรมาลงโทษให้จงได้ นับเป็นอีกหนึ่งบทในมหากาพย์ความโชคร้ายที่ CDPR ต้องเผชิญในขณะนี้ หวังว่าทางค่ายจะไม่ได้รับความเสียหายมากจนเกินไปจากเหตุการณ์นี้ และจะสามารถจับตัวคิดผิดได้โดยเร็ว Credit: Kotaku  
11 Feb 2021
ด่วน! CDPR ถูกแฮ๊คเกอร์เข้าขโมยข้อมูล พร้อมขู่จะนำข้อมูลทั้งหมดออกเผยแพร่ใน 48 ชั่วโมง
ยังคงประสบเคราะห์ร้ายต่อเนื่องกับผู้พัฒนา CD Projekt Red ที่นอกจากจะต้องรับมือกับเสียงก่นด่าของผู้เล่น รวมไปถึงคดีความมากมายที่เกิดจากเกม Cyberpunk 2077 ในขณะนี้ ล่าสุดค่ายยังต้องเผชิญวิกฤติใหม่อีกแล้ว เมื่อมีแฮ๊คเกอร์ไม่ทราบชื่อออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาได้เข้าไปขโมยข้อมูลสำคัญในเซิฟเวอร์ของค่ายออกมาเป็นจำนวนมาก แถมยังขู่จะปล่อยข้อมูลทั้งหมดบนอินเตอร์เน็ตหากไม่ได้รับความร่วมมือ! Important Update pic.twitter.com/PCEuhAJosR — CD PROJEKT RED (@CDPROJEKTRED) February 9, 2021 อย่างที่เห็นในประกาศที่ทาง CDPR เผยแพร่ออกมาเองทางทวิตเตอร์ กลุ่มแฮ๊คเกอร์ดังกล่าวอ้างว่าพวกเขาสามารถขโมย Source Code (เอกสารที่บันทึกโค้ดทั้งหมดของซอฟต์แวร์ชิ้นหนึ่ง) ของเกมต่างๆ ตั้งแต่ Cyberpunk 2077, The Witcher 3 (มีเวอร์ชั่นที่ยังไม่วางจำหน่ายด้วย), และ Gwent มาได้ แถมยังมีเอกสารภายในบริษัทตั้งแต่ฝ่ายบัญชี, ฝ่ายบริหาร, ฝ่ายกฏหมาย, HR, และอื่นๆ อีกมากมาย กลุ่มแฮ๊คเกอร์ได้ทิ้งคำขู่เอาไว้ตอนท้ายว่าหาก CDPR ไม่ยอมทำตามความต้องการของพวกเขาภายใน 48 ชั่วโมง ข้อมูล Source Code ทั้งหมดของบริษัทจะถูกขายหรือเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต แถมพวกเขายังจะส่งเอกสารภายในบริษัทไปให้สื่อมวลชนทั่วโลก ซึ่งจะทำให้ "ภาพลักษณ์ของบริษัทพวกคุณห่วยลงกว่าเดิม เพราะทุกคนจะได้รับรู้ถึงความเฮงซวยในการบริหารงานของพวกคุณ นักลงทุนจะสูญเสียความมั่นใจในตัวพวกคุณ และราคาหุ้นของพวกคุณก็จะตกต่ำลงไปอีกในที่สุด" ในฝั่งของ CDPR ได้ออกมายืนยันว่าพวกเขาได้ทำการปรับปรุงระบบความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว และจะไม่ต่อรองหรือทำตามข้อเรียกร้องใดๆ ของกลุ่มแฮ๊คเกอร์ พร้อมกับเปิดเผยว่ายังไม่พบข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่นเกมหลุดไปถึงมือแฮ๊คเกอร์ โดยพวกเขาดูจะทำใจไว้แล้วว่าข้อมูลที่ว่าไปนี้อาจจะหลุดออกไปสู่สาธารณะจริงๆ และจะพยายามทำทุกวิถีทางให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทน้อยที่สุด ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในขณะนี้พวกเขาได้เข้าติดต่อกับหน่วยงานด้านกฏหมายแล้ว และจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมายอย่างเร็วที่สุด ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรกับค่าย CD Projekt Red คงต้องยอมรับว่าการถูกแฮ๊คครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดกับใครทั้งนั้น และหวังว่าค่ายจะสามารถจับผู้กระทำผิดได้ก่อนที่พวกเขาจะสร้างความเสียหายมากไปกว่านี้ Credit: Twitter
09 Feb 2021
Cyberpunk 2077: CDPR ประกาศกร้าวอีกครั้งหลังโดนฟ้องคดีที่สอง ขอปกป้องตัวเองถึงที่สุด
ยังไม่ถึง 1 เดือนหลังจากที่โดนกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่งฟ้องร้องไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าผู้พัฒนา CD Projekt Red จะต้องรับศึกสองด้านเข้าแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งได้ยื่นฟ้องบริษัทต่อศาลในประเทศอเมรีกาแล้ว จากรายละเอียดที่เปิดเผยในคำประกาศทางเว็บไซต์ของบริษัท CD Projekt S.A. (บริษัทแม่ของผู้พัฒนา CD Projekt Red อีกที) ดูเหมือนว่ารายละเอียดต่างๆ ของการฟ้องร้องครั้งที่ 2 นี้จะไม่ต่างกับของครั้งแรกที่เล็งเอาผิดบริษัทสำหรับการ "ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อนักลงทุน" เกี่ยวกับเกม และการ "ปกปิดสภาพการทำงานอันบกพร่่องของเกมบนเครื่องคอนโซล PS4 และ Xbox One" ด้วย และเช่นเดียวกับการประกาศการฟ้องร้อยครั้งก่อนหน้า บริษัท CDPR ก็ยังย้ำคำเดิมว่าจะ "ปกป้องตนเองอย่างถึงที่สุด" ต่อการฟ้องร้องครั้งนี้ โดยไม่ได้เปิดเผยถึงตัวเลขค่าเสียหายที่ทางฝั่งผู้ฟ้องเรียกร้องมา นับเป็นอีกบทในมหากาพย์ความวุ่นวายของเกม Cyberpunk 2077 เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทั้งฝั่งผู้บริหารและเหล่าผู้พัฒนาได้ออกมาให้ข้อมูลขัดแย้งกันเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาเกม จนทำให้มีกระแสข่าวว่าค่ายอาจจะถูกเข้ายึดกิจการได้ในอนาคตอันใกล้ Credit: PCGamer
19 Jan 2021
Cyberpunk 2077: รายงานใหม่เผย ผู้พัฒนา CDPR รู้อยู่เต็มอกถึงปัญหาของเกมก่อนวางจำหน่าย
ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องกับมหากาพย์อันน่าเศร้าของเกม Cyberpunk 2077 เมื่อล่าสุดมีรายงานจากผู้สื่อข่าววงในชื่อดัง Jason Schreier ที่เปิดเผยว่ากลุ่มผู้พัฒนาของค่าย CD Projekt Red หลายคนที่ทราบดีอยู่แล้วถึงปัญหาทั้งหมดภายในเกม ขัดแย้งกับคำขอโทษของผู้บริหารคุณ Marcin Iwinski ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง คุณ Jason เปิดเผยว่าเขาได้ทำการสัมภาษณ์ผู้พัฒนา CDPR ถึง 20 คน (ทั้งที่ยังอยู่ในบริษัทและลาออกมาแล้ว) โดยพวกเขาทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าปัญหาต่างๆ ของเกมเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่รับรู้อยู่แล้ว และคำพูดของคุณ Marcin ที่กล่าวว่า "ไม่พบปัญหาหลายๆ อย่างที่ผู้เล่นพบ" ระหว่างการทดสอบเกมไม่เป็นความจริงเลย ในทางกลับกัน ผู้พัฒนาหลายคนรู้มาตั้งแต่ปี 2019 แล้วด้วยซ้ำว่าเกมไม่มีทางพัฒนาได้เสร็จก่อนปี 2022 เป็นอย่างต่ำแน่นอน ซึ่งปัจจัยหลักๆ มาจากการที่ผู้พัฒนาจำเป็นต้องสร้าง Engine ของเกมไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเกมด้วย ทำให้กระบวนการพัฒนาเกมมีสภาพเหมือนการ "ขับรถไฟไปพร้อมกับการปูราง" ยิ่งไปกว่านั้น ผู้พัฒนายังเปิดเผยว่าผู้กำกับเกมคุณ Adam Badowski ยังเรียกร้องให้ทำการยกเครื่องระบบเกมใหม่หลายครั้ง จนเป็นเหตุให้ผู้พัฒนารุ่นเก๋าๆ ที่สร้างเกม The Witcher 3 จำนวนมากทนไม่ไหวจนลาออกกันหมด โดยแม้ว่าค่าย CDPR จะพยายามรับสมัครผู้พัฒนาเข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมากถึง 500 คน แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด อันเป็นเหตุมาจากความไร้ประสบการณ์ของผู้บริหารในการจัดการทีมพัฒนาขนาดใหญ่เช่นนี้ นำไปสู่ปัญหาในด้านการสื่อสารมากมายระหว่างทีมงาน นอกจากนี้ ยังมีผู้พัฒนาหลายคนที่รายงานว่าพวกเขาถูกกดดัน (กึ่งบังคับ) ให้ต้องทำงานล่วงเวลาติดต่อกันเป็นเวลานานมากๆ ซึ่งก็ขัดแย้งกับคำกล่าวของคุณ Marcin อีกเช่นกัน โดยผู้พัฒนาคนหนึ่งกล่าวว่าเขาเคยต้องทำงาน "เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 13 ชั่วโมง" ตลอดสัปดาห์ โดยเขาเปิดเผยว่าทีมบริหารมีความต้องการที่จะดันเกมออกมาก่อนที่คอนโซลรุ่นใหม่ของทั้ง Microsoft และ Sony จะวางจำหน่ายเพื่อที่จะสามารถขายเกมได้สองต่อทั้งในคอนโซลเจนเก่าและใหม่อีกด้วย ภายในรายงานยังเปิดเผยความเป็นจริงอันน่าเหนื่อยใจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเดโมเกม 50 นาทีที่เปิดเผยในงาน E3 2018 ที่ผู้พัฒนาบอกว่าเป็น "ของปลอมทั้งหมด" อีกด้วย แม้ว่าทางผู้บริหารจะออกมารับปากว่าจะแก้ไขบั๊คทั้งหมดในเกมให้ได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ แต่ทีมพัฒนาก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าเกมจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงของค่ายได้จริงแค่ไหน หรือกระทั่งว่า Sony จะยอมให้เกมวางจำหน่ายบนร้านค้า PS Store อีกหรือไม่ Credit: PCGamer
16 Jan 2021
Cyberpunk 2077: Mod ใหม่เอาใจสายขี้เหงา ทำให้ V มีเพื่อน NPC ติดตามตลอดเวลา
ในเกม Cyberpunk 2077 แม้ว่าจะมี NPC บางตัวมาร่วมทำภารกิจด้วยแบบประปราย แต่ตัวเอก V ของเราก็มักจะต้องฉายเดี่ยวซะส่วนใหญ่ อาจทำให้เกมเมอร์สายขี้เหงาหลายคนรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจขึ้นมาได้ไม่น้อย แต่ความเหงาของคุณจะหมดไปเมื่อใช้ Mod เกมตัวใหม่ที่พัฒนาโดยคุณ SiJiaoCunDeDaZhuangJi จากเว็บ NexusMod เพราะจะทำให้เหล่า NPC เพื่อนร่วมทางทั้งหมด (River, Saul, Judy, Takemura) ร่วมเดินทางและทำภารกิจไปกับคุณพร้อมๆ กันตลอดเวลา! สำหรับ Mod ตัวนี้จะมาในรูปแบบของไฟล์เซฟเกม ซึ่งจะทำให้ Cyberpunk 2077 รู้สึกเหมือนเกม Mass Effect ที่มีเพื่อนๆ เดินตามหลังคุณตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Mod ตัวนี้ก็ยังมีข้อจำกัดแปลกๆ อยู่หลายข้อ เช่นในกรณีที่ทำการ Fast Travel จะมีเพียง Saul เท่านั้นที่จะวาร์ปตามผู้เล่นไป ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ จะยืนรอผู้เล่นอยู่เฉยๆ ตรงจุดที่กด Fast Travel (สามารถเดินทางกลับไปรับมาร่วมทีมอีกครั้งได้) นอกจากนี้ หากผู้เล่นทำภารกิจเนื้อเรื่องประจำตัวละครนั้นๆ จบ (ทั้งภารกิจหลักและภารกิจเสริม) จะทำให้ตัวละครตัวหยุดติดตามผู้เล่นไปเลย โดยภารกิจของตัวละครแต่ละตัวประกอบไปด้วย: Judy: ภารกิจเสริม Ex-factor River: ภารกิจเสริม I Fought the Law Takemura: ภารกิจเนื้อเรื่อง Room 303 Saul: ภารกิจเสริม Riders on the Storm ที่สำคัญที่สุด ผู้เล่นจะไม่สามารถสร้างตัวละครใหม่จองตัวเองได้ และ Mod จะบังคับให้ต้องเล่นเป็นตัวละคร V ชายเลเวล 50 ที่ปลดล๊อค Perk ทั้งหมดมาแล้วเท่านั้น นับว่าเป็น Mod ที่น่าสนใจอีกอันหนึ่งที่น่าจะทำให้ประสบการณ์การเล่นเกม Cyberpunk 2077 ของผู้เล่นหลายๆ คนมีความหลากหลายมากขึ้น ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีเกมเมอร์มือดีทำ Mod แปลกๆ อะไรออกมาให้เราได้ลองเล่นกันอีกในอนาคต Credit: Polygon
15 Jan 2021
Cyberpunk 2077: CDPR งานเข้าจนได้ โดนฟ้องร้องแบบกลุ่มไปเรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าวิบากกรรมของค่าย CD PROJEKT RED และเกม Cyberpunk 2077 ของพวกเขาจะเพิ่งเริ่มต้น เมื่อล่าสุดค่ายได้ถูกนักลงทุนบางคนฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มซะแล้วในศาลของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมรีกา สำหรับการฟ้องร้องครั้งนี้จะดำเนินการโดยบริษัททนาย Rosen Law Firm ซึ่งจะดำเนินคดีกับผู้พัฒนา CDPR เพื่อเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายให้กับนักลงทุนทุกคนที่ซื้อหุ้นของบริษัทระหว่างวันที่ 16 มกราคมถึง 17 ธันวาคม 2020 จากการที่คณะผู้บริหารของค่ายให้ข้อมูลเป็นเท็จต่อนักลงทุน โดยเฉพาะบนเครื่องคอนโซลเจนเก่าที่เกม "แทบจะเล่นไม่ได้เลย" ทั้งที่ผู้บริหารเคยออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่าเกมพัฒนาเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม แถมผู้บริหารอย่างคุณ Adam Kiciński ยังเคยพูดซ้ำอีกว่าเกมสามารถเล่นบนเครื่องคอนโซลเจนเก่าได้ "ดีกว่าที่คิด" ทางกลุ่มทนายความที่เป็นผู้ฟ้องร้องกล่าวเสริมอีกว่าจากการหลอกลวงของผู้บริหาร ทำให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัทในช่วงเวลาดังกล่าวต้องสูญเสียทรัพย์จากการที่ราคาหุ้นของบริษัทถูกปั่นจนสูงเกินความเป็นจริง ก่อนที่มูลค่าหุ้นจะตกลงอย่างน่าใจหายถึง 40% เพียงไม่กี่วันหลังเกมวางจำหน่าย ในขณะนี้ คดีดังกล่าวยังไม่ได้ถูกส่งไปสู่ศาลของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการล่ารายชื่อผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก โดยกลุ่มทนายกล่าวด้วยว่าอาจจะรอส่งเรื่องฟ้องร้องพร้อมๆ กับสำนักงานกฏหมายอื่นๆ ที่กำลังเล็งฟ้อง CDPR อยู่เหมือนกัน เช่นกลุ่มนักลงทุนในประเทศโปแลนด์ที่กำลังรวมตัวกัน รวมไปถึงคดีฉ้อโกงที่กำลังดำเนินการโดยสำนักกฏหมาย Wolf Haldenstein Adler Freeman & Herz อีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวต่างๆ ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับผู้พัฒนา CDPR ตั้งแต่ราคาหุ้นที่หล่นลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงความเชื่อใจของผู้เล่นหลายๆ คนที่อาจจะกู้กลับมาได้ลำบาก คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเหตุการณ์ทั้งหมด รวมไปถึงอนาคตของ CDPR จะดำเนินต่อไปอย่างไร Credit: Polygon
25 Dec 2020
Cyberpunk 2077: CDPR ปล่อยแพทช์ 1.06 แก้ไขปัญหาไฟล์เซฟเกมแล้ว
หลังจากที่เพิ่งปล่อยอัพเดท 1.05 สำหรับเกม Cyberpunk 2077 ไปเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ก็ได้ปล่อยแพทช์แก้ไขเกม 1.06 ตามออกมาแล้วทั้งสำหรับคอนโซลและ PC แล้ว Hotfix 1.06 is available on PC and consoles! Here is the full list of changes: https://t.co/z7vI1cCQri pic.twitter.com/TYFqC7Kv4d — Cyberpunk 2077 (@CyberpunkGame) December 23, 2020 แม้ว่าสำหรับผู้เล่นคอนโซลจะไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากไปกว่าการปรับปรุงความเสถียรของเกม แต่สำหรับผู้เล่นฝั่ง PC ถือเป็นแพทช์สำคัญเลยทีเดียว เพราะจะแก้ไขปัญหาเซฟเกมเสียหายจากการที่ไฟล์เซฟใหญ่กว่า 8MB แม้ผู้พัฒนาจะกล่าวว่าสำหรับไฟล์เซฟที่พังไปแล้วคงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่ก็ถือเป็นข่าวดีมากๆ สำหรับผู้เล่น PC ที่อาจจะหยุดเล่นไปเพราะไฟล์เกือบถึง 8MB แล้ว หรือผู้ที่อาจยังไม่กล้าซื้อเกมจากปัญหาดังกล่าว
24 Dec 2020
Final Review: Cyberpunk 2077
หลังจากที่ปล่อยให้ผู้เล่นเฝ้ารอกันมาเกือบสิบปี นับตั้งแต่ที่เกมประกาศเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2012 บวกกับความคาดหวังในฝีมือและคำสัญญามากมายของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับความลึกล้ำของเกมที่พวกเขาต้องการจะสร้าง คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกม Cyberpunk 2077 จะต้องแบกรับความคาดหวังมโหฬารจากเกมเมอร์ทั่วโลกในฐานะเกม RPG โลกเปิดที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน หลังจากที่เล่นเกมมาเป็นเวลาเกือบ 40 ชั่วโมงจนจบเนื้อเรื่อง ถ้าถามว่าเกม Cyberpunk 2077 นับเป็นเกมที่จะพลิกความคาดหวังของผู้เล่นอย่างที่หลายคนอยากเห็นหรือไม่ คำตอบที่มอบได้คงเป็น “ไม่” ด้วยระบบเกมเพลย์ที่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ใหม่หรือน่าตื่นตาไปกว่าที่เคยเห็นมาในเกมอื่นนัก ถ้ามองโครงสร้างของเกมในภาพใหญ่ Cyberpunk 2077 ก็คงไม่ได้ต่างจากเกม RPG โลกเปิดอย่าง Fallout หรือ Mass Effect มากขนาดนั้น ด้วยความเป็นเกม RPG ที่ให้ความสำคัญกับระบบบทสนทนา แต่ในขณะเดียวกับ เกม Cyberpunk 2077 ก็เปรียบเสมือนจุดสูงสุดของการออกแบบเกม Open World ทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยโลกที่ละเอียดและน่าค้นหาที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์เราด้วยเรื่องราวอันหลากหลายทั้งอารมณ์และรสชาติเกี่ยวกับชีวิตในมหานคร Night City เมืองแห่งอนาคตและอิสระที่สวยงามและโสมมในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีระบบเกมเพลย์ที่สนับสนุนให้ผู้เล่นแต่ละคนได้มีโอกาสแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และให้รางวัลกับคนที่ยินดีจะเรียนรู้ระบบ RPG อันซับซ้อนนี้จริงๆ      แม้จะไม่ใช่เกมที่จะกลายเป็นตำนานชั่วข้ามคืน แต่ Cyberpunk 2077 ก็เป็นผลลัพธ์ของการขัดเกลาระบบเกมเพลย์หลายๆ อย่างที่เห็นในวงการเกมในยุคที่ผ่านมาจนเปล่งประกาย และถือเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีและลึกเป็นอันดับต้นๆ ในรอบหลายปีมานี้อย่างแน่นอน *อ่านรีวิวช่วงต้นเกม (คลิ๊ก) และรีวิวอัปเดท 1 (คลิ๊ก) เพื่ออ่านความเห็นและรับชมภาพบทบรรยายไทย ตำนานที่มีชีวิต สำหรับคนที่อาจไม่ทราบ เกม Cyberpunk 2077 จะติดตามตัวละครเอกที่ชื่อ ‘V’ ทหารรับจ้างหน้าใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำนานในมหานคร Night City บ้านเกิดของเขา แต่หลังจากที่ภารกิจหนึ่งของเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาอย่างร้ายแรง ทำให้ V ถูกปลูกถ่ายจิดสำนึกของนักร๊อคและ “ผู้ก่อการร้าย” ในตำนานอย่าง Johnny Silverhand เอาไว้ในหัว และทำให้จิตสำนึกแปลกปลอมนั้นค่อยๆ กัดกินสมองของเขาไปเรื่อยๆ โดย V จะต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาวิธีรักษาชีวิตตัวเอง พร้อมกับไขปริศนาเบื้องหลังภารกิจอันผิดพลาดนั้น อย่างที่น่าจะพอทราบกันดีจากรายงานของสื่อต่างชาติที่มีเวลารีวิวเกมมากกว่าผู้เขียน เนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 จะค่อนข้างสั้น และสามารถเล่นให้จบได้ในระยะเวลาไม่เกิน 20-25 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งจากที่เล่นมาก็ดูจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะพอผู้เขียนตัดสินใจนั่งเล่นเนื้อเรื่องอย่างเดียวเพื่อให้จบเกมเร็วที่สุด ก็พบว่าที่รู้สึกเหมือนอยู่กลางๆ เรื่องมันใกล้จะจบแล้ว และเล่นต่อไปอีกไม่เยอะก็พบฉากจบแล้ว โดยถ้าให้วิจารณ์ในแง่ของภารกิจเนื้อเรื่องเพียวๆ ก็คงต้องบอกว่าเนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 เขียนบทมาได้อย่างเข้มข้นและน่าติดตาม พร้อมกับมีตัวละครที่ล้วนมีแง่มุมที่น่าสนใจของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าตื่นเต้นหรือแตกต่างจากเกม RPG ที่มีตอนจบหลายแบบที่เคยเล่นมา แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือการที่เนื้อเรื่องของเกมสามารถเปลี่ยนแปลงและขยายขอบเขตของตัวเองไปได้ตามเนื้อหาเสริมที่เราเล่น ถ้าให้อธิบายโดยไม่สปอย ผู้เขียนได้มีโอกาสเล่นภารกิจเสริมอันหนึ่งจาก NPC ในเนื้อเรื่อง โดยภายในภารกิจผู้เขียนในฐานะ V ก็ได้มีโอกาสคุยเปิดใจกับตัวละครตัวนั้นอย่างลึกซึ้งถึงความเชื่อและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ จนเหมือนจะช่วยคลายปมในใจบางอย่างให้กับ NPC ตัวนั้นได้ เป็นบทสนทนาที่น่าสนใจแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะสำคัญอะไรต่อเนื้อเรื่องขนาดนั้น แต่เมื่อไปถึงช่วงใกล้ๆ จบเนื้อเรื่อง ผู้เขียนก็ได้พบกับทางเลือกหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าต่อยอดมาจากทางเลือกที่ว่านี้ โดยตัวละครดังกล่าวเป็นคนพูดออกมาเองว่าถ้าไม่ได้มีบทสนทนานั้น ก็คงไม่ได้นำมาสู่เรื่องราวเช่นนี้ หมายความว่าถ้าไม่ได้เล่นภารกิจเสริมที่ว่านั้น ตอนจบของผู้เขียนก็อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่ายังมีอีกกี่ภารกิจเสริมที่จะส่งผลต่อตอนจบได้แบบนี้อีก แต่ก็หมายความว่ายิ่งเราทำภารกิจเสริมมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะภารกิจเสริมที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้มีโอกาสได้พบกับตอนจบหลากหลายขึ้นเท่านั้น มาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วมันต่างกับที่พบในเกมอย่าง Fallout 4 อย่างไร? ก็ต้องบอกว่าแม้ในภาพใหญ่อาจไม่ต่างมาก แต่วิธีที่ Cyberpunk 2077 ผูกโยงเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกันต่างหากที่ทำให้เกมรู้สึกน่าทึ่ง เหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องอย่างเป็นนัยยะสำคัญไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุการณ์ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่บางครั้งแค่บทสนทนาธรรมดาๆ เกี่ยวกับชีวิตก็อาจย้อนกลับมามีความสำคัญในแบบที่ไม่ได้จินตนาการเอาไว้ในตอนแรก ทำให้ Cyberpunk 2077 รู้สึกมีความเป็น “มนุษย์” หรืออาจะเรียกว่าความ “เป็นธรรมชาติ” (ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคงใช้คำว่า ‘organic’) ในแบบที่เกมปลายเปิดลักษณะเดียวกันเทียบไม่ติดเลย เมื่อมนุษย์คืออาวุธที่น่ากลัวที่สุด แม้ว่าการต่อสู้ของ Cyberpunk 2077 จะค่อนข้างจำกัดในชั่วโมงแรกๆ ของเกม (เอาจริงๆ ก็เป็นสิบชั่วโมงอยู่เหมือนกัน) ที่ผู้เล่นยังเข้าไม่ถึงอาวุธและ Cyberware ที่น่าสนใจ และรู้สึกไม่ค่อยต่างจากเกมแอคชั่น FPS ทั่วไปเท่าไหร่ แต่เกมก็เริ่มเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่เล่นเช่นกัน ยิ่งผู้เล่นสามารถปลดล๊อค Perk และ Cyberware ได้เยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเปิดทางเลือกให้กับผู้เล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ความน่าสนใจอีกอย่างของเกมอยู่ที่ระบบการพัฒนาตัวละคร ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถพัฒนาตัวละครได้ตามใจอยากแค่จากการเล่นเกมตามที่อยากเล่น เพราะนอกจากระบบ Perk และ Attribute ที่จะพัฒนาขึ้นตามการอัปเลเวลแล้ว ยังมีระบบความชำนาญที่จะมอบโบนัสต่างๆ ให้ผู้เล่นตามการกระทำของเราอีกด้วย อย่างผู้เขียนค่อนข้างจะเน้นการอัปเกรด Attribute Reflex (การตอบสนอง) ที่ทำให้ผู้เขียนได้รับโบนัสจากการใช้อาวุธดาบ แต่เมื่อเล่นเกมไปเรื่อยๆ ก็พบว่าต้องใช้การแฮ๊คเยอะ ทำให้ผู้เขียนได้รับความชำนาญในด้านนั้นเพิ่มขึ้นตลอดที่เล่น และทำให้ได้รับโบนัสสำหรับทักษะการแฮ๊คไปด้วย แน่นอนว่าสุดท้ายทุกอย่างก็ยังขึ้นกับค่า Attribute ที่จะกำหนดว่าเราจะอัปเกรด Perk อะไรได้บ้าง จากการทดลองเล่นในระดับความยากปานกลาง พบว่าระดับความท้าทายของเกมโดยรวมจะค่อนไปทางง่ายซะมากกว่าโดยเฉพาะเมื่อเราอัปเกรดตัวละครไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของผู้เขียน ได้เลือกที่จะเน้นไปที่ความสามารถด้านการใช้ดาบควบคู่กับ Perk สายร่างกายที่ทำให้ถึกทนและฟื้นฟูพลังชีวิตเร็วขึ้น ซึ่งพออัปเกรดทั้งของสวมใส่และ Perk ถึงจุดหนึ่งก็พบว่าแทบจะสามารถวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปฟันหัวศัตรูทีละตัวโดยแทบไม่ต้องกลัวตายเลย แม้จะยอมรับว่าสะใจยิ่งนัก แต่ก็ทำให้เกมช่วงท้ายๆ รู้สึกง่ายไปเลยเช่นกัน จุดอ่อนอย่างหนึ่งของเกมมาจากการที่อาวุธและ Cyberware ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์มากๆ มักจะถูกกันออกไปไว้ช่วงท้ายหมดเลย ไม่ว่าจะเพราะต้องการระดับ Street Cred สูง หรือไม่ก็ต้องใช้ Attribute สูงระดับหนึ่ง ส่งผลให้เกมเพลย์ช่วงต้นๆ รู้สึกธรรมดาๆ ไปซะหน่อย และกว่าจะเริ่มรู้สึกว่ามันเปิดกว้างให้เรามากขึ้นก็ปาไป 20 ชั่วโมงแล้วสำหรับผู้เขียน ซึ่งถ้าใครไม่ทำภารกิจเสริมเลย หรือทำน้อย เผลอๆ จะเล่นเนื้อเรื่องจบก่อนจะได้ลองใช้ Cyberware เท่ๆ เลยด้วยซ้ำ มหานครแห่งแสง สี และ RTX อีกหนึ่งแรงขับสำคัญเบื้องหลังความน่าทึ่งของเกมคงหนีไม่พ้นกราฟิกและการนำเสนอ ที่ทำให้เมือง Night City รู้สึกเป็น “โลกที่มีชีวิต” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมไหนๆ ซึ่งในจุดนี้ต้องกล่าวชมทีมออกแบบของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED มากๆ ที่สามารถทำให้โลกของเกม Open World นี้รู้สึกละเอียดไม่ต่างจากเกมแนวเส้นตรงหลายเกมที่ผ่านมา จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนทุกกระเบียดนิ้วของเมือง Night City ถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ ทำให้เมืองรู้สึกมีเรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ในแบบที่คล้ายกับสถานที่จริงอย่างไรอย่างนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากๆ คือการที่แต่ละเขตจะมีบุคลิกที่ชัดเจนมากๆ ของตัวเอง ที่สะท้อนออกมาทั้งทางการออกแบบถนนหนทางและอาคาร ไปจนถึงการแต่งตัวของประชากรและอาชญากรในเขตนั้นๆ เปรียบเสมือนกับว่าแต่ละเขตเป็น “เมือง” ย่อมๆ ในเกม RPG แฟนตาซีที่มักจะมีธีมและเนื้อเรื่องของตัวเอง โดยแต่ละเขตในเมือง Night City ที่เราเยี่ยมเยียมจะมี NPC ที่เรียกว่า Fixer คอยมอบงานให้เรา ซึ่งงานเหล่านี้ก็มักจะแสดงออกถึงวิถีชีวิตของแต่ละเขตอีกด้วย ทำให้รู้สึกราวกับว่าเกมมีเรื่องราวใหม่ๆ มานำเสนอให้เราตลอดเวลา แม้กระทั่งเมื่อจบเนื้อเรื่องไปแล้วกลับมาเล่นก็ตาม  สำหรับการรีวิว ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มีการ์ดจอ RTX 2060 และ 16GB RAM โดยเล่นเกมส่วนใหญ่ที่การตั้งค่ากราฟิก Preset Ray Tracing - Medium ซึ่งพบว่าเกมสามารถแสดงผลได้ที่ประมาณ 40-45 FPS (ตกไปถึง 35 เวลาบู๊ๆ) และสามารถดันได้ถึง RTX Ultra แลกกับเฟรมเรต 30 FPS ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดเอาไว้ประมาณหนึ่ง คนที่กลัวว่าคอมพิวเตอร์ของตัวเองจะเล่นเกมไม่ไหวไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วง ตราบใดที่มีคอม Spec ขั้นต่ำคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหากับการเล่นเกม (ตั้งค่าได้เท่าไหร่อีกเรื่องหนึ่ง) อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมคือเกมเวอร์ชั่นทีเล่นเพื่อรีวิวนี้ยังไม่ได้อัปเดทแพทช์ Day One ที่ว่ากันว่าจะปรับปรุงการทำงานของเกม แถมยังไม่ได้อัปเดท Driver ของการ์ดจอ และมีซอฟต์แวร์ Denuvo Anti-Tampering มาฉุดเฟรมเรตของเกมลงอีก โดยเชื่อได้ว่าเกมเวอร์ชั่นที่ผู้เล่นทุกคนได้รับการน่าจะมีปัญหาน้อยกว่าเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนเจอ  สรุป แม้จะไม่ใช่เกมที่เปรียบเสมือนตัวแทนแห่ง Next-Gen ที่หลายคนหวังจะเห็น แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตำหนิเลยสำหรับ Cyberpunk 2077 เกมที่เปรียบเสมือนร่างสุดยอดของแนวคิดการออกแบบเกม Open World โดยรวมตลอดทศวรรตที่ผ่านมา ที่ทั้งสนุกและน่าหลงใหลได้ไม่รู้จบ ราวกับการนั่งดูซีรี่ส์ไซไฟดราม่าเข้มข้นหลายซีซั่นในเกมเดียว ที่สำคัญคือเกมเป็นเกมที่ยิ่งให้เวลาสำรวจโลกของเกมได้เท่าไหร่ ก็จะยิ่งเปิดกว้างและหลากหลายขึ้นเท่านั้น หากคุณเคยเล่นเกม Open World อะไรก็แล้วแต่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาแล้วชอบ เชื่อได้เลยว่า Cyberpunk 2077 จะมีอะไรให้คุณแน่นอน
09 Dec 2020
Review-In-Progress: Cyberpunk 2077 อัปเดท 1 (8/12/20) [NO SPOILER]
เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ทำให้ไม่สามารถเพิ่มส่วนอัปเดทลงไปในบทความเดิมได้ ใครที่สนใจอยากอ่านความเห็นจากช่วงต้นเกม สามารถอ่านได้ ที่นี่ Update 1: 8/12/20 ยุคนี้ใครเค้าเล็งปืนกัน! จากที่คราวที่แล้วผู้เขียนไม่ค่อยประทับใจกับการต่อสู้ จากการที่เกมช่วงที่เล่นยังมักจะมีแต่ปืนและอาวุธแบบมนุษย์ธรรมดาๆ แม้ว่าศัตรูจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปนักในเวลาเกือบสิบชั่วโมงที่ผู้เขียนเล่นเพิ่มเติม แต่ปืนที่ได้รับมาเริ่มจะพิศดารมากขึ้นแล้ว เช่นปืน Smart Gun ที่เราเห็นในตัวอย่างเกมที่ผ่านมาที่จะปล่อยกระสุนนำวิถีไปโจมตีศัตรู หรือปืนสไนเปอร์ Nekomata ที่สามารถยิงทะลุกำแพงจากระยะไกลได้ และอาจจะด้วยการพัฒนาความสามารถสายแฮ๊คกิ้งมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าการต่อสู้และลอบเร้นในเกมมีความหลากหลายกว่าที่คิดเอาไว้ในตอนแรกอีกด้วย ผลเสียอย่างหนึ่งของการที่ตัวละครของผู้เขียนพัฒนาขึ้นแต่ศัตรูส่วนใหญ่ไม่ได้พัฒนาตามเท่าไหร่ ทำให้การต่อสู้ในช่วงนี้เริ่มรู้สึกง่ายขึ้นไปเยอะ เรียกว่าผู้เขียนแทบจะวิ่งฝ่ากระสุนเข้าไปเอาดาบเสียบศัตรูได้เรียงตัวแล้ว แต่ก็เริ่มจะได้เห็นศัตรูแปลกๆ บ้างในฐานะมินิบอส เช่นศัตรูตัวหนึ่งที่ใส่ Cyberware เพิ่มความเร็วจนวิ่งหลบกระสุนได้ หรือศัตรูที่จะพยายามแฮ๊คเราซะเองพร้อมกับวิ่งเข้ามาโจมตีระยะประชิด ผู้เขียนมักต้องเปลี่ยนวิธีเล่นกลางคันเพื่อรับมือกับศัตรูเหล่านี้เสมอ ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้ท้าทายขึ้นมาบ้าง แม่ในภาพรวมจะยังถือว่า Cyberpunk 2077 (อย่างน้อยในระดับความยากปานกลางที่ผู้เขียนเล่น) น่าจะเป็นเกมที่ค่อนไปทางง่ายสำหรับผู้เล่นหลายๆ คน  โดยรวมก็ต้องบอกว่าการต่อสู้เริ่มมีความสร้างสรรค์และปลายเปิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำให้เกมง่ายขึ้นไปด้วย นี่ถ้าซื้อ Cyberware โหดๆ มาใส่ได้เมื่อไหร่น่าจะล้างบางศัตรูได้สบายๆ ผลบุญผลกรรมมันหนีกันไม่พ้น ในส่วนของทางเลือก ผู้เขียนเริ่มจะได้เห็นผลของทางเลือกและการกระทำของตัวเองก่อนหน้านี้บ้างแล้ว และได้รับเควสที่ดูเหมือนจะผูกกับเนื้อเรื่องของ Lifepath โดยเฉพาะอีกด้วย หลังจากที่เริ่มเล่นเกมต่อจากที่เล่นค้างไว้ได้ไม่กี่ชั่วโมง ผู้เขียนได้รับการติดต่อจาก NPC คนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะรู้จักกับ V อยู่แล้ว เมื่อไปเจอตัวเธอเข้าจริงๆ จึงจำได้ว่าเธอคือ NPC หญิงสาวที่ผู้เขียนช่วยชีวิตเอาไว้ในอีกภารกิจหนึ่งที่ทำตั้งแต่ตอนเริ่มเกมเลย! แถมตอนสนทนากัน เธอยังเอ่ยถึงทางเลือกของผู้เขียนในภารกิจนั้นๆ ด้วย โดยในจุดนี้ไม่ค่อยมั่นใจว่าถ้าตอนที่เล่นภารกิจเลือกทางเลือกอีกแบบจะได้เจอเธออยู่ไหม แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นรายละเอียดสนุกๆ ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าควรจะใส่ใจกับทางเลือกในแต่ละสถานการณ์ยิ่งกว่านี้อีก ในส่วนของ Lifepath ผู้เขียนได้รับการติดต่อมาจาก NPC ตัวหนึ่งที่เคยเจอกันครั้งแรกในช่วงเนื้อเรื่องของ Lifepath Corpo ตั้งแต่ต้นเกมเลย โดยเขาบอกตัวละคร V ว่าเขากำลังโดนเจ้านายหมายหัวอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปูมาตั้งแต่ตอนที่คุยกับเขาครั้งแรกในเนื้อเรื่องตอนต้นเลย แถมเช่นเดียวกับตัวอย่างด้านบน เขายังเอ่ยถึงรายละเอียดที่คุยกันก่อนหน้านี้อีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนั้น แม้ว่าตัวอย่างที่ยกมาจะเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ (จริงๆ มีเหตุการณ์ใหญ่กว่านี้แต่ไม่อยากสปอย) แต่แค่รายละเอียดเหล่านี้ก็ช่วยเสริมความรู้สึกว่าเรื่องราวของ V มันเป็นของผู้เล่นแต่ละคนโดยเฉพาะจริงๆ และการกระทำทุกอย่างของเรา แม้จะดูเหมือนเล็กน้อยหรือไม่มีความหมาย แต่เราไม่รู้เลยว่าจะย้อนกลับมาหาเราในรูปแบบใดได้บ้าง ภารกิจเยอะ ข้อมูลน้อย อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้เขียนเริ่มสังเกติชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือการที่เกมค่อนข้างมีปัญหาในการสื่อสารข้อมูลให้ผู้เล่น แม้ว่าเกมจะมีระบบมากมายที่ลึกซึ้งและสัมพันธ์กันในระดับที่น่าทึ่ง แต่เกมกลับไม่ค่อยสอนหรือแนะนำอะไรกับผู้เล่นเท่าไหร่เลย และกระทั่งเรื่องที่ควรจะง่ายอย่างการหาคำตอบว่า “เราสามารถรีเซ็ตค่า Stat และ Perk ทำอย่างไร” กลับเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าผู้เล่นต้องหาเอาเอง (ผู้เขียนยังหาไม่เจอ) อีกจุดที่น่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้ในแง่ของข้อมูลคือหน้าต่างภารกิจของเกม ด้วยความที่เกมตั้งอยู่ในโลกอนาคตที่ทุกคนมีมือถือ (หรือสื่อสารกันผ่าน Cyberware) ผู้เล่นจะไม่ต้องเดินไปคุยกับ NPC หรือกระดานข่าวเพื่อรับภารกิจอีกต่อไป แต่ NPC เหล่านั้นจะ้วิธีส่งข้อความหรือโทรมาหา V โดยตรง ทำให้เรามักจะมีภารกิจเสริมน้อยใหญ่อยู่เต็มหน้าตลอดเวลา ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเรามักไม่มีทางรู้ได้เลยว่าของรางวัลจากการทำภารกิจแต่ละอันจะมีอะไรบ้าง หรือว่าภารกิจนี้จะพัฒนาเนื้อเรื่องของใครบ้าง ซึ่งก็ทำให้ตัดสินใจค่อนข้างยากว่าจะทำภารกิจไหนก่อนดี ในบางช่วงเราอาจจะกำลังอยากเก็บเงิน แต่ก็ไม่รู้ว่าภารกิจไหนบ้างที่ทำแล้วจะได้เงิน บางทีเราอยากอัปเลเวลตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าภารกิจไหนให้ค่าประสบการณ์ หรืออันไหนให้ค่า Street Cred แทน ทำให้การเล่นภารกิจเพื่อเป้าหมายเฉพาะบางอย่างทำได้ยาก และส่วนใหญ่ผู้เขียนก็มักจะแค่เลือกภารกิจที่ใกล้ที่สุดแล้วตรงไปที่นั่น แต่ก็ทำให้รู้สึกขาดตอนได้เหมือนกันเวลาที่เพิ่งเล่นภารกิจบู๊ๆ มาแล้วมาเจอภารกิจเน้นคุยอย่างเดียว ชีวิตมัวๆ ที่ไม่มีวีรบุรุษ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือตัวละครที่เราสามารถพบได้ในเกม โดยเฉพาะเหล่าตัวละครที่มีบทบาทในเนื้อเรื่อง ที่ล้วนมีมิติที่น่าค้นหาของตัวเอง แม้ในช่วงต้นเกมจะรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยมีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับ NPC เหล่านี้นักนอกเหนือไปจากในภารกิจเนื้อเรื่อง แต่พอเริ่มได้ใช้เวลาและเรียนรู้ภูมิหลังของพวกเขามากขึ้น ก็พบว่าตัวละครหลายตัวมักมีอะไรน่าสนใจจะพูดหรือเล่าให้ฟังเสมอ และบ่อยครั้งมักเป็นเรื่องที่ช่วยเสริมเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหรือช่วยพัฒนาตัวละครให้ลึกขึ้น แม้ในเกม RPG ส่วนใหญ่ผู้เขียนอาจจะชอบข้ามตัวเลือกบทสนทนาที่ไม่ได้ดำเนินเนื้อเรื่องต่อ (ในเกมนี้จะเป็นสีฟ้า ส่วนที่ดำเนินเนื้อเรื่องจะเป็นสีเหลือง) แต่ในเกมนี้ มักจะต้องเลือกฟังตัวเลือกบทสนทนาทั้งหมดก่อนจะดำเนินเรื่องต่อไปเสมอ แถม: สำหรับคนที่อยากเห็นภาพซับไทยมากกว่านี้ อังกฤษ: ไทย: เอาจริงๆ ถามว่าซับไทยรู้เรื่องแค่ไหน ก็คงบอกว่ารู้เรื่องซัก 85-90% นั่นแหละ อีก 10-15% ก็น่าจะพอตีความจากบริบทได้ แต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนจริงๆ คือการคงอารมณ์ความรู้สึกของบทเดิมเอาไว้ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะไม่ติดขัด แต่เผอิญว่าผู้เขียนเป็นคนติดอ่านซับด้วย เวลาเปิดซับไทยก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะอ่านตาม พอไม่ตรงกับเสียงอังกฤษขึ้นมาก็ทำให้เสียอารมณ์เวลาเล่นได้ แต่เชื่อว่าสำหรับผู้เล่นอีกส่วนใหญ่ๆ น่าจะไม่มีปัญหากับซับไทย แต่ให้ระวังคำแปลหน้าเมนูเช่นในตัวอย่างบนก็พอ สรุปอัปเดท 1: ตอนนี้ยังไม่ได้ Cyberware มาใช้ (เงินไม่พอซื้อ) แต่เริ่มได้อาวุธใหม่ๆ มากขึ้น เริ่มสนุกขึ้นกว่าช่วงต้นๆ เกม / เนื้อเรื่องเริ่มผูกโยงกับการกระทำของผู้เล่นมากขึ้น เริ่มเห็นผลของทางเลือกก่อนหน้านี้ / เกมไม่ค่อยให้ข้อมูลเท่าไหร่ทำให้วางแผนการเล่นยาก อยากฟาร์มเงินก็ไม่รู้ภารกิจไหนให้เงิน อยากฟาร์มของก็ไม่รู้ภารกิจไหนให้ของ
08 Dec 2020
Review-In-Progress: Cyberpunk 2077 [NO SPOILER]
ตั้งแต่ที่ประกาศเปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 เกม Cyberpunk 2077 ก็กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับการรอคอยมากที่สุดของเกมเมอร์หลายๆ คนแทบจะชั่วข้ามคืน ทั้งจากชื่อเสียงอันเลื่องลือของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED และผลงาน The Witcher 3 ที่ได้รับความนิยมถล่มทลาย ไปจนถึงจักรวาลต้นฉบับ Cyberpunk 2020 ที่เกมใช้อ้างอิง ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่เกมเมอร์รุ่นเก๋าที่เติมโตมาในยุคของเกม RPG ตั้งโต๊ะทั้งหลาย ตั้งแต่ที่ได้โค้ดเกมเวอร์ชั่น PC มาจากผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนได้ลองเล่นเกมไปแล้วราว 20 ชั่วโมง และทำให้ได้เห็นภาพของสุดยอดเกมแห่งปี 2020 มากกว่าเดิมพอสมควร แต่ด้วยขนาดของเกมและเนื้อหาเสริมที่มีอยู่เยอะจนตาลาย ทำให้ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งสัมผัสเกมได้เพียงผิวเผินเท่านั้น และยังมีองค์ประกอบสำคัญหลายๆ อย่างที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส เช่นอาวุธหรือ Cyberware ระดับสูงทั้งหลาย รวมไปถึงผลของทางเลือกในระยะยาว ด้วยประการฉะนี้ เราจึงเลือกที่จะยังไม่ให้คะแนนเกมในรีวิวนี้ทันที แต่จะทำการอัปเดทความเห็นความรู้สึกของผู้เขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าที่เกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อให้สามารถวิจารณ์แง่มุมต่างๆ ของเกมได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด หากใครมีคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเกม ที่ไม่ได้รับการตอบในบทความนี้ สามารถคอมเมนต์เข้ามาถามเอาไว้ได้ แล้วเราจะพยายามตอบคำถามของคุณในอัปเดทบทความครั้งถัดไป หมายเหตุ: เกมเวอร์ชั่นรีวิวนี้จะยังไม่ได้รับการปรับปรุงจาก Day One Patch และจะมีโปรแกรม Denuvo Anti-Tampering เข้ามาด้วยเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเกมช่วงก่อนวางจำหน่าย ทำให้อาจจะมีข้อบกพร่องบางประการที่ผู้เขียนพบ แต่ผู้เล่นจะไม่พบ ต้องรอดูกันอีกทีว่าแพทช์ดังกล่าวจะปรับแก้อะไรบ้าง (อ่านช่วงอัปเดทด้านล่าง) *ขอขอบคุณบริษัท CD PROJEKT RED สำหรับโค้ดรีวิว และบริษัท Sicom, Nvidia สำหรับอุปกรณ์รีวิว* ชะตากรรมของนักเลงแห่งโลกอนาคตที่คุณเป็นคนลิขิต เนื้อเรื่องของเกม Cyberpunk 2077 จะเล่าเรื่องราวของตัวเอกที่ชื่อว่า V ทหารรับจ้างหน้าใหม่ไฟแรงของเมือง Night City ผู้ซึ่งถูกดึงเข้าไปพัวพันกับแผนการแย่งชิงอำนาจของเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ (ที่เกมเรียกว่าเหล่า Megacorp) ที่ปกครองเมือง และต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ของเขาในการไขปริศนาเบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด โดยสิ่งที่ผู้พัฒนายกเป็นจุดขายสำคัญมาโดยตลอดคือเรื่องของทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเสื้อผ้า หน้าตา หรือคำพูดของตัวละคร ที่ล้วนแล้วแต่จะส่งผลต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าด้วยระยะเวลาเล่นที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้เรายังไม่อยากวิจารณ์เนื้อเรื่องในภาพใหญ่ แต่จากระยะเวลาที่ทดลองเล่น พบว่าเนื้อเรื่องของเกมมีความเข้มข้นและ "เป็นผู้ใหญ่" ในแบบที่น้อยเกมจะกล้าทำ เกมให้เวลากับการพัฒนาตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ เยอะมากจนในบางครั้งเราอาจจะเล่นเกมเป็นชั่วโมงโดยที่คุยกับ NPC อย่างเดียวเลยก็ได้ ซึ่งในแง่นี้ก็อาจจะถูกใจคนที่ชื่นชอบการเล่น RPG อินๆ เหมือนดูซีรี่ส์ยาวๆ มากกว่าคนที่โหยหาประสบการณ์บู๊กระหน่ำดุเดือดเลือดพล่านแบบหนังฮอลลีวู้ด เมื่อเริ่มต้นเกมครั้งแรก สิ่งแรกที่ผู้เล่นจะได้พบก็คือหน้าจอการเลือก Lifepath หรือภูมิหลังของตัวละคร และเมนูการสร้างตัวละคร โดยเราสามารถกำหนดรูปร่างหน้าตาของตัวละครได้ตั้งแต่เล็บมือยันอวัยวะเพศ แถมยังสามารถผสมคอมโบเพศตัวละครได้ตามใจอีกด้วย ซึ่งแม้จะเรียกเสียงฮือฮาจากหมู่ผู้เล่นที่ติดตามเกมได้พอสมควร แต่เอาเข้าจริงๆ ระบบสร้างตัวละครของเกมก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร และยังจำกัดกว่าการสร้างตัวละครในเกม RPG อีกหลายๆ เกมด้วยซ้ำ ที่สำคัญ ทางเลือกเหล่านี้กลับไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเกมมากเท่าที่ผู้พัฒนาเคยบอกไว้ และเราแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าตาของตัวละครเลยในการเล่นทั่วไป (ยกเว้นเวลาเข้าหน้าต่างของสวมใส่) จึงอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับการสร้างตัวละครมากนัก โดยทางเลือกที่เห็นว่าน่าจะส่งผลต่อผู้เล่นจริงๆ มีเพียงเสียงพูด (ที่จะสรรพนามทางเพศที่ตัวละครในเกมใช้เรียกเรา) และเล็บมือ (อวัยวะที่เราเห็นได้บ่อยที่สุด) นอกนั้นเอาเข้าจริงอยากเลือกอะไรก็ได้ไม่ต่างกัน เช่นเดียวกับหน้าตา เมื่ออ้างอิงจากระยะเวลาที่ใช้เล่นเกมมา Lifepath ของตัวละครเองก็ไม่ได้ส่งผลต่อเกมอย่างใหญ่หลวงนัก หลักๆ แล้วก็จะมอบตัวเลือกบทสนทนาประจำสายให้ประปราย แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้เล่นอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด ไม่ได้มีภารกิจเฉพาะสาย Lifepath หรือมีความสามารถหรือเหตุการณ์ใดๆ เพิ่มขึ้นมานอกจากช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกของเกม เสมือนเป็นเพียง "สีสัน" อีกระดับหนึ่งมากกว่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเนื้อเรื่อง เช่นผู้เขียนที่เลือกเล่นเป็นตัวละคร Corpo มักจะทำให้สามารถเลือกตัวเลือกบทสนทนาที่เป็นลักษณะ "รู้ทัน" กลโกงของเหล่าตัวละคร NPC ที่เป็นสาย Corpo เช่นเดียวกับเรา หรือช่วยให้เราตีสนิท NPC สายนี้ได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่าถ้าไม่มีทางเลือกเหล่านี้ก็อาจจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายไปอีกแบบ แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเราก็ยังสามารถพบกับผลลัพธ์แบบเดียวกันได้แม้ไม่ได้เลือก Lifepath นั้นมาก็ตาม คนที่คาดหวังว่าการเล่นเกม 3 รอบ 3 Lifepath จะได้ประสบการณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงอาจต้องปรับความคาดหวังกันซักนิด ทางเลือกที่ส่งผลสำคัญจริงๆ มักจะเกิดขึ้นในบทสนทนาระหว่างภารกิจ ที่อาจจะส่งผลสำคัญต่อเกมจริงๆ เช่นบางตัวเลือกอาจจะทำให้เราเลี่ยงการเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มใหญ่ได้ หรืออาจจะถึงขนาดเปลี่ยนเป้าหมายของภารกิจไปเลยก็ยังได้ แต่สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนจากระยะเวลาที่ได้เล่นคือทางเลือกเหล่านี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเกมแค่ไหน เช่นถ้าในภารกิจหนึ่งผู้เขียนเลือกเข้าข้างฝ่าย A เพื่อสู้กับฝ่าย B มันจะส่งผลเป็นวงกว้างต่อไปอย่างไร จะมีคนของฝ่าย B มาตามล้างแค้นไหม หรือเนื้อเรื่องหลักจะเปลี่ยนไปไหม ยังเป็นสิ่งที่ยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ กล่าวโดยสรุป แม้ว่าเราจะพอฝันธงได้ระดับหนึ่งแล้วว่าทางเลือกทั้งหลายที่เราได้เลือกในช่วงต้นเกมจะไม่ได้ส่งผลต่อเกมที่เหลือขนาดนั้น แต่สิ่งที่ยังตอบลำบากคือเรื่องผลกระทบของทางเลือกบทสนทนาต่อเนื้อเรื่อง ซึ่งน่าจะต้องดูกันต่อไปอีกว่าจะส่งผลมากเท่าที่ผู้พัฒนาเคยคุยไว้แค่ไหน แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพของเนื้อเรื่องและบทเท่าที่เล่นมา ก็ต้องบอกว่าเกมให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูซีรี่ส์สืบสวนสอบสวนเข้มข้นๆ เรื่องหนึ่งอยู่ และเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงน่าตื่นเต้นจริงๆ เท่านั้นเอง แถม: สำหรับคนที่อ่านรีวิวนี้ก่อนเกมวางจำหน่าย อยากแนะนำให้ได้ไปศึกษาเนื้อเรื่องและตัวละครจากเกมตั้งโต๊ะ Cyberpunk 2020 ให้ดีๆ เพราะเนื้อเรื่องของเกมจะอ้างอิงถึงตัวละครและเหตุการณ์เหล่านี้อย่างมีนัยยะสำคัญ จึงควรลองหาอ่านซะหน่อยเพื่อกันงง และเพื่อให้เข้าใจถึง "น้ำหนัก" หรือ "ความสำคัญ" ของเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องต่อโลกของเกม ก็บอกแล้วว่าเป็น RPG ไงเล่า! ในแง่ของความเป็น RPG เกม CP2077 จะแบ่งการพัฒนาตัวละครออกเป็นสองด้านหลักๆ คือเลเวลของตัวละคร ซึ่งจะกำหนดค่า Stat และความสามารถ Perk ที่เราสามารถเลือกอัปเกรดได้ และระดับ Street Cred ซึ่งจะปลดล๊อคไอเทมและ Cyberware ที่เราสามารถซื้อได้นั่นเอง โดยทั้งสองมักจะพัฒนาไปพร้อมๆ กันขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้เล่น (ไม่ค่อยชัดเจนนักว่าอะไรเพิ่ม Level เป็นหลัก และอะไรเพิ่ม Street Cred เป็นหลัก) สำหรับค่า Level ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้น เราจะได้รับแต้ม Stat และ Perk มาอย่างละหนึ่งแต้ม โดยค่า Stat จะมีทั้งหมด 5 ค่า (Body, Reflexes, Intelligence, Tech, Cool) ซึ่งจะให้ผลไม่เหมือนกัน Stat หนึ่งอาจเพิ่มพลังชีวิตและการโจมตีระยะประชิด ในขณะที่อีก Stat ลดเวลาในการเติมกระสุนปืนเป็นต้น นอกจากนี้ ในแต่ละ Stat ยังจะมีสาย Perk อีกถึง Stat ละ 2-3 สาย เปรียบเสมือนความสามารถติดตัวที่ช่วยเสริมสายการเล่นของเรา เช่นทำให้ปืนไรเฟิลส่ายน้อยลง หรือทำให้ชักปืนลูกซองออกมาได้เร็วขึ้น ยิ่งเราอัปค่า Stat ที่เกี่ยวข้องกับสาย Perk นั้นๆ ก็จะยิ่งปลดล๊อค Perk ในสายนั้นๆ ให้อัปได้เยอะขึ้น อีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่เราสามารถพัฒนาสาย Perk แยกกับการอัป Stat ได้ด้วย ตราบใดที่เราใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับสายนั้นบ่อยๆ เช่นเราอาจจะไม่ได้อัป Stat Intelligence ที่ช่วยพัฒนาความสามารถในการแฮ๊ค แต่ตราบใดที่เราแฮ๊คสิ่งของบ่อยๆ เราก็จะได้ค่าความชำนาญในการแฮ๊คเพิ่มขึ้นจนปลดแต้ม Perk หรือโบนัสความสามารถติดตัวที่เกี่ยวข้องกับการแฮ๊คได้อีกด้วย ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการพัฒนาตัวละครตามสายที่เล่นจริงๆ มากกว่าแค่การเลือกอัป Perk เพียงอย่างเดียว ถือเป็นระบบที่น่าสนใจ ที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองกำลัง "ก้าวหน้า" อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับการเลือกอัปค่า Stat เป็นสำคัญ เพราะต่อให้มีแต้ม Perk มากมาย แต่ถ้าไม่ได้ปลดล๊อคตัว Perk ด้วยการอัปเกรด Stat ก็ใช้ไม่ได้ แถมค่า Stat ทั้งหลายยังสามารถเปิดทางเลือกบทสนทนา ตัวเลือก Cyberware ที่สวมใส่ได้ หรือการกระทำเพิ่มเติมให้เรามากขึ้นอีกด้วย (เช่นถ้าอัปค่า Body สูงๆ จะทำให้พังประตูบางบานเพื่อเปิดเส้นทางผ่านด่านใหม่ๆ ได้) เราจึงควรให้ความสำคัญกับการวางแผนเส้นทางการอัป Stat ให้ดีๆ ไม่งั้นอาจทำให้ตัวละครเกิดช้าได้ในกรณีที่เกลี่ยอัปหลาย Stat พร้อมกัน และที่สำคัญคือผู้เขียนยังไม่พบวิธีการรีเซ็ตค่า Stat หรือ Perk เลยด้วย ซึ่งถ้ามันเลือกแล้วเลือกเลยจริงๆ ก็ยิ่งต้องวางแผนกันให้ดีขึ้นไปอีก การพัฒนาตัวละครเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก อาจจะสำคัญยิ่งกว่าฝีมือในการเล่น FPS ของแต่ละคนซะอีก เพราะทุกอย่างในเกมนี้จะอ้างอิงการคำนวนตัวเลขแบบ RPG แทบทั้งหมดโดยไม่สนใจตรรกะของเกมแนวอื่นเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่นตรรกะของเกม FPS ส่วนใหญ่ที่บอกว่าปืนลูกซองต้องแรงกว่าปืนพกแน่ๆ แต่ในเกมนี้ ยิงปืนพกเข้าอกศัตรูก็ยังอาจจะแรงกว่ายัดลูกซองใส่หน้าตราบใดที่เราอัปเกรดความสามารถสายปืนพกมา การทำความเข้าใจระบบพัฒนาตัวละครและความสามารถต่างๆ ของ Perk จึงมีความสำคัญมาก ในขณะที่ค่า Level จะเป็นการพัฒนาความสามารถแบบติดตัวซะเยอะกว่า (มีความสามารถกดใช้ประปราย) Street Cred จะเป็นตัวที่ปลดล๊อคไอเทมที่ช่วยมอบวิธีการเล่นใหม่ๆ ได้จริงๆ เช่นดาบ Mantis Blade ยอดนิยม หรือขากลที่มีไอพ่นทำให้เราสามารถลอยตัวกลางอากาศได้ โดยในช่วง 20 ชั่วโมงแรกของผู้เขียนยังไม่มีโอกาสสัมผัสกับแง่มุมนี้นักเพราะยังปลดล๊อคไม่ได้ ส่วน Cyberware ช่วงต้นเกมก็ยังไม่ค่อยมีอะไร ส่วนใหญ่ก็เพิ่มความสามารถติดตัวไม่ต่างจาก Perk เท่าไหร่ ถ้าได้ปลดล๊อคหรือทดลองเล่น Cyberware เจ๋งๆ จะลองมาเล่าให้ฟังในอัปเดทต่อๆ ไป ...แต่ก็ใช่ว่าอย่างอื่นจะไม่ดี? เสน่ห์อย่างหนึ่งในการเล่นเกม Cyberpunk 2077 คือแม้ว่าเกมจะยึดมั่นในความเป็น RPG ก่อนเหนืออื่นใด แต่ก็ไม่ได้ละเลยองค์ประกอบเกมเพลย์อื่นๆ ไปเลยแต่อย่างใด และสามารถรักษามาตรฐานของเกม Open World แง่มุมต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน แม้จะไม่ได้เทียบเทียมกับเกมแนวนั้นๆ โดยตรง (กล่าวคือยังไง Call of Duty ก็ทำการยิงปืนได้ดีกว่า หรือ Dishonored ก็ทำการลอบเร้นได้ดีกว่า) แต่ทุกอย่างกลับดีพอในระดับที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ "แย่" เลยซักอย่าง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่าชมสำหรับเกมที่ใหญ่และลึกมากขนาดนี้ การที่ Cyberware และอาวุธเจ๋งๆ ส่วนใหญ่ดูจะถูกกีดกันจากผู้เล่นในช่วงต้นเกม ทำให้การต่อสู้ในเกมช่วงแรกๆ ค่อนข้างรู้สึกธรรมดาไปซะหน่อย เพราะปืนแทบทั้งหมดที่ได้ก็ยังเป็นเพียงปืนกระสุนโลหะทั่วๆ ไป อาวุธระยะประชิดอย่างมีดหรือดาบคาตะนะก็ยังไม่มีความสามารถหรือหน้าตาพิเศษอะไรนัก โดยผู้เขียนเพิ่งจะเริ่มพบปืนชนิด Tech Weapon ที่สามารถชาร์จยิงทะลุกำแพงได้ก็ตอนเล่นเกมมาเกิน 15 ชั่วโมงแล้ว และได้ปืนพก Smart Gun กระบอกแรกมาตอนเกือบ 20 ชั่วโมงพอดี ไม่แน่ใจว่าชนิดของอาวุธที่เก็บได้จากศัตรูจะขึ้นอยู่กับเลเวลของผู้เล่น หรือดูจากว่าเล่นเนื้อเรื่องไปไกลแค่ไหนแล้วหรืออย่างไร แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งพบกับอาวุธที่มีลูกเล่นแปลกตามากขึ้น ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้มีความแปลกใหม่มากขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย ด้วยความที่อาวุธและอุปกรณ์ในช่วงที่ผู้เขียนเล่นมายังค่อนข้างธรรมดาอย่างที่ว่า ทำให้การต่อสู้พลอยรู้สึก "ธรรมดา" ไปด้วยซะอย่างนั้น แม้ว่าความรู้สึกของการยิงปืนในเกมจะดีกว่าเกม RPG แนวเดียวกันที่ผ่านมา แต่กลับรู้สึก "เฉยๆ" คือไม่ได้แย่หรือมีปัญหาอะไรนัก แต่โดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกสนุกหรือพิเศษไปกว่าเกม FPS กึ่ง RPG นับสิบๆ เกมที่เคยเล่นมาก่อนแล้ว อีกส่วนอาจจะมาจากเหล่าศัตรูที่พบในเกมตอนนี้ด้วย ที่ส่วนมากยังคงเป็น "คนธรรมดา" อยู่ (คือยังไม่ได้ใส่ Cyberware จนเหนือมนุษย์อะไร) และ A.I. ของศัตรูก็มักมีความไม่สม่ำเสมอ เพราะส่วนใหญ่มักจะค่อนข้างโง่ในการต่อสู้ (เช่นรัวกระสุนใส่พื้น วิ่งวนไปมาอย่างไร้จุดหมาย หรือกระทั่งวิ่งสะดุดศพเพื่อนจนล้ม ซึ่งผู้เขียนเคยเห็นมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง) แต่ครั้นจะพยายามท้าทายตัวเองด้วยการลอบเร้นผ่าน ศัตรูกลับหูตาไวขึ้นมาซะงั้น ทำให้สุดท้ายเรามักจะโดนบังคับให้ต้องต่อสู้จนได้แม้จะไม่อยากทำ ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้เขียนอยากเห็นคืออาวุธระดับสูงที่สามารถมอบความสามารถที่อาวุธอื่นๆ ไม่มีได้ ยกตัวอย่างในช่วงหนึ่งของเกม ผู้เล่นจะเปลี่ยนจากควบคุม V มาควบคุมตัวละครอีกตัวหนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งตัวละครนี้จะมาพร้อมกับปืนพกประจำตัวที่นอกจากจะยิงแรงเท่าปืนสไนเปอร์แล้ว ยังยิงทะลุกำแพงได้ (เพราะเป็นอาวุธ Tech Weapon) และเมื่อกดโจมตีระยะประชิด แทนที่จะใช้ด้ามปืนฟาดศัตรูเหมือนปืนพกทั่วไป ปืนกระบอกนี้จะปล่อยไฟออกมารอบตัวผู้ใช้เพื่อโจมตีศัตรู เป็นความสามารถที่ผู้เขียนยังไม่พบในปืนกระบอกใดๆ อีกเลยตลอดระยะเวลาที่เล่น และหวังว่าอาวุธระดับสูงๆ ชิ้นอื่นจะสามารถมอบลูกเล่นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองได้เช่นกัน ในส่วนของการขับรถ ผู้เขียนต้องออกตัวก่อนว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการขับรถในเกมเป็นการส่วนตัว จึงไม่ได้รู้สึกประทับใจหรือให้ความสนใจกับการขับรถในเกมเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะให้เปรียบความรู้สึกในการขับรถ อาจจะควบคุมยากกว่าในเกมอย่าง GTA V นิดหน่อย โดยเฉพาะในจังหวะเข้าโค้งที่รถหมุนแทบจะทุกครั้ง แต่ก็ยังดีกว่าที่พบได้ในเกมอย่าง Watch Dogs: Legion มากมายนัก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเวลาต้องขับรถเป็นระยะทางไกลๆ ซึ่งสำหรับผู้เขียนถือเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของการขับรถในเกมได้ประมาณหนึ่ง ถ้าจะมีระบบหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึก "ไม่ชอบ" ไปแล้วคงเป็นระบบการแฮ๊คกิ้ง ที่ในขณะนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยมีผลอะไร แถมยังมีตัวเลือกจำกัดมาก โดยระบบแฮ๊คในเกมนี้จะมีความคล้ายคลึงกับระบบเวทย์มนตร์ในเกม RPG ทั่วไป เราจะต้องสวมใส่โปรแกรมแฮ๊คที่ต้องการในหน้าของสวมใส่ซะก่อนจึงจะใช้ได้ แต่ละโปรแกรมจะใช้หน่วย RAM (เปรียบกับ MP) ไม่เท่ากัน บางโปรแกรมสามารถสร้างความเสียหายได้โดยตรง ในขณะที่บางโปรแกรมอาจก่อกวนศัตรูในรุปแบบต่างๆ เช่นทำให้ตาบอดชั่วขณะ หรือลบความทรงจำระยะสั้น (ให้ศัตรูที่ตามหาเราอยู่เลิกตาม) โดยผู้เขียนพบว่าใช้ยาก และบางครั้งก็เหมือนจะติดบ้างไม่ติดบ้าง จึงอาจยังไม่สามารถให้คำวิจารณ์ที่ชัดเจนนักเพราะไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้อัปสายนี้มาหรือเป็นบั๊ค แต่โดยรวมรู้สึกว่ามันทำอะไรได้น้อยกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น คงต้องบอกว่าใน 20 ชั่วโมงที่ใช้ไปกับเกม เกมเพลย์ของ Cyberpunk 2077 ยังไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกประทับใจหรือน่าจดจำเป็นพิเศษ จากอาวุธที่ยังค่อนข้างธรรมดา และศัตรูที่ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่าที่พบในเกมทั่วไป แต่ในช่วงที่เล่นอยู่นี้ก็เริ่มเห็นอาวุธแปลกๆ โผล่มาให้เก็บบ้างแล้ว หวังว่าจะยิ่งพัฒนาไปเรื่อยๆ เมื่อเล่นเกมต่อไป นิยามใหม่ของความเป็น "Open World" เมื่อพูดถึงเกม Open World สิ่งหนึ่งที่ผู้พัฒนามักจะกล่าวถึงคือเรื่องของ "Immersion" หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทยบ้านๆ ก็คือความอินนั่นแหละ โดยเกม Open World ระดับแนวหน้าแทบทุกเกมล้วนสามารถสร้างความรู้สึกอินไปกับโลกและเรื่องราวของเกมได้ผ่านการสร้างบรรยากาศและการออกแบบฉากที่สื่อถึง "ประวัติศาสตร์" หรือ "วิถีชีวิต" ของผู้ที่อาศัยในโลกนั้นๆ ซึ่งในแง่นี้อาจบอกได้ว่า Cyberpunk 2077 ได้วางมาตรฐานใหม่สำหรับการออกแบบโลก Open World ไปแล้วเรียบร้อย แม้ผู้เขียนจะยังไม่มีโอกาสได้สำรวจทุกเขตในเมือง แต่แค่ในเขตที่ได้ลองสำรวจดูก็บอกได้แล้วว่าเมือง Night City ของเกมอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดเล็กน้อยที่ช่วยเล่าความเป็นไปของชีวิตในเมืองเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นป้ายโฆณษาสีสันฉูดฉาดตามที่เชิญชวนให้คนตัดอวัยวะตัวเองทิ้งเพื่อเปลี่ยนถ่ายอวัยวะจักรกลที่สื่อถึงความธรรมดาของการปรับแต่งร่างกาย ไปจนถึงรายการทีวีและวิทยุที่พูดถึงโศกฆนาตกรรมในเมืองพร้อมประกาศยอดผู้เสียชีวิตประจำวันอย่างอารมณ์ดีราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน ทุกสิ่งทุกอย่างในเกม Cyberpunk 2077 ให้ความรู้สึกว่าถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ Night City สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองไปสู่ผู้เล่นได้ตลอดเวลาผ่านการเล่นเกมไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับเกมในขณะนี้ สำหรับการรีวิวเกม Cyberpunk 2077 ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมบนเครื่อง PC ที่มาพร้อมกับการ์ดจอ RTX 2060 / 16GB RAM และสามารถเล่นเกมที่การตั้งค่า Preset Ray Tracing - Medium (1080p) ได้ด้วยเฟรมเรตราวๆ 40-45 FPS และสามารถดันถึง Ray Tracing - Ultra ได้โดยที่เฟรมเรตเหลือราวๆ 30 FPS ซึ่งถือว่าไม่แย่เลยเมื่อเทียบกับระดับรายละเอียดที่ได้ โดยเฉพาะในแง่ของ Texture หรือพื้นผิวต่างๆ ที่ดูสมจริงมาก และช่วยทำให้เกมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น แถมต้องไม่ลืมว่าเกมฉบับรีวิวนี้เป็นเกมตัวเต็มที่พ่วงซอฟต์แวร์ Denuvo Anti-Tampering มาด้วย ซึ่งทางผู้พัฒนาเองแจ้งว่าจะทำให้เฟรมเรตลดลงราว 10-15 FPS อยู่แล้ว จึงยิ่งเชื่อได้ว่าเกมน่าจะทำงานบนการ์ดจอรุ่นเก่ากว่านี้ได้ไม่มีปัญหานัก (ปรับ Medium-High) เผลอๆ อาจจะดีกว่าที่แจ้งเอาไว้ใน Spec Sheet ที่ CDPR เคยปล่อยออกมาเองด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าได้ Day One Patch ช่วยอีก คงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเล่นเกมไม่ได้ตราบใดที่เครื่องถึง Spec ขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้จะบอกว่าเกมไร้ที่ติไปซะหมด เพราะด้วยขนาดและความละเอียดระดับนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีบั๊คติดมาบ้างไม่มากก็น้อย ข้อดีคือบั๊คในเกม CP2077 ที่พบส่วนใหญ่มักจะเป็นบั๊คตลกๆ เช่นบั๊คที่ทำให้อาวุธของศัตรูที่ตายแล้วค้างอยู่กลางอากาศเหนือศพพวกเขา (ซึ่งเอาจริงๆ เป็นบั๊คที่แอบมีประโยชน์) หรือบั๊คด้านกราฟิกเล็กน้อย เช่นครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนขับมอเตอร์ไซค์ชนถังขยะจนมอเตอร์ไซค์ทะลุลงไปในพื้นและติดอยู่อย่างนั้น หรือบางครั้งเดินๆ อยู่ก็จะเห็น NPC ยืนท่าตัว T กลางถนน ซึ่งทั้งหมดเป็นบั๊คเล็กๆ ที่ชวนให้ขำกับตัวเองมากกว่าจะทำให้เสียประสบการณ์เล่นเกม ผู้เขียนเจอบั๊คที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวเมื่อประตูที่ควรเปิดตามเนื้อเรื่องดันไม่ยอมเปิด จนทำให้ดำเนินเรื่องต่อไม่ได้ แต่พอโหลดเกมกลับมาลองใหม่ก็ผ่านได้ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ เกมยังมักจะมีปัญหาในด้านการนำทาง ที่มักไม่สามารถรับมือกับความต่างระดับของเมือง Night City เอง และมักมีปัญหาในการคำนวนเส้นทางไปสู่พื้นที่ต่างระดับจนผู้เขียนถึงกับ "หลงทาง" มาแล้ว แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเราจะสามารถจดจำถนนหนทางของเมืองได้โดยธรรมชาติจากจุดสังเกติในฉาก เหมือนกับการเดินผ่านถนนเส้นหนึ่งในชีวิตจริงทุกวัน ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งข้อดีของฉากในเกม แม้ระบบนำทางจะตามไม่ค่อยทันก็ตาม ซับไทยร่วงหรือรอด?! ถ้าให้พูดตามตรง แม้จะเห็นใจทีมงานแปลซับและเมนูภาษาไทยที่ต้องแปลข้อความเยอะมากขนาดในเกม Cyberpunk 2077 แต่ต้องเรียนตามตรงว่าคุณภาพของซับและเมนูยังปรับปรุงได้อีกเยอะมากๆ ผู้เขียนพบว่าซับโดยรวมแม้จะสื่อความหมายได้ถูกต้องในระดับหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถสื่ออามรมณ์ของเกมได้ และที่สำคัญยิ่งกว่าคือหน้าเมนูหลายส่วนที่มีความไม่สม่ำเสมอ แปลคำเดียวกันออกมาหลายแบบ หรือกระทั่งแปลตกความหมายของคำบรรยาย Perk ไปเลยก็มี ตัวอย่างหนึ่งที่พอนึกออก (เพราะเปิดเมนูเล่นได้แปบเดียวต้องเปลี่ยนกลับเป็นภาษาอังกฤษเพราะอ่านไม่เข้าใจ) คือการที่หน้าเมนูเดี๋ยวก็แปลคำว่า Light Machine Gun เป็นคำว่าปืนกลเบาบ้าง ปืนกลมือบ้าง หรือคำว่า Recoil บางครั้งก็แปลว่าการส่าย บางครั้งก็แปลว่าการถีบ ซึ่งทั้งหมดมันทำให้สับสนเวลาพยายามทำความเข้าใจระบบ Perk และมั่นใจได้ว่าน่าจะรวมไปถึงคำบรรยายไอเทมหลายๆ ชิ้นด้วย จริงๆ ก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ซับจะไม่สามารถคงอารมณ์ของเกมเอาไว้ได้ทั้งหมด ด้วยเนื้อหาที่ไม่น่าจะถูกใจกองเซ็นเซอร์ของบ้านเรา แต่อย่างน้อยๆ ทีมงานซับและเมนูน่าจะตรวจทานให้การแปลคำมันมีความสม่ำเสมอมากกว่านี้หน่อย เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเป็นงานเผามากขนาดนี้ หวังว่าใน Day One Patch จะมีการปรับแก้ไขบ้างไม่มากก็น้อย เพราะในสภาพปัจจุบันอยากจะแนะนำให้เปิดเฉพาะจำเป็น ส่วนใครที่พออ่าน/ฟังอังกฤษได้บ้างก็อยู่กับภาษาอังกฤษน่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า สรุป: ยังไม่ประทับใจมากเป็นพิเศษ เนื้อเรื่องเพิ่งเริ่มเข้มข้นหลังจากเล่นไปแล้ว 20 ชั่วโมง / ต้องลองดูต่อไปก่อนว่าเกมเพลย์ระดับสูงๆ จะน่าสนใจขึ้นกว่าช่วงแรกหรือไม่ / กราฟิกไม่ได้สวยที่สุด แต่มีรายละเอียดหนาตาที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แล้วพบกับความเห็นฉบับอัปเดทได้ในเวลา 22.00 ของทุกวัน จนถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ *เนื่องจากความขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเนื้อหาเข้าไปท้ายบทความเดิมได้ สามารถหาอ่านบทความอัปเดทความเห็นได้ ที่นี่
07 Dec 2020
Cyberpunk 2077: CDPR ปล่อยคลิปเสียงปริศนา แย้มถึง "งานใหญ่" ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้
อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์พอดิบพอดี ก็จะถึงวันวางจำหน่ายของเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดเกมหนึ่งของปี 2020 อย่าง Cyberpunk 2077 กันแล้ว! โดยในต่างประเทศบางพื้นที่ถึงขนาดเริ่มมีแผ่นเกมหลุดออกมาแล้วจำนวนหนึ่ง จนผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ต้องออกประกาศขอร้องผู้เล่นที่ได้รับแผ่นไปก่อน ไม่ให้นำภาพในเกมมาสปอยผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ยังรอเกมอยู่ ล่าสุด นอกจากจะปล่อยตัวอย่างเกมใหม่ที่เปิดเผยรายละเอียดของโหมดถ่ายภาพ (Photo Mode) อันลึกล้ำของเกมแล้ว ผู้พัฒนา CDPR ยังได้ทำการปล่อยคลิปเสียงปริศนาออกมาทางทวิตเตอร์ ที่ดูจะเป็นเสียงของตัวเอก V ร่างหญิงกำลังพูดถึง "งานใหญ่ครั้งใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือ" โดยจะเปิดเผยรายะละเอียดเร็วๆ นี้ Hey, you. We’ve got a transmission for you. #Cybernight pic.twitter.com/13VBbfUMMV — Cyberpunk 2077 (@CyberpunkGame) December 2, 2020 สำหรับข้อความเต็มๆ สามารถแปลออกมาได้ว่า: "เฮ้ นี่ฉันเอง เพิ่งได้ข่าวเกี่ยวกับงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามา แต่ฉันคงต้องการความช่วยเหลือถ้าจะทำให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดไปให้ทีหลัง แต่เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้โอเคไหม? ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะงานใหญ่ซะด้วย" จากบทความนี้ อาจจะสามารถตีความได้ว่ากำลังพูดถึงโหมด Multiplayer ของเกม จากเนื้อหาในข้อความที่เป็นการขอความช่วยเหลือเพื่อทำงานอะไรซักอย่าง โดยผู้พัฒนาเคยประกาศออกมาแล้วว่า Multiplayer ของเกม Cyberpunk 2077 จะเป็นเกมแยกออกมาจากเกมต้นฉบับเลย เข้ากับคำพูดที่บอกว่าเป็น "งานใหญ่" ได้ แต่ก็อาจตีความได้ว่าเป็นการพูดถึงส่วนเสริมและ DLC เนื้อเรื่องที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในเกมหลังจากที่วางจำหน่ายไปแล้วเช่นกัน จะอย่างอย่างไรก็แล้วแต่ มั่นใจได้ว่าเกมเมอร์อย่างเราๆ คงไม่ต้องรอนานกว่าจะได้รับรู้ถึงอนาคตของเกม Cyberpunk 2077 กันต่อจ้า! Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (เกมสามารถเล่นบนคอนโซล PS5, Xbox Series X/S ได้ด้วย โดยจะมีอัปเดทสำหรับเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่โดยเฉพาะตามมาในปี 2021)
03 Dec 2020
Cyberpunk 2077: ผู้พัฒนาคาด ยอดขายกว่าครึ่งหนึ่งน่าจะมาจากฝั่งดิจิตอล
ยิ่งเทคโนโลยีคอนโซลและอินเตอร์เน็ตพัฒนามากขึ้น การซื้อขายเกมในรูปแบบดิจิตอลก็เริ่มเข้ามาทดแทนการซื้อแผ่นเกมมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากตลาดเกม PC ที่แทบจะเป็นแบบดิจิตอลไปแล้วเกือบ 100% ไปจนถึงตลาดเกมคอนโซลที่เริ่มจะขยับตาม ดูได้จากเครื่อง PS5 ที่ออกรุ่นที่ไม่มีช่องใส่แผ่นไปเลย สำหรับผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ย่อมต้องรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยพวกเขาได้คาดการณ์ว่าจะมีผู้เล่นที่ซื้อเกม Cyberpunk 2077 ในรูปแบบดิจิตอลในอัตราส่วนที่มากกว่า The Witcher 3 โดยพวกเขาคาดว่ายอดขายของเกม Cyberpunk 2077 ไม่ต่ำกว่า 50% จะเป็นรูปแบบดิจิตอล "ในด้านอัตราส่วนระหว่างผู้ที่ซื้อเกมแบบดิจิตอลและแบบแผ่น เราเห็นว่ายอดพรีออเดอร์ฝั่งดิจิตอลมีค่อนข้างเยอะ ทางบริษัทเองจึงเริ่มจะให้ความสำคัญกับฝั่งดิจิตอลมากขึ้นด้วยเช่นกัน" ผู้บริหารตำแหน่ง CFO ของ CD PROJEKT RED กล่าวต่อผู้ถือหุ้น Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (PS5, Xbox Series X/S) Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: เกมทำงานบนคอนโซล PS4, Xbox One ได้ "ดีกว่าที่คิด"
หลังจากที่มีการเปิดเผยถึงเบื้องหลังการประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ครั้งล่าสุด ที่มีปัจจัยมาจากการทำงานของเกมบนคอนโซลรุ่นเก่า (PS4, Xbox One) ได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้เล่นหลายๆ คนรู้สึกกังวลใจกับสภาพของเกมบนคอนโซลเครื่องโปรด โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่แผนการวางจำหน่ายเครื่อง PlayStation 5 ยังคงเป็นปริศนา ล่าสุด คนที่วางแผนจะเล่นเกมบนเครื่องคอนโซล PS4, Xbox One อาจจะวางใจได้มากขึ้น เมื่อประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kicisnki ได้เปิดเผยต่อผู้ถือหุ้นว่าเกมสามารถทำงานบนเครื่องคอนโซลรุ่นเก่าได้ "ดีกว่าที่คิดสำหรับเกมที่ใหญ่ขนาดนี้" "แน่นอนว่าเครื่อง PS5 สามารถเล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ PS4 ก็ยังเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่งเลย เราได้มีเวลาเพิ่มอีกสามสัปดาห์ในการแก้ปัญหานี้ และเราก็สามารถแก้ปัญหามากมายได้สำเร็จในระยะเวลานั้น เราจึงพูดได้อย่างมั่นใจแล้วว่าเกมสามารถเล่นได้อย่างน่าพอใจบนแพลตฟอร์มทุกแพลตฟอร์มแล้ว" ในส่วนของเครื่อง PS4 รุ่นอ้วน (หรือรุ่น Slim) คุณ Adam ก็ยังยืนยันว่าทำงานได้ค่อนข้างดี แม้จะยังไม่เท่ากับของเครื่อง PS4 Pro แน่นอน "แน่นอนว่าเกมคงไม่สามารถแสดงสมรรถภาพได้ดีเท่าเครื่องรุ่น Pro แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าที่เราคาดเอาไว้" สำหรับคนที่อาจจะอยากพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง สามารถรับชมคลิปเกมเพลย์เปรียบเทียบกราฟิกระหว่างเครื่อง PS4 Pro และ PS5 ได้ ที่นี่ Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (PS5, Xbox Series X/S ก็เล่นได้นะ) Credit: GamingBolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ผู้พัฒนายืนยัน เกมจะมีเพียงบั๊ค "ระดับต่ำ" เท่านั้น
จากความเห็นของสื่อมวลชนที่ได้ทดลองเล่นเกมกันไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าเกม Cyberpunk 2077 จะมีดีสมราคาคุยอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะในแง่ของภาพกราฟิก เกมเพลย์ หรือเนื้อเรื่อง ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับคำชมถล่มทลายจากสื่อที่ลองเล่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหลายคนที่กล่าวตำหนิไปถึงบั๊คและข้อบกพร่องภายในเกม จนทำให้ประเด็นเรื่องบั๊คของเกมกลายเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่ผู้เล่น ล่าสุด จากข้อมูลที่เปิดเผยโดยประธานของค่าย CD PROJEKT RED ในรายงานผลกำไรของบริษัท เกม Cyberpunk 2077 จะยังมีบั๊คอยู่แม้กระทั่งในเวอร์ชั่นที่วางจำหน่าย แต่จะเป็นเพียงบั๊ค "ระดับต่ำ" เท่านั้น และจะไม่มีบั๊คที่ร้ายแรงมากๆ ในเกมแน่นอน "ในส่วนของบั๊ค แน่นอนว่าเรารับรู้ว่ามันมีอยู่ ซึ่งว่ากันตามตรงมันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เกมใหญ่ระดับนี้จะไม่มีข้อบกพร่องเลยซักนิดเดียว แต่แทบทั้งหมดน่าจะเป็นเพียงบั๊คระดับต่ำที่ผู้เล่นไม่น่าจะสังเกติเห็นด้วยซ้ำ และที่สำคัญคือบั๊คที่ถูกตรวจพบก่อนหน้านี้หลายจุดก็ได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว มั่นใจได้ว่าเกมเวอร์ชั่นที่ผู้เล่นได้เล่นจะไม่เหมือนเวอร์ชั่นที่สื่อได้ทดลองแน่นอน" การออกมาพูดครั้งนี้อาจจะพอทำให้บางคนวางใจกับเกมไปได้ไม่มากก็น้อย แต่จะจริงหรือไม่แค่ไหน รอหาคำตอบด้วยตัวเองทาง PS4, Xbox One, PC (และ PS5, Xbox Series X/S) วันที่ 10 ธันวาคมนี้! Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: เลื่อน...วันเปิดเผยรายละเอียด DLC และส่วนเสริมของเกม
เช่นเดียวกับเกม The Witcher 3 ลูกรักของค่าย เกม Cyberpunk 2077 ของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เองก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะมี DLC และส่วนเสริมเนื้อเรื่องเพิ่มเติมตามมาหลังวางจำหน่ายอีกมากมายเลยทีเดียว (ทั้งแบบแจกฟรีและแบบจ่ายตัง) โดยก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาเคยบอกว่าจะเปิดเผยรายละเอียดส่วนนี้ก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย แต่ล่าสุด! ดูเหมือนว่าโรคเลื่อนของผู้พัฒนาจะยังไม่หายดี เมื่อประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kiciński ได้เปิดเผยในรายงานผลกำไรของบริษัทว่าการเปิดเผยรายละเอียดส่วนเสริมเหล่านี้จะถูกเลื่อนออกไปหลังวันวางจำหน่ายเกม เช่นเดียวกับรายละเอียดเรื่องโหมด Multiplayer นั่นเอง "แผนดั้งเดิมของเราคือจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนเสริมทั้วหมดก่อนวางจำหน่ายเกม แต่เพราะการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งที่ผ่านมา เราจึงอยากจะมุ่งปล่อยเกมให้ผู้เล่นก่อนค่อยเริ่มพูดถึงอนาคต เราจึงตัดสินใจว่าจะเลื่อนการประกาศข้อมูลเหล่านี้ไปหลังวันวางจำหน่าย" ในส่วนของโหมด Multiplayer ของเกม คุณ Adam กล่าวย้ำคำเดิมที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ โดยเขาบอกว่าโหมดที่ว่าจะไม่ใช่โหมดใหม่ในเกม Cyberpunk 2077 แต่จะเป็นสินค้าที่แยกออกมาของตัวเองที่ตั้งอยู่ในจักรวาลเดียวกัน ที่ต่อยอดมาจากพื้นฐานเกมเพลย์เดียวกันเท่านั้น แต่รายละเอียดจะเปิดเผยหลังจากที่เกมตัวหลักออก แม้จะน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกมมากกว่านี้ แต่ในอีกมุมก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะการพูดถึงรายละเอียดส่วนเสริมอาจจะมีข้อมูลที่เป็นการสปอยเกมต้นฉบับได้ และการที่เราได้มีโอกาสเล่นเกมก่อนอาจจะทำให้เราเข้าใจบริบทของส่วนเสริมมากขึ้น และรู้สึกตื่นเต้นกับมันมากกว่าเก่าก็เป็นได้ Cyberpunk 2077 มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 10 ธันวาคมนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC (สามารถเล่นบน PS5, Xbox Series X/S ได้ด้วย) Credit: Gaming Bolt
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: Keanu Reeves ได้ลองเล่นเกมแล้ว และเขาชอบมันมากๆ
ใกล้เข้ามา(อีก)แล้วกับวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ที่คราวนี้เหล่าผู้บริหารนั่งยันนอนยันสุดชีวิตว่าไม่เลื่อนอีกแน่นอน! ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็เริ่มมีคนที่ได้เล่นเกมตัวเต็มไปบ้างแล้วเป็นบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับแผ่นหลุดไปก่อนหน้านี้ ไปจนถึงผู้พัฒนาเกมที่เล่นไปแล้วกว่า 175 ชั่วโมง อีกคนหนึ่งที่ดูจะได้เล่นเกม Cyberpunk 2077 ตัวเต็มไปแล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือนักแสดง Keanu Reeves ผู้รับบท Johnny Silverhand ในเกมนั่นเอง! โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยประธานบริษัท CD PROJEKT RED คุณ Adam Kiciński ในรายงานผลกำไรไตรมาศล่าสุดของค่าย ภายในรายงานดังกล่าว มีผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับคุณ Adam ว่า Keanu Reeves ได้ทดลองเล่นเกมที่เขาร่วมสร้างแล้วหรือยัง โดยคุณ Adam ตอบว่า "เขาได้ลองเล่นเกมแล้ว แต่เท่าที่ผมรู้คือยังเล่นไม่จบนะ แต่เขาได้เล่นเกมแล้วแน่ๆ และเขาก็ชอบมันมากๆ เลย" เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่คิดว่าคุณ Adam เขาจะตอบเป็นแบบอื่นๆ ได้น่ะนะ ได้แต่หวังว่าทั้งคุณ Adam และ Keanu จะไม่ขี้จุ๊ผู้เล่นก็แล้วกัน! Credit: Gaming Bolt 
27 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ผู้บริหาร CD PROJEKT RED วอนนักลงทุนวางใจ ไม่มีการเลื่อนอีกแน่นอน!
เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางผู้บริหารค่าย CD PROJEKT RED ได้มีการประชุมเพื่อแจ้งผลกำไรของบริษัทต่อผู้ถือหุ้น โดยมีประเด็นที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์อยู่สองประเด็นด้วยกัน อย่างแรกคือยอดขายของเกมตระกูล The Witcher (1-3, Gwent) ที่ยังคงมาแรงจนสามารถทำกำไรจากเกมไปได้ถึง $28 ล้าน (เหรียญสหรัฐ) ในช่วงไตรมาสธุรกิจที่ผ่านมา ส่วนประเด็นที่สอง คือการยืนยันอย่างหนักแน่นกว่าเดิมว่าเกม Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายตามกำหนดการล่าสุด วันที่ 10 ธันวาคมนี้อย่างแน่นอน! สำหรับหลายๆ คน ประเด็นเรื่องวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่มิใช่น้อย จากท่าทีของผู้บริหารค่ายที่ดูจะไม่กล้าฝันธงวันวางจำหน่ายนี้หลังจากที่ประกาศเลื่อนใหม่ๆ รวมไปถึงข่าวหลุดข่าวลือจำนวนมากว่าเกมอาจถูกเลื่อนออกไปวางจำหน่ายปีหน้าเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยการที่แผ่นเกมถูกส่งออกไปยังตัวแทนจำหน่ายแล้วหลายแห่ง รวมไปถึงการที่มีแผ่นเกมหลุดออกไปสู่มือผู้เล่นบ้างแล้ว ทำให้ค่อนข้างมั่นใจได้เกือบ 100% ว่าเกมคงไม่เลื่อนวันวางจำหน่ายอีกแล้ว แต่ก็คงไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จนกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายเกม 10 ธันวาคมนี้จ้า! Credit: PCGamer
26 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ความเห็นเพิ่มเติมจากสื่อที่ลองเล่น ตอบคำถามสุดร้อนแรงจากผู้เล่น 11 ข้อ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ออกอากาศรายการ Night City Wire #5 จนจบ ก็มีสื่อมวลชนจากต่างประเทศหลายๆ สำนักที่เริ่มตีพิมพ์บทความพรีวิวเกม Cyberpunk 2077 ที่บอกเล่าประสบการณ์และความรู้สึกของสื่อมวลชนเหล่านี้ หลังจากที่ได้มีโอกาสทดลองเล่นเกมกันไปถึงคนละ 16 ชั่วโมงเต็ม หนึ่งในสื่อที่ออกมาบรรยายความรู้สึกดังกล่าวก็คือเว็บข่าวเกมชื่อดัง IGN โดยแม้ว่าในบทความดังกล่าวจะกล่าวถึงเกมไปแล้วในหลายแง่มุม (อ่านสรุปความเห็นสื่อมวลชนได้ที่ > ลิงค์) แต่ก็ยังมีประเด็นร้อนแรงมากมายที่ผู้เล่นอยากจะได้คำตอบ แต่ไม่ได้กล่าวถึงในบทความของเว็บ เพื่อตอบคำถามคาใจของเกมเมอร์ ผู้สื่อข่าวที่ได้ทดลองเล่นเกมคุณ Tom Marks จึงได้ปล่อยคลิปวิดีโอตอบคำถามสุดฮ๊อตจากฝั่งผู้เล่นมากถึง 11 ข้อด้วยกัน จะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง ไปอ่านบทสรุปของ GameFever ได้เลย! การขับรถรู้สึกอย่างไร? สำหรับประเด็นแรกที่พูดถึงคือเรื่องของการขับรถ โดยผู้เล่นหลายคนตั้งคำถามถึงความรู้สึกของการขับรถในเกมว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน คุณ Tom กล่าวว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าการขับรถในเกมมีความโดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ คือไม่ได้จะบอกว่าไม่ดี แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเกมขับรถตรงๆ คุณ Tom กล่าวว่าเขาชอบรายละเอียดภายในของรถแต่ละคันมาก เพราะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างรถแต่ละรุ่น ในแง่ของความเร็ว คุณ Tom กล่าวว่ารถที่เขาได้ขับในช่วงต้นๆ ของเกมนั้นค่อนข้างอืดอาดมาก แต่พอเล่นไปซักพัก เขาก็มีโอกาสขโมยรุสปอร์ตราคาแพงมาใช้ และทำให้การขับรถรู้สึกเร็วขึ้นเยอะ คุณ Tom บอกว่าเขาชอบการขับรถมอเตอร์ไซค์มากกว่ารถยนตร์ เพราะมันมีความคล่องตัวสูงกว่า ทำให้สามารถขับรถซอกแซกตามถนนหนทางของเมือง Night City ได้ดีกว่า  ถนนในเกมจะโล่งๆ ร้างๆ เหมือนที่เห็นในตัวอย่างไหม? จากตัวอย่างเกมเพลย์หลายๆ คลิปที่ปล่อยออกมา มีฉากหลายฉากที่แสดงให้เห็นถนนของเมือง Night City ที่แลดูโล่งๆ ไม่ค่อยมี NPC หนาตาเหมือนในตัวอย่างที่ปล่อยออกมาแรกๆ ทำให้ผู้เล่นหลายคนเป็นห่วงว่าเมืองของเกมตัวเต็มจะร้างแบบเดียวกันไหม? คุณ Tom กล่าวว่าเขารู้สึกว่าความรู้สึก "ร้างๆ โล่งๆ" ที่ว่านี่น่าจะเป็นเหตุมาจากคลิปตัวอย่างซะเองมากกว่าตัวเกม เพราะจากที่เขาเล่นมา เขาบอกว่าแม้จะมีบางพื้นที่ในเมือง (เช่นบริเวณชานเมืองหรือเขต Badlands) อาจจะไม่ค่อยมีคนมาก แต่ในเขตกลางเมือง หรือตามสถานที่อย่างตลาดหรือย่านการค้า ก็ยังมี NPC เดินกันขวักไขว่ไปหมดแน่นอน คุณ Tom ก็กล่าวด้วยว่าแต่ละเขตในเกมจะมีตัวตนที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้คุณ Tom ไม่ได้รู้สึกขัดที่เกมบางเขตไม่ได้มีผู้คน ทั้งนี้ คุณ Tom ก็มีข้อตำหนิเล็กน้อย โดยเขาบอกว่าแม้ในบางฉากจะมีผู้คนและร้านค้ามากมาย แต่มักจะมีเพียงส่วนน้อยที่ผู้เล่นจะสามารถเข้าไปปฏิสัมพันธ์ด้วยได้จริงๆ และส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนเพียงของประกอบฉากเท่านั้น ซึ่งคุณ Tom บอกว่าแอบรู้สึกผิดหวังกับจุดนี้ แต่ก็คงไม่ถึงกับใช้คำว่าโลกของเกมมัน "ร้าง" ไปเลยเช่นกัน มีอาคารที่เราสามารถเข้าไปสำรวจได้มากน้อยแค่ไหน? สำหรับคำถามนี้ คุณ Tom ตอบตรงๆ เลยว่ามีอยู่ "ไม่มาก" กระทั่งอาคารที่เราสามารถเข้าไปได้ (เช่นตึกอพาร์ตเมนต์ของ V) ก็ใช่ว่าเราจะสามารถสำรวจอาคารทั้งอาคารได้อย่างอิสระ โดยในตัวอย่างของตึกอพาร์ตเมนต์ เขาบอกว่าเราจะสามารถเลือกสำรวจได้จริงๆ เพียง 2-3 ห้องเท่านั้น แต่คุณ Tom กล่าวว่าเมื่อได้เล่นจริงๆ เขาก็ค้นพบว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับจุดนี้เท่าไหร่ เพราะ 1. เขารู้สึกว่าผู้เล่นไม่น่าจะมีเหตุผลให้ต้องเข้าไปในอาคารส่วนใหญ่ๆ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Night City และ 2. เขาพบว่าอาคารหลายอาคารที่เขาเข้าไปไม่ได้ มักจะมีประตูที่ถูกล๊อคเอาไว้ ทำให้เขาเชื่อว่าเราจะสามารถเข้าไปในตึกเหล่านี้จนได้ในภายหลัง โดยอาจจะต้องเข้าไปเพื่อทำภารกิจเฉพาะ กล่าวโดยสรุป คุณ Tom บอกว่าแม้ว่าผู้เล่นจะ "ไม่สามารถเดินเข้าตึกไหนก็ได้" อย่างอิสระ แต่ภารกิจทั้งหลายในเกมก็อาจจะ "ส่งผู้เล่นเข้าไปในตึกไหนก็ได้" ทุกเมื่อเหมือนกัน ซึ่งแม้จะไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว แต่ในทางปฏิบัติเขาพบว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการเล่น และทำให้เกมมีโอกาสพาผู้เล่นเข้าไปสำรวจมุมใหม่ๆ ในเขตเดิมๆ ได้ตลอด การต่อสู้ระยะประชิดเป็นอย่างไร? คุณ Tom กล่าวว่าสำหรับเขา การต่อสู้ระยะประชิดในเกมอยู่ในระดับที่ "พอใช้" เท่านั้น แต่เขาก็รีบเสริมว่าโดยส่วนตัวแล้วเขาก็ค่อนข้าง "เฉยๆ" กับระบบต่อสู้โดยรวมอยู่แล้วเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ ซึ่งการต่อสู้ระยะประชิดก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้จะบอกว่าการต่อสู้ระยะประชิด (หรือการต่อสู้โดยรวม) จะไม่สนุก แต่อาจจะเป็นจุดที่โดดเด่นน้อยกว่าจุดอื่นๆ เขาได้ค้นพบดาบคาตะนะเล่มหนึ่งระหว่างที่เล่น และเขาสนุกกับการใช้มันมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาสามารถผนวกระบบสกิลและระบบการปรับแต่งร่างกาขเข้าไปเพื่อเอื้อต่อการเล่นดาบโดยตรงมากขึ้น ระบบต่อสู้ระยะประชิดของเกมค่อนข้างเรียบง่าย มีการโจมตีหนัก-เบา / มีการปัดป้องการโจมตีศัตรูด้วยการกดป้องกันให้ถูกจังหวะ / ฯลฯ เกมจะมีกิจกรรมการต่อสู้มือเปล่าให้ทำเต็มไปหมด แม้เขาจะไม่ได้มีโอกาสลองเล่นกับระบบการต่อสู้ประชิดมากนัก และคุณ Tom ก็ไม่ได้รู้สึกว่าระบบการต่อสู้ระยะประชิดของเกมในขณะนี้ "ลึก" พอจะทำให้เขาเลือกเล่นตัวละครสายประชิดไปเลย แต่เขาก็คิดว่าระบบต่อสู้ของเกมถือเป็นรากฐานที่ดี ที่สามารถต่อยอดไปได้อีกมากเมื่อเล่นเกมไปเรื่อยๆ ทางเลือก Lifepath ของผู้เล่นส่งผลต่อเกมมากไหม? คุณ Tom บอกว่าการเลือก Lifepath เป็นตัวเลือกที่ส่งผลใหญ่หลวงต่อเกมแน่นอน โดยเขายกตัวอย่างว่าเขาเองเลือกเล่นเป็น Corpo ทำให้ได้รับตัวเลือกบทสนทนามากขึ้นเมื่อคุยกับ NPC ชนิดนักธุรกิจ ทำให้สามารถคลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ต้องคิดอะไรมาก อย่างน้อยก็จากระยะเวลา 16 ชั่วโมงที่เขาได้เล่นเกม แต่ไม่รู้ว่าถ้าเล่นไปเรื่อยๆ จะเริ่มมีผลมาขึ้นไหม ในขณะเดียวกัน คุณ Tom ยอมรับว่าถ้าเขาเลือกเล่น Lifepath อื่นๆ อาจจะทำให้เหตุการณ์หลายอย่างที่เขาพบดำเนินไปอีกแบบหนึ่งอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ใหญ่หลวงมากจนทำให้แต่ละ Lifepath แตกต่างกันราวกับเป็นคนละเกมไปเลยเช่นกัน การปรับแต่งหน้าตาหรือเสื้อผ้าของตัวละครจะส่งผลต่อเกมหรือไม่/แค่ไหน? คำตอบคือไม่มาก (หรือไม่เลย) โดยคุณ Tom กล่าวว่าเขามักจะบอกกับเพื่อนๆ สื่อมวลชนเสมอว่าให้ใส่ใจเลือกเล็บของตัวละครให้ดีๆ เพราะมันคืออวัยวะที่คุณจะได้เห็นบ่อยที่สุดแล้วในเกม แม้จะได้เห็นหน้าตาตัวละครทุกครั้งที่เข้าเมนูเพื่อสวมใส่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ แต่เกมก็ไม่มีคัตซีนมุมมองบุคคลที่ 3 ให้เราเห็นตัวละครของเราเดินไปมาแต่อย่างใด จึงอาจจะบอกได้ว่ารูปลักษณ์ของตัวละครจะไม่ได้มีผลต่อเกมมากขนาดนั้น ระบบคลาสในเกมเป็นอย่างไร? สามารถเลือกผสมความสามารถข้ามสายได้มากน้อยแค่ไหน? ระบบ Perk และ Skill จะเป็นการเพิ่มตัวเลขเป็น % เฉยๆ หรือจะสามารถเปลี่ยนวิธีการเล่นไปเลย? คุณ Tom ยอมรับว่าด้วยระยะเวลาอันจำกัดที่เขาได้ทดสอบเกม ทำให้เขาไม่ได้ใช้เวลาไปกับการสำรวจระบบสกิลอย่างลึกซึ้งนัก เขาอธิบายว่าเกมนี้จะไม่ได้มีระบบคลาสตายตัวเหมือน RPG ทั่วไป แต่จะเน้นการเลือกอัปทักษะหรือสกิลที่ต้องการไปเลย ทำให้เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นมาก นอกจากนี้ เกมยังมีระบบที่จะมอบค่าประสบการณ์ให้กับสกิลหรือความสามารถที่เราใช้บ่อยๆ โดยอัตโนมัติด้วย ในกรณีของคุณ Tom เขาเริ่มเล่นเกมด้วยการเน้นค่าสถานะ Body ที่เน้นความแข็งแรงทนทานของร่างกายโดยตรง แต่เมื่อเขาเล่นไปเรื่อยๆ เขากลับพบเขาใช้สกิล Hacking บ่อยมาก และเห็นว่า Perk สาย0 Hacking ของเขาก็ได้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นไปด้วยแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจอัปเองก็ตาม ในส่วนของ Perk คุณ Tom ยอมรับว่ามีบางส่วนที่เป็นเพียงการเพิ่มตัวเลขเป็น % เท่านั้น (เช่นรับความเสียหายน้อยลง 10% เป็นต้น) แต่ก็มี Perk ที่ส่งผลต่อเกมเพลย์โดยตรงเช่นกัน คุณ Tom ยกตัวอย่าง Perk หนึ่งที่อยู่ในหมวดของค่าสถานะ Cool ที่ชื่อว่า Cold Blooded ที่จะมอบบัฟให้ผู้เล่นทุกครั้งที่ฆ่าศัตรูได้ โดยเราสามารถเลือกอัป Perk อื่นๆ ผสมกันเพื่อทำให้บัฟ Cold Blooded แสดงผลเปลี่ยนไปได้ เช่น Perk หนึ่งอาจจะเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ อีก Perk อาจเพิ่มความเร็วในการเติมกระสุน โดยแม้จะฟังดูเหมือนเป็นความสามารถติดตัวมากกว่า แต่ก็เป็นการเพิ่ม "วิธีเล่น" หรือ "ระบบใหม่" ที่ไม่มีมาก่อนถ้าคุณไม่ได้อัปมันเช่นกัน ทำไมคุณถึงดูจะไม่ค่อยถูกใจระบบการยิงปืนในเกมเลย? ประเด็นหนึ่งที่คุณ Tom กล่าวถึงในบทความของเขา คือเขาไม่ได้รู้สึกประทับใจกับระบบต่อสู้หรือยิงปืนเป็นพิเศษ คุณ Tom ขยายความว่าในขณะที่เขายังไม่ได้เข้าถึงระบบการพัฒนาตัวละครหรืออาวุธขั้นสูง เขารู้สึกว่าระบบยิงปืนค่อนข้าง "เฉยๆ" เมื่อวัดด้วยมาตรฐานของเกม FPS ทั่วไป ไม่ได้ดีหรือแย่เป็นพิเศษอะไรเลย เขาพบว่าศัตรูในเกมตายค่อนข้างยาก แถมปืนช่วงต้นๆ ยังถีบแรงเป็นม้าจนยิงลำบาก แต่เขาบอกว่าข้อตำหนิในใจเขาค่อยๆ มลายหายไปเมื่อเขาเริ่มเข้าถึงระบบพัฒนาตัวละครทั้งหลายที่กล่าวถึงไป ที่มอบทางเลือกในการเล่นมากขึ้น จนไม่รู้สึกว่าเกมสามารถจำกัดความด้วยมาตรฐานของ FPS ได้อีกต่อไป เขาสรุปว่าเขาคงยังไม่สามารถวิจารณ์ระบบอย่างจริงจังได้ในขณะนี้ และคิดว่าเป็นเรื่องที่แต่ละคนน่าจะต้องลองเล่นเองมากกว่าจึงจะเข้าใจ ระดับความยากของเกมเป็นอย่างไร? เกมจะแบ่งระดับความยากให้เลือกทั้งหมด 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับ Story ที่ปรับเกมให้ง่ายสำหรับคนที่ต้องการเสพเนื้อเรื่องอย่างเดียว ไปจนถึงระดับ Hard และ Very Hard คุณ Tom กล่าวว่าเขาเล่นเกมในระดับปกติหรือ Normal ซึ่งเขาบอกว่ามีจังหวะที่รู้สึกว่าเกมท้าทายเรา และบังคับให้เราต้องใช้สมองในการแก้ปัญหาจริงๆ เกมเปิดช่องให้เราทำผิดพลาดไม่มาก และคุณ Tom บอกว่าเขามักจะกด Quick Save ทุกครั้งก่อนการต่อสู้เพราะรู้ว่าสามารถพลาดพลั้งได้เสมอ ไม่ว่าจะในแง่ของการต่อสู้หรือตัวเลือกบทสนทนาหลังการต่อสู้ แต่ก็อาจจะขึ้นอยู่กับภารกิจด้วย เพราะบางภารกิจก็อาจจะพาเราไปยังเขตที่มีศัตรูระดับสูงๆ ในขณะที่บางภารกิจก็อาจจะวนเวียนอยู่แต่ในเขตระดับต่ำ ทำให้มีความหลากหลายในระดับความยากของเกม Pacing ของเกมเป็นอย่างไรถ้าเปรียบเทียบกับ Red Dead Redemption 2? *Pacing หมายถึงจังหวะหรือ "ความเร็ว" ในการดำเนินเรื่อง คุณ Tom ออกตัวก่อนว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบเกม Red Dead Redemption 2 ขนาดนั้น แม้เขาจะยอมรับว่ามันเป็นเกมที่สุดยอดในแง่ของกราฟิก แต่คุณ Tom ก็รู้สึกว่าเกมมี Pacing ที่ช้ามากเกินไปจนเขาเล่นเกมไม่ค่อยสนุกเลย เขาบอกว่า CP2077 ไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะบอกว่าเกมมี Pacing ค่อนข้างยืดยาด แต่มันเป็นความยืดยาดแบบ RPG คลาสสิคมากกว่า โดยเขาเปรียบเทียบกับเกมอย่าง Divinity: Original Sin ที่ให้ผู้เล่นใช้เวลาอยู่ในเมืองเริ่มต้นหลายชั่วโมงกว่าจะได้ออกสู่โลกกว้าง ทั้งนี้ เขาไม่ได้จะบอกว่า CP2077 จะช้าขนาดนั้น (เพราะไม่งั้นก็คงช้าไปเหมือนกัน) แต่มันเป็น "ความรู้สึก" แบบเดียวกันมากกว่า กล่าวคือเกมไม่ได้เพ่งไปสนใจฉากแอ๊คชั่นเลือดพล่านสาดกระสุนเพียงอย่างเดียว แต่มักจะให้เวลากับการสร้างโลกหรือตัวละครในมุมเงียบๆ มากกว่า ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะสื่อในบทความ เกมจะมีเนื้อหาที่เปิดให้เล่นซ้ำได้เรื่อยๆ บ้างไหม? หรือว่าเป็นเกมที่มีเนื้อหาจำกัดและเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำทุกอย่างจนครบได้? คุณ Tom กล่าวว่าเขาเพิ่งเล่นเกมไปเพียง 16 ชั่วโมง จึงยังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้จริงๆ เขาบอกว่าจากที่เขาเล่นมาเอง ยังไม่พบอะไรในลักษณะนั้น แต่ก็ไม่แน่ว่าพอเล่นไปเรื่อยๆ อาจจะมีอยู่ได้เช่นกัน ขอบคุณเนื้อหาดั้งเดิมจาก: IGN
25 Nov 2020
Cyberpunk 2077: สรุปความเห็นจากสื่อต่างประเทศที่ได้ทดลองเล่นเกม!
เมื่อคืนนี้ (11/20/2020) ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ทำการออกอากาศรายการ Night City Wire #5 ตอนสุดท้ายไปแล้ว ซึ่งนอกจากจะเน้นการพูดถึงหนึ่งในตัวละครหลักในเกมอย่าง Johnny Silverhand แล้ว ยังมีการแสดงตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่จากเกม ที่แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมมากมายที่ผู้เล่นจะสามารถทำได้ในเมือง Night City ของเกม นอกจากนี้ หลังจากที่รายการจบลง ก็ได้มีสื่อต่างชาติหลายสำนักที่เปิดเผยว่าพวกเขาได้ทดลองเล่นเกม Cyberpunk 2077 มาแล้วกว่า 16 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับปล่อยบทความที่บรรยายถึงประสบการณ์และความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเกมอีกด้วย เราจึงได้รวบรวมความเห็นหลักๆ ของสื่อแต่ละสำนักมาไว้ให้แล้ว เพื่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถรับรู้ถึงสภาพของเกมในปัจจุบัน IGN: พรีวิวโดยคุณ Tom Marks ใช้เวลาเล่นราว 6 ชั่วโมงก่อนจะจบส่วน Tutorial ของเกม (เริ่มสาย Corpo) เวลา 16 ชั่วโมงที่ใช้ไป รู้สึกเหมือนยังเข้าถึงเกมแค่ระดับพื้นผิวเท่านั้น ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมหาศาล เนื้อเรื่องเปิดมาค่อนข้างเนิบ แต่ยิ่งเล่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้มข้น แผนที่ของเกมไม่ใหญ่มาก และไม่สามารถเดินเข้าอาคารอะไรก็ได้อย่างอิสระ แต่อัดรายละเอียดเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้ว คุณ Tom บอกว่าสิ่งที่เขาชอบที่สุดคือการขับรถวนในเมือง Night City ไปเรื่อยๆ เพราะฉากของเกมออกแบบมาให้น่าค้นหามากๆ มีรายละเอียดสนุกๆ ให้มองหาตลอด คุณสามารถสำรวจแผนที่ทั้งหมดได้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่ศัตรูในเขตบางเขตอาจจะเลเวลสูงเกินกว่าจะรับมือไหวในตอนแรก เมื่อเข้าสู่เขตใหม่ของเมือง จะมี NPC โทรมาบอกจุดสนใจทั้งหมดในเขตนั้น นอกจากภารกิจเสริมและภารกิจหลัก ยังมีกิจกรรมเล็กน้อยให้ทำอีกเยอะมากๆ ในแต่ละเขต คนที่คาดหวังเกมเพลย์แบบแอคชั่นดุเดือดเลือดพล่านอาจจะผิดหวัง เพราะระบบต่อสู้มีความช้าๆ เหมือนเกม RPG อย่าง Fallout 4 มากกว่า ระบบต่อสู้ช่วงแรกจำกัดมากๆ แต่เมื่อเริ่มปลดล๊อคอาวุธและความสามารถเพิ่มขึ้นก็พบว่าเกมมอบทางเลือกให้เยอะมากๆ เทียบกับเกมแนวเดียวกัน คุณ Tom ยกตัวอย่างว่าเขาได้พบกับปืนไรเฟิลระดับสูงกระบอกหนึ่งที่สามารถยิงทะลุกำแพงได้ เขาจึงใช้คู่กับ cyberware ที่สามารถมาร์คตำแหน่งศัตรูได้ และเน้นยิงศัตรูจากห้องข้างๆ แทน ด้วยความที่เป็นเมือง ทำให้เราไม่ค่อยเจอศัตรูยืนโดดๆ อยู่ใน Open World เท่าไหร่ โดยคุณ Tom กล่าวว่าเขาสามารถเล่นเกมเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่ได้ต่อสู้กับใครเลย และหลายๆ ครั้งต้องตั้งใจเดินหาศัตรูเมื่ออยากต่อสู้ คุณ Tom ได้ทดลองเล่นเกมเวอร์ชั่นที่อยู่ระหว่างพัฒนา ซึ่งเขาบอกว่ามีบั๊คอยู่เยอะมากๆ และเขาพบกับบั๊คที่ทำให้ดำเนินเนื้อเรื่องต่อไม่ได้ด้วย หนึ่งในข้อติใหญ่ๆ ที่คุณ Tom พูดถึงคือการที่หน้าเมนูภารกิจของเกมจะเพิ่มภารกิจเข้ามาเองโดยอัตโนมัติทีละเยอะมากๆ แต่ไม่ค่อยให้ข้อมูลอะไรเลย เช่นว่าภารกิจนี้จะให้รางวัลอะไรบ้าง หรือภารกิจนี้เหมาะกับช่วงเลเวลเท่าไหร่ (มีบอกแค่ระดับความยาก) ทำให้คุณ Tom รู้สึกว่าตัดสินใจไม่ถูกว่าควรไปทำอะไรก่อน-หลังดี แต่แม้จะเจอบั๊คมากมาย คุณ Tom ก็ยังบอกว่าการได้ลองเล่นเกมด้วยตัวเองครั้งนี้ยิ่งทำให้เขาอยากเล่นเกมเต็มๆ มากขึ้นไปอีก Gamespot: พรีวิวโดยคุณ Phil Hornshaw *บทความเต็มมีสปอยเนื้อหาของภารกิจเสริมเยอะพอสมควร จึงขอสรุปมาเป็นความเห็นย่อๆ เพื่อกันสปอย บทความของคุณ Phil เน้นพูดถึงตัวละครเสริมในเกม และการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเหล่านี้ เกมให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมาก จากตัวอย่างที่เขายกมา คุณ Phil กล่าวว่าเขาได้สานสัมพันธ์อันดีเอาไว้กับ NPC ตัวหนึ่ง ทำให้ NPC ตัวนั้นคอยเมสเสจมาถามไถ่เขาเกี่ยวกับเกมอยู่เรื่อยๆ (บางคนถึงกับมอบภารกิจเสริมเพิ่มเติมให้ด้วย) ซึ่งถ้าเราไม่ตอบแชตของ NPC ไปเรื่อยๆ หรือถ้าพูดจากับเขาไม่ดี พวกเขาก็อาจจะตัดสัมพันธ์กับเราไปเลยได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะทำให้พลาดภารกิจของพวกเขาไปด้วย คุณ Phil พูดถึงทางเลือกต่างๆ ในเกม ที่สามารถส่งผลต่อโลกของเกมอย่างใหญ่หลวง โดยเขาอธิบายว่าเขาได้ลองเล่นภารกิจเนื้อเรื่องหนึ่งที่เคยเล่นมาตอนทีไ่ด้พรีวิว 4 ชั่วโมงรอบก่อนหน้านี้ แต่เปลี่ยนทางเลือกของตัวเองทั้งหมด ซึ่งจุดจบของภารกิจก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อเกมในหลายๆ แง่ ความสัมพันธ์ระหว่าง Johnny Silverhand และ V จะมีความสำคัญอย่างมากต่อเกม ผู้เล่นจะสามารถเลือกที่จะคุยกับเขาดีๆ เพื่อสานสัมพันธ์ก็ได้ หรือจะชวนทะเลาะกับเขาไปเลยก็ได้ โดยคุณ Phil สันนิษฐานว่าสภาพความสัมพันธ์นี้จะส่งผลสำคัญต่อทิศทางของเนื้อเรื่องและตอนจบแน่นอน  คุณ Phil ได้มีโอกาสทดลองเล่นฉากเซ๊กส์ในเกมด้วย โดยเขาอธิบายว่าฉากเซ๊กส์ในเกมนี้จะแสดงในมุมมองบุคคลที่ 1 ทั้งหมด และเขายังบอกว่าฉากเหล่านี้มีความ "ล่อแหลม" กว่าฉากในเกม The Witcher 3 ซะอีก แต่กระทั่งในแง่ของเซ๊กส์ก็ยังมีพื้นที่ให้เกมสอดใส้ประเด็นเรื่อง "ความเป็นมนุษย์" เข้ามา เช่นฉากหนึ่งที่ V เข้าไปในซ่องระดับไฮโซที่สามารถแสกนหา "ความต้องการ" ของเหล่าลูกค้าและเลือกโสเภณีที่เหมาะสมให้ โดยเมื่อคุณ Phil เข้าไปในห้อง เขากลับพบว่าไม่มีฉากเซ๊กส์ แต่กลับเป็นฉากที่ V และโสเภณีนอนจับมือกันเฉยๆ และพูดคุยถึงชีวิตในเมือง Night City ซึ่งคุณ Phil มองว่ามีความลึกซึ้งกินใจในระดับที่เขาไม่คาดคิดเลยทีเดียว PCGamer: พรีวิวโดยคุณ Andy Kelly คุณ Andy เปิดบทความด้วยการพูดถึงดาบคาตะนะระดับสูงที่เขาพบในเกม และพูดถึงความสนุกของการใช้ดาบในการต่อสู้ โดยเขาถึงกับบอกว่าทันทีที่เริ่มใช้ดาบคล่อง เขาก็ไม่อยากกลับไปจับปืนอีกเลย เกมจะมีสกิลเฉพาะสำหรับอาวุธแต่ละชนิดเยอะมากๆ ทำให้คุณสามารถเลือกใช้อาวุธที่อยากใช้ได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะสู้อาวุธชนิดอื่นไม่ได้ ต่อให้ใช้ดาบก็เคลียร์ฐานศัตรูที่ใช้ปืนได้ตราบใดที่อัปสกิลมาดี คุณ Andy เปรียบเกม Cyberpunk 2077 กับเกมตระกูล Deus Ex ของค่าย Eidos Montreal ที่เปิดช่องทางให้ผู้เล่นทำภารกิจได้อย่างหลากหลายมาก ในตัวอย่างที่เขายกมา เขาได้รับมอบหมายให้ลักลอบเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง โดยในระหว่างที่เขากำลังสำรวจอาคารดังกล่าวจากภายนอก เขาค้นพบว่าจะมีรถบรรทุกขับเข้า-ออกอาคารอย่างสม่ำเสมอ เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีปล้นรถบรรทุกคันหนึ่งและขับมันเข้าไปในอาคารตรงๆ เลย แถมรปภ.หน้าอาคารยังโบกมือทักทายเขาด้วย นอกจากวิธีปล้นรถแล้ว คุณ Andy ยังบอกด้วยว่าเขาพบเส้นทางที่จะลอบเข้าไปในตึกอีกอย่างน้อยสองทาง โดยคุณ Andy กล่าวว่าเขารู้สึกได้จริงๆ ว่าเกมต้องการให้ผู้เล่นสามารถคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาอย่างอิสระจริงๆ คุณ Andy เล่าว่าเขาเลือกเล่น Lifepath Corpo ต่างจากครั้งที่เขาได้ทดลองเล่นเกม 4 ชั่วโมงเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ที่เขาเลือกเล่นเป็น Nomad โดยเขากล่าวชื่นชมความแตกต่างระหว่าง Lifepath ทั้งสอง ที่ทำให้ตัวละคร V รู้สึกมีตัวตนต่างกันไปเลย ภารกิจเสริมและเนื้อเรื่องหลักคุณภาพสูงมาก ทัดเทียบกับเควสระดับท๊อปในเกม The Witcher 3 ได้สบาย คุณ Andy กล่าวถึงข้อตำหนิของเกมเอาไว้ด้วย โดยเขากล่าวว่าในเดโมที่เขาเล่น เขาต้องพบกับฉากที่เป็น on-rail shooting (การยิงปืนแบบวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดเรื่อยๆ) ซึ่งมักจะให้ V ยื่นตัวออกไปนอกกระจกรถที่คนอื่นขับเพื่อโจมตีศัตรูหรือหุ่นโดรนที่ตามไล่ล่าเรา โดยเขาบอกว่าระบบแบบนี้มันเก่าและเชยไปแล้ว และไม่น่าใส่มาให้เจอบ่อยเท่านี้ เช่นเดียวกับคุณ Tom Marks จาก IGN คุณ Andy เองก็กล่าวตำหนิหน้าเมนูเลือกภารกิจของเกม ที่จะคอยเพิ่มภารกิจเข้ามาเองเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าทำเท่าไหร่ก็ไม่หมด ซึ่งเขามองว่าอาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกท้อได้ โดยเฉพาะคนอย่างคุณ Andy เองที่ชอบเก็บเควสทั้งหมด สิ่งสุดท้ายที่เขาตำหนิคือเรื่องของเสียงรบกวนมากมาย จาก NPC ที่มักจะชอบส่งเมสเสจหรือโทรมาหาเราอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งจากข้อมูลที่คุณ Tom Marks เปิดเผยมา จะไม่สนใจก็ไม่ได้) จนเขารู้สึกว่าตัวเองโดนรบกวนสมาธิเวลาเล่น คุณ Andy กล่าวว่าเขาไม่คิดว่า Cyberpunk 2077 เป็นเกมที่เป็น Next-Gen แต่เป็นเกมที่นำสิ่งที่เกมอื่นๆ ใน Gen ที่ผ่านมาเคยทำมาก่อนแล้ว และขัดเกลามันจนเหมือนใหม่มากกว่า GamesRadar: พรีวิวโดยคุณ Sam Loveridge คุณ Sam เริ่มกล่าวชมตั้งแต่ระบบการสร้างตัวละคร ที่ให้ผู้เล่นสามารถ "สร้าง" V ได้ดั่งใจ ตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงขนาดของหัวนม ทำให้ V ของผู้เล่นแต่ละคนกลายเป็นตัวละครของพวกเขาโดยเฉพาะ ทางเลือกในเกมหลายๆ อย่างมักมีผลกระทบที่คาดไม่ถึง โดยระบบทางเลือกในเกมนี้มีความลึกซึ้งกว่าเกมอื่นๆ ที่ผ่านมาทั้งหมด และคำตอบในบทสนทนาคำตอบหนึ่งอาจจะส่งผลถึงขั้นเปลี่ยนเป้าหมายของภารกิจที่ทำอยู่ไปได้เลย กระทั่งบทสนทนาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร (เช่นบทสนทนาทางเมสเสจกับ NPC) ก็อาจจะส่งผลใหญ่หลวงต่อเกมได้ แต่ทางเลือกที่ว่าไม่ใช่เพียงตัวเลือกบทสนทนาที่กดเลือกปุ่มเดียวเท่านั้น แต่นับรวมการกระทำน้อยใหญ่ทั้งหมดของ V ตั้งแต่เริ่มเกมเลย แค่คุณทำอะไรที่ธรรมดามากๆ ในเกมอื่นเช่นเดินหนี NPC ระหว่างที่เขากำลังพูดอยู่ก็อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ลำดับที่คุณกระทำบางอย่างก็มีผลต่อเกมเช่นกัน คุณ Sam ยกตัวอย่างว่าในช่วงหนึ่งของเกมเขาได้รับภารกิจเสริมให้ไปทวงหนี้จากตัวละครตัวหนึ่ง แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจภารกิจนั้นและทำเนื้อเรื่องต่อ โดยเขาพบว่าเขาสามารถเลือกตัวเลือกบทสนทนาที่พูดถึง "เงินที่ยังไม่ได้รับ" จากภารกิจเสริมที่ว่านี้ได้ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซะทีเดียว ทำให้เห็นว่าเกมสามารถปรับตัวให้เข้ากับการกระทำ (หรือไม่กระทำ) ของ V ได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เจอบั๊คที่รุนแรงเท่าผู้ทดสอบคนอื่นๆ แต่คุณ Sam ก็บอกว่าเขาสังเกติเห็นบั๊คด้านกราฟิกเยอะมาก โดยแม้ว่าผู้พัฒนา CDPR จะยืนยันว่าพวกเขารับทราบถึงการมีอยู่ของบั๊คเหล่านี้ แต่ด้วยขนาดและความลึกซึ้งของเกม คงจะคาดหวังให้บั๊คที่ว่าทั้งหมดถูกแก้ทันวันวางจำหน่ายยากเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้น คุณ Sam ก็บอกว่าเขายังคงเชื่อมั่นในความสุดยอดของเกมนี้เต็มเปี่ยม และเขามั่นใจว่าผู้เล่นหลายๆ คนจะต้องหลงเกมนี้หัวปักหัวปำทันทีที่เริ่มเล่นแน่นอน Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายสำหรับเครื่อง PS4, Xbox One, PC ในวันที่ 10 ธันวาคม โดยเกมจะสามารถทำงานได้บนเครื่อง PS5, Xbox Series X เช่นเดียวกัน และจะมีเวอร์ชั่นปรับปรุงที่สร้างมาสำหรับคอนโซล Gen ใหม่โดยเฉพาะ ซึ่งจะมอบให้ผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชั่น PS4, Xbox One แบบฟรีๆ ในปี 2021 Credit: Reddit
20 Nov 2020
Exclusive! สนทนากับทีมพัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ของ Cyberpunk 2077
เมื่อเร็วๆ นี้ ทางทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์สมาชิกจากทีมพัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับเกม Cyberpunk 2077 หลายประเด็น ตั้งแต่การออกแบบเนื้อเรื่องอันสลับซับซ้อนที่ให้อิสระกับผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และระบบการต่อสู้ระยะประชิด ที่พัฒนาต่อยอดมาจากระบบในเกม The Witcher 3 โดยตรง ไปจนถึงคำถามคาใจผู้เล่นหลายๆ คนอย่างเรื่องมุมมองบุคคลที่ 1 ของเกม Q: พวกคุณมักจะพูดเสมอว่าทุกๆ สถานการณ์ในเกม Cyberpunk 2077 จะสามารถตอบสนองต่อทางเลือกของผู้เล่นได้อย่างหลากหลายและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมนิดนึงได้ไหมว่าพวกคุณทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าเกมจะสามารถรับมือกับการกระทำของผู้เล่นได้ทุกอย่างจริงๆ ลองยกตัวอย่างหน่อยได้ไหมว่าเหตุการณ์หนึ่งในเกมมันจะดำเนินไปอย่างไรได้บ้าง Andrzej Zawadzki/AZ (ผู้พัฒนาตำแหน่ง RPG Lead): ประเด็นนี้มันพูดถึงโดยไม่สปอยอะไรเลยยากอ่ะนะ แต่ถ้าจากใจจริงๆ ของเรา เราเชื่อว่าถ้าเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่มันจะมีผลกระทบต่อผู้เสพได้จริงๆ มันจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอย่างที่ชีวิตจริงมักจะทำให้เราเห็นอยู่บ่อยๆ คือเราไม่สามารถคาดเดาทุกอย่างได้ และเราก็มักจะเซอร์ไพรส์กับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเสมอๆ การจะนำสิ่งนั้นมาใส่ไว้ในเกมเป็นอะไรที่ยากแสนเข็ญเลยล่ะ เพราะเราต้องคำนึงถึงทางเลือกและความคาดหวังทั้งหมดของผู้เล่นต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ในการออกแบบเส้นเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเรื่องหลักหรือไม่ก็ตาม เรามักจะพยายามจินตนาการถึงทุกอย่างที่ผู้เล่นอาจจะทำในแต่ละช่วงเวลา เกมของเราไม่ใช่เกมที่คุณจะสามารถเลือกทางเลือกทั้งหมดได้ด้วยการกดปุ่มๆ หนึ่ง แต่คุณอาจจะรู้สึกรำคาญ NPC จนเดินหนีไปกลางบทสนทนา หรือกระทั่งซัดหน้ามันไปเลยก็ได้ แค่การคิดว่า “เราคาดหวังให้ผู้เล่นทำอะไร” มันตื้นเกินไปสำหรับเรา [caption id="attachment_72856" align="aligncenter" width="400"] Andrzej Zawadzki (รูปจาก Twitter)[/caption] ถ้าให้ยกตัวอย่าง มันมีภารกิจหนึ่งในเกมที่จะส่งคุณไปช่วยหมอที่ถูกขังตัวเอาไว้ในคลินิคแห่งหนึ่งโดยแก๊งหนึ่งของเมือง เมื่อคุณไปถึง คุณก็พบว่าเป้าหมายของคุณกำลังพยายามช่วยชีวิตของสมาชิกแก๊งคนหนึ่ง เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอถูกแก๊งกักตัวเอาไว้ ตัวละครของคุณจะบอกเธอว่ามันไม่มีเวลาแล้ว และพวกคุณจะต้องออกไปจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ แต่เธอกลับปฏิเสธที่จะละทิ้งคนไข้ของเธอและเอาตัวรอดคนเดียว ทีนี้คุณก็มีทางเลือกละ คุณจะถ่วงเวลารอให้เธอผ่าตัดคนไข้ให้เสร็จไหม หรือจะช่างแม่งแล้วทิ้งเธอไว้ตรงนั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณกำลังใจร้อนและตัดสินใจยิงหัวไอ้คนไข้ให้ตายไปซะเลยล่ะ? มันทำได้จริงในเกมหรือเปล่า? ไว้รอให้คุณไปหาคำตอบเอาเองดีกว่า สิ่งที่เราต้องการจะสื่อคือใน “ชีวิตจริง” ในแทบทุกสถานการณ์มันมักจะมีทางเลือกที่เรามองไม่เห็นในแวบแรก เราอยากให้ผู้เล่นได้มีโอกาสทดลองเล่นกับทางเลือกเหล่านั้น ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่เราใช้ออกแบบแทบทุกส่วนของเกมเลย ทางเลือกมากมายที่เกมจะมอบให้กับผู้เล่นจะไม่เพียงกำหนดตอนจบและเรื่องราวของตัวละครของคุณ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกทางเลือกที่จะสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้คุณได้ แต่อย่างน้อยคุณจะจดจำผลลัพธ์ของทางเลือกเหล่านั้นเพราะมันทำให้คุณรู้สึกเหมือนเกมมัน “เข้าใจตัวตน” ของคุณ Q: Lifepath ทั้ง 3 จะมีตอนจบเหมือนกันไหม หรือว่าจะมีตอนจบเฉพาะของตัวเอง? Paweł Ciemniewski (นักเขียนบทเกม): ระบบ Lifepath ในเกม Cyberpunk 2077 เปรียบเสมือนการเลือก “จุดเริ่มต้น” ของตัวละคร V และผู้เล่นจะได้พบกับเหตุการณ์และตัวละครเฉพาะของแต่ละ Lifepath ในช่วงแรก และสามารถใช้สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาในช่วงต้นเหล่านี้ในการดำเนินเรื่องของเกมที่เหลือเพื่อเข้าถึงเส้นเรื่องที่สร้างมาสำหรับ Lifepath แต่ละอันโดยเฉพาะ อาจจะเป็นตัวเลือกบทสนทนาที่เปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในเนื้อเรื่อง หรืออาจจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครที่เราได้รู้จักภายหลัง ทำให้เรามีความได้เปรียบพวกเขาในการต่อรองเป็นต้น [caption id="attachment_72859" align="aligncenter" width="400"] Paweł Ciemniewski (รูปจาก Twitter)[/caption] ทางเลือกทั้งหมดในเกมจะสามารถนำไปสู่ตอนจบอันหลากหลายของเกมได้ แต่ไม่มีตอนจบใดที่ผูกอยู่กับ Lifepath ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นอย่างไร เรื่องราวของคุณก็ยังสามารถมาบรรจบลงที่ตอนจบไหนก็ได้ในเกม แต่ในขณะเดียวกัน ตอนจบแต่ละแบบก็จะคำนึงถึง Lifepath ของผู้เล่นด้วย เพื่อสร้างความรู้สึกที่ว่าผู้เล่นคือคนที่สร้างตัวละครนี้มาเอง และทางเลือกทั้งหมดของเขาคือสิ่งที่นำพาเขามาสู่ตอนจบที่ได้พบ Q: เราสามารถปรับแต่งร่างกายของ V ได้แค่ไหน? สามารถปรับจนกลายเป็น Cyborg เต็มตัวไปเลยได้ไหม? มีเครื่องจักร cyberware อะไรบ้างที่พวกคุณชอบเป็นพิเศษ? AZ: การปรับแต่งร่างกายเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญมากๆ อยู่แล้วในธีม Cyberpunk ซึ่งแน่นอนว่าเราก็มีทางเลือกการปรับแต่งร่างกายให้เลือกมากมาย ตั้งแต่การปรับแต่งผิวหนังไปจนถึงการปลูกถ่ายอวัยวะจักรกล หรืออาจจะปลูกถ่ายทั้งระบบร่างกายเลยก็ได้ บางชนิดอาจจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวละครได้ หรืออาจจะมอบอาวุธใหม่อย่างดาบ Mantis Blade โดยเราคำนึงถึงการมอบอิสระให้ผู้เล่นเสมอ ถ้าคุณอยากจะเล่นแบบลอบเร้น คุณก็สามารถเปลี่ยนตัวละครให้เป็นนินจาได้ด้วยการใส่ตัวช่วยกลบเสียงฝีเท้า หรือกระทั่งเพิ่มปฏิกิริยาตอบสนองจนเหมือนเวลาช้าลงเมื่อโดนเจอตัว หรือถ้าอยากเล่นสายบู๊แหลก ก็สามารถเสริมเกราะป้องกันใต้ผิวหนังเพื่อลดความเสียหายที่ได้รับเป็นต้น และคุณสามารถเลือกปรับแต่งร่างกายมากเท่าไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่ผมอยากเน้นย้ำคือการปรับแต่งร่างกายด้วยเครื่องจักรมันถือเป็นเรื่องธรรมดาในโลกของเกม Cyberpunk 2077 คุณอาจจะเจอคนที่ปรับแต่งร่างกายจนแทบจะไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้ว หรือคนที่ปรับน้อยมาก หรือกระทั่งไม่ปรับแต่งอะไรเลย เราจึงอยากให้คุณสบายใจว่าคุณจะสามารถเล่นเกมโดยที่ไม่ปรับแต่งอะไรเลยก็ได้ เพราะเราอยากให้คุณสามารถเล่นเป็นตัวละครที่คุณอยากเป็น ในส่วนของ cyberware ชิ้นโปรด ผมคงไม่กล้าตอบแทนสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมนะ เพราะแต่ละคนก็มีของที่ชอบไม่เหมือนกันจริงๆ แต่สำหรับผมชอบ cyberware Sandevistan มาก เป็นเครื่องจักรที่ทดแทนระบบประสาททั้งร่างกายของคุณ ทำให้คุณมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมากจนเหมือนเวลาเดินช้าลงตามที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้ แถมผมยังชอบใส่ cyberware ที่จะปล่อยคลื่นระเบิด EMP ออกมาทุกครั้งที่ V โดนโจมตี ทำให้ผมสามารถบู๊แหลกได้โดยไม่ต้องกลัวอันตรายมากนัก และสุดท้ายคือ Gorilla Arms ที่ทำให้ผมสามารถฆ่าศัตรูด้วยมือเปล่าได้ในระยะประชิด ผมว่าเดี๋ยวพอผู้เล่นแต่ละคนได้ลองก็จะเข้าใจเอง และผมตื่นเต้นมากว่าผู้เล่นจะเลือกผสม cyberware ออกมาอย่างไรบ้างระหว่างการเล่น Q: คุณเคยกล่าวในบทสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าระบบการต่อสู้ระยะประชิดของเกม CP2077 จะถอดแบบมาจากของ The Witcher 3 ช่วยอธิบายได้ไหมว่าคุณปรับระบบการต่อสู้แบบบุคคลที่ 3 แบบนั้นมาไว้ในเกมบุคคลที่ 1 ได้อย่างไร AZ: การทำระบบต่อสู้ระยะประชิดในมุมมองบุคลลที่ 1 ให้ดีมันยากกว่าในบุคคลที่ 3 แน่ๆ เราเริ่มจากการตัดสินใจกันก่อนว่าเราอยากให้ระบบต่อสู้ของเราออกมาเป็นแบบไหน เราอยากให้มันเป็นระบบที่ต้องใช้การวางแผนหรือใช้เทคนิคสูง หรือเราอยากให้เป็นเกมเดินหน้าบู๊แหลก? เราอยากให้ผู้เล่นจำเป็นต้องใส่ใจกับทรัพยากรณ์อย่างพลังชีวิตหรือพลังงาน Stamina มากแค่ไหน? ซึ่งผมว่าเราหาจุดสมดุลที่ดีระหว่างการต่อสู้ทุกแบบ เพราะในขณะที่ผู้เล่นจะต้องเรียนรู้จุดอ่อนของศัตรูชนิดปีศาจเพื่อหาช่องโจมตี แต่ก็ยังมีจังหวะที่สามารถปล่อยของกับศัตรูมนุษย์ได้เต็มที่อยู่ด้วย ซึ่งนี่เป็นจุดที่เราอยากคงเอาไว้สำหรับเกมนี้ เราอยากให้ผู้เล่นได้มีโอกาสวางแผนและบริหารพลังชีวิตและ Stamina ไปพร้อมกัน แต่ก็ยังมีจังหวะให้แบกหมัดกับศัตรูมันส์ๆ เหมือนกัน การจะนำความรู้สึกนั้นมาใส่เอาไว้ในเกมบุคคลที่หนึ่งมันท้าทายมากในระดับเทคนิค และในระดับการออกแบบท่าทางด้วย เพราะคุณมีพื้นที่ในการออกแบบอนิเมชั่นต่างๆ ได้หลากหลายกว่าในบุคคลที่ 3 ซึ่งผมว่าเราสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดีในเกม และผมเชื่อว่ามุมมองบุคคลที่ 1 จะสามารถให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังอยู่ในการต่อสู้มากกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างตัวตนเฉพาะให้กับอาวุธระยะประชิดแต่ละชนิดของเรา ให้มอบความรู้สึกที่ต่างกันอย่างชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นดาบคาตะนะ ค้อนยักษ์ มีดพก หรืออะไรก็แล้วแต่ และเรายังมีระบบสกิลและ perk ที่ลึกซึ้ง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถใช้อาวุธแต่ละชนิดในแบบที่เข้ากับตัวเองได้ หมายความว่าต่อให้คุณและเพื่อนคุณเลือกใช้ดาวคาตะนะเป็นอาวุธหลักเหมือนกัน ก็ยังอาจจะได้ประสบการณ์ที่ต่างกันไปเลยก็ได้ ซึ่งเราให้ความสำคัญมากๆ กับจุดนี้ เราตั้งใจมากๆ กับการทำให้การต่อสู้ระยะประชิดในเกม CP2077 ให้ความรู้สึกสม่ำเสมอ เราใส่ใจกับการทำให้จังหวะของการโจมตีมีความลงตัว ให้ทุกอย่างรู้สึกลื่นไหล ให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงจังหวะจะโคนของการต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการวางแผน ซึ่งผมก็คิดว่าสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีในมุมมองบุคคลที่ 1 เช่นกัน Q: ในขญะที่เกม RPG หลายๆ เกมเลือกใช้มุมมองบุคคลที่ 3 กัน ทำไมคุณถึงเลือกใช้มุมมองบุคคลที่ 1? คุณคำนึงถึงอะไรบ้างสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ Mateusz Tomaszkiewicz (หัวหน้าทีมออกแบบระบบเควส):  การสร้างอารมณ์ร่วม (Immersion) เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราในการเลือกมุมมองของเกม และในแง่นี้ เรามองว่ามุมมองบุคคลที่ 1 ให้ตัวเลือกมากกว่า ผู้เล่นจะมองเห็นทุกอย่างที่ V เห็น ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้ผู้เล่นกับ V มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้วโดยปริยาย และเมื่อคุณเดินทางไปในเมือง Night City คุณจะสามารถรับรู้ได้ถึงสเกลของเมืองในแบบที่สมจริงกว่ามาก มุมมองบุคคลที่ 1 ถือเป็นตัวช่วยในการสร้างความรู้สึกเสมือนว่าคุณอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ และเราเชื่อว่ามันจะส่งผลดีต่อระบบเกมเพลย์ของเราเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการต่อสู้ การเดินทาง หรือบทสนทนา ผู้เล่นจะยังควบคุมตัวละครได้อย่างอิสระตลอดเวลา และเราเชื่อว่ามุมมองบุคคลที่ 1 นี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเล่าเรื่องที่เราอยากเล่า และมอบประสบการณ์ที่เราอยากมอบให้ผู้เล่น  [caption id="attachment_72869" align="aligncenter" width="400"] Mateusz Tomaszkiewicz (รูปจาก Twitter)[/caption]   Q: จากคลิปเกมเพลย์และตัวอย่างมากมายที่ออกมา เราได้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่อโลกของเกมอย่างชัดเจน และ Night City จะมีอิทธิพลของชาติเอเซียอื่นๆ อีกบ้างไหม? แล้วประเทศไทยล่ะ? AZ: เมือง Night City เป็นแหล่งรวมของผู้คนจากทุกเชื้อชาติและวัฒนธรรม ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการสื่อ “วัฒนธรรม” อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองมากๆ โดยอ้างอิงจากเรื่องราวในเกมต้นฉบับ Cyberpunk 2020 วางใจได้เลยว่าเมื่อคุณเดินทางจากเขตหนึ่งไปอีกเขตหนึ่งของเมือง คุณจะมีโอกาสได้เห็นอิทธิพลของวัฒนธรรมอันหลากหลายจากทุกมุมโลกตามโฆษณา เสียงเพลง อาหาร หรือแฟชั่นของผู้คนในเมือง สำหรับประเทศไทย ขอให้ทุกคนไปหาคำตอบในเกมดีกว่า :) Q: สุดท้ายนี้ อยากถามว่าพวกคุณรู้สึกอย่างไรกับการมาถึงของคอนโซล Gen ใหม่? พวกคุณมีแผนการบ้างหรือยังว่าจะใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างไรได้บ้าง? AZ: เอาจริงๆ ตอนนี้เรากำลังตื่นเต้นกับการให้ผู้เล่นได้เล่น Cyberpunk 2077 ซะทีเท่านั้นแหละ! แน่นอนว่าเกมจะวางจำหน่ายสำหรับ PC, Xbox One, PS4 แต่ผู้เล่นทุกคนก็สามารถนำเกมไปเล่นบนเครื่อง Xbox Series S/X และ PS5 ได้ด้วย โดยเรามีแผนจะปล่อยเกมเวอร์ชั่นปรับปรุงสำหรับคอนโซล Gen ใหม่โดยเฉพาะในอนาคตให้กับผู้ที่ซื้อเกมในคอนโซล PS4, Xbox One ฟรีๆ ด้วย แต่จะปรับปรุงอย่างไรบ้าง ขออุบไว้บอกกันวันหลังนะ เกม Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยผู้พัฒนา CDPR ได้ปล่อยวิดีโอเกมเพลย์ความยาวกว่า 10 นาทีออกมาให้ชมกันเพื่อเปรียบเทียบกราฟิกระหว่างเครื่องคอนโซล Xbox One X และ Xbox Series X และจะปล่อยเกมเพลย์ออกมาอีกในตัวอย่างใหม่ที่จะเปิดเผยในรายการ Night City Wire #5 ที่จะจัดขึ้นในเวลา 00.00 (เที่ยงคืน) ของวันศุกร์ที่ 20 พฤษจิกายนนี้ (เวลาไทย)
19 Nov 2020
Cyberpunk 2077: ชมเกมเพลย์ใหม่เปรียบเทียบกราฟิกเครื่อง Xbox One / Series X กว่า 10 นาที!
อย่างที่ได้ประกาศออกมาอย่างกระทันหันไปเมื่อเร็วๆ นี้ ล่าสุดทางทีมงานผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ก็ได้ปล่อยรายการไลฟ์สตรีม Night City Wire Special ตอนพิเศษออกมา ซึ่งแม้จะมีความยาวเพียงราวๆ 10 นาที แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นการโชว์เกมเพลย์ใหม่จากเกม Cyberpunk 2077 ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน! ภายในคลิปเกมเพลย์มีการแสดงระบบต่างๆ ทั้งการขับรถ การต่อสู้ การสนทนา รวมไปถึงบรรยากาศโดยรวมๆ ของเมือง Night City ยามค่ำคืนที่ชโลมไปด้วยแสงสีนีออน อย่างที่กล่าวไปว่าคลิปนี้จะเน้นแสดงเกมเพลย์เปรียบเทียบระหว่างเครื่อง Xbox One X และเครื่อง Xbox Series X โดยต้องบอกว่าแม้จะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนในแง่ของแสงสี และการสะท้อนแสงจากแทคโนโลยี Ray Tracing ของเครื่องคอนโซล Next-gen แต่เกมเพลย์ของเครื่อง Xbox One X ก็ยังนับว่าสวยมากๆ และน่าจะเหนือความคาดหมายของหลายคน หลังจากที่มีข่าวลือว่าคอนโซลรุ่นเก่า (PS4, Xbox One) คือสาเหตุเบื้องหลังการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งล่าสุด (รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย) สำหรับแฟนๆ ฝั่ง PlayStation ทางผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ยืนยันต่อสื่อในอีเมล์ในภายหลังว่าจะมีการแสดงเกมเพลย์จากคอนโซล PlayStation เร็วๆ นี้ด้วย (คาดหว่าน่าจะเป็นเครื่อง PS4 Pro และ PS5 ตามสูตร) เชื่อได้ว่าถ้าเหมือนคลิปเกมเพลย์รอบนี้ คงจะไม่ต้องรอกันนานกว่าจะได้เห็น ผู้พัฒนายังย้ำอีกครั้ง (อีกครั้ง) ว่า Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้อย่างแน่นอน โดยจะมีเวอร์ชั่นอัปเกรดสำหรับคอนโซลรุ่นใหม่ๆ ตามมาในปีหน้า (ผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมจะได้รับเวอร์ชั่นอัปเกรดฟรีๆ) Credit: GamingBolt
18 Nov 2020
Cyberpunk 2077 หลุดโผรางวัล The Game Awards 2020 อย่างเป็นทางการ
กลายเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับเกมเมอร์ทั่วโลก เมื่อผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ออกมาประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายเกม Cyberpunk 2077 ออกไปอีกครั้ง โดยแม้จะเลื่อนออกไปเพียง 21 วัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะผู้พัฒนาเพิ่งจะประกาศวาเกมได้พัฒนาเสร็จสิ้นจน Gone Gold ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง ล่าสุด พิธีกรและผู้จัดงานประกาศรางวัลเกมประจำปี The Game Awards คุณ Geoff Keighley ก็ได้ออกมายืนยันอีกด้วยว่าจากการเลื่อนวันวางจำหน่ายครั้งนี้ ทำให้เกม Cyberpunk 2077 จะไม่ได้รับการส่งชื่อเข้าชิงรางวัลในงาน The Game Awards 2020 ของปีนี้ และจะได้รับการพิจารณาเพื่อรับรางวัลในงานของปี 2021 แทน Much like Super Smash Bros. Ultimate a few years ago, Cyberpunk 2077 will first be eligible at next year’s Game Awards. https://t.co/1gV1J4sDpV — Geoff Keighley (@geoffkeighley) October 27, 2020 สำหรับงาน The Game Awards 2020 จะจัดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ หลังจากวันวางจำหน่ายใหม่ล่าสุดของเกม Cyberpunk 2077 หนึ่งวันพอดี (เกมวางจำหน่ายวันที่ 10 ธันวาคม 2020) Credit: GamingBolt
28 Oct 2020
Cyberpunk 2077 ประกาศเลื่อนวันวางจำหน่ายอีกครั้ง เจอกันอีกทีเดือนธันวาคม
กลายเป็นเรื่องตลกร้ายไปซะแล้วกับวันวางจำหน่ายของเกม Cyberpunk 2077 ที่ล่าสุดได้ถูกเลื่อนออกไปอีก 21 วัน จากเดิมที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษจิกายนนี้ ไปเป็นวันที่ 10 ธันวาคมนี้แทน ตามที่ผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ได้ประกาศผ่านสื่อ Social Media ของตัวเอง จากข้อความที่ผู้พัฒนาเผยแพร่ออกมา ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการเลื่อนวันวางจำหน่ายอีกครั้ง เนื่องจากเกมได้พัฒนาไปถึงจุดที่แทบจะเป็นเกม Next-Gen อยู่แล้ว ทำให้ผู้พัฒนาต้องวางจำหน่ายเกมพร้อมกันถึง 9 เวอร์ชั่น (Xbox One S/X, PS4/PS4 Pro, Xbox Series S/X, PS5, PC, Stadia) ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อให้เกมสามารถแสดงผลบนแพลตฟอร์มทั้งหมดได้อย่างลื่นไหลที่สุด แม้ว่าทีมพัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงทำงานจากที่บ้านตามมาตรการรับมือไวรัส COVID-19 ด้วย ทั้งนี้ ผู้พัฒนาได้เคยออกมาประกาศว่าเกม Cyberpunk 2077 อยู่ในสภาพ Gone Gold แล้ว และการพัฒนาเพื่อแก้ไขปรับปรุงในขณะนี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในรูปแบบของ Patch Update แทน อาจจะเป็นเรื่องน่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ ที่เล็งจะได้เล่นเกมนี้ในช่วงเดือนพฤษจิกายน บางคนอาจจะถึงกับลางานเตรียมไว้แล้ว แต่อย่างน้อยก็น่าจะวางใจได้มากขึ้นว่าเกมจะวางจำหน่ายในสภาพที่ดีที่สุดจริงๆ ไม่ว่าจะเล่นบนเครื่องอะไรก็ตาม Credit: CD PROJEKT RED
28 Oct 2020
Cyberpunk 2077 จะเปิดให้ผู้เล่นสับเปลี่ยนอวัยวะเพศด้วย "Cyberware สำหรับเซ๊กส์"
เว็บข่าว The Gamer ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์กับผู้พัฒนาตำแหน่งผู้กำกับระบบเควส (Quest Director) ของ CD PROJEKT RED คุณ Mateusz Tomaszkiewicz ที่มีการพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการ "ปรับแต่ง" อวัยวะเพศในเกม Cyberpunk 2077 โดยแม้ว่าข้อมูลที่ว่าเกมจะเปิดให้ผู้เล่นทำแบบนี้ได้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผู้พัฒนาเกมได้พูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับระบบนี้ตรงๆ และทำให้เรา "เห็นภาพ" ตัวเลือกในการปรับแต่งอวัยวะเพศมากขึ้นด้วย ในระหว่างที่ตอบคำถามเกี่ยวกับแก๊ง The Moxes ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเหล่าผู้ให้บริการทางเพศในเมือง Night City ที่รวมตัวกันเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมอาชีพ คุณ Mateusz ก็ได้อธิบายถึงเหล่าเครื่องปรับแต่งร่างกายที่พวกเขามี รวมไปถึงอวัยวะเพศจักรกลที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของทั้งชายและหญิงขายบริการเหล่านี้ "แน่นอนว่าเราจะมีอวัยวะเพศจักรกลในเกม ซึ่งจริงๆ แล้วบางอย่างก็มีมาตั้งแต่สมัยบอร์ดเกมต้นตำหรับแล้ว เช่น Cyberware ของผู้หญิง Mrs. Midnight ที่ใช้ใส่แทน "น้องสาว" ของพวกเธอ รวมไปถึงเครื่องจักรที่ช่วยเสริมหน้าอกหน้าใจ หรือของฝั่งเพศชายก็มี Cyberware ชื่อ Mr. Stud ที่เอาไว้ใส่แทนไอ้จ้อนให้ปึ๋งปั๋งทั้งคืน" นอกจากนี้ คุณ Mateusz ยังพูดถึงสถานบริการทางเพศในเมือง Night City ที่ถูกบริหารโดยเหล่าแก๊งที่เรียกว่า "Doll House" (บ้านตุ๊กตา) ซึ่งมีหนุ่มๆ สาวๆ กลางคืนที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้าแต่ละคน เพื่อให้พวกเขาสามารถทำตามความต้องการทุกอย่างของลูกค้าเหล่านั้นได้ แถมยังช่วยลบความทรงจำของเหล่าผู้ให้บริการหลังเสร็จงานด้วย ซึ่งคุณ Mateusz กล่าวว่าเหล่า "Doll House" เหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจของความ "บิดเบี้ยว" ที่มาคู่กับธีม Cyberpunk ของเกมด้วย Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่ 19 พฤษจิกายนนี้สำหรับ PS4, Xbox One, PC โดยผู้ที่ซื้อเกมผ่านทางคอนโซลจะได้รับเวอร์ชั่นปรับปรุงสำหรับคอนโซล Next-gen (PS5, Xbox Series X) ด้วยในภายหลัง Credit: VG24/7 
21 Sep 2020
Night City Wire #3: แนะนำแก๊งอาชญากรโฉดที่จะได้พบในเกม Cyberpunk 2077
กลับมาอีกครั้งแล้วกับรายการไลฟ์สด Night City Wire จากผู้พัฒนา CD PROJEKT RED ที่จะพาผู้เล่นไปสำรวจแง่มุมต่างๆ ของเกม Cyberpunk 2077 นั่นเอง! สำหรับตอนล่าสุดนี้ (ตอนที่ 3 วันที่ 18 กันยายน 2020) นอกจากจะมีตัวอย่างเกมเพลย์ใหม่ที่พูดถึงเขตและสถานที่สำคัญในเมืองแล้ว ยังมีการพูดถึงเหล่าแก๊งนักเลงมากหน้าหลายตาในเมือง Night City ที่ผู้เล่นจะต้องรับมือด้วย แม้จะเคยเปิดเผยรายละเอียดแก๊งไปแล้วมากมายตั้งแต่ก่อนหน้านี้ (อ่านบทความรวมรายละเอียดแก๊ง) แต่งาน Night City Wire #3 นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นหน้าตาในเกมของแก๊งทั้งหมดแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว อยากเล่นขึ้นมาแล้วล่ะสิ เช๊กความพร้อมของ PC คุณในบทความเผย Spec PC สำหรับเกม สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับเกม Cyberpunk 2077 ตั้งแต่เนื้อเรื่อง เกมเพลย์ ไปจนถึงรายละเอียดเบื้องหลังตัวละครสำคัญ สามารถรับชมได้ที่ เว็บรวมข่าวเกม Cyberpunk 2077 
18 Sep 2020
10 เกมแนวโลกอนาคตที่คุณควรเล่นระหว่างรอเกม Cyberpunk 2077
ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่ากระแสเกม Cyberpunk 2077 นั้นกำลังมาแรงมากๆ มีคนเฝ้ารอที่จะเล่นเกมนี้กันมากมาย และอดใจรอกันไม่ไหวแล้ว ดังนั้นวันนี้เรา GameFever TH จึงขอแนะนำ 10 เกมแนวโลกอนาคต โลกอดีต และแนวแฟนตาซีมาให้แฟนๆ ที่อดใจรอไม่ไหวมาเล่นระหว่างรอเกมระดับ AAA อย่าง Cyberpunk 2077 กันครับ มาดูกันเลยครับว่าเกมไหนน่าสนใจสำหรับผู้อ่านกันบ้าง 1.Death Stranding หนึ่งในเกมที่เปิดตัวมาพร้อมความแปลกใหม่ในระดับนึงของวงการเกม พัฒนาโดยผู้กำกับเกมดังอย่าง Metal Gear Solid ชื่อว่าฮิเดโอะโคจิมะ สาเหตุที่ผมนำเกมนี้มาเพราะมันเป็นเกมที่สร้างสรรค์และน่าสนใจที่มาพร้อมบรรยากาศแห่งอนาคตอันน่าหลงไหล ถึงแม้ว่าเกม Death Stranding จะเป็นภาพของทุ่งโล่งกว้าง ซึ่งแตกต่างจากภาพเมืองในตัวอย่างของเกม Cyberpunk 2077 แต่ตัวเกมมีความเป็นโลกอนาคตที่ห่างไกลมีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกันมาก ที่สำคัญเลยคือทั้ง 2 เกมนี้ยังมีดาราคนดังอย่างคุณ Norman Reedus และ Mads Mikkelsen เป็นตัวละครหลักและทั้งคู่ต่างก็พยายามเล่าเรื่องราวเพื่อสื่ออารมณ์ให้เข้าถึงเหล่าเกมเมอร์ ถึงแม้รูปแบบการเล่นจะต่างกันมาก แต่เกมนี้ก็ควรค่าแก่การเข้าไปเล่นเพื่อรอ Cyberpunk 2077. 2.The Outer Worlds หนึ่งในเกมโลกอนาคตและใส่ความเป็น RPG / Sci-Fi ได้อย่างลงตัวฝีมือการสร้างจากผู้พัฒนาอย่าง Obsidian เป็นเกมที่ทำให้ผู้เล่นได้เห็นอารยธรรมต่างๆ ของกลุ่มดาวมากมาย และมีความเป็นเกมที่ใกล้เคียงกับ Cyberpunk 2077 มากที่สุดเท่าที่ผมจะหามาได้ในขณะนี้ครับ เช่น ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นจะมีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นซึ่งผู้เล่นจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกทำอะไร และทุกอย่างที่ทำจะมีผลกับอนาคตของการเล่นเกมด้วยเช่นกัน 3.Cloudpunk เกมที่จะให้เรารับบทเป็นคนขับรถส่งของให้แก่บริษัทคลาวด์พังก์ (Cloudpunk) ในเมืองไซเบอร์พังก์ Nivalis ที่กว้างขวางและอยู่ในตรีมที่คล้ายคลึงของเกม Cyberpunk 2077 โดยผู้เล่นจะได้เพลิดเพลินไปกับการสำรวจเมืองที่กว้างมากๆ ทั้งยังมีปริศนา Puzzle ให้ผู้เล่นคอยแก้อยู่มากมาย ตัวละคนที่หลากหลายก็จะมีลักษณะนิสัยที่หลากหลายแตกต่างกัน ที่สำคัญคือทุกการกระทำของเราจะมีผลต่อตัวเกมด้วย! 4.Anthem ก่อนอื่นนะครับผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะได้ยินข่าวกระแสเกมด้านลบของเกมนี้กันมาเยอะในระดับนึงแล้ว แต่ผมอยากให้ทุกคนหยุดคิดแบบนั้นแล้วอ่านในข้อนี้ก่อนนะครับ เพราะว่าทางผู้พัฒนาหลังจากที่เล็งเห็นถึงปัญหาของเกมพวกเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉย ได้ออกมาประกาศยืนยันว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงเกมแทบจะทั้งหมดให้ดีขึ้น และผมเชื่อว่าเกมนี้จะกลายเป็นที่มอบประสบการณ์อันแสนคุ้มค่าของความเป็นนักยิงตะลุย Sci-Fi ที่มีการต่อสู้คล้ายคลึงกับ Cyberpunk 2077 แน่นอนครับ. 5.Deus Ex: Human Revolution ในข้อที่ 5 นี้ขอแนะนำซีรีส์เกม Deus Ex ภาค Human Revolution ที่ออกมาในปี 2011 กล่าวถึงโลกอนาคตที่มี่ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Adam Jensen หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยสำหรับแผนก R&D ของผู้ผลิตอุปกรณ์ฝังชิปในไซเบอร์เนติก เขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์บุกโจมตีโรงงานและเขาฟื้นตัวมาในสภาพกึ่งมนุษย์กึ่งจักรกล สิ่งที่เขาต้องทำคือค้นหาความจริงของโลกใบนี้ ยิ่งถ้าให้พูดถึงระบบการต่อสู้จะมีความคล้ายกับ Cyberpunk  2077 มากๆ คือเราสามารถเลือกได้ว่าจะโจมตีตรงๆ จะเน้นลอบสังหาร หรือวางกับดักก็ได้ ระหว่างรอเกม Cyberpunk ขอแนะนำให้เล่นเกมนี้ไปก่อนก็ได้นะครับ เก่าแต่ยังเก๋าแน่นอน! 6.Watch Dogs หลายๆ คนคงสงสัยว่าเกมนี้มาอยู่ในหัวข้อนี้ได้อย่างไรเพราะไม่ได้อยู่ในโลกอนาคตอันแสนไกลมากนัก ทั้งยังน่าจะอยู่ในหมวดเกมแนวเดียวกับ GTA ด้วยซ้ำ แต่ผมอยากให้ลองไปเล่นดูนะครับแล้วจะรู้ว่าเกมนี้มีเอกลักษณ์และสเนห์ของมัน ในส่วนที่คล้ายๆ Cyberpunk 2077 คือระบบการเจาะข้อมูลหรือ Hack และลูกเล่นต่างๆ อีกมากมายดังนั้นขอแนะนำว่าถ้ากลัวจะเล่น Cyberpunk 2077 แล้วจะงงหรือไม่เข้าใจในระบบให้ลองเล่นเกมนี้ไปก่อนได้นะครับ. 7.Vampire The Masquerade: Bloodlines ในข้อที่ 7 นี้แม้ว่าจะยิ่งออกห่างจากคำว่าโลกอนาคตแต่เกมนี้ถูกประกาศให้เป็น หนึ่งในเกมคลาสสิคของหมวดหมู่เกม RPG ตัวเกมจะเริ่มต้นด้วยการให้ผู้เล่นอยู่ท่ามกลางเมืองที่แฝงไปด้วยสงครามแวมไพร์และระบบการเมืองที่น่าสนใจ ในช่วงแรกผู้เล่นจะเป็นเหมือนฝ่ายกลางที่ต้องคอยดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกข้างและกลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของสงความโลกใต้พิภพ เกมนี้เป็นเกม RPG ที่ลึกล้ำ ซึ่งเคยมีคนกล่าวว่าเป็นต้นกำเนิดเกม Cyberpunk 2077 ดังนั้นระหว่างที่เกม Cyberpunk ยังไม่เปิดให้เล่น ผมก็ขอแนะนำให้เราลองย้อนยุคมาเล่นเกมนี้ดูครับ. 8.Fallout: New Vegas ในซีรีส์เกม Fallout ภาค New Vegas นี่แหละครับถือเป็นหนึ่งในภาคที่ดีอันดับต้นๆ ของซีรีส์ New Vegas เป็นเกม RPG ที่มีรายละเอียดและความล้ำลึกอย่างมาก เช่น วิธีผ่านหนึ่งภารกิจผู้เล่นสามารถทำได้มากกว่า 3 แบบ หรือถ้าผู้เล่นทำการฆ่าแก็งค์ไหนบ่อยๆ ผลก็คือเวลาไปยังถิ่นของพวกเขาจะไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้นถูกยิงลูกเดียว ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในช่วงทศวรรษ ทั้งยังเป็นเหตุผลหลักว่าทำไม  The Outer Worlds  จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและเป็นประสบการณ์ที่เราไม่เคยเห็นจากซีรี่ส์ Fallout เลยทีเดียวครับ 9.Detroit: Become Human เกมที่ใช้รูปแบบการเล่นเน้นไปที่การตัดสินใจของผู้เล่นในแต่ละฉากแต่ละเหตุการณ์ ว่าด้วยเรื่องการกบฎของหุ่นยนต์ Androids ในครัวเรือนยุคของโลกอนาคต ตัวเกมได้สร้างความประทับใจด้วยผลลัพธ์ในตอนจบที่มีมากมายและเล่าถึงความสัมพันธ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี รวมถึงความสุดยอดของผู้พัฒนาที่ใส่เรื่องการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ไว้หลายร้อยรายการ นอกจากนี้เกมนี้ได้ใช่นักแสดงที่จะให้ความรู้สึกอินไปกับมันเหมือนกำลังดูภาพยนต์ที่คุณคือผู้ดำเนินเรื่องนั่นเอง! 10.The Witcher 3 อันนี้ชัดเจนมากๆ ผมอยากแนะนำให้มาลองเล่น The Witcher 3 ก่อนนะครับเพราะเกมนี้ได้รับการพัฒนาโดยผู้พัฒนาเดียวกันในเบื้องหลังเกมที่กำลังจะมาถึงอย่าง Cyberpunk 2077  และเกมนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดตลอดกาล เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายโปแลนด์ชุด  The Witcher 3  พูดถึงการผจญภัยแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ที่นำแสดงโดย Geralt ของ Rivia และได้มีการแต่งเติมได้อย่างเพอร์เฟ็คถูกใจคอแฟนนิยายและไม่ขัดกับเจ้าของผู้แต่งนวนิยายเลย ผมจะขอไม่สปอยด์เนื้อหาหรือระบบอะไรเยอะนะครับ แต่ผมรับประกันเลยว่าถ้าคุณได้ลองไปสัมผัสเกมนี้แล้วคุณจะหลงรักมันแน่นอน!
04 Jun 2020