GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "การหนีความจริง"
เมื่อไม่มีคนให้ไปหา วิดีโอเกม คือเครื่องเยียวยาจิตใจในวิกฤติ COVID-19
วันนี้ เป็นเวลาครบสองสัปดาห์แล้ว ที่ผู้เขียนได้ทำการ ‘กักตัว’ อยู่ภายในบ้าน… ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้พบเจอหน้าใคร และแทบไม่อยู่ห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์พีซีของตัวเองสักเท่าไร ถ้าในสภาวะปกติแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพมากนัก แต่ในภาวะวิกฤติ COVID-19 เชื้อร้ายที่กำลังแพร่ระบาดและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ นี้ ดูเหมือนสองสัปดาห์อาจจะน้อยไป และยังคงเป็นการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะจบลงที่ไหน (และไม่อาจแน่ใจว่า เมื่อครบกำหนดตามภาครัฐว่าไว้ในวันที่ 30 เมษายนนั้น ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะที่มันพึงจะเป็นหรือไม่…) และถ้าจะมีสิ่งใดที่ช่วยเยียวยาจิตใจในสภาวะเหล่านี้ไม่ให้แตกสลายหรือกลายเป็นบ้าไปเสียก่อน ก็คงจะมีแต่ ‘วิดีโอเกม’ อีกหนึ่งสื่อความบันเทิงที่ช่วยพาให้หลบหนีจากความเป็นจริงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอะไร เมื่อพิจารณาว่า ผู้คนอยู่บ้านกันมากขึ้น ความบันเทิงเริงใจคือสิ่งจำเป็นในการประคองสติและเป็นช่องทางหนึ่งในการผูกสัมพันธ์ผู้คนให้เข้าหากัน ท่ามกลางสภาพที่แทบจะกลายเป็นเรื่องยั่วล้อตลกร้ายที่เราเคยหัวเราะกันจนหงายในเกมอย่าง Death Stranding ที่กลับกลายมาเป็นความจริงที่จำต้องทน และไม่ใช่แค่ที่เมืองไทย หากแต่ในต่างประเทศที่สภาวการณ์ COVID-19 นั้นร้ายแรงกว่าหลายเท่า มีรายงานว่ายอดขายของเครื่องเล่นเกมและชิ้นงานเกมสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ (รวมถึงในตลาดซื้อขายมือสองของไทย ที่ Nintendo Switch กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ถูกโก่งราคาถีบให้พุ่งไปจนน่าตกใจอย่างยิ่ง…) ใช่แล้ว ในภาวะที่ทุกอย่างดูมืดมนและไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหนและจะมาถึงเมื่อใด การหนีออกจากเรื่องราวรอบตัวที่สุดแสนจะเฮงซวยก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย… ในการศึกษาทางจิตศาสตร์นั้น เรียกสภาพดังกล่าวด้วยสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอกว่า สภาวะการหนีจากความจริง (Escapism) ไม่ใช่การหนีให้พ้นจากโลกด้วยการชิงฆ่าตัวตายไปให้พ้นความทรมาน แต่เป็นการเบือนสายตาออกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันชั่วคราว เป็นการตั้งเป้าหมายที่สามารถจับต้องได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะมีความสุขกับการรับชมซีรีส์, การเพลิดเพลินจากการฟังดนตรี, การหนีสภาวะทุกข์ใจบนลู่วิ่ง หรือแม้แต่การมีเซ็กส์ เหล่านี้ จัดได้ว่าเป็นกิจกรรมชั่วคราวที่ใช้สำหรับหนีความจริงด้วยกันแทบทั้งสิ้น (โดยเฉพาะกิจกรรมหลังสุด ถ้ามีจำนวนเด็กเกิดมาอย่างมากในอีกเก้าเดือนถัดจากนี้ เราคงไม่ต้องสงสัยกันแล้วว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร…) และ ‘วิดีโอเกม’ ก็คือเครื่องมือสำหรับการหนีไปจากโลกที่มีประสิทธิภาพชิ้นหนึ่งเท่าที่มนุษยชาติได้เคยสร้างมา… เมื่อศาสตร์และศิลป์ถูกนำมาผสมรวมกัน นำเสนอผ่านเทคโนโลยีด้านกราฟิก เกมการเล่น เพลงประกอบ มอบความสุขให้กับผู้ที่เข้าหามัน สนุกสนานติดพันในบทบาทที่หลากหลายกันไป เราสามารถเป็นใครก็ได้ ในสถานการณ์ใดก็ได้ จะเป็นอัศวินผู้กล้า เป็นเจ้าชายผู้ตามหาสมบัติในตำนาน เป็นกัปตันยานอวกาศ หรือแม้แต่สะท้อนสภาวะอันโหดร้ายของสังคมผ่านชิ้นงานที่อินดี้ที่มุ่งหมายจะใช้เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวและตระหนักรู้ เหล่านี้ เป็นคุณสมบัติที่เรานักเล่นต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เป็นภาพจำที่มีในชิ้นงานและอุตสาหกรรมวิดีโอเกมตลอดระยะเวลากว่าสี่ทศวรรษที่มันดำรงตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ และในครั้งนี้ มันทวีความสำคัญขึ้นอย่างมีนัย เมื่อพิจารณาว่า สภาวะที่เกิดขึ้นคือสถานการณ์ระดับหายนะที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปนเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อน อย่างไรก็ดี แม้ว่าการหนีความจริงตามวิถี Escapism จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการประคองสภาพจิตใจไม่ให้แตกสลายไปกับสภาพอันเลวร้ายของสิ่งที่ประดังเข้ามารอบตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาต่างๆ นั้นไม่ได้หายไปไหน มันยังคงอยู่ ณ จุดนั้น ยังคงดำเนินไปในแบบนั้น และจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปราวกับจะไม่มีหนทางใดไปถึงตอนจบ (ซ้ำร้าย มันยังสะเทือนถึงการดำรงอยู่ของแวดวงอย่างมีนัยสำคัญอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน) การแพร่ระบาดของโรคร้าย สภาพสังคมที่แตกสลาย สภาพเศรษฐกิจที่เกือบจะเข้าใกล้การพังทลาย ไปจนถึงการดำเนินการของภาครัฐที่เลวร้ายและไร้ประสิทธิภาพ นี่คือความจริงที่ในท้ายที่สุด เราก็ต้องอยู่กับมัน และหาทางผ่านพ้นไปให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ก็ต้องยอมรับกันโดยดุษณี ว่าสิ่งเหล่านี้ ทำได้เพียงแค่ ‘หนี’ ไปเพียงชั่วครั้งคราวเท่านั้น … และในทางกลับกัน ยังมีอีกหลายภาคส่วนของสังคม ที่ไม่แม้แต่จะมีความสามารถในการ ‘หนี’ ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาเป็นครั้งคราว เพราะสำหรับพวกเขาเหล่านั้น มันคือสภาวะที่ต้องเผชิญ มันคือปากท้อง และมันคือความอยู่รอด ที่วิกฤติโรคร้าย กำลังสั่นคลอนสภาพการกินอยู่และการมีตัวตนของพวกเขาอย่างจริงแท้ ยากจะมองข้ามหรือปฏิเสธไปได้ บางที สำหรับพวกเรา อาจจะจัดได้ว่าเป็นผู้โชค ที่ยังมีโอกาสที่จะหนีด้วยวิธีการที่ค่อนข้าง Luxury อย่างเช่นการเล่นวิดีโอเกมก็เป็นได้… อนึ่ง ผู้เขียนไม่ได้ต้องการออกมาประณามการหนีความจริงว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย และบีบบังคับให้ต้องหันกลับไปมองสภาพของความบรรลัยที่มีหลายปัจจัยช่วยขับเน้นมันให้เข้มข้นขึ้น (เพราะผู้เขียนเองก็ใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องมือในการหนีสภาวะจำทนมาหลายต่อหลายครั้ง…) แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เราต้องอยู่กับการทิ้งระยะห่างทางสังคม กักตัวอยู่ในบ้าน และอาศัยชิ้นงานเกมเป็นเครื่องปลอบประโลมใจ ผู้เขียนก็ยังอยากให้เราพึงระลึกไว้เสมอว่า ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มีอยู่จริง ไม่เบือนหน้าหนี หรือทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติดีไม่มีอะไรบุบสลาย และอาจจะมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป และเรานั้นโชคดีแค่ไหน ที่ยังสามารถที่จะหนีได้ แม้เป็นระยะชั่วคราวก็ตาม ซึ่งวิดีโอเกมเองก็มีพลังและศักยภาพที่จะสามารถทำได้ ในเป้าหมายของการตระหนักรู้ถึงสภาวการณ์ดังกล่าว เรามีหลายชิ้นงานที่พูดถึงปัญหาทางสังคม มีหลายเกมที่มีนัยแฝงว่าด้วยความเหลื่อมล้ำ มีอยู่ไม่น้อยที่ทำให้เราได้เข้าใจและเข้าไปอยู่ในบทบาทของตัวละครอื่นๆ ที่สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริง นี่คือพลังของวิดีโอเกม ที่แม้จะเป็นความบันเทิงแขนงหนึ่ง แต่ก็มีส่วนสำคัญหากเราจะเปิดใจและน้อมรับในสารที่ชิ้นงานต้องการจะสื่อออกมา โดยเฉพาะกับช่วงเวลานี้ ที่วิกฤติโรคระบาด ทำให้เรามีเวลามากพอที่จะหันกลับมาทบทวนตนเอง ด้วยอุปกรณ์สำคัญอย่างเช่นวิดีโอเกม ท้ายที่สุดนี้ สำหรับผู้เขียน การกักตัวและทำงานอยู่กับบ้านแบบ Work from Home เป็นเวลาสองสัปดาห์นั้น จากที่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายและสามารถรับมือได้ (ด้วยความเคยชินกับการอยู่กับตัวเองบ่อยครั้ง) และใช้เวลาช่วงว่างในการเล่นเกม ก็กลายมาเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทน และแม้จะใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องปลอบประโลมในยามที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับใครในแบบปกติ แต่ก็ระลึกเอาไว้เสมอ ว่าท้ายที่สุดนี้ ทุกสิ่งจะต้องมีปลายทาง และทุกอย่าง ‘ควร’ จะต้องดำเนินต่อไป เรา ‘หนี’ เพื่อเติมพลังใจ ก่อนกลับไป เพื่อ ‘ชน’ กับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา… เพราะการหนีนั้นต้องมีวันที่สิ้นสุด และการหยุด จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดกาล โดยเฉพาะการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน และบทบาทในสังคม ก็คือ ‘ชีวิต’ อันแท้จริง ที่คงจะไม่มีวิดีโอเกมชิ้นไหนมาทดแทนได้ เฉกเช่นนั้นเอง
14 Apr 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "การหนีความจริง"
เมื่อไม่มีคนให้ไปหา วิดีโอเกม คือเครื่องเยียวยาจิตใจในวิกฤติ COVID-19
วันนี้ เป็นเวลาครบสองสัปดาห์แล้ว ที่ผู้เขียนได้ทำการ ‘กักตัว’ อยู่ภายในบ้าน… ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้พบเจอหน้าใคร และแทบไม่อยู่ห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์พีซีของตัวเองสักเท่าไร ถ้าในสภาวะปกติแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพมากนัก แต่ในภาวะวิกฤติ COVID-19 เชื้อร้ายที่กำลังแพร่ระบาดและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ นี้ ดูเหมือนสองสัปดาห์อาจจะน้อยไป และยังคงเป็นการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะจบลงที่ไหน (และไม่อาจแน่ใจว่า เมื่อครบกำหนดตามภาครัฐว่าไว้ในวันที่ 30 เมษายนนั้น ทุกอย่างจะกลับสู่สภาวะที่มันพึงจะเป็นหรือไม่…) และถ้าจะมีสิ่งใดที่ช่วยเยียวยาจิตใจในสภาวะเหล่านี้ไม่ให้แตกสลายหรือกลายเป็นบ้าไปเสียก่อน ก็คงจะมีแต่ ‘วิดีโอเกม’ อีกหนึ่งสื่อความบันเทิงที่ช่วยพาให้หลบหนีจากความเป็นจริงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอะไร เมื่อพิจารณาว่า ผู้คนอยู่บ้านกันมากขึ้น ความบันเทิงเริงใจคือสิ่งจำเป็นในการประคองสติและเป็นช่องทางหนึ่งในการผูกสัมพันธ์ผู้คนให้เข้าหากัน ท่ามกลางสภาพที่แทบจะกลายเป็นเรื่องยั่วล้อตลกร้ายที่เราเคยหัวเราะกันจนหงายในเกมอย่าง Death Stranding ที่กลับกลายมาเป็นความจริงที่จำต้องทน และไม่ใช่แค่ที่เมืองไทย หากแต่ในต่างประเทศที่สภาวการณ์ COVID-19 นั้นร้ายแรงกว่าหลายเท่า มีรายงานว่ายอดขายของเครื่องเล่นเกมและชิ้นงานเกมสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ (รวมถึงในตลาดซื้อขายมือสองของไทย ที่ Nintendo Switch กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ถูกโก่งราคาถีบให้พุ่งไปจนน่าตกใจอย่างยิ่ง…) ใช่แล้ว ในภาวะที่ทุกอย่างดูมืดมนและไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหนและจะมาถึงเมื่อใด การหนีออกจากเรื่องราวรอบตัวที่สุดแสนจะเฮงซวยก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย… ในการศึกษาทางจิตศาสตร์นั้น เรียกสภาพดังกล่าวด้วยสิ่งเร้าจากปัจจัยภายนอกว่า สภาวะการหนีจากความจริง (Escapism) ไม่ใช่การหนีให้พ้นจากโลกด้วยการชิงฆ่าตัวตายไปให้พ้นความทรมาน แต่เป็นการเบือนสายตาออกจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันชั่วคราว เป็นการตั้งเป้าหมายที่สามารถจับต้องได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะมีความสุขกับการรับชมซีรีส์, การเพลิดเพลินจากการฟังดนตรี, การหนีสภาวะทุกข์ใจบนลู่วิ่ง หรือแม้แต่การมีเซ็กส์ เหล่านี้ จัดได้ว่าเป็นกิจกรรมชั่วคราวที่ใช้สำหรับหนีความจริงด้วยกันแทบทั้งสิ้น (โดยเฉพาะกิจกรรมหลังสุด ถ้ามีจำนวนเด็กเกิดมาอย่างมากในอีกเก้าเดือนถัดจากนี้ เราคงไม่ต้องสงสัยกันแล้วว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร…) และ ‘วิดีโอเกม’ ก็คือเครื่องมือสำหรับการหนีไปจากโลกที่มีประสิทธิภาพชิ้นหนึ่งเท่าที่มนุษยชาติได้เคยสร้างมา… เมื่อศาสตร์และศิลป์ถูกนำมาผสมรวมกัน นำเสนอผ่านเทคโนโลยีด้านกราฟิก เกมการเล่น เพลงประกอบ มอบความสุขให้กับผู้ที่เข้าหามัน สนุกสนานติดพันในบทบาทที่หลากหลายกันไป เราสามารถเป็นใครก็ได้ ในสถานการณ์ใดก็ได้ จะเป็นอัศวินผู้กล้า เป็นเจ้าชายผู้ตามหาสมบัติในตำนาน เป็นกัปตันยานอวกาศ หรือแม้แต่สะท้อนสภาวะอันโหดร้ายของสังคมผ่านชิ้นงานที่อินดี้ที่มุ่งหมายจะใช้เพื่อให้เกิดความเคลื่อนไหวและตระหนักรู้ เหล่านี้ เป็นคุณสมบัติที่เรานักเล่นต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เป็นภาพจำที่มีในชิ้นงานและอุตสาหกรรมวิดีโอเกมตลอดระยะเวลากว่าสี่ทศวรรษที่มันดำรงตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ และในครั้งนี้ มันทวีความสำคัญขึ้นอย่างมีนัย เมื่อพิจารณาว่า สภาวะที่เกิดขึ้นคือสถานการณ์ระดับหายนะที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปนเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อน อย่างไรก็ดี แม้ว่าการหนีความจริงตามวิถี Escapism จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการประคองสภาพจิตใจไม่ให้แตกสลายไปกับสภาพอันเลวร้ายของสิ่งที่ประดังเข้ามารอบตัว แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาต่างๆ นั้นไม่ได้หายไปไหน มันยังคงอยู่ ณ จุดนั้น ยังคงดำเนินไปในแบบนั้น และจะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องไปราวกับจะไม่มีหนทางใดไปถึงตอนจบ (ซ้ำร้าย มันยังสะเทือนถึงการดำรงอยู่ของแวดวงอย่างมีนัยสำคัญอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน) การแพร่ระบาดของโรคร้าย สภาพสังคมที่แตกสลาย สภาพเศรษฐกิจที่เกือบจะเข้าใกล้การพังทลาย ไปจนถึงการดำเนินการของภาครัฐที่เลวร้ายและไร้ประสิทธิภาพ นี่คือความจริงที่ในท้ายที่สุด เราก็ต้องอยู่กับมัน และหาทางผ่านพ้นไปให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด แต่ก็ต้องยอมรับกันโดยดุษณี ว่าสิ่งเหล่านี้ ทำได้เพียงแค่ ‘หนี’ ไปเพียงชั่วครั้งคราวเท่านั้น … และในทางกลับกัน ยังมีอีกหลายภาคส่วนของสังคม ที่ไม่แม้แต่จะมีความสามารถในการ ‘หนี’ ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาเป็นครั้งคราว เพราะสำหรับพวกเขาเหล่านั้น มันคือสภาวะที่ต้องเผชิญ มันคือปากท้อง และมันคือความอยู่รอด ที่วิกฤติโรคร้าย กำลังสั่นคลอนสภาพการกินอยู่และการมีตัวตนของพวกเขาอย่างจริงแท้ ยากจะมองข้ามหรือปฏิเสธไปได้ บางที สำหรับพวกเรา อาจจะจัดได้ว่าเป็นผู้โชค ที่ยังมีโอกาสที่จะหนีด้วยวิธีการที่ค่อนข้าง Luxury อย่างเช่นการเล่นวิดีโอเกมก็เป็นได้… อนึ่ง ผู้เขียนไม่ได้ต้องการออกมาประณามการหนีความจริงว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย และบีบบังคับให้ต้องหันกลับไปมองสภาพของความบรรลัยที่มีหลายปัจจัยช่วยขับเน้นมันให้เข้มข้นขึ้น (เพราะผู้เขียนเองก็ใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องมือในการหนีสภาวะจำทนมาหลายต่อหลายครั้ง…) แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เราต้องอยู่กับการทิ้งระยะห่างทางสังคม กักตัวอยู่ในบ้าน และอาศัยชิ้นงานเกมเป็นเครื่องปลอบประโลมใจ ผู้เขียนก็ยังอยากให้เราพึงระลึกไว้เสมอว่า ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มีอยู่จริง ไม่เบือนหน้าหนี หรือทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติดีไม่มีอะไรบุบสลาย และอาจจะมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป และเรานั้นโชคดีแค่ไหน ที่ยังสามารถที่จะหนีได้ แม้เป็นระยะชั่วคราวก็ตาม ซึ่งวิดีโอเกมเองก็มีพลังและศักยภาพที่จะสามารถทำได้ ในเป้าหมายของการตระหนักรู้ถึงสภาวการณ์ดังกล่าว เรามีหลายชิ้นงานที่พูดถึงปัญหาทางสังคม มีหลายเกมที่มีนัยแฝงว่าด้วยความเหลื่อมล้ำ มีอยู่ไม่น้อยที่ทำให้เราได้เข้าใจและเข้าไปอยู่ในบทบาทของตัวละครอื่นๆ ที่สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริง นี่คือพลังของวิดีโอเกม ที่แม้จะเป็นความบันเทิงแขนงหนึ่ง แต่ก็มีส่วนสำคัญหากเราจะเปิดใจและน้อมรับในสารที่ชิ้นงานต้องการจะสื่อออกมา โดยเฉพาะกับช่วงเวลานี้ ที่วิกฤติโรคระบาด ทำให้เรามีเวลามากพอที่จะหันกลับมาทบทวนตนเอง ด้วยอุปกรณ์สำคัญอย่างเช่นวิดีโอเกม ท้ายที่สุดนี้ สำหรับผู้เขียน การกักตัวและทำงานอยู่กับบ้านแบบ Work from Home เป็นเวลาสองสัปดาห์นั้น จากที่เคยคิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายและสามารถรับมือได้ (ด้วยความเคยชินกับการอยู่กับตัวเองบ่อยครั้ง) และใช้เวลาช่วงว่างในการเล่นเกม ก็กลายมาเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทน และแม้จะใช้วิดีโอเกมเป็นเครื่องปลอบประโลมในยามที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับใครในแบบปกติ แต่ก็ระลึกเอาไว้เสมอ ว่าท้ายที่สุดนี้ ทุกสิ่งจะต้องมีปลายทาง และทุกอย่าง ‘ควร’ จะต้องดำเนินต่อไป เรา ‘หนี’ เพื่อเติมพลังใจ ก่อนกลับไป เพื่อ ‘ชน’ กับปัญหาที่ถาโถมเข้ามา… เพราะการหนีนั้นต้องมีวันที่สิ้นสุด และการหยุด จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดกาล โดยเฉพาะการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน และบทบาทในสังคม ก็คือ ‘ชีวิต’ อันแท้จริง ที่คงจะไม่มีวิดีโอเกมชิ้นไหนมาทดแทนได้ เฉกเช่นนั้นเอง
14 Apr 2020