GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "ไกด์เกม"
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Yukong ตัวบัพที่เล่นยาก แต่โหดมากแน่นอน!!
ถ้าพูดถึงตัวละครที่มีความสามารถในการบัพเพิ่มร่วมทีมให้เก่ง เชื่อว่าหลายๆคนคงจะมองข้ามชื่อของ Yukong ไป เพราะด้วยความสามารถหรือสกิลต่างๆที่ใช้งานได้ยากเย็นเหลือเกิน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องขอบอกเลยว่า คุณกำลังจะพลาดตัวละครที่ทำให้ตัวดาเมจของคุณสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลได้ภายในพริบตา ถึงแม้จะมีความยากในการเล่น แต่ถ้าคุณปั้นตัวละครตัวนี้มาถูกทาง Yukong ก็ไม่ใช่ตัวที่เล่นยากหรือใช้งานยากแต่อย่างใด โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละคร Yukong ให้ออกมาเก่ง แล้วคุณสามารถนำไปใช้งานได้ทันที จุดเด่นของ Yukongจุดเด่นของ Yukong จะเป็นในเรื่องของ การบัฟพลังโจมตี และการบัฟอัตราคริติคอลและความแรงคริติคอลนั่นเอง ซึ่งความสามารถในการบัพตรงนี้ เรียกได้ว่าติดอันดับท็อปๆของเกมเลยก็ว่าได้ แต่ก็แลกมากับความยากในการใช้งาน ถ้าจะให้สรุปสั้นๆเลยก็คือ เป็นตัวบัพที่ใช้ยาก แต่กลับสามารถบัฟเพื่อนร่วมทีมทั้งทีมได้แบบโหดจัดๆเลย สกิลและความสามารถของ Yukongอะไรกันที่ทำให้ Yukong ถึงสามารถบัฟตัวละครได้โหดขนาดนี้กัน ซึ่งนั่นก็มาจากความสามารถของสกิลต่อสู้ที่จะบัพพลังโจมตีให้กับตัวละครทั้งทีม แต่จะมีระยะเวลาอยู่เพียงแค่ 2 Action ถัดไปหลังจากที่จบเทิร์นของ Yukong เท่านั้น แล้วความสามารถในการรับอัตราคริติคอลและความแรงคริติคอลจากการใช้อันตินั่นเอง นอกจากนี้แล้วยังมี Trace ที่จะเพิ่มโบนัสความเสียหายจินตภาพให้กับตัวละครทั้งทีมอีกด้วย [Normal Attack] Arrowslinger - สร้างดาเมจจินตภาพใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดความเสียหายจากพลังโจมตีของ Yukong [Skill] Emboldening Salvo - ได้รับ Roaring Bowstrings 2 ชั้น โดยบัฟ Roaring Bowstrings นี้จะสามารถเก็บได้สูงสุดที่ 2 ชั้นด้วยกัน ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้ตัวละครทุกตัวในทีมได้รับการเพิ่มพลังโจมตีจำนวนมาก และในทุกๆครั้งที่เทิร์นของเป้าหมายฝ่ายเราสิ้นสุดลง จะลบ Roaring Bowstrings ออก 1 ชั้นทันที นอกจากนี้แล้ว ในเทิร์นที่ Yukong ใช้สกิลต่อสู้ เมื่อจบเทิร์นลงจะไม่ลบบัฟ Roaring Bowstrings ออก [Ultimate] Diving Kestrel - หลังจากกดใช้อันติแล้ว ห่าง Yukong มีบัฟ Roaring Bowstrings อยู่ จะทำให้อัตราคริติคอลและความแรงคริติคอลของตัวละครทุกตัวในทีมเพิ่มขึ้นทันที พร้อมทั้งสร้างความเสียหายจินตภาพใส่ศัตรู 1 ตัวที่กำหนดด้วย [Talent] Seven Layers, One Arrow - การโจมตีปกติจะสร้างความเสียหายจินตภาพเพิ่มเติม โดยจะคิดตามพลังโจมตีของ Yukong นอกจากนี้แล้ว สามารถในการเบรกเกราะของสตูก็จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยความสามารถนี้จะใช้ได้อีกครั้งในทุกๆ 1 เทิร์น สกิลต่างๆของ Yukong นั้น จะเน้นไปที่การบัฟพลังโจมตี อัตราคริติคอลและดาเมจคริติคอลเป็นหลัก ซึ่งการบัพเหล่านี้ก็จะมีผลกับตัวละครทั้งทีม หรือในอีกความหมายนึงก็คือ สามารถปั้นให้ Yukong มีดาเมจได้นั่นเอง ซึ่งดาเมจที่ Yukong ทำออกมาได้นั้นก็ถือว่าไม่น่าเกลียดเลย ด้วยตัวคูณดาเมจของอันติ แล้วตัวคูณดาเมจจากพรสวรรค์ที่สูงนั่นเอง ที่นี้เรามาพูดถึงการใช้บัฟให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างที่รู้ๆกันว่าบัฟของ Yukong นั้นมีระยะเวลาเพียงแค่ 2 Action เท่านั้น นั่นรวมถึงบัฟอัตราคริติคอลและดาเมจคริติคอลด้วย ดังนั้นคุณจึงต้องเก็บอันติของตัวละครที่จะใช้ทำดาเมจไว้ แล้วมาใช้พร้อมกันหลังจากที่ทำการบัพแล้ว จะคุ้มค่าในการใช้บัฟที่สุด ที่นี้เรามาพูดถึงความสำคัญในการอัพสกิลกัน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของ Yu นั่นก็คือสกิลต่อสู้ ให้คุณเน้นอัพสกิลนี้เป็นหลัก ตามมาด้วยอันติ ซึ่งคุณควรอัพอันติให้มีเลเวลพอๆกับสกิลต่อสู้ เพราะทั้ง 2 สกิลนี้จะช่วยให้ Yu สามารถบัพตัวละครเพื่อร่วมทีมได้ดียิ่งขึ้น ส่วนสกิลที่เหลือคุณจะอัพหรือไม่อัพก็ได้แล้วแต่คุณเลย Relicอันที่จริง Yukong ก็ไม่ได้ต้องการใช้ Relic เซตไหนเป็นพิเศษ คุณเพียงแค่ต้องหา Stat ที่ช่วยให้ Yukong สามารถรอดชีวิตจากการโจมตีได้แค่นั้นพอ ในเรื่องของค่าความเร็ว ด้วยความที่ Yukong สามารถบัพเพื่อนร่วมทีมได้แค่ 2 Action เท่านั้น ความเร็วก็จะไม่ตายตัวขอเพียงแค่ให้ Yukong เร็วกว่าตัวละครดาเมจตัวนั้น ไม่ 1 ก็ 2 Action ก็พอแล้ว ถ้าตัวดาเมจของคุณมีค่าความเร็วที่ช้า คุณก็แทบไม่ต้องหาค่าความเร็วให้กับ Yukong เลย ทีนี้เรามาพูดถึงเซตที่ Yukong ใส่แล้วสามารถใช้งานได้ดี แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าคุณไม่จำเป็นต้องใส่ครบเซ็ตก็ได้ ขอแค่ใส่ Stat ที่ทำให้ Yukong รอดตายได้ก็พอ ค่า stat ที่ควรใส่ในส่วนของเสื้อ ทางเราแนะนำให้คุณใส่เป็นค่าพลังชีวิต หรือไม่ก็ค่าป้องกัน เพื่อทำให้ Yukong มีโอกาสรอดตายเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่จะปั้น Yukong เป็นตัวทำดาเมจด้วย ก็ให้คุณใส่อัตราคริติคอลหรือไม่ก็ดาเมจคริติคอล เพื่อเสริมความแรงในการโจมตีให้กับ Yukong นั่นเอง ในส่วนของรองเท้า ในชิ้นนี้ก็ไม่ตายตัวเหมือนกัน ถ้าเกิดตัวดาเมจของคุณมีค่าความเร็วที่สูง คุณอาจจะต้องให้ Yukong ใส่ค่าความเร็วในชิ้นนี้เลย แต่ถ้าตัวดาเมจของคุณมีความเร็วที่ช้า คุณอาจจะให้ Yukong ใส่พวกค่าพลังชีวิต ไม่ก็ค่าป้องกันที่ชิ้นนี้ก็ได้เช่นกัน ในส่วนของ Planar Sphere ก็เหมือนๆกับชิ้นก่อนหน้านี้ ถ้าคุณต้องการจะปั้นให้ Yukong เป็นตัวทำดาเมจด้วย การใส่โบนัสความเสียหายจินตภาพก็จะดีที่สุด แต่ในกรณีที่คุณต้องการจะเอา Yukong มาบัฟเพียงอย่างเดียว ก็แนะนำให้ใส่ค่าพลังชีวิต หรือไม่ก็ค่าป้องกัน เหมือนกับ 2 ชิ้นก่อนหน้านี้นั่นเอง ในส่วนของ Link Rope มีเพียงตัวเลือกเดียวให้คุณใช้นั่นก็คือ การใส่ค่าฟื้นฟูพลังงาน เพราะ Yukong จะบัฟอัตตาครีติคอลและดาเมจคริติคอลจากการกดใช้อันติเท่านั้น การใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานจะทำให้คุณสามารถกดอันติได้บ่อยยิ่งขึ้น ซึ่งไม่ว่าคุณจะปั้น Yukong เป็นตัวบัพให้กับทีม หรือปั้นเป็นตัวดาเมจ ในชิ้นนี้คุณก็ควรใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานทั้งสิ้น เซต Relic ที่แนะนำMusketeer of Wild Wheatไม่ว่าคุณจะปั้น Yukong เป็นสายทำดาเมจ หรือเอามาพับเพียงอย่างเดียว ทางเราก็แนะนำให้คุณใส่เซตนี้เป็นหลัก เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ทันที 12% และเมื่อใส่ครบ 4 ชิ้นจะเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมใส่ 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ซึ่ง Yukong สามารถใช้ความสามารถเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่เลย และในกรณีที่ตัวดาเมจของคุณมีค่าความเร็วที่ช้า การใส่เซต 4 ชิ้นนี้ อาจจะทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเอา Yukong ไปใส่ค่าความเร็วเลยก็ได้ ให้ใส่เป็นค่าพลังชีวิตหรือค่าป้องกันเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกโจมตีได้ Messenger’s Secret Satchelอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณ ถ้ากำลังมองหาค่าความเร็วของตัวละครอยู่ เบอร์คุณใส่เซตนี้เพียงแค่ 2 ชิ้นก็พอแล้ว เพื่อเอาความเร็ว 6% พอ ส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือให้คุณไปใส่อะไรก็ได้ โดยจะใส่เซตยำก็ได้ไม่มีปัญหาเหมือน Fleet of the Agelessเสร็จยอดนิยมเซตนี้ เรียกได้ว่าเหมาะกับ Yukong เป็นอย่างมาก เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะบวกค่าพลังชีวิตสูงสุดให้กับผู้สวมใส่ทันที 12% ทำให้ Yukong มีโอกาสรอดตายมากยิ่งขึ้น เมื่อความเร็วถึง 120 หน่วย จะบวกค่าพลังโจมตีให้กับตัวละครทั้งทีมอีก 8% ซึ่งเป็นเซตที่ Yukong สามารถใช้งานได้แบบง่ายๆ และยังเสริมความสามารถในการบัพทั้งทีมให้กับ Yukong อีก Broken Keelอีกหนึ่งในเซตทางเลือกที่ดีกับ Yukong เช่นเดียวกัน ด้วยความสามารถที่เมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นแล้วจะทำให้เพิ่มโอกาสต้านทานสถานะของผู้สวมใส่ทันที 10% และเมื่อมีค่าต้านทานสถานะมากกว่าหรือเท่ากับ 30% จะเพิ่มดาเมจคริติคอลให้กับตัวละครทั้งทีมทันที 10% ซึ่งก็เหมาะกับ Yukong เช่นกัน โดยที่การบัพจากเซตนี้จะดีกว่าเซต Fleet of the Ageless นั่นเอง Light Coneมี Light Cone ที่เหมาะกับ Yukong อยู่ค่อนข้างมากเลย ตั้งแต่ระดับ 5 ดาวไล่ลงไปจนถึงระดับ 3 ดาวกันเลยทีเดียว โดยจะมีชิ้นไหนบ้างที่เหมาะกับ Yukong ตามเรามาดูกันได้เลย But the Battle Isn’t Over - 5 ดาวด้วยความสามารถที่จะเพิ่มค่าฟื้นฟูพลังงานให้กับผู้สวมใส่ 10% ทันที และเมื่อปล่อยท่าไม้ตายใส่เป้าหมายฝ่ายตนเอง จะฟื้นฟูแต้มสกิลต่อสู้ 1 แต้ม โดยเอฟเฟคนี้จะเกิดได้ 1 ครั้งในทุกๆการใช้อันติ 2 ครั้ง นอกจากนี้แล้วหลังจากผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้ จะทำให้โบนัสความเสียหายใน Action ถัดไปของฝ่ายเราเพิ่มขึ้นทันที 30% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น โดยหลักๆแล้ว Light Cone ชิ้นนี้ Yukong จะได้ใช้ความสามารถ 2 อย่างด้วยกันนั่นก็คือความสามารถในการฟื้นฟูพลังงาน 10% และความสามารถในการบัฟโบนัสความเสียหายให้กับตัวละครเพื่อนร่วมทีมถัดไปนั่นเอง ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับบัฟต่างๆที่ Yukong มีอยู่แล้ว การันตีได้เลยว่าตัวดาเมจในแอคชั่นถัดไปจะทำดาเมจได้แรงมหาศาลเลยทีเดียว Carve the Moon, Weave the Cloudsเมื่อเริ่มต้นเทิร์นในแต่ละเทิร์นของผู้สวมใส่ จะสุ่มบัพออกมา 1 บัพจากทั้งหมด 3 บัพที่มี ซึ่งทั้ง 3 บัพจะมีดังนี้ ทำให้ค่าพลังโจมตีของตัวละครทั้งหมดในทีมเพิ่มขึ้น 10% , ทำให้ดาเมจคริติคอลฝ่ายตนเองทั้งหมดเพิ่มขึ้น 12% และทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังงานของตัวละครทั้งหมดในทีมเพิ่มขึ้น 6% ซึ่งบัฟเหล่านี้จะเกิดได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้นและจะไม่ทับซ้อนกัน จะลบบัพออกทันทีเมื่อผู้สวมใส่หมดสติ ซึ่งนี่ก็เป็น Light Cone ที่เหมาะกับ Yukong มากเช่นกัน ด้วยความสามารถในการสุ่มบัฟต่างๆออกมาที่มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย เป็นอีกหนึ่ง Yukong ที่ใช้ง่าย Planetary RendezvousLight Cone สายเฉพาะทาง เมื่อคุณจะนำ Yukong ไปบัฟให้กับตัวละครดาเมจที่เป็นตัวดาเมจจินตภาพ การให้ Yukong ใส่ Light Cone ชิ้นนี้จะดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะจะทำให้ตัวละครฝ่ายเราทั้งหมดได้รับโบนัสความเสียหายที่มีประเภทเดียวกับผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นทันที 12% เป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ใช้ง่ายและจะโหดมากๆเมื่อมีเงื่อนไขที่ตรงกับการใช้งาน Meshing CogsLight Cone ระดับ 3 ดาวที่คุณสามารถวางซ้อน 5 ได้อย่างแน่นอน ด้วยความสามารถที่เมื่อผู้สวมใส่ทำการโจมตีหรือถูกโจมตี จะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มเติม 8 หน่วยทันที โดยความสามารถนี้จะไม่สามารถปล่อยซ้ำได้ในเทิร์นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูพลังงานให้กับ Yukong ได้เป็นอย่างดีเลย และที่สำคัญก็คือสามารถหามาใช้ได้ง่ายๆ ทีมแนะนำด้วยความที่ Yukong เป็นตัวสายประสาน จุดเด่นหลักๆก็คือความสามารถในการบัฟต่างๆ เพราะฉะนั้นทีมที่ Yukong สามารถไปได้ ก็คือทุกๆทีมที่ต้องการตัวบัพดาเมจนั่นเอง แต่อาจจะต้องพิจารณาในการใช้งานหน่อย เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า Yukong เป็นตัวละครบับดาเมจที่บัฟได้เยอะ แต่มีวิธีการใช้งานที่ยาก คุณคำนึงในการจัดทีมด้วย ด้วยความที่มีทีไม่ใช้หลากหลาย ทางเราจึงจะขอยกตัวอย่างมา 2 ทีม ที่ทำให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างง่ายดาย ทีมที่มี Yukong เป็นตัวบัฟปกติ โดยในทีมนี้ก็จะประกอบไปด้วยตัวดาเมจ 1-2 ตัว แล้วจะมี Yukong เป็นตัวบัพดาเมจต่างๆให้กับทั้งหมดในทีม และตามมาด้วยตัวละครที่มีความสามารถในการปกป้องชีวิตเพื่อนร่วมทีม ด้วยความที่ Yukong สามารถรับพลังโจมตีมหาศาลให้กับเพื่อนได้ใน 2 Action ถัดไป การที่คุณจะใส่ตัวดาเมจมา 2 ตัวในทีม ก็สามารถได้รับบัพกันอย่างเต็มที่เช่นกัน หรือคุณอาจจะถอดตัวดาเมจออกไป 1 ตัว แล้วไปใส่ตัวละครที่สามารถบัพเพิ่มขึ้นได้ หรือตัวละครที่สามารถดีบัฟได้ คุณสามารถทำแบบนี้ได้เช่นกัน ทีม Mono จินตภาพ ด้วยความที่ตัวละครจินตภาพในทีมตอนนี้มีเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น ทีมนี้อาจจะถูก Fix ไว้ซะหน่อย เพิ่งลงตัวกันเป็นอย่างมากเลย เพราะมีตัวดาเมดหลัก ตัวดีบับ ตัวบัพ แล้วตัวฮิล จากนี้แล้ว Welt ยังช่วยสร้างความเสียหายให้กับทีมได้อีกด้วย Yukong จึงสามารถรับได้ทั้ง Welt และ Dan Heng มังกร นั่นเอง Eidolonสำหรับ Yukong แล้ว Eidolon ไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญอะไรขนาดนั้น ต่อให้คุณไม่มี Eidolon เลย ก็สามารถปั้นตัวละครนี้ให้เก่งได้เช่นกัน โดย Eidolon ของ Yukong จะมีดังนี้ [E1] Aerial Marshal - เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ ความเร็วของฝ่ายเราทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 2 เทิร์น[E2] Skyward Command - เมื่อค่าพลังงานในปัจจุบัน ของเป้าหมายตัวใดตัวหนึ่งในฝ่ายเรา เท่ากับพลังงานสูงสุดของตัวเอง Yukong จะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มเติม 5 หน่วย โดยเอฟเฟกต์นี้จะปล่อยได้แค่ 1 ครั้งต่อเป้าหมายแต่ละตัวในฝ่ายเรา และเมื่อ Yukong ใช้ท่าไม้ตายแล้ว จำนวนการปล่อยเอฟเฟกต์ดังกล่าว จะถูกรีเซ็ต[E3] Torrential Fusillade - เลเวลสกิลต่อสู้ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลการโจมตีปกติ +1 สูงสุดไม่เกิน Lv.10[E4] Zephyrean Echoes - เมื่อมี 'Roaring Bowstrings' อยู่ Yukong จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 30%[E5] August Deadshot - เลเวลท่าไม้ตาย +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลพรสวรรค์ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15[E6] Bowstring Thunderclap - เมื่อ Yukong ปล่อยท่าไม้ตาย จะได้รับ 'Roaring Bowstrings' 1 ชั้นก่อนทันทีEidolon ไม่ได้สำคัญอะไรกับ Yukong เลย แต่ถ้าคุณต้องการที่จะหา Eidolon ให้กับ Yukong จริงๆ ทางเราแนะนำไปที่ E6 เลย เพราะจะทำให้ Yukong ไม่จำเป็นต้องกดสกิลต่อสู้ในทุกๆครั้งที่จะกดอันตินั่นเอง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถบริหารแต้มสกิลของคุณได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 
23 Sep 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Luka นักสู้เลือกเดือด ที่พร้อมทำให้ศัตรูเลือดไหล!
เมื่อไม่นานมานี้ ทางเกม Honkai Star Rail จากค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ได้มีการปล่อยตัวละครที่มีวิธีการเล่นกับความเสียหายต่อเนื่อง หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อของ Dot นั่นเอง ซึ่ง Luka ก็ถูกปล่อยออกมาในตอนนั้นเช่นเดียวกัน แต่หลายๆคนไม่กล้าที่จะหยิบขึ้นมาปั้นหรือลองเล่น เพราะไม่รู้ว่าตัวละครตัวนี้สร้างความเสียหายมาจากส่วนไหน หรือจะทำยังไงให้ความเสียหายต่อเนื่องมันแรงขึ้น จึงไม่ได้หยิบยกมาปั้นกัน แต่ในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำการปั้นตัวละคร Luka ให้ออกมาเก่งจนคุณต้องติดใจอย่างแน่นอน จุดเด่นของ LukaLuka เป็นตัวละคร Path ลบล้าง ที่ความสามารถจะเด่นไปในด้านของการทำให้ศัตรูติดสถานะเลือดไหล ซึ่งดาเมจที่ได้จากสถานะเลือดไหลนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นดาเมจต่อเนื่องที่แรงที่สุดในเกมแล้วนะตอนนี้ ใช้ได้ดีกับการล้มบอสที่มีจุดอ่อนกายภาพ แล้วยังมีความสามารถในการลบล้างบัฟของศัตรูออกได้ 1 อย่าง มาพร้อมกับความสามารถที่จะทำให้ศัตรู 1 ตัวได้รับความเสียหายจากการโจมตีต่างๆเพิ่มขึ้นด้วย สกิลและความสามารถของ Lukaอันที่จริงแล้ว Luka ไม่ได้มีสกิลไหนที่หวือหวาเป็นพิเศษ หรือไม่ได้มีสกิลไหนที่สามารถสร้างความเสียหายได้แรงเป็นพิเศษด้วย เพราะจุดเด่นของ Luka คือดาเมจต่อเนื่องจากการทำให้ศัตรูติดสถานะเลือดไหล แต่สกิลเหล่านี้ก็ช่วยให้ Luka สามารถทำสถานะเลือดไหลใส่ศัตรูได้ แล้วยังมีความสามารถในการเบรคเกราะศัตรูที่สูงมากด้วย [Normal Attack] Direct Punch - สร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคำนวณความเสียหายจากพลังโจมตีของ Luka [Skill] Lacerating Fist - สร้างดาเมจกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะมีโอกาสพื้นฐาน 100% ที่จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะเลือดไหลเป็นระยะเวลา 3 เทิร์นด้วยกัน โดยในขณะที่ติดสถานะเลือดไหล เมื่อเริ่มต้นในแต่ละเทิร์น ศัตรูเป้าหมายจะได้รับความเสียหายกายภาพต่อเนื่อง ตามเปอร์เซ็นต์พลังชีวิตสูงสุดของศัตรูเอง โดยจะสูงสุดไม่เกินค่าพลังโจมตีของ Luka [Ultimate] Coup de Grâce - ทำให้ Luka ได้รับ Fighting Will 2 ชั้นทันที และมีโอกาสพื้นฐาน 100% ที่จะทำให้ศัตรูที่กำหนด 1 ตัวได้รับดาเมจเพิ่มขึ้น โดยระยะเวลาจะคงอยู่เป็นเวลา 3 เทิร์น จากนั้นจะสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูตัวดังกล่าวด้วย [Talent] Flying Sparks - หลังจากที่ Luka ทำการปล่อยการโจมตีปกติ แล้วสกิลต่อสู้ Luka  จะได้รับ Fighting Will 1 ชั้นทันที โดยสามารถสะสมได้สูงสุด 4 ชั้น และเมื่อมี Fighting Will มากกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั้นขึ้นไป การโจมตีปกติของ Luka จาก Direct Punch จะได้รับการเสริมพลังและเปลี่ยนเป็น Sky-Shatter Fist และหลังจาก Rising Uppercut สงกรานต์โจมตีปกติแบบเสริมพลังแล้ว ถ้าศัตรูตัวนั้นติดสถานะเลือดไหลอยู่ จะทำให้สถานะเลือดไหลนั้นทำงานทันที นอกจากนี้แล้วเมื่อเริ่มต้นการต่อสู้ Luka จะมี Fighting Will 1 ชั้นทันที ด้วยความที่ Luka เป็นตัวละครที่สามารถเบรคเกราะของศัตรูได้ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกิลต่อสู้หรือใช้การโจมตีปกติแบบเสริมพลังก็ตามที ที่นี้เรามาพูดถึงการอัพเลเวลสกิลบ้างว่าอันไหนจำเป็นที่สุด ก่อนอื่นเลยให้คุณเน้นอัพไปที่สกิลต่อสู้เป็นหลัก เพราะจะทำให้ศัตรูสามารถติดความจ่ายต่อเนื่องได้ ตามมาด้วยการอัพพรสวรรค์ เพราะจะทำให้ Luka สามารถรีดความเสียหายต่อเนื่องออกจากศัตรูที่ติดสถานะเลือดไหลได้แรงยิ่งขึ้น และตามมาด้วยอันติ ส่วนการโจมตีปกติคุณจะอัพหรือไม่อัพก็ได้แล้วแต่คุณ RelicRelic ที่ Luka สามารถใส่ได้นั้นมีให้เลือกใช้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสายที่คุณเลือกปั้นตัวละคร Luka ด้วย แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Luka จะสามารถเล่นได้ 2 สาย ซึ่งสายแรกก็คือ การปั้นค่าพลังโจมตีให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อทำให้การติดสถานะเลือดไหลนั้นแรง และอีกสายนึงก็คือ สายเบรค ซึ่งสายนี้มีเงื่อนไขที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คุณจำเป็นต้องเบรคเกราะศัตรูด้วยตัวของ Luka ให้ได้ เพื่อที่จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะเลือดไหลที่รุนแรง และสายเบรคเกราะศัตรูถือว่าเป็นสายที่สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงที่สุดแล้วของ Luka แต่ถ้าเบรคไม่ได้ก็ไม่มีความหมายเลย ค่า stat ที่ควรใส่ในส่วนของเสื้อ คุณสามารถเลือกใช้ได้ 2 อย่างระหว่าง พลังโจมตี หรืออัตราสร้างสถานะ แต่ทางเราแนะนำให้ใส่เป็นค่าพลังโจมตีซะมากกว่า เพื่อทำให้ความเสียหายต่อเนื่องที่ Luka รีดออกมานั้นแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สำหรับคนที่มีอัตราสร้างสถานะที่น้อย ได้เลือกใส่ชิ้นนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับการใส่ค่าพลังโจมตี ในส่วนของรองเท้า ทางเราแนะนำให้คุณใส่ค่าความเร็วจะดีที่สุด เพื่อทำให้ Luka มีความเร็วมากพอที่จะจ่ายสกิลได้รัวๆ และมีความเร็วมากพอที่จะไปไล่รีดความเสียหายต่อเนื่องจากศัตรูที่ติดสถานะเลือดไหลอยู่นั่นเอง นอกอย่างนี้แล้วคุณยังสามารถใส่ค่าพลังโจมตีในส่วนนี้ได้ด้วย ถ้าในกรณีที่คุณมีค่าความเร็วเพียงพออยู่แล้ว ในส่วนของ Planar Sphere มี 2 ตัวเลือกให้คุณเลือกใช้นั่นก็คือ โบนัสความเสียหายกายภาพ และค่าพลังโจมตี ถ้าเป็นไปได้ให้ใส่โบนัสความเสียหายกายภาพ พอมีผลต่อความเสียหายต่อเนื่องด้วย แล้วจะแรงกว่าการใส่ค่าพลังโจมตีอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่สามารถหาโบนัสความเสียหายกายภาพได้จริงๆ ก็สามารถใส่ค่าพลังโจมตีแทนไปก่อนก็ได้ แต่แนะนำว่าให้มีออฟรองที่สวยๆหน่อย ในส่วนของ Link Rope ในส่วนนี้มี 2 ทางเลือกให้คุณเลือกเล่น แล้วก็ขึ้นอยู่กับสายที่คุณเลือกปั้นด้วย โดยอย่างแรกจะเป็นการใส่เอฟเฟคทำลายล้าง และอีกแบบนึงคือการใส่ค่าพลังโจมตี สำหรับคนที่ปั้นสายเบรคมา ชิ้นนี้คุณต้องใส่เอฟเฟคทำลายล้าง เพื่อทำให้ความสามารถในการเบรคเกราะของคุณแรงยิ่งขึ้น ทำให้สถานะเลือดไหลที่ศัตรูได้รับจากคุณแรงขึ้นไปอีก ส่วนคนที่ปั้นค่าพลังโจมตีมา ชิ้นนี้ก็ใส่ค่าพลังโจมตีไปเหมือนเดิม และมีอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณสามารถใช้ได้เช่นกันนั่นก็คือ การใส่ค่าฟื้นฟูพลังงาน ซึ่งในกรณีที่คุณมีออฟรองสวยๆ การใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานก็จะช่วยให้คุณสามารถเบรคเกราะศัตรูได้บ่อยยิ่งขึ้นนั่นเอง เซต Relic ที่แนะนำChampion of Streetwise Boxingนี่เป็นเซตที่ดีสำหรับ Luka ที่สุดแล้ว เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มดาเมจกายภาพทันที 10% และเซต 4 ชิ้นที่หลังจากคู่สวมใส่ทำการโจมตีหรือถูกโจมตี จะทำการเพิ่มค่าพลังโจมตีของผู้สวมใส่ที่อยู่ในการต่อสู้ทันที 5% โดยสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 5 ชั้น ซึ่ง Relic เซตนี้ไม่ว่าคุณจะเล่นเป็นสายพลังโจมตี สายเบรคเกราะศัตรู คุณก็สามารถใช้ Relic เซตนี้ได้ทั้งสิ้น Thief of Shooting Meteorนี่เป็นเซตสำหรับคนที่ปั้นสายเบรคเกราะศัตรู เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะทำให้เอฟเฟคทำลายล้างเพิ่มขึ้น 16% ทันที และเซต 4 ชิ้นที่เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สนใจจะเพิ่มขึ้นอีก 16% ทันที และหลังจากผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายได้ จากฟื้นฟูพลังงาน 3 หน่วย เหมาะกับสายเบรคเกราะเป็นอย่างมากเพราะแค่ใส่ครบ 4 ชิ้นก็ได้เบรคเอฟเฟคมาแล้ว 32% Musketeer of Wild Wheatอีก 1 เซตทางเลือกที่ดีสำหรับ Luka เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะทำให้ค่าพลังโจมตีของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% ทันที และเซ็ท 4 ชิ้นที่ความเร็วของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ด้วย Luka สามารถใช้ความสามารถเหล่านี้ได้ทั้งหมด และเป็นเซตที่หาได้ง่าย Relic ชิ้นนี้จึงสามารถใส่แก้ขัดไปก่อนได้ Space Sealing Stationนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเซตที่ดีกับ Luka มากเช่นกัน ออกความสามารถเซต 2 ชิ้น จะเพิ่มค่าพลังโจมตีของผู้สวมใส่ทันที 12% และเมื่อมีความเร็วถึง 120 หน่วย จะเพิ่มค่าพลังโจมตีอีก 12% ด้วย ก็เป็นเซตที่บวกค่าพลังโจมตีให้กับคุณ 24% แบบง่ายๆเลย ขอแค่มีความเร็วถึง 120 และไม่ว่าคุณจะเล่นสายพลังโจมตี หรือสายเบรคเกราะก็สามารถใส่เซตนี้ได้ทั้งสิ้น Talia – Kingdom of Banditryนี่เป็นเซตสำหรับคนที่ปั้นสายเบรคเกราะโดยเฉพาะ เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะทำให้เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% ทันที เมื่อความเร็วของผู้สนใจถึง 145 หน่วย เอฟเฟคทำลายล้างจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ด้วย ถึงแม้ว่าความต้องการค่าความเร็วจะสูงมากก็ตาม แต่สำหรับคนที่ทำถึงได้ก็จะดีกับ Luka เป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ทำค่าความเร็วไม่ถึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะแค่ใส่ครบ 2 ชิ้นแล้วได้บวกเอฟเฟคทำลายล้าง 16% ก็ดีมากๆอยู่แล้ว Light Coneสำหรับ Luka แล้ว มี Light Cone ให้เลือกใช้ไม่มากเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการใส่เพื่อเอาค่า Hoyoverse ของ Light Cone ชิ้นนั้นๆมากกว่า แต่ก็จะมีอยู่ 2 Light Cone ที่คุณสามารถหามาใช้ได้แบบง่ายๆเพราะเป็นของ 4 ดาวเท่านั้น และยังช่วยให้ Luka สร้างความเสียหายต่อเนื่องได้แรงยิ่งขึ้นด้วย Fermata - 4 ดาวLight Cone ชิ้นนี้จะเหมาะกับคนที่ปั้น Luka สายเบรคเกราะไว้เป็นอย่างมากเลย และข้อดีอีก 1 จุดก็คือ คุณสามารถแลกรับ Light Cone ชิ้นนี้จากร้านค้าแห่งความทรงจำได้ คุณสามารถวางซ้อน 5 ได้แบบง่ายๆเลย โดยเมื่อคุณวางซ้อน 5 ได้แล้ว จะทำให้เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นทันที 32% และสร้างความเสียหายต่อเนื่องแก่ทุกเป้าหมายที่ติดสถานะช๊อตไฟฟ้า หรือสถานะลมเฉือนเพิ่มขึ้นอีก 32% ด้วย อาจจะไม่ได้ใช้ความสามารถทางหลังเท่าไหร่ แต่แค่ความสามารถในการเพิ่มเอฟเฟคทำลายล้างให้ผู้สวมใส่ก็ถือว่าดีมากแล้ว Eyes of the Prey - 4 ดาวLight Cone ชิ้นนี้จะทำให้อัตราสร้างสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 20% ทันที และยังทำให้ผู้สวมใส่สร้างความเสียหายต่อเนื่องแรงขึ้นอีก 24% ด้วย ซึ่งไม่ว่าคุณจะปั้นสายพลังโจมตี หรือสายเบรคเกราะก็สามารถใส่ Light Cone ชิ้นนี้ได้ทั้งสิ้น แล้วจะทำให้ Luka หมดปัญหาเรื่องการมีอัตราสร้างสถานะน้อยได้เลย ทีมแนะนำLuka เป็นตัวละครที่จะเน้นการสร้างความเสียหายต่อเนื่องใส่ศัตรูเป็นหลัก เพราะฉะนั้น Luka จะไม่ใช่ตัวละครที่เน้นทำดาเมจอยู่ตัวคนเดียวแน่นอน โดย Luka จำเป็นต้องมีตัวละครอื่นๆเพื่อทำให้ความสามารถในการสร้างความเสียหายต่อเนื่องของ Luka มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่าจะมีทีมไหนบ้างที่ทางเรานำมาเสนอ ทีมที่มี Luka เป็นตัวทำความเสียหายต่อเนื่อง เพียงตัวเดียว อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Luka จำเป็นต้องมีตัวละครตัวอื่นมาช่วยให้ความสามารถต่างๆของ Luka สูงยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในตัวละครที่เก่งกับทีมความเสียหายต่อเนื่องอย่างมากก็คือ Kafka นั่นเอง เพราะสามารถทำให้ศัตรูติดสถานะช๊อตไฟฟ้า และยังสามารถรีดความเสียหายต่อเนื่องออกมาได้ทันทีจากการใช้สกิลต่อสู้ ในทีมนี้ Luka มีหน้าที่ในการทำให้ศัตรูติดสถานะเลือดไหลให้ได้ก็พอแล้ว นอกจากนี้แล้วในทีมยังมีตัวละครที่มีความสามารถในการป้องกันชีวิตเพื่อนได้ และอีกหนึ่งตัวละครก็จะเป็นตัวที่นำมาบัพให้กับ Kafka หรือจะเป็นตัวที่สร้างดีบับหรือลบเกาะศัตรูก็ได้เช่นกัน ทีมที่มี Luka และอีก 1 ตัวละครเป็นตัวทำความเสียหายต่อเนื่อง ก่อนอื่นก็เปิดด้วย Kafka เป็นตัวนำก่อนเลย และตามมาด้วย Luka และอีกหนึ่งตัวละครที่สามารถทำให้ศัตรูติดสถานะต่อเนื่องได้ และตัวสุดท้ายก็จะเป็นตัวที่สามารถปกป้องชีวิตเพื่อนได้ ซึ่งในทีมนี้ ตัวละครทั้ง 3 ตัวจะทำให้ศัตรูติดสถานะดาเมจต่อเนื่องต่างๆไว้ และจะให้ Kafka รีดดาเมจต่อเนื่องนั้นออกมาจากการใช้สกิลต่อสู้ และอันตินั่นเอง แต่ในกรณีที่คุณไม่มี Kafka คุณก็สามารถนำตัวละครที่มีความสามารถในการติดความเสียหายต่อเนื่องใส่ศัตรูได้มาแทนได้เช่นกัน หรือในกรณีที่คุณปั้น Luka เป็นสายเบรคเกราะ ก็สามารถนำตัวละครตัวอื่นๆมาช่วยลดเกรดเบรคของศัตรูลงก็ได้เช่นกัน Eidolonสำหรับ Luka แล้ว Eidolon ไม่ใช่อะไรที่สำคัญขนาดนั้น ต่อให้คุณมี E0 ก็สามารถปั้นตัวละครนี้ให้เก่งได้เช่นกัน ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่ามี Eidolon อะไรบ้าง [E1] Fighting Endlessly - เมื่อ Luka ทำการ Action แล้ว หากศัตรูเป้าหมายที่กำหนดติดสถานะเลือดไหลอยู่ Luka จะสร้างดาเมจเพิ่มขึ้น 15% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [E2] The Enemy is Weak, I am Strong - ถ้าสกิลต่อสู้โจมตีโดนศัตรูเป้าหมาย ที่มีจุดอ่อนกายภาพอยู่ จะได้รับ Fighting Will 1 ชั้นทันที [E3] Born for the Ring - เลเวลสกิลต่อสู้ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลพรสวรรค์ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15[E4] Never Turning Back - ทุกครั้งที่ได้รับ 'Fighting Will' 1 ชั้น ATK จะเพิ่มขึ้น 5% โดยเอฟเฟกต์นี้จะซ้อนทับได้มากสุด 4 ชั้น[E5] The Spirit of Wildfire - เลเวลท่าไม้ตาย +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลการโจมตีปกติ +1 สูงสุดไม่เกิน Lv.10[E6] A Champion's Applause - หลังจาก 'Rising Uppercut' ของการโจมตีปกติแบบเสริมพลัง โจมตีโดนศัตรูเป้าหมาย ที่ติดสถานะเสียเลือดแล้ว 'Direct Punch' ทุกๆ 1 ครั้ง ที่ปล่อยในการโจมตีปกติแบบเสริมพลังนี้ จะทำให้สถานะเสียเลือด ที่เป้าหมายดังกล่าวได้รับในปัจจุบัน สร้าง DMG 8% ของ DMG เดิมเพิ่มเติม 1 ครั้งทันทีอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Luka สำหรับลูกะนั้นไม่ได้มีอะไรที่สำคัญมากเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ต้องการจะปลด Eidolon ให้กับ Luka จริงๆ Eidolon ที่สามารถช่วยได้ก็จะมี E2 ที่จะทำให้คุณเก็บ Fighting Will ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นั่นก็หมายความว่าคุณสามารถที่จะใช้ Rising Uppercut ใส่ศัตรูเพื่อรีดดาเมจต่อเนื่องจากการติดสถานะเลือดไหลออกมาได้ นอกจากนี้แล้วยังมี Eidolon ที่จะทำให้ Luka เก่งที่สุดนั่นก็คือ E6 ซึ่งจะทำให้การใช้ Rising Uppercut สามารถรีดความเสียหายต่อเนื่องจากศัตรูที่ติดสถานะเลือดไหลได้มากยิ่งขึ้น ด้วยความเสียหายที่เพิ่มขึ้นมาจาก E6 นั้นค่อนข้างสูงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 
23 Sep 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึก Qingque ตัวละคร 4 ดาวที่เก่งพอ ๆ กับ 5 ดาว แถมสนุกด้วย!
ภายในเกม Honkai Star Rail มีตัวละครระดับ 4 ดาวอยู่ 1 ตัวที่มีความเก่งทัดเทียมกับตัวละครระดับ 5 ดาวได้เลย ด้วยความสามารถในการสร้างความเสียหายที่รุนแรง มาพร้อมกับวิธีการเล่นที่มีความแปลกใหม่และสนุกเป็นอย่างมาก ตัวนั้นคงไม่ใช่ตัวอื่นไกลนอกจาก Qingque หนึ่งในตัวละครที่ทุกคนมีกันมาตั้งแต่ต้นเกมอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่เคยหยิบยกขึ้นมาปั้นสักที เพราะเกมเพลย์ที่ค่อนข้างแปลก โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละคร Qingque ให้ออกมาเก่งผสมกับตัวละครที่ติดอันดับบนๆของเกม จุดเด่นของ Qingqueถ้าต้องพูดถึงจุดเด่นของ Qingque ต้องขอบอกเลยว่าตัวละครนี้ มีจุดเด่นในเรื่องของความรุนแรงในการโจมตีที่สูงเป็นอย่างมาก เพราะมีการบัพค่าพลังโจมตีและบัพค่าความเสียหายต่างๆขึ้นมามากพอสมควรเลยทีเดียว และยังเป็นตัวละคร 4 ดาวที่แจกในช่วงต้นเกม จึงเป็นตัวละครที่ทุกๆคนสามารถใช้งานได้ และไม่จำเป็นต้องมี Eidolon ที่สูงก็สามารถเล่นได้เช่นกัน และยังเป็นตัวละครที่เล่นแล้วรู้สึกสนุก ไม่น่าเบื่ออีกด้วยนั่นเอง สกิลและความสามารถของ QingqueQingque เป็นตัวละครใน Path ปัญญา ซึ่งมีความสามารถในการสร้างดาเมจที่สูงเป็นอย่างมาก เพราะมีสกิลต่างๆที่จะช่วยบวกทั้งค่าพลังโจมตี และบวกค่าความเสียหายต่างๆให้กับตัว Qingque เอง และเมื่อจั่วการ์ดได้แบบเดียวกันครบ 4 ใบ ก็จะเสริมความสามารถในการโจมตีให้รุนแรงยิ่งขึ้น รับเปลี่ยนเป็นการโจมตีหมู่แทน ซึ่งความสามารถนี้เป็นความสามารถหลักที่ Qingque ต้องใช้ [Normal Attack] Flower Pick - สร้างความเสียหายหมาใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดค่าความเสียหายจากพลังโจมตีของ Qingque [Skill] A Scoop of Moon - จั่วหมากหยก 2 ตัวทันที และจะเพิ่มค่าความเสียหายทั้งหมดให้กับ Qingque ขึ้นด้วย โดยความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุด 4 ชั้น แล้วจะหายไปเมื่อจบ [Ultimate] A Quartet? Woo-hoo! - สร้างดาเมจหมาใส่ศัตรูทั้งหมดในสนาม โดยจะคิดความเสียหายจากค่าพลังโจมตีของ Qingque และจะได้รับหมากหยกที่มีหน้าเหมือนกันทั้งหมด 4 ตัวด้วย [Talent] Celestial Jade - เมื่อตัวละครในทีมของเราเริ่มต้นเทิร์น Qingque จะทำการจั่วหมากหยกออกมา 1 ตัว จากหมากหยกที่มีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน โดยสามารถมีหมากหยกในมือได้มากสุด 4 ตัว และเริ่มต้นเทิร์นของ Qingque หากมีหน้าของหมากหยกแบบเดียวกัน 4 ตัว Qingque จะใช้หมากหยกทั้งหมดแล้วเข้าสู่สถานะ Hidden Hand ซึ่งสถานะนี้จะทำให้ Qingque ไม่สามารถกดสกิลต่อสู้ครั้งต่อไปได้ พร้อมทั้งทำให้ค่าพลังโจมตีของตัวละครเพิ่มขึ้นทันที แล้วจะเปลี่ยนการโจมตีปกติจาก Flower Pick เป็น Cherry On Top! แทน และสถานะของ Hidden Hand จะสิ้นสุดลงหลังจากที่คุณปล่อยการโจมตี Cherry On Top!อย่างที่ได้กล่าวไปว่า Qingque เป็นตัวละครที่มีการโจมตีที่รุนแรงจากการเสริมพลังในหลายๆส่วน จึงไม่แปลกเลยที่ Qingque จะแรงได้มากขนาดนี้ ที่นี้เรามาพูดกันถึงการอัพสกิลกันว่าอะไรสำคัญที่สุด ก่อนอื่นเลยคุณต้องอัพการโจมตีปกติให้เต็ม เพราะนี่คือดาเมจที่ Qingque ใช้ทำนั่นเอง ตามมาด้วยพรสวรรค์และสกิลต่อสู้ที่จะมีคุณค่าเท่ากัน เพราะทั้ง 2 สกิลนี้จะเสริมความสามารถในการโจมตีให้กับ Qingque ได้แรงยิ่งขึ้น ในส่วนของอันติคุณจะอัพมากอัพน้อยก็แล้วแต่คุณเลย Relicโดยจะมี Relic ที่เหมาะกับ Qingque หลักๆด้วยกันทั้งหมด 2 เซตด้วยกัน แต่ในที่นี้จะเป็นเซตที่ดีที่สุดสำหรับ Qingque และเป็นเซ็ตทางเลือกสำหรับ Qingque เท่านั้น ไม่ใช่ว่าทั้งสองเซตนี้จะดีเท่ากัน และในส่วนของเซตอื่นๆไม่แนะนำให้ใส่เลย แต่ก่อนอื่นที่จะไปดูว่าเซ็ตไหนบ้างที่ดีกับ Qingque ทางเราต้องขอบอกก่อนว่า Qingque เป็นตัวละครที่สนใจพวกค่าอัตราคริติคอลและความแรงคริติคอลเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้การโจมตีในแต่ละครั้งของ Qingque นั้นรุนแรงขึ้นแบบเห็นได้ชัด และจะไม่ได้เน้นไปที่ค่าพลังโจมตีมากเท่าไหร่ เพราะค่าพลังโจมตีที่ Qingque ได้รับนั้น มาจากหลากหลายที่มาก แล้วคุณยังสามารถทำค่าความเร็วให้กับ Qingque ไว้สูงพอประมาณได้ แต่จะต้องไม่สูงเกินกว่าความเร็วของเพื่อนร่วมทีม โดยสรุปแล้ว Qingque จะเน้น หาค่า Dtac เหล่านี้ อัตราคริติคอล ความแรงคริติคอล และค่าความเร็ว ค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ ให้คุณเน้นใส่ไปที่ค่าอัตราคริติคอล หรือความแรงคริติคอลเท่านั้น เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า 2 ค่านี้จำเป็นต่อการบูตความเสียหายให้กับ Qingque มาก โดยให้คุณพิจารณาจากความเป็นไปได้ของการติดคริติคอลเป็นอันดับแรก ให้มีสูงพอที่สามารถติดได้บ่อยจริงๆ ถ้าคุณมีอัตราคริติคอลที่มากพอแล้ว สามารถใส่ความแรงคริติคอลได้เช่นกัน ในส่วนของรองเท้า มีให้คุณเลือก 2 ตัวเลือกด้วยกัน ได้แก่ค่าความเร็ว และค่าพลังโจมตี ซึ่งทางเราแนะนำให้ใส่ไปทางค่าความเร็วเป็นหลัก เพราะ Qingque ต้องการค่าความเร็วเพื่อที่จะตามเพื่อได้ทันด้วย ถ้า Qingque ช้าเกินไป พอมาถึงเทิร์นของ Qingque แล้ว อาจจะมีหมากหยกหน้าซ้ำเยอะจนสามารถใช้สกิลต่อสู้ได้น้อยลง ซึ่งน่าจะมีผลต่อการรับความเสียหายที่ Qingque จะได้รับด้วย การมีค่าความเร็วจึงช่วยให้ Qingque สามารถตามความเร็วของเพื่อนในทีมทันได้นั่นเอง แต่คุณก็สามารถใช้ค่าพลังโจมตีได้เช่นกัน ในกรณีที่คุณมีออฟตรองที่สวยมาก จะใช้แทนค่าความเร็วก็ไม่เสียหายอะไร ในส่วนของ Planar Sphere ในส่วนนี้ก็มีตัวเลือกให้คุณได้เลือก 2 ตัวเลือกเช่นกัน โดยจะเป็นโบนัสความเสียหายหมา และค่าพลังโจมตี ซึ่งทางเราแนะนำให้คุณใส่ไปที่โบนัสความเสียหายหมาเป็นหลัก เพื่อเสริมความแรงให้กับทุกๆการโจมตีของ Qingque แต่คุณก็สามารถใส่ค่าพลังโจมตีได้เช่นกัน ในกรณีที่มีออฟรองสวย เพราะ Qingque จะได้รับโบนัสความเสียหายต่างๆจากการกดสกิลต่อสู้อยู่แล้ว จึงสามารถใช้แทนได้เช่นกัน ในส่วนของ Link Rope ทางเราแนะนำให้ใส่ค่าพลังโจมตีเป็นหลัก เพื่อเสริมความรุนแรงให้กับการโจมตีของ Qingque ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่บางคนอาจจะใส่ค่าโบนัสฟื้นฟูพลังงานก็สามารถทำได้เช่นกัน เพื่อที่จะให้กดอันติได้บ่อยๆ แต่ทางเราไม่ค่อยแนะนำมากเท่าไหร่ เพราะความรุนแรงของ Qingque จะมาจากการโจมตีปกติแบบเสริมพลังแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็จะมาจากการกดสกิลต่อสู้บ่อยนั่นเอง การเสริมโบนัสความเสียหายเข้าไปจะทำให้ Qingque สามารถโจมตีได้แรงมากยิ่งขึ้น การกดอันติได้บ่อยๆเพื่อจะจั่วหมากหยก 4 ตัวเหมือนกันทันทีจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีมากเท่าไหร่ เซต Relic ที่แนะนำGenius of Brilliant Starsนี่เป็นเซต Relic ที่แนะนำที่สุดแล้ว และดีกว่าเซตอื่นๆมากด้วย เพราะเมื่อใส่ 2 ชิ้นแล้วจะทำให้ความเสียหายหมาแรงขึ้น 10% ทันที แล้วเมื่อใส่ 4 ชิ้น จะทำให้การโจมตีดาเมจหมาไม่สนเกราะป้องกันของศัตรู 10% ด้วย และเมื่อศัตรูมีจุดอ่อนหมาอยู่ จะไม่สนการป้องกันของศัตรูเพิ่มขึ้นอีก 10% ทันที ซึ่งการโจมตีไม่สนเกราะป้องกันใดๆของศัตรูนั้น มันยอดเยี่ยมซะกว่าการบัฟพลังโจมตีขึ้นมาซะอีก พี่จึงเป็นเซตที่เหมาะกับ Qingque มากที่สุดแล้ว แนะนำให้ใส่ให้ครบ 4 ชิ้นด้วย Musketeer of Wild Wheatนี่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางเลือกสำหรับ Qingque โดยความสามารถ 2 ชิ้นจะทำให้เพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ 12% ทันที และเมื่อใส่ครบ 4 ชิ้นแล้วจะทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ด้วย เป็นอีกหนึ่งเซตทางเลือกที่ดีเพราะค่า Dtac ต่างๆที่บวกขึ้นมานั้น Qingque สามารถใช้ได้ทั้งหมดเลย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ยังหาเซต Genius of Brilliant Stars ไม่ได้นั่น สามารถใส่ 2 เซตนี้คู่กันได้ด้วย Light Coneมี Light Cone ที่เหมาะกับ Qingque อยู่ 4 ชิ้นด้วยกัน ซึ่งจะแบ่งเป็น 5 ดาว 2 ชิ้น และ 4 ดาว 2 ชิ้น ส่วนชิ้นที่เหลือไม่แนะนำให้ใช้เท่าไหร่ เพราะไม่ได้ทำให้ Qingque แรงเท่ากับ 4 ชิ้นนี้ โดยทั้ง 4 ชิ้นนี้มีอะไรบ้างตามเรามาดูกันได้เลย Before Dawn - 5 ดาวนี่เป็น Light Cone ที่ดีชิ้นนึงเลย เพราะจะทำให้ความแรงคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 36% ทันที แล้วจะทำให้ความเสียหายของสกิลต่อสู้และท่าไม้ตายของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% หลังจากที่ผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้หรือท่าไม้ตายแล้วจะได้รับเอฟเฟค Somnus Corpus ที่จะทำให้ความเสียหายจากการโจมตีต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 48% โดย Light Cone ชิ้นนี้จะทำให้ความแรงคริติคอลของคุณดีดขึ้นมาทันที แต่หลายๆคนคงสงสัยว่าในส่วนบัตรที่เหลือก็ไม่ได้ใช้ แต่สำหรับคนที่มี Qingque E4 Light Cone ชิ้นนี้จะดีที่สุดแล้ว เขาสามารถใช้ความสามารถทั้งหมดของ Light Cone นี้ได้ แต่สำหรับคนที่ E ยังไม่ถึง สามารถใช้ได้เช่นกัน พอแค่ความสามารถในการบวกความแรงคริติคอลก็ดีมากแล้ว Night on the Milky Way - 5 ดาวนี่เป็น Light Cone 5 ดาวถาวรที่คุณสามารถหามาใช้ได้ ด้วยความสามารถที่สตูเป้าหมายทุกๆ 1 ตัวที่อยู่ในการต่อสู้จะทำให้ค่าพลังโจมตีของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 9% โดยความสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 5 ชั้น และเมื่อมีเป้าหมายถูกทำลายจุดออก ผู้สวมใส่จะสร้างโบนัสความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 30% เป็นเวลา 1 เทิร์นด้วย โดย Light Cone ชิ้นนี้หลักๆแล้วใส่มาเพื่อเอาค่า Dtac เป็นหลัก เพราะด้วยความที่เป็น Light Cone ระดับ 5 ดาว จึงมีค่า Dtac ที่สูงกว่าอยู่แล้ว และความสามารถในการบวกพลังโจมตีต่างๆ ก็ช่วยให้ Qingque แรงขึ้นได้เช่นกัน Today Is Another Peaceful Day - 4 ดาวนี่เป็น Light Cone ระดับ 4 ดาวที่ดีที่สุดแล้วสำหรับ Qingque แต่เป็น Light Cone ที่หาได้จาก BP เท่านั้น ด้วยความสามารถที่จะเพิ่มค่าโบนัสความเสียหายตามพลังงานสูงสุดของผู้สวมใส่ ทำให้ Qingque ได้รับโบนัสความเสียหายมาฟรีๆทันที และด้วยความที่พลังงานสูงสุดของ Qingque ก็ค่อนข้างสูง จึงสามารถใช้ความสามารถของ Light Cone อันนี้ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย เรียกได้ว่าใช้ง่ายและแรง เป็น Light Cone ที่แนะนำที่สุดแล้ว The Seriousness of Breakfast - 4 ดาวนี่เป็น Light Cone ระดับ 4 ดาวที่คุณสามารถหามาใช้งานได้ง่ายๆโดยการแลกที่ร้านค้าแห่งความทรงจำ ซึ่งคุณสามารถวางซ้อน 5 ได้อย่างแน่นอนถ้าคุณต้องการ เป็น Light Cone สำหรับสายฟรีที่ดีที่สุดแล้ว ด้วยความสามารถที่จะทำให้โบนัสความเสียหายของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% ทันที และทุกๆครั้งที่สามารถกำจัดศัตรูเป้าหมายได้ 1 ตัว ข้าพลังโจมตีของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 4% โดยสามารถซ้อนทับได้สูงสุด 3 ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ดีเป็นอย่างมากสำหรับ Qingque เพราะสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่นั่นเอง ทีมแนะนำก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Qingque เป็นตัวละครที่สามารถสร้างดาเมจใส่ศัตรูได้อย่างรุนแรงเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็นตัวดาเมจหลักของทีม แต่คุณก็สามารถนำ Qingque มาเป็นตัวดาเมจรองได้เช่นกัน เราจะแตกต่างจากการเป็นตัวดาเมจหลักตรงที่ จะไม่เน้นกดสกิลต่อสู้เยอะเท่าไหร่ จะเน้นโจมตีเพื่อเก็บแต้มสกิลให้กับทีมเป็นหลัก และรอให้หมากหยกครบทั้ง 4 ตัว แล้วทำการโจมตีแบบเสริมพลังนั้นไปนั่นเอง ทีมที่ทางเราแนะนำจึงจะมี 2 แบบด้วยกัน ทีม Qingque Hyper Carryซึ่งทีมนี้ Qingque จะทำหน้าที่เป็นตัวสร้างความเสียหายหลักให้กับทีม แล้วจะประกอบไปด้วยตัวที่สามารถปกป้องชีวิตเพื่อนร่วมทีมได้ 1 ตัว และอีก 2 ตัวจะเป็นตัวที่ทำให้ Qingque สามารถสร้างความเสียหายได้แรงยิ่งขึ้น โดยจะเป็นตัวบัพทั้งคู่ก็ได้ หรือจะเป็นตัวบัพ 1 ตัวและตัวสร้างดีบัพใส่ศัตรูอีก 1 ตัวก็ได้เช่นกัน อยากให้จำเรื่องสำคัญไว้อย่างหนึ่งว่า ตัวละครในทีมควรมีค่าความเร็วที่สูงกว่า Qingque เพื่อให้สามารถเก็บแต้มสกิลได้มากพอก่อนถึงเทิร์นของ Qingque และให้ Qingque จั่วหมากหยกจากการเข้าเทิร์นของเพื่อนร่วมทีมได้ ทีมที่ Qingque เป็นตัวดาเมจรองโดยหน้าที่หลักๆของ Qingque ในทีมรูปแบบนี้นั่นก็คือ การเป็นตัวโจมตีปกติเพื่อเก็บแต้มสกิลให้กับเพื่อนร่วมทีมเป็นหลัก และหาจังหวะในการกดสกิลต่อสู้เพื่อจั่วหมากหยก และโจมตีแบบเสริมพลังไปในทุกครั้งที่มีโอกาส แต่จะไม่เน้นกดสกิลต่อสู้รัวๆเมื่อเข้าถึงเทิร์นของตัวเอง แต่ต้องขอเน้นย้ำไว้อย่างหนึ่งว่าถ้าคุณจะให้ Qingque มาเล่นทีมแบบนี้ คุณต้องทำค่าความเร็วของ Qingque ให้สูงพอสมควรเลยทีเดียว ไม่สามารถโจมตีได้บ่อยยิ่งขึ้นนั่นเอง Eidolonสำหรับในส่วนของ Eidolon นั้น คุณไม่จำเป็นต้องมีสูงก็ได้ หรือไม่จำเป็นต้องมีเลยก็สามารถเล่น Qingque ได้เช่นกัน แต่ยิ่งคุณมีสูงเท่าไหร่ Qingque ก็ยิ่งเก่งขึ้นมากเท่านั้น และจะไปเก่งที่สุดก็ต่อเมื่อคุณมี E4 แล้วนั่นเอง ซึ่งเมื่อคุณมี E4 จะทำให้ Qingque เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด และเล่นสนุกมากขึ้นด้วย [E1] Rise Through the Tiles - จะเพิ่มความเสียหายของท่าไม้ตายขึ้น 10% [E2] Sleep on the Tiles - ทุกครั้งที่ Qingque จั่วหมากหยก จะทำการฟื้นฟูพลังงาน 1 หน่วยทันที [E3] Read Between the Tiles - เลเวลท่าไม้ตาย +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลพรสวรรค์ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15[E4] Right on the Tiles - หลังจากการใช้สกิลต่อสู้แล้ว จะมีโอกาสคงที่ 24 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับสถานะ Autarky ซึ่งจะทำให้จนกว่าเทิร์นนี้จะสิ้นสุดลง Eidolon ที่อยู่ภายใต้สถานะ Autarky หลังจากการโจมตีปกติหรือการโจมตีปกติแบบเสริมพลังแล้ว จะทำการโจมตีต่อเนื่อง 1 ครั้งทันที และสร้างดาเมจ 100% ของดาเมจจากการโจมตีปกติหรือการโจมตีแบบเสริมพลังแก่เป้าหมายดังกล่าว[E5] Gambit for the Tiles - เลเวลสกิลต่อสู้ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลการโจมตีปกติ +1 สูงสุดไม่เกิน Lv.10[E6] Prevail Beyond the Tiles - หลังจากการโจมตีปกติแบบเสริมพลังแล้ว จะฟื้นฟูแต้มสกิลต่อสู้ 1 แต้มทันที อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นแล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องมี Eidolon เลยก็สามารถเล่น Qingque ให้แรงได้เช่นกัน แต่สำหรับคนที่ต้องการจะปลด Eidolon ให้กับ Qingque แล้ว ทางเราขอแนะนำไปที่ E4 เลย เพราะใน  Eidolon นี้จะทำให้ Qingque เก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด ด้วยความสามารถที่จะทำการโจมตีด้วยดาเมจเดิมใส่เป้าหมายเดิมอีก 1 ครั้งทันที ทำให้ดาเมจที่สร้างได้จะทวีคูณขึ้นไปทันที แต่ก็ต้องใช้ดวงในการจั่วเช่นกัน เมื่อคุณมี E4 แล้ว Qingque จะเก่งถึงขั้นที่เป็นตัวดาเมจที่เก่งอันดับต้นๆของเกมเลย เรียกได้ว่าเก่งกว่า 5 ดาวหลายๆตัวด้วยซ้ำ ละครเน้นย้ำไว้อีกเรื่องหนึ่งว่า ถ้าคุณมี E4 แล้ว การทำค่าความเร็วของ Qingque ให้สูง จะมีผลดีเป็นอย่างมาก จะทำให้ Qingque สามารถกดสกิลต่อสู้ได้บ่อย ซึ่งยิ่งกดสกิลต่อสู้ได้บ่อย มันก็หมายความว่ายิ่งมีโอกาสที่จะได้รับบัพ Autarky จาก E4 ก็เท่านั้นนั่นเอง 
23 Sep 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ดาเมจโหดสุดในเกม!!
Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครที่ทางโฮโยเวิร์สได้ปล่อยออกมาให้เล่นในช่วงแพท 1.3 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งตัวละครตัวนี้มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องของการสร้างความเสียหายที่รุนแรง เรียกได้ว่าเป็นตัวที่โจมตีแรงที่สุดในเกมตอนนี้เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงแค่ความสามารถที่เก่งแล้ว แต่ยังมีรูปร่างหน้าตาตัวละครที่คงตกหลายๆคนได้อยู่หมัด แต่ด้วยความที่ตัวละครตัวนี้ เป็นตัวละครที่เล่นค่อนข้างยาก การจะปั้นให้ถูกทางจึงเป็นสิ่งที่คุณควรทำอย่างยิ่ง โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTh ก็จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละคร Dan Heng – จ้าวยลจันทรา จุดเด่นของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา โดยจุดเด่นของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา นั้น มีความสามารถในเรื่องของการทำดาเมจอย่างมหาศาล ซึ่งมีดาเมจเทียบเคียงพอๆกับตัวละคร Path ล่าสังหารหลายๆตัวเลยก็ว่าได้ แล้วยังมีความสามารถในการทำดาเมจหมู่ และความสามารถในการเบรคเกาะศัตรูที่ทรงพลังอีกด้วย เรียกได้ว่า Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครที่เกิดมาเพื่อทำดาเมจอย่างเดียวเลย สกิลและความสามารถของ Dan Heng – จ้าวยลจันทราDan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครใน Path ทำลายล้างที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการสร้างดาเมจเดี่ยวและดาเมจหมู่ ด้วยความสามารถของสกิลต่างๆที่จะช่วยบัฟพลังโจมตีหรือบัฟค่าความเสียหายต่างๆขึ้นมาให้ ทำให้การโจมตีในแต่ละครั้งของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา นั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่ดาเมจที่มหาศาลนั้นก็ต้องแลกมากับการใช้แต้มสกิลต่อสู้ที่สูงมากๆเช่นกัน เรียกได้ว่าพูดถึงเธอของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา คุณต้องมีแต้มสกิลต่อสู้ 3 แต้ม เพื่อให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถสร้างความเสียหายได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ [Normal Attack] Beneficent Lotus - สร้างดาเมจจินตภาพใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดความเสียหายจากค่าพลังโจมตีของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา [Skill] Dracore Libre - ทำการเสริมความสามารถให้กับการโจมตีปกติ โดยคุณสามารถเสริมพลังต่อเนื่องได้สูงสุด 3 ครั้ง โดยการใช้สกิลนี้จะไม่ถือว่าเป็นการใช้สกิลต่อสู้ ซึ่งการเสริมพลังในแต่ละครั้ง จะเปลี่ยนให้การโจมตีปกติจาก Beneficent Lotus เป็น “Transcendence” “Divine Spear” และ “Fulgurant Leap” ตามลำดับ และเมื่อทำการเสริมพลังได้ถึงระดับ “Divine Spear” หรือ “Fulgurant Leap” ตั้งแต่การโจมตีครั้งที่ 4 เป็นต้นไป จะได้รับ Outroar 1 ชั้นต่อการโจมตีในแต่ละครั้ง ซึ่งจะทำให้ดาเมจคริติคอลของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เพิ่มขึ้น 15% โดยความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุด 4 ชั้น แล้วจะคงอยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบ [Ultimate] Azure's Aqua Ablutes All - จะปล่อยการโจมตี 3 ครั้งเพื่อสร้างดาเมจจินตภาพ โดยจะขึ้นอยู่กับพลังโจมตีของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แก่ศัตรู 1 ตัว และสร้างความเสียหายแก่ศัตรูที่อยู่ข้างเคียงด้วย โดยดาเมจจะเบาลงมาจากตัวที่เป็นเป้าหมายหลัก พร้อมทั้งทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ได้รับ Squama Sacrosancta 2 อันทันที ซึ่ง Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถเก็บสะสมได้มากสุด 3 อัน โดย Squama Sacrosancta แต่ละอันจะสามารถใช้แทนการเสียแต้มสกิลของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แทนได้ [Talent] Righteous Heart - หลังจาก Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ปล่อยการโจมตีปกติในแต่ละครั้ง จะได้รับ Righteius Heart 1 ชั้น ซึ่ง จะทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สร้างดาเมจเพิ่มขึ้น 10% โดยสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 6 ชั้น แล้วจะคงอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดเทิร์น Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครที่มีความสามารถในการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงใส่ศัตรูทั้งในรูปแบบมอนเดี่ยวและมอนหมู่ เพราะความสามารถต่างๆที่จะช่วยเสริมการโจมตีปกติให้รุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งการเสริมดาเมจจินตภาพ หรือการเสริมดาเมจคริติคอล รวมไปถึงการเพิ่มตัวคูณเสียหายจากการใช้สกิลต่อสู้ แล้วยังมีบัฟต่างๆที่ช่วยให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถทำดาเมจได้รุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่แปลกเลยที่ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา จะเป็นตัวละครที่สามารถสร้างดาเมจได้ติดอันดับท็อปของเกม แต่ความรุนแรงในการโจมตีนั้นก็ต้องแลกมากับความต้องการในการใช้แต้มสกิลที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งคุณต้องให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถกดใช้สกิลต่อสู้ 3 ครั้งในทุกๆครั้งที่เทิร์นของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา วนกลับมา เพื่อทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงที่สุด ที่นี้แล้วมาพูดในเรื่องของการอัพสกิลกัน โดยสกิลที่คุณต้องเน้นอัพเลยก็คือการโจมตีปกตินั่นเอง เพราะนี่เป็นส่วนที่ใช้ทำดาเมจ ตามมาด้วยพรสวรรค์ และตามมาด้วยสกิลต่อสู้นั่นเอง ในส่วนของอันติคุณจะอัพเยอะหรืออัพน้อยก็แล้วแต่ทรัพยากรของคุณเลย RelicDan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครที่เน้นสร้างความเสียหายเป็นหลัก และหิวแต้มสกิลเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการจัด Relic ให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครที่จะมี Stat ที่ไม่เหมือนตัวอื่นสักเท่าไหร่ เพราะในเกือบทุกตัวละครในเกมจะเน้นคำค่าความเร็วให้สูงเข้าไว้ก่อน แล้วค่า Stat อื่นๆค่อยตามมาอีกที แต่สำหรับ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แล้ว ค่าความเร็วถือเป็นค่าที่ไม่จำเป็นเลย เพราะยิ่งเร็วมากเท่าไหร่ ในทีมก็จะตามมาสร้างแต้มสกิลไม่ทันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา จึงเป็นตัวละครที่เน้นแต่ stack ที่ทำให้ตัวเองแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง ตามมาดูกันได้เลยว่ามีเซต Relic ไหนบ้างที่แนะนำและมี Stat ไหนบ้างที่คุณควรมองหา ค่า Stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ ให้คุณเลือกใส่ระหว่างบวกอัตราคริติคอล หรือบวกความเสียหายคริติคอล ซึ่งการที่คุณจะเลือกใส่อะไรนั้นให้คุณดูที่ Stat ของคุณให้ดีๆ คุณต้องการค่า Stat ไหนมากที่สุด โดยพยายาม Balance ค่าความแรงคริติคอล และอัตราคริติคอลให้สมดุลกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้เน้นไปที่อัตราคริติคอลก่อน ให้มากพอที่จะสามารถติดได้จริงๆ ถ้าอัตราคริติคอลมากพอแล้ว ก็ใส่ความแรงคริติคอลเข้าไปแทนก็ได้เช่นกัน ในส่วนของรองเท้า คุณสามารถเลือกสายได้ 2 อย่างระหว่างค่าพลังโจมตี และค่าความเร็ว แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่า ความเร็วไม่ใช่ Stat ที่จำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ช้าเกินไป ก็สามารถใส่ค่าความเร็วแทนได้เช่นกัน ถ้ามีออฟรองที่สวย แต่ถ้าออฟรองไม่ได้สวย แนะนำให้ใส่ค่าพลังโจมตีจะดีที่สุด เพื่อทำให้การโจมตีในแต่ละครั้งของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในส่วนของ Planar Sphere ให้คุณเน้นใส่ไปที่โบนัสความเสียหายจินตภาพเป็นหลัก เพื่อบูสความแรงในการโจมตีทั้งหมดขึ้นมา เป็นการโจมตีปกติแบบเสริมพลัง หรือการกดใช้ท่าไม้ตายก็ตาม แต่ถ้าคุณหาไม่ได้จริงๆ คุณก็สามารถใส่ค่าพลังโจมตีแทนก็ได้เช่นกัน ในกรณีที่มีออฟรองสวย ที่สามารถใส่ค่าพลังโจมตีแทนได้ เพราะ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา มีการบวกค่าความเสียหายต่างๆจากในส่วนของสกิลขึ้นมามากอยู่แล้ว เลยสามารถใช้แทนกันได้ ในบางกรณีอาจจะดีกว่าการใส่โบนัสความเสียหายจินตภาพเลยก็ได้ ในส่วนของ Link Rope คุณสามารถเลือกใส่ได้ 2 แบบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าพลังโจมตี หรือค่าฟื้นฟูพลังงาน ถ้าเป็นไปได้ให้เน้นไปที่ค่าพลังโจมตีเป็นหลัก เสริมดาเมจจากการโจมตีให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของการเก็บแต้มสกิลต่อสู้ การจะใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เพื่อให้กดอันติได้บ่อยๆ แล้วเอาแต้มสกิลฟรี 2 แต้มจากอันติก็ได้เช่นกัน แต่โดยปกติแล้วการใส่ค่าพลังโจมตีจะดีที่สุด เพราะ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา มีดาเมจที่รุนแรงมากพอที่จะฆ่าศัตรูเพื่อเอาค่าฟื้นฟูพลังงานจากส่วนนี้ได้ เซต Relic ที่แนะนำWastelander of Banditry Desertเมื่อใส่ 2 ชิ้นจะทำให้ดาเมจจินตภาพเพิ่มขึ้น 10% ทันที และเมื่อใส่ 4 ชิ้นจะทำให้ผู้สวมใส่สร้างดาเมจแก่ศัตรูที่ติดสถานะดีบัฟ โดยอัตราคริติคอลจะเพิ่มขึ้น 10% และเมื่อสร้างดาเมจแกะศัตรูที่ติดสถานะกักขัง จะทำให้ความแรงคริติคอลเพิ่มขึ้น 20% โดยทางเราจะแนะนำให้คุณใส่เพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น เพื่อเอาความสามารถจากการบวกดาเมจจินตภาพ 10% แต่ถ้าคุณมี Welt ก็สามารถใส่ 4 ชิ้นได้เช่นกัน Musketeer of Wild Wheatเมื่อใส่ 2 ชิ้นจะทำให้คราบพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 12% และเมื่อใส่ 4 ชิ้นจะทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ทันที โดยเซตนี้คุณสามารถใส่ 2 ชิ้นหรือ 4 ชิ้นเลยก็ได้เหมือนกัน เพราะสามารถช่วยให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงขึ้นได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าให้แนะนำคุณควรใส่เซตนี้ 2 ชิ้น แล้วใส่ Wastelander of Banditry Desert อีก 2 ชิ้น จะทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงที่สุด Rutilant Arenaเมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นจะทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% ทันที และเมื่ออัตราคริติคอลlในปัจจุบันของผู้สวมใส่มากกว่าหรือเท่ากับ 70% จะทำให้ดาเมจจากการโจมตีปกติและสกิลต่อสู้เพิ่มขึ้น 20% โดยเซตนี้จะดีกับ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ที่สุดแล้ว เพราะบวกความเสียหายจากการโจมตีปกติที่เป็นแหล่งทำดาเมจหลักของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา นั่นเอง แต่การจะทำให้อัตราคริติคอลถึง 70% ก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน แต่ทางเราอยากให้มองความเสียหายที่เพิ่มขึ้นมา 20% นี้เป็นรองมากกว่า การเน้นอัตราคริติคอลที่มากเกินไปจะทำให้ค่า Dtac อื่นๆน้อยเกินไป จนทำให้ตัวละครไม่แรงมากพอเท่าที่ควร Light Cone Dan Heng – จ้าวยลจันทรา มี Light Cone ที่สามารถใช้ได้และดีมากๆอยู่ 3 อันด้วยกัน ซึ่ง Light Cone ทั้ง 3 อันนี้จะทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว แล้วยังง่ายต่อการหามาใช้งานอีกด้วย รวมไปถึงการ Build สกัดต่างๆก็ง่ายตามไปด้วยเช่นกัน Brighter Than the Sun - 5 ดาวนี่เป็น Light Cone ประจำตัวของ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เลย มาพร้อมกับความสามารถในการเพิ่มอัตราคริติคอลให้ผู้สวมใส่ 18% ทันที ทำให้ง่ายต่อการทำ dtac เป็นอย่างมากเลย และเมื่อผู้สวมใส่ใช้การโจมตีปกติ จะได้รับ Dragon Call 1 ชั้นทันที ซึ่งจะอยู่เป็นระยะเวลา 2 คืนด้วยกัน โดย Dragon Call แต่ละชั้นจะทำให้ atk ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% และจะเพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังงานอีก 6% ทันที ไป Dragon Call จะสามารถทับซ้อนได้มากสุด 2 ชั้น จากการบวกค่าฟังโจมตีเข้ามา ทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงขึ้นเป็นอย่างมากเลย และการเพิ่มอัตราฟื้นฟูพลังงานเข้ามาอีกนั้น ทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถกดอันติได้บ่อยยิ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาการเก็บแต้มสกิลต่อสู้อีกต่อไป On The Fall of an Aeon - 5 ดาวนี่เป็น Light Cone ที่คุณสามารถแลกได้จากร้านค้า Herta และสามารถวางซ้อนถึงระดับ 5 ได้แบบง่ายๆเลย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ดีเป็นอย่างมากสำหรับ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา ซึ่งเมื่อคุณวางซ้อน 5 ได้แล้ว จะแรงเทียบเท่ากับ Light Cone ประจำตัวเลยก็ว่าได้ ด้วยความสามารถที่ทำให้เมื่อผู้สวมใส่โจมตีจะทำให้ atk ในการต่อสู้ครั้งนี้เพิ่มขึ้น 16% โดยสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 4 ชั้น และหลังจากผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายแล้ว จะสร้างดาเมจเพิ่มขึ้นอีก 24% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น ซึ่ง Light Cone นี้จะบวกทั้งพลังโจมตีที่สูงมาก และยังบวกค่าความเสียหายเข้าไปอีก 24% ด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีดาเมจเทียบเคียงได้กับ Light Cone ประจำตัวThe Molesl Welcome You - 4 ดาวนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ดีกับ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เช่นกัน ซึ่งคุณสามารถแลกจากร้านค้าแห่งความทรงจำได้ และสามารถวางซ้อน 5 ได้เช่นกัน ด้วยความสามารถหลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีปกติ ปล่อยสกิลต่อสู้ หรือใช้อันติแล้ว จะทำให้ได้รับ Mischievous มา 1 ชั้นทันที ซึ่งในแต่ละชั้นจะเพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ 24% โดยสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 3 ชั้นด้วยกัน นี่เป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่หามาใช้ได้ง่ายและสามารถบัพค่าพลังโจมตีให้กับ Light Cone ได้สูงเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการเลือกใช้ Light Cone ของคุณ ทีมแนะนำDan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวละครประเภททำลายล้าง ที่มีความสามารถในการสร้างดาเมจที่สูงมากๆ เหมาะกับการนำไปเป็นตัวดาเมจหลักเพียงแค่ตัวเดียวในทีมเท่านั้น และให้เพื่อนในทีมที่เหลือเป็นตัวส่งบัพต่างๆมาให้ แล้วคอยปกป้องชีวิตให้กับเพื่อนร่วมทีม โดยทีมที่แนะนำจะมีดัง ทีม Dan Heng – จ้าวยลจันทรา Hyper Carry โดยในทีมนี้จะมี Dan Heng – จ้าวยลจันทรา เป็นตัวสร้างความเสียหายหลักเพียงแค่ตัวเดียวในทีมเท่านั้น โดยจะประกอบไปด้วยตัวละครที่มีความสามารถในการปกป้องหรือรักษาชีวิตเพื่อร่วมทีม และอีก 2 ตัวละครจะเป็นตัวละครที่ทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา สามารถสร้างความเสียหายได้แรงมากยิ่งขึ้น โดย 1 ในนั้นแนะนำให้เป็น Tingyun เพราะสามารถทำให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงขึ้นเป็นอย่างมากได้ และยังช่วยในเรื่องของการเก็บแต้มสกิลให้กับทีมได้อีกด้วย และอีกหนึ่งตัวละครแนะนำให้เป็น Yukong เพราะถ้าเทียบในเรื่องของการบัพความเสียหายให้กับ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แล้ว Yukong จะเหนือกว่าเ Tingyun ค่อนข้างมากเลย แต่ก็แลกมากับการใช้แต้มสกิลที่สูงมากกว่าเดิม การที่คุณนำ 2 ตัวละครนี้มาเล่นด้วยกัน จึงช่วยให้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา แรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่มีปัญหาในเรื่องของการเก็บแต้มสกิลอีกเหรอ แล้วถ้าคุณมี Yukong E6 ก็จะยิ่งเล่นง่ายเข้าไป ทีม Mono จินตภาพ โดยในทีมนี้ Dan Heng – จ้าวยลจันทรา จะเหมาะมากๆกับการใส่ Set 4 Wastelander of Banditry Desert เพราะจะมี Welt เข้ามาคอยสร้างดีบัฟต่างๆใส่ศัตรู และยังทำให้ศัตรูติดสถานะกักขังอีกด้วย ซึ่งทีมนี้จะเก่งมากๆถ้าเกิดศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อจินตภาพ และภายในทีมนี้ก็มีครบครันทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่สร้างความเสียหายเป็นหลัก ตัวละครบัฟ ตัวละครที่เน้นดีบับ แล้วตัวละครที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ 
23 Sep 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Biochemist สาย Acid Bomb ปายา ดาเมจแรง แถมทำลายเกราะได้ด้วย!
ถ้าถามถึงเกมที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีซีรีย์เกมยอดฮิตอย่าง Ragnarok อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งเป็นเกมที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และเมื่อไม่นานมานี้ทางค่าย Gravity ก็ได้นำซีรีย์เกม Ragnarok มาทำใหม่โดยใช้ชื่อว่า Ragnarok Origin ซึ่งให้บริการผ่านโทรศัพท์ จึงทำให้คุณสามารถเล่น Ragnarok Origin ได้ทุกที่ทุกเวลา และเมื่อพูดถึงสิ่งที่ทำให้คนติดใจซีรีย์เกม Ragnarok ก็คงมีหลากหลายเหตุผลแตกต่างกันออกไป แต่หนึ่งในสิ่งที่หลายๆคนคงคิดเหมือนกันนั่นก็คือ ระบบคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย และสามารถปั้นตัวละครในคลาสนั้นๆออกมาได้หลายแบบอีกด้วย หนึ่งในคลาสที่หลายๆคนให้ความสนใจก็คือ BioChemist Acid Bomb หรือสายปายานั่นเอง ด้วยความที่เป็นคลาสที่เพิ่งถูกอัพเข้ามาใหม่ล่าสุดในเซิฟ Global จึงได้รับความสนใจจากหลายๆคนเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งสายปายามีความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว จนโดนเนิฟมาแล้วแต่ก็ยังเก่งอยู่ดี และในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละครคลาส BioChemist สายปายา ตั้งแต่เริ่มเกมไปจนถึงท้ายเกมกันเลย จุดเด่นของคลาส BioChemist สายปายาใต้พูดถึงจุดเด่นของ BioChemist สายปายา หลักๆก็คงเป็นเรื่องของการสร้างความเสียหายเป้าเดี่ยวที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก มาพร้อมกับความสามารถปั่นป่วนสุดหน้าปวดหัว ที่สามารถพังอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆของศัตรูไปพร้อมๆกับการสร้างความเสียหายได้ คลาส BioChemist สายปายา จึงเป็นหนึ่งในสายที่สามารถรับมือได้ยากเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สเตตัสที่ควรอัพ STR - 90+INT 70+DEX 20+สเตตัสที่ควรเน้นอัพเป็นอันดับแรกก็คือค่า STR ที่จะบูตความเสียหายให้กับคลาส BioChemist สายปายานี้ได้มากกว่าค่าสเตตัสอื่นๆ คุณจึงควรเน้นอัพค่า STR ให้เต็มก่อนเป็นอันดับแรกเลย และค่าสเตตัสที่คุณควรอัพรองลงมานั่นก็คือค่า VIT ซึ่งสาเหตุก็มาจากสกิล Acid Bomb จะมีการคำนวณค่า MDMG เข้ามาด้วย ค่าสเตตัสนี้จึงควรอัพด้วยนั่นเอง และค่าสเตตัสสุดท้ายที่คุณควรจะมีติดไว้บ้างนั่นก็คือค่า DEX เพราะสกิล Acid Bomb มีระยะเวลาร่ายที่ค่อนข้างนานเลย การอัพค่า DEX เข้ามาก็จะช่วยให้คุณสามารถใช้สกิล Acid Bomb ได้ต่อเนื่องและบ่อยยิ่งขึ้นนั่นเอง แถมค่า DEX ยังบวกค่าต่างๆอย่างละนิดอย่างละหน่อยด้วย ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้สกิล Acid Bomb ได้บ่อยและไม่ติดขัดสกิลที่ควรอัพตอนเป็น Merchant (level 10 )Change CartDiscountOverchargeในช่วงเลเวลนี้ สกิลที่จำเป็นที่คุณต้องอัพนั้นไม่มีเลย ไม่มีสกิลไหนที่ช่วยให้สกิล Acid Bomb แรงขึ้น หรือทำให้สกิล Acid Bomb มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นเลย และไม่มีสกิลไหนที่คุณจำเป็นต้องอัพเพื่อเป็นทางผ่านอีกด้วย ซึ่งในช่วงเลเวลนี้คุณจะอัพสกิลอะไรก็ตามใจคุณได้เลย แต่ถ้าจะให้แนะนำ สกิลทั้ง 3 นี้ก็ช่วยให้คุณสามารถเล่นช่วงต้นเกมได้ง่ายยิ่งขึ้น ตอนเป็น Alchemist (Level 40)Bomb - 5Potion Research - 5Fire Bottle Enhancing - 5Hammer Axe Mastery - 5Marine Sphere Summon - 5เมื่อคุณปั้นตัวละครมาถึงช่วงนี้แล้ว จะมีสกิลหลายสกิลเลยที่คุณจำเป็นต้องอัพเพื่อทำให้คุณสามารถสร้างความเสียหายได้แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มาเริ่มกันที่สกิล Potion Research ซึ่งเป็นสกิลที่จะทำให้สกิลต่างๆแรงขึ้น 10% ตามมาด้วยสกิล Bomb ที่มีความสามารถในการทำดาเมจเป็นวงกว้างและสามารถทำลายรองเท้าของศัตรูทิ้งได้ด้วย ซึ่งจะมาคลองโบคู่กับสกิล Fire Bottle Enchancing ซึ่งจะทำให้เมื่อศัตรูถูกสกิล Bomb สร้างความเสียหายใส่แล้ว จะลดค่า DEF ของศัตรูลงทันที 20% ซึ่งสกิลนี้ก็จะจำเป็นต่อคลาส BioChemist สายปายามาก เพราะจะทำให้สกิลต่างๆรุนแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง ส่วนสกิล Hammer Axe Mastery ก็จะเพิ่มค่า P.ATK ให้กับเราด้วย ส่วนสกิลที่เหลือก็ให้อัพเป็นทางผ่านเท่านั้น ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้งานเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ต้องการจะใช้งานสกิลทางผ่านเหล่านี้ก็สามารถหยิบมาใช้งานได้เช่นกัน ส่วนแต้มที่เหลือคุณก็สามารถเลือก up skill ได้ตามที่ต้องการเลย ตอนเป็น BioChemist (Level 70) Acid Bomb - 10Unstable Research - 5Cart Burst - 5Advanced Hammer Axe Mastery - 10Creator Dispatch - 5 และเมื่อคุณปั้นตัวละครมาถึงเลเวลนี้แล้ว สกิลสำคัญของสายปายยาอย่าง Acid Bomb ก็จำเป็นต้องอัพให้เต็มก่อนเป็นอันดับแรกเลย ด้วยความสามารถที่จะปา Acid Bomb และ Acid Bottle ออกไปใส่เป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงและมีโอกาสที่จะทำให้ทั้งอาวุธหลักและอาวุธรองของศัตรูพังด้วย แล้วสกิลที่สำคัญรองลงมานั่นก็คือ Unstable Research ซึ่งจะทำให้เมื่อใช้สกิล Acid Bomb จะทำให้เกิดความผันผวนของค่าความเสียหายจากสกิลนี้ระหว่าง 90%-130% ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณเลย ว่าสกิล Acid Bomb จะแรงขึ้นกว่าเดิมหรือจะเบาลงกว่าเดิม ตามมาด้วยสกิล Cart Burst ซึ่งเป็นสกิลที่จะทำให้เพิ่ม Movement Speed ของคุณและยังเพิ่ม P.DMG ให้กับคุณเป็นระยะเวลา 120 วินาทีอีกด้วย และให้อัพสกิล Advanced Hammer Axe Mastery ตามด้วย ส่วนแต้มที่เหลือให้คุณเอาไปลงกับสกิล Creator Dispatch ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสต่างๆให้กับคุณและเพื่อนร่วมทีมที่อยู่บริเวณนั้นได้ แถมยังฮิลตัวละครที่อยู่ในระยะสกิลได้อีกด้วย อาวุธที่ควรใช้ อาวุธที่เหมาะกับสายปลายาวเป็นอย่างมากนั่นก็คือ Erde Dawn Hammer ซึ่งเป็นค้อนสำหรับคลาส BioChemist สายปายาอยู่แล้ว ซึ่งจะมีความสามารถติดตัวของอาวุธอย่างสร้าง DMG ให้กับมอนสเตอร์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 75% สร้าง DMG ให้กับมอนสเตอร์ขนาดกลางเพิ่มขึ้น 100% และสร้าง DMG ให้กับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 100% ด้วย แต่ความสามารถที่แท้จริงของอาวุธชิ้นนี้ก็คือ INT+9 และยังทำให้ DMG ของสกิล Acid Bomb แรงขึ้นอีก 18% ด้วย ยิ่งคุณตีบวกได้สูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไปเสริมความรุนแรงของสกิล Acid Bomb ได้มากเท่านั้น ที่นี้ตามเรามันดูกันได้เลยว่ายิ่งตีบวกสูงยิ่งมีความสามารถอะไรเพิ่มเข้ามา เมื่อคุณสามารถตีบวกได้ถึงขั้น 6 แล้ว จะทำให้ระยะเวลาการร่ายสกิล Acid Bomb และ Acid Torror ลดลงทันที 30% ซึ่งจะทำให้คุณสามารถลากสกิลเหล่านี้ได้ไวยิ่งขึ้นนั่นเอง เมื่อคุณสามารถตีบวกได้ถึงขั้น 10 แล้ว จะเพิ่มความเสียหาย P.DMG ระยะไกลเพิ่มขึ้นอีก 15% ทันที เมื่อคุณสามารถตีบวกได้ถึงขั้น 15 แล้ว จะเพิ่ม P.ATK 12% และ M.ATK 12% ทันที และยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เมื่อโจมตีด้วยสกิล Acid Attack หรือ Acid Bomb จะมีโอกาส 30% ที่จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้นอีก 1.5 เท่าทันที การ์ดการ์ดของคลาส BioChemist สายปายา หลักๆก็จะเน้นไปที่เรื่องการเพิ่มดาเมจซะมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มดาเมจเผาหรือเพิ่มดาเมจขนาด รวมไปถึงการเพิ่มดาเมจธาตุด้วย ซึ่งการเหล่านี้จะทำให้สายปายาสร้างความเสียหายได้รุนแรงยิ่งขึ้นนั่นเอง การ์ดอาวุธ ในส่วนของการ์ดอาวุธ ก็จะเน้นไปที่การใส่การ์ดที่ช่วยเพิ่มความเสียหายให้กับ Monster ขนาดต่างๆ หรือเพิ่มความเสียหายให้กับมอนสเตอร์เผ่าต่างๆ ซึ่งการ์ดประเภทเหล่านี้จะเพิ่มความเสียหายให้กับคลาส BioChemist สายปายาได้มากที่สุดแล้ว การที่บวกความเสียหายธาตุต่างๆก็บวกได้เยอะเช่นกัน แต่สำหรับคนที่หาไม่ได้จริงๆก็สามารถใช้พวกการ์ดที่บวกค่า P.ATK หรือ M.ATK มาใส่แทนก็ได้เช่นกัน การ์ดโล่ Megalodon Card - บวกค่า Max HP 4% ทันที แล้วยังบวกค่า P.DEF และ M.DEF อีก 0.4% ด้วย นอกจากนี้แล้วยังเพิ่มค่าต้านสถานะ Freeze ให้กับตัวละครของเราอีก 20% ด้วย การ์ดผ้าคลุม Eclipse Card - สำหรับคนที่มีงบไม่เยอะ การ์ดนี้คุณสามารถหามาใส่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่สำหรับคนที่มีงบควรใส่การ์ดที่ช่วยลดดาเมจของขนาด หรือรถดาเมจธาตุลงจะดีที่สุด การ์ดรองเท้า Verit Card - บวกค่า Max HP 3.5% และบวกค่า Max SP 6% ทันที นอกจากนี้แล้วยังมีความสามารถที่จะลดความเสียหาย P.DMG ลงอีก 0.75% ด้วย การประดับ Greatest General Card - เพิ่มค่าสเตตัสรวมๆแล้ว P.ATK +55 บวกค่า M.ATK +10 แล้วบวกค่า P.ATK และ M.ATK อีก 1.5% ด้วย ซึ่งคุณสามารถใช้การ์ดประดับนี้ทั้ง 4 ช่องเลยก็ได้ ซึ่งจะบวกรวมๆได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว การ์ดหมวก Cramp Card - เพิ่มค่าสเตตัส P.ATK +50 เพิ่มค่า M.ATK +50 นอกจากนี้แล้วยังเพิ่มค่า Max HP +250 อีกด้วย เฟืองที่ควรใช้ Linked Portal - ความสามารถของเฟืองนี้ก็คือ เมื่อตัวละครของเราโจมตีครบ 7 ครั้งจะเข้าสู่สถานะ Enchanced ซึ่งจะเพิ่ม DMG Bonus 15% เป็นระยะเวลา 5 วินาทีด้วยกัน ซึ่งระหว่างที่ติดสถานะนี้อยู่จะไม่สามารถเก็บ stack ได้ และเมื่อสถานะนี้สิ้นสุดลงก็จะเริ่มคำนวณการโจมตีใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเฟืองนี้ก็จะเพิ่มความเสียหายให้กับสกิลต่างๆของคลาส BioChemist สายปายา ได้ค่อนข้างเยอะเลย Intense Burning - โดยความสามารถของเฟืองนี้จะเพิ่มดาเมจให้กับพื้นไฟที่สกิลของเราสร้างขึ้นมาอีก 1% เรื่อยๆ ซึ่งสามารถสูงสุดได้ถึง 9% กันเลยทีเดียว Chemistry Fury - นี่เป็นเฟืองที่สำคัญและจะทำให้คลาส BioChemist สายปายา เก่งมากขึ้นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวด้วยความสามารถของเฟืองที่จะทำให้เมื่อปลาสกิล Acid Bomb จะมีโอกาส 30% ที่จะสร้างดาเมจ 2 ครั้ง โดยดาเมจครั้งที่ 2 จะแรงเท่ากับ 40% ของครั้งแรก Plant Protection - เฟื่องนี้จะทำให้สกิล Creature Dispatch มีเอฟเฟกค์สเตตัสเพิ่มขึ้น 70% ซึ่งเฟืองชิ้นนี้เป็นทางเลือก คุณจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Serval พี่สาวสุดเท่ ตัวแจกที่แบกคุณได้!!
หลังจากที่เกม Honkai Star Rail ได้เปิดให้บริการไป ก็จะมีกิจกรรมที่จะแจกตัวละคร Serval ให้กับทุก ID แบบฟรีๆไปเลย ซึ่งตัว Serval ก็เป็นตัวละครที่เก่งจนสามารถแบกไอดีของคุณได้เลยทีเดียว ถ้าคุณปั้น Serval ให้ออกมาถูกวิธี แต่หลายๆคนก็สับสนว่าจะต้องเล่นสายไหนหรือจะต้องเล่นแบบไหนถึงจะออกมาดีที่สุด ต้องใส่ของอะไรบ้าง แล้วต้องทำยังไงถึงจะรีบประสิทธิภาพของ Serval ออกมาให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละคร Serval ตัวละคร 4 ดาวฟรีที่สามารถแบกไอดีคุณได้ จุดเด่นของ ServalServal เป็นหนึ่งในตัวละครที่คุณจะได้รับในช่วงเริ่มเกมกันทุกคนอยู่แล้ว แล้วเป็นตัวละครที่เก่งและใช้งานได้ดีในหลายๆสถานการณ์อีกด้วย และในปัจจุบันนี้มีตัวละครที่มีการแพ้จุดอ่อนให้กับสายฟ้าค่อนข้างเยอะ จึงทำให้ Serval เก่งมากๆกับศัตรูเหล่านี้ แล้วด้วยความสามารถในการทำดาเมจหมู่ใส่ศัตรู พร้อมทั้งมีความเสียหาย DoT ที่ค่อนข้างแรง จึงทำให้คุณสามารถรีดดาเมจจาก Serval ได้ค่อนข้างเยอะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เรียกได้ สกิลและความสามารถของ Serval Serval นับว่าเป็นตัวละคร Path ปัญญาที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูพลังงานให้ตนเองได้เยอะและเร็วเป็นอย่างมาก ด้วยตัวดาเมจจากตัวคูณของสกิลที่ดี และมีการทำดาเมจ DoT อย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้อง Break ศัตรูเลย ทำให้ Serval เป็นตัวละครที่เล่นง่ายและใช้งานได้ดีในหลายๆสถานการณ์เลยทีเดียว [Normal Attack] Roaring Thunderclap - สร้างความเสียหายสายฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดความเสียหายจากค่าพลังโจมตีของ Serval [Skill] Lightning Flash - สร้างความเสียหายสายฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัว โดยคิดความเสียหายจากพลังโจมตีของ Serval และจะสร้างความเสียหายใส่ศัตรูใกล้เคียงด้วยโดยจะคิดความเสียหายจากพลังโจมตีของ Serval นอกจากนี้แล้วยังมีโอกาสพื้นฐาน 80% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะช๊อตไฟฟ้าเป็นเวลา 2 เทิร์น โดยศัตรูที่ติดสถานะช๊อตไฟฟ้าจะได้รับความเสียหายไฟฟ้าต่อเนื่องในช่วงเริ่มต้นเทิร์นถัดไป ด้วยความเสียหายจะคิดจากพลังโจมตีของ Serval [Ultimate] Here Comes the Mechanical Fever - สร้างความเสียหายสายฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดโดยจะคิดความเสียหายจากพลังโจมตีของ Serval และจะทำการขยายระยะเวลาของสถานะช๊อตไฟฟ้าที่ศัตรูเป้าหมายติดอยู่ไปอีก 2 เทิร์นด้วย[Talent] Galvanic Chords - หลังจากทำการโจมตีจะสร้างความเสียหายสายฟ้าเพิ่มเติม 1 ครั้งแก่ศัตรูที่ติดสถานะช๊อตไฟฟ้าทั้งหมด โดยความเสียหายจะคิดจากค่าพลังโจมตีของ Serval Serval เป็นตัวละครที่มีความสามารถในการ Break เกราะของศัตรูได้ดีเป็นอย่างมาก เพราะจุดเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูพลังงานให้กับตัวเอง ทำให้ Serval สามารถกดใช้ Ultimate ได้บ่อยครั้งเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ากดสกิลต่อสู้ 2 ครั้งก็สามารถกด Ultimate ต่อได้แล้ว และความเสียหายที่ Serval สร้างก็มีความต่อเนื่องเป็นอย่างมาก เพราะมาจากตัวคูณดาเมจแบบสดๆก็มี หรือแบบความเสียหายต่อเนื่อง DoT ก็มีเช่นกัน ถึงแม้ตัวคุณความเสียหายจะไม่ได้สูงมาก แต่ก็แรงพอที่จะกำจัดศัตรูแบบหมู่ได้ง่ายๆเลย RelicServal เป็นตัวละครที่เราสามารถเล่นได้ทั้งเป็นตัวดาเมจหลักและเล่นเป็นตัวดาเมจรองได้ด้วย และค่า stat ที่ Serval ควรจะมีเป็นอันดับแรกนั่นก็คือค่าความเร็ว ที่ควรจะมีให้ได้ถึง 134 ก่อนเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยอัตราคริติคอล ความแรงคริติคอล และพลังโจมตี แต่ก็มีอีกบิวนึงที่คุณสามารถทำได้เช่นกัน นั่นก็คือ Serval สายทำลายล้าง ซึ่งจะสามารถ Break เกราะของศัตรูได้รุนแรงยิ่งขึ้น และยังทำให้ความเสียหาย DoT แรงตามขึ้นไปด้วย แต่ในสายทำลายล้างนี้ Serval จำเป็นที่จะต้องมีเลเวลตัวละครสูงเป็นอย่างมาก และถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะให้ถึงเลเวล 80 เลย ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่าแต่ละชิ้น Serval ควรใส่อะไรบ้างและมีเซตไหนบ้างที่ดีกับ Serval ค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ คุณควรเน้นใส่ในเรื่องของค่าคริติคอลต่างๆ และพยายาม Balance ค่าความแรงคริติคอลและอัตราคริติคอลให้ออกมาสมดุลกันมากที่สุด แต่ที่สำคัญคือคุณต้องทำให้อัตราคริติคอลสามารถติดบ่อยๆได้จริงก่อนแล้วค่อยไปเน้นในเรื่องของความแรงคริติคอลอีกทีหนึ่ง ในส่วนของรองเท้า คุณสามารถเลือกใส่ได้ 2 อย่าง โดยอย่างแรกก็คือความเร็ว โดย Serval เป็นตัวละครที่ความเร็วค่อนข้างจำเป็น เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Serval สามารถกดใช้ Ultimate ได้บ่อยครั้งเป็นอย่างมาก ความเร็วจึงมีผลต่อ Serval มากเพราะจะทำให้สามารถกดสกิลต่อสู้ได้บ่อยขึ้น ยิ่งกดสกิลต่อสู้ได้บ่อยขึ้นพลังงานก็ยิ่งได้มากขึ้นตามไปด้วย ค่าความเร็วจึงค่อนข้างกับ Serval เป็นอย่างมาก แต่ถ้าคุณมีค่าความเร็วถึงแล้ว คุณจะไปใส่ atk% ก็สามารถทำได้เช่นกัน และที่ atk% ดีก็เพราะว่าความเสียหายต่อเนื่อง DoT จะไม่สามารถติดคริติคอลได้ โดยดาเมจจะมาจากค่าพลังโจมตีและค่าทำลายล้างเท่านั้น การใส่ atk% จึงเพิ่มดาเมจให้กับ Serval ได้ดีเลย ในส่วนของ Pana Spear จะมีตัวเลือกให้คุณ 2 แบบซึ่งนั่นก็คือโบนัสความเสียหายสายฟ้า ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะจะเพิ่มความเสียหายให้กับ Serval ได้สูงเป็นอย่างมาก และสามารถใช้งานได้กับทั้งตัวคูณดาเมจจากสกิลต่างๆ รวมไปถึงสามารถเพิ่มความเสียหายต่อเนื่อง DoT ได้อีกด้วย แต่สำหรับคนที่หาไม่ได้จริงๆคุณก็สามารถใส่ atk% ได้เช่นกัน แต่ควรจะมีออฟรองที่ค่อนข้างสวยหน่อย เพราะถ้าไม่ได้มีออฟตรองที่สวยมาก การใส่โบนัสความเสียหายสายฟ้าจะดีกว่ามากเลยทีเดียว ในส่วนของลิงค์ลบ แนะนำให้คุณใส่เป็นฟื้นฟูพลังงาน เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปว่า Serval สามารถกดสกิลต่อสู้ 2 ครั้งและสามารถกด Ultimate ต่อได้เลย ซึ่งถือว่าไวน์เป็นอย่างมาก ทำให้คุณสามารถเบรคศัตรูแบบหมู่ได้แทบจะตลอดเวลา และ Ultimate ก็มีความรุนแรงที่ค่อนข้างดีด้วย เพราะฉะนั้นการใส่ฟื้นฟูพลังงานจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ถ้าคุณหาแบบที่ตรงเซตไม่ได้จริงๆ จะใส่เป็น atk% ก็ได้เช่นกัน เซต Relic ที่แนะนำ Band of Sizzling Thunderสำหรับ Serval แล้ว Relic ชิ้นนี้ถือว่าเป็นเซตที่ดีที่สุดแล้ว เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มโบนัสความเสียหายสายฟ้าให้กับผู้สวมใส่ 10% ทันที และความสามารถ 4 ชิ้นที่เมื่อผู้สวมใส่กดสกิลต่อสู้จะเพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ทันที 20% เป็นเวลา 1 เทิร์น ซึ่ง Serval เป็นตัวละครที่กดสกิลต่อสู้บ่อยมากอยู่แล้ว จึงเหมือนว่าได้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมา 20% ตลอดเวลา และเซต 2 ชิ้นที่จะบวกโบนัสความเสียหายสายฟ้าอีก 10% ก็จะเพิ่มความรุนแรงให้กับ Serval ในทุกๆสกิลเลยก็ว่าได้ Musketeer of Wild Wheat เซตยอดนิยมอันดับ 1 ภายในเกม ตัวละครทุกตัวสามารถใส่เซตนี้ได้ แน่นอนว่า Serval ก็สามารถใส่ได้เช่นกัน ด้วยความสามารถที่เพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ และเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมใส่ จึงทำให้ Serval สามารถใส่เซตนี้ได้ดีเช่นกัน Thief of Shooting Meteorสำหรับคนที่จะเล่น Serval เป็นสายทำลายล้าง หรือสำหรับคนที่มีออฟรองสวยๆในเซตนี้เยอะ คุณก็สามารถเลือกมาใช้งานได้เช่นกัน เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะทำให้ผู้สวมใส่ได้รับเอฟเฟคทำลายล้างเพิ่มขึ้น 16% และความสามารถ 4 ชิ้นที่จะทำให้เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นอีก 16% และหลังจากที่สามารถทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายได้จะฟื้นพลังงาน 3 หน่วยทันที ทำให้ Serval ได้รับเอฟเฟคทำลายมาแบบฟรีๆถึง 32% กันเลยทีเดียว ซึ่งก็จะทำให้สามารถ Break ศัตรูได้แรงยิ่งขึ้น และยังสร้างความเสียหายต่อเนื่อง DoT ได้แรงยิ่งขึ้นอีก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการจะใช้งานและมีออฟรองสวยๆนั่นเอง Inner Salsottoเซตนี้ดีกับ Serval เป็นอย่างมากเพราะทำให้ผู้สวมใส่ได้รับอัตราคริติคอลเพิ่มขึ้น 8% ทันที ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องหาอัตราคริที่มากเกินไป และยังทำให้ความเสียหายจาก Ultimate เพิ่มขึ้นอีก 15% ด้วย ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับ Serval เลย Space Sealing Stationอีกหนึ่งในเซตที่ดีสำหรับ Serval เพราะความสามารถที่จะเพิ่มค่า atk% ให้กับ Serval ถึง 24% กันเลยทีเดียว โดยเงื่อนไขง่ายๆเพียงแค่ต้องมีค่าความเร็วถึง 120 หน่วย ซึ่ง Serval ต้องทำค่าความเร็วให้สูงอยู่พอประมาณนึง การใส่ Relic เซตนี้จึงเหมือนได้ atk มาฟรีๆถึง 24% เลย Light Coneสำหรับ Serval แล้ว มี Light Cone ให้เลือกใช้เยอะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และคุณสามารถหามาใช้งานได้อย่างง่ายๆอีกด้วย ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่ามี Light Cone ชิ้นไหนบ้างที่เหมาะกับ Serval และชิ้นนั้นดีอย่างไร Before Dawn - 5 ดาว ทำให้ความแรง critical ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์ และจะทำให้ความแรงของสกิลต่อสู้และ Ultimate ของผู้สวมใส่แรงขึ้นอีก 18% ด้วย และหลังจากที่ผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้หรือ Ultimate จะได้รับเอฟเฟค “Somnus Corpus” มาทันที โดยเอฟเฟคนี้จะถูกใช้หลังจากที่ผู้สวมใส่ทำการโจมตีต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ความเสียหายของการโจมตีต่อเนื่องเพิ่มขึ้นอีก 48% ที่ Serval สามารถใส่เซตนี้แล้วดี เพราะความสามารถทั้งหมดเป็นสิ่งที่ Serval ต้องการเลยก็ว่าได้ ยกเว้นการใช้เอฟเฟค “Somnus Corpus” ที่ Serval ไม่มีความเสียหายในส่วนนี้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าแรงกว่า Light Cone อันอื่น Night on the Milky Way - 5 ดาว Light Cone ชิ้นนี้เป็น 1 ใน Light Cone ถาวรที่คุณสามารถหลุดเรทแล้วได้รับมาได้ ด้วยความสามารถที่เมื่อมีศัตรูทุกๆ 1 ตัวอยู่ในการต่อสู้ จะทำให้พลังโจมตีของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 9% และความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุดถึง 5 ชั้น นอกจากนี้แล้วเมื่อมีศัตรูเป้าหมายที่ถูกทำลายจุดอ่อน ผู้สวมใส่จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 30% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์นด้วยกัน ด้วยความที่เป็น Light Cone ระดับ 5 ดาว จึงมี stat ต่างๆที่สูงกว่า Light Cone อันอื่นค่อนข้างเยอะ แล้วด้วยความสามารถที่ Serval สามารถใช้ได้ทุกอย่าง จึงเป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่คุณสามารถใส่ให้กับ Serval ได้นั่นเอง Today Is Another Peaceful Day - 4 ดาว Light Cone จาก Battle Pass ที่ถือว่าเป็น Light Cone ในระดับ 4 ดาวที่ดีที่สุดแล้วสำหรับ Serval เพราะความสามารถที่จะเพิ่มโบนัสความเสียหายให้กับผู้สวมใส่ตามจำนวนพลังงานสูงสุดที่ผู้สวมใส่ใช้นั่นเอง โดยจะเพิ่มขึ้น 0.2% ต่อพลังงาน 1 หน่วย ซึ่ง Serval สามารถใช้ความสามารถนี้ได้อย่างเต็มที่เลย ถึงแม้ว่า Serval จะมีค่าพลังงานสูงสุดอยู่ที่ 100 หน่วยก็ตามที แต่ก็ยังแรงกว่า Light Cone ระดับ 4 ดาวอันอื่นอยู่ The Seriousness of Breakfast - 4 ดาว Light Cone นี้คุณสามารถได้รับฟรีจากการแลกในร้านค้า Forgotten Hall และสามารถวางซ้อน 5 ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว และด้วยความสามารถที่จะเพิ่มความเสียหายให้กับผู้สวมใส่ 12% ทันที และทุกครั้งที่กำจัดศัตรูเป้าหมายได้ 1 ตัว จะเพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่อีก 4% ซึ่งสามารถทับซ้อนได้ถึง 3 ชั้น ด้วยความสามารถเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่ง Light Cone ที่ Serval ใส่แล้วออกมาดูดีเป็นอย่างมากเลย Make the World Clamor - 4 ดาว นี่เป็น Light Cone ประจำตัวของ Serval เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีอะไรจะใส่แล้ว ด้วยความสามารถที่เมื่อผู้สวมใส่เข้าสู่การต่อสู้ จะทำการฟื้นฟูพลังงานทันที 20 หน่วย และทำให้ Ultimate สร้างความเสียหายได้แรงขึ้นอีก 32% ด้วยความสามารถในการเพิ่มความแรงของ Ultimate จึงค่อนข้างเหมาะกับ Serval เลยทีเดียว เพราะ Serval เป็นตัวละครที่กด Ultimate ได้บ่อยเป็นอย่างมาก ทีมแนะนำServal เป็นตัวละครที่สามารถเล่นได้ทั้งเป็นตัวดาเมจหลักให้กับทีมและตัวดาเมจรองให้กับทีมได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับทีมที่คุณจัดให้ Serval ไปเล่นด้วย แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าในกรณีที่จะเอา Serval ไปเป็นตัวดาเมจหลักเพียงแค่ตัวเดียว คุณอาจจะต้องปั้น Serval ให้ออกมาเก่งในระดับนึงเลยทีเดียว ถ้าไม่ฉะนั้นคุณอาจจะรีดดาเมจจาก Serval ไม่ทันก่อนที่เทิร์นจะหมด ที่นี้ตามเรามาดูก็ได้เลยว่ามีทีมไหนบ้างที่ Serval สามารถไปเล่นได้ ทีมที่มี Serval เป็นตัวดาเมจหลัก ในกรณีของทีมนี้ Serval จะเป็นตัวทำดาเมจหลักให้กับทีม ซึ่งจะมีตัวละคร support 1 ตัวหรือ 2 ตัวก็ได้ ถ้าคุณต้องการจะใส่ตัวซัพพอร์ตเพียงแค่ตัวเดียว อีกหนึ่งตัวละครคุณสามารถใส่เป็นตัวที่จะคอยดีบัฟศัตรูก็ได้เช่นกัน และอีกตำแหน่งสุดท้ายนั่นก็คือตัวที่ทำให้ทั้งทีมไม่ตาย ซึ่งในทีมนี้ Serval จะต้องค่อนข้างเก่งพอประมาณเลย ถ้าคุณปั้นมาไม่ดีพออาจจะรีดดาเมจไม่ทันก็ได้ ทีมที่ Serval เป็นตัวดาเมจรอง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ Serval ค่อนข้างจะถนัด เพราะตัวของ Serval เองสามารถคอยทำการโจมตีปกติเพื่อเก็บแต้มสกิลต่อสู้ให้กับทีมได้ด้วย และด้วยความที่ตัวเองสามารถฟื้นฟูพลังงานได้ไว จึงไม่จำเป็นต้องกดสกิลต่อสู้บ่อยถึงขนาดนั้น แค่กดสกิลต่อสู้ให้ศัตรูติดสถานะช็อตไฟฟ้า แล้วค่อยๆกด Ultimate เพื่อเลี้ยงสถานะช็อตไฟฟ้านั้นไปเรื่อยๆก็ได้เช่นกัน และที่ Serval สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีก็เพราะว่า ความสามารถในการ Break ที่ Serval สามารถทำได้ดีเป็นอย่างมากนั่นเอง โดยตำแหน่งตรงนี้ Serval จะสามารถมุ่งเน้นไปที่การ Break ศัตรูอย่างเดียวได้เลย และปล่อยให้ตัวดาเมจหลักคอยโจมตีใส่ศัตรูที่จำเป็นอย่างเดียวได้นั่นเอง Eidolonสำหรับ Serval แล้ว Eidolon ไม่ได้ถือว่าจำเป็นมากขนาดนั้นเพียงแต่ถ้าคุณมี Eidolon เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ Serval เล่นได้ง่ายยิ่งขึ้นเท่านั้น ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่าจะมี Eidolon อะไรบ้าง [E1] Echo Chamber - การโจมตีปกติจะสุ่มสร้างดาเมจสายฟ้าเพิ่มเติมอีก 60% ซึ่งจะคิดความเสียหายจากการโจมตีปกติ แกะศัตรูใกล้เคียง 1 ตัว [E2] Encore! - ทำให้ทุกครั้งที่ Serval ปล่อยดาเมจเพิ่มเติมจาก Talent Serval จะได้รับการฟื้นฟูพลังงาน 4 หน่วยทันที [E3] Listen, the Heartbeat of the Gears - Lv.ของสกิลต่อสู้ +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเพิ่ม Lv.การโจมตีปกติ +1 โดยจะสูงสุดไม่เกิน Lv.10[E4] Make Some Noise! - เมื่อ Serval ทำการใช้ Ultimate จะมีโอกาสพื้นฐาน 100% ที่จะทำให้ศัตรูเป้าหมายที่ยังไม่ติดสถานะช็อตไฟฟ้า ติดสถานะช็อตไฟฟ้าซึ่งเป็นอันเดียวกันกับของสกิลต่อสู้ [E5] Belobog's Loudest Roar! - เพิ่ม Lv.Ultimate +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเพิ่ม Lv.Talent +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน Lv.15[E6] This Song Rocks to Heaven! - Serval จะสร้างความเสียหายแก่ศัตรูเป้าหมายที่ติดสถานะช็อตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 30% อย่างที่ได้บอกไปว่า Serval ไม่จำเป็นต้องมี Eidolon เลยก็ยังถือว่าเก่งอยู่ดี แต่ถ้าเกิดคุณมี E2 ก็จะทำให้ Serval เก่งขึ้นและสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว เพราะจะทำให้สามารถวน Ultimate ได้ง่ายยิ่งขึ้นจากการกดสกิลต่อสู้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น แล้วสำหรับคนที่มีงบหน่อย การเปิดถึง E4 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้คุณแทบไม่จำเป็นต้องกดสกิลต่อสู้เพื่อทำให้ศัตรูติดสถานะช็อตไฟฟ้าเลย คุณสามารถทำการโจมตีปกติไปเรื่อยๆ แล้วรอกด Ultimate เพื่อทำให้ศัตรูทั้งหมดติดสถานะช็อตไฟฟ้าได้ ซึ่งถือว่านี่เป็น Eidolon ที่ดีที่สุดสำหรับ Serval แล้ว แล้วถ้าคุณต้องการจะ Maximize ให้กับ Serval E6 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะจะทำให้ Serval สามารถสร้างความเสียหายเพิ่มเติมกับศัตรูที่ติดสถานะช็อตไฟฟ้าได้แรงขึ้นอีก 30% เลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็รวมถึงดาเมจทุกๆอย่างที่ Serval สามารถสร้างได้เลย 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Yanqing ห้าดาวที่แรงเป็นอันดับต้น ๆ ของเกม
Yanqing ตัวละครระดับ 5 ดาวจากตู้ถาวร ภายในเกม Honkai Star Rail ที่หลายๆคนอาจจะมีไว้ในครอบครองแล้ว ด้วยความที่โมเดลถูกออกแบบมาได้ดูดี จนถูกอกถูกใจทั้งชายและหญิงกันไปมากเลยทีเดียว หลายๆคนคงจะปั้นกันไปบ้างแล้ว แต่ไม่ได้แรงเพราะอาจจะปั้นผิดวิธี หรือสำหรับคนที่มีแล้วแต่กำลังรอที่จะปั้นอยู่ พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำวิธีการปั้น Yanqing ตัวละครระดับ 5 ดาวให้เก่งและแรงเพื่อรีดประสิทธิภาพของ Yanqing ออกมาให้สูงที่สุด จุดเด่นของ Yanqing ถ้าพูดถึงจุดเด่นของ Yanqing ตัวละครตัวนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความรุนแรงในการโจมตีที่เรียกได้ว่ารุนแรงแทบจะที่สุดในเกมแล้วก็ว่าได้ ด้วยความสามารถที่สามารถบัฟอัตราคริติคอลและค่าความแรงคริติคอลให้กับตัวเองได้สูงมาก บวกกับตัวคูณความเสียหายของสกิลต่างๆ จึงไม่แปลกที่ Yanqing จะเป็นตัวละครที่สร้างดาเมจเป้าเดี่ยวได้รุนแรงมากๆ และด้วยความที่เป็นตัวละครแบบถาวร คุณจึงสามารถหามาใช้ได้ทั้งจากการสุ่มตู้ถาวรหรือจากการหลุดเรทได้ สกิลและความสามารถของ YanqingYanqing นับว่าเป็นตัวละคร Path ล่าสังหารที่มีความแรงในการโจมตีเป็นอันดับต้นๆของเกมเลยก็ว่าได้ เพราะความสามารถในการบัฟอัตราคริติคอลและค่าความแรงคริติคอลให้กับตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเน้นค่าอัตราคริติคอลสูงขนาดนั้นก็ได้ แต่ไปเน้นในค่าพลังโจมตีและความเร็วแทน [Normal Attack] Frost Thorn - สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัว โดยคิดจากค่าพลังโจมตีของ Yanqing [Skill] Darting Ironthorn - สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรูอย่างรุนแรง 1 ตัว โดยจะคิดจากค่าพลังโจมตีของ Yanqing และทำให้ Yanqing ได้รับสถานะ Soulsteel Sync เป็นระยะเวลา 1 เทิร์นด้วย [Ultimate] Amidst the Raining Bliss - เพิ่มอัตราคริติคอลให้กับ Yanqing 60% และถ้าหาก Yanqing อยู่ภายใต้บัฟของ Soulsteel Sync จะเพิ่มความแรงคริติคอลให้กับ Yanqing อีกด้วย โดยบัฟนี้จะอยู่เป็นระยะเวลา 1 เทอม นอกจากนี้แล้วยังสร้างความเสียหายน้ำแข็งอย่างรุนแรงใส่ศัตรู 1 ตัวด้วย โดยคิดความเสียหายจากค่าพลังโจมตีของ Yanqing [Talent] One With the Sword - เมื่อ Yanqing อยู่ภายใต้บัฟ Soulsteel Sync จะทำให้โอกาสถูกโจมตีลดลงอย่างมาก และเพิ่มอัตราคริติคอลของตนเองพร้อมทั้งเพิ่มความแรงคริติคอลอีกด้วย นอกจากนี้แล้วเมื่อทำการโจมตีใส่ศัตรู จะมีโอกาสคงที่ 65% ที่จะทำการโจมตีต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรูตัวนั้นเพิ่มขึ้นอีกโดยจะคิดจากค่าพลังโจมตีของ Yanqing เป็นหลัก และยังมีโอกาสพื้นฐานอีก 65% ที่จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะแช่แข็งเป็นระยะเวลา 1 เทิร์นอีกด้วย ถ้าศัตรูติดสถานะแช่แข็ง เมื่อเริ่มต้นเทิร์นจะไม่สามารถ Action ใดๆได้เลย และจะได้รับความเสียหายน้ำแข็งเพิ่มเติมอีกรอบหนึ่ง โดยจะคิดคำนวณจากค่าพลังโจมตีของ Yanqing อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Yanqing เป็นตัวละครที่สามารถบัพค่าคริต่างๆได้เยอะเป็นอย่างมาก และมีตัวคุณความเสียหายจากสกิลที่สูงมากด้วยเช่นกัน จึงไม่แปลกเลยที่ Yanqing จะสามารถทำดาเมจเป้าเดี่ยวได้รุนแรงแทบจะที่สุดในเกมแล้ว บวกกับความสามารถต่างๆไม่ว่าจะเป็นการทำให้ศัตรูติดแช่แข็ง หรือการทำให้ตนเองมีโอกาสโดนโจมตีน้อยลง ด้วยความสามารถทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ Yanqing เป็นตัวที่เก่งเป็นอันดับต้นๆของเกมเลย โดยจะมี Talent เป็นสกิลสำคัญที่คุณจำเป็นต้องเปิดใช้งานให้ได้ตลอดเวลา เพื่อทำให้ Yanqing คงอยู่ในสถานะบัฟ Soulsteel Sync ได้ตลอดเวลานั่นเอง Relicในส่วนของลิลิตที่ Yanqing สามารถใส่ได้นั้น หลักๆแล้วจะมีให้คุณใส่อยู่ 2 เซตด้วยกัน แต่ในที่นี้จะเป็นเซตที่ดีที่สุดและเป็นเซตทางเลือกเท่านั้น ในส่วนของเซตอื่นๆไม่แนะนำให้ใส่เลย ยกเว้นในกรณีที่จะมีออฟรองที่สวยมากๆเท่านั้น แต่ก่อนจะไปดูกันว่ามีเซตไหนบ้างต้องขอบอกไว้ก่อนว่า Yanqing เป็นตัวละครที่คุณสามารถเน้นในเรื่องของความแรงคริติคอลและพลังโจมตีได้อย่างเต็มที่เลย ในเรื่องของอัตราคริติคอลนั้นคุณมีติดไว้บ้างแต่ไม่จำเป็นต้องเยอะมาก เพราะมี Talent ที่คอยเพิ่มให้อยู่แล้ว ให้นำส่วนต่างเหล่านั้นไปลงกับความแรงคริติคอลและพลังโจมตีได้เลย และอีก 1 ค่า stat ที่ดีไม่แพ้กันนั่นก็คือค่าความเร็ว โดยควรจะมีให้ได้ถึง 134 ก็เพียงพอแล้ว เพราะจะทำให้ Yanqing สามารถเข้าเทิร์นได้บ่อยยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ Yanqing สามารถโจมตีและเก็บค่าพลังงานมาใช้ได้ เพราะความแรงของ Yanqing จะมาจาก Ultimate ค่อนข้างมาก การใส่ค่าสปีดเพื่อช่วยในการฟื้นฟูพลังงานก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ ให้คุณเน้นไปที่เรื่องของคริติคอลได้เลย โดยถ้าเป็นไปได้ให้ใส่เป็นความแรงคริติคอลแทน เพื่อทำให้ Yanqing สามารถสร้างความเสียหายได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในกรณีของคนที่มีอัตราคริติคอลน้อยมากๆ ให้คุณใส่เป็นอัตราคริติคอลแทนจะดีกว่า ในส่วนของรองเท้า จะมีตัวเลือกให้คุณใส่ด้วยกันทั้งหมด 2 ชิ้นนั่นก็คือค่า atk% และค่าความเร็ว โดยคุณสามารถใส่ค่า atk% ได้ถ้าเกิดความเร็วของคุณมีราวๆ 115-120 หน่วย เพราะ Yanqing จะมี Trace ที่เมื่อโจมตีติดคริติคอลแล้วจะทำให้เพิ่มความเร็วให้กับ Yanqing ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อนำมาบวกกับความเร็วที่ Yanqing มีอยู่แล้วจะทำให้ถึง 134 หน่วยได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ในกรณีที่ค่าความเร็วของคุณยังน้อยอยู่ การพิจารณาจะใส่ค่าความเร็วเข้าไปก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการใส่ค่า atk% ในส่วนของ Planar Sphere ให้คุณใส่เป็นโบนัสความเสียหายน้ำแข็ง เพื่อบูสความแรงในการโจมตีแต่ละครั้งให้กับ Yanqing ได้สูงที่สุด แต่ถ้าคุณไม่สามารถหาโบนัสความจ่ายน้ำแข็งที่ตรงเซตได้ คุณจะใส่เป็นค่า atk% แทนไปก่อนก็ได้เช่นกัน ถ้าคุณมีทั้ง 2 แบบเลยก็ให้ดูที่ออฟรองเป็นหลัก ถ้า atk% มีออฟรองที่ดีกว่าค่อนข้างมาก คุณก็สามารถใส่ atk% ได้ แต่ถ้า atk% ดีกว่าไม่มากการใส่โบนัสความเสียหายน้ำแข็งจะดีกว่า ในส่วนของ Link Rope จะมีให้คุณเลือกด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ นั่นก็คือการฟื้นฟูพลังงานและค่า atk% แต่ในทางเราจะแนะนำให้คุณใส่เป็นค่าฟื้นฟูพลังงานจะดีกว่าค่อนข้างมาก เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า Yanqing มี Ultimate ที่สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงเป็นอย่างมาก การที่คุณสามารถกด Ultimate ได้บ่อยๆก็หมายความว่าคุณสามารถสร้างดาเมจได้เยอะกว่านั่นเอง แต่สำหรับคนที่มี atk%ที่มีออฟรองสวยๆคุณก็สามารถพิจารณาที่จะใส่แทนค่าคุณผู้พลังงานได้เช่นกัน เซต Relic ที่แนะนำHunter of Glacial Forestนี่เป็นเซต Relic ที่ดีที่สุดสำหรับ Yanqing แล้วก็ว่าได้ เพราะด้วยความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มความเสียหายน้ำแข็งให้กับผู้สวมใส่ 10% และความสามารถของ 4 ชิ้นที่เมื่อผู้สวมใส่ใช้ Ultimate ความแรง critical จะเพิ่มขึ้น 25% เป็นระยะเวลา 2 เทอม ซึ่งทั้งเซต 2 ชิ้นและเซต 4 ชิ้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่ดีกับ Yanqing ทั้งสิ้น โดยเฉพาะความสามารถของเซต 4 ชิ้น ที่จะเหมาะมากๆกับคนที่มีค่า Speed ถึง 134 และใส่ชิ้นฟื้นฟูพลังงานเข้าไปด้วย ทำให้ Yanqing สามารถบัพค่าความแรงคริติคอลให้กับตัวเองได้แทบจะตลอดเวลาและสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงจาก Ultimate ได้บ่อยครั้งอีกด้วย Musketeer of Wild Wheat หนึ่งในเซตยอดนิยมที่ทุกตัวละครในเกมสามารถใช้ได้ และแน่นอนว่า Yanqing ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ด้วยความสามารถ 2 ชิ้นที่เพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ถึง 12% และเซต 4 ชิ้นที่จะเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมใส่อีก 6% ด้วย พร้อมทั้งทำให้การโจมตีปกติรุนแรงขึ้นอีก 12% จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับ Yanqing ในกรณีที่คุณมีออฟรองที่สวยมากๆ เซตนี้อาจจะดีกว่าเซต Hunter of Glacial Forest เลยก็ได้ Inner Salsotto1 ในเซตทางเลือกสำหรับ Planar Sphere และ Link Rope ด้วยความสามารถที่จะบวกค่าอัตราคริติคอลให้กับคุณ 8% ทันที ซึ่งช่วยเติมอัตราคริติคอลให้กับคุณได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว และทำให้การโจมตีต่อเนื่องและ Ultimate แรงขึ้นอีก 15% ด้วยความที่ Yanqing เป็นตัวละครที่ Ultimate มีความรุนแรงอย่างมาก ทำให้การใส่ Relic เซตนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเช่นกัน และ Yanqing ก็มีการโจมตีต่อเนื่องที่มาจาก Talent ด้วย จึงทำให้ Yanqing สามารถใช้ความสามารถจากเซต Relic เซตนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลยทีเดียว และด้วยความที่บวกอัตราคริติคอลให้ถึง 8% ทำให้คุณมีโอกาสที่จะได้ใส่ความแรงคริติคอลในช่องเสื้อมากยิ่งขึ้นไปด้วย Space Sealing Stationหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับ Yanqing เพราะความสามารถในการบวกพลังโจมตีที่สามารถบวกได้สูงสุดถึง 24 เปอร์เซ็นต์ในกรณีที่ Yanqing ของคุณมีความเร็วถึง 120 หน่วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยที่คุณจะทำให้ Yanqing มีความเร็วถึง 120 หน่วย การจะใส่เซตนี้จึงเป็นเหมือนการได้ atk ขึ้นมาแบบฟรีๆเลย Light Coneอันที่จริง Yanqing สามารถใส่ Light Cone ได้หลากหลายเป็นอย่างมาก แต่ Light Cone ที่ทางเราจะแนะนำ จะทำให้ Yanqing ของคุณเก่งสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และยังง่ายต่อการทำ statต่างๆที่จำเป็นสำหรับ Yanqing ด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าอัตราคริติคอลความแรงคริติคอลค่าพลังโจมตีและค่าความเร็ว In the Night - 5 ดาว Light Cone ประจำตัวของ Selee แต่ Yanqing ก็สามารถใส่ได้เช่นกัน เพราะทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นถึง 18% และด้วยความสามารถที่เมื่อความเร็วเกินมาทุกๆ 10 หน่วยจาก 100 จะทำให้สร้างโบนัสความเสียหายเพิ่มเติม 6% แล้วทำให้ความแรงคริติคอลจากท่าไม้ตายเพิ่มขึ้นถึง 12% ด้วยความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุด 6 ชั้น ด้วยความสามารถทั้งหมดนี้เป็นความสามารถที่ Yanqing สามารถใช้ได้ทั้งสิ้น แต่คุณไม่จำเป็นต้องปั้นความเร็วให้สูงเกิน 140 ก็ได้ เพราะไม่ได้คุ้มค่าที่จะทำขนาดนั้น เพียงแค่เป็นโบนัสเล็กๆน้อยๆจากความเร็วที่คุณสามารถหามาได้ Cruising in the Stellar Sea - 5 ดาว จุดเด่นของ Light Cone ชิ้นนี้ก็คือคุณสามารถหาแลกได้จากร้านค้า Herta ได้ และสามารถวางซ้อนถึง 5 ได้ง่ายๆเลย ซึ่งเมื่อสามารถวางซ้อนได้ถึง 5 แล้ว จะทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และเมื่อโจมตีใส่ศัตรูที่มีค่า HP น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% อัตราคริติคอลจะเพิ่มขึ้นอีก 16% ด้วย นอกจากนี้แล้วเมื่อกำจัดศัตรูลงได้จะเพิ่ม atk อีก 40% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น ซึ่งด้วยความที่ Yanqing มีดาเมจที่รุนแรงมากอยู่แล้ว การจัดโจมตีให้ศัตรูตัวใหญ่ๆตายได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย บวกกับความสามารถในการเพิ่มอัตราคริติคอลถึง 16% ที่วางซ้อน 5 จึงทำให้คุณสามารถเน้นไปที่ค่าความแรงคริติคอลและค่าสกัดอื่นๆได้อย่างไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอัตราคริติคอลเลย Sleep Like the Dead - 5 ดาว Light Cone ประจำตัวของ Yanqing ซึ่งจะทำให้ความแรงคริติคอลเพิ่มขึ้นถึง 30% กันเลยทีเดียว และเมื่อการโจมตีปกติหรือสกิลการต่อสู้ของผู้สวมใส่ไม่เกิดคริติคอล อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 36% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ซึ่งความสามารถนี้จะเกิดได้ 1 ครั้งในทุกๆ 3 เทิร์น Light Cone ชิ้นนี้จะทำให้ความแรงคริติคอลของคุณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเลย และมีการันตีให้คุณด้วยว่าถ้าการโจมตีไม่เกิดคริติคอลขึ้น การโจมตีครั้งต่อไปจะมีโอกาสเกิดคริติคอลสูงมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว River Flows in Spring - 4 ดาวอีกหนึ่ง Light Cone ทางเลือกสำหรับคนที่ไม่มี Light Cone ระดับ 5 ดาวเลย โดย Light Cone นี้คุณสามารถแลกได้จากร้านค้า Forgotten Hall จึงสามารถวางซ้อน 5 ได้อย่างไม่ยากเย็น และด้วยจุดเด่นของ Light Cone ชิ้นนี้ที่จะทำให้เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ความเร็วของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 8% และสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีก 12% ได้ แต่ความสามารถนี้จะหยุดทำงานทันทีเมื่อผู้สวมใส่ได้รับความเสียหาย แล้วจะกลับมาใช้ได้อีกครั้งหลังจากสิ้นสุดเทิร์นถัดไปแล้ว ซึ่ง Light Cone ชิ้นนี้จะช่วยให้ Yanqing ของคุณมีค่าความเร็วที่สูงมากยิ่งขึ้น พร้อมกับโบนัสความเสียหายพิเศษที่ให้มาด้วย และปัญหาเพียงจุดเดียวของ Light Cone ชิ้นนี้ก็คือเมื่อถูกโจมตีแล้วความเสียหายมันจะหายไปทันที ในจุดนี้ก็ไม่ได้มีปัญหากับ Yanqing เลยเพราะ Yanqing มีความสามารถที่จะทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าของการโจมตีได้น้อยลงด้วย จึงเป็น Light Cone 4 ดาวทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับ Yanqing ทีมแนะนำYanqing เป็นตัวละครประเภทล่าสังหาร ความสามารถในการทำดาเมจที่สูงเป็นอย่างมาก จึงเหมาะกับการนำไปในทีมที่มีตัวรับความเสียหายหรือบัพพลังโจมตีต่างๆให้กับ Yanqing เพื่อเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยทีมที่เราจะแนะนำจะมีดังนี้ ทีม Yanqing Hyper Carry โดยในทีมนี้ Yanqing จะเป็นตัวสร้างความเสียหายเพียงตัวเดียวในทีม โดยจะประกอบไปด้วยตัวที่มีความสามารถในการรักษาชีวิตเพื่อน ซึ่งในกรณีนี้ถ้าเป็น Gepard ได้จะดีเป็นอย่างมาก เพราะสามารถสร้างโล่ป้องกันความเสียหายให้กับ Yanqing ได้ด้วย จึงทำให้ Yanqing ต่อให้โดนโจมตีไปความสามารถของ  Talent ก็จะไม่หายไป นะตัวละครอีก 2 ตัวที่เหลือก็จะเป็นตัวที่เน้นบัพค่าพลังโจมตีต่างๆให้กับ Yanqing เพื่อทำให้การโจมตีของ Yanqing ในแต่ละครั้งรุนแรงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง ทีมที่มี Yanqing เป็นตัวดาเมจหลักและมีตัวละครอื่นเป็นตัวดาเมจรอง ในที่นี้ Yanqing ก็ยังคงเป็นตัวสร้างความเสียหายหลักอยู่ดี แต่จะเพิ่มตัวละครที่สามารถทำดาเมจหมู่ได้เข้ามาในทีมด้วย เพื่อช่วย Yanqing ในการทำดาเมจต่างๆให้ทันต่อ Content ที่เอาไปเล่น และอีกตัวละครนึงก็จะเป็นตัวละครที่บัฟพลังโจมตีหรือคอยดีบัพเหล่าศัตรูก็ได้เช่นกัน แล้วตัวสุดท้ายก็จะเป็นตัวที่คอยยื้อชีวิตคนในทีมให้ไม่ตายไว้นั่นเอง 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Gepard สุดยอดตัวให้โล่ ที่สามารถดูแลชีวิตของทั้มทีมได้
หลังจากที่เกม Honkai Star Rail เปิดให้บริการมาสักพักนึงแล้ว หลายๆคนที่ได้เล่นคงถูกอกถูกใจกันไม่มากก็น้อย ด้วยความที่มีเกมเพลที่ทำออกมาสนุก และมี Content ออกมาให้เล่นมากมาย แต่หนึ่งใน Content ที่สำคัญกับตัวเกมเป็นอย่างมากนั่นก็คือ การปั้นตัวละครภายในเกมนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นเกม Honkai Star Rail มาสักพัก หลายๆคนก็คงมีตัว 5 ดาวจากตู้ถาวรกันแล้ว 1-2 ตัว และสำหรับคนที่ได้ Gepard หนึ่งในตัวละครเก่งและมีความยืดหยุ่นในการจัดทีม จะต้องปั้นตัวละครนี้ยังไง หรือจะทำให้เก่งได้ยังไง ในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำวิธีการปั้น Gepard สุดยอดตัวละครให้โล่ที่เก่งที่สุดในเกม ณ ตอนนี้ ให้ออกมาเก่ง และสามารถดูแลชีวิตเพื่อนๆในทีมได้ จุดเด่นของ GepardGepard เป็นตัวละคร 5 ดาวที่จัดอยู่ในประเภทตัวถาวร ซึ่งคุณสามารถสุ่มได้จาก ตู้ถาวรภายในเกมได้ หรือได้จากการหลุดเรทจากตู้ Limited ได้เหมือนกัน เป็นหนึ่งในตัวแทงค์ที่เก่งที่สุดภายในเกมในตอนนี้แล้ว ด้วยความสามารถในการให้โล่ทั้งทีม และความสามารถในการล่อให้ศัตรูมาตีที่ Gepard จาก Trace ของตัว Gepard เองด้วย จึงไม่ใช่เป็นเพียงตัวให้โล่กับทีมเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการแทงค์ที่ดีอีกด้วย และอีกหนึ่งความสามารถนั่นก็คือ การทำให้ศัตรูติดสถานะแช่แข็ง จากการกดสกิลต่อสู้ จึงเป็นตัวที่ค่อนข้างครบเครื่องเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สกิลและความสามารถของ Gepard ถ้าให้เปรียบเทียบตัวละครแทงค์ที่มีในเกมตอนนี้แล้ว Gepard เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่เก่งที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งความเก่งทั้งหมดนั้นหลักๆก็มาจากสกิลของ Gepard เอง ที่สามารถให้โล่กับตัวละครทั้งทีมได้ แล้วยังมีความสามารถในการแช่แข็งศัตรูเพื่อหน่วงเทอมของศัตรูตัวนั้นได้ด้วย [Normal Attack] Fist of Conviction - สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัว โดยคิดจากค่าพลังโจมตีของ Gepard เอง [Skill] Daunting Smite - สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวโดยคิดจากค่าพลังโจมตีของตัว Gepard เอง และมีโอกาสพื้นฐาน 65% ที่จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะแช่แข็งเป็นระยะเวลา 1 เทอม โดยศัตรูที่ติดสถานะแช่แข็งเมื่อเริ่มต้นเทิร์นจะได้รับความเสียหายน้ำแข็งเพิ่มเติม ซึ่งคิดจากพลังโจมตีของ Gepard อีกด้วย [Ultimate] Enduring Bulwark - สร้างโล่ป้องกันความเสียหายให้กับตัวละครทั้งหมดในทีม โดยจะคิดจากค่า Def ของ Gepard + X หน่วย เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เทิร์น[Talent] Unyielding Will - เมื่อ Gepard ถูกโจมตีจนถึงแก่ความตาย Gepard จะไม่หมดสติ และจะฟื้นฟูค่า HP ขึ้นมาทันที โดยจะคิดจาก HP สูงสุดของ Gepard ซึ่งความสามารถนี้สามารถใช้ได้แค่ 1 ครั้งต่อ 1 การต่อสู้เท่านั้น ด้วยความสามารถที่สามารถสร้างโล่ป้องกันให้กับตัวละครทั้งหมดภายในทีมได้ ทำให้ตัวละครภายในทีมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และด้วย Trace Integrity ที่คุณสามารถอัพได้ตั้งแต่ในช่วงเริ่มเลย ทำให้ตัวละครภายในทีมตัวอื่นๆของคุณมีความปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก และคุณไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวฮิวไปเลย เพราะ Gepard มีความสามารถของ Talent ที่เมื่อตายแล้วจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกรอบหนึ่ง ทำให้คุณสามารถเอาสล็อตที่ต้องใส่ตัวฮิว ไปใส่ตัวละครตัวอื่นๆได้ เพราะแค่ Gepard ก็สามารถปกป้องทั้งทีมได้แล้ว RelicRelic ที่ Gepard ควรใส่ หลักๆจะมีด้วยกัน 2 เซต ซึ่ง Gepard เป็นตัวละครที่ต้องการค่า Def ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมากเลย เพราะยิ่งค่า def สูงเท่าไหร่ ความสามารถในการให้โล่ป้องกันความเสียหายก็จะยิ่งมากขึ้นไปด้วย และยิ่งทำให้ความเสียหายที่ Gepard โดนก็เบาลงไปด้วยเช่นกัน จึงเป็นค่า stat ที่คุณจำเป็นต้องมีให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และตามมาด้วยค่า stat รอง นั่นก็คือค่าความเร็ว ที่ยิ่งคุณมีความเร็วสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับ Gepard มากเท่านั้น เพราะนอกจากจะเป็นตัวที่สามารถเก็บแต้มสกิลต่อสู้ให้กับทีมได้แล้ว ยังช่วยให้การฟื้นฟูพลังงานมาได้ไวกว่าปกติด้วย แต่ในเรื่องของค่าความเร็วคุณอาจจะไม่ต้องมีสูงมากเท่าไหร่ แค่มีให้ถึง 120 ก็พอแล้ว เพื่อให้สามารถตามความเร็วของตัวละครในทีม และตามความเร็วของศัตรูทัน ค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ แนะนำให้ใส่ค่า def% ไปเลย เพื่อเพิ่มค่าพลังป้องกันให้กับ Gepard ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในบางทีมคุณก็สามารถใส่อัตราสร้างสถานะเพิ่ม หรือจะใส่ค่าต้านทานสถานะก็ได้เช่นกัน เพียงแต่คุณควรจะมีออฟรองในชิ้นนั้นที่สวยด้วย แต่ต้องขอย้ำไว้ก่อนว่าทั้งอัตราสร้างสถานะและค่าต้านทานสถานะคุณสามารถหาใส่ได้จากออฟรองก็เพียงพอแล้ว ไม่ถึงกับจำเป็นต้องมาใส่เป็นออฟหลักในส่วนของรองเท้า จะมีให้คุณใส่ด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ ซึ่งนั่นก็คือการเน้นค่า def% เป็นหลัก เพื่อเพิ่มค่าพลังป้องกันให้กับ Gepard ให้สูงที่สุด หรือคุณจะใส่เป็นค่าความเร็วก็ได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองค่านี้ก็จำเป็นต่อ Gepard ทั้งคู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับออฟรองด้วยว่าอันไหนสวยกว่ากัน ในส่วนของ Planar Sphere ให้คุณเน้นใส่ค่า def% ไปเลย แต่ในบางทีมคุณอาจจะใส่เป็นโบนัสความเสียหายน้ำแข็งก็ได้ เพราะ Gepard ก็มีความสามารถในการสร้างความเสียหายได้พอประมาณเลย แต่ถ้าคุณจะเอา Gepard ไปเป็นตัวป้องกันภายในทีมเพียงแค่ตัวเดียวแล้ว การใส่ค่า def% เข้าไปจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในส่วนของ Link Rope จะมีตัวเลือกให้คุณใส่ด้วยกันทั้งหมด 2 ชิ้น ซึ่งนั่นก็คือค่าฟื้นฟูพลังงาน และค่า def% แต่ทางเราแนะนำให้คุณใส่เป็นค่าฟื้นฟูพลังงานจะดีที่สุด เพราะจะทำให้ Gepard สามารถวน Ultimate กลับมาได้บ่อยยิ่งขึ้น โดยแทบไม่จำเป็นต้องกดสกิลต่อสู้เลย ยิ่งคุณใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานบวกกับค่าความเร็วเข้าไปแล้ว แทบจะการันตีได้เลยว่า Gepard จะสามารถวน Ultimate กลับมาให้ทันกับความต้องการของทีมได้อย่างแน่นอน เซต Relic ที่แนะนำ Knight of Purity Palaceนี่คือเซต Relic ที่ดีกับ Gepard ที่สุดในเกมแล้ว เพราะความสามารถที่เมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นแล้ว จะบวกค่า def ทันที 15% ซึ่งเป็นค่า stat ที่ Gepard จำเป็นต้องใช้อยู่แล้ว และความสามารถเมื่อใส่ครบ 4 ชิ้นจะทำให้ปริมาณโล่ที่ผู้สวมใส่มอบให้เพิ่มขึ้นอีก 20% ซึ่งเป็นความสามารถที่ดีกับ Gepard เป็นอย่างมากเลย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรใส่เซต Relic นี้ให้ครบทั้ง 4 ชิ้น จะทำให้ Gepard ของคุณเก่งขึ้นมากเลยทีเดียว Guard of Wuthering Snowอีกหนึ่งในเซตทางเลือกที่ดีสำหรับ Gepard เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะทำให้ผู้สวมใส่ได้รับความเสียหายลดลงถึง 8% และเมื่อใส่ครบ 4 ชิ้นแล้ว เมื่อเริ่มต้นเทิร์น หากเปอร์เซ็นต์พลังชีวิตของผู้สวมใส่มีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% จะทำการฟื้นฟู HP 8% ของพลังชีวิตสูงสุดทันที และจะทำการฟื้นฟูพลังงานให้อีก 5 หน่วยด้วย ซึ่ง Gepard มีความสามารถในการทำให้ศัตรูมาโจมตีบ่อยเซต Relic นี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการจะเอา Gepard ไปใช้เป็นตัวแทงค์Belobog of the Architectsในส่วนของ Planar Sphere และ Link Rope Relic set นี้ถือว่าดีที่สุดแล้วสำหรับ Gepard เพราะความสามารถที่จะเพิ่มค่า def ให้กับผู้สวมใส่ทันที 15% และเมื่อมีอัตราสร้างสถานะมากกว่าหรือเท่ากับ 50% จะบวกค่า def ให้อีก 15% ด้วย ซึ่งอัตราสร้างสถานะสำหรับ Gepard มีติดไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการแช่แข็งศัตรูได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังทำให้ได้ def เพิ่มขึ้นมาอีก 15% ด้วย Broken Keelอีกหนึ่งเซต Planar Sphere และ Link Rope ทางเลือก ซึ่งเป็นเซต Relic ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นาน แต่มีความสามารถที่เหมาะกับ Gepard เป็นอย่างมากเลย เพราะเมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นแล้วจะทำให้การต้านทานสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นทันที 10% และเมื่อผู้สวมใส่มีค่าต้านทานสถานะเท่ากับหรือมากกว่า 30% จะเพิ่มความแรงคริติคอล ให้กับตัวละครทั้งทีมทันที 10% เป็นอีกหนึ่งเซตที่จะทำให้ Gepard สามารถ support ทีมได้มากยิ่งขึ้น และในส่วนของค่าต้านทานสถานะก็ดีกับ Gepard เป็นอย่างมากอีกด้วย เขาจะทำให้ไม่ค่อยติดสถานะผิดปกติมากเท่าไหร่ Light Coneในส่วนของ Light Cone ที่มีให้ใช้ภายในเกมในตอนนี้ Gepard สามารถใช้ได้เยอะอยู่พอสมควร โดยจะมีตั้งแต่ระดับ 5 ดาวไปจนถึงระดับ 3 ดาวกันเลยทีเดียว โดยจะมีอะไรบ้างตามเรามาดูกันได้เลย Moment of Victory - 5 ดาว ทำให้ def ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 24% และอัตราสร้างสถานะเพิ่มเติมอีก 24% ด้วย นอกจากนี้แล้วยังทำให้ตัวละครที่สวมใส่ Light Cone ชิ้นนี้มีโอกาสที่จะถูกโจมตีเพิ่มขึ้นด้วย และเมื่อถูกโจมตีแล้วค่า def จะเพิ่มขึ้นอีก 24% จนกว่าจะจบเทิร์นของตนเอง ซึ่ง Light Cone ชิ้นนี้เป็น Light Cone ประจำตัวของ Gepard เอง และเป็น Light Cone ชิ้นที่ดีที่สุดในเกมตอนนี้แล้วด้วย เพราะความสามารถที่ครอบคลุมทั้งการเพิ่มค่า def% ความสามารถในการเพิ่มอัตราสร้างสถานะทำให้ Gepard สามารถแช่แข็งศัตรูได้ง่ายยิ่งขึ้น และความสามารถที่ทำให้ผู้สวมใส่มีโอกาสถูกโจมตีได้สูงขึ้น ความสามารถทั้งหมดนี้จำเป็นต่อ Gepard ทั้งสิ้น และด้วยความที่เป็น Light Cone ระดับ 5 ดาวแล้ว ค่า stat ต่างๆก็จะสูงกว่า Light Cone ปกติค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทำให้ Gepard ของคุณมีค่า def ที่สูงเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ Landau’s Choice - 4 ดาว Light Cone ชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมายไปกว่าการทำให้ผู้สวมใส่ Light Cone ชิ้นนี้มีโอกาสโดนโจมตีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และทำให้ความเสียหายที่ได้รับลดลงอีก 16% ซึ่งก็ถือว่าเป็น Light Cone ระดับ 4 ดาวที่ดีกับ Gepard เป็นอย่างมาก ในการใช้เป็นตัวละครแทงค์ให้กับทีมนั่นเอง Day One of My New Life - ระดับ 4 ดาว ทำให้ค่า def ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% ทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้จะทำให้ความต้านทานทุกประเภทของตัวละครฝ่ายเราทั้งหมดเพิ่มขึ้น 8% ด้วยความสามารถนี้จะไม่สามารถถูกทับซ้อนได้ แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นสำหรับ Light Cone ชิ้นนี้ก็คือ คุณสามารถแลกได้จากร้านค้าใน Forgotten Hall ได้เลย และสามารถวางซ้อนในปริมาณที่มากได้ด้วยเช่นกัน Amber - ระดับ 3 ดาว หนึ่งใน Light Cone ทางเลือกสำหรับคนที่ไม่มี Light Cone อะไรใส่เลย คุณก็สามารถใส่ Light Cone ชิ้นนี้ให้กับ Gepard ได้เช่นกัน ด้วยความที่เป็นของระดับ 3 ดาวคุณจึงสามารถวางซ้อน 5 ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อคุณวางซ้อน 5 ได้แล้วจะทำให้ def ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นถึง 32% และเมื่อ HP ปัจจุบันของผู้สวมใส่ต่ำกว่า 50% จะทำการเพิ่มค่า def อีก 32% ทันที ทีมแนะนำด้วยความที่ Gepard เป็นตัวละครที่จุดเด่นอยู่ที่การสร้างโล่ป้องกันความเสียหายให้กับตัวละครทั้งหมดภายในทีม และมีความสามารถในการทำให้ศัตรูหันมาโจมตี Gepard บ่อยๆ ด้วยความสามารถเหล่านี้จึงทำให้ Gepard สามารถไปได้กับทุกๆทีมในเกมเลยก็ว่าได้ เพราะเพียงแค่คุณใส่ Gepard เข้าไปในทีมนั้นๆแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวละครอื่นๆภายในทีมอีกเลย ถ้าคุณปั้น Gepard มาเก่งพอแล้ว และสามารถบริหารค่าพลังงานให้กับ Gepard ได้นั่นเอง ด้วยความที่มีทีมให้ไปหลากหลายทางเราจึงจะจัดทีมออกมาเพื่อเป็นแบบอย่างให้คุณดูและนำไปใช้กับทีมของตัวเองได้ ทีมที่มี Gepard เป็นตัวปกป้องชีวิตของเพื่อนร่วมทีมเพียงแค่ตัวเดียว ในกรณีของทีมนี้ Gepard จะมีหน้าที่สำคัญอย่างมากเพราะต้องเก่งพอที่จะทำให้ตัวละครทั้งทีมฝากชีวิตไว้กับ Gepard ได้ ทั้งในเรื่องของค่าพลังป้องกันและค่าความเร็วต้องมีอยู่ในระดับที่สามารถใช้งานได้จริง เพราะถ้าเกิดความเร็วของ Gepard ช้าไป โล่ป้องกันอาจจะถูกโจมตีจนแตกไปก่อนแล้วก็ได้ หรืออาจจะหมดเวลาของโล่ไปก่อนแล้วก็ได้เช่นกัน ในทีมนี้ค่าความเร็วสำหรับ Gepard จึงค่อนข้างสำคัญเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าคุณอาจจะต้องลดค่า def มาเพื่อใส่ค่าความเร็วเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่ไม่จำเป็นต้องใส่ตัวรักษาชีวิตตัวอื่น คุณสามารถนำช่องว่างนี้ไปใส่กับตัวบัฟหรือตัวดีบัฟ เพื่อให้ตัวละครดาเมจหลักสามารถสร้างความเสียหายได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แทนได้นั่นเอง ทีมที่มี Gepard เป็นตัวแทงค์และมีตัวฮิว 1 ตัว นี่จะเรียกได้ว่าเป็นทีมที่ปลอดภัยที่สุดภายในเกมแล้วก็ว่าได้ เพราะมี Gepard ที่คอยสร้างโล่ป้องกันให้กับทั้งทีมและล่อการโจมตีมาที่ตัว Gepard เอง แถมยังมีตัวละครสายฮิลอีก 1 ตัวเพื่อมาคอย support ด้านความปลอดภัยให้กับทีมได้อีก 1 ตัวด้วย จึงมีทั้งเลือดและโล่ให้กับตัวละครภายในทีมใช้ได้ตลอดเวลา 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Tingyun ตัวบัพระดับ 4 ดาว ที่เก่งจนคุณควรปั้นไว้ใน ID
เกม Honkai Star Rail หนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆในตอนนี้ ยืนเคียงคู่ความสำเร็จกับเกมที่ใหญ่ในค่ายเดียวกันอย่างเกม Genshin Impact ซึ่งหลังจากวันที่เปิดตัววันแรกจนมาถึงวันนี้ ความนิยมไม่ได้ซาลงไปเลย ด้วยความที่มีเกมเพลย์และ Content ต่างๆให้ได้เล่นเยอะ จึงทำให้ผู้เล่นติดอกติดใจกันเป็นอย่างมาก และหนึ่งในระบบที่เชื่อว่าหลายๆคนต้องชื่นชอบกัน แต่ก็มีปัญหากันไม่น้อยนั่นก็คือ ระบบการปั้นตัวละครภายในเกมนั่นเอง ด้วยความที่มีสเตตัสต่างๆเต็มไปหมด จนทำให้เกิดความสับสนในการปั้นตัวละครตัวนั้นๆด้วย ซึ่งหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมากในเกมนั่นก็คือ Tingyun ตัวละครระดับ 4 ดาวที่เก่งเป็นอันดับต้นๆของเกม แต่หลายๆคนยังไม่รู้วิธีปั้นที่ถูกต้อง ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำวิธีการปั้นตัวละคร Tingyun หนึ่งในตัวแทงค์แต่กลับมีเลือดน้อย (เชื่อว่าหลายๆคนคงเข้าใจกันดี) ให้ออกมาเก่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จุดเด่นของ Tingyunจุดเด่นของ Tingyun มีหลากหลายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการบัฟพลังโจมตีให้กับตัวละครในทีม ความสามารถในการเพิ่มค่าพลังงานให้กับตัวละครในทีมได้นั่นเอง แต่ความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั่นก็คือความสามารถในการบัฟพลังโจมตีให้กับตัวละครภายในทีม และด้วยความสามารถในการปรับด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นความเร็ว หรือแม้แต่กระทั่งโบนัสความเสียหายก็ตามที ทำให้ Tingyun เป็นตัวละคร 4 ดาวที่เก่งพอๆกับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้ และเป็นหนึ่งในตัวละครที่ทุกคนควรจะปั้นไว้ใช้งาน สกิลและความสามารถของ Tingyun Tingyun นับว่าเป็นตัวละครที่เก่งเป็นอันดับต้นๆของเกมเลยก็ว่าได้ เพราะความสามารถในด้านการบัฟพลังโจมตี และความสามารถในการสนับสนุนทีมด้านอื่นๆ แถมถ้าคุณบิ้วตัวละครนี้ดีๆแล้ว ยังสามารถสร้างความเสียหายที่รุนแรงใส่ศัตรูได้อีกด้วย[Normal Attack] Dislodged - สร้างความเสียหายสายฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัว ตามค่าพลังโจมตีของ Tingyun[Skill] Soothing Melody - ทำการ “ร่ายพร” ใส่ตัวละครภายในทีมของเรา 1 ตัว ซึ่งจะทำให้ค่า atk ของตัวละครเป้าหมายตัวนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ตัวละครที่ได้รับการ “ร่ายพร” ทำการโจมตี จะสร้างความเสียหายสายฟ้าเพิ่มเติมตามค่า atk ของตัวละครตัวนั้นด้วยอีก 1 ครั้ง ซึ่งสกิลนี้จะคงอยู่เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น และจะมีผลกับตัวละครเป้าหมายล่าสุดที่ Tingyun ร่ายสกิลใส่เท่านั้น [Ultimate] Amidst the Rejoicing Clouds - ฟื้นฟูค่าพลังงานให้กับตัวละครภายในทีม 1 ตัวทันที 50 หน่วย และจะเพิ่มค่าโบนัสความเสียหายให้กับตัวละครนั้นด้วย เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Talent] Violet Sparknado - หลังจากที่ Tingyun ทำการโจมตีใส่ศัตรูแล้ว จะสร้างความเสียหายสายฟ้าเพิ่มเติมใส่ศัตรูตัวนั้นทันที โดยจะคิดจากค่า atk ของตัวละครภายในทีมของเราที่ได้รับการ “ร่ายพร”ด้วยความที่ Tingyun เป็นตัวละคร Path ประสานที่มีความสามารถในการบวกค่าพลังโจมตีให้กับตัวละครภายในทีมได้อย่างมหาศาล และมีระยะเวลาของสกิลต่อสู้ที่นานเป็นอย่างมาก จึงทำให้ Tingyun เป็นตัวละครสาย support ที่เล่นได้ง่ายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และความสามารถในการฟื้นฟูพลังงานให้กับตัวละคร 1 ตัวจาก Ultimate ก็ทำให้ตัวละครภายในทีมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการฟื้นฟูพลังงานที่ไม่เพียงพอได้เลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้ว Ultimate มักจะถูกใช้กับตัวละครดาเมจหลักภายในทีมของเราเป็นหลัก เพราะสามารถบวกค่าความเสียหายให้กับตัวดาเมจหลักของเราได้อีกด้วย และด้วยความสามารถของ Talent ที่ทำให้ Tingyun สามารถสร้างความเสียหายได้รุนแรงยิ่งขึ้น ถ้าคุณปั้นดีๆ Tingyun ก็สามารถช่วยทำดาเมจให้กับทีมของคุณได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว Relicก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Tingyun เป็นตัวละครที่ต้องการค่าความเร็ว และค่าพลังโจมตีที่ค่อนข้างสูงเป็นอย่างมาก ซึ่ง Tingyun ต้องการแค่ 2 stat นี้เท่านั้น ส่วนใครที่ต้องการจะให้ Tingyun มีความสามารถในการทำดาเมจใส่ศัตรูได้ด้วย การหาค่าอัตราคริติคอลและความแรงคริติคอลก็จำเป็นเช่นกัน แต่คุณต้องมีค่า Speed ให้ได้อย่างต่ำ 134-140 หน่วยก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวละครดาเมจที่คุณต้องการจะให้ Tingyun ไปบัพให้ด้วย โดยหลักๆแล้วควรจะมีค่าความเร็วให้สูงกว่าตัวละครดาเมจตัวนั้น ที่ Tingyun ต้องการค่าความเร็วค่อนข้างสูงนั้น ก็เพื่อให้ตัว Tingyun ได้ Action บ่อยที่สุด เพื่อช่วยในการเติมแต้มสกิลต่อสู้ให้กับทีมนั่นเอง ส่วนค่าพลังโจมตีก็จำเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ Tingyun สามารถบัพตัวละครเพื่อร่วมทีมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง และการ “ร่ายพร” ก็จะขึ้นอยู่กับค่าพลังโจมตีของ Tingyun ด้วยค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใส่เป็น Atk% เพื่อเพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับ Tingyun ให้ได้มากที่สุด แต่สำหรับคนที่จะทำให้ Tingyun มีความสามารถในการทำดาเมจได้ด้วย การใส่ค่าอัตราคริติคอลหรือความแรงคริติคอลก็จะมีประสิทธิภาพสูงกว่านั่นเอง แต่ควรจะ Balance stat ต่างๆให้ลงตัวด้วย และในกรณีที่ค่าพลังโจมตีของ Tingyun สูงมากพอแล้ว การจะใส่พวก HP% หรือ Def% ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ได้แย่เลย เพราะ Tingyun มักจะถูกโจมตีอยู่บ่อยครั้ง การใส่ stat ที่ช่วยให้ Tingyun มีโอกาสรอดชีวิตที่สูงขึ้นก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ในส่วนของเกราะ การใส่บวก atk% จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้ Tingyun สามารถบัฟพลังโจมตีให้กับเพื่อนร่วมทีมได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณมีพลังโจมตีที่สูงอยู่แล้ว โดยจะอยู่ที่ประมาณ 2100+ คุณก็สามารถที่จะไปใส่ HP% หรือ Def% ก็ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้กับ Tingyun ได้นั่นเอง เพราะ Tingyun เป็นตัวละครที่โดนตีบ่อยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ในส่วนของรองเท้า แนะนำให้ใส่ค่าความเร็วเท่านั้น เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า Tingyun ต้องการค่าความเร็วที่สูงเป็นอย่างมาก เพื่อคอยมาไล่โจมตีศัตรูเพื่อเก็บแต้มสกิลต่อสู้ให้กับทีมนั่นเอง โดยค่าความเร็วนั้นยิ่งสูงได้เท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ในส่วนของ Planar Sphere โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใส่เป็นค่า atk% เพื่อเพิ่มพลังโจมตีของ Tingyun ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่คุณก็สามารถใส่โบนัสความเสียหายสายฟ้าได้เช่นกัน ในกรณีที่คุณต้องการจะให้ Tingyun สร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงนั่นเอง และตัวเลือกอื่นๆอย่าง HP% และ Def% ก็ดีไม่แพ้กันในกรณีที่มีออฟรองสวยๆ และ Tingyun ของคุณมีค่าพลังโจมตีที่สูงมากพอแล้วนั่นเอง ในส่วนของ Link Rope แนะนำให้ใส่เป็นค่าฟื้นฟูพลังงานจะดีกับ Tingyun ที่สุด เพราะทำให้ Tingyun สามารถใช้ Ultimate ได้บ่อยยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ตัวละครภายในทีมของเราสามารถสร้างความเสียหายได้สูงยิ่งขึ้นจากความสามารถในการบัพความเสียหายเพิ่มเติมจา Ultimate ได้อีกด้วย แต่ในชิ้นนี้คุณก็สามารถเปลี่ยนเป็น atk% เพื่อบัพค่าพลังโจมตีให้ Tingyun เข้าไปอีกได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Relic ที่คุณมีเลย สามารถพิจารณาจากออฟตรองได้ด้วยเช่นกัน เซต Relic ที่แนะนำMusketeer of Wild Wheat นี่เป็น Relic ที่เหมาะกับ Tingyun มากที่สุดแล้ว เพราะความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มพลังโจมตีให้กับผู้สวมใส่ถึง 12 เปอร์เซ็นต์เลย ซึ่งเป็นหนึ่งใน stat ที่สำคัญของ Tingyun เลย และความสามารถ 4 ชิ้นที่จะทำให้เพิ่มความเสียหายในการโจมตีปกติ และเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมใส่ถึง 6% ด้วยกัน ด้วยความสามารถทั้งหมดเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น 2 ชิ้นหรือ 4 ชิ้น จึงไม่แปลกเลยที่จะเป็น Relic ที่ดีที่สุดสำหรับ Tingyun ในด้านการ support เพื่อนร่วมทีม Messenger’s Secret Satchelอีกหนึ่ง Relic ที่พึ่งถูกอัพมาได้ไม่นานมานี้ ด้วยความสามารถ 2 ชิ้นที่จะเพิ่มความเร็วให้กับผู้สวมใส่ถึง 6% กันเลยทีเดียว ทำให้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องค่าความเร็วของ Tingyun มากเท่าไหร่ และความสามารถ 4 ชิ้นที่เมื่อผู้สวมใส่ใช้ท่าไม้ตายกับเป้าหมายฝ่ายตนเอง จะทำให้ความเร็วของฝ่ายเราทั้งหมดเพิ่มขึ้น 12% เป็นระยะเวลา 1 เทิรนทันที ซึ่ง Tingyun สามารถใช้ Ultimate ใส่เพื่อนร่วมทีมได้ และการรับค่าความเร็วทั้งทีมขึ้น 12% ก็ทำให้ตัวละครในทีมทั้งหมดมี Action ที่มากขึ้นไปด้วยนั่นเองSpace Sealing Stationหนึ่งในเซต Planar Sphere และ Link Rope ที่เหมาะกับ Tingyun เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นแล้วจะทำให้ค่าพลังโจมตีของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นทันที 12% และเมื่อมีค่าความเร็วถึง 120 หน่วยหรือมากกว่า จะบวกค่าพลังโจมตีอีก 12% ด้วย ซึ่ง Tingyun เป็นตัวละครที่มีความเร็วสูงอยู่แล้ว เมื่อมาใส่เซตนี้แล้ว ก็เหมือนได้ค่าพลังโจมตีบวก 24% แบบฟรีๆเลยทีเดียว Fleet od the Agelessเซตยอดนิยมเซตนี้ เรียกได้ว่าสามารถใช้ได้ทุกตัวละครภายในเกมเลยก็ว่าได้ เพราะความสามารถในการบวกค่า HP สูงสุดให้ผู้สวมใส่ถึง 12% และเมื่อมีค่าความเร็วถึง 120 หน่วยหรือมากกว่า จะบวก atk ให้กับฝ่ายตนเองทั้งหมด 8% ทันที ซึ่งถือว่าเป็นเซตที่ใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพกับทั้งทีมเลย และที่สำคัญเลยคือสามารถทับซ้อนความสามารถนี้ได้ สำหรับคนที่ปั้น Tingyun มีค่าพลังโจมตีสูงมากพอแล้ว การใส่เซตนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย Broken KeelSet มาใหม่ที่มีความสามารถในการบวกค่าความแรงคริติคอลให้กับตัวละครทั้งทีมได้ 10% โดยเงื่อนไขก็คือผู้สวมใส่ต้องมีค่าต้านสถานะเท่ากับหรือมากกว่า 30% แต่ภายในเซตนี้เมื่อใส่ครบ 2 ชิ้นแล้วจะให้ค่าต้านทานสถานะมาแล้ว 10% คุณสามารถหาจากออฟรองได้ Light ConeLight Cone Path ประสานภายในเกมมีให้เลือกใช้ค่อนข้างเยอะ ซึ่ง Tingyun ก็สามารถใช้ได้หลากหลายเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทีมที่คุณต้องการให้ Tingyun ไปเล่นนั่นเอง But the Battle Isn’t Over - 5 ดาว ทำให้อัตราฟื้นฟูพลังงานของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 10% และเมื่อตัวละครภายในทีมของเราใช้ Ultimate จะทำการฟื้นฟูแต้มสกิลต่อสู้ 1 แต้มทันที โดยเอฟเฟคนี้สามารถเกิดได้ 1 ครั้งในทุกๆการปล่อย Ultimate 2 ครั้ง นอกจากนี้แล้วหลังจากที่ผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้ จะเพิ่มโบนัสความเสียหายให้กับตัวละครในแอ็คชั่นถัดไป 30% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์นด้วย ซึ่งถือว่าเป็น Light Cone ที่มีทุกอย่างครบสำหรับ Tingyun เลยก็ว่าได้ ทั้งความสามารถในการฟื้นฟูพลังงาน และการเพิ่มแต้มสกิลต่อสู้ รวมไปถึงบัพค่าความเสียหายให้กับตัวละคร Action ถัดไปได้ และด้วยความที่เป็น Light Cone ระดับ 5 ดาวแล้ว Stat ต่างๆก็จะสูงกว่า Light Cone ระดับ 4 ดาวอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งทั้งค่าพลังโจมตีที่จำเป็นต่อ Tingyun มาก ทั้งค่า HP และ def ที่ช่วยให้ Tingyun มีชีวิตรอดได้ง่ายยิ่งขึ้นก็สำคัญไม่แพ้กัน Carve the Moon, Weave the Clouds - 4 ดาว Light Cone ที่คุณสามารถได้รับจาก Battle Pass ด้วยความสามารถที่เมื่อเริ่มต้นเทิร์นของผู้สวมใส่ จะทำการสุ่มเอฟเฟค 1 อย่างจากทั้งหมด 3 อย่างออกมา ซึ่งรับทั้ง 3 อย่างนั้นก็จะมีเพิ่มค่า atk ให้กับตัวละครฝ่ายเราทั้งทีม หรือเพิ่มดาเมจคริติคอลให้กับตัวละครฝ่ายเราทั้งทีม และอันสุดท้ายก็คือเพิ่มค่าฟื้นฟูพลังงานให้กับตัวละครทั้งทีม โดยทั้ง 3 ความสามารถนี้จะทำให้ Tingyun สามารถปรับทีมได้ดีและโหดยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง Planetary Rendezvous - 4 ดาว Light Cone อันนี้จะเหมาะกับการนำ Tingyun ไปกับทีมที่ตัวดาเมจหลักสร้างความเสียหายสายฟ้าได้นั่นเอง ด้วยความสามารถที่เมื่อเป้าหมายฝ่ายตนเองสร้างดาเมจประเภทเดียวกันกับผู้สวมใส่ Light Cone นี้ จะเพิ่มความเสียหายเข้าไปอีก 12% ทันที และยิ่งวางซ้อนได้ก็จะยิ่งโหดขึ้นไปอีกเรื่อยๆ Meshing Cogs - 3 ดาว Light Cone ชิ้นนี้คุณสามารถหามาใช้งานได้ง่ายเป็นอย่างมากเลย เชื่อว่าหลายๆคนคงมีติด ID กันไว้อยู่แล้ว ด้วยความสามารถที่หลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีหรือถูกโจมตีจะทำการฟื้นฟูพลังงาน 4 หน่วยทันที (8 หน่วยในทับซ้อน 5) ด้วยความสามารถนี้จึงเหมาะมากๆกับ Tingyun ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการโจมตีปกติ และเป็นตัวละครที่ถูกโจมตีบ่อยมาก จึงทำให้ Tingyun ที่ใส่ Light Cone ชิ้นนี้แทบจะไม่ขาดแคลนเรื่องพลังงานเลยก็ว่าได้ ทีมแนะนำด้วยความที่ Tingyun เป็นตัวละครสายบัพ จึงไม่แปลกเลยที่ทีมที่ Tingyun สามารถเล่นได้นั่นก็คือทุกทีมที่มีอยู่ในเกม และด้วยความที่มีความหลากหลายในการจัดทีมที่สูง ทางเราจึงจะขอจัดทีมออกมาเป็น 2 แบบ เพื่อให้คุณเข้าใจการจัดทีมได้มากยิ่งขึ้น ทีมทั่วๆไปที่มี Tingyun เป็นตัวบัพ โดยปกติแล้วก็จะมีตัวดาเมจหลัก 1 ตัว แล้วจะมีตัวละครภายในทีมฝ่ายป้องกันที่ทำให้ตัวละครในทีมตัวอื่นไม่ตายซะก่อน และในส่วนของตัวละครบัฟคุณจะมี 1 ตัวหรือ 2 ตัวก็ได้ เพราะในหลายๆทีมก็มักจะเอาตัวบัพไปใช้งานถึง 2 ตัวก็เลยทีเดียว หรือไม่คุณก็สามารถถอดตัวบัพออก 1 ตัวและใส่เป็นตัวสร้างสถานะดีบัฟต่างๆแก่เหล่าศัตรูได้ก็ถือว่าดีเช่นกัน ทีมที่มีตัวดาเมจหลักเป็นธาตุสายฟ้า ในกรณีของทีมนี้จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ Light Cone 4 ดาวอย่าง Planetary Rendezvous ที่จะบัพค่าความเสียหายธาตุที่ตรงกับผู้สวมใส่ให้กับตัวละครอื่นๆในทีมด้วย เรียกได้ว่าตราบใดที่ Tingyun ยังอยู่บนสนาม คุณก็จะได้รับบัพ + ความเสียหายสายฟ้าอยู่ตลอดเวลาเลยนั่นเอง Eidolonในส่วนของ Eidolon ต้องขอบอกก่อนว่า Tingyun เป็นตัวละครที่เก่งตั้งแต่มี E0 อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีมากกว่านี้ก็เก่งได้เหมือนกัน ที่นี้เรามาดูกันว่า Eidolon มีอะไรกันบ้าง [E1] Windfall of Lucky Springs - หลังจากตัวละครในฝ่ายตนเองได้รับการ “ร่ายพร” แล้ว เมื่อตัวละครนั้นใช้ Ultimate ความเร็วจะเพิ่มขึ้น 20% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น [E2] Gainfully Gives, Givingly Gains - เมื่อตัวละครฝ่ายตนเอง 1 ตัวที่ได้รับการ “ร่ายพร” สามารถกำจัดศัตรูเป้าหมายได้แล้ว จะทำการฟื้นฟูพลังงาน 5 หน่วยให้แก่ Tingyun ซึ่งสามารถเกิดได้เทิร์นละ 1 ครั้งเท่านั้น [E3] Halcyon Bequest - เพิ่ม Lv.Ultimate +2 และจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv. และเพิ่ม Lv. การโจมตีปกติ +1 โดยจะสูงสุดไม่เกิน 10 Lv.[E4] Jovial Versatility - ตัวคูณค่า dmg จากการ “ร่ายพร” จะเพิ่มขึ้น 20% [E5] Sauntering Coquette - เพิ่ม Lv. สกิลต่อสู้ +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv. และเพิ่ม Lv. Talent +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv.[E6] Peace Brings Wealth to All - Ultimate ของ Tingyun จากฟื้นฟูพลังงานให้กับเป้าหมายฝ่ายตนเองเพิ่มขึ้นอีก 10 หน่วย อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Tingyun ไม่จำเป็นต้องมี Eidolon เลยก็เก่งได้เหมือนกัน แต่ถ้าคุณอยากจะเพิ่มความเก่งให้กับ Tingyun โดยการเพิ่มจำนวน Eidolon ในกรณีที่มีงบน้อย แค่ทำให้เป็น E1 ก็เพียงพอแล้ว เพราะช่วยในการเพิ่มความเร็วให้กับตัวละครที่ได้รับบัพของ Tingyun ไปด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการบัฟให้กับ Tingyun ได้เป็นอย่างดีเลย และสำหรับคนที่มีงบเยอะ การจะเล็งไปที่ E6 เลยก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เพราะจะช่วยฟื้นพลังงานให้กับตัวละครเป้าหมายได้อีก 10 หน่วย รวมเป็นทั้งหมด 60 หน่วยด้วยกัน ซึ่งในหลายๆทีมแล้ว การเพิ่มขึ้นมาแค่ 10 หน่วยตรงนี้ ทำให้ Ultimate มาเร็วขึ้นถึง 1 เทิร์นเลยก็ว่าได้ 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Selee ล่าสังหารที่แรงที่สุดในเกม
ถ้าพูดถึงเกม Turn-Base ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นเกม Selee เกมจากค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ซึ่งเปิดตัวให้เราได้เล่นไปสักพักนึงแล้ว หลายๆคนที่เล่นก็คงติดอกติดใจกันไม่มากก็น้อย แต่ด้วยความที่เป็นเกมแนว Turn-Base การปั้นตัวละครจึงมีส่วนสำคัญกับเกมมาก และหลายๆคนก็ไม่รู้วิธีการปั้นตัวละครต่างๆให้ถูกต้องด้วย อย่างตัวละคร 5 ดาวตู้ลิมิเต็ดตัวแรกอย่าง Selee ที่เปิดให้สุ่มมาสักพักนึงแล้ว แต่ก็มีหลายคนที่ยังปั้นตัวละครนี้ไปผิดทาง โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำ วิธีการปั้น Selee ให้เก่ง จนแรงสมกับเป็นตัว Meta จุดเด่นของ Selee ถ้าให้พูดถึงจุดเด่นของ Selee นั้นก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของ การเป็นตัวละครที่มีดาเมจเป้าเดี่ยวที่รุนแรงที่สุดในเกมในตอนนี้เลยก็ว่าได้ บวกกับความสามารถในการเมื่อฆ่าได้แล้วจะได้เทิร์นพิเศษทันที ก็ทำให้ตัว Selee นั้นสามารถ Snowball ได้เรื่อยๆเลยทีเดียว และยังมีค่าความเร็วที่สูงที่สุดในเกม จึงทำให้ได้เทิร์นที่บ่อยกว่าตัวดาเมจอื่นๆมากเลยทีเดียว สกิลและความสามารถของ Selee ทำไม Selee ถึงเป็นตัวละครดาเมจเป้าเดี่ยวที่รุนแรงที่สุดในเกม ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตัวละครนี้แรงมาก ก็มาจากสกิลที่มีตัวคูณที่สูงเป็นอย่างมากเลย และยังมี Trace ที่ช่วยให้การโจมตีของตัว Selee นั้น จะไม่สนเกราะของศัตรูเลย จึงไม่แปลกที่ Selee นั้นจะสามารถทำดาเมจได้แรงกว่าตัวละครอื่นๆมาก [Normal Attack] Thwack - สร้าง dmg ควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดความเสียหายจาก atk ของ Selee [Skill] Sheathed Blade - ทำให้ความเร็วของ Selee เพิ่มขึ้น 25% และสร้าง dmg ควอนตัม ใส่ศัตรู 1 ตัว โดย effect เพิ่มความเร็วนี้จะคงอยู่เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Ultimate] Butterfly Flurry - ติดค่าสถานะ Buff ทันที และสร้างความ Dmg quantum อย่างรุนแรงใส่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดความเสียหายจาก atk ของ Selee [Talent] Resugence - เมื่อ NA หรือ Skill หรือ Ultimate สามารถกำจัดศัตรูเป้าหมายทิ้งได้ Selee จะได้รับเทิร์นเพิ่มเติม 1 เทิร์นทันที และจะติดสถานะ Buff อีกด้วย ซึ่งจะทำให้การโจมตีของ Selee นั้นสร้างดาเมจเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ถ้าหากเซเนสามารถกำจัดศัตรูเป้าหมายในเทิร์นเพิ่มเติมนี้ได้ Talent อันนี้จะไม่ทำให้ได้เทิร์นเพิ่มอีก 1 เทิร์นสกิลต่างๆของ Selee นั้นเรียกได้ว่ามีตัวคุณดาเมจที่รุนแรงเป็นอย่างมาก และด้วยความสามารถของ Talent ที่ทำให้ Selee ได้เทิร์นพิเศษ 1 เทิร์นทันที หลังจากการกำจัดศัตรูเป้าหมายได้แล้ว ทำให้สามารถสร้างดาเมจแก่ศัตรูตัวอื่นๆต่อได้ทันที แล้วยังช่วยในการฟื้นฟูพลังงานของตัว Selee เองอีกด้วย ถึงแม้ว่า Talent จะเขียนไว้ว่าไม่สามารถได้เทิร์นพิเศษเพิ่มขึ้นหลังจากค่าศัตรูในช่วงเทิร์นพิเศษนี้ แต่คุณสามารถใช้ทั้ง Skill หรือ Ultimate เพื่อเพิ่มเทิร์นพิเศษนี้ได้เช่นกัน ถ้าหากคุณสามารถกำจัดศัตรูด้วยสกิลเหล่านั้นได้ ทริคเล็กๆน้อยๆก็คือ พยายามฆ่าศัตรูโดยใช้ทุกๆการโจมตีให้ได้มากที่สุด เพื่อยืดเทิร์นพิเศษของคุณออกไปเรื่อยๆ RelicRelic ที่ Selee ควรใช้นั้น ด้วยหลักๆแล้วจะมีเพียงแค่ 1 เซตเท่านั้น แต่ก็มีตัวเลือกอื่นให้คุณได้เลือกใช้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่า เซตไหนที่มีออฟรองสวยกว่ากัน ที่นี้เรามาพูดกันถึงค่า stat ที่ Selee ควรมีให้ถึงก่อน ซึ่ง Selee นั้นเป็นตัวละครที่ดาเมจจะทำได้แรงหรือไม่แรงขึ้นอยู่กับค่าคริเป็นหลักเลยก็ว่าได้ แต่ stat ที่สำคัญนั่นก็คือค่าความเร็ว ยิ่งถ้าคุณมี Relic ประจำตัวแล้ว ค่าความเร็วยิ่งจำเป็นเข้าไปใหญ่ยิ่งถ้าค่าความเร็วถึง 160 ก็จะดีเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มี Relic ประจำตัวแล้ว การทำค่าความเร็วให้ถึง 134 ก็ค่อนข้างสำคัญอยู่ดี เมื่อทำค่าความเร็วถึงแล้ว ค่อยหาค่าอัตราคริ หรือค่าความแรงคิด แล้วตามมาด้วยค่าพลังโจมตี ก็จะทำให้ตัว Selee แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วนั่นเอง ค่า stat ที่ควรใส่ ในส่วนของเสื้อ ให้คุณใส่ไม่อัตราคริ ก็ดาเมจคริติคอลเท่านั้น เพราะ Selee นั้นจำเป็นต้องมีค่าอัตราคริให้สูงพอที่จะสามารถติดคริได้บ่อยๆ แล้วจะต้องมีดาเมจคริติคอลพอที่จะสามารถปิดศัตรูได้ในการโจมตีนั้น แต่การที่คุณจะเลือกใส่ชิ้นใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า ค่าอัตราคริติคอลของคุณสูงพอแล้วหรือยัง ถ้าสูงพอแล้วการจะใส่ดาเมจคริติคอลก็จะดีกับคุณเป็นอย่างมากเลย เพราะจะช่วยเพิ่มดาเมจให้กับ Selee ได้มหาศาลเลยทีเดียว แต่สำหรับคนที่อัตราคริติคอลยังน้อยอยู่ การใส่อัตราคริติคอลเข้าไปก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในส่วนของรองเท้า ชิ้นนี้คุณจะสามารถใส่ได้ 2 แบบ โดยจะใส่บวกค่าความเร็ว หรือจะบวกค่า atk ก็ได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าค่าความเร็วของคุณถึงแล้วหรือยัง และสำหรับคนที่มี Light Cone ประจำตัวของ Selee ชิ้นนี้คุณต้องใส่ค่าความเร็วเท่านั้น เพราะสามารถนำค่าความเร็วมาเปลี่ยนเป็นค่าพลังโจมตีได้นั่นเอง แต่สำหรับคนที่ใช้ Light Cone อันอื่นๆ การจะใส่เป็นบวกค่า ATK ก็จะดีกว่าใส่ค่าความเร็วมากเลยทีเดียว ในส่วนของ Planar Sphere ให้ใส่เป็นเพิ่มความเสียหายควอนตัม เพื่อเพิ่มดาเมจให้กับตัว Selee มากที่สุด แต่คุณจะใส่เป็นบวกค่า atk ก็ได้ถ้าเกิดออฟรองของคุณดีกว่าความเสียหายควอนตัม แต่ถ้าดีกว่าเล็กน้อยก็ไม่จำเป็นต้องใส่บวกค่า atk ในส่วนของ Link Rope แนะนำให้คุณใส่เป็นเพิ่มค่า atk เพื่อเพิ่มดาเมจที่จะทำได้ให้กับ Selee แต่บางคนก็จะใส่เป็นค่าฟื้นฟูพลังงานแทน ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ความถูกใจของแต่ละคนเลย แต่ถ้าคุณสามารถปิดดาเมจศัตรูได้บ่อยๆ คุณก็จะมีพลังงานมากพอโดยไม่ต้องใส่ค่าฟื้นฟูพลังงานแล้ว เซต Relic ที่แนะนำGenius of Brilliant Starsนี่คือเซ็ต Light Cone ที่ดีที่สุดสำหรับ Selee แล้ว เพราะเมื่อใส่ 2 ชิ้นแล้ว จะทำให้ความเสียหายประเภทควอนตัมแรงขึ้น 10% ทันที และเมื่อใส่ 4 ชิ้นแล้ว จะทำให้การโจมตีดาเมจควอนตัมไม่สนเกราะป้องกันของศัตรู 10% ทันที และเมื่อศัตรูมีจุดอ่อนธาตุควอนตัมอยู่ จะไม่สนเกราะป้องกันของศัตรูเพิ่มอีก 10% ด้วย ซึ่งความสามารถการโจมตีโดยไม่สนเกราะป้องกันของศัตรูนั้น ทำให้เซต Relic นี้ เข้ากันได้ดีกับตัว Selee เป็นอย่างมากเลย ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งนั้นรุนแรงกว่าปกติมาก Musketeer of Wild Wheat นี่คือเซ็ตทางเลือกสำหรับ Selee ที่ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อใส่ 2 ชิ้นแล้ว จะเพิ่มพลังโจมตีให้กับ Selee 12% ทันที และเมื่อใส่ครบ 4 ชิ้นแล้ว จะทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นทันที 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติจะเพิ่มขึ้นอีก 10% ด้วย เป็นเซตที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย และสามารถใส่ได้ทุกตัวละครในเกมเลยก็ว่าได้ เพราะความสามารถในการบวกความเร็ว 6% นั้น ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องหาออฟรองที่มีค่าความเร็วอยู่ในนั้นเลยก็ว่าได้ Inner Salsotto1 ในเซตทางเลือกสำหรับ Planar Sphere และ Link Rope ด้วยความสามารถที่จะบวกค่าอัตราคริติคอลให้กับคุณ 8% ทันที ซึ่งช่วยเติมอัตราคริติคอลให้กับคุณได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว และทำให้การโจมตีต่อเนื่องและ Ultimate แรงขึ้นอีก 15% ทำให้ Ultimate ของ Selee มีโอกาสที่จะปิดศัตรูทิ้งได้เลย Space Sealing Stationอีกหนึ่งในเซ็ตทางเลือกสำหรับ Selee เพราะจะทำให้ atk ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% และเมื่อมีค่าความเร็วถึง 120 หรือมากกว่า จะเพิ่ม atk อีก 12% ทันที ก็ถือว่าเป็นแหล่งเพิ่ม atk ชั้นดีสำหรับ Selee เลยก็ว่าได้ เพราะตัวของ Selee เองนั้นมีค่าความเร็วที่สูงเป็นอย่างมากอยู่แล้ว การใส่เซตนี้จึงเป็นเหมือนการเพิ่ม atk 24% ให้กับ Selee เลย Light Coneมี Light Cone หลากหลายมากที่ Selee สามารถใส่ได้ โดยทางเราจะจัดเรียงตั้งแต่ดีกับตัวของ Selee ที่สุดลงไปเรื่อยๆ โดยจะมีอะไรบ้างตามมาดูกันได้เลย In the Night - 5 ดาว ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% และในขณะที่ต่อสู้อยู่หากความเร็วของผู้สวมใส่สูงกว่า 100 ในทุกๆ 10 หน่วยที่เกินมาการโจมตีปกติแล้วสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 6% พร้อมทั้งทำให้ความเสียหายคริติคอลของท่าไม้ตายเพิ่มขึ้นอีก 12% ด้วย ซึ่งความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุดถึง 6 ชั้นกันเลยทีเดียว นี่เป็น Light Cone ประจำตัวของ Selee ที่ทำให้คุณสามารถเน้นการใส่ค่าความเร็วเพิ่มขึ้นได้และมีประโยชน์สูงสุดด้วย มาพร้อมทั้งการเพิ่มอัตราคริติคอลที่สูงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และยิ่งความเร็วเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตัว Selee แรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และถ้าจะให้ดีที่สุดถ้าสามารถหาค่าความเร็วให้กับ Selee ได้ถึง 160 หน่วยก็จะสามารถใช้ Light Cone นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง แต่จะต้องรวมกับการเพิ่มค่าความเร็วจากการกดสกิลต่อสู้แล้วนั่นเอง Cruising in the Stella Sea - 5 ดาว ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% (16% ที่วางซ้อน 5) นอกจากนี้แล้วทำให้ผู้สวมใส่สร้างอัตราคริติคอลแกะศัตรูที่มีค่า HP น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% เพิ่มขึ้นอีก 8% (16% ที่วางซ้อน 5) และเมื่อสามารถกำจัดศัตรูได้สำเร็จจะเพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับ Selee ด้วยเป็นระยะเวลา 2 เทิร์น ซึ่ง Light Cone อันนี้คุณสามารถแลกได้จากร้านค้า Herta และสามารถวางซ้อนถึง 5 ได้แน่นอน จึงทำให้ผู้เล่นสายฟรีที่ไม่ได้มีงบมากพอที่จะเปิด Light Cone ประจำตัวได้ ก็สามารถใช้ Light Cone ชิ้นนี้แทนได้และดีด้วย River Flows in Spring - 4 ดาว หลังจากเข้าสู่การต่อสู้จะทำให้ความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% และสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 12% ซึ่งความสามารถนี้จะหยุดทำงานทันทีหากผู้สวมใส่ได้รับความเสียหาย และจะสามารถกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งในเดือนถัดไป นี่เป็น Light Cone 4 ดาวที่ Selee สามารถเลือกใช้ได้ดีเป็นอย่างมากเลย เพราะความสามารถในการเพิ่มค่าความเร็วและค่าความเสียหาย ที่ Selee จำเป็นต้องมีทั้งคู่ บวกกับความสามารถของ Selee ที่ไม่ค่อยจะโดนโจมตีจากศัตรูมากเท่าไหร่ จึงทำให้สามารถใช้ Light Cone นี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลย และ Light Cone นี้คุณสามารถวางซ้อน 5 ได้จากการแลกในร้านค้า Forgotten Hall ด้วย Return to Darkness - 4 ดาว ต้องให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% หลังจากติดคริติคอล จะมีโอกาสคงที่ 16 เปอร์เซ็นต์ที่จะลบเอฟเฟคบัฟ 1 เอฟเฟคของศัตรูเป้าหมายที่ถูกโจมตีออก ซึ่งสามารถเกิดได้แค่ 1 ครั้งต่อ 1 การโจมตีเท่านั้น อีกหนึ่ง Light Cone ที่ Selee สามารถหามาใช้ได้ง่ายๆ เพราะคุณสามารถแลกรับ Light Cone ชิ้นนี้ได้จาก Battle Pass นั่นเอง ด้วยความสามารถหลักๆแล้วคือการเพิ่มอัตราคริติคอลให้กับ Selee และด้วยความที่ Selee จะต้องปั้นค่าอัตราคริและความแรงคิดค่อนข้างสูง การจะโจมตีให้ติดคริติคอลไม่ใช่เรื่องยากเลย นอกจากนี้แล้วด้วยความที่ Selee มีความเร็วที่สูงเป็นอย่างมาก จึงทำให้สามารถโจมตีศัตรูได้บ่อยมากตามไปด้วยนั่นเอง โอกาสในการลบดีบัฟของตัวศัตรูออกก็มากตามไปด้วย ทีมแนะนำก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Selee จะเป็นตัวละครประเภท Hyper Carry ซึ่งจะเน้นสร้างความเสียหายด้วยตัวเองเป็นหลัก โดยให้ตัวละครอื่นๆภายในทีม คอยส่งบัพต่างๆมาให้ หรือแม้แต่กระทั่งทำให้ตัวศัตรูติดค่าดีบัพต่างๆ เพื่อทำให้ Selee สามารถสร้างความเสียหายได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทีม Selee Hyper Carry ซึ่งทีมนี้ก็จะประกอบไปด้วย Selee ซึ่งเป็นตัวสร้างความเสียหายหลักให้กับทีม ตามมาด้วยตัวบัพ 2 ตัวที่จะส่งบัฟต่างๆให้กับ Selee นั่นเอง และในตำแหน่งสุดท้ายนั่นก็คือตัวละครที่มีความสามารถในด้านการป้องกันให้กับทีม เพื่อกันให้ตัวละครที่เหลือในทีมไม่ตายซะก่อน โดยทีมนี้คุณสามารถเอาตัวบัพออก 1 ตัวแล้วไปใส่ตัวดีบัพ เพื่อทำให้ศัตรูอ่อนแอลงก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็พิจารณาตามตัวละครที่คุณมีในทีมของคุณได้เลย ทีม Selee เป็นตัวดาเมจหลัก และมีตัวละครดาเมจรองอีกหนึ่งในทีมที่ Selee มีหน้าที่สร้างความเสียหายหลักใส่ศัตรู แต่จะมีตัวละครดาเมจรองที่คอยสร้างความเสียหายต่างๆใส่ศัตรูมาช่วยด้วย แล้วจะตามมาด้วยตัวละครสายบัพหรือสายดีบัพศัตรู และตัวละครที่มีความสามารถในการป้องกันทีมนั่นเอง ซึ่งในทีมนี้การที่คุณใส่ตัวละครดาเมจรองเข้ามา ทำให้ความหลากหลายในการสร้างความเสียหายต่างๆ หรือการ Break เกราะของศัตรูทำได้ดีมากยิ่งขึ้น และถ้าตัวดาเมจรองเป็นตัวละครที่สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ Selee สามารถปิดดาเมจตัวศัตรูเหล่านั้นเพื่อทำให้ความสามารถของ Passive skill สามารถทำงานได้นั่นเอง 
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Honkai Star Rail: เจาะลึกตัวละคร Asta ตัวบัฟ 4 ดาว ที่เก่งไม่แพ้ 5 ดาว
Asta สุดยอดเกมแนว Turn-Base จากค่าย Hoyoverse ที่เปิดให้เราได้เล่นมาได้สักพักนึงแล้ว และหลายๆคนก็คงติดใจในความสนุกของเกม Asta กันไม่มากก็น้อย ด้วยความที่เป็นเกมแนว Turn-Base จึงมีรายละเอียดต่างๆภายในเกมค่อนข้างเยอะ รวมไปถึงการปั้นตัวละครก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวละครที่ได้รับความนิยมในการใช้งานค่อนข้างมากนั่นก็คือ Asta แต่ยังมีหลายๆคนที่ยังไม่เข้าใจถึงวิธีการปั้นตัว Asta ให้ออกมาเก่งต้องทำอย่างไร ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำการปั้น Asta ให้ถูกทาง และออกมาเก่งมากพอที่คุณจะนำไปใช้ใน Content ต่างๆได้ จุดเด่นของ Astaจุดเด่นของ Asta มีด้วยกันหลายจุดเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถของทั้งสกิลต่อสู้ Ultimate และรวมไปถึง Passive ประจำตัวของ Asta เอง ที่ทุกๆสกิลนั้น ล้วนจำเป็นต่อการทำให้ทีมของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทั้งสิ้น อีกหนึ่งความสามารถที่ Asta สามารถทำได้ดีเป็นอย่างมากนั่นก็คือ ความสามารถในการ Break ศัตรูโดยใช้สกิลต่อสู้ของ Asta นั่นเอง ด้วยความที่มี Hit โจมตีที่เยอะมาก จึงทำให้ค่า toughness ของศัตรูลดไวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และอีก 1 จุดเด่นสำคัญของตัว Asta เองนั่นก็คือ การที่เป็นตัวละครแจกในช่วงต้นเกมที่ทุกๆคนสามารถมีได้เลย สกิลและความสามารถของ Asta Asta นั้นเกิดมาพร้อมกับ Ultimate ที่ดีเป็นอันดับต้นๆของเกมเลยก็ว่าได้ และด้วยความสามารถต่างๆที่ Asta มี จะเรียกว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ทุกคนควรจะปั้นเลยก็ไม่ผิดซะทีเดียว ที่นี้ตามเรามาดูกันได้เลยว่าสกิลและความสามารถของ Asta มีอะไรบ้าง [Normal Attack] Spectum Beam - สร้าง DMG ไฟ ใส่ศัตรู 1 ตัวโดยจะคิดจากค่า ATK ของ Asta [Skill] Meteor Storm - สร้างความเสียหายไฟแก่ศัตรู 1 ตัว โดยจะคิดจากค่า ATK ของ Asta แล้วจะสร้างความเสียหายไฟเพิ่มเติมอีก 4 ครั้งแก่ศัตรูแบบสุ่มด้วย [Ultimate] Astral Blessing - เพิ่มความเร็วให้กับตัวละครฝ่ายตนเองทั้งหมดเป็นระยะเวลา 2 เทิร์น[Talent] Astromety - ทุกๆครั้งที่โจมตีโดนศัตรูเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตัวของ Asta จะได้รับชาร์จ 1 ชั้นทันที แต่ถ้าหากศัตรูตัวนั้นมีจุดอ่อนไฟอยู่ จะทำให้ได้ชาร์จ 2 ชั้นแทน โดยทุกๆชาร์จ จะเพิ่ม ATK ให้กับตัวละครฝ่ายเราทั้งหมดเป็นจำนวน X% และสามารถทับซ้อนกันได้สูงสุดถึง 5 ชั้นเลย และเมื่อเริ่มต้นเทิร์นของ Asta จะเสียชาตินั้นลง 3 ชั้นอย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่า ทุกๆสกิลของ Asta นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องนำทรัพยากรของคุณมาอัพสกิลเหล่านี้ทุกสกิล โดยสกิลที่คุณจำเป็นต้องเน้นอัพจะมีแค่ 2 สกิลเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือ Ultimate เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับทั้งทีมได้มากยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งสกิลนั่นก็คือ Passive นั่นเอง เพื่อช่วยเพิ่ม ATK ให้กับตัวละครทั้งทีมได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของ Skill คุณจะอัพหรือไม่อัพอันนี้ก็แล้วแต่คุณเลย ในส่วนของ NA อันนี้ไม่จำเป็นต้องอัพเลยก็ได้ เพราะเราไม่ได้คาดหวังในเรื่องของดาเมจจากตัว Asta มากเท่าไหร่ แต่ดาเมจหลักๆของ Asta จะมาจากการ Break ศัตรูเป็นหลักนั่นเองRelicRelic ที่ตัวของ Asta ควรใช้นั้นหลักๆจะมีด้วยกันทั้งสิ้น 2 เซตด้วยกัน ซึ่งแต่ละเซตก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไปด้วย ขึ้นอยู่กับสายที่คุณจะให้ Asta เป็นคนเล่น แต่ถ้าจะให้พูดถึงค่า stats ที่ตัวของ Asta ต้องมีเลยก็คือค่าความเร็ว ที่เป็นค่า stack ที่คุณต้องเน้นเป็นอันดับแรก ซึ่งควรจะทำค่าความเร็วให้ได้ประมาณ 134-140 ให้ได้ก่อน ถึงค่อยไปเน้นค่า stack อื่นๆอีกทีนึง และค่า stat ที่สำคัญรองลงมานั่นก็คือค่าการฟื้นฟูพลังงาน ตามลงมาด้วยเอฟเฟคทำลายล้าง รวมไปถึงค่าป้องกันต่างๆก็สำคัญเช่นกัน ที่นี้เรามาดูกันว่า Relic เซตไหนบ้างที่เหมาะกับเหมาะกับตัวของ Asta บ้าง และแต่ละช่องควรใส่อะไรบ้างตามมาดูกันได้เลย ค่า Stat หลักที่ควรใส่ ในส่วนของชิ้นเสื้อ คุณจะใส่ค่า Stat หลักเป็นอะไรก็ได้แล้วแต่คุณเลย ขอแค่ให้ชิ้นนั้นมีค่า Stat รองที่สวยๆก็พอแล้ว ไม่ว่าจะใส่เป็น ATK% หรือจะเป็น HP% หรือ DEF% ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เน้นไปที่ค่า Stat รองได้เลย แต่ถ้ามีตัวเลือกให้เยอะ การจะใส่ค่า HP% หรือ DEF% ก็จะช่วยให้ตัว Asta มีโอกาสรอดที่สูงยิ่งขึ้น ในส่วนของรองเท้า ให้ใส่บวกความเร็วอย่างเดียวเลย เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ความเร็วนั้นจำเป็นต่อ Asta เป็นอย่างมาก ยิ่งความเร็วเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เทิร์นเยอะขึ้นมากเท่านั้น ช่วยในการเก็บแต้มสกิลให้กับทีมได้เป็นอย่างดีเลย ในส่วนของ Planar Sphere ก็จะคล้ายๆกับเสื้อเลย เพราะจะใส่เป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีค่า stat รองสวยๆเท่านั้น และถ้าเป็นไปได้ก็ควรใส่ให้ตรงกับชิ้นเชือกด้วย เพื่อเอาเอฟเฟคเพิ่มขึ้นนั่นเอง ในส่วนของ Link Rope หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่าเชือก จะมี 2 ตัวเลือกให้คุณได้ใช้ โดยจะมีอัตราการฟื้นฟูพลังงาน ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะนำตัวของ Asta ไปเป็น support แบบ 100% เพื่อจะให้กดอันติได้บ่อยยิ่งขึ้น กับอีกสายนึงก็คือการใช้ชิ้นเชือกเป็นเอฟเฟคทำลายล้าง โดยสายนี้จะเหมาะกับคนที่จะนำตัวของ Asta ไปเป็นตัว Break ศัตรูเป็นหลักนะหนึ่ง เซต Relic ที่แนะนำ Musketeer of Wild Wheat หนึ่งในเซต Asta ยอดนิยมที่หลายๆคนเลือกใช้กัน เพราะความสามารถของเซต 4 ชิ้นที่จะบวกความเร็วของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 6% และดาเมจจากการโจมตีปกติเพิ่มขึ้นอีก 10% ซึ่งเหมาะกับตัวของ Asta เป็นอย่างมาก เพราะค่าความเร็วที่บวกขึ้นมานั้นทำให้คุณไม่ต้องหาความเร็วจากออฟไลน์ใน Relic ชิ้นอื่นๆมากเกินไป Thief of Shooting Meteorอีกหนึ่งในเซตที่เหมาะกับคนที่ต้องการจะปั้นให้ Asta เป็นสายทำลายล้างด้วย เพราะความสามารถของเซต 2 ชิ้นที่จะบวกเอฟเฟคทำลายล้างเพิ่มขึ้น 16% และเมื่อใส่เซต 4 ชิ้นจะบวกเอฟเฟคทำลายล้างเพิ่มขึ้นอีก 16% และหลังจากที่ผู้สวมทำการ Break จุดอ่อนของเป้าหมายลงได้ จะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 3 หน่วยด้วย แต่คนที่จะใช้เซตนี้ ควรมีค่าความเร็วถึงที่กำหนดไว้ก่อน จะช่วยเพิ่มดาเมจส่วนตัวให้กับ Asta ได้ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว Fleet od the Agelessหนึ่งในเซตยอดนิยมที่สามารถใช้ได้กับทุกตัวละครภายในเกมเลยก็ว่าได้ เพราะความสามารถที่จะบวก HP สูงสุดให้กับผู้สวมใส่อีก 12% ทันที และเมื่อมีความเร็วถึง 120 หน่วย จะบวกค่า ATK ให้กับฝ่ายตนเองทั้งหมดอีก 8% ซึ่งความสามารถนี้สามารถทับซ้อนกันได้ ยิ่งคนในทีมใส่เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งบวกค่า ATK ให้กับทั้งทีมได้มากเท่านั้น แถมการเพิ่ม HP สูงสุดอีก 12% ก็ช่วยให้ตัวของ Asta มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นไปอีก Talia’s Nailscrap Town Planar Sphereเซตนี้จะเหมาะกับคนที่จะเอา Asta ไปเล่นเป็นสายทำลายล้างนั่นเอง ด้วยความสามารถที่จะบวกเอฟเฟคทำลายล้างให้กับผู้สวมใส่ 16% และเมื่อมีความเร็วถึง 145 หน่วย จะบวกเอฟเฟคทำลายล้างเพิ่มอีก 20% ทันที จึงเหมาะกับ Asta เป็นอย่างมาก แต่การหาค่าความเร็วให้ได้ถึง 145 ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลยทีเดียว ในค่า stat รองต้องมีค่าความเร็วเยอะพอสมควรเลยทีเดียว Light Coneในส่วนของ Light Cone ตัวของ Asta สามารถใช้ได้หลากหลายชิ้นเป็นอย่างมากเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทีมที่คุณจะให้ Asta ไปอยู่ด้วย Memory of the Past - 4 ดาวด้วยความสามารถที่จะเพิ่มเอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่ให้ถึง 28% และเมื่อทำการโจมตีจะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มขึ้นอีก 4 หน่วย เป็นหนึ่งใน Light Cone ที่คุณสามารถใส่ให้กับ Asta ได้ในทุกๆทีมเลย ยิ่งทำการวางซ้อนเยอะก็ยิ่งโหดขึ้นตามไปด้วย Meshing Cogs - 3 ดาวด้วยความที่เป็น Light Cone ระดับ 3 ดาวเท่านั้น การจะวางซ้อนให้ถึงให้ถึงระดับ 5 ได้ไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย และด้วยความสามารถที่หลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีหรือถูกโจมตี จะทำการฟื้นฟูพลังงานเพิ่มเติม 8 หน่วยทันที ทำให้ตัวของ Asta มีพลังงานมากพอที่จะกด Ultimate ได้บ่อยขึ้นนั่นเอง Planetary Rendezvous - 4 ดาวLight Cone ประจำตัวของ Asta ซึ่งมีความสามารถที่จะทำให้บัฟความเสียหายของธาตุที่ตรงกับธาตุของผู้สวมใส่ขึ้นอีก 12% ให้กับตัวละครทั้งทีม จึงเหมาะมากๆกับการเล่นทีมที่มีธาตุไฟเป็นตัวดาเมจหลักนั่นเอง หรือการเล่นทีม Mono ไฟก็เหมาะเช่นกัน ทีมแนะนำAsta เป็นตัวละครสาย support ที่มีความสามารถในการรับพลังโจมตี และความสามารถในการบัฟความเร็วให้กับทั้งทีมได้ ซึ่งเป็นค่า stat ที่หลายๆตัวละครจำเป็นต้องมี ถ้าจะให้พูดว่า Asta สามารถไปได้ทุกทีมก็คงไม่ใช่สิ่งที่ผิดเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราจะแนะนำทีมบางทีมขึ้นมาเพื่อให้เป็นแนวทางในการจัดทีมกับคุณ ทีมทั่วๆไปที่มี Asta เป็นตัวบัฟ โดยในทีมนี้ก็จะประกอบไปด้วย ตัวดาเมจหลัก 1 ตัว และตัวที่มีความสามารถในการป้องกันทีม หรือจะตัวฮิวก็ได้ ตามมาด้วยตัว Asta เอง ซึ่งจะมีหน้าที่เป็นตัวบัฟพลังโจมตี และบัฟความเร็วให้กับทั้งทีมนั่นเอง ส่วนตัวละครอีกตัวนึงคุณจะใส่เป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวดีบัฟ ตัวแทงค์ หรือจะตัวดาเมจรองอีก 1 ตัวก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังจะเจอกับศัตรูประเภทแบบไหน Mono ไฟ ทีมนี้ก็จะประกอบไปด้วย ตัวละครดาเมจหลัก 1 ตัว และตัวละครดาเมจรอง 1 ตัวหรือจะเป็นตัว MC ไฟก็ได้ และตามมาด้วยตัวฮิล 1 ตัว เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้กับตัวละครในทีม โดยทีมนี้ก็จะเหมาะมากๆถ้าจะให้ Asta ใส่ Light Cone เป็น Planetary Rendezvous เพื่อจะบัฟความเสียหายไฟให้กับทั้งทีมได้เยอะเลยทีเดียว บวกกับ Trace ที่ตัวของ Asta สามารถอัพได้ โดยจะเพิ่มความเสียหายไฟให้กับทั้งทีมอีก 18% ก็ถือว่าโหดเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อต้องนำไปต่อกรกับศัตรูที่แพ้ไฟนั่นเอง EidolonAsta มี Eidolon ที่ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ยิ่งคุณมี Eidolon เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตัวของ Asta เก่งมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าจะถามว่า Eidolon จำเป็นต่อ Asta ไหม คำตอบก็คือไม่จำเป็นเลย ต่อให้คุณจะมี แค่ E0 เท่านั้น แต่ตัวละครนี้ก็เก่งมากๆอยู่แล้ว แต่ยิ่งคุณมี Eidolon เยอะ ก็ยิ่งเล่นง่ายขึ้นนั่นเอง [E1] Star Sing Sans Verses or Vocals - เมื่อใช้สกิลต่อสู้ จะสุ่มสร้างความเสียหายไฟเพิ่มเติมอีก 1 ครั้งแก่ศัตรู 1 ตัว [E2] Moon Speak in Wax and Wane - เมื่อปล่อย Ultimate ในเทิร์นต่อไป Asta จะไม่ลดจำนวนชั้นของการชาร์จลงเลย [E3] Meteor Showers for Wish and Want - เพิ่ม Lv. สกิลต่อสู้ +2 และจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv. และเพิ่ม Lv. Talent +2 ทันที โดยจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv. [E4] Aurora Basks in Beauty and Bliss - เมื่อจำนวนการชาร์จจาก Talent มากกว่าหรือเท่ากับ 2 ชั้น จะเพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังงานให้กับ Asta อีก 15% ทันที [E5] Nebula Secludes in Runes and Riddles - Lv. Ultimate +2 โดยจะสูงสุดไม่เกิน 15 Lv.  และ Lv. NA +1 โดยจะสูงสุดไม่เกิน 10 Lv.[E6] Galaxy Dreams In Calm and Comfort - ลดจำนวนชั้นของการชาร์จจาก Talent ลงเทิร์นละ 1 ชั้น สำหรับใครก็ตามที่กำลังจะเพิ่ม Eidolon ให้กับ Asta E ที่คุณควรจะมองหา ก็คือ E2 นั่นเอง เพราะจะทำให้การบัฟทีมของตัว Asta เองนั้น มีความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถยืดเทิร์นการบัฟออกไปได้อีก 1 เทิร์นเลยทีเดียว ในส่วนของ E4 ก็จะเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูพลังงานให้กับ Asta ด้วย E มีก็ดีไม่แพ้กัน และในส่วนของ E6 เรียกได้ว่าโหดเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ Asta นั้นไม่จำเป็นต้องสนจุดอ่อนของศัตรูเลย ก็สามารถบัฟเพื่อนร่วมทีมได้อย่างเต็มที่ได้ตลอดเวลา เพราะคุณไม่จำเป็นต้องเก็บชาร์จใดๆเลย และด้วยความที่ Asta นั้นเป็นตัวละครที่มีค่าความเร็วสูงอยู่แล้ว การได้เทิร์นครบ 5 เทินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย แต่คนที่มี E4 จำทำให้ Asta มีประสิทธิภาพในการบัฟที่สูงสุด เพระความสามารถในการเพิ่มค่าฟื้นฟูพลังงานนั้น จะทำให้ Asta บัฟความเร็วให้ทีมได้บ่อยยิ่งขึ้นนั้นเองนั้นเอง ซึ่งบัฟความเร็วจะเป็นบัฟที่เราต้องการให้เพื่อนมากกว่าบัฟ ATK
05 Aug 2023
[ไกด์เกม] Valorant ข้อมูลเบื้องต้นตัวละคร Deadlock รายละเอียดสกิล จุดเด่น จุดด้อย
เกมแนว FPS ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Valorant กันอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะทั้งระบบเกมเพลย์ที่หลากหลายและเข้าใจง่าย เกมโหมดหรือด่านใหม่ๆที่น่าสนใจ หรือแม้แต่การจัดแข่ง E-Sport ที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนทาง Official ได้ปล่อย Gameplay สำหรับตัวละครใหม่อย่าง Deadlock ตัวละครตัวที่ 22 ออกมาให้ผู้เล่นได้รับชมกันแล้ว และจะนำเข้า Valorant ในวันที่ 28 มิถุนายนให้ทุกคนได้เล่นกันนั่นเอง เธอจะมาในตำแหน่งของ Sentinel ที่มีความสามารถในการตั้งรับ Site ซัพพอร์ตเพื่อนร่วมทีม และป้องกันศัตรู วันนี้ทาง GameFever TH ก็จะมาพูดถึงวิธีการเล่นเบื้องต้นของ Agent ตัวนี้กันAbilities ของ DeadlockGravnet (C)สกิลนี้จะมาในรูปแบบของระเบิดโดยการคลิกซ้ายจะเป็นการปาออกไปและคลิกขวาเพื่อหย่อน เมื่อตกลงพื้นจะระเบิดออกมาเป็นวงกว้างทำให้ศัตรูที่ติดอยู่ภายในพื้นที่ย่อตัวลง เคลื่อนไหวช้าลง แต่สามารถออกจากพื้นที่ระเบิดได้และสามารถนำตาข่ายออกจากตัว (กด F เพื่อเอาออกเหมือนโดรน Sova) มีผลกระทบทั้งศัตรูและเพื่อนร่วมทีมราคา: 200 Credits สามารถซื้อได้สูงสุด 1 ชาร์จต่อรอบSonic Sensor (Q) เซ็นเซอร์ของเธอจะตรวจจับเสียงเป็นบริเวณกว้าง ถ้าหากมีศัตรูส่งเสียงภายในเซ็นเซอร์ไม่ว่าจะเป็นเสียงเดิน ยิงปืน Reload กระสุน หรือแม้แต่การพ่นสเปรย์ก็จะทำให้เซ็นเซอร์นั้นทำงานโดยการ Concuss เป็นแนวราบ (คล้ายสกิลของ Breach) ทำให้ศัตรูติดสตั๊นเป็นเวลา 4 วินาที สกิลนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าหาก ยิงทิ้ง ย่อง (Shift เดิน) ใช้ Stim Beacon ของ Brimstone เพื่อเพิ่มความเร็วในการเดิน หรือมีสกิลที่เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนที่อย่าง Tailwind หรือ Dash ของ Jett เป็นต้นสกิลนี้สามารถติดตั้งบนพื้นที่ที่เป็นแนวตั้งได้ เช่น กำแพง ฯลฯ (วิธีติดตั้งคล้ายTrap ของ Cypher) มีผลกระทบกับศัตรูฝ่ายเดียว ราคา: 200 Credits สามารถซื้อได้สูงสุด 2 ชาร์จต่อรอบ       Barrier Mesh (E)เมื่อโยนบาเรียลงบนพื้น สกิลจะสร้างโล่ขึ้นมาทั้ง 4 ทิศทางในรูปแบบของตัว X สามารถบล็อคการเคลื่อนไหวของศัตรูและเพื่อนร่วมทีมไม่ให้เดินผ่านไปได้ แต่สามารถยิงทะลุได้ ถ้าหากต้องการเดินผ่านจะต้องทำลายทิ้งเท่านั้น ซึ่งบาเรียจะมีเวลา 3 วินาทีในการเซ็ตตัวให้เลือดของบาเรียเต็ม โดยกึ่งกลางของบาเรียจะมีเลือดที่ 1200 หน่วย (30 นัด Vandal) และโล่ด้านนอก 600 หน่วย (15 นัด Vandal) ถ้าหากบาเรียถูกทำลายแล้วจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในรอบนั้นๆราคา: Free สามารถใช้ได้สูงสุด 1 ชาร์จต่อรอบAnnihilation (X)Ultimate ของเธอเมื่อกดใช้แล้วจะมีระยะเวลาจำกัดก่อนการยิงลวดนาโนออกไป เมื่อยิงออกไปแล้วลวดนาโนจะจับศัตรูคนแรกที่อยู่ในรัศมีการยิง (สามารถเด้งได้ เมื่อกด Ultimate จะมีรัศมีและทิศทางในการยิงบอก ลักษณะการยิงคล้าย Relay Bolt หรือสตั๊นของ Neon) และคนที่ถูกลวดนาโนจับจะไม่สามารถหนีออกมาเองได้นอกจากจะมีเพื่อนร่วมทีมของตนเองมาช่วยทำลายทิ้ง (ยิงที่ตัวคนโดนจับ)ถ้าหากไม่มีเพื่อนร่วมทีมมาช่วย คนที่ถูกจับจะโดนดึงไปตามเส้นลวดและจะตายเมื่อไปถึงจุดสิ้นสุดของสกิลราคา: 7 Points    จุดแข็งและจุดอ่อนของ Deadlockจุดแข็งป้องกัน Site และชะลอการเข้า Site ของศัตรูได้ดีมีสกิลที่สามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามแบบเป็นกลุ่มได้ดีจุดอ่อนไม่มีสกิลที่ป้องกันการ Lurk เหมือน Sentinel ตัวอื่นๆ เพราะสกิล Sonic Sensor นั้นจะแจ้งเตือนผ่านการใช้เสียงเท่านั้นทำให้ ศัตรูสามารถย่องผ่านได้อย่างง่ายดายไม่มีสกิลหาตำแหน่งของศัตรูอย่างที่กล่าวไปข้างต้น Deadlock เป็นตัวละคร Sentinel ที่ค่อนข้างแตกต่างกับตัวละครสายเดียวกันพอสมควรซึ่งเธอจะเก่งมากฝ่ายป้องกันและในการตั้งรับศัตรู และเมื่อเป็นฝ่ายโจมตีเมื่อได้วาง Spike แล้วเธอก็จะเก่งในการป้องกันการ Retake ของศัตรูได้ดีมากๆเลยทีเดียว ซึ่งคุณสมบัติของเธอจะเก่งในแมพที่มีทางเดินแคบๆหรือแมพที่มีจุดบังคับ Drop ตัว อย่างเช่นด่าน Ascent, Bind, Split, Fracture เป็นต้น และเมื่อมีสกิลอัลติเมทอย่าง Annihilation การเล่นแบบ 1v1 ของเธอก็สามารถการันตีชัยชนะใน Round นั้นๆได้เลย อย่างไรก็ดีตัวละครสาย Sentinel จุดเด่นและหน้าที่หลักๆอย่างนึงของการเล่นก็คือการกันศัตรู Lurk ตัวเรา และเพื่อนร่วมทีมได้ ซึ่งตัวละครอย่าง Deadlock นั้นไม่มีความสามารถป้องกันการ Lurk ของศัตรูเพราะ Sonic Sensor ของเธอตรวจจับเพียงแค่เสียง ทำให้ศัตรูสามารถย่องผ่านได้ไม่เหมือนกับ Alarm bot ของ Killjoy, Trap ของ Cypher หรือ Trademark ของ Chamber นั่นเอง
25 Jul 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละคร Luocha หนุ่มผมยาวสายจินตภาพตัว Heal ATK
Luocha ตัวละครสาย Heal ตัวใหม่ที่เป็นธาตุจินตภาพตัวที่ 2 ในเกม Honkai: Star Rail ที่เข้ามาในเวอร์ชั่น 1.1 Luocha จัดเป็นตัวละครสาย Heal ที่ใช้ค่า Atk เป็นหลักต่างจากตัวละครอื่นที่ใช้ Max Hp ทำให้เขามีความโดดเด่นในการช่วยสร้างความเสียหายและ Break ศัตรู สามารถไปกับทีมที่เน้นการโจมตีเป็นหลักได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้เขายังมีความอึดพอสมควรและ สกิล Heal ที่ช่วยเหลือทีมทันทีแบบ Auto ที่ได้รับ Damage รุนแรงยังเป็นตัวละครที่ 2 ที่สามารถลบ Buff ศัตรูได้เนื้อเรื่องของ Luocha พ่อค้าลึกลับที่แบกโลงศพไปไหนมาไหนตลอดเวลา การปรากฏตัวและจุดประสงค์ของเขานั้นยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาแต่เขาก็ดันเข้าไปผัวผันกับวิกฤต Stellaron ของเมือง Xianzhou Luofu ระหว่างการเดินทาง ถึงแม้เขาจะพูดเสมอว่า โลงศพนี้ไม่ใช่ของเขาและเขาต้องเอาไปส่งในเมือง Luofu แต่การเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุดและจุดประสงค์ของเขาก็ยังคงเป็นปริศนาให้ผู้เล่นได้ค้นหาในเนื้อเรื่องในเกมต่อไปSkill ของ LuochaSkillประเภทรายละเอียดThorns of the AbyssBasic Attackสร้าง DMG จินตภาพ 90% จาก Atk ของ Luocha แก่ศัตรูหนึ่งตัวPrayer of Abyss FlowerSkillหลังจากปล่อยสกิลต่อสู้ จะฟื้นฟู Hp เท่ากับ 56% จาก Atk ของ Luocha+710 ให้กับฝ่ายตัวเองที่กำหนด 1 ตัวทันที และทำให้ Luocha ได้รับ Abyss Flower 1 ขั้น(ถ้าตัวละครมี Hp น้อยกว่าหรือเท่า 50% Luocha จะทำการปล่อย Effect นี้แบบ Auto ทันทีโดยไม่เสียแต้มต่อสู้ สกิลคูลดาวน์ทุกๆ 2 เทิร์น)Death WishUltimateลบ Effect Buff ของฝ่ายศัตรูทั้งหมด และ สร้าง Damage จินตภาพ 180% จาก Atk ของ Luocha แก่ฝ่ายศัตรูทั้งหมดพร้อมทำให้ Luocha ได้รับ Abyss Flower 1 ขั้น Lightning DMG ต่อเนื่องเท่ากับ 60% ของ ATK ของ Kafka ในตอนเริ่มต้น ของแต่ละเทิร์นCycle of LifeTalentเมื่อมี Abyss Flower ถึง 2 ขั้น Luocha จะใช้ Abyss Flower ทั้งหมดสร้างเขตแดน ตัวละครฝ่ายเดียวกับเราในเขตแดนเมื่อทำการโจมตีจะฟื้นฟู Hp 16.8%จาก Atk ของ Luocha +213 Effect นี้จะคงอยู่ 2 เทิร์น ถ้า Luocha หมดสติเขตแดนนี้ก็จะหายไปด้วยMercy of a FoolTechniqueหลังจากใช้เทคนิคแล้วจะใช้พรสวรรค์ทันที ที่เริ่มการต่อสู้ครั้งต่อไปSanctifiedTrace Ascensionหลังจากศัตรูเป้าหมายตัวใดก็ได้ที่อยู่ในเขตแดนโดนฝ่ายเราโจมตี ฝ่ายเราทั้งหมดยกเว้นผู้โจมตี จะฟื้นฟู Hp 7.0% จาก Atk ของ Luocha+93Cleansing RevivalTrace Ascensionเมื่อปล่อยเอฟเฟกต์สกิลต่อสู้จะลบเอฟเฟกต์ Debuff 1 เอฟเฟกต์ของฝ่ายตัวเองที่กำหนดหนึ่งตัวThrough the ValleyTrace Ascensionโอกาสต้านทานสถานะ Debuff ประเภทควบคุมเพิ่มขึ้น 70%การ Build Luochaตัวละครธาตุจินภาพตัวที่ 2 ในเกมเป็นสาย Heal ที่มี Damage โจมตีหมู่มี Heal Auto ที่คอยสนับสนุนทีมโดยไม่เสีย Action เหมาะสำหรับการโจมตีต่อเนื่องแบบไม่ขาดตอนแบบไม่เสียแต้มต่อสู้สำหรับคนที่เล่นสายความเร็ว ค่าพลังหลักของ Luocha คือ Atk รองลงมาคือ การเพิ่มปริมาณการรักษา และ การเพิ่ม Damage จินตภาพการสร้าง Damage แบบกลุ่มของ Luocha ด้วยธาตุจินภาพที่ช่วย Break ศัตรูแบบกลุ่มได้ดีมากออฟชั่นที่หลักสำหรับ Relic Luochaชุดที่ต้องการ : Atkรองเท้า : Speed ​​​​หรือ Atk%Sphere : Atk%/ Imaginary Damageลิงค์ : Atk%ชุด Set ของ Luochaไม่มีเซ็ตไหนที่เหมาะกับ Luocha  สามารถใช้งานได้ 3 เซ็ต จากความยืดหยุ่นของการใช้ค่าพลัง Atk1.Musketeer of Wild - เมื่อใส่ 2 ชิ้น เพิ่ม Atk 12%  เมื่อใส่ 4 ชิ้นเพิ่ม Spd เพิ่มขึ้น 6% และ Atk Damage เพิ่มขึ้นอีก 10%2.Passerby of Wandering - เมื่อใส่ 2 ชิ้น เพิ่มปริมาณการรักษา 10% เมื่อใส่ 4 ชิ้น เมื่อเริ่มต่อสู้จะเพิ่มแต้มสกิล 1 พอยน์3.Wastelander of Banditry Desert - เมื่อใส่ 2 ชิ้น เพิ่ม Imagninary Damage 10%เมื่อใส่ 4 ชิ้น เมื่อโจมตีศัตรูที่ติด Debuff จะเพิ่มคริติคอล 10% และ คริติคอล Damage 20%ชุด Sphere และ LinkFleet of the Ageless - เพิ่ม Max Hp 12% และ เพิ่ม Atk 8% ให้กับทุกตัวละครถ้า Spd เกิน 120 หน่วย เหมาะสำหรับการเล่นเป็น SupportSpace Sealing Station - เพิ่ม Atk 12% และ เพิ่ม Atk อีก 12% เมื่อ Spd เกิน 120 หน่วยLight Cone ที่เหมาะกับ LuochaLight Cone ที่เหมาะกับ luocha จะมีอยู่ 2 ทั้งแบบที่ต้องเปิดกาชาหาและได้ฟรีจากกิจกรรมEchoes Of The Coffin ประจำตัวของ LuochaLight Cone 5 ดาวประจำตัวของ Luocha ที่ได้รับจากการเปิดกาชาเท่านั้น Light Cone นี้จะเพิ่ม Atk 24% และ เพิ่มพลังงานตามจำนวนศัตรูที่โดนโจมตีแตกต่างกัน 3 หน่วย สามารถฟื้นฟูได้สูงสุด 3 ครั้งหลังจากใช้ท่าไม้ตายทำให้ความเร็วของฝ่ายเราทั้งหมดเพิ่มขึ้น 12 หน่วย เป็นเวลา 1 เทิร์น ถ้าอัพเลเวลสูงสุดจะเพิ่ม Atk สูงสุดถึง 40% และ พลังงาน 5 หน่วย สำหรับสายวาฬปลดดาวครบใช้ได้ยาวๆLight Cone 4 ดาว ที่แนะนำPerfect Timingทำให้การต้านทานสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และ ทำให้การรักษาของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นโดยจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 33% ของการต้านสถานะโดยการรักษาสามารถเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 15% จากที่ทดลองใช้ Ligh Cone ระดับ 4 ดาวนี้แค่พอใช้ได้โดยการเพิ่มการรักษาเพิ่มปริมาณการรักษาเพิ่มขึ้นเท่านั้นแต่สำหรับเฟื้องฟูในตอนนี้ก็มีตัวเลือกให้ใช้งานยังไม่มากสามารถสลับใช้กันในสายได้ยกเว้นแค่ Quid Pro Quo ที่ฉีกไปทางเพิ่มพลังงานTeam Comp สำหรับการทำทีม LouchaLuocha สามารถไปได้กับทุกทีมยกเว้นทีมที่มีตัว Supports บัฟที่โยนเทริน์ให้กับตัวละครอื่นเพราะคุณจะไม่ได้รับ Heal เพราะไม่ได้ทำการโจมตี ทำให้ฟื้นฟูไม่เพียงพอ ในการต่อสู้กับบอสถ้าทีมคุณมีความเร็วที่ต่ำ คุณอาจจะตายก่อนที่จะได้ทำการ Heal จากการโจมตี และ ข้อควรระวังอย่างสุดท้ายคือ Loucha เน้นไปที่การ Heal เดี่ยวฉะนั้นหลีกเลี่ยงบอสหรือรีบทำให้บอสติด Break ก่อนที่จะโดนสกิลหมู่หนักๆทีมใช้  Loucha ในตำแหน่ง Healer  ร่วมกับตัวละครอื่น
08 Jul 2023
[ไกด์เกม] Harry Potter: Magic Awakened รวมการ์ดสำคัญที่ผู้เล่นควรไขว่ขว้าหามาใช้!
ในเกม Harry Potter: Magic Awakened ผู้เล่นจะได้ผจญภัยในโลกเวทมนตร์ ต่อสู้ และสะสมการ์ดคาถาและซัมม่อนเพื่อนำมาใช้งานในหลาย ๆ โหมดการเล่น ทว่า ด้วยความที่การ์ดมีตั้งเกือบร้อยใบในปัจจุบัน (และในอนาคตก็จะมีเพิ่มอีกเยอะ!) ผู้เล่นใหม่บางส่วนก็อาจจะไม่สามารถหาการ์ดพวกนั้นทั้งหมดได้ในทีเดียว รวมไปถึงบางครั้งมันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะตัดสินใจว่าใบไหนควรสุ่มหาคว้ามาใช้หรือปล่อยผ่านไปไว้มีโอกาสค่อยเก็บดังนั้นไกด์เกมนี้เราจะมาแนะนำการ์ดที่ผู้เล่นควรเริ่มสะสมทรัพยากรและควรมองหามาใช้ รวมไปถึงเหตุผล เนื่องจากการ์ดพวกนี้ ผู้เล่นทุกคนต้องได้ใช้แน่นอน!1. Baby ManticoreBaby Manticore : เมื่อใช้ ผู้เล่นจะทำการเดินท่าทางแปลก ๆ ด้วยความเร็วในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยจะไม่มีการเสียการ์ดเคลื่อนที่แม้แต่ใบเดียวแม้จะเดินกี่ครั้งก็ตาม และในขณะนั้นจะทยอยเรียกเจ้าแมงป่องตัวน้อย ๆ ออกมาจากพื้นสูงสุดสี่ตัวล้อมรอบเรา เมื่อเพลงจบลงโดยที่ยังมีเจ้าแมงป่องพวกนี้อยู่ เราจะเดินไวเพิ่มเติมอีกชั่วคราว ก่อนที่เจ้าแมงป่องพวกนี้จะเริ่มโผออกไปโจมตีฝั่งตรงข้ามทำไมต้องหา? : ในเกมนี้การ์ดเคลื่อนที่ของผู้เล่นนั้นมีการจำกัดจำนวนในแทบทุกโหมด ซึ่งบางด่านจำเป็นในการเดินมาก ๆ เช่น Solo-Exploration เป็นต้น รวมถึงการที่เราเคลื่อนที่ไวก็สามารถหลบหลีกอันตรายต่าง ๆ และยังมีเจ้าแมงป่องน้อยช่วยออกไปโจมตีอีก!2. CrucioCrucio : ใช้คาถากรีดแทงสาปเป้าหมายตัวเดียวด้วยความรุนแรงและต่อเนื่องในระยะ หากเป้าหมายเป็นยูนิตจะติดสถานะมึนงงระหว่างโดนสาป หากทำการใช้ซ้ำใส่เป้าหมายตัวเดิม ความแรงจะแรงขึ้นเรื่อย ๆ อิงจากระยะเวลาที่สาปทำไมต้องหา? : ถึงแม้จะเป็นการ์ดเป้าหมายเดี่ยว แต่เนื่องจากการสร้างความเสียหายอันรุนแรง ต่อเนื่องและยังมีติดสถานะ ทำให้การ์ดใบนี้นิยมนำไว้ใช้แก้ทางเหล่ายูนิตที่แข็งแกร่งแต่ใช้ค่าร่ายมานาสูงของฝั่งตรงข้าม แต่ประโยชน์ที่แท้จริงของ Crucio คือเป็นการ์ดที่ผู้เล่นต้องมีในการลงป่าต้องห้าม Solo-Exploration ด่าน 26 ขึ้นไป, Haunted Hollow และ Deathly Dell ก็ต่างจะเล่นง่ายขึ้นมากหากมีการ์ดใบนี้ ประหนึ่งว่าถ้าผู้เล่นไม่มี ก็ไม่สามารถผ่านด่านพวกนี้ได้!3. Golden SnitchGolden Snitch : เมื่อใช้ จะทำการเรียกลูกโกลเด้นสนิชสุ่มเกิดในสนาม (หากใน Duel จะอยู่ครึ่งฝั่งผู้เล่นเอง) ในระหว่างที่มันยังอยู่ มันจะวาร์ปไปมาในบางครั้งและสละเลือดบางส่วนของตนเองเพื่อการ์ดเคลื่อนที่ให้กับผู้เล่น ผู้เล่นสามารถเดินไปเก็บมันเพื่อรับการ์ดเคลื่อนที่จำนวนมากในครั้งเดียวก่อนมันจะหายไป [ปัจจุบันการ์ดนี้ยังไม่เข้าเวอร์ชัน Global ]ทำไมต้องหา? : เช่นเดียวกับเจ้าแมงป่องข้างต้นที่กล่าวว่าในเกมนี้การ์ดเคลื่อนที่ของผู้เล่นนั้นสำคัญ โดยเจ้าโกลเด้นสนิชจะมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้เล่นให้มีก้าวเดินกินใช้ตลอดทั้งเกม รวมถึงยังสามารถหลอกล่อความสนใจยูนิตฝั่งตรงข้ามบางส่วนได้อีกด้วย มักนำมาประยุกต์ใช้กับเด็คที่ต้องก้าวเดินเยอะ ๆ เช่น Snape, Harry และ Dobby4. Orb of WaterOrb of Water : ทำการร่ายลูกบอลน้ำที่จะจับศัตรูและยูนิตไว้ด้านใน สร้างความเสียหายต่อเนื่อง ผู้ร่ายสามารถเดินไปมาระหว่างใช้ได้ และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจะสร้างความเสียหายมหาศาล แต่สามารถถูกขัดได้โดยสถานะบางประเภททำไมต้องหา? : ถึงแม้การ์ดใบนี้มีความเสียหายที่รุนแรงก็จริง แต่การที่โดนขัดได้ก็ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ทว่าหน้าที่หลัก ๆ ของมันคือการควบคุมยูนิตฝั่งตรงข้ามในด่านที่มีจำนวนเยอะ ๆ ให้รวมในที่เดียวกัน ดังนั้นจึงเหมาะกับการไปใช้ใน PvE มากกว่า PvP รวมถึงยังเป็นการ์ดที่ผู้เล่นต้องมีในการผ่านด่าน Solo-Exploration บางด่านอีกด้วย5. Prior IncantatoPrior Incantato : ตัวการ์ดจะทำการก๊อปปี้และเปลี่ยนเป็นการ์ดคาถาที่ผู้เล่นใช้ล่าสุด โดยเพิ่มค่าร่ายมานา +1 เลเวลของการ์ดที่ก๊อปปี้จะอิงจากตัวการ์ด Prior Incantato ไม่ใช่การ์ดต้นฉบับทำไมต้องหา? : ด้วยความที่การ์ดบนมือเรามีตั้ง 8 ใบ การที่เราจำเป็นต้องพึ่งพาการ์ดคาถาใบหนึ่งจริง ๆ จัง ๆ แต่ก็ต้องรอนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ดังนั้นตัวการ์ดใบนี้จึงเป็นตัวช่วยผู้เล่นให้สามารถใช้คาถาสำคัญ ๆ ได้บ่อยครั้ง นิยมใช้กับคาถาอย่าง Crucio หรือ Thunderstorm เป็นต้นทั้งนี้ ทางผู้เขียนขอแจ้งไว้ตรงนี้ว่าการ์ดในเกม Harry Potter: Magic Awakened ทุกใบ ผู้เล่นสามารถหาเองได้แบบฟรี ๆ ไม่ต้องเติมจากการใช้ดวงสุ่มในกาชาหรือซื้อด้วยเหรียญทองในร้านค้า รวมถึงไม่มีการ์ดใบไหนที่เก่งเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากแต่ละใบจะมีการ์ดแก้ทางและสถานการณ์ที่ใช้ได้ต่างกันออกไป ผู้เล่นต้องศึกษาข้อมูลในส่วนนี้ด้วยตนเอง แต่สำหรับการ์ดที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นการ์ดที่เน้นใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งผู้เล่นควรมี ไม่ใช่มุ่งเน้นไปที่การ PvP กับผู้เล่นอื่นอย่างเดียวเท่านั้น
06 Jul 2023
[ไกด์เกม] Harry Potter: Magic Awakened จัดเด็คยังไงให้ PvP เทพ!
การดวลระหว่างผู้เล่นเป็นหนึ่งในระบบหลักที่ผู้เล่นต้องเล่นทุกวันไม่ขาดในเกม Harry Potter: Magic Awakened และบางครั้งอีเวนต์ในอนาคตเช่นศึกสงครามระหว่างบ้านทั้งสี่ก็จะเป็นตัวชี้วัดว่าผู้เล่นฝั่งไหนจะคู่ควรได้เป็นที่หนึ่งเช่นกัน เนื่องจากของรางวัลที่จะแจกให้ไม่ได้มีแค่ทองเท่านั้น เพชร เครื่องประดับ การ์ด และอื่น ๆ ทีผู้เล่นไม่ควรพลาด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นจะรู้และชำนาญในการ PvP ตั้งแต่ต้น เพราะแค่การ์ดของเกมในระยะเวลาปัจจุบันก็มีตั้ง 75 ใบเลยทีเดียว! ถ้าจะให้ประสีประสาจัดก็คงไม่ชนะอย่างแน่นอน บ้างก็คิดว่าใส่การ์ดตำนานทั้งเด็ค บ้างก็ใส่การ์ดไม่ตรงสายซึ่งผิดมหันต์ ดังนั้นเราจะมาแนะนำวิธีการจัดเด็คเบื้องต้นให้ได้รู้กันไปเลย ทั้งนี้ข้อมูลส่วนนี้ไม่ได้เป็นการบังคับ ผู้เล่นสามารถปรับ เปลี่ยนแปลงตามถนัดให้เข้ามือตนเองมากที่สุด รวมไปถึงบางเด็คนั้นก็ไม่ครอบคลุมกับการที่จะเล่น Solo หรือ Duo ซะทีเดียวอนึ่งผู้เล่นต้องทำการจำแนกให้ออกว่าเสียงสะท้อนใดเป็นเสียงสะท้อนสายคาถา ซัมม่อน หรือ ผสม เนื่องจากความสามารถการ์ดจะแสดงประสิทธิภาพมากสุดก็ต่อเมื่ออยู่ในเด็คที่เหมาะควร ใช้งานถูกสถานที่ ดังนั้น Tier List ของการ์ดเกมนี้จึงเป็นเรื่องเหลวไหลและไม่สามารถจัดได้เนื่องจากการ์ดทุกใบมีประโยชน์ของมัน*หมายเหตุ : ผู้เล่นควรมีระดับเสียงสะท้อนในระดับ Legendary เพื่อความสามารถเด็คที่สูงที่สุด โดยสามารถหาได้หลังจากการเอาชนะ Solo Exploration ด่านที่ 25Harry Potter[Harry Potter] เป็นเสียงสะท้อนสายคาถา มีความสามารถเพิ่มพลังของการ์ดคาถาที่ใช้ค่าร่ายมานาเท่ากับ 3 หรือน้อยกว่า เน้นใช้คาถาที่มีค่าร่ายน้อย ๆ อย่าง Oppugno หรือ Bewitched Snowballs โดยเน้นการร่ายที่บ่อยครั้ง ความเสียหายรุนแรงการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Three-Headed Puppy- Episky- Bewitched Snowballs- Inflatus- Stupefy- Broomstick- Expulso- OppugnoDobby[Dobby] เป็นเสียงสะท้อนสายคาถา มีความสามารถเพิ่มการ์ดก้าวเดิน และหลังจากการเดินของผู้เล่นหนึ่งก้าว การเดินครั้งต่อไปจะแทนที่ด้วยการวาร์ปแทน เน้นใช้คาถาที่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ตัวเองไปมาเช่น Bludger หรือใช้เพื่อหลบการโจมตีบางประเภท เน้นป่วนฝั่งตรงข้ามจนปวดหัวการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Bludger- Teboo- Incendio- Blast-Ended Skrewt- Episky- Inflatus- Expulso- OppugnoHermione[Hermione Granger] เป็นเสียงสะท้อนสายคาถา มีความสามารถทุกครั้งที่ร่ายการ์ดคาถาครบ 3 ใบ การ์ดคาถาที่อยู่บนมือและมีค่าร่ายสูงสุดจะถูกลดค่าร่ายครึ่งหนึ่ง (สูงสุด 4 มานา) และเพิ่มเลเวลของการ์ดใบนั้น ๆ หนึ่งขั้น เน้นใช้กับการ์ดคาถาค่าร่ายสูง ๆ แต่มีความรุนแรงอย่าง Weasleys-Wildfire Whiz-Bangs หรือ Orb of Water การ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Three-Headed Puppy- Weasleys-Wildfire Whiz-Bangs- Confringo- Inflatus- Incarcerous- Nimbus- Broomstick- OppugnoSnape[Severus Snape] เป็นเสียงสะท้อนสายคาถา มีความสามารถเพิ่มพลังโจมตีปกติและการโจมตีปกติครั้งที่สองของผู้เล่นจะเปลี่ยนเป็นการใช้คาถา Sectumsempra แทน (โจมตีเด้งหลายเป้าหมายในระยะ) เน้นใช้เพื่อถล่มยูนิตที่ถูกเรียกออกมาเยอะ ๆ ให้หายไปอย่างรวดเร็ว หรือใช้คู่หู Kevin พ่วงกับการ์ดคาถา Time-Turner สร้างความเสียหายรุนแรงโดยไม่เน้นร่ายการ์ดการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Time-Tuner- Sectumsempra- Accio- Inflatus- Incarcerous- Nimbus- Swelling Solution- OppugnoHagrid[Hagrid] เป็นเสียงสะท้อนสายซัมม่อน มีความสามารถเพิ่มความเร็วการโจมตียูนิตที่ถูกอัญเชิญด้วยค่าร่ายที่เยอะที่สุดในเด็ค และเมื่อเลือดของมันลดลงถึง 50% จะรักษาเลือด 24% ภายใน 2 วินาที สามารถติดได้สามครั้งในยูนิตตัวเดียว เน้นใช้การ์ดอัญเชิญอย่าง Baby Antipodean Opaleyes หรือ Piertotum Locomotor เพื่อเสริมความอึดและความเสียหายการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Baby Antipodean Opaleyes- Bombastic Bomb Box- Niffer- Matagot- The Monster book of monster- Episky- Nimbus- Swelling SolutionNewt[Newt Scamander] เป็นเสียงสะท้อนสายซัมม่อน มีความสามารถทุกสามครั้งที่ยูนิตได้สำเร็จ ผู้ใช้จะได้รับการ์ดอัญเชิญ Erumpent, Thunderbird หรือการ์ดคาถา Teboo ที่ใช้ค่าร่ายมานาเพียงแค่ 1 แบบสุ่มหนึ่งใบ (การ์ดเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งเท่าการ์ดของจริง) เน้นใช้การ์ดอัญเชิญทั่วไปแบบรัว ๆ อย่าง Spiders หรือ Cornish Pixies พ่วงกับ Bomtastic Bomb Box เพื่อสร้างความกดดันให้ฝั่งตรงข้ามการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Bombastic Bomb Box- Ashwinder- Niffer- Whoopers- Matagot- Cornish Pixies- Spiders- The Monster book of monsterNeville[Neville Longbottom] เป็นเสียงสะท้อนสายซัมม่อน มีความสามารถที่ถ้าหากไม่มีศัตรูในระยะ การโจมตีปกติของผู้เล่นจะเป็นการรักษาฝั่งเดียวกันด้วย 70% ของพลังโจมตีปกติ (75% หากไม่ใช่การรักษาผู้เล่นอื่น) เน้นใช้กับการ์ดอัญเชิญที่ผู้เล่นต้องทำการรักษาก่อนอย่าง Norwegian Ridgeback Egg และ Unicorn หรือจะใช้ Time-Tuner เพื่อรักษาตนเองหรือเพื่อนร่วมทีมเรื่อย ๆ การ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Unicorn- Time-Turner- Bombastic Bomb Box- Niffer- Aquamenti- Essence of Dittany- Nimbus- Swelling SolutionWeasley Twin[Weasley Twins] เป็นเสียงสะท้อนสายผสม มีความสามารถที่จะลดคูลดาวน์การ์ดคู่หูและสามารถเรียกคู่หูแบบสุ่มได้เพิ่มอีกมากสูงสุดถึงสามครั้ง เน้นใช้กับคู่หูอย่าง Cassandra Vole, Ron Weasley, Grawp ร่วมกับคาถาที่รุนแรงและยูนิตรับการโจมตีการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Confringo- Incendio- Bombastic Bomb Box- Niffer- Whoopers- Whamping Willow- Atmospheric Charm- Blast-Ended SkrewtBellatrix[Bellatrix Lestrange] เป็นเสียงสะท้อนสายผสม มีความสามารถที่การสร้างความเสียหายใด ๆ หนึ่งครั้งจะเก็บแต้มพลังแห่งความตาย 4 แต้ม ( 1 แต้มถ้าเป้าหมายไม่ใช่ผู้เล่น) เมื่อครบ 124 แต้ม แต้มพลังแห่งความตายจะลดลงจนหมดและอัญเชิญผู้เสพความตาย 1 ตนลงมาช่วยโจมตีอย่างรุนแรงบนสนาม และการอัญเชิญครั้งต่อไปจะเพิ่มทีละหนึ่งตนสูงสุด 3 ตน เน้นใช้กับการ์ดโจมตีผู้เล่นโดยตรงอย่าง Thunderstorm, Atmospherix Charm หรือการ์ดอัญเชิญ Stacks of Monster Book of Monsters เพื่อเร่งแต้มอัญเชิญผู้เสพความตายการ์ดที่ควรพกในเด็คมีดังนี้- Stacks of Monster Book of Monsters- Bombastic Bomb Box- Cornish Pixies- Spiders- Aquamenti- Atmospheric Charm- Nimbus- Swelling Solutionทั้งนี้จากข้อมูลที่กล่าวมายังเป็นข้อมูลการจัดเด็คเบื้องต้นเท่านั้น การ์ด คู่หู และเสียงสะท้อนในเกม Harry Potter: Magic Awakened ยังจะมีการอัปเดตและเพิ่มเรื่อย ๆ ผู้เล่นควรติดตามอัปเดตและจดจำสิ่งที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตพร้อมปรับใช้ตามอัธยาศัยเพื่อไม่ให้ซ้ำคนอื่น
04 Jul 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Paladin สายแลกเลือด ดาเมจสุดมหาศาล
Ragnarok Origin สุดยอดเกม RPG จากทางค่าย Gravity กับ Series เกมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ซึ่ง ragnarok Origin เปิดให้บริการผ่านระบบ iOS และ Android เพื่อทำให้ทุกๆคนสามารถเข้าเล่นเกมได้ทุกช่วงทุกเวลาที่ต้องการนั่นเอง และด้วยความที่เกมเปิดให้บริการผ่านมือถือ การเข้าถึงตัวเกมก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายเลยทีเดียว โดยผู้เล่นใหม่หลายๆคนที่อยากเล่นคลาส Paladin แต่ไม่รู้ว่าจะเล่นสายไหนดี ไกด์ตัวนี้จะช่วยเป็นแนวทางให้คุณได้เป็นอย่างดีเลย และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำคลาส Paladin สายแลกเลือด ตั้งแต่เริ่มปั้นตัวละครไปจนถึงช่วงท้ายเกมกันเลย จุดเด่นของคลาส Paladin สายแลกเลือด จุดเด่นหลักๆของคลาส Paladin หลายๆคนมักจะคิดว่าคือความถึกทน ซึ่งจะใช้นิยามนี้กับสายแลกเลือดก็ได้อยู่ เพียงแต่คลาส Paladin สายแลกเลือดนั้นจะเน้นไปที่การนำค่า Max HP ของตัวละครเรามาใช้สร้างดาเมจมหาศาลใส่เหล่าศัตรูนั่นเอง ซึ่งเหมาะมากๆกับคนที่ชอบเล่นสายที่มีดาเมจสูงๆแต่แลกมากับความยากในการเล่น สเตตัสที่คนอัพ AGI - 90+VIT - 90+หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องอัพสเตตัส AGI ให้สูงขนาดนี้ ซึ่งนั่นก็เพราะว่าคุณต้องทำให้ตัวละครของคุณมีค่า Attack Speed ตั้งแต่ 500 ขึ้นไป โดยเมื่อตัวละครของคุณมีค่า Attack Speed ถึง 500 แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอัพค่า AGI เพิ่มก็ได้ และอีกสเตตัสที่สำคัญนั่นก็คือค่า VIT ที่จะช่วยเพิ่มค่า Max HP ของคุณให้สูงยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่คุณจะมาอัพ VIT คุณควรจะอัพค่า AGI จนมี Attack Speed ถึง 500 ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแลก สกิลที่ควรอัพ ตอนเป็น Swordsman (level 10 )Bash - 10Magnum Break - 5Provoke -10Endure - 10 ในตอนที่คุณเป็นคลาส Swordsman สกิลที่คุณจำเป็นต้องอัพเลยก็คือ Magnum Break พอจะช่วยให้คุณมีดาเมจในช่วงต้นเกม และเป็นสกิลทางผ่านไปสู่สกิลสำคัญส่วนต่อไปด้วย และในส่วนของสกิล Provoke และ Endure ก็อัพให้เต็มเพื่อช่วยให้คุณมีโอกาสในการรอดชีวิตที่สูงขึ้น และช่วยในการลงดันต่างๆให้ผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเอง ตอนเป็น Crusader (Level 40)Cavalry Mastery - 5Shield Chant - 5 Faith - 10Spear Mastery - 5Guardian - 3เมื่อตัวละครของคุณอัพคลาสจนเป็น Crusader ได้แล้ว สกิลเหล่านี้จะจำเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณจำเป็นต้องอัพทั้งหมด มาเริ่มกันที่สกิล Cavalry Mastery สกิลนี้จะทำให้คุณสามารถขี่นกได้ไวยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถไปไหนมาไหนได้ไวมากยิ่งขึ้น ตามมาด้วยสกิล Shield Chant สกิลนี้จำเป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นพื้นฐานของสกิลโล่ต่างๆที่ต้องอัพอีกในอนาคต ตามมาด้วยสกิล Faith ซึ่งสกิลนี้จะช่วยบวกค่า Max HP ของคุณให้สูงยิ่งขึ้น โดยเมื่ออัพเต็มสามารถสูงได้ถึง 3,000 หน่วยกันเลยทีเดียว และในส่วนของสกิล Spear Mastery และ Guardian ไม่จำเป็นต้องอัพเต็ม ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ที่คุณจำเป็นต้องอัพก็เพื่อเป็นทางผ่านไปยังสกิลที่ต้องอัพอีกในอนาคต ตอนเป็น Paladin (Level 70)Spear Quicken - 10Martyr's Reckoning - 5เมื่อตัวละครของคุณสามารถอัพจนกลายเป็น Paladin ได้แล้ว มีเพียงแค่ 2 สกิลเท่านั้นที่สำคัญกับคลาส Paladin สายแลกเลือด โดยเรามาเริ่มกันด้วยสกิลแลกนั่นก็คือ Spear Quicken ซึ่งความสามารถของสกิลนี้จะทำให้ตัวละครของเราเมื่อถือหอกจะเพิ่ม Attack Speed ให้กับตัวละครของเราค่อนข้างมากเลยทีเดียว และสกิลที่เป็นหัวใจสำคัญของสายแลกเลือดนั่นก็คือ Martyr's Reckoning ซึ่งความสามารถของสกิลนี้ก็คือ เมื่อร่ายสกิลนี้แล้ว การโจมตี 8 ครั้งต่อไปของตัวละครเราจะไม่สนค่าป้องกันที่มาจากอุปกรณ์สวมใส่ของศัตรูเลย และยังไม่สนค่าหลบหลีกของศัตรูตัวนั้นๆอีกด้วย แต่เมื่อกดใช้จะทำให้เลือดของตัวละครเราลดลงทันที นอกจากนี้แล้วยิ่ง Max HP ของเราสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้สกิลนี้แรงมากขึ้นไปด้วยเท่านั้น อาวุธที่ควรใส่ อาวุธที่ทางเราแนะนำให้คุณใส่นั่นก็คือ Ru Blue Spear ซึ่งอาวุธชิ้นนี้จะบวกค่า Attack Speed ให้กับตัวละครของเราถึง 6% กันเลยทีเดียว และยังมีความสามารถเพิ่มเติมอีกนั่นก็คือ เมื่อทำการโจมตีปกติจะมีโอกาส 2% ที่จะทำให้ศัตรูไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้เป็นระยะเวลา 1 วินาที โดยความสามารถนี้สามารถเกิดได้ 1 ครั้งในทุกๆ 5 วินาที ทำให้ HP ของเราโดนหักเพิ่มอีก 30 หลังจากใช้สกิล Sacrifice และสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้อาวุธชิ้นนี้ดีได้นั่นก็คือ คุณจำเป็นต้องตีบวกอาวุธชิ้นนี้ให้ถึงระดับ 15 ขึ้นไป เพราะจะทำให้คุณสามารถใช้สกิล Sacrifice ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเมื่อตีบวกได้ตามเงื่อนไขแล้วจะมีความสามารถเพิ่มเติมดังนี้ เมื่อคุณสามารถตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 6 จะได้สิทธิ์ร่าย Martyr's Reckoning เพิ่มจาก 8 เป็น 10 ครั้ง เมื่อคุณสามารถตีบวกอาวุธชิ้นนี้ได้ถึงระดับ 10 จะทำให้ Attack Speed ของคุณเพิ่มขึ้นทันที 8% เมื่อคุณสามารถตีบวกอาวุธชิ้นนี้ได้ถึงระดับ 15 จะทำให้จำนวนครั้งที่คุณสามารถตีได้ของสกิล Sacrifice ไม่มีอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการตีไม่สนค่าป้องกันจากอุปกรณ์สวมใส่ของศัตรูไม่มีจำนวนครั้ง และสามารถตีได้เรื่อยๆจนกว่าช่วงเวลาของสกิล Sacrifice จะหมดลง (คุณสามารถมองว่าความสามารถนี้เป็นบัพอย่างหนึ่งก็ได้)ชุดสวมใส่สำหรับสายนี้จะเน้นหนักไปทางสาย PvP การใส่ชุด Goibne's Cuirass จะช่วยให้เราได้ค่าป้องกันที่มากขึ้น ซึ่ง Effect ของชุดเราจะได้ป้องกันธาตุน้ำ ลม ดิน ไฟ 10% รวมถึงสเตตัสของไอเท็มแต่ละชิ้นก็จะบวกเลือด และป้องกันอื่น ๆ ให้เราด้วยการ์ดการ์ดอาวุธWolf Card - ความสามารถของการ์ดใบนี้ก็คือเมื่อคุณถึงเลเวล 5 แล้ว จะทำให้คุณมีค่าอัตราคริติคอลบวกอีก 5 หน่วย และเมื่อคุณทำการ Awakening effect แล้ว เมื่อถึงเลเวล 15 จะบวกดาเมจคริติคอล 3% ทันที การ์ดโล่Megalodon Card - บวก Max HP 4% และต้านทาน Frozen effect อีก 20% ทันที และเมื่อทำการ Awakening effect แล้ว ก็จะบวกค่าต้านทาน Frozen effect อีก 10% และที่สำคัญเลยคือบวก Max HP ให้กับคุณอีก 3% ทันที ซึ่งโดยรวมแล้วบวกเยอะมากๆ การ์ดชุดเกราะ Peco Peco Card - บวก Max HP 5% ทันที และเมื่อทำการ Awakening effect แล้ว จะบวก Max HP อีก 200 หน่วย และยังบวกค่า Max HP อีก 2.5% อีกด้วยการ์ดผ้าคลุม Eclipse Card - บวกค่าสเตตัส VIT 2 หน่วย และยังบวกค่า Max HP อีก 3% ทันที และเมื่อทำการ Awakening effect แล้ว จะบวกค่า VIT 3 หน่วยและบวกค่า Max HP อีก 2% ด้วย การ์ดรองเท้า Sohee Card - การ์ดใบนี้เป็นการ์ดที่ดีมากๆเพราะบวกค่า Max HP 4% และยังคอยช่วยรีค่า SP อีก 8% ด้วย และเมื่อทำการ Awakening effect แล้ว จะบวกค่า Max HP รวมๆกันได้ 3.5% โดยรวมแล้วบวกเยอะมากๆเลยทีเดียว ประดับ Kobold Card - บวกค่าอัตราคริติคอล 4 หน่วย ในกรณีที่คุณจะใส่การ์ดใบนี้นั่นก็ต่อเมื่อตัวละครของคุณต้องการค่าคริติคอลเพิ่มขึ้นเท่านั้น ถ้าคุณมีค่าคริติคอลมากพออยู่แล้ว การที่ไปใส่การ์ดใบอื่นๆจะดีมากกว่าการ์ดนี้มาก เฟืองที่ควรใช้ Sacrifice Immunity - ช่วยให้ความสามารถในการแลกเลือดของสกิล Sacrifice ดีขึ้นอีก 15% Heartless Strike - เมื่อการโจมตีปกติของคุณโจมตีโดนศัตรู 15 ครั้ง จะทำให้คุณได้ค่าคริเพิ่มทันที 15 หน่วยเป็นระยะเวลา 3 วินาที Reinforced Faith - ในทุกๆสกิล Faith ที่คุณอัพ จะบวกค่า Max HP ของคุณเพิ่มอีก 150 หน่วย สัตว์เลี้ยง Sohee - Sohee มีความความสำคัญต่อคลาส Paladin มาก เพราะมีสกิลที่จะทำให้ตัวละครของเราสามารถดูดเลือดได้ ซึ่งหลายๆคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่ายิ่งใช้สกิลแลกเลือดมากเท่าไหร่เลือดก็ยิ่งน้อยมากเท่านั้น การที่จะฮิว HP ขึ้นมาได้นั้น ถ้าไม่ให้เพื่อนหิวให้กับเราก็จำเป็นต้องดูดเลือดด้วยตัวเองได้ และในเรื่องของการใส่อุปกรณ์ ก็แนะนำให้ใส่อะไรก็ได้ที่บวกค่า HP เยอะๆและบวกค่าลดคูลดาวน์สกิลเยอะๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าจำเป็นต้องเน้น ให้เน้นไปที่การลดคูลดาวน์ของสกิลเป็นหลัก ยิ่งมีค่านี้เยอะเท่าไหร่ ความสามารถในการดูดเลือดของตัวละครเราก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว เราขอแนะนำให้คุณอัพ Tier ให้ได้สูงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จะเป็นผลดีต่อการเล่นของคุณมาก Credit:https://www.youtube.com/watch?v=DIxHlQxVPZw
16 Jun 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Paladin สาย Full Tank สายที่ถึกทน แนวหน้าให้เพื่อน
สุดยอดซีรี่ส์เกมชื่อดังที่หลายๆคนต้องได้ยินผ่านหูกันมาไม่มากก็น้อยนั่นก็คือซีรี่ย์เกม Ragnarok ซึ่งได้เปิดให้บริการมาอย่างช้านาน และมีให้เราได้เล่นกันหลากหลายภาคกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งภาคล่าสุดนั่นก็คือ Ragnarok Origin ที่ทาง Gravity เป็นผู้เปิดให้บริการนั่นเอง และด้วยหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้คนต่างเป็นแฟนซีรี่เกมนี้กันมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุผลของคนๆนั้นด้วย แต่หนึ่งเหตุผลที่เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องมีในใจอย่างแน่นอนนั่นก็คือ ระบบคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย แล้วมีความหลากหลายของแต่ละคลาสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แล้วหนึ่งในคลาสที่อยู่กับ Ragnarok มานานนั่นก็คือ Paladin และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำคลาส Paladin สาย Full Tank ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงช่วงท้ายเกม จุดเด่นของคลาส Paladin สาย Full Tank ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นของสาย Full Tank ก็ตามชื่อของมันเลย โดยเราจะเน้นไปที่การตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากๆเมื่อเล่นกันเป็นทีม นอกจากนี้แล้วคลาส Paladin สาย Full Tank ยังถือว่าเป็นสายที่ถึกที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ ไม่มีสายไหนที่สามารถยืนหยัดรับดาเมจได้เท่ากับสาย Full Tank แล้ว สเตตัสที่ควรอัพVIT - 90+INT - 70+สเตตัสที่สำคัญที่สุดก็คือค่า VIT ที่คุณต้องเน้นอัพให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทุกๆค่า VIT ที่คุณอัพจะบวกทั้ง Max HP รวมไปถึงการลดดาเมจต่างๆที่เข้าหาตัวคุณด้วย และมีการลดดาเมจเวทย์ติดมานิดหน่อย อีกหนึ่งสเตตัสที่สำคัญนั่นก็คือ INT ที่คุณอาจจะสงสัยว่าเราจะอัพมาทำไมในเมื่อเราไม่ได้ใช้ดาเมจเวทย์ทำความเสียหายเลย แต่ที่แนะนำให้อัพค่า INT ตามมาด้วยนั่นก็เพราะ ทุกๆค่า INT ที่คุณอัพไปจะเพิ่ม Max HP ให้กับตัวละครของคุณด้วย และอีกหนึ่งประโยชน์เลยก็คือช่วยลดดาเมจเวทย์ที่ตัวละครของคุณได้รับลงค่อนข้างมากเลยทีเดียว สกิลที่ควรอัพ ตอนเป็น Swordsman (level 10 )Increase Recuperative Power - 10Provoke - 10Endure - 10สกิลที่สำคัญหลักๆก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 สกิลนั่นก็คือ Increase Recuperative Power ที่จะช่วยในเรื่องของการรีพลังชีวิตของคุณได้นั่นเอง และเมื่อใช้โพชั่นต่างๆก็จะเพิ่มได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแทงค์ได้มากยิ่งขึ้น และอีกสกิลที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ Provoke ซึ่งจะช่วยให้ตัวละครของเราสามารถช่วยยั่วยุใส่ศัตรูบริเวณนั้นได้ ทำให้เรามีโอกาสโดนตีมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อสถานการณ์ที่คุณต้องลากมอนสเตอร์ต่างๆให้มารวมกัน ตอนเป็น Crusader (Level 40)Faith - 10Auto Guard - 10Heal - 10Smite - 5สกิลที่สำคัญสำหรับสาย Full Tank ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล โดยเรามาเริ่มด้วยสกิล Faith กันก่อนเลย ซึ่งความสำคัญของสกิลนี้ก็คือ เมื่อคุณอัพสกิลนี้จนเต็มแล้วจะทำให้ Max HP ของคุณเพิ่มขึ้นอีก 3000 หน่วยเลยทีเดียว และยังทำให้ลดดาเมจ Holy ได้อีก 30% สกิลต่อมานั่นก็คือ Auto Guard ซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญอย่างมากกับสายฟูแทงค์เพราะจะทำให้ ตัวละครของคุณสามารถป้องกันดาเมจกายภาพได้ถึง 60 วินาทีกันเลยทีเดียว ส่วนสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Heal นั่นเอง ซึ่งที่จำเป็นต้องอัพสกิลนี้ก็เพื่อเอามาฟื้นฟู HP ของเราที่สูญเสียไปเท่านั้นเอง ส่วนสกิล Smite ก็ใช้ได้ดีเมื่อคุณต้องสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถสตั้นผู้เล่นเหล่านั้นได้ด้วยไม่ใช่เพียงแค่ยืนรับดาเมจเท่านั้น ตอนเป็น Paladin (Level 70) Fortitude - 5Defending Aura - 5Battle Chant - 4Devotion - 10เมื่อตัวละครของคุณสามารถอัพคลาสจนเป็น Paladin ได้แล้ว สกิลทั้ง 4 ที่ทางเราได้แนะนำไปจะสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมันเริ่มกันที่สกิลแรกนั่นก็คือ Fortitude ที่จะช่วยเพิ่มค่า Max HP ของคุณให้สูงขึ้นไปอีก 15% ซึ่งถือว่าเยอะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Defending Aura โดยสกิลนี้จะช่วยให้ดาเมจระยะไกลที่คุณได้รับเบาลง และยังช่วยให้ดาเมจเวทย์ที่คุณได้รับเบาลงอีกด้วย ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Battle Chant ซึ่งเป็นสกิลที่จะสุ่มบัพให้กับเพื่อนร่วมทีมของคุณ ช่วยได้ดีในการเล่นเป็นทีมมาก แล้วสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Devotion เป็นสกิลที่จะทำให้คุณสามารถรับดาเมจแทนเพื่อนในทีมของคุณได้ 1 คน แต่เพื่อนคนนั้นจะต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวคุณ เป็นสกิลที่ช่วยให้โอกาสรอดชีวิตของเพื่อนร่วมทีมของคุณมีมากยิ่งขึ้น อาวุธที่ควรใช้ ในส่วนของอาวุธที่คุณควรใช้ทางเราขอแนะนำให้เป็น Long Horn ที่มีความสามารถในการรีเลือดของคุณจำนวน 2% ตาม Max HP ในทุกๆ 10 วินาที และยังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอีกความสามารถหนึ่งนั่นก็คือ การโจมตีกายภาพของคุณจะมีโอกาส 10% ที่จะทำการร่าย Heal Level 3 ทันที แต่สิ่งที่ทำให้อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่คุณต้องใช้นั่นก็เพราะว่า การร่ายสกิล Heal ถ้าคุณอัพสกิล Heal จนมีเลเวลมากกว่า 3 ได้ อาวุธชิ้นนี้ก็จะร่าย Heal ตามเลเวลนั้นๆด้วย ซึ่งคุณจะต้องอัพสกิล Heal ไว้ที่ level 10 อยู่แล้วนั่นเอง นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณตีบวกอาวุธจนถึงเลเวลที่กำหนดไว้ก็จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาด้วยดังนี้ เมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 6 จะทำให้ตัวละครของเราได้รับผลของการฮิลเพิ่มขึ้นอีก 10% เมื่อตีบวกกับอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 10 จะทำการรีเลือดให้กับตัวละครเราทันที 5% จากเลือดที่เสียไปเมื่อตัวละครของเราทำการร่าย Healเมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 15 เมื่อตัวละครของเรามีเลือดตั้งแต่ 70% ขึ้นไปจาก Max HP จะทำให้ตัวละครของเราสามารถสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มขึ้นอีก 15% ชุดสวมใส่สำหรับสายนี้จะเน้นหนักไปทางสาย PvP การใส่ชุด Goibne's Cuirass จะช่วยให้เราได้ค่าป้องกันที่มากขึ้น ซึ่ง Effect ของชุดเราจะได้ป้องกันธาตุน้ำ ลม ดิน ไฟ 10% รวมถึงสเตตัสของไอเท็มแต่ละชิ้นก็จะบวกเลือด และป้องกันอื่น ๆ ให้เราด้วยการ์ด ด้วยความที่สาย Full Tank ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดที่เน้นดาเมจมากเท่าไหร่ การ์ดส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การทำให้ตัวของเราถึกขึ้น หรือไม่ก็การ์ดที่เน้นทางด้านการ support กับทีม เพื่อช่วยให้ตัวดาเมจสามารถทำดาเมจได้ง่ายขึ้น หรือสามารถเล่นได้ปลอดภัยขึ้นนั่นเอง การ์ดหัว Giearth Card - การ์ดวันนี้จะช่วยให้คุณรับดาเมจ Earth และดาเมจกายภาพได้เบาลง แต่ส่วนที่สำคัญจริงๆของการ์ดใบนี้ก็คือ การตั้งสถานะ Confusion อยู่ที่หลายๆคนจะรู้จักในสถานะ Fear ที่เมื่อตัวละครของเราติดแล้วจะทำให้เดินมั่ว และไม่สามารถใช้ยาใด ๆ ได้เลย เลยจะทำให้ตัวละครของเรานั้นยืนตำแหน่งได้ง่ายยิ่งขึ้น ประดับ Horong Card - ความสามารถหลักๆของการไม่มีก็คือ คุณจะสามารถใช้ Sight Lv.1 ได้นั่นเอง ซึ่งจำเป็นมากๆกับพวกคลาส Assassin ที่มักจะมีสกิลหายตัว หรือสกิลอะไรก็ตามที่ทำให้ทีมของเรามองไม่เห็น ความสามารถของการ์ดใบนี้เลยจะช่วยให้ตัวดาเมจในทีมของคุณสามารถเห็น Assassin ฝั่งตรงข้ามได้ Muka Card - บวกค่า VIT 3 หน่วย และบวกค่ารี HP อีก 5% ด้วย เมื่อทำการ Awakening แล้ว จะบวกค่า VIT 1 หน่วย บวกค่าแม็ก HP อีก 1% และบวกค่ารี HP อีก 2% ด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าบวกเยอะมากๆเลยทีเดียว Spore Card - บวกค่า VIT 2 เมื่อทำการ Awakening แล้ว จะบวกค่า VIT 1 และเพิ่มความต้านทานต่อดาเมจกายภาพและดาเมจเวทย์อีก 2% ซึ่งจะช่วยให้ตัวละครของเราถึกทนได้นานยิ่งขึ้น การ์ดรองเท้า Sohee - บวกค่า Max HP 4% และบวกค่ารี SP อีก 8% ด้วย เมื่อทำการ Awakening แล้ว จะบวกค่า Max HP โดยรวมแล้ว 4% กันเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการ์ดที่บวกค่า Max HP เยอะสุดแล้ว การ์ดผ้าคลุม ในส่วนของการ์ดผ้าคลุม โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเน้นไปที่การใส่ค่าลดทอนดาเมจต่างๆ ซึ่งการ์ดแต่ละใบที่คุณจะใช้ หรือการลดทอนดาเมจแต่ละธาตุก็จะขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณจะไปต่อสู้ด้วยนั่นเอง และทางเราจะแนะนำบางการ์ดที่ทำให้คุณเห็นภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น Raydric Card - จะช่วยรถดาเมจของ Neutral ได้รวม ๆ กันแล้ว 25% ซึ่งถือว่าเยอะมากเลยทีเดียว แต่การ์ดใบนี้สำหรับคนที่มีงบเท่านั้นถึงควรหามาใส่ หรือถ้าใครไม่มีงบ อาจจะใช้เป็นการ์ด Orc Baby ก็ได้ ซึ่งจะกันน้อยกว่า 5% แต่ราคาจะถูกกว่ากันเยอะมากการ์ดชุดเกราะ ในส่วนของการ์ดชุดเกราะ ถ้าคุณมีงบหน่อย คุณสามารถใส่การ์ดที่ทำสถานะต่างๆได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณไปเจอด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีการ์ดตายตัวสักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น เราก็จะมีการ์ด 2 แบบ ทั้งที่เป็นแบบสร้างสถานะ และแบบที่ใช้ในการเพิ่มสเตตัสต่างๆของตัวละครเรานั่นเอง Cornutus Card - บวกค่าสเตตัสทั้งหมดได้ดังนี้ Max HP 6% บวกค่า DEF และ MDEF 5% และมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ทำให้ชุดเกราะของคุณไม่สามารถแตกได้ ซึ่งเป็นความสามารถที่ดีมากๆเลยทีเดียว (หรือจะใช้ Pecopeco ก็ได้)การ์ดโล่Thara Frog Card - การ์ดใบนี้เป็นการ์ดที่ดีที่สุดแล้วสำหรับการ์ดโล่ เพราะสามารถลดทอนดาเมจจากมอนสเตอร์ประเภท Demi-Human หรือกึ่งมนุษย์ได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว (ซึ่งนั่นก็รวมการโจมตีของผู้เล่นด้วยกันเองด้วย) โดยรวมแล้วสามารถลดทอนได้ถึง 20% ซึ่งถือว่าสูงเป็นอย่างมาก เฟืองที่ควรใช้ Endure Bosst - เฟืองชิ้นนี้จะทำให้สกิล Endure มีระยะเวลาเพิ่มขึ้นถึง 70% กันเลยทีเดียว และยังสามารถบล็อกความเสียหายสูงสุดได้ถึง 7 ครั้งอีกด้วย  Rage Endure - สกิล Endure จะมีความสามารถในการบล็อก CC ที่ตัวละครของเราได้รับ และยังบล็อกไปอีก 2 วินาทีหลังจากเริ่มทำงานด้วย แต่จะเพิ่มระยะเวลา Cool Down ของสกิล Endure ขึ้นเป็น 15 วินาทีแทน  Physique Boost - เป็นเฟืองที่จะช่วยเพิ่ม Max HP ให้กับตัวละครของเราอีก 350 ตามสกิล Faith ที่คุณอัพไป  Holy Light Sacrifice - เมื่อตัวละครของเราใช้สกิล Devotion ใส่เพื่อนร่วมทีมอยู่ จะทำให้เพื่อนร่วมทีมคนนั้นได้รับดาเมจน้อยลง 12% ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเพื่อนได้รับความเสียหายน้อยลงเราก็จะได้รับความเสียหายน้อยลงด้วยเช่นกัน 
16 Jun 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบ Imprint หินรูน อัพเกรดตัวละครให้เทพขึ้นแบบก้าวกระโดด
Ragnarok Origin จะมีการเพิ่มระบบใหม่เข้ามาในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ ซึ่งระบบใหม่ที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวละครเราคงหนีไม่พ้นระบบใหม่อย่าง ระบบ Imprint หรือรูน วันนี้พวกเรา GameFeverTH จะพามารู้จักระบบใหม่นี้ไปพร้อมกันระบบ Imprint จะสามารถปลดล็อคได้เมื่อ Base ตัวละครถึงเลเวล 75 ซึ่งเราจะต้องไปทำเควสที่ขึ้นมาให้เรียบร้อยก็จะมีช่อง Stone Tablet ขึ้นมาให้เราและได้ของรางวัลสำเร็จภารกิจด้วยซึ่ง imprint ที่เราใส่ได้จะแยกเป็น 3 ชนิดหลักๆก็คือActive Imprint จะสามารถใส่ได้แค่อันเดียวใน Stone Tablet ซึ่งรูนนี้ว่าง่ายๆก็คือเป็นรูนที่มีสกิลเพิ่มมาให้เรากดใช้ได้นั่นเอง โดยรูนก็จะมีความสามารถแตกต่างกันไปแล้วแต่วิธีการเล่นของแต่ละคนBuild Imprint จะเป็นรูนที่เฉพาะของแต่ละสายอาชีพจะมี 1 อันต่อ 1 สายอาชีพเท่านั้นซึ่งก็จะสามารถใส่ได้แค่อันเดียวใน Stone Tablet เช่นกันPassive Imprint จะสามารถใส่ใน Stone Tablet ได้ถึง 4 ช่อง จะเป็นรูนที่เพิ่มค่าพลังหรือค่าสเตตัสในระหว่างต่อสู้ให้กับตัวละครโดยการปลดล็อค imprint แต่ละอันที่เราได้มาแต่ไม่ได้นำไปฝัง ถ้านำมาปลดล็อคในสมุด Stone Tablet จะได้ค่า Attribute เพิ่มเติมที่แตกต่างกันไปในแต่ละรูน(คล้ายกับระบบเก็บสมุดการ์ด)ซึ่งถ้าเราปลดล็อครูนไปได้ในระดับนึงเลเวลของสมุดก็จะอัพขึ้นเราก็จะได้ของราลวัลและ Attribute สะสมของการอัพเลเวลสมุดอีกด้วยและเมื่อเราดรอป Imprint Fragment หรือเศษรูนเราสามารถนำมาอัพเลเวลรูนได้เพื่อปลดล็อคเลเวลและได้รับ Attribute เพิ่ม ซึ่งรูนสีฟ้าอัพได้ 30 เลเวล รูนสีม่วงและส้มอัพได้ 36 เลเวล และรูนสีแดงอัพได้ 45 เลเวล แต่ในกรณีที่เราไม่ได้รูนที่ต้องการและไม่อยากเอาไปปลดล็อคในสมุด สามารถเอารูนไปขายได้ใน เพื่อเอาเหรียญ Zeny เพื่อซื้อรูนใหม่ได้เช่นกันการหา Imprintซื้อขายโดยใช้เหรียญ Zeny ผ่าน Trade, สุ่มดรอปจากแผนที่ขุมทรัพย์ Deviruchi, สามารถซื้อกล่องสุ่มจากเหรียญแมว,ซื้อกล่องสุ่มจาก Diamond Shop และที่เราจะมาแนะในการหา Imprint ก็คือดันเจี้ยนใหม่อย่าง ซากปรักหักพัง Juperos ซากปรักหักพัง Juperosเป็นดันเจี้ยนสำหรับหา Imprint หรือ รูน โดยเฉพาะซึ่งสามารถลงได้ 1 ครั้ง/วัน แต่ลงได้แค่เพียง 2 ครั้ง/สัปดาห์เท่านั้น (คล้าย Yggdrasil Defense) และยังสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ 4 ครั้ง/สัปดาห์ ซึ่งของรางวัลช่วยเหลือสำหรับดันเจียนนี้จะไม่ได้รับเหรียญ Union เหมือนกับดันเจี้ยนอื่นแต่จะได้เป็น Imprint Fragment ไว้ใช้สำหรับการอัพขั้น Imprint โดยของรางวัลที่จะได้รับหลังจากการท้าทายหรือการช่วยเหลือก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งไปถึงระดับความยากที่สูงขึ้นก็จะมีโอกาสได้รับของรางวัลที่มากขึ้นวิธีการเล่นซากปรักหักพัง Juperosเมื่อเข้าท้าทาย ทีมของคุณจะต้องทำการไต่ระดับของดันเจี้ยนให้ได้มากที่สุดซึ่งเงื่อนไขของดันเจี้ยนจะอัพระดับความยากโดยการเอาชนะบอสภายในระยะเวลา 10 นาที โดยต้องตีเกราะให้หมดก่อนแล้วแต้มจะนับจากการตีเลือดบอส เมื่อบอสตายก็จะอัพระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ และบอสจะเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆในแต่ละสัปดาห์ (บอสจะเป็นธาตุ Holy และขนาดเล็กเท่านั้น) โดยเราสามารถดูรายละเอียดบอสในสัปดาห์ถัดไปเพื่อเตรียมการ์ดไว้ต่อสู้ได้การดรอปรูนของดัน Juperosความหายากและความสามารถของรูนจะเรียงจากสีแดง สีส้ม สีม่วงและสีน้ำเงินตามลำดับ ซึ่งถ้าเราต้องการดรอปรูนและของรางวัลที่มากขึ้น ก็ต้องผ่านระดับในดันเจี้ยนที่สูงขึ้นความพิเศษของดัน Juperos อีกอย่างนึงคือในแต่ละสัปดาห์จะมีการเก็บ Ranking ซึ่งปาร์ตี้ที่มีคะแนนติดอันดับ 1-1000 จะมีของรางวัลเพิ่มเติมในแต่ละสัปดาห์ตามนี้
11 Jun 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำ Build Jing Yuan ขุนพลสายฟ้าคำราม Build ยังไงให้เทพ
Honkai : Star Rail ตัวละคร Jing Yuan คือตัวละคร Limited ตัวที่ 2 จากตู้ Seele ที่ออกมาในวันที่ 17/5/66 - 6/6/66 ตัวละครสายปัญญา ธาตุสายฟ้า เรียกว่าเป็นตัว Damage หลักของธาตุสายฟ้าในตอนนี้ก็ได้เพราะเป็นตัวละครที่มี Damage Aoe รุนแรงสามารถ Break ศัตรูได้ดี และยังมีสแตนสายฟ้า (Lightning-Lord) ออกมาช่วยโจมตี เป็นตัวที่เล่นง่าย Damage จัดถ้าคุณ Build ของถูกต้องเนื้อเรื่องตัวละครJing Yuan เป็นหนึ่งใน 6 นายพล ของสมาคม Xianzhou ผู้คุมกองทัพอัศวิน Cloud Knight แห่งเมือง Luofu ทุกคนสามารถไว้ใจประสบการณ์การกำหนดกลยุทธ์ในการสั่งการควบคุมสนามรบของ Jing Yuan เพื่อเอาชนะการต่อสู้ นอกจากการวางแผนฝีมือการต่อสู้ของเขาก็จัดอยู่ระดับสูงเป็นดั่งสายฟ้าคำรามในสนามรบ เนื้องเรื่องในเกมเราพบกับ Jing Yuan ในโลกที่ 3 ดาว “luofa” ซึ่งจะมีบทค่อนข้างน้อยในตอนปัจจุบัน นอกจากในเนื้อเรื่องในตัวเกมแล้วเรายังจะได้เห็นภูมิหลังของเขา ทีต้องเผชิญชะตากรรมอันเจ็บปวดจากการที่ต้องปลดปล่อยอาจาร์ยของตัวเองจากอาการ Mara-Struck และการฝึกศิษย์ตัวน้อยอย่าง Yanqing การ Build Jing Yuanเป็นตัวละครธาตุสายฟ้า สายปัญญา ธรรมชาติของสายนี้ คือการโจมตีแบบ Aoe ที่รุนแรง การใส่ตัวละคร Jing Yuan ในทีมคุณจะได้ตัวละครที่ 5 เข้าไปในทีมด้วยคือ Lighning Lord ซัมม่อนคู่ใจของ Jing Yuan ที่คอยสร้างความเสียหายแบบ Aoe สายฟ้าอย่างต่อเนื่องให้ศัตรู การโจมตีของ Lighning Lord ที่มี Damage มหาศาลแล้วยังทำลายจุดอ่อนศัตรูได้ยอดเยี่ยมอีกด้วยออฟชั่นที่หลักสำหรับ Relic ของ Jing Yuanชุดเกราะ  : Cri Rate / Cri Damageรองเท้า : Speed / AtkSphere : Lightning DamageLink : Energy Regen / Atk% / Break Effectชุดเซ็ทที่แนะนำ 1.Musketeer of Wild Wheat เซ็ทคาวบอยเพิ่ม Damage 2.Band of Sizzling Thunder เซ็ทสายฟ้าเพิ่ม Damage สายฟ้า3.Thief of Shooting Meteor เซ็ทเพิ่ม Break ไว้เปิดจุดอ่อนศัตรู*สามารถใส่ผสมกับแบบ 2/2 หรือ เป็นเซ็ท 4 ก็ได้ จัดได้ตามใจหรือจากของที่มีขึ้นอยู่กับว่าจะเน้นเขาไปด้านไหนชุด Sphere  และ Link1.Inert Salsotto เซ็ทเพิ่มอัตราคริและพลังโจมตีเมื่ออัตราคริเพิ่มขึ้นเกิน 50% จะเพิ่ม Cri Rate 8% และ Atk 15%2.Space Sealing Station เซ็ทเพิ่มพลังโจมตีเมื่อค่า Speed สูงเกิน 120 จะเพิ่มถึง 24%Light Cone ที่เหมาะกับ Jing YuanJing Yuan ถึงจะเป็นตัวละครโจมตีต่อเนื่องประเภทเดียวกับ Herta หรือ Himeko แต่ Light Cone ของ Himeko เน้นในเรื่องการทำลายจุดอ่อน ส่วน Herta เน้น Damage จากการโจมตีต่อเนื่องส่วน ของ Jing Yuan เน้นไปที่ Cri Damage และ ความเสียหายของ Ultimate ซึ่งทำให้ Damage โดยรวมของเขาโดดไปมากจากตัวละครในสายเดียวกัน สำหรับคนจะ All-in ควรเปิด Light Cone นี้ให้ได้สัก 3 ดาวถือว่ากำลังดีBefore Dawn Light Cone ประจำตัวของ Jing Yuan เพิ่ม Cri Damage 32/40/48/56/64%เพิ่ม Skill and Ultimate Damage 20/25/30/35/40%หลังจากใช้สกิล Skill or Ultimate,จะเพิ่มสถานะ Somnus Corpus ทำให้การโจมตีต่อเนื่องครั้งต่อไปเพิ่ม Damage 48/60/72/84/96%ดีที่สุดในตอนนี้ เพิ่มความแรงสกิลและ Ultimate Damage และ การเพิ่ม Cri Damage  นอกจากนี้ยังจะเพิ่มความเสียหายจากการโจมตีต่อเนื่องของ Lightning Lord ดีกว่านี้ไม่มีแล้วในตอนนี้Ligh Cone 4 ดาว ที่แนะนำMake the World Clamorที่ช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน และ Ultimate Damageฟื้นฟูพลังงานทันทีเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ 20/23/26/29/32 เพิ่ม Ultimate Damage 24/30/36/42/48%Team Comp สำหรับการทำทีม Jing Yuan การจัดทีมสำหรับ Jing Yuan คุณควรเลือกใส่ไอเทมและแยกบทบาทของเขาออก ระหว่างการเป็น Damage หลักของทีม หรือการทำลายจุดอ่อนเพื่อให้ทีมใช้ตัวละครโจมตีเดี่ยวจัดการศัตรูได้ง่ายขึ้น1.ทีมใช้ Jing Yuan เป็นตัวเปิดจุดอ่อน2.ทีมใช้ Jing Yuan เป็นตัวเป็น Damage หลัก
05 Jun 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สายหมัดปู ต่อยรัว ดาเมจหนัก ฟาร์มดี!
Ragnarok Origin เกมใหม่ล่าสุดจากแฟรนไชส์ Ragnarok ชื่อดังที่หลาย ๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ซึ่งภาคนี้ได้มีการเปิดให้บริการทั้ง ios และ Android เป็นหลัก เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าเล่นเกมได้ทุกเมื่อและทุกสถานที่ และด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG การที่ภายในตัวเกม Ragnarok Origin จะมีคลาสให้คุณเลือกเล่นมากมายก็ไม่ใช่เล่นที่แปลกใหม่ ซึ่งหนึ่งในคลาสที่ได้รับความนิยมสูงมากก็คือ Champion ที่มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายเป็นอย่างมาก และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำวิธีปั้นตัวละครตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงสุดทาง ของคลาส Champion สายต่อยรัว จุดเด่นของคลาส Monk สายหมัดปูซึ่งจุดเด่นของสายหมัดปูก็คือเรื่องของการโจมตีที่มีความถี่และต่อเนื่องเป็นอย่างมาก โดยการใช้ความสามารถของ Raging Trifecta Blow เพื่อเพิ่มจำนวนฮิตที่ตัวละครของเราสามารถทำได้ เหมาะสำหรับการฟาร์ม ล่าบอส ได้ดีมาก ๆ ส่วน PvP อาจจะด้อยหน่อยสเตตัสที่ควรอัพ Str - 50+Agi - 90+ในส่วนของเรื่องการอัพสเตตัส ในช่วงตั้งแต่เลเวล 1 ถึงเลเวล 70 คุณสามารถอัพค่าสเตตัส Str และ Luk เพื่อให้ง่ายต่อการฟาร์มในช่วงต้นเกมก่อนก็ได้เช่นกัน แต่เมื่อถึงเลเวล 80 แล้ว สเตตัสที่คุณควรจะอัพจะถูกเปลี่ยนเป็น Str และ Agi แทน สกิลที่ควรอัพ ตอนเป็น Acolyte (level 10 )Blessing - 10Heal - 5Angelus - 10Demon Bane - 10Increase Agi - 5ตอนเป็น Monk (Level 40)Raging Trifecta Blow - 10Summon Spirit Sphere - 5Fury - 5Charge Up - 5 Iron Palm - 10พอคุณสามารถอัพคลาสเป็น Monk ได้แล้ว สกิลที่สำคัญจะมีอยู่ 2 สกิลด้วยกันนั่นก็คือ Raging Trifecta Blow และ Fury ที่ทำให้การเล่นของคุณมันง่ายยิ่งขึ้น แต่ให้เน้นไปที่การอัพสกิล Raging Trifecta Blow เป็นหลักตอนเป็น Champion (Level 70) Spirit Bomb Refining - 10 Zen - 5พอคุณมาถึงคลาส Champion ได้แล้ว สกิลที่จำเป็นต่อคลาสนี้เป็นอย่างมากมีเพียงแค่2 สกิลเท่านั้นซึ่งนั่นก็คือ Spirit Bomb Refining และ Zen ซึ่งมีรูปแบบการใช้ที่หลากหลายเป็นอย่างมากขึ้นอยู่กับ Spirit Sphere ที่คุณถือครองไว้ ถ้ามีครบตามเงื่อนไขที่ทางสกิล Spirit Bomb Refining กำหนดไว้ ก็จะได้ความสามารถพิเศษตามที่สกิล Spirit Bomb Refining นั้นมาด้วย ไอเทมที่ควรใช้ Malang Crab Claw เป็นอาวุธที่จำเป็นมากๆสำหรับสายหมัดปู เพราะมีสกิลที่จะทำให้เราสามารถโจมตีติด Raging Trifecta Blow ได้ ซึ่งจะทำให้ดาเมจของเรามีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้นและแน่นอนว่ารุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน และเมื่อทำการตีบวกอาวุธให้มีระดับสูงขึ้นไปตามที่กำหนดไว้แล้ว ก็จะมีความสามารถพิเศษบวกขึ้นมาดังนี้ เมื่อทำการโจมตี Raging Trifecta Blow แล้ว ดาเมจกายภาพของตัวละครเราจะเพิ่มขึ้น 12% เป็นระยะเวลา 10 วินาที เมื่อทำการตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 6 Atk +14 ตามจำนวน Spirit Sphere ที่คุณมีอยู่ เมื่อทำการตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 10 แล้ว เมื่อทำให้ติดความสามารถ Raging Trifecta Blow ได้แล้ว Damage กายภาพจะบวกขึ้นอีก 8% ทันที เมื่อทำการตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 15 ได้แล้ว จะมีโอกาส 5% ที่เมื่อทำการโจมตีแล้วจะบวกพลังโจมตีขึ้น 10% เป็นระยะเวลา 5 วินาที ชุดที่แนะนำช่วงเลเวล 50 และ 70 ก็คือชุดเซ็ทอย่าง Mountain Range ประกอบไปด้วย Wool Scarf (ผ้าคลุม) และ Tidal Shoes (รองเท้า) เพราะเราจะได้บัพเพิ่มโจมตีกายภาพ +3% ส่วนเสื้อใส่เป็น Combat Uniform เพื่อบวก Str 3 ก็ได้ส่วนพอถึงเลเวล 80 แนะนำให้ใส่ชุดเซ็ท Tyr's Blessing เพราะจะเพิ่มค่า ATK +2 ต่อค่า Str 1 ซึ่งมันจะทำให้ดาเมจเราเพิ่มอย่างมหาศาล และใส่ชุดนี้ยาว ๆ ได้เลยส่วนประดับแนะนำให้ใช้ Matyr Necklace ที่จะได้ค่า ATK จาก AGI ของเราการ์ดที่ควรใส่อาวุธ - เน้นการใช้การ์ดที่เพิ่มพลังโจมตีต่อธาตุ ต่อชนิด หรือขนาดของมอนสเตอร์นั้น ๆ หรือช่วงเริ่มต้นก็สามารถใส่การ์ดที่เพิ่ม ATK ก็ได้เช่นกันอย่าง Andre Card หรือ Hunter Fly เป็นต้น (แต่ Hunterfly ราคาจะแพงกว่า)ชุด - Pecopeco จะเพิ่มเลือดสูงสุด 5%ผ้าคลุม - สามารถใส่การ์ดที่ต้านทานมอนสเตอร์ธาตุนั้น ๆ ก็ได้ หรือถ้าอยากได้การ์ดที่ใส่แก้ขัด อาจจะใส่การ์ด Baphomet Jr. เพื่อเพิ่ม AGI และ CRI ก็ได้รองเท้า - ใส่การ์ด Matyr เพื่อเพิ่ม AGI และ Max HP 3%ประดับสามารถใส่ Pirate Skeleton เพื่อเอาค่าคริก็ได้เฟืองที่ควรใช้ Surahwa - ทำให้สกิล Guillotine Fist สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาร่ายเลย และทำให้เพิ่มระยะของสกิลขึ้นไปอีก 5 หน่วย Moment of Inertia - เพิ่มความเร็วในการโจมตีปกติขึ้นทันที 4% ซึ่งความสามารถนี้สามารถ stack ได้มากสุด 4 ครั้ง แล้วจะมีระยะเวลา 3 วินาที 
25 May 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สาย Throw Spirit Sphere ปาบอลใส่จากระยะไกล!
ถ้าพูดถึงเกมผู้ใหญ่หลาย ๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดีซึ่งในนั้นจะต้องมีเกมในแฟรนไชส์ Ragnarok อยู่อย่างแน่นอน ซึ่งทางบริษัทจาก Gravity ก็ได้กลับมาฝากป้อมเกม Ragnarok ในชื่อ  Ragnarok Origin ที่เปิดให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม ios และ Android เพื่อให้คนสามารถเล่นเกมได้ทุกทีทุกวันผ่านมือถือของตัวเอง และเมื่อพูดถึง 1 ในจุดเด่นที่ทางเกม Ragnarok Origin ก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือคลาส Champion ที่มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำคลาส Champion สาย Throw Spirit Sphere ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงปลายทาง จุดเด่นของ Champion สาย Throw Spirit Sphereโดยจุดเด่นของ Champion สาย Throw Spirit Sphere คือการโจมตีระยะไกลใส่ศัตรูเป้าเดี่ยวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติแล้ว Champion จะเป็นคลาสที่มีการโจมตีระยะประชิด แต่เมื่อคุณเล่นสาย Throw Spirit Sphere ก็จะเน้นการโจมตีระยะกลายเป็นหลัก และเน้นการ CC ใส่ศัตรูด้วยการ Knock Back ที่จะช่วยให้การฟาร์มของคุณง่ายยิ่งขึ้นและมีความปลอดภัยสูงขึ้นด้วย สเตตัสที่ควรจะอัพ Str - 90+Dex - 90+ในช่วงเริ่มต้นเกมแรก ๆ จะขอแนะนำให้เน้นไปที่ str เป็นหลัก แล้วจะดีเป็นอย่างมากถ้าดันสเตตัสนี้ถึง 90 ได้ก่อน เพราะสามารถไป stack ทับกับชุดได้นั่นเอง รับเพิ่มดาเมจได้ค่อนข้างดีเลย ส่วนค่า Dex ก็จะช่วยทำให้การ Cool Down ของสกิลปาบอลลดลง แต่ควรจะอัพในช่วงหลังๆดีกว่า สกิลที่ควรอัพ ตอนเป็น Acolyte (level 10 )Blessing - 10Heal - 10Angelus - 10Demon Bane - 5Increase Agi - 5ในช่วงเริ่มต้นคุณจะอัพสกิลไหนก่อนก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามี Demon Bane ติดไว้เล็กน้อยในช่วงต้นเกมก็จะช่วยให้คุณเล่นได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ตอนเป็น Monk (Level 40)Charge Up - 5Occult Impaction - 5Iron Palm - 10Flee - 5Fury - 5 Guillotine Fist - 5ให้เน้นไปที่การอัพ 2 สกิลนี้เป็นหลักได้แก่ Charge Up รับสกิล Occult Impaction ซึ่งเป็นสกิลต่อจากสกิล Charge Up ให้เต็มก่อนทั้ง 2 สกิล ก็จะช่วยให้การฟาร์มของคุณง่ายมากยิ่งขึ้นแบบทวีคูณกันเลยทีเดียว ส่วนสกิลที่เหลือก็ให้อัพตามความต้องการของคุณเลยตอนเป็น Champion (Level 70) Zen - 5Throw Spirit Sphere - 10Raging Palm Strike - 5Tranquility - 10ให้เริ่มต้นด้วยการอัพสกิล Zen เพื่อจะไปอัพสกิลที่เป็นหัวใจหลักของสายนี้นั่นก็คือ Throw Spirit Sphere และการอัพ Raging Palm Strike ก็จะช่วยให้การเล่นและการฟังของคุณง่ายยิ่งขึ้นเข้าไปอีก ไอเท็มที่ควรใช้ Berserk ซึ่งเป็นอาวุธที่เกิดมาเพื่อเล่นสายนี้โดยเฉพาะ เพราะมีการบวกค่าความเสียหายจากสกิล Raging Palm Strike และเมื่อมีการตีบวกอาวุธชิ้นนี้เรื่อย ๆ ก็จะเพิ่มความสามารถให้กับสกิล Throw Spirit Sphere ดังนี้ เพิ่มดาเมจให้กับสกิล Throw Spirit Sphere เพิ่มเติมอีก 2% ต่อทุก ๆ ค่าสเตตัส Dex ที่ตัวเรามี เมื่อทำการตีบวกถึงขั้น 6 จะทำให้สกิล Throw Spirit Sphere เมื่อโจมตีจะไม่สนใจค่า Def ของสตูเป้าหมายเลย 30%เมื่อทำการตีบวกถึงขั้น 10 สกิล Throw Spirit Sphere จะเพิ่มความเสียหายอีก 15% เมื่อทำการตีบวกถึงขั้น 15 เมื่อใช้สกิล Throw Spirit Sphere จะมีโอกาส 50% ที่จะทำความเสียหายเพิ่มเติมอีก 20% ชุดที่แนะนำช่วงเลเวล 50 และ 70 ก็คือชุดเซ็ทอย่าง Mountain Range ประกอบไปด้วย Wool Scarf (ผ้าคลุม) และ Tidal Shoes (รองเท้า) เพราะเราจะได้บัพเพิ่มโจมตีกายภาพ +3% ส่วนเสื้อใส่เป็น Combat Uniform เพื่อบวก Str 3 ก็ได้ส่วนพอถึงเลเวล 80 แนะนำให้ใส่ชุดเซ็ท Tyr's Blessing เพราะจะเพิ่มค่า ATK +2 ต่อค่า Str 1 ซึ่งมันจะทำให้ดาเมจเราเพิ่มอย่างมหาศาล และใส่ชุดนี้ยาว ๆ ได้เลยส่วนเครื่องประดับที่ใช้ก็คือ Ring ที่จะบวก Str โดยตรงการ์ดที่ควรใช้อาวุธ - เน้นการใช้การ์ดที่เพิ่มพลังโจมตีต่อธาตุ ต่อชนิด หรือขนาดของมอนสเตอร์นั้น ๆ หรือช่วงเริ่มต้นก็สามารถใส่การ์ดที่เพิ่ม ATK ก็ได้เช่นกันอย่าง Andre Card หรือ Hunter Fly เป็นต้น (แต่ Hunterfly ราคาจะแพงกว่า)ชุด - Pecopeco จะเพิ่มเลือดสูงสุด 5%ผ้าคลุม - สามารถใส่การ์ดที่ต้านทานมอนสเตอร์ธาตุนั้น ๆ ก็ได้ หรือถ้าอยากได้การ์ดที่ใส่แก้ขัด และถ้าคุณงบไม่เยอะก็อาจจะใส่ Choco Card ที่จะบวก Max HP 3% ก็ได้รองเท้า - ใส่การ์ด Sohee เพื่อเพิ่ม Max HP 4% และจะได้ค่า SP Recovery 8% ก็ได้เช่นกันประดับ - ถ้ามีเงินเยอะอาจจะใส่การ์ด Mantis ซึ่งจะบวก STR + 2 และ ATK + 1% แต่ถ้างบไม่เยอะสามารถใช้การ์ด Tarou ซึ่งจะบวก ATK + 5 และนำไปอัพเกรดเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน (การ์ด Tarou จะถูกกว่ามาก) เฟืองที่ควรใช้ Pure Soul - จะทำให้มีโอกาสที่จะทำให้สกิล Throw Spirit Sphere เมื่อถูกใช้งานแล้วจะไม่เสียลูกบอล
25 May 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สายอาชู แค่หมัดเดียวก็ตายได้!
Ragnarok Origin เกม RPG เก็บเวลที่หลาย ๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี ล่าสุดทางค่ายผู้พัฒนาเกมอย่าง Gravity ก็ได้นำแฟรนไชส์ ragnarok มาสานต่อในชื่อ ragnarok Origin ซึ่งเปิดให้บริการผ่านระบบ iOS และ Android และสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนชอบและหลงใหลในเกมแฟรนไชส์นี้ก็คงมีหลากหลายเหตุผลด้วยกัน แต่หนึ่งในเหตุผลที่หลาย ๆ คนเห็นตรงกันก็คงจะเป็นเรื่องของคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย และสามารถ Build ตัวละครได้หลากหลาย รวมไปถึงคลาส Champion ที่มีการ Build ที่หลากหลายและค่อนข้างเป็นที่นิยมในการเล่นเป็นอย่างมากเลย ในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำคลาส Champion สาย Asura ตั้งแต่เริ่มต้นสร้างตัวละครไปยันท้ายเกม จุดเด่นของคลาส Champion สายหมัดอาชูถ้าให้พูดถึงจุดเด่นหลักๆของสายหมัดอาชู ก็คงต้องพูดถึงเรื่องความรุนแรงของสกิล ที่เรียกได้ว่ารุนแรงจนสามารถฆ่าตัวแทงค์ได้ภายในการโจมตีเดียวเลยก็ว่าได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสายที่หลายๆคนมักจะเล่นกัน และมักจะนำไปใช้ในการ PVP กันเป็นส่วนใหญ่ สเตตัสที่ควรอัพSTR - 90+INT - 50+คลาส Champion สาย Asura จะมีการเน้นอัพสเตตัสเพียงแค่ 2 อย่างเท่านั้น โดยการอัพค่าสเตตัส STR จะทำให้สร้างความเสียหายได้มากยิ่งขึ้น และการอัพค่าสเตตัส INT หลักๆก็เพื่อใช้เพิ่มค่า SP ของเราให้สูงมากยิ่งขึ้น เพราะสกิลของ Asura จะแรงขึ้นตามค่า SP ของเราที่เหลืออยู่ด้วย แต่ถ้าคุณต้องการที่จะอัพสเตตัส INT นำก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่จะทำให้สกิล Asura เบาลงจากปกติไปพอประมาณเลยทีเดียว สกิลที่ควรอัพ ตอนเป็น Acolyte (level 10 )Demon Bane - 10Heal - 5Angelus - 10Blessing - 10Increase Agi - 5Kyrie Eleison - 10การอัพสกิลต่างๆก็จะเน้นไปที่บัฟที่จะช่วยให้เราเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น อย่างเช่นสกิล Blessing แล้วสกิล Angelus ตอนเป็น Monk (Level 40)Charge Up - 5Raging Trifecta Blow - 10Fury - 5Guilotine Fist - 5Spiritual Cadence - 4Snap - 1ตอนเป็น Champion (Level 70) Zen - 5Flick the Magic - 10Fist Connection - 10เมื่อคุณสามารถทำให้ตัวละครเปลี่ยนเป็นคลาส Champion ได้แล้ว สกิลที่สำคัญและต้องอัพเป็นอันดับแรกเลยก็คือสกิล Zen ที่ควรอัพให้เต็มก่อนทันที และอีกสกิลนึงที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ Fist Connection ที่จะช่วยเพิ่มดาเมจให้กับตัวละครที่ใส่สนับมือ และอีกหนึ่งสกิลที่ใช้ในการฟาร์มก็คือ Flick the Magic หรือสกิลปาบอลนั่นเอง ซึ่งเป็นสกิลที่จำเป็นต่อการฟาร์มมาก คุณควรอัพสกิลนี้ให้เต็มเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน  อาวุธที่ควรใช้ ในส่วนของเรื่องอาวุธก็จำเป็นต้องใช้สนับอาชูอยู่แล้ว เพื่อใช้ความสามารถของสกิล Fist Connection ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และจะทำให้สายหมัดอาชูถูกรีดความสามารถออกมาให้ถึงขีดสุดได้ ซึ่งความสามารถของอาวุธชิ้นนี้หลักๆก็จะเป็นในเรื่องของการบวกดาเมจสกิลต่างๆ รายการเพิ่มพลังโจมตีกายภาพให้กับตัวละครของเรา และเมื่อทำการตีบวกอาวุธจนถึงขั้นที่ได้กำหนดไว้ ก็จะปลดล็อคความสามารถพิเศษดังนี้ ทำให้ตัวคูณดาเมจของสกิล Gullotine Fist เพิ่มขึ้น 200% ทันที เมื่อสามารถตีบวกอาวุธถึงระดับ 6 ได้แล้ว จะเพิ่มตัวคูณดาเมจของสกิล Gullotine Fist ทันที 300% เมื่อสามารถตีบวกอาวุธถึงระดับ 10 ได้แล้ว จะทำให้สกิล Gullotine Fist ไม่จำเป็นต้องทำการไล่ก่อนใช้อีกต่อไป ชุดที่แนะนำช่วงเลเวล 50 และ 70 ก็คือชุดเซ็ทอย่าง Mountain Range ประกอบไปด้วย Wool Scarf (ผ้าคลุม) และ Tidal Shoes (รองเท้า) เพราะเราจะได้บัพเพิ่มโจมตีกายภาพ +3% ส่วนเสื้อใส่เป็น Combat Uniform เพื่อบวก Str 3 ก็ได้ส่วนพอถึงเลเวล 80 แนะนำให้ใส่ชุดเซ็ท Tyr's Blessing เพราะจะเพิ่มค่า ATK +2 ต่อค่า Str 1 ซึ่งมันจะทำให้ดาเมจเราเพิ่มอย่างมหาศาล และใส่ชุดนี้ยาว ๆ ได้เลยส่วนเครื่องประดับที่ใช้ก็คือ Ring ที่จะบวก Str โดยตรงการ์ดที่ควรใช้อาวุธ - เน้นการใช้การ์ดที่เพิ่มพลังโจมตีต่อธาตุ ต่อชนิด หรือขนาดของมอนสเตอร์นั้น ๆ หรือช่วงเริ่มต้นก็สามารถใส่การ์ดที่เพิ่ม ATK ก็ได้เช่นกันอย่าง Andre Card หรือ Hunter Fly เป็นต้น (แต่ Hunterfly ราคาจะแพงกว่า)ชุด - Pecopeco จะเพิ่มเลือดสูงสุด 5%ผ้าคลุม - สามารถใส่การ์ดที่ต้านทานมอนสเตอร์ธาตุนั้น ๆ ก็ได้ หรือถ้าอยากได้การ์ดที่ใส่แก้ขัด และถ้าคุณงบไม่เยอะก็อาจจะใส่ Choco Card ที่จะบวก Max HP 3% ก็ได้รองเท้า - ใส่การ์ด Sohee เพื่อเพิ่ม Max HP 4% และจะได้ค่า SP Recovery 8% ก็ได้เช่นกันประดับ - ถ้ามีเงินเยอะอาจจะใส่การ์ด Mantis ซึ่งจะบวก STR + 2 และ ATK + 1% แต่ถ้างบไม่เยอะสามารถใช้การ์ด Tarou ซึ่งจะบวก ATK + 5 และนำไปอัพเกรดเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน (การ์ด Tarou จะถูกกว่ามาก)เฟืองที่ควรใช้ Asura Flash - ซึ่งจะทำให้สกิล Gullotine Fist ไม่จำเป็นต้องทำการร่ายก่อนใช้งานอีกต่อไป และเพิ่มระยะร่ายเพิ่มขึ้นอีก 5
25 May 2023
[Guide] รวม 7 วิธีสร้างสิ่งประดิษฐ์ง่ายๆ แต่มีประโยชน์มากๆ ในเกม The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom!
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกม The Legend of Zelda ภาคล่าสุดอย่าง Tears of the Kingdom ต่างจากเกมภาค Breath of the Wild มากๆ คือ 'ระบบให้ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ' โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคนเล่นได้อย่างอิสระ โดยหลายคนก็คงได้เห็นคลิปผู้เล่นภาคล่าสุดมีการโพสต์ 'ยานพาหนะแหวกๆ เจ๋งๆ' มาให้ชมกันเพียบเลย แต่ใครที่เป็นผู้เล่นของเกมภาคล่าสุดนี้ และอยากสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ได้แค่ใช้เอาเท่เอามันส์ แต่ต้องการใช้เพื่อ 'ไว้ให้ผ่านเควสได้ง่ายๆ' แล้วน่าให้กดมา Autobuild อยู่บ่อยๆ วันนี้ทางเราก็ได้รวบรวม 7 วิธีมาให้ชมกันแล้ว ดูได้ตามด้านล่างนี้เลยรถขนของประโยชน์ : ใช้เดินทางได้หลายพื้นที่สภาพแวดล้อม และก็เอาไว้ทำเควสขนเจ้า Korok ที่หลงกับเพื่อน หรือขนวัสดุที่ไม่สามารถเก็บได้ในช่องเก็บของ เพื่อเอาไปสร้างที่วางป้ายให้เควส Addison ได้ สิ่งที่ต้องใช้งาน1.) แผ่นไม้สี่เหลี่ยม Wooden Square 5 อัน 2.) แผ่นไม้สี่เหลี่ยมเล็ก Wooden Small Rectangle 4 อัน3.) แผ่นหินสี่เหลี่ยม Stone Square 1 อัน 4.) ล้อรถขนาดใหญ่ Big Wheel 4 อัน 5.) เครื่องควบคุมยานพาหนะ Steering Stick6.) เมล็ด Brightbloom Seed 2 อัน 7.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) เอา Wooden Square 4 อันมาประกอบเป็นกล่องสี่เหลี่ยม เพื่อให้เป็นห้องคนขับ และทำช่องว่างที่ด้านหน้าของห้องคนขับไว้2.) เอา Stone Square วางเป็นแนวนอน และต่อติดกับห้องคนขับด้านหลัง เพื่อใช้เป็นที่ขนของ 3.) เอา Wooden Small Rectangle 3 อันวางต่อกันที่ด้านบนของ Stone Square ทำเป็นที่กั้นไม่ให้ของหล่นออกจากรถ และอีก 1 อันเอาไปติดด้านหน้ากล่องสี่เหลี่ยมห้องคนขับ 4.) เอา Big Wheels ติดด้านซ้ายขวาให้เป็นรถยนต์ และเอา Steering Stick ไปใส่ไว้ในห้องคนขับ 5.) เอา Brightbloom Seeds ติดไว้ด้านหน้าห้องคนขับ และทำการโจมตีใส่เพื่อให้เมล็ดเบ่งบานเป็นดอกไม้ เพื่อทำเป็นไฟแสงสว่างไว้ขับตอนกลางคืนได้นั่นเอง ลองขึ้นขับได้เลยรถถัง ประโยชน์ : ใช้เดินทาง และเอามาสู้พวกมินิบอสที่ขวางทางเราให้ตายอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเหนื่อยสู้นานหลายนาทีวัสดุที่ต้องใช้งาน 1.) แผ่นไม้สี่เหลี่ยมใหญ่ Wooden Square 4 อัน 2.) ล้อรถ Wheel 6-8 อัน 3.) เครื่องควบคุมยานพาหนะ Steering Stick4.) ใบพัด Fan 2 อัน5.) ป้อมปืนเลือกได้ตามที่เราชอบ แต่ถ้าสะใจต้องป้อมปืนกระสุนยักษ์ Cannon 6.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง : 1.) เอา Wooden Square 4 อันมาประกอบเป็นกล่องสี่เหลี่ยม เพื่อให้เป็นห้องคนขับ และทำช่องว่างที่ด้านหน้ากับด้านหลังไว้ให้เราเข้าห้องคนขับได้ 2.) เอา Fan 2 อันติดไว้ด้านหลังห้องคนขับ 3.) เอา Wheel ติดซ้ายขวาห้องคนขับด้านละ 3-4 อัน 4.) ด้านบนห้องเครื่องคนขับ เลือกเอาป้อมปืนติดได้ตามใจชอบเลย (ถ้าอยากให้เท่ๆ แบบภาพด้านบน ก็เอาไม้มาสร้างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีช่องว่างด้านหน้าไว้ที่ด้านบนห้องคนขับ และใส่ป้อมปืนเข้าไปในกล่อง จะได้เหมือนรถถัง)5.) อย่าลืมใส่ Steering Stick ไว้ในห้องคนขับ จากนั้นก็ลองขึ้นขับได้เลยโดรนรถถังจิ๋วประโยชน์ : เป็นโดรน AI คอยช่วยเราสู้ ทำให้ผ่านฉากการต่อสู้ได้ง่ายเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก เหมาะสำหรับพื้นที่แคบที่เราเอารถถังเข้าไปไม่ได้วัสดุที่ต้องใช้งาน 1.) ป้อมปืนกระสุนยักษ์ Cannon 2.) หัวหุ่นยนต์ Construct Head 3.) ล้อหุ่นยนต์ Homing Cart 2 อัน4.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) เอา Homing Cart ทั้ง 2 อัน เชื่อมต่อประกอบที่ใต้ Construct Head 2.) เอา Cannon ติดบนหัวหุ่นยนต์ เป็นอันเสร็จสิ้น เปิดระบบ AI ใช้งานได้เลยเรือจับปลาล่องหนประโยชน์ : ใช้เดินทางผ่านน้ำ และยังใช้หาปลาได้ง่ายๆ ด้วยการช็อตไฟฟ้าอัตโนมัติ ซึ่งรวมไปถึงการหาปลาล่องหน เพื่อทำเควสสร้างชุดเกราะล่องหน Stealth Armor Setวัสดุที่ต้องใช้งาน1.) แผ่นไม้สี่เหลี่ยม Wooden Square 1 อัน2.) พัดลม Fan 2 อัน 3.) ป้อมปืนไฟฟ้า Shock Emitter 4.) เครื่องควบคุมยานพาหนะ Steering Stick5.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) เอา Wooden Square ทำแนวนอนเป็นแพ และเอาพัดลมติดไว้ด้านหลัง 2 อัน2.)  เอา Shock Emitter ติดไว้ด้านหน้าของแพ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยเลย เปิดระบบ Fan ใช้งานได้เลยมอเตอร์ไซค์บินประโยชน์ : ใช้เดินทางผ่านอากาศ ทำให้สะดวกสบายต่อการเดินทางทำเควสที่ไม่ต้องขนของ แต่ควรมีแบตเตอรี่เยอะๆ ก่อนนะ ไม่งั้นแบตหมดก็ล่วงตายเลยวัสดุที่ต้องใช้งาน 1.) เครื่องควบคุมยานพาหนะ Steering Stick2.) พัดลม Fan 2 อัน 3.) ป้อมให้แสงสว่าง Light Emitter 2 อัน 4.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) เอา Fan ทั้ง 2 อันติดที่ด้านซ้าย และขวาของเครื่องควบคุมยานพาหนะ ให้พัดลมหันไปทางด้านล่าง 2.)  เอา Light Emitter ติดไว้ด้านหน้าของพัดลม เพื่อให้มีแสงสว่างมองเห็นตอนกลางคืน เป็นอันเรียบร้อย ขึ้นขับได้เลยโล่จรวดประโยชน์ : ใช้ขึ้นที่สูงแบบง่ายๆ อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องใช้ยานพาหนะให้วุ่นวายวัสดุที่ต้องใช้งาน 1.) จรวด Rocket2.) โล่ Shield อะไรก็ได้ 3.) ใช้สกิล Fuse ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) ให้ตัวละคร Link ถือ Shield ไว้สักอัน 2.)  ใช้สกิล Fuse เอา Rocket มาผสมกับ Shield3.) เวลากดปุ่มใช้ Shield หรือปุ่ม ZL จรวดก็จะถูกจุดไฟพาเราบินตู้ถ่ายรูปสวยๆประโยชน์ : สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปไอเทม หรือสิ่งต่างๆ ลง Compendium อย่างสวยๆ ตลอดเวลา ตู้นี้จึงน่า Autobuild มาให้เวลาถ่ายรูปไอเทมต่างๆ มีแสงสว่างกำลังดี หรือถ่ายตอนเวลาในเกมมืดวัสดุที่ต้องใช้งาน 1.) แผ่นไม้สี่เหลี่ยม Wooden Squares 3 อัน 2.) แผ่นไม้ยาว Wooden Small Rectangle 2 อัน 3.) เมล็ด Brightbloom seeds 2 อัน หรือป้อมให้แสงสว่าง Light Emitter4.) ใช้สกิล Ultrahand ในการประกอบวิธีสร้าง 1.) เอา Wooden Squares 1 อันมาวางเป็นแนวนอน และ 1 อันวางเป็นแนวตั้งให้ติดประกอบอยู่บนด้านหลังของแนวนอน 2.) เอา Wooden Small Rectangle  2 อัน มาประกอบด้านบนซ้ายขวาของ Wooden Squares แนวนอน3.) เอา Wooden Squares 1 อันติดไว้ด้านบนให้เป็นกล่องสี่เหลี่ยม จากนั้นเอาเมล็ด Brightbloom seeds หรือ Light Emitter ติดไว้ด้านใต้ของ Wooden Squares ที่ติดไว้ด้านบน ถือเป็นอันเรียบร้อย คันนี้รูปในอัลบั้ม Compendium ก็ดูมีฉากดีๆ และงามทุกรอบแล้ว
19 May 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail สกิลและความสามารถของ Light Cone ระดับ 3 ดาวทั้ง 21 ชิ้น
เชื่อว่าตอนนี้หลายๆคนคงได้เล่นเกม Honkai: Star Rail เกมน้องใหม่ของค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงกำลังมองหาวิธีการทำให้ตัวละครของเราเก่งยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ทำให้ตัวละครเก่งมากยิ่งขึ้นก็คือ Light Cone ซึ่ง Light Cone ภายในเกมก็มีให้เลือกใช้มากมายทั้งแบบสามารถได้รับฟรีๆ หรือจะเป็นแบบต้องสุ่มกาชาเท่านั้นก็ตามที โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำความสามารถของ Light Cone ทั้ง 21 อันที่มีอยู่ภายในเกมณตอนนี้ Light Cone ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Light Cone เมื่อเปรียบเทียบกับเกม Genshin Impact แล้วก็คล้ายๆกับอาวุธนั่นเอง แต่ภายในเกม Honkai: Star Rail ก็จะมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่ Light Cone จะสามารถใส่ได้เฉพาะตัวละครที่มี Path ที่ตรงกับ Path ของ Light Cone ด้วย อย่างเช่น Light Cone เฟื่องฟู ก็จะสามารถใส่กับตัวละครที่มี Path เฟื่องฟูได้เท่านั้น  Collapsing SkyPath ทำลายล้าง Havoc: ทำให้การโจมตีปกติและสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่ สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 20% Shattered HomePath ทำลายล้าง Eradition: เมื่อเปอร์เซ็นต์ HP ปัจจุบันของผู้สวมใส่มากกว่า 50% จะสร้าง DMG แก่ศัตรูเป้าหมายเพิ่มขึ้น 20% Mutual DemisePath ทำลายล้าง Legion: เมื่อ HP ปัจจุบันของผู้สวมใส่น้อยกว่า 80% อัตราคริติคอลจะเพิ่มขึ้น 12% ArrowsPath ล่าสังหาร Crisis: เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 12% เป็นเวลา 3 เทิร์น Darting Arrow Path ล่าสังหาร War Cry: หลังจากที่ผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายได้ จะทำให้ ATK เพิ่มขึ้น 24% เป็นเวลา 3 เทิร์น AdversarialPath ล่าสังหาร Alliance: หลังจากผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมาย ความเร็วจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 2 เทิร์น Data Bank Path ปัญญา Learned: ทำให้ท่าไม้ตายของผู้สวมใส่สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 28% PasskeyPath ปัญญา Epiphany: หลังจากที่ผู้สวมใส่ปล่อยสกิลต่อสู้แล้ว จากฟื้นฟูพลังงานเพิ่มเติม 8 หน่วย โดยเอฟเฟคนี้จะไม่สามารถปล่อยซ้ำได้ภายในเทิร์นเดียวกัน SagacityPath ปัญญา Genius: เมื่อผู้สวมใส่ใช้ท่าไม้ตาย ATK จะเพิ่มขึ้น 24% เป็นเวลา 2 เทิร์นChorusPath ประสาน Concerted: หลังจากเข้าสู่การต่อสู้ จะทำให้ ATK ของฝ่ายตัวเองทั้งหมดเพิ่มขึ้น 8% โดยสกิลชนิดเดียวกันจะไม่สามารถทับซ้อนกันได้ Meshing CogsPath ประสาน Fleet Triumph: หลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีหรือถูกโจมตี จะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มเติม 4 หน่วย โดย effect นี้จะไม่สามารถปล่อยซ้ำได้ภายในเทิร์นเดียวกัน Madiation Path ประสาน Family: เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ ความเร็วของฝ่ายตัวเองทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 12 เป็นเวลา 1 เทิร์นVoid Path ลบล้าง Fallen: เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น อัตราสร้างสถานะของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 20% เป็นเวลา 3 เทิร์น LoopPath ลบล้าง Pursuit: ผู้สวมใส่จะสร้าง DMG แก่ศัตรูเป้าหมายที่ติดสถานะลดความเร็วเพิ่มขึ้น 24% Hidden Shadow Path ลบล้าง Mechanism: หลังจากปล่อยสกิลต่อสู้แล้ว จะทำให้การโจมตีปกติในครั้งต่อไปของผู้สวมใส่สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 60% ของ ATK ของตัวเอง แก่ศัตรูเป้าหมาย Amber Path อนุรักษ์ Stasis: ทำให้ DEF ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเปอร์เซ็นต์ HP ปัจจุบันของผู้สวมใส่น้อยกว่า 50% DEF จะเพิ่มขึ้นอีก 16% Defense Path อนุรักษ์ Revitalization: เมื่อผู้สวมใส่ปล่อยท่าไม้ตาย จะฟื้นฟู HP 18% ของ hp สูงสุดของตัวเอง PioneeringPath อนุรักษ์ IPC: เมื่อผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมาย จะฟื้นฟู HP 12% ของ hp สูงสุดของตัวเอง CornucopiaPath เฟื่องฟู Prosperity: เมื่อผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้และท่าไม้ตาย การรักษาจะเพิ่มขึ้น 12% Fire FruitPath เฟื่องฟู Savor: เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น จะฟื้นฟูพลังงาน 6 หน่วย แก่ฝ่ายตัวเองทั้งหมดทันที MultificationPath เฟื่องฟู Denizens of Abundance: หลังจากผู้สวมใส่โจมตีปกติแล้ว จะเร่ง Action ครั้งต่อไปขึ้น 12% Credit:game8.co
09 May 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail สกิลและความสามารถของ Light Cone ระดับ 4 ดาวทั้ง 35 ชิ้น
เมื่อไม่นานมานี้เกม Honkai: Star Rail เพิ่งเปิดให้บริการให้พวกเราทุกคนได้เล่นกัน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว และด้วยความที่ Honkai: Star Rail เป็นเกมแนว RPG Turn-based จึงไม่แปลกเลยที่การปั้นตัวละครให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ตัวละครเก่งขึ้นก็คือ Light Cone นั่นเอง โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำ Light Cone ระดับ 4 ดาวทั้ง 35 ชิ้นที่มีอยู่ภายในเกมณตอนนี้ Light Cone ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Light Cone เมื่อเปรียบเทียบกับเกม Genshin Impact แล้วก็คล้ายๆกับอาวุธนั่นเอง แต่ภายในเกม Honkai: Star Rail ก็จะมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่ Light Cone จะสามารถใส่ได้เฉพาะตัวละครที่มี Path ที่ตรงกับ Path ของ Light Cone ด้วย อย่างเช่น Light Cone เฟื่องฟู ก็จะสามารถใส่กับตัวละครที่มี Path เฟื่องฟูได้เท่านั้น The Moles Welcome you Path ทำลายล้าง Fantastic Adventure: หลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีปกติ, ปล่อยสกิลต่อสู้หรือท่าไม้ตายโจมตีศัตรูเป้าหมายแล้ว ผู้สวมใส่จะได้รับ “Mischievous” 1 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% Woof! Walk Time!Path ทำลายล้าง Run!: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 10% และสร้าง DMG แก่ศัตรูเป้าหมายที่ติดสถานะเผาไหม้หรือสถานะเลือดไหลเพิ่มขึ้น 16% โดยเอฟเฟคนี้จะยังมีผลกับ DMG ต่อเนื่องอีกด้วย A Secret VowPath ทำลายล้าง Spare No Effort: ทำให้ผู้สวมใส่สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 20% พร้อมทั้งสร้าง DMG เพิ่มขึ้นอีก 20% แก่ศัตรูเป้าหมายที่มีเปอร์เซ็นต์ HP ปัจจุบันสูงกว่า HP ปัจจุบันของผู้สวมใส่ Under the Blue Sky Path ทำลายล้าง Rye Under the Sun: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% หลังจากที่ผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายแล้ว อัตตาคริติคอลจะเพิ่มขึ้น 12% เป็นเวลา 3 เทิร์น Nowhere to Run Path ทำลายล้าง Desperate Times: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 24% เมื่อผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายได้ จะฟื้นฟู HP 12% ของ ATK ของตัวเอง Only Silence RemainsPath ล่าสังหารRecord: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อจำนวนศัตรูเป้าหมายในการต่อสู้มีเท่ากับหรือน้อยกว่า 2 ตัว อัตตาคริติคอลของผู้สวมใส่จะเพิ่มขึ้น 12% SwordplayPath ล่าสังหาร Answer of Their Own: เมื่อผู้สวมใส่โจมตีโดนศัตรูตัวเดียวกันหลายครั้ง แต่ละครั้งจะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 8% เอฟเฟคนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุด 5 ชั้น หากเป้าหมายการโจมตีเปลี่ยนไปแอฟเฟกต์ buff ปัจจุบันจะถูกลบล้างออกทันที Subscribe for More!Path ล่าสังหาร Like Before You Leave!: ทำให้ DMG จากการโจมตีปกติและสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 24% เมื่อพลังงานในปัจจุบันของผู้สวมใส่เท่ากับพลังงานสูงสุด เอฟเฟคนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 24% Return to Darkness Path ล่าสังหาร Raging Waves: ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 12% หลังจากติดคริติคอลแล้ว จะมีโอกาสคงที่ 16% ในการลบล้างเอฟเฟค Buff 1 เอฟเฟคของศัตรูเป้าหมายที่ถูกโจมตี โดยเอฟเฟคนี้จะเกิดขึ้นได้แค่ 1 ครั้งต่อการโจมตี Make the World ClamorPath ปัญญา The Power Of Sound: เมื่อผู้สวมใส่เข้าสู่การต่อสู้จากฟื้นฟูพลังงานทันที 20 หน่วย และทำให้ท่าไม้ตายสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 32% The Birth of the Self Path ปัญญา The Maiden in the Painting: ทำให้การโจมตีต่อเนื่องของผู้สวมใส่สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 24% หากเปอร์เซ็นต์ HP ปัจจุบันของศัตรูเป้าหมายน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% การโจมตีต่อเนื่องจะสร้าง DMG เพิ่มขึ้นอีก 24% Geniuses’ repose Path ปัญญา Each Now Has a Role to Play: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% หลังจากที่ผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายแล้ว DMG คริติคอลจะเพิ่มขึ้น 24% เป็นเวลา 3 เทิร์น Today Is Another Peaceful Day Path ปัญญา A Storm is Coming: หลังจากเข้าสู่การต่อสู้ จะเพิ่ม DMG ที่ผู้สวมใส่สร้างตามพลังงานสูงสุดของผู้สวมใส่ ซึ่งพลังงานแต่ละหน่วยจะเท่ากับ 0.20% สูงสุดที่ 160 หน่วย Past and Future Path ประสาน Kites From The Past: หลังจากผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้ จะทำให้ DMG ใน Action ถัดไปของเป้าหมายตัวอื่นในฝ่ายตัวเองเพิ่มขึ้น 16% เป็นเวลา 1 เทิร์น Memories of the Past Path ประสาน Old Photo: เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 28% หลังจากผู้สวมใส่ทำการโจมตีจะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มอีก 4 หน่วย โดยเอฟเฟคนี้จะไม่สามารถปล่อยซ้ำได้ภายในเทิร์นเดียวกัน Planetary RendezvousPath ประสาน Departure: หลังจากเข้าสู่การต่อสู้ เมื่อเป้าหมายฝ่ายตัวเองสร้าง DMG ประเภทเดียวกันกับผู้สวมใส่ จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12% Dance! Dance! Dance!Path ประสานCannot Stop It!: หลังจากผู้สวมใส่ใช้ท่าไม้ตาย จะเร่ง Action ของฝ่ายตัวเองทั้งหมด 16%FermataPath ลบล้าง Semibreve Rest: ทำให้เอฟเฟคทำลายล้างของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และสร้าง DMG แก่ศัตรูเป้าหมายที่ติดสถานะช๊อตไฟฟ้าหรือสถานะลมเฉือนเพิ่มขึ้น 16% โดยเอฟเฟคนี้จะยังมีผลกับ DMG ต่อเนื่องอีกด้วย Good Night and Sleep Well Path ลบล้าง Toiler: แต่ละครั้งที่ศัตรูเป้าหมายได้รับเอฟเฟค Debuff 1 เอฟเฟค ผู้สวมใส่จะสร้าง DMG แก่เป้าหมายดังกล่าวเพิ่มขึ้น 12% สามารถทับซ้อนได้มากสุด 3 ชั้น และเอฟเฟคนี้ยังมีผลกับ DMG ต่อเนื่องอีกด้วย Eyes of the PreyPath ลบล้าง Self-Confidence: ทำให้อัตราสร้างสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 20% พร้อมทั้งเพิ่ม DMG ต่อเนื่องขึ้น 24% Resolution Shines As Pearls of SweatPath ลบล้าง Glance Back: เมื่อผู้สวมใส่โจมตีโดนศัตรูเป้าหมาย หากเป้าหมายดังกล่าวไม่ได้ติดสถานะ “แตกพ่าย” จะมีโอกาสพื้นฐาน 60% ที่จะติดสถานะ “แตกพ่าย” โดย DEF ของศัตรูเป้าหมายที่ติดสถานะ “แตกพ่าย” จะลดลง 12% เป็นเวลา 1 เทิร์น We Will Meet Again Path ลบล้าง A Discourse in Arm: หลังจากผู้สวมใส่ใช้การโจมตีปกติหรือสกิลต่อสู้ จะสุ่มสร้าง DMG เพิ่มเติม 48% ของ ATK ของผู้สวมใส่ แก่ศัตรูเป้าหมาย 1 ตัวที่ถูกโจมตี Day One of My New Life Path อนุรักษ์ At This Very Moment: ทำให้ DEF ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% หลังจากเข้าสู่การต่อสู้ จะทำให้ความต้านทาน DMG ของฝ่ายตัวเองทั้งหมดเพิ่มขึ้น 8% โดยสกิลชนิดเดียวกันจะไม่สามารถทับซ้อนกันได้ We Are WildfirePath อนุรักษ์ Teary-Eyed: เมื่อเริ่มต้นการต่อสู้ จอดรถ bmg ของฝ่ายเราทั้งหมดที่ได้รับลง 8% เป็นเวลา 5 เทิร์น พร้อมทั้งฟื้นฟู HP ให้กับฝ่ายตัวเองทั้งหมด เป็น 30% ของ hp ที่แต่ละตัวเสียไปทันที Landau’s Choice Path อนุรักษ์ Time Fleets Away: ทำให้โอกาสที่ผู้สวมใส่จะโดนโจมตีเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งได้รับ DMG ลดลง 16%Trend of the Universal Market Path อนุรักษ์ A New Round of Shuffling: ทำให้ DEF ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% หลังจากผู้สวมใส่ถูกโจมตีจะมีโอกาสพื้นฐาน 100% ที่จะทำให้ศัตรูเป้าหมายติดสถานะเผาไหม้ และในแต่ละเทิร์น จะสร้าง DMG ต่อเนื่อง 40% ของ DEF ของผู้สวมใส่เป็นเวลา 2 เทิร์น This Is Me!Path อนุรักษ์ New Chapter! ทำให้ DEF ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และเมื่อผู้สวมใส่ปล่อยท่าไม้ตาย ค่า DMG ที่สร้างจะเพิ่มขึ้น 60% ของ DEF ของผู้สวมใส่ โดยเอฟเฟคนี้จะส่งผลต่อศัตรูแต่ละตัวเพียง 1 ครั้งเท่านั้น Shared Feeling Path เฟื่องฟู Cure and Repair: ทำให้การรักษาของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 10% และเมื่อปล่อยสกิลต่อสู้จะฟื้นฟูพลังงานให้ฝ่ายตัวเองทั้งหมด 2 หน่วย Quid Pro QuoPath เฟื่องฟู Enjoy With Papture: เมื่อเริ่มต้นเทิร์นของผู้สวมใส่ จะสุ่มฟื้นฟูพลังงาน 8 หน่วยให้กับเป้าหมายอื่นในฝ่ายตัวเอง 1 ตัวที่มีเปอร์เซ็นต์พลังงานในปัจจุบันน้อยกว่า 50% Post-Op Conversation Path เฟื่องฟู Mutual Healing: ทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังงานของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% และเมื่อปล่อยท่าไม้ตายจะรักษาเพิ่มขึ้น 12% Perfect Timing Path เฟื่องฟู Refraction of Sightline: ทำให้การต้านทานสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และทำให้การรักษาของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นอีก โดยจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 33% ของการต้านทานสถานะ โดยการรักษาสามารถเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 15% Warmth Shortens Cold NightsPath เฟื่องฟู Tiny Light: ทำให้ HP สูงสุดของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 16% และหลังจากใช้การโจมตีปกติหรือสกิลต่อสู้ จะฟื้นฟู HP ของฝ่ายตัวเองทั้งหมด 2% ของ hp สูงสุดของแต่ละตัว Credit:game8.co
09 May 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail สกิลและความสามารถของ Light Cone ระดับ 5 ดาวทั้ง 12 ชิ้น
Honkai: Star Rail เกมน้องใหม่จากค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ที่เพิ่งเปิดให้เราได้เล่นเมื่อไม่นานมานี้ และได้รับการตอบกลับเป็นอย่างดีจากแฟนๆอีกด้วย เรียกได้ว่าดีสมกับการรอคอยของใครหลายๆคนเป็นอย่างมากเลย และด้วยความที่เป็นเกมเปิดใหม่ระบบและฟีเจอร์ต่างๆที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่คงจะทำให้หลายๆคนงงกันบ้างเล็กน้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Light Cone ซึ่งมีให้เลือกใช้ภายในเกมมากมายขึ้นอยู่กับ Path ของตัวละครนั้นๆ และในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำความสามารถทั้งหมดของ Light Cone ระดับ 5 ดาวทั้ง 12 อันที่มีอยู่ภายในเกม Light Cone ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า Light Cone เมื่อเปรียบเทียบกับเกม Genshin Impact แล้วก็คล้ายๆกับอาวุธนั่นเอง แต่ภายในเกม Honkai: Star Rail ก็จะมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อยตรงที่ Light Cone จะสามารถใส่ได้เฉพาะตัวละครที่มี Path ที่ตรงกับ Path ของ Light Cone ด้วย อย่างเช่น Light Cone เฟื่องฟู ก็จะสามารถใส่กับตัวละครที่มี Path เฟื่องฟูได้เท่านั้น On the Fall of an Aeon Path ทำลายล้าง Moth To Flames: เมื่อผู้สวมใส่ทำการโจมตี จะทำให้ ATK ในการต่อสู้ครั้งนี้ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% โดยสามารถทับซ้อนได้สูงสุด 4 ชั้น หลังจากผู้สวมใส่ทำลายจุดอ่อนของศัตรูเป้าหมายแล้วจะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 12% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Something IrreplaceablePath ทำลายล้าง Kinship: ทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 24% หลังจากผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายหรือถูกโจมตีแล้ว จะฟื้นฟู HP 8% ของ ATK ของผู้สวมใส่ทันที พร้อมทั้งสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 24% จนกว่าเทิร์นถัดไปของตัวเองจะสิ้นสุดลงโดยเอฟเฟคนี้จะไม่สามารถทับซ้อนได้และสามารถเกิดขึ้นได้แค่เทิร์นละครั้งเท่านั้น In The NightPath ล่าสังหาร Flower and Butterflies: ทำให้อัตรา critical ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% ขณะที่ต่อสู้ หาความเร็วของผู้สวมใส่สูงกว่า 100 ในทุกๆ 10 หน่วยที่เกินมา การโจมตีปกติและสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 6% พร้อมทั้งทำให้ DMG คริติคอลของท่าไม้ตายเพิ่มขึ้น 12% โดยเอฟเฟคนี้สามารถทับซ้อนได้ 6 ชั้น Sleep Like the Dead Path ล่าสังหาร Sweet Dreams: ทำให้ DMG คริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อการโจมตีปกติหรือสกิลต่อสู้ของผู้สวมใส่ไม่เกิดคริติคอล อัตราคริติคอลของตัวเองจะเพิ่มขึ้น 36% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น เอฟเฟคนี้สามารถปล่อยได้ 1 ครั้งในทุกๆ 3 เทิร์นCruising in the Stellar SeaPath ล่าสังหาร Chase: ทำให้อัตราคริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% และทำให้ผู้สวมใส่สร้างอัตราคริติคอลแก่ศัตรูเป้าหมายที่มีเปอร์เซ็นต์ HP น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50% เพิ่มขึ้นอีก 8% หลังจากผู้สวมใส่กำจัดศัตรูเป้าหมายแล้ว ATK จะเพิ่มขึ้น 20% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Night on the Milky Way Path ปัญญา Meteor Swarm: ศัตรูเป้าหมายทุกๆ 1 ตัวที่อยู่ในการต่อสู้จะทำให้ ATK ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 9% เอฟเฟคนี้สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 5 ชั้น และเมื่อมีศัตรูเป้าหมายที่ถูกทำลายจุดอ่อน ผู้สวมใส่จะสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 30% เป็นเวลา 1 เทิร์น Before Dawn Path ปัญญา Long Night: ทำให้ DMG คริติคอลของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 36% และทำให้ DMG ของ skill ต่อสู้และถ้าไม้ตายของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% หลังจากที่ผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้หรือถ้าไม้ตาย จะได้รับเอฟเฟค “Somnus Corpus” และจะใช้ “Somnus Corpus” เมื่อปล่อยการโจมตีต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ DMG ของการโจมตีต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 48% But The Battle Isn’t Over Path ประสาน Heir: ทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังงานของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 10% และเมื่อเป้าหมายฝ่ายตัวเองปล่อยท่าไม้ตาย จะฟื้นฟูแต้มสกิลต่อสู้ 1 แต้มโดยเอฟเฟคนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ 1 ครั้งหลังจากใช้ท่าไม้ตายทุกๆ 2 ครั้ง และหลังจากผู้สวมใส่ใช้สกิลต่อสู้จะทำให้ DMG ใน Action ถัดไปของเป้าหมายตัวอื่นในฝ่ายตัวเองเพิ่มขึ้น 30% เป็นเวลา 1 เทิร์น In The Name of the World Path ลบล้าง Inheritor: ทำให้ผู้สวมใส่สร้าง DMG แก่ศัตรูเป้าหมายที่ติดเอฟเฟค Debuff เพิ่มขึ้น 24% เมื่อผู้สวมใส่ปล่อยสกิลต่อสู้อัตราสร้างสถานะของการโจมตีครั้งนี้จะเพิ่มขึ้น 18% และ ATK จะเพิ่มขึ้น 24% Moment of Victory Path อนุรักษ์ Verdict: ทำให้ DEF ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 24% และอัตราสร้างสถานะเพิ่มขึ้น 24% พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสที่ตัวเองจะถูกโจมตี หลังจากที่ผู้สวมใส่ถูกโจมตีแล้ว DEF จะเพิ่มขึ้นอีก 24% จนกว่าเทิร์นของตัวเองจะสิ้นสุดลง Texture of MemoriesPath อนุรักษ์ Treasure: ทำให้การต้านทานสถานะของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 8% หลังจากผู้สวมใส่ถูกโจมตีหากตัวเองไม่มีโรคก็จะได้รับโล่ 16% ของ hp สูงสุดของผู้สวมใส่ 1 อัน เป็นเวลา 2 เทิร์น โดยเอฟเฟคนี้จะเกิดได้เพียง 1 ครั้งในทุกๆ 3 เทิร์น แต่หากผู้สวมใส่มีโล่อยู่จะทำให้ตัวเองได้รับ DMG ลดลง 12% Time Waits for No OnePath เฟื่องฟู Morn, Noon, Dusk, and Night: HP สูงสุดของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้น 18% และปริมาณการรักษาเพิ่มขึ้น 12% เมื่อผู้สวมใส่ทำการรักษาให้กับเป้าหมายฝ่ายตัวเอง จะบันทึกปริมาณการรักษาเอาไว้ เมื่อเป้าหมายฝ่ายตัวเองตัวใดตัวหนึ่งทำการโจมตี จะสุ่มสร้าง DMG เพิ่มขึ้น 36% ของปริมาณการรักษาที่บันทึกไว้แก่ศัตรูเป้าหมายที่โดนโจมตี 1 ตัว ตามค่าสถานะของผู้สวมใส่ โดยที่ DMG นี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากเอฟเฟคบัฟอื่นๆ และในแต่ละเทอญจะสรุปผลได้สูงสุด 1 ครั้ง Credit:game8.co
09 May 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนวทางการจัดทีม เล่นได้ยันท้ายเกม!
เมื่อไม่นานมานี้ค่ายผู้พัฒนาเกมยักษ์ใหญ่อย่าง AIS ก็ได้ปล่อยเกมที่หลายๆคนตั้งหน้าตั้งตารอมานานอยาก SCB ซึ่งจนมาถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงได้เล่นกันไปแล้ว ซึ่งภายในเกม SCB ก็มีระบบมากมายให้เราได้ศึกษาพร้อมกับได้ใช้เพื่อทำให้ ID ของเราโตไวยิ่งขึ้น แน่นอนว่าตัวละครก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ID ของเราโตไวยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่จากตัวละครที่มีทั้งหมดภายในเกมมากมาย หลายๆคนคงสงสัยว่าแล้วจะจัดทีมยังไงดีล่ะ ซึ่งภายในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำวิธีการจัดทีมเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางในการจัดทีมของคุณเอง รูปแบบทีม ภายในเกม SCB มีวิธีการจัดทีมหลากหลายรูปแบบเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่อยากจะให้คุณจำไว้ก็คือคุณไม่สามารถที่จะโยนตัวละครที่มีเรตติ้งสูงๆในสายเดียวกันเข้าไปอยู่ทีมเดียวกันได้ เพราะจะทำให้ทีมของคุณไร้ซึ่งความสมดุลเป็นอย่างมากเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญในการจัดทีมก็คือความสมดุลของทีม และมีความหลากหลายในการใช้งานนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Content ที่คุณนำไปเล่นด้วย ถ้าเป็นการตีบอส การจะจัดทีมเฉพาะทางที่มีความหลากหลายน้อย บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าก็ได้เช่นกัน สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะจัดทีม โดยจะมี 4 อย่างด้วยกันที่คุณควรคำนึงในการจัดทีมทุกครั้ง เพื่อให้ทีมของคุณสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถเล่นได้อย่างไม่ติดขัดใดๆ โดยยังมีดังนี้ ตัวคอยประคองชีวิตเพื่อนร่วมทีม - คุณจำเป็นต้องมีตัวละครที่ฮิวได้หรือให้โล่กับเพื่อนในทีมได้ หรือไม่ก็มีทั้งคู่เลยยิ่งดี เพราะคุณต้องเข้าใจก่อนว่าเกมแนว RPG Turn-based เหล่า Monster จะสามารถตีทุกตัวละครของคุณได้ เพราะฉะนั้นการฮิวหรือการใส่โล่เพื่อป้องกันตายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ความเข้ากันได้ - ในบางตัวละคร สกิลหรือความสามารถอาจจะไม่ได้เอื้อให้กับตัวละครตัวอื่นๆมากนัก เลยทำให้รู้สึกว่าบางทีเราก็แทบไม่ได้ใช้ตัวละครนั้นๆเลย แต่ตัวละครที่มีความเข้ากันได้อย่างเช่น Clara ที่มีความสามารถในการยั่วยุศัตรู การที่คุณจะใส่ March 7th เข้าไปภายในทีมเพื่อให้โล่กับ Clara ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากเลย แต้มสกิล - ในส่วนนี้หลายๆคนมักจะมองข้ามกัน แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ทีมของคุณมีความลื่นไหลในการใช้สกิลและทำดาเมจใส่ศัตรูไปพร้อมๆกัน เพราะการที่คุณใส่ตัวละครที่ต้องใช้แต้มสกิลเข้าไปอยู่ในทีมเดียวกันเยอะๆ จะทำให้การบริหารแต้มสกิลนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเป็นอย่างมาก การมีตัวละครที่ใช้ Basic Attack เข้ามาด้วยก็จะทำให้คุณสามารถเลี้ยงแต้มสกิลได้ดียิ่งขึ้น ธาตุ - ระบบธาตุภายในเกม SCB ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งมันจะมีผลต่อการผ่าน Content นั้นๆของคุณมากเลยทีเดียว การจัดตัวละครที่มีธาตุชนะทางศัตรูไปเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็น Content เนื้อเรื่องภายในเกม ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงจุดนี้มากเท่าไหร่ แนวทางการจัดทีมก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าทางเราจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน ก็คือโหมดเนื้อเรื่อง และตัวละครระดับ 5 ดาวที่คุณเปิดได้ในช่วงต้นเกมตัวแรก เพราะคุณสามารถนำตัวละคร 5 ดาวที่เปิดได้ มาช่วยในการผ่านเนื้อเรื่องได้ด้วยในโหมดเนื้อเรื่องคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการจัดทีมมากเท่าไหร่ เพราะศัตรูที่อยู่ภายในเนื้อเรื่องไม่ได้มีความยากมากมายขนาดนั้น ซึ่งคุณสามารถใช้ตัวละครเริ่มต้นหรือตัวละครที่แจกมาเพื่อเล่นผ่าน Content แนวนี้ได้เลย โดยพยายามใส่ตัวฮีลเลอร์หรือตัวให้โล่กับทีมเพื่อให้สามารถเล่นได้อย่างปลอดภัยและผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น และทางเราจะยกมา 2 ทีมเพื่อเป็นแนวทางในการจัดทีมให้กับคุณเบื้องต้น ทีมแรก จะมี Main DPS 1 ตัว มี Sub DPS 1 ตัว Healer 1 ตัว และ Shielder 1 ตัว เพื่อให้ง่ายต่อการผ่านเนื้อเรื่อง การมีตัวละครทำดาเมจ 2 ตัวในทีมที่มีธาตุที่ไม่ซ้ำกันเป็นเรื่องที่ช่วยให้คุณเล่นได้ง่ายขึ้นมาก และการใส่ตัวละครฮิวและตัวให้โล่ก็ทำให้คุณเล่นได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น Main DPS (เป้าเดี่ยว) Dan HengSub DPS (AoE) ServalHealer NatashaShielder March 7thทีมที่ 2 ก็จะคล้ายๆกับทีมแรกแต่จะเปลี่ยนตัว Sub DPS ออกและเปลี่ยนเป็นตัว Shielder/Breaker เข้ามาแทน ซึ่งในที่นี้เราจะใช้ Trailblazer (ไฟ) เพื่อเข้ามาเป็นตัวรับดาเมจแทนทีมด้วย Main DPS (เป้าเดี่ยว) Dan HengShielder/Breaker Trailblazer (ไฟ)Healer NatashaShielder March 7thตัวละคร 4 ดาวที่ช่วยให้คุณผ่านเนื้อเรื่องได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าคุณโชคดีเปิดได้ตัวละคร 4 ดาว 2 ตัวอย่าง Sushang และ Tingyun จะทำให้คุณสามารถผ่านในเรื่องตัวละครได้ง่ายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เพราะ 2 ตัวละครนี้มีสกิลและความสามารถที่ดีเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถนำ 2 ตัวละครนี้ไปแทนในตำแหน่งที่คุณมีอยู่แล้วได้เลย และจะดีที่สุดถ้าเกิดคุณสามารถนำตัวละคร 4 ดาว 2 ตัว อย่าง Sushang และ Tingyun มาไว้ในทีมเดียวกันได้ ตัวละคร 5 ดาวตัวแรกของ ID ที่นี้เรามาพูดถึงตัวละคร 5 ดาวที่คุณเปิดได้ตัวแรกใน ID ของคุณ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีความสามารถและสกิลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งคุณสามารถนำตัวละคร 5 ดาวเหล่านั้นมาใช้ในการผ่าน Content ต่างๆรวมถึงผ่านเนื้อเรื่องได้เลย ซึ่งจะทำให้คุณสามารถผ่านได้ง่ายยิ่งขึ้นมากกว่าตัวละครเริ่มต้นที่ทางเกมแจกให้อย่างแน่นอน แต่ต้องขอบอกก่อนว่าทางเราจะใช้ตัวละครแจกฟรีที่สามารถหาได้จากเนื้อเรื่องมาเป็นพื้นฐานในการจัดทีมเป็นหลัก และใช้ตัวละคร 5 ดาวเหล่านั้นไปไว้ในทีมแทน Bailuตัวละคร Healer ระดับ 5 ดาว ซึ่งคุณสามารถนำ Bailu มาใส่ในทีมแบบนี้ได้เลย Bronyaตัวละครสายบัพระดับ 5 ดาวที่คุณสามารถหาได้ในช่วงต้นเกม คุณสามารถนำ Bronya จัดทีมตามแบบนี้ได้เลย ClaraClara เป็นตัวละคร 5 ดาวที่จะมีความพิเศษมากกว่าตัวอื่น เพราะน้องสามารถเป็นตัวแทงค์พร้อมกับเป็นตัว Main DPS ไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งน้องก็มีดาเมจที่มากเพียงพอที่จะจบ Content ได้แล้ว เพราะฉะนั้นรูปแบบการจัดทีมก็จะมีความหลากหลาย และมีความแปลกใหม่ขึ้นไปอีก เพราะน้องสามารถทำได้ถึง 2 หน้าที่ในตัวละครเดียวเลย ตัวอย่างการจัดทีมก็จะประมาณนี้ Gepardตัวละครฝ่ายแทงค์ที่มีความสามารถมอบโล่ให้กับทีมได้ คุณเลยไม่จำเป็นต้องมีทั้งตัวแทงค์และตัวให้โล่กับทีมเลย เพราะ Gepard สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณสามารถนำตัวละครเหล่านี้ออกแล้วแทนด้วยตัว Sub DPS ได้เลย HimekoHimeko ตัวละครระดับ 5 ดาวสายปัญญา ซึ่ง Himeko มีดาเมจที่รุนแรงมากพอที่ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องใช้ตัวดาเมจอีกตัวนึงเลยก็ได้ แล้วนำช่องว่างตรงนั้นไปใส่เป็นตัวละครสายบัพเพื่อเพิ่มดาเมจให้กับตัว Himeko เองก็สามารถทำได้เช่นกัน และดีกว่าการใส่ตัวละครดาเมจ 2 ตัวด้วย WeltWelt เป็นตัวละครสายลบล้าง ที่มีดาเมจพอประมาณ ซึ่งตำแหน่งและหน้าที่ของ Welt คุณสามารถนำไปแทนตัวละครสาย Sub DPS และตัวละครสายบัพได้เลย แต่ตัวของ Welt ไม่ได้มีความสามารถในการบัพให้กับทีม แต่จะมีความสามารถในการมอบ Debuff ให้กับศัตรูแทน ซึ่งก็สามารถมาทดแทนได้เช่นกัน YanqingYanqing เป็นตัวละครสายล่าสังหารที่มีดาเมจที่รุนแรงเป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่เป็นสายล่าสังหาร การมองหาตัวละครที่มีความสามารถในการทำดาเมจหมู่ (AoE) ก็จะช่วยให้ตัว Yanqing และตัวคุณเองเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วตัว Yanqing ด้วยความที่มีดาเมจเป้าเดี่ยวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก คุณสามารถนำตัวละคร buff มาเพื่อทำให้ Yanqing แรงขึ้นไปอีก เอาไว้ใช้เวลาฆ่าบอสก็ได้เช่นกัน แต่ใน Content เนื้อเรื่อง การมีตัวละครทำดาเมจหมู่ (AoE) จะช่วยให้คุณเล่นได้ง่ายและผ่านได้ไวยิ่งขึ้น 
09 May 2023
[ไกด์เกม] Harry Potter: Magic Awakened แนะนำหลักการผจญภัยในป่าต้องห้าม
สำหรับซีรีส์ Harry Potter แล้ว 'ป่าต้องห้าม' คือบริเวณพื้นที่สุดอันตรายของโรงเรียนพ่อมดและแม่มดฮอกวอร์ต เช่นเดียวกับในเกม Harry Potter: Magic Awakened ที่ผู้เล่นจะได้เผชิญกับมอนสเตอร์ เหตุการณ์หลากหลายรูปแบบในเชิงดันเจี้ยน และเมื่อทำการผ่านได้แล้วจะได้รับไอเทมหายากที่ไม่สามารถหาที่อื่นได้และจำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็น เสียงสะท้อน, วัตถุดิบปรุงยา, ทอง, เพชร และคริสทัล ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญมากจนไม่สามารถละเลยได้ ดังนั้นไกด์นี้จะมาแนะนำหลักวิธีในการผ่านนั่นเองโดยป่าต้องห้ามนั้นจะปลดล็อกให้ผู้เล่นเข้าใช้งานเมื่อถึงเลเวลตามที่กำหนด จะแบ่งเป็นสามส่วนหลัก ๆ ได้แก่Solo Exploration หรือการลงตะลุยฉายเดี่ยวนั่นเอง ผู้เล่นจะเข้าไปเล่นเพื่อสู้กับมอนสเตอร์หลาย ๆ ตัวพร้อมกันหรือบอสตัวเดียวแต่มีความสามารถและท่วงท่าการโจมตีพิเศษออกไปในเวลาที่จำกัด ผู้เล่นจะต้องเอาชนะด้วยการผสมผสานและใช้งานหลาย ๆ สำรับการ์ด หรือเอาตัวรอดให้นานที่สุดแลกกับของรางวัลอย่างเสียงสะท้อนระดับตำนานแบบสุ่ม แต่จะรับได้แค่ครั้งเดียวต่อการผ่านด่านและไม่สามารถย้อนไปเล่นด่านก่อนหน้าที่เคยผ่านมาแล้วเกินหนึ่งด่าน (ผู้เล่นควรพยายามลงจนถึงจุดที่ที่ฝืนไม่ไหว แล้วจึงรอเลเวลเพิ่มค่อยกลับมาพยายามใหม่)Team Exploration : Epic Clues จะเป็นรูปแบบการลงดันเจี้ยนคล้าย ๆ Solo Exploration กับเพื่อนอีกสองคน แต่ละรอบในการลงจะมีทั้งหมด 15 ชั้น ผู้เล่นจะเป็นคนเลือกเส้นทางของตนเองว่าจะต่อสู้ เก็บเกี่ยว พักฟื้น หรือซื้อของ ในขณะที่ยิ่งชั้นลึกก็ยิ่งมีความยากที่สูงขึ้น ผู้เล่นเองก็จะได้รับบัฟพลังการ์ดหรือความสามารถของตัวเราเองแบบสุ่มให้เลือกในทุก ๆ ชั้นที่ผ่าน และจะได้รับของรางวัลที่รวบรวมมาได้เมื่อจัดการบอสในชั้นสุดท้ายหรือพ่ายแพ้ไปก่อนนั่นเอง ผู้เล่นนั้นสามารถลงด่านที่ปลดล็อกแล้วกี่รอบก็ได้ แต่ของรางวัลจากการลงดันเจี้ยนจะมอบแค่วันละครั้งเท่านั้น (สามารถเลือกได้ว่าการเล่นรอบไหนที่จะรับของรางวัลก่อนกดเข้า)Team Exploration : Deathly Clues เป็นดันเจี้ยนเกือบจะเหมือนกันกับ Epic Clues แต่ต่างกันที่จำนวนชั้นต่อรอบซึ่งมีถึง 20 ชั้น ความยาก รูปแบบมอนสเตอร์และบอสที่ต่างจากเดิมแบบเห็นได้ชัด อันตรายถึงขั้นที่หากไม่ระวัง การโจมตีของพวกมันเพียงครั้งเดียวก็เกมโอเวอร์ได้เลย ผู้เล่นนั้นสามารถลงด่านที่ปลดล็อกแล้วกี่รอบก็ได้ แต่ของรางวัลจากการลงดันเจี้ยนจะมอบสัปดาห์ละสองครั้งเท่านั้น (สามารถเลือกได้ว่าการเล่นรอบไหนที่จะรับของรางวัลก่อนกดเข้า)และถึงแม้ผู้เล่นคนไหนจะเป็นสายลุยเดี่ยวหรือไม่มีเพื่อนลงดันเจี้ยน ก็สามารถนำเหล่า NPC มาร่วมทีมและปรับแต่งสไตล์สำรับการ์ดของพวกเขาได้ (ทั้งนี้เนื่องจากเป็นแค่ NPC อย่าไปคาดหวังกับพวกเขาเยอะ)หลักการผจญภัยในป่าต้องห้ามแบบ Epic Clues และ Deathly Clues1. เริ่มแรกผู้เล่นจะได้รับการสุ่มเลือกบัฟ ที่จะมอบความสามารถพิเศษให้กับการ์ดแบบสุ่ม ให้เลือก 1 ใน 3 ใบ และจะมีให้เลือกอัปเกรดตั้งแต่ระดับ ทั่วไป, หายาก, ตำนาน และมายา ในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านการสู้ในชั้นของดันเจี้ยน (หากไม่ใช่การต่อสู้ผู้เล่นจะไม่ได้รับการสุ่ม รวมถึงการสุ่มอาจจะมาในรูปแบบบัฟของตัวละครผู้เล่นเอง) ผู้เล่นควรเลือกบัฟการ์ดที่ใช้อยู่บนมือหรือเลือกอันที่ดีที่สุดก่อนจะเปลี่ยนไปใช้การ์ดตามที่เลือกบัฟมา อนึ่งในการลงป่าต้องห้าม สำรับการ์ดควรใช้เป็นการ์ดคาถาที่มีความเสียหายเป็นวงกว้างและรุนแรงโดยส่วนมาก 2. ผู้เล่นจะเจอกับสัญลักษณ์หลากหลายรูปแบบที่จะเปิดให้เราเลือกว่าจะไปชั้นต่อไปเพื่อเจออะไร โดยจะแบ่งระดับความยากและง่ายตามสี ซึ่งบัฟที่จะได้รับหลังเคลียร์ชั้นเหล่านั้นก็จะดีขึ้นตามระดับความยากไปด้วยสัญลักษณ์ รูปไม้กายสิทธิ์ไขว้ : มีสามสี ฟ้า>เหลือง>แดง เมื่อกดเข้าไปจะต่อสู้กับมอนสเตอร์สัญลักษณ์ รูปนาฬิกาทราย : มีสีแดงเท่านั้น เมื่อกดเข้าไปจะต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่มีความยาก และเวลาเคลียร์ชั้นจะน้อยลงกว่าปกติสัญลักษณ์ อักษรคำถาม : มีสีฟ้าเท่านั้น เมื่อกดเข้าไปจะสุ่มเหตุการณ์หลากหลายที่เราจะเลือกตอบ ส่งผลให้เราจะเจอการต่อสู้, ได้รับบัฟ หรือ เสียมานาและก้าวเดินเริ่มต้นในชั้นถัดไป (มานาและก้าวเดินในทุก ๆ ชั้นแยกกัน ใช้ได้ไม่ต้องกลัวหมด)สัญลักษณ์ รูปสมุนไพร : มีสองสี ฟ้า>เหลือง เมื่อกดเข้าไปผู้เล่นจะได้รับเหรียญพ่อค้าพเนจร*สุ่มจำนวน เหรียญพ่อค้าพเนจร* คือ ค่าเงินแลกเปลี่ยนที่จะได้รับเมื่อเคลียร์ชั้นในดันเจี้ยนหรือรวบรวมมาได้ สามารถใช้จ่ายได้ในรอบดันเจี้ยนที่เราเล่นอยู่เท่านั้น สัญลักษณ์ รูปกองไฟ : มีสีฟ้าเท่านั้น เมื่อกดเข้าไปจะเป็นจุดพัก รักษาเลือดผู้เล่น 60% โดยทันที โดยจะมีพ่อค้าพเนจรยืนอยู่ให้เราสามารถอัปเกรดบัฟสำหรับตัวละครผู้เล่นที่เราได้รับมาก่อนหน้าด้วยเหรียญพ่อค้าพเนจรสัญลักษณ์ รูปลิ้นชัก : มีสีฟ้าเท่านั้น เมื่อกดเข้าไปจะเจอพ่อค้าพเนจรเสนอขายบัฟผู้เล่น, บัฟเลเวลการ์ด และบัฟอื่น ๆ (ควรซื้อบัฟเพิ่มพลังโจมตีและค่าพลังชีวิต)สัญลักษณ์ รูปหัวหมาป่า : มีสีแดงเท่านั้น เมื่อกดเข้าไปจะเผชิญหน้ากับบอส (หากไม่ใช่บอสชั้นลึกสุดที่เป็นผู้คุมวิญญาณ ความสามารถปั่นป่วนต่าง ๆ จะมีผล)3. การเคลียร์ชั้นจะมีรูปแบบที่เข้าใจง่าย ๆ คือการกำจัดมอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่บนสนาม ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีมาเพิ่มเรื่อย ๆ ผู้เล่นก็ต้องเอาชนะและเอาชนะให้ได้ทุกตัว ทั้งนี้หากใครพลังชีวิตหมดลง เพื่อนร่วมทีมสามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้หลังติดคูลดาวน์ชั่วครู่ ทว่าหากทั้งทีมไม่สามารถกำจัดมอนสเตอร์ในเวลาที่กำหนดหรือพลังชีวิตหมดลง เกมจะนับเป็นพ่ายแพ้และสามารถต่อสู้ใหม่ในชั้นนั้น ๆ ได้อีกสูงสุดสองครั้งในแต่ละรอบที่ลงดันเจี้ยนและเมื่อผู้เล่นไปถึงชั้นที่ลึกที่สุดของดันเจี้ยนจะเจอกับบอสที่มีเลือดมหาศาลและไม่สามารถติดสถานะใด ๆ ได้ ทุกคนในทีมต้องร่วมมือกันเอาชนะมัน ซึ่งขณะที่เรากำลังต่อสู้อยู่อาจจะมีลูกสมุนของบอสออกมาเรื่อย ๆ ผู้เล่นต้องหลบก็จริง แต่ไม่มีความจำเป็นต้องกำจัดลูกสมุนเหล่านั้น ขอเพียงแค่ผู้เล่นกำจัดบอสให้สำเร็จ (สังเกตได้ที่หลอดเลือดด้านบนจอ) ชั้นนั้น ๆ ก็จะจบลงด้วยชัยชนะและรับของรางวัลทันทีการลงป่าต้องห้ามคือสิ่งที่ผู้เล่นเกม Harry Potter: Magic Awakened ควรสละเวลา 4-5 นาที ลงทุกวันเป็นกิจวัตรเพื่อให้ไอดีของผู้เล่นมีทรัพยากรพอใช้และผ่านภารกิจหลัก ภารกิจรอง หรือซีซัน ดังนั้นใครที่อยากจะให้ตัวละครตัวเองมีความเก่งกาจละก็ต้องห้ามทิ้งการลงดันเจี้ยนนี้ไปนะ!*การเลือกไม่รับของรางวัล ผู้เล่นจะไม่เจอไอเทมใด ๆ หลังเคลียร์ชั้น เว้นแต่จดหมาย Thanks You Note ซึ่งสามารถสะสมนำไปแลกไอเทมรายสัปดาห์และเดือนได้ สูงสุดวันละ 40 ฉบับ (การเคลียร์ดันเจี้ยนแต่ละครั้งจะได้ 1 ฉบับ และหากลงกับเพื่อนจะได้เพิ่มอีก 1 ฉบับ)
23 Apr 2023
[ไกด์เกม] Harry Potter: Magic Awakened ประเภทของการ์ดเวทมนตร์ คู่หู และเสียงสะท้อน
ในเกม Harry Potter: Magic Awakened ประเภทของการ์ดเวทมนตร์ คู่หู และเสียงสะท้อนนั้นมีความสำคัญมาก ควรรู้ความสามารถและประเภททุกใบเพื่อที่ผู้เล่นจะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ทั้งในการแก้ทาง คอมโบ และประยุกต์ต่าง ๆ ที่ตัวเกมไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นไกด์เกมนี้จะเป็นตัวอธิบายให้ทุกท่านเอง!การ์ดเวทมนตร์ คือ สิ่งที่ผู้เล่นจะใช้มานาในการร่ายลงสนาม โดยจะมีอยู่สองรูปแบบหลัก ๆ คือ 'คาถา' และ 'อัญเชิญ' ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้เล่นนั้นจะใช้แบบไหนมากกว่ากันในสำรับไพ่ที่จัดได้มากสูงสุด 8 ใบ โดยระดับของการ์ดเวทมนตร์จะมีระดับ มนตร์ดำ/แสง, ตำนาน, ขั้นสูง, หายาก และทั่วไป โดยการ์ดทุกระดับ ทุกใบ มีความสำคัญเท่า ๆ กันหมด ไม่มีใบไหนที่ไร้ประโยชน์ จะต่างกันที่ความสามารถและมานาที่ใช้ในการร่ายคู่หู คือ การ์ดพิเศษเพิ่มเติมสามใบต่อสำรับ มีลักษณะคล้ายการ์ดเวทมนตร์อัญเชิญ ไม่จำเป็นต้องใช้มานาในการร่าย แต่จะร่ายได้หลังคูลดาวน์ที่กำหนดไว้และมีความสามารถเฉพาะตัวของคู่หูตัวนั้น ๆ หลังจากจากที่คู่หูถูกกำจัดหรือทำหน้าที่ตัวเองสำเร็จ พวกเขาจะหายไปและไม่สามารถเรียกซ้ำได้อีก (ยกเว้นใช้เสียงสะท้อนบางประเภท) โดยระดับของการ์ดคู่หูจะมีระดับ มนตร์ดำ/แสง, ตำนาน, ขั้นสูง และทั่วไปเสียงสะท้อน คือ สิ่งที่จะทำให้สำรับการ์ดที่ผู้เล่นแต่ละคนจัดนั้นต่างกันอย่างแท้จริง เพราะเสียงสะท้อนจะมีคุณสมบัติคล้ายกับความสามารถของตัวละครผู้เล่นที่อยู่ในสนามเอง หมายความว่าต่อให้การ์ดเวทมนตร์และคู่หูผู้เล่นสองคนจะเหมือนกัน แต่เสียงสะท้อนที่ใช้ทั้งสองไม่เหมือนกัน ทั้งการผสานความสามารถ หลักการใช้งาน คอมโบ และการแก้ทางจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยระดับของเสียงสะท้อนจะมีระดับ ตำนาน, ขั้นสูง, หายาก และทั่วไป ที่ระดับจะส่งผลต่อเลือด พลังโจมตี และจำนวนเพิ่มเลเวลการ์ดเวทมนตร์และคู่หูต่าง ๆ แบบสุ่ม จากจำนวน 3 ถึง 7 ใบตามระดับ (เสียงสะท้อนเพิ่มเลเวลการ์ดต่อใบได้มากสุดถึง 2 เลเวล)จากข้อมูลที่กล่าวมาก็ยังมีรายละเอียดแยกย่อยที่ผู้เล่นไม่ควรละเลยและจดจำไว้ให้ดีเช่นกัน การ์ดเวทมนตร์ รูปแบบคาถา : โจมตีคาถาโจมตีก็จะมีแยกย่อยเป็นโจมตีบนพื้น อากาศ หรือทั้งสอง รวมไปถึงความสามารถในการปั่นป่วนฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น[Avada Kedavra] พื้นและอากาศ, เป้าหมายเดี่ยว, ความเสียหายรุนแรงครั้งเดียว : หลังใช้สังหารยูนิตใด ๆ ครบสี่ครั้ง การใช้หลังจากนี้จะสังหารเป้าหมายที่โดนทันที เน้นนำไปใช้ใน PvP[Thunderstorm] พื้นและอากาศ, หลายเป้าหมาย, ความเสียหายรุนแรง, ลดอัตราการรักษาผู้ได้รับความเสียหาย : สุ่มฟ้าผ่า 15 ครั้งใส่ศัตรูทุกตัวที่มองเห็นในเกม หากมีศัตรูถูกสังหารจะรุนแรงขึ้น และหากสังหารครบห้าตัวจะผ่าศัตรูทุกตัว[Incendio] พื้นและอากาศ, หลายเป้าหมาย, ความเสียหายรุนแรงต่อเนื่อง : เผาศัตรูทุกตัวในพื้นที่ ยิ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางยิ่งแรง[Acromantula Venom] พื้น, หลายเป้าหมาย, ความเสียหายต่อเนื่อง : ลดความเร็วเคลื่อนที่และสร้างความเสียหายต่อเนื่องศัตรูบนพื้นที่[Inflatus] พื้นและอากาศ, หลายเป้าหมาย, ปั่นป่วน, สร้างความเสียหายและทำให้ศัตรูพองตัวลอย (ถูกใบ้ เคลื่อนที่ไม่ได้ และยังสามารถโดนความเสียหายบนพื้น)การ์ดเวทมนตร์ รูปแบบคาถา : ป้องกันและช่วยเหลือคาถาป้องกันและช่วยเหลือ จะมีความสามารถในการปกป้องและเยียวยาผู้ใช้เป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น[Broomstick] ผู้ใช้ขี่ไม้กวาดบินไปยังจุดที่กำหนด สร้างความเสียหายก่อนวกกลับมาที่เดิมโดยไม่ติดสถานะใด ๆ ระหว่างร่าย เน้นหลบเลี่ยงความเสียหายและหลุดจากสถานะปั่นป่วนบางประเภท[Nebulus] สร้างพื้นที่หมอกหนา รักษาและปกปิดการมองเห็นของฝั่งตรงข้ามหากอยู่ด้านในหมอก (แต่หากมียูนิตหรือผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอยู่ด้านใน สถานะรักษาก็จะรักษาพวกเขาและยกเลิกการปกปิดการมองเห็น)[Swelling Solution] เพิ่มพลังการโจมตี ความเร็วการโจมตี ของผู้ใช้และยูนิตฝั่งเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่[Essence of Dittany] รักษาผู้ใช้และยูนิตฝั่งเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง[Protego Totalum] สร้างโล่ป้องกันความเสียหายทุกประเภทแก่ผู้ใช้และยูนิตฝั่งเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่การ์ดเวทมนตร์ รูปแบบอัญเชิญ : โจมตีการ์ดเวทมนตร์อัญเชิญจะทำการเรียกมอนสเตอร์ออกมาเพื่อเสริมสร้างการป้องกันตัวผู้เล่นในสนามเอง ซึ่งการโจมตีของมอนสเตอร์ก็จะมีแยกย่อยเป็นโจมตีบนพื้น อากาศ หรือทั้งสอง รวมไปถึงความสามารถในการปั่นป่วนฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น[Fiendfyre] พื้นและอากาศ, เป้าหมายเดี่ยว, ความเสียหายรุนแรง, เดินบนสนาม : อัญเชิญงูไฟออกมา หลังมียูนิตใด ๆ ถูกสังหารจะเพิ่มพลังโจมตี พลังชีวิตและขนาด หากครบ 12 ตัว งูไฟจะกลายเป็นสามหัวและโจมตีทีละสามเป้าหมาย[Baby Antipodean Opaleye] พื้นและอากาศ, หลายเป้าหมาย, ความเสียหายรุนแรง, บินในสนาม : อัญเชิญลูกมังกรออกมา โจมตีศัตรูเป็นวงกว้างจากอากาศ ไม่สามารถโดนความเสียหายบนพื้นได้[Spiders] พื้น, เป้าหมายเดี่ยว, เดินบนสนาม : อัญเชิญแมงมุมออกมา 6 ตัว โจมตีศัตรูบนพื้น[Centaur] พื้นและอากาศ, หลายเป้าหมาย, เดินบนสนาม : อัญเชิญเซนทอร์ออกมา โจมตีศัตรูบนพื้นและอากาศด้วยธนูที่ทะลุใส่ได้หลายเป้าหมายในเส้นตรงการ์ดเวทมนตร์ รูปแบบอัญเชิญ : ป้องกันและช่วยเหลือการอัญเชิญไม่จำเป็นต้องโจมตีเสมอไป การเลือกป้องกัน ช่วยเหลือ และเพิ่มสถานะผู้ใช้ก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ชนะ ยกตัวอย่างเช่น[Niffer] เดินบนสนาม : อัญเชิญนิฟเฟอร์ออกมาเดินเพ่นพ่านไปทั่ว เมื่อผ่านไปสักระยะมันจะลดเลือดตนเองและส่งมอบค่ามานา 1 ขั้นให้ผู้อัญเชิญ[Thunderbird] บินในสนาม : อัญเชิญวิหคสายฟ้าออกมา มันจะลดเลือดตนเองเพื่อสร้างโล่ป้องกันยูนิตและตัวผู้ใช้ โล่สามารถถูกทำลายก่อนจะระเบิดและสร้างความเสียหายแก่ศัตรูในพื้นที่[Bomtastic Bomb Box] เดินบนสนาม : อัญเชิญกล่องปาระเบิดออกมา มันจะลดเลือดตนเองเพื่อโยนระเบิดติดหัวยูนิตฝั่งเดียวกัน หลังยูนิตเหล่านั้นเดินไปใกล้ศัตรูมันจะระเบิดออกก่อนสร้างความเสียหายรุนแรงในพื้นที่ (หากยูนิตตนนั้นตายก่อน  จะระเบิดทันที)[Fwoopers] บินในสนาม : อัญเชิญวูปเปอร์ออกมา 2 ตัว ก่อนจะบินเพ่นพ่านในพื้นที่ที่มีศัตรูและกรีดร้อง ศัตรูที่โดนกรีดร้องจะติดสถานะความกลัว วิ่งไปมาโดยควบคุมไม่ได้ และไม่สามารถโจมตีหรือใช้ความสามารถได้ (สามารถขัดการใช้การโจมตีต่อเนื่องได้)คู่หู : ตัวช่วยที่ไม่ควรทิ้งขว้างคู่หูแต่ละตัวมีความสามารถต่างกัน ดังนั้นก่อนจะหยิบคู่หูทั้งสามไป จึงควรรู้ว่าแต่ละคนสามารถทำอะไรได้และคิดว่าจะคอมโบกับการ์ดอย่างไร[Ron Weasley] เดินบนสนาม : อัญเชิญรอนบนหมากรุกพ่อมดม้าออกมา ก่อนเขาจะพุ่งไปรวบยูนิตศัตรูทุกตัวที่มองเห็นและสร้างความเสียหาย ทุก ๆ 6 ยูนิตที่ถูกสังหารจะอัญเชิญหมากรุกพ่อมดอัศวินและราชาออกมาช่วยโจมตีตามลำดับ[Malfoy Gang] เดินบนสนาม : อัญเชิญแก๊งมัลฟอยสามหน่อออกมาช่วยโจมตี หากมีตัวใดตัวหนึ่งถูกสังหาร อีกสองตัวที่เหลือจะวิ่งหนีหายออกจากสนามไป[Hermione Granger] เดินบนสนาม : อัญเชิญเฮอร์ไมโอนี่ออกมาช่วยโจมตี หากผู้อัญเชิญใช้การ์ดคาถาเธอก็จะร่ายคาถานั้น ๆ ตามทันที โดยมีคูลดาวน์ 10 วินาที[Rubeus Hagrid] เดินบนสนาม : อัญเชิญแฮกริดออกมา ผู้อัญเชิญจะขึ้นรถพ่วงของเขาและได้รับก้าวเดินเพิ่มขึ้น 2 ก้าว ระหว่างนั่งรถจะไม่ติดสถานะใด ๆ และแฮกริดจะรับความเสียหายแทนผู้เล่นจนกว่ารถจะพัง รวมถึงการเดินของผู้เล่นจะสร้างความเสียหายและผลักศัตรูทุกตัวในเส้นทาง[Cassandra Vole] ยืนนิ่งบนสนาม : อัญเชิญคาสซันดร้าออกมาสร้างความเสียหายศัตรูในพื้นที่พร้อมผลักออกไป[Lottie Turner] ยืนนิ่งบนสนาม : อัญเชิญลอตตี้ออกมาและมอบค่ามานา 1 ขั้นทันที หลังครบ 5 วินาที เธอจะลดเลือดตนเองและส่งมอบค่ามานา 1 ขั้นให้ผู้อัญเชิญเรื่อย ๆ[Ivy Warrington] เดินบนสนาม : อัญเชิญไอวี่ออกมา เธอจะร่ายคาถาให้ยูนิตที่เลือกหายออกจากสนามไป ก่อนจะเดินไปโจมตีเหมือนยูนิตปกติ หากเป้าหมายที่เลือกมีสถานะเป็นบอสจะสร้างความเสียหายรุนแรงแทน[Grwap] เดินบนสนาม : อัญเชิญกรอปว์ออกมา เขาจะวิ่งพุ่งเข้าใส่ศัตรูตัวใดตัวหนึ่ง ผลักกระเด็น สร้างความเสียหายรุนแรงก่อนจะล้มลงและใช้เวลาสักพักก่อนจะลุกขึ้นมาวิ่งชนใหม่[Frey Twin] เดินบนสนาม : อัญเชิญคู่แฝดเฟรย์ออกมาช่วยโจมตี (เน้นใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจยูนิตอื่น ๆ)[Daniel Page] เดินบนสนาม : อัญเชิญแดเนียลออกมา เขาจะสร้างวงรักษาขนาดใหญ่ก่อนจะหายไป หลังจากนั้นเขาจะคอยเดินไปรักษายูนิตหรือผู้เล่นฝั่งเดียวกันโดยแลกกับเลือดตนเอง[Kevin Farrel] ยืนนิ่งบนสนาม : อัญเชิญเควินออกมา เขาจะนับจำนวนการตีปกติของผู้อัญเชิญ เมื่อครบ 24 ครั้งหรือถูกสังหาร พลังโจมตีปกติของผู้อัญเชิญจะแรงขึ้นตามจำนวนที่นับได้ก่อนเขาจะหายไป[Robin Thistlethwaite] เดินบนสนาม : อัญเชิญโรบินออกมา เธอจะตีลูกบอลสร้างความเสียหายในพื้นที่ที่เลือกก่อนจะลงมาช่วยโจมตีประเภทของเสียงสะท้อนอย่างที่กล่าวว่าเสียงสะท้อนมีความสำคัญและสร้างผลแตกต่างอย่างมากที่สุด ผู้เล่นต้องศึกษาหลักการใช้ให้ดี ดังนั้นทางผู้เขียนจะมาแนะนำทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นกัน[Harry Potter] เพิ่มพลังของการ์ดคาถาที่ใช้ค่าร่ายมานาเท่ากับ 3 หรือน้อยกว่า : เน้นใช้คาถาที่มีค่าร่ายน้อยอย่าง Expelliarmus หรือ Bewitched Snowballs นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP และจัดการมอนสเตอร์ที่มีน้อยตัว[Dobby] ได้รับการ์ดก้าวเดินเพิ่ม 3 ใบ หลังจากการเดินของผู้เล่นหนึ่งก้าว การเดินครั้งต่อไปจะแทนที่ด้วยการวาร์ปทันที : เน้นใช้คาถาที่เล็งยากและถูกขัดขวางง่ายอย่าง Avada Kedravra หรือใช้เพื่อหลบการโจมตีบางประเภท นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP และลงด่านที่ผู้เล่นลำบากในการเดินไปมา[Hagrid] ยูนิตที่ถูกอัญเชิญด้วยค่าร่ายที่เยอะที่สุดบนสนามจะโจมตีเร็วขึ้น และเมื่อเลือดของมันลดลงถึง 50% จะรักษาเลือด 24% ภายใน 2 วินาที สามารถติดได้สามครั้งในยูนิตตัวเดียว : เน้นใช้การ์ดอัญเชิญอย่าง Fire Crab หรือ Piertotum Locomotor เพื่อเสริมความอึดและความเสียหาย นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP และลงด่านที่โจมตีเป้าหมายเดี่ยวประเภทบอส[Weasley Twins] การ์ดคู่หูจะมีคูลดาวน์น้อยลงกว่าปกติและเรียกคู่หูได้เพิ่มมากสูงสุดถึงสามครั้ง : เน้นใช้กับคู่หูอย่าง Cassandra Vole, Ron Weasley, Malfot Gang ร่วมกับคาถาที่รุนแรง เล็งยาก แต่จะมีการใช้ร่วมคู่กับจำนวนคู่หูบนสนามอย่าง Glacius Maxima นิยมนำไป Solo PvP และ Duo PvP[Newt Scamander] ทุกสามครั้งที่ยูนิตได้สำเร็จ ผู้ใช้จะได้รับการ์ดอัญเชิญ Erumpent, Thunderbird หรือการ์ดคาถา Tebo Charge ที่ใช้ค่าร่ายมานาเพียงแค่ 1 แบบสุ่มหนึ่งใบ (การ์ดเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งเท่าการ์ดของจริง) : เน้นใช้การ์ดอัญเชิญทั่วไปแบบรัว ๆ อย่าง Spiders หรือ Cornish Pixies พ่วงกับ Bomtastic Bomb Box เพื่อสร้างความกดดันให้ฝั่งตรงข้าม นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP[Severus Snape] เพิ่มพลังโจมตีปกติและการโจมตีปกติครั้งที่สองของผู้เล่นจะเปลี่ยนเป็นการใช้คาถา Sectumsempra แทน (โจมตีเด้งหลายเป้าหมายในระยะ) : เน้นใช้เพื่อถล่มยูนิตที่ถูกเรียกออกมาเยอะ ๆ ให้หายไปอย่างรวดเร็ว หรือใช้คู่หู Kevin พ่วงกับการ์ดคาถา Time-Turner สร้างความเสียหายรุนแรงโดยไม่เน้นร่ายการ์ด นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP และลงด่านที่โจมตีหลายเป้าหมาย[Hermione Granger] ทุกครั้งที่ร่ายการ์ดคาถาครบ 3 ใบ การ์ดคาถาที่อยู่บนมือและมีค่าร่ายสูงสุดจะถูกลดค่าร่ายครึ่งหนึ่ง (สูงสุด 4 มานา) และเพิ่มเลเวลของการ์ดใบนั้น ๆ หนึ่งขั้น : เน้นใช้กับการ์ดคาถาค่าร่ายสูง ๆ แต่มีความรุนแรงอย่าง Weasleys-Wildfire Whiz-Bangs หรือ Thunderstorm นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP และลงด่านที่โจมตีหลายเป้าหมาย[Neville Longbottom] หากไม่มีศัตรูในระยะ การโจมตีปกติของผู้เล่นจะเป็นการรักษาฝั่งเดียวกันด้วย 70% ของพลังโจมตีปกติ (75% หากไม่ใช่การรักษาผู้เล่นอื่น) : เน้นใช้กับการ์ดอัญเชิญที่ผู้เล่นต้องทำการรักษาก่อนอย่าง Norwegian Ridgebak Egg และ Unicorn หรือจะใช้ Time-Tuner เพื่อรักษาตนเองหรือเพื่อนร่วมทีมเรื่อย ๆ นิยมนำไป Solo PvP, Duo PvP[Bellatrix Lestrange] การสร้างความเสียหายใด ๆ หนึ่งครั้งจะเก็บแต้มพลังแห่งความตาย 4 แต้ม ( 1 แต้มถ้าเป้าหมายไม่ใช่นักเรียน) เมื่อครบ 124 แต้ม แต้มพลังแห่งความตายจะลดลงจนหมดและอัญเชิญผู้เสพความตาย 1 ตนลงมาช่วยโจมตีอย่างรุนแรงบนสนาม และการอัญเชิญครั้งต่อไปจะเพิ่มทีละหนึ่งตนสูงสุด 3 ตน : เน้นใช้กับการ์ดโจมตีผู้เล่นโดยตรงอย่าง Thunderstorm, Atmospherix Charm หรือการ์ดอัญเชิญ The Monster Book of Monsters เพื่อเร่งแต้มอัญเชิญผู้เสพวิญญาน นิยมนำไป Solo PvP และลงด่านที่โจมตีเป้าหมายเดี่ยวประเภทบอสทั้งนี้จากข้อมูลที่กล่าวมายังเป็นข้อมูลช่วงเริ่มต้นของการ์ด คู่หู และเสียงสะท้อนในเกม Harry Potter: Magic Awakened เท่านั้น ผู้เล่นควรติดตามอัปเดตและจดจำสิ่งที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคต
21 Apr 2023
[ไกด์เกม] Harry Potter: Magic Awakened รวมแนวทางผู้เล่นใหม่ รู้ไว้ไม่เสียเปรียบ!
หลัง Harry Potter: Magic Awakened ที่เป็นเกมการ์ดสดใหม่จากค่าย Netease ในจักรวาลโลกเวทมนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ ได้เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปสนุกกัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าเหล่าผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งสัมผัสอาจจะงุนงงว่าในเกมการ์ดเกมนี้ควรจะทำยังไง มีอะไรที่ควรทำนอกเหนือจากสิ่งที่เกมสอนและบทความแนะนำเกม ดังนั้นไกด์เกมนี้จะมาบอกถึงสิ่งสำคัญที่ผู้เล่นควรรู้และทำเพื่อไม่ให้เสียเปรียบผู้เล่นคนอื่น มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!อย่าหมิ่นการ์ดซ้ำสำหรับหลาย ๆ เกมที่ผู้เล่นอาจเคยมีประสบการณ์มา การได้รับไอเทมหรือตัวละครซ้ำ ๆ กันอาจจะไม่ได้มีประโยชน์ สร้างความหงุดหงิดให้ไม่น้อย (หรือที่เรียกกันว่าเกลือ) แต่สำหรับ Harry Potter: Magic Awakened ที่การสุ่มการ์ดใช้งานนั้น การซ้ำของการ์ดเป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเมื่อผู้เล่นได้รับการ์ดซ้ำ ๆ มาจำนวนหนึ่งจนสามารถอัปเกรดเลเวลการ์ดใบนั้นได้แล้ว จะส่งผลให้เลเวลของผู้เล่นนั้นจะสูงขึ้นอีกด้วย หมายความว่ายิ่งผู้เล่นสุ่มได้การ์ดซ้ำและอัปเกรด เลเวลเกมเราก็จะสูงขึ้น! กลับกัน การสุ่มได้การ์ดใบใหม่จะไม่เพิ่มเลเวลผู้เล่นแต่อย่างใดประหยัดไว้ก่อนไม่มีใช้ในช่วงต้นเกมเป็นปกติที่ผู้เล่นจะได้รับทอง เพชร ที่สามารถใช้จ่ายซื้อไอเทมได้ตามใจแบบไม่อั้นจนอาจจะลืมคิดไปว่าในอนาคตมันจะไม่พอเอา! เพราะสำหรับเกมนี้ทองที่เป็นค่าเงินทั่วไปนั้นอาจกล่าวได้ว่าสำคัญกว่าเพชรเสียอีก เพราะมันเป็นค่าเงินเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้อัปเกรดการ์ด เสียงสะท้อน ปลดล็อกช่องเด็ค และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อผ่านไปหลัง ๆ นั้น ตัวเกมจะแจกน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพื่อกันความเหลื่อมล้ำเกินไประหว่างผู้เล่นด้วยกัน หรืออาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่ผ่านช่วงเริ่มต้น ทองที่ได้รับในรายวันอาจไม่เกิน 1500 เหรียญด้วยซ้ำ! ในขณะที่การใช้อัปเกรดการ์ดใบเดียวจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1000 เลยทีเดียว ดังนั้นประหยัดได้ประหยัด อย่าใช้สุรุ่ยสุร่ายอะไรควรซื้อและไม่ควรซื้อ?สำหรับในร้านค้าของเกมที่มีการขายของเยอะแยะหลากหลายรูปแบบจนมึนตาไปหมด ทว่าของที่ผู้เล่นใหม่ ๆ ควรจับจองนั้นมีอยู่ไม่กี่อย่างได้แก่ 1. การ์ดซ้ำที่ขายด้วยเพชรหรือทอง ซึ่งจำนวนพอดีหรือเกือบจะพอดีให้เราอัปเกรดหลังจากเราซื้อ2. ยา Draught of Peace หรือยากันแต้มคะแนนลด สำหรับผู้เล่นที่กำลังจะขึ้นแรงก์ในโหมด PvP (สามารถใช้กันจำนวนชนะต่อเนื่องหายจากการแพ้ได้ด้วย)3. การสุ่มการ์ดแบบพิเศษ เนื่องจากการสุ่มการ์ดแบบธรรมดา ผู้เล่นจะไม่มีโอกาสได้รับการ์ดระดับตำนานหรือสูงกว่าจากสามข้อดังกล่าวที่เป็นไอเทมหลัก ๆ ที่ควรซื้อในช่วงแรกเริ่มของเกม ผู้เล่นที่ผ่านมาสักระยะแล้วก็อาจจะไม่ต้องจำเป็นที่จะต้องซื้ออีกต่อไปและควรเปลี่ยนเป็นการเก็บออมเพื่อรอการ์ดหรือไอเทมใหม่แทน รวมไปถึงในร้านค้าส่วนของการแลกจดหมายขอบคุณที่ผู้เล่นจะได้รับจากการลงป่าต้องห้ามและแลกเปลี่ยนการ์ดกับคนในกิลด์ สิ่งที่ควรแลกก็จะมีแค่แพ็ก Curious Card รายเดือนและทองหนึ่งพันรายสัปดาห์เท่านั้น ส่วนไอเทมอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้เล่นเอง (ส่วนตัวผู้เขียนไม่แนะนำ)ภารกิจเนื้อเรื่องหลัก รายวัน ท้าทายและภารกิจด่วนนอกจากเนื้อเรื่องหลักที่ตัวเกมนำเสนอนั้นจะสนุกแล้วล่ะก็ การพิชิตภารกิจพวกนั้นจะได้รับรางวัลมากมายที่สำคัญจนไม่ควรพลาดไม่ว่าจะเป็นการ์ดทั่วไป ทอง เพชร ยา กุญแจสุ่มการ์ด หรือแม้กระทั่งการ์ดระดับตำนานเลยก็ดี ซึ่งมันจะเป็นการช่วยผู้เล่นให้ได้มีไอเทมเท่ากับผู้เล่นที่เริ่มเล่นก่อนหน้าและมีการ์ดจำเป็น ๆ ที่ต้องใช้ในการผ่านด่านหลาย ๆ ด่านทั้งนี้ภารกิจรายวัน ท้าทายและภารกิจด่วน ที่จะขึ้นมานอกเหนือจากเนื้อเรื่องก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพไอดีผู้เล่นไม่น้อย ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรกดข้ามหรือละเลยจนเสียไอเทมดี ๆ เหล่านั้นไป (อนึ่งภารกิจด่วนและท้าทายที่ยากเกินไป ผู้เล่นสามารถกดข้ามหรือไม่รับได้โดยไม่เป็นอะไร เพราะมันจะกลับมาในอนาคต)การ์ดที่ดีไม่จำเป็นต้องระดับตำนานมีจำนวนเกมไม่น้อยเลยที่เมื่อไอเทมมีระดับที่สูงจะหมายความว่ามันมีคุณค่ากว่าไอเทมระดับต่ำกว่า แต่ไม่ใช่สำหรับการ์ดในเกม Magic Awakened นี้ เพราะการ์ดทุกใบมีความสำคัญ เนื่องจากมีหลากหลายประเภท การใช้งาน การทำคอมโบ หรือแก้ทางต่างกันออกไป กล่าวได้ว่าถึงแม้ผู้เล่น A จะมีการ์ดระดับตำนานทั้งเด็คก็ยังแพ้ให้กับผู้เล่น B ที่ใช้การ์ดซึ่งได้รับมาจากการแจกฟรีของเกมด้วยซ้ำ เนื่องจากการ์ดระดับตำนานส่วนมากจะมีค่าร่ายมานาสูง ในขณะที่การ์ดทั่วไปจะมีค่าร่ายที่ต่ำกว่า จึงสามารถร่ายได้เร็วและใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า (ส่วนมากแล้วการ์ดระดับตำนานของผู้เล่นนอกเหนือจากคู่หู ไม่ควรมีเกินสามใบต่อเด็ค เพราะค่าร่ายจะสูงมากจนการ์ดในมือเปลี่ยนช้า ไม่เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายหรือปั่นป่วนศัตรู) และยังไงเสีย การ์ดทุกใบที่อยู่ในเกมมีคุณค่าของมัน ไม่มีใบไหนที่ไร้ประโยชน์แหล่งหาทรัพยากรอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาดบางครั้งการทำแค่ภารกิจทั่วไปมันอาจจะซ้ำซากหรือไม่เพียงพอ ทางเกมจึงมีหลากหลายช่องทางได้แก่1. Duel Club หรือโหมดประลอง : ที่จะมีแบบ 1v1 และ 2v2 ของรางวัลจะแจกตามคะแนนและขั้นของแรงก์ ซึ่งกล่าวได้ว่านอกจากจะแจกเยอะแล้ว ยังเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ ในการประลองเวทมนตร์กับชาวบ้านอีกด้วย! ของรางวัลจะแจกแค่ครั้งเดียวต่อซีซัน ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเล่นทั้งสองรูปแบบเพื่อเก็บคะแนน (คะแนนแบบไหนสูงกว่าก็จะรับของรางวัลแทนกันได้) รวมถึงการเพิ่มแรงก์ของแบบใดจะช่วยเพิ่มแรงก์ของอีกแบบด้วย เช่น หากท่านอยู่ในแรงก์เพชรของ 2v2 เกมจะอัปแรงก์ 1v1 ของท่านเป็นระดับทองทันที2. ป่าต้องห้าม : ที่ห้ามก็แค่ชื่อ เพราะไอเทมหลาย ๆ อย่างในนั้นมันสำคัญจนผู้เล่นทุกคนจนต้องลงทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทอง ส่วนผสมปรุงยา และเสียงสะท้อนซึ่งไม่สามารถหาได้จากที่อื่น3. กิลด์ : ต่างจากระบบบ้าน กิลด์จะรวบรวมผู้เล่นจากทุกทั่วหนแห่งตามแต่ใจอยากจะร่วม และในกิลด์เองนี่ล่ะ ที่ผู้เล่นจะได้รับของรางวัลมากมายหากเข้าร่วมกิจกรรมผลักให้อันดับกิลด์ขึ้นสูงด้วยการเอาชนะ Raid Boss จำนวน 7 ตัว หรือจะใช้เป็นที่ในการแลกเปลี่ยนการ์ดซ้ำที่เราได้มากับคนอื่น ๆ ในกิลด์ก็ได้ (ผู้เขียนได้การ์ดระดับตำนานหลาย ๆ ใบจากส่วนนี้)4. คลาสเรียนและการสอบ : อย่าลืมว่าเราเป็นนักเรียนสิ! การเข้าคลาสและการสอบจะได้รับไอเทมจำพวกกุญแจสุ่มการ์ดและเพชรเป็นหลัก ซึ่งคลาสเรียน/สอบจะมีหลากหลายวิชาและหลากหลายระดับความยากให้เลือกเข้าท้าทาย หมายความว่าของรางวัลก็มากมายเช่นกัน5. ความสำเร็จ : เมื่อผู้เล่นทำภารกิจส่วนตัวบางประเภทที่กำหนดไว้ ก็จะได้รับรางวัลความสำเร็จที่แจกของไม่น้อยเลยทีเดียว
21 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำระบบ Path เส้นทางความสามารถของตัวละคร
ภายในเกม Honkai: Star Rail ด้วยความที่มีรูปแบบเกมเป็นแบบ RPG Turn-based การวางกลยุทธ์ หรือวางแผน ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในเกมแนว ๆ นี้ และไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครที่สำคัญในการพาเราชนะเควสต่าง ๆ ได้ แต่การวาง Role ตัวละครก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมของเรามีความสมบูรณ์แบบและพร้อมกับการเคลียร์ Content ต่าง ๆ ภายในเกมได้เช่นกัน เหมือนกับเกมรุ่นพี่ทั้ง 2 เกมอย่าง Honkai Impact 3rd  และ Genshin Imapct ที่การจัดเตรียมตัวละครเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ใช่ว่าใส่แค่ตัวทำ Damage เข้าไปแล้วจะสามารถผ่าน Content ได้ แต่จำเป็นต้องใส่ตัวละครอื่น ๆ เพื่อทำให้ทีมีความสมดุลมากที่สุด และในวันนี้พวกเรา GameFeverTh จะมาแนะนำ Role ทั้ง 14 แบบที่มีอยู่ภายในเกม Honkai: Star RailPath (เส้นทางของตัวละคร)ภายในเกม Honkai: Star Rail ตัวละครแต่ละตัวก็จะมี Path เป็นของตัวเอง แต่ก่อนอื่นเลยต้องขอบอกก่อนว่า Path คืออะไร ซึ่งถ้าจะให้พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ มันก็คือ Role ของตัวละครตัวนั้น ๆ นั่นเอง เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นได้เข้าใจถึงตัวละครนั้นง่ายยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการใช้ตัวละครนั้นให้ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการนำไปใช้งาน Path ทั้ง 14 ที่มีภายในเกม ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าถึงแม้ว่าจะมี Path อยู่ 14 แบบก็ตาม แต่ณปัจจุบันนี้ภายในตัวเกมจะมี Path เพียงแค่ 7 แบบเท่านั้นที่เราสามารถเล่นได้ มีข้อมูลเปิดเผยออกมาแล้วว่า Path ในรูปแบบนี้มีหน้าที่อะไร และทำอะไรได้ ซึ่ง Path ที่ถูกเปิดเผยความสามารถออกมาทั้ง 7 แบบจะมีดังนี้ Abundance (ตัวฮิล) Destruction (ตัวสร้างความเสียหายทั่วไป) Erudition (ตัวสร้างความเสียหายแบบหมู่) Harmony (ตัวบัฟให้กับพันธมิตร) Hunt (ตัวสร้างความเสียหายเป้าเดี่ยว) Nihility (ตัวดีบัฟ) Preservation (ตัวที่มีความสามารถในด้านการป้องกัน / ตัวแท็ง)และอีก 7 แบบที่มีชื่อออกมาแต่ยังไม่มีข้อมูลทั้งความสามารถ รวมไปถึงตัวละครที่มี Path นี้ BeautyElationEnigmataPropagatorRememberanceTrailblazeVoracityPath และตัวละครที่ครอบครองตัวละครทั้ง 27 ตัวที่มีภายในเกมณตอนนี้ จะมี Path ที่ตัวเองครอบครองอยู่ ซึ่งข้อมูลด้านล่างนี้จะขยายความทั้งความสามารถของ Path นั้น ๆ และตัวละครที่ครอบครอง Path นี้ด้วยAbundance - ตัวละครที่มี Path อันนี้จะเน้นไปที่ความสามารถในด้านการฮิลพันธมิตรภายในทีมเป็นหลัก ซึ่งจะทำให้พันธมิตรภายในทีมมีโอกาสในการรอดชีวิตที่มากยิ่งขึ้น Destruction - ตัวละครที่มี Path อันนี้ จะไม่ได้เน้นไปที่การสร้างความเสียหายแบบใดแบบหนึ่ง แต่จะสามารถการสร้างความเสียหายแบบทั้งเป้าเดี่ยว และแบบหมู่ (AoE) ได้นั่นเอง ซึ่งเป็นตัวสร้างความเสียหายที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ Erudition - ตัวละครที่มี Path นี้ จะเน้นไปที่การสร้างความเสียหายแบบหมู่ (AoE) เป็นหลัก เพิ่งจะทำให้ตัวละครเหล่านี้สามารถเคลียร์ Wave (ฝูงศัตรู) ได้ไวเป็นอย่างมาก Harmony - ตัวละครที่มี Path อันนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การ support พันธมิตรในทีมเป็นหลัก โดยการโยน Buff (บัฟ) ต่าง ๆ ให้กับพันธมิตร เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น Hunt - ตัวละครที่มี Path อันนี้ จะเน้นไปที่การสร้างความเสียหายเป้าเดี่ยว หรือสร้างความเสียหายใส่ศัตรูตัวเดียวเป็นหลัก ซึ่งความเสียหายนั้นจะรุนแรงเป็นอย่างมากจนสามารถกำจัดศัตรูได้ภายในไม่กี่การโจมตีเท่านั้น คุณสามารถเรียกตัวละครจาก Path นี้ว่าเป็น Assassin ก็ได้ Nihility - ตัวละครที่มี Path อันนี้ จะเน้นไปที่การทำให้ตัวของศัตรูอ่อนแอลง ด้วยการโยน Debuff (ดีบัฟ) ต่าง ๆ ใส่ศัตรูเหล่านั้น Preservation - ตัวละครที่มี Path นี้ จะเน้นไปที่การ support พันธมิตรในทีมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการมอบโล่ให้กับพันธมิตร หรือจะเป็นการรับความเสียหายต่าง ๆ แทนพันธมิตรที่อยู่ในทีมก็ตามที ซึ่งคุณสามารถเรียกตัวละครที่มี Path นี้ว่าตัว Tank ของทีมก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าตัวละครที่คุณชอบจะอยู่ใน Path ไหนก็ตามที คุณก็สามารถจัดทีมที่เข้ากับตัวละครที่คุณชอบได้เช่นกัน แต่ควรให้มีความ Balance ที่มากเพียงพอ จะสามารถทำให้คุณสามารถผ่าน Content หรือผ่านด่านนั้นได้ จะใส่ตัวละครที่มี Path เหมือนกันทั้งหมดในทีมก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ ถ้าจะให้ผู้เขียนแนะนำ ก็ให้เน้นไปที่ตัวละครที่คุณชื่นชอบเป็นหลัก และที่เหลือก็จัดตามตัวละครที่มีความเหมาะสมเข้ามาในทีมก็ได้เช่นกัน Credit:Prydwen.gg
20 Apr 2023
[Tier List] Honkai Star Rail จัดอันดับ Tier List ของตัวละครทุกตัวในเกม
เกมน้องใหม่ที่กำลังจะเปิดให้เราได้เล่นกันในช่วงสิ้นเดือนนี้อย่างเกม Honkai: Star Rail เกมจากค่ายพัฒนายักษ์ใหญ่ Hoyoverse ซึ่งมีรูปแบบเกมเป็นแบบ RPG Turn-based สลับฝั่งกันตีไปมา และมีตัวละครแต่ละธาตุให้เราได้เลือกมากมาย เหมือนกับเกมรุ่นพี่ทั้ง 2 เกมอย่าง Honkai Impact 3rd และ Genshin Imapct ที่มีตัวละครให้เราได้ใช้มากมายเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกเลยที่จะมีการจัด Tier List ให้กับตัวละครเหล่านี้เพื่อเป็นแนวทางในการเปิดหรือสุ่มหามาใช้งานกัน โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำ Tier List ที่เหล่าผู้เล่น Final Beta จัดกันมา ความสามารถของแต่ละ Tierซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ระดับ โดยจะมีตั้งแต่ C , B , A , S , S+ , SS ซึ่งแต่ละ Tier ก็จะมีคำอธิบายให้ไว้แล้วดังนี้ Tier SS - ระดับพระเจ้า เป็นตัวละครที่มีความสามารถมากเกินกว่าตัวใน Role เดียวกันอย่างมาก และสามารถทำได้หลากหลายหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการฟาร์ม หรือตีบอส Tier S+ - เป็นรองแค่ระดับพระเจ้า ตัวละครใน Tier นี้จะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก และในบางสถานการณ์ก็สามารถทัดเทียมกับตัวละครระดับ Tier SS ได้เลย Tier S - เป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยม และสามารถทำได้หลากหลายหน้าที่ โดยแทบจะไม่มีปัญหา หรือข้อบกพร่องในการใช้งานเลย Tier A - เป็นตัวละครที่ดีแต่จะมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้อยู่ใน Tier นี้Tier B - เป็นตัวละครที่มีข้อบกพร่องเยอะกว่าตัวละครระดับ Tier A และสามารถใช้งานได้ยากกว่าในบางสถานการณ์ Tier C - ตัวละครใน Tier นี้ไม่ใช่ตัวละครที่ไม่ดี แต่ในหลาย ๆ สถานการณ์ณตอนนี้ยังไม่เหมาะแก่การนำไปใช้งานเท่าไหร่ และสามารถใช้งานได้ยากมาก ๆ ในหลาย ๆ สถานการณ์เลย ต้องขอบอกก่อนว่าตัวละครแต่ละตัวก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นบางตัวอาจจะฟาร์มเก่ง แต่กลับตีบอสไม่ค่อยเก่ง แต่ภายใน Tier List นี้จะเป็นแบบภาพรวมของตัวละครเหล่านั้นว่าอยู่ Tier ไหนกันบ้าง ซึ่งยิ่งตัวละครที่อยู่ Tier สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถทำได้หลากหลายหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการฟาร์ม การตีบอส หรือการใช้งานทั่วไป และภายใน Tier List นี้จะจัดนี้จะแบ่งออกเป็น 3 หน้าที่หลัก ๆ ได้แก่ Damage Dealer (ตัวทำความเสียหาย) , Offensive Support / Debuffer (ตัวที่มีความสามารถในการช่วยเหลือทีม และโยนดีบัฟใส่ศัตรู) และ Defensive Support (ตัวละครที่มีความสามารถในด้านการป้องกัน และฮิลทีม)SS TierDamage DealerOffensive Support / DebufferDefensive SupportS+ TierDamage DealerOffensive Support / DebufferDefensive SupportS TierDamage DealerOffensive Support / DebufferDefensive SupportA TierDamage DealerB TierDamage DealerC TierDamage Dealerถึงแม้ว่าเหล่า Final Beta ทั้งหลายจะจัด Tier List ตัวละครแต่ละตัวออกมาแบบนี้ แต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้ หรือตัวละครบางตัวอาจจะถูกอัพ Tier ขึ้นมาหลังจากการมาของตัวละครใหม่ ๆ ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น Tier List ก็เป็นเพียงแค่ตารางอันนึงเท่านั้น เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้กับผู้เล่นที่ต้องการจะทำให้ ID ของตัวเองโตไว ๆ และสามารถผ่านได้ทุก Content แบบง่ายดาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเราชอบตัวละครนั้นมากแค่ไหน ถ้าชอบตัวละครนั้นมากก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ Tier List ใด ๆ เลย สุ่มมาตามความต้องการของตัวเองก็พอแล้ว อย่างส่วนตัวของผู้เขียนก็กะว่าจะสุ่ม Himeko มาไว้ใน ID ตัวเองให้ได้ เพราะเคยเป็นผู้เล่นที่เล่นเกม Honkai Impact 3rd มาก่อนนั่นเอง 
20 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุ Imaginary (จินตภาพ) อธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai: Star Rail เกมที่หลาย ๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอมานานตั้งแต่มีการประกาศ Project ออกมา โดยภายในเกม Honkai: Star Rail ก็จะถูกนำเสนอในรูปแบบของเกมแนว RPG Turn-based ที่ภายในเกมแนวนี้การวางกลยุทธ์ และแผนการต่าง ๆ มักจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้เปรียบในการเล่นเสมอ แล้วเมื่อพูดถึงเกมแนว RPG Turn-based แล้วระบบธาตุก็คงเป็นหนึ่งในระบบที่ถูกนำมาใช้บ่อยมาก ๆ ซึ่งภายในเกม Honkai: Star Rail นี้ก็ถูกนำมาใช้ด้วยเช่นกัน โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำสกิล และความสามารถของตัวละครธาตุจินตภาพทั้ง 2 ตัวละคร ที่มีข้อมูลออกมาในตอนนี้ Imaginary Elemental (ธาตุจินตภาพ)ภายในเกม Honkai: Star Rail จะมีธาตุที่เราสามารถเล่นได้ทั้งหมด 7 ธาตุด้วยกัน ซึ่งธาตุอิมเมจินเนอรี่ก็ถือเป็นหนึ่งในท่าเหล่านั้นด้วย และเป็นทาสที่ถูกนำมาใช้อีกครั้งจากเกมรุ่นพี่อย่าง Honkai Imapct 3rd แต่ต้องบอกก่อนว่าภายในเกม Honkai: Star Rail จะไม่ได้เพิ่มความเสียหายที่ทำได้ต่อธาตุที่แพ้ทางเหมือนในเกม Honkai Imapct 3rd แต่จะทำงานเมื่อตัวละครธาตุนั้น ๆ ทำให้ศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้ จะทำให้เกิดเอฟเฟคพิเศษตามธาตุนั้น ๆ ซึ่งทาส imaginary ก็จะทำให้เกิดเอฟเฟคดังนี้ ทำให้ศัตรูติดสถานะ Imprisonment (คุมขัง) ซึ่งจะทำให้การมาของ Action ช้าลง และลดค่า Speed (ความเร็ว) ของศัตรูลงอีกด้วย Luocha ตัวละคร 5 ดาว Path - Abundance (ตัวฮิล)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Thorns of the Abyss: สร้างความเสียหาย Imaginary ใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Luocha [Skill] Prayer of Abyss Flower: หลังจาก Luocha ใช้ความสามารถนี้แล้ว จะทำการฮิลค่าพลังชีวิตของพันธมิตร 1 ตัวทันทีเท่ากับ 48/80/86% ตามค่าพลังโจมตีของ Luocha + 160/320/344 และในขณะเดียวกัน Luocha จะได้รับ Abyss Flower 1 Stack ทันที เมื่อค่าพลังชีวิตของพันธมิตรลดต่ำกว่า 50% Luocha จะใช้สกิลนี้ใส่พันธมิตรตัวนั้น 1 ครั้งทันที (โดยจะไม่เสียค่า Skill Point เลย) ซึ่งความสามารถนี้จะสามารถใช้ซ้ำได้อีกครั้งหนึ่งเมื่อตัว Luocha ทำการ Take Action ไปแล้ว 2 ครั้ง [Ultimate] Death Wish: ทำการลบ Buff (บัฟ) ของศัตรูทุกตัวออกทันที 1 อย่าง และสร้างความเสียหาย Imaginary ใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 80/160/176% ตามค่าพลังโจมตีของ Luocha นอกจากนี้แล้วตามแต่ละ Buff (บัฟ) ที่ถูกลบออกไปจากตัวศัตรู Luocha จะได้รับ Abyss Flower 1 Stack [Talent] Cycle of Life: เมื่อ Luocha สามารถเก็บ Stack ของ Flower ได้ 3 Stack แล้ว Luocha จะทำการกลืนกิน Stack เหล่านั้นทั้งหมด และทำการสร้าง Field ต่อต้านศัตรูขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เมื่อศัตรูใน Field ถูกโจมตีโดยพันธมิตรภายในทีมของเรา จะทำการฟื้นฟูค่าพลังชีวิตให้กับพันธมิตรตัวนั้นทันทีเท่ากับ 15/25/27% ตามค่าพลังโจมตีของ Luocha + 50/100/108 ซึ่งความสามารถของ Field นี้จะอยู่ได้ 2 เทิร์น [Technique] Mercy of a Fool: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว Luocha จะทำการฮิลใส่พันธมิตรที่มีค่าพลังชีวิตเปอร์เซ็นต์ต่ำที่สุดทันทีเท่ากับ 50% ของค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Luocha Welt ตัวละคร 5 ดาว Path - Nihility (ตัวดีบัฟ)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Gravity Suppression: สร้างความเสียหาย Imaginary ใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Welt [Skill] Edge of the Void: ทำการฟัน 3 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะสร้างความเสียหาย Imaginary ใส่ศัตรูแบบสุ่มเท่ากับ 36/72/79% ตามค่าพลังโจมตีของ Welt เมื่อโจมตีโดนศัตรู จะมีโอกาส 65/75/77% ที่จะทำการลดค่าความเร็ว (Speed) ของศัตรูลง 10% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น[Ultimate] Time Distortion: สร้างความเสียหาย Imaginary ใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 90/150/162% ตามค่าพลังโจมตีของ Welt และจะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูที่ถูกโจมตีด้วยความสามารถนี้ติดสถานะ Imprisonment (คุมขัง) ซึ่งจะทำให้การมาของ Action ช้าลง 32/40/41% และลดค่าความเร็ว (Speed) ลงอีก 10%[Talent] Gravitational Imprisonment: เมื่อศัตรูที่ถูกโจมตีถูกลดค่าความเร็วลงอยู่แล้ว จะสร้างความเสียหาย imaginary เพิ่มขึ้นเท่ากับ 30/60/66% ตามค่าพลังโจมตีของ Welt [Technique] Miracle Flash: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว จะทำการสร้าง Black Hole Zone (หลุมดำ) ขนาดเล็ก ๆ ขึ้นมาเป็นระยะเวลา 15 วินาที ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่ติดอยู่ภายในโซนนี้จะมีความเร็วในการเคลื่อนที่ (Movement Speed) ลดลง 50% และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้เมื่อตัวละครของเราอยู่ใน Black Hole Zone (หลุมดำ) จะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูเหล่านั้นติดสถานะ Imprisonment (คุมขัง) ซึ่งจะทำให้การมาของ Action ช้า 20% ละลดค่าความเร็ว (Speed) ลงอีก 10%Credit:Prydwen.gg
20 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุควอนตัม (Quantum) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai:Star Rail คือเกมภาคต่อของเกมรุ่นพี่อย่าง Honkai Impact 3rd ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะบอกว่าเป็นเกมภาคต่อแต่ก็เป็นคนละจักรวาลกัน โดยเกม Honkai:Star Rail จะถูกนำเสนอใหม่ในรูปแบบของเกม RPG Turn-based ซึ่งจะเป็นการสลับฝั่งกันตีไปมาเรื่อย ๆ และชิงความได้เปรียบมาเป็นของทีมเราให้ได้มากที่สุด การวางแผนการวางกลยุทธ์ก็จัดเป็นอีก 1 จุดสำคัญที่ทำให้เกมแนวนี้มีความน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น และเรื่องของระบบทาสที่ทำให้เกมแนว RPG นั้นมีการวางกลยุทธ์การวางแผนที่ลึกยิ่งขึ้นก็ถูกนำมาใช้กับเกม Honkai:Star Rail เช่นกัน โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำสกิล และความสามารถของตัวละครธาตุควอนตัมทั้ง 3 ตัว Quantum Element (ธาตุควอนตัม)ภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุที่เราสามารถเล่นได้ ซึ่งธาตุควอนตัมก็จัดเป็นหนึ่งในธาตุทั้ง 7 นั้นด้วย ซึ่งธาตุขวัญต้อมก็จัดเป็นธาตุดั้งเดิมที่มีภายในเกม AIS อยู่แล้ว และมาในเกมภาค Honkai:Star Rail นี้ก็ถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง แต่จะไม่เหมือนกับเกมรุ่นพี่อย่าง AIS ที่จะใช้ท่าชนะทางมาโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายที่มากยิ่งขึ้น แต่ภายในเกม Honkai:Star Rail เมื่อตัวละครธาตุควอนตัมสร้างความเสียหายใส่ศัตรูจนทำให้ค่ามีความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Entanglement ซึ่งจะทำให้ศัตรูกลับไปยัง Turn Order ของตัวเอง นอกจากนี้แล้วยังได้รับความเสียหายควอนตัมต่อเนื่อง (Quantum DoT) อีกด้วย Qingque ตัวละคร 4 ดาว Path - Erudition (ตัวสร้างความเสียหายหมู่)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Self-Drawn Win: โยน Jade Tile ที่มีค่าน้อยที่สุดในมือของ Qingque เพื่อสร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่า 50/100/110% ภาพพลังโจมตีของ Qingque [Enhanced Basic] Out With Dead Wall Tile!: สร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 110/220/242% ตามค่าพลังโจมตีของ Qingque และยังสร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 44/88/96% ตามภาพพลังโจมตีของ Qingque อีกด้วย [Skill] Last Tile Claim: ทำการจั่ว Jade Tiles ขึ้นมา 2 ใบทันที ได้รับเทิร์นพิเศษ 1 เทิร์น นอกจากนี้แล้วยังทำการเพิ่มคาบพลังโจมตีให้กับ Qingque อีก 14/28/31% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ซึ่งความสามารถนี้สามารถทับซ้อนได้สูงสุดที่ 4 Stack [Ultimate] Four Concealed Fish? Win!: สร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 120/200/216% ตามค่าพลังโจมตีของ Qingque และทำการเปลี่ยน Jade Tiles เป็น Fish Suit[Talent] Celestial Jade: เมื่อเริ่มเทิร์นของพันธมิตรภายในทีม Qingque จะทำการสุ่มหยิบ Jade Tile ขึ้นมา 1 ใบ โดย Jade Tile ที่สุ่มหยิบขึ้นมาอาจจะเป็น Cracks Suit , Dots Suit หรือ Bamboo Suit ก็ได้ทั้งสิ้น ซึ่งสามารถเก็บไว้บนมือได้มากสุด 4 ใบ และเมื่อ Qingque ทำการถือรูปแบบของ Suit ที่เหมือนกันทั้ง 4 ใบไว้ในมือ ช่วงเริ่มเทิร์นของ Qingque เธอจะทำการใช้ Jade Tile ทั้งหมด และเข้าสู่สถานะ Conceales Kong ซึ่งจะทำการเพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับ Qingque 36/72/79% ทันที และปรับปรุงความสามารถของ Basic Attack กลายเป็น Enhanced Basic นอกจากนี้แล้วหลังจากที่ใช้ Enhanced Basic จะทำการสิ้นสุดสถานะ Conceales Kong ทันที [Technique] To Challenge Myself: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว ในช่วงเริ่มการต่อสู้ Qingque จะทำการจั่ว Jade Tile 2 ใบขึ้นมือทันทีSeele ตัวละคร 5 ดาว Path - Hunt (ตัวทำความเสียหายเป้าเดี่ยว)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Thwack: ความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Seele [Skill] Sheathed Blade: ความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 110/220/240% ตามค่าพลังโจมตีของ Seele และทำการเพิ่มค่าความเร็ว (Speed) ให้กับ Seele 25% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Ultimate] Butterfly Flurry: Seele จะเข้าสู่สถานะ Buff และสร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 240/400/432% ตามค่าพลังโจมตีของ Seele [Talent] Appear Again: Seele จะเข้าสู่สถานะ Buff ทันทีเมื่อสามารถกำจัดศัตรูทิ้งได้ และจะได้รับ Action พิเศษทันที ขณะที่อยู่ในสถานะบัฟ Seele จะได้รับค่าพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 40/80/88% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น นอกจากนี้แล้วเมื่อศัตรูถูกกำจัดในช่วงของ Action พิเศษนี้ จะไม่ทำให้ Seele ได้รับ Action พิเศษเพิ่มเติมอีก [Technique] Phantom Illusion: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว Seele จะเข้าสู่สถานะ Stealth (ลักลอบ) เป็นระยะเวลา 20 วินาที ซึ่งในขณะที่ Seele อยู่ในสถานะ Stealth (ลักลอบ) ตัวของ Seele จะไม่สามารถถูกตรวจจับได้โดยศัตรู และเมื่อ Seele ทำการโจมตีใส่ศัตรูเพื่อเริ่มการต่อสู้ Seele จะเข้าสู่สถานะ Buff ทันที Silver Wolf ตัวละคร 5 ดาว Path - Nihility (ตัวดีบัฟ)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] System Warning: ความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Silver Wolf และจะมีโอกาส 65% ที่จะทำการฝัง Bug ลงไปในตัวศัตรูแบบสุ่มเป็นระยะเวลา 3 เทิร์น [Skill] Allow Changes?: สร้างความเสียหายควรตั้งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ70/140/154% ตามค่าพลังโจมตีของ Silver Wolf และจะมีโอกาส 75/85/87% ที่จะทำการเพิ่ม Weakness ที่มีรูปแบบมาจากพันธมิตรของทีมเราแบบสุ่มใส่ศัตรูเป็นระยะเวลา 3 เทิร์น นอกจากนี้แล้วยังทำการลดค่า DMG RES (การลดค่าความเสียหาย) ของศัตรูลงอีก 20% ตามรูปแบบของ Weakness นั้นด้วย [Ultimate] User Banned: สร้างความเสียหายควอนตัมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 180/300/324% ตามค่าพลังโจมตีของ Silver Wolf และมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Entanglement (ผันผวน) ด้วย และตามแต่ละ Debuff ที่มีอยู่ในตัวของศัตรู Silver Wolf จะสร้างความเสียหายควอนตัมเพิ่มเติมใส่ศัตรูตัวนั้นอีกเท่ากับ18/30/32% ตามค่าพลังโจมตีของ Silver Wolf ซึ่งสามารถทำได้สูงสุด 5 ครั้ง นอกจากนี้แล้วเมื่อศัตรูติดสถานะ Entanglement (คุมขัง) จะทำให้ Turn Action ของศัตรูมาช้าลง 40% และในช่วงเริ่มต้นเทิร์นถัดไปของศัตรูจะได้รับความเสียหาย quantum เท่ากับ 48/80/86% ตามค่าพลังโจมตีของ Silver Wolf [Talent] Awaiting System Response...: ตัว Silver Wolf สามารถสร้าง Bug ได้ 3 รูปแบบ โดยจะมีดังนี้ 1.ลดค่าพลังโจมตี (Attack) ของศัตรูลง 10/20/22% 2.ลดค่าพลังป้องกัน (Defend) ของศัตรูลง 10/20/22% 3.ลดค่าความเร็ว (Speed) ของศัตรูลง 10/20/22% และเมื่อ Silver Wolf โจมตีใส่ศัตรูที่มี Debuff ติดตัวอยู่แล้ว ตามแต่ละบัพที่มี Silver Wolf จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีก 15/25/27% ซึ่งความสามารถนี้สามารถทับซ้อนกันได้มากสูงสุดที่ 5 Stack [Technique] Force Quit Program: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะไม่สนใจรูปแบบ Weakness ของศัตรูเลย และทำการลดค่าความทนทาน (Toughness) ของศัตรูลงทั้งหมด นอกจากนี้แล้วศัตรูที่ทำให้มีความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะ Entanglement ทันที Credit:Prydwen.gg
20 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุลม (Wind) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai:Star Rail เกมน้องใหม่ที่กำลังจะออกมาให้เราได้เล่นในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้จากค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ที่มีผลงานความสำเร็จมากมายอย่างเกมรุ่นพี่ของ Honkai:Star Rail อย่าง Honkai Impact 3rd และเกมยอดนิยมที่อยู่ในใจใครหลาย ๆ คนอย่าง Genshin Impact ซึ่งการมาของเกม Honkai:Star Rail จะถูกนำเสนอใหม่ในรูปแบบของเกมแนว RPG Turn-based ที่แต่ละฝ่ายจะสามารถเลือกที่จะ Take Action ใด ๆ ก็ได้ในเทิร์นนั้นของตัวเองได้ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีมของเรามากที่สุด ด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG การจะมีระบบทาสต่าง ๆ เข้ามาก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร ซึ่งภายในเกม Honkai:Star Rail ก็นำระบบทาสเหล่านี้เข้ามาด้วย และในวันนี้พวกเราเกม Fever th ก็จะมาแนะนำสกิล และความสามารถของตัวละครธาตุลมทั้ง 3 ตัวที่มีข้อมูลออกมาให้เราสามารถเล่นได้ Wind Element (ธาตุลม)ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุ ซึ่งธาตุลมก็จะถูกนับรวมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน แต่ความพิเศษของระบบธาตุภายในเกม Honkai:Star Rail จะไม่เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่เมื่อตัวละครถูกโจมตีจากศัตรูที่มีธาตุที่ชนะทางจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้น แต่ภายในเกม Honkai:Star Rail เมื่อทำการโจมตีใส่จนทำให้ค่าความอ่อนแอต่อท่านเหลือศูนย์ได้แล้ว ถ้าเกิดเอฟเฟคเฉพาะตามแต่ละภาพนั้น ๆ ซึ่งธาตุลมก็จะทำให้เกิดเอฟเฟคดังนี้ ทำความเสียหายลมเพิ่มเติม และทำให้ศัตรูติดสถานะ Wind Shear (สายลมเชือดเฉือน) นอกจากนี้แล้วยังสร้างความเสียหายลมต่อเนื่อง (Wind DoT)Bronya ตัวละคร 5 ดาว Path -  Harmony (ตัวบัฟให้กับพันธมิตร)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Windrider Bullet: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Bronya [Skill] Combat Redeployment: ทำการลบสถานะดีบัฟ (Debuff) ออกจากพันธมิตร 1 ตัว แล้วจะมีโอกาส 100% ที่จะมอบ Action พิเศษให้กับพันธมิตรตัวนั้นด้วย นอกจากนี้แล้วยังบวกค่าพลังโจมตีให้กับพันธมิตรตัวนั้นเท่ากับ 36/72/79% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น [Ultimate] The Belobog March: เพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับพันธมิตรทั้งหมด 36/60/64% และยังเพิ่มอัตราคริเท่ากับ 12/16/17% ตามอัตราคริ (Crit Rate) ของ Bronya + 12/20/21% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Talent] Leading the Way: หลังจาก Bronya ใช้ Basic Attack แล้ว จะทำให้เทิร์นของ Bronya มาถึงไวขึ้นอีก 15/30/33%[Technique] Banner of Command: หลังจากใช้สกิลนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่ช่วงการต่อสู้ พันธมิตรทั้งหมดจะได้รับค่าพลังโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 15% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Dan Heng ตัวละคร 4 ดาว Path - Hunt (ตัวทำความเสียหายเป้าเดี่ยว)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Knight Spear Technique: North Wind: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Dan Heng [Skill] Knight Spear Technique: Torrent: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 130/260/286% ตามค่าพลังโจมตีของ Dan Heng และเมื่อโจมตีติด Critical ศัตรูจะมีโอกาส 100% ที่จะถูกลดค่าความเร็ว (Speed) ลง 15% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Ultimate] Ethereal Dream: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 240/400/432% ค่าพลังโจมตีของ Dan Heng และถ้าศัตรูถูกลดค่าความเร็ว (Speed) ลงอยู่แล้ว สกิล Ultimate ของ Dan Heng จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมอีก 72/120/129%[Talent] Superiority of Reach: เมื่อ Dan Heng ตกเป็นเป้าศัตรูยจากความสามารถของพันธมิตร การโจมตีครั้งต่อไปของ Dan Heng จะได้รับค่า Wind RES PEN (เจาะเกราะธาตุลม) อีก 18/36/39% ซึ่งความสามารถนี้จะใช้งานได้อีกครั้งหลังจากที่ Dan Heng ใช้เทิร์นไปแล้ว 1 เทิร์น [Technique] Splitting Spearhead: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ Dan Heng จะได้รับค่าพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 40% เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น Sampo ตัวละคร 4 ดาว Path - Nihility (ตัวดีบัฟ)สกิลรับความสามารถ [Basic Attack] Dazzling Blades: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Sampo [Skill] Ricochet Love: ขว้างมีดใส่ศัตรู 1 ตัวเพื่อสร้างความเสียหายลมเท่ากับ 28/56/61% ตามค่าพลังโจมตีของ Sampo และหลังจากนั้นมีดจะทำการเด้งใส่ศัตรูสูงสุด 4 ครั้งแบบสุ่มเพื่อสร้างความเสียหายลมเท่ากับ 28/56/61% ตามค่าพลังโจมตีของ Sampo [Ultimate] Surprise Present: สร้างความเสียหายลมใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 96/160/172% ตามค่าพลังโจมตีของ Sampo และจะมีโอกาสอีก 100% ที่จะทำให้ศัตรูได้รับความเสียหายเกี่ยวกับ DoT เพิ่มเติมอีก 20/30/32% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Talent] Windtorn Dagger: การโจมตีของ Sampo จะมีโอกาส 65% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Wind Shear เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น และศัตรูที่ติดสถานะ Wind Shear จะได้รับความเสียหายลมต่อเนื่อง (Wind DoT) เท่ากับ 24/48/52% ตามค่าพลังโจมตีของ Sampo ในช่วงเริ่มต้นเทิร์น นอกจากนี้แล้วสถานะ Wind Shear จะสามารถ Stack ได้สูงสุดถึง 5 Stack [Technique] Shining Bright: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว Sampo จะทำการขว้างระเบิดแฟลช (Flash Bomb) ใส่ศัตรู เพื่อทำให้ศัตรูเหล่านั้นติดสถานะตาบอด (Blind) เป็นระยะเวลา 10 วินาที ซึ่งศัตรูที่ติดสถานะตาบอด (Blind) อยู่ จะไม่สามารถตรวจจับตัวละครในทีมเราได้ นอกจากนี้แล้วเมื่อทำการโจมตีใส่ศัตรูที่ติดสถานะตาบอด (Blind) อยู่ จะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูทั้งหมดเหล่านั้นมี Action ที่ช้าลง 25% เมื่อเริ่มการต่อสู้ Credit:Prydwen.gg
20 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุไฟฟ้า (Lightning) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai: Star Rail เกมน้องใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้ เรียกได้ว่าอีกไม่เกินอึดใจก็จะเปิดให้เราได้เล่นกันแล้ว ซึ่งภายในเกม Honkai: Star Rail ก็เป็นเกมภาคต่อจากเกมรุ่นพี่อย่าง Honkai Impact 3rd ซึ่งมีตัวละครหลาย ๆ ตัวจากเกม Honkai Impact 3rd มาปรากฏในเกม Honkai: Star Rail ด้วย แต่รูปแบบของเกมจะถูกนำเสนอใหม่ในรูปแบบของเกมแนว RPG Turn-based และด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG จึงไม่แปลกเลยที่จะมีระบบธาตุเข้ามา ซึ่งก็เหมือนกับเกมรุ่นพี่อย่าง Honkai Impact 3rd ที่มีระบบธาตุของตัวละครด้วย แต่ภายในเกม Honkai: Star Rail จะมีธาตุต่าง ๆ เข้ามาใหม่เยอะแยะ และนำธาตุบางธาตุจากเกม Honkai Impact 3rd มาใช้เท่านั้น และจากธาตุใหม่ทั้งหมดเหล่านั้นก็ต้องมีธาตุไฟฟ้าที่เป็นหนึ่งในธาตุที่ได้รับความนิยมสูงมากในการนำไปเล่นกับเกมแนว RPG และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำ สกิล และความสามารถของตัวละครธาตุไฟฟ้าทั้ง 6 ตัวละครที่มีข้อมูลออกมา และเราสามารถหามาเล่นได้ Lightning Element ธาตุไฟฟ้า ภายในเกม Honkai: Star Rail จะมีธาตุที่เราสามารถเล่นได้ณปัจจุบันนี้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุด้วยกัน ซึ่งถ้าไฟฟ้าก็ถูกนับรวมอยู่ในท่าทั้ง 7 นี้ด้วยเช่นกัน แต่ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าระบบธาตุภายในเกมนี้จะไม่เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่เมื่อเอาธาตุที่ชนะทางไปตีตัวละครที่มีธาตุแพ้ทางจะได้ดาเมจที่เพิ่มขึ้น แต่ภายในเกมนี้เมื่อทำให้ตัวละครตัวนั้นมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว ด้วยธาตุใดธาตุหนึ่งแล้ว จะมีเอฟเฟคเสริมจากธาตุนั้น ๆ เข้ามาด้วย โดยธาตุไฟฟ้าจะมีเอฟเฟคดังนี้ ทำให้สู้ได้รับความเสียหายไฟฟ้าเพิ่มเติม และติดสถานะ Shock (ช็อค) และจะสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูอย่างต่อเนื่อง (Lightning DoT)Arlan ตัวละคร 4 ดาว Path - Destruction (ตัวทำความเสียหายทั่วไป)สกิล และความสามารถ  [Basic Attack] Lightning Rush: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Arlan [Skill] Shackle Breaker: ทำการกลืนกินค่าพลังชีวิตของ Arlan เท่ากับ 15% ตามค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Arlan เพื่อสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 160/320/352% ตามค่าพลังโจมตีของ Arlan และสกิลนี้จะไม่สามารถใช้ได้เมื่อค่าพลังชีวิตของ Arlan ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ [Ultimate] Frenzied Punishment: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 210/350/378% ตามค่าพลังโจมตีของ Arlan และสร้างความเสียหายไฟฟ้า และสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 90/150/162% ตามค่าพลังโจมตีของ Arlan [Talent] Pain and Anger: เพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับ Arlan ตามค่าเปอร์เซ็นต์เลือดที่เสียไป โดยจะสามารถเพิ่มค่าพลังโจมตีสูงสุดได้ที่ 40/80/88% เท่านั้น[Technique] Swift Harvest: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที หลังจากเข้าสู่การต่อสู้ จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 80% ตามค่าพลังโจมตีของ Arlan Bailu ตัวละคร 5 ดาว Path - Abundance (ตัวฮิล)สกิล และความสามารถ  [Basic Attack] Diagnostic Kick: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Bailu [Skill] Singing Among Clouds: ทำการฮิลพันธมิตร 1 ตัวเท่ากับ 8/16/18% ตามค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Bailu + 64/128/138 แล้วจะทำการฮิลใส่พันธมิตรตัวนั้นไปอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้หลังจากทำการฮิลแต่ละครั้งแล้ว ครั้งต่อไปจะฮิลได้เบาลง 15% [Ultimate] Leap of a Marsh Drakon: ทำการฮิลพันธมิตรทั้งหมดเท่ากับ 10/18/20% ตามภาพพลังชีวิตสูงสุดของ Bailu + 72/144/155 สำหรับพันธมิตรที่ยังไม่ได้รับ Invigorated ตัว Bailu จะมอบ Invigorated ให้กับพันธมิตรเหล่านั้นด้วย และสำหรับพันธมิตรที่สามารถ Invigorated ได้ตัวของ Bailu ก็จะมอบ Invigorated ให้กับพันธมิตรเหล่านั้นอีก 1 เทิร์น และการ Invigorated จะสามารถอยู่ได้นานสุด 2 เทิร์น ซึ่งเอฟเฟคนี้ไม่สามารถทับซ้อนกันได้ [Talent] Gourdful of Elixir: เมื่อพันธมิตรที่มี Invigorated ถูกโจมตี จะทำการยิวค่าพลังชีวิตของพันธมิตรตัวนั้นเท่ากับ 5/10/11% ตามค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Bailu + 50/100/108 ซึ่ง effect นี้สามารถทำงานได้สูงสุด 2 ครั้ง นอกจากนี้แล้วเมื่อพันธมิตรภายในทีมถูกความเสียหายที่ถึงแก่ความตาย Bailu จะทำการฮิลค่าพลังชีวิตของพันธมิตรคนนั้นเท่ากับ 22/30/31% ตามค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Bailu + 180/240/249 ซึ่งความสามารถนี้สามารถใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 การต่อสู้เท่านั้น [Technique] Saunter in the Rain: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ พันธมิตรทั้งหมดจะได้รับ Invigorated 1 เทิร์น Jing Yuan ตัวละคร 5 ดาว Path - Erudition (ตัวสร้างความเสียหายหมู่)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Glistening Light: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Jing Yuan [Skill] Rifting Zenith: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Jing Yuan และบวก Lightning-Lord's ให้กับ Jing Yuan อีก 2 Stack ในช่วงเทิร์นถัดไป [Ultimate] Lightbringer: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 120/200/216% ตามค่าพลังโจมตีของ Jing Yuan และบวก Lightning-Lord's ให้กับ Jing Yuan อีก 3 stack ในเทิร์นถัดไป [Talent] Prana Extirpated: ทำการ Summon Lightning-Lord's ออกมาในช่วงก่อนเริ่มต่อสู้ โดย Lightning-Lord's จะมี Speed อยู่ที่ 60 และมีค่าพลังโจมตีอยู่ที่ 3 หน่วย แล้วจะนับว่าการโจมตีของ Lightning-Lord's เป็นการโจมตีต่อเนื่อง (follow-up attacks) แต่ละ stack ของ Lightning-Lord's จะทำความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 33/66/72% ตามค่าพลังโจมตีของ Jing Yuan และจะทำความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 25% ตามค่าพลังโจมตีที่ทำใส่ศัตรูตัวหลักอีกด้วย ซึ่ง stack ของ Lightning-Lord's สามารถเก็บได้สูงสุดที่ 10 stack ด้วยกัน และทุก ๆ ครั้งที่ Lightning-Lord's ทำการโจมตีจะเพิ่ม stack ทันที 1 Stack และจะบวก Speed ให้อีก 10 หน่วย นอกจากนี้แล้วหลังจากจบเทิร์นแล้ว ค่า speed และค่าพลังโจมตีจะกลับมาเป็นค่าเริ่มต้นทันที และเมื่อ Jing Yuan ตาย ตัวของ Lightning-Lord's ก็จะหายไปด้วย นอกจากนี้แล้วเมื่อ Jing Yuan ติดสถานะผิดปกติที่เกี่ยวกับ Crowd Control (CC) ตัวของ Lightning-Lord's ก็จะไม่สามารถ Take Action ใดๆได้เลย [Technique] Command Talisman: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะเพิ่ม stack ให้กับ Lightning-Lord's ทันที 2 Stack Kafka ตัวละคร 5 ดาว Path - Nihility (ตัวดีบัฟ)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Midnight Tumult: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka [Skill] Caressing Moonlight: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 70/140/154% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka และสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka ด้วย นอกจากนี้แล้วถ้าหากศัตรูตัวหลักติดดีบัฟอย่าง DoT อยู่ ตัวละครที่ติดดีบัฟ DoT ทั้งหมดจะได้รับความเสียหายไฟฟ้าทันทีเท่ากับ 100/125/130% ตามค่าความเสียหายของ DoT ที่ตัวละครเหล่านั้นได้รับอยู่แล้วอีกด้วย [Ultimate] Twilight Trill: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 36/60/64% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka และจะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูทั้งหมดที่ถูกสร้างความเสียหายจากสกิลนี้ติดสถานะ Shock และสร้างความเสียหายเท่ากับ 80/100/104% ตามค่าความเสียหายดั้งเดิมที่ได้รับอยู่แล้ว ซึ่งสถานะ Shock จะมีระยะเวลา 3 เทิร์น และเมื่อศัตรูติดสถานะ Shock แล้ว จะได้รับความเสียหายไฟฟ้าต่อเนื่อง (Lightning DoT) 60/100/108% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka ในช่วงเริ่มต้นเทิร์น[Talent] Gentle but Cruel: หลังจากที่พันธมิตรใช้การโจมตีแบบเบสิคแอทแทคใส่ศัตรูที่ติดสถานะช็อค Kafka จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ประตูตัวนั้นทันทีเท่ากับ 75/150/165% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka ซึ่งความสามารถนี้สามารถใช้ได้เทิร์นละ 1 ครั้งเท่านั้น [Technique] Mercy Is Not Forgiveness: หลังจากใช้ความสามารถนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ประตู 1 ตัวแบบสุ่มเท่ากับ 50% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka และในขณะเดียวกันศัตรูทั้งหมดจะมีโอกาส 100% ที่จะติดสถานะ Shock เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น ซึ่งจะสร้างความเสียหายไฟฟ้าต่อเนื่อง (Lightning DoT) เท่ากับ 50% ตามค่าพลังโจมตีของ Kafka ในช่วงเริ่มเทิร์นถัดไป Serval ตัวละคร 4 ดาว Path - Erudition (ตัวสร้างความเสียหายหมู่)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Roaring Thunderclap: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval [Skill] Lightning Flash: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ประตู 1 ตัวเท่ากับ 60/120/132% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval และสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 30/60/66% ตั้งค่าพลังโจมตีของ Serval ด้วย นอกจากนี้แล้วศัตรูที่ถูกสร้างความเสียหายจากสกิลนี้จะมีโอกาส 80% ที่จะติดสถานะ Shock เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น ซึ่งศัตรูจะได้รับความเสียหายไฟฟ้าต่อเนื่อง (Lightning DoT) เท่ากับ 40/80/88% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval ในช่วงเริ่มเทิร์น [Ultimate] Here Comes the Mechanical Fever: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 108/180/194% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval และศัตรูที่ติดสถานะ Shock อยู่แล้ว จะทำการเพิ่มระยะเวลาของสถานะ Shock ไปอีก 2 เทิร์น [Talent] Galvanic Chords: หลังจากที่ Serval ทำการโจมตี จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าเพิ่มเติมให้กับศัตรูที่ติดสถานะ Shock ทั้งหมดเท่ากับ 30/60/66% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval [Technique] Good Night, Belobog: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที แล้วเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ประตู 1 ตัวแบบสุ่มเท่ากับ 50% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval และตู้ทั้งหมดจะมีโอกาส 100% ที่จะติดสถานะช็อคเป็นระยะเวลา 3 เทิร์น ซึ่งจะทำให้ตัวที่ติดสถานะ Shock ได้รับความเสียหายไฟฟ้าเท่ากับ 50% ตามค่าพลังโจมตีของ Serval ในช่วงเริ่มเทิร์น Tingyun ตัวละคร 4 ดาว Path - Harmony (ตัวบัฟให้กับพันธมิตร)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Dislodged: สร้างความเสียหายไฟฟ้าใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Tingyun [Skill] Soothing Melody: เพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับพันธมิตร 1 ตัว 25/50/55% ซึ่งจะสูงสุดไม่เกิน 15/25/27% ตามค่าพลังโจมตีของ Tingyun ในปัจจุบัน และทำการมอบ Bless (อวยพร) ให้กับพันธมิตรตัวนั้นด้วย ซึ่งพันธมิตรที่ได้รับการเบสจะสร้างความเสียหายไฟฟ้าเพิ่มเติมเท่ากับ 20/40/44% ตามค่าพลังโจมตีของตัวพันธมิตรเองเป็นระยะเวลา 3 เทิร์นด้วยกัน นอกจากนี้แล้วการมอบสถานะ Bless (อวยพร) ให้กับพันธมิตรจะสามารถมอบได้แค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งตัวละครพันธมิตรล่าสุดที่ได้รับ Bless (อวยพร) จะสามารถใช้ความสามารถของ Bless (อวยพร) ได้ [Ultimate] Ritual of the Auspicious Cloud: ทำการฟื้นฟูพลังงาน (Regenerate Energy) ให้กับพันธมิตรทันที 50 หน่วย และทำการเพิ่มค่าพลังโจมตีให้กับพันธมิตรตัวนั้นด้วยอีก 20/60/68% เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น [Talent] Violet Sharknado: เมื่อตัว Tingyun สร้างความเสียหายใส่ศัตรูได้ จะสร้างความเสียหายไฟฟ้าเพิ่มเติมเท่ากับ 30/60/66% ตามค่าพลังโจมตีของตัวละครพันธมิตรที่ได้รับการ Bless (อวยพร)[Technique] Gentle Breeze: หลังจากใช้สกิลนี้ Tingyun จะทำการฟื้นฟูพลังงาน (Regenerate Energy) ให้กับตัว Tingyun เอง 50 หน่วยทันทีCredit:Prydwen.gg
20 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail วิธีหา Credits สกุลเงินหลักภายในเกม
Credits เป็นสกุลเงินหลักภายใน Honkai: Star Rail โดยมันถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้เล่นทุกคนควรจะมี เพราะการจะทำสิ่งต่าง ๆ ภายในเกม ส่วนใหญ่ล้วนจำเป็นต้องใช้ Credits โดยในวันนี้ทาง GameFever TH ก็ได้รวบรวมข้อมูลวิธีการหา Credits ใน Honkai: Star Rail มาฝากกัน โดยจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นก็เชิญรับชมกันได้เลย !!วิธีได้รับ Credits แบบง่าย ๆ และรวดเร็ว    แม้ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ภายในเกม จะให้รางวัลเป็น Credits แต่วิธีเหล่านี้จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการได้รับ1. เคลียร์เควสสำเร็จ : จำนวน Credits ที่ได้จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเควส ซึ่งผู้เล่นจะได้รางวัลเมื่อทำสำเส็จ อย่างน้อยสองสามพัน Credits เป็นขั้นต่ำ2. ส่งตัวละครไปทำ Assignments : วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้กำไรเป็นพิเศษ โดย Assignments คือการส่งตัวละครของเราออกไปทำภารกิจ ซึ่ง Credits ที่ได้จะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของทำภารกิจ โดยผู้เล่นจะได้รับมากถึง 10,000 Credits/20 ชม. อีกทั้งเรายังสามารถใช้ตัวละครในขณะที่พวกเขาออกไปทำภารกิจได้อีกด้วย3. รางวัลเลเวล Trailblaze : ทุกครั้งที่เลเวล Trailblaze ของเราเพื่อขึ้น Pom-Pom จะให้ Credits เรา 10,000 Credits หรือมากกว่านั้น( รับ Credits เมื่อเคลียร์เควสสำเร็จ )วิธีได้รับ Credits จากการสำรวจ    ขณะที่เรากำลังสำรวจไปในโลกของเกม Honkai: Star Rail ผู้เล่นก็ยังจะสามารถหา Credits อีกด้วยโดยมีวิธีดังต่อไปนี้1. เปิดกล่องสมบัติ : กล่องสมบัติแบบพื้นฐานจะให้ 600 Credits2. ตรวจสอบของต่าง ๆ ในแผนที : ขณะที่สำรวจ และตรวจสอบของต่าง ๆ เช่น ถังขยะ ถังขยะ หรือกล่องจดหมาย ผู้เล่นจะได้รับ Credits ประมาณ 1,000 Credits/วัตถุ 1 ชิ้น3. ทำลายข้าวของ : การทำลายข้าวของในฉากบางครั้งเกมก็จะสุ่ม Credits จำนวนหนึ่งให้กับผู้เล่นเช่นกัน4. ต่อสู้กับศัตรู : แม้ว่าจะไม่ใช่ภารกิจ แต่การที่ผู้เล่นเอาชนะศัตรูได้ เกมจะมอบรางวัลเป็น Credits อีกเล็กน้อยแก่เรา( ออกสำรวจไปในแผนที่ )Cr.IGN
17 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุน้ำแข็ง (Ice) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai:Star Rail เกมน้องใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงสิ้นเดือนนี้จากบริษัทผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ที่มีผลงานการันตีความสำเร็จอย่างเกม Honkai Impact 3rd และ Genshin Impact ที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมาก โดยภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีรูปแบบการเล่นเป็นเกมแบบ RPG Turn-based ที่มีตัวละคร และ Background ต่าง ๆ จากเกมรุ่นพี่อย่าง Honkai Impact 3rd ด้วย และด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG ในเรื่องของระบบธาตุจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีในเกมแนวนี้อยู่แล้ว ซึ่ง 1 ในธาตุที่ถูกใช้กันแทบทุกเกมเลยก็คงหนีไม่พ้นธาตุน้ำแข็ง และในวันนี้พวกเรา GameFeverTH ก็จะมาแนะนำสกิล และความสามารถของตัวละครธาตุน้ำแข็งทั้ง 5 ตัวที่ผู้เล่นสามารถหามาเล่นได้ในช่วงเกมเปิด Ice Element ธาตุน้ำแข็ง ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีธาตุอยู่ด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุด้วยกัน และแน่นอนว่าธาตุที่ถูกใช้งานบ่อยอย่างธาตุน้ำแข็งก็ถูกนำมาใช้ภายในเกมนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุก ๆ ตัวละครก็จะมีธาตุประจำตัวเป็นของตัวเอง โดยณปัจจุบันนี้ยังมีตัวละครธาตุน้ำแข็งที่ให้เราสามารถเล่นได้อยู่ 5 ตัวละครด้วยกัน ซึ่งจะแบ่งเป็นตัวละครระดับ 5 ดาว 2 ตัว และตัวละครระดับ 4 ดาวอีก 3 ตัว ที่นี้เรามาพูดถึงความสามารถเฉพาะของตัวละครธาตุน้ำแข็ง เมื่อทำให้ค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) ซึ่งจะทำให้ศัตรูไม่สามารถ Take Action ใด ๆ ได้เลยในเทิร์นนั้น และนอกจากนี้แล้วยังจะทำความเสียหายน้ำแข็งต่อเนื่อง (Ice DoT) ใส่ตัวศัตรูด้วย Gepard ตัวละคร 5 ดาว Path - Preservation (ตัวแท็ง)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Fist of Conviction: ทำความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Gepard [Skill] Intimidating Strike: ทำความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 100/200/220% ตามค่าพลังโจมตีของ Gepard และจะมีโอกาส 65% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น เสื้อศัตรูติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) แล้วจะไม่สามารถ Take Action ใด ๆ ได้เลย นอกจากนี้แล้วยังจะทำความเสียหายน้ำแข็งต่อเนื่อง (Ice DoT) ใส่ศัตรูเท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังโจมตีของ Gepard อีกด้วย [Ultimate] Enduring Bulwark: สร้างโล่ดูดซับความเสียหายให้กับพันธมิตรทั้งหมดในทีม โดยตัวโล่ป้องกันจะดูดซับความเสียหายได้เท่ากับ 36/60/64% ตามค่าพลังป้องกันของ Gepard + 120/240/258 เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เทิร์น [Talent] Unyielding Will: เมื่อ Gepard ถูกความเสียหายที่ทำให้ตัวเองถึงแก่ความตาย จะทำการฟื้นฟูพลังชีวิตของ Gepard ทันทีเท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังชีวิตสูงสุด โดยความสามารถนี้จะสามารถทำงานได้เพียงแค่ 1 ครั้งต่อ 1 การต่อสู้เท่านั้น [Technique] Comradery: หลังจากใช้สกิลนี้ เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะทำการสร้างโล่ป้องกันให้กับพันธมิตรทั้งหมดในทีม ซึ่งตัวโล่จะดูดซับความเสียหายได้เท่ากับ 24% ตามค่าพลังป้องกันของ Gepard +96 เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Herta ตัวละคร 4 ดาว Path - Erudition (ตัวสร้างความเสียหายหมู่)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] What Are You Looking At?: ทำความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Herta [Skill] One-Time Offer: สร้างความเสียหายใส่ศัตรูทุกตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Herta ถ้าศัตรูมีค่าพลังชีวิตมากกว่า 50% ของพลังชีวิตสูงสุดของเขาเอง สกิลนี้จะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูเหล่านั้นเพิ่มขึ้นอีก 20% [Ultimate] It's Magic, I Added Some Magic: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 120/220/216% ตามค่าพลังโจมตีของ Herta [Talent] I'll Take a Swing: เมื่อพันธมิตรในทีมของเราทำการโจมตีใส่ศัตรูแล้วพลังชีวิตของศัตรูต่ำกว่า 50% ของค่าพลังชีวิตสูงสุด ตัว Herta จะกระโดดตามไปโจมตีด้วย ซึ่งจะสร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 25/40/43% ตั้งค่าพลังโจมตีของ Herta[Technique] It Can Still Be Optimized: หลังจากใช้สกิลนี้ เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ Herta จะได้รับค่าพลังโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 40% เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น March 7thตัวละคร 4 ดาว Path - Preservation (ตัวแท็ง)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Frigid Cold Arrow: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ March 7th [Skill] The Power of Cuteness: สร้างโลกดูดซับความเสียหายให้กับพันธมิตร 1 ตัว โดยตัวโล่จะสามารถดูดซับความเสียหายได้เท่ากับ 48/80/86% ตามค่าพลังป้องกันของ March 7th + 160/320/344 เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น นอกจากนี้แล้วถ้าพันธมิตรที่ได้รับโล่ป้องกันมีค่าพลังชีวิตสูงกว่า 30% ของค่าพลังชีวิตสูงสุดของเขาแล้ว จะเพิ่มโอกาสการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากศัตรูอีกด้วย [Ultimate] Glacial Cascade: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรูทุกตัวเท่ากับ 90/150/162% ตามค่าพลังโจมตีของ March 7th เมื่อโจมตีโดนศัตรูจะมีโอกาส 50% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น เมื่อศัตรูติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) จะไม่สามารถ Take Action ใด ๆ ได้เลย นอกจากนี้แล้วยังสร้างความเสียหายน้ำแข็งต่อเนื่อง (Ice DoT) ใส่ศัตรูตัวนั้นด้วยเท่ากับ 30/50/54% ตามค่าพลังโจมตีของ March 7th ในช่วงเริ่มเทิร์น [Talent] Girl Power: หลังจากที่โล่ดูดซับความเสียหายที่มอบให้กับพันธมิตรถูกศัตรูโจมตี March 7th จะทำการโจมตีสวนกลับทันที ซึ่งจะสร้างความเสียหายน้ำแข็งเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ March 7th โดยความสามารถนี้จะสามารถติดได้มากสุด 2 ครั้งต่อเทิร์นเท่านั้น [Technique] Freezing Beauty: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรู 1 ตัวติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) แบบสุ่มเป็นระยะเวลา 1 เทิร์น เมื่อศัตรูตัวนั้นติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) จะไม่สามารถ Take Action ใด ๆ ได้เลย และได้รับความเสียหายน้ำแข็งเท่ากับ 50% ตามค่าพลังโจมตีของ March 7th ในช่วงเริ่มเทิน Pela ตัวละคร 4 ดาว Path - Nihility (ตัวดีบัฟ)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Frost Shot: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Pela [Skill] Frostbite: ทำการลบบัพออก 1 บัพ และสร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 120/240/264% ตามค่าพลังโจมตีของ Pela [Ultimate] Zone Suppression: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่สตรูทั้งหมดเท่ากับ 84/140/151% ตามค่าพลังโจมตีของ Pela และจะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูทุกตัวติดสถานะ Exposed (เปิดเผย) ซึ่งสถานะ Exposed (เปิดเผย) จะทำให้ศัตรูมีค่าพลังป้องกันลดลง 33/42/43% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Talent] Data Collecting: ถ้า Pela ทำการโจมตีใส่ศัตรู และทำให้ติดดีบัฟได้ Pela จะได้รับการฟื้นฟูพลังงาน (Regenerate Energy) เท่ากับ 5/10/11 หน่วย [Technique] Initiator: ต้องการโจมตีใส่ศัตรูทันที เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ Pela จะสร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวแบบสุ่มเท่ากับ 80% ตามค่าพลังโจมตีของ Pela และยังมีโอกาส 100% ที่จะลดค่าพลังป้องกันของศัตรูทั้งหมดลง 20% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Yanqing ตัวละคร 5 ดาว Path - Hunt (ตัวทำความเสียหายเป้าเดี่ยว)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Cold Light, Cold Blade: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่สตรู 1 ตัวเท่า 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Yanqing [Skill] Drakestoning Edge: สร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 110/220/242% ตามค่าพลังโจมตีของ Yanqing นอกจากนี้แล้วยังจะเปิดใช้งาน Empathic Sword Link เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น [Ultimate] Swallow's Pluvious Pursuit: เพิ่มค่าอัตราคริ (Crit Rate) ให้กับ Yanqing 60% และเมื่อเปิดใช้งาน Empathic Sword Link จะทำการเพิ่มค่าความแรงคริ (Crit Damage) ให้กับ Yanqing อีก 30/50/54% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ก่อนที่จะสร้างความเสียหายน้ำแข็งใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ210/350/378% ตามค่าพลังโจมตีของ Yanqing [Talent] Edged Companion: เมื่อ Empathic Sword Link ถูกเปิดใช้งานแล้ว Yanqing จะมีโอกาสที่จะถูกศัตรูโจมตีน้อยลงเป็นอย่างมาก และยังเพิ่มอัตราคริ (Crit Rate) ให้กับ Yanqing อีก 15/20/21% และความแรงคริ (Crit Damage) อีก 15/30/33% นอกจากนี้แล้วหลังจากที่ Yanqing ทำการโจมตีใส่ศัตรูจะมีโอกาส 50/60/62% ที่จะทำการโจมตีเพิ่มเติม (Follow-up Attack) ซึ่งจะสร้างความเสียหายน้ำแข็งเท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังโจมตีของ Yanqing และยังมีโอกาส 65% ที่จะทำให้ศัตรูตัวนั้นติดสถานะ Freeze (แช่แข็ง) เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น ศัตรูที่ติดอยู่ในสถานะ Freeze (แช่แข็ง) จะไม่สามารถ Take Action ใด ๆ ได้เลย และจะได้รับความเสียหายน้ำแข็งต่อเนื่อง (Ice DoT) เท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังโจมตีของ Yanqing ในช่วงเริ่มต้นเทิร์น เมื่อตัว Yanqing ได้รับความเสียหาย Empathic Sword Link จะถูกปิดการใช้งานทันที [Technique] Master Fencer: หลังจากใช้สกิลนี้แล้ว เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ SCB จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงขึ้นอีก 30% ใส่ศัตรูที่มีค่า HP เท่ากับ หรือมากกว่า 40% ของค่าพลังชีวิตสูงสุดของ SCB เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น Credit:Prydwen.gg
17 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุไฟ (Fire) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai:Star Rail เป็นระบบที่ทำให้ตัวเกมมีความหลากหลายทั้งในเชิงของกลยุทธ์ และในเชิงของวิธีคิดที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ตัวเกมมีความหลากหลายในวิธีการเล่นเป็นอย่างมากเลย โดยภายในเกม Honkai:Star Rail มีธาตุที่เราสามารถเล่นได้อยู่ทั้งหมด 7 ภาพด้วยกัน และเมื่อพูดถึงธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเกมแนว RPG Turn-based แล้ว ก็ต้องมีธาตุไฟซึ่งเป็นธาตุพื้นฐานของหลาย ๆ เกมอยู่แล้วอย่างแน่นอน ซึ่งในเกม Honkai:Star Rail ก็มีธาตุไฟนี้อยู่ด้วยเช่นกัน โดยในวันนี้พวกเราเกม GameFeverTH จะมาแนะนำสกิลรับความสามารถของตัวละครธาตุไฟที่มีทั้งหมดภายในเกมที่เราสามารถเล่นได้ในตอนนี้ Fire Elements (ธาตุไฟ)ภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีธาตุอยู่ในเกมทั้งหมด 7 ภาพด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นจะไม่มีธาตุไฟก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเป็นธาตุพื้นฐานที่เกือบทุก ๆ เกมจะใช้กัน โดยในเกม Honkai:Star Rail ตอนนี้มีตัวละครธาตุไฟที่ให้เราสามารถเล่นได้ในปัจจุบันนี้ทั้งหมด 4 ตัวละครด้วยกัน แล้วทีนี้เรามาพูดถึงความสามารถของธาตุไฟกันต่อ โดยเมื่อตัวละครธาตุไฟทำให้ศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว จะทำให้ตัวศัตรูจะได้รับความเสียหายไปเพิ่มเติม และทำให้ตัวศัตรูติดสถานะ Burn (เผาไหม้) ซึ่งจะทำความเสียหายธาตุไฟใส่ศัตรูต่อเนื่อง โดยภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีตัวละครธาตุไฟอะไรบ้างตามเรามาดูกันได้เลย Asta ตัวละคร 4 ดาว Path -  Harmony (ตัวบัฟให้กับพันธมิตร)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Spectrum Beam: ทำความเสียหายไฟแก่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Asta [Skill] Meteor Storm: สร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 25/50/55% ตามค่าพลังโจมตีของ Asta พร้อมกับทิ้งลูกระเบิดอีก 4 ลูก ซึ่งลูกระเบิดแต่ละรูปจะสร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรูในสนามแบบสุ่มเท่ากับ 25/50/55% ตามพลังโจมตีของ Asta [Ultimate] Astral Blessing: เพิ่มค่า Speed ให้กับพันธมิตรทั้งหมดจำนวน 36/45/50 หน่วย เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Talent] Astrometry: เพิ่ม Charg ตามจำนวนศัตรูที่ไม่ซ้ำกันที่โดน Asta โจมตีใส่ แล้วจะบวก Charg เพิ่มอีกตามจำนวนศัตรูที่ถูกโจมตีแล้วแพ้ธาตุไฟ ซึ่งแต่ละ Charg เหล่านี้จะทำให้พลังโจมตีของพันธมิตรทั้งหมดในทีมเพิ่มขึ้นจำนวน 5/10/11% ซึ่งสามารถ Stack กันได้มากสูงสุดถึง 5 ครั้งด้วยกัน โดยความสามารถนี้จะเริ่มทำงานใน Trun Action ที่ 2 ของตัว Asta แล้วจำนวน Charg จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ทีละ 3 ในทุก ๆ เทิร์น [Technique] Miracle Flash: โจมตีใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้จะสร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 50% ตามพลังโจมตีของ AstaHimeko ตัวละคร 5 ดาว Path - Erudition (ตัวสร้างความเสียหายหมู่)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Sawblade Tuning: ทำความเสียหายไฟแก่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/100% ความพลังโจมตีของ Himeko [Skill] Molten Detonation: ทำความเสียหายไฟใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 100/200/220% ตามพลังโจมตีของ Himeko และสร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 40/80/88% ตามพลังโจมตีของ Himeko [Ultimate] Heavenly Flare: สร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรูทุกตัวเท่ากับ 132/220/237% ตามพลังโจมตีของ Himeko นอกจากนี้แล้วยังจะทำการ Regenerate Energy (ฟื้นฟูพลังงาน) 10 หน่วยให้กับ Himeko ตามจำนวนศัตรูที่ถูกสังหารด้วยสกิลนี้อีกด้วย [Talent] Victory Rush: เมื่อตัว Himeko ทำให้ศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว ตัว Himeko เองจะได้รับ Charg ซึ่งสามารถเก็บได้สูงสุดถึง 3 Stack ด้วยกัน และเมื่อ Himeko มี Stack ครบ 3 จะทำให้เมื่อตัวละครพันธมิตรในทีมของเราทำการโจมตี ตัว Himeko เองก็จะทำความเสียหายไฟใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 68/136/149% ตามพลังโจมตีของ Himeko เอง ซึ่งจะทำการกลืนกิน Charg ทั้งหมดที่สะสมมาด้วย และนอกจากนี้แล้วตัว Himeko จะได้รับ Charg มา 1 Stack ในตอนเริ่มเทิร์นอีกด้วย [Technique] Incomplete Combustion: หลังจากใช้สกิลนี้แล้ว Himeko จะทำการยิงลำแสงลงมาจากดาวเทียมสร้าง Burning Zone เป็นระยะเวลา 15 วินาที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้แล้ว ศัตรูทั้งหมดที่อยู่ภายใน Burning Zone จะมีโอกาส 100% ที่จะได้รับความเสียหายไฟเพิ่มขึ้นอีก 10% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Hook ตัวละคร 4 ดาว Path - Destruction (ตัวทำความเสียหายทั่วไป)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Hehe! Don't Get Burned!: ทำความเสียหายไฟแก่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/100% ความพลังโจมตีของ Hook [Skill] Hey! Remember Hook?: สร้างความเสียหายไปใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 140/280/308% ตามพลังโจมตีของตัว Hook และมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Burn (เผาไหม้) เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น และทำความเสียหายไฟใส่ศัตรูทุกตัวที่ติดสถานะ Burn (เผาไหม้) เท่ากับ 40/80/88% ตามพลังโจมตีของ Hook นอกจากนี้แล้วศัตรูจะได้รับความเสียหายไฟต่อเนื่อง (Fire DoT) ในตอนเริ่มเทิร์นของตัวเอง โดยความเสียหายจะเท่ากับ 25/50/55% ตามพลังโจมตีของ Hook [Ultimate] Boom! Here Comes the Fire!: ทำความเสียหายฝ่ายใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 240/400/432% ตามพลังโจมตีของ Hook และหลังจากที่ตัว Hook ใช้สกิล Ultimate ของเธอแล้ว สกิลที่จะใช้ต่อไปจะถูกเพิ่มความสามารถเข้าไปด้วย โดยจะสร้างความเสียหายใส่ศัตรู 1 ตัว และจะทำความเสียหายใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย [Talent] Ha! Oil to the Flames!: เมื่อ Hook ทำการโจมตีใส่ศัตรูที่ติดสถานะ Burn (เผาไหม้) จะทำความเสียหายไฟเพิ่มขึ้นเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Hook เอง และยังทำการ Regenerate Energy (ฟื้นฟูพลังงาน) 5 หน่วยด้วย [Technique] Ack! Look at This Mess!: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเริ่มการต่อสู้ Hook จะสร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรู 1 ตัวแบบสุ่มเท่ากับ 50% พลังโจมตีของ Hook นอกจากนี้แล้วยังมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ตูทุกตัวติดสถานะ Burn (เผาไหม้) เป็นระยะเวลา 3 เทิร์น ซึ่งเมื่อศัตรูที่ติดสถานะ Burn (เผาไหม้) จะได้รับความเสียหายไฟต่อเนื่อง (Fire DoT) ในตอนเริ่มเทิร์นของตัวเองด้วยซึ่งความเสียหายจะเท่ากับ 50% ตามพลังโจมตีของ HookTrailblazer หรือ MC (ธาตุไฟ) Path - Preservation (ตัวแท็ง)สกิล และความสามารถ[Basic Attack] Ice-Breaking Light: สร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามค่าพลังโจมตีของ Trailblazer และจะได้รับ Magma Will 1 Stack ทันที[Enhanced Basic] Ice-Breaking Light: ทำการกลืนกิน Magma Will ทั้ง 4 Stack เพื่อเสริมพลังโจมตี โดยจะสร้างความเสียหายไฟใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 90/135/146% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer และสร้างความเสียหายไปใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 36/54/58% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer ด้วย [Skill] Ever-Burning Amber: หลังจากใช้สกิลแล้ว จะทำให้ความเสียหายที่ Trailblazer ได้รับน้อยลง 40/50/52% และได้รับชาร์จ Magma Will 1 Stack นอกจากนี้แล้วยังจะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูทั้งหมดต้องมาตี Trailblazer เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น [Ultimate] Flaming Lance Behind Enemy Lines: ทำความเสียหายไฟใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer + 75/150/165% ตามค่าป้องกันของ Trailblazer นอกจากนี้แล้ว Normal Attack ครั้งต่อไปจะได้รับการเพิ่มความสามารถอัตโนมัติ และจะไม่ใช้ชาร์จจาก Magma Will เลยแม้แต่ Stack เดียว [Talent] Treasure of the Architects: ในแต่ละครั้งที่ Trailblazer ถูกโจมตีจะได้รับชาร์จ Magma Wil มา 1 Stack ซึ่งสามารถสะสมได้สูงสุดถึง 8 Stack ด้วยกัน และเมื่อ Magma Wil มี Stack ที่น้อยกว่า 4 ลงไปจะทำให้ Basic Attack ของ Trailblazer ถูกเพิ่มความสามารถเข้าไป โดยจะทำความเสียหายใส่ศัตรู 1 ตัว และศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย นอกจากนี้แล้วเมื่อ Trailblazer ใช้ Basic Attack , Skill หรือ Ultimate ตัว Trailblazer จะมอบโล่ให้กับพันธมิตรทั้งหมด ซึ่งสามารถดูดซับความเสียหายได้เท่ากับ 4.8/8/8.6% ตามค่าพลังป้องกันของ Trailblazer + 16/32/34 โดยระยะเวลาของโลกดูดซับความเสียหายจะอยู่ได้ 2 เทิร์น [Technique] Call of the Guardian: เมื่อเข้าสู่การต่อสู้ในรอบถัดไป ตัว Trailblazer จะมอบโล่ที่สามารถดูดซับความเสียหายได้เท่ากับ 50% ตามพลังป้องกันของ Trailblazer + 160 เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น Credit:Prydwen.gg
16 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำตัวละครธาตุกายภาพ (Physical) พร้อมอธิบายสกิล และความสามารถ
Honkai:Star Rail เกมจากค่ายผู้พัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Hoyoverse ที่กำลังจะเปิดให้พวกเราได้เล่นกันในช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้แล้ว ซึ่งเป็นเกมแนว RPG Turn-based ที่มีตัวละครจากเกมรุ่นพี่อย่างเกม honkai Impact 3rd มาให้เราได้เล่นกันด้วย และด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG เรื่องระบบธาตุจึงเป็นเรื่องปกติของเกมแนว ๆ นี้อยู่แล้ว ซึ่งภายในเกม Honkai:Star Raill ก็มีให้เราได้เล่นทั้งหมด 7 ธาตุด้วยกัน โดยในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะมาแนะนำตัวละครธาตุกายภาพ (Physical) ทั้งหมดภายในเกม Honkai:Star Rail ธาตุกายภาพ (Physical)ภายในเกม Honkai:Star Raill ตัวละครธาตุกายภาพ (Physical) ก็จะถูกนับว่าเป็นหนึ่งในธาตุทั้ง 7 ของธาตุภายในเกมเช่นกัน ไม่เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่จะถูกนับว่าเป็นตัวละครไร้ธาตุ ซึ่งจะมีตัวละครธาตุกายภาพ (Physical) อยู่ภายในเกมทั้งหมด 4 ตัวละครด้วยกัน ที่ให้เราสามารถเล่นได้ในตอนนี้ และความสามารถของธาตุกายภาพหลังจากที่ทำให้ศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้แล้ว จะทำให้ศัตรูได้รับความเสียหายกายภาพเพิ่มเติม และทำให้ศัตรูติดสถานะ bleed (เลือดไหล) ซึ่งสถานะนี้จะทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูต่อเนื่อง โดยจะมีตัวละครธาตุกายภาพอะไรบ้างที่คุณสามารถเล่นได้ในตอนนี้ตามเราไปดูกันได้เลย Clara ตัวละคร 5 ดาว Path - Destruction (ตัวทำความเสียหายทั่วไป)สกิล และความสามารถ[Basic Attack] I want to help: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Clara[Skill] Svarog Watches Over You: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 60/120/132% ตามพลังโจมตีของ Clara และจะทำความเสียหายกายภาพเพิ่มเติมเท่ากับ 60/120/132% ตามพลังโจมตีของ Clara ใส่ศัตรูที่ติด Mark of Counter หลังจากนั้นจะทำการลบ Mark of Counter ที่ตัวศัตรูออกไป [Ultimate] Promise, Not Command: หลังจากที่ Clara ใช้สกิล Ultimate ของเธอแล้ว จะทำการลดความเสียหายที่ Clara ได้รับลง 15/25/27% และจะเพิ่มโอกาสที่คาราจะตกเป็นเป้าจากการโจมตีขึ้นอย่างมากเป็นระยะเวลา 2 เทิร์นด้วยกัน นอกจากนี้แล้วจะทำการเพิ่มประสิทธิภาพของ Svarog's Counter ให้สูงขึ้นด้วย โดยเมื่อพันธมิตรของเราถูกโจมตี  Svarog จะทำการโจมตีสวนกลับไปอย่างแน่นอน ซึ่งการโจมตีสวนกลับในครั้งนั้นจะทำความเสียหาย 96/160/172% ใส่ศัตรูตัวนั้น และจะทำความเสียหายอีก 50% ใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย โดยผลของเอฟเฟคนี้จะมีระยะเวลาอยู่ 2 เทิร์นด้วยกัน[Talent] Because We're Family: ภายใต้การป้องกันของ Svarog ตัวของ Clara จะได้รับความเสียหายน้อยลง 15% และตัว Svarog จะทำให้ศัตรูที่โจมตีใส่ Clara ติด Mark of Counter แล้วทำการโจมตีสวนกลับโดยจะสร้างความเสียหายเท่ากับ 80/160/176% ตามพลังโจมตีของ Clara[Technique] Small Price For Victory: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ Clara จะมีโอกาสที่จะตกเป็นเป้าหมายจากการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลา 2 เทิร์น Natasha ตัวละคร 4 ดาว Path - Abundance (ตัวฮิล)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Behind the Kindness: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Natasha [Skill] Love, Heal, and Choose: ทำการฮิลใส่พันธมิตร 1 ตัวเท่ากับ 9/15/16% ตามพลังชีวิตสูงสุดของ Natasha + 60/120/129 นอกจากนี้แล้วยังทำการฮิลใส่พันธมิตรที่เหลือเท่ากับ 6/10/11 % ตามพลังชีวิตสูงสุดของ Natasha + 40/80/86 ก่อนที่จะเริ่มเทิร์นต่อไป เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Ultimate] Gift of Rebirth: ทำการฮิลล์ใส่พันธมิตรทั้งหมดเท่ากับ 11/18/20% ตามพลังชีวิตสูงสุดของ Natasha + 74/148/159[Talent] Innervation: เมื่อ Natasha ทำการฮีลใส่พันธมิตรที่มีเลือดต่ำกว่า 30% ของ Max HP สูงสุดของตัวละครนั้น Natasha จะทำการคิวเพิ่มขึ้นเท่ากับ 25/50/55%[Technique] Hypnosis Research: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ Natasha จะสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูเท่ากับ 80 เซนติเมตรของพลังโจมตีของ Natasha แก่ศัตรูแบบสุ่ม 1 ตัว ซึ่งจะมีโอกาส 100% ที่จะทำให้ศัตรูทั้งหมดอ่อนแอลง โดยศัตรูที่อ่อนแอลงจะสร้างความเสียหายใส่พันธมิตรของเราได้น้อยลง 30% เป็นระยะเวลา 1 เทิร์น Sushang ตัวละคร 4 ดาว Path - Hunt (ตัวทำความเสียหายเป้าเดี่ยว)สกิล และความสามารถ [Basic Attack] Knight Sword Art: Stellar Halo: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Sushang [Skill] Knight Sword Art: Mountainfall: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 105/210/231% ตามพลังโจมตีของ Sushang นอกจากนี้แล้วในการโจมตีครั้งสุดท้ายจะมีโอกาส 33% ที่จะเปิดใช้งาน Sword Stance ซึ่งจะสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มเติมเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Sushang ใส่ศัตรูตัวนั้นด้วย ถ้าศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 Sword Stance จะการันตีเปิดใช้งานอย่างแน่นอน [Ultimate] Shape of Taixu: Dawn Herald: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 192/320/345% ตามพลังโจมตีของ Sushang แล้วจะทำให้ Sushang ได้ Action พิเศษทันที นอกจากนี้แล้ว Sushang ยังจะได้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นอีก 18/30/32% และสกิลของเธอจะมีโอกาสที่จะเรียก Sword Stance ออกมาเพิ่มขึ้นอีก 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น โดย Sword Stance ที่ทำงานจากความสามารถนี้จะทำความเสียหาย 50% จากความเสียหายปกติของ Sword Stance[Talent] Flowing Blade: ถ้าในสนามมีศัตรูที่ถูกทำให้ค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break จะทำการเพิ่ม Speed ให้กับ Sushang เท่ากับ 15/20/21% เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Technique] Knight Sword Art: Rush: ทำการโจมตีใส่ศัตรูทันที และเมื่อเข้าสู่การต่อสู้ จะสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูทั้งหมดเท่ากับ 50% ตามพลังโจมตีของ SushangTrailblazer หรือ MC (กายภาพ)ตัวละคร 5 ดาว Path - Destruction (ตัวทำความเสียหายทั่วไป)สกิล และความสามารถ[Basic Attack] Farewell Hit: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 50/100/110% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer [Skill] RIP Home Run: ทำความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 62/125/137% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer และทำความเสียหายใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ ด้วย [Ultimate] Stardust Ace: เลือกโหมดความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่ง โหมดที่ 1: สร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 300/450/480% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer โหมดที่ 2: สร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรู 1 ตัวเท่ากับ 180/270/288% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer และสร้างความเสียหายกายภาพใส่ศัตรูที่อยู่ข้าง ๆ เท่ากับ 108/162/172% ตามพลังโจมตีของ Trailblazer [Talent] Perfect Pickoff: แต่ละครั้งที่ Trailblazer ทำให้ศัตรูมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) เหลือ 0 หรือ Weakness Break ได้สำเร็จ จะทำการเพิ่มพลังโจมตีให้กับ Trailblazer เท่ากับ 10/20/22% โดยจะอยู่ได้เป็นระยะเวลา 2 เทิร์น [Technique] Immortal Third Strike: ทำการฮิลให้กับพันธมิตรทั้งหมดในทีมโดยจะเท่ากับ 15% ตามพลังชีวิตสูงสุดของพันธมิตรตัวนั้น ๆ เอง Cerdit:Prydwen.gg
16 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำธาตุทั้งหมดในเกม และความสามารถของแต่ละธาตุ
Honkai:Star Rail เป็นเกมน้องใหม่จากค่ายชื่อดังอย่าง Hoyoverse ที่กำลังจะเปิดตัวให้เราได้เล่นในช่วงปลายสิ้นเดือนนี้ โดยมี Gameplay ที่เป็นรูปแบบของ RPG Turn-based สลับฝั่งกันตีไปมากันแต่ละ Action ของตัวละครนั้น ๆ โดยที่ตัวเกมจะเป็นภาคต่อของเกมรุ่นพี่อย่าง honkai Impact 3rd ซึ่งมีการนำตัวละครเก่า ๆ จากเกม honkai Impact 3 กลับมาใช้กันแทบทุกตัวละครเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG Turn-based จึงไม่แปลกเลยที่จะมีระบบธาตุของตัวละครให้เราได้ทำความเข้าใจ และสนใจในธาตุอันนั้นด้วย โดยในวันนี้พวกเราเกม GameFeverTH ก็จะมาแนะนำระบบ Element (ธาตุ) ให้ทุกคนได้เข้าใจกันง่ายมากยิ่งขึ้น Elements (ธาตุ)ภายในเกม Honkai:Star Rail ตัวละครทุกตัวก็จะมีธาตุที่เป็นของตัวเอง ซึ่งการโจมตีของตัวละครเหล่านั้นก็จะขึ้นอยู่กับธาตุของตัวละครเหล่านั้นด้วยเช่นกัน โดยภายในเกม Honkai:Star Rail จะมีธาตุด้วยกันทั้งหมด 7 ธาตุภายในเกม ที่ให้เราได้เล่นกันในตอนนี้ Physical (กายภาพ)Fire (ไฟ) Ice (น้ำแข็ง) Lightning (ไฟฟ้า)Wind (ลม) Quantum (ควอนตัม) Imaginary (จินตภาพ) Elemental และ Combat ศัตรูภายในเกมจะมีค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีทั้งหมด 3 เกรดด้วยกัน โดยมันจะขึ้นแสดงอยู่บนหัวของศัตรูตัวนั้น ๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าภายในเกม Honkai:Star Rail นั้นจะไม่เหมือนกับเกม RPG เกมอื่น ๆ ที่ศัตรูจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติมจากธาตุที่ตัวเองแพ้ทาง แต่จะเปลี่ยนเป็นลดค่าความอ่อนแอต่อธาตุ (Elemental Weaknesses) ลงเรื่อย ๆ จนเหลือ 0 และจะทำดาเมจพิเศษเพิ่มเติมพร้อมกับมอบดีบัฟ (Debuff) ให้กับศัตรูแทน โดยจะขึ้นอยู่กับธาตุที่ทำให้ค่าความอ่อนแอต่อธาตุของศัตรูเหลือ 0 แทน ซึ่งแต่ละธาตุจะมอบดีบัฟ (Debuff) ให้กับศัตรูดังนี้ Physical (กายภาพ) - ฺBleed (เลือดไหล): ทำความเสียหายกายภาพเพิ่มเติม และทำให้ศัตรูติดสถานะ Bleed (สร้างความเสียหายกายภาพต่อเนื่อง)Fire (ไฟ) - Burn (เผาไหม้): ทำความเสียหายไฟเพิ่มเติม และทำให้ศัตรูติดสถานะ Burn (สร้างความเสียหายไฟต่อเนื่อง) Ice (น้ำแข็ง) - Freezes (แช่แข็ง): ทำให้ศัตรูติดสถานะ Freezes ซึ่งจะทำให้ศัตรูไม่สามารถ Take Action อะไรได้เลย และทำความเสียหายน้ำแข็งต่อเนื่อง Lightning (ไฟฟ้า) - Shock (ช็อค): ทำความเสียหายไฟฟ้าเพิ่มเติม และทำให้ตู้ติดสถานะ Shock (สร้างความเสียหายไฟฟ้าต่อเนื่อง) Wind (ลม) - Wind Shear (สายลมเชือดเฉือน): ทำความเสียหายลมเพิ่มเติม และทำให้ศัตรูติดสถานะ Wind Shear (สร้างความเสียหายลมต่อเนื่อง) Quantum (ควอนตัม) - Entanglement (ความพัวพัน) ทำให้ศัตรูสถานะ Entanglement ซึ่งจะทำให้ศัตรูกลับไปยัง Turn Order ของตัวเอง และทำความเสียหาย Quantum ต่อเนื่อง Imaginary (จินตภาพ) - Imprisonment (คุมขัง) ทำให้ศัตรูติดสถานะ Imprisonment ซึ่งจะทำให้ศัตรูกลับไปเริ่มยัง Turn Order ของตัวเอง และลด Speed (ความว่องไว) ของศัตรูลง หลังจากที่ศัตรูถูกลดค่าความอ่อนแอต่อธาตุจนเหลือ 0 และติดสถานะต่อท่านอนันต์ไปแล้ว การทำความเสียหายถ้าเพิ่มเติมในขณะนั้นจะไม่ทำให้ศัตรูเกิดผลกระทบต่อธาตุใดๆทั้งสิ้น แล้วในเทิร์นต่อไปค่าความอ่อนแอต่อธาตุของศัตรูจะถูกรีกลับมาเต็มเหมือนเดิม และสามารถทำให้ค่าความอ่อนแอต่อธาตุลดเหลือ 0 ได้อีกครั้งหนึ่ง ตัวละครทั้งหมดของแต่ละธาตุ Physical (กายภาพ)Fire (ไฟ)Ice (น้ำแข็ง)Lightning (ไฟฟ้า)Wind (ลม)Quantum (ควอนตัม)Imaginary (จินตภาพ)Credit: Rrydwen.gg
16 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail เรียนรู้ระบบพัฒนาตัวละครภายในเกม ให้แข็งแกร่งมากขึ้น
การอัปเกรดตัวละครภายในเกม Honkai: Star Rail จะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้เล่นสามารถเข้าไปท้าทาย และเอาชนะเนื้อหาที่ยากขึ้นที่เกมนำเสนอมาให้ โดยในวันนี้ทาง GameFever TH ก็ได้รวบรวมข้อมูลวิธีการพัฒนาตัวละครใน Honkai: Star Rail มาฝากกัน โดยจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นก็เชิญรับชมกันได้เลย !!วิธีการพัฒนาตัวละครใน Honkai: Star Rail มีด้วยกัน 5 วิธีได้แก่1. การอัปเลเวลตัวละคร    ตัวละครแต่ละตัวใน Honkai: Star Rail มีเลเวลของตัวเองตั้งแต่ 1 ถึง 80 และจะได้รับค่าสเตตัสเพิ่มเติมเมื่อเลเวลอัป โดยตัวละครของเราในตอนแรกจะสามารถอัปได้สูงสุดที่ 20 เลเวล และจะต้อง Ascension หรือปลดขีดจำกัดของมัน จึงจะสามารถอัปได้ต่อไปเรื่อย ๆ  จนสูงสุดที่ 80 ซึ่งการจะ Ascension ผู้เล่นจะต้องทำการรวบรวมวัตถุดิบที่หาได้จาก Crawling Shadow Bosses และศัตรูจาก Overworld( การอัปเลเวลตัวละคร )    นอกจากนี้แล้วเลเวล Trailblaze ของผู้เล่น (เลเวล Account) จะเป็นตัวกำหนดว่าเราสามารถอัปเลเวลตัวละครได้มากน้อยแค่ไหน เพราะผู้เล่นจะไม่สามารถ Ascension ให้เกินเลเวลที่กำหนดไว้ได้ เว้นแต่เลเวล Trailblaze ของผู้เล่นจะอยู่ในระดับที่เหมาะสม2. การอัปเลเวล Traces ของตัวละคร    Traces เป็นแผนผังการอัปเกรดสกิลของตัวละคร การปลดล็อกและอัปเกรดสกิลส่วนต่างๆ จะทำให้ตัวละคร รับโบนัสสเตตัส สกิลติดตัวแบบพิเศษ และการปรับปรุงสกิลทั้ง 5 ของตัวละคร Traces จะสามารถอัปเกรดได้โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้จาก Cocoon of Distortion ซึ่งเป็นรางวัลภารกิจ หรือก็สามารซื้อในร้านค้าได้เช่นกัน ( Traces )    นอกจากนี้ความสามารถในการอัปเกรด Traces จะเชื่อมโยงกับการ Ascension ตัวละครของผู้เล่น ดังนั้นเราจะต้องเพิ่มเลเวลตัวละครก่อน จึงจะสามารถอัปเกรด Trace ได้3. ปลดล็อก Eidolons ของตัวละคร    Eidolons คือการปรับปรุงความสามารถของตัวละคร หรือให้โบนัสสกิลติดตัวใหม่ ตัวละครแต่ละตัวมีการอัปเกรด Eidolon 6 ครั้ง โดยที่การอัปเกรด Eidolon แต่ละครั้งจะให้โบนัสที่แตกต่างกัน( Eidolons )    การอัปเกรด Eidolon สามารถปลดล็อกได้โดยการได้รับตัวละครซ้ำจาก Warps (ระบบกาชา) หรือผ่านภารกิจและกิจกรรมในเกม ยกเว้นอย่างเดียวคือตัวละครหลักของผู้เล่น จะสามารถรับการอัปเกรด Eidolon ผ่านภารกิจในเกมและรางวัลระดับ Trailblaze (เลเวล Account)4. Light ConesLight Cones คือไอเทมที่ตัวละครทุกตัวสามารถสวมใส่ได้ โดยมันจะเปรียบเสมือนกับอาวุธในเกม RPG เกมอื่น ซึ่งมันจะมอบโบนัสสถิติให้กับตัวละครที่สวมใส่อีกด้วย( Light Cones )5. Relics Relics ไอเทมที่ทำหน้าเป็น ชุดเกราะ และอุปกรณ์เครื่องประดับต่าง ๆ ให้กับผู้เล่นภายในเกม การสวมใส่ Relics นั้น จะช่วยให้ตัวละครของเรามีค่าสเตตัสที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม HP เพิ่มพลังโจมตี หรือบวกค่าสถานะต่าง ๆ เป็นต้น( Relics )Cr : Prydwen.gg
15 Apr 2023
[ไกด์เกม] Honkai: Star Rail แนะนำระบบ Relics ไอเทมสวมใส่เสริมสเตตัส
Honkai: Star Rai เกมใหม่แนว RPG จากผู้พัฒนาอย่าง HoYoverse ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งภายในเกมก็มีระบบทต่าง ๆ มากมายให้ผู้เล่นได้เข้าไปลองกัน ซึ่งวันนี้ GameFever TH ก็ได้หยิบหนึ่งในระบบที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมันก็คือ ' Relics ' ซึ่งเป็นระบบเกี่ยวกับการเพิ่มสเตตัสให้กับตัวละครของเราภายในเกม โดยในวันนี้ทาง GameFever TH ก็ได้รวบรวมข้อมูลของระบบนี้มาฝากกัน โดยจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นก็เชิญรับชมกันได้เลย !!    Relics คือไอเทมที่ทำหน้าเป็น ชุดเกราะ และอุปกรณ์เครื่องประดับต่าง ๆ ให้กับผู้เล่นภายในเกม การสวมใส่ Relics นั้น จะช่วยให้ตัวละครของเรามีค่าสเตตัสที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม HP เพิ่มพลังโจมตี หรือบวกค่าสถานะต่าง ๆ เป็นต้น( ระบบ Relics )    Relics จะถูกแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ซึ่งแต่ละชิ้นจะมีค่าสเตตัสหลักหนึ่งค่า และค่าสเตตัสย่อยสูงสุด 4 ค่า ขึ้นอยู่กับประเภทของ Relics โดยค่าสเตตัสหลักที่สามารถมีได้ของ Relics แต่ละประเภทจะมีด้วยกันดังนี้- Head (ส่วนหัว) : HP- Hands (ส่วนมือ) : ATK- Body (ส่วนตัว) : HP%, ATK%, DEF%, Crit Rate%, Crit DMG%, Outgoing Healing Boost%, Effect Hit Rate%- Feet (ส่วนเท่า) : HP%, ATK%, DEF%, Break Effect%, Speed- Planar Sphere : HP%, ATK%, DEF%, Elemental Damage Boost*- Link Rope : HP%, ATK%, DEF%, Break Effect%, Energy Regen Rate%* Elemental Damage Boost จะเป็นการเพิ่มให้หนึ่งใน 7 ของธาตุเท่านั้น ไม่ใช่เพิ่มความเสียหายให้กับทุกธาตุ    ค่าสเตตัสย่อยของ Relics จะออกมาแบบสุ่มอย่างไม่ถูกจำกัด ไม่เหมือนกับค่าสเตตัสหลักของ Relics ซึ่งค่าสเตตัสย่อยที่สามารถสุ่มได้จะมีด้วยกันดังนี้- HP- ATK- DEF- HP%- ATK%- DEF%- Crit Rate%- Crit DMG%- Effect Hit Rate%- Effect RES%- Break Effect%- Speed    Relics ยังสามารถเพิ่มระดับเพื่อเพิ่มโบนัสให้กับค่าสเตตัสหลักได้ ส่วนสเตตัสย่อยจะออกมาเมื่อผู้เล่นได้รับ หรืออัปเกรดไอเทม และไม่สามารถเปลี่ยนได้ Relic มีระดับความหายากตั้งแต่ 2 ดาวถึง 5 ดาว ยิ่งของหายากมากเท่าไหร่ วัตถุชิ้นนั้นก็จะมีระดับค่าสเตตัสพื้นฐาน และสามารถอัปเกรดได้มากขึ้นเท่านั้นนอกจากนี้ หาก Relic มีสเตตัสย่อยน้อยกว่า 4 สถานะ จะได้รับสเตตัสย่อยแบบสุ่มใหม่ หาก Relict มีสเตตัสย่อย 4 สถานะอยู่แล้ว สเตตัสย่อยแบบสุ่มจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนแบบสุ่มความหายากสีMax levelจำนวนของสเตตัสย่อยจำนวนการปลดล็อคจำนวนการอัปเกรด2★เขียว+60203★น้ำเงิน+91 - 22 - 30 - 14★ม่วง+122 - 31 - 23 - 45★ทอง+153 - 404 - 5Set effectsนอกจากนี้ Relics ยังมาเป็น Set และการสวมใส่ Relics หลายชิ้นจาก Set เดียวกันจะมอบโบนัสเพิ่มเติมให้กับตัวละคร โดย Set จะมีทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกัน- Relics Sets : มอบโบนัส 2 และ 4 ชิ้น ซึ่งจะปรากฏบน Head, Hands, Armor และ Feet เท่านั้น- Planetary Ornaments Sets : ให้โบนัสเพียง 2 ชิ้นและจะปรากฏบน Planar Sphere และ Link Rope Relics เท่านั้น( Set Relics )Craftingเมื่อมาถึงจุดหนึ่งของเกม ผู้เล่นจะปลดล็อก Relic Synthesis ระบบที่จะช่วยให้เราสามารถสร้าง Relic ประเภทใดก็ได้ โดยการย่อย Relic ชิ้นอื่นที่ไม่ต้องการให้เป็นเศษ จากนั้นใช้เศษชิ้นส่วน 10 ชิ้นเพื่อสร้าง Relic ชิ้นใหม่ออกมา แต่ถึงอย่างนั้น ค่าสเตตัสหลักที่ได้มาจะเป็นแบบสุ่ม เว้นแต่ว่าผู้เล่นจะใช้ Self-Modeling Resin( Relic Synthesis ระบบ Crafting )( Self-Modeling Resin )Cr : Prydwen.gg
12 Apr 2023
ฺ[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบขนนกเพิ่มสเตตัส Valkyrie Feather
หลังจากที่คุณเล่นเกม Ragnarok Origin คุณจะเริ่มปลดล็อคฟังก์ชั่นต่าง ๆ ในเกมระหว่างการผจญภัยตามเลเวลที่เพิ่มขึ้นในการเล่น แต่จะมีระบบนึงที่น่าสนใจที่จะช่วยเพิ่มพลังให้คุณมหาศาลคือระบบ Valkyrie Feather ที่จะปลดล็อคมาในช่วงเลเวลประมาณ 40 ขึ้นไป ระบบนี้จะทำให้คุณสามารถเพิ่มค่าพลังต่าง ๆ ได้จากการสวมใส่ขนนกรวมไกด์เกม Ragnarok Originการปลดล็อคช่องในสวมใส่ขนนกคุณสามารถปลดได้จากเลเวลที่เพิ่มขึ้นโดยจะสลับกันไปมาระหว่างดาบและโล่ จะมีทั้งในระบบ PVE และ PVP ขนนกในเกมจะมีทั้งหมด 3 สีขนนกสีแดงจะช่วยเพิ่มพลังโจมตี ขนนกสีดำจะช่วยเพิ่มในเรื่องการป้องกัน และ ขนนกสีขาวจะเป็นแบบ Mix ที่เพิ่มทั้งพลังโจมตี และการป้องกันระดับขนนกระดับต่ำ - พื้นหลังสีฟ้าระดับกลาง - พื้นหลังสีม่วงระดับสูง - พื้นหลังสีทองชนิดของขนนกสีแดง - ขนนกที่เน้นดาเมจสีดำ - ขนนกที่เน้นป้องกันสีขาว - ขนนกตรงกล่างที่เน้นดาเมจ และป้องกันการอัพเกรดขนนกขนนกในเกมที่ซ้ำกันคุณสามารถนำมาอัพเกรดขนนกเพื่อเพิ่มค่าพลังให้กับคุณได้ สามารถอัพเกรดขนนกได้ โดยจะเรียกเป็นลำดับขั้น Tier ไปเรื่อย ๆ ยิ่งขนนกระดับสูงก็ยิ่งใช้ขนนกในการอัพเกรดจำนวนมากฉะนั้นคุณควรคิดก่อนจะอัพเกรดทุกครั้งเทคนิคในการสวมใส่ขนนกสำหรับคนนกนั้นในการใส่ไปทุกครั้ง ตัวระบบจะมีค่า Set ที่จะบอกว่าเรานั้นจะได้รับโบนัสใด ๆ บ้างในการใส่ขนนกสีต่าง ๆ อย่างเช่น และถ้าหากเราอัพเกรดถึงขั้นสูงสุดแล้วนั้นเราจะได้รับโบนัส Set Attrubute ที่เราจะได้รับดาเมจ หรือค่าป้องกันที่มากขึ้น แถมทุก ๆ ขนนกที่เราทำการอัปเกรดให้ Tier สูงขึ้น เราจะได้รับโบนัสที่สูงขึ้นด้วย (แต่เราจะต้องอัพทุกขนนกให้ Tier เท่ากัน เพราะตัวระบบจะคิดโบนัสขนนก Tier ที่น้อยที่สุด)ตัวอย่างการสวมใส่สีทอง 1 ม่วง 3 ทุกขนนกอัพเกรดถึง Tier 5 ซึ่งเราจะจะได้ P. ATK / M.ATK +17 และได้ Attack States +14% แต่ถ้าหากอัพเกรดให้ Tier สูงสุดตัวเกมจะมีบอกเลยว่า Set เราที่ใส่นั้นจะได้รับโบนัสสูงสุดเท่าไรการหาขนนกการได้รับขนนกในเกมคุณสามารถหาจากทั้งหมด 4 วิธีROShop และ Pointตัวขนนกเราสามารถหาซื้อได้โดยใช้ Nyan Berry Shop ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขนนกระดับสีทองที่เลเวลสูงมาก ๆ แน่นอนว่าตัวขนนกก็จะมีการบวกสเตตัสที่เพิ่มมากขึ้นด้วยหรือจะซื้อใน Diamond Shop ที่จะสามารถซื้อขนนกสีแดง และดำ ระดับสีทองได้อย่างละ 20 ชิ้นต่ออาทิตย์Guild Vending Machineสำหรับคนที่ทำกิจกรรมกิลด์เป็นประจำ ท่านสามารถใช้แต้ม Guild Contribution ในการแลกกล่องขนนกได้เช่นกัน ซื้อจะสามารถแลกกล่องขนนกทอง และม่วงได้อย่างละ 20 กล่องแลกขนนกในเกมคุณสามารถเอาขนนกที่ไม่ได้ใช้ ไปย่อยเป็นเศษขนเพื่อนำไป Craft ขนนกให้ตรงกับสายที่คุณอยากได้ใน Feather Shop ตามเมืองต่าง ๆกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะมีดรอปขนนกเช่นกันอย่างเช่นดันเจี้ยน Helheim Nightmare และกิจกรรมกิลด์ Guild Expedition 
06 Apr 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำทั้ง 6 สายอาชีพ พร้อมแนะนำ Build สายการเล่นสุดฮิต
Ragnarok Origin เป็นเกมมือถือจากซีรีส์ Ragnarok ที่ถือว่ามาแรงที่สุดในปี 2023 นี้ โดยตัวเกมมีสายอาชีพให้เล่นมากพอสมควร รวมถึงแต่ละสายก็สามารถที่จะแตกแขนงออกไปได้อีก ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาแนะนำทั้ง 6 สายอาชีพ พร้อมทั้งอธิบายจุดเด่น และจุดด้อยของแต่ละสายอาชีพพร้อมแนะนำสายอาชีพสุดฮิตที่คนนิยมเล่น เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นครับรวมไกด์เกม Ragnarok OriginSwordman Classอาชีพสายนักดาบที่มีจุดเด่นคือดาเมจที่ค่อนข้างรุนแรง และมีเลือดที่สูงมาก เหมาะกับการเล่นเป็นตัวแนวหน้า Tank ให้กับเพื่อนและทำดาเมจสุดโหดพร้อมกันไปด้วย เหมาะทั้งเก็บเลเวล กิลด์วอร์ และ PvP แต่ข้อเสียก็คือการเล่นจะค่อนข้างใช้ของเยอะและใช้เวลาซักนิดถึงจะเก่ง เปลี่ยนอาชีพKnight (เลเวล 40) ---> Lord Knight (เลเวล 70)สายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Lord Knight สายหอก Spiral Pierce ถึกทน ดาเมจโหด[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Lord Knight สายดาบ ASPD CRI ตีไว สะใจArcher Classนักธนูถือว่าเป็นอาชีพสุดฮิตสำหรับนักธนูถือว่าเล่นง่าย แถมบางสายยังเหมาะกับมือใหม่มาก ๆ มีดาเมจที่หนักไม่ต้องใช้ของเยอะปิดมอนสเตอร์ได้ง่าย ๆสายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Sniper สายนก ADL ยิงเร็วดั่งพายุ[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Sniper สาย Trap วางกับดัก (เหมาะกับมือใหม่)Acolye Classพระในเกม Ragnarok Origin ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวซัพอย่างเดียว แต่ยังเป็นอาชีพที่สามารถสร้างดาเมจที่รุนแรงได้ด้วย ตัวละครเล่นง่าย ใคร ๆ ก็ต้องการเพราะมีบัพต่าง ๆ หรือสกิลที่สามารถฮีลเพื่อนได้ การลงดันระดับ Hard จะต้องมีพระในตี้อย่างน้อย 1 คนเปลี่ยนอาชีพPriest (เลเวล 40) ---> High Priest (เลเวล 70)สายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Priest สาย Magnus Exorcismus เป็นพระก็ดาเมจแรงได้ (แนะนำสายนี้ ดาเมจแรง มีฮีล)[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Priest สาย Full Support ช่วยเหลือเพื่อนทั้งลงดัน เก็บเลเวล และล่าบอส (สายเอาไว้เป็นตัวรองเดินตาม)Merchant Classพ่อค้าเป็นสายที่สามารถสร้างดาเมจที่รวดเร็วและรุนแรงได้ แถมพ่อค้ายังมีบัพเพิ่มการโจมตีกายภาพให้กับปาร์ตี้ด้วย ถือว่าเป็นอาชีพที่มีประโยชน์ต่อการลงดันมาก ๆเปลี่ยนอาชีพBlacksmith (เลเวล 40) ---> Mastersmith (เลเวล 70)สายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Mastersmith สายปาขวาน Axe Termination (Rolling Cutter)[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Merchant สายรถเข็นทุบ Cart TerminationThief Classอาชีพโจรน่าจะเป็นอาชีพที่คนไทยเราชอบเป็นพิเศษ เพราะตัวอาชีพนี้ค่อนข้างมีบุคลิกที่เท่มาก ๆ แถมมีการโจมตีที่รวดเร็ว ข้อเสียคือสกิลส่วนใหญ่จะเป็นการโจมตีเดี่ยวเปลี่ยนอาชีพAssassin (เลเวล 40) ---> Assassin Cross (เลเวล 70)สายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Assassin Cross สาย Grimtooth[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Assassin Cross สายมีด Red Cut ตีเร็ว แรง เล่นง่ายMage Classอาชีพนักเวทย์ที่มีดาเมจการโจมตีที่รุนแรง และโจมตีหมู่ เหมาะเอาไว้ทั้งลงดันเจี๊ยน MVP หรือกิลดิ์วอร์ ข้อเสียคือสกิลที่ร่ายจะค่อนข้างช้าเปลี่ยนอาชีพWizard (เลเวล 40) ---> High Wizard (เลเวล 70)สายยอดฮิตที่คนเล่น[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Wizard สายเวทหลัก Gravitation Field ดาเมจแบบหนัก ๆ
03 Apr 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบการตีบวกอุปกรณ์ Refinement
Ragnarok Origin เกมจากซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Ragnarok Online ที่หลาย ๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หรือแม้แต่บางคนอาจจะเคยเล่นกันมาแล้ว ซึ่งด้วยความที่เป็นเกมแนว RPG เก็บเวลก็มักจะมีระบบมากมายให้เราได้สนุกไปกับระบบต่าง ๆ เหล่านั้นที่ทางตัวเกมได้เตรียมไว้ให้ แล้วถ้าจะพูดถึงเกมแนว RPG แล้วการตีบวกอาวุธ ชุดเกราะและอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ ก็คงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยทีเดียว เพราะเป็นส่วนสำคัญของเกมแนว RPG ที่จะทำให้อุปกรณ์ของคุณนั้นแข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง ในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาแนะนำระบบ Refinement หรือระบบตีบวกอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไกด์เกม Ragnarok Originระบบการตีบวกอุปกรณ์ Refinement คืออะไร เรื่องที่คุณต้องรู้เป็นอันดับแรกก่อนเลยก็คือระบบการตีบวกอุปกรณ์ Refinement จะเปิดให้คุณใช้งานเมื่อ Level ตัวละครของคุณถึง 35 ขึ้นไปเท่านั้น โดยคุณสามารถไปหา NPC Equipment Smelter ที่มีชื่อว่า Holgrehenn ที่จะเป็นตัวละครร้านตีบวกอาวุธและอุปกรณ์ที่คุณต้องการผ่าน NPC Holgrehen ตัวนี้ได้เลย การตีบวกแบบปกติ การตีบวกแบบปกตินั้นจำเป็นจะต้องใช้ Orideocon หรือ Erunium ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เป็นวัสดุที่จำเป็นต่อการตีบวกอุปกรณ์ของคุณแต่ละครั้ง และทุก ๆ การตีบวกแต่ละครั้งก็จำเป็นจะต้องใช้ Paradise Coins ด้วย ยิ่งเลเวลสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้แร่ และ Paradise Coins มากขึ้นเท่านั้น และคุณสามารถตีบวกอุปกรณ์ในระดับนี้ได้ตั้งแต่ +1 ถึง +10 เท่านั้น และตั้งแต่ระดับ 11 ขึ้นไปจะใช้แร่ที่เป็นขั้นสูงกว่าอย่าง Enriched Orideocon หรือ Enriched Ernium ซึ่งจำเป็นต่อการตีบวกตั้งแต่ระดับ 11 ขึ้นไป และแน่นอนว่าการตีบวกแต่ละครั้งก็ไม่ได้การันตีว่าจะติด 100% เสมอไป ยิ่งอุปกรณ์นั้นมีการอัปเกรดที่สูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะตีแตกเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นการตีบวกก็จะมีจุด Safe ให้เรา โดยจะมีจุดในทุก ๆ 3 เลเวลก็คือ +3 +6 +9 +12 +15 ยกตัวอย่างเช่นถ้าขึ้นบวก 6 ได้แล้วนั้น ต่อให้เราตีอาวุธล้มเหลว เราจะไม่มีทางตกไปต่ำกว่าบวก 6 เป็นต้น ทำให้หลาย ๆ คนพยายามเน้นตีบวกให้ถึงจุดเซฟกันนอกจากนี้ถ้าคุณตีบวกไม่ติดเรื่อย ๆ คุณจะได้รับค่าความโชคดีให้คุณมีโอกาสในการตีบวกติดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันBlessed Refinement การตีบวกแบบพิเศษAdvanced Smelting หรือการตีบวกแบบพิเศษนั้น คุณสามารถทำได้โดยการ เลือกวัสดุที่ใช้สำหรับการตีบวกระดับปกติ และสามารถเลือกจะใช้ไอเทม Blessed Armor God และ Blessed Weapon God ซึ่งจะเกิดขึ้นตอนที่คุณ +4 +5 +7 +8 +10 +11 +13 +14 ขึ้นไป ข้อดีก็คือถ้าหากคุณใส่ไอเท็มนี้เข้าไปด้วย มันจะทำให้เวลาที่คุณตีล้มเหลว เลเวลตีบวกจะไม่ลดลงไปนั่นเองคำแนะนำในการตีบวกสำหรับในช่วงแรก ๆ ในเน้นการตีบวกอาวุธ และประดับเป็นหลัก เพราะจะทำให้ดาเมจของเราสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด เพื่อให้เรามีโอกาสปิดมอนสเตอร์ได้ง่ายขึ้น และทำให้เก็บเลเวลไวขึ้น ส่วนพวกอาวุธต่าง ๆ แนะนำค่อย ๆ ตีขึ้นไปเป็นลำดับขั้นก็คือ +3 +6 และ +10 เพราะตัวเกมจะมี Set การตีบวกที่จะเพิ่มความสามารถให้กับเราด้วย โดยผู้เขียนของเกือบทั้งตัว +6 ขึ้นไป ซึ่งจะได้รับค่า All Attribute 2 เป็นต้น (สำหรับสายงบไม่เยอะ แรก ๆ อาจจะเน้นตี ชุดและประดับ +6 (ส่วนอาวุธถ้ามีของเยอะค่อย ๆ ตีขึ้นให้ได้ +10 เพราะอาวุธพิเศษ ส่วนใหญ่จะได้สเตตัสเพิ่มเติมถ้าอาวุธบวก 10 นั่นเอง)
27 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin วิธีปลดล็อค Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) และเควสรายวัน Cat Top
Ragnarok Origin มีระบบมากมายให้คุณได้เล่น และได้เพลิดเพลินไปกลับเกมเพลย์ และภารกิจเหล่านั้น แน่นอนว่ารวมไปถึงเควสรายวันที่เป็นพื้นฐานของเกมเก็บเวลทุก ๆ เกมที่จะต้องมีอยู่แล้วเพื่อให้ผู้เล่นได้เข้ามาเล่นเกมทุกวันและได้พัฒนาตัวละครในทุก ๆ วันนั่นเอง โดยหลังจากผ่านช่วง Content ต้นเกมมาแล้วก็จะมีระบบที่เรียกว่า Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มสเตตัสของตัวละครของคุณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าเป็นระบบที่คุณไม่สามารถมองข้ามได้เลยเพราะมีผลต่อการเติบโตของตัวละครของคุณ โดยในวันนี้ทางเรา GameFever TH จะนำทุกท่านมารู้จักกับ Reputation Medal กันว่ามีความสำคัญอย่างไร และจะหาได้จากที่ไหนบ้างรวมไกด์เกม Ragnarok Originระบบ Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) เป็นระบบที่จะคอยมอบเพิ่มสเตตัสพิเศษให้กับตัวละครของคุณเมื่อคุณทำการอัพเกรดแล้วเปิดใช้งานมัน โดย Reputation medal จะทำการปลดล็อคเมื่อคุณ Level ถึง 45 นั่นเองภายในเกม Ragnarok Origin ณปัจจุบันนี้ยังมี Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) ที่คุณสามารถอัพเกรดแล้วเปิดใช้งานความสามารถของมันเพื่อเสริมสเตตัสพิเศษได้อยู่ 7 ชิ้นด้วยกัน โดยจะมี Medal 4 ชิ้นที่จะสามารถเพิ่มสเตตัสของตัวละครของคุณได้ และมี Medal อีก 3 ชิ้นที่สามารถเพิ่มสเตตัสของ Mercenery ได้ Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) คุณจะสามารถได้รับจากการทำเควสรายวันจาก Reputation Medal Box ซึ่งจะมีการกำหนดจำนวนการใช้ได้ในแต่ละวันด้วย โดยถ้าหากคุณหวังจะใช้เพียงแค่ Reputation Medal Box เพื่อทำการอัพเกรด Medals ของคุณโดยที่ไม่ได้ทำเควส Cat Top รายวันเลย คุณจะตามผู้เล่นคนอื่นไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำเควส Cat Top รายวันด้วยเพื่อทำให้สามารถอัพ Reputation Medal ได้ไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ Reputation Medal Box สามารถหาซื้อได้จาก RO Shop เลย จะทำการปลดล็อค Reputation Medal (เหรียญเกียรติยศ) ได้อย่างไรก่อนที่คุณจะสามารถทำเควสรายวัน Cat Top ได้นั้น คุณจะต้องมีเลเวลขั้นต่ำอยู่ที่ 45 ขึ้นไป และต้องเคลียร์เควสเพื่อปลดล็อคก่อน โดยที่คุณสามารถได้รับเควสจากการเข้าไปคุยกับ NPC แมวที่มีชื่อว่า Captain Jack ที่อยู่ใน Alberta เพื่อรับเควสปลดล็อคได้เลย และหลังจากที่คุณคุยกับ NPC เพื่อทำการปลดล็อคภารกิจแล้ว คุณจะได้รับภารกิจให้ออกล่า Marine Sphere ที่อยู่ใน Byalan Dungeon โดยจะมีระดับความยากอยู่ที่ระดับ 2 ซึ่งเนื้อหาของภารกิจก็ง่าย ๆ เพียงแค่รวบรวมไอเทม 5 อย่างจาก Marine Sphere เท่านั้น และหลังจากที่คุณทำการเก็บรวบรวมไอเทมครบหมดแล้ว ก็ให้กลับไปหา Captain Jack ที่ Alberta เพื่อทำการส่งเควสได้เลย เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำการอัพเกรด Reputation Medal ทั้ง 7 เหรียญได้แล้ว พอทำเควสเสร็จต่อวัน เราจะได้รับภารกิจ Daily Commission ต่อวันที่จะให้คุณนั้นไปช่วย Captain Jack หาของต่าง ๆ เพื่อโหลดขึ้นรถไฟบรรทุกสินค้า ซึ่งเราจะต้องหาของมาใส่ให้ครบ (ถ้ามี Kafra VIP จะสามารถทำได้สองครั้ง ซึ่งพอทำเสร็จเราจะได้แต้มมาทำการอัพเกรด Reputation Medal นั่นเอง
27 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบ Life Skill ยา และ อาหารเพิ่มบัพให้ตัวละคร
Ragnarok Origin เป็นเกม Ragnarok อีกเกมที่พัฒนาโดย Gravity ที่กำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตัวเกมเวอร์ชันนี้ก็มีระบบที่น่าสนใจอย่าง Life Skill  ที่จะทำให้ผู้เล่น มีกิจกรรมฆ่าเวลา ยังทำให้คุณได้รับอาหารหรือยาชั้นเยี่ยมที่จะช่วยเพิ่ม Status ให้คุณระบบ Life Skillระบบ Life SKill คุณสามารถไม่สามารถปลดล็อคได้ในช่วงต้นเกมคุณต้องผจญภัยไปจนถึงเลเวล 40 เพื่อปลดล็อก Life Skill เควส "Lern About Life Skill" จาก Kafra เมื่อปลดล็อกSkill Life มาทั้งหมด 4 สกิล1.Cooking - สกิลการทำอาหาร2.Phramacy - สกิลการปรุงยา3.Meal Perp - การเตรียมอาหาร4.Advanced - สกิลปรุงยาขั้นสูงการหาวัตถุดิบวัตถุดิบในเกมคุณสามารถหาได้จาก 2 วิธี คือ "การตกปลา" และ "การเก็บเกี่ยว" การตกปลา : จะทำให้คุณได้รับวัตถุดิบในการทำอาหาร เช่น ปลา กุ้ง ปู และวัตถุดิบอื่น ๆ อย่างเปลือกหอย สาหร่าย คุณสามารถทำการ การตกปลาอัตโนมัติถ้าคุณมีสมุด Auto Fishing Book สามารถใช้ได้เล่มละ 10 นาทีการเก็บเกี่ยว : วัตถุุดิบส่วนมากใช้ทั้งในการทำอาหาร และ ปรุงยาคุณสามารถได้จากการเก็บสมุนไพร โดยการ เก็บเกี่ยวอัตโนมัติ คุณสามารถรวบรวมอัตโนมัติโดยใช้รายการรวบรวมอัตโนมัติได้โดยใช้ Auto Gathering Scroll สามารถใช้ได้ม้วนละ 10 นาทีการอัพเกรดระดับในการทำอาหารอัปเกรดระดับการทำอาหาร และการปรุงยาของคุณโดยใช้ Cooper เพื่อให้คุณสามารถสร้างอาหารและยาระดับสูงขึ้นได้ การหา Copper สามารถหาได้จากการขายไอเทม และการทำเควสคุณสามารถปลดล็อกการเตรียมอาหารได้เมื่อเลเวลการทำอาหารถึงระดับที่กำหนด อาหารหรือยาที่ถูกสร้างขึ้นในระดับสูงจะช่วยเพิ่ม Status ให้กับผู้ใช้อย่างมากจุดที่ทำอาหารในเกม Ragnarok Origin    การปรุงยาหรือทำอาหารในเกมคุณจะต้องไปที่จุดปรุงยาหรือครัวใน Eden Group คุณสามารถกดที่สัญลักษณ์ Life Skill ให้นำทางคุณมาที่ Eden Group ได้รายชื่ออาหารระดับเริ่มต้นชื่ออาหารสถานที่เพิ่มขึ้นMix - Filling Onigiriเพิ่ม Max HpSteamed Crab Nippersเพิ่ม Hp และ Sp เล็กน้อยCaviarเพิ่ม Hit และ FleeChewy Noodleเพิ่ม Melee Physical DamageBasilac Clamเพิ่ม Range Physical DamageCrab Sticksเพิ่ม Magic DamageFresh Shrimpเพิ่ม ASPDTuna Kebabเพิ่ม Cri และ Cri DamageScallop Congeeลด Casting Timeรายชื่ออาหารระดับสูงชื่ออาหารสถานที่เพิ่มขึ้นPrawn Sushiเพิ่ม Melee Physical Damage 15% และ Max Hp 500Prawn Sushiเพิ่ม ASPD +10% และ Max Hp 500Scallop Sushiเพิ่ม Range Physical Damage 15% และ Max Hp 500Crab Sushiเพิ่ม Magic Defense, Magic Damage 15% และ Max Hp 500Tuna Sushiเพิ่ม Cri +8, Cri Damage 10% และ Max Hp 500Caviar Sushiเพิ่มค่า Hit +15, Flee+15 และ Max Hp 500Seafood Fried RiceVariable Cast -10%, Fixed Cast -5% และ Max Hp 500Shrimp Sauce with Noodlesเพิ่ม Melee Physical Damage 15% และ ASPD 5%Seafood Fried Noodleเพิ่ม Melee Physical Damage 15%, Cri +4  และ Cridamage +5%Caviar With Noodleเพิ่ม Melee Physical Damage 15%, Hit +7 และ Flee+7Scallop And Seafood Noodlesเพิ่ม Melee Physical Damage 15%, Variable Cast -5% และ Fixed Cast -3%Yesso Scallopเพิ่ม ASPD+10%, Range Atk Damage +7%Crab Sticks with Shrimp Sauceเพิ่ม ASPD+10%, Range Magic Atk +7%Shrimp And Tuna with Riceเพิ่ม ASPD+10%, Cri+4 และ Cri Damage +5%Caviar with Shrimp Sauceเพิ่ม ASPD+10%, Hit+7 และ Flee +7Scallop Congree with Shrimp Sauceเพิ่ม ASPD+10%, ลดเวลาการร่าย 5% และ  คูลดาวน์ 5Seafood Cuisineเพิ่ม Range Physical Damage 15%, Cri +4  และ Cridamage +5%Special Stir-fried Clamsเพิ่ม Range Physical Damage 15%, Hit +7  และ Flee +7Yesso Scallop with Seafood Congeeเพิ่ม  Range Physical Damage 15%, Variable Cast -5% และ Fixed Cast -3%Seafood Skewersเพิ่ม Magic Defense, Magic Damage 15% และ Cri +4 Cridamage +5%Caviar and Crab Rollเพิ่ม Magic Defense, Magic Damage 15% Hit +7 และ Flee+7 Scallop and Crab Congeeเพิ่ม Magic Defense, Magic Damage 15% และ ลดเวลาการร่าย 5% และ  คูลดาวน์ 5Special Tuna Kebabเพิ่ม Cri +8, Cri Damage 10%, Hit +7  และ Flee +7Scallop and Tuna Congeeเพิ่ม Cri +8, Cri Damage 10%, Variable Cast -5% และ Fixed Cast -3%Deluxe Scallop Congeeเพิ่ม Hit+15, Flee+15, Variable Cast -5% และ Fixed Cast -3%รายชื่อยาระดับเริ่มต้นชื่อยาสถานที่เพิ่มขึ้นVIT Potionเพิ่มค่า VIT+5 เป็นเวลา 60 นาทีAGI Potionเพิ่มค่า AGI+5 เป็นเวลา 60 นาทีSTR Potionเพิ่มค่า STR+5 เป็นเวลา 60 นาทีINT Potionเพิ่มค่า INT+5 เป็นเวลา 60 นาทีDEX Potionเพิ่มค่า DEX+5 เป็นเวลา 60 นาทีLUK Potionเพิ่มค่า LUK+5 เป็นเวลา 60 นาทีรายชื่อยาระดับสูงชื่อยาสถานที่เพิ่มขึ้นSTR+INT Potionเพิ่มค่า STR+15, INT+7STR+AGI Potionเพิ่มค่า STR+15, AGI+7STR+DEX Potionเพิ่มค่า STR+15, DEX+7STR+VIT Potionเพิ่มค่า STR+15, VIT+7STR+LUK Potionเพิ่มค่า STR+15, LUK+7INT+AGI Potionเพิ่มค่า INT+15, AGI+7INT+DEX Potionเพิ่มค่า INT+15, DEX+7INT+VIT Potionเพิ่มค่า INT+15, VIT+7INT+LUK Potionเพิ่มค่า INT+15, LUK+7AGI+DEX Potionเพิ่มค่า AGI+15, DEX+7AGI+VIT Potionเพิ่มค่า AGI+15, VIT+7AGI+LUK Potionเพิ่มค่า AGI+15, LUK+7DEX+VIT Potionเพิ่มค่า DEX+15, VIT+7DEX+LUK Potionเพิ่มค่า DEX+15, LUK+7VIT+LUK Potionเพิ่มค่า VIT+15, LUK+7
19 Mar 2023
ฺ[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ระบบ Daily Commission แต่ละเควสให้ทำอะไรบ้าง
Ragnarok Origin ในแต่ละวันเราจะมีแต้มประจำวันที่จะให้เราได้ทำเควส Daily Commission ซึ่งจะเป็นเควสประจำวัน และจะมีเควสให้เลือกทำได้มากมาย จนกว่าแต้มประจำวันเราจะหมด แต่ถึงอย่างนั้นในระบบนี้ก็มีเควสให้เราได้ทำเยอะมาก ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็คงจะเน้นทำเควสเดิม ๆ ทุกวันเพราะขี้เกียจไปศึกษาเควสอื่น ๆ ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมาอธิบายทุกเควสของ Daily Commmission ทั้งหมดว่าแต่ละเควสให้ทำอะไรบ้างรวมไกด์เกม Ragnarok OriginDemon Treasureสำหรับเควส Demon Treasure ตัวเกมจะให้เราไปที่ Prontera West Gate หรือ South Gate เพื่อช่วยเหลือ Deviruchi ที่ติดเถาวัลย์จำนวน 10 ตัวซึ่งจะทำให้เราได้ของรางวัลต่าง ๆ พวกวัตถุดิบการคราฟต์ หรือเงินต่าง ๆCat Paw Caravanจะเป็นเควสที่ให้คุณได้รับเหรียญ Fame ซึ่งสามารถเอาไปอัพ Medal เพิ่มสเตตัสให้กับคุณได้ โดยตัวเควสจะให้คุณหาของมาใส่เรือแมวตามที่กำหนด ซึ่งจะทำได้สามเควสต่อวันAdvance Monster Researchตัวเควสจะให้คุณต้องจัดการ Elite Monsters จำนวน 1 ตัว ฆ่า Mini Boss จำนวน 1 ตัว และมีส่วนร่วมในการฆ่า MVP จำนวน 1 ตัวAnthem Trialเควสลงดันเจี๊ยนที่จะให้คุณได้หมุนวงเวียนสุ่มมอนสเตอร์ทั้งหมด 3 สังเวียน จัดการให้หมดเควสถึงจะผ่าน (ลงเป็นปาร์ตี้ได้)Hazy Forestลงดันเจี๊ยนที่จะให้คุณต้องผจญภัยให้ถึงที่หมาย (ลงเป็นปาร์ตี้ได้)Geffen Ruinลงดันเจี๊ยนเขาวงกต ที่คุณจะต้องถือคบเพลิง ไปต่อไฟให้ครบ 5 จุดโดยหลีกเลี่ยงการโจมตีจากมอนสเตอร์ไปด้วยDexterity Trialเควสมินิเกมหลบการโจมตีจากศัตรูที่ปาสิ่งของมาใส่เราArunafeltz Espionageเควสสะกดรอยตามเป้าหมาย ให้เดินตามเป้าหมายอย่าให้จับได้จนถึงจุดเควสก็จะเสร็จItem Collectingให้ไปตีมอนสเตอร์และเก็บของจากมอนสเตอร์ตัวนั้นNature's Giftsให้คุณตกปลาจำนวน 60 ตัว (สามารถตกแบบ Auto ได้)Monster Trialให้จัดการมอนสเตอร์ที่เลเวลสุงกว่าคุณ หรือเลเวลปัจจุบันของเลเวลเซิร์ฟเวอร์จำนวน 50 ตัวWhite Wing Trainingเควสที่จะให้คุณต้องไปจัดการมอนสเตอร์ 20 หรือหาของจากมอนสเตอร์ Dance Partyกิจกรรมเต้น (ยื่นทิ้งตัวไว้) หน้าลานกว้างของ Prontera สามารถเลือกได้ว่าจะเต้น 15 นาที (20 แต้ม) หรือ 30 นาที (40แต้ม)Road Viewจะเป็นกิจกรรมที่ให้คุณนั้นต้องไปถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ภายในเมือง
17 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin อยากรีดดาเมจให้ได้มากที่สุด ทำยังไงให้ตัวละครเก่ง มีจุดไหนต้องโฟกัสบ้าง
Ragnarok Origin ภายในเกมนี้มีระบบหลายอย่างมากนอกจากการอัพสเตตัสและสกิลที่จะช่วยให้ตัวละครของเรานั้นเก่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมารวมทุกระบบที่น่าสนใจอะไรบ้างที่จะทำให้ตัวละครของเราเก่งมากขึ้น และสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ต่าง ๆ ได้รวมไกด์เกม Ragnarok OriginRefinementการตีบวกจะเป็นการเพิ่มดาเมจ หรือค่าป้องกันให้กับคุณอย่างดี รวมถึงไอเท็มระดับสูง ๆ ก็จะบวกสเตตัสเพิ่มเติมให้กับคุณถ้าหากตีบวกจนถึงจุดหนึ่งด้วย รวมถึงถ้าหากคุณตีบวกไอเท็มทั้งตัวตามที่กำหนดเช่น +3 ทั้งตัว +6 ทั้งตัว คุณก็จะได้รับสเตตัสเสริมมากขึ้นด้วยEnchanceแน่นอนว่าการ Enchance นั้นเป็นสิ่งเบสิคที่จะเพิ่มสเตตัสให้กับไอเท็มสวมใส่ของเราอย่างมาก ซึ่งแนะนำให้ทุกคนนั้นควรจะต้องอัพเกรดไอเท็มของคุณให้ตามเลเวลปัจจุบันเสมอออฟแมวออฟแมว Mora Coin จะช่วยเพิ่มสเตตัสเสริมให้กับไอเท็มของเราได้ ซึ่งถ้าออฟไปจนถึงเลเวลสูง และได้ของตรงตามที่อยากได้ยิ่งดีใหญ่Card โจมตีธาตุ หรือชนิดของมอนสเตอร์มอนสเตอร์แต่ละตัวก็จะมีเผ่า ขนาด หรือธาตุต่าง ๆ ของมอนสเตอร์ตัวนั้น ซึ่งเราสามารถใส่การ์ดที่ทำให้ตีมอนสเตอร์เหล่านั้นแรงขึ้น อย่างเช่นการ์ด Vadon ที่จะทำให้ตีมอนสเตอร์ธาตุไฟแรงขึ้น 20% ซึ่งอาวุธใส่ได้ 2 ใบก็จะทำให้ตีแรงขึ้นเป็น 40% หรือจะเป็นการที่ป้องกันมอนสเตอร์ชนิดนั้นก็ได้เช่นกัน แน่นอนว่าการ์ดเหล่านี้อาจจะมีราคาที่แพงหน่อย แต่ก็ค่อนข้างคุ้มค่า ใบธาตุใบธาตุ Converter จะทำให้อาวุธของคุณกลายเป็นธาตุนั้น ๆ ซึ่งถ้าหากเราซื้อใบธาตุมาใช้ให้ชนะธาตุของมอนสเตอร์ ก็จะช่วยทำให้เราตีมอนสเตอร์ตัวนั้นแรงขึ้น อย่างเช่นการใช้ใบธาตุไฟ มาตีมอนสเตอร์ชนิดพืชเป็นต้น หรือใช้ใบธาตุลมมาตีมอนสเตอร์ประเภทน้ำTitleถือว่าเป็นระบบที่แอบสำคัญอย่างมาก แต่หลาย ๆ คนอาจจะละเลยไป โดยการเพิ่มยศให้กับเราจะช่วยให้เราได้สเตตัสมากขึ้น และมันจะส่งผลตอน PvP ที่เราจะทำการตีคนที่ยศน้อยกว่าเราได้แรงขึ้นอีกด้วยVakyries Featherเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะจุกจิกกับระบบขนนก ที่มีอะไรให้เราใส่มากมาย ไหนจะต้องอัพเกรดขนนกอีก แต่ถ้าหากคุนใส่ใจระบบนี้ดี ๆ ค่อย ๆ อัพขนนกที่จะอย่าง มันจะเพิ่มสเตตัสให้กับคุณอย่างมหาศาล แถมระบบยังมีโบนัส Preset ถ้าใส่ขนนกตามเงื่อนไข ซึ่งมันจะทำให้เราได้สเตตัสมากขึ้นด้วยVerus Coreนี่คือระบบที่จะทำให้ตัวละครของคุณเก่งอย่างก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้สำหรับระบบ Verus Core หรือเฟือง ซึ่งมันจะเพิ่มสเตตัสหรือค่าโบนัสให้กับตัวละครเรา หรือบางเฟืองอาจจะบวกโบนัสโจมตีมหาศาลให้กับสกิลของเราโดยตรงเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวระบบนี้เราจะต้องศึกษาให้ดี เพราะบางสายอาชีพ หรือบาง Build มันต้องพึ่งความโหดของเฟืองเป็นหลักก็มีเช่นกันยาบัพ และอาหารระบบ Life Skill ก็ถือว่าสำคัญอย่างมาก เพราะมันจะเพิ่มบัพให้กับเราได้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเพิ่ม ATK, MATK หรือ ADPD ก็ช่วยได้เยอะ รวมถึงยาบัพที่จะเพิ่มสเตตัสโดยตรงอย่าง STR, AGI หรือ LUX เป็นต้น รวมถึงยาเร่งต่าง ๆ ที่จะเข็น ASPD ของเรามากขึ้นได้ด้วยชุด Set และอาวุธที่เหมาะสมกับสายของคุณที่จะเล่นของสวมใส่ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะช่วยบัพให้ตัวละครของเราเก่งขึ้น อย่างเช่นอาวุธเราก็ควรจะหาอาวุธที่เหมาะสมกับสกิล หรือสายที่เราอยากเล่นยกตัวอย่างเช่นอาชีพพ่อค้าสายปาขวาน อาวุธเลเวล 70 ก็อาจจะใช้ขวาน Power Cutting Axe ซึ่งมันทำให้สกิลปาขวานไม่ต้องร่ายอีกต่อไป รวมถึงยังใช้มานาน้อยกว่าเดิม 50% อีกด้วยหรือจะเป็นชุดสวมใส่เราก็อาจจะใส่ชุดที่บวกค่า ATK เป็นหลักอย่าง Tyr เพื่อเพิ่มดาเมจกายภาพให้กับสกิลเราเป็นเต้น
15 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Payon
Ragnarok Origin หลังจากที่คุณได้เพลินเพลินกับการผจญภัยสักระยะคุณจะสังเกตได้ว่าการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ในเกมจะมีเลเวลเข้ามาเกี่ยวค่อนข้างมากโดยตัวเกมจะให้ผู้เล่นค่อย ๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจระบบ และปล่อยคอนเท็นออกมาเรื่อย ๆ หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเพื่อช่วยในการแลกของรางวัลในเกมนี้คือ Poring Journal ที่ปลดล็อคตอนเลเวล 25 โดยแต่ละเมืองจะปลดล็อกตามเลเวลที่ไม่เท่ากันรวมไกด์เกม Ragnarok Originคุณสามารถดูการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ได้ในหัวข้อเมนู Guides ในเกมการปลดล็อกคอนเท็นในแต่ละระดับProntera - Level 25Alberta Area - Level 35Izlude Areas - Level 40Geffen Areas - Level 45Morroc Areas - Level 50Payon Areas - Level 55Hidden Poring ใน Payon1.เมือง Payon ตรงจุดวาป Kafraเมื่อวาปมาถึงเมืองให้คุณสังเกตดี ๆ จะมี Rabbitring โดดไปมาอยู่ให้คุณกดที่น้องจะได้รับ Poring2.เมือง Payon ด้านซ้ายของแผนที่หลังร้าน Socketให้คุณเดินมาด้านซ้ายจากจุดแรกมานิดน่อยจะเห็นกระสอบผลไม้อยู่หลัง Npc ให้คุณกดเก็บจะได้รับ Henring3.เมือง Payon ด้านขวาแถวต้นซากูระเมื่อคุณเดินมายัง Location จะพบรอยเท้าให้คุณตามรอยเท้าไปจะพบ Meow Poring4.Acher Village ด้านซ้ายบนเมื่อมาตาม Location ให้คุณใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายรูปบริเวณนั้นคุณจะได้รับ Ghostring5.เมือง Payon ด้านบนของแผนที่เมื่อมาตาม Location ให้คุณใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายรูปบริเวณนั้นคุณจะได้รับ Ghostring6.Sunken Ship บริเวณซากเรือทางเข้า Dungeonเมื่อมาถึงให้คุณเดินไปที่ซากเรือบริเวณทางเข้า Dungeon จะพบ Ghostring บินไปมาอยู่ให้กดคลิ๊กที่ตัวน้องจะได้รับ Ghostring นานๆจะเห็นน้องปรากฏตัวแบบนี้7.Sothern Payon ด้านล่างของแผนที่เมื่อมาถึงตาม Location คุณจะพบกับ Henring ให้คุณกดคลิกที่น้องจะได้รับ Henring8.Payon Forest ด้านบนขวาของแผนที่ป่าไม้แดงนี้คุณจะต้องระวังเจ้าพวก Elder Willow ที่โจมตีแบบ Auto ตลอดทางคุณอาจตายก่อนถึงตัว Poring ได้แนะนำให้กด Wing เอาเมื่อมาถึง Location ให้คุณกดเก็บน้อง Henring ได้เลย9.Eastrn Payon ด้านบนขวาของแผนที่เมื่อมาถึง Location จะพบ Henring กระโดดไปมาอยู่ให้คลิกที่ตัวน้องเพื่อจะได้รับ Henring10.Southeast Payon ด้านล่างของแผนที่ป่า Big Foot จุดสุดท้ายของการเก็บ Poring ให้คุณเดินลงไปตาม Location จะพบรอยเท้าให้คุณเดินย้อนรอยเท้าไปเรื่อย ๆ จนถึงต้นไม้จะได้รับ Rabitting มาจบกันไปแล้วสำหรับแผนที่ Payon ที่สุดท้ายไปกดรับรางวัน Eden Coin และ Headgear Crytal จำนวนมากในการคุณสามารถนำมาแลกเป็นวัสถุดิบหายากในการสร้างหมวกหรือหมวกชนิดต่าง ๆ ในตู้ที่ Prontera เหล่านักผจญภัยที่ยังตามเก็บ Hidden Poring ไม่ครบแนะนำให้กดที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย>> Prontera Izulde + Alberta Geffen Morroc
13 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Morroc
Ragnarok Origin หลังจากที่คุณได้เพลินเพลินกับการผจญภัยสักระยะคุณ จะสังเกตได้ว่าการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ในเกมจะมีเลเวลเข้ามาเกี่ยวค่อนข้างมากโดยตัวเกมจะให้ผู้เล่นค่อย ๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจระบบ และปล่อยคอนเท็นออกมาเรื่อย ๆ หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเพื่อช่วยในการแลกของรางวัลในเกมนี้คือ Poring Journal ที่ปลดล็อคตอนเลเวล 25 โดยแต่ละเมืองจะปลดล็อกตามเลเวลที่ไม่เท่ากันรวมไกด์เกม Ragnarok Originคุณสามารถดูการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ได้ในหัวข้อเมนู Guides ในเกมการปลดล็อกคอนเท็นในแต่ละระดับProntera - Level 25Alberta Area - Level 35Izlude Areas - Level 40Geffen Areas - Level 45Morroc Areas - Level 50Payon Areas - Level 55Hidden Poring ใน Morroc1.ด้านล่างขวาของเมือง Morrocเมื่อมาถึง Location จะพบกับ Drops เดินไปเดินมาอยู่ให้คุณกดที่ตัวน้องจะได้รับ Drops2.ด้านบนขวาของเมือง Morroc ในคอก Peco Pecoจุดนี้เมื่อมาถึง Location จะเห็น Henring กระโดดไปมาอยู่ในคอกของ Peco Peco ให้คุณกดคลิ๊กจะได้รับ Poring3.ด้านล่างซ้ายของเมือง Morroc ไหในตลาดเมื่อมาบริเวณนี้ให้สังเกตตรงจุดนี้จะพบไหที่สามารถกดเก็บเมื่อกดเก็บคุณจะได้รับ Rabbitring4.South Morroc แอ่งน้ำด้านบนของแผนที่เมื่อมาถึงให้คุณหันหน้าไปที่แอ่งน้ำจะมีหลุมสีน้ำเงินโผล่ขึ้นมาให้คุณโยนเบ็ดตกปลาแล้วกดที่หลุมจะได้รับ Poring5.South Morroc ไหด้านบนซ้ายของแผนที่เมื่อมาถึง Location จะเห็นไหวางอยู่ให้คุณกดเก็บจะได้รับ Poring6.South Morroc ไหด้านล่างของแผนที่เมื่อมาถึง Location คุณจะเห็น Drops เดินไปเดินมาอยู่ให้คลิ๊กที่ตัวน้องจะได้รับ Drops7.Western Morroc ด้านบนขวาของแผนที่ด้านบนพีรามิดเมื่อมาถึง Location ให้คุณปีนขึ้นบนซากพีรามิดด้านบนจะพบกับ Ghostring ให้ใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายจะได้รับ Ghostring8.Western Morroc ตรงกลางของแผนที่ด้านบนสฟิงซ์เมื่อมาถึง Location ให้คุณปีนขึ้นบนสฟิงซ์จะเห็น Rabbitring โดดไปโดดมาอยู่ให้คลิ๊กที่ตัวน้องจะได้รับ Rabbitring มา9.Bridge Of Desert ด้านซ้ายของแผนที่เมื่อมาถึง Location จะเห็น Drops โดดไปมาในบริเวณอยู่ให้คุณคลิกที่ตัวน้องจะได้รับ Drops มา10.Bridge Of Desert สะพานบริเวณตรงกลางแผนที่เมื่อมาถึงบริเวณสะพานให้สังเกตดี ๆ จะมี Ghostring เดินไปมาระหว่างสะพานให้ใช้กล้องถ่ายรูป Ghostring11.Bridge Of Desert ด้านขวาของแผนที่เมื่อมาถึงให้คุณเดินไปที่ Location จะเห็น Rabbitring อยู่ใต้ต้นไม้หรืออาจโดดไปมาตรงทางเดินให้กดคลิกที่ตัวน้องจะได้รับ Rabbitring12.Southern Sograt ด้านซ้ายของแผนที่เมื่อมาถึง Location จะพบ Drops แอบอยู่หลังซากปรักหักพังให้คุณกดคลิกที่น้องจะได้รับ Drops13.Southern Sograt บนหอคอยด้านล่างของแผนที่เมื่อมาถึง Location ให้คุณปีนหอคอยขึ้นไปบนหอคอยจะพบกับ Rabbitring ที่รออยู่ให้คุณคลิกเพื่อรับน้อง14.Sograt Desert ด้านบนของแผนที่เมื่อมาถึง Location ให้คุณปีนบันไดขึ้นไปจะพบกับ Drops ยืนอยู่บนเนินทรายให้คุณกดคลิกที่น้องจะได้รับ Drops15.Sograt Desert แอ่งน้ำด้านซ้ายบนเมื่อมาถึงให้คุณหันหน้าไปที่แอ่งน้ำสังพักจะมีหลุมสีน้ำเงินโผล่ขึ้นมาให้คุณหย่อนเบ็ดตกปลาและกดที่หลุมจะได้รับ Poring มาก็จบไปแล้วสำหรับ Hidden Poring ทั้งหมดใน Morroc ทั้ง 15 ตัว สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เก็บในเมืองไหนสามารถกดได้ที่ Link ด้านล่างนี้เลยครับ>> Prontera Izulde + Alberta Geffen Payon
13 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบ Monster Glossary การตีมอนสเตอร์สำคัญกว่าที่คิด
Ragnarok Origin สำหรับคนที่เล่นก็น่าจะทราบว่าแต่ละวันตัวเกมจะให้เรานั้นได้ตีมอนสเตอร์ได้ถึง 150 นาที นอกจากการตีมอนสเตอร์แล้วได้ของหรือ EXP แล้วนั้นตัวเกมจะยังมีระบบ Monster Glossary เพื่อมีกิจกรรมมากมายให้เราได้ทำอีกด้วย โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมาแนะนำระบบนี้ให้ทุกท่านได้ทราบอย่างลึกซึ้งมากขึ้นครับรวมไกด์เกม Ragnarok Originสำหรับ Monster Glossary จะเป็นเหมือนสมุดบันทึกที่บอกรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับมอนสเตอร์ต่าง ๆ ทุกตัวที่อยู่ในเกม รวมถึง Elite Monster, Mini Boss และ MVP โดยภายในนั้นจะบอกทั้งเลเวล รายละเอียดทั้งหมดของมอนสเตอร์ ของที่ดรอป ตำแหน่งของมอนสเตอร์ โดยจะมีการไล่มอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำสุดไปจนถึงเลเวลสูงสุดสิ่งที่น่าสนใจนั้นอยู่ตรงที่หัวข้อ Exploration Record ซึ่งจะเป็นที่จะมีลิสต์ให้เราได้เก็บ Upgrade Progess: Kill ซึ่งจะทำให้เราได้แต้ม Monster Researchโดยการเก็บแต้มนั้นคือการที่เราจะต้องสะสมการฆ่ามอนสเตอร์ตัวนั้น ๆ และจะเก็บระดับ โดยจะเริ่มตั้งแต่เลเวล 1 ที่จะต้องจัดการ 10 ตัวไปจนถึงเลเวล 10 ที่ต้องจัดการมากถึง 7 แสนตัว โดยการทำภารกิจสำเร็จเราก็จะได้แต้ม Reserch Progress มาและถ้าหากเราทำการฆ่ามอนสเตอร์ตามลิสต์ที่อยู่ในแถวเดียวกัน เราก็จะได้รับโบนัสแต้ม Monster Resercher Progress มากขึ้น โดยการขึ้นเลเวลเราจะต้องทำให้มอนสเตอร์ในตารางทั้งหมดเลเวลถึงที่เควสต้องการ อย่างเช่นถ้าอยากทำเควสเลเวล 2 เราจะต้องทำเควสฆ่าศัตรูทุกตัวตามลิสต์นี้ให้ถึงเลเวล 2 นั่นเอง นั่นคือฆ่ามอนสเตอร์ในลิสต์อย่างละ 500 ตัวเป็นต้นโดยแต้ม Monster Resercher Progress เราสามารถเอาไปอัพเลเวล ได้ซึ่งในการขึ้นเลเวลเราจะได้รับค่าสเตตัสมาให้กับตัวละครเรา และที่สำคัญคือทุก ๆ 5 เลเวลเราจะได้รับ ATK หรือ MATK ด้วย ซึ่งลองคิดถ้าเรามีเลเวลสูง เราจะได้ค่า ATK เปรียบเสมือนใส่การ์ดฟรี ๆ 1-2 ใบเลยทีเดียวนอกจากนี้การตีมอนสเตอร์ยังมีโอกาสดรอปไอเทมอย่างอย่างลูกแก้วธาตุต่าง ๆ หรือตุ๊กตาของมอนสเตอร์ซึ่งจะสามารถเอาไปแลกไอเทมสวมใส่ต่าง ๆ ได้ด้วยรวมถึงตัวเกมยังมีการจัดอันดับ Rank ถ้าหากคุณมีแต้มจำนวนมากที่สุดในเซิร์ฟจากการตีมอนสเตอร์ คุณก็จะสามารถได้ของรางวัลพิเศษด้วย
13 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ส่องรายละเอียด Set สวมใส่ภายในเกม ชุดไหนบวกสเตตัสอะไรบ้าง
สำหรับ Ragnarok Origin ที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการตอนนี้ตัวเกมก็ได้นำเสนอระบบต่างๆ มากมายให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินไปกับมัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ระบบ Equipment หรือของสวมใส่ที่จะช่วยให้ตัวละครของเราแกร่งยิ่งขึ้นหากใส่ถูกสายที่เราเล่น แต่ยิ่งไปกว่านั้นตัวเกมยังมีระบบ 'Set' ที่ถ้าหากผู้เล่นทำการใส่ชุดให้ครบตามที่เซ็ทนั้นๆ กำหนดเราก็จะได้รับบัฟพิเศษเสริมเพิ่มเติมเข้ามาให้อีกด้วย ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะพาทุกท่านมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Set สวมใส่ภายในเกมที่รับประกันว่าคุ้มค่ากับการศึกษาดูไอเทมสวมใส่ให้ตรงกับสายของทุกคนอย่างแน่นอน!รวมไกด์เกม Ragnarok Origin!ข้อมูลรายชื่อหรือสเตตัสอ้างอิงจากเซิร์ฟ NA และไต้หวัน ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในวันเกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ!Set Tier AWhite Wing Setชุด White Wing Suit Lv.80   -DEF +206  -Max HP +800  -DEX +3  -CRI.DMG +5%ผ้าคลุม White Wing Manteau Lv.80  -DEF +68  -Max HP +400  -AGI + 1  -FLEE +2รองเท้า White Wing Boots Lv.80  -DEF +68  -Max HP +400  -LUK +1  -ถ้า Refine +6 จะได้ LUK เพิ่มอีก +1  -ถ้า Refine +10 จะได้ LUK เพิ่มอีก +1  -ถ้า Refine +15 จะได้ LUK เพิ่มอีก +1ชุด White Wing Suit I Lv.90  -DEF +230  -Max HP +960  -DEX +4  -CRI.DMG +5%  -CDEF +8  -ถ้า Refine +10 จะได้ DEX +2  -ถ้า Refine +15 จะได้บัพเกราะ +5%ผ้าคลุม White Wing Manteau I Lv.90  -DEF +76  -Max HP +480  -AGI +1  -FLEE +2  -ลดดาเมจจากธาตุลมลง 5%  -ถ้า Refine +10 จะได้ AGI +1  -ถ้า Refine +15 จะได้ CRI +5รองเท้า White Wing Boots I Lv.90  -DEF +76  -Max HP +480  -LUK +2  -ถ้า Refine +6 จะได้ LUK เพิ่มอีก +1  -ถ้า Refine +10 จะได้ LUK เพิ่มอีก +2  -ถ้า Refine +15 จะได้ LUK เพิ่มอีก +2เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต  -CRI +10  -ดาเมจระยะไกล +10%Sprint Setชุด Sprint Mail Lv.80   -DEF +206  -Max HP +800  -ระยะเวลาร่ายแปรผันลดลง -10%  -MATK +3%  -ถ้า Refine +6 จะได้ MATK +1%  -ถ้า Refine +10 จะได้ MATK +2%ผ้าคลุม Rider Insignia Lv.80  -DEF +68  -Max HP +400  -INT +1  -DEX +2  -ทุกๆ การ Refine +2 จะได้รับ MDEF +1รองเท้า Sprint Shoes Lv.80  -DEF +68  -Max HP +400  -INT +1  -ถ้า Refine +6 จะได้ INT +2  -ถ้า Refine +10 จะได้ INT +2  -ถ้า Refine +15 จะได้ INT +2ชุด Sprint Mail I Lv.90   -DEF +230  -Max HP +960  -ระยะเวลาร่ายแปรผันลดลง -12%  -MATK +3%  -CDEF +8  -ถ้า Refine +6 จะได้ MATK +1%  -ถ้า Refine +10 จะได้ MATK +2%  -ถ้า Refine +15 จะได้ MATK +2%ผ้าคลุม Rider Insignia I Lv.90  -DEF +76  -Max HP +480  -INT +1  -DEX +3  -ทุกๆ การ Refine +2 จะได้รับ MDEF +1  -ถ้า Refine +10 จะได้บัฟลดความเสียหายจากดาเมจเวทย์ +5%  -ถ้า Refine +15 จะได้ DEX +3รองเท้า Sprint Shoes I Lv.90  -DEF +76  -Max HP +480  -INT +2  -ถ้า Refine +6 จะได้ INT +2  -ถ้า Refine +10 จะได้ INT +4  -ถ้า Refine +15 จะได้ MATK +2%*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต*  -Max HP +7%  -Max SP +7%  -ผลดีเลย์จากการใช้สกิล -15%  -ดาเมจเวทย์ +10%Goibne's Setชุด Goibne's Armor Lv.80   -DEF +258  -Max HP +1000  -VIT +4  -Max HP +10%ผ้าคลุม Goibne's Spaulders Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -MDEF +7  -DEX +2  -ลดความเสียหายจากดาเมจกายภาพระยะใกล้ +10%รองเท้า Goibne's Boots Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +5%  -Max SP +5%  -ความเร็วเคลื่อนที่ +5%ชุด Goibne's Armor I Lv.90  -DEF +288  -Max HP +1200  -VIT +4  -Max HP +10%  -ถ้า Refine +10 จะได้ Max HP +5%  -ถ้า Refine +15 จะได้ CDF +20ผ้าคลุม Goibne's Spaulders I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -MDEF +8  -ลดความเสียหายจากดาเมจกายภาพระยะใกล้ +10%  -ถ้า Refine +10 จะลดดาเมจกายภาพระยะไกลลง +5%  -ถ้า Refine +15 จะลดดาเมจกายภาพระยะใกล้ลง +5%รองเท้า Goibne's Boots I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -Max HP +6%  -Max SP +6%  -ความเร็วเคลื่อนที่ +5%  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ VIT +3  -ถ้า Refine +15 จะได้รับการฮีลเพิ่มขึ้น +5%*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต*  -ลดดาเมจที่ได้รับจากคุณสมบัติธาตุต่างๆ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ และลมลง +10%  -Max SP +15%Gale Setชุด Rider' Suit Lv.80   -DEF +258  -Max HP +1000  -AGI +1  -ทุกๆ การ Refine +3 จะได้รับ ALG +1ผ้าคลุม Moon Shadow Cloak Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -AGI +1  -ทุกๆ การ Refine +2 จะได้รับค่าหลบหลีก FLEE +1รองเท้า Black Leather Boots Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -AGI +1  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ AGI +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ AGI +1  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ AGI +1ชุด Rider' Suit I Lv.90   -DEF +288  -Max HP +1200  -AGI +1  -CDEF +8  -ทุกๆ การ Refine +3 จะได้รับ ALG +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ ASPD +3%  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ CRI.DMG +3%ผ้าคลุม Moon Shadow Cloak I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -AGI +2  -ทุกๆ การ Refine +2 จะได้รับค่าหลบหลีก FLEE +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ HIT +10  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ FLEE +10รองเท้า Black Leather Boots I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -AGI +1  -ลดดาเมจที่ได้รับจากธาตุลมลง +5%  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ AGI +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ AGI +1  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ AGI +1*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต*  -ASPD +1% ทุกๆ ค่าสเตตัส AGI 10 หน่วยTyr's Blessig Setชุด Tyr's Full Plate Lv.80   -DEF +258  -Max HP +1000  -Max HP +200  -ดาเมจกายภาพ +5%ผ้าคลุม Vali's Manteau Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ STR +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ STR +2  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ STR +3 รองเท้า Vidar's Boots Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +3%  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ STR +1  -ถ้า Refine +10 STR +2  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ STR +3ชุด Tyr's Full Plate I Lv.90   -DEF +288  -Max HP +1200  -Max HP +250  -ดาเมจกายภาพ +5%  -CDEF +8  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ STR +1  -ถ้า Refine +15 จะได้รับ ATK +2% ผ้าคลุม Vali's Manteau I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ STR +1  -ถ้า Refine +10 จะได้รับ STR +5  -ถ้า Refine +15 จะได้รับดาเมจกายภาพ +2%รองเท้า Vidar's Boots I Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -Max HP +4%  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ STR +1  -ถ้า Refine +10 จะลดดาเมจกายภาพที่ได้รับลง +5%   -ถ้า Refine +15 จะได้รับ STR +5*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต*  -ATK +2 ทุกๆ ค่าสเตตัส STR 1 หน่วยMagic Master Setชุด Magic Flow Robe Lv.90   -DEF +288  -Max HP +1200  -Max HP +200  -ดาเมจกายภาพ +5%  -CDEF +10  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ Max SP +5%  -ถ้า Refine +10 จะได้รับผล Magic Flow หลังจากใช้สกิลภาย 10 วิ (ผลนี้จะช่วยเพิ่ม Max SP       +50 สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ขั้น)   -ถ้า Refine +15 จะได้รับ Max SP +100 เมื่อได้รับผล Magic Flow 1 ขั้น และสามารถซ้อนทับ       ได้สูงสุด 5 ขั้น ผ้าคลุม Magic Burst Muffler Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -ลดความเสียหายจากดาเมจเวทย์ +8%  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ Max SP +5%  -ถ้า Refine +10 จะได้รับผล Magic Power Burst หลังจากใช้สกิลภาย 10 วิ (ผลนี้จะช่วยเพิ่ม         Max SP +50 สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ขั้น)   -ถ้า Refine +15 จะได้รับ Max SP +100 เมื่อได้รับผล Magic Power Burst 1 ขั้น และสามารถ       ซ้อนทับได้สูงสุด 5 ขั้นรองเท้า Magic Reverse Shoes Lv.90  -DEF +96  -Max HP +600  -Max HP +3%  -ถ้า Refine +6 จะได้รับ Max SP +5%  -ถ้า Refine +10 จะได้รับผล Magic Power Reverse หลังจากใช้สกิลภาย 10 วิ                           (ผลนี้จะช่วยเพิ่ม Max SP +50 สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 4 ขั้น)    -ถ้า Refine +15 จะได้รับ Max SP +100 เมื่อได้รับผล Magic Power Reverse 1 ขั้น และ            สามารถซ้อนทับได้สูงสุด 5 ขั้น*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 3 เซ็ต*  -การจ่าย SP เมื่อใช้สกิลจะเพิ่มขึ้น +10% แต่ Magic Power Burst สกิลนี้จะเพิ่มความเสียหาย        เมื่อร่ายสกิลตาม Max SP โดยจะเพิ่มดาเมจได้สูงสุดถึง 30% ขึ้นอยู่กับ Job ของผู้เล่นSet Tier BEden Group Setชุด Eden Group Uniform Lv.50  -DEF +168  -Max HP +500  -Max HP +200  -Max SP +30  -MDEF +2 ผ้าคลุม Eden Group Manteau Lv.50  -DEF +56  -Max HP +250  -Max HP +100  -Max SP +20  -MDEF +1ชุด Eden Group Uniform I Lv.70  -DEF +228  -Max HP +850  -Max HP +300  -Max SP +40  -MDEF +2 ผ้าคลุม Eden Group Manteau I Lv.70  -DEF +76  -Max HP +425  -Max HP +150  -Max SP +20  -MDEF +1ชุด Eden Group Uniform II Lv.80  -DEF +258  -Max HP +1000  -Max HP +400  -Max SP +50  -MDEF +2 ผ้าคลุม Eden Group Manteau II Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +200  -Max SP +30  -MDEF +2*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 2 เซ็ต*  -Max HP +150  -ลดดาเมจที่ได้รับจากมอนสเตอร์หรือความเสียหายไร้ธาตุลง +10%Mountain Ranger Setผ้าคลุม Wool Scarf Lv.50  -DEF +56  -Max HP +250  -Max HP +100  -STR +1รองเท้า Tidal Shoes Lv.50  -DEF +56  -Max HP +250  -Max HP +3%  -ลดดาเมจจากมอนสเตอร์และคุณสมบัติธาตุน้ำลง +5%ผ้าคลุม Wool Scarf I Lv.70  -DEF +76  -Max HP +425  -Max HP +150  -STR +1รองเท้า Tidal Shoes I Lv.70  -DEF +76  -Max HP +425  -Max HP +4%  -ลดดาเมจจากมอนสเตอร์และคุณสมบัติธาตุน้ำลง +5%ผ้าคลุม Wool Scarf II Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +200  -STR +2รองเท้า Tidal Shoes II Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +4%  -ลดดาเมจจากมอนสเตอร์และคุณสมบัติธาตุน้ำลง +5%*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 2 เซ็ต*  -ดาเมจกายภาพ +3%Apprentice Wizzard Setชุด Magic Coat Lv.50  -DEF +134  -Max HP +400  -INT +3  -ระยะเวลาร่ายแปรผันลดลง -2%รองเท้า Mana Boots Lv.50  -DEF +44  -Max HP +200  -Max HP +400  -MATK +10ชุด Magic Coat I Lv.70  -DEF +182  -Max HP +680  -INT +4  -ระยะเวลาร่ายแปรผันลดลง -3%รองเท้า Mana Boots I Lv.70  -DEF +60  -Max HP +340  -Max HP +500  -MATK +10ชุด Magic Coat II Lv.80  -DEF +206  -Max HP +800  -INT +5  -ระยะเวลาร่ายแปรผันลดลง -3%รองเท้า Mana Boots II Lv.80  -DEF +68  -Max HP +400  -Max HP +500  -MATK +15*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 2 เซ็ต*  -ดาเมจเวทย์ +3%Morrigane's Setชุด Morrigane's Manteau Lv.50  -DEF +56  -Max HP +250  -FLEE +3  -AGI +1รองเท้า Morrigane's Shoes Lv.50  -DEF +56  -Max HP +250  -Max HP +200  -Max SP +30ชุด Morrigane's Manteau I Lv.70  -DEF +76  -Max HP +425  -FLEE +4  -AGI +1รองเท้า Morrigane's Shoes I Lv.70  -DEF +76  -Max HP +425  -Max HP +200  -Max SP +30ชุด Morrigane's Manteau II Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -FLEE +4  -AGI +2รองเท้า Morrigane's Shoes II Lv.80  -DEF +86  -Max HP +500  -Max HP +200  -Max SP +30*เอฟเฟ็กต์ใส่ครบ 2 เซ็ต*  -AGI +2
11 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin วิธีการหาเงินแดง Eden Coin
Ragnarok Origin ต้องยอมรับเลยว่าเงินแดง Eden Coin ถึงแม้ว่าจะเป็นค่าเงินที่สามารถหาได้ในเกมอย่างง่าย ๆ แต่เราก็จะต้องใช้เงินเหล่านี้เยอะมากไม่แพ้กัน บางครั้งเผลออัพตัวละครแปปเดียวจากเงินหลักล้าน จะเหลือเพียงแค่เงินหลักร้อยเท่านั้น ซึ่งในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมาวิธีการหาเงิน Eden Coin ทั้งหมดเท่าที่เราจะหาได้ครับ ซึ่งจะมีวิธีอะไรบ้าง ตามพวกเรามาเลยรวมไกด์เกม Ragnarok OriginDaily Commissionsแน่นอนว่าในทุก ๆ วันเราจะต้องทำ Daily Commissions กันอยู่แล้ว เพราะนี่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เลเวลเราขึ้นเลยก็ว่าได้ แต่บางเควส Daily Commissions ก็จะให้ Eden Coin ตอบแทนเราจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งแนะนำก็คือลง Anthem Trail และ Hidden Forest ซึ่งก็จะได้เงินหลักแสนต่อครั้งที่ลงขายขยะจากมอนสเตอร์ทุก ๆ วันเราจะมีโอกาสไปฟาร์มมอนสเตอร์เก็บเลเวลจำนวน 150 นาทีในทุก ๆ วัน ซึ่งเราก็จะมีโอกาสได้ขยะจากการฆ่ามอนสเตอร์มากมาย ซึ่งเราก็สามารถเอาขยะพวกนี้ไปขายให้คนอื่นตรงร้านค้า Trade ซึ่งจะได้เงินจำนวนมากเลยGuild Sign-Inสำหรับคนที่มี Guild ในทุก ๆ วันคุณจะสามารถเข้ามาลงชื่อในแต่ละวัน และก็จะได้รับ Eden Coin จำนวน 1 แสนต่อวันPoring Journalในการวิ่งหาเจ้า Poring ที่ซ่อนอยู่ตามเมือง คุณก็จะได้รับเงินจำนวน 20,000 Eden Coin ต่อการหาแต่ละครั้ง ซึ่งแต่ละเมืองก็มีหลายจุดมากBattle of Yggdrazilลง Battle of Yggdrazil ในทุกวันเราก็จะได้เงินหลายแสน ซึ่งมากน้อยขึ้นอยู่ว่าคุณไปได้ไกลขนาดไหนPoint Mall - Guild Vending Machineในการทำกิจกรรมกิลด์ต่าง ๆ คุณจะได้แต้มเหรียญตรามา ซึ่งคุณสามารถเอามันไปซื้อ Chest of Eden Coins ได้สามกล่องต่ออาทิตย์ ซึ่งหนึ่งกล่องจะให้เงิน Eden Coins จำนวนสามแสนเลยทีเดียวPoint Mall - Union Shopถึงแม้ว่าเราจะลงดันเจี้ยนหรือดันประจำวันไปแล้ว แต่เราก็สามารถลงช่วยเหลือเพื่อนเพื่อรับแต้ม Union ซึ่งสามารถเอามาแลกของต่าง ๆ ได้ และหนึ่งในนั้นก็จะมี Chest of Eden Coins ซึ่งสามารถแลกได้สามกล่องต่ออาทิตย์ ซึ่งหนึ่งกล่องจะให้เงิน Eden Coins จำนวนสามแสนเลยทีเดียวPoint Mall - Academy Storeถ้าหากคุณมีลูกศิษย์หรืออาจารย์ คุณสามารถทำภารกิจรายวันเพื่อรับเหรียญ Acadamy และเอาไปแลกของต่าง ๆ ได้ และหนึ่งในนั้นก็จะมี Chest of Eden Coins ซึ่งสามารถแลกได้สามกล่องต่ออาทิตย์ ซึ่งหนึ่งกล่องจะให้เงิน Eden Coins จำนวนสามแสนเลยทีเดียว(สำหรับ Blacksmith) คราฟต์ใบธาตุขายสำหรับคนที่เล่น Blacksmith ที่จะต้องใช้เงิน Eden Coin เป็นพิเศษในการเก็บเลเวล มีวิธีการหาเงินอีกหนึ่งช่องทางคือการคราฟต์ใบธาตุและเอาไปขายคนก็ได้ โดยสามารถดูวิธีการคราฟต์ได้ ที่นี่ 
09 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบการล่าบอส MVP, Mini Boss และ Elite
Ragnarok Origin ระบบการล่าบอสต่าง ๆ ของเกมนี้ถือว่าเป็นระบบที่สำคัญมาก ๆ เพราะมันถือเป็นระบบหลักที่จะช่วยให้ตัวละครของคุณนั้นเก่งมากขึ้น โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH  จะมาพาทุกท่านรู้จัก เรียนรู้ระบบนี้มากขึ้น และบอกคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่ถ้าหากว่าคุณพลาด คุณอาจจะต้องเสียใจเลยทีเดียวรวมไกด์เกม Ragnarok Originนอกจากมอนสเตอร์ปกติแล้วนั้น มอนสเตอร์ระดับพิเศษจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดนั่นก็คือ Elite Moster, Mini Boss และ MVP บอส ซึ่งจะความเก่งก็จะขึ้นอยู่ตามลำดับElite Bossโดย Elite Monster นั้นถือว่าเป็นบอสที่เราสามารถล่าได้ทั้งหมด 5 ตัวต่อวัน โดยตัวมอนสเตอร์นั้นอาจจะไม่ได้เก่งมาก (แต่จะเก่งว่ามอนสเตอร์ทั่วไปนิดหน่อย) ซึ่งสิ่งที่ได้หลังจากสังหารนั่นก็คือ EXP และ JOB จำนวนมาก ซึ่งการตี Elite Monster ให้ตายทุกวันจะช่วยทำให้เลเวลของคุณนั้นขึ้นไวมากยิ่งขึ้น (แต่ในรูปเซิร์ฟที่ผู้เชียนเล่นจะใช้ชื่อว่า Jewely)โดยการฆ่า Elite Monster (Jewelry) ตอนเลเวล 55 ผู้เขียนได้ EXP ในการฆ่ามอนสเตอร์สูงถึงตัวละ 125000 EXP ซึ่งเราตีได้ 5 ตัวต่อวัน แสดงว่าเราจะได้รับ EXP สูงถึง 625000 ต่อวันเลยทีเดียวMini Bossสำหรับ Mini Boss จะคล้ายคลึงกันกับ Elite Monster โดยเราจะสามารถฆ่าบอสได้ทั้งหมด 5 ตัวต่อวัน แต่ว่าเราจะไม่ได้รับ EXP ใด ๆ จาก Mini Boss แต่เราจะได้เป็นของรางวัลอื่น ๆ แทนอย่างเช่นัวัตถุดิบต่าง ๆ การ์ดของมินิบอส โอกาสได้รับเครื่องประดับ หรือที่คนอยากได้จริง ๆ ก็คือ Blue Star Coin เอาไปแลกที่สุ่มการ์ดก็ได้Blue Star Coin ได้จากการ์ตี Mini Boss และ MVP สามารถเอาไปสุ่มการ์ดได้วิธีการล่า Elite Monster และ Mini Bossโดยคุณสามารถดูตำแหน่งของ Mini Boss และ Elite Boss ได้จากฟังชัน Monster Glossary แต่ส่วนใหญ่ผู้คนนั้นจะมาหักไม้บอสเพื่อเสก Elite Monster และ Mini Boss กันตรง Western Morroc เสียมากกว่า โดยคุณสามารถหาปาร์ตี้ในนั้นและช่วยกันหักไม้ผีคนละอันสองอันเสกมอนสเตอร์มาตีง่ายกว่าปล. การจะได้ของรางวัลเราจะต้องทำการฆ่ามอนสเตอร์ให้ได้เท่านั้น แนะนำให้หาปาร์ตี้มาช่วยหักไม้ผี Dead Branch จะเสก Elite Monster มาได้ แต่ถ้าหักไม้ผี Bloody Branch จะเป็นการเสก Mini BossMVPสำหรับ MVP เราจะไม่สามารถเสกมอนสเตอร์จากไม้ผีมาได้เหมือนกับ Elite Monster หรือ Mini Boss แต่เราจะต้องดูเวลาเกิดของบอสตัวนั้น ซึ่งของรางวัลเราจะมีโอกาสได้การ์ดของบอสตัวนั้น ได้หมวกสวมใส่ของบอสตัวนั้น เราจะได้รับเหรียญ Blue Star Coin และ Purple Star Coin มีโอกาสดรอปที่สุ่มการ์ดบอส เครื่องประดับต่าง ๆ และ Verus Core ด้วยPurple Star Coin จะได้จากการตีบอส MVP ซึ่งจะสามารถเอาไปแลกที่สุ่ม Rare Card ได้Verus Core เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณเก่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการล่าบอส MVP จะมีโอกาสดรอปด้วยซึ่งการล่าบอสถ้าหากคุณมีปาร์ตี้ที่ดีทำดาเมจสูง ๆ จนติดอันดับ คุณก็จะได้รับของมากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะคุณก็สามารถไปร่วมแจมทำดาเมจ มันก็จะมีของรางวัลของเราส่วนตัวด้วย
07 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin วิธีการซิ้อใบธาตุจากร้านค้า
Ragnarok Origin ถึงแม้ว่าตัวละครเรานั้นจะคราฟต์ของดาเมจสูง ๆ หรืออัพเกรดสูงมากเท่าไร ดาเมจของคุณนั้นก็อาจจะยังไปไม่สุด ถ้าหากคุณไม่ได้เรียนรู้เรื่องธาตุต่าง ๆ ของมอนสเตอร์ แน่นอนว่าเราเองก็อาจจะสามารถหาการ์ดเพิ่มพลังการโจมตีมอนสเตอร์ธาตุนั้น ๆ แรงขึ้นมาช่วยได้ แต่จริง ๆ แล้วมันก็มีอีกหนึ่งวิธีที่มันน่าจะสะดวกและใช้เงินที่ไม่มากเท่า ซึ่งนั่นคือการซื้อใบธาตุมาเคลือบอาวุธเราชั่วคราว โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมาพาทุกท่านไปเรียนรู้วิธีการซื้อใบธาตุกันครับรวมไกด์เกม Ragnarok Originโดยวืธีการสร้างใบธาตุนั้นเราจะต้องเป็นอาชีพ Blacksmith ขึ้นไปถึงจะสามารถคราฟต์ได้ โดยอาชีพนี้จะมีสกิลเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการคราฟต์ติดมากขึ้นด้วยแต่ข้อควรระวังก็คือเปอร์เซ็นต์ในการคราฟต์ติดนั้นจะขึ้นอยู่กับค่า Lux และ Dex ของเราด้วย (ควรลงอย่างละ 99 ไปเลย)ซึ่งเวลาจะคราฟต์ใบธาตุให้เราไปที่ไอคอน Synthesis และไปที่ Converters ส่วน Steel นั้นก็จะต้องคราฟต์เช่นกัน ซึ่งจะอยู่ในหัวข้อ Systhesis --> Materialsโดยวัตถุดิบในการคราฟต์นั้น เราสามารถซื้อทุกอย่างได้ในร้านค้า Kafra Shopแค่นี้เราก็สามารถคราฟต์ได้แล้ว (แต่ตีติดหรือไม่ก็อยู่ที่ค่า Dex กับ Lux เรานะ) วิธีการเอาไปธาตุไปขาย และวิธีการซื้อใน Tradeซึ่งถ้าคราฟต์ได้แล้ว เราก็สามารถเอาใบธาตุพวกนี้ไปขายได้หรือสำหรับคนที่ไม่ใช่อาชีพ Blacksmith คุณก็สามารถเอาใบธาตุที่ได้มาไปขายคนอื่นได้เช่นกัน ซึ่งมันก็จะทำให้คุณได้กำไรประมาณ 40% เลย ส่วนอาชีพอื่นวิธีการซื้อให้เราเข้าไปที่ Trade ---> Stall ---> Converters ซึ่งเราจะเห็นพ่อค้าขายใบธาตุต่าง ๆ มากมาย กดเข้าไปที่อาวุธที่ต้องการ เราก็จะเห็นว่าตอนนี้มีใบธาตุอะไรขายอยู่บ้าง ซึ่งราคาใบธาตุต่อชิ้นก็จะราว ๆ 2 แสน Eden Coinส่วนถ้าหากคุณลองค้นหาใน Trade แล้วมันดันไม่มีใบธาตุที่คุณต้องการ มันก็มีอีกหนึ่งวิธีในการซื้อในธาตุเช่นกัน นั่นก็คือให้คุณนั้นไปที่ร้านค้า Luxury Merchant ซึ่งจะอยู่ในทุก ๆ เมืองให้กดคุณไปที่ Replacer Shop ซึ่งจะมีใบธาตุให้ซื้อมากมาย แต่ราคาจะแพงกว่าที่ซื้อในตลาดอยู่ 2 เท่า หรือแพงกว่าที่คราฟต์เองกว่า 3 เท่า
07 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Alberta และ Izlude
Ragnarok Origin หลังจากที่คุณได้เพลินเพลินกับการผจญภัยในโลก สักระยะคุณจะสังเกตได้ว่าการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ในเกมจะมีเลเวลเข้ามาเกี่ยวค่อนข้างมากโดยตัวเกมจะให้ผู้เล่นค่อย ๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจระบบ และปล่อยคอนเท็นออกมาเรื่อย ๆ หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเพื่อช่วยในการแลกของรางวัลในเกมนี้คือ Hidden Poring ที่ปลดล็อคตอนเลเวล 25 โดยแต่ละเมืองจะปลดล็อกตามเลเวลที่ไม่เท่ากันรวมไกด์เกม Ragnarok Originคุณสามารถดูการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ได้ในหัวข้อเมนู Guides ในเกมการปลดล็อกคอนเท็นในแต่ละระดับProntera - Level 25Alberta Area - Level 35Izlude Areas - Level 40Geffen Areas - Level 45Morroc Areas - Level 50Payon Areas - Level 55Hidden Poring ใน Albertaจุดที่ 1.ตะกร้าผลไม้บริเวณด้านล่างขวาของเมืองเมื่อคุณมาถึงจุดตาม Location ให้คุณกดที่ตะกร้าจะได้รับ Rabbitringจุดที่ 2.บริเวณร่มด้านบนของเมืองเมื่อคุณมาถึงตาม Location จะเห็น Rabbitring เดินไปเดินมาในบริเวณนั้นให้คุณกดไปที่ตัวน้องจะได้รับ Rabbitring มาจุดที่ 3.ด้านบนสุดของเมืองเมื่อมาถึงให้คุณสังเกตรอยเท้าบนพื้น ให้คุณเดินตามรอยเท้านั้นไปจะพบกับ Meow PoringHidden Poring ใน  Izludeจุดที่ 1.เกาะกลางด้านขวาของเมืองเมื่อมาถึงคุณจะเห็น Ghosting หายตัวอยู่ให้คุณใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายมันจะได้รับ Ghosting มาจุดที่ 2.เครื่องพ่อฟองด้านบนขวาของเมืองเมื่อมาถึงให้คุณเดินเก็บฟองสบู่สีชมพูให้หมดคุณจะได้รับ Meow Poring มาจุดที่ 3.ด้านซ้ายบนของเมืองให้คุณเดินตามรอยเท้าไปเรื่อย ๆ คุณจะได้รับ Meow Poring มาจุดที่ 4.หน้าทางเข้า Byalan Dungeonจุดนี้ให้คุณสังเกตให้ดีจะมี Ghosting ล่องหนอยู่บริเวณหน้าทางเข้าให้คุณใช้กล้องถ่ายรูปน้องจะได้ Ghosting มาสำหรับ Hidden Poring เมือง Alberta จะมี 3 ตัว และ Izlude ทั้งหมด 4 ตัว จะเห็นได้ว่ามี Hidden Poring ค่อนข้างน้อยกว่า Prontera มากเลย ต่อไปเราจะไปเมือง Geffen กันครับสำหรับใครที่ยังไม่ได้เก็บ Poring เมือง Prontera สามารถคลิ๊กไปที่ลิงค์นี้ได้เลย>> Prontera Geffen Payon Morroc
06 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบลูบหัว ได้ EXP ฟรี ๆ เลเวลตามเพื่อนทันง่าย ๆ
Ragnarok Origin หนึ่งในระบบที่เป็นจุดเด่นหลักของเกม ก็คือกลไกที่ทำให้ผู้เล่นที่เลเวลน้อยกว่านั้นสามารถตามผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าทัน ซึ่งหนึ่งในระบบที่ที่ว่านั้นก็คือระบบลูบหัวนั่นเอง ซึ่งจะช่วยทำให้ EXP ของคนที่เลเวลห่างตามได้ทันในระดับหนึ่งรวมไกด์เกม Ragnarok Originโดยเงื่อนที่จะลูบหัวนั้นเราจะต้องมีเลเวล 40 และเปลี่ยนคลาส 2 เสียก่อน พอเสร็จแล้วให้เราทำการค้นหาเพื่อนที่เลเวลสูงกว่าเรา 2  เลเวลขึ้นไป (ซึ่งอาจจะประกาศหาตามแชทโลก หรือค้นหาเพื่อนในกิลด์ก็ได้) ถ้าหากผู้เล่นตรงตามเงื่อนไขที่สามารถลูบหัวได้ หรือโดนลูบหัวได้ (เลเวลเรานำ เราจะเป็นคนลูบหัว ถ้าเลเวลเราตามเราจะถูกลูบหัว)ซึ่งพอเสร็จแล้วตัวเกมจะขึ้นรูปเครื่องหมายตกใจสีส้มทั้งเรา และคนที่เราชวนพอกดเข้าไปเราก็จะพบหน้าเควสให้เรานั้นกดไปที่ Go ได้เลยพอกดเข้าไปเสร็จจะเป็นการจับปาร์ตี้ เราและเพื่อนคนนั้นให้กดตกลงพอกดเข้าไปแล้วเราและเพื่อนจะเดินมาหากันและจะทำการลูบหัวทันทีสำหรับการลูบหัวนั้นคนที่ถูกลูบหัวจะได้รับ EXP ที่สูงมาก (ซึ่งในตอนนั้นได้ถึง 6 แสน EXP) แต่คนที่ลูบหัวนั้นจะรับ EXP ที่ไม่สูงเท่าไร (ตอนนั้นได้ราว ๆ 3 หมื่น EXP)ซึ่งแต่ละวันคนที่เลเวลสูงกว่าจะลูบหัวคนอื่นได้แค่วันละ 2 ครั้ง ส่วนคนที่โดนลูบหัวจะขอให้คนมาลูบได้ถึงวันละ 3 ครั้ง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นกลไกที่ทำให้คนเลเวลตามนั้นเทียบเท่ากับคนเลเวลสูงนั่นเอง
06 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบ Wardrobe ตู้เสื้อผ้าหรรษา แต่งสวยหล่อได้ด้วย Skin แต่สเตตัสก็ยังโหด
Ragnarok Origin นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเกม MMORPG ที่กำลังน่าจับตามองมากๆ เนื่องจากระบบเกมออกแบบมาได้น่าสนใจทั้งในส่วนของเนื้อเรื่อง ระบบเกมเพลย์ ไปจนถึงระบบ 'แฟชั่น' เพราะการแต่งตัวการใส่ของแฟชั่นจะไม่ได้เป็นเพียงการแต่งเพื่อโชว์ความเท่ ความสวยกันอีกต่อไป เพราะทีมงานได้ต่อยอดขึ้นมาเป็นระบบ Wardrobe หรือตู้เสื้อผ้า ที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการอัพเกรดตัวละครของผู้เล่นให้โหดขึ้นได้! ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้นวันนี้พวกเรา GameFever TH จะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับไกด์แนะนำระบบ Wardrobe ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!รวมไกด์เกม Ragnarok Originระบบ Wardrobe    Wardrobe หรือ ตู้เสื้อผ้า เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์สายแฟชั่นและลดปัญหาช่องเก็บของเต็มได้อย่างสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก เพราะบางคนเมื่อได้ไอเทมแฟชั่นต่างๆ มาแล้วรู้สึกไม่ถูกใจในรูปลักษณ์ หรือสเตตัสไม่ตอบโจทย์ ก็อาจจะนำไปขาย ไปย่อยหรือดองไว้ในช่องเก็บของกัน แต่ระบบ Wardrobe ได้เข้ามาเติมเต็มในส่วนนี้ เพราะผู้เล่นสามารถนำไอเทมแฟชั่นต่างๆ มาจัดเก็บไว้ในนี้ได้ โดยที่บางครั้งเราอาจจะชอบสเตตัส แต่ไม่ชอบรูปลักษณ์ไอเทมที่สวมใส่อยู่ ผู้เล่นก็สามารถที่จะกดให้รูปลักษณ์ภายนอกเป็นไอเทมชิ้นอื่นๆ หรือจะเลือกไม่แสดงไอเทมแฟนชั่นอะไรเลย แต่คงไว้ซึ่งสเตตัสของไอเทมอีกชิ้นก็ได้เช่นกัน!    นอกจากนี้หากเก็บสะสมจนครบแต้มที่กำหนดผู้เล่นก็จะได้รับค่าสเตตัสเพิ่มเติมตามเลเวลที่ Fashion Rating กำหนดอีกด้วย (ระบบนี้จะอธิบายเพิ่มเติมในส่วนถัดๆ ไป)สำหรับประเภทของไอเทมแฟชั่นจะแบ่งหมวดหมู่ในไว้ Wardrobe ดังนี้ Headwear - ของตกแต่งส่วนศีรษะFace - ของตกแต่งส่วนใบหน้าLip - ของตกแต่งส่วนปากBack - ของตกแต่งส่วนหลังCostume - ชุดเซ็ทคอสตูมHairstyle - ทรงผมEay Beauty - ดวงตาFashion Rating ระบบเพิ่มค่าสเตตัสที่ไม่ควรมอมข้าม!    อย่างที่แบบไปว่าในห้อง Wardrobe ผู้เล่นจะสามารถนำไอเทมแฟนชั่นที่ไม่ได้ใช่มาใส่ในนี้ได้ ซึ่งการจัดเก็บลงไปนั้นก็ไม่ใช่เป็นแบบขอไปที เพราะทุกครั้งที่เราจัดเก็บไอเทมแฟชั่นในนี้ ผู้เลนจะสามารถสะสมแต้ม Fashion Rating ได้ด้วย โดยจะมีให้สูงสุดที่เลเวล 30 แถมการอัพเลเวลในแต่ละครั้งก็จะมอบแต้มสเตตัสโบนัสต่างๆ มาให้เช่น เพิ่ม P.ATK, M.ATK, Max HP เป็นต้น และยังมาพร้อมกับการมอบของขวัญพิเศษให้ในแต่ละเลเวล Fashion  Rating ด้วย เช่น ไอเทมวัสดุต่างๆ , ไอเทมแฟชั่นมากมาย เพราะฉะนั้นแล้วหากตอนนี้ใครที่ดองไอเทมแฟชั่นไว้ใน Inventory ก็ให้นำของมาจัดเก็บใน Wardrobe กันได้เลย! ช่องทางรับไอเทมแฟชั่นและปรับแต่งตัวละคร  ต้องบอกเลยว่าไอเทมแฟชั่นนั้นสามารถรับได้หลากหลายช่องทางไม่จำเป็นต้องเติมเงินเพียงอย่างเดียว โดยหากผู้เล่นต้องการของชิ้นไหนก็ให้ทำการกดไปที่ไอเทมชิ้นนั้นๆ และกดที่ปุมสีเหลืองคำว่า 'รับ' จากนั้นเราจะพบช่องทางต่างๆ ได้แก่รับไอเทมที่ NPC จากการกดที่คำว่า 'แลก' ตรงจุดนี้ผู้เล่นสามารถทำการฟาร์มชิ้นส่วนไอเทมต่างๆ ให้ครบตามเงื่อนไขก็สามารถนำมาแลกเป็นของชิ้นนั้นๆ ได้เลย Monster Collection Shop ร้านค้าที่สามารถทำการฟาร์มชิ้นส่วนไอเทมให้ครบเงื่อนไข และแลกมาเป็นไอเทมแฟชั่นได้เช่นกันHeadwear Draw ร้านสุ่มกาชาที่จะต้องใช้ Headwear Crystal ในการสุ่ม 1 ครั้ง (ได้สูงสุด 10 ครั้งต่อ 1 วัน)ได้รับผ่านร้านแฟชั่นอย่าง Nyan Berry Shop ที่จะต้องใช้สกุลเงิน Nyan Berry ในการจ่ายและได้รับผ่านการทำเควสต่างๆ หรือกิจกรรมที่ตัวเกมมีมาให้ส่วนทรงผม และดวงตานั้น ส่วนใหญ่ผู้เล่นจะสามารถไปปรับแต่งได้ผ่าน NPC ได้เลย แต่จะมีค่าใช้จ่ายและบางอย่างจะต้องหาวัสตุเพิ่มเติมด้วย
05 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำแนวทางมือใหม่ หนึ่งวันควรทำอะไรบ้าง
Ragnarok Origin ข้อดีของเกมเวอร์ชันนี้คือตัวเกมจะไม่ได้ใช้เวลาในการเล่นมากนัก ใช้เวลาเล่น (โดยไม่รวมบอทเลเวล) และในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาแนะนำทุกท่านกับสิ่งที่ควรทำในแต่ละวัน เพื่อให้ทุกท่านจะได้ไม่เสียโอกาสครับรวมไกด์เกม Ragnarok OriginEXP Timesในแต่ละวันตัวเกมจะมีเวลาในการฟาร์มอยู่ 150 นาทีต่อวัน ซึ่งแนะนำให้คุณนั้นควรต้องไปเก็บเลเวลเป็นปาร์ตี้ซึ่งจะบวกค่า EXP มากขึ้น (ถ้าหากครบ 5 คนจะเพิ่มถึง 50%)Daily CommissionDaily Commission คือเควสประจำวันที่จะให้คุณได้เล่นภารกิจต่าง ๆ (อยู่ที่คุณเลือก) ซึ่งจะให้ของตอบแทนเป็น EXP และ JOB อย่างมหาศาล ควรจะต้องเล่นให้จนหมดตั๋วในแต่ละวันElite Boss, Mini Boss และ MVPในแต่ละวันเราตัวเกมจะแนะนำให้เราไปล่าเหล่า Elite Boss หรือ Mini Boss อย่างละ 5 ตัว หรือจะล่า MVP อีก 5 ตัวก็ได้ โดยการล่า Elite Boss จะได้รับ EXP และ JOB ที่มากพอสมควร (ได้รวมกันราว ๆ 1 เลเวลฟรี ๆ ต่อวันเลย) ส่วน Mini Boss เราจะได้รับเหรียญฟ้าเพื่อเอามาแลกกล่องเปิดการ์ดมินิบอส รวมถึง MVP เราก็จะได้เหรียญม่วงมาแลกกล่องเปิดการ์ดเช่นกัน ซึ่งการเล่นกิจกรรมนี้ต้องมีปาร์ตี้ในการเล่นด้วย ซึ่งแนะนำให้ไปตรง Western Morroc จะเป็นโซนที่ให้คุณได้หักไม้ผี และตีบอสได้ (ยกเว้น MVP) ซึ่งตรงนั้นจะมีคนปาร์ตี้และช่วยตีอยู่ แต่ MVP จะต้องดูเวลาเกิดของบอสเอานะAlfheimเป็นฟังชันที่หลาย ๆ คนอาจจะเผลอลืมไป แต่แนะนำว่าเป็นสิ่งที่ควรจะต้องเข้ามาทำและผจญภัยให้สุดเท่าที่จะทำได้ เหตุเพราะว่าดันเจี้ยน Alfheim เป็นแหล่งเดียวที่เราจะได้รับสมุดอัพเลเวลสัตว์เลี้ยงของเรา รวมถึงเรายังมีโอกาสได้เหรียญตรา Title Emblem เพื่อเอามาอัพยศของเราให้แต้มสเตตัสเพิ่มมากขึ้นได้ด้วยHelhiem DisturbanceHelhiem Disturbance จะเป็นดันปาร์ตี้ที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งจะเปิดให้คุณได้ลงวันละหนึ่งครั้ง ซึ่งสิ่งที่จะได้ตอบแทนมานั่นก็คือ Blueprint ที่จะเอาไว้แลกของคราฟต์ไอเท็มสวมใส่ และได้ เพราะของเลเวล 50 ขึ้นไปจะทำให้ตัวละครเราเก่งขึ้นมาก (แต่ดันจะเปิดตอนที่เลเวลโลก 45)Active Pointเป็นแต้มเก็บสะสมประจำวัน ซึ่งจะได้รับมาจากการทำภารกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตีบอส, Alfhiem, Daily Commission และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแนะนำให้คุณต้องทำให้ครบ 100 แต้มทุกวัน เพราะคุณจะได้ค่า EXP Drops Time จำนวน 30 นาทีในทุกวัน เพื่อให้คุณจะได้เอาโบนัสนี้ไปหาของสวมใส่อย่างเช่นการ์ด หรือประดับที่อยากได้Limited - Times Eventเป็นกิจกรรมประจำวัน ที่จะสลับให้เล่นไปมาแต่ละวัน และจะมาเป็นเวลา ซึ่งข้อดีในการร่วมกิจกรรมเหล่านี้คือคุณจะมีโอกาสได้รับของรางวัลพิเศษเพื่อนำไปอัพความสามารถให้กับคุณได้ไม่ว่าจะเป็นการได้รับ Title Emblem หรือการได้รับโบนัส EXP นั่นเอง
03 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Prontera
Ragnarok Origin สักระยะคุณจะสังเกตได้ว่าการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ในเกมจะมีเลเวลเข้ามาเกี่ยวค่อนข้างมากโดยตัวเกมจะให้ผู้เล่นค่อย ๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจระบบ และปล่อยคอนเท็นออกมาเรื่อย ๆ หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเพื่อช่วยในการแลกของรางวัลในเกมนี้คือ Poring Journal ที่ปลดล็อคตอนเลเวล 25 โดยจะให้คุณได้ค้นหาจุดที่ซ่อนอยู่ของ Poring นั่นเองรวมไกด์เกม Ragnarok Originคุณสามารถดูการปลดล็อกคอนเท็นต่าง ๆ ได้ในหัวข้อเมนู Guides ในเกมการปลดล็อกคอนเท็นในแต่ละระดับProntera - Level 25Alberta Area - Level 35Izlude Areas - Level 40Geffen Areas - Level 45Morroc Areas - Level 50Payon Areas - Level 55Hidden Poring ใน Pronteraจุดที่ 1.บริเวณทำพุกลางเมืองให้คุณวิ่งเหยียบฟองสบู่ให้หมดแล้วคุณจะได้รับ Poringจุดที่ 2.ระเบียงบริเวณด้านขวาของเมืองให้คุณปีนบันไดขึ้นมาบนระเบียงและกดถ่ายรูปคุณจะได้รับ Poring น้องเป็น Ghosting นะจะล่องหนอยู่จุดที่ 3.หลังบ้านที่เราเจอ Poring ตัวแรกจะมีบันไดอยู่หลังบ้านคุณสามารถปีนขึ้นมาเพื่อรับน้อง Poring ได้อีกตัวโดยการกดคุยกับน้อง Poring จุดนี้จะเป็น Poring แมวจุดที่ 4.ด้านล่างซ้ายของเมืองให้คุณหยิบอาหารที่ตกอยู่บนพื้นคุณจะได้รับ Poing น้องหมูมาจุดที่ 5.ด้านขวาของเมืองจุดนี้จะเป็นไอศรีมวางอยู่บนพื้นให้คุณหยิบไอเทมที่ตกอยู่บนพื้นคุณจะได้รับ Poing น้องหมูมาจุดที่ 6.ด้านล่างขวาของเมืองให้คุณหยิบอาหารที่ตกอยู่บนพื้นคุณจะได้รับ Poing น้องหมูมาจุดที่ 7.ด้านซ้ายล่างของเมืองจุดนี้อยู่ตรงบริเวณใกล้ ๆ ร้านไอศรีม จุดสังเกตจะมีไอศรีมตกอยู่ที่พื้นเก็บขึ้นมาจะได้รับ Poring อีก 1 ตัวจุดที่ 8.Protera West ด้านซ้ายของ Prontera - น้ำพุ Rockerเมื่อคุณมาถึงบริเวณน้ำพุสังเกตดี ๆ จะมี Poring กระโดดไปมาอยู่ให้คุณกดคุยจะได้รับ Poring มาจุดที่ 9.Protera West ด้านซ้ายของ Prontera - เกวียนขายของเมื่อคุณมาถึงบริเวณน้ำพุสังเกตดี ๆ จะมี Poring กระโดดไปมาอยู่ให้คุณกดคุยจะได้รับ Poring มาจุดที่ 10.Prontera South Gate - ทางเข้าเมืองเมื่อคุณออกนอก Prontera มาให้เดินมาทางขวาจะเห็นของกินวางอยู่ที่พื้นให้คุณเก็บขึ้นมาได้รับ Poringจุดที่ 11.Prontera South Gate - หินด้านซ้ายล่างเมื่อคุณมาถึงให้สังเกตด้านบนของก้อนหินจะมี Poring และ กล่องสมบัติให้คุณปีนเถาวัลย์ข้าง ๆ เพื่อขึ้นไปเก็บ Poringจุดที่ 12.Prontera North Gate - โขดหินด้านซ้ายของแผนที่เมื่อคุณมาถึงบริเวณนี้จะมี Poring ใส่หูกระต่าย โดดไปมาอยู่ให้เก็บคุยกับ Poring จะได้รับ Poring มาจุดที่ 13.Poring Island - ด้านบนของแผนที่เมื่อคุณมาถึงจุดให้คุณสังเกต Poring ที่มีหูกระต่ายให้กดคุยจะได้รับ Poring มาจุดที่ 14.Poring Island - ตรงกลางของแผนที่ตรงกลางของแผนที่สังเกตดีๆ จะมี Ghosting ล่องหนอยู่ให้ใช้กล้องถ่ายรูป ถ่ายแล้วจะได้รับน้อง Poring มาจุดที่ 15.Poring Island - ตรงกลางของแผนที่จุดนี้จะไม่ใช่ Poring แต่เป็น Drops ที่อยู่บนพื้นให้คุณกดคุยกับน้องจะได้รับ Drop มา 1 ตัวจุดที่ 16.Poring Island - ด้านล่างซ้ายของแผนที่จุดนี้จะอยู่ด้านล่างซ้ายของแผนที่จะมี Poring ติดหูกระต่ายโดดไปมาอยู่ให้กดคุยกับน้องจะได้รับ Poring มาจุดที่ 17.Larva Canyon - ด้านบนของแผนที่จุดนี้จะเก็บยากสักหน่อยให้สังเกตรอยเท้าที่พื้น Poring ให้เดินตามรอยไปเรื่อย ๆ จะได้รับ Poring (ระวังหนอนแดง และแมงมุมมันตีโจมตีเราก่อนนะจ๊ะ)จุดที่ 19.Prontera West Gate - ทะเลสาปให้คุณเดินมาที่ Location นี้บนแผนที่หันหน้าลงน้ำจนกว่าจะมีหลุมสีน้ำเงิน ๆ ปรากฏบนพื้นน้ำแนะนำให้ ต้องยืนรอสักพักมันจะไม่โผล่มาทันที ให้ใช้สกิลตกปลาโยนเบ็ดลงไปจะได้รับ Poring มาจุดที่ 20.Prontera North Gate - ทะเลสาปกลางแผนที่เมื่อคุณมาที่ Location ให้คุณยืนหันหน้าตามตำแหน่งตามภาพจะปรากฏหลุมสีน้ำบนพื้นน้ำให้ใช้สกิลตกปลาโยนเบ็ดลงไปจะได้รับ Poring มาจุดที่ 21.Desert Crossroad - ทะเลสาปด้านซ้ายของแผนที่จุดนี้หลุมสีน้ำเงินจะโผล่มายากหน่อยให้คุณลองมายืนตามจุดตามภาพรอสักพักแล้วเดินไปใช้สกิลตกปลาข้าง ๆ สะพานจะได้รับ Poring มาครบแล้วสำหรับ Poring ที่กระจัดกระจายกันอยู่ใน Prontera ส่วนของ Location ต่าง ๆ>> Izulde + Alberta Geffen Payon Morroc
02 Mar 2023
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
ไกด์อาชีพSwordman Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Lord Knight สายหอก Spiral Pierce ถึกทน ดาเมจโหด [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Lord Knight สาย ASPD CRI ตีไว สะใจ [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Paladin สายแลกเลือด ดาเมจสุดมหาศาล[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Paladin สาย Full Tank สายที่ถึกทน แนวหน้าให้เพื่อนArcher Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Sniper สาย Trap วางกับดัก [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Sniper สายนก ADL ยิงเร็วดั่งพายุMage Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Wizard สายเวทหลัก Gravitation Field ดาเมจแบบหนัก ๆ Merchant Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Mastersmith สายปาขวาน Axe Termination (Rolling Cutter) [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Merchant สายรถเข็นทุบ Cart Termination Thieft Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Assassin Cross สายมีด Red Cut ตีเร็ว แรง เล่นง่าย [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Assassin Cross สาย Grimtooth [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Assassin Cross สาย Soul Breaker (Soul Destroyer)Acolyte Class[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Priest สาย Magnus Exorcismus เป็นพระก็ดาเมจแรงได้ [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ High Priest สาย Full Support ช่วยเหลือเพื่อนทั้งลงดัน เก็บเลเวล และล่าบอส [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สายหมัดปู ต่อยรัว ดาเมจหนัก ฟาร์มดี![ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สายอาชู แค่หมัดเดียวก็ตายได้![ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Champion สาย Throw Spirit Sphere ปาบอลใส่จากระยะไกล!ไกด์อื่น ๆ [ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำแนวทางมือใหม่ หนึ่งวันควรทำอะไรบ้าง[ไกด์เกม] Ragnarok Origin อยากรีดดาเมจให้ได้มากที่สุด ทำยังไงให้ตัวละครเก่ง มีจุดไหนต้องโฟกัสบ้าง[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบ Wardrobe ตู้เสื้อผ้าหรรษา แต่งสวยหล่อได้ด้วย Skin แต่สเตตัสก็ยังโหด[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เข้าใจเกี่ยวกับระบบ EXP ต่อวันภายในเกม [ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบ Life Skill ยา และ อาหารเพิ่มบัพให้ตัวละคร[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ระบบ Daily Commission แต่ละเควสให้ทำอะไรบ้าง[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบออฟแมว Mora Coin เพิ่มสเตตัสสุดโหด ให้ของสวมใส่คุณ[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ส่องรายละเอียด Set สวมใส่ภายในเกม ชุดไหนบวกสเตตัสอะไรบ้าง[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบ Monster Glossary การตีมอนสเตอร์สำคัญกว่าที่คิด[ไกด์เกม] Ragnarok Origin วิธีการหาเงินแดง Eden Coin[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เรียนรู้ระบบการล่าบอส MVP, Mini Boss และ Elite[ไกด์เกม] Ragnarok Origin วิธีการซิ้อใบธาตุจากร้านค้า[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำการ Awaken Card ระบบที่ทำให้การ์ดทุกใบมีประโยชน์[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบลูบหัว ได้ EXP ฟรี ๆ เลเวลตามเพื่อนทันง่าย ๆ[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนะนำระบบ Imprint หินรูน อัพเกรดตัวละครให้เทพขึ้นแบบก้าวกระโดดตำแหน่ง Poring Journal[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Payon[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Morroc[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Alberta และ Izlude[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง Prontera[ไกด์เกม] Ragnarok Origin ตำแหน่งจุดเก็บ Poring Journal เมือง GeffenData Based[ไกด์เกม] Ragnarok Origin รวมข้อมูล Card ทุกใบในเกม
02 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin เข้าใจเกี่ยวกับระบบ EXP ต่อวันภายในเกม
Ragnarok Origin ระบบ EXP ต่อวันของเกมนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะถ้าหากคุณนั้นไม่เข้าใจระบบเหล่านี้ มันอาจจะทำให้ท่านอาจจะเสียเปรียบคนอื่นก็เป็นได้ ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาอธิบายข้อมูลเหล่านี้ให้ท่านได้ทราบกันครับรวมไกด์เกม Ragnarok Originจุดเด่นของเกม Ragnarok Origin นั้นตัวเกมจะไม่ได้ให้เราต้องฟาร์มวันละหลายสิบชั่วโมงเหมือนเกมภาคอื่น เพราะว่าตัวเกมนั้นจะมีเวลาจำกัดให้เราฟาร๋มเพียงแค่ 150 นาทีต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่การที่จะฟาร์มให้มีประสิทธิภาพที่สุด คุณควรจะตัองฟาร์มมอนส์เตอร์ที่สามารถ One Hit Kill ศัตรูภายในสกิลเดียวให้ได้ ซึ่งมันจะทำให้คุณนั้นฟาร์มไวขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ในการรีประจำวัน คุณจะได้รับ EXP พิเศษ ที่เรียกว่า Rest EXP ซึ่งมันเหมือนเป็นค่าประสบการณ์ที่ให้เราฟรี ๆ ประจำวัน แต่ทว่า EXP เหล่านี้ เราจะไม่ได้เลยทันที แต่มันจะไปเพิ่มให้กับตอนที่คุณทำเควส หรือตีมอนสเตอร์นั่นเอง แต่ EXP ก็มีจำกัด ยกตัวอย่างในภาพดเานล่าง ที่ตัวผู้เขียนจะได้รับ Base EXP มากขึ้นเป็นจำนวน 4 ล้าน ซึ่งในตอนนั้นผู้เขียนจะได้รับ EXP มากขึ้นจากการฟาร์ม หรือทำเควสต่าง ๆ ซึ่ง Base EXP ก็จะลดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเหลือ 0 ซึ่งค่า Rest EXP จะได้มากหรือน้อย มันจะขึ้นอยู่กับความห่างระหว่างเลเวลของตัวละครคุณ และเลเวลของโลกด้วย ซึ่งมันเป็นกลไกของเกมที่ทำให้คนเล่นทีหลังมีโอกาสที่จะตามคนเล่นก่อนทันในด้านเลเวลนั่นเองรวมถึงคุณจะสามารถใช้ฟังชั่น Drop x6 กับมอนสเตอร์ที่มีเลเวลไล่เลี่ยกับคุณได้ โดยการกดปุ่ม Unlock สีฟ้า แต่ข้อเสียก็คือเมื่อไรที่กดปุ่ม Drop คุณจะไม่ได้รับค่า EXP ใด ๆ (แต่จะทำให้เวลาฟาร์มไม่ลด)ส่วนเวลาในการฟาร์ม Drop นั้นจะไม่เหมือน Rest EXP เพราะมันจะไม่เพิ่มทุก ๆ ครั้งในการรีประจำวัน แต่คุณจะต้องไปทำภารกิจประจำวันต่าง ๆ ให้ครบ 100 แต้ม (ซึ่งจะรีทุกวัน) คุณถึงจะได้รับเวลาการฟาร์ม 30 นาที โดยคุณจะสามารถเก็บเวลาฟาร์มได้สูงสุด 210 นาทีและถ้าหากคุณกดไปตรงคำว่า Recommended Hunts ตัวเกมก็จะขึ้นหน้าต่างมอนสเตอร์ที่เลเวลใกล้เคียงกับคุณมา พร้อมจะบอกว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นดรอปอะไร หรือได้ EXP กี่เปอร์เซ็นต์ในการฆ่าแต่ละตัวด้วย
01 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Merchant สายรถเข็นทุบ Cart Termination
สำหรับ Ragnarok Origin เกม MMORPG ที่กำลังจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเร็วๆ นี้ถือได้ว่าตัวเกมได้มีการนำไอเดียใหม่ๆ คอนเทนต์น่าสนใจมารวมกับความคลาสสิคได้อย่างลงตัว โดยนอกเหนือจากเรื่องการออกแบบภารกิจที่น่าสนใจแล้วนั้น ระบบคลาสอาชีพก็ไม่แพ้กัน นั่นเป็นเพราะตอนนี้มีสายอาชีพให้เลือกเล่นเยอะมากๆ โดยหนึ่งในสายแว๊นที่หลายๆ คนชอบมากๆ แถมสารพัดประโยชน์อีกด้วยนั่นคือ 'Merchant' สายรถเข็นทุบ (Cart Termination) ที่มีดีทั้งในด้าน PVP และ PVE สุดๆ ดังนั้นในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะขอแนะนำแนวทางการเล่นอาชีพ Merchant สายรถเข็นทุบ Cart Termination มาให้ทุกคนได้ศึกษากันมาดูกันเลย!รวมไกด์เกม Ragnarok OriginStatus ที่ควรอัพSTR - 90AGI - 82 ปล.แต่กรณีอยากเน้น PVP ก็สามารถแบ่งจาก AGI มาอัพ VIT ได้เช่นกันเพื่อเพิ่มความถึกของผู้เล่นให้ยืนรับดาเมจได้นานขึ้นNoted - จะเน้นไปที่ 2 สเตตัสนี้ STR และ AGI เพื่อให้ตัวละครสายนี้สามารถสแปมสกิลในครั้งถัดๆ ไปได้รวดเร็วขึ้น เพราะส่วนใหญ่สกิลของสายรถเข็นจะมีดาเมจความแรงตามค่า STR ของผู้เล่น เช่นเดียวกัน AGI ก็จะช่วยให้สกิลสาย Cart Termination ใช้งานได้ถี่ขึ้นนั่นเอง Skill ที่ควรอัพตอนเป็น Marchant  (เลเวล 10)Cart Revolution -  1Full Force Swipe  - 5Enlarge Wight Limit -  10Cart Modification -  10*ปล.Cart Modification สกิลนี้จะอัพหรือไม่ก็ได้ เพราะช่วยเพิ่มเพียงพื้นที่ของรถเข็นไม่ได้มีส่วนคอมโบกับสกิลอื่นๆ แต่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถใส่ไอเทมได้หลากหลายยิ่งขึ้น ส่วนแต้มสกิลที่เหลือผู้เล่นสามารถนำไปอัพสกิลอื่นๆ เช่น Discount เพื่อช่วยลดราคาไอเทมต่างๆ ในร้านค้าได้เช่นกัน แต่ไม่อยากแนะนำให้อัพสกิล Mammonite เพราะต้องใช้เงินเยอะในการฟาร์ม แต่หากผู้เล่นคิดว่าสามารถหาเงินได้ก็อัพได้เช่นกัน ไม่เสียหายNoted - เหตุผลที่อัพสกิล Cart Revolution เพียงแค่ 1 เพราะว่าเราจะนำไปคอมโบกับสกิล Enlarge Wight Limit ที่จะช่วยเพิ่มน้ำหนักของรถเข็น ซึ่งยิ่งรถเข็นหนักเท่าไหร่ดาเมจของสกิล Cart Revolution ก็จะรุนแรงตามนั่นเองตอนเป็น Blacksmith (เลเวล 40)Hammer Fall - 4 เพื่อเป็นทางผ่านไปยัง Adrenaline Rush -  5Power Thrust -  5Hilt Binding - 1 เพื่อเป็นทางผ่านไปยัง Weaponry Research - 10Weapon Perfection - 5 Maximize Power -  5Skin Tempering - 5Noted - ช่วงนี้จะเน้นเป็นการอัพสกิลที่จะช่วยบัพดาเมจในการโจมตี เพิ่มสถานะป้องกันไฟรวมถึงค่าสถานะต่างๆ เช่น การตีมอนสเตอร์ทุกขนาดเข้า 100%, การเพิ่มความเร็วโจมตี, การเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตีบวก เป็นต้น ซึ่งจะมีทั้งสกิลกดใช้ให้กับตัวเองและให้แก่ปาร์ตี้เพื่อนร่วมทีม ตอนเป็น Mastersmith (เลเวล 70)Cart Boost - 1Hight Speed Cart Ram - 10 (ซึ่งก็คือสกิล Cart Termination)Cart Max Load Value - 10Maximum Over Thrust - 5*Melt Down -10 (กรณีเน้นสาย PVP เพราะมีโอกาสทำให้อุปกรณ์ของอีกฝ่ายเสียหายได้)Noted - เข้าสู่ช่วงบิลด์สายเต็มตัว เพราะตรงนี้เราจะได้ใช้สกิล Cart Termination หรือในเวอร์ชั่นนี้จะเรียกว่า Hight Speed Cart Ram ซึ่งเป็นสกิลรถเข็นทุบนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มดาเมจคอมโบจากสกิล Cart Max Load Value ซึ่งจะช่วยเพิ่มน้ำหนักของรถเข็นให้มากขึ้น นั่นก็หมายความว่า ดาเมจของผู้เล่นจะสูงขึ้นตามไปด้วย!ไอเท็มที่ควรใช้จะขอแนะนำว่าช่วงเลเวล 50 ให้ใช้อาวุธเป็น Golden Hammer ซึ่งจะตอบโจทย์ในช่วงนี้มากๆ เพราะหากเราโจมตีบ่อยๆ จะสร้างดาเมจเพิ่มเติมอีกตาม Base เลเวลของตัวละคร รวมถึงค่า STR และ AGI ของเราอีกด้วย ถัดมาเมื่อเลเวล 70 แนะนำให้ใช้อาวุธเป็น Vecer Axe ที่เหมาะสำหรับสายรถเข็นทุบอย่างมาก เพราะอาวุธชิ้นนี้จะเพิ่มดาเมจสกิลของรถเข็นตามน้ำหนักของรถเข็นคูณด้วย 30% อีกด้วยและหากใช้สกิลที่เกี่ยวข้องกับรถเข็นก็ยังได้รับความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มเติมอีกด้วย (เมื่อเลเวล 80 ก็ใช้ Vecer Axe I ต่อได้เลย )ชุดเซ็ตที่แนะนำช่วงเลเวล 50-70 แนะนำให้ใส่ชุดเป็น Combat Uniform ที่จะช่วยเพิ่มค่า STR ให้กับผู้เล่น รวมถึงผ้าคุลม Wool Scarf และรองเท้า Tidal Shoes ซึ่ง 2 อย่างนี้จัดเป็นเซท Mountain Ranger's Set ซึ่งจะช่วยเพิ่มดาเมจกายภาพอีก 3% เลยทีเดียว (เมื่อเลเวล 70 ก็ใช้ของสวมใส่เซ็ตเดิมที่เป็นขั้น I ต่อได้เลย ) ถัดมาเมื่อเลเวล 80 แนะนำให้ใช้เซ็ต Tyr's Blessing ได้เลย ซึ่งประกอบไปด้วย Tyr's Armor, Vali's Cloak และ Vidar's Boots ซึ่งเซทนี้จะช่วยเพิ่ม ATK ตามค่า STR ของผู้เล่นส่วนเครื่องประดับตั้งแต่เลเวล 45 ให้มาใช้ Silver Ring ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่า ATK และค่า STR ส่วนเมื่อถึงเลเวล 65 ก็แนะนำเป็นประดับ Ring ที่จะช่วยค่า ATK และ STR ที่สูงขึ้นไปอีก โดยค่า ATK จะสูงขึ้นอ้างอิงตามค่า STR ของผู้เล่นนั่นเอง จากนั้นเมื่อถึงเลเวล 85 แนะนำให้เปลี่ยนประดับมาใช้เป็น Nile Rose ซึ่งจะมีเอฟเฟ็กต์พิเศษที่จะช่วยเพิ่ม ATK ตามค่า STR ของผู้เล่นให้อีกด้วย! การ์ดที่ควรใช้อาวุธ - แนะนำใช้การ์ดตีขนาดมอนสเตอร์ต่างๆ การ์ดตีเผ่า หรือตีขนาดก็ได้ เช่น Hydra Care,Flora Card หรือ Vadon Card เป็นต้น แต่หากอยากเน้นไปที่สกิลรถเข็นทุบก็เลือกเป็นการ์ดที่บวก ATM โดยตรงก็ได้ เช่น Andre Cardชุด - แนะนำเป็นการ์ดที่ช่วยเพิ่มค่า Max HP ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถึกและให้ผู้เล่นสามารถยืนได้นานขึ้น เช่น Marc Card, Pecopeco Card เป็นต้นผ้าคลุม - เลือกเป็นการ์ดที่ช่วยลดดาเมจการโจมตีจากมอนสเตอร์ไร้ธาตุ เช่น Raydric Card หรือจะเลือกเป็นพวกการ์ดเพิ่ม Max HP ก็ได้ นั่นคือ Choco Card *กรณีหาการ์ดที่มีบัฟแนะนำไปไม่ได้ ก็ให้ลองหาเป็นพวกการ์ดลดดาเมจการโจมตีจากธาตุต่างๆ มาใส่ได้เช่นกันรองเท้า - แนะนำเป็นพวกการ์ดที่เพิ่มพวกค่า Max HP เช่นกัน นั่นคือพวกการ์ด Sohee Card, Matyr Card เป็นต้นประดับ - ส่วนนี้แนะนำให้ใช้การ์ดที่เพิ่มค่า STR ค่า ATK เช่น Mantis Card, Tarou Card เป็นต้นระบบเฟือง หรือ Verus Core ที่แนะนำมี 3 เฟืองนั่นคือ1.Overloading Engine - เป็นเฟืองที่จะช่วยให้ผู้เล่นที่กดใช้สกิล Cart Boost จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่รวมถึงพลังโจมตีตามค่าความเร็วในการเคลื่อนที่ให้สูงขึ้น!2.Bloodthirst - จะช่วยให้สามารถสร้างดาเมจให้แก่ศัตรูที่มี HP มากกว่า 75%3.Cart Boost - เป็นเฟืองที่จะช่วยเพิ่มดาเมจให้กับสกิล Cart Revolution และ Cart Termination
01 Mar 2023
[ไกด์เกม] Ragnarok Origin แนวทางการเล่นอาชีพ Mastersmith สายปาขวาน Axe Termination (Rolling Cutter)
Ragnarok Origin สำหรับอาชีพพ่อค้า Merchant นั้นก็เป็นอาชีพที่ค่อนข้างทำดาเมจที่รุนแรงมาก ๆ รวมถึงในปาร์ตี้ก็สามารถเพิ่มดาเมจกายภาพจากบัพต่าง ๆ ของตัวเองให้แก่ปาร์ตี้ได้ด้วย แถมพอเปลี่ยนเป็นคลาสสาม Mastersmith ก็มีสกิลที่ค่อนข้างเท่มาก ๆ และหนึ่งในสายที่เหมาะสำหรับมือใหม่ช่วงเริ่มต้น ไม่เปลืองเงินในการโจมตีด้วย นั่นก็คือสาย Axe Termination (บางเซิร์ฟเรียกว่า Rolling Cutter) ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมาแนะนำแนวทางการเล่นเบื้องต้นให้ท่านได้ทราบกันครับรวมไกด์เกม Ragnarok Originตัวอย่างสกิลStatus ที่ควรอัพSTR - 99AGI - 99VIT - อัพที่เหลือNoted - ช่วงแรก ๆ เน้นการอัพ STR หนัก ๆ เพื่อมาเก็บเลเวลเป็นหลักก่อนก็ได้ เพราะ AGI อาจจะมีประโยชน์จในช่วงหลังมากกว่า Skill ที่ควรอัพตอนเป็นอาชีพ Merchant เลเวล 10Cart Revolution - 1Enlarge Weight - 10Discount - 10Overcharge - 10Full Force Swipe - 5ที่เหลืออัพตามใจNoted - สำหรับสกิลที่เอาไว้ใช้เก็บเลเวลเป็นหลักนั่นก็คือ Cart Revolution และ Full Force Swipe ส่วนที่เหลือก็จะเน้นสกิล Passive เป็นหลักตอนเป็นอาชีพ Blacksmith เลเวล 40Hammer Fall - 4Adrenaline Rush - 5Power Thrust - 5Maximum Power - 5Hit Blinding - 1Weapory Recovery - 10Weapon Perfect - 5Skin Tempering - 5Noted - พอเปลี่ยนอาชีพเป็นคลาสนี้ สกิลที่ใช้เก็บเลเวลก็จะยังเป็นสกิล Cart Revolution อยู่ แต่ข้อดีก็คือทาง Blacksmith จะมีสกิลบัพที่ค่อนข้างเยอะมาก ๆ และจะทำให้ตัวละครเรามีดาเมจที่แรงขึ้นเยอะเลยทีเดียวตอนเป็นอาชีพ Mastersmith เลเวล 70Over Thrust - 10Axe Termination - 10Axe Mastery - 10Cart Boost - 1ที่เหลืออัพตามใจไอเท็มที่ควรใช้สำหรับอาวุธเลเวล 50 อาจจะใส่อาวุธ Doom Slayer ไปก่อน ถึงแม้ว่าจะทำให้ค่า ASPD ลดลงไปเยอะ แต่ในช่วงเลเวลนี้เราน่าจะมีค่า AGI ที่ไม่สูงนักอยู่ดี และสกิลที่ใช้เก็บเลเวลก็ยังเป็น Cart Revolution อยู่ส่วนพอเลเวล 70 แนะนำให้เปลี่ยนมาใส่เป็น Power Cutting Axe ซึ่งจะทำให้สกิล Axe Termination (Rolling Cutter) ไม่มีคูลดาวน์ และกินมานาที่น้อยลงในการใช้สกิลด้วย (ขวานนี้จำเป็นต้องมี)ชุดที่แนะนำช่วงเลเวล 50 และ 70 ก็คือชุดเซ็ทอย่าง Mountain Range ประกอบไปด้วย Wool Scarf (ผ้าคลุม) และ Tidal Shoes (รองเท้า) เพราะเราจะได้บัพเพิ่มโจมตีกายภาพ +3% ส่วนเสื้อใส่เป็น Combat Uniform เพื่อบวก STR 3 ก็ได้ส่วนพอถึงเลเวล 80 แนะนำให้ใส่ชุดเซ็ท Tyr's Blessing เพราะจะเพิ่มค่า ATK +2 ต่อค่า Str 1 ซึ่งมันจะทำให้ดาเมจเราเพิ่มอย่างมหาศาล และใส่ชุดนี้ยาว ๆ ได้เลยส่วนเครื่องประดับที่ใช้ก็คือ Ring ที่จะบวก STR โดยตรงการ์ดที่ควรใช้อาวุธ - เน้นกา