GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Neil Druckmann"
Neil Druckmann กล่าว !! เขากำลังทำเกมใหม่อยู่ แต่ไม่สามารถบอกอะไรได้ในตอนนี้
ถือว่าเป็นผู้กำกับที่กำลังมาแรงมากสำหรับ Neil Druckmann ผู้กำกับเกมเอาชีวิตรอดชื่อดังอย่าง The Last of Us ซึ่งตัวเขานั้นก็ได้เข้าไปกำกับร่วมในเวอร์ชัน TV Series ด้วย และล่าสุดเจ้าตัวเองก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Entertainment Weekly ยืนยันว่าตัวเขานั้นกำลังทำเกมต่อไปอยู่เมื่อถูกย้ำถามว่าโปรเจกต์ต่อไปจะเป็นเกม The Last of Us Part 3 หรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นทางคุณ Druckmann เองก็ย้ำว่าตัวเขาไม่สามารถพูดใด ๆ เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ต่อไปของเขา ไม่งั้นทางผู้กำกับด้านการสื่อสารของบริษัทน่าจะต้องฆ่าเขาแน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ก็ได้มีการยืนยันแล้วว่าทาง Naughty Dog กำลังพัฒนาเกม The Last of Us แบบฉบับ Multiplayer อยู่ด้วย และมันจะเป็นเกมที่สเกลขนาดใหญ่พอ ๆ กับเกมหลักเลยCredit - Gamingbolt..............................พบเกม PC ลดราคาแรงตลอดปีที่ร้าน 2gameซื้อผ่านลิงก์ https://2game.com?ref=gamefeverth และใส่รหัสคูปอง Gamefever เพื่อรับส่วนลดเพิ่ม!
05 Sep 2023
Neil Druckmann กล่าว !! The Last of Us Multiplayer ผมรอแทบไม่ไหวที่จะโชว์ออกมาให้เห็น
ทาง Naughty Dog ได้เคยประกาศว่าพวกเขานั้นกำลังอยู๋ในระหว่างการสร้างเกมใหม่อย่าง The Last of Us แบบผู้เล่นหลายคนแบบ Standalone อยู่ ซึ่งจะใหญ่เทียบเท่ากับเกม Single Player ที่เคยทำมาเลยก็ว่าได้ และล่าสุดทางผู้กำกับและผู้เขียนบทอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Kinda Funny ว่าเขารอแทบไม่ไหวที่อยากจะให้แฟน ๆ ได้เห็นเกมนี้เต็มทนแล้ว และดูเหมือนว่าโปรเจกต์นี้ทางคุณ Neil Druckmann ไม่ได้เข้ามาดูแลโดยตรง'สิ่งที่ทีมที่ได้รวบรวมไว้นั้นยอดเยี่ยมมาก มันแตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยทำมาเลย เพราะมันทำโดยคนอื่น แต่สำหรับผมนั้นมันน่าตื่นเต้นอย่างมาก ซึ่งการที่ได้เห็นคนอื่นมีบทบาทในโลกแห่งนี้ มีบทบาทเป็นผู้นำ และเราจะได้เห็นสิ่งที่มันจะมารวมกัน ผมรอแทบไม่ไหวที่จะโชว์ออกมาให้เห็น'Credit - Gamingbolt
16 Mar 2023
Neil Druckmann ยอมรับ !! เขารู้ว่าแฟน ๆ อยากเห็น The Last of Us Part 3
พึ่งจบกันไปสำหรับ The Last of Us ฉบับ HBO ซึ่งแฟน ๆ ก็ต่างรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน ส่วนสำหรับแฟนเวอร์ชันวิดีโอเกมก็ต่างเฝ้ารอที่จะให้ทาง Naughty Dog ทำเกมภาคสามออกมาเสียที ซึ่งล่าสุดทางคุณ Neil Druckmann ผู้กำกับและผู้เขียนบทเกมนี้ก็ได้ออกมากล่าวว่าเขาก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี'ในช่วงท้าย ๆ ของแต่ละโปรเจกต์ เราก็ตั้งใจที่จำสำรวจค้นหาโปรเจกต์ใหม่ที่แตกต่างหลาย ๆ ตัว บางครั้งก็อาจจะเป็นภาคต่อ บางครั้งก็อาจจะเป็นไอเดียใหม่ แล้วเราก็ต้องรู้สึกว่าความหลงไหลของเราอยู่ไหน เพราะนั่นจะเป็นไฟที่จะอยู่กับเราไปอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งถ้าเราเลือกโปรเจกต์ผิด และเกิดหมดไฟกับไอเดียเพราะคุณไม่ได้สนใจมันเลยสองปีหลังจากนั้น โปรเจกต์สี่ที่ทำมันแย่แน่ ๆผมรู้ว่าแฟน ๆ นั้นต้องการให้เราทำเกม The Last of Us Part 3 ผมได้ยินเรื่องนี้ตลอดเวลา สิ่งที่ผมสามารถบอกได้ก็คือเรากำลังเข้าสู่โปรเจกต์ต่อไปของเราแล้ว เราได้ตัดสินใจทำไปแล้วแต่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ซึ่งเรากำลังดำเนินการกันอยู่ มีการพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง และเราเลือกสิ่งที่เราตื่นเต้นที่สุด'Credit - Gamingbolt
15 Mar 2023
Neil Druckmann กล่าว !! The Last of Us ภาค 3 จะมาก็ต่อเมื่อเขามีเรื่องราวที่ดีพอจะเล่า
เชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็เฝ้ารอให้ถึงวันจันทร์เพื่อที่จะดูตอนใหม่ของเกม The Last of Us ฉบับ TV Series ส่วนในเวอร์ชันเกมเองก็ปล่อย The Last of Us Part II มาได้กว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งแฟนเกมหลาย ๆ คนเองก็เฝ้ารอที่จะเล่นภาค 3 กันอยู่ ล่าสุดทางผู้กำกับอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BuzzFeed ว่า The Last of Us Part III จะมาก็ต่อเมื่อเขามีเรื่องราวที่น่าสนใจ'ผมรู้ว่ามีคนมากมายสงสัยเกี่ยวกับ The  Last of Us Part III สิ่งที่ผมพูดได้ก็คือที่ Naugthy Dog เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับที่ Sony ได้ให้เงินสนับสนุนเรา และคอยสนับสนุนในทุก ๆ ขั้นตอนในความปรารถนาของเรา ต่อให้ตัวเกมจะประสบความสำเร็จแต่เขาก็ไม่ได้กดดันเราให้ทำภาคต่อออกมา อย่างเกม Uncharted ที่มันประสบควมมสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเกม Uncharted 4 เป็นหนึ่งในเกมที่ขายได้ดีที่สุดของเรา และเราได้สามารถใช้ปลายพู่กันสุดท้ายของเรากับเรื่องราวนั้นและบอกว่าเราทำมันเสร็จสิ้นแล้วเช่นเดียวกันกับ The Last of Us มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำต่อหรือไม่ กระบวนการของเราเป็นแบบเดียวกับที่เราทำภาคสอง ก็คือถ้าหากเราสามารถคิดเรื่องราวทีน่าสนใจที่มีเรื่องราวที่คนสนใจและเกี่ยวข้องกับความรักเหมือนกับสองภาคแรก เราก็จะเล่ามันออกมาแน่ ซึ่งเรามีตอนจบที่แข็งแกร่งมากสำหรับภาค 2 และนั่นเป็นจุดจบของเรื่อง'แต่อย่างที่ทราบกันว่า The Last of Us กำลังถูกพัฒนาภาคใหม่แต่จะเป็นเกมแนว Multiplayer 'เราเองก็เปิดเผยออกมาแล้วว่า The Last of Us ภาคต่อไปจะเป็นประสบการณ์แบบผู้เล่นหลายคน โดยคุณจะได้เข้าสู่โลกของเกมนี้กับเพื่อน ๆ และจะได้สัมผัสถึงความตรึงเครียดและความโหดร้ายของโลกใบนั้น รวมถึงเรื่องราวใหม่ล่าสุดและเหล่าตัวละครที่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น ที่เราไม่เคยเห็นในเกมด้วย ซึ่งนี่จะเป็นอีกบทหนึ่งในจักรวาลของ The Last of Us'Credit - Gamingbolt
27 Jan 2023
Neil Druckmann บอกเป็นนัย !! Naughty Dog กำลังพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ถึง 3 ตัว
Naughty Dog เป็นค่ายพัฒนาเกมที่มีผลงานคุณภาพมากมายเช่น Crash Bandicoot, Uncharted หรือ The Last of Us และดูเหมือนว่าค่ายพัฒนานี้จะมีอีกกว่า 3 โปรเจกต์นี้กำลังพัฒนาอยู่ เพราะล่าสุดคุณ Neil Druckmann ประธานร่วมของบริษัทได้โพสต์ Twitter ประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่างๆ มากมาย ซึ่งตัวเขานั้นได้พิมพ์คำบรรยายเอาไว้ว่า 'เรากำลังเติบโต! มาร่วมงานกับเราและทำงานใน ?, ?, and ?!' โดยคาดว่ารูปอิโมจิที่พิมพ์มานั้นคือจำนวนโปรเจกต์ที่ค่ายนี้กำลังสร้างอยู่นั่นเองWe’re growing! Come join us and work on ?, ?, and ?! https://t.co/rKL3u4iZaq— Neil Druckmann (@Neil_Druckmann) February 4, 2022 โดยเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าโปรเจกต์ที่กล่าวมานั้นมีเกมอะไรบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าพวกเขากำลังจะสร้างเกม Uncharted ภาคใหม่ โหมดผู้เล่นหลายคนของ The Last of Us 2 หรือจะเป็น The Last of Us Remake ที่มีข่าวลือหนาหูมาก ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปCredit - GameRant
07 Feb 2022
Neil Druckmann ยืนยัน !! มีหลายเกมที่กำลังสร้างอยู่ใน Naughty Dog
ต้องยอมรับว่าผลงานเกมของทางค่าย Naughty Dog แต่ละเกมนั้นมีคุณภาพสูงมากๆ ไม่ว่าจะเป็น The Last of Us และ Uncharted ซึ่งล่าสุดภายในงาน CES 2022 หนึ่งในประธานของบริษัทอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ยืนยันว่าทางค่ายได้กำลังทำงานสำหรับเกมใหม่อยู่อีกหลายโปรเจกต์ “เรายินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันกับคุณเกี่ยวกับโปรเจ็กต์เกมต่างๆ ที่เรามีในการทำงานที่ Naughty Dog”ซึ่งก็มีหลายๆ คนเดาว่า เกม The Last of Us ภาคแรกในฉบับ Remake อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ โดยเราก็ต้องรอกันจนกว่าผู้พัฒนาจะประกาศอย่างเป็นทางการ รวมถึงยังกล่าวว่าสำหรับซีรีส์ The Last of Us ของ HBO และภาพยนตร์ Uncharted ที่นำแสดงโดย Tom Holland ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วยCredit - Gamingbolt
06 Jan 2022
Neil Druckmann เผย หน้าที่ของเขาในการทำหนัง The last of Us ได้จบลงแล้ว!
ผู้กำกับมากความสามารถ Neil Druckmann เหมือนจะยุ่งมากๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา จากการไปกำกับการถ่ายทำหนัง The Last of Us ที่ประเทศ Canada ซึ่งจากข้อความล่าสุดของเขาบน Twitter ดูเหมือนว่าอาจจะอีกไม่นานแล้วก่อนเราจะได้เห็นการเปิดตัวของ The Last of Us ฉบับ HBO เพราะหน้าที่ของเขาในกองถ่ายเหมือนจะจบลงแล้วNeil Druckmann มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำกับทิศทางของเกมให้ออกมาเป็นสิ่งที่มันควรจะเป็น มันจึงน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกันที่เราจะได้เห็นเนื้อเกม The Last of Us ในเวอร์ชันคนแสดงบ้าง นอกจากนี้ฉบับคนแสดงยังได้คุณ Pedro Pascal มารับบทเป็น Joel กับ Bella Ramsey มาแสดงในบทของ Ellie และ Anna Torv ในบทของ Tessหลังจากหมดหน้าที่ของเขาในกองถ่าย Neil Druckmann เปิดเผยว่าเข้ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับไปพบกับเพื่อนๆ Naughty Dog อีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะกลับมารับผิดชอบโปรเจกต์ใหม่เลยในทันที หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่กำลังดำเนินอยู่ของบริษัทในตอนนี้ ส่วนตัวผู้เขียนอยากให้คุณ Neil เริ่มโปรเจกต์ใหม่เลย จะได้เล่นเกมต่อไปของเขาเร็วๆ ครับAlas… my time in Canada has come to an end. To the best tv crew in the world, thank you for your incredible work, your passion, and for making me feel so welcome! I will miss you terribly!Excited to return to Naughty Dog (and some warmer weather!) ♥️ ?? pic.twitter.com/A9hsy7gPpA— Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) November 7, 2021 Credit : GamingBolt
09 Nov 2021
ยืนยัน!! Neil Druckmann จะเข้ามากำกับบางช่วงของซีรีส์ The Last of Us ที่จะลงใน HBO GO!!
จากอัปเดตล่าสุดใน Directors Guild of Canada(DGC) หรือสหภาพแรงงานของแคนาดา ได้มีการระบุว่าผู้กำกับและผู้เขียนบทเกม The Last of Us ทั้งสองภาค อย่าง Neil Druckmann จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในผู้กำกับตัวซีรีส์ The Last of Us ที่จะลงใน HBO GO อย่างแน่นอนซึ่งจากข่าวของทาง VGC ก็ได้มีการอัปเดตเพิ่มเติมเป็นนัยๆ อีกว่า Druckmann จะเข้ามากำกับในส่วนของซีซันแรก แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเป็นตอนไหน อย่างไรก็ดี Kantemir Balagov นั้นก็ได้เข้ามากำกับและถ่ายทำในส่วนของตอนแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อพิจารณาจากกระแสตอบรับจากแฟนๆ ต่อตัวเกม The Last of Us ทั้งสองภาคที่ผ่านมา การได้มือดีอย่าง Neil Druckmann มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ก็อาจเป็นแนวโน้มที่ดี ที่จะทำให้เราผู้ชมคาดหวังได้ว่า ตัวซีรีส์ดังกล่าวจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่แสนยอดเยี่ยมของตัวเกม ออกมาในรูปแบบซีรีส์คนแสดงได้อย่างลึกซึ้งน่าติดตาม แต่อย่างไรก็ดีในตอนนี้ที่ซีรีส์ยังคงอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ เราผู้ชมก็ทำได้แค่เพียงเกาะจอ ตั้งหน้าตั้งตารอความเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเท่านั้นค่ะCredit: GamingBolt
21 Sep 2021
Neil Druckmann เผยมีแนวทางเนื้อเรื่องของ The Last of Us Part 3 แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเป็นโปรเจกต์ต่อไปรึเปล่า
หลังจากที่มีโอกาสได้เล่น The Last of Us Part 2 กันไปแล้วในปี 2020 เชื่อว่าแฟนเกม และผู้เล่นหลายคนคงอยากได้เกมภาคต่อกันแบบใจจะขาดเนื่องจากเนื้อเรื่องมันถูกทิ้งไว้แบบค้างคาพอสมควร ข่าวดีวันนี้คือคุณ Neil Druckmann มีคิดแนวทางของเนื้อเรื่องภาคต่อไปไว้แล้ว ข่าวร้ายคือมันอาจไม่ใช่เกมต่อไปของ Naughty Dog ครับ'ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพูดได้มากขนาดไหน แต่เอาเป็นว่าผมกับ Halley Gross ได้มีการเขียนโครงเนื้อเรื่องของ The Last of Us Part 3 ไว้แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันควรเป็นโปรเจกต์ต่อไปของเรารึเปล่า ผมคิดมาตลอด 7 ปี ตอนพัฒนา The Last of Us Part 2 ว่าเมื่อไหร่เกมนี้จะเสร็จเสียที พอมองย้อนกลับไปมันทำให้รับรู้ได้ว่า เกมนี้ได้ใช้ทรัพยากรไปมากมายจริงๆ แล้วเกมภาคต่อไปจะต้องใช้อีกเท่าไหร่กัน?' 'หลังจากทำโปรเจกต์ใหญ่มากๆ สำเร็จไปหนึ่งตัว ในฐานะสตูดิโอ เราอยากใช้เวลาค่อยๆ สำรวจความต้องการของพวกเราเองว่าอยากทำเกมแบบไหนเป็นผลงานต่อไปกันแน่ จะเป็น The Last of Us Part 3, อะไรใหม่ๆ หรือสานต่อสิ่งเก่าๆ ที่เราได้เคยทำไว้แล้ว? ไม่ว่าอะไรคือสิ่งสุดท้ายที่เราตัดสินใจ แต่เวลา, การทำงาน, โอกาส และอื่นๆ คือสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อให้มันสำเร็จออกมา'ดังนั้นไม่ว่าเกมต่อไปของ Naughty Dog จะเป็นอะไร มันคงยังไม่เร็วๆ นี้ที่เราจะได้เห็นการประกาศเปิดตัว หรือวันวางจำหน่ายครับ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า 'แล้วทำไมไม่ทำทุกอย่างไปเลย?' ประธานของบริษัทคุณ Evan Wells เคยกล่าวว่าสตูดิโอยังไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ครับCredit : https://gamingbolt.com/the-last-of-us-part-3-has-a-story-outline-neil-druckmann
29 Apr 2021
ผู้กำกับชื่อดัง Neil Druckmann เปิดเผยรายชื่อเกม 5 อันดับที่เขาอยากสร้างมากที่สุด
จากกระแสดราม่าอันร้อนแรงของเกม The Last of Us Part 2 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของผู้กำกับเกมคุณ Neil Druckmann กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่เกมเมอร์ทั่วโลก ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดีขึ้นอยู่กับความเห็นที่มีต่อเกมดังกล่าว แต่เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติเกมที่เขาได้มีส่วนร่วมพัฒนาอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเกม The Last of Us ภาคแรก หรือกระทั่งเกมในซีรี่ส์ Uncharted หลายๆ ภาค ก็ปฏิเสธความสามารถในฐานะนักเขียนบทและผู้กำกับเกมของเขาได้ยากมากๆ เช่นกัน และเชื่อว่ามีเกมเมอร์หลายคนที่เฝ้าติดตามผลงานต่อไปของเขาและค่ายพัฒนา Naughty Dog อย่างใกล้ชิด ล่าสุด แม้จะไม่ใช่การเปิดเผยเกมต่อไปที่เขากำลังพัฒนาอยู่ซะทีเดียว แต่คุณ Neil ก็ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อเกม 5 อันดับแรกที่เขาอยากพัฒนาเป็นการส่วนตัว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นรายชื่อที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ? 1) Punisher 2) Half Life 3) Ghost Rider 4) Hotline Miami 5) Cowboy Bebop Those come to mind... ??‍♂️ — Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) January 18, 2021 จากรายชื่อที่คุณ Neil ตอบมา ก็ถือว่าส่วนใหญ่ค่อนข้างตรงตามสไตล์เกมที่เขาทำมาตลอดที่มักจะมีตัวเอกสีเทาๆ ไม่ดีไม่เลวไปซะทีเดียวเช่น Punisher หรือ Ghost Rider ที่ล้วนเป็นฮีโร่จากค่าย Marvel ที่มีชื่อในด้านการต่อสู้กับวายร้ายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม หรืออย่าง Half Life, Cowboy Bebop, และ Hotline Miami ที่มีเรื่องราวที่ตั้งคำถามกับศีลธรรมและ "ความถูกต้อง" ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นธีมที่เห็นได้จากผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาอย่างซีรี่ส์ The Last of Us นั่นเอง แน่นอนว่าคำตอบของคุณ Neil ได้กลายเป็นที่สนใจของแฟนๆ เป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนที่พยายามเสนอไอเดียเกมต่างๆ ให้คุณ Neil มากมาย โดยโพสต์หนึ่งที่น่าสนใจได้พยายามเสนอให้คุณ Neil สร้างเกมโดยอิงจากภาพยนตร์อนิเมชั่น Princess Mononoke และ Kikis Delivery Service ของ Studio Ghibli อีกด้วย Yes! I’d even love to make a Kiki’s Delivery Service open world game! — Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) January 18, 2021 แม้ว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นคุณ Neil พัฒนาเกมในดวงใจตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ (อาจยกเว้นเกมที่อิงซีรี่ส์ Marvel ที่พอมีสิทธิ์มากกว่า) แต่เชื่อว่าเกมเมอร์ก็คงไม่ต้องรอนานเกินไปกว่าจะได้เห็นเกมใหม่จากทั้งคุณ Neil และค่าย Naughty Dog จากการค่ายได้ประกาศรับสมัครผู้พัฒนามาร่วมกันสร้างเกมใหม่สำหรับ PS5 ไปเมื่อเร็วๆ นี้ Credit: Gamerant
19 Jan 2021
ผู้กำกับ Neil Druckmann เปิดหมดเปลือกกับธีมและตอนจบของเกม The Last of Us Part II
***บทความนี้จะสปอยเนื้อเรื่องของเกม The Last of Us Part II เยอะมาก รวมถึงตอนจบด้วย*** เกม The Last of Us Part II อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกมยอดเยี่ยมที่มีคนเกลียดมากที่สุดเกมหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านเนื้อเรื่องของเกม ที่ทำลายความคาดหวังของผู้เล่นหลายๆ คนไปอย่างเลือดเย็น หรือประเด็นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา หรือกระทั่งเพศสภาพของตัวละคร ที่หลายคนมองว่าเป็นการผลักใสประเด็นทางการเมืองของผู้พัฒนาใส่ผู้เล่น จนเกิดเป็นการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ที่ข้อมูลเนื้อเรื่องหลุดออกมาก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย จนถึงปัจจุบันที่เกมวางจำหน่ายไปแล้วเกือบ 3 สัปดาห์ด้วยกัน ในช่วงก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย (แต่หลังจากที่ข้อมูลด้านเนื้อเรื่องหลุดออกมาแล้ว) ทางเว็บไซต์ Eurogamer ได้มีโอกาสในการสัมภาษณ์คุณ Neil Druckmann ผู้กำกับและผู้เขียนบทเกม The Last of Us Part II เกี่ยวกับสิ่งที่เกมต้องการจะสื่อผ่านเนื้อเรื่อง ไปจนถึงประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับตัวละครใหม่ๆ อย่างแอ๊บบี้และเลฟ ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างมาก เราจึงอยากจะแปลบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันจ้า! ในช่วงครึ่งหลังของเกม (ที่คุณรับบทเป็นแอ๊บบี้) มันน่าเศร้ามากที่คุณได้พบกับผู้คนและสุนัขที่คุณฆ่าตายไปก่อนหน้านี้ในฐานะเอลลี่ และมันทำให้ผมรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ ผมรู้สึกผิดต่อพวกเขา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ผมไม่ค่อยพบในวิดีโอเกมเท่าไหร่ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย ND: คุณพูดถึงประเด็นเรื่องความละอายและความรู้สึกผิด ทั้งสองอย่างนี่มันช่างเป็นอะไรที่มีความเป็นเกมสูงเนอะว่าไหม เพราะเกมเท่านั้นที่ให้ผู้เล่นได้ลงมือกระทำอะไรซักอย่างด้วยการตัดสินใจของตัวเอง และทำให้พวกเขาได้เห็นผลของการกระทำนั้นๆ และสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อตัวละครอื่นๆ เอาเข้าจริง ในการโฆษณาเกม เรามักจะบอกว่าเกม Part II นี้มันเกี่ยวกับความแค้นและความเกลียดชัง ซึ่งมันไม่จริงเลย เกมนี้เป็นเกมเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ เกี่ยวกับการให้อภัยต่างหาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถสร้างความรู้สึกเกลียดชังสุดขีดในใจของผู้เล่นได้ เพื่อให้พวกเขาอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นกลุ่มคนเหล่านั้นต้องชดใช้ต่อการกระทำ และมันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ตอนนี้ คุณเห็นวิธีที่พวกเขาพูดถึงข้อมูลหลุด วิธีที่พวกเขาพูดจาและกระทำต่อแอ๊บบี้ราวกับเธอไม่ใช่มนุษย์ มันน่ากลัวมาก แต่มันก็คือธรรมชาติของมนุษย์ ที่เราทุกคนล้วนเคยกระทำ เราเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราได้เห็นบทสัมภาษณ์ของคนที่สูญเสียคนรักหรือบุตรให้กับความรุนแรง พวกเขามักจะพูดทำนองว่า ถ้าชั้นจับไอ้คนกระทำมาอยู่ตรงหน้าได้ ชั้นคงถลกหนังมันทั้งเป็น และผมเชื่อพวกเขานะ ผมเชื่อว่าในสถานการณ์ที่ถูกต้อง มนุษย์ธรรมดาอย่างเราล้วนกระทำอะไรแบบนั้นได้ทุกคน ซึ่งสิ่งที่เราอยากจะทดลองในเกมนี้ก็คือ เราจะสามารถนำพาผู้เล่นไปอยู่ในจุดนั้น ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และทำให้พวกเขาต้องหยุดคิดและสำรวจจิตใจของตัวเองได้อย่างไร และบางทีมันอาจจะทำให้เมื่อมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นนอกเกม คุณอาจจะมีสติและความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะหยุดและตั้งคำถามกับตัวเองถึงมุมมองที่ต่างจากคุณ ฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างเอลลี่และแอ๊บบี้มันช่างให้ความรู้สึกกระเสือกกระสนและว่างเปล่าเหลือเกิน เหมือนว่ามันไม่สามารถมีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะได้เลย ผมรู้สึกโกรธเอลลี่มาก และผมก็พร้อมจะเกลียดแอ๊บบี้มาตั้งแต่ต้นเกม แต่ในจุดนั้นมุมมองของผมมันพลิกกลับด้านไปหมดเลย คุณพยายามจะสื่อว่าเอลลี่คือตัวร้ายอยู่ใช่ไหมในฉากนั้น ND: สำหรับผม การจำกัดความตัวละครว่าเป็น "ตัวดี" หรือ "ตัวร้าย" มันเป็นการตัดสินตัวละครมากไปหน่อย สิ่งที่เราต้องการจะสื่อมากกว่าก็คือ นี่คือกลุ่มคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ที่เลือกทางเลือกที่ไม่ถูกต้อง และแสดงให้เห็นผลของทางเลือกเหล่านั้น ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า "มันคุ้มค่าสำหรับคุณแล้วใช่ไหม" การเดินทางของเอลลี่มันคือการออกตามหาอะไรก็ตามเพื่ออุดรูในใจที่การตายของโจเอลทิ้งเอาไว้ และความเชื่อของเธอที่ว่า ชั้นอาจจะรู้สึกดีขึ้น ถ้าได้เห็นคนพวกนี้ต้องเจ็บปวดเหมือนกับโจเอล มันเลยทำให้การฆ่าทุกครั้งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งกัดกร่อนความเป็นมนุษย์ของเธอลงเรื่อยๆ มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เราอ้างอิงจากการสัมภาษณ์บุคคลในโลกจริง บางคนเป็นลูกหลานหรือพ่อแม่ของเหยื่อการฆาตกรรม ที่ได้นั่งดูคนที่ฆ่าคนรักของพวกเขาถูกประหารชีวิตต่อหน้า พวกเขาทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ต้องการไม่ใช่การแก้แค้น แต่ต้องการให้คนที่เขารักกลับมาต่างหาก และการฆ่าคนที่พรากพวกเขาไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในขณะเดียวกัน การเดินทางของแอ๊บบี้มันคือการพยายามลบล้างความรู้สึกผิดของตัวเอง เธอได้ทุ่มเวลา 5 ปีไปกับการตามล่าตัวโจเอล เธอเปลี่ยนร่างกายตัวเองให้กลายเป็นอาวุธ เพราะเธอจินตนาการไปเองว่าโจเอลเปรียบเสมือนปีศาจในใจเธอ ถ้าคุณสังเกติดีๆ ในฉากที่โจเอลโดนยิงขา เพื่อนๆ ของแอ๊บบี้ยังมีท่าทีเกรงๆ เขาอยู่ด้วยซ้ำ และการตายของโจเอลก็เป็นอะไรที่น่าสมเพชมาก มันไม่ได้น่าพอใจหรือ "สมเกียรติ์" แต่อย่างใด มันแค่น่าเศร้าเท่านั้นเอง และเนื้อเรื่องของเธอมันก็คือการที่เธอพยายามจะหาทางไถ่บาปให้ตัวเอง ด้วยการช่วยเหลือเด็กสองคนจากกลุ่มที่เป็นศัตรูของเธอมาตลอด และภารกิจนั้นเองที่ทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี กลับไปสู่ประเด็นที่คุณยกมา เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั่น ผมคงได้แต่หวัง แม้ว่าจะรู้ว่าผู้เล่นจะตีความตอนจบไปหลากหลายทางก็ตาม แต่เราหวังว่าคุณจะรู้สึกเห็นใจตัวละครทั้งเอลลี่และแอ๊บบี้ เอลลี่ในตอนจบของเกม อาจจะถือว่าอยู่ในจุดเดียวกับแอ๊บบี้ในตอนต้นของเกม ที่เข้าใจแล้วว่าการต่อสู้นี้มันช่างไร้ค่าและน่าสมเพชเหลือเกิน แอ๊บบี้ไม่ใช่คนเดียวกับแอ๊บบี้ที่ฆ่าโจเอลอีกต่อไป แต่เธอคือมนุษย์คนหนึ่งที่ผ่านประสบการณ์อันหฤโหดมาแล้ว และได้ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดของตัวเองไปแล้ว และผู้เล่นก็เข้าใจว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้นมันช่างไม่มีความหมาย เพราะได้เห็นเรื่องราวของตัวละครทั้งสองคนมาแล้ว ตัวละครเลฟเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก เพราะเขาดูเหมือนจะเป็น "ผู้บริสุทธิ์" คนเดียวในเหตุการณ์ทั้งหมด พวกคุณได้ปรึกษาหรือพูดคุยกับกลุ่มคนข้ามเพศหรือ LGBTQ ถึงวิธีการนำเสนอตัวละครตัวนี้บ้างหรือไม่ ND: ใช่ครับ เราได้ว่าจ้างที่ปรึกษาด้านศาสนามาเลยนะ เพราะเราตั้งใจว่าเราจะสร้างศาสนาหรือชุดความเชื่อหนึ่งขึ้นมาจริงๆ ฉะนั้นเราก็อยากจะพยายามหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งจิตใจของใคร คือทีมงานทุกคนเข้าใจตรงกันว่า การจะสร้างศิลปะที่ท้าทายผู้รับมากขนาดนี้ขึ้นมาซักชิ้นหนึ่ง มันย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนที่รู้สึกไม่ชอบ แต่ถ้าเราจะทำอะไรที่มันจะไปกระทบใจใคร อย่างน้อยก็ขอทำในวิธีที่มันไตร่ตรองมาแล้ว เพื่อไม่ให้ประเด็นเหล่านี้มากำหนดเนื้อเรื่อง แต่เพื่อให้เสริมเนื้อเรื่องแทน เรามีสมาชิกในทีมพัฒนาหลายคนที่เป็นบุคคลข้ามเพศ และเราก็ได้ปรึกษากับพวกเขาตลอดการพัฒนา เราอ่านหนังสือและรับฟังบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้มากมาย เราได้เชิญที่ปรึกษาเข้ามาเพื่อช่วยอธิบายประเด็นต่างๆ ให้เราเข้าใจ และเมื่อเราทำความเข้าใจประเด็นเหล่านั้นแล้ว เราก็ต้องพยายามลืมมันไป และสร้างตัวละครให้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งในโลกนั้น เราไม่ได้อยากจะสร้างความหลากหลายไปอย่างนั้นเอง เราไม่ได้ใส่ตัวละครข้ามเพศเข้าไปแค่เพื่อให้มีตัวละครข้ามเพศในเรื่อง แต่เรารู้สึกว่ามันมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถพูดถึงใด้ในบริบทของศาสนา มันคือการนำเสนอตัวละครตัวหนึ่งที่ถูกล่าโดยกลุ่มคนที่เชื่อศาสนาเดียวกับเขา แถมตัวเองก็ยังเชื่อในศาสนานั้นซะเอง แค่ตีความเนื้อหาของความเชื่อนั้นไปในทิศทางที่ต่างกับคนอื่น และนั่นแหละคือประโยชน์ของความหลากหลาย คือมุมมองที่เพิ่มขึ้น ให้เราได้มองเนื้อเรื่องในมุมที่ใหม่กว่าเดิม คุณคาดหวังให้ผู้เล่นได้อะไรจากตัวละครแอ๊บบี้มากที่สุด ND: อย่างที่ผมอธิบายไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ผมต้องการคือให้ผู้เล่นรู้สึกเกลียดชังเธอแบบเข้าใส้ เกลียดจนอยากจะจับเธอมาทรมานอย่างโหดร้ายไปเลย ในตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น อายุประมาณเท่าเอลลี่ในเกมนี่แหละ ผมได้ดูข่าวเรื่องหนึ่ง ซึ่งแสดงภาพคนผิวดำที่ถูกจับแขวนคอจนตาย และมันส่งผลกระทบต่อจิตใจของผมมาก ทั้งความรุนแรงที่ได้เห็น และเสียงร้องแห่งความยินดีที่ออกมาจากผู้คนที่กระทำความรุนแรงนั้น มันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงมากๆ และในหัวของผมตอนนั้น ผมคิดจริงๆ ว่าผมอยากจะฆ่าไอ้คนพวกนั้นให้หมด ถ้าผมสามารถกดปุ่มปุ่มหนึ่ง ที่ทำให้คนพวกนี้ตายไปพร้อมๆ กัน ผมคงกดไปแล้ว ถ้ามีคนในกลุ่มนั้นถูกจับมัดติดกับเก้าอี้อยู่ตรงหน้า ผมเชื่อว่าผมคงจับพวกเขาทรมานจนตายไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ ในตอนนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป พอผมมองย้อนกลับไปที่ความคิดของตัวเองในขณะนั้น แน่นอนว่ามันเป็นความคิดที่เลวร้ายมาก ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เติบโตมาในสังคมธรรมดาๆ ตลอดชีวิตของผมมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นถึงขั้นลงไม้ลงมือแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นสมัยที่อยู่โรงเรียน แต่ผมก็ยังสามารถมีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนั้นได้ แค่จากการนั่งดูคนอื่นกระทำอะไรบางอย่าง แล้วลองคิดต่อไปว่า ถ้ามันเป็นคนที่ผมรักล่ะ ขนาดคนถูกกระทำเป็นคนแปลกหน้าผมยังรู้สึกได้ขนาดนั้น ผมไม่ได้รู้จักใครในสถานการณ์นั้นเป็นการส่วนตัวเลยซักนิด ทั้งคนที่กระทำและถูกกระทำ มันเลยกลายเป็นข้อถกเถียงทางปรัชญาในหัวของผม ที่ผมเถียงกับตัวเองมาหลายปีแล้ว จนวันหนึ่งผมตัดสินใจว่าอยากจะสร้างความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นในวิดีโอเกม และเราก็มีตัวละครอันเป็นที่รักมากๆ อยู่แล้ว ที่หลายคนดูจะรักเสมือนเป็นคนในครอบครัวตัวเองเลย นั่นก็คือโจเอล และถ้าตัดสินจากปฏิกิริยาของคนต่อข้อมูลที่หลุดออกมา ดูเหมือนว่าเราก็ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้นได้จริงๆ ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคนไม่สามารถเห็นใจหรือเข้าใจตัวละครแอ๊บบี้ได้ ก็ถือว่าเนื้อเรื่องของเกมมันล้มเหลวไปแล้ว ถ้าคุณเล่นเกมจนจบ และยังรู้สึกอยากแก้แค้นเธอหรือไม่สามารถเข้าใจเธอได้ เกมทั้งหมดก็จะพังทลายลง และนั่นคือสิ่งที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือการทำให้แอ๊บบี้เป็นตัวละครที่...อาจจะไม่ใช่ "คนดี" ซะทีเดียว เพราะนั่นเป็นหลุมพรางที่นักเขียนบทหลายคนมักจะติดกับ คือเมื่อเรามีโจทย์ว่าอยากให้คนชอบแอ๊บบี้ให้ได้ งั้นทำให้เธอเป็นคนสมบูรณ์แบบไปเลยละกัน แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้เกิดการเห็นอกเห็นใจกันอย่างแท้จริง เพราะความเห็นอกเห็นใจมันเกิดก็เมื่อคนเราทำผิดพลาด และพยายามจะแก้ไขความผิดนั้นๆ แม้จะทำไม่สำเร็จทุกครั้งก็ตาม สรุปสั้นๆ ก็คือผมหวังว่าผู้เล่นจะสามารถมองเห็นเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความซับซ้อนไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ในโลกจริง ระหว่างที่เล่นเกมนี้ คุณรู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่าอยากจะเข่นฆ่าผู้คนเหล่านั้น แต่เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง คุณก็ค้นพบว่าการฆ่าคนอย่างเลือดเย็นมันยากกว่าที่คุณคิดไว้มาก แต่มันก็ควรจะยากอยู่แล้วใช่ไหม ND: ผมไม่รู้ว่าคุณเคยดูหนังเรื่อง Saving Private Ryan หรือเปล่า แต่มันเป็นหนังที่มีอิทธิพลต่อผมมาก เพราะมันเป็นหนังที่สนุกมากๆ คุณได้ติดตามการเดินทางของกลุ่มตัวละคร ที่ล้วนมีความน่าดึงดูดและน่าสนใจมาก แต่ภาพยนตร์ก็มีความน่ากลัว มีความท้าทายคนดูพอสมควร เพราะมันเป็นหนังที่พยายามเล่นกับความคาดหวังของคนดูว่า "หนังแอคชั่น" มันควรเป็นอย่างไร หนังนำเหตุการณ์ที่เรามักเห็นในหนังแอคชั่นมาไว้ในสถานการณ์ที่อิงความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณมองเห็น "ความบิดเบี้ยว" ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้น และนั่นก็คือความหวังของเรา เราไม่ได้ทำให้เกมมันรุนแรงมากๆ เพียงเพื่อสร้างความรู้สึกสะอิดสะเอียนให้คนเล่นจนเขาปิดเกมหนีไปเลย แต่เราหวังว่าเนื้อเรื่องของเกมจะเป็นแรงขับที่เพียงพอให้คุณเล่นเกมต่อไปเรื่อยๆ เพราะ TLoU2 เป็นเกมที่ออกแบบมาให้คุณรู้สึกถึงน้ำหนักของการกระทำในแบบที่ต่างจากเกมแอคชั่นอื่นๆ ความท้าทายของการทำอะไรใหม่ๆ สำหรับเรา คือการที่คุณไม่รู้ว่าคนจะคิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนั้น และคุณก็ได้เห็นผลของความเสี่ยงนั้นอยู่ตอนนี้เลย ผมคิดว่าวิดีโอเกมที่ผ่านมา อาจจะทำให้ผู้เล่นมีความคาดหวังบางอย่างต่อเกมภาคต่อ เช่นคาดหวังว่าจะได้เล่นเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง หรือคาดหวังว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปแบบหนึ่ง และทีมงานของเราอยากจะท้าทายความคิดนั้นมากๆ ถ้าให้นึกตอนนี้อาจจะนึกไม่ออก แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีตัวอย่างของเกมที่ฆ่าตัวเอกทิ้งในภาคต่อ ซึ่งมันสำคัญต่อเรามากที่จะไม่ให้โจเอลตายอย่างวีรบุรุษ แต่ต้องตายอย่างโหดเหี้ยม ศพไม่สวยอย่างแน่นอน ตอนที่เราเขียนบทฉากนั้น มันมีผลกระทบต่อจิตใจของพวกเราทุกคน เราเลยมั่นใจว่ามันต้องกระทบจิตใจผู้เล่นด้วยแน่นอน ผมเข้าใจได้นะถ้าแฟนของเกมภาคแรกจะเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคนี้ แต่ถ้าคุณได้ลองเข้าไปสัมผัสเกมจริงๆ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจว่าโจเอลก็ยังเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด ถึงจะไม่ได้เห็นหน้าตากันจริงๆ แต่จิตวิญญาณของโจเอลก็ยังแทรกอยู่ในทุกอณูของเกม ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเอลลี่ และคุณก็ได้เห็นในฉากย้อนอดีตทั้งหลายในเกม และในฉากท้ายเรื่อง ที่เอลลี่ได้ครุ่นคิดถึงการให้อภัยจริงๆ และในบทสนทนาสุดท้ายระหว่างพวกเขาทั้งสอง ที่เธอรู้สึกว่าเขาทำผิดต่อเธออย่างร้ายแรงจนเธอพร้อมจะตัดขาดกับเขาไปเลย แต่สุดท้ายเธอก็สามารถวางมือลงจนได้ ซึ่งผมมองว่านั่นแหละคือแก่นของความเป็นมนุษย์ในตัวเอลลี่ ที่ยังงดงามอยู่ แม้ว่าเธอจะต้องตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายมากมายก็ตาม Troy Baker (นักแสดงบทโจเอล) และ Ashley Johnson (นักแสดงบทเอลลี่) คิดอย่างไรกับเรื่องราวของตัวละครของพวกเขาในเกมนี้ ND: เอ่อ...ฮ่าๆ (หัวเราะ) ตอนที่ผมเล่าเนื้อเรื่องให้ Ashley ฟังครั้งแรก มันคือหลังจากที่ผมเล่าเรื่อง DLC Left Behind ของภาคแรกให้เธอฟังพอดี ตอนนั้นพวกเรานั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหาร และเธอก็ชอบบทนั้นมากๆ และหลังจากนั้นช่วงที่เรากำลังจะเริ่มถ่ายทำเกมกัน ผมก็บอกเธอว่า เออ ผมมีไอเดียอีกแบบในหัวว่าเกมภาคต่อจะเป็นอย่างไร ซึ่ง Ashley ร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผมวาดไว้ในหัว แต่เธอก็คิดว่ามันยอดมากๆ เช่นกัน ในส่วนของ Troy ผมว่า... คือต้องเข้าใจว่าบทที่พวกเขาได้รับมันท้าทายสำหรับพวกเขามากๆ ผมเห็นที่คนพูดๆ กันในเน็ตว่าพวกเรา (ทีมพัฒนา) กำลังไม่ให้เกียรติ์ตัวละครของโจเอล ซึ่งผมก็อยากจะบอกว่า ไอ้ห่าเอ๊ย มันไม่มีใครรักตัวละครพวกนี้มากกว่าพวกเรา (ทีมพัฒนา) อีกแล้วโว้ย ยกเว้นแค่ Troy คนเดียว ไม่มีใครรักโจเอลมากเท่า Troy Baker อีกแล้ว Credit: Eurogamer
09 Jul 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Neil Druckmann"
Neil Druckmann กล่าว !! เขากำลังทำเกมใหม่อยู่ แต่ไม่สามารถบอกอะไรได้ในตอนนี้
ถือว่าเป็นผู้กำกับที่กำลังมาแรงมากสำหรับ Neil Druckmann ผู้กำกับเกมเอาชีวิตรอดชื่อดังอย่าง The Last of Us ซึ่งตัวเขานั้นก็ได้เข้าไปกำกับร่วมในเวอร์ชัน TV Series ด้วย และล่าสุดเจ้าตัวเองก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Entertainment Weekly ยืนยันว่าตัวเขานั้นกำลังทำเกมต่อไปอยู่เมื่อถูกย้ำถามว่าโปรเจกต์ต่อไปจะเป็นเกม The Last of Us Part 3 หรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้นทางคุณ Druckmann เองก็ย้ำว่าตัวเขาไม่สามารถพูดใด ๆ เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ต่อไปของเขา ไม่งั้นทางผู้กำกับด้านการสื่อสารของบริษัทน่าจะต้องฆ่าเขาแน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนหน้านี้ก็ได้มีการยืนยันแล้วว่าทาง Naughty Dog กำลังพัฒนาเกม The Last of Us แบบฉบับ Multiplayer อยู่ด้วย และมันจะเป็นเกมที่สเกลขนาดใหญ่พอ ๆ กับเกมหลักเลยCredit - Gamingbolt..............................พบเกม PC ลดราคาแรงตลอดปีที่ร้าน 2gameซื้อผ่านลิงก์ https://2game.com?ref=gamefeverth และใส่รหัสคูปอง Gamefever เพื่อรับส่วนลดเพิ่ม!
05 Sep 2023
Neil Druckmann กล่าว !! The Last of Us Multiplayer ผมรอแทบไม่ไหวที่จะโชว์ออกมาให้เห็น
ทาง Naughty Dog ได้เคยประกาศว่าพวกเขานั้นกำลังอยู๋ในระหว่างการสร้างเกมใหม่อย่าง The Last of Us แบบผู้เล่นหลายคนแบบ Standalone อยู่ ซึ่งจะใหญ่เทียบเท่ากับเกม Single Player ที่เคยทำมาเลยก็ว่าได้ และล่าสุดทางผู้กำกับและผู้เขียนบทอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Kinda Funny ว่าเขารอแทบไม่ไหวที่อยากจะให้แฟน ๆ ได้เห็นเกมนี้เต็มทนแล้ว และดูเหมือนว่าโปรเจกต์นี้ทางคุณ Neil Druckmann ไม่ได้เข้ามาดูแลโดยตรง'สิ่งที่ทีมที่ได้รวบรวมไว้นั้นยอดเยี่ยมมาก มันแตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยทำมาเลย เพราะมันทำโดยคนอื่น แต่สำหรับผมนั้นมันน่าตื่นเต้นอย่างมาก ซึ่งการที่ได้เห็นคนอื่นมีบทบาทในโลกแห่งนี้ มีบทบาทเป็นผู้นำ และเราจะได้เห็นสิ่งที่มันจะมารวมกัน ผมรอแทบไม่ไหวที่จะโชว์ออกมาให้เห็น'Credit - Gamingbolt
16 Mar 2023
Neil Druckmann ยอมรับ !! เขารู้ว่าแฟน ๆ อยากเห็น The Last of Us Part 3
พึ่งจบกันไปสำหรับ The Last of Us ฉบับ HBO ซึ่งแฟน ๆ ก็ต่างรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมัน ส่วนสำหรับแฟนเวอร์ชันวิดีโอเกมก็ต่างเฝ้ารอที่จะให้ทาง Naughty Dog ทำเกมภาคสามออกมาเสียที ซึ่งล่าสุดทางคุณ Neil Druckmann ผู้กำกับและผู้เขียนบทเกมนี้ก็ได้ออกมากล่าวว่าเขาก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี'ในช่วงท้าย ๆ ของแต่ละโปรเจกต์ เราก็ตั้งใจที่จำสำรวจค้นหาโปรเจกต์ใหม่ที่แตกต่างหลาย ๆ ตัว บางครั้งก็อาจจะเป็นภาคต่อ บางครั้งก็อาจจะเป็นไอเดียใหม่ แล้วเราก็ต้องรู้สึกว่าความหลงไหลของเราอยู่ไหน เพราะนั่นจะเป็นไฟที่จะอยู่กับเราไปอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งถ้าเราเลือกโปรเจกต์ผิด และเกิดหมดไฟกับไอเดียเพราะคุณไม่ได้สนใจมันเลยสองปีหลังจากนั้น โปรเจกต์สี่ที่ทำมันแย่แน่ ๆผมรู้ว่าแฟน ๆ นั้นต้องการให้เราทำเกม The Last of Us Part 3 ผมได้ยินเรื่องนี้ตลอดเวลา สิ่งที่ผมสามารถบอกได้ก็คือเรากำลังเข้าสู่โปรเจกต์ต่อไปของเราแล้ว เราได้ตัดสินใจทำไปแล้วแต่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ซึ่งเรากำลังดำเนินการกันอยู่ มีการพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง และเราเลือกสิ่งที่เราตื่นเต้นที่สุด'Credit - Gamingbolt
15 Mar 2023
Neil Druckmann กล่าว !! The Last of Us ภาค 3 จะมาก็ต่อเมื่อเขามีเรื่องราวที่ดีพอจะเล่า
เชื่อว่าหลาย ๆ คนเองก็เฝ้ารอให้ถึงวันจันทร์เพื่อที่จะดูตอนใหม่ของเกม The Last of Us ฉบับ TV Series ส่วนในเวอร์ชันเกมเองก็ปล่อย The Last of Us Part II มาได้กว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งแฟนเกมหลาย ๆ คนเองก็เฝ้ารอที่จะเล่นภาค 3 กันอยู่ ล่าสุดทางผู้กำกับอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BuzzFeed ว่า The Last of Us Part III จะมาก็ต่อเมื่อเขามีเรื่องราวที่น่าสนใจ'ผมรู้ว่ามีคนมากมายสงสัยเกี่ยวกับ The  Last of Us Part III สิ่งที่ผมพูดได้ก็คือที่ Naugthy Dog เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับที่ Sony ได้ให้เงินสนับสนุนเรา และคอยสนับสนุนในทุก ๆ ขั้นตอนในความปรารถนาของเรา ต่อให้ตัวเกมจะประสบความสำเร็จแต่เขาก็ไม่ได้กดดันเราให้ทำภาคต่อออกมา อย่างเกม Uncharted ที่มันประสบควมมสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเกม Uncharted 4 เป็นหนึ่งในเกมที่ขายได้ดีที่สุดของเรา และเราได้สามารถใช้ปลายพู่กันสุดท้ายของเรากับเรื่องราวนั้นและบอกว่าเราทำมันเสร็จสิ้นแล้วเช่นเดียวกันกับ The Last of Us มันขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำต่อหรือไม่ กระบวนการของเราเป็นแบบเดียวกับที่เราทำภาคสอง ก็คือถ้าหากเราสามารถคิดเรื่องราวทีน่าสนใจที่มีเรื่องราวที่คนสนใจและเกี่ยวข้องกับความรักเหมือนกับสองภาคแรก เราก็จะเล่ามันออกมาแน่ ซึ่งเรามีตอนจบที่แข็งแกร่งมากสำหรับภาค 2 และนั่นเป็นจุดจบของเรื่อง'แต่อย่างที่ทราบกันว่า The Last of Us กำลังถูกพัฒนาภาคใหม่แต่จะเป็นเกมแนว Multiplayer 'เราเองก็เปิดเผยออกมาแล้วว่า The Last of Us ภาคต่อไปจะเป็นประสบการณ์แบบผู้เล่นหลายคน โดยคุณจะได้เข้าสู่โลกของเกมนี้กับเพื่อน ๆ และจะได้สัมผัสถึงความตรึงเครียดและความโหดร้ายของโลกใบนั้น รวมถึงเรื่องราวใหม่ล่าสุดและเหล่าตัวละครที่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น ที่เราไม่เคยเห็นในเกมด้วย ซึ่งนี่จะเป็นอีกบทหนึ่งในจักรวาลของ The Last of Us'Credit - Gamingbolt
27 Jan 2023
Neil Druckmann บอกเป็นนัย !! Naughty Dog กำลังพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ถึง 3 ตัว
Naughty Dog เป็นค่ายพัฒนาเกมที่มีผลงานคุณภาพมากมายเช่น Crash Bandicoot, Uncharted หรือ The Last of Us และดูเหมือนว่าค่ายพัฒนานี้จะมีอีกกว่า 3 โปรเจกต์นี้กำลังพัฒนาอยู่ เพราะล่าสุดคุณ Neil Druckmann ประธานร่วมของบริษัทได้โพสต์ Twitter ประกาศรับสมัครงานตำแหน่งต่างๆ มากมาย ซึ่งตัวเขานั้นได้พิมพ์คำบรรยายเอาไว้ว่า 'เรากำลังเติบโต! มาร่วมงานกับเราและทำงานใน ?, ?, and ?!' โดยคาดว่ารูปอิโมจิที่พิมพ์มานั้นคือจำนวนโปรเจกต์ที่ค่ายนี้กำลังสร้างอยู่นั่นเองWe’re growing! Come join us and work on ?, ?, and ?! https://t.co/rKL3u4iZaq— Neil Druckmann (@Neil_Druckmann) February 4, 2022 โดยเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าโปรเจกต์ที่กล่าวมานั้นมีเกมอะไรบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่าพวกเขากำลังจะสร้างเกม Uncharted ภาคใหม่ โหมดผู้เล่นหลายคนของ The Last of Us 2 หรือจะเป็น The Last of Us Remake ที่มีข่าวลือหนาหูมาก ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปCredit - GameRant
07 Feb 2022
Neil Druckmann ยืนยัน !! มีหลายเกมที่กำลังสร้างอยู่ใน Naughty Dog
ต้องยอมรับว่าผลงานเกมของทางค่าย Naughty Dog แต่ละเกมนั้นมีคุณภาพสูงมากๆ ไม่ว่าจะเป็น The Last of Us และ Uncharted ซึ่งล่าสุดภายในงาน CES 2022 หนึ่งในประธานของบริษัทอย่างคุณ Neil Druckmann ได้ยืนยันว่าทางค่ายได้กำลังทำงานสำหรับเกมใหม่อยู่อีกหลายโปรเจกต์ “เรายินดีอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันกับคุณเกี่ยวกับโปรเจ็กต์เกมต่างๆ ที่เรามีในการทำงานที่ Naughty Dog”ซึ่งก็มีหลายๆ คนเดาว่า เกม The Last of Us ภาคแรกในฉบับ Remake อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ โดยเราก็ต้องรอกันจนกว่าผู้พัฒนาจะประกาศอย่างเป็นทางการ รวมถึงยังกล่าวว่าสำหรับซีรีส์ The Last of Us ของ HBO และภาพยนตร์ Uncharted ที่นำแสดงโดย Tom Holland ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วยCredit - Gamingbolt
06 Jan 2022
Neil Druckmann เผย หน้าที่ของเขาในการทำหนัง The last of Us ได้จบลงแล้ว!
ผู้กำกับมากความสามารถ Neil Druckmann เหมือนจะยุ่งมากๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา จากการไปกำกับการถ่ายทำหนัง The Last of Us ที่ประเทศ Canada ซึ่งจากข้อความล่าสุดของเขาบน Twitter ดูเหมือนว่าอาจจะอีกไม่นานแล้วก่อนเราจะได้เห็นการเปิดตัวของ The Last of Us ฉบับ HBO เพราะหน้าที่ของเขาในกองถ่ายเหมือนจะจบลงแล้วNeil Druckmann มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำกับทิศทางของเกมให้ออกมาเป็นสิ่งที่มันควรจะเป็น มันจึงน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกันที่เราจะได้เห็นเนื้อเกม The Last of Us ในเวอร์ชันคนแสดงบ้าง นอกจากนี้ฉบับคนแสดงยังได้คุณ Pedro Pascal มารับบทเป็น Joel กับ Bella Ramsey มาแสดงในบทของ Ellie และ Anna Torv ในบทของ Tessหลังจากหมดหน้าที่ของเขาในกองถ่าย Neil Druckmann เปิดเผยว่าเข้ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับไปพบกับเพื่อนๆ Naughty Dog อีกครั้ง ซึ่งก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะกลับมารับผิดชอบโปรเจกต์ใหม่เลยในทันที หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่กำลังดำเนินอยู่ของบริษัทในตอนนี้ ส่วนตัวผู้เขียนอยากให้คุณ Neil เริ่มโปรเจกต์ใหม่เลย จะได้เล่นเกมต่อไปของเขาเร็วๆ ครับAlas… my time in Canada has come to an end. To the best tv crew in the world, thank you for your incredible work, your passion, and for making me feel so welcome! I will miss you terribly!Excited to return to Naughty Dog (and some warmer weather!) ♥️ ?? pic.twitter.com/A9hsy7gPpA— Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) November 7, 2021 Credit : GamingBolt
09 Nov 2021
ยืนยัน!! Neil Druckmann จะเข้ามากำกับบางช่วงของซีรีส์ The Last of Us ที่จะลงใน HBO GO!!
จากอัปเดตล่าสุดใน Directors Guild of Canada(DGC) หรือสหภาพแรงงานของแคนาดา ได้มีการระบุว่าผู้กำกับและผู้เขียนบทเกม The Last of Us ทั้งสองภาค อย่าง Neil Druckmann จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในผู้กำกับตัวซีรีส์ The Last of Us ที่จะลงใน HBO GO อย่างแน่นอนซึ่งจากข่าวของทาง VGC ก็ได้มีการอัปเดตเพิ่มเติมเป็นนัยๆ อีกว่า Druckmann จะเข้ามากำกับในส่วนของซีซันแรก แต่ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเป็นตอนไหน อย่างไรก็ดี Kantemir Balagov นั้นก็ได้เข้ามากำกับและถ่ายทำในส่วนของตอนแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อพิจารณาจากกระแสตอบรับจากแฟนๆ ต่อตัวเกม The Last of Us ทั้งสองภาคที่ผ่านมา การได้มือดีอย่าง Neil Druckmann มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ก็อาจเป็นแนวโน้มที่ดี ที่จะทำให้เราผู้ชมคาดหวังได้ว่า ตัวซีรีส์ดังกล่าวจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่แสนยอดเยี่ยมของตัวเกม ออกมาในรูปแบบซีรีส์คนแสดงได้อย่างลึกซึ้งน่าติดตาม แต่อย่างไรก็ดีในตอนนี้ที่ซีรีส์ยังคงอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ เราผู้ชมก็ทำได้แค่เพียงเกาะจอ ตั้งหน้าตั้งตารอความเคลื่อนไหวกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเท่านั้นค่ะCredit: GamingBolt
21 Sep 2021
Neil Druckmann เผยมีแนวทางเนื้อเรื่องของ The Last of Us Part 3 แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเป็นโปรเจกต์ต่อไปรึเปล่า
หลังจากที่มีโอกาสได้เล่น The Last of Us Part 2 กันไปแล้วในปี 2020 เชื่อว่าแฟนเกม และผู้เล่นหลายคนคงอยากได้เกมภาคต่อกันแบบใจจะขาดเนื่องจากเนื้อเรื่องมันถูกทิ้งไว้แบบค้างคาพอสมควร ข่าวดีวันนี้คือคุณ Neil Druckmann มีคิดแนวทางของเนื้อเรื่องภาคต่อไปไว้แล้ว ข่าวร้ายคือมันอาจไม่ใช่เกมต่อไปของ Naughty Dog ครับ'ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพูดได้มากขนาดไหน แต่เอาเป็นว่าผมกับ Halley Gross ได้มีการเขียนโครงเนื้อเรื่องของ The Last of Us Part 3 ไว้แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันควรเป็นโปรเจกต์ต่อไปของเรารึเปล่า ผมคิดมาตลอด 7 ปี ตอนพัฒนา The Last of Us Part 2 ว่าเมื่อไหร่เกมนี้จะเสร็จเสียที พอมองย้อนกลับไปมันทำให้รับรู้ได้ว่า เกมนี้ได้ใช้ทรัพยากรไปมากมายจริงๆ แล้วเกมภาคต่อไปจะต้องใช้อีกเท่าไหร่กัน?' 'หลังจากทำโปรเจกต์ใหญ่มากๆ สำเร็จไปหนึ่งตัว ในฐานะสตูดิโอ เราอยากใช้เวลาค่อยๆ สำรวจความต้องการของพวกเราเองว่าอยากทำเกมแบบไหนเป็นผลงานต่อไปกันแน่ จะเป็น The Last of Us Part 3, อะไรใหม่ๆ หรือสานต่อสิ่งเก่าๆ ที่เราได้เคยทำไว้แล้ว? ไม่ว่าอะไรคือสิ่งสุดท้ายที่เราตัดสินใจ แต่เวลา, การทำงาน, โอกาส และอื่นๆ คือสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อให้มันสำเร็จออกมา'ดังนั้นไม่ว่าเกมต่อไปของ Naughty Dog จะเป็นอะไร มันคงยังไม่เร็วๆ นี้ที่เราจะได้เห็นการประกาศเปิดตัว หรือวันวางจำหน่ายครับ หลายคนอาจตั้งคำถามว่า 'แล้วทำไมไม่ทำทุกอย่างไปเลย?' ประธานของบริษัทคุณ Evan Wells เคยกล่าวว่าสตูดิโอยังไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ครับCredit : https://gamingbolt.com/the-last-of-us-part-3-has-a-story-outline-neil-druckmann
29 Apr 2021
ผู้กำกับชื่อดัง Neil Druckmann เปิดเผยรายชื่อเกม 5 อันดับที่เขาอยากสร้างมากที่สุด
จากกระแสดราม่าอันร้อนแรงของเกม The Last of Us Part 2 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ชื่อของผู้กำกับเกมคุณ Neil Druckmann กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่เกมเมอร์ทั่วโลก ทั้งในด้านที่ดีและไม่ดีขึ้นอยู่กับความเห็นที่มีต่อเกมดังกล่าว แต่เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติเกมที่เขาได้มีส่วนร่วมพัฒนาอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเกม The Last of Us ภาคแรก หรือกระทั่งเกมในซีรี่ส์ Uncharted หลายๆ ภาค ก็ปฏิเสธความสามารถในฐานะนักเขียนบทและผู้กำกับเกมของเขาได้ยากมากๆ เช่นกัน และเชื่อว่ามีเกมเมอร์หลายคนที่เฝ้าติดตามผลงานต่อไปของเขาและค่ายพัฒนา Naughty Dog อย่างใกล้ชิด ล่าสุด แม้จะไม่ใช่การเปิดเผยเกมต่อไปที่เขากำลังพัฒนาอยู่ซะทีเดียว แต่คุณ Neil ก็ได้ออกมาเปิดเผยรายชื่อเกม 5 อันดับแรกที่เขาอยากพัฒนาเป็นการส่วนตัว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นรายชื่อที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ? 1) Punisher 2) Half Life 3) Ghost Rider 4) Hotline Miami 5) Cowboy Bebop Those come to mind... ??‍♂️ — Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) January 18, 2021 จากรายชื่อที่คุณ Neil ตอบมา ก็ถือว่าส่วนใหญ่ค่อนข้างตรงตามสไตล์เกมที่เขาทำมาตลอดที่มักจะมีตัวเอกสีเทาๆ ไม่ดีไม่เลวไปซะทีเดียวเช่น Punisher หรือ Ghost Rider ที่ล้วนเป็นฮีโร่จากค่าย Marvel ที่มีชื่อในด้านการต่อสู้กับวายร้ายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม หรืออย่าง Half Life, Cowboy Bebop, และ Hotline Miami ที่มีเรื่องราวที่ตั้งคำถามกับศีลธรรมและ "ความถูกต้อง" ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นธีมที่เห็นได้จากผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาอย่างซีรี่ส์ The Last of Us นั่นเอง แน่นอนว่าคำตอบของคุณ Neil ได้กลายเป็นที่สนใจของแฟนๆ เป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนที่พยายามเสนอไอเดียเกมต่างๆ ให้คุณ Neil มากมาย โดยโพสต์หนึ่งที่น่าสนใจได้พยายามเสนอให้คุณ Neil สร้างเกมโดยอิงจากภาพยนตร์อนิเมชั่น Princess Mononoke และ Kikis Delivery Service ของ Studio Ghibli อีกด้วย Yes! I’d even love to make a Kiki’s Delivery Service open world game! — Dr. Uckmann (@Neil_Druckmann) January 18, 2021 แม้ว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นคุณ Neil พัฒนาเกมในดวงใจตามที่เขาคาดหวังเอาไว้ (อาจยกเว้นเกมที่อิงซีรี่ส์ Marvel ที่พอมีสิทธิ์มากกว่า) แต่เชื่อว่าเกมเมอร์ก็คงไม่ต้องรอนานเกินไปกว่าจะได้เห็นเกมใหม่จากทั้งคุณ Neil และค่าย Naughty Dog จากการค่ายได้ประกาศรับสมัครผู้พัฒนามาร่วมกันสร้างเกมใหม่สำหรับ PS5 ไปเมื่อเร็วๆ นี้ Credit: Gamerant
19 Jan 2021
ผู้กำกับ Neil Druckmann เปิดหมดเปลือกกับธีมและตอนจบของเกม The Last of Us Part II
***บทความนี้จะสปอยเนื้อเรื่องของเกม The Last of Us Part II เยอะมาก รวมถึงตอนจบด้วย*** เกม The Last of Us Part II อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกมยอดเยี่ยมที่มีคนเกลียดมากที่สุดเกมหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านเนื้อเรื่องของเกม ที่ทำลายความคาดหวังของผู้เล่นหลายๆ คนไปอย่างเลือดเย็น หรือประเด็นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา หรือกระทั่งเพศสภาพของตัวละคร ที่หลายคนมองว่าเป็นการผลักใสประเด็นทางการเมืองของผู้พัฒนาใส่ผู้เล่น จนเกิดเป็นการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ที่ข้อมูลเนื้อเรื่องหลุดออกมาก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย จนถึงปัจจุบันที่เกมวางจำหน่ายไปแล้วเกือบ 3 สัปดาห์ด้วยกัน ในช่วงก่อนที่เกมจะวางจำหน่าย (แต่หลังจากที่ข้อมูลด้านเนื้อเรื่องหลุดออกมาแล้ว) ทางเว็บไซต์ Eurogamer ได้มีโอกาสในการสัมภาษณ์คุณ Neil Druckmann ผู้กำกับและผู้เขียนบทเกม The Last of Us Part II เกี่ยวกับสิ่งที่เกมต้องการจะสื่อผ่านเนื้อเรื่อง ไปจนถึงประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับตัวละครใหม่ๆ อย่างแอ๊บบี้และเลฟ ซึ่งน่าสนใจเป็นอย่างมาก เราจึงอยากจะแปลบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันจ้า! ในช่วงครึ่งหลังของเกม (ที่คุณรับบทเป็นแอ๊บบี้) มันน่าเศร้ามากที่คุณได้พบกับผู้คนและสุนัขที่คุณฆ่าตายไปก่อนหน้านี้ในฐานะเอลลี่ และมันทำให้ผมรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ ผมรู้สึกผิดต่อพวกเขา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ผมไม่ค่อยพบในวิดีโอเกมเท่าไหร่ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย ND: คุณพูดถึงประเด็นเรื่องความละอายและความรู้สึกผิด ทั้งสองอย่างนี่มันช่างเป็นอะไรที่มีความเป็นเกมสูงเนอะว่าไหม เพราะเกมเท่านั้นที่ให้ผู้เล่นได้ลงมือกระทำอะไรซักอย่างด้วยการตัดสินใจของตัวเอง และทำให้พวกเขาได้เห็นผลของการกระทำนั้นๆ และสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อตัวละครอื่นๆ เอาเข้าจริง ในการโฆษณาเกม เรามักจะบอกว่าเกม Part II นี้มันเกี่ยวกับความแค้นและความเกลียดชัง ซึ่งมันไม่จริงเลย เกมนี้เป็นเกมเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจ เกี่ยวกับการให้อภัยต่างหาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลมันออกแบบมาเพื่อให้เราสามารถสร้างความรู้สึกเกลียดชังสุดขีดในใจของผู้เล่นได้ เพื่อให้พวกเขาอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นกลุ่มคนเหล่านั้นต้องชดใช้ต่อการกระทำ และมันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ตอนนี้ คุณเห็นวิธีที่พวกเขาพูดถึงข้อมูลหลุด วิธีที่พวกเขาพูดจาและกระทำต่อแอ๊บบี้ราวกับเธอไม่ใช่มนุษย์ มันน่ากลัวมาก แต่มันก็คือธรรมชาติของมนุษย์ ที่เราทุกคนล้วนเคยกระทำ เราเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราได้เห็นบทสัมภาษณ์ของคนที่สูญเสียคนรักหรือบุตรให้กับความรุนแรง พวกเขามักจะพูดทำนองว่า ถ้าชั้นจับไอ้คนกระทำมาอยู่ตรงหน้าได้ ชั้นคงถลกหนังมันทั้งเป็น และผมเชื่อพวกเขานะ ผมเชื่อว่าในสถานการณ์ที่ถูกต้อง มนุษย์ธรรมดาอย่างเราล้วนกระทำอะไรแบบนั้นได้ทุกคน ซึ่งสิ่งที่เราอยากจะทดลองในเกมนี้ก็คือ เราจะสามารถนำพาผู้เล่นไปอยู่ในจุดนั้น ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และทำให้พวกเขาต้องหยุดคิดและสำรวจจิตใจของตัวเองได้อย่างไร และบางทีมันอาจจะทำให้เมื่อมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นนอกเกม คุณอาจจะมีสติและความเห็นอกเห็นใจมากพอที่จะหยุดและตั้งคำถามกับตัวเองถึงมุมมองที่ต่างจากคุณ ฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างเอลลี่และแอ๊บบี้มันช่างให้ความรู้สึกกระเสือกกระสนและว่างเปล่าเหลือเกิน เหมือนว่ามันไม่สามารถมีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะได้เลย ผมรู้สึกโกรธเอลลี่มาก และผมก็พร้อมจะเกลียดแอ๊บบี้มาตั้งแต่ต้นเกม แต่ในจุดนั้นมุมมองของผมมันพลิกกลับด้านไปหมดเลย คุณพยายามจะสื่อว่าเอลลี่คือตัวร้ายอยู่ใช่ไหมในฉากนั้น ND: สำหรับผม การจำกัดความตัวละครว่าเป็น "ตัวดี" หรือ "ตัวร้าย" มันเป็นการตัดสินตัวละครมากไปหน่อย สิ่งที่เราต้องการจะสื่อมากกว่าก็คือ นี่คือกลุ่มคนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ที่เลือกทางเลือกที่ไม่ถูกต้อง และแสดงให้เห็นผลของทางเลือกเหล่านั้น ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า "มันคุ้มค่าสำหรับคุณแล้วใช่ไหม" การเดินทางของเอลลี่มันคือการออกตามหาอะไรก็ตามเพื่ออุดรูในใจที่การตายของโจเอลทิ้งเอาไว้ และความเชื่อของเธอที่ว่า ชั้นอาจจะรู้สึกดีขึ้น ถ้าได้เห็นคนพวกนี้ต้องเจ็บปวดเหมือนกับโจเอล มันเลยทำให้การฆ่าทุกครั้งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งกัดกร่อนความเป็นมนุษย์ของเธอลงเรื่อยๆ มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เราอ้างอิงจากการสัมภาษณ์บุคคลในโลกจริง บางคนเป็นลูกหลานหรือพ่อแม่ของเหยื่อการฆาตกรรม ที่ได้นั่งดูคนที่ฆ่าคนรักของพวกเขาถูกประหารชีวิตต่อหน้า พวกเขาทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่ต้องการไม่ใช่การแก้แค้น แต่ต้องการให้คนที่เขารักกลับมาต่างหาก และการฆ่าคนที่พรากพวกเขาไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในขณะเดียวกัน การเดินทางของแอ๊บบี้มันคือการพยายามลบล้างความรู้สึกผิดของตัวเอง เธอได้ทุ่มเวลา 5 ปีไปกับการตามล่าตัวโจเอล เธอเปลี่ยนร่างกายตัวเองให้กลายเป็นอาวุธ เพราะเธอจินตนาการไปเองว่าโจเอลเปรียบเสมือนปีศาจในใจเธอ ถ้าคุณสังเกติดีๆ ในฉากที่โจเอลโดนยิงขา เพื่อนๆ ของแอ๊บบี้ยังมีท่าทีเกรงๆ เขาอยู่ด้วยซ้ำ และการตายของโจเอลก็เป็นอะไรที่น่าสมเพชมาก มันไม่ได้น่าพอใจหรือ "สมเกียรติ์" แต่อย่างใด มันแค่น่าเศร้าเท่านั้นเอง และเนื้อเรื่องของเธอมันก็คือการที่เธอพยายามจะหาทางไถ่บาปให้ตัวเอง ด้วยการช่วยเหลือเด็กสองคนจากกลุ่มที่เป็นศัตรูของเธอมาตลอด และภารกิจนั้นเองที่ทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี กลับไปสู่ประเด็นที่คุณยกมา เกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั่น ผมคงได้แต่หวัง แม้ว่าจะรู้ว่าผู้เล่นจะตีความตอนจบไปหลากหลายทางก็ตาม แต่เราหวังว่าคุณจะรู้สึกเห็นใจตัวละครทั้งเอลลี่และแอ๊บบี้ เอลลี่ในตอนจบของเกม อาจจะถือว่าอยู่ในจุดเดียวกับแอ๊บบี้ในตอนต้นของเกม ที่เข้าใจแล้วว่าการต่อสู้นี้มันช่างไร้ค่าและน่าสมเพชเหลือเกิน แอ๊บบี้ไม่ใช่คนเดียวกับแอ๊บบี้ที่ฆ่าโจเอลอีกต่อไป แต่เธอคือมนุษย์คนหนึ่งที่ผ่านประสบการณ์อันหฤโหดมาแล้ว และได้ปลดเปลื้องความรู้สึกผิดของตัวเองไปแล้ว และผู้เล่นก็เข้าใจว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนั้นมันช่างไม่มีความหมาย เพราะได้เห็นเรื่องราวของตัวละครทั้งสองคนมาแล้ว ตัวละครเลฟเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก เพราะเขาดูเหมือนจะเป็น "ผู้บริสุทธิ์" คนเดียวในเหตุการณ์ทั้งหมด พวกคุณได้ปรึกษาหรือพูดคุยกับกลุ่มคนข้ามเพศหรือ LGBTQ ถึงวิธีการนำเสนอตัวละครตัวนี้บ้างหรือไม่ ND: ใช่ครับ เราได้ว่าจ้างที่ปรึกษาด้านศาสนามาเลยนะ เพราะเราตั้งใจว่าเราจะสร้างศาสนาหรือชุดความเชื่อหนึ่งขึ้นมาจริงๆ ฉะนั้นเราก็อยากจะพยายามหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งจิตใจของใคร คือทีมงานทุกคนเข้าใจตรงกันว่า การจะสร้างศิลปะที่ท้าทายผู้รับมากขนาดนี้ขึ้นมาซักชิ้นหนึ่ง มันย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนที่รู้สึกไม่ชอบ แต่ถ้าเราจะทำอะไรที่มันจะไปกระทบใจใคร อย่างน้อยก็ขอทำในวิธีที่มันไตร่ตรองมาแล้ว เพื่อไม่ให้ประเด็นเหล่านี้มากำหนดเนื้อเรื่อง แต่เพื่อให้เสริมเนื้อเรื่องแทน เรามีสมาชิกในทีมพัฒนาหลายคนที่เป็นบุคคลข้ามเพศ และเราก็ได้ปรึกษากับพวกเขาตลอดการพัฒนา เราอ่านหนังสือและรับฟังบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้มากมาย เราได้เชิญที่ปรึกษาเข้ามาเพื่อช่วยอธิบายประเด็นต่างๆ ให้เราเข้าใจ และเมื่อเราทำความเข้าใจประเด็นเหล่านั้นแล้ว เราก็ต้องพยายามลืมมันไป และสร้างตัวละครให้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งในโลกนั้น เราไม่ได้อยากจะสร้างความหลากหลายไปอย่างนั้นเอง เราไม่ได้ใส่ตัวละครข้ามเพศเข้าไปแค่เพื่อให้มีตัวละครข้ามเพศในเรื่อง แต่เรารู้สึกว่ามันมีประเด็นที่น่าสนใจที่สามารถพูดถึงใด้ในบริบทของศาสนา มันคือการนำเสนอตัวละครตัวหนึ่งที่ถูกล่าโดยกลุ่มคนที่เชื่อศาสนาเดียวกับเขา แถมตัวเองก็ยังเชื่อในศาสนานั้นซะเอง แค่ตีความเนื้อหาของความเชื่อนั้นไปในทิศทางที่ต่างกับคนอื่น และนั่นแหละคือประโยชน์ของความหลากหลาย คือมุมมองที่เพิ่มขึ้น ให้เราได้มองเนื้อเรื่องในมุมที่ใหม่กว่าเดิม คุณคาดหวังให้ผู้เล่นได้อะไรจากตัวละครแอ๊บบี้มากที่สุด ND: อย่างที่ผมอธิบายไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ผมต้องการคือให้ผู้เล่นรู้สึกเกลียดชังเธอแบบเข้าใส้ เกลียดจนอยากจะจับเธอมาทรมานอย่างโหดร้ายไปเลย ในตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น อายุประมาณเท่าเอลลี่ในเกมนี่แหละ ผมได้ดูข่าวเรื่องหนึ่ง ซึ่งแสดงภาพคนผิวดำที่ถูกจับแขวนคอจนตาย และมันส่งผลกระทบต่อจิตใจของผมมาก ทั้งความรุนแรงที่ได้เห็น และเสียงร้องแห่งความยินดีที่ออกมาจากผู้คนที่กระทำความรุนแรงนั้น มันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงมากๆ และในหัวของผมตอนนั้น ผมคิดจริงๆ ว่าผมอยากจะฆ่าไอ้คนพวกนั้นให้หมด ถ้าผมสามารถกดปุ่มปุ่มหนึ่ง ที่ทำให้คนพวกนี้ตายไปพร้อมๆ กัน ผมคงกดไปแล้ว ถ้ามีคนในกลุ่มนั้นถูกจับมัดติดกับเก้าอี้อยู่ตรงหน้า ผมเชื่อว่าผมคงจับพวกเขาทรมานจนตายไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ ในตอนนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป พอผมมองย้อนกลับไปที่ความคิดของตัวเองในขณะนั้น แน่นอนว่ามันเป็นความคิดที่เลวร้ายมาก ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เติบโตมาในสังคมธรรมดาๆ ตลอดชีวิตของผมมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นถึงขั้นลงไม้ลงมือแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นสมัยที่อยู่โรงเรียน แต่ผมก็ยังสามารถมีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนั้นได้ แค่จากการนั่งดูคนอื่นกระทำอะไรบางอย่าง แล้วลองคิดต่อไปว่า ถ้ามันเป็นคนที่ผมรักล่ะ ขนาดคนถูกกระทำเป็นคนแปลกหน้าผมยังรู้สึกได้ขนาดนั้น ผมไม่ได้รู้จักใครในสถานการณ์นั้นเป็นการส่วนตัวเลยซักนิด ทั้งคนที่กระทำและถูกกระทำ มันเลยกลายเป็นข้อถกเถียงทางปรัชญาในหัวของผม ที่ผมเถียงกับตัวเองมาหลายปีแล้ว จนวันหนึ่งผมตัดสินใจว่าอยากจะสร้างความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นในวิดีโอเกม และเราก็มีตัวละครอันเป็นที่รักมากๆ อยู่แล้ว ที่หลายคนดูจะรักเสมือนเป็นคนในครอบครัวตัวเองเลย นั่นก็คือโจเอล และถ้าตัดสินจากปฏิกิริยาของคนต่อข้อมูลที่หลุดออกมา ดูเหมือนว่าเราก็ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้นได้จริงๆ ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคนไม่สามารถเห็นใจหรือเข้าใจตัวละครแอ๊บบี้ได้ ก็ถือว่าเนื้อเรื่องของเกมมันล้มเหลวไปแล้ว ถ้าคุณเล่นเกมจนจบ และยังรู้สึกอยากแก้แค้นเธอหรือไม่สามารถเข้าใจเธอได้ เกมทั้งหมดก็จะพังทลายลง และนั่นคือสิ่งที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือการทำให้แอ๊บบี้เป็นตัวละครที่...อาจจะไม่ใช่ "คนดี" ซะทีเดียว เพราะนั่นเป็นหลุมพรางที่นักเขียนบทหลายคนมักจะติดกับ คือเมื่อเรามีโจทย์ว่าอยากให้คนชอบแอ๊บบี้ให้ได้ งั้นทำให้เธอเป็นคนสมบูรณ์แบบไปเลยละกัน แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้เกิดการเห็นอกเห็นใจกันอย่างแท้จริง เพราะความเห็นอกเห็นใจมันเกิดก็เมื่อคนเราทำผิดพลาด และพยายามจะแก้ไขความผิดนั้นๆ แม้จะทำไม่สำเร็จทุกครั้งก็ตาม สรุปสั้นๆ ก็คือผมหวังว่าผู้เล่นจะสามารถมองเห็นเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความซับซ้อนไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ในโลกจริง ระหว่างที่เล่นเกมนี้ คุณรู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่าอยากจะเข่นฆ่าผู้คนเหล่านั้น แต่เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง คุณก็ค้นพบว่าการฆ่าคนอย่างเลือดเย็นมันยากกว่าที่คุณคิดไว้มาก แต่มันก็ควรจะยากอยู่แล้วใช่ไหม ND: ผมไม่รู้ว่าคุณเคยดูหนังเรื่อง Saving Private Ryan หรือเปล่า แต่มันเป็นหนังที่มีอิทธิพลต่อผมมาก เพราะมันเป็นหนังที่สนุกมากๆ คุณได้ติดตามการเดินทางของกลุ่มตัวละคร ที่ล้วนมีความน่าดึงดูดและน่าสนใจมาก แต่ภาพยนตร์ก็มีความน่ากลัว มีความท้าทายคนดูพอสมควร เพราะมันเป็นหนังที่พยายามเล่นกับความคาดหวังของคนดูว่า "หนังแอคชั่น" มันควรเป็นอย่างไร หนังนำเหตุการณ์ที่เรามักเห็นในหนังแอคชั่นมาไว้ในสถานการณ์ที่อิงความเป็นจริง ซึ่งมันทำให้คุณมองเห็น "ความบิดเบี้ยว" ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้น และนั่นก็คือความหวังของเรา เราไม่ได้ทำให้เกมมันรุนแรงมากๆ เพียงเพื่อสร้างความรู้สึกสะอิดสะเอียนให้คนเล่นจนเขาปิดเกมหนีไปเลย แต่เราหวังว่าเนื้อเรื่องของเกมจะเป็นแรงขับที่เพียงพอให้คุณเล่นเกมต่อไปเรื่อยๆ เพราะ TLoU2 เป็นเกมที่ออกแบบมาให้คุณรู้สึกถึงน้ำหนักของการกระทำในแบบที่ต่างจากเกมแอคชั่นอื่นๆ ความท้าทายของการทำอะไรใหม่ๆ สำหรับเรา คือการที่คุณไม่รู้ว่าคนจะคิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนั้น และคุณก็ได้เห็นผลของความเสี่ยงนั้นอยู่ตอนนี้เลย ผมคิดว่าวิดีโอเกมที่ผ่านมา อาจจะทำให้ผู้เล่นมีความคาดหวังบางอย่างต่อเกมภาคต่อ เช่นคาดหวังว่าจะได้เล่นเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง หรือคาดหวังว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปแบบหนึ่ง และทีมงานของเราอยากจะท้าทายความคิดนั้นมากๆ ถ้าให้นึกตอนนี้อาจจะนึกไม่ออก แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีตัวอย่างของเกมที่ฆ่าตัวเอกทิ้งในภาคต่อ ซึ่งมันสำคัญต่อเรามากที่จะไม่ให้โจเอลตายอย่างวีรบุรุษ แต่ต้องตายอย่างโหดเหี้ยม ศพไม่สวยอย่างแน่นอน ตอนที่เราเขียนบทฉากนั้น มันมีผลกระทบต่อจิตใจของพวกเราทุกคน เราเลยมั่นใจว่ามันต้องกระทบจิตใจผู้เล่นด้วยแน่นอน ผมเข้าใจได้นะถ้าแฟนของเกมภาคแรกจะเกลียดสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคนี้ แต่ถ้าคุณได้ลองเข้าไปสัมผัสเกมจริงๆ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะเข้าใจว่าโจเอลก็ยังเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด ถึงจะไม่ได้เห็นหน้าตากันจริงๆ แต่จิตวิญญาณของโจเอลก็ยังแทรกอยู่ในทุกอณูของเกม ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเอลลี่ และคุณก็ได้เห็นในฉากย้อนอดีตทั้งหลายในเกม และในฉากท้ายเรื่อง ที่เอลลี่ได้ครุ่นคิดถึงการให้อภัยจริงๆ และในบทสนทนาสุดท้ายระหว่างพวกเขาทั้งสอง ที่เธอรู้สึกว่าเขาทำผิดต่อเธออย่างร้ายแรงจนเธอพร้อมจะตัดขาดกับเขาไปเลย แต่สุดท้ายเธอก็สามารถวางมือลงจนได้ ซึ่งผมมองว่านั่นแหละคือแก่นของความเป็นมนุษย์ในตัวเอลลี่ ที่ยังงดงามอยู่ แม้ว่าเธอจะต้องตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายมากมายก็ตาม Troy Baker (นักแสดงบทโจเอล) และ Ashley Johnson (นักแสดงบทเอลลี่) คิดอย่างไรกับเรื่องราวของตัวละครของพวกเขาในเกมนี้ ND: เอ่อ...ฮ่าๆ (หัวเราะ) ตอนที่ผมเล่าเนื้อเรื่องให้ Ashley ฟังครั้งแรก มันคือหลังจากที่ผมเล่าเรื่อง DLC Left Behind ของภาคแรกให้เธอฟังพอดี ตอนนั้นพวกเรานั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหาร และเธอก็ชอบบทนั้นมากๆ และหลังจากนั้นช่วงที่เรากำลังจะเริ่มถ่ายทำเกมกัน ผมก็บอกเธอว่า เออ ผมมีไอเดียอีกแบบในหัวว่าเกมภาคต่อจะเป็นอย่างไร ซึ่ง Ashley ร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผมวาดไว้ในหัว แต่เธอก็คิดว่ามันยอดมากๆ เช่นกัน ในส่วนของ Troy ผมว่า... คือต้องเข้าใจว่าบทที่พวกเขาได้รับมันท้าทายสำหรับพวกเขามากๆ ผมเห็นที่คนพูดๆ กันในเน็ตว่าพวกเรา (ทีมพัฒนา) กำลังไม่ให้เกียรติ์ตัวละครของโจเอล ซึ่งผมก็อยากจะบอกว่า ไอ้ห่าเอ๊ย มันไม่มีใครรักตัวละครพวกนี้มากกว่าพวกเรา (ทีมพัฒนา) อีกแล้วโว้ย ยกเว้นแค่ Troy คนเดียว ไม่มีใครรักโจเอลมากเท่า Troy Baker อีกแล้ว Credit: Eurogamer
09 Jul 2020