GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
พรีวิวเกม
รวมพรีวิวเกมจากงาน PSX
ลงวันที่ 20/08/2018

จบกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานเกมสุดยิ่งใหญ่จาก Sony อย่าง PlayStation Experience​ South East Asia ที่ยกทัพมาจัดกันถึงที่ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขนเกมดังที่จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้มาให้ชาวเกมเมอร์ได้ทดลองเล่นกันก่อนใคร รวมถึงมีเซอร์ไพรส์ประกาศเกมเวอร์ชันภาษาไทยเพิ่มด้วย

ทางทีมงาน GameFever ก็ได้รับเกียรติให้เข้าไปลองเล่นเกมในงานเหมือนกัน เลยอยากจะมาบอกเล่าความรู้สึกให้เพื่อนๆ ที่พลาดไม่ได้ไป หรืออาจไปแต่อาจพลาดไม่ได้ลองเกมบางเกม เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้ตัดสินใจเก็บเงินกันตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่พลาดเกมดังที่น่าเล่นเกมไหนไป

(สำหรับเกม Marvels Spider-man ทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสไปลองเล่นแบบหนำใจ 2 ชั่วโมงที่งาน Press Preview มาก่อนหน้านี้ ไปอ่านพรีวิวตัวนั้นได้ ที่นี่)




Kingdom Hearts 3



Kingdom Hearts 3 เป็นเกมแรกที่ผมพาตัวเองไปเล่น เนื่องจากความชอบในภาคก่อนๆ ที่มีอยู่เดิม ในเวอร์ชันที่ได้เล่นนี้มีสองด่านให้เล่น ด่านสู้กับยักษ์ Colossus ที่เราจะได้ไต่หน้าผาและปีนป่ายศัตรูร่างยักษ์ รวมถึงใช้ Summon เรียกรถไฟมาช่วยสู้ด้วย ในฉากนี้รู้สึกว่าบอสตายง่ายไปนิด รวมถึงมุมกล้องมีความแปลกๆ ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนปีนยักษ์

และอีกด่านคือ Toy Story ด่านนี้ผมเล่นไม่จบเพราะเวลาที่ได้ลองหมดก่อน และเป็นฉากที่มีคัทซีนคุยกันค่อนข้างนาน ซึ่งพอมาโผล่เอาฉากนี้ ไม่ได้ติดตามเกมมาตั้งแต่แรกเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่

ส่วนความรู้สึกในระบบต่อสู้ของทั้งสองฉากยังคงเหมือนตอนที่ได้เล่นภาคก่อนๆ นั่นคือความสนุกจากความรวดเร็วในการต่อสู้ยังอยู่ครบ ใครที่เคยชอบระบบต่อสู้ในภาคก่อนๆ ก็น่าจะยังสนุกกับเกมภาคนี้ได้อยู่

แต่นอกจากความสนุกที่ว่าแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเคยได้เห็นฉากเหล่านี้ผ่านตาจากสื่อต่างประเทศมาก่อนแล้ว ตอนเกมตัวเต็มออกจริงๆ คงต้องลุ้นเอาว่าเนื้อเรื่องและฉากที่ยังไม่เห็นจะสร้างความประทับใจให้ได้มากขนาดไหน จะมีลูกเล่นอะไรในโลกต่างๆ บ้าง  มีอะไรมาเซอร์ไพรส์บ้าง

- MuscleBoyFirst

ความรู้สึกแรกที่ได้รับจากการเล่น Kingdom Hearts 3 ของผมคือ นี่มันเหมือน Kingdom Hearts 2 เลยนี่หว่า! ซึ่งก็อาจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยเฉพาะในฉากที่สู้กับบอส Colossus ที่มีความรู้สึกแข็งๆ ไปซักหน่อยในเรื่องของ mechanic (วิธีการเล่น) ไม่ค่อยให้ความรู้สึกแตกต่างกับบอสจากเกมภาคเก่าๆ เท่าไหร่ ไม่ได้มีระบบหรือวิธีการสู้ที่หวือหวาหรือให้ความรู้สึกว่า ยกระดับ ขึ้นไปจากตอน Kingdom Hearts 2 นัก

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าเกมไม่สนุก โดยเฉพาะคนที่ชอบภาค 2 และภาค Birth By Sleep ใน PSP น่าจะชอบการต่อสู้ของภาคนี้เป็นพิเศษ เพราะจะมีท่าใหญ่ๆ อลังการๆ มาให้ใช้ตลอดเวลา เกมยังคงความเร็วในการต่อสู้ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ และด่านที่กว้างขึ้นก็ช่วยทำให้เรามีพื้นที่ในการเล่นมากขึ้น แต่เกมนี้ก็ยังคงเกมเพลย์ของ Kingdom Hearts ที่เราคุ้นเคยเอาไว้อย่างครบถ้วน รวมไปถึงปัญหาในเรื่องของมุมกล้องที่ตามความเร็วของโซระไม่ค่อยทัน หรือเรื่องของระบบล๊อคออน (lock-on) ที่ยังรู้สึกแข็งๆ แปลกๆ ไม่ต่างกับภาคก่อนๆ

สรุปสั้นๆ Kingdom Hearts 3 (อย่างน้อยจากที่เล่นมา) จะเป็นเกมที่ตอบโจทย์คนที่โหยหาประสบการณ์แบบเดียวกับ Kingdom Hearts 2 แน่นอน แต่เกมจะมีอะไรใหม่ๆ เด็ดๆ มาให้แฟนๆ ที่รอคอยมากว่าสิบปีได้ว้าวกันหรือเปล่าคงต้องรอดูอีกทีตอนเกมออกเลยจ้า

- OcelotBoy




Resident Evil 2



Resident Evil 2 เป็นเกมที่ผมประทับใจมากที่สุดในงานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าปริศนาในภาคนี้กลับมามีความยากอยู่พอประมาณ ทำให้ต้องเดินวนหาทางไปต่อ พาความรู้สึกเก่าๆ กลับมา จนแอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าก่อนหมดเวลาที่ให้ลองเล่นรอบละ 20 นาทีจะได้ยิงซอมบี้สักตัวไหม

ด้านระบบต่อสู้ก็น่าประทับใจตามมาตรฐานของเกมในภาคหลังๆ การยิง การเคลื่อนไหว การใช้อาวุธมีความลื่นไหล พอบวกกับกราฟิกที่ทำออกมาสวย รวมถึงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เวลายิงถูกซอมบี้อย่างเอฟเฟ็กต์เลือดกระจาย ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ

และเกมให้ความรู้สึกแบบที่ Capcom บอกไว้ก่อนหน้านี้ คือรู้สึกว่าเกมนี้เป็นเกมใหม่ ไม่ใช่แค่เกม Remake ภาคเก่าธรรมดาๆ พอบวกกับเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว รวมถึงศัตรูๆ ของภาคนี้ที่จะได้เจอในเกมตัวเต็ม คิดว่าเกมภาคนี้ต้องออกมาดีและเป็นเกมที่ห้ามพลาดแน่นอน

- MuscleBoyFirst

ผมเป็นเกมเมอร์สายขี้กลัวที่พยายามหลีกเลี่ยงเกมผีมาตลอดสมัยเด็กๆ ทำให้อาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมเท่าไหร่เมื่อพูดถึงเกม Resident Evil 2 Remake แต่ด้วยกราฟิคและเกมเพลย์ที่ปรับปรุงใหม่ก็ทำให้ผมสนใจเกมขึ้นมาเหมือนกัน

เรื่องกราฟิคไม่อยากเน้นเยอะเพราะเห็นๆ กันอยู่แล้วว่าปรับปรุงมาแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากชมคือเรื่องความสมจริงของฟิสิกซ์ในเกม สิ่งที่ปรัทับใจมากๆ คือการที่ร่างกายของซอมบี้ดูจะแสดงความเสียหายสัมพันธ์กับจุดที่โดนยิง เช่นถ้ายิงโดนหัวด้านหน้าก็จะเห็นหัวด้านหน้าแหว่งไปจริงๆ

ในด้านเกมเพลย์ ผมเคยแอบสงสัยกับตัวเองมาตลอดว่าเกมจะยังคงความน่ากลัวและท้าทายของการต่อสู้เอาไว้ได้ยังไงเมื่อปรับมาเป็นมุมกล้องแบบ Third-Person เพราะคนที่คุ้นเคยกับการเล่นเกมแนวนั้นก็น่าจะเล็งยิงหัวซอมบี้ได้สบายๆ แต่พอได้เล่นจริงๆ ถึงรู้ว่าเกมทำให้การยิงปืนมีความยากจริงๆ ด้วยการทำให้ตัวละครต้องใช้เวลาตั้งท่าเล็งซะก่อน crosshair (เป้าเล็ง) ถึงจะนิ่งและแคบพอให้เรายิงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งต่างกับเกมยิงปืนส่วนใหญ่ที่จะทำให้เป้าโฟกัสทันทีเมื่อกดเล็ง ผลคือความระทึกเมื่อเราต้องถูกบังคับให้ยืนนิ่งๆ มองซอมบี้ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเราซักสองสามก้าวก่อนจะยิงได้อย่างมั่นใจ

ในเรื่องของปริศนา ด้วยความที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในซีรี่ย์นี้ บวกกับเวลาเล่นอันน้อยนิด ทำให้ไม่สามารถแก้ปริศนาได้ทันก่อนเวลาหมด แต่ก็รู้สึกว่าระบบทำมาให้เสริมความรู้สึกน่าอึดอัดของเกมได้ดี เพราะเกมจะบังคับให้เราต้องใช้เวลาสอดส่องทุกซอกทุกมุมของฉากเพื่อหาไอเทมที่จะนำไปแก้ปริศนา

- OcelotBoy




Mega Man 11



นี่เป็นเกมที่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ในตอนแรกๆ เพราะไม่ประทับใจกับงานด้านภาพของภาคนี้เท่าไหร่ รวมถึงคิดว่า Capcom ตั้งใจจะปล่อยเดโมมาให้เล่นก่อนเกมออกอยู่แล้วด้วย

พอได้ลองเล่นแล้วพบว่าเกมมีความสนุกกว่าที่คิดมากๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะติดภาพว่าพอเกมเลือกใช้ภาพตัวละครแบบ 3D แล้วเกมจะมีความช้า แต่จริงๆ แล้วเกมภาคนี้มีความเร็วกว่าเกมภาคเก่าๆ อีก และเกมยังคงมีความยากในแบบเกมภาคเก่าๆ จำเป็นต้องใช้ทักษะการหลบ การจำวิธีการโจมตีของศัตรู และอาวุธที่มีให้ใช้ซึ่งม่ความสามารถในการทำให้เวลาช้าลงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมมากๆ

- MuscleBoyFirst




Dragon Quest 11



เกมภาคนี้ให้ความรู้สึกเหมือนภาค 8 ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือภาพที่เลือกใช้เป็นภาพสไตล์เซลเฉดแบบเดียวกัน ในเดโมที่ได้เล่นได้ลองขี่ม้า และลองเข้าฉากต่อสู้เพื่อทดลองระบบต่อสู้

ฉากต่อสู้มีความรวดเร็วน่าประทับใจ ขัดกับความเชื่อเดิมๆ ว่าเกมที่มีฉากต่อสู้แบบเทิร์นเบสจะมีความช้า เกมใช้วิธีตัดเข้าฉากต่อสู้ด้วยการเดินไปชนกับศัตรูที่อยู่ตามแผนที่ หากไม่ต้องการสู้ก็สามารถเดินหลบได้

ด้านการขี่ม้าทำได้ไม่น่าประทับใจนัก เนื่องจากการเคลื่อนไหวของม้าทำออกมาได้แข็งๆ รู้สึกขัดใจอยู่พอสมควร อีกส่ิงที่ไม่ค่อยชอบคือฉากบทสนทนาของภาคนี้ที่ให้ความรู้สึกว่าค่อนข้างยืดยาด น่าเบื่อไปนิด

- MuscleBoyFirst




Shadow of the Tomb Raider



Tomb Raider ภาคนี้ยังคงระบบการเล่นเช่นเดียวกับสองภาคแรก เรียกว่าใครเคยเล่นภาคก่อนๆ มาก็จับจอยเล่นภาคนี้ต่อได้เลย ระบบการต่อสู้ (คล้ายๆ กับเกม Uncharted) และระบบสำรวจทำได้ดีอยู่แล้ว คงต้องไปลุ้นตอนเกมออกว่าเนื้อเรื่อของงภาคนี้จะทำได้น่าประทับใจแค่ไหน ซึ่งการเลือกใช้ตำนานของชนเผ่ามายาเป็นฉากหลังก็น่าจะสร้างความน่าสนใจได้พอสมควรอยู่

- MuscleBoyFirst




Naruto to Boruto: Shinobi Striker



ผมได้มีโอกาสลองเล่นเกมอนิเมะในงานทั้ง 2 เกมคือ Shinobi Striker และ Jump Force ซึ่งต้องยอมรับตรงๆ ว่าไม่ค่อยชอบเกมไฟติ้งอนิเมะสไตล์ 3D (ที่ดูจะเป็นแนวนี้ทุกเกม) แต่ Shinobi Striker กลับเป็นเกมที่น่าสนใจกว่าที่คิดไว้มากด้วยระบบการเล่นที่เปลี่ยนไปจากเกมไฟติ้งอนิเมะทั่วไปที่สู้กันในด่านแคบๆ มาเป็นเกมแอคชั่นแบบ PvP ซะมากกว่า

สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจคือ Shinobi Striker ไม่เชิงจะเป็นเกมแนวไฟติ้ง แต่เป็นเกมแนวแอคชั่นที่มีระบบ PvP มากกว่า เกมไม่ได้เน้นให้เราต้องเลือกตัวละครที่คอมโบกันได้ดีเป็นหลัก แต่ต้องเลือกตัวละครให้มีความสมดุลในเรื่องของคลาสด้วย เพราะตัวละครแต่ละคลาสก็มีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป เมื่อเล่นออนไลน์เป็นทีมกับคนอื่นก็ต้องร่วมมือกันและใช้ความสามารถของคลาสตัวเองให้ดีที่สุดไม่ต่างกับเกมแนว MOBA เท่าไหร่ เช่นคลาส Attack ก็ต้องเน้นเข้าไปตะลุมบอนเพื่อสร้างความเสียหายใส่คลาส Healer ของศัตรู ในขณะที่คลาส Defense ก็ต้องใช้ความสามารถเพื่อป้องกันเพื่อนๆ ไม่ให้ถูกโจมตี เป็นต้น ทำให้เกมมีความน่าสนใจมากกว่าแค่เกมไฟติ้งที่สู้กันเองสองคน

ในเรื่องของด่าน ด่านในเกม Shinobi Striker จะเป็นแผนที่กว้างที่เราสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ บวกกับความสามารถในการเดินบนกำแพงด้วย ทำให้ด่านๆ นึงมีความรู้สึกกว้างกว่าที่เห็น เปิดช่องให้ใช้ทีมเวิร์คและการวางแผนต่างๆ มากกว่าแค่การพุ่งเข้าไปตีกันทื่อๆ

- OcelotBoy




Jump Force



ในขณะที่ Shinobi Striker เป็นเกมอนิเมะที่ดีกว่าที่คาดไว้ Jump Force กลับเป็นเกมที่น่าผิดหวังที่สุดในทุกเกมที่ผมได้ลองเล่นในงาน เพราะแม้จะมีกราฟิคที่ปรับปรุงใหม่เป็นแนวอนิเมะผสมภาพเสมือนจริงที่น่าสนใจ แต่เกมเพลย์กลับเป็นแค่เกมไฟติ้งอนิเมะแบบเดียวกับเกมอื่นๆ ในตลาด แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย แม้ว่าในเดโมที่ลองจะมีตัวละครให้เลือกเล่นไม่กี่ตัว แต่ทุกตัวก็เล่นคล้ายๆ กันหมด คือมีท่าปล่อยพลังระยะไกล ท่าคอมโบต่อเนื่องระยะใกล้ เป็นต้น

แม้แต่กราฟิคที่ปรับปรุงใหม่ก็ใช่ว่าจะดีไปซะหมด เพราะอนิเมชั่นการโจมตีท่าพิเศษที่อลังการบางทีก็ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยชัด ปล่อยคลื่นเต่าทีก็เต็มจอมองอะไรไม่เห็นแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเกมให้ความสำคัญกับกราฟิคและรูปลักษณ์อื่นๆ มากกว่าเกมเพลย์

- OcelotBoy




Sekiro: Shadows Die Twice



เกมจากค่ายผู้พัฒนาซีรีส์ Soul ที่แม้ไม่ได้มีให้เล่นในงาน แต่ก็มาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ประกาศเวอร์ชันภาษาไทย และคลิปเกมเพลย์ที่มีให้ดูในงานก็ทำให้อยากเล่นขึ้นเป็นกอง

ดูจากคลิปแล้วเกมยังมีความยากแบบเดียวกับเกมของค่ายนี้ ซึ่งผู้เล่นจะต้องเน้นบริหารการป้องกัน สวนกลับ และหลบให้ดี แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ก็คือธีมของเกม ที่เป็นฉากในญี่ปุ่น ศัตรูจะเป็นพวกนักรบใช้ดาบ ใช้ธนู เลยทำให้รู้สึกว่าความยากในเกมดูมีความสมเหตุสมผลขึ้นมามากๆ โดนฟันแต่ละทีก็ควรจะอันตรายถึงชีวิตจริงๆ และบอสในเกมก็ทำออกมาได้น่าสนใจมาก มีทั้งงูยักษ์ ทั้งคนร่างยักษ์ในแบบญี่ปุ่น ซึ่งให้ความรู้สึกน่ากลัวมากๆ ผิดกับที่เคยเห็นตัวละครพวกนี้ในการ์ตูนจนชิน ชาวเอเชียที่คุ้นเคยกับนินจา ซามูไร น่าจะอินกับเกมนี้ได้ไม่ยาก

- MuscleBoyFirst

บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รวมพรีวิวเกมจากงาน PSX
20/08/2018

จบกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงานเกมสุดยิ่งใหญ่จาก Sony อย่าง PlayStation Experience​ South East Asia ที่ยกทัพมาจัดกันถึงที่ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขนเกมดังที่จะวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้มาให้ชาวเกมเมอร์ได้ทดลองเล่นกันก่อนใคร รวมถึงมีเซอร์ไพรส์ประกาศเกมเวอร์ชันภาษาไทยเพิ่มด้วย

ทางทีมงาน GameFever ก็ได้รับเกียรติให้เข้าไปลองเล่นเกมในงานเหมือนกัน เลยอยากจะมาบอกเล่าความรู้สึกให้เพื่อนๆ ที่พลาดไม่ได้ไป หรืออาจไปแต่อาจพลาดไม่ได้ลองเกมบางเกม เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้ตัดสินใจเก็บเงินกันตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่พลาดเกมดังที่น่าเล่นเกมไหนไป

(สำหรับเกม Marvels Spider-man ทีมงาน GameFever ได้มีโอกาสไปลองเล่นแบบหนำใจ 2 ชั่วโมงที่งาน Press Preview มาก่อนหน้านี้ ไปอ่านพรีวิวตัวนั้นได้ ที่นี่)




Kingdom Hearts 3



Kingdom Hearts 3 เป็นเกมแรกที่ผมพาตัวเองไปเล่น เนื่องจากความชอบในภาคก่อนๆ ที่มีอยู่เดิม ในเวอร์ชันที่ได้เล่นนี้มีสองด่านให้เล่น ด่านสู้กับยักษ์ Colossus ที่เราจะได้ไต่หน้าผาและปีนป่ายศัตรูร่างยักษ์ รวมถึงใช้ Summon เรียกรถไฟมาช่วยสู้ด้วย ในฉากนี้รู้สึกว่าบอสตายง่ายไปนิด รวมถึงมุมกล้องมีความแปลกๆ ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนปีนยักษ์

และอีกด่านคือ Toy Story ด่านนี้ผมเล่นไม่จบเพราะเวลาที่ได้ลองหมดก่อน และเป็นฉากที่มีคัทซีนคุยกันค่อนข้างนาน ซึ่งพอมาโผล่เอาฉากนี้ ไม่ได้ติดตามเกมมาตั้งแต่แรกเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่

ส่วนความรู้สึกในระบบต่อสู้ของทั้งสองฉากยังคงเหมือนตอนที่ได้เล่นภาคก่อนๆ นั่นคือความสนุกจากความรวดเร็วในการต่อสู้ยังอยู่ครบ ใครที่เคยชอบระบบต่อสู้ในภาคก่อนๆ ก็น่าจะยังสนุกกับเกมภาคนี้ได้อยู่

แต่นอกจากความสนุกที่ว่าแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเคยได้เห็นฉากเหล่านี้ผ่านตาจากสื่อต่างประเทศมาก่อนแล้ว ตอนเกมตัวเต็มออกจริงๆ คงต้องลุ้นเอาว่าเนื้อเรื่องและฉากที่ยังไม่เห็นจะสร้างความประทับใจให้ได้มากขนาดไหน จะมีลูกเล่นอะไรในโลกต่างๆ บ้าง  มีอะไรมาเซอร์ไพรส์บ้าง

- MuscleBoyFirst

ความรู้สึกแรกที่ได้รับจากการเล่น Kingdom Hearts 3 ของผมคือ นี่มันเหมือน Kingdom Hearts 2 เลยนี่หว่า! ซึ่งก็อาจจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยเฉพาะในฉากที่สู้กับบอส Colossus ที่มีความรู้สึกแข็งๆ ไปซักหน่อยในเรื่องของ mechanic (วิธีการเล่น) ไม่ค่อยให้ความรู้สึกแตกต่างกับบอสจากเกมภาคเก่าๆ เท่าไหร่ ไม่ได้มีระบบหรือวิธีการสู้ที่หวือหวาหรือให้ความรู้สึกว่า ยกระดับ ขึ้นไปจากตอน Kingdom Hearts 2 นัก

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่ว่าเกมไม่สนุก โดยเฉพาะคนที่ชอบภาค 2 และภาค Birth By Sleep ใน PSP น่าจะชอบการต่อสู้ของภาคนี้เป็นพิเศษ เพราะจะมีท่าใหญ่ๆ อลังการๆ มาให้ใช้ตลอดเวลา เกมยังคงความเร็วในการต่อสู้ที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์เอาไว้ และด่านที่กว้างขึ้นก็ช่วยทำให้เรามีพื้นที่ในการเล่นมากขึ้น แต่เกมนี้ก็ยังคงเกมเพลย์ของ Kingdom Hearts ที่เราคุ้นเคยเอาไว้อย่างครบถ้วน รวมไปถึงปัญหาในเรื่องของมุมกล้องที่ตามความเร็วของโซระไม่ค่อยทัน หรือเรื่องของระบบล๊อคออน (lock-on) ที่ยังรู้สึกแข็งๆ แปลกๆ ไม่ต่างกับภาคก่อนๆ

สรุปสั้นๆ Kingdom Hearts 3 (อย่างน้อยจากที่เล่นมา) จะเป็นเกมที่ตอบโจทย์คนที่โหยหาประสบการณ์แบบเดียวกับ Kingdom Hearts 2 แน่นอน แต่เกมจะมีอะไรใหม่ๆ เด็ดๆ มาให้แฟนๆ ที่รอคอยมากว่าสิบปีได้ว้าวกันหรือเปล่าคงต้องรอดูอีกทีตอนเกมออกเลยจ้า

- OcelotBoy




Resident Evil 2



Resident Evil 2 เป็นเกมที่ผมประทับใจมากที่สุดในงานนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าปริศนาในภาคนี้กลับมามีความยากอยู่พอประมาณ ทำให้ต้องเดินวนหาทางไปต่อ พาความรู้สึกเก่าๆ กลับมา จนแอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าก่อนหมดเวลาที่ให้ลองเล่นรอบละ 20 นาทีจะได้ยิงซอมบี้สักตัวไหม

ด้านระบบต่อสู้ก็น่าประทับใจตามมาตรฐานของเกมในภาคหลังๆ การยิง การเคลื่อนไหว การใช้อาวุธมีความลื่นไหล พอบวกกับกราฟิกที่ทำออกมาสวย รวมถึงเอฟเฟ็กต์ต่างๆ เวลายิงถูกซอมบี้อย่างเอฟเฟ็กต์เลือดกระจาย ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ

และเกมให้ความรู้สึกแบบที่ Capcom บอกไว้ก่อนหน้านี้ คือรู้สึกว่าเกมนี้เป็นเกมใหม่ ไม่ใช่แค่เกม Remake ภาคเก่าธรรมดาๆ พอบวกกับเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว รวมถึงศัตรูๆ ของภาคนี้ที่จะได้เจอในเกมตัวเต็ม คิดว่าเกมภาคนี้ต้องออกมาดีและเป็นเกมที่ห้ามพลาดแน่นอน

- MuscleBoyFirst

ผมเป็นเกมเมอร์สายขี้กลัวที่พยายามหลีกเลี่ยงเกมผีมาตลอดสมัยเด็กๆ ทำให้อาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมเท่าไหร่เมื่อพูดถึงเกม Resident Evil 2 Remake แต่ด้วยกราฟิคและเกมเพลย์ที่ปรับปรุงใหม่ก็ทำให้ผมสนใจเกมขึ้นมาเหมือนกัน

เรื่องกราฟิคไม่อยากเน้นเยอะเพราะเห็นๆ กันอยู่แล้วว่าปรับปรุงมาแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากชมคือเรื่องความสมจริงของฟิสิกซ์ในเกม สิ่งที่ปรัทับใจมากๆ คือการที่ร่างกายของซอมบี้ดูจะแสดงความเสียหายสัมพันธ์กับจุดที่โดนยิง เช่นถ้ายิงโดนหัวด้านหน้าก็จะเห็นหัวด้านหน้าแหว่งไปจริงๆ

ในด้านเกมเพลย์ ผมเคยแอบสงสัยกับตัวเองมาตลอดว่าเกมจะยังคงความน่ากลัวและท้าทายของการต่อสู้เอาไว้ได้ยังไงเมื่อปรับมาเป็นมุมกล้องแบบ Third-Person เพราะคนที่คุ้นเคยกับการเล่นเกมแนวนั้นก็น่าจะเล็งยิงหัวซอมบี้ได้สบายๆ แต่พอได้เล่นจริงๆ ถึงรู้ว่าเกมทำให้การยิงปืนมีความยากจริงๆ ด้วยการทำให้ตัวละครต้องใช้เวลาตั้งท่าเล็งซะก่อน crosshair (เป้าเล็ง) ถึงจะนิ่งและแคบพอให้เรายิงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งต่างกับเกมยิงปืนส่วนใหญ่ที่จะทำให้เป้าโฟกัสทันทีเมื่อกดเล็ง ผลคือความระทึกเมื่อเราต้องถูกบังคับให้ยืนนิ่งๆ มองซอมบี้ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเราซักสองสามก้าวก่อนจะยิงได้อย่างมั่นใจ

ในเรื่องของปริศนา ด้วยความที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในซีรี่ย์นี้ บวกกับเวลาเล่นอันน้อยนิด ทำให้ไม่สามารถแก้ปริศนาได้ทันก่อนเวลาหมด แต่ก็รู้สึกว่าระบบทำมาให้เสริมความรู้สึกน่าอึดอัดของเกมได้ดี เพราะเกมจะบังคับให้เราต้องใช้เวลาสอดส่องทุกซอกทุกมุมของฉากเพื่อหาไอเทมที่จะนำไปแก้ปริศนา

- OcelotBoy




Mega Man 11



นี่เป็นเกมที่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ในตอนแรกๆ เพราะไม่ประทับใจกับงานด้านภาพของภาคนี้เท่าไหร่ รวมถึงคิดว่า Capcom ตั้งใจจะปล่อยเดโมมาให้เล่นก่อนเกมออกอยู่แล้วด้วย

พอได้ลองเล่นแล้วพบว่าเกมมีความสนุกกว่าที่คิดมากๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะติดภาพว่าพอเกมเลือกใช้ภาพตัวละครแบบ 3D แล้วเกมจะมีความช้า แต่จริงๆ แล้วเกมภาคนี้มีความเร็วกว่าเกมภาคเก่าๆ อีก และเกมยังคงมีความยากในแบบเกมภาคเก่าๆ จำเป็นต้องใช้ทักษะการหลบ การจำวิธีการโจมตีของศัตรู และอาวุธที่มีให้ใช้ซึ่งม่ความสามารถในการทำให้เวลาช้าลงก็เป็นอะไรที่น่าสนใจให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมมากๆ

- MuscleBoyFirst




Dragon Quest 11



เกมภาคนี้ให้ความรู้สึกเหมือนภาค 8 ด้วยเหตุผลหลักๆ ก็คือภาพที่เลือกใช้เป็นภาพสไตล์เซลเฉดแบบเดียวกัน ในเดโมที่ได้เล่นได้ลองขี่ม้า และลองเข้าฉากต่อสู้เพื่อทดลองระบบต่อสู้

ฉากต่อสู้มีความรวดเร็วน่าประทับใจ ขัดกับความเชื่อเดิมๆ ว่าเกมที่มีฉากต่อสู้แบบเทิร์นเบสจะมีความช้า เกมใช้วิธีตัดเข้าฉากต่อสู้ด้วยการเดินไปชนกับศัตรูที่อยู่ตามแผนที่ หากไม่ต้องการสู้ก็สามารถเดินหลบได้

ด้านการขี่ม้าทำได้ไม่น่าประทับใจนัก เนื่องจากการเคลื่อนไหวของม้าทำออกมาได้แข็งๆ รู้สึกขัดใจอยู่พอสมควร อีกส่ิงที่ไม่ค่อยชอบคือฉากบทสนทนาของภาคนี้ที่ให้ความรู้สึกว่าค่อนข้างยืดยาด น่าเบื่อไปนิด

- MuscleBoyFirst




Shadow of the Tomb Raider



Tomb Raider ภาคนี้ยังคงระบบการเล่นเช่นเดียวกับสองภาคแรก เรียกว่าใครเคยเล่นภาคก่อนๆ มาก็จับจอยเล่นภาคนี้ต่อได้เลย ระบบการต่อสู้ (คล้ายๆ กับเกม Uncharted) และระบบสำรวจทำได้ดีอยู่แล้ว คงต้องไปลุ้นตอนเกมออกว่าเนื้อเรื่อของงภาคนี้จะทำได้น่าประทับใจแค่ไหน ซึ่งการเลือกใช้ตำนานของชนเผ่ามายาเป็นฉากหลังก็น่าจะสร้างความน่าสนใจได้พอสมควรอยู่

- MuscleBoyFirst




Naruto to Boruto: Shinobi Striker



ผมได้มีโอกาสลองเล่นเกมอนิเมะในงานทั้ง 2 เกมคือ Shinobi Striker และ Jump Force ซึ่งต้องยอมรับตรงๆ ว่าไม่ค่อยชอบเกมไฟติ้งอนิเมะสไตล์ 3D (ที่ดูจะเป็นแนวนี้ทุกเกม) แต่ Shinobi Striker กลับเป็นเกมที่น่าสนใจกว่าที่คิดไว้มากด้วยระบบการเล่นที่เปลี่ยนไปจากเกมไฟติ้งอนิเมะทั่วไปที่สู้กันในด่านแคบๆ มาเป็นเกมแอคชั่นแบบ PvP ซะมากกว่า

สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจคือ Shinobi Striker ไม่เชิงจะเป็นเกมแนวไฟติ้ง แต่เป็นเกมแนวแอคชั่นที่มีระบบ PvP มากกว่า เกมไม่ได้เน้นให้เราต้องเลือกตัวละครที่คอมโบกันได้ดีเป็นหลัก แต่ต้องเลือกตัวละครให้มีความสมดุลในเรื่องของคลาสด้วย เพราะตัวละครแต่ละคลาสก็มีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป เมื่อเล่นออนไลน์เป็นทีมกับคนอื่นก็ต้องร่วมมือกันและใช้ความสามารถของคลาสตัวเองให้ดีที่สุดไม่ต่างกับเกมแนว MOBA เท่าไหร่ เช่นคลาส Attack ก็ต้องเน้นเข้าไปตะลุมบอนเพื่อสร้างความเสียหายใส่คลาส Healer ของศัตรู ในขณะที่คลาส Defense ก็ต้องใช้ความสามารถเพื่อป้องกันเพื่อนๆ ไม่ให้ถูกโจมตี เป็นต้น ทำให้เกมมีความน่าสนใจมากกว่าแค่เกมไฟติ้งที่สู้กันเองสองคน

ในเรื่องของด่าน ด่านในเกม Shinobi Striker จะเป็นแผนที่กว้างที่เราสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ บวกกับความสามารถในการเดินบนกำแพงด้วย ทำให้ด่านๆ นึงมีความรู้สึกกว้างกว่าที่เห็น เปิดช่องให้ใช้ทีมเวิร์คและการวางแผนต่างๆ มากกว่าแค่การพุ่งเข้าไปตีกันทื่อๆ

- OcelotBoy




Jump Force



ในขณะที่ Shinobi Striker เป็นเกมอนิเมะที่ดีกว่าที่คาดไว้ Jump Force กลับเป็นเกมที่น่าผิดหวังที่สุดในทุกเกมที่ผมได้ลองเล่นในงาน เพราะแม้จะมีกราฟิคที่ปรับปรุงใหม่เป็นแนวอนิเมะผสมภาพเสมือนจริงที่น่าสนใจ แต่เกมเพลย์กลับเป็นแค่เกมไฟติ้งอนิเมะแบบเดียวกับเกมอื่นๆ ในตลาด แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย แม้ว่าในเดโมที่ลองจะมีตัวละครให้เลือกเล่นไม่กี่ตัว แต่ทุกตัวก็เล่นคล้ายๆ กันหมด คือมีท่าปล่อยพลังระยะไกล ท่าคอมโบต่อเนื่องระยะใกล้ เป็นต้น

แม้แต่กราฟิคที่ปรับปรุงใหม่ก็ใช่ว่าจะดีไปซะหมด เพราะอนิเมชั่นการโจมตีท่าพิเศษที่อลังการบางทีก็ทำให้มองเห็นอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยชัด ปล่อยคลื่นเต่าทีก็เต็มจอมองอะไรไม่เห็นแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเกมให้ความสำคัญกับกราฟิคและรูปลักษณ์อื่นๆ มากกว่าเกมเพลย์

- OcelotBoy




Sekiro: Shadows Die Twice



เกมจากค่ายผู้พัฒนาซีรีส์ Soul ที่แม้ไม่ได้มีให้เล่นในงาน แต่ก็มาพร้อมกับเซอร์ไพรส์ประกาศเวอร์ชันภาษาไทย และคลิปเกมเพลย์ที่มีให้ดูในงานก็ทำให้อยากเล่นขึ้นเป็นกอง

ดูจากคลิปแล้วเกมยังมีความยากแบบเดียวกับเกมของค่ายนี้ ซึ่งผู้เล่นจะต้องเน้นบริหารการป้องกัน สวนกลับ และหลบให้ดี แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ก็คือธีมของเกม ที่เป็นฉากในญี่ปุ่น ศัตรูจะเป็นพวกนักรบใช้ดาบ ใช้ธนู เลยทำให้รู้สึกว่าความยากในเกมดูมีความสมเหตุสมผลขึ้นมามากๆ โดนฟันแต่ละทีก็ควรจะอันตรายถึงชีวิตจริงๆ และบอสในเกมก็ทำออกมาได้น่าสนใจมาก มีทั้งงูยักษ์ ทั้งคนร่างยักษ์ในแบบญี่ปุ่น ซึ่งให้ความรู้สึกน่ากลัวมากๆ ผิดกับที่เคยเห็นตัวละครพวกนี้ในการ์ตูนจนชิน ชาวเอเชียที่คุ้นเคยกับนินจา ซามูไร น่าจะอินกับเกมนี้ได้ไม่ยาก

- MuscleBoyFirst


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header