GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] Persona 5 Strikers : การผจญภัยครั้งใหม่ใหม่ของกลุ่มโจรขโมยใจเจ้าเก่า
ลงวันที่ 09/03/2021

เมื่อพูดเกมแนว JRPG ที่น่าจดจำที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคำตอบในใจหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นเกม Persona 5 (หรือ Persona 5 Royal) เกมที่ผสมผสานระบบการเล่นแนว JRPG สายเลือดแท้เข้ากับเกม Simulation การใช้ชีวิต ที่ได้รับขนานนามโดยสื่อหลายสำนักทั่วโลก (รวมถึง GameFever เองด้วย) ในฐานะเกม JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งตลอดการ ด้วยเนื้อเรื่องและตัวละครที่มีเสน่ห์น่าติดตาม ไปจนถึงระบบเกมเพลย์ Turn-based อันลึกซึ้งและท้าทาย จนกวาดคะแนนเต็ม 10 (หรือใกล้เคียง) จากสื่อที่รีวิวแทบทุกสำนักเลยทีเดียว



ในฐานะแฟนตัวยงเดนตายของซีรีส์ Persona มาหลายปี ที่ยกให้เกม Persona 5 Royal เป็นหนึ่งใน 10 เกมยอดเยี่ยมประจำใจไปแล้วเรียบร้อย ผู้เขียนจึงแอบมีความสองจิตสองใจกับเกม Persona 5 Strikers อยู่พอสมควรในช่วงที่เกมประกาศเปิดตัว เพราะแม้ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการที่เกมจะสานต่อเรื่องราวของเหล่าตัวเอกในเกม Persona 5 ต่อไป แต่ในอีกแง่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเมื่อเกมเปลี่ยนจากระบบการเล่นดั้งเดิมมาเป็นเกมลูกผสมแนวแอคชั่น Musou แล้ว จะยังสามารถคงเสน่ห์หรือความลึกซึ้งต่างๆ ที่ทำให้หลงรักซีรีส์ Persona ได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่อง

แต่หลังจากที่เล่นเกม Persona 5 Strikers จนจบแล้ว ก็ต้องบอกว่าความกังวลใจต่างๆ ที่ผู้เขียนรู้สึกในตอนแรกแทบจะคลี่คลายไปได้ทั้งหมดเลย โดยเกมยังคงสามารถรักษาเสน่ห์หลายๆ อย่างของซีรีส์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบต่อสู้ที่ท้าทายไปจนถึงเนื้อเรื่องอันกินใจที่น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ และแม้ว่าจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ยังไม่ค่อยลงตัวนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า Persona 5 Strikers ถือเป็นภาคต่อที่น่าพอใจมาก ที่สามารถขโมยใจแฟนตัวยงอย่างผู้เขียนไปได้อีกครั้ง


เนื้อเรื่อง


Persona 5 Strikers จะดำเนินเรื่องต่อจากตอนจบของเกม Persona 5 ภาคดั้งเดิมโดยตรง (เกมจะไม่อ้างอิงเหตุการณ์จาก Persona 5 Royal เลย) เมื่อตัวเอกและกลุ่มเพื่อน Phantom Thieves ตัดสินใจนัดรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อท่องเที่ยวด้วยกันในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของพวกเขา

แต่วันหยุดอันสงบสุขของพวกเขากลับถูกขัดขวางเมื่อจู่ๆ พวกเขาก็พบว่าโลกคู่ขนาน Cognitive World ที่ควรจะถูกทำลายไปแล้วในตอนจบของเกมภาคดั้งเดิมยังมีตัวตนอยู่ แถมยังมีกลุ่มวายร้ายกลุ่มใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากโลกขนานนี้เพื่อ "เปลี่ยนใจ" ผู้คนทั่วญี่ปุ่นให้ทำตามความต้องการอันชั่วร้ายของพวกเขาเองอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเอกและผองเพื่อนยังถูกเพ่งเล็งโดยองค์กรตำรวจในฐานะผู้ต้องสงสัยเบื้องหลังเหตุการณ์การ "เปลี่ยนใจ" ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อต่อสู้กับเหล่าวายร้ายตัวจริงและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาอีกครั้ง



ถ้าให้มองในภาพกว้าง ต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องของเกม Persona 5 Strikers มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ต่างๆ ในเกมภาคดั้งเดิมอยู่พอสมควร โดยเกมจะดำเนินไปตามสูตรเดิมที่ให้ผู้เล่นตะลุยเข้าไปใน "คุก" (ชื่อเรียกดันเจี้ยนของเกม) ที่ถูกปกครองโดยเหล่าตัวร้ายหลัก และทำการเอาชนะตัวร้ายเหล่านั้นเพื่อทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจมารับผิดจากการกระทำของตัวเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ารูปแบบการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างซ้ำกับภาคหลักทำให้ "น้ำหนัก" ของเหตุการณ์ต่างๆ หายไปพอสมควรเมื่อเทียบกับเกมต้นฉบับที่มีความเกี่ยวพันกับเหล่าตัวละครในกลุ่มเพื่อนของเราโดยตรงด้วย และทำให้เนื้อเรื่องของเกมภาค Strikers มีความ "เดาได้" แทบจะตลอดทั้งเกม



ทั้งนี้ ไม่ได้จะบอกว่าเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้ไม่ดี เพราะ Persona 5 Strikers ก็ยังคงรักษาตัวตนของซีรีส์เอาไว้ได้ด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ค่อนข้างสูง ที่แตะประเด็นหนักๆ อย่างปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน หรือกระทั่งการทุจริตของข้าราชการในรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อเรื่องของเกมที่มีธีมหลักเกี่ยวกับ "Trauma" หรือบาดแผลที่ฝังใจของมนุษย์ และวิธีรับมือกับความเจ็บปวดทางใจเหล่านี้ ก็ยังมีความลึกซึ้งมากพอที่ทำให้ผู้เขียนนั่งครุ่นคิดถึงประเด็นเหล่านี้ต่อได้กระทั่งเวลาที่ไม่ได้เล่นเกมอยู่



สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องหลักของเกมยังคงมีความสนุกและน่าติดตามสำหรับผู้เขียน มาจากการได้เห็นการปฎิสัมพันธ์กันของเหล่าตัวละครทั้งในและนอกดันเจี้ยน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการเดินทางร่วมกับกลุ่มเพื่อนวัยเรียนได้ดีมากๆ และทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวละครเหล่านี้มีความสนิทสนมกันจริงๆ มากกว่าในเกมดั้งเดิมเสียอีก ด้วยบทพูดยังเขียนออกมาได้อย่างน่ารักติดตลกเหมือนฟังกลุ่มเพื่อนนั่งแซวกันหยอกกันเล่น ทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นแฟนเกม Persona 5 ที่ผูกพันธ์กับตัวละครเหล่านี้เป็นพิเศษ (เช่นผู้เขียน) มีจังหวะอมยิ้มให้เราได้ชื่นใจตลอดทั้งเกม


เกมเพลย์


ในเบื้องต้นแล้ว เกมเพลย์ของ Persona 5 Strikers จะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คล้ายๆ กับในเกมภาคดั้งเดิม นั่นคือช่วงการใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง และช่วงการต่อสู้ในดันเจี้ยนหรือที่เกมเรียกว่าคุก (Jail) นั่นเอง

สำหรับเกมเพลย์ในโลกจริงนั้น อาจเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะ Persona 5 Strikers ไม่มีระบบการดำเนินชีวิตแบบที่พบในเกมดั้งเดิมเลย เช่นระบบการทำความสัมพันธ์ Confidant ทำให้เราได้เรียนรู้เนื้อเรื่องและพัฒนาความสามารถของตัวละครเสริมแต่ละตัว (ถูกแทนที่ด้วยระบบ Bond ให้เราสามารถเลือกอัปเกรดความสามารถติดตัวของทั้งทีมแทน) หรือระบบการทำงานพิเศษเพื่อเพิ่มคุณสมบัติทั้งหลาย แม้ว่าการเดินทางไปตามเมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นของกลุ่มตัวเอกจะทำให้เกมมีสถานที่ให้สำรวจเยอะกว่าในเกมภาคดั้งเดิมซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโตเกียวทั้งเกม แต่สถานที่เหล่านี้ก็แทบจะไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากการรับเควสเสริมประปราย หรือการซื้อของเพิ่มพลังที่มาในรูปแบบของอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง



 

ตัวตนความเป็น Persona แทบทั้งหมดของ Persona 5 Strikers จะพบได้ในดันเจี้ยนทั้งหลายของเกม โดยจุดแตกต่างที่ทำให้ Persona 5 Strikers ต่างจากเกมลูกผสม Musou อื่นที่กล่าวไปข้างต้น คือเกมยังคงใช้ระบบการต่อสู้แบบกึ่ง RPG ซึ่งแยกการต่อสู้ออกจากแผนที่หลัก ผู้เล่นจะสามารถมองเห็น "ศัตรู" เดินไปมาในแผนที่ และจะสามารถเข้าสู่การต่อสู้จริงได้ด้วยการโจมตีหรือลอบโจมตี (Ambush) ศัตรูเหล่านั้นในแบบเดียวกับเกม Persona 5 ดั้งเดิมแทน ซึ่งเมื่อทำแบบนี้แล้ว "ศัตรู" ที่เห็นในแผนจึงจะกลายร่างเป็นเหล่า Shadow ตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมากให้เราต่อสู้ด้วยในแบบ Musou อีกที



เมื่อเข้าสู่การต่อสู้แล้ว แน่นอนว่าผู้เล่นจะยังคงสามารถโจมตีเหล่า Shadow ด้วยระบบการโจมตีสองปุ่มแบบเดียวกับเกม Musou ทั่วไป ซึ่งเราสามารถสลับไปควบคุมตัวละครเพื่อนร่วมทีมได้ตลอดเวลา (สามารถเลือกสลับเข้าออกได้ทีละ 3 ตัว ไม่รวมตัวเอก) โดยแต่ละคนก็จะมีคอมโบและวิธีเล่นเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป แต่ทีเด็ดคือ Persona 5 Strikers จะผสมผสานระบบจุดอ่อนของเกม Persona เข้าไปด้วย ผู้เล่นจะสามารถเรียกหน้าเมนูสกิลแบบ RPG ขึ้นมาเพื่อโจมตีจุดอ่อนศัตรูด้วยสกิลธาตุต่างๆ ซึ่งก็จะทำให้ศัตรูล้มลงและเปิดช่องให้เราทำการ All-Out Attack เพื่อปลิดชีพศัตรูทั้งกลุ่มในม้วนเดียวเหมือนในเกม Persona 5 เลย และในทางกลับกัน เหล่าศัตรูก็จะสามารถโจมตีเราด้วยสกิลธาตุของตัวเองได้ และถ้าเราเผลอโดนสกิลธาตุที่แพ้ทางเข้าก็จะล้มลงไปให้ศัตรูลงแขกได้ไม่ต่างกัน



การต่อสู้อาจจะฟังดูง่าย โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงในบริบทของเกม Musou แต่เอาเข้าจริงต้องบอกว่าเกม Persona 5 Strikers ดูจะจัดสมดุลมาเหมือนเกม Persona ที่เน้นการใช้สกิลเพื่อโจมตีจุดอ่อนมากกว่าการโจมตีธรรมดาไปเรื่อยๆ ผู้เล่นจะยังคงต้องลำบากกับการบริหารค่า SP ในการใช้สกิลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อสู้กับศัตรูระดับบอสที่มักจะบังคับให้เราต้องใช้สกิลเพื่อทำลายเกราะป้องกันของพวกมันซะก่อน แต่เกมก็ยังปราณีด้วยการเปิดให้ผู้เล่นสามารถกระโดดเข้าออกดันเจี้ยนได้ตลอดเวลาด้วยระบบ Checkpoint ซึ่งจะฟื้นฟูพลังชีวิตและ SP ของทั้งปาร์ตี้จนเต็ม เมื่อนำมารวมกับการที่เกมไม่มีระบบปฏิทินเหมือนเกม Persona ปกติด้วย ทำให้การตะลุยดันเจี้ยนในภาพรวมอาจจะง่ายขึ้น แต่การต่อสู้แต่ละครั้งยังคงท้าทายเหมือนเกม Persona อยู่นั่นเอง



กล่าวโดยสรุป ในขณะที่เกมลูกผสม Musou หลายเกมที่ผ่านมาเช่น Fire Emblem Warriors หรือ Dragon Quest Warriors จะมีเกมเพลย์ที่ให้ความรู้สึกเหมือน "เกม Musou ที่ใส่สกินของเกมอื่น" เกม Persona 5 Strikers ค่อนข้างให้ความรู้สึกตรงข้ามราวกับว่าเป็น "เกม Persona ที่สวมสกิน Musou" ซะมากกว่า เพราะแม้ว่าผู้เล่นจะยังต้องต่อสู้กับศัตรูกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยเกมเพลย์แนวแอคชั่นอันดุเดือด แต่เกมก็ยังคงไว้ซึ่งระบบ RPG อันเป็นเอกลักษณ์ของเกม Persona เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แถมให้ความสำคัญกับระบบเหล่านี้ไม่ต่างจากเกมดั้งเดิมที่ใช้ระบบ Turn-based เลยด้วย

กราฟิก/การนำเสนอ


เกม Persona 5 Strikers จะยังคงใช้เอนจิ้นกราฟิกเดียวกับเกม Persona 5 ภาคที่ผ่านๆ มา ทำให้ในส่วนของโมเดลตัวละครและฉากต่างๆ ไม่ค่อยต่างกันนัก แม้จะเข้าใจได้ว่าเกมภาค Strikers อาจจะอยากรักษาสไตล์ให้มีความต่อเนื่องกันจากเกม Persona 5 เดิม แต่ก็อย่าลืมว่าก็เกมดั้งเดิมเป็นเกมคร่อมเจนระหว่าง PS3 + PS4 อยู่แล้ว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่เกมภาค Strikers ที่ใช้กราฟิกเหมือนๆ กันจะรู้สึก "เก่า" ไปบ้างในหลายๆ มุม แม้ว่าฉากคัตซีนแบบ 3D จะเป็นการปรับปรุงขึ้นในแง่ของอนิเมชั่นหลายๆ อย่างก็ตามที แต่ก็ยังคงไม่สามารถไปวัดไปวากับเกมยุคใหม่ๆ ได้ขนาดนั้น



สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดน่าจะเป็นเรื่องของเฟรมเรต ที่ไม่ได้ถูกล๊อคเอาไว้ที่ 30 FPS เหมือนในเกมภาค RPG ที่ผ่านมา ทำให้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวละครทั้งหลายรู้สึกลื่นไหลมีชีวิตชีวากว่าในเกมภาค RPG พอสมควร นอกจากนี้ ฉากดันเจี้ยน Jail ทั้งหลายยังมักจะมีขนาดกว้างใหญ่กว่าดันเจี้ยน Palace ของภาค RPG ด้วย ซึ่งก็ช่วยทำให้สเกลของเกมรู้สึก "ใหญ่" กว่าในฉบับดั้งเดิม แถมแต่ละดันเจี้ยนยังมีเอกลักษณ์ในแง่ของการออกแบบ ที่ทำให้การเดินทางสำรวจในแต่ละดันเจี้ยนรู้สึกน่าตื่นเต้นมากขึ้นกว่าในภาค RPG ที่เอาเข้าจริงไม่ค่อยมีเหตุผลให้สำรวจดันเจี้ยนมากกว่าที่จำเป็นตามเนื้อเรื่อง



ที่น่าชมมากกว่าคงเป็นเรื่องของการนำเสนอ เช่นเรื่องของเมนูหรือการออกแบบเสื้อผ้า สถานที่ รวมไปถึงอนิเมชั่นการโจมตีและใช้สกิลในเกม ที่ทำให้เกมมีสไตล์จัดจ้านสมกับเป็นเกม Persona มากๆ แม้ว่ากราฟิกของเกมคงไม่สามารถไปวัดไปวากับใครได้มากนัก แต่การออกแบบหน้าเมนูและองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ก็ช่วยทำให้เกมยังคงมีเอกลักษณ์ และช่วยยกระดับให้กราฟิกของเกมน่าดึงดูดมากขึ้น แม้ว่าอนิเมชั่นหลายอัน (โดยเฉพาะท่าโจมตีระดับสูงๆ) อาจจะมีความรกจอไปบ้างในขณะต่อสู้



องค์ประกอบด้านการนำเสนออีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับเกม Persona คือเรื่องของเสียง ทั้งเสียงพากย์ตัวละครและเสียงเพลงประกอบฉากทั้งหลาย ที่ยังคงรักษามาตรฐานอันยอดเยี่ยมของซีรีส์เอาไว้ได้ทั้งหมดเลย นักแสดงพากย์เสียงจากเกมดั้งเดิมก็กลับมาให้เสียงตัวละครอีกครั้ง ซึ่งแม้จะมีปัญหาไปบ้างในแง่ของระดับเสียงที่บางครั้งก็ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง (ทีมพากย์เสียงเกมนี้จำเป็นต้องทำงานจากบ้านเพราะสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งน่าจะส่งผลต่อเรื่องนี้) แต่ในแง่ของอารมณ์หรืออุปนิสัยตัวละครก็ยังคงทำได้ดีเท่ากับในเกมภาค RPG เลยทีเดียว ในฝั่งของเพลงประกอบ ถือว่าเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของซีรีส์ Persona อยู่แล้ว และเพลงใหม่ๆ ของภาค Strikers เองก็ยังติดหูและเร้าอารมณ์ได้ไม่ต่างจากเกมอื่นๆ ในซีรีส์ ซึ่งก็ช่วยเสริมอารมณ์ทั้งในระหว่างการเล่นและในฉากคัตซีนต่างๆ ได้อย่างมหาศาล เชื่อว่าหลายๆ คนที่เล่นเกมนี้ส่วนใหญ่น่าจะต้องหาโหลดเพลงมาฟังต่อจนเพื่อนด่าเหมือนผู้เขียนอย่างแน่นอน


สรุป


แม้ดูเผินๆ อาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ Persona ที่เราคุ้นเคย และรู้สึก "เก่า" ไปบ้างจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง แต่รับประกันได้ว่าเกม Persona 5 Strikers ยังคงรักษาดีเอ็นเอของซีรีส์ RPG เอาไว้ได้อย่างเข้มข้น พอจะทำให้แฟนๆ ของกลุ่มโจรขโมยใจได้รู้สึกหายคิดถึงกันได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่ชื่นชอบเกม Persona หรือแค่ชื่นชอบแอคชั่น RPG มันส์ๆ บอกได้เลยว่า Persona 5 Strikers จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน



[penci_review id="79548"]

7
ข้อดี

ระบบเกมเพลย์คุณภาพตายฉบับ Persona

แอคชั่นสุดมันส์ที่ยังคงความท้าทายเอาไว้ได้เต็มเปี่ยม

เนื้อเรื่องเข้มข้นชวนติดตาม พร้อมตัวละครที่มีเสน่ห์

เพลงเพราะติดหู ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ

ข้อเสีย

กราฟิกหลายๆ มุมดู "เก่า"

มุมกล้องและสีสันของฉากทำให้มองอะไรไม่ค่อยเห็นในบางที

เนื้อเรื่องสูตรสำเร็จเดาง่ายไปหน่อย 

9
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] Persona 5 Strikers : การผจญภัยครั้งใหม่ใหม่ของกลุ่มโจรขโมยใจเจ้าเก่า
09/03/2021

เมื่อพูดเกมแนว JRPG ที่น่าจดจำที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคำตอบในใจหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นเกม Persona 5 (หรือ Persona 5 Royal) เกมที่ผสมผสานระบบการเล่นแนว JRPG สายเลือดแท้เข้ากับเกม Simulation การใช้ชีวิต ที่ได้รับขนานนามโดยสื่อหลายสำนักทั่วโลก (รวมถึง GameFever เองด้วย) ในฐานะเกม JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งตลอดการ ด้วยเนื้อเรื่องและตัวละครที่มีเสน่ห์น่าติดตาม ไปจนถึงระบบเกมเพลย์ Turn-based อันลึกซึ้งและท้าทาย จนกวาดคะแนนเต็ม 10 (หรือใกล้เคียง) จากสื่อที่รีวิวแทบทุกสำนักเลยทีเดียว



ในฐานะแฟนตัวยงเดนตายของซีรีส์ Persona มาหลายปี ที่ยกให้เกม Persona 5 Royal เป็นหนึ่งใน 10 เกมยอดเยี่ยมประจำใจไปแล้วเรียบร้อย ผู้เขียนจึงแอบมีความสองจิตสองใจกับเกม Persona 5 Strikers อยู่พอสมควรในช่วงที่เกมประกาศเปิดตัว เพราะแม้ว่าจะรู้สึกตื่นเต้นกับการที่เกมจะสานต่อเรื่องราวของเหล่าตัวเอกในเกม Persona 5 ต่อไป แต่ในอีกแง่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเมื่อเกมเปลี่ยนจากระบบการเล่นดั้งเดิมมาเป็นเกมลูกผสมแนวแอคชั่น Musou แล้ว จะยังสามารถคงเสน่ห์หรือความลึกซึ้งต่างๆ ที่ทำให้หลงรักซีรีส์ Persona ได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่อง

แต่หลังจากที่เล่นเกม Persona 5 Strikers จนจบแล้ว ก็ต้องบอกว่าความกังวลใจต่างๆ ที่ผู้เขียนรู้สึกในตอนแรกแทบจะคลี่คลายไปได้ทั้งหมดเลย โดยเกมยังคงสามารถรักษาเสน่ห์หลายๆ อย่างของซีรีส์เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบต่อสู้ที่ท้าทายไปจนถึงเนื้อเรื่องอันกินใจที่น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ และแม้ว่าจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ยังไม่ค่อยลงตัวนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า Persona 5 Strikers ถือเป็นภาคต่อที่น่าพอใจมาก ที่สามารถขโมยใจแฟนตัวยงอย่างผู้เขียนไปได้อีกครั้ง


เนื้อเรื่อง


Persona 5 Strikers จะดำเนินเรื่องต่อจากตอนจบของเกม Persona 5 ภาคดั้งเดิมโดยตรง (เกมจะไม่อ้างอิงเหตุการณ์จาก Persona 5 Royal เลย) เมื่อตัวเอกและกลุ่มเพื่อน Phantom Thieves ตัดสินใจนัดรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อท่องเที่ยวด้วยกันในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของพวกเขา

แต่วันหยุดอันสงบสุขของพวกเขากลับถูกขัดขวางเมื่อจู่ๆ พวกเขาก็พบว่าโลกคู่ขนาน Cognitive World ที่ควรจะถูกทำลายไปแล้วในตอนจบของเกมภาคดั้งเดิมยังมีตัวตนอยู่ แถมยังมีกลุ่มวายร้ายกลุ่มใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากโลกขนานนี้เพื่อ "เปลี่ยนใจ" ผู้คนทั่วญี่ปุ่นให้ทำตามความต้องการอันชั่วร้ายของพวกเขาเองอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเอกและผองเพื่อนยังถูกเพ่งเล็งโดยองค์กรตำรวจในฐานะผู้ต้องสงสัยเบื้องหลังเหตุการณ์การ "เปลี่ยนใจ" ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นเพื่อต่อสู้กับเหล่าวายร้ายตัวจริงและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขาอีกครั้ง



ถ้าให้มองในภาพกว้าง ต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องของเกม Persona 5 Strikers มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ต่างๆ ในเกมภาคดั้งเดิมอยู่พอสมควร โดยเกมจะดำเนินไปตามสูตรเดิมที่ให้ผู้เล่นตะลุยเข้าไปใน "คุก" (ชื่อเรียกดันเจี้ยนของเกม) ที่ถูกปกครองโดยเหล่าตัวร้ายหลัก และทำการเอาชนะตัวร้ายเหล่านั้นเพื่อทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจมารับผิดจากการกระทำของตัวเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ารูปแบบการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างซ้ำกับภาคหลักทำให้ "น้ำหนัก" ของเหตุการณ์ต่างๆ หายไปพอสมควรเมื่อเทียบกับเกมต้นฉบับที่มีความเกี่ยวพันกับเหล่าตัวละครในกลุ่มเพื่อนของเราโดยตรงด้วย และทำให้เนื้อเรื่องของเกมภาค Strikers มีความ "เดาได้" แทบจะตลอดทั้งเกม



ทั้งนี้ ไม่ได้จะบอกว่าเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้ไม่ดี เพราะ Persona 5 Strikers ก็ยังคงรักษาตัวตนของซีรีส์เอาไว้ได้ด้วยเนื้อหาที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ค่อนข้างสูง ที่แตะประเด็นหนักๆ อย่างปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน หรือกระทั่งการทุจริตของข้าราชการในรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อเรื่องของเกมที่มีธีมหลักเกี่ยวกับ "Trauma" หรือบาดแผลที่ฝังใจของมนุษย์ และวิธีรับมือกับความเจ็บปวดทางใจเหล่านี้ ก็ยังมีความลึกซึ้งมากพอที่ทำให้ผู้เขียนนั่งครุ่นคิดถึงประเด็นเหล่านี้ต่อได้กระทั่งเวลาที่ไม่ได้เล่นเกมอยู่



สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องหลักของเกมยังคงมีความสนุกและน่าติดตามสำหรับผู้เขียน มาจากการได้เห็นการปฎิสัมพันธ์กันของเหล่าตัวละครทั้งในและนอกดันเจี้ยน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการเดินทางร่วมกับกลุ่มเพื่อนวัยเรียนได้ดีมากๆ และทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวละครเหล่านี้มีความสนิทสนมกันจริงๆ มากกว่าในเกมดั้งเดิมเสียอีก ด้วยบทพูดยังเขียนออกมาได้อย่างน่ารักติดตลกเหมือนฟังกลุ่มเพื่อนนั่งแซวกันหยอกกันเล่น ทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นมากๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นแฟนเกม Persona 5 ที่ผูกพันธ์กับตัวละครเหล่านี้เป็นพิเศษ (เช่นผู้เขียน) มีจังหวะอมยิ้มให้เราได้ชื่นใจตลอดทั้งเกม


เกมเพลย์


ในเบื้องต้นแล้ว เกมเพลย์ของ Persona 5 Strikers จะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คล้ายๆ กับในเกมภาคดั้งเดิม นั่นคือช่วงการใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง และช่วงการต่อสู้ในดันเจี้ยนหรือที่เกมเรียกว่าคุก (Jail) นั่นเอง

สำหรับเกมเพลย์ในโลกจริงนั้น อาจเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะ Persona 5 Strikers ไม่มีระบบการดำเนินชีวิตแบบที่พบในเกมดั้งเดิมเลย เช่นระบบการทำความสัมพันธ์ Confidant ทำให้เราได้เรียนรู้เนื้อเรื่องและพัฒนาความสามารถของตัวละครเสริมแต่ละตัว (ถูกแทนที่ด้วยระบบ Bond ให้เราสามารถเลือกอัปเกรดความสามารถติดตัวของทั้งทีมแทน) หรือระบบการทำงานพิเศษเพื่อเพิ่มคุณสมบัติทั้งหลาย แม้ว่าการเดินทางไปตามเมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นของกลุ่มตัวเอกจะทำให้เกมมีสถานที่ให้สำรวจเยอะกว่าในเกมภาคดั้งเดิมซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโตเกียวทั้งเกม แต่สถานที่เหล่านี้ก็แทบจะไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากการรับเควสเสริมประปราย หรือการซื้อของเพิ่มพลังที่มาในรูปแบบของอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง



 

ตัวตนความเป็น Persona แทบทั้งหมดของ Persona 5 Strikers จะพบได้ในดันเจี้ยนทั้งหลายของเกม โดยจุดแตกต่างที่ทำให้ Persona 5 Strikers ต่างจากเกมลูกผสม Musou อื่นที่กล่าวไปข้างต้น คือเกมยังคงใช้ระบบการต่อสู้แบบกึ่ง RPG ซึ่งแยกการต่อสู้ออกจากแผนที่หลัก ผู้เล่นจะสามารถมองเห็น "ศัตรู" เดินไปมาในแผนที่ และจะสามารถเข้าสู่การต่อสู้จริงได้ด้วยการโจมตีหรือลอบโจมตี (Ambush) ศัตรูเหล่านั้นในแบบเดียวกับเกม Persona 5 ดั้งเดิมแทน ซึ่งเมื่อทำแบบนี้แล้ว "ศัตรู" ที่เห็นในแผนจึงจะกลายร่างเป็นเหล่า Shadow ตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมากให้เราต่อสู้ด้วยในแบบ Musou อีกที



เมื่อเข้าสู่การต่อสู้แล้ว แน่นอนว่าผู้เล่นจะยังคงสามารถโจมตีเหล่า Shadow ด้วยระบบการโจมตีสองปุ่มแบบเดียวกับเกม Musou ทั่วไป ซึ่งเราสามารถสลับไปควบคุมตัวละครเพื่อนร่วมทีมได้ตลอดเวลา (สามารถเลือกสลับเข้าออกได้ทีละ 3 ตัว ไม่รวมตัวเอก) โดยแต่ละคนก็จะมีคอมโบและวิธีเล่นเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป แต่ทีเด็ดคือ Persona 5 Strikers จะผสมผสานระบบจุดอ่อนของเกม Persona เข้าไปด้วย ผู้เล่นจะสามารถเรียกหน้าเมนูสกิลแบบ RPG ขึ้นมาเพื่อโจมตีจุดอ่อนศัตรูด้วยสกิลธาตุต่างๆ ซึ่งก็จะทำให้ศัตรูล้มลงและเปิดช่องให้เราทำการ All-Out Attack เพื่อปลิดชีพศัตรูทั้งกลุ่มในม้วนเดียวเหมือนในเกม Persona 5 เลย และในทางกลับกัน เหล่าศัตรูก็จะสามารถโจมตีเราด้วยสกิลธาตุของตัวเองได้ และถ้าเราเผลอโดนสกิลธาตุที่แพ้ทางเข้าก็จะล้มลงไปให้ศัตรูลงแขกได้ไม่ต่างกัน



การต่อสู้อาจจะฟังดูง่าย โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงในบริบทของเกม Musou แต่เอาเข้าจริงต้องบอกว่าเกม Persona 5 Strikers ดูจะจัดสมดุลมาเหมือนเกม Persona ที่เน้นการใช้สกิลเพื่อโจมตีจุดอ่อนมากกว่าการโจมตีธรรมดาไปเรื่อยๆ ผู้เล่นจะยังคงต้องลำบากกับการบริหารค่า SP ในการใช้สกิลอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อสู้กับศัตรูระดับบอสที่มักจะบังคับให้เราต้องใช้สกิลเพื่อทำลายเกราะป้องกันของพวกมันซะก่อน แต่เกมก็ยังปราณีด้วยการเปิดให้ผู้เล่นสามารถกระโดดเข้าออกดันเจี้ยนได้ตลอดเวลาด้วยระบบ Checkpoint ซึ่งจะฟื้นฟูพลังชีวิตและ SP ของทั้งปาร์ตี้จนเต็ม เมื่อนำมารวมกับการที่เกมไม่มีระบบปฏิทินเหมือนเกม Persona ปกติด้วย ทำให้การตะลุยดันเจี้ยนในภาพรวมอาจจะง่ายขึ้น แต่การต่อสู้แต่ละครั้งยังคงท้าทายเหมือนเกม Persona อยู่นั่นเอง



กล่าวโดยสรุป ในขณะที่เกมลูกผสม Musou หลายเกมที่ผ่านมาเช่น Fire Emblem Warriors หรือ Dragon Quest Warriors จะมีเกมเพลย์ที่ให้ความรู้สึกเหมือน "เกม Musou ที่ใส่สกินของเกมอื่น" เกม Persona 5 Strikers ค่อนข้างให้ความรู้สึกตรงข้ามราวกับว่าเป็น "เกม Persona ที่สวมสกิน Musou" ซะมากกว่า เพราะแม้ว่าผู้เล่นจะยังต้องต่อสู้กับศัตรูกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยเกมเพลย์แนวแอคชั่นอันดุเดือด แต่เกมก็ยังคงไว้ซึ่งระบบ RPG อันเป็นเอกลักษณ์ของเกม Persona เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แถมให้ความสำคัญกับระบบเหล่านี้ไม่ต่างจากเกมดั้งเดิมที่ใช้ระบบ Turn-based เลยด้วย

กราฟิก/การนำเสนอ


เกม Persona 5 Strikers จะยังคงใช้เอนจิ้นกราฟิกเดียวกับเกม Persona 5 ภาคที่ผ่านๆ มา ทำให้ในส่วนของโมเดลตัวละครและฉากต่างๆ ไม่ค่อยต่างกันนัก แม้จะเข้าใจได้ว่าเกมภาค Strikers อาจจะอยากรักษาสไตล์ให้มีความต่อเนื่องกันจากเกม Persona 5 เดิม แต่ก็อย่าลืมว่าก็เกมดั้งเดิมเป็นเกมคร่อมเจนระหว่าง PS3 + PS4 อยู่แล้ว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่เกมภาค Strikers ที่ใช้กราฟิกเหมือนๆ กันจะรู้สึก "เก่า" ไปบ้างในหลายๆ มุม แม้ว่าฉากคัตซีนแบบ 3D จะเป็นการปรับปรุงขึ้นในแง่ของอนิเมชั่นหลายๆ อย่างก็ตามที แต่ก็ยังคงไม่สามารถไปวัดไปวากับเกมยุคใหม่ๆ ได้ขนาดนั้น



สิ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดน่าจะเป็นเรื่องของเฟรมเรต ที่ไม่ได้ถูกล๊อคเอาไว้ที่ 30 FPS เหมือนในเกมภาค RPG ที่ผ่านมา ทำให้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของตัวละครทั้งหลายรู้สึกลื่นไหลมีชีวิตชีวากว่าในเกมภาค RPG พอสมควร นอกจากนี้ ฉากดันเจี้ยน Jail ทั้งหลายยังมักจะมีขนาดกว้างใหญ่กว่าดันเจี้ยน Palace ของภาค RPG ด้วย ซึ่งก็ช่วยทำให้สเกลของเกมรู้สึก "ใหญ่" กว่าในฉบับดั้งเดิม แถมแต่ละดันเจี้ยนยังมีเอกลักษณ์ในแง่ของการออกแบบ ที่ทำให้การเดินทางสำรวจในแต่ละดันเจี้ยนรู้สึกน่าตื่นเต้นมากขึ้นกว่าในภาค RPG ที่เอาเข้าจริงไม่ค่อยมีเหตุผลให้สำรวจดันเจี้ยนมากกว่าที่จำเป็นตามเนื้อเรื่อง



ที่น่าชมมากกว่าคงเป็นเรื่องของการนำเสนอ เช่นเรื่องของเมนูหรือการออกแบบเสื้อผ้า สถานที่ รวมไปถึงอนิเมชั่นการโจมตีและใช้สกิลในเกม ที่ทำให้เกมมีสไตล์จัดจ้านสมกับเป็นเกม Persona มากๆ แม้ว่ากราฟิกของเกมคงไม่สามารถไปวัดไปวากับใครได้มากนัก แต่การออกแบบหน้าเมนูและองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ก็ช่วยทำให้เกมยังคงมีเอกลักษณ์ และช่วยยกระดับให้กราฟิกของเกมน่าดึงดูดมากขึ้น แม้ว่าอนิเมชั่นหลายอัน (โดยเฉพาะท่าโจมตีระดับสูงๆ) อาจจะมีความรกจอไปบ้างในขณะต่อสู้



องค์ประกอบด้านการนำเสนออีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับเกม Persona คือเรื่องของเสียง ทั้งเสียงพากย์ตัวละครและเสียงเพลงประกอบฉากทั้งหลาย ที่ยังคงรักษามาตรฐานอันยอดเยี่ยมของซีรีส์เอาไว้ได้ทั้งหมดเลย นักแสดงพากย์เสียงจากเกมดั้งเดิมก็กลับมาให้เสียงตัวละครอีกครั้ง ซึ่งแม้จะมีปัญหาไปบ้างในแง่ของระดับเสียงที่บางครั้งก็ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง (ทีมพากย์เสียงเกมนี้จำเป็นต้องทำงานจากบ้านเพราะสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งน่าจะส่งผลต่อเรื่องนี้) แต่ในแง่ของอารมณ์หรืออุปนิสัยตัวละครก็ยังคงทำได้ดีเท่ากับในเกมภาค RPG เลยทีเดียว ในฝั่งของเพลงประกอบ ถือว่าเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของซีรีส์ Persona อยู่แล้ว และเพลงใหม่ๆ ของภาค Strikers เองก็ยังติดหูและเร้าอารมณ์ได้ไม่ต่างจากเกมอื่นๆ ในซีรีส์ ซึ่งก็ช่วยเสริมอารมณ์ทั้งในระหว่างการเล่นและในฉากคัตซีนต่างๆ ได้อย่างมหาศาล เชื่อว่าหลายๆ คนที่เล่นเกมนี้ส่วนใหญ่น่าจะต้องหาโหลดเพลงมาฟังต่อจนเพื่อนด่าเหมือนผู้เขียนอย่างแน่นอน


สรุป


แม้ดูเผินๆ อาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ Persona ที่เราคุ้นเคย และรู้สึก "เก่า" ไปบ้างจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง แต่รับประกันได้ว่าเกม Persona 5 Strikers ยังคงรักษาดีเอ็นเอของซีรีส์ RPG เอาไว้ได้อย่างเข้มข้น พอจะทำให้แฟนๆ ของกลุ่มโจรขโมยใจได้รู้สึกหายคิดถึงกันได้อย่างแน่นอน สำหรับคนที่ชื่นชอบเกม Persona หรือแค่ชื่นชอบแอคชั่น RPG มันส์ๆ บอกได้เลยว่า Persona 5 Strikers จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน



[penci_review id="79548"]


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header