GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ไกด์เกม
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Dark Knight
ลงวันที่ 26/07/2018

Dark Knight (Warrior) คืออัศวินประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นที่ความอึด ถึก ทน มาพร้อมกับหอกคู่กาย ที่สามารถบุกเข้าไปในดงมอนสเตอร์ได้อย่างไร้กังวล แม้ว่าการโจมตีจะไม่ได้มีระยะไกลมากเท่ากับตัวละครอื่นๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ใช้หอกอาละวาดใส่ศัตรูโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเลือดจะหมดก็ไปความรู้สึกที่สุดยอดเหมือนกัน

ทำไมถึงความเล่น Dark Knight
1. ค่าการป้องกันเป็นเลิศ ทั้งจากการโจมตีแบบปกติและจากเวทย์มนตร์
2. เป็นตัว Tank ประจำทีม
3. มีสกิลอัญเชิญ Beholder ออกมาช่วยสตันและโจมตีศัตรู รวมถึงช่วยเพิ่มค่า HP/MP ได้
4. สามารถลดดาเมจและเพิ่มค่าการป้องกันให้กับทั้งทีมได้ด้วยสกิลบัฟ


แนวทางการอัพสกิล
สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพโดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก

Lv.1-29


  • Slash Blast (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 
    เป็นสกิลโจมตีแรกในช่วงเลเวลนี้ โดยเป็นสกิล AOE ที่โจมตีเป็นวงกว้างและสามารถทำดาเมจกับมอนสเตอร์หลายตัวในเวลาเดียวกัน สกิลนี้ไม่มีคูลดาวน์



  • Warrior Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ช่วยเพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบปกติ (PHY ATK) ถือว่าสำคัญมากเพราะส่งผลโดยตรงกับความแรงของการโจมตีแบบปกติและความแรงของสกิล



  • Iron Body (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มค่า HP, MP, PHY DEF และ MAG DEF ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถึกให้กับเราเมื่อต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดโพชั่นของเราด้วย



  • Warrior Leap (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลที่จะช่วยเพิ่มระยะในการกระโดดให้ไกลขึ้น และสูงขึ้น ทว่าในช่วงแรกเราเน้นการเก็บเลเวลด้วยการทำเควสโดยเปิด Auto-quest และใช้ Auto-battle อยู่แล้ว ดังนั้นสกิลนี้จึงไม่ได้จำเป็นต้องรีบอัพก็ได้


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Slash Blast

เนื่องจาก Dark Knight มีค่าการป้องกันและเลือดที่เยอะอยู่แล้ว ช่วงแรกจึงควรเน้นไปที่การอัพสกิลเพื่อให้โจมตีได้รุนแรงขึ้นอย่าง Slash Blast และ Warrior Mastery ส่วนสกิลอื่นค่อยไปอัพทีหลังก็ยังไม่สาย

 




Lv.30-59


  • Piercing Drive (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลโจมตีหลักที่ควรใช้แทนสกิลจากคลาสแรกอย่าง Slash Blast เพราะโจมตีมอนสเตอร์ได้เยอะกว่า แรงกว่า และไกลกว่า



  • Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    หากอัพถึงเลเวล 5 จะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าการโจมตีโดยรวมของตัวละครเราให้แรงขึ้นด้วย



  • Weapon Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี (ATK SPD) เป็นระยะเวลา 30 นาที ควรกดใช้ทุกครั้งก่อนที่จะกด Auto-battle เพราะจะทำให้ตีมอนสเตอร์ได้มากขึ้น เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่าประสบการณ์เพิ่มเร็วขึ้นไปด้วย



  • Final Attack (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาส 30% ในการเพิ่มค่าดาเมจของสกิล (Skill DMG) 7.2% ทำให้โจมตีมอนสเตอร์ได้รุนแรงขึ้น



  • Physical Training (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว (SPD) 15% ซึ่งจะทำให้การกด Auto-battle ได้ผลดีมากขึ้น เก็บ Exp. ได้เร็วขึ้น



  • Beholder (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    เรียกมอนสเตอร์คู่หู Beholder ออกมา ช่วยฮีลเราได้ มีประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาที่เราล่าบอสแล้วโพชั่นติดคูลดาวน์อยู่  อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ความสามารถใหม่ได้เมื่อเราได้สกิลใหม่มาใช้



  • Spear Pull (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่เราจะขว้างหอกของเราออกไปทำดาเมจและดึงให้มอนสเตอร์เข้ามาหา อย่างไรก็ตามสกิลนี้ก็มีเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที แนะนำให้เอาไว้ใน Slot ตอน Auto-quest หรือ Auto-battle เพราะตัวเกมจะกดใช้ให้เอง



  • Iron Will (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    บัฟเพื่อเพิ่มค่าป้องกัน (DEF) ให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้กดใช้ก่อนจะลงดันเจี้ยน ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์แต่ถ้ายังไม่ได้ลงดันเจี้ยนและเก็บเวลโดยการทำเควสบ่อยๆ ก็ยังไม่ต้องรับอัพก็ได้



  • Hyper Body (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    บัฟเพื่อเพิ่มค่าดาเมจของการโจมตีปกติและโจมตีด้วยเวทย์ให้กับเพื่อนร่วมทีม มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้ใช้ก่อนลงดันเจี้ยน และยังไม่ต้องรีบอัพหากเพื่อนๆ ยังเก็บเลเวลด้วยการทำเควสอยู่


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Piercing Drive, Spear Pull, Beholder, Weapon Booster และ Iron Will

ในช่วงเลเวลนี้ควรเน้นการอัพสกิลที่เพิ่มดาเมจให้เรา อย่างสกิลโจมตี Piercing Drive รวมถึงสกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้เราก่อน เพราะส่วนใหญ่ค่าประสบการณ์ที่ได้จะยังคงมาจากการทำเควส (ช่วงนี้เป็นช่วงที่หากทำเควสจะเลเวลอัพได้ง่ายกว่า) ส่วนสกิลบัฟก็ยังถือว่าไม่จำเป็นมากนักจึงควรอัพทีหลัง

 




Lv.60-99


  • La Mancha Spear (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่ควรใช้แทนสกิล Piercing Drive ซึ่งวิธีการใช้ที่ดีที่สุดคือใช้สกิลแล้วกดค้างเอาไว้แล้วฝ่าเข้าไปในดงศัตรูเลย เพราะจะทำให้สามารถเคลียร์มอนสเตอร์ในแมพได้รวดเร็วและเป็นการเก็บไอเทมที่ดรอปไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือควรใส่เอาไว้ใน Slot ด้วยเพราะเมื่อกดใช้ Auto-battle ตัวเกมก็จะกดสกิลค้างไว้ให้เราเช่นเดียวกัน



  • Lord of Darkness (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มอัตราการติดคริติคอล 2% และเพิ่มความแรงจากการติดคริติคอล 10% มีประโยชน์มากเพราะเป็นสกิลติดตัวที่ช่วยเพิ่มความแรงของการโจมตีได้



  • Cross Surge (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลบัฟที่มีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) ถึง 10% ทั้งนี้หากค่า HP ของเราลดลง ดาเมจก็จะลดลงไปด้วย



  • Endure (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มการต้านทาน Crit DMG 10% มีประโยชน์ระหว่างการต่อสู้กับบอสที่มีค่าคริติคอลแรง ยังไงก็ตามควรจะอัพสกิลที่กล่าวมาข้างบนก่อน



  • Beholders Buff (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ฟื้นฟูค่า MP ซึ่งระยะเวลาของสกิลจะอยู่ได้นานถึง 180 วินาที หากเพื่อนๆ กังวลว่าโพชั่น MP จะไม่พอ ก็สามารถอัพได้ ทว่าหากยังไงก็มี MP เพียงพออยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนไปอัพสกิลนี้หลังสุดเลยก็ยังได้



  • Charge (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    สามารถโจมตีมอนสเตอร์ถึง 7 ตัวได้ ผลักศัตรูออกไปได้อีกด้วย ควรใช้ Spear Pull เพราะเป็นสกิลที่ตีได้ไกล แต่ในช่วงหลังเลเวล 70 Skill Point จะได้ยากขึ้น เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพสกิลนี้หลัง La Mancha Spear



  • Beholder Shock (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ด้วยคูลดาวน์กว่า 20 วินาทีและลิมิตของระยะสกิลที่จำกัด ทำให้สกิลนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์และควรอัพทีหลังสุด


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: La Mancha Spear, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will

ในช่วงเลเวลนี้ ค่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการทำเควสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกมจะพยายามผลักดันให้เราออกไปเก็บเลเวลด้วยการตีมอนสเตอร์และลงดันเจี้ยน ดังนั้นจึงควรอัพสกิลโจมตี La Mancha Spear ก่อน เพราะสามารถจัดการศัตรูจำนวนมากได้ จากนั้นจึงค่อยอัพสกิลติดตัวและบัฟที่ทำให้เราตีแรงมากขึ้น

 




Lv.100+


  • Dark Impale (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่จะโจมตี 8 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดถึง 8 ตัว ที่อยู่ข้างหน้าของตัวละครเรา ถือเป็นสกิลที่มีระยะโจมตีไกลพอสมควร สามารถใช้แทน La Mancha Spear ได้



  • Gungnirs Descent (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่โจมตี 10 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดจำนวน 8 ตัว แม้จะมีคูลดาวน์ถึง 10 วินาทีด้วยกัน แต่หากเราใช้สกิล Sacrifice (สกิลบัฟ) จะทำให้คูลดาวน์นี้หายไป ทั้งนี้ระยะการโจมตีของสกิลนี้ค่อนข้างสั้น ควรเก็บไว้ใช้เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับบอสและควรจะยืนอยู่ใกล้ๆ กับบอสด้วย



  • Sacrifice (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ทำให้คูลดาวน์ของสกิล Gungnirs Descent หายไป ดังนั้นจึงสามารถใช้สกิลนั้นได้ตามเท่าที่ต้องการ ซึ่งบัฟนี้จะมีระยะเวลาถึง 20 วินาที แต่ก็มีคูลดาวน์ 60 วินาทีเช่นกัน ควรไปยืนอยู่ใกล้ๆ บอสก่อน จากนั้นกดใช้สกิลนี้ แล้วค่อยตามด้วย Gungnirs Descent



  • Final Pact (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ถือเป็นสกิลที่ดีที่สุดในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าบัฟนี้จะช่วยชุบชีวิตให้เราหากเราตาย ซึ่งเราจะต้องกดใช้บัฟก่อนที่เราจะตาย ทั้งนี้บัฟนี้จะมีระยะเวลา 10 นาที และมีคูลดาวน์ถึง 30 นาที หมายความว่าในดันเจี้ยนนึง เราจะมีสิทธิใช้บัฟนี้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงควรกดต่อเมื่อคิดว่ามีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการตาย อย่างเช่นกดใช้ก่อนจะบวกกับบอสเป็นต้น



  • Advanced Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาสในการเจาะเกราะป้องกันของศัตรู (Pen Rate) 2% เพิ่มดาเมจต่อบอส 4% และเพิ่มดาเมจต่อผู้เล่น 4% ถือเป็นการเพิ่มพลังการโจมตีโดยรวมของตัวละคร Dark Knight ของเรา



  • Revenge of the Evil Eye (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลเสริมให้ Beholder คู่หูของเราโจมตีศัตรูที่มาโจมตีใส่เรา ทั้งนี้ค่าดาเมจจะขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล รวมถึงพลังโจมตี (ATK) ของเรา นอกจากนี้สกิลจะยังช่วยฟื้นฟู HP 5% ของจำนวน HP ทั้งหมดที่เรามี ทุกๆ 5 วินาที



  • KBK RES (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาสที่ตัวละครของเราจะต้านทานสกิลของมอนสเตอร์ที่จะผลักเราออก



  • Magic Crash (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    ลบล้างค่า ATK และ DEF ของศัตรูที่มาจากการบัฟ และป้องกันการบัฟสกิลเดียวกันซ้ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้อาจจะฟังดูไม่ค่อยมีประโยชน์ ทว่าหากใช้สกิลนี้ในโหมด PvP ก็น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทีเดียว ทั้งนี้มีระยะเวลาคูลดาวน์ 60 วินาที


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot (Auto-battle): Dark Impale, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will และ Hyper Body

 




เทคนิคต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับบอส: ตอนแรกใช้สกิล Final Pact เมื่อเริ่มสู้ จากนั้นตามด้วย Gungnirs Descent ก่อนครั้งหนึ่ง แล้วกดบัฟ Sacrifice แล้วก็ใช้ Gungnirs Descent ต่อรัวๆ จนกว่าบอสจะตาย ถ้าบัฟของสกิล Sacrifice หมดแล้ว เปลี่ยนมาใช้สกิล Dark Impale สลับกับคอยกดสกิล Gungnirs Descent ทุกๆ สิบวินาที

ในช่วงนี้ตัวละคร Dark Knight ของเราจะอึด ถึก ทน และมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก และต่อให้เราจะตายเราก็ยังคงมีสกิลที่ช่วยชุบชีวิตเราขึ้นมาบวกต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถฮีลและขโมยค่า HP จากศัตรูได้ในดันเจี้ยน ด้วยการจะ Tank ก็ได้ จะสู้ก็ดีทำให้ตัว Dark Knight สามารถสู้กับบอสแบบ Solo ได้สบายๆ ในช่วงต้นเกม ส่วนช่วงท้ายเกมก็สามารถเป็นตัวยืนรับดาเมจ และมีสกิลช่วยเพิ่มเลือดให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ได้ เรียกได้ว่าเล่นสบายทั้งต้นเกมและท้ายเกมเลยทีเดียว

 




ภาพรวม
ถึงแม้ Dark Knight จะจัดเป็นตัวละครที่มีระยะการโจมตีใกล้ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ยังใหม่ใน MapleStory M เพราะมีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบยืนบวก ซึ่งหากเพื่อนๆ ชอบเล่นตัวละครสาย Tank ที่สามารถรับดาเมจหนักๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งพะวงถึงค่า HP แล้ว Dark Knight เนี่ยแหละ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Dark Knight
26/07/2018

Dark Knight (Warrior) คืออัศวินประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นที่ความอึด ถึก ทน มาพร้อมกับหอกคู่กาย ที่สามารถบุกเข้าไปในดงมอนสเตอร์ได้อย่างไร้กังวล แม้ว่าการโจมตีจะไม่ได้มีระยะไกลมากเท่ากับตัวละครอื่นๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ใช้หอกอาละวาดใส่ศัตรูโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเลือดจะหมดก็ไปความรู้สึกที่สุดยอดเหมือนกัน

ทำไมถึงความเล่น Dark Knight
1. ค่าการป้องกันเป็นเลิศ ทั้งจากการโจมตีแบบปกติและจากเวทย์มนตร์
2. เป็นตัว Tank ประจำทีม
3. มีสกิลอัญเชิญ Beholder ออกมาช่วยสตันและโจมตีศัตรู รวมถึงช่วยเพิ่มค่า HP/MP ได้
4. สามารถลดดาเมจและเพิ่มค่าการป้องกันให้กับทั้งทีมได้ด้วยสกิลบัฟ


แนวทางการอัพสกิล
สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพโดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก

Lv.1-29


  • Slash Blast (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 
    เป็นสกิลโจมตีแรกในช่วงเลเวลนี้ โดยเป็นสกิล AOE ที่โจมตีเป็นวงกว้างและสามารถทำดาเมจกับมอนสเตอร์หลายตัวในเวลาเดียวกัน สกิลนี้ไม่มีคูลดาวน์



  • Warrior Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ช่วยเพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบปกติ (PHY ATK) ถือว่าสำคัญมากเพราะส่งผลโดยตรงกับความแรงของการโจมตีแบบปกติและความแรงของสกิล



  • Iron Body (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มค่า HP, MP, PHY DEF และ MAG DEF ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถึกให้กับเราเมื่อต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดโพชั่นของเราด้วย



  • Warrior Leap (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลที่จะช่วยเพิ่มระยะในการกระโดดให้ไกลขึ้น และสูงขึ้น ทว่าในช่วงแรกเราเน้นการเก็บเลเวลด้วยการทำเควสโดยเปิด Auto-quest และใช้ Auto-battle อยู่แล้ว ดังนั้นสกิลนี้จึงไม่ได้จำเป็นต้องรีบอัพก็ได้


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Slash Blast

เนื่องจาก Dark Knight มีค่าการป้องกันและเลือดที่เยอะอยู่แล้ว ช่วงแรกจึงควรเน้นไปที่การอัพสกิลเพื่อให้โจมตีได้รุนแรงขึ้นอย่าง Slash Blast และ Warrior Mastery ส่วนสกิลอื่นค่อยไปอัพทีหลังก็ยังไม่สาย

 




Lv.30-59


  • Piercing Drive (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลโจมตีหลักที่ควรใช้แทนสกิลจากคลาสแรกอย่าง Slash Blast เพราะโจมตีมอนสเตอร์ได้เยอะกว่า แรงกว่า และไกลกว่า



  • Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    หากอัพถึงเลเวล 5 จะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าการโจมตีโดยรวมของตัวละครเราให้แรงขึ้นด้วย



  • Weapon Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี (ATK SPD) เป็นระยะเวลา 30 นาที ควรกดใช้ทุกครั้งก่อนที่จะกด Auto-battle เพราะจะทำให้ตีมอนสเตอร์ได้มากขึ้น เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่าประสบการณ์เพิ่มเร็วขึ้นไปด้วย



  • Final Attack (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาส 30% ในการเพิ่มค่าดาเมจของสกิล (Skill DMG) 7.2% ทำให้โจมตีมอนสเตอร์ได้รุนแรงขึ้น



  • Physical Training (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว (SPD) 15% ซึ่งจะทำให้การกด Auto-battle ได้ผลดีมากขึ้น เก็บ Exp. ได้เร็วขึ้น



  • Beholder (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    เรียกมอนสเตอร์คู่หู Beholder ออกมา ช่วยฮีลเราได้ มีประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาที่เราล่าบอสแล้วโพชั่นติดคูลดาวน์อยู่  อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ความสามารถใหม่ได้เมื่อเราได้สกิลใหม่มาใช้



  • Spear Pull (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่เราจะขว้างหอกของเราออกไปทำดาเมจและดึงให้มอนสเตอร์เข้ามาหา อย่างไรก็ตามสกิลนี้ก็มีเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที แนะนำให้เอาไว้ใน Slot ตอน Auto-quest หรือ Auto-battle เพราะตัวเกมจะกดใช้ให้เอง



  • Iron Will (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    บัฟเพื่อเพิ่มค่าป้องกัน (DEF) ให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้กดใช้ก่อนจะลงดันเจี้ยน ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์แต่ถ้ายังไม่ได้ลงดันเจี้ยนและเก็บเวลโดยการทำเควสบ่อยๆ ก็ยังไม่ต้องรับอัพก็ได้



  • Hyper Body (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    บัฟเพื่อเพิ่มค่าดาเมจของการโจมตีปกติและโจมตีด้วยเวทย์ให้กับเพื่อนร่วมทีม มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้ใช้ก่อนลงดันเจี้ยน และยังไม่ต้องรีบอัพหากเพื่อนๆ ยังเก็บเลเวลด้วยการทำเควสอยู่


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Piercing Drive, Spear Pull, Beholder, Weapon Booster และ Iron Will

ในช่วงเลเวลนี้ควรเน้นการอัพสกิลที่เพิ่มดาเมจให้เรา อย่างสกิลโจมตี Piercing Drive รวมถึงสกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้เราก่อน เพราะส่วนใหญ่ค่าประสบการณ์ที่ได้จะยังคงมาจากการทำเควส (ช่วงนี้เป็นช่วงที่หากทำเควสจะเลเวลอัพได้ง่ายกว่า) ส่วนสกิลบัฟก็ยังถือว่าไม่จำเป็นมากนักจึงควรอัพทีหลัง

 




Lv.60-99


  • La Mancha Spear (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่ควรใช้แทนสกิล Piercing Drive ซึ่งวิธีการใช้ที่ดีที่สุดคือใช้สกิลแล้วกดค้างเอาไว้แล้วฝ่าเข้าไปในดงศัตรูเลย เพราะจะทำให้สามารถเคลียร์มอนสเตอร์ในแมพได้รวดเร็วและเป็นการเก็บไอเทมที่ดรอปไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือควรใส่เอาไว้ใน Slot ด้วยเพราะเมื่อกดใช้ Auto-battle ตัวเกมก็จะกดสกิลค้างไว้ให้เราเช่นเดียวกัน



  • Lord of Darkness (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มอัตราการติดคริติคอล 2% และเพิ่มความแรงจากการติดคริติคอล 10% มีประโยชน์มากเพราะเป็นสกิลติดตัวที่ช่วยเพิ่มความแรงของการโจมตีได้



  • Cross Surge (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลบัฟที่มีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) ถึง 10% ทั้งนี้หากค่า HP ของเราลดลง ดาเมจก็จะลดลงไปด้วย



  • Endure (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มการต้านทาน Crit DMG 10% มีประโยชน์ระหว่างการต่อสู้กับบอสที่มีค่าคริติคอลแรง ยังไงก็ตามควรจะอัพสกิลที่กล่าวมาข้างบนก่อน



  • Beholders Buff (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ฟื้นฟูค่า MP ซึ่งระยะเวลาของสกิลจะอยู่ได้นานถึง 180 วินาที หากเพื่อนๆ กังวลว่าโพชั่น MP จะไม่พอ ก็สามารถอัพได้ ทว่าหากยังไงก็มี MP เพียงพออยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนไปอัพสกิลนี้หลังสุดเลยก็ยังได้



  • Charge (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    สามารถโจมตีมอนสเตอร์ถึง 7 ตัวได้ ผลักศัตรูออกไปได้อีกด้วย ควรใช้ Spear Pull เพราะเป็นสกิลที่ตีได้ไกล แต่ในช่วงหลังเลเวล 70 Skill Point จะได้ยากขึ้น เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพสกิลนี้หลัง La Mancha Spear



  • Beholder Shock (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    ด้วยคูลดาวน์กว่า 20 วินาทีและลิมิตของระยะสกิลที่จำกัด ทำให้สกิลนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์และควรอัพทีหลังสุด


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: La Mancha Spear, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will

ในช่วงเลเวลนี้ ค่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการทำเควสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกมจะพยายามผลักดันให้เราออกไปเก็บเลเวลด้วยการตีมอนสเตอร์และลงดันเจี้ยน ดังนั้นจึงควรอัพสกิลโจมตี La Mancha Spear ก่อน เพราะสามารถจัดการศัตรูจำนวนมากได้ จากนั้นจึงค่อยอัพสกิลติดตัวและบัฟที่ทำให้เราตีแรงมากขึ้น

 




Lv.100+


  • Dark Impale (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่จะโจมตี 8 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดถึง 8 ตัว ที่อยู่ข้างหน้าของตัวละครเรา ถือเป็นสกิลที่มีระยะโจมตีไกลพอสมควร สามารถใช้แทน La Mancha Spear ได้



  • Gungnirs Descent (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10
    เป็นสกิลที่โจมตี 10 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดจำนวน 8 ตัว แม้จะมีคูลดาวน์ถึง 10 วินาทีด้วยกัน แต่หากเราใช้สกิล Sacrifice (สกิลบัฟ) จะทำให้คูลดาวน์นี้หายไป ทั้งนี้ระยะการโจมตีของสกิลนี้ค่อนข้างสั้น ควรเก็บไว้ใช้เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับบอสและควรจะยืนอยู่ใกล้ๆ กับบอสด้วย



  • Sacrifice (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ทำให้คูลดาวน์ของสกิล Gungnirs Descent หายไป ดังนั้นจึงสามารถใช้สกิลนั้นได้ตามเท่าที่ต้องการ ซึ่งบัฟนี้จะมีระยะเวลาถึง 20 วินาที แต่ก็มีคูลดาวน์ 60 วินาทีเช่นกัน ควรไปยืนอยู่ใกล้ๆ บอสก่อน จากนั้นกดใช้สกิลนี้ แล้วค่อยตามด้วย Gungnirs Descent



  • Final Pact (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5
    ถือเป็นสกิลที่ดีที่สุดในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าบัฟนี้จะช่วยชุบชีวิตให้เราหากเราตาย ซึ่งเราจะต้องกดใช้บัฟก่อนที่เราจะตาย ทั้งนี้บัฟนี้จะมีระยะเวลา 10 นาที และมีคูลดาวน์ถึง 30 นาที หมายความว่าในดันเจี้ยนนึง เราจะมีสิทธิใช้บัฟนี้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงควรกดต่อเมื่อคิดว่ามีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการตาย อย่างเช่นกดใช้ก่อนจะบวกกับบอสเป็นต้น



  • Advanced Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาสในการเจาะเกราะป้องกันของศัตรู (Pen Rate) 2% เพิ่มดาเมจต่อบอส 4% และเพิ่มดาเมจต่อผู้เล่น 4% ถือเป็นการเพิ่มพลังการโจมตีโดยรวมของตัวละคร Dark Knight ของเรา



  • Revenge of the Evil Eye (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เป็นสกิลเสริมให้ Beholder คู่หูของเราโจมตีศัตรูที่มาโจมตีใส่เรา ทั้งนี้ค่าดาเมจจะขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล รวมถึงพลังโจมตี (ATK) ของเรา นอกจากนี้สกิลจะยังช่วยฟื้นฟู HP 5% ของจำนวน HP ทั้งหมดที่เรามี ทุกๆ 5 วินาที



  • KBK RES (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5
    เพิ่มโอกาสที่ตัวละครของเราจะต้านทานสกิลของมอนสเตอร์ที่จะผลักเราออก



  • Magic Crash (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5
    ลบล้างค่า ATK และ DEF ของศัตรูที่มาจากการบัฟ และป้องกันการบัฟสกิลเดียวกันซ้ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้อาจจะฟังดูไม่ค่อยมีประโยชน์ ทว่าหากใช้สกิลนี้ในโหมด PvP ก็น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทีเดียว ทั้งนี้มีระยะเวลาคูลดาวน์ 60 วินาที


สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot (Auto-battle): Dark Impale, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will และ Hyper Body

 




เทคนิคต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับบอส: ตอนแรกใช้สกิล Final Pact เมื่อเริ่มสู้ จากนั้นตามด้วย Gungnirs Descent ก่อนครั้งหนึ่ง แล้วกดบัฟ Sacrifice แล้วก็ใช้ Gungnirs Descent ต่อรัวๆ จนกว่าบอสจะตาย ถ้าบัฟของสกิล Sacrifice หมดแล้ว เปลี่ยนมาใช้สกิล Dark Impale สลับกับคอยกดสกิล Gungnirs Descent ทุกๆ สิบวินาที

ในช่วงนี้ตัวละคร Dark Knight ของเราจะอึด ถึก ทน และมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก และต่อให้เราจะตายเราก็ยังคงมีสกิลที่ช่วยชุบชีวิตเราขึ้นมาบวกต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถฮีลและขโมยค่า HP จากศัตรูได้ในดันเจี้ยน ด้วยการจะ Tank ก็ได้ จะสู้ก็ดีทำให้ตัว Dark Knight สามารถสู้กับบอสแบบ Solo ได้สบายๆ ในช่วงต้นเกม ส่วนช่วงท้ายเกมก็สามารถเป็นตัวยืนรับดาเมจ และมีสกิลช่วยเพิ่มเลือดให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ได้ เรียกได้ว่าเล่นสบายทั้งต้นเกมและท้ายเกมเลยทีเดียว

 




ภาพรวม
ถึงแม้ Dark Knight จะจัดเป็นตัวละครที่มีระยะการโจมตีใกล้ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ยังใหม่ใน MapleStory M เพราะมีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบยืนบวก ซึ่งหากเพื่อนๆ ชอบเล่นตัวละครสาย Tank ที่สามารถรับดาเมจหนักๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งพะวงถึงค่า HP แล้ว Dark Knight เนี่ยแหละ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header