นอกจากเรื่องการโหลดเข้าเกมที่รวดเร็วถูกใจเกมเมอร์แล้ว “เสียงพัดลม” ตอนระบายความร้อนก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ซึ่งถ้านำไปเทียบกับเครื่อง PlayStation 4 Pro ตอนทำงานแบบปกติระดับเสียงจะอยู่ที่ 45 dB แล้วถ้าทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพเสียงจะดังสูงถึง 54 bB ตรงกันข้ามกับเครื่อง PlayStation 5 ที่แม้ว่าจะทำงานหนักแต่เสียงพัดลมดังแค่ 38 dB เท่านั้น!
External Storage: USB HDD Support แค่เกมจากแพลตฟอร์ม PlayStation 4 เท่านั้น
Optical Drive: 4K UHD Blu-ray Drive
เห็นสเปกเครื่องกันแล้วก็ต้องมาพูดให้เข้าใจกันก่อนว่าทาง Sony Interactive Entertainment วางจำหน่ายเครื่อง PlayStation 5 ทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ รุ่นแบบมี 4K UHD Blu-ray Drive และ Digital Edition ความแตกต่างมันมีส่วนไหนบ้าง!? คำตอบก็คือ “แตกต่างแค่มี 4K UHD Blu-ray Drive กับ ไม่มีเท่านั้นเองค่ะ!” เพราะสเปกภายในส่วนอื่น ๆ ทั้ง CPU, GPU และ Ram ไม่มีการปรับหรือลดสเปกเครื่องลงมาเหมือนกับ Xbox Series X กับ Xbox Series S ที่สเปกภายในแตกต่างกันพอสมควร
โดยรุ่น 4K UHD Blu-ray Drive เราสามารถใส่แผ่นเกมเข้าไปในเครื่อง PlayStation 5 หลังจากนั้นจะมีการติดตั้งเกมบางส่วนลงไปใน SSD M.2 ด้วยเพื่อลดระยะเวลาในการดาวน์โหลดเข้าเกม ซึ่งเมื่อเราได้แกะตัวเครื่องออกจะมีช่องให้ติดตั้ง SSD M.2 เพิ่มได้อีก 1 ตัวแล้วจากข้อมูลที่ยืนยันแล้วก็คือ “จะต้องเป็น SSD M.2 Gen 4 เท่านั้น!” แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยว่ามีรุ่นไหน แบรนด์ไหนบ้างที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งก็คงต้องรอทาง Sony ประกาศอย่างเป็นทางการเพิ่มเติมอีกครั้งค่ะ
ตามมาด้วยรุ่น Digital Edition รุ่นนี้ได้ตัดเอาส่วน “4K UHD Blu-ray Drive” ออกไปทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กลงจากเดิมเล็กน้อย ( เล็กน้อยจริง ๆ ค่ะ ) แต่อย่างที่บอกไปว่าสเปกภายในเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ว่าถ้าเราต้องการจะเล่นเกมจะต้องซื้อเกมจาก PlayStation Store แล้วดาวน์โหลดมาติดตั้งใน SSD M.2 ที่อยู่ภายในเครื่องที่เหลือเนื้อที่อยู่ประมาณ 667GB. บางคนถามว่า “เพ่แล้วมันจะเพียงพอหรอ!?” ตอบเลยว่าถ้าไม่ใช่เกมที่มีขนาดใหญ่มันก็สามารถติดตั้งเกมได้มากถึง 5 - 6 เกมเลยนะคะ ไม่นับเกมที่กินทรัพยากรเครื่องอย่าง Call of Duty: Modern Warfare ที่กินไปมากกว่า 200GB. ก็อาจจะทำให้ติดตั้งเกมได้น้อยลง
สิ่งที่เกวลินเจอปัญหาก่อนหน้านี้ก็คือ “การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Wi-Fi” สมัยดาวน์โหลดเกมบนเครื่อง PlayStation 4 Pro ในรูปแบบ Wi-Fi แม้ว่าตัวเครื่องจะตั้งอยู่ใกล้กับเลาเตอร์เลยก็ตาม แต่รู้สึกว่าความเร็วที่ดาวน์โหลดเกมดูช้าผิดปกติ แถมตอนที่เรา Test Speed แล้วก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Wi-Fi ของเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง PlayStation 5 จะปรับปรุงการเชื่อมต่อสัญญาณให้ดีขึ้นเพื่อที่จะช่วยลดระยะเวลาในการดาวน์โหลดเกมไม่มากก็น้อยค่ะ
นอกจากเรื่องการโหลดเข้าเกมที่รวดเร็วถูกใจเกมเมอร์แล้ว “เสียงพัดลม” ตอนระบายความร้อนก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ซึ่งถ้านำไปเทียบกับเครื่อง PlayStation 4 Pro ตอนทำงานแบบปกติระดับเสียงจะอยู่ที่ 45 dB แล้วถ้าทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพเสียงจะดังสูงถึง 54 bB ตรงกันข้ามกับเครื่อง PlayStation 5 ที่แม้ว่าจะทำงานหนักแต่เสียงพัดลมดังแค่ 38 dB เท่านั้น!
External Storage: USB HDD Support แค่เกมจากแพลตฟอร์ม PlayStation 4 เท่านั้น
Optical Drive: 4K UHD Blu-ray Drive
เห็นสเปกเครื่องกันแล้วก็ต้องมาพูดให้เข้าใจกันก่อนว่าทาง Sony Interactive Entertainment วางจำหน่ายเครื่อง PlayStation 5 ทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันคือ รุ่นแบบมี 4K UHD Blu-ray Drive และ Digital Edition ความแตกต่างมันมีส่วนไหนบ้าง!? คำตอบก็คือ “แตกต่างแค่มี 4K UHD Blu-ray Drive กับ ไม่มีเท่านั้นเองค่ะ!” เพราะสเปกภายในส่วนอื่น ๆ ทั้ง CPU, GPU และ Ram ไม่มีการปรับหรือลดสเปกเครื่องลงมาเหมือนกับ Xbox Series X กับ Xbox Series S ที่สเปกภายในแตกต่างกันพอสมควร
โดยรุ่น 4K UHD Blu-ray Drive เราสามารถใส่แผ่นเกมเข้าไปในเครื่อง PlayStation 5 หลังจากนั้นจะมีการติดตั้งเกมบางส่วนลงไปใน SSD M.2 ด้วยเพื่อลดระยะเวลาในการดาวน์โหลดเข้าเกม ซึ่งเมื่อเราได้แกะตัวเครื่องออกจะมีช่องให้ติดตั้ง SSD M.2 เพิ่มได้อีก 1 ตัวแล้วจากข้อมูลที่ยืนยันแล้วก็คือ “จะต้องเป็น SSD M.2 Gen 4 เท่านั้น!” แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยว่ามีรุ่นไหน แบรนด์ไหนบ้างที่สามารถใช้งานได้ ซึ่งก็คงต้องรอทาง Sony ประกาศอย่างเป็นทางการเพิ่มเติมอีกครั้งค่ะ
ตามมาด้วยรุ่น Digital Edition รุ่นนี้ได้ตัดเอาส่วน “4K UHD Blu-ray Drive” ออกไปทำให้ตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กลงจากเดิมเล็กน้อย ( เล็กน้อยจริง ๆ ค่ะ ) แต่อย่างที่บอกไปว่าสเปกภายในเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่ว่าถ้าเราต้องการจะเล่นเกมจะต้องซื้อเกมจาก PlayStation Store แล้วดาวน์โหลดมาติดตั้งใน SSD M.2 ที่อยู่ภายในเครื่องที่เหลือเนื้อที่อยู่ประมาณ 667GB. บางคนถามว่า “เพ่แล้วมันจะเพียงพอหรอ!?” ตอบเลยว่าถ้าไม่ใช่เกมที่มีขนาดใหญ่มันก็สามารถติดตั้งเกมได้มากถึง 5 - 6 เกมเลยนะคะ ไม่นับเกมที่กินทรัพยากรเครื่องอย่าง Call of Duty: Modern Warfare ที่กินไปมากกว่า 200GB. ก็อาจจะทำให้ติดตั้งเกมได้น้อยลง
สิ่งที่เกวลินเจอปัญหาก่อนหน้านี้ก็คือ “การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Wi-Fi” สมัยดาวน์โหลดเกมบนเครื่อง PlayStation 4 Pro ในรูปแบบ Wi-Fi แม้ว่าตัวเครื่องจะตั้งอยู่ใกล้กับเลาเตอร์เลยก็ตาม แต่รู้สึกว่าความเร็วที่ดาวน์โหลดเกมดูช้าผิดปกติ แถมตอนที่เรา Test Speed แล้วก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่นัก ตอนนี้ก็ได้แต่ลุ้นว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Wi-Fi ของเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่อย่าง PlayStation 5 จะปรับปรุงการเชื่อมต่อสัญญาณให้ดีขึ้นเพื่อที่จะช่วยลดระยะเวลาในการดาวน์โหลดเกมไม่มากก็น้อยค่ะ