GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ไกด์เกม
Genshin Impact: แนวทางเล่นตัวละคร Traveler / ตัวเอก (ดิน)
ลงวันที่ 02/10/2020


ตัวเอก / Traveler (ธาตุดิน): Support, Tier B

ตัวเอกธาตุดินจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่ากับธาตุลมในแง่ของการต่อสู้ ซึ่งเหตุผลหลักๆ มาจากการที่ธาตุดินเป็นธาตุที่ทำ Reaction กับธาตุอื่นๆ ได้ไม่ค่อยดีนัก โดยจุดเด่นที่สุดของตัวเอกธาตุดินมาจากการที่สกิลทั้งสองของเขาจะทิ้งก้อนหินเอาไว้บนแผนที่ ซึ่งสามารถใช้บังการโจมตีระยะไกล หรือเพื่อใช้ปีนป่ายเพื่อเข้าถึงสถานที่ที่เข้าถึงยากได้มากกว่า

จุดเด่น



  • สกิลค่อนข้างตรงไปตรงมา ใช้ง่าย

  • มีประโยชน์มากในด้านการสำรวจแผนที่

  • ท่าไม้ตายระยะกว้างมาก


สกิล


Elemental Skill [E / R2]: Starfell Sword

เรียกก้อนหินก้อนใหญ่ลงมาทับศัตรู (สามารถกดค้างเอาไว้เพื่อเลือกตำแหน่งได้) โดยก้อนหินจะคงสภาพอยู่หลังจากที่เรียกออกมา และเราจะสามารถปีนป่ายก้อนหินนี้ หรือใช้เพื่อบังการโจมตีระยะไกลของศัตรูก็ได้ ถือว่าเป็นสกิลที่ใช้ง่าย แถมยังใช้ได้บ่อย โดยเฉพาะเมื่อเลื่อนระดับ Ascension ขั้นแรก เพราะจะทำให้คูลดาวน์ระหว่างการใช้สกิลเหลือแค่ 6 วินาทีเท่านั้น

ว่ากันตามตรงว่าความเสียหายที่ได้จากสกิลนี้จัดว่าค่อนข้างเบา (เบากว่า Palm Vortex ของตัวเอกลมอีก) และยิ่งเป็นธาตุดินที่ทำ Reaction ได้แค่ Crystalize ซึ่งก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับ Reaction ธาตุอื่นๆ ด้วย ทำให้ตัวเอกธาตุดินไม่สามารถรับตำแหน่ง DPS ด้วยตัวเองได้ดีนัก

สกิลนี้จะทำความเสียหายได้มากขึ้นเมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวระดับสอง ที่จะทำให้ผู้เล่นสร้างแรงระเบิดธาตุดินได้ถ้าหากทุบก้อนหินที่เรียกออกมาได้จนแตก (สร้างความเสียหายเท่ากับที่เรียกมาตอนแรก) แต่ด้วยเงื่อนไขที่ค่อนข้างยุ่งยาก จึงยังไม่ค่อยน่าใช้นัก แต่ถ้ามี DPS หลักที่ใช้อาวุธดาบใหญ่ อาจจะใช้ประโยชน์จากสกิลนี้ได้มากกว่า (เพราะทุบหินได้ง่ายกว่าอาวุธอื่น)



Elemental Burst [Q / สามเหลี่ยม]: Wake of Earth

ส่งคลื่นพลังธาตุดินออกมาโจมตีศัตรูรอบตัวเป็นวงกว้าง โดยจะผลักศัตรูที่ถูกโจมตีออกไป และจะทิ้งเสาหินขนาดใหญ่เอาไว้ ซึ่งสามารถปีนป่ายและใช้บังการโจมตีระยะไกลได้เช่นเดียวกับสกิล Starfell Sword นั่นเอง

ในแง่ของความเสียหาย สกิล Wake of Earth สามารถทำความเสียหายได้ดีประมาณหนึ่ง แต่ก็ยังติดข้อจำกัดด้านการทำ Reaction ของธาตุดินอยู่ดี สกิลนี้จึงไม่ได้โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับท่าไม้ตายของตัวละครอื่นๆ ในแง่ของความเสียหาย แต่จะมีประโยชน์มากในบางสถานการณ์ เช่นใน Spiral Abyss บางชั้นที่มีศัตรูระยะไกลจำนวนมากๆ

เมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวขั้นแรกได้ สกิล Wake of Earth จะทำให้เพื่อนร่วมทีม (รวมไปถึงตัวละครของผู้เล่นอื่นที่เข้ามาแจม) ที่ยืนอยู่ในวงหินที่เกิดจากสกิลได้รับโอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น +10% และลดโอกาสชงักจากการโจมตีของศัตรูด้วย ซึ่งทำให้สกิลมีประโยชน์ขึ้นมากว่าเดิมมาก



Ascension Level 1: Shattered Darkrock [ติดตัว]

ช่วยลดคูลดาวน์ของสกิล Starfell Sword ลง 2 วินาที ทำให้สกิลเหลือคูลดาวน์เพียง 6 วินาทีเท่านั้น

ค่อนข้างตรงตัว ใช้สกิลได้บ่อยขึ้นก็เท่ากับช่วยเพิ่ม DPS ได้นิดหน่อย แต่โดยรวมไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก

Ascension Level 4: Frenzied Rockslide [ติดตัว]

ทำให้การโจมตีครั้งสุดท้ายในคอมโบการโจมตีธรรมดาของเราสร้างความเสียหายธาตุดินเป็นวงกว้างเทียบเท่ากับ 60% ของค่า ATK ตัวละคร ซึ่งทำให้ตัวเอกสามารถทำความเสียหายได้สูงขึ้นมาก คล้ายๆ กับสกิลติดตัวของตัวเอกธาตุลมซึ่งมีประโยชน์มากๆ แต่ก็มีข้อเสียตรงธาตุดินอยู่ดี

โบนัสกลุ่มดาว



  1. Invincible Stonewall: เพื่อนร่วมทีม (รวมถึงผู้เล่นอื่นที่เข้ามาแจม) จะได้รับโอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น 10% เมื่ออยู่ในวงหินของสกิล Wake of Earth และเพิ่มแรงต้านทานการชงักเมื่อถูกโจมตี

  2. Rockcore Meltdown: เมื่อก้อนหินที่เกิดจากสกิล Starfell Blade ถูกทุบจนแตก จะทำให้เกิดระเบิดขึ้น สร้างความเสียหายเป็นธาตุดินเท่ากับความเสียหายจากการเรียกหินครั้งแรก

  3. Will of the Rock: เพิ่มเลเวลของสกิล Wake of Earth ขึ้น +3 (เต็ม +15)

  4. Reaction Force: ทำให้ได้รับพลัง Energy (เอาไว้ใช้ไม้ตาย) +5 ต่อศัตรูหนึ่งตัวที่ถูกสกิลนี้โจมตี โดยจะเพิ่มได้สูงสุด +25 เท่านั้น (สกิล Wake of Earth ใช้ 60 Energy)

  5. Meteorite Impact: เพิ่มเลเวลของสกิล Starfell Blade ขึ้น +3 (เต็ม +15)

  6. Everlasting Boulder: ทำให้กำแพงหินที่เกิดจากสกิล Wake of Earth แสดงผลนานขึ้น 5 วินาที และทำให้ก้อนหินจากสกิล Starfell Blade แสดงผลนานขึ้น 10 วินาที


วิเคราะห์ความสามารถ + การจัดทีม


ว่ากันตามตรง ตัวเอกธาตุดิน (เช่นเดียวกับตัวธาตุดินส่วนใหญ่ในเกมนี้) เป็นตัวละครที่ใช้ต่อสู้จริงๆ ค่อนข้างลำบาก เพราะจะไม่สามารถทำ Reaction ใดๆ ได้เลยนอกจาก Crystalize ซึ่งมีผลเพิ่มพลังป้องกันมากกว่าการโจมตี ถ้าจะใช้จริงๆ อาจจะใช้เป็นตัว Support ตัวที่ 3 หรือ 4 เพื่อรับบัฟจากสกิลไม้ตาย (เมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวขั้นแรกได้)

อีกสถานการณ์ที่อาจจะทำให้ตัวเอกธาตุดินน่าใช้มากขึ้น คือถ้าคุณอยากจะจัดทีมธาตุดินให้ได้ เพราะโบนัสการสั่นพ้องธาตุดินจะทำให้ตัวละครได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เก็บบาเรียที่เกิดจาก Reaction Crystalize +15% แต่ถึงกระนั้นก็ยังตามหลังโบนัสของทีมไฟ (+ATK 20%) อยู่ดี

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของตัวเอกธาตุดินจะแสดงออกมาในด้านการสำรวจแผนที่และการแก้พัซเซิ่ลมากกว่า เพราะก้อนหินที่เขาสร้างขึ้นจะสามารถช่วยให้เราเข้าถึงสถานที่ที่อาจจะเข้าถึงยากได้ (หรือเผลอๆ เข้าถึงไม่ได้เลยถ้าไม่เรียกหินมาปีน) และเขาเป็นตัวละครไม่กี่ตัวในเกมที่สามารถใช้ความสามารถลักษณะนี้ได้อีกด้วย

แนะนำอาวุธ / เซ็ต Artifact


การเลือกอาวุธของตัวเอกธาตุดิน ควรเน้นใช้ประโยชน์จากความสามารถในการใช้สกิล Starfell Rock เพื่อโจมตีเป็นธาตุได้บ่อยๆ โดยดาบ Iron Sting ที่เราเลือกมาจะทำให้เราสามารถเพิ่มพลังโจมตีของตัวเอกได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Artifact ควรเน้นไปที่การฟื้นฟู Energy เพื่อใช้สกิลไม้ตายได้บ่อยๆ จะได้แจกบัฟให้เพื่อนๆ ในทีมได้

ตัวอย่างอาวุธ



 

Iron Sting (4 ดาว): เมื่อสร้างความเสียหายธาตุได้ จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้น สูงสุด 16% เป็นระยะเวลา 6 วินาที (สามารถซ้อนทับกันได้ 2 ครั้ง) โดยการเพิ่มพลังโจมตีจะทำได้ทุกๆ 1 วินาที

เซ็ต Artifact ที่แนะนำ

Noblesse Oblige: (2) เพิ่มความแรงของไม้ตาย +20% (4) ทำให้เพื่อนในทีมได้บัฟเพิ่มพลังโจมตี +20% ทุกครั้งที่ใช้ท่าไม้ตาย (บัฟระยะเวลา 12 วินาที)

อ้างอิงข้อมูล:

Genshin.gg

Game8

GachaGamer


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
Genshin Impact: แนวทางเล่นตัวละคร Traveler / ตัวเอก (ดิน)
02/10/2020


ตัวเอก / Traveler (ธาตุดิน): Support, Tier B

ตัวเอกธาตุดินจะไม่ค่อยโดดเด่นเท่ากับธาตุลมในแง่ของการต่อสู้ ซึ่งเหตุผลหลักๆ มาจากการที่ธาตุดินเป็นธาตุที่ทำ Reaction กับธาตุอื่นๆ ได้ไม่ค่อยดีนัก โดยจุดเด่นที่สุดของตัวเอกธาตุดินมาจากการที่สกิลทั้งสองของเขาจะทิ้งก้อนหินเอาไว้บนแผนที่ ซึ่งสามารถใช้บังการโจมตีระยะไกล หรือเพื่อใช้ปีนป่ายเพื่อเข้าถึงสถานที่ที่เข้าถึงยากได้มากกว่า

จุดเด่น



  • สกิลค่อนข้างตรงไปตรงมา ใช้ง่าย

  • มีประโยชน์มากในด้านการสำรวจแผนที่

  • ท่าไม้ตายระยะกว้างมาก


สกิล


Elemental Skill [E / R2]: Starfell Sword

เรียกก้อนหินก้อนใหญ่ลงมาทับศัตรู (สามารถกดค้างเอาไว้เพื่อเลือกตำแหน่งได้) โดยก้อนหินจะคงสภาพอยู่หลังจากที่เรียกออกมา และเราจะสามารถปีนป่ายก้อนหินนี้ หรือใช้เพื่อบังการโจมตีระยะไกลของศัตรูก็ได้ ถือว่าเป็นสกิลที่ใช้ง่าย แถมยังใช้ได้บ่อย โดยเฉพาะเมื่อเลื่อนระดับ Ascension ขั้นแรก เพราะจะทำให้คูลดาวน์ระหว่างการใช้สกิลเหลือแค่ 6 วินาทีเท่านั้น

ว่ากันตามตรงว่าความเสียหายที่ได้จากสกิลนี้จัดว่าค่อนข้างเบา (เบากว่า Palm Vortex ของตัวเอกลมอีก) และยิ่งเป็นธาตุดินที่ทำ Reaction ได้แค่ Crystalize ซึ่งก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับ Reaction ธาตุอื่นๆ ด้วย ทำให้ตัวเอกธาตุดินไม่สามารถรับตำแหน่ง DPS ด้วยตัวเองได้ดีนัก

สกิลนี้จะทำความเสียหายได้มากขึ้นเมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวระดับสอง ที่จะทำให้ผู้เล่นสร้างแรงระเบิดธาตุดินได้ถ้าหากทุบก้อนหินที่เรียกออกมาได้จนแตก (สร้างความเสียหายเท่ากับที่เรียกมาตอนแรก) แต่ด้วยเงื่อนไขที่ค่อนข้างยุ่งยาก จึงยังไม่ค่อยน่าใช้นัก แต่ถ้ามี DPS หลักที่ใช้อาวุธดาบใหญ่ อาจจะใช้ประโยชน์จากสกิลนี้ได้มากกว่า (เพราะทุบหินได้ง่ายกว่าอาวุธอื่น)



Elemental Burst [Q / สามเหลี่ยม]: Wake of Earth

ส่งคลื่นพลังธาตุดินออกมาโจมตีศัตรูรอบตัวเป็นวงกว้าง โดยจะผลักศัตรูที่ถูกโจมตีออกไป และจะทิ้งเสาหินขนาดใหญ่เอาไว้ ซึ่งสามารถปีนป่ายและใช้บังการโจมตีระยะไกลได้เช่นเดียวกับสกิล Starfell Sword นั่นเอง

ในแง่ของความเสียหาย สกิล Wake of Earth สามารถทำความเสียหายได้ดีประมาณหนึ่ง แต่ก็ยังติดข้อจำกัดด้านการทำ Reaction ของธาตุดินอยู่ดี สกิลนี้จึงไม่ได้โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับท่าไม้ตายของตัวละครอื่นๆ ในแง่ของความเสียหาย แต่จะมีประโยชน์มากในบางสถานการณ์ เช่นใน Spiral Abyss บางชั้นที่มีศัตรูระยะไกลจำนวนมากๆ

เมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวขั้นแรกได้ สกิล Wake of Earth จะทำให้เพื่อนร่วมทีม (รวมไปถึงตัวละครของผู้เล่นอื่นที่เข้ามาแจม) ที่ยืนอยู่ในวงหินที่เกิดจากสกิลได้รับโอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น +10% และลดโอกาสชงักจากการโจมตีของศัตรูด้วย ซึ่งทำให้สกิลมีประโยชน์ขึ้นมากว่าเดิมมาก



Ascension Level 1: Shattered Darkrock [ติดตัว]

ช่วยลดคูลดาวน์ของสกิล Starfell Sword ลง 2 วินาที ทำให้สกิลเหลือคูลดาวน์เพียง 6 วินาทีเท่านั้น

ค่อนข้างตรงตัว ใช้สกิลได้บ่อยขึ้นก็เท่ากับช่วยเพิ่ม DPS ได้นิดหน่อย แต่โดยรวมไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก

Ascension Level 4: Frenzied Rockslide [ติดตัว]

ทำให้การโจมตีครั้งสุดท้ายในคอมโบการโจมตีธรรมดาของเราสร้างความเสียหายธาตุดินเป็นวงกว้างเทียบเท่ากับ 60% ของค่า ATK ตัวละคร ซึ่งทำให้ตัวเอกสามารถทำความเสียหายได้สูงขึ้นมาก คล้ายๆ กับสกิลติดตัวของตัวเอกธาตุลมซึ่งมีประโยชน์มากๆ แต่ก็มีข้อเสียตรงธาตุดินอยู่ดี

โบนัสกลุ่มดาว



  1. Invincible Stonewall: เพื่อนร่วมทีม (รวมถึงผู้เล่นอื่นที่เข้ามาแจม) จะได้รับโอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น 10% เมื่ออยู่ในวงหินของสกิล Wake of Earth และเพิ่มแรงต้านทานการชงักเมื่อถูกโจมตี

  2. Rockcore Meltdown: เมื่อก้อนหินที่เกิดจากสกิล Starfell Blade ถูกทุบจนแตก จะทำให้เกิดระเบิดขึ้น สร้างความเสียหายเป็นธาตุดินเท่ากับความเสียหายจากการเรียกหินครั้งแรก

  3. Will of the Rock: เพิ่มเลเวลของสกิล Wake of Earth ขึ้น +3 (เต็ม +15)

  4. Reaction Force: ทำให้ได้รับพลัง Energy (เอาไว้ใช้ไม้ตาย) +5 ต่อศัตรูหนึ่งตัวที่ถูกสกิลนี้โจมตี โดยจะเพิ่มได้สูงสุด +25 เท่านั้น (สกิล Wake of Earth ใช้ 60 Energy)

  5. Meteorite Impact: เพิ่มเลเวลของสกิล Starfell Blade ขึ้น +3 (เต็ม +15)

  6. Everlasting Boulder: ทำให้กำแพงหินที่เกิดจากสกิล Wake of Earth แสดงผลนานขึ้น 5 วินาที และทำให้ก้อนหินจากสกิล Starfell Blade แสดงผลนานขึ้น 10 วินาที


วิเคราะห์ความสามารถ + การจัดทีม


ว่ากันตามตรง ตัวเอกธาตุดิน (เช่นเดียวกับตัวธาตุดินส่วนใหญ่ในเกมนี้) เป็นตัวละครที่ใช้ต่อสู้จริงๆ ค่อนข้างลำบาก เพราะจะไม่สามารถทำ Reaction ใดๆ ได้เลยนอกจาก Crystalize ซึ่งมีผลเพิ่มพลังป้องกันมากกว่าการโจมตี ถ้าจะใช้จริงๆ อาจจะใช้เป็นตัว Support ตัวที่ 3 หรือ 4 เพื่อรับบัฟจากสกิลไม้ตาย (เมื่อปลดล๊อคกลุ่มดาวขั้นแรกได้)

อีกสถานการณ์ที่อาจจะทำให้ตัวเอกธาตุดินน่าใช้มากขึ้น คือถ้าคุณอยากจะจัดทีมธาตุดินให้ได้ เพราะโบนัสการสั่นพ้องธาตุดินจะทำให้ตัวละครได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เก็บบาเรียที่เกิดจาก Reaction Crystalize +15% แต่ถึงกระนั้นก็ยังตามหลังโบนัสของทีมไฟ (+ATK 20%) อยู่ดี

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของตัวเอกธาตุดินจะแสดงออกมาในด้านการสำรวจแผนที่และการแก้พัซเซิ่ลมากกว่า เพราะก้อนหินที่เขาสร้างขึ้นจะสามารถช่วยให้เราเข้าถึงสถานที่ที่อาจจะเข้าถึงยากได้ (หรือเผลอๆ เข้าถึงไม่ได้เลยถ้าไม่เรียกหินมาปีน) และเขาเป็นตัวละครไม่กี่ตัวในเกมที่สามารถใช้ความสามารถลักษณะนี้ได้อีกด้วย

แนะนำอาวุธ / เซ็ต Artifact


การเลือกอาวุธของตัวเอกธาตุดิน ควรเน้นใช้ประโยชน์จากความสามารถในการใช้สกิล Starfell Rock เพื่อโจมตีเป็นธาตุได้บ่อยๆ โดยดาบ Iron Sting ที่เราเลือกมาจะทำให้เราสามารถเพิ่มพลังโจมตีของตัวเอกได้อย่างสม่ำเสมอ ส่วน Artifact ควรเน้นไปที่การฟื้นฟู Energy เพื่อใช้สกิลไม้ตายได้บ่อยๆ จะได้แจกบัฟให้เพื่อนๆ ในทีมได้

ตัวอย่างอาวุธ



 

Iron Sting (4 ดาว): เมื่อสร้างความเสียหายธาตุได้ จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้น สูงสุด 16% เป็นระยะเวลา 6 วินาที (สามารถซ้อนทับกันได้ 2 ครั้ง) โดยการเพิ่มพลังโจมตีจะทำได้ทุกๆ 1 วินาที

เซ็ต Artifact ที่แนะนำ

Noblesse Oblige: (2) เพิ่มความแรงของไม้ตาย +20% (4) ทำให้เพื่อนในทีมได้บัฟเพิ่มพลังโจมตี +20% ทุกครั้งที่ใช้ท่าไม้ตาย (บัฟระยะเวลา 12 วินาที)

อ้างอิงข้อมูล:

Genshin.gg

Game8

GachaGamer


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header