หลังจากที่ปล่อยให้ผู้เล่นเฝ้ารอกันมาเกือบสิบปี นับตั้งแต่ที่เกมประกาศเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2012 บวกกับความคาดหวังในฝีมือและคำสัญญามากมายของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับความลึกล้ำของเกมที่พวกเขาต้องการจะสร้าง คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกม Cyberpunk 2077 จะต้องแบกรับความคาดหวังมโหฬารจากเกมเมอร์ทั่วโลกในฐานะเกม RPG โลกเปิดที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
แต่ในขณะเดียวกับ เกม Cyberpunk 2077 ก็เปรียบเสมือนจุดสูงสุดของการออกแบบเกม Open World ทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยโลกที่ละเอียดและน่าค้นหาที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์เราด้วยเรื่องราวอันหลากหลายทั้งอารมณ์และรสชาติเกี่ยวกับชีวิตในมหานคร Night City เมืองแห่งอนาคตและอิสระที่สวยงามและโสมมในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีระบบเกมเพลย์ที่สนับสนุนให้ผู้เล่นแต่ละคนได้มีโอกาสแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และให้รางวัลกับคนที่ยินดีจะเรียนรู้ระบบ RPG อันซับซ้อนนี้จริงๆ
สำหรับคนที่อาจไม่ทราบ เกม Cyberpunk 2077 จะติดตามตัวละครเอกที่ชื่อ ‘V’ ทหารรับจ้างหน้าใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำนานในมหานคร Night City บ้านเกิดของเขา แต่หลังจากที่ภารกิจหนึ่งของเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาอย่างร้ายแรง ทำให้ V ถูกปลูกถ่ายจิดสำนึกของนักร๊อคและ “ผู้ก่อการร้าย” ในตำนานอย่าง Johnny Silverhand เอาไว้ในหัว และทำให้จิตสำนึกแปลกปลอมนั้นค่อยๆ กัดกินสมองของเขาไปเรื่อยๆ โดย V จะต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาวิธีรักษาชีวิตตัวเอง พร้อมกับไขปริศนาเบื้องหลังภารกิจอันผิดพลาดนั้น
อีกหนึ่งแรงขับสำคัญเบื้องหลังความน่าทึ่งของเกมคงหนีไม่พ้นกราฟิกและการนำเสนอ ที่ทำให้เมือง Night City รู้สึกเป็น “โลกที่มีชีวิต” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมไหนๆ ซึ่งในจุดนี้ต้องกล่าวชมทีมออกแบบของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED มากๆ ที่สามารถทำให้โลกของเกม Open World นี้รู้สึกละเอียดไม่ต่างจากเกมแนวเส้นตรงหลายเกมที่ผ่านมา จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนทุกกระเบียดนิ้วของเมือง Night City ถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ ทำให้เมืองรู้สึกมีเรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ในแบบที่คล้ายกับสถานที่จริงอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ปล่อยให้ผู้เล่นเฝ้ารอกันมาเกือบสิบปี นับตั้งแต่ที่เกมประกาศเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2012 บวกกับความคาดหวังในฝีมือและคำสัญญามากมายของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED เกี่ยวกับความลึกล้ำของเกมที่พวกเขาต้องการจะสร้าง คงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกม Cyberpunk 2077 จะต้องแบกรับความคาดหวังมโหฬารจากเกมเมอร์ทั่วโลกในฐานะเกม RPG โลกเปิดที่จะยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของผู้เล่นในแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
แต่ในขณะเดียวกับ เกม Cyberpunk 2077 ก็เปรียบเสมือนจุดสูงสุดของการออกแบบเกม Open World ทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยโลกที่ละเอียดและน่าค้นหาที่พร้อมจะเซอร์ไพรส์เราด้วยเรื่องราวอันหลากหลายทั้งอารมณ์และรสชาติเกี่ยวกับชีวิตในมหานคร Night City เมืองแห่งอนาคตและอิสระที่สวยงามและโสมมในเวลาเดียวกัน ทั้งยังมีระบบเกมเพลย์ที่สนับสนุนให้ผู้เล่นแต่ละคนได้มีโอกาสแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และให้รางวัลกับคนที่ยินดีจะเรียนรู้ระบบ RPG อันซับซ้อนนี้จริงๆ
สำหรับคนที่อาจไม่ทราบ เกม Cyberpunk 2077 จะติดตามตัวละครเอกที่ชื่อ ‘V’ ทหารรับจ้างหน้าใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นตำนานในมหานคร Night City บ้านเกิดของเขา แต่หลังจากที่ภารกิจหนึ่งของเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมาอย่างร้ายแรง ทำให้ V ถูกปลูกถ่ายจิดสำนึกของนักร๊อคและ “ผู้ก่อการร้าย” ในตำนานอย่าง Johnny Silverhand เอาไว้ในหัว และทำให้จิตสำนึกแปลกปลอมนั้นค่อยๆ กัดกินสมองของเขาไปเรื่อยๆ โดย V จะต้องแข่งกับเวลาเพื่อหาวิธีรักษาชีวิตตัวเอง พร้อมกับไขปริศนาเบื้องหลังภารกิจอันผิดพลาดนั้น
อีกหนึ่งแรงขับสำคัญเบื้องหลังความน่าทึ่งของเกมคงหนีไม่พ้นกราฟิกและการนำเสนอ ที่ทำให้เมือง Night City รู้สึกเป็น “โลกที่มีชีวิต” อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในเกมไหนๆ ซึ่งในจุดนี้ต้องกล่าวชมทีมออกแบบของผู้พัฒนา CD PROJEKT RED มากๆ ที่สามารถทำให้โลกของเกม Open World นี้รู้สึกละเอียดไม่ต่างจากเกมแนวเส้นตรงหลายเกมที่ผ่านมา จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกเหมือนทุกกระเบียดนิ้วของเมือง Night City ถูกออกแบบและจัดวางมาอย่างตั้งใจ ทำให้เมืองรู้สึกมีเรื่องราวหรือประวัติศาสตร์ในแบบที่คล้ายกับสถานที่จริงอย่างไรอย่างนั้น