GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
พรีวิวเกม
ลองเล่นมาแล้ว! พรีวิว Final Fantasy VII Remake "การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของ RPG ในตำนาน"
ลงวันที่ 13/09/2019

ให้สาธยายกันสามวันสี่คืนก็ไม่จบจริงๆ กับอิทธิพลอันใหญ่หลวงที่เกม Final Fantasy VII มี ทั้งต่อเหล่าเกมเมอร์ที่เติบโตขึ้นในยุคค.ศ. 90 ตอนปลาย ไปจนถึงแนวเกม RPG และวงการเกมในภาพกว้าง ตั้งแต่การใช้กราฟฟิคแบบโพลิกอน 3D ทั้งเกมเป็นเกมแรกๆ ของยุค แนวทางการออกแบบศิล์ปที่ผสมผสานเทคโนโลยีไฮเทคเข้ากับความเป็นแฟนตาซีที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ส์ Final Fantasy จวบจนทุกวันนี้ แถมยังเป็นเกมที่ยกระดับให้ค่ายเกมญี่ปุ่น Square Soft กลายเป็นค่ายเกมแนวหน้าที่รู้จักกันไปทั่วโลกแม้กระทั่งในตลาดตะวันตก แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 20 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เกมวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1997 แต่เกม Final Fantasy VII ก็ยังคงเป็นเกม JRPG โปรดของผู้เล่นเกมหลายๆ คน ที่ยังคงยกให้เกมเป็นหนึ่งใน JRPG ที่ดีที่สุดที่เคยสร้างมาเลยทีเดียว

ด้วยประการต่างๆ ที่ว่าไปข้างต้น ทำให้การมาถึงของเกม Final Fantasy VII Remake สร้างความตื่นเต้นและกังวลให้กับเหล่าแฟนเกมทั่วโลกไปพร้อมๆ กัน ในแง่หนึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่เหล่าแฟนเกมรุ่นใหญ่จะได้หวนคืนสู่โลก Gaia และเหล่าตัวละครอันเป็นที่รักที่ถูกสร้างใหม่ด้วยกราฟฟิคอันสวยงามของเกมยุคปัจจุบัน แถมยังเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าเกมเมอร์รุ่นเด็กๆ จะได้สัมผัสกับเกม RPG ระดับตำนานนี้เป็นครั้งแรกในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายกว่าการหาเกมยุค PS1 กลับมาเล่นอีกด้วย แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเกม Final Fantasy VII Remake ที่ผู้พัฒนาประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นอันเป็นหัวใจหลักไปอย่างสิ้นเชิง อาจจะทำให้แฟนๆ เกมที่ยังคงรักเกมภาคเก่าหัวปักหัวปำรู้สึกไม่ถูกใจกับการเปลี่ยนแปลงของเกมในดวงใจ และอาจจะแอบผิดหวังเล็กๆ กับระบบการเล่นใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการเล่นแบบคลาสสิคที่โหยหาจะได้สัมผัสอีกครั้ง



ผู้เขียนได้มีโอกาสลองเล่นเกม Final Fantasy VII Remake ในงาน Tokyo Game Show 2019 ที่ผ่านมา (ขอขอบคุณ Square Enix และ PlayStation ที่จัดช่องเวลาเอาไว้ให้) โดยเดโมที่ได้ลองเล่นคือฉากการวางระเบิดเตาปฏิกรณ์ Mako ซึ่งมีคนบอกมาว่าคือฉากเปิดเกมภาคดั้งเดิม โดยเราจะสามารถควบคุมตัวละครได้สองตัวคือตัวเอก Cloud Strife และ Barret Wallace สลับไปมาระหว่างตัวละครทั้งสองได้ตลอดเวลา

สิ่งแรกที่ผู้เล่นทุกคนน่าจะสังเกตคือภาพกราฟฟิคของเกม ที่ทำออกมาได้สมจริงคมชัดยิ่งกว่าเกมของ Square Enix หลายๆ เกมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ตั้งแต่กราฟฟิคส่วนพื้นผิวของสิ่งของ ไปจนถึง Particle Effect แสงสีระยิบระยับตามฉาก ที่ทำออกมาได้อย่างปราณีต เปี่ยมไปด้วยรายละเอียดที่ยิ่งสังเกต

ลงไปก็ยิ่งเห็นมากขึ้น เช่นเดียวกับอนิเมชั่นและสีหน้าของตัวละครต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยี Motion-Capture ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายและใบหน้าของตัวละครมีความลื่นไหลสมจริงมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่สามารถเสริมอรรถรสในส่วนของเนื้อเรื่องเกมได้เป็นอย่างดี การเปลี่ยนมาใช้มุมมองแบบบุคคลที่สามก็ช่วยในการสร้างบรรยากาศของเกมได้อีกเช่นกัน เพราะผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้สำรวจตามฉากเพื่อหาไอเทมได้อย่างอิสระ โดยมุมมองที่เปลี่ยนไปยังทำให้สถานที่ในฉากที่เคยเป็นเพียงภาพแบนๆ มีมิติขึ้นมา ช่วยสื่อถึงขนาดและ/หรือความตื้นลึกหนาบางของแต่ละสถานที่ได้ดีกว่าเดิม ทำให้ฉากที่หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

[caption id="attachment_28612" align="aligncenter" width="1024"] ภาพเก่าเอามาเล่าใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม[/caption]

ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ระบบการเล่นของเกม Final Fantasy VII Remake จะผสมผสานการควบคุมแบบแอคชั่นเต็มรูปแบบเข้ากับระบบ ATB ที่พบเห็นได้ในเกม Final Fantasy หลายๆ ภาคที่ผ่านมา โดยการต่อสู้จะเน้นใช้การโจมตีธรรมดาเป็นคอมโบเพื่อเก็บเกจ ATB ของตัวละคร ซึ่งจะกลายมาเป็นทรัพยากรสำหรับใช้ท่า Ability ต่างๆ ของตัวละครอีกที ตัวแทนจาก Square Enix ได้อธิบายว่าเกมถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นใช้การโจมตีธรรมดา (ปุ่มสี่เหลี่ยม) เพื่อเพิ่มเกจ ATB เป็นหลักมากกว่าเพื่อสร้างความเสียหาย และใช้ความสามารถพิเศษต่างๆ เพื่อปลิดชีพศัตรูอีกที

ถ้าจะให้เปรียบความแอคชั่นของเกมกับเกมอื่นๆ ของผู้พัฒนา Square Enix อย่าง Final Fantasy XV หรือ Kingdom Hearts ผู้เขียนรู้สึกว่า FFVIIR (Final Fantasy VII Remake) น่าจะใกล้เคียงกับ Final Fantasy XV มากกว่า เพราะผู้เล่นก็ยังมีความสามารถในการกลิ้งหลบหรือป้องกันการโจมตีของศัตรูไม่ต่างกัน แต่ในขณะเดียวกัน FFVIIR ก็ยังมีความลื่นไหลมากกว่า Final Fantasy XV อยู่หน่อยจากอนิเมชั่นการโจมตีที่รวบรัดกว่า

[caption id="attachment_28613" align="aligncenter" width="1024"] การต่อสู้แบบแอคชั่นที่ดุเดือดรวดเร็ว[/caption]

นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถสลับไปมาระหว่างตัวละครเพื่อใช้ความสามารถเฉพาะตัวของตัวละครนั้นๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนเป็น Barret เพื่อใช้แขนปืนกลของเขากำจัดศัตรูที่อยู่ที่สูงที่ Cloud ใช้ดาบฟันไม่ถึงนั่นเอง น่าสนใจว่าตัวละครร่วมทีมอื่นๆ จะมีความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกันแค่ไหน

แต่อาจจะด้วยความที่เดโมถูกปรับให้ง่าย หรืออาจจะเพราะเป็นส่วนเริ่มต้นของเกมก็ดี ผู้เขียนกลับรู้สึกว่าแทบไม่ได้จำเป็นต้องใช้ท่าพิเศษหรือใช้การวางแผนใดๆ ก็สามารถกำจัดศัตรูธรรมดาๆ อย่างทหารชินระหรือหุ่นโดรนตัวเล็กๆ ตามฉาก ได้แบบไม่มีปัญหาด้วยการกดปุ่มโจมตีซ้ำๆ เฉยๆ ทำให้ยังไม่ค่อยเห็นภาพนักว่าถ้าเกมเริ่มเพิ่มลูกเล่นต่างๆ มากขึ้น (เช่นมนต์ซัมม่อน หรือแค่เพียงเพิ่มตัวละครในปาร์ตี้อีกซักตัวสองตัว) จะทำให้เกมเพลย์ท้าทายมากกว่านี้แค่ไหน แต่โดยเบื้องต้นนั้นถือว่าเกมเพลย์ของ FFVIIR สอบผ่านในแง่ของความรู้สึกอันลื่นไหลเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะยังไม่ได้ต้องใช้ความคิดหรือฝีมือนักในเดโม นอกจากนี้ เกมยังมีระบบการ Stagger คล้ายๆ กับในเกม Final Fantasy XV ที่เมื่อโจมตีศัตรูจนล้ม (สังเกตได้จากหลอดสีส้มๆ ใต้หลอดเลือด) จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Stagger ส่งผลให้โดนความเสียหายแรงขึ้น ซึ่งการเล่นในส่วนหลังๆ น่าจะมีความสำคัญขึ้นมา แต่ในเดโมที่ผู้เขียนเล่นยังไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่นัก

[caption id="attachment_28617" align="aligncenter" width="1024"] ท่า Triple Slash สุดคลาสสิค[/caption]

ส่วนเดียวของเดโมที่ทำให้ผู้เขียนต้องใช้การวางแผนซักหน่อยก็คือส่วนของบอสหุ่นยนต์แมลงป่องช่วงท้ายเดโม ที่จะคอยยิงจรวดติดตามใส่เราตลอดเวลาทำให้ต้องคอยหยุดโจมตีและหันมาป้องกันหรือกลิ้งหลบบ้าง และยังสามารถเปิดเกราะบาเรียที่ต้องใช้เวทย์สายฟ้า Thunder ของ Barret ใส่เพื่อลบออกก่อนจะโจมตีได้ แถมพอเลือดเหลือน้อยยังสามารถยิงปืนใหญ่เลเซอร์ใส่เราได้อีก ทำให้ผู้เล่นต้องวิ่งไปหลบหลังสิ่งกีดขวางตามฉากเพื่อไม่ให้โดนเลเซอร์ ซึ่งในจุดนี้ก็ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่าระบบต่อสู้ของเกมจะท้าทายผู้เล่นอย่างไรบ้าง

[caption id="attachment_28618" align="aligncenter" width="768"] ลุง Barret หล่อกว่าเดิมเยอะเลย[/caption]

อีกหนึ่งองค์ประกอบของระบบต่อสู้ที่น่าพูดถึงคือระบบ Tactical Mode ที่จะชะลอการเคลื่อนไหวทั้งหมดในจอเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ไอเทม สกิล หรือกระทั่งท่าสุดยอดอย่าง Limit Break จากเมนูเหมือนเกม RPG ทั่วไปได้ และสามารถใช้สั่งเพื่อนร่วมทีม A.I. ให้ทำนู่นทำนี่ได้ด้วย (ลองนึกภาพเกมเพลย์ของ Dragon Age: Inquisition แต่ไม่ลึกเท่า) ซึ่งในจุดนี้ผู้เขียนยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็นในการใช้ระบบนี้เท่าไหร่นักในเดโมเพราะทุกอย่างรวมถึงบอสสามารถรับมือได้ด้วยการโจมตีธรรมดาๆ หรือการใช้ปุ่มลัดโดยการกด L1 ค้างและกดปุ่มสัญลักษณ์เพื่อใช้สกิลเหมือนเกมแอคชั่น แต่ก็พอจินตนาการได้ว่าถ้าเริ่มเจอศัตรูระดับสูงที่มีจุดอ่อนที่ซับซ้อนกว่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นระบบที่จำเป็นมากก็ได้เช่นกัน

[caption id="attachment_28619" align="aligncenter" width="768"] เมื่อเข้า Tactical Mode จะทำให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าลง และจะมีเมนูขึ้นมาตรงมุมซ้ายล่าง[/caption]

ต้องยอมรับตรงๆ ว่าผู้เขียนไม่ใช่คนที่ตื่นเต้นกับเกม Final Fantasy VII Remake มากเท่ากับคนอื่นๆ ที่เป็นแฟนตัวยงของเกม แต่เสี้ยวเดโมที่ได้เล่นก็สนุกและน่าสนใจมากพอที่จะทำให้ผู้เขียนอยากจะเล่นและสำรวจเกมๆ นี้ต่อไปอีกยาวๆ เลยทีเดียว



Final Fantasy VII Remake มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 3 มีนาคม 2020 สำหรับเครื่อง PS4 โดยเฉพาะ

ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่

บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ลองเล่นมาแล้ว! พรีวิว Final Fantasy VII Remake "การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของ RPG ในตำนาน"
13/09/2019

ให้สาธยายกันสามวันสี่คืนก็ไม่จบจริงๆ กับอิทธิพลอันใหญ่หลวงที่เกม Final Fantasy VII มี ทั้งต่อเหล่าเกมเมอร์ที่เติบโตขึ้นในยุคค.ศ. 90 ตอนปลาย ไปจนถึงแนวเกม RPG และวงการเกมในภาพกว้าง ตั้งแต่การใช้กราฟฟิคแบบโพลิกอน 3D ทั้งเกมเป็นเกมแรกๆ ของยุค แนวทางการออกแบบศิล์ปที่ผสมผสานเทคโนโลยีไฮเทคเข้ากับความเป็นแฟนตาซีที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ส์ Final Fantasy จวบจนทุกวันนี้ แถมยังเป็นเกมที่ยกระดับให้ค่ายเกมญี่ปุ่น Square Soft กลายเป็นค่ายเกมแนวหน้าที่รู้จักกันไปทั่วโลกแม้กระทั่งในตลาดตะวันตก แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 20 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เกมวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1997 แต่เกม Final Fantasy VII ก็ยังคงเป็นเกม JRPG โปรดของผู้เล่นเกมหลายๆ คน ที่ยังคงยกให้เกมเป็นหนึ่งใน JRPG ที่ดีที่สุดที่เคยสร้างมาเลยทีเดียว

ด้วยประการต่างๆ ที่ว่าไปข้างต้น ทำให้การมาถึงของเกม Final Fantasy VII Remake สร้างความตื่นเต้นและกังวลให้กับเหล่าแฟนเกมทั่วโลกไปพร้อมๆ กัน ในแง่หนึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่เหล่าแฟนเกมรุ่นใหญ่จะได้หวนคืนสู่โลก Gaia และเหล่าตัวละครอันเป็นที่รักที่ถูกสร้างใหม่ด้วยกราฟฟิคอันสวยงามของเกมยุคปัจจุบัน แถมยังเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าเกมเมอร์รุ่นเด็กๆ จะได้สัมผัสกับเกม RPG ระดับตำนานนี้เป็นครั้งแรกในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายกว่าการหาเกมยุค PS1 กลับมาเล่นอีกด้วย แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเกม Final Fantasy VII Remake ที่ผู้พัฒนาประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นอันเป็นหัวใจหลักไปอย่างสิ้นเชิง อาจจะทำให้แฟนๆ เกมที่ยังคงรักเกมภาคเก่าหัวปักหัวปำรู้สึกไม่ถูกใจกับการเปลี่ยนแปลงของเกมในดวงใจ และอาจจะแอบผิดหวังเล็กๆ กับระบบการเล่นใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการเล่นแบบคลาสสิคที่โหยหาจะได้สัมผัสอีกครั้ง



ผู้เขียนได้มีโอกาสลองเล่นเกม Final Fantasy VII Remake ในงาน Tokyo Game Show 2019 ที่ผ่านมา (ขอขอบคุณ Square Enix และ PlayStation ที่จัดช่องเวลาเอาไว้ให้) โดยเดโมที่ได้ลองเล่นคือฉากการวางระเบิดเตาปฏิกรณ์ Mako ซึ่งมีคนบอกมาว่าคือฉากเปิดเกมภาคดั้งเดิม โดยเราจะสามารถควบคุมตัวละครได้สองตัวคือตัวเอก Cloud Strife และ Barret Wallace สลับไปมาระหว่างตัวละครทั้งสองได้ตลอดเวลา

สิ่งแรกที่ผู้เล่นทุกคนน่าจะสังเกตคือภาพกราฟฟิคของเกม ที่ทำออกมาได้สมจริงคมชัดยิ่งกว่าเกมของ Square Enix หลายๆ เกมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ตั้งแต่กราฟฟิคส่วนพื้นผิวของสิ่งของ ไปจนถึง Particle Effect แสงสีระยิบระยับตามฉาก ที่ทำออกมาได้อย่างปราณีต เปี่ยมไปด้วยรายละเอียดที่ยิ่งสังเกต

ลงไปก็ยิ่งเห็นมากขึ้น เช่นเดียวกับอนิเมชั่นและสีหน้าของตัวละครต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยี Motion-Capture ทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายและใบหน้าของตัวละครมีความลื่นไหลสมจริงมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่สามารถเสริมอรรถรสในส่วนของเนื้อเรื่องเกมได้เป็นอย่างดี การเปลี่ยนมาใช้มุมมองแบบบุคคลที่สามก็ช่วยในการสร้างบรรยากาศของเกมได้อีกเช่นกัน เพราะผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้สำรวจตามฉากเพื่อหาไอเทมได้อย่างอิสระ โดยมุมมองที่เปลี่ยนไปยังทำให้สถานที่ในฉากที่เคยเป็นเพียงภาพแบนๆ มีมิติขึ้นมา ช่วยสื่อถึงขนาดและ/หรือความตื้นลึกหนาบางของแต่ละสถานที่ได้ดีกว่าเดิม ทำให้ฉากที่หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

[caption id="attachment_28612" align="aligncenter" width="1024"] ภาพเก่าเอามาเล่าใหม่ให้ใหญ่กว่าเดิม[/caption]

ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ระบบการเล่นของเกม Final Fantasy VII Remake จะผสมผสานการควบคุมแบบแอคชั่นเต็มรูปแบบเข้ากับระบบ ATB ที่พบเห็นได้ในเกม Final Fantasy หลายๆ ภาคที่ผ่านมา โดยการต่อสู้จะเน้นใช้การโจมตีธรรมดาเป็นคอมโบเพื่อเก็บเกจ ATB ของตัวละคร ซึ่งจะกลายมาเป็นทรัพยากรสำหรับใช้ท่า Ability ต่างๆ ของตัวละครอีกที ตัวแทนจาก Square Enix ได้อธิบายว่าเกมถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นใช้การโจมตีธรรมดา (ปุ่มสี่เหลี่ยม) เพื่อเพิ่มเกจ ATB เป็นหลักมากกว่าเพื่อสร้างความเสียหาย และใช้ความสามารถพิเศษต่างๆ เพื่อปลิดชีพศัตรูอีกที

ถ้าจะให้เปรียบความแอคชั่นของเกมกับเกมอื่นๆ ของผู้พัฒนา Square Enix อย่าง Final Fantasy XV หรือ Kingdom Hearts ผู้เขียนรู้สึกว่า FFVIIR (Final Fantasy VII Remake) น่าจะใกล้เคียงกับ Final Fantasy XV มากกว่า เพราะผู้เล่นก็ยังมีความสามารถในการกลิ้งหลบหรือป้องกันการโจมตีของศัตรูไม่ต่างกัน แต่ในขณะเดียวกัน FFVIIR ก็ยังมีความลื่นไหลมากกว่า Final Fantasy XV อยู่หน่อยจากอนิเมชั่นการโจมตีที่รวบรัดกว่า

[caption id="attachment_28613" align="aligncenter" width="1024"] การต่อสู้แบบแอคชั่นที่ดุเดือดรวดเร็ว[/caption]

นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถสลับไปมาระหว่างตัวละครเพื่อใช้ความสามารถเฉพาะตัวของตัวละครนั้นๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนเป็น Barret เพื่อใช้แขนปืนกลของเขากำจัดศัตรูที่อยู่ที่สูงที่ Cloud ใช้ดาบฟันไม่ถึงนั่นเอง น่าสนใจว่าตัวละครร่วมทีมอื่นๆ จะมีความสามารถเฉพาะตัวแตกต่างกันแค่ไหน

แต่อาจจะด้วยความที่เดโมถูกปรับให้ง่าย หรืออาจจะเพราะเป็นส่วนเริ่มต้นของเกมก็ดี ผู้เขียนกลับรู้สึกว่าแทบไม่ได้จำเป็นต้องใช้ท่าพิเศษหรือใช้การวางแผนใดๆ ก็สามารถกำจัดศัตรูธรรมดาๆ อย่างทหารชินระหรือหุ่นโดรนตัวเล็กๆ ตามฉาก ได้แบบไม่มีปัญหาด้วยการกดปุ่มโจมตีซ้ำๆ เฉยๆ ทำให้ยังไม่ค่อยเห็นภาพนักว่าถ้าเกมเริ่มเพิ่มลูกเล่นต่างๆ มากขึ้น (เช่นมนต์ซัมม่อน หรือแค่เพียงเพิ่มตัวละครในปาร์ตี้อีกซักตัวสองตัว) จะทำให้เกมเพลย์ท้าทายมากกว่านี้แค่ไหน แต่โดยเบื้องต้นนั้นถือว่าเกมเพลย์ของ FFVIIR สอบผ่านในแง่ของความรู้สึกอันลื่นไหลเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะยังไม่ได้ต้องใช้ความคิดหรือฝีมือนักในเดโม นอกจากนี้ เกมยังมีระบบการ Stagger คล้ายๆ กับในเกม Final Fantasy XV ที่เมื่อโจมตีศัตรูจนล้ม (สังเกตได้จากหลอดสีส้มๆ ใต้หลอดเลือด) จะทำให้ศัตรูติดสถานะ Stagger ส่งผลให้โดนความเสียหายแรงขึ้น ซึ่งการเล่นในส่วนหลังๆ น่าจะมีความสำคัญขึ้นมา แต่ในเดโมที่ผู้เขียนเล่นยังไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่นัก

[caption id="attachment_28617" align="aligncenter" width="1024"] ท่า Triple Slash สุดคลาสสิค[/caption]

ส่วนเดียวของเดโมที่ทำให้ผู้เขียนต้องใช้การวางแผนซักหน่อยก็คือส่วนของบอสหุ่นยนต์แมลงป่องช่วงท้ายเดโม ที่จะคอยยิงจรวดติดตามใส่เราตลอดเวลาทำให้ต้องคอยหยุดโจมตีและหันมาป้องกันหรือกลิ้งหลบบ้าง และยังสามารถเปิดเกราะบาเรียที่ต้องใช้เวทย์สายฟ้า Thunder ของ Barret ใส่เพื่อลบออกก่อนจะโจมตีได้ แถมพอเลือดเหลือน้อยยังสามารถยิงปืนใหญ่เลเซอร์ใส่เราได้อีก ทำให้ผู้เล่นต้องวิ่งไปหลบหลังสิ่งกีดขวางตามฉากเพื่อไม่ให้โดนเลเซอร์ ซึ่งในจุดนี้ก็ทำให้เห็นภาพมากขึ้นว่าระบบต่อสู้ของเกมจะท้าทายผู้เล่นอย่างไรบ้าง

[caption id="attachment_28618" align="aligncenter" width="768"] ลุง Barret หล่อกว่าเดิมเยอะเลย[/caption]

อีกหนึ่งองค์ประกอบของระบบต่อสู้ที่น่าพูดถึงคือระบบ Tactical Mode ที่จะชะลอการเคลื่อนไหวทั้งหมดในจอเพื่อให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ไอเทม สกิล หรือกระทั่งท่าสุดยอดอย่าง Limit Break จากเมนูเหมือนเกม RPG ทั่วไปได้ และสามารถใช้สั่งเพื่อนร่วมทีม A.I. ให้ทำนู่นทำนี่ได้ด้วย (ลองนึกภาพเกมเพลย์ของ Dragon Age: Inquisition แต่ไม่ลึกเท่า) ซึ่งในจุดนี้ผู้เขียนยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็นในการใช้ระบบนี้เท่าไหร่นักในเดโมเพราะทุกอย่างรวมถึงบอสสามารถรับมือได้ด้วยการโจมตีธรรมดาๆ หรือการใช้ปุ่มลัดโดยการกด L1 ค้างและกดปุ่มสัญลักษณ์เพื่อใช้สกิลเหมือนเกมแอคชั่น แต่ก็พอจินตนาการได้ว่าถ้าเริ่มเจอศัตรูระดับสูงที่มีจุดอ่อนที่ซับซ้อนกว่านี้ ก็อาจจะกลายเป็นระบบที่จำเป็นมากก็ได้เช่นกัน

[caption id="attachment_28619" align="aligncenter" width="768"] เมื่อเข้า Tactical Mode จะทำให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวช้าลง และจะมีเมนูขึ้นมาตรงมุมซ้ายล่าง[/caption]

ต้องยอมรับตรงๆ ว่าผู้เขียนไม่ใช่คนที่ตื่นเต้นกับเกม Final Fantasy VII Remake มากเท่ากับคนอื่นๆ ที่เป็นแฟนตัวยงของเกม แต่เสี้ยวเดโมที่ได้เล่นก็สนุกและน่าสนใจมากพอที่จะทำให้ผู้เขียนอยากจะเล่นและสำรวจเกมๆ นี้ต่อไปอีกยาวๆ เลยทีเดียว



Final Fantasy VII Remake มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 3 มีนาคม 2020 สำหรับเครื่อง PS4 โดยเฉพาะ

ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header