Cyberpunk 2077 เป็นเกมที่วางจำหน่ายออกมาเมื่อช่วงสิ้นปี 2020 และเกมนี้เองก็โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าเกมเมอร์หนักมาก เพราะปัญหาเรื่อง Performance ของเกมที่ทำออกมาได้ค่อนข้างแย่ เฟรมเรทของเกมค่อนข้างดรอปหนักถ้าหากคุณเล่นบนเครื่อง Console เจนเก่าอย่าง PS4, Xbox One รวมถึงเรื่อง PC ที่สเปกต่ำๆ ก็ยังเป็นเช่นกัน

และล่าสุดก็ได้มีการออกมาแฉถึงความผิดพลาดในการทำงานของค่าย CD Projekt Red จากปากของเหล่าผู้พัฒนาเกมนี้โดยตรง ซึ่งสัมภาษณ์โดยคุณ Jason Schreier โดยนักข่าวชื่อดังจากทาง Bloomberg เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็เคยออกรายงานปัญหาการทำงานของค่าย Bioware ตอนสร้างเกม Anthem มาแล้ว

โดยตัวคุณ Jason Scherier ได้สัมภาษณ์พนักงาน CD Projekt Red จำนวน 20 คน (ไม่เปิดเผยชื่อตัวตน) ทั้งคนที่ยังอยู่ในบริษัทและคนที่ออกมาแล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปเอาไว้ว่า

ทาง CD Projekt Red ค่อนข้างมีความทะเยอทะยานในการทำเกมนี้ก็จริง แต่เป็นความทะเยอทะยานที่ตรวจสอบได้ไม่ดีเช่น ปัญหาทางเทคนิคต่างๆ หรือการกำหนด Deadline ที่ไม่สมจริงเป็นไปไม่ได้ นักพัฒนาที่เคยสร้างเกม The Witcher 3 ก็ลาออกไปเยอะ  บวกกับบริษัทมีความเชื่อหนึ่งก็คือ “เราสร้าง The Witcher 3 มาแล้ว มันจะได้ผล”

ซึ่งนักพัฒนาที่ให้สัมภาษณ์บอกว่าพวกเขานั้นรู้ดีว่าเกม Cyberpunk 2077 เกมนี้ยังไม่พร้อมที่จะเผยแพร่สู่สาธารณะ เพราะถึงแม้ว่าตัวเกมจะถูกริเริ่มโปรเจกต์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่พนักงานมาเริ่มทำโปรเจกต์นี้จริงๆ ก็เมื่อปี 2016 เท่านั้นเอง (เพราะก่อนหน้านี้ทางผู้พัฒนาต้องทุ่มเวลาให้กับเกม The Witcher 3 ไปจนถึง DLC - Blood and Wine)



โดยนักพัฒนาคาดเอาไว้ว่ากว่าเกมจะพร้อมนั้นก็น่าจะปี 2022 เพราะอย่างที่เราทราบกันว่าตัวเกมนี้ค่อนข้างมีรายละเอียดที่เยอะมากกว่าเกมธรรมดาทั่วไป รวมถึงเมื่อปี 2018 ที่มี Demo ออกมา จริงๆ แล้วเกือบทั้งหมดเป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งนั้น แน่นอนว่าเหล่าผู้บริหารเชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้ ซึ่งนักพัฒนาก็เคยพนันกันเองว่าตัวเกมจะถูกเลื่อนเมื่อใด

ก่อนหน้านี้เคยมีดราม่าของเหล่านักพัฒนาเกมที่จะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่ได้หลับได้นอนเพราะสร้างเกมให้เสร็จตาม Deadline ให้ได้ ศัพท์ในวงการเรียกว่า “Crunch” ซึ่งทาง CD Projekt Red ก็เคยออกมาบอกว่าบริษัทพวกเขาจะไม่บังคับให้เหล่านักพัฒนาทำแน่อน แต่เนื่องจากที่เกมต้องส่งให้ทัน Deadline เพราะเวลาในการพัฒนาที่น้อย เพื่อนๆ นักพัฒนาคนอื่นจะต้องทำงานหนักเพิ่มแทนคนที่ลา ซึ่งมันก็จะเกิดความรู้สึกกดดันสำหรับพนักงานคนนั้น และสุดท้ายก็ต้องทำงานล่วงเวลาอยู่ดี โดยพนักงานจะต้องทำงานในบริษัทมากกว่า 13 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว

โดยหลักการทำงานแบบนี้จะคล้ายคลึงกับหลักการทำงานของค่ายอย่าง Bioware ที่ตัวเกมมักจะให้ Deadline ของนักพัฒนาที่ค่อนข้างน้อยเกินไป และพยายามให้พนักงานทำงานล่วงเวลาจนกว่าเกมจะเสร็จ ซึ่งมันถูกเรียกว่า Bioware Magic โดยการทำงานแบบนี้เคยสำเร็จมากๆ ในเกม Mass Effect 1 - 2 (ภาค 3 เริ่มแย่) และเกมอย่าง Dragon Age ทั้ง 3 ภาค แต่เนื่องด้วยเกมในสมัยนี้มีระบบเกมที่ค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้น การทำงานแบบ Bioware Magic เลยไม่ได้ผลอีกต่อไป สังเกตุได้จากความล้มเหลวของเกม Mass Effect: Andromeda และเกมอย่าง Anthem

นอกจากปัญหาการทำงานที่ค่อนข้างหนัก การตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างน้อย ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะลาออกจากบริษัทมา รวมถึงภายในบริษัท ยังมีอุปสรรคทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการจ้างชาวต่างชาติจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้ามา ซึ่งบริษัทตั้งกฏให้พนักงานใช้ภาษาอังกฤษในที่ประชุม แต่ก็มีพนักงานโปแลนด์บางคนไม่ทำการกฏ เกิดการรู้สึกไม่สบายใจขึ้น

นอกจากนี้ระบบต่างๆ ของเกม Cyberpunk 2077 ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เหล่าพนักงานบอกว่าจริงๆ แล้วตั้งแต่เริ่มโปรเจกต์จนถึงปี 2016 ตัวเกมถูกวางแผนให้เป็นเกมมุมมองบุคลลที่สาม รวมถึงมีการปีนกำแพง รถบินได้ การซุ่มโจมตีรถ ซึ่งได้ถูกตัดออกไป (แต่จริงๆ มันก็เป็นเรื่องปกติของการพัฒนาเกม)

และถ้าหากใครคิดว่าระบบตำรวจมันดูแปลกๆ นั่นก็เพราะว่าระบบนี้มันถูกทำเสร็จในนาทีสุดท้าย และทีมงานบางคนก็ยังสงสัยว่าทำไมเกมนี้จะต้องมีระบบเกมแบบ RPG และ GTA เล็กๆ น้อยๆ ผสมกันด้วย

Credit: Kotaku